ตอนที่ 17 (70%)
เราเดินทางมาถึงตึกสูงระฟ้ากว่า 70 ชั้นอีกครั้งหลังจากที่ผมไม่ได้มานานเกือบสามเดือน เมื่อเดินเข้ามาด้านในพี่ๆ พนักงานก็ยังแสดงท่าทีต้อนรับเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนเพราะผมไม่ได้วิ่งอีกแล้ว ฮิมพาเดินไปหาพี่ฮอว์ก (ยังจำช่างใหญ่ประจำบริษัทที่มีตายิ้มเป็นจุดเด่นได้อยู่ไหม คนนั้นแหละ!) พี่ฮอว์กดูตะลึงนิดหน่อยตอนที่ฮิมบอกว่าให้พาผมไปที่โกดังเก็บรถ เหมือนมันจะเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะอีกฝ่ายถึงกับทำหน้าตะลึง ก่อนพี่ฮอว์กจะร้องอ๋อเมื่อผมบอกต่อว่ามันพิเศษกว่าครั้งอื่นเพราะนี่คือของขวัญวันเกิดอายุครบสิบแปด
“ถึงจะเป็นของขวัญ แต่พี่ก็ยังแปลกใจว่าทำไมพ่อเราถึงให้ มาครั้งก่อนดูฮิมก็เหมือนจะยังไม่ยอมให้รถกับเล”
ผมหัวเราะขณะที่เดินตามพี่ฮอว์ก “พ่อไม่ได้หรอก พี่ฮิมต่างหากที่ให้เล”
พี่ฮอว์กทำหน้างง แต่ก็ไม่ได้ถาม ร่างสูงพาผมมาขึ้นรถกอล์ฟเพื่อที่จะไปโกดังเก็บรถ อ้อ! พี่ฮิมไม่ได้มาด้วย หลังจากที่เขาส่งผมให้พี่ฮอว์กเสร็จ ร่างสูงก็ขอตัวขึ้นไปจัดการงานตามประสาประธานบริษัทก่อน ขึ้นรถกอล์ฟมาไม่นานเราก็มาถึงโกดังขนาดใหญ่ ขอย้ำว่ามันใหญ่มาก!
ประตูโกดังบานใหญ่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นรถหลายร้อยคันมูลค่ามหาศาลที่จอดเรียงกันอยู่ด้านใน ใจผมเต้นระส่ำยิ่งได้ยินที่พี่ฮอว์กพูดมันก็ยิ่งเต้นระรัวขึ้นไปอีก
“เลือกได้ตามใจชอบ”
ผมเลียริมฝีปาก ความกระหายอยากได้สิ่งที่อยู่ด้านในทวีคูณขึ้น ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในโกดังด้วยตนเอง
แต่เข้าได้แค่สิบนาทีผมก็มีปัญหาซะแล้ว… เพราะเป็นคนชอบรถบวกบ้านิดๆ แถมรถคันนี้จะเป็นรถคันแรกของผม มันเลยเกิดอาการแบบรักพี่เสียดายน้อ อย่างคันนี้ก็ดี คันนู้นก็สวย แต่คันที่อยู่ตรงหน้านี่ผมก็ชอบเพราะเครื่องมันแรงดี
