◑ MAKE FRIEND ◐ ★ เพื่อนรัก★ UP ตอนที่ 31-33 {06/02/60} END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑ MAKE FRIEND ◐ ★ เพื่อนรัก★ UP ตอนที่ 31-33 {06/02/60} END  (อ่าน 23515 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน ●รัก★

 

21

 

 

 

ฟ้ารู้สึกตัวขึ้นมาด้วยอาการมึนหัวพอสมควร เท่าที่จำความได้คือตัวเองกำลังแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายรวมทั้งหัวที่ปวดตุบๆมาตั้งแต่เมื่อวาน ความจริงเค้าก็พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังไม่สบายแต่ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไรเลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก

 

ดวงตาสีนิลลืมขึ้นมองรอบข้างที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีส้มจากหัวเตียงที่ไม่คุ้นเคยและตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลเอกชนละแวกคอนโด

 

ได้แอ๊ดมิทจนได้สิน่า

 

ระหว่างที่สายตาเริ่มคุ้นชินฟ้าก็ได้เหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนซึ่งกำลังนอนห่มผ้าหันหลังให้เค้าอยู่ตรงโซฟา

 

คนที่เข้ามาภายในห้องได้ก็มีเพียงตัวฟ้าเองและ…

 

“น้ำ”

 

เสียงแหบแห้งแทบไม่มีแรงนั้นเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบาแต่ทว่าคนที่นอนคุดคู้อยู่นั้นกลับขยับตัวและหันมาหา น้ำลุกขึ้นนั่งตาบลือๆแล้วจึงตรงมาจับหน้าจับหน้าผากคนบนเตียงเบาๆ ใบหน้าหล่อเข้มยังคงเดิมไม่มีอาการกระวนกระวายหรือโกรธเคือง หากแต่ภายในแววตาเฉี่ยวสีน้ำตาลอ่อนนั้นยังคงมีความอ่อนโยนและความห่วงใยให้เค้าเสมอ

 

“เป็นไงบ้าง มีอาการผิดปกติตรงไหนไหม? ถ้ามีเราจะกดเรียกหมอให้”

 

ฟ้าหลบสายตานั้นด้วยใจที่เต้นไม่เป็นล่ำเป็นสัน

 

“เรามึนหัวนิดหน่อยนะ”

 

น้ำพยักหน้ารับแล้วกดอินเตอร์โฟนเรียกพยาบาลด้านนอกเพื่อบอกว่าคนป่วยได้ฟื้นแล้ว ไม่นานหมอก็เข้ามาดูอาการฟ้าจนเรียบร้อยก็ออกไปแต่ยังเน้นย้ำในเรื่องอาการของฟ้าให้น้ำฟังอีกครั้ง หมอบอกว่าอาการของฟ้าคืออาการหมดสติระดับอ่อนเนื่องจากความดันที่เปลี่ยนแปลงเพราะความอ่อนเพลียและความเครียด ถึงตอนนี้อาการจะไม่รุนแรงมากแต่ถ้ายังคงไม่ดูแลก็อาจจะเพิ่มระดับความรุนแรงไปจนถึงขั้นสูญเสียการควบคุมความเคลื่อนไหวของร่างกายได้

 

“เวอร์ไปละ”

 

ฟ้าบ่นอุบเมื่อหมอและพยาบาลออกจากห้องไปหมดแล้ว

 

“ไอ้เรื่องไม่ดูแลตัวเองนี่เป็นยังงี้ตลอดเลยนะฟ้า”

 

“น้ำก็รู้ว่าเราแข็งแรงจะตาย หมอก็ชอบพูดให้ฟังดูเวอร์ๆตลอดแหละ”

 

“ถ้าแข็งแรงจริงแล้วจะมานอนหมดสภาพอยู่นี่รึไง”

 

ฟ้าจิ๊ปากตั้งท่าจะเถียงต่อแต่กลับมีบางอย่างมาสกิตในใจเลยต้องหันไปมองน้ำอย่างกระวนกระวาย

 

“เรื่องนี้น้ำได้บอกใครไปบ้างรึยัง?”

 

น้ำหมุนหัวคิ้ว

 

“เรื่องอะไร?”

 

“อย่ามาแกล้งซื่อตอนนี้จะได้ไหมน้ำ เราไม่เล่นนะ”

 

“เอ๊า ก็มันเรื่องอะไรกันแน่ละ”

 

ถึงคำพูดจะออกมาแบบนั้นแต่สีหน้าแววตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับยังคงเผยอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลา ฟ้าเกิดความหมั่นไส้เลยฟาดมือใส่ต้นแขนแรงๆไปทีจนน้ำสะดุ้งโหย่ง

 

“โห ชอบทำร้ายร่างกายเราประจำเลยวะฟ้า เดี๋ยวเราไปฟ้องแม่แล้วจะหนาว”

 

“ไม่ต้องมาขู่แล้วเปลี่ยนเรื่องเลยน้ำ สรุปเรื่องที่เรามานอนอยู่นี่ได้บอกใครไปบ้างรึยัง?”

 

“ก็มีแม่เราและก็ทางบ้านฟ้า”

 

ฟ้าถึงกับอ้าปากค้าง

 

“น้ำ!”

 

“อยู่ใกล้แค่นี้เรียกเบาๆก็ได้”

 

“ยังจะเล่นอีก!!”

 

“อ้าว เราทำอะไรผิดอีกเนี้ย?”

 

“ผิดหมดเลย! หยึ๊ย~”

 

แทบที่น้ำจะสลดกับคำกล่าวหาเค้ากลับยิ้มกว้างและหลุดเสียงหัวเราะจนโดนคนหัวร้อนบนเตียงตวัดสายตามามองจ้องเขม่ง

 

“หัวเราะอะไร!?”

 

นั้นไง ยังพาลได้อีก

 

“ขอโทษ”

 

“ไม่ยกโทษให้เว้ย! ตายแน่ๆ โดนจับกลับบ้านอีกแน่ๆอะ ไอ้น้ำบ้า!! ไปบอกบ้านเราทำไมเนี้ย เรื่องแค่นี้เอง!!!”

 

“ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ”

 

“ก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่าไม่ยกโทษให้!”

 

ให้มันได้อย่างนี้สิ

 

ทำไมเวลาหงุดหงิดแบบนี้แล้วยังน่ารักได้อีกนะ ปากแดงๆที่ยื่นจนจู๋ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันกับดวงตาที่รนไปมา น่าจับแก้มเนียนๆนั้นมาขยี้แกล้งกวนเสียจริง

 

“ขอโทษ…ที่โกหกว่าบอกทางบ้าน จริงๆแล้วยังไม่ได้บอกใครเลยต่างหาก”

 

เท่านั้นแหละ ฟ้าถึงกับชะงักค้างก่อนจะหันไปจ้องคนพูดชนิดที่แทบจะกระโจนมาถลกหนังหัว

 

“น้ำ!!!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆ”

 

“แกล้งกันได้ลงคอนะน้ำ จำไว้เลย จำไว้”

 

“หึหึ ก็ฟ้าน่าแกล้งเอง ช่วยไม่ได้”

 

“เออ! สรุปเราผิดใช่ไหมห่ะ!?!”

 

“โอ๋ๆ อย่าหัวร้อนสิครับ นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วนะ นอนได้แล้ว”

 

“จิ๊”

 

น้ำหัวเราะขำให้กับคนป่วยแสนดื้อที่นอนหันหลังให้เค้าทันทีโดยที่ไม่มีท่าทีจะเจ็บกับรอยเจาะโยงสายน้ำเกลือที่แขนเลยสักนิด

 

“ทำดีๆดิฟ้า”

 

“อะไร เราก็จะนอนแล้วนี่ไง”

 

ถึงปากจะบอกว่าอย่างนั้นแต่น้ำเสียงนี่ตวัดใช่ได้ น้ำส่ายหัวแล้วเดินเข้ามาดึงผ้าห่มคลุมให้คนบนเตียงจนถึงไหล่ ฟ้าเผลอเกร็งตัวโดยทันที ลมหายใจชะงักไปนิดเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่คุ้นเคย

 

“เอาเถอะ ถึงจะดื้อจะไม่ห่วงตัวเองขนาดไหนก็ตามใจ เดี๋ยวเราจะเป็นคนดูแลฟ้าเอง”

 

ฟ้าแทบลืมหายใจ เค้าค่อยๆหันมามองคนพูดที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าท่าทางปกติ

 

“อะไร? เราพูดอะไรผิด?”

 

“คิดยังไงถึงพูดแบบนั้น?”

 

“ก็พูดตามที่คิด ผิดรึไง?”

 

“ผิด”

 

“อ้าว”

 

“ผิดปกติมากอะน้ำ”

 

“ผิดตรงไหน พูดอย่างกับที่ผ่านมากว่าสิบปีนี้เราไม่ได้ดูแลกัน”

 

น้ำพูดด้วยรอยยิ้มในขณะที่ฟ้ากรอกตาไปมา

 

“มันก็จริงนะ แต่ไม่รู้สิ เราว่ามันแปลกๆ”

 

“ไม่แปลกหรอก เพียงแค่ไม่เคยพูดออกมาให้ได้ยินก็แค่นั้น”

 

“มันก็จริงแฮะ”

 

น้ำระบายยิ้มให้กับความเอ๋อๆของคนตรงหน้า ฟ้าจ้องมองไม่วางตาจนน้ำเลิกคิ้วสงสัย

 

“จ้องอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ?”

 

ฟ้าเบ้ปากทันที

 

“แค่คิดว่าอะไรที่ทำให้หมาบ้ากลายมาเป็นคนได้...”

 

เมื่อพูดถึงจุดนี้ฟ้าก็หลุบตาลงต่ำพร้อมกับใบหน้าที่สลดลงนิดหน่อย เมื่อตอนเย็นน้ำได้ไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง งั้นคนที่เปลี่ยนน้ำได้ก็คือผู้หญิงคนนั้นสินะ คงเป็นคนสำคัญมากๆเลยสินะ

 

“คิดอะไรอยู่นะ หน้ายู่เชียว”

 

ไม่พูดเปล่า น้ำเอื้อมมือไปจับข้างแก้มของคนตรงหน้าก่อนจะนวดๆบดๆจนหน้ายู่มากกว่าเดิม

 

“อื้อออ เอ็บอ๊ะ”

 

“หึหึ นอนไปเลย คิดอะไรมากเดี๋ยวก็ได้นอนโรงพยาบาลยาวหรอก”

 

“ไม่เอาอะ”

 

“งั้นก็นอนพักได้แล้ว”

 

“คร้าบๆพ่อครับ ผมจะนอนแล้วครับ”

 

“กวนวะฟ้า”

 

ฟ้ายิ้มรับ

 

“ฝันดีครับ”

 

 และฟ้าก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อน้ำเอ่ยพร้อมกับเอี้ยวตัวลงมากดจูบลงที่หน้าผากเค้า ในขณะที่ฟ้ากำลังนิ่งอึ้งอยู่นั้นน้ำก็จับผ้าห่มมาคลุมให้แล้วจึงผละออกไปนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาโดยที่ไม่สนใจต่อสีหน้าท่าทางและแววตาที่ยังคงจับจ้องเค้าไม่วางตา รอยยิ้มผุดขึ้นมาที่มุมปากทั้งที่ตายังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ในมือ

 

 

 

 

 

 

 

/อะไรนะ! ฟ้าเข้าโรงพยาบาล!!/

 

เสียงวี๊ดว๊าดดังแทรกออกมาจากโทรศัพท์ในมือน้ำจนฟ้าที่เดินอยู่ข้างๆยังได้ยินไปด้วย ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่กำลังเดินทางกลับคอนโดหลังจากที่เคลียร์กับทางโรงพยาบาลเรียบร้อยไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

 

“จะโวยวายทำไมวะคีย์?”

 

/จะไม่ให้โวยวายได้ไงวะ ฟ้าเข้าโรงพยาบาลเชียวนะเว้ย/

 

“แต่ก็ออกมาแล้ว”

 

/อ้าว/

 

“หัดฟังให้จบก่อนแล้วค่อยโวยวายได้ม่ะ”

 

ฟ้าหัวเราะขำให้กับการกัดหันไปมาของเพื่อนทั้งสอง น้ำกับคีย์มักต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้เป็นประจำจนฟ้าต้องเป็นฝ่ายช่วยแยกไปซะทุกครั้ง และครั้งนี้เค้าก็แย่งเอาโทรศัพท์จากมือน้ำมาคุยเองปล่อยให้น้ำขับรถต่อไปเพราะถึงช่วงสัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวพอดี

 

“คีย์”

 

/ฟ้า! เป็นอะไรทำไมต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลด้วยอะ!?/

 

“ใจเย็นๆ เราไม่เป็นอะไรมากหรอก”

 

/คนที่เค้าไม่เป็นไรเค้าไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลกันหรอกเว้ย/

 

“หึหึ”

 

/ไม่ต้องมาหัวเราะ สรุปเป็นอะไร?/

 

“แค่เหนื่อยเลยวูบไปนะ น้ำเองก็ตื่นตูมเกินเลยวิ่งโร่พาเข้าโรงพยาบาล โอ้ย!”

 

พูดยังไม่ทันจะจบน้ำก็หยิกแก้มคนปากเก่งเข้าให้คนฟ้าร้องลั่นรถก่อนจะตวัดสายตาไปจ้องดุๆ แต่น้ำยังคงยิ้มกวนอารมณ์สายตาก็มองถนนต่อไป

 

/เป็นอะไรฟ้า?/

 

“ไม่มีอะไรหรอก แค่หมากัด”

 

“ปากเก่งงี้เดี๋ยวจับกัดซะให้เข็ด”

 

!!!

 

ทั้งฟ้าและคีย์ต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากคนข้างๆ ฟ้าอ้าปากค้างจะเถียงกลับก็คิดคำพูดไม่ออกจนคนปลายสายเป็นฝ่ายท้วงขึ้นมาก่อนนั้นแหละ

 

/เชี่ยน้ำมันพูดอะไรวะ ขนลุกเลยเนี้ย/

 

“น้ำมันล้อเล่นนะ”

 

“เราพูดตอนไหนว่าล้อเล่นนะ”

 

“น้ำ!”

 

“หึหึหึ”

 

/เห้ยๆ เราว่ามันแปลกๆนะฟ้า ตกลงใครป่วยกันแน่วะเนี้ย/

 

“เอาเหอะ ยังไงเราก็โอเคแล้วกำลังกลับคอนโดฝากแล็คเชอร์วิชาของวันนี้ด้วยแล้วกัน”

 

/ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเรียนเสร็จจะเข้าไปหาละกัน นอนพักเยอะๆละ/

 

“โอเค”

 

เมื่อวางสายไปต่างคนต่างก็เงียบไม่พูดไม่จาและตกอยบู่ในห้วงความคิดของตัวเองไปจนกระทั่งถึงคอนโดและขึ้นไปยังห้องของตน น้ำยังคงคอยเดินตีคู่เคียงข้างพลางเอื้อมมือไปโอบเอวฟ้าไว้หลวมๆโดยใช้ข้ออ้างว่าช่วยพยุงเผื่อวูบไปอีก ฟ้าเองก็ใช่ว่าจะยอมแต่ถึงฟ้าจะแย้งยังไงมือหนาของคนตัวใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี ฟ้าเลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปจนถึงห้องนั้นแหละ

 

“หวา กลิ่นอะไรเน่าๆเนี้ย?”

 

ทันทีที่เปิดประตูห้องได้ฟ้าก็บ่นอุบทันที น้ำเองก็ก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะไล่สายตาไปเจอหม้อที่ยังคงค้างอยู่บนเตาแก๊ส

 

“จากหม้อนั้นมั่ง?”

 

“เห้ย! จริงด้วย ลืมไปเลยนะเนี้ย”

 

พูดจบเจ้าตัวก็รีบก้าวยาวๆพุ่งตรงไปยังโซนครัวทันที น้ำเลยต้องเดินเอาห่อยาไปวางไว้ที่เค้าเตอร์เงียบๆปล่อยให้ฟ้าจัดการกับเศษซากที่เหลือไป

 

“ฟ้า เราอาบน้ำก่อนนะ”

 

น้ำชะโงกหน้ามาบอกฟ้าที่ครัวพอฟ้าพยักหน้ารับเค้าเลยหายเข้าห้องนอนใหญ่ไปโดยไม่ต้องคิด น้ำกะจะย้ายข้าวของของตนที่ห้องนอนเล็กมาอยู่ที่ห้องนอนใหญ่อย่างถาวรโดยที่ไม่ต้องรอฟังคำท้วงติงใดๆจากเจ้าของห้องที่แท้จริง ไม่กี่นาทีน้ำก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพกึ่งเปลือยเพราะมีผ้าขนหนูพันอยู่ที่เอวเพียงผืนเดียว ผิวสีเข้มกว่าใครอีกคนยังคงมีความชื้นเพราะผมที่เปียกลู่ไปกับผิวยังไม่ได้รับการเช็ดให้แห้งสนิด

 

น้ำกำลังหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กของฟ้ามาใช้แต่ทว่าความคิดหนึ่งกลับแว๊บเข้ามาในหัวซะก่อน เค้าเปลี่ยนใจนำผ้าฝืนนั้นไปใส่น้ำจนเปียกชุ้มแล้วจึงบิดหมาดๆและถือออกไปหาฟ้าที่นอนแผ่ตากแอร์อยู่ตรงโซฟากลางห้อง

 

“ฟ้า”

 

เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมองก่อนจะฝุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงหน้าตาตกอกตกใจก่อนที่จะเห่อแดงจนน้ำอดยิ้มขำไม่ได้

 

ปฎิกิริยารุนแรงมากกว่าที่คิดซะอีกแฮะ

 

“มะ มีอะไร ทำไมไม่ไปแต่งตัวดีๆละ?”

 

“ผ้าเปียก”

 

น้ำตอบพร้อมชูผ้าในมือให้คนถามดู

 

“แล้วไง เปียกก็ไปหาผืนใหม่สิ”

 

“ในห้องไม่มีแล้ว”

 

“แล้วห้องตัวเองละ?”

 

“ไม่รู้ยังไม่ได้ไปดู”

 

“.......”

 

“ฟ้าไปดูให้หน่อยสิ”

 

“เห็นเราเป็นคนใช้รึไง?”

 

“นะครับ”

 

ฟ้าเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงก่อนที่จะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าห้องนอนเล็กไปโดยไม่พูดไม่จา น้ำมองตามอย่างชอบใจแต่ไม่นานเค้าก็เดินตามเข้าไปจนทันได้เห็นฟ้ากำลังก้มๆเงยๆที่ตู้เสื้อผ้า น้ำค่อยๆเดินเข้าไปยืนนิ่งที่ด้านหลังจนฟ้าหาผ้าเจอและลุกขึ้นยืนหันหลังและเข้ามาปะทะเข้ากับเค้าพอดี

 

“เห้ย!”

 

หมับ!!

 

ฟ้าร้องด้วยความตกใจจนเกือบจะเซล้มหงายหลังดีที่น้ำยังไวกว่าเลยคว้าเอวเอาไว้ได้ก่อน ตอนนี้เลยกลายเป็นความแนบชิดที่ไม่มีแม้ช่องว่างระหว่างพวกเค้าทั้งสองคน ฟ้าเงยหน้าจ้องสบตาน้ำในขณะที่มือยังคงกำผ้าขนหนูแน่น เค้ายอมรับว่าใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าน้ำจะได้ยินไปด้วย ลมหายใจอันแผ่วเบารินรดซึ่งกันและกันไร้ซึ่งสิ่งขว้างกั้นและคำพูดใดๆ

 

ฟ้าเป็นคนแรกที่เบนสายตาหนีแต่น้ำก็ยกมือขึ้นจับปลายคางคนตรงหน้าให้หันมาสบกันเช่นเดิม

 

“จะหนีทำไม?”

 

เสียงทุ้มถามอย่างแผ่วเบาจนใจคนฟังสั่นระรัว น้ำกดยิ้มเมื่อเห็นดวงตาสีนิลเลิ่กลั่กไปมาอย่างประหม่าและเก้อเขินในเวลาเดียวกัน

 

“ถามทำไมไม่ตอบละ?”

 

“ปล่อยเราก่อนได้ไหม?”

 

“ไม่ละ ขืนปล่อยฟ้าก็หนีเราไปอีกนะสิ”

 

“จะหนีไปไหนได้เล่า ห้องก็มีอยู่แค่นี้”

 

“งั้นตรงนี้ละ หนีอะไรอยู่?”

 

ฟ้ามองสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงมือหนาที่จิ้มมาที่หน้าอกด้านซ้าย

 

“อะไรน้ำ?”

 

“ก็ตรงนี้ เหมือนกำลังหนีอะไรอยู่เลย”

 

“เพ้อเจ้อ ไปฟังอะไรจากใครเค้ามาละเนี้ย?”

 

“หยกบอกมานะ”

 

เท่านั้นแหละ ฟ้าถึงกับออกแรงผลักน้ำทันที แต่น้ำดูเหมือนจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วเลยยังคงยึดตัวฟ้าไว้ได้ดั่งเดิม

 

“ปล่อย”

 

“อารมณ์เสียอะไรครับ?”

 

“อารมณ์เสียเพราะใครบางคนไม่ยอมปล่อยเราสักทีเนี้ยแหละ”

 

“อย่าดิ้นมากดิฟ้า”

 

“ทำไมไม่ทราบ?”

 

น้ำยิ้มกริ่มก่อนจะหลุบตาก้มลงมองต่ำ

 

“เดี๋ยวผ้าหลุดแล้วมันจะฉุดไม่อยู่ไงละ”

 

TBC.....

 

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ฮึ่ยยย อย่ามาเต๊าะฟ้านะ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1

◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

22

 

 

 

 

“หน้าบึ้งอะไรวะฟ้า?”

 

คีย์เอ่ยถามเพื่อนหลังจากที่เข้ามาหาฟ้าที่คอนโดเมื่อเรียนรายวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ ฟ้ายังคงไม่ตอบคีย์แต่หันไปจิกตาใส่ใครอีกคนที่หัวเราะคิดคักอยู่ที่โซฟาข้างๆ ไม่รู้ว่าหัวเราะกับรายการในโทรทัศน์หรืออะไรแต่มันน่าหมั่นไส้จนฟ้าต้องหยิบหมอนอิงข้างๆฟาดเข้าให้

 

“อะไรฟ้า อย่ามาพาลดิ”

 

ฟ้าจิ๊ปากใส่แล้วจึงหันกลับมาหาคีย์ที่ยังคงมองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนจะจับผิดแต่ก็ไหวระริกไปพร้อมๆกัน

 

“คีย์ซื้ออะไรมาเยอะแยะ?”

 

ฟ้าเอ่ยเพราะเห็นสารพัดถุงที่วางอยู่ตรงหน้า

 

“ของกินไง เราโคตรหิวเลยเนี้ย แกะมากินกันเลยเหอะ”

 

ฟ้าพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นถือถุงเดินไปยังเคาเตอร์ครัวโดยที่มีคีย์เดินตามไปช่วยอีกแรง ฟ้าดูของในถุงก่อนที่จะจัดแจงหยิบจานชามลงมาจากชั้นส่วนคีย์ก็คอยแกะถุงเตรียมเทใส่อยู่ข้างๆ

 

“ฟ้า”

 

“หืม?”

 

“มีเรื่องอะไรกับไอ้น้ำอีกรึเปล่า?”

 

ฟ้าชะงักมือไปแป๊บแต่ก็ตั้งสติกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

 

“ก็...ไม่นะ”

 

“อย่ามาตอแหล เราเป็นเพื่อนกันนะแค่นี้เราจะดูเพื่อนตัวเองไม่ออกเลยรึไง?”

 

“ก็ไม่ได้มีเรื่องจริงๆนี่”

 

“งั้นมีอะไร?”

 

“ก็....”

 

 

 

 

“ไอ้หื่นเอ๊ย!”

 

ฟ้าตะคอกลั่นทั้งที่หน้าแดงก่ำ น้ำหัวเราะชอบใจแต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอดแม้ฟ้าจะพยายามดิ้นหนีถึงเพียงใด ถึงแม้ฟ้าจะเป็นผู้ชายที่สูงโปร่งไม่ได้ร่างเล็กอ้อนแอ๊นแต่ฟ้าก็ไม่อาจสู้แรงเค้าได้อย่างแน่นอน

 

“บอกแล้วไงว่าอย่าดิ้น”

 

“งั้นก็ปล่อยสิ”

 

“ไม่ปล่อย ฟ้าอาบน้ำตั้งนานแล้วแต่ทำไมตัวยังหอมอยู่เลยละ”

 

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เห้ย!”

 

พูดยังไม่ทันจะจบฟ้าก็ต้องอุทานลั่นเมื่อมือหนาของคนตรงหน้าเลื่อนลงไปประกบกับส่วนอ่อนไหว

 

“น้ำ!!”

 

“อ้าว นึกว่าแข็ง”

 

“ไอ้บ้านี่ ใครมันจะไปแข็งได้ตลอดเวลากันวะ!”

 

“เราไง”

 

“ไอ้หื่น”

 

“ยังพูดไม่จบเลย เราจะบอกว่าเราแปลกๆอะ”

 

ฟ้าหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ

 

“แปลกๆ?”

 

“ก็เวลาอยู่ใกล้ฟ้าแล้วเราของขึ้นทุกทีเลย เนี้ยก็กำลังแข็งอยู่ด้วย จับดูสิ”

 

“ไอ้สัส!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”


 

 

 

 

“เชี่ยยยยยยยย!”

 

“เออ ก็นั้นแหละ เรานี่แทบจะล้มทั้งยืน ทำไมน้ำมันเปลี่ยนไปขนาดนี้อะคีย์”

 

คีย์เองก็ตอบไม่ได้ทั้งที่ภายในก็เริ่มจะแน่ชัดในสิ่งที่ตนจับสังเกตุอยู่ตลอด ฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่พอดีกับที่ทั้งสองจัดอาหารลงจานเรียบร้อยจึงได้เอ่ยเรียกน้ำให้มาทานพร้อมๆกัน

 

“ฟ้า มียาก่อนอาหารไม่ใช่เหรอ?”

 

“เหรอ ไม่รู้สิ”

 

“เด็กน้อยเอ๊ย”

 

 น้ำบ่นทั้งที่ปากยิ้มแต่ก็ยังลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อที่จะเอาถุงยาออกมาให้ฟ้า คีย์มองทุกการกระทำของน้ำตั้งแต่ต้นจนแกะออกมาป้อนใส่ปากและหยิบแก้วน้ำให้ดื่ม

 

“กินได้ละ”

 

คีย์พยักหน้ารับแล้วทั้งสามคนจึงลงมือกินข้าวเย็นไปพร้อมๆกับบรรยากาศที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดไม่จา ฟ้าเองก็ลอบมองสบตากับคีย์โดยที่มีน้ำคอยตักนู้นตักนี่บริการให้เต็มที่จนตัวเองแทบไม่ได้กิน

 

“พอแล้วน้ำ เราจะอิ่มแล้ว”

 

ฟ้าอดที่จะท้วงไม่ได้

 

“กินไปนิดเดียวเองนะฟ้า กินอีกหน่อยสิ เดี๋ยวก็วูบไปอีก”

 

“อิ่มแล้ว”

 

“กิน”

 

“เอ๊ะน้ำ”

 

“จะกินเองรึจะให้เราป้อน?”

 

น้ำพูดเสียงเข้มในขณะที่ฟ้าได้แต่เม้มปากก้มหน้าก้มตากินต่อไป

 

“ทำไมกูรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางจังวะ”

 

คีย์เอ่ยแซวออกมาโดยตั้งใจจะแขวะน้ำแต่ฟ้ากลับเป็นคนที่แสดงอาการออกมาซะงั้น

 

“คีย์!”

 

ฟ้าหน้าแดงแปร๊ดอย่างกับลูกตำลึงสุกแต่น้ำนั้นหัวเราะชอบใจเสียยกใหญ่

 

“รู้งั้นก็รีบกินรีบกลับดิวะ คนเค้าจะสวีตกัน”

 

“สวีตเหี้ยดิน้ำ เดี๋ยวนี้ชักลามปามใหญ่แล้วนะ”

 

“ฟ้าก็โหดขึ้นเป็นกองเชียวนะทั้งเหี้ยทั้งสัสนี่มาเต็ม แต่ก่อนไม่ยักกะพูดงี้กับเราเลย”

 

“ก็มันน่าไหมละ!”

 

“หึหึ”

 

“ไอ้น้ำ มึงจะไปยั่วโมโหฟ้ามันทำไมวะ รู้ๆอยู่ว่ามันขี้อาย”

 

“ก็มันอายแล้วน่ารักดี รึมึงจะเถียง?”

 

คีย์เลิกคิ้วแล้ววางช้อนในมือทันที เค้าจ้องหน้าน้ำก่อนที่รอยยิ้มร้ายจะปรากฎขึ้นที่มุมปาก

 

“แต่มันเป็นผู้ชายนะเว้ย คำว่าน่ารักมันไม่น่าใช้กับผู้ชายได้นี่หว่า?”

 

“สำหรับฟ้า คำว่าน่ารักนะถูกแล้ว”

 

ฟ้าอายจนอยากจะมุดโต๊ะหนีเสียให้ได้จะเถียงก็พูดไม่ออกจะด่าก็กลับถูกตอกกลับมาหนักกว่าเดิม

 

“หึหึ แล้วกูละ?”

 

“มึงนะ หน้าเหี้..โอ้ย!”

 

น้ำพูดยังไม่ทันจะจบก็โดนคีย์เตะหน้าแข้งเข้าให้ ฟ้าถึงกับหลุดหัวเราะจนน้ำขึงตาใส่

 

“มึงรู้ไหมน้ำ เกย์อย่างพวกกูนะมองผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักว่าดูดีนะมันไม่แปลก แต่ไอ้ผู้ชายแท้อย่างมึงมองผู้ชายว่าน่ารักนะ มันโคตรจะส่อแวววะ”

 

“ส่อแวว?”

 

“ส่อแววว่าจะมาหลงผู้ชายด้วยกันเหมือนพวกกูไง”

 

“คีย์!”

 

แทนที่น้ำจะตกใจกลับเป็นฟ้าที่ร้องเรียกซะลั่นห้องส่วนตัวการก็ได้แต่ยักคิ้วไปให้อย่างกวนๆ น้ำหัวเราะเสียงแผ่วไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือกังวลอะไรแม้แต่น้อย

 

“แล้วไง?”

 

แถมยังถามกลับพลางตีหน้ากวนไม่แพ้กันอีกต่างหาก

 

“สองคนนี้พูดเรื่องเชี่ยไรวะ กินอิ่มแล้วก็ลุกไปเก็บจานล้างเลยไป”

 

“ฟ้าอย่าพึ่งขัดดิ”

 

“หุบปากไปเลยนะคีย์”

 

“แรงวะฟ้า เอางี้ เราขอถามไอ้น้ำเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะเก็บข้าวเก็บของออกจากห้องไปทันทีที่ได้คำตอบเลยอะ”

 

“ไม่ต้อง”

 

“ถามมา”

 

“น้ำ!”

 

“เสียงดังวะฟ้า ฟ้าก็เก็บจานไปดิ เดี๋ยวเราเป็นคนล้างเอง”

 

“ไม่”

 

“งั้นก็นั่งอยู่นี่แหละ ว่ามาดิคีย์ จะได้รีบตอบรีบฟังแล้วก็รีบกลับไปเลยนะ”

 

“รีบไปสวีตกันเหรอออออ”

 

“เออดิ ถามมาๆ”

 

ฟ้าได้ตั่กดฟันทนนั่งฟังอย่างยอมจำนน สองมือเรียวยกขึ้นลูบหน้าปกปิดความแดงแปร๊ดพลางหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่วางพาดมาจนดูเหมือนโอบเค้าอยู่กลายๆ

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย?

 

คีย์ยิ้มกริ่มมองฟ้ากับน้ำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วจึงเอนหลังไปพิงพนักพิงบ้าง

 

“มึงรู้ใจตัวเองแล้วเหรอไอ้น้ำ?”

 

น้ำเลิกคิ้วนิ่งมองคีย์ไปร่วมนาทีก่อนที่จะเผยยิ้มกว้างพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ

 

“อืม”

 

“ว่า?”

 

“ทำไมกูต้องบอกมึง?”

 

“ก็กูถาม”

 

“บางอย่างเจ้าตัวก็สมควรได้ยินเองเพียงคนเดียวป่าววะ?”

 

“ทำมาเป็นอุบอิบ ถ้าคนอื่นไม่ค่อยพูดให้คิดมึงจะมีวันนี้ไหมกูอยากจะรู้”

 

“อืมมมม...กูว่ามี แต่อาจจะนานหน่อย”

 

“นี่ขนาดไม่นานนะ ยังโดนแย่งไปแล้วอะ”

 

พูดมาถึงจุดนี้น้ำถึงกับชะงักและจากหน้ายิ้มๆก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที น้ำหันไปมองฟ้าที่ยังคงก้มหน้างุดเหมือนจะไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไร

 

“ฟ้า”

 

ฟ้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียก

 

“โทรไปบอกเลิกกันไอ้เหี้ยนั้นซะ”

 

“ห่ะ”

 

“ไม่ต้องมาห่ะ โทรไปบอกเลิกมันตอนนี้เลย”

 

“จะบ้าเหรอน้ำ จู่ๆจะไป...”

 

“แต่ฟ้าไม่ได้รักมันไม่ใช่รึไง?”

 

“อย่ามาทำเป็นพูดดี น้ำจะรู้ได้ไงว่าเรารักไม่รักใคร”

 

“อย่างน้อยๆเราก็รู้ว่าฟ้ารักใครแล้วกัน”

 

ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก

 

“พะ พูดอะไรนะน้ำ? อย่ามาโม้น่า”

 

“โทษทีนะคีย์ ช่วยกลับไปก่อนจะได้ไหม?”

 

“ได้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะฟ้า เคลียร์กันดีๆอย่าให้กูได้ยินว่ามึงลงมือกันฟ้าอีกนะไอ้น้ำ”

 

“เออน่า”

 

ฟ้าได้แต่มองตามคีย์ตาปริบๆจะเข้าไปดึงเพื่อนให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้เพราะโดนน้ำลากไปที่ห้องนอนซะก่อน พอเข้าห้องได้น้ำก็ผลักฟ้าลงเตียงแล้วจึงตามไปค่อมทับไว้ทั้งตัว

 

“จะ จะทำอะไรวะน้ำ?”

 

“โทรไปบอกเลิกมันเดี๋ยวนี้”

 

“จะบ้า อุ๊ป! อืออออ”

 

ริมฝีปากหนากดลงมาทันทีที่ฟ้าโต้แย้ง ฟ้าเบิกตากว้างพยายามจะหันหนีแต่ก็โดนน้ำจับคางล็อคหน้าไว้ ริมฝีปากหนาบดขยี้เรียวปากของคนด้านล่างไม่นานก็ผละถอยออก ฟ้ามองน้ำด้วยความไม่เข้าใจทั้งที่หอบเอาอากาศเข้าปอดพร้อมใบหน้าแดงๆ มือทั้งสองข้างของฟ้าโดนน้ำจับล็อคไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียว

 

มือไวตลอด!

 

“ทำอย่างนี้ทำไม?”

 

“ก็บอกแล้วไงว่าโทรไปบอกเลิกมันซะ”

 

“ทำไมเราต้องเลิกกับต้น ต้นไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”

 

“แต่ฟ้าผิดต่อมัน ผิดต่อเรา และผิดต่อใจตัวเองด้วย!”

 

ฟ้าใจเต้นรัวจนตัวสั่นน้อยๆ

 

“พะ พูดอะไรวะน้ำ ปล่อยเรานะ”

 

“เราเคยบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ปล่อยฟ้าอีกแล้ว”

 

“……”

 

“ฟ้าเป็นของเรา ไม่ว่าจะแต่ก่อนตอนนี้หรือตลอดไปฟ้าก็คือคนของเรา”

 

“อย่ามาพูดพล่อยๆนะน้ำ”

 

“เราพูดความจริงเหอะ เรามีอะไรกันก่อนไอ้เหี้ยนั้นซะด้วยซ้ำ”

 

“ไม่เห็นจะเกี่ยว มันก็แค่เซ็กส์”

 

“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เซ็กส์”

 

ฟ้าเม้มปากแน่น

 

“อย่ากัดปาก”

 

เสียงที่อ่อนลงและความห่วงใยที่แสดงออกมันทำให้ฟ้าถึงกับอ่อนยวบ

 

“เราขอโทษที่ทำให้เจ็บ ขอโทษที่ไม่เคยรู้อะไรเลย”

 

“…”

 

“แต่เมื่อเรารู้ตัวแล้ว ฟ้าก็กลับมาหาเราได้ไหม?”

 

“…”

 

“นะครับ”

 

ฟ้าค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ อาการใจอ่อนต่อคำอ้อนของน้ำยังคงแผลงฤทธิ์ดั่งเดิม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันอาจจะต้องเจ็บยิ่งกว่าเก่าในภายภาคหน้า

 

แต่ความรักที่มีให้มันกลับไม่ยอมลดน้อยถอยลงไปเลยจริงๆ

 

ฟ้ายังไม่ได้ลืมตาขึ้นมองหรือเอ่ยปากตอบอะไรก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปาก คราวนี้เป็นการจูบที่อ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทั้งที่เป็นเพียงแค่การประกบกันของริมฝีปาก ไม่มีการบดขยี้ ไม่มีการสอดแทรกเรียวลิ้น แต่มันกลับทำให้ใจฟ้าเต้นแรงพอๆกับเสียงหัวใจของคนด้านบน น้ำคลายมือที่จับรัดแขนทั้งสองข้างของฟ้าออกเลยทำให้ฟ้าสามารถเลื่อนมันมาโอบรอบคอน้ำได้ถนัดขึ้น น้ำแอบยิ้มแล้วจึงเริ่มแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกวาดต้อนหาความหวานจากภายใน มือหนาค่อยๆเลื่อนไปเค้นบีบเค้นกำขย้ำตามผิวเนื้อของคนด้านล่างอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

 

“อืออออ”

 

ฟ้าหลุดเสียงอือออในลำคอทันทีที่มือซนวนเข้ามาโดนตุ่มไตที่ชูชัน น้ำยังคงบีบเค้นคลึงนวดวนไปมาพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากให้แรงขึ้น ฟ้าสะดุ้งเฮือกพลางเบิกตากว้างจนสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้านบน ดวงตาเฉี่ยวดุบัดนี้กลับดูอ่อนโยนและโหยหา ฟ้าไหวระริกทั้งแววตาและตัวตนจนน้ำผละริมฝีปากออกให้คนใต้ร่างได้มีโอกาสหายใจหายคอ

 

“อือออ น้ำ”

 

“ครับ?”

 

“อย่าเล่น”

 

“ไม่ได้เล่นซะหน่อย แจ่จะทำจริงๆเลยต่างหาก”

 

“ไม่ใช่ อ๊ะ!”

 

ฟ้าท้วงยังไม่ทันจะจบก็ต้องสะดุ้งโหยงหลุดเสียงร้องเพราะตุ่มไตสีชมพูใสนั้นได้ถูกเรียวปากของคนด้านบนนั้นครอบครองจนเสียวแปร๊บ ฟ้าแทบจะแอ่นกายตามกระแสไฟฟ้าภายในร่างพลางกดจิกเล็บลงบนที่นอน นี่มันมากกว่าปกติ มันมากจนเกินไป

 

“น้ำ ไม่เอา”

 

ฟ้ายกมือขึ้นดันไหล่น้ำเพราะนึกกลัวในสิ่งที่จะเกิด เค้าไม่คุ้นกับความรู้สึกแบบนี้ เค้าไม่ชินกับการทำตามความรู้สึกในเบื้องลึกของใจตัวเอง แต่น้ำกลับไม่หยุด ซ้ำยังรีบเร่งถอดกางเกงฟ้าออกจนฟ้าทำอะไรไม่ได้ มือหนาคว้าเอาแก่นกายอ่อนไหวของใครอีกคนไว้ในมือ ฟ้าสิ้นแรงที่จะต่อต้าน เค้าทำได้เพียงอ้าปากร้องครางเมื่อมือนั้นขยับขึ้นลงทั้งที่ปากก็คลอเคลียอยู่ที่ตุ่มไตด้านบน

 

“น้ำ…อืมมมม…น้ำ…”

 

ฟ้าทั้งครางทั้งเรียกอย่างโหยหา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอจนไหลรินลงตามหางตา น้ำเห็นอย่างนั้นจึงถอนปากออกมากดจูบเข้าที่ดวงตาทั้งคู่อย่างปลอบโยน ฟ้าเลยได้ยกมือขึ้นคล้องคอน้ำอีกครั้งพร้อมกับประกบปากจูบเองด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี น้ำจูบตอบได้ดุเดือดพอๆกับมือที่เร่งจังหวะจนฟ้าตัวกระตุก เสียงครางแผ่วเล็ดรอดออกมาจากคอระหงส์ ฟ้าตัวสั่นเทิมและปลดปล่อยในเวลาต่อมา น้ำจึงถอนจูบและหันไปจุ๊บเข้าที่ขมับคนหอบที่ปล่อยมือจากคอเค้าและนอนตัวแดงหน้าแดงอยู่บนเตียง น้ำยิ้มกว้างเมื่อมองไล่ตั้งแต่บนลงล่าง ฟ้าดูยั่วมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

 

“ฟ้ามีเจลไหม?”

 

น้ำถามพลางก้มลงไปคลอเคลียกับแก้มเนียนหอมนุ่มของฟ้า ฟ้าไม่ตอบแต่ชี้มือไปที่ลิ้นชักโต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียง น้ำจึงผละตัวเดินไปเปิดดู มีทั้งเจลทั้งถุงยางเรียกว่าครบครันมากและจำนวนเยอะอีกต่างหาก

 

“ทำไมมีเยอะงี้ละ?”

 

“ก็ต้องใช้ทุกวัน”

 

อ้อ ลืมไปว่าเมื่อก่อนฟ้าก็เจ้าชู้น้อยซะเมื่อไหร่

 

“หลังจากนี้ไปใช้กับเราคนเดียวพอ”

 

ฟ้าหันไปมองยังคนพูด

 

“เราก็จะใช้มันกับฟ้าคนเดียวเหมือนกัน”

 

ฟ้าแทบลืมหายใจ ดวงตาสีนิลไหวระริกก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลรินหนักกว่าเดิม ฟ้ารีบยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาแต่มันก็ไม่ทันการเมื่อน้ำได้เห็นเต็มสองตา

 

“แล้วกัน ร้องไห้ทำไมละฟ้า ไม่เอาน่าเราใจไม่ดีนะ”

 

“ไปไกลๆเลย”

 

“เห้ย! ไม่เอางี้ดิ โอ๋นะครับโอ๋”

 

“บอกให้ไปไกลๆไง ขืนอยู่ใกล้ เดี๋ยวเราจะหัวใจวายตายเอา”

 

น้ำฉีกยิ้มกว้างใจพองโตจนแทบลอย เค้าค่อยๆเข้าไปหาฟ้าโดยการนอนข้างๆแล้วดึงเข้ามากอดจนแนบชิด

 

“ไม่เอาน่า ไม่ร้องดิ เราอยู่นี่แล้ว”

 

“ก็เพราะอยู่ตรงนี้ไงเลยร้อง ใครมันจะไปคิด…”

 

“คิดอะไรครับ?”

