26/02/59
ภาคเรียนที่สอง...บทที่สาม
"คนพวกนั้นเขาเป็นใครหรอ? แล้วเขามาทำไม แล้วเมื่อกี้จ๋าคุยอะไรกับเขาภามฟังไม่รู้เรื่องเลย"
ภามเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เขาทั้งสองคนกำลังนอนเคียงข้างกันอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ แต่ยังไม่
หลับก็เท่านั้นเอง ที่ต้องถามอย่างนี้ก็เพราะว่าหลังจากที่คนพวกนั้นไปปแล้ว เจโล่ก็ทำเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น พาเขาไปทานข้าวกลางวัน ดูทีวี ทำโน่นนี่นั่น จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้นี่แหละคนรัก
ของเขาก็ไม่คิดที่จะเปิดปากพูดอะไรให้เขาฟังเลย จนต้องเอ่ยถามเองอย่างนี้นี่แหละ!!...มันน่านัก!!
"เฮ้อ! นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว" เจโล่พูดบอกออกมา
"หมายความว่าไง?" ภามขมวดคิ้วถาม
"ก็คิดว่าคนแถวนี้จะไม่อยากรู้เรื่องของเราแล้วไง หรือไม่ก็คล่องภาษาญี่ปุ่นจนไม่ต้องให้เรามา
คอยนั่งแปลให้ฟังแล้วไง ฮึๆ" เจโล่พลิกตัวตะแคงข้างเอามือเท้าหัวหันเข้าหาภาม
"นี่...อย่าบอกนะว่าแกล้งกันอีกแล้วน่ะ!!" ภามพลิกตะแคงหันหน้าเข้ามาจ้องมองเจโล่อย่าง
จับผิด และพอจะรู้ตัวแล้วว่าโดนคนรักแกล้งเข้าให้อีกแล้ว.....ไม่ว่าจะกี่วันกี่ปีเจโล่ก็ชอบแกล้ง
ชอบแหย่ให้เขาหงุดหงิดเล่นอย่างนี้ตลอดเลย!! ไม่รู้ว่าถ้าวันไหนไม่ได้แกล้งไม่ได้แหย่เเขาแล้ว
เจ้าตัวจะนอนไม่หลับรึไงก็ไม่รู้!! เหอะ!!
"ป่าวน้า...อย่ามาใส่ร้ายกันสิดื้อ!" เจโล่พูดเสียงสูงปฏิเสธเสียงหลงที่ภามดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัว
กำลังแกล้งทำไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่งั้นคงจะไม่ยิ้มหน้าบานขนาดนี้หรอก
"นี่แนะ! ก็รู้อยู่ว่าอยากรู้ยังจะมาแกล้งกันอีก...มันอึดอัดนะรู้มั้ย!!" ภามใช้สองมือของตัวเอง
เขย่าหัวเจโล่เพื่อแก้แค้นระบายความอึดอัดของตัวเองที่ต้องอดกลั้นมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย เพราะ
สีหน้าตอนนั้นของเจโล่แลดูไม่ดีเอามากๆเลย แถมเจ้าตัวยังคงทำนิ่งเฉย เขาก็เลยคิดว่าคนรักคง
กำลังรู้สึกไม่ดีหรือไม่ก็กำลังคิดอะไรอยู่จึงไม่อยากจะซักถามหรือรบกวนอะไร แต่ที่ไหนได้...ไอ้บ้า
นี่มันดันแอ๊บนิ่งเพื่อที่จะแกล้งเขานี่เอง!!!.....แก...ตายแน่!!
"อ๋อย! ยอมแล้วครับที่ร๊ากกก...เค้าผิดไปแล้วววว....ปล่อยก่อนนะๆ เจ็บอ่าาาา...." เจโล่ร้อง
โวยวายเหมือนถูกเชือดเมื่อโดนฝ่ามืออรหันต์ของภามดึงทึ้งผมเขย่าหัวของตนไปมาอย่างไม่มีปราณี
"ไม่!! ขี้แกล้งดีนักใช่มั้ย!! นี่แนะๆ นี่ๆ แกตายแน่ไอ้จ๋าบ้าเอ้ย!!!" ภามเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องจาก
คนรักเลย แถมยังเพิ่มแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว.....แค้นนัก!