อันที่จริงก่อนจะมาเลือกผมก็มีเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าจะเอา Bugatti Chiron (มันคือรถคันเดียวกันกับที่เคยลองขับเมื่อสามเดือนก่อน) แต่พอบอกพี่ฮิมขณะที่เรากำลังเดินทางมาที่นี่เขากลับบอกว่ามันไม่เหมาะกับผม บวกกับที่ประเทศไทยไม่ค่อยมีคนใช้รถรุ่นนี้เพราะราคามันแพงมาก จะทำให้เป็นเป้าเพ่งเล็งสำหรับคนอื่นได้ง่าย ที่ผมจะสื่อก็คือมันประมาณว่าคล้ายๆ กับใส่ทองเต็มคอมาล่อโจร อีกอย่างคือเครื่องมันแรงมากๆ ซึ่งขัดแย้งอย่างยิ่งกับการจราจรในประเทศไทยที่มีสถิติรถติดอันดับหนึ่งของโลก รถจะแรงแค่ไหนก็สู้วินมอเตอร์ไซต์ไม่ได้ สรุปก็คือนอกจากอยากขับคนอื่นอิจฉาเล่นๆ ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะเอารถรุ่นนี้มาขับที่ประเทศไทย (ถ้าดูที่เรื่องความแรงของรถน่ะนะ)
แต่พอเป้าหมายถูกล้มด้วยเหตุผลของพี่ฮิม ผมก็ไม่รู้จะเอาคันไหนต่อ ขนาดมีพี่ฮอว์กมาแนะนำยังรู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่โดนเท่าที่ควร
หลังจากที่เดินไปเดินมาได้เกือบชั่วโมง ในที่สุดผมก็ต้องเดินคอตกออกมาจากโกดังรถเพราะเลือกไม่ได้ เลยตัดสินใจขึ้นไปหาพี่ฮิมที่น่าจะกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ที่ห้องทำงาน
ห้องทำงานของพี่ฮิมอยู่ที่ชั้น 69 ชั้นเกือบบนสุดของตึก (ชั้นบนสุดมันเป็นเหมือนคอนโด มีไว้นอนเผื่อทำงานจนดึกแล้วขี้เกียจกลับบ้าน) ผมขึ้นลิฟต์จนไปถึง แล้วค่อยๆ เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของพี่ฮิม ไม่ได้มาที่ห้องนี้บ่อย เพราะปกติมาที่บริษัทฮิมผมก็ดูรถอย่างเดียวไม่ได้สนใจห้องทำงานของอีกฝ่ายเลยสักนิด
ร่างสูงกำลังยืนหันหลังให้ผมอยู่ด้านใน เขาไม่ได้สนใจผมที่เข้ามา พี่ฮิมกำลังจดจ้องกับอะไรสักอย่างที่ถืออยู่ในมือที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเอกสาร แต่เพราะไม่ได้สนใจ ผมจึงเดินให้เงียบที่สุดแล้วเข้าจู่โจมโดยการสวมกอดจากทางด้านหลัง ทว่ายังไม่ทันถึงตัวเขา จู่ๆ มือหนาก็ดึงผมที่กำลังโผล่เข้ากอดแล้วลากมาไว้ข้างตัวพี่ฮิมแทน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมาจูบที่หน้าผากพร้อมกับวางแฟ้มลงบนโต๊ะก่อนจะถามเสียงเข้ม
“เลือกได้แล้วเหรอ”
“ไม่” ผมส่ายหน้า ขณะเข้ากอดร่างหนาแล้วบ่นเสียงอู้อี้ใส่ “พี่ฮิมคิดช่วยเลหน่อยสิ”
“รถเล น้องก็ต้องเลือกเองสิ”
“ก็เลเลือกไม่ได้!”
“คนดีไม่ตะคอกนะ”
“...”