 

“ใครมันจะไปคิดว่าจะ…ได้ยินน้ำพูดแบบนั้น…”

 

“งั้นฟ้าคงต้องเตรียมใจอีกเยอะเลยละ”

 

ฟ้าเลื่อนมือลงจนดวงตาสีแดงก่ำนั้นจ้องมองมายังคนพูดโดยตรง

 

“หมายความว่าไง?”

 

“ก็หลังจากนี้ไปเราจะพูดทุกวันจนฟ้าเอียนเลยนะสิ”

 

“น้ำ”

 

“ครับ?”

 

“ทำไม…”

 

“เรารักฟ้า”

 

“……”

 

“ได้ยินไหม? น้ำรักฟ้านะครับ ไม่ใช่รักแบบพี่น้อง ไม่ใช่รักแบบเพื่อน มันมากกว่านั้น มันคือความรักที่อยากครอบครอง มันคือความรักที่มีความหึงหวง มันเป็น…”

 

“พอ”

 

“ทำไมละครับ?”

 

“พอแล้ว…เราใจเต้นแรงมาก แรงจนจะตายแล้วเนี้ย”

 

น้ำยิ้ม

 

“รักฟ้านะ”

 

“บอกว่าพอไง”

 

“ฟ้าเป็นของเรานะ เป็นของน้ำคนเดียว”

 

“พอเถอะ”

 

“แล้วฟ้าละ รู้สึกยังไงกับเรา?”

 

ฟ้านิ่ง เค้าหันกลับไปมองหน้าคนถามที่ยังคงยิ้มกวนเหมือนรู้ทันอยู่เช่นเดิม

 

“ยังจะถามอีก”

 

“ก็อยากได้ยินนี่”

 

ฟ้าเม้มปากแน่นทันที

 

“ฟ้าครับ”

 

“…ร…”

 

“หืม?”

 

“รัก”

 

“……”

 

“ฟ้าก็รักน้ำครับ”

 

น้ำยิ้มกว้างและเพิ่มแรงกอดจนฟ้าแทบจะมุดหายเข้าไปในตัวเลยก็ว่าได้ เค้าดีใจ เค้าใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด้งกระดอนออกนอกอก เค้าไม่เคยรู้สึกดีใจกับอะไรมากถึงขนาดนี้มาก่อน

 

“ให้ตายสิ เข้าใจเลยว่าการดีใจจนแทบจะขาดใจตายมันเป็นยังไง”

 

ฟ้ายิ้มขำก่อนที่จะเอื้อมมือไปโอบกอดคนตัวใหญ่บ้าง ความรักของพวกเค้านะมันทั้งร้ายและอันตราย แต่ถึงแม้จะร้ายจะอันตรายถึงเพียงไหนแก่นแท้ของมันก็คือความสุขที่ดีจนแทบจะทำให้สิ้นสติ สิ้นแรง และสิ้นใจได้นั้นเอง

 

TBC…

ซะทีเนอะ

~เฮ้ย~

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน ●รัก★

 

23

 

 

วันต่อมาฟ้ามามหาลัยด้วยรถสปอร์ตสีควันบุหรี่สุดหรูที่แสนคุ้นเคย ช่วงนี้เค้าแทบไม่ได้แตะรถมินิสีแดงคู่ใจของตัวเองสักเท่าไหร่แถมยังมีสารถีส่วนตัวที่เป็นเจ้าของรถอีกด้วย

 

“เรียนเสร็จบ่ายสองใช่ไหม?”

 

ฟ้าหันไปมองคนถามหลังจากที่รถจอดสนิดอยู่ริมฟุตบาทหน้าตึกคณะสถาปัตฯที่ฟ้าเรียน

 

“ใช่ แต่น้ำเรียนถึงเย็นนี่”

 

“อืม”

 

“.....”

 

“.....”

 

“งั้นเราไปเรียนก่อนนะ”

 

“เดี๋ยว”

 

ฟ้าชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วหันมาหาคนเรียก น้ำใช้โอกาสนี้โน้มตัวมาหาแล้วกดจูบเข้าที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาแต่อ้อยอิ่ง ฟ้านิ่งค้างจนกระทั่งน้ำผละถอยออกไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

 

“นิ่งเลย”

 

ฟ้ากระพริบตาปริบๆในขณะที่น้ำยังคงยิ้มกว้าง เค้าเอื้อมมือไปรวมเส้นผมดำยาวของคนตรงหน้าแล้วจึงหยิบหนังยางรัดรวบไว้ให้จนเสร็จถึงได้สังเกตุเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อแถมยังก้มหน้าหลบตาเสียยกใหญ่

 

“เขินเหรอ?”

 

“ป่าวซะหน่อย เราไปเรียนละ”

 

“เดี๋ยวซิ๊”

 

“อะไรอีก?”

 

ฟ้าถามน้ำเสียงฟึดฟัดแต่น้ำก็รู้ดีว่ามันคืออาการเก้อเขินของคนตรงหน้า น่ารักชะมัด

 

“เรียนเสร็จโทรหา เดี๋ยวจะมารับไปส่งที่คอนโด”

 

“อ้าว น้ำมีเรียนไม่ใช่เหรอ?”

 

“ก็ใช่ แต่จะไปส่งก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนไง”

 

“ไม่ต้องเลย เรียนไปเรากลับเองได้”

 

“แว๊บไปส่งแค่ไม่กี่นาทีไม่เป็นไรหรอกน่า”

 

“ไม่เอา”

 

“ฟ้า”

 

น้ำกดเสียงเอ่ยทั้งที่แขนเค้ายังคงพาดอยู่กับเบาะนั่งของฟ้าและการแสดงสีหน้าที่จริงจังนั้นทำให้ฟ้าถึงกับเม้มปากแน่น ฟ้าไม่อยากขัดแต่ก็ไม่อยากกวนเวลาเรียนของน้ำพอๆกัน

 

“แต่ว่า...”

 

“ไม่มีแต่ครับ คีย์ไม่ได้เอารถมาแน่นอน และไอ้เคนก็เรียนกับเรา ถ้าเราไม่ไปส่งแล้วฟ้าจะกลับยังไง?”

 

“รถเมย์ รถไฟฟ้า รถแท๊กซี่เยอะแยะ อย่าทำเหมือนเราเป็นเด็กอายุ 3 ขวบไปหน่อยเลยน่า”

 

“ฟ้าเมารถเมย์เพราะมันเหวี่ยง รถไฟฟ้าเดี๋ยวมีคนมาเกาะแกะ ส่วนแท๊กซี่นี่เลิกคิดไปได้เลย อันตราย”

 

“เวอร์ไปไหมน้ำ”

 

“ไม่เวอร์ไปหรอก สรุปคือเดี๋ยวเราไปส่ง จบครับ อย่าเถียงเดี๋ยวผัวจับฟาดก้นซะให้เข็ด”

 

“เห้ย! พูดบ้าอะไรวะ!!”

 

“หรือไม่จริง ได้กันมาตะ อุ๊บ!”

 

ฟ้าเขินจัดแทบจะระเบิดจนต้องยกมือขึ้นปิดปากคนหน้าตายที่พูดสบายๆอย่างไม่รู้สึกรู้สา ถึงมันจะเป็ฯความจริงแต่เค้าก็ไม่พร้อมที่จะฟังโต้งๆแบบนี้หรอกนะ

 

“หึหึ”

 

เมื่อพูดไม่ได้น้ำเลยได้แต่หัวเราะ เค้าแกะมือฟ้าออกมาจุ๊บเบาๆแล้วจึงเลื่อนไปลูบหัวคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู

 

“ไปเรียนได้ละ แล้วอย่าลืมโทรหาเราตอนเรียนเสร็จแล้วนะ”

 

ฟ้าไม่ตอบแล้วหันไปเปิดประตูรถลงไปทันที น้ำมองตามร่างโปร่งที่ปิดประตูรถค่อนข้างแรงแล้วเดินไวๆเข้าไปยังตัวตึกจนสุดสายตา ส่วนฟ้าเมื่อหันกลับมามองยังทางที่พึ่งเดินหนีมารถคันคุ้นก็ขับแล่นออกไปเสียแล้ว รอยยิ้มปลื้มปลิ่มค่อยๆคลี่ออกช้าๆอย่างอดไว้ไม่ไหว ความสุขมันมีมากไปจนไม่กล้าที่จะยอมรับ

 

“ยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียวนะ?”

 

เฮือก!

 

“โถ่ คีย์ ตกใจหมดเลย”

 

พอรู้ว่าเป็นใครฟ้าถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ คีย์ยังคงมองฟ้าหน้านิ่งๆมือกอดอกเหมือนกำลังจับผิดอะไรสักอย่าง

 

“มีอะไรรึเปล่า?”

 

“เราน่าจะเป็นคนถามมากกว่านะ เห็นรถจอดอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่ลงมาสักที ถามจริงๆนะฟ้า เมื่อวานตกลงกันได้ยัง?”

 

“ตกลงอะไร๊?”

 

“ไม่ต้องมาทำเสียงสูง เรารู้ว่าฟ้าเข้าใจที่เราพูด”

 

“ก็...ไม่ได้ตกลงอะไรจริงๆนี่”

 

“แล้ว?”

 

“โถ่คีย์ จะมาถามอะไรตรงนี้เล่า”

 

ฟ้าโอดครวญพร้อมกับสอดส่องมองไปยังรอบข้างที่มีแต่เหล่านักศึกษาอยู่กันเต็มไปหมด

 

“โอเค งั้นขึ้นไปคุยกันที่ห้องเรียน”

 

“คีย์”

 

“ไม่ต้องมาอ้อน เราอุสาเปิดช่องให้ขนาดนั้นแล้ว ถ้าไอ้น้ำมันยังไม่ชัดเจนเรานี่แหละที่จะไปเฉ่งกบาลมันเอง”

 

“โหดวะ”

 

“พึ่งรู้เหรอ?”

 

“รู้นานละครับ ผมขอโทษครับพี่คีย์”

 

“หึหึ กวนนะฟ้า”

 

ทั้งคู่คุยหยอกล้อกันไปเรื่อยๆพร้อมๆกับพากันเดินไปขึ้นลิฟท์โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครบางคนที่ยืนหลบมุมอยู่ไม่ไกลและสามารถได้ยินคำพูดของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน ต้นยืนนิ่งกำมือแน่น เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาให้ได้ยินเรื่องราวพวกนั้นเลยสักนิด เค้าแค่เห็นฟ้าเดินเข้ามาในตึกและกำลังจะเดินเข้าไปทักแต่เมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนร่วมครึ่งเดือนหันกลับไปยิ้มกว้างในแบบที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนเค้าก็ถึงกับชะงักเท้า เค้ามองตามสายตาจนทันได้เห็ฯว่าฟ้ากำลังมองรถของใคร และก็น่าจะมาเรียนด้วยรถคันนั้นด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

“เฮ้ย~”

 

คีย์ถอนหายใจยาวๆหลังจากที่ได้ฟังเรื่องจากฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฟ้าเองก็เล่าไปเขินไปแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้อยู่ดี คีย์มองเพื่อนสนิทสุดแสนจะรักของตนด้วยแววตาที่อ่อนโยนแต่ก็ไหวระริกในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะดีใจไปกับเพื่อนแต่ก็อดที่จะเศร้าให้กับใครอีกคนไม่ได้

 

“แล้วจะจัดการเรื่องของต้นยังไง?”

 

ฟ้าถึงกับหุบยิ้มฉับหลังจากที่คีย์ถามจบ น้ำได้บอกให้เค้าไปบอกเลิกกับต้นให้เร็วที่สุดก็จริง แต่สำหรับฟ้าที่เป็นคนดึงต้นเข้ามาพัวพันกับมือนั้น...ก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้...

 

เค้าหลอกใช้ความรักของต้นเพื่อพยุงตัวเองให้รอดพ้นในยามที่จมดิ่งสู่ก้นเหวของความเศร้า เวลาที่เค้าไม่มีใคร ไม่รู้จะพึ่งใคร ต้นก็ดีกับเค้าเสมอ ทำเพื่อเค้าทุกอย่าง ให้ความรักทั้งที่เค้าให้ได้แค่ความรักในรูปแบบเพื่อน ถึงแม้จะเคยมีเซ็กส์กันแต่มันก็แค่เซ็กส์เฟรนสำหรับฟ้า ฟ้าพยายามแล้ว พยายามที่จะรักตอบในรูปแบบเดียวกัน

 

...แต่มันก็ทำไม่ได้...

 

“เรากลัววะคีย์”

 

“กลัวอะไร? กลัวโดนโกรธ กลัวโดนเกลียด หรือกลัวมันเสียใจ?”

 

“ทั้งหมดเลย”

 

คีย์ถอนหายใจอีกครั้ง

 

“ถึงฟ้าจะกลัวแต่ฟ้าก็ควรรีบบอกให้ชัดเจนดีกว่าให้เรื่องมันยืดเยื้อแบบครึ่งๆกลางๆนะฟ้า”

 

“เรารู้ แต่ว่า...”

 

ฟ้ายังพูดไม่ทันจะจบ อาจารย์ประจำรายวิชาก็เดินเข้ามาภายในห้องซะก่อน คนทั้งคู่เลยต้องหยุดเรื่องทั้งหมดไว้แล้วเข้าสู่โหมดเรียน ตลอดทั้งช่วงเช้าฟ้าแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง ดีหน่อยที่ไม่ค่อยมีควิชแต่งานที่ได้มาก็เยอะพอตัว สาขาของฟ้าเน้นที่จะให้ปฎิบัติไปพร้อมๆกับทฤษฎีนั้นเอง

 

“กินข้าวกัน”

 

ฟ้าพยักหน้าเมื่อคีย์เอ่ยบอก เค้าเก็บชีสงานและสมุดแลคเชอร์ใส่เป้แล้วจึงถือเดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมคีย์ พวกเค้าทั้งคู่ทิ้งช่วงให้เพื่อนคนอื่นๆออกจากห้องไปได้สักพักแล้วตอนนี้เลยเหลือคนรอลิฟท์อยู่ไม่มาก ถึงจะเสียเวลาพักไปร่วมสิบนาทีแต่ก็ยังดีกว่าแออัดกันจนหายใจไม่ออก

 

ฟ้ากับคีย์เลือกที่จะมานั่งทานมื้อเที่ยงกันที่โรงอาหารของคณะเพราะภาคบ่ายก็ต้องเรียนวิชาบังคับกันที่ตึกเดิม จะว่าไป ฟ้าก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของคณะมานานเลยทีเดียวเพราะปกติน้ำจะโทรมาเรียกให้ไปกินร้านข้างนอกตลอด น้ำขี้ร้อนและขี้รำคาญเพราะงั้นการนั่งกินที่โรงอาหารซึ่งไม่มีแอร์และคนพลุ่งพล่านอย่างนี้คือสิ่งที่น้ำคอยหลีกเลี่ยง

 

ครืน ครืน

 

พึ่งคิดถึงก็โทรมาซะงั้น ตายยากจริงๆ

 

“ว่า?”

 

/พูดกับที่รักพูดให้มันดีๆหน่อยสิครับ?/

 

ฟ้าละอยากจะเอาหัวโหม่งโต๊ะจริงๆ เสียงหัวเราะของน้ำดังตามหลังมาพร้อมกับเสียงแซวจากใครสักคนที่ปลายสาย

 

/เงียบเลยแฮะ เขินละสิ หึหึ/

 

“ถ้าไม่มีอะไรเราวางแล้วนะ”

 

/โห ใจร้ายวะ เราแค่จะถามว่ากินข้าวไหนกัน?/

 

“โรงอาหารของคณะนะ”

 

/เหรอ แล้วนี่กินกันรึยัง?/

 

“ยัง พึ่งได้โต๊ะ”

 

/โอเค งั้นเดี๋ยวไปกินด้วย ฝากซื้อข้าวให้ด้วยนะครับ ของเราคนเดียวพอไอ้เคนให้มันไปซื้อเอาเอง...เห้ย ไหงงั้นวะ ฟ้าซื้อให้เราด้วยดิ...เงียบไปเลยมึง นี่เมียกู กูใช้ได้คนเดียว.../

 

“น้ำ!!!”

 

/หึหึ ว่าไงครับ?/

 

“พูดอะไรไม่อายปาก”

 

/อายทำไม เราพูดความจริง/

 

“พอเลย จะมากินนี่ใช่ไหม งั้นแค่นี้แหละ”

 

/ครับๆ ห้านาทีถึง/

 

พูดจบน้ำก็ตัดสายปั๊บปล่อยให้ฟ้าเอาโทรศัพท์มามองตาปริบๆ

 

“น้ำมันจะมากินข้าวด้วยเหรอ?”

 

คีย์ถามเมื่อฟังมาได้สักพักและพอจะเดาเรื่องราวออก

 

“อืม”

 

“อย่างมันเนี้ยนะจะมานั่งกินที่โรงอาหาร?”

 

ขนาดคีย์ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้

 

“ก็คงงั้นแหละ ไปซื้อข้าวกันเหอะ คีย์ซื้อเผื่อเคนด้วยแล้วกันเดี๋ยวของน้ำเราซื้อเอง”

 

“ได้ๆ”

 

คีย์ตอบรับก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปซื้อจนผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถือกลับมากันคนละสองจาน ฟ้าเลือกที่จะกินข้าวมันไก่ส่วนของน้ำฟ้าซื้อข้าวหมูแดงหมูกรอบขนาดพิเศษให้ ทั้งคู่เดินมาจนถึงโต๊ะและก็ต้องแปลกใจที่น้ำและเคนได้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

 

“รู้ได้ไงว่าเราจองโต๊ะนี้ไว้?”

 

ฟ้าถามน้ำพร้อมกับวางจานข้าวลงตรงหน้า

 

“กระเป๋าไง แล้วไหนน้ำซุปอะ?”

 

น้ำตอบก่อนที่จะถามกลับเพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่าข้าวพวกนี้ต้องมีน้ำซุปร้อนๆเป็นคู่เคียง

 

“เรามีสองมือนะน้ำ จะให้ถือมารอบเดียวได้ไง”

 

“งั้นนั่งรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเราไปเอาเอง”

 

“รู้ร้านเหรอ?”

 

“ก็บอกมาดิ”

 

ฟ้ากรอกตามองบนก่อนที่จะบอกไป น้ำเลยเดินตรงไปยังร้านขายข้าวที่ฟ้าพึ่งเดินออกมา แต่แทนที่ได้แล้วจะกลับมายังโต๊ะ น้ำก็เดินไปยังร้านขายน้ำดื่มซะงั้น ฟ้านั่งรอน้ำอยู่ที่โต๊ะโดยที่ยังไม่ลงมือทานเหมือนเคนและคีย์จนน้ำกลับมาพร้อมกับน้ำซุปถ้วยใหญ่และน้ำเปล่าอีกสองขวด ถือมาได้ด้วย สามารถจริงๆ

 

“คนเยอะชะมัด แถมยังชอบมุงเราอีกต่างหาก”

 

ฟ้ายิ้มขำเมื่อได้ยินน้ำบ่น ก็ใช่ว่าฟ้าจะไม่เห็นแหละนะ

 

“ระดับเดือนเศรษฐศาสตร์มาให้เห็นทั้งทีนี่นะ จะไม่ให้คนแตกตื่นได้ยังไงละ แถมยังต่างคณะอีกต่างหาก”

 

“เพราะแบบนี้ไงเราถึงไม่ชอบกินที่โรงอาหาร ให้ตายสิ”

 

“แล้วมาทำไมละงั้น?”

 

“ก็อยากมากินกับฟ้าอะ”

 

“.......”

 

ฟ้าถึงกับเงียบกริบในขณะที่คนพูดมันก็ยิ้มกว้างทำหน้าด้านหน้าทนอยู่เหมือนเดิม เคนผิวปากหวือส่วนคีย์นั้นก็กินไปยิ้มไปอย่างน่าหมั่นไส้

 

“กินๆ มัวแต่เขินมันจะอิ่มไหมฮึ”

 

“ก็เพราะใครกันเล่า”

 

“ครับๆ ขอโทษครับ กินได้แล้วครับ หรือต้องให้ป้อน?”

 

“ไปไกลๆเลยน้ำ”

 

“หึหึ”

 

กว่าจะกินกันอิ่มฟ้าก็เทียวด่าเทียวเขินอยู่หลายตลบ ไม่ใช่จากน้ำคนเดียวซะด้วย หลังๆทั้งเคนทั้งคีย์ก็ผสมโรงจนฟ้าไม่รู้จะสู้ยังไงไหว เมื่ออิ่มกันหมดน้ำกับเคนเลยอาสาเอาถ้วยชามไปเก็บจนเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินออกจากโรงอาหารท่ามกลางสายตาของเหล่านักศึกษาคณะสถาปัตฯ

 

“ยังพอมีเวลาเหลือ เราไปหาที่นั่งพักกันเหอะ มีตรงไหนที่ไม่ค่อยมีคนไหมอะฟ้า?”

 

น้ำถาม ฟ้านิ่งคิดไม่นานก็ชี้ไปทางด้านหลังตึกเรียน

 

“ตรงริมน้ำจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นพุ่มไม้เยอะๆ ตรงนั้นปลอดคนแถมยังนอนได้ด้วย”

 

“ที่ประจำฟ้ารึไง?”

 

น้ำถามขำๆระหว่างที่เดินตามฟ้าไปยังเป้าหมาย ฟ้าหันควับมาจิกตามองค้อนคนพูดมากแต่น้ำก็ไม่มีท่าทีสลดเลยแม้แต่น้อย พวกเค้าเดินไปไม่ไกลก็ถึงบ่อน้ำกลางสวนอันเป็นสถานที่พักผ่อนของเหล่านศใคณะสถาปัตฯ แต่ฟ้ากลับไปอ้อมไปยังอีกฝั่งที่มีต้นไม้ชุกชุม

 

“รกไปป่าวฟ้า มันจะไม่มีพวกงูพวกสัตย์อันตรายออกมาหรอกนะ?”

 

“ไม่มีหรอกน่า พ้นนี่ไปก็โล่งละ”

 

พอพูดจบฟ้าก็เดินฝ่ารอยแหวกของพุ่มไม้เข้าไปจนเห็นพื้นที่โล่งๆริมน้ำ เป็นสถานที่ที่น่านอนเล่นอย่างที่ฟ้าบอกจริงๆ

 

“เห้ย เจ๋งนี่หว่า”

 

เคนเอ่ยชม ฟ้ายิ้มรับก่อนจะนั่งลงกับพื้นหญ้าวางกระเป๋าลงข้างๆแล้วค้ำแขนเอนกายไปข้างหลังหน่อยๆ ทุกคนนั่งลงพักตามที่ตนถนัดแต่น้ำยังไม่แคล่วมาวอแวกับเจ้าถิ่นอย่างฟ้าโดยการล้มตัวลงนอนหนุนตักฟ้าทั้งที่ไม่ได้เอ่ยบอกเจ้าตัวก่อน

 

“เห้ย!”

 

“อย่าดิ้นดิฟ้า”

 

“มานอนหนุนเราทำไม? หนุนกระเป๋าไปดิ”

 

“ไม่เอา อยากหนุนตักฟ้า”

 

“แข็งจะตาย”

 

“ฟ้าก็กินเยอะๆเพิ่มเนื้อเพื่มหนังเข้าไปอีกดิ จะได้นิ่มๆ โอ้ย เจ็บนะฟ้า มาตบหน้าผากเราทำไม”

 

“ปากดี”

 

“หึหึ”

 

ฟ้ายกมือจะตบเข้าให้อีกทีแก้อาการหมั่นไส้แต่น้ำก็คว้าไว้ได้ก่อนแล้วกก็จับไม่ปล่อยซะด้วย ฟ้าไม่อยากโวยวายมากเพราะแค่นี้คีย์กับเคนก็ยิ้มล้ออยู่นานแล้ว ฟ้านั่งนิ่งๆปล่อยให้น้ำนอนหนุนอยู่อย่างนั้นจนใกล้เวลาเรียนพวกเค้าจึงพากันแยกย้าย ตลอดทั้งภาคบ่ายฟ้าเรียนด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลง คีย์ที่ลอบมองก็อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เมื่อจบคาบทั้งฟ้าและคีย์ต่างก็นั่งรอให้เพื่อนคนอื่นๆเดินออกจากห้องไปก่อนแล้วตนจึงตามออกไปทีหลังเช่นเคย

 

“จะไปไหนต่อไหมฟ้า?”

 

คีย์ถามเพื่อนเมื่อเข้าลิฟท์และกดลงชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว

 

“ไม่รู้สิ แต่น้ำมันว่าจะมารับกลับคอนโด”

 

“มันไม่มีเรียนเหรอ?”

 

“มี แต่จะไปส่งเราก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียน”

 

“โคตรทุ่มทุนสร้าง”

 

“เราบอกว่ากลับเองได้ก็ไม่ยอม”

 

“แล้วทำไมไม่ขับรถมาเองละ”

 

“น้ำไม่ให้ขับ”

 

“โอ๊ะ ทีงี้ละวุ่นนู้นยุ่งนี้ ทมีแต่ก่อนยังไปใครไปมันได้ อะไรมันจะเปลี่ยนไปขนาดนั้นวะ”

 

“ใช่ไหมละ...”

 

ฟ้ายังพูดไม่จบแต่เสียงลิฟท์เปิดทำให้ฟ้าต้องหยุดแล้วก้าวเดินออกจากลิฟท์นำหน้าคีย์จนไปเจอเข้ากับใครบางคนที่เดินโผล่มาขวางทางเค้าไว้ ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองและก็ต้องเม้มปากแน่น

 

“เรียนเสร็จแล้วเหรอครับฟ้า?”

 

ต้นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง

 

“อ้าว”

 

คีย์เองก็ตกใจที่จู่ๆต้นก็โผล่เข้ามา

 

“หวัดดีคีย? กำลังจะไปไหนกันเหรอ?”

 

“เออ...กำลังจะแยกย้ายกันกลับนะ เรียนเสร็จแล้ว”

 

“อ้อ เราก็เรียนเสร็จแล้วเหมือนกัน งั้นเราไปเดินเล่นกันหน่อยไหมฟ้า?”

 

“เรา...”

 

“ฟ้าไม่ได้เอารถมาใช่ไหม? เราไม่เห็นรถฟ้าจอดอยู่ที่โรงจอดรถเลยอะ แต่เราเอารถมา งั้นไปรถเราแล้วกัน ไปกันเถอะฟ้า แล้วเจอกันใหม่นะคีย์”

 

ต้นพูดจบในคราวเดียวแล้วก็จับมือฟ้ากึ่งลากกึ่งจูงออกมายังรถของตัวเองทันที เค้ารู้ว่าเค้าออกแรงบีบมือฟ้าไปมากพอสมควรและมันอาจจะทำให้ฟ้าเจ็บ แต่ตอนนี้ต้นไม่รู้จะกักเก็บอารมณ์ความเศร้าเสียใจของตนอย่างไรแล้ว เค้าเก็บมันไม่ไหว เค้าไม่อยากที่จะเสียฟ้าไป

 

“ต้น”

 

ต้นกลั้นลมหายใจแล้วหันไปยิ้มให้ฟ้าอีกครั้งพร้อมกับเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้ฟ้าไปด้วย

 

“ขึ้นรถเถอะฟ้า”

 

TBC.........


ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

24

 

 

 

 

“เป็นอะไรวะน้ำ? มองแต่โทรศัพท์อยู่ได้”

 

เคนทักเพื่อนหลังจากที่เห็นน้ำเทียวมองสไลด์ที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ที่หน้าชั้นสลับกับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะไปมาด้วยใบหน้าเครียดๆ

 

“นี่มันบ่ายสองครึ่งแล้ว แต่ฟ้ายังไม่โทรมาเลย”

 

“ไอ้ห่า จะติดเวอร์ไปแล้วมึงอะ”

 

“ฟ้ามันเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จบ่ายสอง กูว่าจะออกไปรับกลับคอนโดไง แต่นี่ผ่านมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”

 

“อ้าว แต่เรามีเรียนยันหกโมงเลยนะเว้ย”

 

“ก็เดี๋ยวกูกลับมาเรียนต่อ”

 

“หึ พอรู้ใจตัวเองแล้วทุ่มชิปหาย อยากจะรีเพลย์ช่วงชีวิตตอนก่อนหน้านี้ให้มึงดูชะมัด”

 

“เรื่องอดีตก็ปล่อยมันไปดิวะ ตอนนี้ทำปัจจุบันกับอนาคตให้ดีที่สุดก็พอ”

 

“พูดดีไอ้สัส”

 

น้ำยิ้มกว้างก่อนจะหันมามองโทรศัพท์ของตนตามเดิมจนกระทั่งอาจารย์ปล่อยให้พักเบรคสิบห้านาทีน้ำถึงกับรีบคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาฟ้าทันที สายแรกไม่รับ สายที่สองก็ยังคงไม่รับ น้ำขมวดคิ้วแล้วกดโทรออกเป็นสายที่สาม

 

“เป็นอะไรวะ?”

 

เคนถามขึ้นแต่น้ำยังไม่ทันจะตอบเพื่อนทางปลายสายก็รับพอดิบพอดี

 

“ฟะ...”

 

/มีอะไรไม่ทราบครับ?/

 

ไม่ใช่ฟ้าที่รับสายและถามกลับมา

 

“นั้นใคร?”

 

/หืม นี่จำผมไม่ได้?/

 

น้ำเสียงกวนๆเหมือนคนจากปลายสายกำลังยกยิ้มนั้นทำให้น้ำเริ่มกัดฟันกรอด

 

“มึงเป็นใคร? แล้วฟ้าอยู่ไหน?”

 

/ฟ้าหลับอยู่นะ พอดีเหนื่อยกันมามากเลยหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แต่ผมรำคาญเสียงโทรศัพท์เลยต้องตื่นมารับแทน ไม่ทราบมีธุระอะไรด่วนรึเปล่าครับ? ถ้าไม่มีผมจะได้วางสายแล้วกลับไปนอนต่อ อ่อ เดี๋ยวพอตื่นแล้วผมจะบอก‘แฟนผม’ให้โทรกลับนะครับ/

 

น้ำกำหมัดแน่นกัดฟันกรอดหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธจนเคนเองยังรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตนี้

 

แฟนงั้นเหรอ

 

“ไอ้เหี้ยต้น!”

 

/หึ ก็รู้นี่ว่าฟ้าเป็นของใคร/

 

“เป็นของกูไง”

 

/มั่นใจเหรอครับ/

 

“ยิ่งกว่ามั่นใจซะอีก”

 

/งั้น…ทำไมฟ้ายังมาหาผมอยู่อีกละ/

 

“คงจะไปบอกเลิกมึงตามที่กูบอกให้ไปไง”

 

/หืม…ไม่เห็นจะพูดเลย มีแต่ร้อง/

 

“ไอ้สัส! อย่ามาเล่นลิ้นกับกู ฟ้าอยู่ไหน? มึงทำอะไรฟ้า!?!”

 

/หึหึ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนะ แค่พาขึ้นสวรรค์ก็แค่นั้น/

 

“กูพาไปเองได้ มึงไม่ต้องสะเออะ”

 

/ผมง่วงแล้วสิคุณ ขอวางสายเลยแล้วกันนะครับ/

 

“เดี๋ยว!”

 

ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

 

“แม่งเอ๊ย!!”

 

“เห้ย เกิดอะไรขึ้นวะน้ำ ร้องลั่นจนคนมองกันทั้งห้องแล้วเนี้ย”

 

“ไอ้เหี้ยต้นมันพาฟ้าไป”

 

น้ำตอบเสียงเข้ม เค้าพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เดือดดาลจนเกินไปไม่งั้นคงได้ฆ่าคนตายแน่ๆ

 

“พาไปไหนวะ?”

 

“กูไม่รู้ มันก็ไม่บอก สัสเอ๊ย!”

 

เค้าทุบโต๊ะดังสนั่นจนเพื่อนๆต่างหันมามองกันให้ควัก

 

“ใจเย็นๆมึง มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”

 

“กูก็หวังอย่างนั้น แต่แม่งบอกว่าฟ้าหลับอยู่กับมันไง กูขึ้นเลยสัส!”

 

“มันหลอกลองใจมึงรึเปล่า?”

 

“หลอกก็เหี้ยละ กูโทรหาฟ้าแล้วมันรับสายนี่นะ แถมยังคุยนานขนาดนั้นด้วย”

 

“มึงลองโทรหาคีย์ดิ”

 

“โทรทำไมวะ?”

 

“กูว่าคีย์น่าจะรู้ว่าฟ้าไปไหน เผลอๆมันอาจจะรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไร”

 

น้ำชะงักเมื่อเพื่อนชี้ทางให้ จริงอย่างที่เคนพูด ทำไมเค้าถึงคิดไม่ออกนะ น้ำรีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาคีย์ทันที รอสายไม่นานคนที่ปลายสายก็รับน้ำเสียงปกติจนน้ำชักไม่แน่ใจ

 

/ว่าไงวะ?/

 

“ฟ้าอยู่กับมึงป่าววะ?”

 

ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่ตะตอบปฎิเสธเสียงแผ่วเบา

 

“งั้นฟ้าไปไหน? มึงรู้ไหม?”

 

/ไปกับต้นอะ ได้ยินต้นชวนไปห้างนะ ทำไมเหรอ? มีเรื่องอะไรกัน?/

 

น้ำถึงกับกุมขมับแทบจะทุบโต๊ะอีกรอบซะด้วยซ้ำ

 

“ไปห้างเหี้ยอะไรละ กูพึ่งโทรหาฟ้าแล้วไอ้เวรนั้นรับสาย กูถามหาฟ้ามันก็บอกว่านอนอยู่ มึงรู้ที่อยู่ของมันไหมคีย์ ถ้ารู้ก็บอกมา กูจะไปฆ่ามัน”

 

/……/

 

“คีย์”

 

น้ำกดเสียงขู่จนปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

/รู้ แต่กูจะไปด้วย/

 

“ได้ อยู่ไหนเดี๋ยวไปรับ”

 

/มึงไม่เรียนเหรอ?/

 

“เจอเรื่องแบบนี้คิดว่ากูยังจะเรียนรู้เรื่องได้ไหมละ รีบๆบอกมาว่าอยู่ไหน?”

 

/ร้านพี่ครีม มึงน่าจะจำได้/

 

“เออ ห้านาทีถึง”

 

/นี่มึงจะเหาะมาเหรอสัส ไม่ต้องรีบเว้ย เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไอ้ฟ้าได้เฉ่งเอาแน่/

 

“กูไม่ตายก่อนไอ้เหี้ยนั่นหรอกน่า”

 

/เออๆ แค่นี้แหละ/

 

น้ำเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรวบแลคเชอร์บนโต๊ะทันที เคนเองก็อยากไปด้วยแต่น้ำกลับห้ามไว้บอกให้อยู่เรียนและแลคเชอร์เผื่อด้วยถึงไปก็คงไม่มีอะไรมาก แค่ต้นคนเดียวน้ำเอาอยู่ เคนพยักหน้ารับพลางตบไหล่เพื่อนไปทีสองทีให้น้ำใจเย็นๆน้ำเลยบอกว่าจะพยายามแล้วรีบออกจากห้องเรียนลงลิฟท์และตรงไปยังรถของตนทันที

 

น้ำใช้เวลาประมาณสิบห้านาถึงจึงมาจอดอยู่ที่หน้าร้านกาแฟเล็กๆของพี่สาวคีย์ที่ชื่อครีม บ่อยครั้งที่คีย์จะมาอยู่ช่วยพี่สาวที่ร้านจนแทบไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องมาช่วยหรืออะไรเป็นคีย์ซะมากกว่าที่อยากมาช่วย คีย์ที่อยู่ด้านในมองผ่านบานกระจกหนาของร้านเห็นรถน้ำจอดเทียบจึงหันไปบอกพี่ครีมก่อนที่จะเดินออกมาขึ้นรถที่ยังคงสตาร์ทเครื่องรอ บรรยากาศภายในโคตรอึกครึ่มด้วยรังสีอำมหิตของเจ้าของรถอย่างน้ำ

 

“มันอยู่ที่ไหน?”

 

“มึงมั่นใจนะว่ามันจะอยู่ที่ห้อง ไม่ใช่คอนโดฟ้าหรือที่อื่น?”

 

น้ำถึงกับพูดไม่ออก เค้าไม่มั่นใจหรอกเพียงแต่คิดว่ามันน่าจะพาไปในที่ๆมันคุ้นเคยซึ่งก็คือห้องของมัน

 

“ไม่หรอก ฟ้าไม่เคยพาคนนอกเข้าห้องยกเว้นคนกันเองอย่างพวกเรา”

 

“แต่ต้นมันเป็นแฟนฟ้า”

 

“แต่ฟ้าเป็นของกู!”

 

คีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความเจ้าอารมณ์ของคนด้านข้าง

 

“กูว่าถ้าต้นจะพาฟ้าไปห้องตัวเองฟ้าไม่น่าจะไปด้วยหรอก มึงกับฟ้าก็เข้าใจกันแล้วนี้เพราะงั้นฟ้าไม่น่าจะเดินเข้าหาต้นอีก”

 

“แล้วถ้ามันบังคับละ”

 

คราวนี้เป็นคีย์ที่เงียบ ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เพราะเมื่อช่วงเลิกคลาสเค้าก็เห็นเต็มตาว่าต้นลากฟ้าไปทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ

 

“งั้นเดี๋ยวกูโทรหาต้นก่อน”

 

“มึงรีบเลย”

 

“ใจเย็นๆดิสัส ฟ้ามันก็ผู้ชาย มีแรงขัดขืนอยู่หรอกเว้ย”

 

“แต่ตอนกูทำไม่เห็นจะมีแรงขัดสักเท่าไหร่เลย”

 

“นั้นมันเพราะเป็นมึงไงไอ้ควาย!”

 

คีย์ด่าอย่างหมั่นไส้พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย เค้ารอสายไปจนสายตัดแล้วจึงโทรใหม่และโทรซ้ำๆอยู่อย่างนั้นถึงสามสี่รอบ

 

“ไม่ต้องโทรละ ไปบุกแม่งเลย”

 

คีย์ไม่ตอบแต่ยังคงโทรต่อไปในขณะที่น้ำเปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่งแล้วมุ่งหน้าสู่ถนนเบื้องหน้าทันที

 

“อพาทเมนต์### แถว####”

 

คีย์บอกอย่างจำยอมแต่ก็ยังกดโทรต่อไป เค้ากดสลับกันระหว่างต้นและฟ้าแต่ทว่ากลับไม่มีใครรับสายเค้าเลยสักคน

 

“น้ำ เบาๆหน่อยมึง”

 

คีย์ท้วงเมื่อเห็นระดับความเร็วแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ ถึงแม้น้ำมันจะแม่นในเรื่องการขับรถแต่เค้าก็ไม่อยากเสี่ยงสักเท่าไหร่นัก

 

“ไม่รับสายทั้งคู่เลยวะ”

 

คีย์บ่นพร้อมกับกดโทรศัพท์ยิกๆแต่ไม่ได้โทรออก

 

“ทำอะไรนะ?”

 

น้ำถาทเมื่อมองมาเห็น

 

“ส่งข้อความหาไง เผื่อมันจะเห็น”

 

“หึ ขนาดโทรเข้ายังไม่รับมึงคิดว่ามันจะอ่านข้อความจากมึงแล้วโทรกลับมาคุยรึไง คิดตื้นๆ”

 

“แล้วมึงมีไอเดียที่ดีกว่านี้ไหมละ?”

 

คีย์เองก็ชักฉุยกับคนอารมณ์ร้อน

 

“ก็บุกไปหานี่ไง”

 

“คงง่ายตายละ ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าคอนโดแต่ที่นั้นระดับรักษาความปลอดภัยดีพอสมควรเลยนะเว้ย”

 

“ไม่ใช่ปัญหาหรอก”

 

“มึงจะทำไงวะ?”

 

“เงินซื้อได้ทุกอย่าง”

 

“ความคิดเลวๆ”

 

“แต่ส่วนมากมันใช้ได้ผลก็แล้วกัน”

 

คีย์เหยียดปากแล้วหันกลับมาดูข้อความไลน์ที่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นถึงการเปิดอ่านของคนที่ทักหา ถึงแม้จะดูเหมือนทีเล่นทีจริงแต่คีย์ก็ใจตุ่มๆต่อมๆอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เค้สบอกไม่ถูกว่าที่รู้สึกนั้นเป็นความห่วงใยที่มีให้เพื่อนคนไหนมากกว่ากัน

 

เค้าไม่อยากให้ทั้งฟ้าและต้นถล้ำลึกไปมากกว่านี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของเค้าที่จะไปห้าม เค้าทำได้แค่พูดเตือนสติเพียงแค่นั้น ทำได้เพียงน้อยนิดทั้งที่ใจพะว้าพะวงไม่แพ้ใคร

 

แล้วทำไมต้องพะว้าพะวงกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนั้นด้วยละ?

 

อย่าบอกนะว่า…

 

“คีย์”

 

“ห่ะ หือ?”

 

“ถึงแล้ว ตึกนี้ใช่ไหม?”

 

คีย์มองดูตึกอพาทเมนต์ที่ตนเคยมาแล้วพยักหน้ารับ น้ำจึงขับเข้าไปหาที่จอดในส่วนของคนนอก แต่ทว่าพอลงจากรถแล้วจะเข้าตึกกลับไม่สามารถเข้าไปได้เพราะมันต้องใช้ลายนิ้วมือไม่ก็คีย์การ์ด

 

“นั้นไงละ จะเข้าไปยังไงไม่ทราบ?”

 

“รอคนในออกคนนอกเข้า”

 

“อื้อหือ ฉลาดเหมือนกันแฮะ”

 

“กูโง่แค่เรื่องหัวใจตัวเองเท่านั้นแหละคีย์”

 

คีย์ถึงกับเบ้ปาก

 

“แล้วห้องมันอยู่ชั้นไหน?”