"ขอโทษคร้าบบบ...คุณเมียที่เคารพ ต่อไปาสามีจะไม่แกล้ง(น้อยๆ)แบบนี้อีกแล้วคร้าบบบ...แต่
หยุดก่อนเถอะครับ เดี๋ยวลูกเจ็บน้าาา..." เอาวะ! คุณเมียไม่กลัวเขาเจ็บก็ต้องห่วงลูกบ้างแหละว๊ะ!!
เอาลูกมาเป็นข้ออ้างนี่แหละดีที่สุด!!.......ลูกจ๋าช่วยป๊ะป๋าหน่อยน้าาา
"ก็ได้!! แต่อย่าให้มีอย่างนี้อีกนะ! ไม่งั้นได้ตายก่อนเห็นหน้าลูกแน่! ชิ!!" ภามบอกพร้อมกับใช้นิ้ว
จิ้มหน้าผากเจโล่ที่นอนค่อมตัวเองอยู่อย่างแรงพลางทำหน้าโหดใส่อีก
"จ้าๆ จะไม่ทำอีกแล้วจร้า..." เจโล่พูดบอกพร้อมชูสามนิ้วเป็นการสัญญาให้ภามได้ดู แต่มือที่ใช้
รองศีรษะภามอยู่นั้นเจ้าตัวก็เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันลับหลังภามอีกที....ก็นะ! การแกล้งคุณเมียที่
เคารพให้โมโหเล่นเป็นเรื่องที่สนุกสำหรับเจโล่ที่สู้ดดดดด....เค้าว่ากันว่ายิ่งเมียด่าแสดงว่าเมียรัก...และ
ยิ่งเมียด่ามาก ก็แสดงว่ารักมาก......ชิมิ!!
"ให้มันจริงเถอะ!...ว่าแต่พวกนั้นเขามาคุยอะไรกับจ๋าหรอ?" ภามยู่หน้าใส่เจโล่ ก่อนที่จะพูดถาม
ในสิ่งที่ตนอยากรู้ต่อ
"เอ้า! ยังไม่ลืมอีกหรอกเนี่ย? นึกว่าลืมไปแล้วนะเนี่ย...กะจะเนียลืมสักหน่อย...ว้า..แย่จัง!" ยังๆ
เจโล่ยังคงลอยหน้าลอยตาพูดแหย่ภามต่อ
"อยากเจ็บตัวอีกใช่มั้ย??" ภามยกกำปั้นขู่
"โอ๋เอ๋ๆ ใจเย็นน่า ไม่แกล้งแล้วๆ.....ผู้ชายผมขาวคนนั้นน่ะนะ เขาบอกว่าเขาเป็นปู่แท้ๆของจ๋าเอง
และเขาอยากจะให้จ๋ากลับไปญี่ปุ่นกับเขา และที่สำคัญนะ เขาบอกว่าพ่อของจ๋ายังไม่ตายด้วย" เจโล่
เลิกแกล้งภามและพูดเล่าให้ภามฟังด้วยเสียงจริงจัง
"หรอ...แล้วจ๋าจะไปกับเขาหรือเปล่า...จ๋าจะทิ้งภามกับลูกหรือเปล่า" สงสัยฮอร์โมนคนท้องจะเล่น
งานแฝดเล็กคนเก่งของบ้านอัครจินดากรณ์เข้าแล้วหล่ะ เพราะทันทีที่เจโล่พูดจบ ภามก็ถามเจดล่ด้วย
เสี่ยงสั่นๆน้ำตาคลอเบ้าทันทีเลยเหมือนกัน.....คิดไปทั่ว!!
