◑ MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน●รัก★
31
ครืนครืน ฟ้างัยเงียตื่นขึ้นมาด้วยแรงสั่นของโทรศัพท์เค้ามองไปรอบๆจนรู้ว่าตนได้เผลอหลับซบน้ำอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์โดยที่น้ำก็หลับไปด้วยและจอทีวีก็ยังฉายหนังเรื่องที่เปิดค้างไว้อยู่อย่างนั้นฟ้าค่อยๆพยุงตัวเองออกจากน้ำพยายามไม่ให้คนหลับรู้สึกตัวแต่ก็ช้าไปแล้ว
“จะไปไหน?”
น้ำเอ่ยพร้อมดึงฟ้าให้เข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
“ปล่อยก่อนน้ำเราจะไปรับโทรศัพท์”
น้ำยอมปล่อยแต่โดยดีฟ้าเลยรีบลุกไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ของตนใจหนึ่งก็หวังให้เป็นพี่ดินที่โทรมาแต่อีกใจก็อดกลัวไม่ได้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะเป็นพ่อของเค้าเองและเมื่อเห็นชื่อผู้โทรฟ้าก็แย้มยิ้ม
“ครับพี่ดิน”
/พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง/
“ขอโทษครับพอดีผมเผลอหลับ”
/หลับ? หลับอยู่ไหน?/
“เออ…”
/อยู่คอนโดแล้วใช่ไหม?/
“ครับ”
ถึงจะนึกหวันแต่พี่ดินก็เป็นอีกคนที่เข้าใจ
/กลับยังไง? น้ำไปส่งเหรอ?/
“ป่าวครับน้ำไม่ได้มาส่งแต่มาอยู่ด้วยเลย”
/อ้อโอเคงั้นเดี๋ยวพี่ตีรถเข้าไปรับเลยแล้วกันพี่ก็นึกว่าเรายังอยู่มหาลัยเลยขับเข้ามารับอยุ่มหาลัย/
“ขอโทษครับ”
/ไม่เอาน่าเรื่องแค่นี้เอง/
“จริงๆพี่ไม่ต้องมารับก็ได้นะเดี๋ยวฟ้าขับรถฟ้ากลับ”
/ไม่ต้องเอาไปหรอกถึงเอาไปก็ไม่ได้ใช้/
ฟ้าขมวดคิ้ว
“ทำไมละครับ?”
/พ่อบอกให้พี่ไปรับส่งเราทุกวันระหว่างที่พี่อยู่แล้วเมื่อพี่กลับคนไปรับส่งเราจะเป็นลุงแดง/
“จะบ้าเหรอพี่ผมอายุ20ไม่ใช่2ขวบที่จะต้องมีคนคอยรับคอยส่ง”
/มันเป็นคำสั่งฟ้าก็น่าจะรู้นี่/
“ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องนะพี่ที่จะสั่งได้ดั่งใจตัวเอง!”
/ใจเย็นๆฟ้า/
“ทำไมละพี่ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ด้วย?”
/พ่อคงห่ว…/
“อย่ามาพูดว่าห่วงเลยครับผมยังไม่เห็นเลยว่ามีอะไรให้น่าเป็นห่วงถึงผมจะไม่ได้เดินตามทางที่พ่อขีดไว้ตั้งแต่แรกแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีไม่ได้เสเพลเสพยาติดเหล้าหรือไปยกพวกตีกับใครเค้าผมก็อยู่ปกติสุขของผมแล้วพ่อจะห่วงอะไร!?!”
/ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นเอางี้ไปสงบสติอารมณ์ซะอีกสิบนาทีเดี๋ยวพี่ไปหาโอเค?/
ฟ้าพ้นลมหายใจระงับอารมณ์แล้วจึงตอบรับพี่ชายพอดินวางสายจึงทิ้งตัวลงพิงเบาะเหมือนหมดเรี่ยวแรงทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรน้ำเองก็ได้ยินทุกอย่างเค้าเข้ามาโอบกอดฟ้าเพื่อปลอยโยนจนฟ้านิ่งเงียบไปอีกครั้งน้ำรู้ว่าฟ้าไม่ได้หลับฟ้าแค่พักสมองหยุดทุกสิ่งแล้วปล่อยวางทุกอย่าง
“กี่โมงแล้วอะ?”