 

“ชั้น5 ห้อง 504”

 

น้ำพยักหน้ารับพอดีกับที่มีเสียงลิฟท์ดังไม่นานบานประตูก็เปิดออกพร้อมกับผู้คนที่เดินออกมายังหน้าประตู เสียงตื๊ดดังขึ้นเบาๆเมื่อฝ่ายด้านในกดปลดล็อคและทยอยพากันออกมา น้ำและคีย์ใช้จังหวะนี้ในการลอบเข้าข้างในและตรงไปยังลิฟท์ก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ชั้น5

 

คีย์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาดูอีกครั้ง และครั้งนี้มีคำว่าReadปรากฎขึ้นมาใต้ข้อความที่เค้าส่งไปแล้วด้วย คีย์อดที่จะยิ้มไม่ได้แต่พอเค้ากำลังจะพิมพ์ต่อเสียงสัญญาณลิฟท์ก็ดังขึ้นขัดประตูค่อยๆเปิดออกและน้ำก็พุ่งตัวไปยังห้องที่ว่านั้นทันที

 

น้ำชะงักมือที่กำลังหง่างขึ้นกะจะทุบประตูไว้กลางอากาศ คีย์ที่เดินตามมาถึงกับหมุนหัวคิ้วแต่ยังไม่ทันจะถามน้ำก็หันควับมาจ้องตนซะก่อน

 

“มึงเรียกมันดิ๊”

 

“ห่ะ?”

 

“อย่าพึ่งมาเอ๋อตอนนี้จะได้ไหม? ถ้ากูปรากฎตัวมันอาตจะไม่เปิดประตูและกูไม่อยากเสียแรงพังประตูก่อนไปตั๊งหน้ามัน มึงมาเรียกให้มันยอมเปิดดีๆก่อนกูจะได้ใช้โอกาสนั้นจัดการมัน”

 

“ดูหนังเยอะก็มีผลดีเหมือนกันแฮะ”

 

“เพ้ออะไรของมึง”

 

“เออๆ ถอยออกไปอีก”

 

น้ำทำตามที่คีย์บอกอย่างว่าง่าย เมื่อเค้าถอยไปอีกสองก้าวพร้อมกับหันหลังแนบผนั้งฝั่งเดียวกับประตูเยี้ยงสายลับจนทำให้คัย์นึกขำน้ำเลยต้องแยกเขี้ยวใส่ในเชิงขู่ว่าให้เริ่มเรียกได้แล้วคีย์เลยต้องเคาะประตูห้องดังๆไปสองสามที

 

เงียบกริบ

 

ก๊อกๆๆ

 

และก็ยังคงเงียบ

 

“เรียกด้วยดิ”

 

น้ำกระซิบบอก

 

ก๊อกๆๆๆ

 

“ต้น นี่คีย์เองนะ”

 

ก๊อกๆๆๆ

 

“ต้นอยู่รึเปล่า?”

 

คีย์เงียบฟังเสียงจากอีกด้านของประตูครู่หนึ่งโดยการแนบหูเข้ากับบานประตูจนเหมือนจะได้ยินเสียงตึงตังอะไรสักอย่างอยู่ภายใน

 

“ต้น เปิดประตูให้เราหน่อย”

 

“……”

 

“ต้น”

 

แกร๊ก!

 

“คีย์มาทำไม?”

 

Tbc…

 

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน ●รัก★

 

25

 

 

 

“ขึ้นรถเถอะฟ้า”

 

ฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของต้น ต้นยังคงยืนนิ่งเปิดประตูรอด้วยใจที่ห่อเหี่ยว

 

“ฟ้าอยากคุยกับเราไม่ใช่เหรอ? ขึ้นรถเถอะ ไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า”

 

ฟ้านิ่งคิดแต่ไม่นานก็ยอมเดินเข้าไปขึ้นรถของต้น ต้นปิดประตูตามหลังให้แล้วจึงเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง ฟ้าก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่บีบกันแน่นกระทั่งต้นเอื้อมมือมากุมไว้อีกทบ ฟ้าเงยหน้าขึ้นไปมองคนข้างๆด้วยสายตาหวาดหวั่น ต้นยิ้มให้จางๆแล้วจึงคลายมือเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้าสู่ท้องถนนต่อไป

 

“ฟ้าหิวไหม?”

 

“นิดหน่อยนะ”

 

“ไปห้องเราได้ไหม? เราอยากทำพาสต้าสูตรพิเศษให้กิน เราได้สูตรนี้มาจากหัวหน้าพ่อครัวที่ร้านของพี่โอ๊ตเลยนะ อ้อ พี่โอ๊ตถามหาฟ้าด้วย บอกว่าฟ้าไม่ยอมตอบไลน์พี่โอ๊ตเลย พี่เค้าเป็นห่วงนะรู้ไหม”

 

ฟ้าได้แต่นิ่งฟังด้วยใจที่รู้สึกเจ็บแปร๊บ ภาพวันวานที่ทั้งต้นและโอ๊ตช่วยเหลือและดูแลเค้านั้นยังคงตราตรึงในใจ พี่โอ๊ตนั้นเปรียบเสมือนพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง ส่วนต้นก็เพื่อนที่ดีมากๆอีกคน แต่ทว่าเค้ากลับทำให้ความสัมพันธ์อันดีต้องยุ่งเหยิงและจมดิ่ง เค้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ทุกคนต้องมาเจ็บปวดไปกับสิ่งที่เป็นอยู่

 

“ฝากขอโทษด้วยแล้วกัน”

 

“หืม แล้วทำไมฟ้าไม่ตอบไลน์พี่โอ๊ตละ?”

 

เหมือนจะเป็นคำถามธรรมดาแต่ฟ้ากลับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เค้าไม่เห็ฯข้อความจากโอ๊ตเลยสักข้อความ อย่าว่าแต่ของโอ๊ตเลยแม้แต่ของต้นยังไม่มี นับตั้งแต่วันที่น้ำยุ่งกับโทรศัพท์และเห็นเข้านั้นแหละ แต่ฟ้าก็ไม่คิดว่าน้ำจะบล็อคเบอร์ใครจนกระทั่งมาได้ยินนี่แหละ

 

“เพราะมันเหรอ?”

 

“........”

 

“........”

 

ทั้งคู่ต่างเงียบกันจนกระทั่งถึงอพาทเมนต์ ต้นเดินนำฟ้าไปยังห้องของตัวเองและเมื่อไปถึงก็ปล่อยให้ฟ้านั่งพักส่วนตนก็ไปจัดการอุ่นพาสต้าที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จริงๆแล้วต้นกะจะชวนฟ้ามาทานตั้งแต่เย็นวานแต่ติดที่ใครบางคนรับสายและนั้นทำให้เค้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะหมดสิทธิ์ในตัวของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนมาเกือบเดือน ดูเหมือนระยะเวลาจะไม่นานแต่สำหรับต้นมันเป็ฯช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่เค้าก็ยังมีความสุขดีกับสถานะจอมปลอมนี้

 

“ฟ้าครับ”

 

“หืม?”

 

“เสร็จแล้ว”

 

“เร็วจัง”

 

ฟ้าลุกออกมายังโต๊ะทานข้าวในส่วนของครัวโดยที่ทิ้งเป้ไว้ที่โซฟาตามเดิม

 

“เราทำไว้แล้วนะ นี่แค่เอามาอุ่น ไม่รู้รสชาติจะเปลี่ยนรึเปล่าด้วย”

 

“แค่ไม่กี่ชั่วโมงมันไม่เปลี่ยนหรอกน่า”

 

ต้นยิ้มรับ ฟ้าเลยนั่งลงและหยิบช้อนส้อมขึ้นมาม้วนเส้นก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยโดยที่มีต้นนั่งลุ่นอยู่ฝั่งตรงข้าม ฟ้ากลืนคำแรกลงคอแล้วพยักหน้ายิ้มๆให้คนทำจนต้นยิ้มแก้มปริ ไม่นานทั้งคู่ก็กินจนหมดโดยที่ฟ้าขออาสาเป็นฝ่ายล้างถ้วยชามเองแต่ต้นก็ไม่ยอม เค้าให้ฟ้าไปนั่งรอที่โซฟาพอตัวเองจัดการจนเรียบร้อยและเดินกลับมาหาฟ้าปรากฎว่าฟ้าเผลอหลับไปซะแล้ว

 

กินอิ่มแล้วก็นอนหลับอย่างกับเด็กน้อยไม่มีผิด

 

ต้นเดินไปปรับแอร์ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆอย่างแผ่วเบา เค้านั่งมองหน้าฟ้านิ่งๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโทรศัพท์ฟ้าสั่นเคลือขึ้นมา ต้นเอื้อมมือไปหยิบออกมาจากเป้เพราะกลัวมันจะรบกวนการนอนของฟ้าและเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเค้าเลยนึกฉุนในใจ ต้นวางโทรศัพท์ไว้อีกเบาะเสียงการสั่นจึงไม่ดังนักแต่พอหลายสายเข้าเค้าเลยหยิบมันขึ้นมาแล้วเข้าไปรับสายภายในห้องนอน เมื่อกวนประสาทคนได้เค้าเลยทิ้งเครื่องของฟ้าไว้ในห้องส่วนตัวเองก็ออกมาเจอกับฟ้าที่ตื่นงัวเงียอยู่ที่เดิม

 

“หลับสบายไหม?”

 

ฟ้าพยักหน้าเนืองๆ

 

“นี่เราหลับไปนานไหมอะ?”

 

“ไม่หรอก ประมาณสิบนาทีได้”

 

“เหรอ”

 

“ฟ้า”

 

ต้นเรียกเสียงอ่อนพร้อมกับนั่งลงข้างๆพลางเอื้อมมือไปจับมือฟ้าไว้เบาๆ ฟ้ามองตามทุกการกระทำแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ต้นจับไว้ได้นาน เค้าพยายามเลื่อนมือออกอย่างช้าๆจนหลุดออกจากกันในที่สุด

 

“ฟ้าแน่ใจแล้วใช่ไหม?”

 

“..........”

 

ฟ้านิ่งเงียบแต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด

 

“ทำไมละฟ้า? ทำไมถึงเป็นเราไม่ได้? เราไม่ดีตรงไหนเหรอ?”

 

ฟ้าส่ายหัวรัวแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองสบตา เรือนผมยาวขลำค่อยๆแผ่สยายเมื่อยางรัดผมหลุดร่วงลง ต้นยกมือขึ้นกะจะรวบผมให้คนรัก ไม่สิ ต้องเรียกว่าคนที่ตนรักแต่ด้วยความไม่ทันตั้งตัวฟ้าจึงปัดมือเค้าออกแรงๆก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปต้นนิ่งค้างในขณะที่ฟ้าเลิกลักทำสีหน้าไม่ถูก

 

“ขะ ขอโทษ”

 

ฟ้าเอ่ยเสียงสั่น เค้าไม่ได้ตั้งใจจะปัดมือต้นแรงๆแบบนั้นแต่ด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่คุ้นเลยทำให้มือมันไปตามสัญชาตญาณ แต่ถ้าเป็นน้ำ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เวลาไหนฟ้ากลับคุ้นเคยและผ่อนคลาย ต้นหดมือกลับพลางกำหมัดแน่น ถึงจะรู้ซึ้งดีแก่ใจแต่เมื่อมาโดนจริงๆเข้าจังๆมันกลับเจ็บยิ่งกว่าที่คาดคิด เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว

 

“เราขอโทษนะต้น ขอโทษที่ลากนายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต้นไม่ได้ไม่ดี แต่ต้นดีกับเรามาก ดีจนเราคิดว่าเราคงไม่เหมาะกับคนดีๆอย่างต้น”

 

“..........”

 

“เรารักต้นนะ แต่มันเป็นความรักแบบเพื่อน เราพยายามแล้ว พยายามที่จะเปลี่ยนมันแต่...มันไม่ได้จริงๆ...”

 

“.........”

 

“เราขอบคุณสำหรับความหวังดีและทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้นทุ่มเทเพื่อเรา”

 

“.........”

 

“ต้น ฟ้าขอโทษ แต่ฟ้าว่าเราเลิ..อุ๊บ!”

 

ต้นฉุดฟ้าเข้ามาประกบปากจูบทั้งที่ฟ้ายังพูดไม่จบ เค้าบดขยี้เรียวปากเล็กโดยใช้อารมณ์สิ้นหวังเสียใจเป็นตัวนำแบบไม่สนใจแรงต่อต้านจากคนในอ้อมแขนเลยสักนิด

 

“อึ๊ก!”

 

ต้นอุทานในลำคอเมื่อโดนคมเขี้ยวของฟ้ากัดเข้าที่ริมฝีปากจนเจ็บแปร๊บเลือกซิบ เค้าผละออกมามองหน้าฟ้าที่จ้องเค้าตอบด้วยสายตาที่ขุ่นมัว ฟ้าเม้มปากแน่นพลางผลักต้นออกอีกครั้งและครั้งนี้ต้นก็ยอมถอยห่างจนลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย

 

“เรารักฟ้านะ”

 

“ต้น”

 

“ถึงแม้เราจะไม่อยากเลิก แต่ก็คงจะยื้อไว้ไม่ได้สินะ”

 

“เราขอโทษ”

 

“ฟ้าไม่ผิดหรอก เราผิดเองที่ดั๊นไปหลงรักคนที่มีพันธะทางใจอย่างฟ้า ทั้งที่รู้แต่ก็ยังรัก รักแบบถอยกลับไม่ได้ หักห้ามใจก็ไม่ไหวอีก”

 

“..........”

 

“ตอนเราขอคบ ฟ้าก็ไม่ยอมคบด้วยสักที แต่รู้ไหมว่าตอนที่เราได้ยินฟ้าบอกว่าคบกันนะ เรารู้สึกยังไง?”

 

“.........”

 

“มันเหมือนเราได้เกิดใหม่ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้ามลายหายไปเหลือเพียงเราสองคน ใจเราเต้นแรงมาก แรงจนเรากลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้”

 

ต้นพูดด้วยรอยยิ้มและแววตามที่เหม่อลอย ภาพวันวานที่เหมือนฝันหวานค่อยๆฝุดขึ้นมาให้เค้าได้ชื้นชมมันซ้ำๆ แต่ฟ้ากลับยิ่งรู้สึกผิดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง เค้าได้แต่ก้มลงมองมือตัวเองที่กุมไว้บนตัก

 

“เรามีความสุขมาก...ที่เราเป็นของกันและกัน...”

 

“ขอโทษ”

 

ฟ้าแทบกัดลิ้นตัวเองซะให้ได้ สำหรับฟ้าการกระทำคราวนั้นคือเซ็กส์สำหรับเค้า แต่มันคือการเมคเลิฟสำหรับใครอีกคน การกระทำเดียวกันแต่ความรู้สึกที่แตกต่างนี้มันเปรียบดั่งดาบสองคมจริงๆ

 

ต้นก้มลงมองดูคนที่ตนรักด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เค้าอยากฉุดกระชากฟ้าเข้าไปในห้องแล้วทำให้ฟ้ากลายเป็นของเค้าตอกย้ำตัวตนของเค้าให้ฟ้าซ้ำไปซ้ำมาแต่เค้าทำไม่ได้ ถ้าทำไปอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เรียกว่าการข่มขืน แถมยังเป็นการข่มขืนคนที่ตัวเองรักอีกด้วย เค้าทำไม่ลงจริงๆ

 

เพราะฉะนั้นถึงเค้าจะเจ็บแต่ถ้าฟ้ามีความสุข เค้าก็ยินดีที่จะทำ

 

“เราเลิกกันนะ”

 

ฟ้าเงยหน้ามองต้นด้วยความตกตะลึง ต้นถอนหายใจแล้วยิ้มจางให้ฟ้าก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเลือดของตนที่ติดอยู่บนเรียวปากบาง

 

“ในเมื่อเรารักเองก็ขอเป็นฝ่ายถอยเองเถอะนะ”

 

หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินลงจากดวงตาสีนิล ฟ้าเอื้อมมือไปโอบกอดและซบลงที่ลำตัวของต้นในทันที ต้นเองก็กอดตอบพร้อมกับลูบหัวปลอบโยนคนตรงหน้าไปด้วย พวกเค้ากอดกันอยู่อย่างนั้นสักพักจึงถอยแยกออกจากกัน ต้นหันไปดึงทิชชู่มาซับคราบน้ำตาให้คนขี้แยจนน่าเอ็นดู

 

“ดูดิ ร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างกันเด็กแน๊ะ”

 

ต้นยิ้มขำจนโดนฟ้าตบแขนเข้าให้นั้นแหละถึงได้หลุดเสียงร้องโอดครวญแบบแอคติ้งโอเวอร์สุดๆ ฟ้าเห็นอย่างนั้นจึงหลุดยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะออกมา

 

“ยิ้มได้แล้วสิ”

 

ฟ้าชะงักแต่ก็กลับมายิ้มกว้างในเวลาต่อมา

 

ครืน ครืน

 

เสียงการสั่นของโทรศัพท์ทำให้ต้นชะงักและหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู เค้าขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เห็นชื่อผู้โทรเข้าแต่ก็ไม่ได้รับเพราะคิดว่าเวลานี้เค้าควรใช้เวลาที่เหลืออยู่กับฟ้าให้นานที่สุด ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เค้าจะได้อยู่กับฟ้าแบบสองต่อสองอย่างนี้หรือบางทีอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้

 

“มีอะไรรึเปล่าต้น?”

 

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่วันนี้ฟ้าว่างไหมอะ?”

 

“เออ...ขอโทษนะ”

 

“เลิกขอโทษสักทีเถอะน่า เราไม่ได้โกรธฟ้าสักหน่อย”

 

“ขอบใจ”

 

“เปลี่ยนจากขอโทษเป็นขอบใจงั้นเหรอ...ก็ไม่เลวแฮะ”

 

“เพ้ออะไรอยู่คนเดียวนะ”

 

“เปล่าครับ”

 

ต้นยิ้มจางพอดีหันไปเห็นหน้าข้อความไลน์ขึ้นตัวเลขเลยลองกดเข้าไปดู

 

KeY: ไม่เป็นไรใช่ไหม?

 

ต้นถึงกับหลุดยิ้มกว้างในทันที ทำไมถึงได้รู้ทันคนอื่นไปซะหมดเลยน๊า

 

“ยิ้มแบบนี้ มีอะไรให้ดีใจละสิ?”

 

“หืม เราดูเหมือนดีใจเหรอ?”

 

“ใช่ ยิ้มกว้างจนตาหยีเลยด้วย”

 

ต้นกระพริบตาปริบๆแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่เสียงคีย์จะดังแทรกมาจากบานประตู

 

“คีย์มาทำไมนะ?”

 

“คงห่วงฟ้าจนต้องมาตามกลับละมั่ง”

 

“เราไม่ใช่เด็กสามขวบนะต้น”

 

“ครับๆ”

 

เสียงเคาะประตูยังคงดังต่อเนื่องจนต้นลุกขึ้นเดินไปยังประตู แต่เค้าก็เผลอสะดุดเข้ากับโต๊ะเตี้ยจนโทรศัพท์ตัวเองตกลงพื้นซะงั้น

 

“ไปเปิดเถอะ เดี๋ยวเราเก็บให้”

 

ต้นพยักหน้ารับแล้วเดินไปเปิดประตูในที่สุด

 

แกร๊ก

 

“คีย์มาทำไม?”

 

คีย์เผลอยิ้มเมื่อต้นเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางปกติมากถึงมากที่สุด แต่ยังไม่ทันที่เค้าจะได้ตอบอะไรน้ำก็กระโจนเข้าใส่ต้นจนทั้งคู่ล้มโครมลงกับพื้น น้ำสถบลั่นพร้อมกับต่อยเจ้าของห้องจนเลือดไหลซึมลงมาจากมุมปาก ต้นเองพอตั้งตัวได้ก็หลบหวืดในหมัดที่สองก่อนจะตีเข่าใส่ท้องน้ำเต็มแรงและถีบออกจนน้ำถล่าไปประทะกับชั้นวางรองเท้าด้านข้าง

 

“หยุดนะ!”

 

แล้วเสียงของคนที่ตามหาก็ดังขึ้นมาจากด้านใน น้ำหันไปมองเจ้าของเสียงในขณะที่ต้นหันหนีแล้วจิ๊ปากขัดใจไปด้วย

 

“จะตีกันให้ได้อะไรขึ้นมา ตัวโตอย่างกับควายยังจะทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้”

 

น้ำยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงหรี่เข้าไปหาฟ้าแล้วจับหันหน้าหันหลังจนฟ้างง

 

“อะไรน้ำ?”

 

“มันทำอะไรฟ้า!?”

 

ฟ้าขมวดคิ้ว

 

“ทำอะไร? ไม่นี่”

 

คราวนี้ทั้งน้ำทั้งฟ้าเลยหันไปมองยังต้นที่พึ่งจะรับผ้าเช็ดหน้ามาจากคีย์แล้วซับเลือดที่มุมปากเบาๆ

 

“ต้น”

 

เป็นฟ้ามี่เอ่ยถาม ต้นเลยถอนหายใจแล้วหันกลับมาหา

 

“เราแค่...ล้อเล่นนิดหน่อยเอง”

 

“ล้อเล่นพ่องมึงสิ พูดแบบนั้นใครเค้าจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นวะ!!”

 

น้ำถึงกับอารมณ์ขึ้นแต่ต้นกลับกดยิ้มที่มุมปากพลางไหวไหล่เมื่อหันไปสบตากับฟ้า

 

“ก็แค่แก้แค้นเล็กๆน้อยๆ อย่าทำตัวเป็นหมาบ้าไปหน่อยเลย อีกอย่าง...มึงจำไว้เลยนะ ถ้ากูรู้ว่าฟ้าร้องไห้เพราะมึงเมื่อไหร่ มึงไม่ตายดีแน่”

 

น้ำยกยิ้มที่มุมปากทันทีที่เข้าใจในความหมาย

 

“แล้วคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ?”

 

“งั้นจะลองดูไหมละ?”

 

“พอเลยนะ ทั้งคู่นั้นแหละ”

 

ฟ้าถึงกับส่ายหัวแต่ดูเหมือนบรรยากาศจะดีขึ้นมากมากพอตัว คีย์เองก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆต้น สายตาคอยจดจ้องสังเกตุคนข้างตัวจนต้นรู้สึกได้และหันไปสบตา

 

“มีอะไรเหรอคีย์?”

 

“ป่าว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

 

ต้นยิ้มให้

 

“ใครบอกว่าเราไม่เป็นไร รู้ไหมว่าตอนนี้เราเจ็บเกือบตายแต่ก็ต้องยิ้มเพื่อให้ฟ้าสบายใจ”

 

“รู้ พยายามได้ดีมาก เก่งครับ”

 

ต้นหลุดหัวเราะเสียงแผ่ว

 

“ขอบใจ”

 

ทางด้านของน้ำนั้นก็เอาแต่จ้องฟ้าอย่างคาดโทษ ฟ้าเลยต้องยิ้มกลบเกลื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่

 

“เราบอกไว้ว่าไง?”

 

“ก็...”

 

“บอกให้โทรหาใช่ไหม?”

 

“ใช่”

 

“แล้วทำไมไม่โทรครับ?”

 

“...เออ....”

 

“ถ้าจะมาคุยกับมันเราก็ไม่ว่านะฟ้า แต่ขอให้บอกเราหน่อย ไม่ใช่หายไปโทรมาก็ไม่รับแถมมันยังมารับแทนพูดจากวนอารมณ์กันแบบนี้อีก”

 

“...อ่า...”

 

“ก็น่าจะรู้นะว่าเราห่วง แต่ฟ้าก็ยังจะทำ”

 

“ขอโทษ”

 

“ถ้าเราไม่ยกโทษให้ละ”

 

ฟ้าถึงกับกระพริบตาปริบๆ ปากเรียวพลิกคว่ำเหมือนเด็กโดนขัดใจพร้อมกับดวงตากลมนั้นกำลังไหวระริกและรื้อน้ำ

 

“ให้ตายสิ อย่ามาทำให้ใจอ่อนง่ายๆแบบนี้จะได้ไหม”

 

ฟ้าเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่ยกมือขึ้นปิดสีหน้าที่เริ่มเห่อแดงของตัวเอง น้ำเหมือนโดนซุปเปอร์ดาเมจของฟ้าเข้าใส่ไปเต็มๆจนแทบจะตั้งตัวไม่ทันเกือบคว้าร่างโปร่งนั้นเข้ามากอดแล้วคลอเคลียให้หนำใจไปแล้วด้วยซ้ำ

 

“”ขอโทษครับ”

 

“เรายกโทษให้ก็ได้...”

 

ฟ้าเริ่มแย้มยิ้ม

 

“แต่มีข้อแม้นะ”

 

คราวนี้เป็นน้ำที่เผยรอยยิ้มชั่วร้ายจนฟ้าเสียวสันหลังวูบ

 

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดละนะ

 

TBC....

‘บ้า เธออะคิดมาก’ 55555+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2017 13:55:15 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน ●รัก★

 

26

 

 

 

เสียงหอบกระเส่าของใครบางคนดังกึกก้องแข่งกับเสียงผิวเนื้อกระทบกันในยามราตรีกาล ภายในห้องอากาศเย็นเฉียบและมืดมิดแต่ร่างสองร่างกลับมันเลื่อมไปด้วยหยาดเหงื่อจากไอร้อนภายในร่างกาย คนด้านบนยันตัวขึ้นสูงก่อนจะกดส่วนแข็งขืนเข้าไปในช่องทางรัดแน่นด้วยแรงที่มี คนด้านล่างสะดุ้งเฮือกอ้าปากครวญครางด้วยความเสียวแปร๊บที่โดนจี้จุดอ่อนไหว รอยยิ้มจางผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเข้มเมื่อส่วนด้านในที่ร้อนระอุได้ถูกกระตุ้นจนบีบรัดส่วนนั้นของเค้าจนแทบขยับไม่ได้ ร่างบางนอนสั่นระริกทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแดงจากการขบกัดและกดจูบจากเค้า ใบหน้าหวานแดงเรื่อและเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เค้าแช่ค้างไว้อย่างนั้นเพื่อให้คนด้านล่างได้พักหายใจ ดวงตารื้อน้ำและสั่นไหวเลยได้โอกาสจ้องมองมายังคนที่มองมาจากด้านบน

 

“ไหวไหม?”

 

เสียงทุ่มถามอย่างไม่จริงจังนัก ใบหน้าคมก้มลงไปคลอเคลียแถวซอกคอขาวจนได้กลิ่นกายอันหอมฟุ้ง กลิ่นที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร มันเป็นกลิ่นเฉพาะที่ทำให้เค้าอารมณ์พุ่งทุกครั้งที่ได้สูดดม ยิ่งนานวันเค้ายิ่งเหมือนสัตว์ป่าที่ความต้องการพลุ่งพล่านและรุนแรงทุกครั้งที่ได้กลิ่นอาหารอันโอชะ

 

“ถ้าบอกว่าไม่ละ?”

 

เสียงแหบพล่าตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา เรี่ยวแรงที่มีแทบหมดสิ้นหลังจากที่ปลดปล่อยเป็นครั้งที่สี่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เค้าเสมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลจนได้รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านคาบเส้นของวันมาสามชั่วโมงแล้ว แต่ไอ้คนแรงช้างสารกลับยังไม่มีแววจะเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิดตรงกันข้าม มันกลับดูกระตือรือล้นและต้องการมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะฝังร่างเข้าด้วยกันทั้งอย่างนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะหนักหน่วงถึงขนาดนี้

 

“ก็ไม่ไง เราก็ปล่อยให้ฟ้านอนนะสิ นอนนั้นเราจัดการเอง”

 

“พอสักทีเถอะน้ำ เราไม่ไหวจริงๆ”

 

จมูกโด่งเป็นสันเลื่อนขึ้นมากดย้ำและสูดดมกลิ่นกายอยู่ที่แก้มเนียน ฟ้ายังคงหอบหายใจแต่ภายในอกก็อุ่นซ่านไปด้วยความรู้สึกที่ได้รับความรักอย่างที่ตนปรารถนามาโดยตลอด ทุกวันนี้เค้าได้รับมันมากมายจนแทบไม่อยากจะเชื่อ บางครั้งแทบไม่อยากจะหลับเพราะกลัวการตื่อนขึ้นมาแล้วมันจะกลายเป็นความฝัน

 

“ฟ้า”

 

น้ำเอ่ยเรียกเสียงอ้อน ฟ้าที่หลับตาด้วยความเพลียจึงค่อยๆบลือตาขึ้นมามองตอบ น้ำยิ้มอ่อนแล้วก้มลงประทับจูบที่หน้าฝากมลก่อนจะไล่ลงมาที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนไปยังแก้มซ้ายและขวาแล้วมาจบลงที่ริมฝีปากเรียวอย่างแผ่วเบาและลึกซึ้ง

 

“อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”

 

ฟ้าแย้มยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

 

“อืม”

 

“แต่ตอนนี้...ขออีกรอบก่อนนะครับ”

 

ไม่ต้องรอร่างบางได้เอ่ยปากน้ำก็กดจูบลงอีกครั้งและสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กที่ด้านใน ฟ้าครางเบาๆใบลำคอพลางเอื้อมมือไปโอบรอบคอหนาเอียงหน้าเข้าองศาที่สามารถรับบทจูบที่ร้อนแรงนั้นได้อย่างถนัด ช่วงตัวด้านล่างขยับอีกครั้งและเนิ่นนานไปจนสุดปลายทางก็เกือบรุ่งสาง ฟ้าสลบคาอกไปเป็นที่เรียบร้อย น้ำได้แต่ยิ้มค้างเมื่อเห็นรอยเลือดจางๆไหลมาตามสิ่งที่เค้าปลดปล่อยไว้ด้านช่วงทางเล็ก น้ำลุกไปหาผ้าชุบน้ำมาเข็ดตัวทำความสะอาดและใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้จนเสร็จก่อนที่ตนเองจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนใส่ชุดนอนตัวใหม่แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่นอนสลบสไลไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง น้ำค่อยๆประคองหัวฟ้าขึ้นแล้วสอดแขนตนเข้าไปให้หนุนแทนหมอน เค้าดึงร่างบางให้หันมาหาแล้วโอบกอดไว้ในอ้อมอกกดจูบลงที่หน้าฝากมลจนพล็อดหลับไปด้วยกันในเวลาต่อมา

.

.

.

.

.

.

“วันนี้จะออกไปไหนรึเปล่า?”

 

ฟ้าถามขณะที่เค้าทั้งสองกำลังทานมื้อเช้าควบเที่ยงในเวลาบ่าย วันนี้เป็นวันหยุดและเหมือนน้ำจะคำนวนไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้เมื่อคืนเค้าเลยจัดหนักได้ดั่งใจอยากจนโดนฟ้ากระหน่ำสาดคำหยาบให้ทันทีที่ตื่น น้ำไหวไหล่เป็นคำตอบเพราะปากยังคงเคี้ยวข้าวแก้มตุ้ย อาหารของน้ำคือชุดข้าวผัดอเมริกันที่เพิ่มใข่ลวกเข้ามาอีกฟอง ไม่รู้จะโดปไปไหนแต่ฟ้าก็ไม่กล้าถามเดี๋ยวจะพาลเขินคำตอบนั้นไปซะเปล่าๆ ฟ้านั่งคนโจ๊กในชามของตนไปเรื่อยหลังจากที่กิดหมดไปแค่ครึ่ง น้ำมองแล้วขมวดคิ้ว

 

“อิ่มแล้วเหรอ?”

 

“ไม่ แต่เบื่อ”

 

“งั้นอยากกินอะไร? ฟ้ายังกินได้แต่ของอ่อนๆนะ”

 

“เพราะใครกันละ!”

 

ฟ้าพูดเหวี่ยงๆพลางทำสีหน้าบึ้งตึงใส่ตัวต้นเหตุอย่างน้ำแต่ทว่าน้ำกลับหัวเราะชอบใจซะงั้น

 

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย วันนี้พาไปห้างด้วย จะไปซื้อของ”

 

“เดินไหวเหรอ?”

 

ถามด้วยความเป็ฯห่วไม่ได้กะจะแซวอะไรเลยจริงๆ แต่ฟ้ากลับไม่คิดอย่างนั้น

 

“ไหว!”

 

นอกจากจะกระแทกเสียงใส่แล้วยังมีการขว้างหนังยางรักถุงที่วางอยู่แถวนั้นมาใส่เค้าอีก น้ำหัวเราะคิกคักจนกินเสร็จเค้าก็อาสาล้างให้ปล่อยให้ฟ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยก็พากันออกจากห้องไปยังรถ แน่นอนว่าน้ำต้องเอารถของตนไปและพักหลังมานี่ฟ้าก็แทบไม่ได้แตะมินิของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

“ไปมินิไม่ได้เหรอน้ำ?”

 

ฟ้ามองรถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างกันแล้วก็ถอนหายใจ จะบอกว่าคิดถึงก็คงใช่แต่จะให้ขับเองในวันนี้ก็คงไม่ไหว ไหนจะต้องไปเดินซื้อของอีก ไอ้ที่บอกว่าไหวนะตอแหลทั้งเพ โดนไปหนักขนาดนั้นแถมยังมาราธอนอีกต่างหาก แต่ก็ต้องออกไปอย่างจำใจเพราะของใช้เริ่มจะหมดลงไปหลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะเจลและยาสำหรับส่วนนั้น อย่าถามถึงถุงยางนะ เพราะมีเหลืออยู่เพียบ น้ำมันไม่เคยจะใช้กับเค้าเลยสักครั้งแม้ว่าเค้าจะร้องขอเพราะขี้เกียจอาบน้ำนานก็เถอะ

 

“ก็รู้นี่ว่าเราขับไม่ถนัด”

 

“แต่ไม่ได้ขับนานแล้วนะ เดี๋ยวเครื่องจะพังเอา”

 

“งั้นเอากลับไปไว้บ้านให้แม่ใช้สิ”

 

“จะบ้าเหรอ ขืนเอากลับไปก็โดนพ่อด่าตายว่าออกมาทำไมไม่ขับ รายนั้นยิ่งเอาใจยากอยู่ด้วย”

 

ฟ้าบ่นอุบอิบในขณะที่น้ำกดรีโมตปลดล็อครถแล้วเปิดประตูรอฟ้าฟ้ามุ้ยหน้านิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย มินิท่าจะเป็นหมันถาวรซะแล้วสิ

 

“น้ำ”

 

“หืม”

 

น้ำหันมองคนเรียกแป๊บๆก่อนจะกลับไปจ้องมองถนนเบื้องหน้าตามเดิม ส่วนฟ้านั้นก็ยะงคงกดโทรศัพท์ยิกๆเหมือนกำลังคุยกับใครบาง

 

“เรียกทำไมครับ?”

 

“เคนมันชวนไปเที่ยวที่เขาใหญ่”

 

“วันไหน?”

 

“ปิดเทอม”

 

น้ำพยักหน้าเข้าใจ พึ่งผ่านพ้นช่วงกีฬามหาลัยไปหยกๆก็จะเข้าสู่ช่วงสอบและก็ปิดเทอมเล็กเป็นเวลาสองสัปดาห์

 

“ฟ้าว่าไงละ?”

 

“ก็ไม่ไง ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่มันบอกว่าคนอาจเยอะหน่อยเพราะมันจะชวนพวกเพื่อนในเซ็คไปด้วย”

 

“หมายถึงพวกไอ้เชนนะเหรอ?”

 

“คงใช่แหละ”

 

พวกเพื่อนในเซ็คของเคนก็พวกเดียวกันกับน้ำนั้นแหละ พวกมันมีทั้งหมดสามคนรวมเคนและน้ำเป็นห้า ถือว่าเป็นกลุ่มหนุ่มหล่อประจำคณะเศตรฐศาสตร์ปี2เลยก็ว่าได้

 

“บอกมันไปว่าเดี๋ยวบอกทีหลัง”

 

ฟ้าหันมามองน้ำด้วยความแปลกใจ ปกติน้ำมักไม่ปฎิเสธถ้าเป็นเรื่องเที่ยว ยิ่งเข้าไนท์คลับยิ่งเนื้อเต้น แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เข้าใจกันมาน้ำก็แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย ยกเว้นถ้าฟ้าไปด้วยน้ำจึงจะไป คิดไปคิดมาฟ้าก็อดที่จะเขินขึ้นมาอีกไม่ได้

 

“หึ”

 

น้ำหัวเราะเสียงแผ่ว ชอบใจที่ใครบางคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าขำ เมื่อกี้ยังขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ไปๆมาๆก็เรียบตึง ไม่นานก็แดงแปร๊ดแถมก้มมองต่ำเหมือนจะซ้อนใบหน้านั้นไปให้พ้นสายตาของเค้า แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว

 

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ?”

 

“หัวเราะคนเขิน”

 

“ใครเขิน?”

 

“เรามั่ง หึหึ”

 

“ชิ แล้วทำไมไม่ไปกับเคนอะ ปกติชอบนักไม่ใช่เหรอ?”

 

“ก็ไม่รู้ ต้องดูฟ้าก่อน”

 

“มาดูเราทำไม?”

 

ก็ไม่ได้ป่วยหนักหรือติดอะไรที่ต้องให้มาดูแลสักหน่อย

 

“ต้องดูว่าฟ้าว่างไหมไง? ถ้าฟ้าไม่ว่างไปเราก็ไม่ไปอะ”

 

“นี่ ก็น่าจะรู้นะว่าเรากลับไปอยู่บ้านช่วงปิดเทอม แล้วบางทีอาจจะได้ไปหาพี่ดินที่ชลบุรีด้วยซ้ำ”

 

“ก็นั้นไง ถ้าฟ้าไม่ไปเราก็ไม่ไป”

 

“มันไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ไหมน้ำ? อย่ามาเวอร์”

 

“เวอร์ตรงไหน ก็เราจะไปอยู่กับฟ้าไง”

 

“เป็นแฝดสยามรึไง?”

 

“เป็นได้ก็ดีนะ”

 

“จะบ้า”

 

ฟ้าส่ายหัวระอากับความเอาแต่ใจของใครบางคนแล้วจึงหันไปคุยโต้ตอบกับเคนต่อ ไม่นานพวกเค้าทั้งคู่ก็มาถึงห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ฟ้าเข้าใจว่าน้ำจะพาไปที่ห้างใกล้คอนโดแต่ไหงมาโผล่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงแบบนี้ซะได้

 

“มองทำไม? ลงได้แล้ว”

 

“ทำไมพามาที่นี้ละ?”

 

“ไม่ดีเหรอ?”

 

“ก็เปล่า”

 

“มาเดทกันทั้งทีจะให้น้อยกว่านี้ได้ไง”

 

“เวอร์ตลอด มาซื้อของเหอะไม่ได้มาเดท”

 

น้ำไหวไหล่ไม่สนใจแล้วเปิดประตูลงรถไปก่อนฟ้าจึงลงตามหลังและพากันเข้าไปยังทางด้านใน ทันทีที่สองหนุ่มเดินเคียงคู่ดูช็อปต่างๆไปนั้นสายตาของเหล่าบรรดาผู้คนที่เดินผ่านหรือมองมาเห็นต่างก็จดๆจ้องๆมองแทบจะเหลียวหลัง ก็เล่นมีหนุ่มหน้าตาดีมาเดินเคียงคู่ให้ได้เป็นอาหารตาอย่างนี้ จะไม่มองก็คงไม่ใช่ ฟ้าถึงจะหน้าหวานแต่ก็เป็นที่โปรดปรานของสาวๆไม่แพ้คนข้างๆ น้ำเมียนมองดูผู้คนรอบข้างสลับกับคนตัวบางตรงหน้าแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งเวลาเรือนผมสีดำขลำนั้นสยายไปตามแรงปัดและพัดจากแรงลมแอร์แล้วยิ่งทำให้ใบหน้าหวานนั้นจุดประกายความสดใส

 

“เป็นอะไร คิ้วขมวดเชียว?”

 

ฟ้าหันมาถามเพราะไปเจอเสื้อที่คาดว่าเข้ากัยน้ำเข้าทว่าเมื่อมองไปหาเจ้าตัวกลับเจอกำลังตีหน้านิ่งคิ้วขมวดซะงั้น

 

“เปล่า”

 

ฟ้ายังคงไม่คลายใจจนน้ำส่ายหัวพร้อมกับแตะศอกสกิตให้เดินต่อ

 

“ไปดูเสื้อร้านนั้นก่อนได้ไหม?”

 

“ไปสิ”

 

ฟ้ายิ้มกริ่มก่อนที่จะเดินนำน้ำไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง แทบทุกตัวที่ฟ้ามองและหยิบขึ้นมานั้นฟ้านำมาเทียบกับน้ำหมดทุกตัวจนน้ำอดที่จะถามไม่ได้ว่าจะซื้อให้หรือไง ฟ้ายักคิ้วไม่ตอบแต่เลือกได้เสื้อสีเข้มสองตัวราคาเกือบจะครึ่งหมื่นเข้าไปแล้ว เมื่อออกมาจากร้านนี้ฟ้าก็พาตรงไปอีกร้านและก็ไล่ไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่ค่อยได้ซื้อของตามใจตัวเองสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเจ็บแปร๊บที่ด้านล่างแต่ด้วยความเพลินจึงทำให้ฟ้ายังคงเดินต่อไม่ได้ กลับเป็ฯน้ำที่สังเกตุเห็นท่าเดินแปลกๆของฟ้าเลยบอกแกมบังคับให้ไปหาที่นั่งพักก่อนแล้วค่อยไปซื้อใหม่

 

“ไปร้านกาแฟกัน”

 

ฟ้าอยากกินคาราเมลกาแฟของร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่งและน้ำก็ตามใจ เค้าเดินหอบหิ้วถุงข้าวของตามที่ฟ้าช็อปตามคนร่างบางที่ร่าเริงขึ้นมาก เค้าเห็ฯฟ้ายิ้มออกเค้าก็มีความสุขและยิ้มได้ไปด้วย เมื่อมาถึงร้านฟ้าเลยหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานชนิดที่ไม่ต้องถามความเห็นของน้ำเลยสักนิด น้ำมักจะกินอเมริกาโน่ถ้าเป็นแบบร้อนจะไม่เอาหวานมากแต่ถ้าเป็นแบบเย็นจะเอาแบบเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม น้ำยื่นบัตรไปให้พนักงานนำไปคิดเงินในขณะที่ฟ้ากำลังจะหยิบเงินสด

 

“ไปนั่งรอไป๊ เดี๋ยวถือไปให้”

 

ฟ้าก้มลงมองดูสิ่งของๆตนในมือของคนพูดแล้วก็เหยียดปาก

 

“สุภาพบุรุษเกิ๊น ของเต็มมือขนาดนี้จะถือไปให้ยังไงครับ?”

 

“ฟ้าก็เอาของไปด้วยดิ”

 

“ยุ่งยากวะน้ำ เราอยู่รอก็ได้ น้ำนั้นแหละที่ไปนั่งรอ”

 

“เอางั้นเหรอ?”