"จะบ้าหรือ...นี่ใครครับคุณภาม...นี่ยอดชายนายอิจิโล่สามีที่โคตรหล่อและแสนดีของคุณนะครับ
จะมาทิ้งลูกทิ้งเมียอย่างนั้นได้ไง...ไม่มีทางอ่ะ! จะมีก็แต่ความตายเท่านั้นแหละที่จะแยกเราจากกันได้
.....จำไว้เลย" เจโล่บอกพร้อมกับกดจูบซับน้ำตาให้ภามเบาอย่างแผ่วเบา
"แล้วคนพวกนั้นล่ะ?" ภามถามต่อ
"ก็ช่างคนพวกนั้นสิ...เขาไม่ได้มีความข้องเกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย.....แต่ว่านะ..มีอีกเรื่องนึงที่เรา
ต้องรับความช่วยเหลือจากเขา" ที่เขาพูดออกมาอย่างนี้ เขาไม่ได้พูดเอาใจคนรักแต่อย่างใด แต่มันคือ
สิ่งที่เขาคิดจริงๆ ถึงจะเป็นปู่แท้ๆและพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่อย่างที่ชายชราคนนั้นได้บอกจริงๆก็ตา
เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลับไปอยู่ญี่ปุ่นกับคนพวกนั้นนิ ในเมื่อไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันเลย
ฐานะตอนนี้ระหว่างเขากับคนพวกนั้นมันก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าหรอก และเขาจะไม่มีวันปักใจเชื่อ
อย่างแน่นอนว่าแม่ของเขาเป็นคนคิดฆ่าพ่อจริงๆถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานเป็นภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิด
ก็ตาม แต่อย่าลืมสิ ว่ากล้องวงจรปิดนั้นมันมีแต่ภาพ แต่ไม่มีเสียง ซึ่งเราจะไม่รู้เลยว่าเหตุผลจริงๆของแม่
เขาที่ต้องลงมือทำร้ายพ่อเขาอย่างนั้นทำไม เขาจึงตอบตกลงให้คนพวกนั้นจัดการเรื่องความทรงจำ
เก่าๆของเขาให้กลับมานี่ไง เพราะเขามั่นใจว่าแม่จะต้องมีเหตุผลที่จะต้องทำอย่างนั้นและมันจะต้องมี
บางสิ่งบางอย่างเก็บไว้ในความทรงจำเก่าของเขาที่แม่ได้ปิดไว้แน่ๆ ไม่มากก็น้อย
"เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องของแม่ที่อยู่ในวีดีโอที่เราเห็นเมื่อตอนกลางวันนั้นไง" เจโล่บอกเลยทำให้ภามนึกขึ้นมาได้
เหมือนกัน หลังจากที่เผลอลืมไปว่าตนก็ได้อยู่คลิบวีดีโอนั้นด้วยกันกับคนรัก
"จริงด้วย....แล้วจ๋าชื่อมั้ยว่าคุณมี๊ทำอย่างนั้นจริงๆ" ภามถาม
"ไม่มีทาง.....ดื้อก็รู้นิว่ามี๊เป็นคนยังไง" เจโล่ตอบพลางจ้องตาภามไปด้วย
"อืม...ภามก็ว่างั้นเหมือนกัน..แต่ทำไมมันถึงได้มีคลิบวีดิโอแบบนั้นได้นะ" ภามพยักหน้าเห็นด้วย
กับเจโล่เพราะเขาเองก็มั่นใจว่าคุณมี๊หรือแม่ของเจโล่ไม่มีทางที่จะทำอย่างนั้นได้แน่นอนโดยเฉพาะ
กับคนที่เธอรักมากอย่างลูกหรือสามี เพราะตลอดเวลาที่ภามมาอยู่บ้านเจโล่ตั้งแต่เริ่มคบกันใหม่ๆจน
ถึงกับวันที่ช่วยกันดูแลแม่ของเจโล่ในตอนที่เธอล้มป่วยจนเสียชีวิตไปในที่สุด ภามพูดได้เต็มปากเลยว่า
เธอคือคนที่มีจิใจที่ดีงามมาก
"นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องค้นหาเพื่อทวงคืนความบริสุทธิ์ให้กับมี๊" เจโล่พูดบอกด้วยสายตามที่เต็ม
ไปด้วยความแน่วแน่และจริงจัง
"ทำไงอ่ะ?"