“ไปนั่งดีกว่า” ฮิมโอบเอวผมมานั่งบนโซฟภายในห้อง ก่อนเขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วยื่นมาให้ผมดู พอชะเง้อหน้ามองก็เห็นหน้าจอโทรศัพท์แสดงรูปรถสปอร์ตสีเทาวาบวับคันหนึ่งที่บริษัทผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษอย่าง McLaren เป็นคนผลิตมันขึ้นมา ที่ฮิมให้ผมดูคือ McLaren รุ่น 650s ผมรู้จักรถรุ่นนี้ ยอมรับว่าไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่จนกระทั่งฮิมเอามาให้ดู “พี่ว่ามันเข้ากับเล”
ผมเอียงคอซบบ่าคนข้างๆ ขณะจ้อง McLaren ในโทรศัพท์ อืม… ดูไปดูมาก็เข้าท่าดี
“เอาแบบที่ฮิมว่านั่นแหละ” ผมขี้เกียจเลือกแล้ว อีกอย่างคือฮิมรู้เรื่องรถดีกว่าผม เชื่อพี่ฮิมนี่แหละดีแล้ว
“คนดีง่วงเหรอ”
ผมพยักหน้าพร้อมกับหลับตาลง แล้วจู่ๆ บ่าที่กำลังซบก็หายไปแทนที่ด้วยความรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางอากาศเมื่อถูกอุ้มขึ้นทั้งตัว “ไปไหน”
ไม่มีเสียงตอบรับ เขาอุ้มผมไปไหนไม่รู้จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเตียงนอน พอลืมตาขึ้นถึงได้รู้ว่าฮิมพาผมมาที่ชั้นบนสุดของตึก ส่วนที่เปรียบเสมือนคอนโดเพราะมีทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น คือมีทุกอย่างเหมือนที่คอนโดหนึ่งจะมีเลย
ผมดึงร่างสูงลงมานอนข้างๆ ขณะแนบหน้าเข้ากับอกแกร่งแล้วหลับตาลง มีมือหนาตบหลังเบาๆ จนกระทั่งผมหลับไปจริงๆ
นัยน์ตาคมมองคนที่กำลังหลับสนิท ร่างสูงค่อยๆ ย่องตัวออกจากเตียงแล้วลงไปจัดการเรื่องรถด้านล่างขณะปล่อยให้น้องหลับ จนกระทั่งจัดการทุกอย่างเสร็จ ฮิมจึงขึ้นไปยังชั้นบนสุดอีกครั้ง มือหนาหยิบโทรศัพท์แล้วโทรสั่งอาหารญี่ปุ่นเมื่อมองนาฬิกาแล้วพบว่ามันเลยเที่ยงมานิดๆ แล้ว และเมื่ออาหารเที่ยงมาส่งร่างสูงจึงเดินไปปลุกคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง
ฮิมเอนกายลงบนฟูกนุ่มคร่อมคนที่กำลังหลับตาพริมเอาไว้ขณะไซร้ใบหน้าเข้าลำคอขาว จูบเบาๆ ไปตามคอระหงก่อนเลื่อนขึ้นกระซิบที่ข้างหู “ตื่นได้แล้วครับ”
“ฮือ” ปฏิกิริยาตอบรับคืออาการงอแงของคนไม่อยากตื่น น้องส่ายไปมาทั้งๆ ที่ยังหลับตาเหมือนจะหนีให้พ้นคนตรงหน้า ถ้าไม่ติดที่มีแขนแกร่งกั้นเป็นกำแพงเอาไว้แล้วทั้งสองข้าง
“คนดีตื่นได้แล้วนะ”
“เลยังง่วง”
“ลุกขึ้นมากินข้าวเที่ยงก่อน ถ้าคนดียังง่วงเดี๋ยวพี่ให้นอนต่อ”
“ฮืออ” น้องไม่ยอมตื่น ในที่สุดคนพี่เลยต้องใช้มาตรการใหม่โดยการยอมขัดใจอีกฝ่ายแล้วจับกายบางดึงขึ้นจากที่นอนเพื่อไม่ให้เลนอนต่อ ใบหน้าสวยแสดงอาการไม่พอใจตามประสาเด็กดื้อ ก่อนจะยอมลุกขึ้นจากเตียงแม้จะยังหน้างออยู่ “พี่ฮิม…”
“ไม่งอแงนะ” เสียงทุ้มพูดดัก มือหนาจูงอีกฝ่ายเดินมายังโต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายเอาไว้ก่อนจะนั่งลง ทว่าคนหน้างอไม่ยอมนั่งตาม ฮิมจึงได้ลุกขึ้นอีกครั้ง แขนแกร่งเข้ากอดเอวคอดเอาไว้แล้วบอกอย่างไม่จริงจังนัก “คนดีไม่หน้างอสิครับ”
“เลง่วง”
“ง่วงก็ไม่ทำหน้างอใส่พี่สิ”
“ก็พี่ฮิมปลุกเลอ่า!!”