 

“เอางั้นแหละ”

 

น้ำพยักหน้ารับแล้วมองหาโต๊ะนั่งแบบที่นุ่มๆหน่อยจนเจอโต๊ะโซฟาสำหรับสองคนที่ตั้งอยู่ชิดริมกระจก น้ำจึงเดินไปนั่งและวางของไว้ข้างล่าง รอไม่นานฟ้าก็เดินมาพร้อมกับกาแฟเย็นสองแก้วด้านหลังมีพนักงานถือจานเค้กมะพร้าวมาด้วยอีกชิ้น น้ำปล่อยให้ฟ้านั่งกินไปส่วนตัวเองก็ยกกาแฟเย็นขึ้นดูดพร้อมกับมองผู้คนผ่านทางกระจกของร้านไปเรื่อยๆ เมื่อมองกลับมาอีกครั้งคนตรงหน้าดั๊นกินเลอะจนเค้าเผลอยิ้มขำ

 

“ยิ้มอะไร?”

 

ฟ้ายังคงไม่รู้ตัว น้ำส่ายหัวนิดหน่อยก่อนจะยื่นมื่อไปปาดเค้กที่ติดริมฝีปากบางจนสะอาด ส่วนที่ติดมือเค้ามาเค้าก็เอาเข้าปากชิมความหวานโดนไม่สนใจสายตาหลายๆคู่ที่จับจ้องอย่างตกตะลึง แม้แต่ฟ้าเองยังอดที่จะตกใจไปด้วยไม่ได้ หน้าหวานชะงักค้างเบิกตากว้างก่อนจะค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อที่พวงแก้ม น้ำลอบมองด้วยความขบขันจนฟ้าปาก้อนทิชชู่ใส่นั้นแหละเค้าถึงได้หลุดเสียงหัวเราะออกมา

 

“นี่แกล้งกันเหรอ แกล้งกันใช่ไหม”

 

“ป่าวซะหน่อย แต่หน้าฟ้าแดงแปร๊ดเลยอะ”

 

“น้ำ!”

 

“หึหึหึ”

 

“ไม่คุยด้วยแล้ว”

 

“โอ๋ๆ อย่างอลสิครับ”

 

“ไม่ได้งอล”

 

“ไอ้ที่เป็นอยู่นี่ บ้านเราเค้าเรียกว่างอล”

 

“ก็บอกว่าเปล่าไง แค่หมั่นไส้”

 

“เหรอ แล้วหมั่นไส้มากป่ะ?”

 

“มากถึงมากที่สุด”

 

“แล้วรักไหม?”

 

“มา..ก..น้ำ!!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆ”

 

น้ำหัวเราะลั่นในขณะที่คนโดนแกล้งหงุดหงิดหน้าดำหน้าแดง ฟ้าเลิกสนใจน้ำแล้วหันหน้านีมองออกไปนอกร้านจนน้ำหยุดหัวเราะแต่หันมาตักเค้กตรงหน้าป้อนคนงอลตุ๊บป่องเป็นเด็กห้าขวบ

 

“อ้ำ”

 

ฟ้าปรายตามองแต่ก็ยังคงเชิดและหันหนี

 

“ฟ้าครับ หายงอลนะ”

 

“.......”

 

“เราป้อนเลยนะ”

 

“......”

 

“ไม่กินจริงอะ?”

 

“......”

 

“งั้นเป็นแฟนกัน”

 

“เห้ย!”

 

ฟ้าถึงกับสะดุ้งและหลุดเสียงอุทานออกมาทันที ถึงแม้เค้ากับน้ำจะใจตรงกัน จะเข้าใจกัน แต่นี่เป็ฯครั้งแรกที่น้ำเอ่ยปากขอคบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

 

“ตกใจอะไร? เรารักกันไม่ใช่เหรอ?”

 

ฟ้าไม่ตอบแต่พยักหน้ารับช้าๆ

 

“หรือฟ้าไม่รักเราแล้ว?”

 

น้ำพูดพลางแอคติ้งโอเวอร์ทำทีตีหน้าเศร้าจนฟ้ารีบพูดตอบเสียงดังฟังชัด

 

“จะบ้าเหรอน้ำ”

 

“งั้น...เป็นแฟนกันนะ...”

 

น้ำพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเข้มนั้นดูมีประกายขึ้นมาทันทีที่ฟ้าพยักหน้ารับ

 

“พูดให้ได้ยินหน่อยสิ”

 

“ก็ได้”

 

“อะไรก็ได้ครับ?”

 

ฟ้าจิ๊ปาก

 

“เป็นก็ได้”

 

“เป็นอะไรเหรอ?”

 

“น้ำ”

 

“หืม?”

 

“เป็นแฟนกันไง”

 

“แต่จริงๆแล้วเราเป็นมากกว่าแฟนอีกนะ ต้องเรียกว่าผะ...อุ๊บ!”

 

ยังไม่ทันจะพูดจบฟ้าก็ตักเค้กยัดใส่ปากน้ำจนต้องเงียบแล้วเคี้ยวด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ฟ้าเองก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยใบหน้าแดงก่ำ เค้ายกแก้วกาแฟของตนขึ้นมาดูดแก้อาการเก้อเขินทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ค่อยจะช่วยอะไรสักเท่าไหร่ น้ำเองก็เหยียดกายพิงพนักพิงพร้อมหยิบแก้วกาแฟของตนขึ้นมาดูดด้วยเช่นกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยอะไรต่อแต่รอยยิ้มและบรรยากาศที่หวานฉ่ำนั้นบ่องบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเค้าต่างก็มีความสุขกับสิ่งที่เป็น

 

ยกเว้นผู้ที่บังเอิญเห็นและได้ยินบทสนทนานั้นแทบทุกคำด้วยใจที่กระตุกวูบ จากที่ตกใจกลายเป็นความโกรธเคืองจนแทบจะคุมสติตนเองไม่ไหวแต่ก็ต้องอดทนเมื่อเขายังอยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ที่นัดมาคุยงานกันในวันนี้

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณมหรรณพ?”

 

เค้าถอนหายใจก่อนที่จะปั้นหน้ายิ้มจาง

 

“เปล่าครับ เรามาคุยกันต่อเถอะ”

 


TBC....

ใคร!?!

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ฮิ้วววววว เค้าตกลงกันได้แล้ว
บอกรักกัน ต่อด้วยทำรัก
ดีใจด้วยนะ น้ำ+ฟ้า

ต้นเป็นได้แค่พระรอง
แต่ก็ยังมีคีย์รออยู่นะ รู้ตัวหรือเปล่า
อิอิ

เอ้า..ตามลุ้น จะมีอุปสรรคอะไรอีก

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

27

 

 

 

 

ฟ้าและน้ำหอบข้าวหอบของเข้าห้องด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย ก็เล่นซื้อมาจนเต็มสองไม่สองมือกันทั้งสองคนซะขนาดนั้น อันที่จริงฟ้าไม่ใช่คนที่ชอบช๊อปปิ้งสักเท่าไหร่แต่เมื่อได้จ่ายก็จะเพลินจนมองอะไรมันก็ต้องซื้อไปซะหมด น้ำเลยต้องคอยท้วงว่าอะไรจำเป็นอะไรไม่จะเป็นไปบ้าง นี่ขนาดโดนท้วงแล้วนะ ถ้าไม่โดนท้วงโดนห้ามนี่คงต้องเหมารถอีกคันให้มาช่วยขนซะแล้วละมั่ง

 

“เหนื่อยโคตร”

 

ฟ้าบ่นอุบเมื่อวางของและทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้อง แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อเผลอลงแรงไปจนข้างล่างที่บอบช้ำเจ็บแปร๊บขึ้นมาอีก

 

“เบาๆสิ เจ็บไหมละนั้น”

 

น้ำเดินมาสมทบโดยการนั่งลงข้างๆฟ้าเลยได้ล้มตัวลงนอนหนุนหมอนอิงแล้วยกขาขึ้นพาดตักแฟนหมาดๆของตนอย่างสบายอุรา น้ำส่ายหัวยิ้มๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เค้านั่งเฉยพลางเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูจนเห็นข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่านหลายสิบข้อความไหนจะสายที่ไม่ได้รับอีก น้ำติดนิสัยไม่เปิดเสียงแจ้งเตือนใดๆจนฟ้าเองก็ติดไปกับเค้าด้วย มาคิดเอาตอนนี้ก็อดทึ้งไม่ได้ ฟ้าต้องอดทนมากขนาดไหนถึงได้เก็บงำความรู้สึกของตัวเองมาได้ถึงทุกวันนี้ ไม่อยากจะพูดว่าตอนที่รู้ครั้งแรกเค้าอึ้งจะแทบลืมหายใจ ถึงจะดีใจแต่ก็อดสงสารคนรักที่เอาแต่เก็บงำความรู้สึกตนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนนี้ไว้ เค้ารับรู้ว่าฟ้ากลัว กลัวว่าถ้าเรื่องมันแดงแม้แต่สถานะเพื่อนก็อาจจะไม่คงเหลืออยู่อีกต่อไป

 

น้ำหันไปมองฟ้าที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ช่วงอกขยับขึ้นลงตามแรงหายใจพร้อมๆกับขนตาหนายาวเป็นแพที่ปิดสนิท น้ำค่อยๆยกขาฟ้าขึ้นแล้วเลื่อนตัวออกให้ฟ้าได้นอนท่าสบายกว่านี้ เค้าก้มลงไปจุ๊บหน้าผากมลก่อนจะเดินออกไปกดโทรศัพท์หามารดาที่โทรหาเกือบสิบสายที่ระเบียงห้อง

 

ปกติแม่เค้าจะไม่กระหน่ำโทรขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ว่ามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจจริงๆ และครั้งสุดท้ายที่แม่กระหน่ำโทรแบบนี้คือช่วงที่ได้ข่าวว่าเค้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทตอนอายุ 15 ตอนนั้นที่มีเรื่องก็เพราะไอ้พวกเวรนั้นมันพูดเกี่ยวกับฟ้าแบบเสียๆหายๆเค้าเลยทนไม่ได้พุ่งกระโจนเข้าใส่ทั้งๆที่มันมีกันตั้งสามคนส่วนเค้าแค่คนเดียว เมื่อคิดย้อนไปถึงอดีตน้ำก็นึกขำ บางทีความรักนี้อาจจะเกิดขึ้นมานานพอๆกับฟ้าแต่เค้ามันเป็นพวกซึนสินะ

 

ปิ๊งป๊อง!

 

ยังไม่ทันที่เค้าจะกดโทรกลับหาแม่ก็มีเสียงออนดังขึ้นขัดซะก่อน น้ำขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาหาในช่วงเวลาพลบค่ำแบบนี้ ถ้าเป็นพวกเพื่อนมันต้องโทรมาบอกก่อนเพราะพวกมันจะผ่านประตูหน้ามายังลิฟท์ไม่ได้ถ้าไม่มีคนในไปเปิดให้ ส่วนคนที่มีคีย์การ์ดห้องนี้อีกใบก็คือคนที่บ้านของฟ้า น้ำเดินเข้าห้องจะไปเปิดพอดีกับที่ฟ้างัวเงียตื่นขึ้นมา

 

“ใครมาอะ?”

 

“ไม่รู้”

 

ปิ๊งป่อง!

 

น้ำและฟ้าหันไปมองยังทิศทางของประตูพร้อมๆกันในทันที

 

“เดี๋ยวเราไปเปิดเอง”

 

น้ำบอกเมื่อเห็นว่าฟ้าตั้งท่าจะลุก ฟ้าพยักหน้าให้แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งจนได้ยินเสียงปลดล็อคบานประตูหลังจากนั้นก็มีเสียง ตึ๊ง! ดังลั่นจนเค้าเผลอสะดุ้งเฮือก พอหันไปมองก็เห็นพ่อตีหน้าบึ้งเดินดุ่มๆเข้ามาหาเค้าจนมาถึงตัวก็หง้างมือฟาดเข้าที่แก้มขาวจนฟ้าเซลงไปนอนกับพื้นโซฟา

 

เพี๊ยะ!

 

“ไอ้ลูกไม่รักดี! มึงต้องกลับบ้านไปกับกูเดี๋ยวนี้!!”

 

เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อประกาศกร่าวจนฟ้าใจกระตุก เค้าหันมามองบิดาด้วยดวงตาที่สั่นไหวและไม่เข้าใจ น้ำรีบเข้ามาหาฟ้าก่อนจะมองหน้าพ่อของฟ้าที่ตนสนิทสนมดี เค้ารู้ว่าลุงณพเป็นคนแข็งกร่าวแต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงกับลูกได้ถึงขนาดนี้ เมื่อครู่ตอนไปเปิดประตูตนก็ถูกผลักจนเซล้มส่วนเจ้าตัวก็ก้าวไวๆมาตบหน้าลูกซะงั้น

 

“นี่มันเรื่องอะไรกันนะพ่อ?”

 

ฟ้าถามเสียงสั่น ความเจ็บที่แก้มซ้ายยิ่งทวีความรุนแรงในยามที่เค้าขยับ รสเค็มฟาดคละคลุ้งอยู่ในปาก คงไม่ต้องเดาแล้วแหละว่ามันคือรสชาติของอะไร

 

“นั้นสิครับคุณลุง ใจเย็นๆแล้วค่อยคุยกันไม่ดีกว่าเหรอครับ”

 

“มึงไม่ต้องมาสอนกู ส่วนมึงกลับไปกับกูเดี๋ยวนี้!”

 

ประโยคแรกมหรรณพหันไปตะคอกพร้อมชี้หน้าใส่น้ำแต่ประโยคหลังเค้าหันไปสั่งฟ้าพร้อมกับเข้าไปกระชากแขนจนฟ้าถล่าขึ้นมาจากโซฟาทั้งอย่างนั้น

 

“พ่อ! ฟ้าเจ็บนะ!!”

 

“ไม่ต้องมาสำออย วันนี้กูต้องเอาเลือดชั่วมึงออกให้ได้ กูไม่เคยเสี้ยมสอนให้มึงวิปริตผิดเพศแบบนี้!!!”

 

ทั้งน้ำและฟ้าต่างก็อึ้งไปตามๆกัน ฟ้าพอจะเดาออกว่าพ่อตนคงรับไม่ได้กับเรื่องๆนี้แต่เค้าไม่คิดว่าพ่อจะรู้เรื่องเร็วกว่าที่คาด เร็วมาก เร็วจนเกินไปชนิดที่เค้ายังไม่ทันได้ตั้งรับหรือตั้งตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

ณพไม่รีรอให้ฟ้ามีสติกลับมาซะก่อน เค้ากึ่งลากกึ่งจูงลูกชายคนเล็กไปทางประตูด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เนื่องจากทั้งชีวิตณพเติบโตมากับโรงเรียนนายร้อยและรับราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาโดยตลอดจึงทำให้เค้าต้องฟิตร่างกายและรักษาความเข้มความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจมาตลอด ถ้าพูดถึงเรื่องเรี่ยวแรง แม้อายุจะมากแต่เค้าก็แข็งแรงไม่แพ้ใครแน่นอน

 

“พ่อ! ปล่อยฟ้าก่อน”

 

ฟ้าพยายามร้องขอแต่ก็ทนแรงพ่อตัวเองไม่ไหว น้ำเองพอได้สติจึงเดินเข้ามาขวางที่หน้าประตูแต่ก็อดใจแป๊วไม่ได้เมื่อได้สบเข้ากับดวงตาโฉดผิดกับภาพลักษณ์นายตำรวจของผู้ใหญ่ตรงหน้านี้จริงๆ

 

“หลีก”

 

ณพกดเสียงต่ำจนฟังดูเย็นยะเยือกและเสียวสันหลังวูบ น้ำลอบกลืนน้ำลายดังเอือก

 

“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณลุง ช่วยปล่อยฟ้าก่อนได้ไหมแล้วเราจะอธิบาย…”

 

“กูไม่ต้องการคำอธิบาย ถ้ามึงไม่หลีก กูก็จะยันมึงให้พ้นทางของกูเอง!”

 

“พ่ออย่านะ!!”

 

“หลีก!!!”

 

ฟ้าลอบมองสบตากับน้ำในเชิงร้องขอ ในเวลานี้เค้ารู้ดีว่าพ่อตนคงไม่ฟังใครและยิ่งมีคนขวางก็คงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ในส่วนของเค้าเองนั้นไม่เท่าไหร่แต่ถ้าปล่อยให้พ่อพลอยโกรธพลอยเกลียดน้ำไปด้วยเค้าไม่ยอม

 

น้ำอึกอักไม่อยากจะยอมอยู่สักพักแต่ก็ยอมหลีกทางออกมาในที่สุด ณพจึงลากลูกชายออกจากห้องได้อย่างสะดวง ฟ้ายังคงมองสบตากับน้ำจนลับตา เค้าขอเพียงแค่จะไม่มีอะไรเลวร้ายมากนัก เค้าขอเพียงแค่นั้นจริงๆ

 

เมื่อประตูลิฟท์ปิดน้ำแทบทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น หมัดขวากำแน่นก่อนจะฟาดลงพื้นไม่ยั้งจนเลือดไหลซึม ความเจ็บเพียงแค่นี้ไม่เท่าสิ่งที่ตนกำลังรู้สึกอยู่ในอกข้างซ้าย หัวใจเค้าแทบแหลกสลายเมื่อเห็นแววตาสุดท้ายก่อนที่ฟ้าจะจากไป มันดูเจ็บปวด เจ็บปวดจนเค้าอยากจะเข้าไปกอดปลอบแต่ก็ทำไม่ได้

 

ครืน ครืน

 

เสียงการสั่นของโทรศัพท์ทำให้เค้าเหลียวหันไปหา ไอโฟนสีดำรุ่นล่าสุดนอนแฝดเสียงการสั่นอยู่บนพื้นไม่ไกลจากประตูห้อง คงตกจากกระเป๋ากางเกงเค้าในตอนล้มลงนั้นแหละ พอหยิบมาดูชื่อเค้าจึงสไลด์รับสาย

 

“ครับมัม”

 

/ตาน้ำ! ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม่/

 

“ผมไม่ได้ยิน มัมมีอะไรรึเปล่าครับ?”

 

/แกไปทำอะไรหนูฟ้าเค้าห่ะ รู้ไหมพ่อเค้าโทรมาโวยวายกับแม่ใหญ่เลย เค้าบอกว่ายังไงเรื่องนี้เค้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด มันร้ายแรงมากเลยเหรอลูก?/

 

น้ำกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม ท่าทางอุปสรรคครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้วสิ

 

“ผม…รักฟ้า”

 

/แม่รู้แล้ว ลูกทั้งคู่ก็ดูรักใคร่กลมเกลียวกันดีมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้ว แม่ถึงได้แปลกใจไงว่าอะไรที่ทำให้คุณณพเค้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดนั้น/

 

“ผมรักฟ้าแบบคนรักครับ ไม่ใช่รักแบบเพื่อนหรือพี่น้อง”

 

/……/

 

ปลายสายถึงกับเงียบกริบ มันเงียบจนเกินไปจนน้ำอดที่จะใจเสียไม่ได้ แค่นี้เค้ายังเสียไม่มากพออีกเหรอ อย่าให้เค้าต้องมาเสียใจกับอุปสรรคจากแม่ของตัวเองอีกเลย

 

“ผมขอโทษครับ แต่ผมรักฟ้า รักมาก รักถึงขนาดไม่อาจจะศูนย์เสียฟ้าไปได้”

 

เกิดเสียงผ่อนลมหายใจดังแว่วมาให้ได้ยิน

 

/ลูกมั่นใจแล้วเหรอน้ำ?/

 

“ครับ”

 

/ลูกรู้รึเปล่าว่ามันจะส่งผลยังไงกับตัวเอง กับคนรอบข้าง?/

 

“รู้ครับ ก็เพราะรู้ผมถึงได้ขอโทษอยู่นี่ไง”

 

/งั้นก็ช่วยไม่ได้แหละนะ/

 

น้ำใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่แม่ของเค้ารับความรักในแบบของเค้าสองคนได้

 

/แล้วสรุปเรื่องมันเป็นไปเป็นมายังไงกันเนี้ย?/

 

“ผมก็ยังงงๆอยู่เลยครับ แต่ดูเหมือนลุงจะรู้เรื่องของผมกับฟ้าแล้ว”

 

/อ่าห่ะ พอจะเดาคร่าวๆได้บ้างแล้วละ แล้วหนูฟ้าละ? เป็นยังไงบ้าง?/

 

“โดนลุงมาลากตัวกลับไปเมื่อกี้ครับ”

 

/ขนาดนั้นเชียว งั้นน้ำกลับมาบ้านดีกว่านะ จะได้คุยกันเผื่อเราจะหาโอกาสเข้าไปคุยกับบ้านนั้นได้/

 

“ครับ”

 

/เข้มแข็งไว้นะน้ำ/

 

“ครับมัม ขอบคุณครับ”

 

.

.

.

.

.

 

“โอ้ย!!!”

 

ฟ้าร้องลั่นเมื่อผู้เป็นพ่อเหวี่ยงเค้าลงพื้นห้องทันทีที่มาถึงบ้าน แม่ที่นั่งดูทีวีบนโซฟาถึงกับถล่ามาประคองตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแทบไม่ทัน

 

“นี่มันเรื่องอะไรกันนะพ่อ ทำไมถึงทำรุนแรงกับลูกแบบนี้ละ!?!”

 

ฟ้านิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนผู้เป็นแม่แทบใจเสีย ไหนจะรอยช้ำเป็นรูบมือที่ข้างแก้มนั้นอีก

 

“ก็ถามลูกชายสุดที่รักดูสิว่ามันไปสร้างวีรกรรมเลวๆอะไรไว้!”

 

เมย์หันไปมองลูกชายสลับกับณพด้วยความไม่เข้าใจ เธอตกใจที่เห็นท่าทีโกรธจัดของสามีทั้งที่ตั้งแต่อยู่กินกันมา สามีเธอไม่ค่อยจะลงไม้ลงมือสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มีแต่ใช้น้ำเสียงและคำพูดข่มจนเสียขวัญเพียงแค่นั้น

 

ฟ้านิ่งเงียบแต่ดวงตาสั่นไหวและน้ำตาคลอหน่วย เมย์โอบกอดปลอบโยนลูกชายเธอด้วยความห่วงใยในขณะที่ผู้เป็นพ่อยังคงยืนจ้องมองเขม่ง แววตาดุดันนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า

 

“ต่อจากนี้ไปมึงต้องกลับมาอยู่บ้านและไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนบ้านนั้นอีก!”

 

ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านประกาศกร่าว ฟ้าเงยหน้ามองพ่อน้ำตาคลอหน่วยได้ไหลรินลงอาบแก้มทันที

 

“พ่อครับ”

 

“ไม่ต้องพูด กูไม่อยากฟังข้อแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น”

 

“พ่อครับ ผมขอร้อง”

 

“กลับเข้าห้องมึงไปแล้วสำนึกซะว่ามึงเป็นผู้ชาย มันก็เป็นผู้ชายแล้วอนาคตพวกมึงจะเป็นยังไงถ้ายังอยู่ด้วยกันแบบนั้น”

 

“แต่เรารักกัน”

 

“รักผิดๆของพวกวิปริตผิดเพศนะสิวะ กลับเข้าห้องของมึงไปซะ ก่อนที่กูจะทนไม่ไหวแล้วเอาเลือดชั่วๆของมึงออกมาล้างเท้ากู!”

 

ฟ้าได้แต่เม้มปากแน่นและปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินลงอาบแก้มอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เค้าอยากจะขอร้อง อยากจะอธิบายให้พ่อได้เข้าใจ แต่ดูเหมือนพ่อจะไม่รับฟังอะไรจากเค้าเลย

 

“มันผิดด้วยเหรอที่พวกเรารักกัน…”

 

ฟ้าเอ่ยทั้งเสียงสะอื้น

 

“มันผิดด้วยเหรอที่พวกเราอยากอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน ใช้ชีวิตเคียงบ่าเคียงไหล่กันเหมือนคู่รักคนอื่นๆนะครับ”

 

“มันผิดตั้งแต่ที่พวกมึงคิดจะรักแล้ว พวกมึงเป็นผู้ชาย! ได้ยินไหมว่าพวกมึงเป็นผู้ชาย!!”

 

ฟ้าเม้มปากแน่นจนเจ็บแปร๊บแต่เค้าก็ไม่สนใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้เค้าเจ็บไปมากกว่าตรงใจที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรง มันเจ็บจนปวดหนึบ เหมือนใครเอาของหนักสักร้อยตันมาทับจนหายใจไม่ออก

 

…พ่อใจร้าย…

 

“ฟ้า”

 

เสียงหวานของผู้เป็นแม่เรียกความสนใจของเค้าให้หันไปมอง ทันทีที่ได้สบตากับคนข้างๆน้ำตาของฟ้าก็รินไหลหนักยิ่งกว่าเดิม แม่เค้ามีสีหน้าตะลึงค้างเมื่อจับใจความในสิ่งที่ได้ยินได้ ดวงตาสีน้ำตาลประกายอ่อนโยนนั้นสั่นไหวเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

 

แม่คงผิดหวังอย่างที่พ่อผิดหวังในตัวเค้า

 

ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตถึงแม้พ่อจะเข้มงวดกับเค้าเพียงใด เค้าก็ยังมีแม่ที่เข้าใจ ที่คอยอยู่เคียงข้าง

 

แต่วันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยเป็น

 

“แม่ครับ ฟ้าขอโทษ”

 

แม่ยังคงเงียบแต่ไม่นานก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยบอกเค้าน้ำเสียงราบเรียบ

 

“เข้าห้องก่อนเถอะฟ้า ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”

 

ฟ้ากลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก การไม่เหลือใครมันทำให้เค้ารู้สึกสิ้นหวังได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันเหมือนการที่โดนทิ้งลงเหวที่ไม่มีก้นบึ้ง ทุกอย่างรอบตัวเลือนลางและมืดสนิท มันเคว้งคว้างจนฟ้าเผลอยกแขนโอบกอดตัวเองเหมือนอากาศหนาวจับใจ ฟ้าลุกขึ้นยืนทั้งที่ก้มหน้าก้มตาไม่เหลียวมองใคร หยาดน้ำตายังไหลรินเป็นทาง ฟ้าย่างก้าวเข้าห้องด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ฟ้าก็ทรุดฮวบลงกับพื้นปล่อยเสียงโฮร้องไห้อย่างหนัก ปลดปล่อยความเศร้าความเสียใจออกมาจนสายใจแทบขาด

 

“อึ๊ก…ฮือ...น้ำ…ฮือ…ช่วยด้วย…น้ำช่วยฟ้าด้วย…ฮือ…”

 

Tbc….

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

28

 

 

 

 

ฟ้ารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เค้าพึ่งรู้ว่าตัวเองได้ฟุบลงกับพื้นหน้าประตูห้องนอนภายในบ้านหลังใหญ่ของครอบครัวตัวเอง เค้ารู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวและออกร้อนที่หน้าไหนจะความตึงที่แก้มและอาการตาบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก สภาพแย่เสียยิ่งกว่าแย่จริงๆ

 

ก๊อกๆๆ

 

“ฟ้า”

 

เสียงที่เอ่ยเรียกไม่ใช่เสียงพ่อและแม่ แต่เป็นเสียงขอองพี่ชายเพียงคนเดียวของฟ้า

 

...พี่ดิน...

 

...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?...

 

“ครับ?”

 

ฟ้าขานรับแต่ยังไม่เปิดบานประตูให้ เค้าควานหาโทรศัพท์ของตนจนทั่วทั้งกระเป๋าหน้ากระเป๋าหลังแต่ก็ไม่เจอ อย่าบอกนะว่าลืมไว้ที่คอนโด

 

“แม่ให้มาเรียกไปกินข้าว”

 

ฟ้ามองออกไปทางหน้าต่างและก็พึ่งรู้ตัวด้วยว่าภายในห้องนี้มันมืดถึงขนาดไหน มีเพียงแสงไฟจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาพอให้ได้เห็นเป็นเงาลางๆได้เพียงแค่นั้น

 

“ผมไม่หิว พี่ไปกินเถอะ”

 

“โอเค”

 

ฟ้าคิดว่าพี่ชายของเค้าอาจจะยังไม่รู้เรื่องเพราะน้ำเสียงและลักษณะการพูดจายังคงไม่เปลี่ยน แต่ก็คงไม่นานหรอก พอรู้เรื่องแล้วคงจะถอยห่างออกจากเค้าเหมือนอย่างคนอื่นๆ เพราะงี้ไงเค้าถึงอยู่แต่คอนโด ถ้าไม่โดนเอ่ยปากขอคงไม่กลับมาที่บ้านให้ได้เหนื่อยใจแบบนี้

 

เป็นเมื่อก่อนถ้าฟ้ากลับมาบ้านเค้าจะสวมบทบาทลูกชายมาดแมนเต็มที่ ถึงแม้จะโดนบ่นเรื่องผมที่ไว้ยาวแต่ก็มัดรวบไว้ตลอดเมื่ออยู่ที่บ้าน ถึงจะโดนเหน็บเรื่องหน้าตาแต่มันก็เป็นกรรมพันธ์ที่แก้ไขไม่ได้ ถึงจะโดนบ่นเรื่องเรี่ยวแรงพละกำลังทางกายแต่มันก็มีเหตุอันเนื่องมาจากสมัยเด็กนั้นป่วยบ่อยจนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทุกอย่างล้วนมีความสมเหตุสมผลของมัน ยกเว้นรสนิยมการชอบเพศเดียวกันที่ยังหาเหตุและผลมาแย้งกับผู้เป็นบิดาไม่ได้จริงๆ

 

มันคือสิทธิส่วนบุคคลเหรอ…คงจะยอมฟังหรอกนะ

 

มันคือรสนิยมส่วนตัวงั้นเหรอ…ยิ่งแล้วใหญ่

 

ฟ้าเดินไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืด เค้าไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้นแม้แต่การเปิดไฟก็ตาม

 

ก๊อกๆๆ

 

มานั่งได้ไม่นานก็เกิดเสียงเคาะประตูขึ้นอีกครั้ง ฟ้าทำเพียงแค่เมียนมองไปยังบานประตูไม่คิดที่จะไปเปิดแต่อย่างใด

 

“ฟ้า”

 

คราวนี้เป็นเสียงของผู้เป็นแม่ที่เอ่ยเรียกอยู่หลังบานประตู

 

“ลงมากินข้าวเถอะลูก เดี๋ยวจะเจ็บท้องเอานะ”

 

“ผมไม่หิว”

 

ฟ้าตอบทั้งน้ำตา ถึงจะรับรู้ได้ว่าแม่ยังคงห่วงใยเค้าแต่สีหน้าและแววตาที่เค้าเห็นนั้นมันยังชัดเจนอยู่ในใจ มันตอกย้ำให้เค้าได้รู้ว่าเค้าได้ทำให้คนที่รักต้องผิดหวังถึงเพียงใด

 

แกร๊ก!

 

เสียงกลอนที่ถูกปลดล็อคดังขึ้นก่อนที่บานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะเปิดอ้าออก ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาก่อนจะกดเปิดไฟจากสวิสต์ที่อยู่ใกล้ประตู ฟ้ายังคงก้มหน้ามองพื้นและนั่งกดอเข้าอยู่ที่ของเตียงใหญ่ของตนจนแม่เดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วดึงตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้าสู่อ้อมกอด มือเรียวลูบเรือนผมยาวสีดำขลำนั้นอย่างอ่อนโยน ฟ้าเลยได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอีกครั้งพร้อมกับพล่ำบอกขอโทษด้วยเสียงที่สั่นไหวและแผ่วเบา

 

“แม่รักฟ้านะ ไม่ว่าลูกแม่จะเป็นยังไงจะรักจะชอบใครแต่ฟ้าก็คือลูกที่แม่รัก”

 

“ผมขอโทษ”

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ เลิกงอแงได้แล้วตัวเล็ก ลงไปทานข้าวพร้อมกันดีกว่านะ พี่เค้ากลับมาทั้งทีจะไม่ไปเจอหน้ากันหน่อยเหรอจ้ะ?”

 

ฟ้าผละออกจากอ้อมอกแม่ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

 

“ผม...ไม่อยากเจอพ่อ”

 

“พ่อเค้าไม่กินจ้ะ แล้วก็เข้าห้องทำงานไปแล้วด้วย”

 

“......”

 

“พี่ดินเค้ากลับมาแค่สามวันเองนะ”

 

ฟ้าเม้มปากแล้วพยักหน้ารับ ผู้เป็นแม่ยิ้มจาง

 

“งั้นก็ไปล้างหน้าเถอะจ้ะ เดี๋ยวแม่จะลงไปรอข้างล่างนะ”

 

“ครับ”

 

เมื่อแม่เดินออกจากห้องของเค้าไปฟ้าจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เมื่อฟ้าส่องกระจกก็ต้องพบกับสภาพหน้าที่บวมฉึ่ง แก้มบวมแดงจากแรงตบของผู้เป็นพ่อ ตาก็บวมจากการร้องไห้อย่างหนัก ไหนจะความโทรมที่มาจากความเครียดทางใจ ฟ้าละสายตาจากเงาตนเองหันไปคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้าแล้วเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างที่มีห้องอาหารแยกจากส่วนโถงนั่งเล่น ฟ้าลงจากบันไดขั้นบนสุดแต่ยังไม่ทันจะถึงประตูทางเข้าห้องครัวเค้าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนาของพี่ชายและแม่ดังแว่วมาให้ได้ยิน ถึงจะเป็นเสี่ยงที่แผ่วเบามากกว่าปกติแต่ฟ้าก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

“พ่อไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าฟ้ามันเป็นแบบนั้น”

 

“พ่อบอกว่าไปเห็นน้องกำลังคุยกับแบบถึงเนื้อถึงตัวกับ...”

 

“กับใครครับ? แฟนฟ้าเหรอ?”

 

“ใช่จ้ะ แต่แม่ว่าเราอย่าพึ่งคุยกันตอนนี้เลย เดี๋ยวน้องก็ลงมาทานข้าวแล้ว”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วครู่ก่อนที่เสียงครูดเก้าอี้กับพื้นหินอ่อนและเสียงวางจานชามจะดังตามมา ฟ้าถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปยังด้านใน แม่เป็นคนแรกที่เห็นเค้าและยิ้มรับ

 

“มานั่งสิฟ้า มีแต่ของชอบลูกทั้งนั้นเลยนะ”

 

ฟ้าพยักหน้ารับแล้วเหลือบมองไปยังพี่ชายของเค้า

 

“มองไรวะ มานั่งดิ รอจนไส้กิ่วแล้วเนี้ย”

 

ฟ้ายิ้มจางแล้วเข้าไปนั่งข้างๆพี่ชาย พี่ดินมักจะชอบแกล้งฟ้าเพราะอายุที่ห่างกันถึง12ปีและรูปร่างหน้าตาที่ไปกันคนละทาง แต่พี่เค้ามักจะเป็นห่วงเป็นใยในยามที่ฟ้ามีเรื่องไม่สบายใจเสมอ

 

“อะไรอะแม่ นานๆทีผมจะได้กลับมาแม่เล่นทำแต่ของโปรดฟ้าไม่มีของโปรดผมบ้างเลย ถึงจะโตแล้วแต่ก็งอลเป็นนะครับ”

 

ฟ้าเมียนมองดูอาหารกลางโต๊ะเมื่อได้ยินคำบ่นของพี่ชาย ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ไก่ทอดกระเทียม คะน้าผัดน้ำมันหอย แล้วไหนจะแกงจืดสาหร่ายวุ้นเส้นอีก

 

“ก็ของโปรดเรามันมีแต่ของที่น้องกินไม่ได้ไง”

 

“งี้ผมคงไม่ได้กินไปตลอดชาติ”

 

“อย่าเวอร์สิดิน ตัวโตอย่างกับควายมาทำใจปลาซิวแบบนี้ไม่อายน้องบ้างรึไง”

 

“พูดซะขนาดนี้ด่าผมมาตรงๆเลยก็ได้ครับ”

 

ฟ้ามองดูคนทั้งคู่ปะทะคารมกันก่อนจะจบลงที่เสียงหัวเราะอย่างนิ่งเงียบ ก็พอรู้ว่าทั้งพี่ทั้งแม่อยากจะสร้างบรรยากาศเพื่อให้เค้าได้ผ่อนคลายและหายเครียดแต่เค้าก็ยังคงทำใจไม่ได้อยู่ดี พ่อมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของเค้ามาตั้งแต่เด็ก แต่น้ำก็คือหัวใจของเค้าเหมือนกัน

 

“กินกันเถอะจ้ะ”

 

เสียงของแม่เรียกสติที่เหม่อลอยของฟ้าให้กลับมาอีกครั้ง ฟ้าหยิบช้อนส้อมขึ้นยังไม่ทันเลือกว่าจะกินอะไรก่อนพี่ชายก็ตักไข่ตุ๋นมาวางใส่จานให้ ไข่ตุ๋นคือของโปรดที่เค้าชอบมากที่สุด คนสนิทและคนในครอบครัวเค้ารู้ดี

 

“ขอบคุณ”

 

“ถ้าจะขอบคุณกันจริงๆ ก็ยิ้มกว้างๆให้พี่เห็นสักทีสิ”

 

“.........”

 

ฟ้าเงียบไปนิดก่อนจะแย้มยิ้มตอบกลับแต่ดินกลับส่ายหัว

 

“ปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มพี่ไม่ถือว่าเป็นรอยยิ้มหรอกนะ”

 

“........”

 

“กินเถอะ”

 

“ครับ”

 

.

.

.

.

.

.

 

“มัม”

 

น้ำเอ่ยเรียกมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นทันทีที่เข้ามาถึงในตัวบ้านหลังใหญ่ อรหันมามองแล้วชูแขนทั้งสองข้างเตรียมรับแรงกอดจากลูกชายสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียว น้ำเข้าไปกอดมารดาครู่ใหญ่ๆแล้วจึงผละมานั่งข้างๆ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากอะไรก็มีบุคคลที่สามก้าวเข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม

 

“เบาๆหน่อย นั้นเมียฉัน”

 

น้ำแทบหลุดเสียงหัวเราะ

 

“แด๊ดกลับมานานแล้วเหรอครับ?”

 

“นานพอที่จะได้ยินวีรกรรมแสบๆของแกหลายเรื่องเชียวละ”

 

“ผมไม่ได้ไปสร้างเรื่องที่ไหนนี่”

 

“แล้วไอ้ที่เค้าโทรมาโวยวายนี่คืออะไร?”

 

ผู้เป็นพ่อพูดลองเชิงพร้อมกับก้าวเดินมานั่งที่โซฟาเล็กด้านข้าง น้ำแทบหุบปากฉับ ภาพที่ฟ้าโดนลุงเหวี่ยงยังไม่จางหายไปจากสมองจนอารมณ์เค้าคุกรุ่นขึ้นมาอีกจนได้ ถึงแม้จะเป็ฯผู้ให้กำเนินแต่ก็ไม่ควรทำรุนแรงถึงขนาดนั้น ยิ่งกับลูกในไส้ด้วยแล้ว

 

“อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาบ้าแบบนี้สิ”

 

“แด๊ดไม่เข้าใจ”

 

“ก็เพราะไม่เข้าใจนะสิ ถึงได้เรียกให้แกมาอธิบายอยู่เนี้ย”

 

สเวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วจึงเอนหลังพิงพนักพิงโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ น้ำหันไปมองพ่อทีมองแม่ทีจนแม่พยักหน้าให้เค้าจึงเริ่มเล่าเรื่องราวระหว่างเค้ากับฟ้าตั้งแต่ต้นจนถึงล่าสุดที่ฟ้าโดยพ่อของเค้าลากตัวกลับบ้าน พ่อและแม่ของน้ำฟังอย่างตั้งใจด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย จนเมื่อน้ำเล่าจบความเงียบก็ยังคงปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่ๆ น้ำลอบกลืนน้ำลาย ยอมรับว่าอดที่จะหวั่นใจไม่ได้เพราะเค้าเองก็ได้เสียกับฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้แม่จะรับรู้ในเรื่องที่เค้ารักฟ้าแต่เมื่อมาเจอเรื่องราวอย่างละเอียดก็อดที่จะไม่มั่นใจอยู่ดีว่าทั้งสองจะยอมรับมันได้

 

“แด๊ด...มัม...”

 

“ลูกยังคงยืนยันใช่ไหวว่ายังไงก็ต้องเป็นฟ้า?”

 

อรเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามลูกชาย

 

“โถ่มัม กว่าผมจะก้าวข้าวเส้นแบ่งระหว่างพวกปกติกับพวกรักชอบเพศเดียวกันได้มันไม่ใช่ง่ายๆนะ ถ้าไม่มั่นใจผมจะทำไปทำไมเล่า”

 

“งั้นก็ดี”

 

คราวนี้เป็นพ่อที่เอ่ยเสียงเข้ม สีหน้าดูจริงจังผิดกับเมื่อช่วงแรกที่เข้ามาในห้องอย่างลิบลับ

 

“แล้วเราคิดว่าจะทำยังไงต่อไปละ?”

 

“ผมยังไม่รู้ครับ”

 

“หึ ดูท่าทางนั้นจะไม่ยอมยกหนูฟ้าให้เราง่ายๆซะด้วย”

 

น้ำถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“ทางบ้านนู้นเค้าเข้มเรื่องพวกกฏระเบียบตามแบบฉบับนายตำรวจใหญ่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร การที่ปล่อยหนูฟ้าให้ทำตามอำเภอใจแบบนี้ถือว่ามากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว แต่ก็นะ มีพี่ชายอย่างดินรับช่วงต่อคุณณพเค้าแล้วก็เลยผ่อนผันกับหนูฟ้ามาโดยตลอด...”

 

อรพูดไล่ตามสิ่งที่ตนคิดเพราะตนกับเมย์ที่เป็นแม่ของฟ้าก็พูดคุยเมามอยด์กันมากกว่าสาระทุกข์สุกดิบธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว

 

“งั้นทำไม...”

 

“แต่เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนมากกว่าที่จะปล่อยผ่านไปได้ไงลูก”

 

“แค่เรารักกัน”

 

“แต่มันเป็นรักที่คนทั่วไปเค้าไม่เป็นกัน หรือพูดง่ายๆคือเป็นส่วนน้อยนั้นแหละ ยิ่งพวกหัวโบราณอย่างคุณณพด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

 

“อืม ไอพอจะเข้าใจแล้ว”

 

น้ำหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อทันทีที่ได้ยิน

 

“การที่มีลูกชายมันก็ต้องหวังให้เป็นผู้สืบสกุลไม่ก็ผู้นำ แต่อย่างฟ้าต้องมาเป็นผู้ตามหรือตกเป็นเบี้ยล่างของแกคนหัวแข็งอย่างคุณมหรรณพเลยอารมณ์ขึ้นเป็นธรรมดา นั้นลูกชายเค้าเชียวนะ”

 

“ผมไม่ได้มองว่าใครเป็นผู้นำหรือใครเป็นเบี้ยล่างเลยนะแด๊ด”

 

“แต่แกกดฟ้าใช้ไหมละ?”