เมื่อปรับสภาพอารมณ์ตัวเองคงที่แล้วฟ้าจึงเอ่ยถามขึ้น
“ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว”
ฟ้าลึกขึ้นมานั่งตักโอบรอบคอแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างของน้ำพลางเหม่อมองออกไปที่ระเบียงห้องท้องฟ้าด้านน้องเริ่มมืดเช่นเดียวกับภายในห้องที่มีแสงจากจอทีวีเพียงอย่างเดียว
“น้ำรู้ไหมว่าเรารักน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนถูกถามหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะตอบว่าไม่รู้
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ซะงั้น”
“เราไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอรู้ตัวเราก็รักน้ำไปแล้วไง”
“เล่นลิ้นเหรอห่ะ”
น้ำกอดรัดฟ้าแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยวฟ้าหัวเราะขำอย่างชอบใจก่อนจะผละถอยออกมาจ้องหน้าสบตากัน
“แล้วน้ำละเริ่มรักเราตอนไหน?”
น้ำกดยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มือก็ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมยาวไปทัดหูจนเห็นใบหน้าหวานอย่างชัดเจน
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อย่ามาใช้มุขเดียวกับเรานะ”
“โถ่อย่าขัดกันสิ”
“หึหึ”
“เราอาจจะรักฟ้านานแล้วก็ได้แต่เราไม่รู้ใจตัวเองสักทีไงพอมาลองคิดย้อนกลับไปแล้วก็มีหลายเหตการณ์เหมือนกันนะที่เราแสดงอาการออกไปทั้งที่ไม่รู้สึกตัว”
“หืมตอนไหนเหรอ?”
“ที่เห็นชัดก็ตอนที่ฟ้าเริ่มสนิทกับไอ้ต้นเราเลยเริ่มอาการหนักถึงขั้นห้ามไม่ให้ฟ้ามีใครไง”
“อ้อ”
“จะว่าไปเรายังสงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่ง”
“อะไร?”
“ฟ้ารักเรามานานขนาดนั้นฟ้าไม่เคยคิดจะบอกเราเลยรึไง?”
“ไม่อะไม่บอกแหละดีแล้ว”
“ทำไม?”
“เรากลัว”
“กลัวอะไรครับ?”
ฟ้าจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังส่อแววซุกซนแล้วก็นึกอยากจิ้มเล่นสักทีสองทีเค้าคิดว่าน้ำน่าจะรู้สาเหตุต่างๆแล้วแหละแต่อาจจะอยากได้ยินจากปากเค้าเลยเอ่ยถามออกมาในที่สุดไหนๆก็เปิดใจให้กันแล้วก็บอกไปเลยแล้วกัน
“กลัวหมดแหละกลัวน้ำรังเกียจกลัวเสียเพื่อนกลัวไม่ได้อยู่ใกล้กลัวน้ำหายหน้าไปกลัวสารพัด”
“หึเด็กน้อย”
น้ำพูดพลางก้มหัวลงมาให้หน้าผากชนกับฟ้าอย่างพอดิบพอดี
“อีกอย่าง…น้ำเคยบอกว่าความรักแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เราเลย…”
“เลยคิดจะปิดบังอยู่ในใจแอบรักอยู่ห่างๆอย่างนั้นนะเหรอ?”
“อืม”
“หึนางเองช่องไหนครับเนี้ย?”
“ขำละ”
“เห็นหัวเราะป่าวละ”
“หมั่นไส้วะน้ำไปไกลๆดิ”
“ไม่ไปครับรักขนาดนี้แล้วไล่ให้ตายก็ไม่ไปอะ”
“เหรอออออ”
“มาจูบทีดิ”
“ไม่ให้”
“แต่เราจะเอา”
ว่าแล้วก็รั้งคนตัวบางให้เข้ามาชิดแล้วจึงฉกริมฝีปากนั้นมากัดเบาๆก่อนจะไล่วนขบเม้มบดคลึงด้วยความเสน่หาฟ้าเองก็โอบรอบคอน้ำไว้พลางเอียงหน้าปรับองศาให้รับกับการรุกของอีกคนเรียวลิ้นร้อนทั้งสองเกี่ยวกระหวันกันอย่างไม่ลดละเสียงจ๊วบจ๊าบดังแข่งกับเสียงใจที่กระหน่ำรัวฟ้ารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขืนและดุนดันอยู่เบื้องล่างตนแต่ก็ใช่ว่าของตัวเองจะไม่รู้สึกความร้อนภายในกายทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อน้ำสอดมือเข้าไปลูบไล่ผิวเนียนภายใต้สาบเสื้อฟ้าครางเคลือในลำคอเมื่อมือหนานั้นลูบมายังยอดอกสีชมพูแดง
“อือ…น้ำหยุดก่อนเดี๋ยวพี่ดินจะมาแล้ว”
น้ำชะงักมือก่อนจะผละถอนแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆฟ้าเห็นคนหัวเสียเมื่อไม่ได้ดั่งใจแล้วก็นึกขำภาพวันวานที่น้ำมักหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจฝุดขึ้นมาเป็นฉากๆแต่ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้มาน้ำก็ไม่ได้แสดงมันออกมาอีกเลยน้ำคุมตัวเองเก่งขึ้นเริ่มมีความคิดนึกถึงคนอื่นมากขึ้นและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี
“ฟ้า”
“หืม?”