“ไม่ตะคอกครับ”
“ฮืออ”
“ไม่งอนแล้วคนเก่ง”
“...”
“Kiss me”
“อะไรเล่า”
“ทำแล้วพี่จะให้รองเท้าอีกคู่หนึ่ง”
จุ๊บ!
พอเอาของมาล่อปุ๊บ คนตรงหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างสูงหัวเราะขณะแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของอีกฝ่าย ค้างไว้สักพักแล้วเปลี่ยนจากแนบหน้าผากไปเป็นแนบริมฝีปากแทน เขาไม่ได้รุกล้ำแค่ทาบค้างเอาไว้ครู่หนึ่งก่อนจะผละออก พร้อมกับกดไหล่บางนั่งลงบนเก้าอี้แทน
นัยน์ตากลมโตกวาดมองอาหารตรงหน้า เลที่เริ่มรู้ว่าตอนนี้คนข้างกายใจดีผิดปกติเลยรีบใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์
“เลไม่หิว”
“กินหมดพี่แถม Chiron ที่คนดีอยากได้ให้ไปขับอาทิตย์หนึ่ง”
“อย่าคืนคำนะ” ริมฝีปากบางลอบยิ้ม ขณะหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารตรงหน้ากินอย่างไว
14.44 น.
Mercedes benz e500 สีขาว ขับเข้ามาในตัวบ้าน ไทด์ที่เป็นคนขับถึงกับชะงักเมื่อที่จอดรถที่ปกติก็เต็มอยู่แล้วแต่วันนี้เหมือนจะเต็มผิดปกติ ร่างสูงหาที่จอดก่อนจะลงจากรถ นัยน์ตาคมมองรถสปอร์ตคันใหม่ของใครสักคนพร้อมกับนึกสงสัย
“ของใครวะ” เพื่อนเขาก็มีรถยนต์ครบทุกคน ยกเว้นเกียร์ที่มีมอเตอร์ไซต์ แต่เกียร์มันก็ไม่น่าจะเอาเงินที่อุตส่าห์เก็บมาตลอดไปทุ่มซื้อรถสปอร์ตที่มีราคาแพงขนาดนี้ แถมกฏอีกข้อหนึ่งของบ้านคือทุกคนมีสิทธิจอดรถได้แค่คันเดียวเนื่องจากพื้นที่มันจะไม่พอ ฉะนั้นคนที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับรถคันนี้ก็เหลือแค่… “ของเล ?”
ไทด์ได้แต่สงสัย ร่างสูงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะเจอะกับสองพี่น้องที่กำลังกอดกันกลมดิกในห้องนั่งเล่นในขณะที่คนน้องกำลังนั่งบนตักแกร่ง สงสัยจะดีกันแล้ว
“รถใหม่ของใคร” เขาส่งเสียงถาม มือบางจึงยกขึ้นบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของรถตัวจริง
“รถเล” คนฟังนิ่งเงียบ นัยน์ตาคมหันไปมองเจ้าของตักแกร่งก่อนจะพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘มึงให้รถกับมันเหรอ’ ผลลัพธ์ที่ได้คือฮิมพยักหน้า ขณะหัวเราะในลำคอพร้อมกับแนบริมฝีปากจูบที่ขมับบางทีนึง “สวยกว่าเบนซ์ของพี่ไทด์ล่ะสิ”
ไทด์ไม่โต้ตอบ แต่ถามกลับ “มึงมีใบขับขี่แล้วเหรอ”
“หือ… ใบขับขี่ ? จริงด้วย! ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ทำ”
คนฟังอดที่จะเบะปากประชดไม่ได้ ไม่มีใบขับขี่แต่เสือกได้รถ… จ้าาา
“ไปทำสิพรุ่งนี้เลก็ว่างหนิ”
“ใครจะพาเลไป”
“ไปเองครับ”
“พี่ฮิมอ่าาา”
“เลสิบแปดแล้วนะ เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลองทำอะไรเองได้แล้วนะ” ไทด์ละสายตาหนีจากภาพพ่อสอนลูกตรงหน้า ร่างสูงเตรียมเดินขึ้นห้องนอนแต่แล้วก็ต้องวกหมุนตัวกลับเมื่อคิดอะไรได้ “เออ… พวกนั้นมันบอกว่าจะจัดงานวันเกิดมึงย้อนหลังนะ”
“หมายถึงวันเกิดเลเหรอ ?”