 

พูดตรงสมกับที่เป็นชาวต่างชาติจริงๆ

 

“มันก็ใช่”

 

“เท่ากับฟ้าเป็นเมียแก และนั้นคือสิ่งที่พ่อเค้ารับไม่ได้”

 

น้ำเงียบกริบพลางตีหน้าคิดหนักจนสเวนพ้นลมหายใจแล้วขยับเข้าไปนั่งข้างลูกชายของเค้า ตอนแรกที่ได้ยินจากอรเค้าก็ตกใจไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนเดินทางบ่อยและเจอสังคมมาทุกรูปแบบทำให้เค้าทำใจได้ง่าย ถึงน้ำจะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแถมยังต้องสืบต่อธุรกิจของเค้า เค้าก็ยังพร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่ลูกชายรัก สิ่งที่ลูกชายเป็น

 

“ตอนนี้ทางบ้านนู้นคงกำลังร้อนกันอยู่ ปล่อยให้เค้าเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยเข้าไปคุยกับพวกเขาอย่างเป็นทางการแล้วกัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไอจะสู่ขอฟ้าให้เราเลย”

 

“อย่าพูดเล่นนะแด๊ด”

 

“เห็นไอเป็นคนยังไงกันห่ะ”

 

“กะล่อนไง”

 

“แล้วแกก็ได้เชื้อไอไปเต็มๆเลยด้วย เจ้าลูกชาย”

 

สองพ่อลูกหัวเราะขำให้กับความสัมพันธ์อันดีและบรรยากาศที่ผ่อนคลายลง น้ำกล่าวขอบคุณผู้ให้กำเนิดทั้งคู่พร้อมพนมมือไหว้จากใจจริงแล้วจึงเดินขึ้นห้องของตนที่อยู่ชั้นบน ทันทีที่เข้าห้องได้บรรยากาศเก่าๆก็ผุดขึ้นมาราวภาพหนังในม้วนฟิล์ม ภาพวันที่ยังคงอยู่ที่นี้และมีฟ้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ความรักและความเอาใจใส่ในทุกเรื่องแสดงออกมาโดยที่เค้าไม่ทันได้รู้ตัว แต่เมื่อรู้ทุกอย่างกลับไม่ราบลื่นจนน่าสิ้นหวัง

 

คิดถึงจัง

 

อยากกอดมาก

 

ฟ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ

 

.

.

.

.

.

 

“ฟ้า”

 

ฟ้าหันไปมองตามเสียงเรียกจนเห็นแม่เดินเข้ามาหาจากทางหน้าประตูห้อง ตอนนี้ตกดึกไปพอสมควรแต่ฟ้ายังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้หวายริมระเบียง ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟเท่านั้นที่ส่องสว่าง ผู้เป็นเมย์เอาแก้วนมอุ่นวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปหาลูกชายที่ระเบียงห้อง ลมเย็นๆพัดผ่านให้ร่างกายไม่ร้อนอบอ้าว ฟ้าอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วแต่หน้าที่โดนตบเค้ากลับไม่สนใจจะทายา ปล่อยไว้แบบนี้ก็ดี จะได้เป็นรอยไว้ให้จดจำ

 

“ทายารึยังลูก?”

 

แม่เอ่ยถามพร้อมกับจับปลายคางลูกชายให้หันมาหา ถึงแม้แสงสว่างจะไม่มากพอแต่รอยแดงช้ำนั้นยีงคงเด่นชัดจนสามารถมองเห็นได้ ฟ้าส่ายหัวเบาๆแล้วหันไปมองยังท้องฟ้าเบื้องบนราวกับดาวนับล้านที่ส่องประกายนั้นจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของตน

 

“เดี๋ยวแม่ไปเอายามาทาให้นะจ้ะ”

 

ฟ้าไม่ตอบ เค้ากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายไปตามเก้าอี้หวายเงยหน้ามองท้องนภาจนแม่ลุกกลับเข้าไปในห้องไม่นานก็กลับออกมาแต่เปลี่ยนจุดเป็นฝั่งที่ฟ้าโดนตบจนแก้มช้ำแทน แม่มองลูกชายที่ยังคงเหม่อลอยด้วยความเศร้าหมองไม่แพ้กัน เธอคุกเข้าลงข้างๆแล้วค่อยๆทายาให้อย่างเบามือ ฟ้าไม่มีท่าทีเจ็บปวดอะไร เค้านิ่งราวกับไม่รับรู้แต่ความเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น

 

“ฟ้า”

 

ฟ้าละสายตามามองคนเรียกแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

 

“แม่ลงไปนั่งอย่างนั้นทำไม? เดี๋ยวก็ปวดขาหรอก”

 

เธอยิ้มจางกับความห่วงใยของลูกชาย แต่ก็ยังไม่ลุกขึ้น เธอเอื้อมมือไปลูบหัวคนด้านบนด้วยความรักและเอ็นดู

 

“ไม่ว่ายังไง ฟ้าก็ยังเป็นฟ้า เป็นลูกของแม่”

 

“ครับ”

 

“ฟ้ารักน้ำมากไหม?”

 

ฟ้าหลบตาแม่มาครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ ตอนที่เธอรู้จากสามีว่าคนๆนั้นคือน้ำตนก็ตกใจไม่น้อย เรียกว่าแทบช็อคเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปก็เห็นถึงความรักใคร่กันของเด็กทั้งสองคน พวกเขาอยู่เคียงข้างกันมาตลอด พวกเขาช่วยเหลือกันมาตลอด แล้วจะเป็นอะไรถ้าหากพวกเขาจะมีความรักให้กันในรูปแบบนั้น

 

“งั้นฟ้าก็ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมแพ้ง่ายๆ พ่อเค้าอารมณ์รุนแรงแค่ช่วงแรกๆนั้นแหละ ไว้ให้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยหาโอกาสพูดคุยกัน โอเคไหม?”

 

ฟ้าพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมกับยันตัวขึ้นมาพนมมือไหว้ซบแทบไหล่ของหญิงผู้ให้กำเนิด ฟ้าซบอยู่ไม่นานแรงสะอื้นก็ทำให้แม่ยกแขนขึ้นโอบกอดลูกชาย เสื้อตรงไหล่เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา

 

“ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณที่เข้าใจฟ้า ขอบคุณที่ยอมรับความรักของฟ้า”

 

Tbc…

เอาจริงๆนะ ไรท์ไม่เคยเขียนการขัดแย้งทางครอบครัวที่รุนแรงแบบนี้มาก่อนเลยอะ แต่ก็นะ พ่อเค้ามีทิฐิสูง ถึงแม้ฟ้าจะไม่ได้มาดแมนร้อยเปอร์เซ็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่การได้เห็นกับตาได้ยินกับหูมันก็ทำให้เลือดขึ้นหน้าลมออกหูทู่ซี้จะโมโหไม่ฟังคำใครได้เหมือนกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

29

 

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฟ้ามีเรียน ถึงฟ้าไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนแต่ก็ต้องไปและที่นั้นเป็นสถานที่เดียวที่ฟ้าจะพบกับน้ำได้ ฟ้ารีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวด้วยชุดลำลองธรรมดาเพื่อที่จะวกกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาที่คอนโดอีกที ฟ้าออกจากห้องก้าวลงบันไดด้วยใจที่เบิกบานขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่เมื่อเข้าห้องครัวมาเจอผู้เป็นพ่อนั่งจิบกาแฟพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ในมือไปพลางแล้วก็ต้องชะงัก พี่ดินเองก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยแต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในชุดราชการตำรวจเหมือนอย่างเคยแต่เป็นชุดลำลองที่ดูเป็นทางการนิดๆอย่างพี่ดินที่ใส่เสื้อเชิตแขนสั้นและพ่อที่ใส่เสื้อโปโลสีอ่อน

 

“มาพอดีเลยฟ้า แม่กำลังจะขึ้นไปปลุกอยู่แล้วเชียว”

 

แม่ทันเมื่อหันมาเจอฟ้า คนอื่นๆเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงหันมามองเค้าเป็นตาเดียว

 

“มานั่งนี่สิ”

 

ดินเอ่ยเรียกน้องพลางหยิบขนมปังเข้าปาก วันนี้แม่ทำอเมริกันแบรคฟัสง่ายๆอย่างไส้กรอกไข่ดาวเบคอนขนมปังปิ้งและสลัดผัด ฟ้าเดินเข้าไปนั่งข้างพี่ชายซึ่งฝั่งตรงข้ามมีพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนเดิม

 

“ไม่มีเรียนเหรอเรา ทำไมไม่แต่งตัว?”

 

“มีสิ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วด้วย แต่ที่นี่ไม่มีชุด ผมต้องกลับไปเปลี่ยนที่คอนโดก่อนนะ”

 

ดินยกแขนขึ้นมามองดูนาฬิกา

 

“โอเค เดี๋ยวพี่พาไปเปลี่ยน”

 

“ห่ะ?”

 

“ก็พี่ต้องไปส่งเราไปเรียนอยู่แล้วนี่”

 

“ผมไปเองก็ได้”

 

“ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ?”

 

“งั้นก็ยืมรถพี่หน่อยสิ”

 

“ให้ดินไปรับไปส่งดีแล้ว และพอเรียนเสร็จก็ไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดกลับมาด้วย”

 

ผู้เป็นพ่อที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มดุที่ตีความหมายได้อย่างเดียวคือนี่เป็นคำสั่ง ทุกคนเงียบกริบโดยฟ้าก็ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากจนแม่เอาจานอาหารมื้อเช้ามาวางตรงหน้าเค้าจึงลงมือทานด้วยความไวแสง หมดไปไม่ถึงครึ่งก็กระดกนมแก้วใหญ่จนหมดก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินออกจากห้องอาหารไปทั้งอย่างนั้น ไม่มีการพูดจาไม่มีการเอื้อนเอ่ยหรือตอบรับใดๆทั้งสิ้น

 

ดินรีบดื่มน้ำแล้วคว้ากุญแจรถเดินตามน้องชายออกไปยังรถพอได้เห็นคนเป็นน้องยืนตีหน้ามุ้ยพิงข้างรถบีเอ็มสีบรอนเงินแล้วก็นึกขำ นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้อยู่บ้านและนานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้เจอท่าทางน่าเอ็นดูของน้องชายเพียงคนเดียวคนนี้ ถึงแม้การกลับมาในครานี้จะมีเหตุสุดวิสัยที่ค่อนข้างรุนแรงต่อใจไปสักหน่อย แต่เค้ารู้ว่ายังไงมันก็ต้องจบลงด้วยดี ดูจากท่าทีของพ่อที่มีความโกรธหย่อนลงกว่าเมื่อวานไปมากโข

 

“หน้ามุ้ยเป็นตูดลิงเลยตัวเล็ก”

 

ดินแซวพร้อมกับยกมือขึ้นยีหัวน้องเบาๆ การเรียกคนตรงหน้าว่าตัวเล็กจะมีแค่เค้ากับแม่เท่านั้นที่เรียก ก็ตอนเด็ก ฟ้าตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก มาสูงเอาๆก็ในช่วงมัธยมนั้นแหละ ถึงจะสูงขึ้นมากแต่ก็เพียงแค่ระดับสายตาของพี่อย่างดินอยู่ดี ฟ้าไม่เอ่ยปากพูดอะไรแต่เปิดประตูรถเข้าไปนั่งทันทีที่ดินกดปลดล็อครถ ไม่ถึงสิบนาทีเค้าทั้งคู่ก็มาถึงคอนโด ฟ้าไม่รู้ว่าน้ำจะยังอยู่ที่ห้องไหมเพราะพี่ชายจอดรถที่ชั้นแรกสำหรับแขกแล้วเดินเข้าตึกขึ้นลิฟท์มาเลย ใจฟ้าตุบๆต่อมๆมาก คงตื่นเต้นที่จะได้พบกันหลังจากที่ใจเสียไปกับเรื่องเมื่อวานไปมาก ทว่าพอเปิดประตูทุกสิ่งอย่างกลับเงียบงัน ฟ้าเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ก็ไม่พบ ห้องนอนเล็กก็ไม่มี ดินที่ได้แต่ยืนกอดอกมองน้องเลยถอยหายใจไปเฮือกหนึ่ง

 

“รีบแต่งตัวเถอะฟ้า เดี๋ยวก็สายหรอก”

 

ฟ้าพยักหน้ารับด้วยใบหน้าสลด เค้ารู้ว่าวันนี้น้ำมีเรียนสายกว่าตนไปชั่วโมงหนึ่งและน้ำต้องอยู่ห้อง แต่กลับไม่เห็น ฟ้าเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาในขณะที่ดินตามเข้ามาฟ้าแทบสะดุ้ง

 

“เข้ามาทำไม?”

 

ถึงจะเป็นพี่น้องแต่ไอ้รอยแดงเป็นจ่ำตามตัวยังไม่จางหายฟ้าเลยต้องรีบกลัดกระดุมซ่อนมันให้พ้นจากสายตาพี่ชาย แต่ก็ใช่ว่าดินจะมองไม่ทัน เค้าเห็นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ใส่เสื้อด้วยซ้ำแต่เลือกที่จะเดินเข้ามาตอนหลังจากนั้นเพื่อช่วยน้องเก็บเสื้อผ้า

 

“กระเป๋าเดินทางอยู่ไหน?”

 

“พี่จะเอาไปทำอะไร?”

 

“เอามาใส่เสื้อผ้าฟ้าไง พ่อบอกให้เก็บกลับบ้านไม่ใช่เหรอ เอาชุดนักศึกษาไปเยอะๆหน่อยนะจะได้ไม่ต้องเทียวแวะมาเปลี่ยนอีก”

 

“เรียนเสร็จค่อยมาเก็บก็ได้”

 

ฟ้าอยากจะยื้อเวลาที่ได้เข้ามาที่นี้ให้มากที่สุด เพราะมันเป็นเพียงสถานที่เดียวที่เค้าจะได้พบกับน้ำอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น เราปลดเปลืองตัวตนได้อย่างไม่มีใครมาวุ่นวาย

 

“ในเมื่อเข้ามาแล้วก็เก็บไปเลยแหละ จะวนไปวนมาทำไมหลายรอบ”

 

“นะพี่ดิน ไว้ค่อยมาเก็บที่หลังนะ”

 

ฟ้าเข้าไปคล้องแขนช้อนตาอ้อนตามที่เคยทำ ดินเลยได้แต่ส่ายหัวระอาพลางยกยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปรวบผมให้น้องดีๆ

 

“ก็ได้ๆ ว่าแต่…ผมยาวถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย ไม่คิดจะตัดบ้างเลยรึไง?”

 

“ผมก็เล็มเรื่อยๆอยู่นะ แต่ไม่ชอบสั้นอะ ไว้งี้รวบง่ายดีด้วย”

 

“งั้นเอายางมาเดี๋ยวพี่รวบผมให้”

 

“ไม่มี”

 

“หืม?”

 

“ปกติคนที่มีจะเป็นน้ำ”

 

พูดไปก็อดสลดตามไปด้วยไม่ได้ ดินเห็นอย่างนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการดุนหลังให้ออกจากห้องเพื่อรีบเข้ามหาลัยได้แล้ว ฟ้าเลยได้แต่ทำตามโดนไม่มีปากมีเสียงโดยไม่ลืมที่จะหยิบเป้ที่ใส่อุปกรณ์การเรียนกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มาด้วย

 

ดินเคยมาส่งฟ้าในช่วงเข้ามาเรียนใหม่ๆอยู่ครั้งสองครั้งเค้าจึงพอจะจำทางและตึกเรียนของฟ้าได้ เมื่อรถมาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะสถาปัตฯฟ้าจึงไม่แปลกใจที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกทางพี่ชายเค้าก็มาส่งได้ถูกเป๊ะแถมยังมีเวลาเหลือเกือบครึ่งชั่วโมง

 

“เรียนเสร็จก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่มารับ”

 

“ครับ แล้วพี่จะไปไหนต่อ?”

 

“ไปทำธุระให้กรมฯนะ คงเสร็จบ่ายๆระหว่างนั้นอาจจะเที่ยวเล่นแถมนี้รอแหละนะ”

 

“เอาคีย์การ์ดคอนโดไว้ไหม? เผื่อจะได้เข้าไปนอนพักรอผม”

 

“ก็ดีนะ”

 

ฟ้าพยักหน้าก่อนจะควานหาคีย์การ์ดและยื่นให้พี่ชาย ฟ้าเอ่ยลาพี่ชายอีกครั้งก่อนเปิดประตูรถก้าวเดินออกมาแต่ยังไม่ทันจะถึงตึกก็โดนดินร้องเรียกไว้ซะก่อน เค้าหันไปมองแล้วก็เห็นดินเดินตามหลังมาจนถึงตัว เหล่านักศึกษาละแวกนั้นต่างมองตามดินกันให้ควัก ในเมื่อน้องหน้าตาดีขนาดนี้พี่ชายก็ไม่น้อยหน้ากันหรอกนะ จะแตกต่างก็เพียงแค่ดินจะผิวออกแทนกว่าฟ้าที่ขาวจนดูวอก ใบหน้าไม่ได้หวานเหมือนน้องแต่ก็มีเคล้าโครงเดียวกันอยู่ ตาสีดำสนิท คิ้วดกหนาและเรือนผมสั้นที่ถูกเซ็ตเข้ากับรูปหน้าเป็นอย่างดี

 

“มีอะไรครับ?”

 

“พี่เจอยางในรถ มานี่เดี๋ยวรวบผมให้”

 

ฟ้าหันไปหาพี่ชายดีๆจนดินสางผมจากทางด้านหน้าไปด้านหลังอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวน้องชายลอยติดจมูกในขณะที่เค้าเข้าไปใกล้ ทว่ายังไม่ทันไรร่างของเค้าก็โดนกระชากจากด้านหลังจนเกือบหงายหมัดหนักๆของใครบางคนกระแทกเข้าที่ข้างแก้มจะล้มโครมลงกับพื้น เมื่อหันมามองบุคคลปริศนาแล้วเห็นว่ามันกำลังเดินเข้ามาหง่างหมัดจะเสยต่อดินเลยยกขาถีบไปตรงกลางอกมันแรงๆจนมันเองก็ล้มโครมลงกันพื้น คราวนี้ดินตั้งตัวได้และลุกขึ้นย่างก้าวเข้าไปดึงคอเสื้อมันขึ้นมาชกตอบอย่างไม่สนต่อใครที่หวีดร้องอยู่รอบด้าน รวมทั้งฟ้าที่ร้องห้ามอยู่ไม่ไกล

 

“หยุดนะ ฟ้าบอกให้หยุดไง!”

 

มันจ้องหน้าดินด้วยความโกรธเคืองปานเค้าไปฆ่าใครในครอบครัวของมันตาย แต่จะให้คนอย่างดินยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่เค้าแล้ว แต่เมื่อดินกลังจะจะสวนกลับอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฟ้าเอ่ยเรียกมันชัดๆ

 

“น้ำ! พี่ดิน!! ฟ้าบอกว่าหยุดไง!!!”

 

น้ำเหรอ?

 

นี่เหรอแฟนของน้องชายเค้า

 

ดินปล่อยคอเสื้อแฟนน้องก่อนจะยืนกอดอกมองจ้องคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ฟ้ารีบเข้าไปช่วยพยุงมันขึ้นยืนหน้าตาตื่น ดูจากรูปการณ์ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าดินนั้นแรงเยอะกว่าน้ำไปมากทีเดียว

 

ก็แน่ละ ดินโดนฝึกสมรรถถาพทางกายมาครึ่งค่อนชีวิตด้วยหน้าที่การงานนี่นะ

 

“พี่ดินเหรอ?”

 

น้ำเอ่ยถามฟ้าพลางชี้มาทางดินด้วยใบหน้าฉงน ฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยมือจากน้ำแล้วเดินเข้ามาฟาพี่ชาย

 

“เป็นไงบ้างอะ?”

 

ดินส่ายหัว

 

“ไม่เท่าไหร่ มันมือเบาที่พี่ล้มเพราะตั้งตัวไม่ทันมากกว่า”

 

ดินพูดพลางลอบมองปฎิกิริยาของน้ำและทันได้เห็นว่าคนๆนั้นกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เค้าพูด

 

“พี่อย่าเอาเรื่องน้ำเลยนะ ถือว่าผมขอ”

 

ดินก้มลงมองน้องชายที่ส่งสายตาอ้อนวอนเค้าสลับกันใครอีกคนที่หันหน้าหนีเหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่ด้วย ถึงแม้เค้าจะรู้จักกับน้ำเหมือนฟ้า แต่เค้าไม่ได้สนิทกันมากเผลอๆเจอหน้ากันนับครั้งได้อย่าได้พูดถึงการพูดคุยเลย แถมดินยังไม่ค่อยได้อยู่บ้านอีกต่างหาก ก็ไม่แปลกที่ต่างคนจะต่างจำกันไม่ได้ในยามโตแบบนี้

 

“ทำไมฟ้าต้องขอ ในเมื่อมันเป็นคนทำแถมยังเป็นฝ่ายเริ่มอีกต่างหาก”

 

น้ำหันควับไปมองยังคนพูดและดูเหมือนฝ่ายนั้นจะจ้องมองเค้าอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มเย้ยที่ดูกวนอารมณ์นั้นทำให้เค้ายิ่งขุ่นมัวขึ้นไปอีกทว่าเมื่อมองไปที่ฟ้าซึ่งกำลังขอร้องให้พี่ชายตัวเองแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ น้ำพนมมือลวกๆพลางเอ่ยปากขอโทษที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับฟ้าเลยเผลอลงมือไป ดินได้ยินอย่างนั้นเลยหัวเราะชอบใจ

 

“ขี้หวงนะมึง”

 

“ก็ปกติป่าววะ..ครับ…ก็นั้นแฟนผมอะ”

 

“หึ น้องกูเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

ฟ้าอึกอักทันทีแต่น้ำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า…

 

“เมื่อวานครับ”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

 

“พี่ดิน~”

 

“โทษๆ ก็พี่ขำอะ ดูโคตรหึงโคตรหวงขนาดนี้ไหงพึ่งได้เป็นแฟนกันวะฟ้า หรือมันกากไม่กล้าขอน้องพี่เป็นแฟนสักที?”

 

“ผมเปล่าสักหน่อย น้องพี่แหละหนีผมอยู่ได้”

 

“จริงเหรอฟ้า?”

 

“คุยอะไรกันก็ไม่รู้ ฟ้าไปเรียนดีกว่า”

 

“ท่าจะหนีจริงแฮะ ถามแค่นี้ยังหนีเลย”

 

“พี่ดิน!”

 

“หึหึ ไปเรียนเถอะ เรียนเสร็จแล้วอย่าลืมโทรหาพี่ โอเคนะ?”

 

“ครับ”

 

พอรู้เรื่องกันแล้วดินเลยเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกจากจุดนั้นไป ฟ้าที่มองตามพี่ชายจู่อยู่ๆก็โดนน้ำฉุดแขนให้เดินตามไปยังตัวตึกแบบไม่สนสายตาใคร ฟ้าเดินตามน้ำไปเรื่อยๆจนถึงสวนหลังตึกที่ฟ้าเคยพามาน้ำจึงหยุดเดินแล้วดึงฟ้าเข้ามากอดแทน ฟ้านิ่งไปนิดแล้วจึงยกมือขึ้นโอบกอดตอบ ทั้งคู่กอดกันอยู่อย่างนั้นร่วมสิบนาทีน้ำจึงผละถอยแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ฟ้าโดนไปเมื่อวาน ร่องรอยสีแดงจางๆยังคงอยู่แต่ดีที่ทายาไว้เลยไม่ได้เด่นชัดมากไปกว่านี้

 

“เจ็บมากไหม?”

 

“ไม่เท่าไหร่หรอก แล้วน้ำละ?”

 

ฟ้าแตะรอยช้ำที่น้ำพึ่งโดนหมัดของพี่ดินไปเบาๆแต่น้ำกลับสะดุ้งโหย่งพร้อมนิ้วหน้าเหมือนเจ็บปางตายซะงั้น

 

“อย่าสำออยน้ำ เมื่อก่อนมีเรื่องออกจะบ่อย”

 

“ก็อยากสำออยกับแฟนอะ”

 

“เวอร์ตลอด”

 

ฟ้าเหน็บทั้งรอยยิ้ม น้ำเองก็ยิ้มตาม ทั้งคู่จ้องมองกันไม่วางตาเหมือนกำลังสื่อสารกันทางใจแทนคำพูดมากมายที่อยากจะเกินจะเอื้อนเอ่ย

 

“รออีกนิดนะฟ้า อดทนอีกนิด เดี๋ยวเราจะไปหา”

 

“ไปหาที่บ้านนะเหรอ? แต่ว่าพ่อ…”

 

“ยังไงเราก็ต้องไป เราไม่อยากเอาแต่หนีหรือหลบอยู่แบบนี้ เรื่องมันแดงขึ้นมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้เคลียร์ให้เสร็จคุยให้เข้าใจแล้วเราจะได้คบกันอย่างสบายใจด้วยไง”

 

“คิดง่ายเกินไปแล้วน้ำ ก็รู้ๆอยู่ว่าพ่อเราเป็นคนยังไง”

 

“แต่อย่างน้อยพี่ดินก็เข้าใจใช่ไหมละ เราทายว่าน้าเมย์ก็คงเข้าใจฟ้าเหมือนกัน ทีนี้ก็เหลือแค่ลุงณพ”

 

“……”

 

“เพื่อฟ้า เราต้องทำให้ลุงยอมรับเราให้ได้ เข้าใจไหมครับ?”

 

ฟ้าพยักหน้ารับ เค้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องออกมาในเวลานี้ น้ำอมยิ้มแล้วดึงตัวคนรักเข้ามากอดอีกครั้ง

 

“รู้ไหมว่าเราคิดถึงฟ้าขนาดไหน นี่ขนาดห่างกันแค่คืนเดียวนะเนี้ย”

 

ฟ้าหลุดเสียงหัวเราะคิก

 

“เวอร์…แต่เราก็คิดถึงน้ำเหมือนกันนะ แสดงว่าเราเองก็เวอร์เหมือนกันนะสิ”

 

“คงใช่ งี้แหละนะคนรักกันมันจะมีอะไรคล้ายๆกัน”

 

“เหรออออ ทีงี้ละพูดได้เต็มปากเต็มคำ”

 

“ก็อยากจะทดแทนที่ทำให้ฟ้ารอมานานไง”

 

ฟ้านิ่งเงียบแต่แย้มยิ้มกว้างมากกว่าเดิม น้ำก้มลงหอมหัวฟ้าเบาๆก่อนจะไล่ลงมากดจูบที่หน้าผาก เลื่อนไปที่ขมับ ก่อนจะประทับลงที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ฟ้าเองก็เงยหน้าขึ้นประองศารอรับจูบจากคนตรงหน้า แต่พอกำลังจะประทับที่ริมฝีปากโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นครืนขึ้นมาซะก่อน ทั้งคู่ชะงักพลางถอนหายใจ แต่ไม่มีใครสนใจ พวกเค้าประทับริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะบดจูบและสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวันตามความโหยหาและคิดถึง โทรศัพท์หยุดสั่นไปแล้วก็สั่นขึ้นมาใหม่แต่พวกเค้ายังคงไม่หยุด ฟ้าบลือตาขึ้นมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้า น้ำถอนจูบเมื่อฟ้าเริ่มจะหายใจไม่ทัน

 

“ไปเรียนได้แล้วครับ”

 

ฟ้าขมวดคิ้ว เค้ายังไม่อยากแยกจากน้ำเลย

 

“เดี๋ยวตอนเที่ยงจะมากินข้าวด้วย เรียนเสร็จกลับพร้อมกันนะ”

 

“คือ…พี่ดินจะมารับกลับบ้านนะ”

 

น้ำนิ่งไปนิด

 

“ตอนไหน?”

 

“เรียนเสร็จ”

 

“พี่ดินรู้ไหมว่าฟ้าเรียนเสร็จกี่โมง?”

 

ฟ้าส่ายหัว

 

“ไม่ ทำไมเหรอ?”

 

“งั้นเราไปเดทกันก่อนแล้วค่อยให้พี่ดินมารับก็แล้วกัน”

 

ฟ้ายิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายแช่มชื้นขึ้นมาทันที

 

“อืม”

 

Tbc…

ไรท์ชอบพี่ดินนะ สารภาพว่าถึงจะโผล่น้อยแต่ชอบกว่าพระเอกอีก 5555+

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน ●รัก★

 

30

 

 

 

ตลอดทั้งคาบเช้าฟ้าเรียนด้วยใจที่ร่าเริง ถึงแม้ใบหน้าที่อิดโรยเพราะการพักผ่อนน้อยไหนจะรอยช้ำจางๆที่แก้มและความบวมแดงที่ตาก็เถอะ ในช่วงแรกที่ฟ้าย่างก้าวเข้ามาในคลาสเพื่อนๆหลายคนต่างก็ให้ความสนใจและหันไปซุบซิบต่างๆนานา อย่าว่าแต่คนในคลาสเลยเรียกว่าแทบทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อเช้าเลยก็ว่าได้ จากที่ฟ้าดังอยู่แล้วเลยกลางเป็นจุดสนใจเข้าไปอีก คีย์ที่เข้าเรียนสายและยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้แต่ขมวดคิ้วจนเสียงออดบอกเวลาเลิกคลาสในช่วงพักเที่ยงดังขึ้นเค้าจึงจับฟ้าที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของใส่กระเป๋าให้หันมาหาตนเอง

 

“มีอะไรคีย์?”

 

ฟ้าถามแต่คีย์ยังไม่ตอบ เค้ามองสำรวจเพื่อนหน้าหวานจนแน่แก่ใจแล้วค่อยเอ่ยปาก

 

“เกิดอะไรขึ้น? ไอ้น้ำมันทำอะไรฟ้าอีก?”

 

คีย์กดเสียงดุทั้งๆที่ไม่เข้ากับหน้าจนฟ้ายกยิ้ม

 

“ป่าว”

 

“หลักฐานทนโท้ฟ้า อย่ามาปฏิเสธ”

 

“ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

 

คีย์หลี่ตาลงเหมือนจ้องจะจับผิดแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ฟ้าเลยได้หันยไปเก็บของต่อไม่นานเพื่อนในคลาสก็ออกไปหมดเค้าทั้งสองเลยได้ตามออกไป พอลงลิฟท์มาจนถึงชั้นล่างยังไม่ทันจะก้าวออกจากตึกฟ้าก็เห็นน้ำยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว ฟ้ายิ้มกว้างในขณะที่คีย์เหยียดปากอย่างนึกหมั่นไส้

 

“ฟ้า คีย์”

 

ยังไม่ทันที่ฟ้าและคีย์จะเดินออกไปหาคนที่รอก็มีเสียงเรียกดังขึ้นให้ทั้งคู่หยุดชะงักและหันไปหา

 

“อ้าว หวัดดีต้น”

 

ฟ้าทักส่วนคีย์ก็ทำเพียงยิ้มให้ ต้นเองก็ยิ้มตอบคนทั้งคู่

 

“กำลังจะไปกินข้าวเหรอ?”

 

ต้นถามแบบไม่เจาะจงคนตอบและเป็ฯฟ้าที่ตอบโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อเคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไรให้หนักใจ ถึงแม้เค้าจะทำร้ายต้นไปมากแต่ในเมื่อเจ้าตัวเป็นฝ่ายเอ่บปากว่าอย่างน้อยก็ขอเป็นเพื่อนกันต่อไปตนก็ไม่เกี่ยง

 

“ใช่”

 

“เราไปกินด้วยดิ”

 

ฟ้ากำลังจะตอบรับแต่คีย์กลับสกิตแขนฟ้าไว้ซะก่อน ยังไม่ทันที่ฟ้าจะถามอะไรต่อเสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมด้วยแรงฉุดจนฟ้าถล่าไปซบเข้ากับอกแกร่ง

 

“คุยอะไรกัน?”

 

ต้นพ้นลมหายใจคีย์กรอกตาขึ้นฟ้าในขณะที่ฟ้าแหงนมองดูคนช่างหวงที่ตีหน้าดุโอบเอวเค้าแน่นอยู่ด้านหลัง

 

“ปล่อยก่อนน้ำ คนเยอะ”

 

น้ำไม่ตอบและยังไม่คลายมือสายตาก็จ้องมองไปยังต้นเขม่งจนต้นส่ายหัว

 

“มึงนี่ชอบหาเรื่องคนอื่นแบบนี้เป็นปกติป่าววะ? เมื่อเช้ายังไม่พอใช่ไหม?”

 

“เสือก”

 

“กูก็ไม่อยากเสือกหรอกนะ แต่ช่วยเห็นใจฟ้าหน่อย อยากให้ฟ้ามีข่าวเสียๆหายๆมากนักรึไง?”

 

น้ำถึงกับสะอึก เค้าเริ่มที่จะเมียนมองๆไปรอบๆและก็เห็นผู้คนมองมาตรงเค้าเป็นจุดเดียวไหนจะบางกลุ่มบางคนที่ซุบซิบกันนั้นอีก น้ำหันกลับมามองฟ้าที่หน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็นึกสงสาร เค้าไม่รู้เลยว่าฟ้าจะขี้อายถึงขนาดนี้

 

“จะหึงจะหวงอะไรก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเว้ย”

 

“เรื่องของกู แล้วนี่มึงมาเสือกอะไรกับแฟนกูไม่ทราบ?”

 

“อื้อหือ เดี๋ยวนี้พูดได้เต็มปากเต็มคำ”

 

ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจก็อดที่จะเจ็บตามไปด้วยไม่ได้ คีย์ที่มองต้นอยู่ก่อนแล้วเลยพอจะเห็นแววตาที่เศร้าสลดลงเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็ปกติในเวลาต่อมา

 

“ก็ความจริงนี่หว่า หรือจะให้บอกว่าคนที่รักกัน...”

 

“ไอ้น้ำ พอเหอะน่า กูหิว”

 

เป็นคีย์ที่ทนไม่ไหวแล้วเอ่ยปากห้าม ฟ้าเองก็พยักหน้ารับไปด้วย

 

“จริงด้วย ไปกินข้าวกันเถอะ”

 

เมื่อฟ้าพูดอย่างนั้นน้ำจึงจำยอมเลิกลา เค้าหันไปกอดคอฟ้าแล้วพาเดินนำออกจากตึกไป คีย์เลยหันไปถาม

 

“โอเคนะ?”

 

“หึ ทำไมชอบถามอย่างนั้นจัง เราดูเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ?”

 

“เปล่า ก็แค่ห่ว..ง...”

 

พูดไปก็นึกเขินขึ้นมาซะดื้อๆ ต้นหัวเราะหึก่อนจะเอื้อมมือไปดันหลังคีย์ให้เริ่มเดิน

 

“ไปกินข้าวกัน”

 

“กินกับฟ้ากับน้ำนะเหรอ?”

 

“ใช่สิ เราไม่เป็นไรหรอกน่า”

 

คีย์พยักหน้ารับแล้วจึงเดินตีคู่ตามฟ้าและน้ำไปที่โรงอาหารของคณะ ทันทีที่คนทั้งสี่ย่างก้าวเข้าไปแน่นอนว่าทุกสายตาต้องจับจ้อง เหตุการณ์เมื่อเช้ายังคงเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้เหล่านักศึกษาต่างให้ความสนใจ

 

“ไหงต้องมากินข้าวร่วมโต๊ะกับมันด้วยวะ”

 

น้ำบ่นอุบจนโดนฟ้าตบแขนเข้าให้แรงๆ

 

“โอ๊ย เจ็บนะฟ้า”

 

“ทำไมต้นจะร่วมโต๊ะกับเราไม่ได้”

 

“ไม่ชอบหน้า”

 

“เรื่องของน้ำดิ แต่ต้นก็เพื่อนเรา”

 

“อะไรวะ นี่เห็นมันดีกว่าผะ..แฟนอีกเหรอ?”

 

เกือบหลุดปากซะงั้น ดีนะที่ยังยั้งปากไว้ได้ทัน

 

“หุบปากแล้วไปซื้อข้าวเลยครับ”

 

เจอเมียสั่งแบบนี้คิดว่าคนอย่างน้ำกลัวเหรอ แน่นนอนว่าไม่ แต่แค่เกรงใจเลยลุกขึ้นเดินไปซื้อข้าวตามที่ใครบางคนสั่งอย่างว่าง่าย คีย์ถึงกับหลุดหัวเราะดีที่น้ำเดินไปไกลพอสมควรแล้วเลยไม่ได้ยินไม่งั้นคงมีปะทะคารมกันอีกฉากแน่ๆ คิดแล้วฟ้าก็กุมขมับ ทำไมน้ำมันถึงได้ดุอย่างกับร็อตไวเลอร์งี้วะ

 

“งั้นคีย์รออยู่นี่เป็นเพื่อนฟ้าแล้วกัน จะกินไรเดี๋ยวเราไปซื้อมาให้”

 

“เอาเหมือนกันไปเลยก็ได้ จะได้ซื้อทีเดียว”

 

“แต่เรากินเผ็ดนะ”

 

“เรากินเผ็ดได้ ไม่ใช่คุณหนูอย่างฟ้ามันนะ”

 

“อ้าว อย่ามาพาลใส่กันงี้ดิ”

 

“ใครพาล เราเปล่าพาลนะแค่เปรียบเปรย”

 

“เหรอออออ”

 

ต้นส่ายหัวเนืองๆก่อนจะเดินไปซื้อข้าวของตนและของคีย์ เมื่อเหลือกันอยู่สองคนฟ้าเลยหลี่ตามองจ้องคีย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามจนคีย์เองก็สงสัย

 

“มีไร?”

 

“หึหึ เรารู้นะว่าคีย์กำลังคิดอะไรอยู่”

 

“โห นี่เจน ญาณทิพย์มาเองเลยเหรอครับ”

 

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ”

 

“แล้วกระผมกำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับคุณเจน”

 

“คิดกวนตีนเราไง ฮ่าๆๆๆ”

 

คีย์แทบจะปาเป้ของตัวเองไปใส่เพื่อนเมื่อเจอมุขกวนที่โคตรเกรียน แต่ก็นะ เห็นฟ้าหัวเราะได้อย่างเต็มที่ก็ดีแล้ว ช่วงหลังมานี้ใช่ว่าคีย์จะไม่สังเกตุ เพื่อนของเค้ามีเรื่องประเคนเข้ามาตลอดจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจหายคอ

 

“จะว่าไปไอ้เคนมันไปไหนวะ ปกติต้องมากับไอ้น้ำนิ?”

 

“น้ำบอกว่ามันติดสาว กำลังตามจีบเลยต้องพาไปกินข้าวหนุงหนิงกันสองคน”

 

“ไอ้หน้าม้อ”

 

“หึหึ”

 

“แล้วตกลงจะบอกเราได้ยัง ว่าไอ้รอยที่แก้มนี่ไปได้มาจากไหน?”

 

ฟ้าแทบหัวเราะค้าง ใบหน้าหวานกลับมาเรียบนิ่งทันทีที่คีย์ถามจบแต่ไม่นานฟ้าก็ปั้นหน้ายิ้มแห้ง

 

“แค่อุบัติเหตุนะ”

 

“อุบัติเหตุบ้าอะไร คิดว่าเราโง่เหรอที่ดูไม่ออกว่ามันเป็นรอยมือ”

 

ความจริงก็ดูไม่ออกจริงๆนั้นแหละเพราะมันเป็นรอยแดงจางๆแต่ก็ตัดกับผิวขาวของฟ้าอยู่ดี การที่หลอกพูดเหมือนรู้อย่างเนียนๆทำให้ฟ้ามีปฎิกิริยาคือชะงักและนั้นก็หมายถึงสิ่งที่เค้าเดาสุ่มนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

 

“ฟ้ายังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า?”

 

“เห็นสิ คีย์นะเพื่อนรักเลยนะ”

 

“แล้วทำไมถึงไม่อยากจะบอกกันละ?”

 

“..........”

 

ฟ้าพูดไม่ออก เค้าไม่อยากให้คีย์ต้องมาเป็นห่วงมากจนเกินไปจึงพยายามหลีกเลี่ยง แต่ดูท่าเค้าจะประเมินเซ้นต์ของคีย์ต่ำไปหน่อย

 

“มีอะไร ทำไมเครียดๆ?”

 

จนกระทั่งน้ำเดินเข้ามานั่งพร้อมกับวางจากข้าวสองจานและน้ำเปล่าอีกสองขวด เยอะขนาดนี้ยังหอบมาได้นี่สามารถจริงๆ คีย์เปลี่ยนเป้าหมายไปเค้นคนมาใหม่แทนในทันที

 

“น้ำ”

 

“อะไร?”

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมฟ้าถึงมีรอบโดนตบ อย่าบอกนะว่าแกทำ”

 

“ไม่ใช่โว้ย”

 

“งั้นใคร? มึงดูแลฟ้ายังไงวะให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ไอ้ห่า กูก็อุสาวางใจ โคตรไม่แมนเลยวะ หลังจากนี้...”

 

“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆไอ้คีย์”

 

“ก็เย็นอยู่เนี้ย”

 

“เย็นบ้านแกสิด่ามาฉอดๆ หายใจทันไหมนั้น”

 

“เรื่องของกู”

 

“เออ!”

 

“แล้วสรุปว่ามีเรื่องอะไรกัน?”

 

น้ำหันไปหาฟ้าจนฟ้าพยักหน้าให้น้ำเลยหันกลับมาเล่าแบบเรื่องราวทั้งหมดฉบับรวบรัดจบภายในเวลาอันรวดเร็วแต่คนที่ไม่จบนั้นก็คือคีย์ คีย์โกรธพ่อของฟ้าเสียยกใหญ่จนฟ้าต้องยื่นน้ำไปให้กินดับไฟร้อนที่สุมอก

 

“มีอะไรกันเหรอ?”

 

ต้นถามขึ้นเมื่อมาถึง ฟ้าได้แต่ส่ายหัวในขณะที่คีย์และน้ำได้แต่นิ่งเงียบ มื้อกลางวันจบลงในเวลาต่อมา ต้นต้องไปเรียนอีกตึกจึงทำให้เค้าต้องแยกตัวไปก่อน ส่วนน้ำก็เดินไปส่งฟ้าจนถึงตึกแล้วจึงแยกไปขึ้นรถและขับกลับคณะของตัวเองในที่สุด ฟ้ากับคีย์ก็ขึ้นห้องไปเรียนในภาคบ่ายต่อ สองชั่วโมงต่อมาฟ้าก็เรียนเสร็จเลยลงมานั่งรอน้ำที่ไม้หินอ่อนหน้าตึกมีคีย์นั่งเป็นเพื่อนคอยกวนประสาทไม่ให้ฟ้าเหงาจนกระทั่งน้ำขับรถมาจอดเทียบที่ริมฟุตบาทแต่ที่ตามหลังมาติดๆนั้นก็คือรถญี่ปุ่นคันคุ้นของต้น น้ำกับต้นลงมาจากรถพร้อมๆกันจนฟ้ากระพริบตามองปริบๆ

 

“ไหงได้มาพร้อมกันละเนี้ย?”