“ไม่กลับไปไม่ได้เหรอ?”
“……”
ฟ้านิ่งเงียบให้กับน้ำเสียงและสีหน้าแววตาออดอ้อนของคนตรงหน้าเค้าเองก็ไม่อยากกลับไม่อยากจะแยกจากคนตรงหน้านี้แม้แต่น้อย
“น้ำ”
“ครับ?”
“เราหนีกันไหม?”
“……”
“หนีไปที่ไหนสักที่ด้วยกันแค่สองคนดีไหม?”
น้ำยิ้มแล้วดึงฟ้าเข้ามากอด
“ไม่ได้หรอกฟ้าเราหนีปัญหาไปแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมละน้ำไม่อยากอยู่กับเราเหรอ?”
“อยากอยู่สิครับแต่เราไม่อยากหนีปัญหาที่สำคัญถ้าเรายังอยากให้ลุงณพยอมรับเราต้องเดินหน้าสู้ไม่ใช่ถอยหนีแบบนั้น”
“……”
“เราจะต้องผ่านมันไปได้”
“อืม”
“ฟ้าอดทนหน่อยนะสัญญาว่าไม่นานเราจะเดินเข้าไปรับฟ้าที่บ้านเองเลย”
“ไม่นานแน่นะ?”
“แน่สิครับ”
“ก็ได้”
“ดีมากมาจุ๊บทีสิครับ”
“อย่ามาเนียนเมื่อกี้ก็ทำไปแล้วเหอะ”
“เมื่อกี้ก็ส่วนของเมื่อกี้สิ”
ฟ้าถอนหายใจระอากับความกะล่อนของน้ำแต่ปากกลับยิ้มกว้างน้ำเลื่อนตัวเข้าหาฟ้าในขณะที่มือก็จับท้ายทอยคนตรงหน้าให้โน้มเข้ามาหากัน
ปิ๊งป๊อง!
ทุกอย่างหยุดชะงักในทันทีฟ้ายิ้มกริ่มส่วนน้ำได้แต่ขมวดคิ้วมุ้ย
“พี่ดินมารับแล้วอุ๊ป!”
น้ำไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปแน่ไม่ว่าใครจะมาก็ขอฉกเอากำไรเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองก่อนละนะ
“สอบวันไหน?”
ฟ้าเงยหน้ามองบิดาที่จู่ๆก็พูดขึ้นในระหว่างมื้ออาหารฟ้านั้นยังคงอิ่มจากที่กินกับน้ำมาเลยได้แต่เขี่ยข้าวไปมาจนแม่และดินเข้าใจว่าฟ้าเครียดจนกินไม่ลง
“อีกสองสัปดาห์ครับ”
ฟ้าตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“แล้วสอบนานไหม? ปิดเทอมวันไหน?”
ฟ้าวางแก้วพลางหมุนหัวคิ้วอย่างฉงนพ่อจะถามเอาอะไรในเมื่อลากเค้ามาอยู่บ้านก่อนถึงช่วงปิดเทอมแล้วไง
“สอบถึงวันพุธที่××หลังจากนั้นก็ปิดเทอมเลย”
“ดี”
“พ่อถามทำไมครับ?”
เป็นดินที่ถามคลายความเครือบแครงของทุกคนฟ้าเองก็ได้แต่นิ่งเงียบแต่ยังฟังในทุกๆสิ่ง
“แกจะได้ไปดูงานที่ฟลอเรนซ์ใช่ไหม?”