“อือ มันถามว่าจะให้จัดที่ไหน”
“พี่ฮิมว่าเลจัดที่ไหนดี” ร่างเล็กหันไปถามเจ้าของตักที่กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ ฮิมจุ๊บน้องทีนึงก่อนจะตอบเสียงเข้ม
“บ้าน”
“งั้นก็บ้าน”
“จะให้สั่งอาหารหรือยังไง”
“เดี๋ยวเลทำเอง” เจ้าของวันเกิดตอบ “พี่จ๋าพาไปตลาดหน่อยได้ไหมจะไปซื้อของ”
“ครับ”
ชายหนุ่มที่ถูกตัดออกจากบทสนทนาได้แต่กรอกตามองบน ร่างสูงเร่งเดินออกจากห้องนั่งเล่นก่อนที่เขาจะโดนบรรยากาศความหวานระดับมดขึ้นครอบงำ
19.30 น.
ผมพึ่งไปตลาดกับพี่ฮิมเพื่อหาซื้อของทำอาหารจัดงานเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังให้ตัวเอง ทีแรกตอนที่พี่ไทด์ถามผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าสั่งหรือจะทำเองดี สุดท้ายเลยเลือกอย่างหลัง ผมทำเองดีกว่าเพราะวันนี้อารมณ์ดี ถือเป็นการฉลองงานวันเกิดตัวเองแล้วก็ได้ทำอาหารให้พี่ฮิมกินด้วย เพราะวันนี้เขาให้ผมมาเยอะมากแล้ว เลยจะตอบแทนด้วยการทำอาหารให้กิน นี่ไม่อยากชมตัวเองเลยจริงๆ แต่ผมเป็นคนที่ทำอาหารได้อร่อยมาก ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนการทำอาหารแบบจริงจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดพี่รพที่ทำอาหารเก่งพอสมควร แถมยังเกิดในตระกูลของเชฟที่ทำงานให้ภัตตาคารหรูมากกว่าห้าดาว เขายังยอมรับเลยว่าผมทำอาหารเก่งมาก
วันนี้ผมเลือกทำอาหารทะเล เลือกทำเมนูง่ายๆ ผัด ต้ม ทอดแค่สามอย่าง เพราะหลักๆ ของพวกพี่ๆ คือแอลกอฮอล์กับกุ้งหมึกย่างที่พี่รพอาสาจะย่างให้เอง
ตอนนี้ทุกคนไปรวมตัวกันที่สวนหลังบ้านหมดแล้ว เหลือแค่ผม เจ้าของวันเกิดซะเองที่ยังคงทำต้มยำทะเลคนเดียวในห้องครัว แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เหลือแค่รอให้ทุกอย่างในหม้อสุกก็เสร็จ
“คนดียังไม่เสร็จเหรอ” หันไปมองเจ้าของเสียง พี่ฮิมกำลังเดินเปลือยท่อนบนโชว์ก้อนทั้งหกที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามบนหน้าท้อง ท่อนล่างมีแค่กางเกงยีนส์ที่ร่อนลงไปถึงสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ แต่ที่แน่ๆ คือกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยหึ่งมาแล้ว “ไม่ต้องทำแล้วก็ได้”
“เหลืออีกนิดเดียว เลจะทำเสร็จแล้ว—อ๊ะ!”
(70%)
******************
อ๊ะ! ไรจ๊ะะะะะะะะะ55555
ตอนหน้าอัพพรุ่งนี้จ้า