 

“บังเอิญมั้ง ไปกันเถอะฟ้า”

 

“อืม งั้นเราไปนะคีย์ ต้น”

 

ต้นกับคีย์พยักหน้ารับ ฟ้าเลยเดินตามแรงดึงของน้ำไปขึ้นรถ แต่ระหว่างที่รถกำลังออกตัวฟ้าก็หันกลับไปมองที่เพื่อนทั้งสองจนได้รู้ว่าที่แท้ต้นมารับคีย์นั้นเอง

 

“ดูอะไรฟ้า?”

 

“ดูคีย์กับต้น เรารู้สึกแปลกๆอะ เหมือนสองคนนั้นมีซัมติงอะไรสักอย่าง”

 

“หึงมันเหรอ?”

 

“จะบ้ารึไง เราแค่รู้สึกแปลกๆแต่ก็ช่างมันเถอะ”

 

“ดี ปล่อยเรื่องของคนอื่นไปแล้วหันมาสนใจเรื่องของเราดีกว่า”

 

ฟ้าเบ้ปากจนโดนน้ำเอื้อมมือมาจับปากให้ยืดจนเหมือนเป็ด

 

“อื้อออ เอ็บอะ”

 

น้ำหัวเราะขำแต่ก็ยอมปล่อยเมื่อโดนมือเรียวฟาดแขนไปสามสีที เล่นเอาแสบกันเลยทีเดียว

 

“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ขับรถอยู่แท้ๆ”

 

“ก็ไม่ได้ขับเร็วนี่”

 

“แต่มันก็อันตรายอยู่ดีป่ะ”

 

“ครับๆ ยอมแล้วครับเมีย”

 

เพี๊ยะ!

 

“โอ้ยฟ้า! มันเจ็บนะ”

 

“หมั่นไส้”

 

“หึหึ”

 

“แล้วตกลงเราจะไปไหนกัน?”

 

“ซื้อของที่ซุปเปรอ์แล้วก็กลับคอนโด”

 

“ห่ะ ไหนบอกว่าไปเดทกันไง”

 

“ก็เดท แต่เดทที่ห้อง”

 

“ประสาท”

 

“ก็เราอยากกอดฟ้านี่ คิดถึงชิปหาย”

 

“เวอร์”

 

ฟ้าได้แต่ยิ้มกว้าง ถึงจะไมได้ไปไหนแต่แค่ได้อยู่ด้วยกันมันก็ดีมากพอแล้ว น้ำพาฟ้าเข้าซุปเปอร์ใกล้คอนโดเพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหาร ไม่นานก็เสร็จจึงมุ่งหน้าสู่คอนโดในทันที แต่เมื่อมาถึงคอนโดฟ้ากลับพึ่งนึกขึ้นได้ว่าได้ให้คีย์การ์ดและบอกพี่ชายว่าให้มาพักที่คอนโดระหว่างที่รอเค้าเรียน

 

“ทำไงดีอะน้ำ ถ้าพี่ดินอยู่บนห้องเราก็ต้องกลับบ้าน...”

 

“ใจเย็นๆฟ้า ลองโทรถามพี่ดินดูก่อน ไม่แน่พี่ดินอาจจะไม่ได้อยู่บนห้องก็ได้”

 

ฟ้าพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาพี่ชาย

 

/ว่าไงฟ้า เรียนเสร็จแล้วเหรอ?/

 

“เออ ยังครับ พี่ดินอยู่ไหนเหรอตอนนี้?”

 

/พี่ยังทำธุระไม่เสร็จเลย ไม่แน่อาจจะถึงห้าโมงเย็น ฟ้าเรียนเสร็จกี่โมง?/

 

“ประมาณนั้นแหละครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรหาพี่ใหม่นะ พี่จะเดินเล่นแถวนั้นรอก็ได้ รู้สึกว่าตรงถนน###มีร้านเค้กอร่อยๆด้วย ผมฝากพี่ซื้อเค้กสตอเบอรี่ให้ด้วยหน่อยสิ”

 

/ได้ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อไปให้ เอาสักกี่ปอนด์ดีละตัวเล็ก/

 

น้ำขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ตัวเล็ก’ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนก็คงเข้าใจผิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันไปแล้ว ดูการพูดการจาสิ แฟนอย่างเค้ายังหวานไม่สู้เลย

 

“สองก็ได้พี่ เอาไว้กินวันอื่นด้วย”

 

/พี่ว่าสี่ดีกว่า เผื่อเอาไว้รับแขก/

 

“เอ๋? จะมีแขกที่ไหนมาบ้านเราเหรอ?”

 

/มีสิ พี่ว่าต้องมีแน่ๆ/

 

“ครับๆ เอาตามที่พี่ว่าก็ได้ งั้นแค่นี้นะ”

 

/โอเค ตั้งใจเรียนละ/

 

“ครับ”

 

ฟ้าเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมทันทีที่พี่ชายวางสายไป น้ำเลยดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงไปขนของที่ท้ายรถ ฟ้าลงจากรถตามมาแต่น้ำไม่ได้ให้ถืออะไรนอกจากเป้ของตัวเอง

 

“ฟ้าคอยเปิดประตูแล้วกัน คีย์การ์ดของเราอยู่ในกระเป๋ากางเกง มาหยิบเอาดิ”

 

ฟ้าพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามาหยิบ

 

“ล้วงดีๆนะครับ ระวังโดนงูฉก”

 

โคตรน่าหมั่นไส้

 

กว่าจะขึ้นมาถึงห้องน้ำก็โดนฟ้าฟาดแขนจนแสบไปทั้งร่าง นิสัยช่างแกล้งอย่างโคตรน่าหมั่นไส้นี่แก้ยังไงก็ไม่หาย แม้แต่ตอนที่เข้าห้องมาเตรียมทำอาหารกินกันก็ยังไม่วายที่จะเข้ามาวอแวจนฟ้าแทบปาตะหลิวใส่หัว

 

“รุนแรงวะฟ้า”

 

“ไม่ช่วยก็ไปอยู่ไกลๆเลย เกะกะ”

 

“ใจร้าย คนเค้าตั้งใจจะช่วยแท้ๆ”

 

“ช่วยป่วนนะสิไม่ว่า”

 

ฟอดดดดด

 

ว่าแล้วก็โดนฉกหอมแก้มไปฟอดใหญ่ๆ

 

“น้ำ!”

 

“เขินก็บอก ไม่ต้องมารุนแรงกลบเกลื่อน หึหึ”

 

“ไอ้บ้า ไปนั่งหายใจทิ้งอยู่โซฟาเลยไป”

 

“เมื่อไหร่จะเสร็จอะ หิวแล้ว”

 

“กวนอยู่นี่จะเสร็วไวให้ไหมละ”

 

“ไม่ได้หิวอาหารสักหน่อย หิวฟ้าเนี้ย เห้ย! หยุดๆๆ ไม่พูดแล้วครับ ไม่พูดแล้ว”

 

ดีที่ฟ้ายั้งมือทันไม่งั้นหัวน้ำคงแตกเลือดไหลนองเนื่องจากโดนฟ้าฆาตกรรมด้วยกระทะร้อนๆที่กำลังผัดพาสต้าหอมฉุย น้ำรีบวิ่งหนีไปนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวที่โซฟาโดยทันทีแต่ก็ไม่วายจ้องมองคนรักที่หยิบจับนั้นนี่ด้วยความคล่องแคล่ว

 

อยากจะกินอาหารฝีมือฟ้าอย่างนี้ไปทุกๆวัน

 

อยากจะอยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

 

ไม่อยากให้มีอะไรมาพลากจาก

 

ไม่อยากให้ราต้องแยกทาง

 

“เอาวะ ตายเป็นตาย”

 

“ใครตาย?”

 

อ้าวเห้ย ได้ยินซะด้วย

 

“ป่าวจ้า ฟ้าทำเสร็จแล้วเหรอ?”

 

“อืม มากินสิ”

 

“ครับผม!”

 

 

Tbc....

 

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
สู้ๆนะน้ำ  o13 อุปสรรคเยอะจังเนอะ :serius2:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน●รัก★

 

31

 

 

 

 

ครืนครืน

 

ฟ้างัยเงียตื่นขึ้นมาด้วยแรงสั่นของโทรศัพท์เค้ามองไปรอบๆจนรู้ว่าตนได้เผลอหลับซบน้ำอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์โดยที่น้ำก็หลับไปด้วยและจอทีวีก็ยังฉายหนังเรื่องที่เปิดค้างไว้อยู่อย่างนั้นฟ้าค่อยๆพยุงตัวเองออกจากน้ำพยายามไม่ให้คนหลับรู้สึกตัวแต่ก็ช้าไปแล้ว

 

“จะไปไหน?”

 

น้ำเอ่ยพร้อมดึงฟ้าให้เข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง

 

“ปล่อยก่อนน้ำเราจะไปรับโทรศัพท์”

 

น้ำยอมปล่อยแต่โดยดีฟ้าเลยรีบลุกไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ของตนใจหนึ่งก็หวังให้เป็นพี่ดินที่โทรมาแต่อีกใจก็อดกลัวไม่ได้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะเป็นพ่อของเค้าเองและเมื่อเห็นชื่อผู้โทรฟ้าก็แย้มยิ้ม

 

“ครับพี่ดิน”

 

/พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง/

 

“ขอโทษครับพอดีผมเผลอหลับ”

 

/หลับ? หลับอยู่ไหน?/

 

“เออ…”

 

/อยู่คอนโดแล้วใช่ไหม?/

 

“ครับ”

 

ถึงจะนึกหวันแต่พี่ดินก็เป็นอีกคนที่เข้าใจ

 

/กลับยังไง? น้ำไปส่งเหรอ?/

 

“ป่าวครับน้ำไม่ได้มาส่งแต่มาอยู่ด้วยเลย”

 

/อ้อโอเคงั้นเดี๋ยวพี่ตีรถเข้าไปรับเลยแล้วกันพี่ก็นึกว่าเรายังอยู่มหาลัยเลยขับเข้ามารับอยุ่มหาลัย/

 

“ขอโทษครับ”

 

/ไม่เอาน่าเรื่องแค่นี้เอง/

 

“จริงๆพี่ไม่ต้องมารับก็ได้นะเดี๋ยวฟ้าขับรถฟ้ากลับ”

 

/ไม่ต้องเอาไปหรอกถึงเอาไปก็ไม่ได้ใช้/

 

ฟ้าขมวดคิ้ว

 

“ทำไมละครับ?”

 

/พ่อบอกให้พี่ไปรับส่งเราทุกวันระหว่างที่พี่อยู่แล้วเมื่อพี่กลับคนไปรับส่งเราจะเป็นลุงแดง/

 

“จะบ้าเหรอพี่ผมอายุ20ไม่ใช่2ขวบที่จะต้องมีคนคอยรับคอยส่ง”

 

/มันเป็นคำสั่งฟ้าก็น่าจะรู้นี่/

 

“ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องนะพี่ที่จะสั่งได้ดั่งใจตัวเอง!”

 

/ใจเย็นๆฟ้า/

 

“ทำไมละพี่ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ด้วย?”

 

/พ่อคงห่ว…/

 

“อย่ามาพูดว่าห่วงเลยครับผมยังไม่เห็นเลยว่ามีอะไรให้น่าเป็นห่วงถึงผมจะไม่ได้เดินตามทางที่พ่อขีดไว้ตั้งแต่แรกแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีไม่ได้เสเพลเสพยาติดเหล้าหรือไปยกพวกตีกับใครเค้าผมก็อยู่ปกติสุขของผมแล้วพ่อจะห่วงอะไร!?!”

 

/ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นเอางี้ไปสงบสติอารมณ์ซะอีกสิบนาทีเดี๋ยวพี่ไปหาโอเค?/

 

ฟ้าพ้นลมหายใจระงับอารมณ์แล้วจึงตอบรับพี่ชายพอดินวางสายจึงทิ้งตัวลงพิงเบาะเหมือนหมดเรี่ยวแรงทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรน้ำเองก็ได้ยินทุกอย่างเค้าเข้ามาโอบกอดฟ้าเพื่อปลอยโยนจนฟ้านิ่งเงียบไปอีกครั้งน้ำรู้ว่าฟ้าไม่ได้หลับฟ้าแค่พักสมองหยุดทุกสิ่งแล้วปล่อยวางทุกอย่าง

 

“กี่โมงแล้วอะ?”

 

เมื่อปรับสภาพอารมณ์ตัวเองคงที่แล้วฟ้าจึงเอ่ยถามขึ้น

 

“ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว”

 

ฟ้าลึกขึ้นมานั่งตักโอบรอบคอแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างของน้ำพลางเหม่อมองออกไปที่ระเบียงห้องท้องฟ้าด้านน้องเริ่มมืดเช่นเดียวกับภายในห้องที่มีแสงจากจอทีวีเพียงอย่างเดียว

 

“น้ำรู้ไหมว่าเรารักน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

คนถูกถามหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะตอบว่าไม่รู้

 

“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

“ซะงั้น”

 

“เราไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอรู้ตัวเราก็รักน้ำไปแล้วไง”

 

“เล่นลิ้นเหรอห่ะ”

 

น้ำกอดรัดฟ้าแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยวฟ้าหัวเราะขำอย่างชอบใจก่อนจะผละถอยออกมาจ้องหน้าสบตากัน

 

“แล้วน้ำละเริ่มรักเราตอนไหน?”

 

น้ำกดยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มือก็ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมยาวไปทัดหูจนเห็นใบหน้าหวานอย่างชัดเจน

 

“ไม่รู้เหมือนกัน”

 

“อย่ามาใช้มุขเดียวกับเรานะ”

 

“โถ่อย่าขัดกันสิ”

 

“หึหึ”

 

“เราอาจจะรักฟ้านานแล้วก็ได้แต่เราไม่รู้ใจตัวเองสักทีไงพอมาลองคิดย้อนกลับไปแล้วก็มีหลายเหตการณ์เหมือนกันนะที่เราแสดงอาการออกไปทั้งที่ไม่รู้สึกตัว”

 

“หืมตอนไหนเหรอ?”

 

“ที่เห็นชัดก็ตอนที่ฟ้าเริ่มสนิทกับไอ้ต้นเราเลยเริ่มอาการหนักถึงขั้นห้ามไม่ให้ฟ้ามีใครไง”

 

“อ้อ”

 

“จะว่าไปเรายังสงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่ง”

 

“อะไร?”

 

“ฟ้ารักเรามานานขนาดนั้นฟ้าไม่เคยคิดจะบอกเราเลยรึไง?”

 

“ไม่อะไม่บอกแหละดีแล้ว”

 

“ทำไม?”

 

“เรากลัว”

 

“กลัวอะไรครับ?”

 

ฟ้าจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังส่อแววซุกซนแล้วก็นึกอยากจิ้มเล่นสักทีสองทีเค้าคิดว่าน้ำน่าจะรู้สาเหตุต่างๆแล้วแหละแต่อาจจะอยากได้ยินจากปากเค้าเลยเอ่ยถามออกมาในที่สุดไหนๆก็เปิดใจให้กันแล้วก็บอกไปเลยแล้วกัน

 

“กลัวหมดแหละกลัวน้ำรังเกียจกลัวเสียเพื่อนกลัวไม่ได้อยู่ใกล้กลัวน้ำหายหน้าไปกลัวสารพัด”

 

“หึเด็กน้อย”

 

น้ำพูดพลางก้มหัวลงมาให้หน้าผากชนกับฟ้าอย่างพอดิบพอดี

 

“อีกอย่าง…น้ำเคยบอกว่าความรักแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เราเลย…”

 

“เลยคิดจะปิดบังอยู่ในใจแอบรักอยู่ห่างๆอย่างนั้นนะเหรอ?”

 

“อืม”

 

“หึนางเองช่องไหนครับเนี้ย?”

 

“ขำละ”

 

“เห็นหัวเราะป่าวละ”

 

“หมั่นไส้วะน้ำไปไกลๆดิ”

 

“ไม่ไปครับรักขนาดนี้แล้วไล่ให้ตายก็ไม่ไปอะ”

 

“เหรอออออ”

 

“มาจูบทีดิ”

 

“ไม่ให้”

 

“แต่เราจะเอา”

 

ว่าแล้วก็รั้งคนตัวบางให้เข้ามาชิดแล้วจึงฉกริมฝีปากนั้นมากัดเบาๆก่อนจะไล่วนขบเม้มบดคลึงด้วยความเสน่หาฟ้าเองก็โอบรอบคอน้ำไว้พลางเอียงหน้าปรับองศาให้รับกับการรุกของอีกคนเรียวลิ้นร้อนทั้งสองเกี่ยวกระหวันกันอย่างไม่ลดละเสียงจ๊วบจ๊าบดังแข่งกับเสียงใจที่กระหน่ำรัวฟ้ารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขืนและดุนดันอยู่เบื้องล่างตนแต่ก็ใช่ว่าของตัวเองจะไม่รู้สึกความร้อนภายในกายทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อน้ำสอดมือเข้าไปลูบไล่ผิวเนียนภายใต้สาบเสื้อฟ้าครางเคลือในลำคอเมื่อมือหนานั้นลูบมายังยอดอกสีชมพูแดง

 

“อือ…น้ำหยุดก่อนเดี๋ยวพี่ดินจะมาแล้ว”

 

น้ำชะงักมือก่อนจะผละถอนแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆฟ้าเห็นคนหัวเสียเมื่อไม่ได้ดั่งใจแล้วก็นึกขำภาพวันวานที่น้ำมักหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจฝุดขึ้นมาเป็นฉากๆแต่ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้มาน้ำก็ไม่ได้แสดงมันออกมาอีกเลยน้ำคุมตัวเองเก่งขึ้นเริ่มมีความคิดนึกถึงคนอื่นมากขึ้นและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี

 

“ฟ้า”

 

“หืม?”

 

“ไม่กลับไปไม่ได้เหรอ?”

 

“……”

 

ฟ้านิ่งเงียบให้กับน้ำเสียงและสีหน้าแววตาออดอ้อนของคนตรงหน้าเค้าเองก็ไม่อยากกลับไม่อยากจะแยกจากคนตรงหน้านี้แม้แต่น้อย

 

“น้ำ”

 

“ครับ?”

 

“เราหนีกันไหม?”

 

“……”

 

“หนีไปที่ไหนสักที่ด้วยกันแค่สองคนดีไหม?”

 

น้ำยิ้มแล้วดึงฟ้าเข้ามากอด

 

“ไม่ได้หรอกฟ้าเราหนีปัญหาไปแบบนั้นไม่ได้”

 

“ทำไมละน้ำไม่อยากอยู่กับเราเหรอ?”

 

“อยากอยู่สิครับแต่เราไม่อยากหนีปัญหาที่สำคัญถ้าเรายังอยากให้ลุงณพยอมรับเราต้องเดินหน้าสู้ไม่ใช่ถอยหนีแบบนั้น”

 

“……”

 

“เราจะต้องผ่านมันไปได้”

 

“อืม”

 

“ฟ้าอดทนหน่อยนะสัญญาว่าไม่นานเราจะเดินเข้าไปรับฟ้าที่บ้านเองเลย”

 

“ไม่นานแน่นะ?”

 

“แน่สิครับ”

 

“ก็ได้”

 

“ดีมากมาจุ๊บทีสิครับ”

 

“อย่ามาเนียนเมื่อกี้ก็ทำไปแล้วเหอะ”

 

“เมื่อกี้ก็ส่วนของเมื่อกี้สิ”

 

ฟ้าถอนหายใจระอากับความกะล่อนของน้ำแต่ปากกลับยิ้มกว้างน้ำเลื่อนตัวเข้าหาฟ้าในขณะที่มือก็จับท้ายทอยคนตรงหน้าให้โน้มเข้ามาหากัน

 

ปิ๊งป๊อง!

 

ทุกอย่างหยุดชะงักในทันทีฟ้ายิ้มกริ่มส่วนน้ำได้แต่ขมวดคิ้วมุ้ย

 

“พี่ดินมารับแล้วอุ๊ป!”

 

น้ำไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปแน่ไม่ว่าใครจะมาก็ขอฉกเอากำไรเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองก่อนละนะ

 

 

 

 

 

 

 

 “สอบวันไหน?”

 

ฟ้าเงยหน้ามองบิดาที่จู่ๆก็พูดขึ้นในระหว่างมื้ออาหารฟ้านั้นยังคงอิ่มจากที่กินกับน้ำมาเลยได้แต่เขี่ยข้าวไปมาจนแม่และดินเข้าใจว่าฟ้าเครียดจนกินไม่ลง

 

“อีกสองสัปดาห์ครับ”

 

ฟ้าตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

 

“แล้วสอบนานไหม? ปิดเทอมวันไหน?”

 

ฟ้าวางแก้วพลางหมุนหัวคิ้วอย่างฉงนพ่อจะถามเอาอะไรในเมื่อลากเค้ามาอยู่บ้านก่อนถึงช่วงปิดเทอมแล้วไง

 

“สอบถึงวันพุธที่××หลังจากนั้นก็ปิดเทอมเลย”

 

“ดี”

 

“พ่อถามทำไมครับ?”

 

เป็นดินที่ถามคลายความเครือบแครงของทุกคนฟ้าเองก็ได้แต่นิ่งเงียบแต่ยังฟังในทุกๆสิ่ง

 

“แกจะได้ไปดูงานที่ฟลอเรนซ์ใช่ไหม?”

 

“ยังไม่มีคำสั่งนะครับ”

 

“เดี๋ยวก็มี พอดีเลยเอาน้องไปเที่ยวด้วยแล้วกันดูงานแค่สามวันแต่พ่อจะให้ลาพักร้อนควบไปด้วย เที่ยวเล่นอยู่นั้นให้หัวสมองมันโล่งๆก่อนแล้วค่อยพากันกลับมาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”

 

ฟ้ากำแก้วในมือแน่นในขณะที่ดินได้แต่อึกอักถึงแม้ทางศูนย์เค้าจะมีข่าวเรื่องส่งตัวแทนไปดูงานกับทางส่วนกลางอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งเจาะจงว่าเป็นใครแถมถ้าพ่อเค้าเอ่ยปากอย่างนี้แล้วก็คงจะเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด

 

“ฟ้าไม่ไป”

 

ฟ้าพูดลอดไรฟันพยายามข่มอารมณ์เต็มที่แค่กลับมาอยู่บ้านก็มากพอแล้วทำไมต้องส่งไปให้ห่างกันมากถึงขนาดนั้นด้วย

 

“นี่เป็นคำสั่งไม่ได้ขอความคิดเห็น”

 

“พ่อสมควรถามความคิดเห็นของผมนะในเมื่อคนที่เดินทางเป็นผมไม่ใช่พ่อ”

 

“อย่ามาต่อปากต่อคำกับกู”

 

“ผมแค่พูดตามที่ตัวเองคิดครับและที่สำคัญ…ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องถ้าพ่อจะยังจำได้ ผมอิ่มแล้วครับขอตัว”

 

พูดจบฟ้าก็ลุกขึ้นเดินก้าวไวๆออกจากห้องอาหารขึ้นไปยังห้องนอนของตนที่อยู่บนชั้นสอง ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ฟ้าก็แทบหมดแรง แรงกายนะไม่เท่าไหร่แต่แรงใจนี่สิ

 

ฟ้าเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของตนนิ่งๆท่ามกลางความมืดภายในห้องเสียงแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ดังแผ่วแข่งกับเสียงลมหายใจของผู้เป็นเจ้าของ ฟ้านอนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำอาบท่าถึงแม้เค้าจะกลับมาบ้านพร้อมพี่ชายได้สักพักแล้วแต่ก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ตลอดจนแม่มาเรียกลงไปทานข้าวนั้นแหละ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่ยอม ตนเลยต้องจำทนนั่งเล่นหรือตักอาหารบางอย่างใส่ปากพอเป็นพิธี

 

เค้าคงจะกินได้มากกว่านี้ถ้าคนที่นั่งตรงข้ามไม่ใช่พ่อของเค้าที่ยังคงปั้นหน้านิ่งอย่างกับยักษ์แถมตอนจบยังมีการสั่งให้ไปเมืองนอกโดยไร้ซึ่งการถามความสมัครใจจากเค้า

 

เผด็จการเกินไปแล้ว

 

ก๊อกๆๆ

 

“ฟ้าขอพี่เข้าไปหน่อยสิ”

 

ฟ้าที่ออกจากห้องน้ำมาพอดีกับเสียงเคาะและเสียงเรียกของพี่ชายเลยได้เดินไปปลดล็อคกลอนก่อนจะเดินน้ำเข้ามาภายในห้องทั้งสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำชื้นๆและผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไหล่

 

“พึ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ?”

 

“ครับ”

 

ฟ้าตอบพลางทิ้งตัวนั่งลงที่ข้างเตียงส่วนดินก็ยืนกอดอกพิงโต๊ะหนังสือของน้องที่อยู่ตรงข้ามกับฟ้าพอดี

 

“พี่ดินมีอะไรเหรอครับ?”

 

ดินถอนหายใจแล้วเดินเข้ามายืนตรงหน้าน้องก่อนจะดึงเอาผ้ามาซับผมที่ยังคงเปียกชื้นอย่างเบามือ

 

“พี่นึกว่าฟ้าจะใจเย็นลงแล้วซะอีก”

 

“ผมก็เย็นอยู่นะ”

 

ดินกดยิ้มขำนิดกับความหัวรั้นของน้องชายนิสัยดื้อเงียบและหัวรั้นนี่ยังคงเหมือนตอนเด็กไม่เปลี่ยนเลยจริงๆแต่ก็นะยังไงฟ้าก็ยังเป็นน้องชายสุดที่รักของเค้าอยู่ดี

 

“ที่เถียงพ่อแบบนั้นเค้าเรียกว่าเย็นแล้วเหรอ?”

 

“ผมป่าวเถียงเหอะ”

 

“เชื่อก็โง่แล้ว”

 

“ถ้าจะมาพูดแบบนี้ก็กลับห้องตัวเองไปเลยนะ”

 

“โอ๋ๆอย่าพึ่งงอลกันสิพี่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่ก็ติดธุระยันเย็นเหมือนเดิมนะ”

 

ฟ้าเงยหน้ามองพี่ชายช้าๆก่อนที่เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวาน พรุ่งนี้ฟ้ามีเรียนแค่ช่วงเช้าแสดงว่าตลอดทั้งภาคบ่ายฟ้าจะว่างและสามารถไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ได้

 

“ขอบคุณครับ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 “วันนี้ดูระริกระรี้ผิดปกตินะฟ้า”

 

คีย์อดที่จะเอ่ยท้วงไม่ได้เพราะตั้งแต่เช้ายันเที่ยงฟ้าก็ทำท่าทีอะเลิร์ทจนคีย์ผิดสังเกตุ

 

“ไม่มีอะไรหรอกน่า”

 

“เชื่อก็ไม่ใช่เราละ”

 

“โถ่คีย์ จะมาจ้องจับผิดอะไรเรานักหนา แค่พ่อก็จะบ้าตายอยู่แล้วเนี้ย”

 

“อย่าบอกนะว่าพ่อฟ้าส่งคนมาเฝ้ามองเลยอะ!?!”

 

ฟ้าส่ายหัวพลางหัวเราะขำไปด้วย

 

“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตอาจไม่แน่”

 

“อะไรจะขนาดนั้นวะ นี่ลูกชายนะเว้ยไม่ใช่นักโทษ”

 

“อ้อ เที่ยงนี้เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ”

 

“ทำไมละ?”

 

“จะออกไปข้างนอก”

 

“ไปเดทกับไอ้น้ำละสิ”

 

ฟ้าไม่ตอบแต่ไหวไหล่จนคีย์เบ้ปากน้อยๆ พอใจตรงกันละสวีตไม่อายใครเลยจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะอยู่ด้วยกันบ่อยจนเป็นปกติแต่ก็ไม่ได้สวิตหวานโชว์สื่อให้ชาวโซเชี่ยวนามว่าสมาชิกเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยได้แชะรูปไปลงเล่นๆกันจนมันส์มือ ฟ้ากับน้ำที่ว่าดังอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความดังเข้าไปอีก

 

“งี้เราก็กินข้าวคนเดียวนะสิ”

 

คีย์แกล้งพูดน้ำเสียงน้อยใจพลางยู่ปากจนเหมือนเด็กน้อยโดนแย่งของเล่น ฟ้ายิ้มขำแล้วยกมือทั้งสองข้างมาบี้ๆนวดๆวนแก้มคนข้างๆเล่นจนโดนโวยเข้าให้นั้นแหละถึงได้หยุด

 

“เล่นอะไรเป็นเด็ก แก้มเราช้ำหมด”

 

“หึหึ ไม่ช้ำหรอก คีย์ด้านจะตาย”

 

“ไอ้ฟ้า!”

 

“ฮ่าๆๆ รักหรอกจึงหยอกเล่น”

 

“ไม่ต้องมารัก ไปรักไอ้น้ำคนเดียวเลยไป”

 

“หึงพี่เหรอจ้ะน้องคีย์”

 

“เดี๋ยวจะโดนถีบครับ”

 

“โถ่คีย์ อย่าโหดกับเรานักสิ ถ้าคีย์เหงาก็โทรชวนต้นให้มากินเป็นเพื่อนสิ”

 

คีย์ถึงกับกรอกตาแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ พอดีกับที่โทรศัพท์ฟ้าสั่นเครือขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกว่าคนโทรได้มารออยู่ที่หน้าตึกแล้ว

 

“งั้นเราไปแล้วนะ”

 

“เออ จะไปไหนก็รีบไปเลย”

 

ฟ้าหันไปยิ้มให้เพิ่อนอีกทีก่อนจะก้าวยาวๆออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ ทว่าในเวลานี้ลิฟท์ยังคงแน่นและเต็มไปด้วยผู้คนฟ้าจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเดินลงบันไดแทน กว่าจะลงถึงชั้นล่างสุดก็เรียกเหงื่อไปมากโข จากที่คิดว่าคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่เพราะเป็นขาลงแต่ฟ้าก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ หรือเพราะช่วงนี้ฟ้าพักผ่อนไม่เพียงพอกันแน่นะถึงได้อ่อนเพลียเปรี้ยแรงแบบนี้

 

“ทำไมเหงื่อซกมางี้ละฟ้า?”

 

น้ำท้วงทันทีที่เห็นเสื้อนักศึกษาของฟ้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ ฟ้าเองก็หอบนิดๆเหมือนพึ่งวิ่งสี่คูณร้อยเมตรมาก็ไม่ปาน

 

“ลิฟท์มันเต็ม เราเลยรีบวิ่งลงบันไดมานะ กลัวน้ำรอนาน”

 

“อันตรายนะฟ้า ขืนตกบันไดมาทำยังไง เรารอนานแค่ไหนก็รอได้”

 

“เอาน่า รีบออกรถเหอะ เราหิวแล้ว”

 

น้ำส่ายหัวเนืองๆแต่ก็ยอมออกรถในที่สุด วันนี้น้ำมีเรียนแค่ช่วงเช้าเหมือนกับฟ้าเพราะอาจารย์ที่สอนในช่วงบ่ายไปสัมนาที่ต่างประเทศพอดี

 

“หิวมาไหมฟ้า? ถ้ามากเดี๋ยวเราจะพากินแถวนี้ก่อนแล้วค่อยไปดูหนังกัน”

 

“เราทนไหว ไปกินที่ห้างเลยก็ได้”

 

“โอเคครับ”

 

วันนี้น้ำมีแพลนว่าจะพาฟ้าไปกินข้าวดูหนังผ่อนคลายความเครียดก่อนที่จะพาไปหาแม่ตัวเองที่บ่นว่าอยากเจอฟ้ามาตั้งแต่เมื่อวันก่อน

 

“แล้วป้าอรจะอยู่สาขานี้เหรอน้ำ?”

 

ฟ้าถามเมื่อน้ำพาเลี้ยวเข้าไปที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่ง

 

“อยู่สิ ก็เราพึ่งโทรไปบอกว่าจะเข้ามาที่นี้ก่อนไปรับฟ้า”

 

“เจ้าแผนการณ์จริงๆ”

 

“พึ่งรู้เหรอ?”

 

“รู้นานแล้วแหละแต่ไม่คิดว่าจะมารักคนเจ้าแผนการณ์แบบนี้ได้ด้วย”

 

“หึ ถอนตัวไม่ทันแล้วนะ เสียใจด้วย”

 

“ถอนไม่ได้ต่างหากละ ก็รักมากขนาดนี้แล้ว”

 

“วันนี้พูดจาน่ารักนะเรา อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”


“ขอเพชรที่ร้านสักสิบกะรัตแล้วกัน”

 

“หึหึ เราให้ได้ทั้งร้านเลย ยกให้เป็นเจ้าของแล้วมาบริหารเองเลยดีไหม?”

 

“บ้าเหรอน้ำ ถามคุณนายอรพินรึยังครับที่พูดเนี้ย”

 

“กิจการของแม่ก็เหมือนกิจการของลูกนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ก็ยกให้เรา”

 

“ลุงสเวนบอกให้น้ำไปทำธุรกิจการบินไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนจะธุรกิจเครื่องเพชรของป้าอรอีก จะไหมไหมเนี้ย?”

 

“ไม่ไหวอะ”

 

“อ้าว”

 

“เพราะงั้นฟ้าต้องมาช่วยเรา”

 

“เห้ย”

 

“ไม่หงไม่เห้ยละ ถึงแล้วครับ ลงได้แล้ว”

 

ฟ้าลงจากรถพร้อมๆกับน้ำจนเดินเคียงคู่กันเข้าไปภายใน ช่วงเวลาเที่ยงของวันธรรมดาถึงแม้คนจะไม่เยอะเท่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์แต่ก็ยังมีอยู่ประปราย ร้านอาหารดังๆจึงเต็มแทบหมดทุกร้านจะมีเหลือบ้างบางร้านที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จักหรือไม่ค่อยเป็นที่นิยม ดีที่น้ำโทรจองโต๊ะไว้ที่ร้านอาหารอิตาลี่ของเพื่อนพ่อเค้าไว้ พอมาถึงเค้าจึงได้โต๊ะในทันที

 

“วันนี้กินหรูจังแฮะ”

 

ฟ้าพูดใส่เบาๆแต่น้ำทำเพียงไหวไหล่แล้วรับเล่มเมนูจากพนักงานมาดู ฟ้าเองก็เช่นกัน คนทั้งคู่กินไปคุยกันไปไม่นานก็หมด เมื่ออิ่มของคาวก็ตามด้วยของหวาน เอาซะฟ้าอดที่จะบ่นไม่ได้ว่าถ้าขืนกินดีอย่างนี้บ่อยๆคงได้ลงพุงในสักวัน น้ำเลยหัวเราะร่วนก่อนจะรับปากว่าถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกันจะพาออกกำลังกายทุกวันเลย ฟ้าเลยพยักหน้ายอมรับแล้วกินต่อโดยที่ไม่เอะใจสักนิดว่าไอ้การออกกำลังกายนั้นจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหน

 

เมื่ออิ่มหนำสำราญจนแทบจุกน้ำเลยพาฟ้าไปเลือกหนังที่จะดู ฟ้ากับน้ำมีรสนิยมการดูหนังที่แตกต่างกันเพราะน้ำจะชอบแนวบู้กระหน่ำเลือดสาดไส้ทะลักแต่ฟ้ากลับกลัว ฟ้าจะชอบแนวไซไฟซะมากกว่า ฟ้ากับน้ำเถียงกันเรื่องหนังอยู่สักพักกว่าจะตัดสินใจดูอนิเมะกวนๆเป็นการจบปัญหา เมื่อหนังเริ่มฉายน้ำที่หน้ามุ้ยมาตั้งแต่ต้นกลับตั้งใจดูจนทั้งยิ้มทั้งหัวเราะตามไปตลอดเรื่อง ฟ้าที่เอาแต่มองดูน้ำเลยพลอยสนุกและยิ้มกว้างไปด้วย

 

“พึ่งรู้นะเนี้ยว่าหนังแบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน”

 

น้ำพูดชมทันทีที่พากันออกมาจากโรงหนัง ฟ้าเองก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ฟ้าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาจนได้เห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว น้ำที่มองการกระทำของฟ้าอยู่เลยดึงมืออีกข้างที่ว่างของฟ้าไปกุมแล้วพาออกเดินไปยังชั้นล่างที่เป็นโซนช็อบต่างๆ หนึ่งในนั้นคือช็อบแบรนด์เครื่องเพชรหรูนามว่า OorJel Jewelry ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาทั้งสิบของอรพินหรือแม่ของน้ำ

 

“ออเจลสวัสดีคะ อ้าว คุณน้ำ มาหาคุณอรเหรอค่ะ?”

 

สาวหน้าเคาเตอร์ที่คุ้นหน้าน้ำดีเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านเดินตรงเข้ามาพร้อมกับจูงมือหนุ่มหน้าหวานที่ไม่เคยเห็นมาด้วย

 

“ครับ มัมอยู่ไหมครับพี่แอน?”

 

“อยู่คะ อยู่ที่ห้องด้านในค่ะ”

 

“ขอบคุณครับ”

 

พูดจบน้ำก็พาฟ้าเข้าไปยังห้องทำงานด้านในสุด อรพินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาหา ดวงตาคมภายใต้การแต่งแต้มที่ยิ่งเพิ่มความดุเฉี่ยวจ้องมองไปยังมือของลูกชายที่จับกุมมือของใครอีกคนไว้แน่นตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ได้รับรู้จากเจ้าตัวมาเป็นอย่างดี

 

“สวัสดีครับป้าอร”

 

เจ้าลูกชายทำได้เพียงแค่พงกหัวทักแต่คนที่ตามหลังมากลับยกมือไหว้พลางเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หล่อนนึกเอ็นดูได้ยังไง

 

“สวัสดีจ้ะ ไม่เจอหนูฟ้านานพอตัวเลยนะเนี้ยไหนมาให้ป้ากอดหน่อยสิ”

 

พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปชูมืออ้าแขนเดินเข้าไปกอดฟ้าไว้แน่น ฟ้าเองก็กอดตอบเหมือนเช่นเคย

 

“ป้าอรสบายดีไหมครับ?”

 

“ปกติดีทุกอย่างจะ แต่จะสบายกว่านี้ถ้ามีหนูฟ้ามาดูแลนะ”

 

“มากไปไหมมัม?”

 

“เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้นิ ฟ้าอย่าไปสนใจไอ้คนขี้หวงเลยนะลูก มานั่งกับแม่ตรงนี้ดีกว่า”

 

ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายคนใหม่ไปนั่งด้วยกันที่โซฟารับแขกตัวยาวเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าน้ำไม่ชอบใจแต่ก็ทำได้เพียงจิ๊ปากแล้วไปนั่งลงที่เบาะเล็กข้างๆฟ้า

 

“ป้าอรอยากเจอผมเหรอครับ?”

 

ฟ้าเริ่มต้นถามตามที่ตนสงสัย อรพินยิ้มหวานแล้วยกมือขึ้นไปเกลี่ยปอยผมด้านหน้าไปทัดกับหูอย่างเอ็นดู น้ำเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นมารวบผมให้ฟ้าต่อหน้าต่อตาผู้เป็นแม่จนฟ้าอดที่จะเขินไม่ได้

 

“แม่รู้แล้วละ เรื่องที่เราสองคนคบกันนะ”

 

ฟ้าเบิกตากว้างอ้าปากค้างทั้งที

 

“แม่ดีใจนะที่ทำให้ลูกชายแม่กลับมาเป็นคนได้คือฟ้า”

 

“มัมพูดอย่างกับเมื่อก่อนผมไม่ใช่คนงั้นแหละ”

 

“ก็ไม่ใช่นะสิยะ ฉันจะพูดกับฟ้าอย่ามาขัดสิตาน้ำ”

 

“ใช่ซิ๊ ได้ลูกชายคนใหม่แล้วนี่ คนเก่าก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”

 

“นอกจากจะขี้หวงแล้วยังขี้น้อยใจอีกแฮะ”

 

ฟ้าได้แต่หัวเราะขำท่ามกลางการปะทะฝีปากของแม่และลูกคู่นี้ ฟ้าพูดคุยกับแม่ลูกแห่งบ้านเศรษฐาสกุลอยู่นานจนได้รู้ว่าพ่อและแม่ของน้ำยอมรับเค้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ไหนๆก็มองฟ้าเป็นเหมือนลูกชายคนที่สองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเพราะความสนิทสนมที่มีให้กัน ถึงจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักฟ้าก็ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกแยกเหมือนอย่างที่ฟ้าเคยนึกกลัว ฟ้าแทบกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยความกวนของน้ำจึงทำให้ฟ้าหัวเราะกลบเกลื่อนได้ในที่สุด

 

“ยังไงก็อดทนไว้ก่อนนะหนูฟ้า อีกไม่นานเดี๋ยวแม่จะเอาตัวเจ้าน้ำไปมอบตัวกับคุณณพเอง”

 

“อ้าวมัม”

 

“หึหึ ได้ครับป้าอร”

 

“เลิกเรียกป้าได้แล้วมั่งจ้ะ”

 

“...เออ...”

 

“ไหนลองเรียกแม่สิ”

 

“ครับ แม่อร”

 

“อย่างนั้นแหละจ้ะ”

 

คุยกันอีกไม่นานอรพินก็ต้องลาเพราะต้องไปดูรายงานในอีกสาขาหนึ่ง น้ำเลยพาฟ้าไปยังชั้นที่จอดรถไว้กะจะพากลับคอนโดก่อนแล้วค่อยให้พี่ดินมารับเหมือนเมื่อวาน

 

“น้ำบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่เหรอ?”

 

“เรื่องอะไร?”

 

“ก็เรื่องของเราไง”

 

“อ้อ ก็วันที่ฟ้าโดนพ่อลากกลับบ้านนั้นแหละ นอกจากจะได้บอกแล้วยังได้ปรึกษากันเรื่องนี้พอดีด้วย”

 

“ถึงขนาดนั้นเลย”

 

“ใช่สิ ทุกคนเขาเข้าใจฟ้านะ เข้าใจเราแล้วก็เข้าใจความรักของเราด้วย”

 

“ยกเว้นพ่อเรานะสิ”

 

พูดไปก็อดที่จะตีหน้าเศร้าไปด้วยไม่ได้ แต่เมื่อเดินโผล่พ้นประตูอัตโนมัติของห้างเพื่อไปยังที่จอดรถ ฟ้าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เลยไปชนเข้ากับใครบางคนเข้า จริงๆเค้าก็เดินเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่นั้นแหละแต่ฟ้าดั๊นไปชนเข้ากับหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นและเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองกำลังจะเอ่ยขอโทษก็ต้องตะลึงค้างอีกครั้ง

 

“พ่อ!”