“ยังไม่มีคำสั่งนะครับ”
“เดี๋ยวก็มี พอดีเลยเอาน้องไปเที่ยวด้วยแล้วกันดูงานแค่สามวันแต่พ่อจะให้ลาพักร้อนควบไปด้วย เที่ยวเล่นอยู่นั้นให้หัวสมองมันโล่งๆก่อนแล้วค่อยพากันกลับมาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
ฟ้ากำแก้วในมือแน่นในขณะที่ดินได้แต่อึกอักถึงแม้ทางศูนย์เค้าจะมีข่าวเรื่องส่งตัวแทนไปดูงานกับทางส่วนกลางอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งเจาะจงว่าเป็นใครแถมถ้าพ่อเค้าเอ่ยปากอย่างนี้แล้วก็คงจะเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด
“ฟ้าไม่ไป”
ฟ้าพูดลอดไรฟันพยายามข่มอารมณ์เต็มที่แค่กลับมาอยู่บ้านก็มากพอแล้วทำไมต้องส่งไปให้ห่างกันมากถึงขนาดนั้นด้วย
“นี่เป็นคำสั่งไม่ได้ขอความคิดเห็น”
“พ่อสมควรถามความคิดเห็นของผมนะในเมื่อคนที่เดินทางเป็นผมไม่ใช่พ่อ”
“อย่ามาต่อปากต่อคำกับกู”
“ผมแค่พูดตามที่ตัวเองคิดครับและที่สำคัญ…ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องถ้าพ่อจะยังจำได้ ผมอิ่มแล้วครับขอตัว”
พูดจบฟ้าก็ลุกขึ้นเดินก้าวไวๆออกจากห้องอาหารขึ้นไปยังห้องนอนของตนที่อยู่บนชั้นสอง ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ฟ้าก็แทบหมดแรง แรงกายนะไม่เท่าไหร่แต่แรงใจนี่สิ
ฟ้าเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของตนนิ่งๆท่ามกลางความมืดภายในห้องเสียงแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ดังแผ่วแข่งกับเสียงลมหายใจของผู้เป็นเจ้าของ ฟ้านอนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำอาบท่าถึงแม้เค้าจะกลับมาบ้านพร้อมพี่ชายได้สักพักแล้วแต่ก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ตลอดจนแม่มาเรียกลงไปทานข้าวนั้นแหละ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่ยอม ตนเลยต้องจำทนนั่งเล่นหรือตักอาหารบางอย่างใส่ปากพอเป็นพิธี
เค้าคงจะกินได้มากกว่านี้ถ้าคนที่นั่งตรงข้ามไม่ใช่พ่อของเค้าที่ยังคงปั้นหน้านิ่งอย่างกับยักษ์แถมตอนจบยังมีการสั่งให้ไปเมืองนอกโดยไร้ซึ่งการถามความสมัครใจจากเค้า
เผด็จการเกินไปแล้ว
ก๊อกๆๆ
“ฟ้าขอพี่เข้าไปหน่อยสิ”
ฟ้าที่ออกจากห้องน้ำมาพอดีกับเสียงเคาะและเสียงเรียกของพี่ชายเลยได้เดินไปปลดล็อคกลอนก่อนจะเดินน้ำเข้ามาภายในห้องทั้งสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำชื้นๆและผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไหล่
“พึ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ?”
“ครับ”
ฟ้าตอบพลางทิ้งตัวนั่งลงที่ข้างเตียงส่วนดินก็ยืนกอดอกพิงโต๊ะหนังสือของน้องที่อยู่ตรงข้ามกับฟ้าพอดี
“พี่ดินมีอะไรเหรอครับ?”
ดินถอนหายใจแล้วเดินเข้ามายืนตรงหน้าน้องก่อนจะดึงเอาผ้ามาซับผมที่ยังคงเปียกชื้นอย่างเบามือ
“พี่นึกว่าฟ้าจะใจเย็นลงแล้วซะอีก”
“ผมก็เย็นอยู่นะ”
ดินกดยิ้มขำนิดกับความหัวรั้นของน้องชายนิสัยดื้อเงียบและหัวรั้นนี่ยังคงเหมือนตอนเด็กไม่เปลี่ยนเลยจริงๆแต่ก็นะยังไงฟ้าก็ยังเป็นน้องชายสุดที่รักของเค้าอยู่ดี
“ที่เถียงพ่อแบบนั้นเค้าเรียกว่าเย็นแล้วเหรอ?”