"ฟื้นคืนความทรงจำ"
"หมายความว่า...." ภามตกใจตาโตอ้าปากหวอ
"อืม.....ต้องเรียกความทรงจำที่หลายคืนมา โดยใช้วิธีในการแพทย์อย่างที่เราเคยดูในสารคดี
นั่นแหละ" เจโล่พยักหน้ายืนยัน
"แต่มันดูเจ็บปวดและทรมาณมากเลยนะ" ภามพูดเสียงสั่น เพราะพวกเขาสองคนเคยดูการรักษา
พวกฟื้นความทรงจำอะไรพวกนี้จากสารคดีต่างชาติในช่องเคเบิ้ลทีวีด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีการรักษา
ที่แตกต่างกันไปแล้วแต่อาการ อย่างเช่น สะกดจิตเรียกความทรงจำนั้นคืนมา ไปจนถึงการใช้คลื่นไฟฟ้า
ช็อตสมอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ ขนาดตอนที่ดูจากผู้ป่วยโทรทัศน์ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเขา
ยังรู้สึกเจ็บแทนเลย แต่นี่เจโล่คนที่ซึ่งเป็นทั้งคนรักของเขาเป็นทั้งพ่อของลูกเขาและเป็นอีกครึ่งชีวิต
ของเขาจะต้องเป็นคนที่จะไปอยู่ตรงนั้นแทน เขานึกไม่ออกเลยว่าจะรู้สึกยังไง
"อืม...ถึงจะเจ็บก็ต้องทน.....อย่าร้องเลย..ไม่เป็นไรหรอก...แค่นี้เอง" เจโล่บอกพร้อมกับก้มลงจูบ
เช็ดน้ำตาให้ภามเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หยุดแค่นั้นเหมือนตอนแรกเพราะเขายังคงใช้ริมฝีปากไล่จูบ
ขบเม้มไปตามปากตามแก้ม และลงไปถึงซอกคอขาวของภามในที่สุด
"ฮื่อ~" ภามร้องฮือย่นคอหนีสัมผัสจากคนรัก
"จุ๊บ!.....ขอนะ" เจโล่วกขึ้นมากดจูบที่ริมฝีปากของภามเบาๆ พร้อมกับพูดขอ...คำว่า 'ขอ' ที่ไม่
ต้องขยายความภามก็เข้าใจดีว่าคนรักต้องการอะไร
"อื้อ!...เบาๆนะ เดี๋ยวลูกเจ็บ" ภามบอกอนุญาติด้วยเสียงแผ่วเบา พลางเบนหน้าหนีสายตาที่เต็ม
ไปด้วยความต้องการอันแรงกล้าของคนรักอย่างเจโล่ไม่ไหว ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งเจ็ดปีแล้ว ทำเรื่อง
แบบนี้ด้วยกันก็นับไม่ถ้วน แต่ไม่รู้ทำไมภามถึงไม่ชินสายตาคมหยาดเยิ้มนี้คู่ของเจโล่ไม่ไหวสักที
ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน......จำต้องใจสั่นทุกที!!!
"ด้วยเกียรติเด็กช่างเลยครับ....ป๊ะป๋าขอรักคุณมี๊หนูหน่อยนะครับตัวเล็ก...จุ๊บ!!" เจโล่บอกกับภาม
ด้วยหน้าหื่นๆกับเสียงทะเล้นๆ ก่อนที่จะถอยตัวลงไปพูดขอและกดจูบกับลูกน้อยที่อยู่ในท้องของภามไปอีกที ก่อนที่จะเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและว่าที่คุณแม่จนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่า
อย่างแผ่วเบา
เนื้อนวลผิวสีน้ำนมขาวผ่องที่เปล่งปลั่งเป็นพิเศษเพราะมีเจ้าตัวน้อยในท้องของภาม ทำให้เจโล่
ที่น่าจะชินกับร่างกายของคนรักได้แล้ว ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ฮื่ม!! กินชะมัดเลย!!
"อื้อ!! ไหนบอกจะเบาๆไง" ภามร้องท้วงเมื่อโดนเจโล่กัดเข้าตรงรอยสักที่แขนของตนเต็มแรง
"หมั่นเขี้ยว! ชอบแอบไปสักดีนัก!!" เจโล่พูดบอกพร้อมกับขบกัดตรงรอยสักเดียวกันที่จุดเดียวกัน
เพียงแต่อยู่ที่แขนคนละข้างกันก็เท่านั้นเอง.....ไม่รู้ว่าเป็นไร ทำไมภามถึงชอบสักลายหนักหนาก็ไม่รู้
ชอบแอบหนีเขาไปสักอยู่เรื่อย ถึงจะเป็นลายเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่มันก็มีอยู่หลายที่จนแทบจะทั้งตัว
ซึ่งเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอามากๆเลย ไม่ใช่ว่าเขารังเกลียดหรืออะไร แต่เพราะเขาชอบผิวธรรมชาติ
ไร้รอยลายสักที่มันมาบดบังความสวยงามของร่างกายของภามต่างหากล่ะ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อ
การที่จะลบมันออกนั้นจะทำให้มีแผลเป็นและผิวสวยๆของภามมันจะกลายเป็นรอยด่างๆดวงๆ ก็สู้
ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปนี่แหละ ก็สวยดี! แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีมัน! หึๆ
เจโล่เคลื่อนขึ้นไปประกบจูบภามอีกครั้งอย่างแผ่วเบา สองร้อยทั้งสองเกี่ยวพันกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร สายตาคมจดจ้องมองคนใต้ร่างอย่างวาบหวาม หอมหวานจนภามแทบอยากจะละลาย
หายตัวไปจากตรงนี้เลยจริงๆ ก่อนที่จะไล่พรมจูบดูดดึงไปตามข้างแก้ม กกหู ชอกคอขาว ไปจนถึง
ยอดอกสีหวานที่เริ่มนูนเด่นมากขึ้นกว่าปกติเพราะฮอร์โมนของความเป็นแม่เพิ่มขึ้นสูง
"อื้อออออ..." มือบางลูบแขนแกร่งของคนรักไปมา เชิดหน้ารับสัมผัสของอีกคนอย่างเต็มใจ
"อ๊ะ! จะทำอะไรหน่ะ!" ภามร้องอย่างตกใจเมื่อเจโล่จับตนพลิกตัวนอนตะแคงหันข้าง โดยที่
เจ้าตัวเองก็ไปนอนซ้อนทาบทับท่าเดียวกันอยู่ข้างหลังอีกที
"ถ้าทำท่านี้แล้วลูกจะไม่ตกใจ...สบายใจได้...จ๋าศึกษามาแล้วจ๊ะ!...เบเบ้" เจโล่ว่าเสียงทะเล้น
พร้อมกับซุกไซ้ไปมาอยู่กับท้ายทอยขาวของคนรัก.....ก่อนหน้านี้เขาได้ถามคุณหมอที่ตรวจภามวันนั้น
มาแล้ว แถมคุณหมอยังให้คู่มือ '9 ท่า เซ็กส์ที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง' ให้เขามาอีกต่างหาก เดี๋ยววันนี้
เขาขอลองประเดิมท่าแรกในหนังสือที่คุณหมอให้มาหน่อยก็แล้วกัน
"เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วสินะ...อื้อออ" ภามพูดประชดเบาๆ
"แน่นนอนคร้าบบบ...คุณหมอบอกว่ามันมีผลดีกับคุณแม่และลูกน้อยด้วยน้าา...." เจโล่บอก
พร้อมกับค่อยสอดใส่อาวุธติดกายที่พร้อมรบของตนเข้าไปในช่องทางรักของภามอย่างระมัดระวัง
"อ๊ะ!!" ภามสะดุ้งจิกหมอนแน่นเมื่อเจโล่ยกขาข้างนึงของตนขึ้นสูงพร้อมทั้งสอดใส่เข้ามา
"อ่าาา....แน่นชิบ!!!" ครางอย่างแผ่วเบาเมื่อโดนช่องทางของคนรักตอดรัดถี่ๆ ก่อนที่จะค่อยๆ
ขยับสะโพกเข้าออกเบาๆ
"อะ..อะ...อะ" จังหวะเนิบนาบที่แปลกใหม่ ไม่โลดโพนเหมือนอย่างเคย ทำให้ภามรู้สึกตื่นเต้น
มากกว่าปกติ
และเมื่อภามปรับตัวได้แล้วเจโล่จึงเร่งจังหวะขยับสะโพกเร็วขึ้นกว่าเดิม มือหนาโอบประคองไม่
ให้อีกคนคว่ำหน้าลงไปซะก่อน
"อ๊ะ! อ๊ะ! อื้อออออ" เสียงหวานครางสุดเสียงเมื่อถึงขีดอารมณ์วาบหวามของตัวเอง ปลดปล่อย
ออกมาทั้งที่อีกคนยังไม่ได้จับต้องกลางกายของตัวเองแม้แต่น้อย ส่วนเจโล่เองก็ขยับสะโพกเน้นๆ
อีกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยตามคนรักออกมาอีกคน
"ฝันดีนะครับที่รัก จุ๊บ!" เจโล่บอกพร้อมกับกดจูบราตรีสวัสดิ์บนหน้าผากภามเบาๆ ก่อนที่จะทิ้งตัว
ลงนอนข้างกัน โดยไม่ลืมที่จะห่มผ้าห่มให้คุณแม่ขี้เซาที่ชิงหลับไปตั้งแต่เขายังไม่ยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย
หลังจากที่เขาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว
__________________________________________________________________________TBC.
เหอๆ เอ็นซีแรกมาน้อยๆ แบบมึนๆ
สงสัยว่าเราจะห่างเรื่องฉากหวานกันนานไปหน่อย
มี่ถึงได้เขียนไม่ค่อยออกอย่างนี้ แต่เอาไว้มี่จะแก้ตัวให้คราวหน้าแล้วกันเน๊าะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!! #เจอคำผิดตรงไหนบอกนะคะมี่จะได้แก้ให้