 

มหรรณพเองก็ตกใจเหมือนกันที่ได้เห็นลูกชายคนเล็กมาอยู่ที่นี้แถมยังมากับคนที่เค้าไม่อยากจะเห็นหน้า ดวงตาดุฉายแววโรจพลางจ้องมองเขม่งไปยังลูกก่อนจะหันไปมองน้ำและเลื่อนไปมองมือที่ยังคงกุมกันอยู่นั้น ฟ้าปล่อยมือจากน้ำทันทีที่เห็นสายตาของพ่อ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรแล้ว

 

“มีอะไรรึเปล่าครับคุณณพ?”

 

ผู้ใหญ่อีกคนที่มากับด้วยกันกับณพเดินกลับมาหาก่อนที่จะเอ่ยถาม

 

“พอดีเจอลูกชายนะครับ”

 

“อ้าว เหรอครับ ใช่คนที่พูดถึงรึเปล่า?”

 

“ครับ คนนี้แหละ ที่ผมจะให้หมั้นกับลูกสาวของคุณ”

 

TBC.....


ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★เพื่อน●รัก★

 

32

 

 

 

 

“พ่อ!!”

 

ฟ้าเอ่ยเรียกผู้เป็นบิดาดังลั่นแต่ณพกลับไม่สนใจเสียงของลูกชายเลยแม้แต่น้อย เค้ายังคงหันไปบอกกับผู้ใหญ่อีกคนให้เข้าไปด้านในก่อนส่วนตนเองจะไปส่งลูกชายที่บ้านแล้วจึงจะกลับมาร่วมด้วยอีกที

 

“ฟ้าไม่กลับ!”

 

“อย่าดื้อ”

 

“พ่อโคตรไม่มีเหตุผลเลยวะ ผมเป็นแบบนี้แล้วมันทำให้ชีวิตพ่อชีวิตทุกคนพังทลายลงมาเลยรึไง!?!”

 

“ฟ้า”

 

น้ำเอ่ยปรามฟ้าเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์และสติตัวเองไม่อยู่ มือหนาเลื่อนเข้ามาจับแขนฟ้าแล้วบีบเบาๆแต่ก็แอบหวั่นกับสายตาของณพที่ตวัดมามองค้อนปนตำหนิ

 

“กลับไปคุยกันที่บ้าน”

 

“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่กลับ!”

 

“แต่แกต้องกลับไปกับฉัน!!”

 

ฟ้ากัดฟันกรอดจ้องหน้าพ่อที่จ้องตอบด้วยความโมโห ไม่นานทั้งตัวฟ้าก็เซไปตามแรงดึงของบิดา

 

“พ่อปล่อย”

 

ณพไม่ตอบโต้แต่ยังคงเดินนำพลางกึ่งลากกึ่งจูงลูกชายไปยังโซนที่ตนได้จอดรถไว้ วันนี้ณพมีนัดกับสมาคมฯอย่างไม่ได้เป็นทางการเค้าจึงเลือกที่จะขับมาเองไม่ใช้คนขับให้อย่างทุกวัน

 

“ลุงณพครับ ผมว่าปล่อยฟ้าก่อนจะดีกว่านะครับ”

 

น้ำลองทำใจดีสู้เสือด้วยการเดินเข้าไปขวางหน้าแล้วพูดเสียงเรียบนิ่งแต่แววตาดุดันพอๆกัน ถึงแม้คนนี้จะเป็นพ่อของฟ้าแต่เค้าก็ไม่เห็นด้วยกับการบงการชีวิตใครแบบนี้

 

“หลีกไป”

 

“ปล่อยฟ้าเถอะครับ แค่นี้ฟ้าก็เจ็บมากแล้ว”

 

น้ำพูดอย่างกำกวม เค้าอยากจะสื่อถึงแรงบีบที่ลากฟ้ามาก็จริงแต่ก็อยากรวมไปถึงเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย

 

“ที่ฟ้าต้องเจ็บก็เพราะมันดื้อด้านเอง ถ้าทำตามง่ายๆมันก็ไม่ต้องมาเจ็บ”

 

“แต่ผมว่ามันเป็นเพราะคุณนะ”

 

“อย่ามาลามปามกู!”

 

“ผมขอโทษที่ลามปามครับ แต่ผมทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้จริงๆ ลุงก็น่าจะรู้ว่าฟ้ารักผมและผมก็รักฟ้า เรารักกันแล้วมันผิดตรงไหน?”

 

“ผิดตั้งแต่ต้นนั้นแหละ ความรักปกติแบบคนทั่วไปทำไมไม่คิดจะรัก ผู้หญิงมีมาให้เลือกก็มากแล้วทำไมไม่ไปเอา พวกมึงคิดว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่มันจะรู้สึกยังไงที่ลูกชายมาได้กันเอง ไหนจะออกหน้าออกตาในสังคมก็ไม่ได้ มีลูกมีหลานให้ก็ไม่ได้ ธุรกิจมึงก็ใช่ว่าจะน้อยซะเมื่อไหร่ หรือมึงคิดจะให้ทุกอย่างสิ้งสุดลงแค่ยุคของมึง!”

 

น้ำถึงกับสะอึกฮัก ใช่ว่าเค้าจะไม่เคยคิดในแง่นี้แต่พอมาได้ยินจากปากคนที่เป็นพ่อคนเข้าจังๆแล้วก็อดวูบในใจไม่ได้ ฟ้าเห็นอาการท่าไม่ดีของน้ำเลยสะบัดมือแรงๆให้หลุดจากการจับกุมของผู้เป็นพ่อแต่ณพกลับรู้ทัน เค้ายังคงกำข้อมือลูกชายแน่นจนฟ้าเผลอหลุดเสียงร้องและนั้นก็ทำให้น้ำได้สติเช่นกัน

 

“ลุงณพ ฟ้าเจ็บนะครับ ช่วยปล่อยฟ้าก่อน”

 

“อย่ามายุ่ง!”

 

“พ่อ! ปล่อยนะ โอ้ย!!”

 

“หุบปาก”

 

ฟ้าทั้งดิ้นทั้งแกะทั้งพยายามหนีจากเงื้อมมือของณพจนณพต้องหันไปใช้สองมือในการรวบตัวลูกชาย ฟ้าใช้เสี้ยววินาทีที่ณพปล่อยมือข้างที่จับเพื่อเปลี่ยนจุดในการจับสะบัดแรงๆแล้วผลักผู้เป็นพ่อคนเซถอยหลัง ฟ้าเองก็ใช่ว่าจะมีแรงมากมายพอได้ใช้แรงในการผลักตัวเค้าเองจึงเซถอยหลังจนล้มไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นโดยในเวลานั้นกำลังมีรถเร่งเครื่องขึ้นมายังชั้นจอดรถชั้นนี้พอดี

 

ปรี๊ด!!!!!!

 

เสียงแตรรถดังลั่นชั้นพร้อมกับแสงไฟที่สาดส่องเข้าตาฟ้าที่หันไปจ้องมองด้วยความตกตะลึ

 

“ฟ้า!!”

 

เสียงเรียกชื่อฟ้าดังขึ้นจากบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งสองแต่มันกลับดึงสติของฟ้าที่หลุดหายไปให้กลับมาไม่ได้ ฟ้าเห็นทุกอย่างเป็นเหมือนภาพสโลโมชั่นทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่รวดเร็วยิ่งกว่าการหายใจทิ้งไปเฉยๆ ฟ้ารับรู้ได้ถึงแรงดันที่รุนแรงจนตัวปลิวไปอีกด้าน เสียงเบรคดังลากยาวและแสบแก้วหูจนชวนปวดหัว

 

เอี๊ยดดดดด!!!!

 

ฟ้าค่อยๆผ่อนลมหายใจและลืมตาขึ้นมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าฟ้าก็ต้องเผลอกลั้นลมหายใจอีกครั้ง น้ำที่ยืนหอบหายใจดวงตาไหวระริกและจ้องมองไปยังรถที่หักหลบและจอดนิ่งสนิทได้อย่างทันท้วงที

 

น้ำค่อยๆหันมามองฟ้าแล้วค่อยๆก้าวเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า ฟ้าสังเกตุเห็นว่าน้ำกำลังสั่น สั่นไปทั้งตัวแล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังสั่นไหวเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลลงมา น้ำดึงฟ้าเข้าไปกอดแน่นและฟ้าเองก็กอดตอบด้วยเช่นกัน ฟ้ามองไปยังพ่อที่กำลังคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าของรถที่ลงมาเจรจาหรือด่าทอ ฟ้าไม่สนใจที่จะฟังใครนอกจากคนตรงหน้าที่กล้าเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อช่วยเค้า

 

“โอเคไหมน้ำ?”

 

น้ำส่ายหัวทั้งที่ยังคงซบอยู่ที่ไหล่ของฟ้า

 

“น้ำ”

 

“เรารักฟ้านะ”

 

ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก

 

“แค่คิดว่าจะเสียฟ้าไปใจเราก็เหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยเลยวะ”

 

ฟ้ายิ้มจาง

 

“เรารักฟ้ามากจริงๆนะ”

 

“เราก็รักน้ำ”

 

“ปล่อย!!!”

 

เสียงกัมปนาทดังขัดขึ้นจนฟ้าและน้ำผละถอนออกจากกัน เป็นณพที่เอ่ยเรียกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาสีดำนั้นฉายแววโรจเหมือนครุ่นโกรธมาจากผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วทั้งที่สถานที่ไม่เหมาะสมและการไม่ระวังของลูกชายตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เท่าการกอดรัดกันกลมทั้งที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ผู้คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์และพากันเอ่ยซุบซิบไปต่างๆนานา

 

“โอ้ย!”

 

ฟ้าร้องลั่นเมื่อโดนพ่อเข้ามาอุ้มขึ้นพาดบ่า

 

“ลุงครับ!”

 

ถึงแม้น้ำจะร้องเรียกแต่ณพก็ไม่สนใจ เค้าพาฟ้าไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลก่อนจะปลดล็อคแล้วเปิดประตูเอาร่างที่ดิ้นคลุกคลักของลูกชายยัดเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับปิดประตูแล้วกดล็อคขังไว้ไม่ให้หนีออกมา

 

“ลุงครับ ผมขอละ อย่าทำอะไรฟ้าเลยนะ”

 

น้ำที่วิ่งตามหลังได้แต่ขอร้องอ้อนวอน ถ้าคนๆนี้ไม่ใช่พ่อของฟ้ารับรองๆได้เลยว่าคงไม่มีโอกาสได้มายืนจ้องหายตาดุใส่เค้าแบบนี้แน่

 

“อย่าเสือก”

 

พูดจบก็เดินอ้อมไปขึ้นรถโดยที่ปลดกลอนเพียงฝั่งเดียว น้ำได้แต่มองตามรถยุโรปคันหรูที่มุ่งหน้าลงจากห้างไปด้วยแววตาห่วงใย ดูท่าทางแล้วเค้าคงจะใช้เวลาในการดำเนินการบางอย่างมากไป เห้นทีต้องรีบร้นระยะเวลาเข้ามาซะแล้ว ไม่งั้นอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแน่ๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

“เข้าบ้านไป!”

 

เสียงอันดังลั่นของผู้นำครอบครัวทำให้เมย์สะดุ้งน้อยๆ หล่อนกำลังง่วนอยู่กับการทำขนมไทยไว้ให้ลูกๆทานเป็นของว่างแต่ยังไม่ทันจะแล้วเสร็จก็ได้ยินเสียงรถและไม่นานก็ได้ยินเสียงผู้เป็นสามีดังตามมาอีก เมย์ละมือจากสิ่งที่ทำโดยมีแม่บ้านมารับช่วงต่อแล้วเดินไปล้างมือก่อนจะออกจากห้องอาหารไปยังโถงกว้างอันเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ภาพตรงหน้าทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้ว ทำไมเวลาบ่ายแก่ๆอย่างนี้สามีที่น่าจะมีนัดกลับกลายเป็นมายืนจ้องหน้าอยู่กับลูกชายคนเล็กเขม่ง ฟ้าเองก็ดูก้าวร้าวเหมือนความอดทนสิ้นสุดไปแล้ว

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกูจะให้แดงไปรับไปส่งแทนเจ้าดิน เอาตารางเรียนมาให้กูดูด้วย”

 

“พ่อจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะ ผมไม่ใช่นักโทษ ผมต้องการใช้ชีวิตตามที่ผมต้องการ”

 

“ชีวิตที่เหลวแหลกของมึงนะเหรอ ภูมิใจนักรึไงกับการทำตัวแบบนั้นต่อหน้าประชาชี”

 

“ผมทำอะไร!?!”

 

“ก็ไอ้กอดกันกลมท่ามกลางสายตาคนเป็นสิบนั้นไง”

 

“น้ำช่วยผม!”

 

“แค่ช่วยไม่จำเป็นต้องไปกอดกันแบบนั้น!!”

 

“มันเรื่องของพวกผม!!!”

 

เพี้ยะ!

 

“คุณณพ!”

 

เมย์อุทานก่อนจะรีบเข้าไปรั้งมือข้างที่ตบลูกชายคนเล็กไป ฟ้ายังคงนิ่งค้างหน้าหันไปอีกทางและณพก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโหโกธา

 

“ใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวเมย์จะคุยกับลูกเอง คุณมีนัดกับสมาคมฯไม่ใช่เหรอค่ะ?”

 

ณพยอมเอามือลงและพ้นลมหายใจเหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ ฟ้าเองก็หันหนามามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่ตัดพ้อและเสียใจยิ่งกว่าที่เคยเป็น เมย์ที่เห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะใจหายไปด้วยไม่ได้

 

“คุยกับมันให้รู้เรื่องก็แล้วกัน ส่วนมึงไม่มีสิทธิปฏิเสธ หลังจากนี้จะไปไหนมาไหนมึงต้องขออนุญาตจากกูก่อนทุกครั้ง”

 

“ผมก็เป็นคน ผมมีอิสรภาพเท่าเทียมกับพ่อทุกอย่าง”

 

“ในเมื่อกูปล่อยให้มึงมีอิสระแล้วมึงกลับมาทำงามหน้ากันแบบนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้อิสระนั้นอีกเลย เพราะกูจะจับมึงเข้ากรงอย่างที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว!”

 

ฟ้าเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เมย์ได้แต่อึกอักสงสารลูกก็สงสารแต่ถ้าจะขัดกับมหรรณพเวลาโมโหก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ เมย์จึงได้แต่มองคนทั้งคู่อยู่นิ่งๆจนณพหันหลังเดินออกจากห้องไปในที่สุด ระหว่างนั้นไม่มีใครขยับหรือเอ่ยปากพูดอะไรจนเสียงรถยนต์ดังแว่วและลับหายไปในเวลาไม่นาน

 

ฟ้าทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพรมอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เมย์ค่อยๆเดินเข้ามาหาลูกชายก่อนที่จะสวมกอดในเชิงปลอบ ฟ้ากอดผู้เป็นแม่ตอบทั้งน้ำตา ความเจ็บที่หน้ามันยังไม่ถึงครึ่งของความเจ็บที่เกิดขึ้นจากภายในใจเลยด้วยซ้ำ

 

“ไม่เป็นไรนะลูก พ่อเค้าแค่โมโหมากเลยพลั้งปากไปนะ”

 

เมย์ปลอบลูกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่เป็นอย่างที่ตนเอ่ย คนอย่างมหรรณพเมื่อได้ลั่นวาจามาแล้วมีหรือที่จะไม่ทำตามที่ตนพูด

 

“ฟ้าไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว ฟ้าไม่อยากเห็นหน้าพ่อแล้ว”

 

“ใจเย็นๆลูก เดี๋ยวพ่อเค้าใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยไปตกลงกันใหม่ก็ได้”

 

“พ่อไม่มีทางเปลี่ยนความคิดแน่แม่ พ่อเค้าไม่มีทางให้ผมได้รักกับน้ำ พ่อเค้าจะให้ผมไปหมั้นกับใครก็ไม่รู้แล้วยังจะส่งผมไปเมืองนอกอีก”

 

เมขลาถึงกับพูดไม่ออก ตนเองก็ไม่เคยเห็นสามีในแง่แบบนี้เหมือนกันเพราะตลอดระยะเวลากว่าสามสิบปีที่อยู่ด้วยกันณพไม่ค่อยจะจงเกลียดจงชังอะไรมากถึงขนาดนี้ ถึงจะเป็นคนเจ้าระเบียบและหุนหันแต่ก็ไม่เคยแสดงอาการโมโหรุนแรงได้ถึงขนาดนี้

 

“แม่ครับ ผมขอหนีไปไกลๆได้ไหม? ไปที่ไหนก็ได้ที่พ่อจะหาผมไม่เจอ ผมขอไปได้ไหมแม่?”

 

“โถ่ฟ้า อย่าไปเลยนะลูก ถ้าลูกไปแม่ก็จะเป็นห่วงไหนจะพี่ดินไหนจะเพื่อนๆเราแล้วยังน้ำอีก ถ้าร้ายแรงกว่านั้นคือพ่อไปเจอเราก็จะโดนหนักกว่านี้นะลูก ช่วงนี้ฟ้าอยู่นิ่งๆทำตามที่พ่อสั่งไปก่อน แล้วพอลมสงบฟ้าค่อยคุยกับพ่อเค้าอีกที เดี๋ยวแม่จะช่วยพูดอยู่เรื่อยๆด้วย ดีไหมจ้ะ?”

 

ฟ้าได้แต่หลุบตามองต่ำแล้วกระชับอ้อมแขนกอดรัดผู้เป็นแม่ให้แน่นกว่าเดิม เค้ากอดแม่อยู่อย่างนั้นจนมีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นแม่จึงผละออกจากลูกชายไปรับสาย ฟ้าลุกขึ้นยืนพลางจ้องมองหญิงสาวที่สวยไม่สร่างไปตามวัยด้วยใบหน้านิ่งเรียบจนพอใจแล้วจึงหันหลังเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังชั้นสองและเข้าห้องของตัวเองไปในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

“มือเป็นอะไรเหรอครับคุณณพ?”

 

เพื่อนร่วมสมาคมฯอย่างวิเศษเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามหรรณพนั่งนิ่งพลางจ้องมองมือตนเองเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่บังเอิญเจอลูกชายและไปส่งจนกลับมาบรรยากาศรอบตัวผู้ชายร่างใหญ่ที่ปกติก็ดูน่าเกรงขามเป็นทุนเดิมยิ่งทวีความทมึฬจนแทบไม่มีใครกล้าเข้ามาทักหรือขัดอารมณ์ ยกเว้นวิเศษที่สนิทสนมเป็นที่สุดที่จะไม่ทนเห็นเพื่อนร่วมสมาคมนั่งจมอยู่กับตัวเองเงียบๆอยู่แบบนี้ต่อไป

 

“ป่าว”

 

“มีปัญหากับลูกชายรึเปล่าครับ?”

 

ณพส่ายหัวเบาๆก่อนจะหยิบแก้วแอลกอฮอร์ขึ้นมาดื่ม ตอนแรกว่าจะไม่ดื่มเพราะขับรถมาเองแต่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้เข้าเค้าก็อดที่จะดื่มมันไม่ได้ ไว้ค่อยโทรให้แดงหรือเจ้าดินมารับก็แล้วกัน

 

“แต่ลูกคุณดูดีมากเลยนะครับ ถึงผมจะเห็นแค่แป๊บเดียวแต่ก็ต้องชูหกเลยว่าเกือบหลงเสน่ห์เลยทีเดียว”

 

ณพเผลอกดยิ้มและหัวเราะหึในลำคอ ในสมองก็คิดเพียงว่าเจ้าฟ้ามันมีแรงดึงดูดกับเพศตรงข้ามเสียจริง

 

“ลูกสาวคุณก็น่าตาน่ารักเหมือนกัน”

 

“น้องออนนะเหรอครับ ก็น่ารักเหมือนแม่เค้าแหละ ผมไม่ได้อยากจะยอเมียนะเพียงแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง”

 

ณพฟังไปยกแก้วขึ้นดื่มไปพอหมดก็ยื่นไปให้เด็กเสิร์ฟนำไปชงใหม่ ผู้ร่วมสมาคมฯคนอื่นๆก็กระจายกันไปคุยธุระของตนตามแต่ใจตนต้องการ จริงๆณพก็จะมาพูดเรื่องงานการกุศลฯที่สมาชิคสมาคมเสนอและวางแพลนว่าจะทำกับสมาชิคคนอื่นๆแต่ดูเหมือนเวลานี้จะไม่มีอารมณ์ถามตอบใครสักเท่าไหร่

 

“แต่ลูกชายคุณไม่เหมือนคุณเลยนะครับ”

 

“เขาเหมือนแม่เค้านะ”

 

“อ้อๆ ใช่ๆ คุณเมขลาสวยมากจริงๆสมแล้วที่ลูกชายหน้าตาดีจนออกหวานอย่างกับผู้หญิง แถมไว้ผมยาวด้วยนี่นา ยิ่งดูเหมือนไปอีก”

 

ณพหน้าตึงไปเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงแต่พอมาได้ยินคนอื่นพูดวิจารณ์เข้าตนก็อดที่จะนึกฉุนไม่ได้ แค่มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ตอกเค้าให้หน้าม่านมามากพอแล้ว ยังจะเอาความเป็นผู้หญิงมาใส่ตัวอยู่เรื่อยๆอีกทำไม ดูท่ากลับไปต้องสั่งให้ตัดผมเสียแล้วสิ

 

“ผมไม่มีลูกชาย ผมเลยออกจะมองอะไรน่ารักไปเสียหมด ขอโทษด้วยนะครับถ้าผมพูดอะไรผิดไป”

 

วิเศษที่อ่านสถานการณ์ออกเอ่ยขึ้นจนณพส่ายหัวเบาๆ

 

“ไม่เป็นไรครับ ถึงฟ้ามันจะเป็นผู้ชายแต่มันก็ทำตัวเหมือนผู้หญิงยิ่งกว่าหน้าตา”

 

พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง ไม่รู้ผีสางตนใดที่ดนใจให้ตนพูดไปแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่ควร

 

“ผมได้ยินมาว่าผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนผู้หญิงจะดูแลพ่อแม่ดีนะครับ”

 

“หึ ดูแลอะไร มันออกจะชอบปลีกวิเวกจนแทบจะตัดขาดกับครอบครัวไปซะอย่างนั้น”

 

“นี่คุณกำลังน้อยใจลูกอยู่รึเปล่าครับเนี้ย?”

 

ณพเงียบไปครู่

 

“ป่าว”

 

“แน่เหรอครับ?”

 

ณพไม่ตอบ

 

“ผมว่าใช่แน่ๆ นี่คงหวงลูกชายมากด้วยสิ ก็แน่ละนะ ลูกคุณออกจะดูดีขนาดนั้น แต่ระวังไว้นะครับ เด็กมันอยากรักมันก็จะทำทุกอย่างเพื่อรัก วัยนี้อยู่ในช่วงบูชารักซะด้วยสิ คุณไปหวงไปห้ามอะไรมากๆเดี๋ยวจะยิ่งเตลิด”

 

“ผม....”

 

“หรือที่เครียดอยู่นี่คือเรื่องนี้?”

 

“.......”

 

เมื่ออีกฝ่ายเงียบวิเศษจึงยกยิ้มที่ตนนั้นเดาถูก

 

“เขามีแฟนแล้วใช่ไหมครับ?”

 

ณพพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วขึ้นกรอกปากรวดเดียวหมด

 

“แล้วคุณกลุ้มเรื่องอะไรเหรอครับ? คงไม่ไปทำใครเค้าท้องหรอกนะ?”

 

จะท้องให้เค้านะสิไม่ว่า

 

“ไม่ใช่ แค่...”

 

“ไม่ชอบแฟนลูก?”

 

“ก็ไม่เชิง”

 

พูดไปพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุที่พึ่งเกิดขึ้นไป ณพยอมรับว่าตนตกใจมากและก็ห่วงลูกมากแต่ใครอีกคนกลับพุ่งเข้าไปผลักฟ้าออกจากวิถี่ของรถอย่างไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นคนเคราะห์ร้ายแทนเลยด้วยซ้ำ ยอมใจมันก็ตรงนี้แต่เมื่อไปเจอตอนที่กำลังกอดกันกลมก็อดที่จะเดือดขึ้นมาอีกไม่ได้ บวกกับได้เห็นแววตาและเสียงซุบซิบนินทานั้นแล้วก็ยิ่งอยากจะพาลูกชายออกจากตรงนั้นให้ไวที่สุด

 

“คุณคงรักลูกคนนี้มากเลยนะครับ”

 

ณพหันไปมองคนพูดด้วยความสงสัย

 

“ก็ลูกผมนี่ ไม่รักก็แปลกแล้ว”

 

“ผมหมายถึงรักมากจนเกินไปนะครับ”

 

“ยังไง?”

 

“ก็รักจนหวงและห่วงเวลาลูกมีคนรัก กลัวมันจะไม่ดี กลัวจะมีผลกระทบต่อลูกหรือกลัวลูกจะเสียใจกับสิ่งที่ตามมา”

 

“...........”

 

“ผมว่า บางทีคุณณพควรจะปล่อยให้เด็กได้ศึกษามันด้วยตัวเองจะดีกว่านะครับ”

 

“ปล่อยไปก็มีแต่เสีย”

 

“ถ้ามันจะเสียใจหรือไม่ดีเค้าก็ต้องรับมันให้ได้เพราะตัวเค้าเป็นคนเลือกเอง คนเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่สนับสนุนและตักเตือนครับ เราไปบงการชีวิตเค้าไม่ได้”

 

“...........”

 

“เอาเข้าจริงผมก็เคยปวดหัวกับลูกสาวในช่วงที่เธอมีแฟนเป็นครั้งแรกเหมือนกันนะ ห่วงสารพัด กลัวและกังวนไปหมด ดีที่ภรรยาคอยเตือนสติผมเลยโอเคขึ้นแล้วเฝ้ามองการเติบโตของเค้าแทน”

 

“............”

 

“เรื่องลูกกับความรักมันละเอียดอ่อนพอๆกันครับ ผมว่านะ”

 

“วันนี้คุณพูดดีกว่าปกตินะ”

 

“เหอะๆ ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ เป็นไง ดูหล่อขึ้นไหมครับ?”

 

“ก็พอตัว”

 

“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”

 

“ผมเองก็ต้องขอบคุณ”

 

“แหม ขอบคงขอบคุณอะไร เรามันคนกันเอง”

 

“หึ”

 

“สรุปเรื่องหมั้นนี่พูดเล่นใช่ไหมครับ?”

 

“คุณคิดว่าไงละ?”

 

“ล้อเล่นสิครับ ก็เล่นมีแฟนกันทั้งคู่แล้วจะจับมาหมั้นกันทำไมให้เสียใจทั้งสองฝ่ายละ”

 

“ผมไม่คิดงั้นนะ”

 

“โถ่คุณณพ พอโอเคขึ้นแล้วก็กวนผมเลยนะ”

 

ณพกดยิ้มแล้วยกแก้วในมือขึ้นดื่มเช่นเคย เมื่อคุยกันไปได้สักพักบรรยากาศรอบตัวเริ่มดีขึ้นจึงมีคนอื่นๆเข้ามาทักทายและพูดคุยกันจนดึกดื่น หลังจากที่ออกมาจากห้างบางคนเลือกที่จะไปต่อกันแต่ณพขอตัวกลับบ้านจะดีกว่า เค้าเลือกที่จะโทรเรียกลูกชายคนโตให้ขึ้นแท๊กซี่จากบ้านมาขับรถให้ที่นี้ รอประมาณสิบกว่านาทีดินก็มาถึง

 

“พ่อเมาไหมครับ?”

 

ดินเอ่ยถามเมื่อเห็นคนเป็นพ่อยืนพิงรถสายตาเหม่อลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

“ป่าว”

 

ณพตอบแล้วยื่นกุญแจรถให้ลูกไป หลังจากนั้นก็มีเพียงความเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้าน ณพลอบมองไปยังบานกระจกที่เป็นตำแหน่งห้องของลูกชายคนเล็กและก็เห็นเพียงความมืดสนิท คงหลับไปแล้วสินะ ณพเดินเข้าบ้านโดยที่มีดินเดินตามหลัง ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้วคนที่ยังไม่นอนก็คงมีเพียงเค้าและดิน ณพเดินขึ้นบันไดหวังจะเข้าห้องตัวเองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องของลูกชายคนเล็ก

 

“มีอะไรเหรอพ่อ?”

 

ดินที่เดินตามหลังมาเอ่ยถามพร้อมมองตามสายตาพ่อที่จ้องบานประตูห้องของฟ้านิ่งๆ

 

“น้องนอนแล้วใช่ไหม?”

 

“คงงั้นแหละครับ ผมไม่เห็นน้องตั้งแต่หลังมื้อเย็นแล้ว พ่อทะเลาะกับน้องอีกเหรอน้องถึงได้ซึมเหมือนคนไม่มีจิตวิญญาณแบบนั้น”

 

“อืม พ่อไปเจอมันอยู่กับน้ำที่ห้าง”

 

ดินลอบกลืนน้ำลายทันที่ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรณพก็เดินเข้าไปเคาะบานประตูนั้นทันที

 

ก๊อกๆๆ

 

ทุกสิ่งยังคงเงียบสนิทเช่นเดิม

 

ก๊อกๆๆ

 

ณพเงียบรอฟังเสียงคนข้างในอยู่สักพักก่อนจะหันมาบอกให้ดินไปหยิบกุญแจสำรองมา

 

“น้องอาจจะหลับอยู่ก็ได้พ่อ”

 

“ไปเอามา”

 

สิ้นคำขาดดินเลยต้องลงไปหยิบพวงกุญแจสำรองและกลับขึ้นมาในเวลาไม่นาน ณพรับมาไขด้วยความใจเย็นแต่กลับมาอาการหวิวแปลกๆให้ได้สงสัย ทันทีที่เสียงกลอนลั่นณพก็จับลูกบิดแล้วเปิดประตูเข้าไปช้าๆ ภายในห้องมืดสนิทและเย็นยะเยือก ณพก้าวเข้าไปในห้องอย่างแผ่วเบาเหมือนยังคงเกรงใจเจ้าของห้องที่น่าจะหลับอยู่บนเตียงจนกระทั่งเค้าและดินเดินเข้ามายืนอยู่ที่ปลายเตียงนั้นแหละ ณพถึงได้ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นปม

 

“ดิน ไปเปิดไฟ”

 

ดินถอยหลังไปเปิดไฟตามที่พ่อสั่งเมื่อไฟสว่างจ้าและเห็นทุกสิ่งอย่างอย่างชัดเจนเค้าก็ต้องแปลกใจ

 

“น้องหายไปไหนนะพ่อ!?!”

 

“มาด้วยกันแล้วจะไปรู้ได้ยังไงวะ”

 

 

TBC......

 

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
◑ MAKE FRIEND ◐ 

★ เพื่อน ● รัก★

 

33

 

 

 

ครืน ครืน

 

เสียงการสั่นของโทรศัพท์กลางดึกทำให้น้ำที่ยังคงนั่งอยู่หน้าคอมฯต้องเหลียวไปมองด้วยความฉงน แต่พอเห็นเป็นชื่อฟ้ารอยยิ้มกว้างก็ฝุดขึ้นเต็มหน้าก่อนจะสไลด์รับสายด้วยหัวใจที่พองโต

 

“ฟ้า!”

 

/โทษทีแต่นี่ไม่ใช่ฟ้า/

 

น้ำขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงทุ่มต่ำที่ไม่ค่อยจะคุ้นหู ในเมื่อฟ้าอยู่บ้านแล้วใครละที่จะใช้โทรศัพท์ฟ้าได้

 

“พี่ดิน?”

 

/เออ/

 

“มีอะไรเหรอครับ?”

 

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงพ้นลมหายใจที่แผ่วเบาแทรกมาจากปลายสาย

 

/ฟ้าได้ไปหารึเปล่า?/

 

น้ำเริ่มใจกระตุก

 

“เปล่าครับ ตั้งแต่ลุงณพพากลับก็ไม่ได้เจอฟ้าอีกเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่มี”

 

/งั้นเหรอ/

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

 

ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง แต่ไม่นานก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความกลุ้มใจที่มี

 

/ฟ้าหายตัวไป/

 

“ห่ะ!?! ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ!?”

 

/คาดว่าเป็นช่วงสองทุ่มจนถึงไม่กี่นาทีที่แล้ว/

 

น้ำเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว หายไปในช่วงสี่ชั่วโมงนี้สินะ

 

/โทรศัพท์กระเป๋าตังค์หรือแม้แต่รถก็อยู่ครบ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ คิดว่าน่าจะหนีไปไม่ไกลหรือไม่ก็ไปอยู่กับเพื่อนสักคน ถ้าพอจะรู้จักใครที่คิดว่าฟ้าจะไปหาก็บอกพี่มา/

 

“เดี๋ยวผมไปตามให้ ได้เรื่องยังไงแล้วจะโทรหาอีกทีนะครับ”

 

/ได้ โทรมาเบอร์xxxxxxxxxxแล้วกันนะ/

 

“ได้ครับ”

 

ฟ้าวางสายจากพี่ดินแล้วเปลี่ยนมาเมมเบอร์ไว้จนเรียบร้อยก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่ออกจากห้องแล้วลงบันไดไปยังชั้นล่างเค้าก็ได้สวนกันกับผู้เป็นพ่อและแม่ที่พึ่งกลับมาจากงานเลี้ยงของบริษัท

 

“ดึกขนาดนี้แล้วจะไปไหนนะน้ำ?”

 

อรพินเอ่ยถามลูกชายเพราะเห็นท่าทีร้อนรนจนผิดสังเกตุ

 

“ไปหาฟ้าครับ”

 

“หืม ทางบ้านนั้นยอมให้แกเข้าบ้านได้แล้วเหรอ?”

 

สเวนถามอยากแปลกใจและอรพินก็คิดเช่นเดียวกับเค้า

 

“ไม่ใช่ไปหาแบบนั้นแต่ไปหาแบบไปหาคนหายนะแด๊ด”

 

“ห่ะ!?! นี่หนูฟ้าหายไปงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ครับ”

 

“แล้วแกจะไปหาที่ไหน?”

 

“บ้านเพื่อนทุกคน”

 

“ทางบ้านนั้นคงวุ่นน่าดู งั้นรีบไปเถอะจ้ะ เจอไม่เจอยังไงโทรส่งข่าวกับแม่ด้วยแล้วกัน”

 

“ครับมัม”

 

ว่าจบเจ้าตัวก็รีบก้าวลงบันไดจนลงไปถึงชั้นล่างและรีบวิ่งไปขึ้นรถคันเก่งของตัวเองทันที เป้าหมายแรกที่น้ำจะไปคือบ้านของคีย์ แต่พอลองสูดลมหายใจทำตัวเองให้สงบเลยพึ่งนึกขึ้นได้ว่าควรโทรไปถามซะก่อน

 

น้ำจอดรถแอบอยู่ข้างทางแล้วต่อสายหาคีย์ทันที รอสายไม่นานเจ้าตัวก็รับแต่คำตอบที่ได้คือคีย์ไม่ได้อยู่ที่บ้านและตนเองก็ไม่รู้ว่าฟ้าจะไปหาตัวเองที่บ้านไหม

 

/เอางี้ไอ้น้ำ เดี๋ยวกูจะกลับไปดูที่บ้านให้ มึงลองโทรหาไอ้เคนดูว่าฟ้าได้ไปหามันไหมนะ/

 

“กูว่าไม่น่าจะไปหาเคน แต่ถ้าเป็นไอ้ต้นอาจไม่แน่”

 

/กูก็อยู่ห้องต้นเนี้ย มันไม่ได้มากูคอนเฟิร์ม/

 

“งั้นฟ้าจะไปไหนได้วะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป รถก็ยังจอดอยู่ที่บ้าน”

 

/คอนโดมันละ/

 

จริงสิ

 

พี่ดินไม่ได้บอกว่าคีย์การ์ดยังอยู่หรือไม่อยู่ด้วยสิ

 

“งั้นเดี๋ยวกูไปดูที่คอนโด มึงไปดูที่บ้าน เห็นไม่เห็นก็โทรมาบอกกูด้วย”

 

/ได้ มึงก็โทรบอกกูด้วยละกัน/

 

“เออๆ แค่นี้แหละ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“เป็นยังไงบ้างลูก?”

 

ดินหันหน้ามาหามารดาก่อนจะส่ายหัวน้อยๆแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาด้านข้างพลางยกมือกุมขมับซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองไปด้วย

 

“แล้วน้ำว่ายังไงบ้างละลูก?”

 

“มันบอกว่าจะไปถามหากับพวกเพื่อนๆให้อีกแรง ผมว่ามันน่าจะเดาความคิดฟ้าได้มากกว่าเรานะครับ”

 

“งั้นคงต้องหวังพึ่งน้ำแล้วสินะ”

 

ดินพยักหน้าตอบแม่แต่ณพกลับลุกพรวดขึ้นจากโซฟาแล้วเดินดุ่มๆตรงไปหยิบกุญแจรถท่ามกลางสายตาที่งุนงงของภรรยาและลูกชายคนโต

 

“พ่อจะไปไหนครับ?”

 

ณพไม่ตอบแล้วเดินออกจากบ้านตรงไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที คำพูดที่บ่งบอกถึงความสำคัญของคนนอกอย่างน้ำนั้นทำให้ณพนึกหงุดหงิด ถึงจะรู้ว่าเด็กมันโตมาด้วยกันแถมยังรักใคร่กันอีกต่างหาก แต่เค้าที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าจะไม่รู้จักลูกของตัวเองเลยรึไงวะ!

 

ฟ้าจะใจร้อนแต่ก็เพียงชั่ววูบไม่นานก็จะกลับมานิ่งจนเหมือนเก็บงำทุกสิ่งอย่างไว้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นถ้าหุนหันออกจากบ้านโดยไม่เอาอะไรไปเลยก็คงจะไปได้ไม่ไกล แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าฟ้าจะไปทางไหนนี่สิ

 

ณพขับรถตามเส้นทางหลักไปเรื่อยๆพลางสอดส่องสายตาดูโดยรอบจนคาดว่าคงไกลเกินจึงกลับรถวนไปดูอีกทาง นี่เป็นครั้งแรกที่ณพทำอะไรโดนไม่ได้วางแผนการไว้ก่อน ยอมรับว่าณพเองก็รนแต่ด้วยความที่มีวุฒิความเป็นผู้ใหญ่อยู่จึงทำให้เก็บอาการได้ดีพอสมควร

 

ระหว่างที่ขับรถหาไปภาพและเสียงในช่วงเวลาที่ทะเลาะกับฟ้าได้ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็อดสะเทือนใจเมื่อนึกถึงแววตาที่สั่นไหวของฟ้าไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตเค้าแทบไม่เคยลงโทษลูกอย่างจริงๆจังๆ ถึงจะถูกลูกพูดเหน็บว่าพ่อดุพ่อใจร้ายแต่เค้าก็ทำได้แต่แข็งนอก ดินนั้นดีหน่อยที่ชอบไปในทิศทางที่เหมือนกับเค้า แต่ฟ้านั้นแตกต่าง เป็นความแตกต่างที่มีมาตั้งแต่เด็กและเป็นสิ่งที่เค้าห่วงมากกว่าดินหลายเท่า

 

พอคิดถึงความแปลกแยกภาพคนสองคนที่กอดกันอยู่ลานจอดรถภายในห้างก็ผุดขึ้นมาแทรก เวลานั้นตนอยู่ใกล้ลูกมากกว่าไอ้เด็กนั้นซะอีก แต่เค้าได้แต่ยืนอึ้งนึกหวั่นโดยที่ไม่ได้เข้าไปช่วยลูกอย่างที่ควรจะทำ

 

“โถ่เว้ย!”

 

ณพสถบพลางทุบมือกับพวงมาลัยด้วยความเจ็บใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่น่าจะเป็นพวกตัวป่วนกำลังเดินออกมาจากซอยเล็กๆของชุมชนทาวโฮมส์เก่าๆ ช่วงเวลามืดมิดแบบนี้ยิ่งทำให้สถานที่มันดูอันตรายจนณพหวั่นใจ วัยรุ่นกลุ่มนั้นดูเหมือนจะพึ่งมีเรื่องมาเพราะบางคนยังเห็นเหมือนมีรอยเลือดอยู่ด้วย ณพรับจอดรถโดยทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะลงจากรถวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็พากับขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซต์แล้วพากันขับผ่านรถของณพไป ณพเหลียวไปยังกล้องหน้ารถที่ยังทำงานได้อย่างดีแล้วก็โล่งใจ ทว่าโล่งได้ไม่นานตนก็ต้องรีบลงแล้ววิ่งตรงไปยังทิศทางที่เห็นพวกนั้นออกมาด้วยใจตุ๊บๆต่อมๆ

 

ฟ้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นแต่ก็ไม่อาจจะสู่คนสี่ห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ

 

และเมื่อไปถึงจนกวาดสายตามองแล้วก็ต้องถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ๆ มันไม่มีแม้เงาของลูกชายที่หายไปของเค้า เด็กวัยรุ่นพวกนั้นก็คงตีกันทะเลาะกันธรรมดานั้นแหละนะ

 

ณพเดินกลับไปขึ้นรถแล้วก็นั่งนิ่งไปพักใหญ่ๆ ถ้าฟ้ามาเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ เค้าคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต

 

 

 

 

 

 

 

 

ลายลมฟัดเอื่อยท่ามกลางแสงไฟจากเสาไฟรอบทิศทาง เสียงรถวิ่งผ่านและเสียงผู้คนที่คุยกันจอแจตามข้างทางดังอยู่ไม่ขาดสาย แต่ฟ้ากลับไม่สนใจ ตอนนี้เค้ากำลังยืนค้ำขอบสะพานข้ามแม่น้ำและทอดสายตาเหม่อมองออกไปจนท้องนภาและผืนน้ำเบื้องล่าง แสงสีของเมืองหลวงระยิบระยับน่าดูชมแต่ฟ้าไม่ได้รื่นเริงไปกับมันเลยสักนิด

 

ตั้งแต่ออกมาจากบ้านฟ้าตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อหยุดทุกสิ่งอย่างที่มันกำลังร้อนลุ่มอยู่ในอก ฟ้าไม่รู้ว่าคนที่บ้านจะรู้รึยังว่าเค้าหายตัวออกมาเพราะตนนั้นแอบออกมาโดยการปีนระเบียงลงไปตามต้นไม้ใหญ่ด้านข้างและแอบออกจากบ้านไปขึ้นแท๊กซี่อย่างรวดเร็ว ฟ้าพกเงินติดตัวมานิดหน่อยกะว่าพอค่ารถไปกลับเพียงแค่นั้นและคาดว่าถ้าใจสงบแล้วค่อยกลับไป

 

“พี่ๆ”

 

ฟ้าหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินจนได้เห็นเด็กผู้ชายอายุน่าจะสิบสามสิบสี่ใส่ชุดค่อนข้างจะเก่ายืนมองเค้าตาแป๊ว

 

“พี่จะโดดน้ำเหรอ?”