“ผมป่าวเถียงเหอะ”
“เชื่อก็โง่แล้ว”
“ถ้าจะมาพูดแบบนี้ก็กลับห้องตัวเองไปเลยนะ”
“โอ๋ๆอย่าพึ่งงอลกันสิพี่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่ก็ติดธุระยันเย็นเหมือนเดิมนะ”
ฟ้าเงยหน้ามองพี่ชายช้าๆก่อนที่เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวาน พรุ่งนี้ฟ้ามีเรียนแค่ช่วงเช้าแสดงว่าตลอดทั้งภาคบ่ายฟ้าจะว่างและสามารถไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ได้
“ขอบคุณครับ”
“วันนี้ดูระริกระรี้ผิดปกตินะฟ้า”
คีย์อดที่จะเอ่ยท้วงไม่ได้เพราะตั้งแต่เช้ายันเที่ยงฟ้าก็ทำท่าทีอะเลิร์ทจนคีย์ผิดสังเกตุ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“เชื่อก็ไม่ใช่เราละ”
“โถ่คีย์ จะมาจ้องจับผิดอะไรเรานักหนา แค่พ่อก็จะบ้าตายอยู่แล้วเนี้ย”
“อย่าบอกนะว่าพ่อฟ้าส่งคนมาเฝ้ามองเลยอะ!?!”
ฟ้าส่ายหัวพลางหัวเราะขำไปด้วย
“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตอาจไม่แน่”
“อะไรจะขนาดนั้นวะ นี่ลูกชายนะเว้ยไม่ใช่นักโทษ”
“อ้อ เที่ยงนี้เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ”
“ทำไมละ?”
“จะออกไปข้างนอก”
“ไปเดทกับไอ้น้ำละสิ”
ฟ้าไม่ตอบแต่ไหวไหล่จนคีย์เบ้ปากน้อยๆ พอใจตรงกันละสวีตไม่อายใครเลยจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะอยู่ด้วยกันบ่อยจนเป็นปกติแต่ก็ไม่ได้สวิตหวานโชว์สื่อให้ชาวโซเชี่ยวนามว่าสมาชิกเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยได้แชะรูปไปลงเล่นๆกันจนมันส์มือ ฟ้ากับน้ำที่ว่าดังอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความดังเข้าไปอีก
“งี้เราก็กินข้าวคนเดียวนะสิ”
คีย์แกล้งพูดน้ำเสียงน้อยใจพลางยู่ปากจนเหมือนเด็กน้อยโดนแย่งของเล่น ฟ้ายิ้มขำแล้วยกมือทั้งสองข้างมาบี้ๆนวดๆวนแก้มคนข้างๆเล่นจนโดนโวยเข้าให้นั้นแหละถึงได้หยุด
“เล่นอะไรเป็นเด็ก แก้มเราช้ำหมด”
“หึหึ ไม่ช้ำหรอก คีย์ด้านจะตาย”
“ไอ้ฟ้า!”
“ฮ่าๆๆ รักหรอกจึงหยอกเล่น”
“ไม่ต้องมารัก ไปรักไอ้น้ำคนเดียวเลยไป”
“หึงพี่เหรอจ้ะน้องคีย์”
“เดี๋ยวจะโดนถีบครับ”
“โถ่คีย์ อย่าโหดกับเรานักสิ ถ้าคีย์เหงาก็โทรชวนต้นให้มากินเป็นเพื่อนสิ”
คีย์ถึงกับกรอกตาแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ พอดีกับที่โทรศัพท์ฟ้าสั่นเครือขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกว่าคนโทรได้มารออยู่ที่หน้าตึกแล้ว
“งั้นเราไปแล้วนะ”
“เออ จะไปไหนก็รีบไปเลย”
ฟ้าหันไปยิ้มให้เพิ่อนอีกทีก่อนจะก้าวยาวๆออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ ทว่าในเวลานี้ลิฟท์ยังคงแน่นและเต็มไปด้วยผู้คนฟ้าจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเดินลงบันไดแทน กว่าจะลงถึงชั้นล่างสุดก็เรียกเหงื่อไปมากโข จากที่คิดว่าคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่เพราะเป็นขาลงแต่ฟ้าก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ หรือเพราะช่วงนี้ฟ้าพักผ่อนไม่เพียงพอกันแน่นะถึงได้อ่อนเพลียเปรี้ยแรงแบบนี้
“ทำไมเหงื่อซกมางี้ละฟ้า?”
น้ำท้วงทันทีที่เห็นเสื้อนักศึกษาของฟ้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ ฟ้าเองก็หอบนิดๆเหมือนพึ่งวิ่งสี่คูณร้อยเมตรมาก็ไม่ปาน
“ลิฟท์มันเต็ม เราเลยรีบวิ่งลงบันไดมานะ กลัวน้ำรอนาน”
“อันตรายนะฟ้า ขืนตกบันไดมาทำยังไง เรารอนานแค่ไหนก็รอได้”
“เอาน่า รีบออกรถเหอะ เราหิวแล้ว”
น้ำส่ายหัวเนืองๆแต่ก็ยอมออกรถในที่สุด วันนี้น้ำมีเรียนแค่ช่วงเช้าเหมือนกับฟ้าเพราะอาจารย์ที่สอนในช่วงบ่ายไปสัมนาที่ต่างประเทศพอดี
“หิวมาไหมฟ้า? ถ้ามากเดี๋ยวเราจะพากินแถวนี้ก่อนแล้วค่อยไปดูหนังกัน”
“เราทนไหว ไปกินที่ห้างเลยก็ได้”
“โอเคครับ”
วันนี้น้ำมีแพลนว่าจะพาฟ้าไปกินข้าวดูหนังผ่อนคลายความเครียดก่อนที่จะพาไปหาแม่ตัวเองที่บ่นว่าอยากเจอฟ้ามาตั้งแต่เมื่อวันก่อน
“แล้วป้าอรจะอยู่สาขานี้เหรอน้ำ?”
ฟ้าถามเมื่อน้ำพาเลี้ยวเข้าไปที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่ง
“อยู่สิ ก็เราพึ่งโทรไปบอกว่าจะเข้ามาที่นี้ก่อนไปรับฟ้า”
“เจ้าแผนการณ์จริงๆ”
“พึ่งรู้เหรอ?”
“รู้นานแล้วแหละแต่ไม่คิดว่าจะมารักคนเจ้าแผนการณ์แบบนี้ได้ด้วย”
“หึ ถอนตัวไม่ทันแล้วนะ เสียใจด้วย”
“ถอนไม่ได้ต่างหากละ ก็รักมากขนาดนี้แล้ว”
“วันนี้พูดจาน่ารักนะเรา อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”
“ขอเพชรที่ร้านสักสิบกะรัตแล้วกัน”
“หึหึ เราให้ได้ทั้งร้านเลย ยกให้เป็นเจ้าของแล้วมาบริหารเองเลยดีไหม?”
“บ้าเหรอน้ำ ถามคุณนายอรพินรึยังครับที่พูดเนี้ย”
“กิจการของแม่ก็เหมือนกิจการของลูกนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ก็ยกให้เรา”
“ลุงสเวนบอกให้น้ำไปทำธุรกิจการบินไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนจะธุรกิจเครื่องเพชรของป้าอรอีก จะไหมไหมเนี้ย?”
“ไม่ไหวอะ”
“อ้าว”
“เพราะงั้นฟ้าต้องมาช่วยเรา”
“เห้ย”
“ไม่หงไม่เห้ยละ ถึงแล้วครับ ลงได้แล้ว”
ฟ้าลงจากรถพร้อมๆกับน้ำจนเดินเคียงคู่กันเข้าไปภายใน ช่วงเวลาเที่ยงของวันธรรมดาถึงแม้คนจะไม่เยอะเท่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์แต่ก็ยังมีอยู่ประปราย ร้านอาหารดังๆจึงเต็มแทบหมดทุกร้านจะมีเหลือบ้างบางร้านที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จักหรือไม่ค่อยเป็นที่นิยม ดีที่น้ำโทรจองโต๊ะไว้ที่ร้านอาหารอิตาลี่ของเพื่อนพ่อเค้าไว้ พอมาถึงเค้าจึงได้โต๊ะในทันที
“วันนี้กินหรูจังแฮะ”
ฟ้าพูดใส่เบาๆแต่น้ำทำเพียงไหวไหล่แล้วรับเล่มเมนูจากพนักงานมาดู ฟ้าเองก็เช่นกัน คนทั้งคู่กินไปคุยกันไปไม่นานก็หมด เมื่ออิ่มของคาวก็ตามด้วยของหวาน เอาซะฟ้าอดที่จะบ่นไม่ได้ว่าถ้าขืนกินดีอย่างนี้บ่อยๆคงได้ลงพุงในสักวัน น้ำเลยหัวเราะร่วนก่อนจะรับปากว่าถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกันจะพาออกกำลังกายทุกวันเลย ฟ้าเลยพยักหน้ายอมรับแล้วกินต่อโดยที่ไม่เอะใจสักนิดว่าไอ้การออกกำลังกายนั้นจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหน
เมื่ออิ่มหนำสำราญจนแทบจุกน้ำเลยพาฟ้าไปเลือกหนังที่จะดู ฟ้ากับน้ำมีรสนิยมการดูหนังที่แตกต่างกันเพราะน้ำจะชอบแนวบู้กระหน่ำเลือดสาดไส้ทะลักแต่ฟ้ากลับกลัว ฟ้าจะชอบแนวไซไฟซะมากกว่า ฟ้ากับน้ำเถียงกันเรื่องหนังอยู่สักพักกว่าจะตัดสินใจดูอนิเมะกวนๆเป็นการจบปัญหา เมื่อหนังเริ่มฉายน้ำที่หน้ามุ้ยมาตั้งแต่ต้นกลับตั้งใจดูจนทั้งยิ้มทั้งหัวเราะตามไปตลอดเรื่อง ฟ้าที่เอาแต่มองดูน้ำเลยพลอยสนุกและยิ้มกว้างไปด้วย
“พึ่งรู้นะเนี้ยว่าหนังแบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน”
น้ำพูดชมทันทีที่พากันออกมาจากโรงหนัง ฟ้าเองก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ฟ้าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาจนได้เห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว น้ำที่มองการกระทำของฟ้าอยู่เลยดึงมืออีกข้างที่ว่างของฟ้าไปกุมแล้วพาออกเดินไปยังชั้นล่างที่เป็นโซนช็อบต่างๆ หนึ่งในนั้นคือช็อบแบรนด์เครื่องเพชรหรูนามว่า OorJel Jewelry ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาทั้งสิบของอรพินหรือแม่ของน้ำ
“ออเจลสวัสดีคะ อ้าว คุณน้ำ มาหาคุณอรเหรอค่ะ?”
สาวหน้าเคาเตอร์ที่คุ้นหน้าน้ำดีเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านเดินตรงเข้ามาพร้อมกับจูงมือหนุ่มหน้าหวานที่ไม่เคยเห็นมาด้วย
“ครับ มัมอยู่ไหมครับพี่แอน?”
“อยู่คะ อยู่ที่ห้องด้านในค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พูดจบน้ำก็พาฟ้าเข้าไปยังห้องทำงานด้านในสุด อรพินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาหา ดวงตาคมภายใต้การแต่งแต้มที่ยิ่งเพิ่มความดุเฉี่ยวจ้องมองไปยังมือของลูกชายที่จับกุมมือของใครอีกคนไว้แน่นตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ได้รับรู้จากเจ้าตัวมาเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับป้าอร”
เจ้าลูกชายทำได้เพียงแค่พงกหัวทักแต่คนที่ตามหลังมากลับยกมือไหว้พลางเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หล่อนนึกเอ็นดูได้ยังไง
“สวัสดีจ้ะ ไม่เจอหนูฟ้านานพอตัวเลยนะเนี้ยไหนมาให้ป้ากอดหน่อยสิ”
พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปชูมืออ้าแขนเดินเข้าไปกอดฟ้าไว้แน่น ฟ้าเองก็กอดตอบเหมือนเช่นเคย
“ป้าอรสบายดีไหมครับ?”
“ปกติดีทุกอย่างจะ แต่จะสบายกว่านี้ถ้ามีหนูฟ้ามาดูแลนะ”
“มากไปไหมมัม?”
“เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้นิ ฟ้าอย่าไปสนใจไอ้คนขี้หวงเลยนะลูก มานั่งกับแม่ตรงนี้ดีกว่า”
ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายคนใหม่ไปนั่งด้วยกันที่โซฟารับแขกตัวยาวเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าน้ำไม่ชอบใจแต่ก็ทำได้เพียงจิ๊ปากแล้วไปนั่งลงที่เบาะเล็กข้างๆฟ้า
“ป้าอรอยากเจอผมเหรอครับ?”
ฟ้าเริ่มต้นถามตามที่ตนสงสัย อรพินยิ้มหวานแล้วยกมือขึ้นไปเกลี่ยปอยผมด้านหน้าไปทัดกับหูอย่างเอ็นดู น้ำเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นมารวบผมให้ฟ้าต่อหน้าต่อตาผู้เป็นแม่จนฟ้าอดที่จะเขินไม่ได้
“แม่รู้แล้วละ เรื่องที่เราสองคนคบกันนะ”
ฟ้าเบิกตากว้างอ้าปากค้างทั้งที
“แม่ดีใจนะที่ทำให้ลูกชายแม่กลับมาเป็นคนได้คือฟ้า”
“มัมพูดอย่างกับเมื่อก่อนผมไม่ใช่คนงั้นแหละ”
“ก็ไม่ใช่นะสิยะ ฉันจะพูดกับฟ้าอย่ามาขัดสิตาน้ำ”
“ใช่ซิ๊ ได้ลูกชายคนใหม่แล้วนี่ คนเก่าก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”
“นอกจากจะขี้หวงแล้วยังขี้น้อยใจอีกแฮะ”
ฟ้าได้แต่หัวเราะขำท่ามกลางการปะทะฝีปากของแม่และลูกคู่นี้ ฟ้าพูดคุยกับแม่ลูกแห่งบ้านเศรษฐาสกุลอยู่นานจนได้รู้ว่าพ่อและแม่ของน้ำยอมรับเค้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ไหนๆก็มองฟ้าเป็นเหมือนลูกชายคนที่สองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเพราะความสนิทสนมที่มีให้กัน ถึงจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักฟ้าก็ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกแยกเหมือนอย่างที่ฟ้าเคยนึกกลัว ฟ้าแทบกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยความกวนของน้ำจึงทำให้ฟ้าหัวเราะกลบเกลื่อนได้ในที่สุด
“ยังไงก็อดทนไว้ก่อนนะหนูฟ้า อีกไม่นานเดี๋ยวแม่จะเอาตัวเจ้าน้ำไปมอบตัวกับคุณณพเอง”
“อ้าวมัม”
“หึหึ ได้ครับป้าอร”
“เลิกเรียกป้าได้แล้วมั่งจ้ะ”
“...เออ...”
“ไหนลองเรียกแม่สิ”
“ครับ แม่อร”
“อย่างนั้นแหละจ้ะ”
คุยกันอีกไม่นานอรพินก็ต้องลาเพราะต้องไปดูรายงานในอีกสาขาหนึ่ง น้ำเลยพาฟ้าไปยังชั้นที่จอดรถไว้กะจะพากลับคอนโดก่อนแล้วค่อยให้พี่ดินมารับเหมือนเมื่อวาน
“น้ำบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่เหรอ?”
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องของเราไง”
“อ้อ ก็วันที่ฟ้าโดนพ่อลากกลับบ้านนั้นแหละ นอกจากจะได้บอกแล้วยังได้ปรึกษากันเรื่องนี้พอดีด้วย”
“ถึงขนาดนั้นเลย”
“ใช่สิ ทุกคนเขาเข้าใจฟ้านะ เข้าใจเราแล้วก็เข้าใจความรักของเราด้วย”
“ยกเว้นพ่อเรานะสิ”
พูดไปก็อดที่จะตีหน้าเศร้าไปด้วยไม่ได้ แต่เมื่อเดินโผล่พ้นประตูอัตโนมัติของห้างเพื่อไปยังที่จอดรถ ฟ้าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เลยไปชนเข้ากับใครบางคนเข้า จริงๆเค้าก็เดินเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่นั้นแหละแต่ฟ้าดั๊นไปชนเข้ากับหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นและเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองกำลังจะเอ่ยขอโทษก็ต้องตะลึงค้างอีกครั้ง
“พ่อ!”
มหรรณพเองก็ตกใจเหมือนกันที่ได้เห็นลูกชายคนเล็กมาอยู่ที่นี้แถมยังมากับคนที่เค้าไม่อยากจะเห็นหน้า ดวงตาดุฉายแววโรจพลางจ้องมองเขม่งไปยังลูกก่อนจะหันไปมองน้ำและเลื่อนไปมองมือที่ยังคงกุมกันอยู่นั้น ฟ้าปล่อยมือจากน้ำทันทีที่เห็นสายตาของพ่อ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรแล้ว
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณณพ?”
ผู้ใหญ่อีกคนที่มากับด้วยกันกับณพเดินกลับมาหาก่อนที่จะเอ่ยถาม
“พอดีเจอลูกชายนะครับ”
“อ้าว เหรอครับ ใช่คนที่พูดถึงรึเปล่า?”
“ครับ คนนี้แหละ ที่ผมจะให้หมั้นกับลูกสาวของคุณ”
TBC.....