 

ฟ้านิ่งมองคนถามไปนิดก่อนจะส่ายหัวแทนคำตอบ

 

“ว๊า แย่จัง ไอ้เราก็นึกว่าจะมีเพื่อนโดดซะอีก”

 

ฟ้ากระพริบตาปริบๆ ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีที่ได้ยินเด็กอายุเพียงแค่นี้คิดที่จะกระโดดลงจากสะพานข้ามแม่น้ำแบบนี้ ขืนโดดลงไปถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต และเปอร์เซ็นที่จะเป็นอย่างแรกมีสักเก้าสิบเปอร์เซ็นไปแล้วด้วย

 

“พี่แค่อยากคิดอะไรคนเดียวนิดหน่อยนะ ว่าแต่เราเถอะ อายุแค่นี้จะคิดโดดไปทำไม? ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างเหรอ?”

 

เด็กหนุ่มเดินมายืนข้างๆพร้อมมองไปยังวิวที่ฟ้าละสายตามาเมื่อครู่ก่อนจะตอบน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

 

“ผมไม่มีพ่อแม่หรอก”

 

“หืม ท่านเสียทั้งสองเลยเหรอ?”

 

“ไม่รู้สิ ผมจำความได้ก็อยู่กับพวกครูที่บ้านเด็กกำพร้า”

 

“แล้วทำไมถึงมาอยู่นี้ละ เวลานี้ทางบ้านไม่น่าจะให้ออกมาเดินเล่นแน่ๆ”

 

“ผมหนีออกมานะสิ ผมเบื่อ ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ไปทำไม”

 

“คิดบ้าๆ คนเราเกิดมาก็ต้องมีเหตุผลในการใช้ชีวิตอยู่แล้ว”

 

“อย่างพี่ก็พูดได้ดิ พี่มีหมดไม่เหมือนผมที่ไม่มีอะไรเลย”

 

ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก

 

“ถ้าพี่ไม่โดดงั้นผมไปละ”

 

“เดี๋ยว! จะไปไหนนะ?”

 

“เดินไปเรื่อยๆ เจอพี่แล้วหมดอารมณ์โดด”

 

“พี่ว่าเรากลับไปที่บ้านจะดีกว่านะ กลางคืนสำหรับเด็กมันอันตราย”

 

“ผมไม่อยากกลับ”

 

“แต่ว่า…”

 

“ผมจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวกับพี่ พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า”

 

มันก็จริงอย่างที่เจ้าเด็กคนนี้พูด แต่ทว่าฟ้าก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ฟ้าจ้องมองดูเด็กนั้นเดินห่างไปเรื่อยๆก่อนที่ตนเองจะเดินตามไปห่างๆโดยไม่รู้ตัว ห่วงแต่ก็ห้ามไม่ได้ พูดอะไรไปก็เหมือนมันจะสะท้อนมาหาตัวเองด้วย ขนาดเป็นคนที่ไม่รู้จักกันยังห่วงใยแบบนี้แล้วถ้าคนที่เป็นพ่อแม่ละ จะนึกห่วงลูกขนาดไหนเมื่อลูกหายไปหรือมีอันตราย

 

คงได้เวลากลับแล้วละมั่ง

 

ฟ้าคิดได้อย่างนั้นจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปห้ามเด็กน้อยจะพาไปส่งบ้านเด็กกำพร้าก่อนที่ตนจะกลับบ้านของตัวเองบ้าง แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะสร้างเรื่องซะแล้ว

 

“เด็กเหี้ยนี่ เด็กไม่ดูคนรึไงวะ ชนมาได้”

 

เอาแล้วไง

 

ฟ้าเห็นเด็กชายเดินชนผู้ชายวัยรุ่นที่เดินคุยกันมาสี่ห้าคนแล้วก็พลันใจกระตุก ผู้ที่ถูกชนหันมาหาเรื่องแล้วแทนที่เด็กนั่นจะเอ่ยขอโทษดีๆกลับหันไปจ้องหาเหมือนท้าทายกลับไปอีก

 

“ก็พวกพี่เดินกับแทบจะไม่มีทางให้ผมเดินสวนเลยอะ มันก็ต้องมีชนกันบ้างสิ”

 

“หาเรื่องเหรอห่ะ ไอ้เด็กเวร!?!”

 

“หยุดนะ!”

 

ฟ้าเผลอร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหง่างมือจะต่อยเด็กคนนั้น ทันทีที่สิ้นเสียงทุกคนจึงหันมามองเค้าเป็นตาเดียวและดูเหมือนคนที่กำลังหาเรื่องเด็กน้อยอยู่จะสนใจฟ้าจนหันมาเสะยิ้มร้าย

 

“มึงเสือกอะไรด้วยวะ?”

 

“ก็ไม่อยากเสือกเท่าไหร่หรอกนะ แต่นั้นมันเด็ก”

 

“เด็กแล้วไง เด็กเกรียนๆไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้มันต้องสั่งสอนสิถึงจะถูก”

 

“ถูกเหี้ย”

 

“ปากเก่งจริงนะคนสวย”

 

ฟ้าสะดุ้งก่อนจะก้าวถอยหลังทันทีที่ไอ้คนไม่น่าไว้ใจนั้นเดินเข้ามาใกล้และยกมือขึ้นจะจับปลายคางฟ้า

 

“หยิ่งซะด้วย”

 

“เรื่องของกู”

 

ฟ้าตอบเสียงแข็งพลางส่งสายตาดุๆไปจ้องเด็กน้อยในเชิงบอกให้หนีแต่ดูเหมือนเด็กมันจะไม่เข้าใจซะงั้น

 

“ปล่อยเด็กไปซะ”

 

“หืม มึงมีสิทธิ์มาสั่งกูตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

 

ฟ้ากัดฟันด้วยความจำทน สายตาเรียวกวาดมองดูคนข้างหลังมันอีกสี่คนที่ยืนมองยิ้มๆแล้วก็พึ่งเข้าใจว่าตัวเองแกว่งเท้าหาเสี้ยนขนาดใหญ่เข้าซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ทนเห็นไอ้พวกนี้รุมรังแกเด็กไม่ประสีประสาไม่ได้อยู่ดี

 

“ว่าไงละครับ มึงมีสิทธิ์สั่งกูด้วยเหรอ?”

 

มันถามย้ำแล้วเอื้อมมือมาดึงฟ้าเข้าไปหามืออีกข้างก็บีบแก้มเค้าจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

 

“หึ ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งสวยแฮะ ชักจะถูกใจซะแล้วสิ”

 

ฟ้าสะบัดมือจนหลุดจากการจับกุมแล้วผลักมันออกแรงๆจนมันเซไปชนเข้ากับเพื่อนที่ด้านหลัง ในช่วงจังหวะที่ทุกคนตกใจฟ้าเลยรีบวิ่งไปดึงแขนเด็กแล้วพาวิ่งหนีท่ามกลางเสียงสถบด่าและการไล่ล่าจากพวกระยำนั้น

 

“วิ่งให้เร็วกว่านี้สิ พวกมันจะตามทันแล้วนะ”

 

ฟ้าพูดกับเด็กน้อยเสียงหอบๆแต่ดูเหมือนน้องจะเหนื่อยเกินไป พวกเค้าวิ่งลงมาจนลงจากสะพานแล้วจึงพอมีบ้านเรือนรอบข้างให้ฟ้าสบโอกาสมองหาที่หลบ

 

“สัส! อย่าหนีนะเว้ย”

 

“เวรชิป!”

 

ฟ้าสถบเมื่อมันวิ่งตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พอดีกับที่มองไปเห็นซอยเล็กที่น่าจะวกวนพอสมควรฟ้าจึงจะพาไปหาที่ซ่อน แต่พอจะหักเลี้ยวคนที่ฟ้าดึงมือมาด้วยกลับสะดุดซะงั้นไป

 

“Shit!”

 

ฟ้าอุทานพลางหันมาหากะจะอุ้มขึ้นแล้ววิ่งต่อแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว พวกมันวิ่งมาทันและล้อมฟ้าไว้ทุกทิศทาง ฟ้าวางน้องลงแล้วดันให้มาหลบอยู่ด้านหลังพลางหอบหายใจเหนื่อยโคตรแต่ก็ต้องอดทน

 

“วิ่งเร็วเหมือนกันนี่คนสวย”

 

“เรื่องของกู!”

 

“ปากเก่งงี้เดี๋ยวจะศพไม่สวยจะน้อง เห้ย จับตัวมันไว้แล้วถอดกางเกงมันออกด้วย กูจะเสียบแม่งตรงนี้แหละ”

 

“เห้ย! หยุดนะเว้ย!! กูลูกตำรวจนะมึง!!!”

 

สิ้นเสียงฟ้าตะโกนก้องเหล่าคนที่จะพุ่งเข้าหาก็หยุดชะงัก

 

“ไม่ต้องไปกลัว มันแค่ขู่เท่านั้นแหละหวะ”

 

“กูพูดความจริง!”

 

“จับมัน!”

 

“เชี่ยเอ๊ย!!”

 

 

 

 

ปัง!!!

 

 

 

ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงักทันทีที่มีเสียงปืนแผดเสียงดังลั่น แสงไฟหน้ารถหลายคันที่สาดส่องตรงเข้ามาต่างก็ทำให้พวกนี้เหงื่อซึมหน้าซีดกันเป็นแถว

 

“ยกมือขึ้นให้หมดทุกคน”

 

เสียงสั่งการที่เข้มจนติดดุนั้นฟ้าคุ้นมาก แต่ตอนนี้เค้ามองอะไรไม่เห็นเพราะแสงไฟหน้ารถที่สาดเข้ามายังเค้าจนแสบตา

 

“ฟ้า ออกมานี่”

 

สิ้นเสียงเรียกฟ้าถึงกับใจตก มันเป็นเสียงของพ่อเค้าอย่างแน่นอน แล้วพ่อมาทำอะไรแถวนี้ แถมยังมาเจอเค้าในสภาพนี้อีก ดูท่าดวงเค้าจะซวยขั้นสุดแล้วจริงๆ

 

ฟ้าเดินไปยังด้านนอกวงล้อมของตำรวจที่เข้าจับกุมพวกมันทั้งห้าคนพร้อมกับดึงเด็กน้อยที่ยังคงสั่นและมองผู้คนมากมายอย่างหวาดกลัว

 

“หึ นึกกลัวแล้วละสิ ก็บอกแล้วไงว่าข้างนอกมันอันตรายเกินไป”

 

คราวนี้เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจนฟ้ายกยิ้ม ฟ้าหยุดเดินหันหน้าไปหาเด็กแล้วนั่งลงให้หน้าอยู่ระดับเดียวกันก่อนจะยกมือขึ้นลูบเด็กเพื่อปลอบโยน

 

“ทีนี้ก็กลับบ้านซะนะ ถึงแม้จะไม่มีพ่อแม่ให้ห่วงให้รัก แต่คนที่เลี้ยงดูเรามาจนถึงทุกวันนี้ละ เค้าจะไม่ห่วงจะไม่รักเราเลยรึไง? คิดดูดีๆ”

 

“แล้วพี่ละ?”

 

“พี่ทำไม?”

 

“พี่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงนั้นนานมาก ทำหน้าเหมือนอยากจะโดดลงไปจนผมเข้าไปทัก พี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?”

 

ฟ้าส่ายหัว

 

“พี่ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นอีกนะ พี่เป็นฮีโร่ของผมเลย ผมอยากให้ฮีโร่ของผมยิ้มเยอะๆ ยิ้มเหมือนเมื่อกี้นะ”

 

ฟ้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะยิ้มกว้าง

 

“พี่ก็ไม่รู้สิ แต่พี่จะพยายาม”

 

เด็กน้อยยิ้มรับจนแก้มปริ ฟ้ารู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนซ้อนด้านหลังเค้าจึงหันไปมองจนเห็นผู้เป็นพ่อยืนทำหน้าทมึฬแต่แววตากลับเรียบนิ่ง ฟ้าลุกขึ้นยืนแล้วพนมมือไหว้พลางกล่าวขอโทษอย่างแผ่วเบา ณพไม่ได้ตอบโต้ใดๆออกไปนอกจากพยักหน้าไปทางรถของตน

 

“ผมอยากไปส่งน้อง…จะได้ไหมครับ?”

 

ณพเหลียวไปมองเด็กชายที่ยืนจับชายเสื้อลูกชายเค้าแน่น ดูเหมือนเด็กชายจะกลัวแววตาเค้าพอสมควรไม่งั้นคงไม่หลบไปด้านหลังฟ้าทันทีที่โดนตนมองจ้อง

 

“ไปสิ แล้วบ้านอยู่ที่ไหน?”

ฟ้าหันไปถามเด็กน้อยจนได้ชื่อสถานที่มาและพอดีที่ณพรู้จัก คนทั้งสามจึงไปขึ้นรถหลังจากที่ณพสั่งการไปอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขับรถออกจากจุดนี้ไป

 

“พวกนั้นจะโดนอะไรบ้างครับ?”

 

ฟ้าหันไปถามเมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในรถมันชวนอึดอัดมากเกินไปแล้ว

 

“ปรับ จำคุก”

 

“แต่พวกมันยังไม่ได้ลงมืออะไรรุนแรงเลยนะ”

 

ณพหันมามองลูกชายที่นั่งข้างๆแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปมองยังท้องถนนเบื้องหน้าต่อ

 

“ห่วงพวกมันรึไง?”

 

“ป่าวครับ แค่พูดตามความเป็นจริง”

 

“ยังไม่ได้สืบประวัติ ต้องรอดูอีกที”

 

ฟ้าพยักหน้ารับแล้วภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจนกระทั่งมาถึงบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่มีอาณาบริเวณพอให้ได้วิ่งเล่นล้อมรอบเหมือนโรงเรียนอนุบาล ภายในตัวบ้านยังคงมีแสงไฟสว่างจ้าทั้งที่เวลามันก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่มาร่วมชั่วโมงกว่าๆแล้ว ฟ้าหันไปมองเด็กที่เบาะหลังและก็ต้องหลุดขำเมื่อเห็นเจ้าเด็กแสบนั้นหลับอุตุเป็นที่เรียบร้อย ฟ้าจึงตัดสินใจลงไปกดกริ่งไม่นานก็มีผู้หญิงวัยกลางคนโผล่ออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

 

“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ?”

 

เธอถามเสียงแผ่ว ฟ้าพนมมือไหว้ก่อนจะยิ้มให้แล้วบอกว่าพาเด็กมาส่ง เมื่อได้ยินอย่างนั้นหล่อนจึงยิ้มกว้างหน้าตาดูดีใจอย่างไม่ปิดบัง เธอรีบเปิดประตูให้ฟ้าโดยทันทีจนฟ้าจะหันกลับและก็เห็นณพอุ้มน้องมายืนรออยู่ด้านหลังเค้าซะแล้ว

 

“เชิญด้านในก่อนเถอะคะ”

 

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราขอตัวกลับดีกว่า”

 

ณพเอ่ยเมื่อส่งมอบเด็กน้อยให้ผู้ชายอีกคนที่ออกมารับ หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างแล้วมากอบกุมมือณพด้วยใจที่ตื้นตัน

 

“ขอบคุณมากเลบนะคะขอบคุณมากจริงๆ”

 

“อันที่จริงคนที่ควรได้คำขอบคุณคือลูกชายของผมมากกว่านะครับ เค้าเป็นคนช่วยเด็กจนกระทั่งผมไปพบเข้านั้นแหละ”

 

ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองพ่ออย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พ่อพูดเหมือนภูมิใจในตัวเค้ามาก พูดในสิ่งที่ฟ้าไม่เคยได้ยินและไม่แม้แต่จะคาดคิด

 

“ป้าขอบคุณหนูมากนะจ้ะ ขอบคุณจริงๆ”

 

“ไม่เป็นไรครับ ถึงแม้น้องจะดื้อไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดี”

 

“จ้ะ ป้าก็คิดอย่างนั้น แต่น้องค่อนข้างจะโหยหาความรักแต่ผิดวิธีไปหน่อย ยังไงป้าก็จะพยายามดูแลเค้าให้มากกว่านี้ ป้าขอบคุณหนูจริงๆที่ช่วยพาน้องกลับมา ถ้ามีโอกาสป้าจะพาน้องไปขอบคุณด้วยตัวเองนะ รบกวนของชื่อที่อยู่หนูไว้ได้ไหมจ้ะ?”

 

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก เอางี้ เดี๋ยวผมจะมาเยี้ยมที่นี่บ่อยๆแล้วกัน”

 

“เอางั้นก็ได้จ้ะ”

 

“งั้นผมลากลับแล้วนะครับ”

 

“จ้ะ ขอให้พระคุ้มครองนะลูก”

 

“ขอบคุณครับ”

 

เมื่อร่ำลากันเรียบร้อยฟ้าและณพจึงขึ้นรถและขับตรงกับบ้านท่ามกลางความเงียบเฉียดเช่นเดิม ตลอดทางฟ้าหันหน้าออกนอกหน้าต่าง สมองก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตัวเองที่ผ่านๆมาแล้วนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตเด็กน้อยที่น่าเห็นใจ ฟ้าไม่อยากจะใช้คำว่าสงสารเพราะดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่ต้องการ เห็นอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าโตขึ้นมาคงจะแข็งแกร่งพอตัวทีเดียว

 

ต่อด้านล่างจร้า

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1


ฟ้าก้าวลงจากรถทันทีที่ณพจอดให้ลงที่หน้าประตูบ้าน เมื่อเค้าคงณพจึงขับไปจอดที่โรงจอดรถต่อ ฟ้าปรายตามองดูรถที่ไม่ใช่ของที่บ้านหนึ่งคันและรถของน้ำที่จอดอยู่ไม่ไกลแล้วก็เกิดอาการอยากจะร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น ฟ้ายืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยน้ำตาคลอเบ้าจนณพเดินมาถึงตัว

 

“เข้าบ้าน”

 

ถึงจะพูดหวนๆและแข็งกระด่างแต่ณพก็เอื้อมมือไปดุนหลังฟ้าเบาๆเพื่อเรียกสติ ฟ้าเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์อ่อนแอไว้ที่เบื้องลึกแล้วจึงก้าวเดินนำพ่อเข้าไปยังภายในตัวบ้าน ไฟทุกดวงยังคงส่องสว่างจนฟ้าต้องปรับสายตาเล็กน้อย เค้าเดินไปเรื่อยๆจนถึงห้องนั่งเล่นและก็ได้เจอกับทุกคน ทั้งแม่ที่นั่งตีหน้าเครียด พี่ดินที่นั่งโอบกอดปลอบโยนอยู่ข้างๆแม่ ลุงสเวนที่นั่งอยู่ข้างป้าเมย์ แล้วก็น้ำ

 

“ฟ้า!!!”

 

ทุกคนแทบจะประสานเสียงเมื่อเห็นว่าเค้าเดินเข้ามา แม่เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นแล้วโถมตัวเข้ามากอด ฟ้าได้แต่อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกจนกระทั่งหันไปเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายพลางระบายยิ้มส่งมายังเค้า

 

“แม่บอกแล้วไงว่าทำแบบนี้แม่จะเป็นห่วง แล้วทำไมเราถึงทำ ฟ้าอยากเห็นแม่ขาดใจตายใช่ไหม”

 

“แม่…”

 

“ทุกคนเป็นห่วงฟ้ากันทั้งนั้น ฟ้าไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย ฟ้ายังมีคนที่รักและห่วงเราตั้งเยอะ”

 

“ผมขอโทษครับ”

 

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก อย่าทำอย่างนี้อีกนะ”

 

“ไม่ทำแล้วครับ แม่อย่าร้องไห้สิ”

 

“ก็แม่โล่งใจนี่แล้วมันก็หยุดไม่ได้ด้วย”

 

ฟ้าหลุดยิ้มแล้วถอยออกมายกมือกะจะเช็ดน้ำตาให้แม่แต่ด็ต้องชะงัก ตอนนี้มือเค้าเปื้อนดินเปื้อนฝุนไปหมด แม่อาจจะเปื้อนไปด้วย เมื่อผู้เป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มกว้างแล้วเอามือลูกมาจับเบาๆ

 

“มานั่งพักก่อนเถอะจ้ะ”

 

“ครับ”

 

ฟ้าตอบรับ แม่จึงดึงมือไปทางน้ำและน้ำที่นั่งโซฟาเดี่ยวอยู่จึงลุกขึ้นยืนให้ฟ้าได้นั่งแล้วตนก็ไปนั่งเบียดกับพ่อแม่ของตัวเอง แม่กลับไปนั่งที่เดิมจนดินเปลี่ยนไปนั่งที่เบาะเล็กสำหรับรองขาเพื่อให้พ่อได้เข้าไปนั่งกับแม่

 

ฟ้ายกแก้มน้ำที่พี่ชายส่งมาให้ดื่มก่อนที่จะเหลียวมองไปยังทุกๆคน เป็นการรวมตัวที่ไม่คาดฝันจริงๆ

 

“คุณคะ”

 

อรพิณสะกิดสามีเมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า มีเพียงณพที่ยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงทั้งที่ทุกคนนั้นดูจะผ่อนคลายและยิ้มแย้ม

 

“โอเค งั้นเราจะคุยต่อหรือเริ่มใหม่ดีละ คุณณพกับฟ้าก็พึ่งมาถึงคงยังไม่รู้เรื่อง”

 

“รวบยอดเลยก็ได้คะ”

 

เป็นเมขลาที่ให้คำตอบ สเวนพยักหน้ารับแล้วเริ่มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

 

“โอเค งั้นผมจะสรุปเลยแล้วกัน ที่พวกผมมากับในวันนี้คือจะมาขอร้องให้ทางคุณเข้าใจในความรักของลูกๆพวกเรา พวกเค้าไม่ได้ไปทำเรื่องเดือดร้อนให้ใคร ไม่ได้ไปทำเรื่องผิดกฏหมายอะไร ถึงแม้พวกเค้าจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ในยุคสมัยนี้มันถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วนะครับ ในบางประเทศยังออกกฏหมายให้คู่รักร่วมเพศสามารถแต่งงานและจดทะเบียนกันได้แล้วด้วยซ้ำ แล้วถ้าทางคุณยังไม่เชื่อมั่นในตัวลูกชายผม ผมเองก็ขอใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานและหุ้นส่วนต่างๆเปิดเดิมพันเลยว่าลูกชายผมไม่มีวันทำให้ฟ้าเสียใจแน่นอน”

 

น้ำหันไปมองพ่อทึ้งๆ สเวนได้แต่ยิ้มกว้างและพูดด้วยความมาดมั่น น้ำกับพ่อไม่ได้ตกลงกันอย่างนี้เค้าแต่ยากให้พ่อช่วยยืนยันแต่ไม่ใช่ให้มาเดิมพันอะไรแบบนี้เลยสักนิด ฟ้าเองก็ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น

 

“ลุงสเวน…”

 

“ลุงเชื่อมั่นและเชื่อใจลูกชายของลุง รวมทั้งเราด้วยนะฟ้า”

 

“คุณคะ?”

 

คราวนี้เป็นเมย์ที่หันไปสะกิดณพ แต่ณพยังคงนิ่งและจ้องมองไปยังฟ้าด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ ฟ้าแทบไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับผู้เป็นพ่อ เค้าได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กอบกุมกันไว้แน่น ลมหายใจเริ่มผิดปดติไปพร้อมๆกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัด

 

“แล้วยังไง?”

 

เพียงประโยคเดียวของณพนั้นก็แทบทำให้ฟ้าล้มทั้งยืน ฟ้ารู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินหนักๆหล่นลงมาทับจนแทบทรุด น้ำตาฟ้าเริ่มคลอหน่วยแต่เค้าก็ยังกัดฟันทนทั้งที่สั่นไปทั้งร่าง

 

“ลุงครับ ถ้าลุงยังไม่อยากยอมรับผม ยอมรับความรักของผมก็ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ได้ไหมครับ ผมอาจจะยังเรียนไม่จบแต่ผมก็เริ่มที่จะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ฟ้าต้องเสียใจ จะไม่ให้ลำบากอะไรเลยแม้แต่น้อย”

 

“พวกคุณไม่คิดอยากจะอุ้มหลานบ้างเหรอ?”

 

ณพหันไปถามสเวนและอรเมื่อน้ำพูดจบ น้ำแทบกัดปากตัวเองเมื่อได้ยินปัญหาที่ไม่มีทางแก้ เค้าไม่มีทางมีลูกให้พ่อแม่ได้แน่ในเมื่อเค้ารักฟ้า

 

“ก็อยากสิค่ะ”

 

และคำตอบของอรก็เหมือนหอกแหลมที่ทิ่มแทงเข้ามาในอก

 

“แต่คงอีกนานแหละคะ กว่าลูกเราจะโตและสามารถแต่งงานมีหลานให้เราได้”

 

ทุกสายตาหันไปมองอรพินที่พูดด้วยรอยยิ้มอย่างนึกฉงน

 

“มัมพูดเรื่องอะไร?”

 

“หึหึ แม่ตั้งท้องจ้ะ น้ำกำลังจะได้น้องสาวแล้วนะ”

 

“ห่ะ!!!”

 

“ตกใจเวอร์ไปไหมเจ้าลูกชาย ที่ไอกลับมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ แต่ก็ดั๊นมาเจอเรื่องแกซะก่อนก็เลยยังไม่ได้บอก”

 

“จริงป่ะแด๊ด”

 

“โกหกไปได้อะไร”

 

“แด๊ดโคตรเจ๋งวะ”

 

“หึหึ”

 

ณพมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่งๆ ผิดกับคนอื่นที่ยิ้มให้กับเรื่องน่ายินดีนี้ ดินที่ลอบสังเกตุพ่อจึงขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเอ่ยเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“พ่อครับ”

 

ณพหันมามองยังลูกชายคนโต

 

“พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องคนสืบทอดตระกูลเราหรอก พ่อลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีผม ผมยังคงมีเมียมีลูกให้พ่อได้นะ”

 

ณพไม่ตอบโต้อะไรอีกเช่นเคย

 

“พ่อห่วงแต่ฟ้าจนผมอดน้อยใจไม่ได้เลยนะเนี้ย ผมละอุสาเดินตามรอยพ่อทุกอย่างแต่พ่อกลับมองไม่เห็นผมซะงั้น”

 

“แกเป็นเด็กรึไงดิน”

 

“ไม่เด็กก็น้อยใจได้ครับ ถึงฟ้ามันจะน่าเป็นห่วงเพราะแหวกกฏพ่อแทบทุกอย่างแต่น้องมันก็โตแล้วนะพ่อ ปล่อยให้น้องเดินตามทางที่เลือกและรักได้แล้ว ถึงพ่อจะห่วงขนาดไหนแต่พ่อก็ซับพอตน้องไม่ได้ตลอดหรอกนะ”

 

“แกกล้าสอนพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“ผมไม่ได้สอนครับ แค่พูดช่วยน้อง”

 

“ทำเป็นพูดดี สุดท้ายแกก็ห่วงน้องไม่น้อยไปกว่าพ่ออยู่ดี”

 

“ยอมพูดว่าห่วงน้องแล้วสิ”

 

ณพชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ ฟ้าได้แต่ฟังและมองผู้เป็นพ่อตาปริบๆ

 

“แล้วมีพ่อแม่คนไหนไม่ห่วงลูกตัวเองบ้างวะ”

 

ทุกคนยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินอย่างนั้น

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องน้องแกกับเจ้าน้ำ?”

 

“เอ๊าพ่อ ก็แค่ให้พ่อลดความห่วงความหวงลูกชายคนเล็กลงสักนิด เพราะตอนนี้น้องมันมีคนมารับหน้าที่นั้นต่อจากพ่อแล้วไง”

 

“ฉันบอกตอนไหนว่าให้มารับช่วงต่อ?”

 

“อ่า...”

 

“ฉันไม่เคยบอกให้มารับช่วงต่อหรือมาห่วงมาดูแลลูกชายของฉัน…แต่มันเข้ามาทำเองต่างหาก”

 

“พ่อ”

 

“ในเมื่อสมัครใจที่จะทำก็ทำให้ดีที่สุดแล้วอย่าให้ฉันได้ยินแล้วกันว่าลูกของฉันต้องเสียใจเพราะคนอย่างแก”

 

ประโยคสุดท้ายณพหันไปพูดกับน้ำที่แทบจะยิ้มรับไม่ทันเมื่อได้ยินชัดๆเต็มสองรูหู

 

“ผมสัญญาด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ผมมีเลยครับ!”

 

ณพไม่ตอบโต้อะไรเช่นเคยจนเค้าหันไปสบตาเข้ากับลูกชายคนเล็ก ฟ้ามองพ่อนิ่งๆสักพักน้ำตาก็ไหล่อาบแก้ม ฟ้าลุกขึ้นไปทรุดตัวลงตรงหน้าบิดาก่อนจะโอบกอดพร้อมกับปล่อยน้ำตาและเสียงเอื้อนเอ่ยบอกขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา

 

“ลูกใครวะ ขี้แยชิปหาย”

 

ณพบ่นอุบแต่มือหนาก็ยกขึ้นมาลูบหัวลูกชายเบาๆ เหิดเสียงหัวเราะแผ่วๆขึ้นตามหลังแต่ไม่นานทุกคนก็นิ่งเงียบ น้ำลงมาคุกเข้าต่อหน้าณพและยื่นมือไปแตะไหล่ฟ้า ฟ้าหันมามองคนข้างๆแล้วจึงกลับมานั่งคุกเข่าเช่นเดียวกับน้ำ คนทั้งคู่พนมมือไหว้ขอบคุณทั้งณพและเมย์ก่อนที่จะเลื่อนไปที่สเวนและอรพิน

 

“ทำซะขนาดนี้งั้นเรามาตกลงค่าสินสอดกันเลยดีไหมคะ?”

 

อรพินเอ่ยเมื่อรับไหว้ลูกชายทั้งสอง ฟ้าแทบจะปิดใบหน้าที่แดงขึ้นมาซะดื้อๆไม่อยู่แต่เสียงปฏิเสธอันแข็งขื่นของณพนั้นก็ทำใฟ้เกิดเสียงหัวเราะตามมา

 

“ไม่!”

 

“ทำไมละคะ ดูสิ หนูฟ้าออกจะเป็นเด็กดีมารยาทก็งามฉลาดอีกต่างหาก อย่างนี้น่าจะรีบแต่งเข้าบ้านเดี๋ยวถ้าอนาคตตาน้ำโดนทิ้งฉันก็อดได้หนูฟ้าเป็นลูกกันพอดี”

 

“ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้ ไม่ให้แต่ง!”

 

“ทำเป็นหวงนะพ่อ”

 

ดินอดไม่ได้ที่จะแซวบิดาแต่ผลที่ตามมาคือฝาเท้าที่แทบจะลอยมาโดนหน้า

 

“งั้นหมั้นไว้ก่อนได้ไหมครับ?”

 

สเวนพูดเสริม

 

“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!”

 

“โอเค งั้นหมั้นเช้าแล้วแต่งบ่าย เป็นอันจบ”

 

“ไอ้ดิน!!”

 

“เรียกทำไมอะพ่อ?”

 

“นั้นน้องมึงนะเว้ย นั้นน้อง”

 

“ก็น้องสิพ่อ แล้วนั้นก็ว่าที่สามีน้องด้วย”

 

“ไอ้นี่ มาให้กระทืบทีสองทีดิ!”

 

“เห้ยพ่อ ผมก็ลูกพ่อนะ”

 

“ลูกเวรนะสิวะ มึงอย่าหนี”

 

“อยู่ก็โง่แล้วครับ”

 

“ดิน!!!”

 

“จะว่าไป พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นั้น?”

 

ฟ้าที่กลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับน้ำที่นั่งลงหมิ่นๆตรงที่เท้าแขนแล้วพาดแขนตัวเองไปตามพนักพิงจนดูเหมือนโอบอยู่กลายๆแต่ไม่นานก็ต้องหดแขนกลับมาเพราะสายตาดุๆของว่าที่พ่อตานั้นจ้องเค้าแทบจะฉีกเนื้อซะให้ได้

 

ดุชิปหาย

 

“เรื่องนั้นต้องยกความดีความชอบให้พี่ชายเรานั้นแหละจ้ะ”

 

เป็นเมย์ที่ตอบลูกชายแทนสามี

 

“พี่ดินทำไมครับ?”

 

“ก็เพื่อนเจ้าดินมันเห็นแกแล้วจำแกได้ก็เลยโทรมาบอก แต่ตอนที่เห็นนั้นมันบอกว่าเหมือนแกจะโดดสะพาน”

 

สเวน อรพินและน้ำหันควับมามองฟ้าเป็นตาเดียวในทันที พวกเค้าทั้งสามไม่รู้ในเรื่องนี้ แต่ที่มาคือจะมาเคลียร์กับณพช่วยลูกชาย ส่วนน้ำก็มาเพราะดินโทรตามบอกว่าเจอฟ้าแล้วแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่น

 

“มิน่า พ่อถึงพาคนไปด้วยเยอะแยะเลย”

 

“ไอ้พวกนั้นเพื่อนเจ้าดินมันโทรเรียกนะสิ แล้วพอไปถึงกลับกลายเป็นมีเรื่องกันซะงั้น ดีนะที่พ่อไปทันไม่งั้นแกคงไม่ได้มานั่งคุยดีๆแบบนี้แล้วมั่ง จะทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิดซะบ้าง”

 

“คุณคะใจเย็นๆ ลูกปลอดภัยก็ดีแล้วนี่คะ”

 

“ก็เพราะมันดื้อแบบนี้ไงถึงได้อด…”

 

ผู้เป็นแม่ยิ้มกริ่มเมื่อสามีเกือบจะหลุดพูดออกมาจนหมด

 

“เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะฟ้า”

 

ฟ้าหันไปมองคนด้านข้างที่กดเสียงเข้มจนน่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

 

“ถ้าทุกอย่างโอเคแล้ว งั้นเราก็ขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”

 

“จริงสินะ อรต้องพักผ่อนเยอะๆด้วยสิ คนกำลังท้องกำลังไส้”

 

“ทำอย่างกับเป็นท้องแรกไปได้นะเมย์ แค่นี้สบายมาก”

 

“ไม่ได้นะอร ต้องดูแลดีๆสิ ยิ่งลูกผู้หญิงด้วยแล้ว”

 

“จร้าจ้ะ ขอบใจที่ตักเตือน ขนาดสามีฉันยังไม่กล้าขนาดนี้เลยนะเนี้ย”

 

“งั้นแด๊ดกับมัมกลับไปก่อนเลยนะครับ ผมขอคุยกับฟ้าอีกหน่อย เอ๊ะ หรือจะกลับไปคุยกันที่คอนโดดี”

 

“ไม่ได้!”

 

คงไม่ต้องบอกเนอะว่าเป็นเสียงของใคร

 

“งั้นนอนนี่ก็ได้น้ำ พรุ่งนี้มีเรียนกันรึเปล่าจ้ะ?”

 

ณพหันไปมองภรรยาทันทีแต่เมย์แสร้งทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจจนเค้าได้แต่ฟึดฟัดและหันหน้าหนี

 

“มีบ่ายทั้งคู่ครับ”

 

“พอดีเลย งั้นขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะจ้ะ”

 

“ขอบคุณครับน้าเมย์”

 

“เจ้าน้ำนี่ ขนาดนี้ต้องเรียกแม่สิถึงจะถูก”

 

อรหันไปเอ็ดลูกชายเสียงดังพอที่จะทำให้คนฟึดฟัดลุกพรวดแล้วก้าวยาวๆออกจากห้องไปในที่สุด

 

“ทำอย่างกับพ่อตาหวงลูกสาวไปได้”

 

เมย์ได้แต่บ่นตามท่ามกลางความขบขันของคนอื่นๆ

 

“ถ้างั้นพวกผมขอตัวนะครับ”

 

“จ้ะลูก”

 

ฟ้าไหว้ลาสเวนและอรพินก่อนที่จะเดินนำน้ำไปยังห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นบน จนกระทั่งมาถึงห้องและปิดประตูเรียบร้อยฟ้าเลยโดนกดเข้ากับบานประตูก่อนที่จะโดนน้ำขโมยจูบในทันที การบดขยี้อย่างรุนแรงและจังหวะการสอดเรียวลิ้นนั้นทำให้ฟ้ามึนเบลอ น้ำจูบจนแทบจะกระชากวิญญาณคนตรงหน้าเสียให้ได้ มันมีทั้นความโหยหาความคิดถึงความรักและความห่วงผสมปนเปกันจนแทบจะระเบิด ฟ้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบคอและแทรกนิ้วไปลูบไล่เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนพร้อมๆกับเสียงจ๊วบจ๊าบจากริมฝีปากของทั้งคู่ น้ำกลั้นใจผละถอยเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ผิดปกติของคนตรงหน้า เค้าจ้องมองดวงตาที่บลือขึ้นมองตอบพร้อมกับหน้าแดงๆและบางส่วนที่แข็งขื่นขึ้นมา

 

“ขอโทษ”

 

ฟ้าเอ่ยเสียงแผ่ว เค้ารู้ตัวว่าทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะตนไปเสียหมด น้ำกดยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำทีสลดก้มหน้าก้มตาทั้งเสียงที่สั่นระริก น้ำดึงฟ้าเข้ามากอดแน่นๆอีกครั้งก่อนจะลูบหัวปลอบจนได้ยินเสียงสะอื้นน้อยๆจากคนในอ้อมกอดและแรงกอดที่รอบตัว น้ำถอนหายใจแล้วกดจูบลงที่ขมับคนรัก ก่อนที่กระซิบเสียงแผ่วแต่เด่นชัดในความทรงจำความรู้สึกและใจของทั้งสองคน

 

“น้ำรักฟ้านะครับ”

 

ฟ้าสะอื้นฮักก่อนจะซบหน้าลงกับอกน้ำและเพื่อแรงกอดเข้าไปอีก

 

“เด็กขี้แย”

 

“……”

 

“หยุดร้องเถอะน่า เราต้องยิ้มสิ เรื่องทุกอย่างก็เคลียร์ไปหมดแล้ว หลังจากนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วนะ”

 

“……”

 

“ฟ้าครับ”

 

“อือ”

 

น้ำดึงฟ้าออกก่อนจะจับปลายคางฟ้าให้เงยขึ้นมาสบตากัน เค้ายิ้มเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาให้คนตรงหน้า

 

“ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่ทำให้เรารู้จักคำว่ารัก สัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะดูแลกัน จะรักษามันไว้อย่างดี”

 

ฟ้าเบ้ปากก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกรอบ

 

“ซะงั้นไป ไม่เอาไม่ร้องดิ”

 

“ก็…ฮึก…ก็มัน..”

 

“หึ ฟ้าของเรากลายเป็นเด็กขี้แยไปซะแล้ว”

 

“รัก”

 

“ครับ”

 

“รักน้ำนะ”

 

“ครับ”

 

“รักมาตลอด รักมากด้วย”

 

“ครับ”

 

“ถ้านอกใจเราจะฟ้องพ่อ”

 

“ครับ เห้ย! ไม่เอางั้นดิ”

 

“แสดงว่าคิดจะทำใช่ไหม?”

 

“บ้าเหรอ ใครจะไปกล้า”

 

“หืม?”

 

“จริงๆครับ ไม่กล้าแน่นอน”

 

“ไอ้คนกะล่อน”

 

“กะล่อนแล้วแฟนใคร?”

 

“ชิ”

 

“ฟ้าครับ”

 

“แฟนฟ้าไง”

 

“หึ”

 

ฟ้ายิ้มกว้างจนโดน ‘แฟน’ ถือโอกาสเข้ามาจู่โจมเข้าอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆเพราะ ‘แฟน’ เค้านั้นได้อุ้มและพาไปยังเตียงนุ่มในเวลาต่อมา

 

 

 

 

 

 

ปึงๆๆๆ!!!

 

 

 

 

 

“เห้ย! คุยกันเสร็จรึยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ลงไปนอนที่ห้องนอนแขกซะด้วย!!”

 

 

 

 

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า

 

 

 

 

 

~ THE END ~

 

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นต์ในทุกๆข้อความด้วยนะคะ

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย ซึ่งไรท์ว่าผิดไปเยอะเลย ฮ่าๆๆ


ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ขอบคุณนะคะ

จบสวยอะ อย่างน้อยก็ได้รักกันเนอะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ FiRMMiE

  • ผู้เสพความวาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากค่ะ

ฉากเกี่ยวกับพ่อแม่นี่ทำเราน้ำตาซึมตลอด
กว่าจะรักกันได้ รักกันแล้วยังมีอุปสรรค
คุณพ่อขี้หวงอีก แต่พ่อคะ หวงแบบน่ารัก ๆ ก็ได้ค่ะ
นี่คุณพ่อเล่นตบ ตบ คนอ่านหัวใจบ่ดีเด้อ
อยากเห็นอาการหวงลูกชายของคุณพ่ออีกจังเลยค่ะ

ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุก ๆ มานะคะ
อินี่ลุ้นมากว่าเรื่องจะยังไงต่อ
สุดท้ายก็แฮปปี้แบบแอบน้ำตาคลอ  ซึ้งง่ะ
 :mew2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น่ารักกกก   :-[
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Kitsune1st

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากจะบอกว่าพิมพ์ผิดเยอะมากกก
แต่สนุก ฟ้าน่ารักมาก
เลยมองผ่านไป
อยากอ่านตอนพิเศษจังงง
พ่อตาก็หวงเกิ๊นนน

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
อยากจะบอกว่าพิมพ์ผิดเยอะมากกก
แต่สนุก ฟ้าน่ารักมาก
เลยมองผ่านไป
อยากอ่านตอนพิเศษจังงง
พ่อตาก็หวงเกิ๊นนน

พอจะรู้ตัวคะ แต่ยังไม่ได้แก้ ไว้จะหาเวลาแก้ไขไล่ทีละตอนเลยเนอะ 5555+
ขอบคุณที่เตือนและขอบคุณที่ชอบคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ i-tatae

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
 :3123: :3123:  ชอบบบบ  ชอบมาก พลอตดี เนื้อเรื่องดี ชอบๆๆ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ :)

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

 

“แต่ป้าอรมีประชุมตอนบ่าย แล้วกว่าเราจะเรียนเสร็จก็บ่ายสอง ช่วงหนึ่งชั่วโมงนั้นน้ำไม่มีใครดูแลเลยนะคีย์”

 
ชั่วโมงเดียวยังไม่เป็นไรหรอก แล้วกลางคืนพ่อแม่เข้าไปเฝ้า? ไม่น่าใช่ ทำไมอยู่ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด