พิมพ์หน้านี้ - เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: katawoot ที่ 22-01-2010 21:14:05

หัวข้อ: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 22-01-2010 21:14:05
คิดถึงผู้อ่านทุกคนนะครับ และขอบคุณบอร์ดเซ็งเป็ดที่ให้โพสนิยายนะครับ

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
สวัสดีครับ
เรื่องนี้ออกแนวจริงจังหน่อยนะครับ ขยับจากความเพ้อฝัน (แบบในเรื่องอื่นๆ ของผม) เข้ามาใกล้กับชีวิตจริงๆ หน่อย
เดี๋ยวจะมาเริ่มเรื่องนะครับ (หลังจากที่หาตั๊มไดรฟ์เจอซะก่อน พิมพ์เอาไว้นานแล้ว หลายบทแล้วล่ะ) ***ใครนะเป็นคนประดิษฐ์ได้ตั๊มไดรฟ์เล็กๆ นี่อ่ะ หาไม่ค่อยเจอ แต่ก่อนใช้แผ่นดิสค์ใหญ่ๆ เสียบเข้าไดรฟ์ เอ หน้าเครื่องคอม ไม่เคยหาแผ่นไม่เจอเลยอ่ะ  :sad11:
เอาบทแนะนำตัวไปอ่านเล่นก่อนนะ (อันนี้เพิ่งพิพม์เมื่อกี้ครับ หลังจากแกะลายมือของอีตาคฑาวุธอยู่พอสมควร  :sad11:

เ พ ลิ ง รั ก
Introduction

กัณต์

ชาลี

....

ชาลีตัดสินใจบุกเข้าหากัณต์ถึงสถานีตำรวจ สารวัตรหนุ่มดูตกใจพอสมควรที่เห็นหน้าเขา
“ผมมาแจ้งความ" ชาลีพูดขึ้นมา หน้าตาขึงขัง "มีคนทุบกระจกรถผม ขโมยเอาคอมพิวเตอร์ไป นี่จอดไว้ห่างจากโรงพักแค่ร้อยกว่าเมตรยังมีโจรผู้ร้าย บ้านเมืองนี้ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ตำรวจทำอะไรกันอยู่ไม่ทราบ"
กัณต์ทำหน้าเคร่งขรึม พยายามทำใจเย็น ไม่ต่อปากต่อคำกับคนที่กำลังอารมณ์เสีย นายตำรวจหนุุ่มผายมือไปทางด้านขวาแล้วบอกนายแพทย์อารมณ์ร้อนว่าต้องไปแจ้งความที่ร้อยเวร
“แสดงว่าคุณจะไม่รับผิดชอบ" ชาลีพูดขึ้น
“จะให้ผมซื้อคอมพิวเตอร์แทนหรือครับ หรือจ่ายค่าซ่อมกระจกรถคุณ ถ้าต้องรับผิดชอบทั้งสองอย่างผมคงต้องเสียเงินเป็นแสน ตำรวจอย่างผมไม่มีเงินพอหรอกคุณ" กัณต์ตอบ "ตำรวจจะตามจับตัวคนร้ายให้ แต่ก่อนอื่นคุณต้องแจ้งความเสียก่อน"
“ผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง" ชาลีพูดเสียงห้วน
“ผมเป็นสารวัตรครับ ยศผมคือพันตำรวจตรี ประชาชนแจ้งความกับร้อยเวร ไม่ใช่สารวัตรสืบสวนสอบสวน" กัณต์เดินนำแล้วหันหน้ามาเลิกคิ้วสื่อสารให้ชาลีเดินตาม "เชิญทางนี้คับ ผมจะไปส่งให้ถึงโต๊ะร้อยเวร"
“นึกว่าคุณจะช่วยให้เป็นกรณีพิเศษซักหน่อย อย่างน้อยก็คนรู้จักกัน" ชาลีเดินผ่านกัณต์ พึมพำเสียงเบา แกล้งทำหน้าน้อยใจให้นายตำรวจเห็น แล้วเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะร้อยเวรซึ่งอยู่ด้านหน้า ส่วนในใจก็คิดว่า
...คอยดูนะ จะปั่นหัวกัณต์ให้เสียศูนย์ไปเลย คิดว่าแน่นักหรือ...

ขณะที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวรรอร้อยตำรวจตรีคนใหม่พิมพ์ใบแจ้งความ ชาลีนั่งนิ่งเงียบ ทำทีไม่สนใจว่ากัณต์ยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะ จนกระทั่งร้อยเวรขอให้ชาลีทวนเบอร์โทรศัพท์ กัณต์จึงพูดขึ้นว่า
“ลงไปดูรถให้คุณเขาด้วยนะหมวด จอดอยู่ไม่ไกล"
“ไม่ต้องครับ แค่ได้ใบแจ้งความก็พอแล้ว ยังไงตำรวจก็คงจับคนร้ายให้ผมไม่ได้หรอก" ชาลียักไหล่ "แค่กระจกแตก ประกันผมเขาซ่อมให้ ส่วนคอมพิวเตอร์ ผมจะให้แฟนซื้อให้เป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้"
“แฟนรวย" กัณต์พูดเสียงค่อยแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "เป็นนักศึกษาแต่มีเงินซื้อของแพงๆ วัยรุ่นสมัยนี้นี่นะ"
“แฟนผมเป็นหมอครับ" ชาลีเงยหน้าขึ้นยิ้มเยือกเย็นให้กัณต์ "แต่กิ๊กเป็นนักศึกษา"
ร้อยเวรที่กำลังก้มหน้าพิมพ์บันทึกประจำวันกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงส่งเสียงออกมาเบาๆ กัณต์หันไปทำหน้าดุแล้วเร่งให้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ จากนั้นจึงบอกว่าไม่ต้องไปดูรถให้ชาลีแล้ว
“ผมจะลงไปดูให้เอง" กัณต์พูด
“ไม่ต้องหรอกครับ" ชาลีปฏิเสธ
“ผมเป็นตำรวจ นี่มาเกิดเหตุให้ท้องที่ของผม ใกล้โรงพักซะด้วย ผมยอมไม่ได้ ยังไงๆ ผมจะลากคอไอ้โจรกระจอกคนนี้มารับโทษให้ได้"
ชาลีเม้มปาก ในใจคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเขาตั้งใจจะทุบกระจกรถของตัวเองจริงๆ แต่เกิดเสียดายและไม่อยาก 'ลงทุน' มากจนเกินไป
“ผมเรียกอู่มาแล้ว" ชาลีทำหน้านิ่งเรียบพลางยื่นมือไปรับบันทึกใบแจ้งความจากร้อยเวรด้วยท่าทางใจเย็นแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากด้านหน้าสถานีตำรวจช้าๆ โดยไม่กล่าวลากัณต์สักนิด
“เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการให้" กัณต์เดินตามมา
“ขอบคุณครับ" ชาลีตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย นายแพทย์หนุ่มหันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหารถแท๊กซี่และยกมือขึ้นโบกเรียกได้หนึ่งคัน ก่อนจะขึ้นรถ นายแพทย์หนุ่มหันมาพูดกับนายตำรวจว่า "ช่างที่อู่คงมาเอารถไปซ่อมแล้วครับ แต่ขอบคุณสารวัตรที่จะช่วยจัดการเรื่องนี้ ถ้าอยากจะสอบปากคำผมเพิ่มเติมให้ละเอียดก็เชิญที่โรงพยาบาลนะครับ ผมจะคอย"

รถแท๊กซี่สีเขียว-เหลืองวิ่งออกไปแล้ว พันตำรวจตรีกัณต์ยืนมองตามจนลับสายตา ใจเต้นแรงขึ้นโดยทันที สายตาของนายแพทย์ชาลีก่อนปิดประตูแท๊กซี่นั้นแพรวพราวระยิบระยับแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จากประสบการณ์เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายส่งสายตา 'อ่อย' อย่างเห็นได้ชัด
...แล้วเรื่องที่บอกว่ารถโดนทุบและคอมพิวเตอร์ถูกขโมยนี่จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่่าก็ไม่รู้ ชาลีแค่อาจจะหาเรื่องมาเกี่ยวข้องกับเขาเฉยๆ...
...ทำไม?...

...

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-01-2010 21:17:18
 :mc4: รีแรก คุณนาย แปะกฏก่อนลงเรื่องด้วยซีจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-01-2010 21:19:20
 :mc4: เข้าต้อนรับเรื่องใหม่คร่าาาา

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: everytime ที่ 22-01-2010 21:22:03
 :z1: เข้ามารอด้วยคนจ้า เรื่องนี้เหมือนนายเอกเค้าจะแรงจริง อิอิอิ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 22-01-2010 21:23:57
:mc4: รีแรก คุณนาย แปะกฏก่อนลงเรื่องด้วยซีจ๊ะ
ขอโทษครับ ผมผิดขั้นตอนไปนิดส์นึง แปะแล้วครับผม (คุณนาย... อิ อิ เวลาโดนเรียกแบบนี้รู้สึกเหมือนเป็นไฮโซยังไงไม่รู้) :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-01-2010 21:27:52
ไม่เป็นไรจ้า เราอาจจะเม้นท์ไวไปนิด  :laugh: แต่ชอบปะละให้เรียก "คุณนาย"  :z1:
อยากไฮโซ หรือโลโซ บอกมาได้จะจัดให้  :z2:

อ่านแล้วติดใจจะถาม คุณนาย มีอะไรฝังใจกับตำรวจปะ เขียนมากก็หลายเรื่องเกี่ยวกะตำรวจเยอะเลย
จะมีต่างไปก็เรื่องสถาปนิกหนุ่ม  :z1: อันนี้เค้าแค่สงสัยนะ หรือถ้าจะเดา คุณนายชอบหนุ่มให้เครื่องแบบ
หรือว่า เอาลักษณะของตำรวจ เพราะตำรวจเจ้าชู้  :m20:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-01-2010 21:31:53
กรี๊ดดดดดดดดดดดเราแพ้ทางคุณมากๆๆๆคุณนายอั๊ยยยยยยย
นุ้งชาลี อ่อยแบบมีระดับ...แหมเป็นถึงคุณหมอก็เปรี้ยวเข็ดฟันได้นะเนี่ย
แต่อิตาคุณตำรวจ ...จะเรียกมาสอบสวนตามคำอ่อยรึแล้วล่ะ ให้ไวนะ...อย่าเล่นตัว อิอิ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 22-01-2010 21:33:11
 :mc3: เรื่องใหม่มาแล้ว ดีใจมากมาย ... ไม่มีอะไรอ่านมาตั้งหลายวันเชียวค่ะ  :mc3:

ปล. ไม่มีตำรวจที่เป็นฝ่ายรับบ้างเหรอค่ะ เหอ ๆ  :haun5: +1 โลดดดด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-01-2010 21:37:17
 :m22: เข้ามาแอบดูเรื่องใหม่พี่นาย

เจอนายเอกแรงแบบนี้  สารวัตกัณต์ จะรับมือไหวไหมน้า

+1 ให้พี่นาย เป็นกำลังใจให้ เสมอ ๆ เมื่อเข้าบอร์ด ของคนชื่อ Katawoot  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 22-01-2010 21:41:00
ตำรวจอีกคนแระ  คงจะไม่เจ้าชู้นะ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 22-01-2010 21:42:41
 :mc4:

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 22-01-2010 22:01:33
ต้อนรับเรื่องใหม่ :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 22-01-2010 22:23:48
มารับขวัญเรื่องใหม่ครับ  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

เรื่องนี้ดูหมอชาลีจะเเรงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ping ping ที่ 22-01-2010 22:24:00
 เข้ามารอติดตามด้วยคนนะค้าฟ.. :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 22-01-2010 22:50:20
รอติดตามค่ะๆ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 23-01-2010 00:31:16
 :mc4: เย้ ๆ ๆ เรื่องใหม่ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-01-2010 01:00:07
รับเรื่องใหม่ด้วย   :L2: :mc4:
+ ให้ก่อน เดี๋ยวไปอ่าน

คุณนายอย่าลืมต่อชุดของสารวัตรแก็งโน้นด้วยนะ
อยากรู้สารวัตรอาวุธคู่กะใคร
ขอบคุณล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 23-01-2010 01:20:04
โผล่มาแปลกเลย   :a9:
เหมือนจะมีอะไรๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย
รอติดตามครับผม
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 23-01-2010 08:31:32
 :mc4: เรื่องใหม่คุณคฑาวุธ นายเอกแรง
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-01-2010 10:42:03
มารอส่งกำลังใจให้ครับคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: hene2526 ที่ 23-01-2010 11:15:06
รอครับรอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 23-01-2010 12:31:08
 :L1:เฉลิมฉลองเรื่องใหม่ ช้าไปป่ะคุณนาย(ก๊ากก เรียกตามเจ้ เห็นชอบ) เรื่องนี้แรงตั้งกะเริ่มเลย ก็นายเอกเราเค้าอ่อยสะขนาดนี้ ยอมทุ่มทุนทุึบรถตัวเอง เข้าแจ้งความ สุดยอด มันต้องมีมูลเหตุใช่ป่ะล่ะ แค้นฝังหุ่นกันป่ะ ไม่เดาล่ะ รอคุณนายมาเฉลยตอนต่อไปดีกว่า :really2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 23-01-2010 12:55:58
สวัสดีค้า  คุณนาย   

แค่ Intro ก็สนุกซะขนาดนี้  o13  มาต่อเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 23-01-2010 12:57:56
เข้ามา +1 และ  :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่ของคุณนาย
เปิดเรื่องมาก็แรงได้ใจ ชาลีลงทุนซะ (ตามหลักกฎหมายถือว่า
เป็นการแจ้งความเท็จนะเนี่ย) เรื่องนี้ก็น่าสนุกอีกแล้ว หมอ+ตำรวจ
เห็นด้วยกับคุณ Poes คุณนายมีอะไรกับตำรวจรึเปล่าเนี่ย อย่าบอกนะ
ว่ามีอาชีพแอบแฝงหรือมีกิ๊กเก่าเป็นตำรวจ ......จะรอตอนต่อไป. :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 23-01-2010 13:04:08
ชื่อนี้รับประกันความมันส์ กดเข้ามาอ่านอย่างไม่ลังเล
ตำรวจอีกแล้ว หุหุ......ชอบล่ะ 555555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 23-01-2010 13:05:51
 :mc4:

กดเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว
คิดถึงพี่นาย   :man1:

เรื่องนี้
ก็ตำรวจอีกแ้ล้ววววว

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 23-01-2010 13:10:31
เข้ามาจองหน้าจอรอพี่นาย :impress:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 23-01-2010 13:35:27
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ด้วยคนค๊า

Intro ก็เร้าใจแล้ว

ชอบจริงๆ นิยายหมอๆ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก Intro (22/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 23-01-2010 13:49:19
ไม่เป็นไรจ้า เราอาจจะเม้นท์ไวไปนิด  :laugh: แต่ชอบปะละให้เรียก "คุณนาย"  :z1:
อยากไฮโซ หรือโลโซ บอกมาได้จะจัดให้  :z2:
อ่านแล้วติดใจจะถาม คุณนาย มีอะไรฝังใจกับตำรวจปะ เขียนมากก็หลายเรื่องเกี่ยวกะตำรวจเยอะเลย
จะมีต่างไปก็เรื่องสถาปนิกหนุ่ม  :z1: อันนี้เค้าแค่สงสัยนะ หรือถ้าจะเดา คุณนายชอบหนุ่มให้เครื่องแบบ
หรือว่า เอาลักษณะของตำรวจ เพราะตำรวจเจ้าชู้  :m20:
อยากโลโซครับ อิ อิ
คือว่า 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของผมก็วนเวียนอยู่ที่ตำรวจนี่ล่ะ หวังว่าคงไม่เบื่อกันหรอกนะ
เรื่องตำรวจเป็นรับก็มีคร้าบบ แต่ยังวางโครงเรื่องไม่เสร็จ เรื่องนั้นออกแนวตลกๆ หน่อย แต่เรื่องนี้ออกแนวดรามาครับ
ส่วนเรื่องไหนๆ ก็มีตำรวจเนี่ย เหตุผลก็คือ  อืมมมมม คือไรดีอ่ะ
คือไรก็ช่างเถอนะ
ตอบ - หนุ่มให้เครื่องแบบไม่ชอบครับ  :z1: หนุ่มในเครื่องแบบก็ไม่ชอบ
แต่ชอบสาวในเครื่องแบบ  :m20:

- 1 -

นายแพทย์ชาลีเดินออกจากลิฟท์โดยสารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หูฟังสีดำรุ่นใหม่ของ Bose ครอบอยู่บนหัว มือขวาถือไอพอดทัชที่เพิ่งซื้อใหม่ นิ้วเรียวขาวสะอาดเลื่อนแถบเร่งความดังเสียงเพราะต้องการได้ยินเสียงกีตาร์พริ้วชัดเจนขึ้น

No strings attached
That's a promise I can't keep
So I waste my time
With lazy crazy dreaming
A sparkling wine, a twist of lime
A whisky soda, hole in time
When you're not here
   เพลงท่อนโปรดของเขากำลังจะเริ่ม เมื่อสิ้นเสียงกีตาร์ เสียงกลองหนักๆ จะกระหน่ำพร้อมเสียง Anouk กรีดร้องบาดอารมณ์ เมื่อถึงตรงนี้ เขามักจะร้องตาม ส่ายหัวไปมาทำท่าเหมือนเป็นคนเล่นกีตาร์เอง แล้วหลุดเข้าไปในโลกแห่งเสียงเพลง
Don't say you're sorry
Don't say it, No….
Don't say you're sorry1

พลันนายแพทย์ผู้รักเสียงเพลงก็ชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาขวางทาง อารมณ์เพลงสะดุด นิ้วแตะไอพอดหยุดเพลงทันที
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเคร่งเครียดยืนอยู่ไม่ห่าง ท่าทางรอดักพบเขาอยู่นานแล้ว ใบหน้าคมเข้มนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะลานจอดรถโรงพยาบาลร้อนอบอ้าว
"ชาลี"
"ดนัย"
ดนัย เดินเข้ามาใกล้นายแพทย์หนุ่มที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาของนักธุรกิจหนุ่มหันไปมองรถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ทรีสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ราวกับกลัวว่านายแพทย์หนุ่มจะวิ่งหนีไปขึ้นรถ
"คุณไม่เห็นรับโทรศัพท์ผมเลย ไม่โทรกลับด้วย ผมพยายามติดต่อคุณตั้งนาน" ดนัยเสียงเข้ม
"พักนี้ผมยุ่งมาก ไม่ค่อยว่าง แล้วก็เครียดๆ คนไข้ก็เยอะ" ชาลีทำหน้าเรียบนิ่ง พยายามนึกหาทางออก พลางนึกขอบคุณที่ดนัยไม่บุกเข้าไปหาเขาในโรงพยาบาล เขารู้ว่าชายหนุ่มคงไม่กล้าทำถึงขนาดนั้นเพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว หน้าตาทางสังคมของดนัยยังต้องรักษาไว้อย่างดี ความเป็นคนที่มีชื่อเสียงทำให้ดนัยต้องแอบมายืนดักเขาที่ลานจอดรถที่ร้อนอบอ้าว
"ว่างจนโทรหาผมไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว" ดนัยตัดพ้อ "แต่ดูท่าทางคุณมีความสุขดีนี่ครับ"
"เลิกงานแล้วจะให้ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ทำไม" ชาลียักไหล่
"ชาลี ผมอยากคุยกับคุณ ไปหาอะไรดื่มกับผมซักครู่นะ พรุ่งนี้ผมต้องไปญี่ปุ่น ผมคิดถึงคุณมาก"
"ผมอยากกลับบ้าน วันนี้ทำงานเหนื่อยทั้งวัน เอาไว้คุยกันตอนที่คุณกลับมาดีกว่า"
"ขอเวลาผมหน่อยเดียว คุณจะหลบหน้าผมไปถึงไหน โทรศัพท์มาหลายสิบครั้งคุณก็ไม่รับ ไม่โทรกลับ ไม่รู้เหรอว่าผม…” ดนัยไม่ยอม “ทำไมล่ะชาลี ทำไมอยู่เฉยๆ คุณก็ไม่รับโทรศัพท์ผม บอกผมสิว่าทำไม"
ชาลีดึงหูฟังออกมาคล้องคอ สอดไอพอดเข้ากระเป๋ากางเกง ถอนหายใจเบาๆ
...สงสัยต้องตัดสินใจเสียแล้ว ที่จริงไม่ได้คิดจะบอกเลิกดนัยที่ลานจอดรถ แต่หากดนัยมาถึงที่ขนาดนี้ก็ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า ปล่อยทิ้งไว้ก็เสียเวลา...
"ดนัย คุณไม่เข้าใจหรือไงว่ามันหมายความว่ายังไง" ชาลีพูดเสียงเย็นชา
ดนัยหน้าเจื่อน เริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น "คุณจะเลิกกับผมหรือ"
"แล้วแต่จะคิด" ชาลีทำใจแข็ง มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยามนี้ผู้บริหารหนุ่มบริษัทจิวเวอรรี่แทบไม่เหลือมาดนักธุรกิจไฮโซ
"แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดตรงไหน ทำไมอยู่เฉยๆ คุณก็จะเลิกกับผม ชาลี คุณรู้ไหมว่า ผมรักคุณ"
...นี่ล่ะ ผมรักคุณนี่ล่ะ ประโยคนี้เองที่เขารอฟังอยู่...
...ดนัย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจากกัน...
ชาลีนึกอยู่ในใจ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เมื่อใดก็ตามที่คนที่เขาคบด้วยเอ่ยคำว่า "ผมรักคุณ" เมื่อนั้นก็ถึงเวลาทางใครทางมัน
"ผมไม่ดีตรงไหนหรือชาลี ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้" ดนัยเริ่มตาแดง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ตอนอายุสามสิบสองปี
มายืนอ้อนวอนให้ผู้ชายคนหนึ่งอย่าทิ้งเขาไป!
ชาลีมองหน้าดนัยนิ่ง คิดอยู่ในใจว่า...ทำไมนะหรือ...เพราะผมไม่เชื่อว่าความรักของคนอย่างเราๆ จะไปรอดนะสิ และที่สำคัญ ผมไม่เชื่อว่าใครจะรักผมจริงจังหรอก ร้อยทั้งร้อย พอถึงเวลาก็เบื่อแล้วทิ้งทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทิ้งใครก่อน แต่ผมไม่มีวันมานั่งรอจนกว่าจะถูกทิ้งหรอก ไม่เอาอีกแล้ว พอกันที ผมจะไม่ยอมเป็นคนที่ถูกทิ้งอีกแล้ว...
ชาลีอยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป แต่เขายังไม่คิดว่าดนัยสมควรจะได้รับฟังอะไรเช่นนั้นในตอนนี้
จะว่าไปดนัยก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องโหดร้ายขนาดนั้นก็ได้
...แต่ใครจะไปรู้ล่ะ นี่แค่ไม่ถึงห้าเดือน ตอนนี้ยังรักยังหลง พอเบื่อ ไม่แน่ ดนัยก็อาจกลายเป็นคนไร้หัวใจก็ได้ เขาเห็นเทพบุตรจากสวรรค์กลายเป็นซาตานจากนรกมาอย่างน้อยก็สามคนแล้ว...
"ดนัย คิดซะว่าเรามีความสุขด้วยกันแค่นี้ก็พอเถอะนะ พอผมคบคุณไปได้ซักพักผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราคงไม่ใช่คู่กัน ต่างคนต่างไปเถอะ ผมอยากมีชีวิตใหม่" ชาลีพูดหน้าเรียบๆ
ดนัยขมวดคิ้ว ใบหน้าเจ็บปวด ตกใจกับคำพูดของนายแพทย์หนุ่มที่ดูเหมือนไร้เยื่อใย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาว่า "ชาลี ทำไม..."
ชาลีหันไปมองนอกอาคารที่จอดรถ ค่ำคืนของกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ต่างจากหัวใจของเขาที่มืดสนิท ว่างเปล่า
เขาบอกดนัยไปตรงๆ ราวกับท่องจำมาเป็นอย่างดี นี่คือคำพูดแบบเดิมๆ ที่เขาบอกทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่เรียนจบและกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ
...เราคบกันแค่นี้ก็พอเถอะ…เวลาผ่านไปผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่...ต่างคนต่างไป...ขออิสระให้ผม...แนวคิดสี่อย่างนี่ไงที่สลักอยู่ในใจเขาตลอดเวลา ไม่มีวันลบออกได้ แนวคิดที่สลักไว้ในหัวใจอ่อนๆ ของเขาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลาย และสลักซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้งเมื่อเรียนแพทย์ปีหนึ่งหลายรอบ ประสบการณ์เลวร้ายเหล่านั้นทำเขาซวนเซจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน กว่าจะลุกยืนขึ้นได้อีกครั้งชีวิตก็เกือบพังทลาย
...ตอนนี้ รู้สึกอย่างที่เขารู้สึกเสียบ้าง...
ดนัยไม่ยอมให้ชาลีขึ้นรถ ชายหนุ่มพร่ำวอนไม่ให้ชาลีเลิกกับเขาแต่แพทย์หนุ่มยืนกรานหนักแน่นจนดนัยอ่อนใจ ชาลีบอกดนัยว่าถึงไม่เลิกวันนี้ อีกไม่นานก็เลิกอยู่ดี ในเมื่อเขาไม่ได้รักแล้วจะให้ทนต่อไปทำไม
"ทำไมชาลี หัวใจคุณทำด้วยอะไร" ดนัยรำพึงรำพันน้ำเสียงสั่นพร่า น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาคมเข้มคู่นั้น จำใจต้องถอยห่างให้ชาลีเปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไป
"หัวใจผมทำด้วยเลื้อดเนื้อ เลือดสีแดงๆ และเนื้อสดๆ เจ็บปวดจนไม่อยากจะเจ็บต่อไปอีกแล้ว" เมื่อขับรถพ้นออกมาจากอาคารจอดรถของโรงพยาบาลใหญ่กลางกรุง ชาลีพูดกับกระจกรถเบาๆ ประหนึ่งว่าพูดกับดนัย ชายหนุ่มหมายมั่นเอาไว้แล้วว่าไม่มีวันเสียล่ะที่เขาจะโดนทิ้ง วินาทีที่เดินเข้าไปในสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เขาบอกตัวเองว่าชีวิตใหม่ของเขากำลังจะเริ่มต้น และเขาคือคนใหม่...คนที่จะกลับมาบ้านเกิดพร้อมกับชีวิตใหม่...ชีวิตใหม่ที่จะไม่เจ็บปวดกับความรักอีกแล้ว

เมื่อกลับถึงบ้าน ชาลีเปิดประตูห้องชุดเดินโผเผเข้ามาแล้วตรงไปยังห้องนอนทันที ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงนุ่ม แล้วทิ้งตัวลงนอนหงาย เหยียดแขนเหยียดขา ตามองเพดานอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพลิกตัวไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปุ่ม Contacts มือเรียวขาวสะอาดกดไล่รายชื่อไปจนถึง Danai แล้วลบทิ้ง หลังจากนั้นกดต่อไปจนถึง Saksit แล้วลบทิ้งอีกเบอร์
...จบไปแล้วอีกสองคน เช้าถึงที่ทำงานปฏิเสธรักหนึ่งคน เย็นเลิกงานอีกหนึ่งคน สนุกดีจริงๆ ถึงเวลาหาคนใหม่…
…แต่ใครดีนะ...
ชาลีกลับตัวนอนหงายมองเพดานอีกครั้ง
...ที่ผ่านมาค่อนข้างหน้าเบื่อ ไม่มีรายไหนน่าตื่นเต้นเลยซักคน แต่ละคนเป็นสุภาพบุรุษผู้น่ารักประเภทรักจริงหวังแต่ง ไม่เจอที่ยิมก็ที่ผับ ไม่ก็ร้านขายของในห้างสรรพสินค้า ไม่ก็คนไข้ หรือไม่ก็เป็นพื่อนของเพื่อน...
...เขาไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่นัก หากไปผับก็จะเจอคนเจ้าชู้เยอะแยะ ที่จริงคนเจ้าชู้นั่นล่ะเป้าหมาย แต่คนกลุ่มนั้นที่พบได้ทั่วไปในผับหรือที่เที่ยวกลางคืนนั้น "ตื้น" จนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เจอกันวันสองวันแรกก็บอกว่าชอบเขา หมดสนุกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม...
นายแพทย์หนุ่มคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาเจอใครเด็ดๆ ซักคน ใครที่ท้าทาย ใครที่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ใครที่เมื่อเขาปฏิเสธรักแล้วเขาจะรู้สึกสนุกและภูมิใจมากกว่านี้ เขาอยากสัมผัสกับความรู้สึกที่เหมือนกับได้เหรียญทองโอลิมปิก!
*****
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-01-2010 14:16:43
^
^
จิ้มก่อน ได้เปรียบ
ปฏิบัติการ..ล้างแค้นในใจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 23-01-2010 14:59:12
ในชีวิตจริงอาจจะโดนฆ่าหมกพงหญ้า เอาได้ง่ายๆนะครับ เจ้าน้ายยยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 23-01-2010 15:02:54
...ถึงเวลากลับแล้ว...
กัณต์ผุดลุกขึ้นนั่ง หย่อนขาลงข้างเตียง สอดส่ายสายตามองหาเสื้อผ้าของเขาที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้อง
...เสื้อกล้ามสีขาวตกอยู่พื้นข้างเตียง กางเกงคงอยู่ใกล้ๆ ประตูห้องนอนเพราะถอดเป็นชิ้นแรก เสื้อเครื่องแบบสีกากีของเขาเหวี่ยงไปคลุมอยู่บนแจกันรูปทรงแปลกประหลาดที่มุมห้อง กางเกงใน...มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ น่าจะอยู่ข้างๆ เตียงเพราะเป็นชิ้นสุดท้ายที่โดนถอด...
นายตำรวจหนุ่มก้มลงหยิบเสื้อกล้ามขึ้นมาถือไว้ในมือ พลันรู้สึกเย็นๆ ที่แผ่นหลัง ลิ้นของคู่รักชั่วคราวของเขากำลังไล้เลียแผ่วเบา มือสองข้างของวิพัฒน์ผู้จัดการธนาคารหนุ่มโอบรัดเขาจากด้านหลัง ลูบไล้แผงอกและหน้าท้องแกร่งของเขา
"จะไปแล้วหรือครับสารวัตร ยังไม่สองทุ่มเลย อยู่ต่ออีกหน่อยสิครับ ไม่ก็ค้างที่นี่" วิพัฒน์เสียงอู้อี้เพราะปากยังไม่ว่าง ชายหนุ่มเริ่มไล้ลิ้นเปียกชื้นขึ้นมาตรงซอกคอของกัณต์
"ผมไม่เคยค้างกับใคร" กัณต์พูดยิ้มๆ ขณะที่สวมเสื้อกล้าม
"ก็ลองค้างกับผมบ้างสิ" วิพัฒน์ออดอ้อน "รับรองจะทำให้สารวัตรมีความสุขก่อนนอนอีกรอบ"
"แค่นี้ก็สุขจนจุกคอหอยแล้ว" กัณต์ยังมองซ้ายมองขวาหากางเกงใน "อันเดอร์แวร์ผมอยู่ไหน"
"หาไม่เจอก็ไม่ต้องใส่สิครับ" วิพัฒน์หัวเราะ "ทิ้งไว้ให้ผมดูต่างหน้า เป็นที่ระลึก"
"เอางั้นหรือ" กัณต์อมยิ้ม หันไปจูบชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าคม แล้วลุกขึ้น เดินตรงไปที่ประตูห้องนอนเพราะมองเห็นกางเกงเครื่องแบบสีกากีกองอยู่ไม่ห่าง
"สารวัตรครับ คืนวันเสาร์เจอกันอีกได้ไหม ผมอยากไปฟังเพลงที่ดีว่าส์ โรงแรมแกรนด์ เชอราตัน"
"ไว้คราวหลังดีกว่าครับ คุณก็รู้ ผมไม่เคยเดทกับใครสองครั้งในอาทิตย์เดียว"
"หรืออาทิตย์ชนอาทิตย์" วิพัฒม์เติมประโยค "กฏของสารวัตรนี่ยกเว้นไม่ได้เลยหรือไง"
กัณต์หันมายิ้มให้บางๆ แล้วมองหากางเกงชั้นในต่อ นายตำรวจเดินหารอบเตียงก็ไม่เจอจึงดึงผ้าห่มออก วิพัฒน์แกล้งดึงผ้าห่มไว้ แต่ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ เผยให้เห็นร่างแกร่งที่นอนหงายเปลือยกายท้าทายสายตา
กางเกงชั้นในผ้าฝ้ายสีขาวของกัณต์วางอยู่ปลายเตียง เขาเอื้อมมือไปหยิบ แต่ช้ากว่าวิพัฒน์
"สารวัตรสัญญาก่อนว่าจะเดทกับผมอีก ไม่งั้นผมไม่ยอมคืนกางเกงในให้" ชายหนุ่มหน้าคมเอียงหน้า ยิ้มยั่วยวน
"อืม...ถ้ายังงั้นผมคงต้องโนอันเดอร์แวร์กลับบ้าน" กัณต์พูดยิ้มๆ แต่ก็ยังยื่นมือไปขอกางเกงชั้นในคืน
"สารวัตรน่ะ" วิพัฒน์ทำหน้าผิดหวัง "รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ก็ชอบทรมานคนอื่นอยู่ได้"
"กฏก็คือกฏ ผมเป็นตำรวจ ผมเป็นคนมีวินัย"
"กฎงี่เง่า" วิพัฒน์โยนกางเกงชันในให้นายตำรวจหนุ่ม แล้วโผเข้ามากอด ใบหน้าแนบอก "ผมชอบสารวัตรมากรู้ไหมครับ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยอยากจะมีอะไรต่อกับใครเหมือนกับสารวัตรเลยนะครับ"
"ตกลงกันแล้วไง เสร็จแล้วก็แยก" กัณต์ยกมือขึ้นโอบไหล่ชายหนุ่มลูกครึ่งไว้หลวมๆ "ผมไม่ชอบมีพันธะ"
"ใจร้ายที่สุดเลย" วิพัฒน์เบ้ปาก ทำตาค้อน "สารวัตรมีหัวใจเหมือนคนอื่นเขาบ้างหรือเปล่านี่"
กัณต์หัวเราะเบาๆ ประโยคนี้เขาได้ยินบ่อยจนไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้ว "อยากจะได้หัวใจไปทำไม ได้กายไม่ดีกว่าหรือครับ ให้ความสุขได้แบบเห็นๆ หรือไม่ชอบ"
"อยากได้ทั้งสองอย่าง"
ผู้กองหนุ่มก้มลงจูบคนที่ถวิลหาทั้งกายและใจของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์รูปหล่ออย่างเขา แล้วพูดว่า "เสียดาย ผมให้ทั้งสองไม่ได้ ใครก็ให้ไม่ได้ เอาไว้เจอกันนะครับ ระหว่างนี้ก็ต่างคนต่างหาความสุขไปพลางๆ" กัณต์ผละออกห่าง สวมกางเกงชั้นใน แล้วหยิบกางเกงขายาวสีกากีที่วางพาดอยู่ขอบเตียงขึ้นมาสวม
"ราตรีสวัสดิ์ครับ ไม่ออกไปไหนอีกแล้วใช่ไหม"
วิพัฒน์ส่ายหน้า มองตามนายตำรวจหนุ่มอย่างอาลัยอาวรณ์ กัณต์เดินไปหยิบเสื้อสีกากีของเขาที่คลุมอยู่บนแจกันทรงแปลกตา แล้วยกมือขึ้นอำลาวิพัฒน์ ก่อนจะสวมเสื้อพลางเดินออกประตูห้องนอนตรงไปยังประตูทางออกห้องชุดสุดหรูของนายธนาคารหนุ่ม
เขากับวิพัฒน์พบกันแล้วสองครั้ง และมีอะไรกันแล้วสองครั้ง
...ยังคงเหลืออีกหนึ่งครั้ง…
…เขาไม่เคยมีอะไรกับใครเกินสามครั้ง และทุกครั้งไม่เคยค้าง ต่อให้ดึกขนาดไหนเขาก็กลับไปนอนบ้านเสมอ...
กัณต์เปิดประตูห้องชุดของวิพัฒน์ หันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง วิพัฒน์เดินโผเผมาที่ประตูห้องนอน ส่งจูบให้เขา ก่อนที่ภาพชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาจะลับหายไปจากการมองเห็นเพราะเขาปิดประตูห้องพอดี
...วันนี้กำลังจะผ่านไปอีกวัน คืนวันพุธกลางสัปดาห์ที่น่าเบื่อ...
ความจริงเย็นนี้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนของเขาชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกันเพราะรู้สึกเบื่อๆ แต่เขาบอกให้เพื่อนรอเพราะเขามีอะไรบางอย่างต้องทำ
บางอย่างที่ว่านั้นเขาเพิ่งทำเสร็จ บทรักเร่าร้อนกับวิพัฒน์ทำให้เขามีความสุขเช่นเคยเหมือนๆ กับที่ได้รับจากคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาคนแล้วคนเล่า
กัณต์รู้สึกสนุกไปวันๆ กับชีวิตแบบนี้ เขาทำงานหนัก เลิกงานแล้วเขาก็เที่ยวหนักเหมือนกัน ศักดิสิทธิ์เสียอีก ชอบอยู่กับบ้าน  และที่สำคัญเล่าให้เขาฟังว่าพบรักแท้ แต่กัณต์ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่เพื่อนเล่าให้ฟังนัก เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะรักใคร
...ชีวิตแบบนี้ก็สุขสบายดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัว อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะสนุกเมื่อไหร่ก็ได้ ชีวิตโสดมีความสุขจะตาย...
******1******
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 23-01-2010 15:10:27
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ของพี่นาย

เปิดเรื่องมาก็เริ่ม "อ่อย" ซะแล้ว งานนี้ใครจะแพ้ใครจะชนะนะ

แนวดราม่าชิมิ

ดิสนีย์ผลิตอีกอ่ะป่าว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-01-2010 15:18:56
(http://theora.com/images/seedling.jpg)

แด่การเริ่มต้น
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-01-2010 15:38:37
ความคิดของทั้งสองก้อไม่ได้ผิด
ความพอใจในชีวิตโสด
แต่สงสารเหยื่อที่เป็นคนดีๆ อ่ะ

คุณนายเขียนได้สนุกอีกแล้ว   :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-01-2010 15:46:04
ตำรวจกับหมอ งานนี้น่าสนุกอีกแล้วววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 23-01-2010 15:53:57
รวดเร็วทันใจดีเหลือเกิน...แวะมารอบเย็นเจอตอน 1 ซะงั้น...

จะเชียร์ใครดี ชาลีหรือกัณต์ดี......หุหุ.....

คนเขียนใช้คู่นอนเปลืองเหมือนในตัวละครไหมหนอ......55555

มีแววว่าคนอ่านต้องปวดหัวนั่งลุ้นกันอีกแหล่ะ...อธิคมกับธงรบก็ลุ้นกันเกือบตาย

ชาลีกับกัณต์ก็ฉายแววมาแต่ต้นเรื่องเลย....เป็นไงเป็นกันปวดหัวอีกซักเรื่องจะเป็นไร o18

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: OT ที่ 23-01-2010 16:27:27
 o13 ลงอีกเร็ว ๆนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 23-01-2010 16:45:41
กฏความรักของรักของทั้งคู่..เฮ้อ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 23-01-2010 17:24:27
สรุป...ขิงก็รา...ข่าก็เเรง......ร้ายพอกัน....หุหุ..สนุกแน่งานนี้..รอตอนใหม่จร้า  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ping ping ที่ 23-01-2010 17:37:01


   ยังชอบชีวิตที่อิสระ ปราศจากการผูกมัด  :เฮ้อ:

   

   รอให้กัณต์ เจอคนที่ใช่เร็วๆ..
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 23-01-2010 18:16:48
นายเอกหักอกเพื่อนพระเอก ชิมิ

อย่างนี้พี่กันต์ต้องแก้แค้น(ตบจูบๆ :haun4:)ให้เพื่อนนะค่ะ

สู้ๆๆ

+1 ให้พี่นาย :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-01-2010 19:20:09
โหยย พอกันทั้งคุณหมอทั่งคุณตำรวจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 23-01-2010 20:07:40
 :เฮ้อ:ตำรวจกับหมอ อุดมการณ์เดียวกันเลย ต่างกันแค่ความคิด คนหนึ่งเป็นเพราะรักชีวิตอิสระ อีกคนเป็นเพราะกลัวความเจ็บปวด รู้แล้วคุณนาย ว่ามันมีเค้าเครียด แต่ก็ชอบน่ะ อิอิ มานอนรอตอนต่อไป  อยากรู้จัง เวลาเจอกันแบบจัง ๆ  :oo1:ตกหลุมซึ่งกันและกัน ใครจะเป็นฝ่ายถอยก่อนกันดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2010 20:19:48
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:



แรงๆๆๆๆๆๆๆๆ


กันทังนั้น


ชอบๆๆ


 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 23-01-2010 20:57:10
เรื่องนี้ถ้าจะมันส์
พระเอกนายเอกแรงด้วยกันทั้งคู่ o18
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 23-01-2010 22:21:04
พอกันเลย ทั้งคู่

รอตอนต่อไป  :n1:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-01-2010 23:28:33
แหม.......เป็นคู่กามาเจงๆ  :m20:
พ่อกันต์ ..น้ำ ...แล้วแยกทาง มีกฏด้วยนะพ่อคนเลือกได้เล่นตัวแบบนี้
ใครๆก็คงอยากได้มวกมากสินะ แต่พ่อคุณก็ไม่เคยแหกคอก เหอะๆ

ส่วนนุ้งชาลี...นางฟ้าชาลีหรือแม่มดกันแน่เนี่ย...ใจร้ายจริงๆ
ใครทำให้เจ็บช้ำน้ำใจหนักหนารึถึงได้เป็นหนุ่มที่ไม่มีหัวใจไปซะแล้ว

+1 คะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 23-01-2010 23:37:15
นึกว่าจะมีเเต่ตำรวจเจ้าชู้ เห็น ๆ อยู่ทุกวัน  :เฮ้อ:

อันนี้คงต้องเพิ่มหมออย่างชาลีเข้าไปด้วยอีกคน

คนอะไร หักอกหรายวัน น่ากลัวมาก!!!  o22
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 23-01-2010 23:50:32
มาทักทายก่อนเดี๋ยวค่อยมาอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 24-01-2010 00:26:29
แรงทั้งคู่  สุดๆ ไปเลยจริง เหอะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 24-01-2010 00:38:53
 o13 คราวนี้มาเป็นคู่ที่สูสีกัน ไม่มีใครเสียเปรียบได้เปรียบ ฮ่า ๆ ๆ

รอติดตามต่อนะค้าบ โย่ววว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mma419109 ที่ 24-01-2010 01:26:54
        ส่อเค้าลางอึมครึมแต่ต้นเรื่อง คนหนึ่งกลัวที่จะรัก คนหนึ่งกลัวที่จะผูกพัน
 จะต้องเจ็บกันอีกกี่คนล่ะ :เฮ้อ:

        ขอโทษที่หายไปนาน คิดถึงน้องชายเสมอนะ :L2: +๑ ให้แล้วนะ :man1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 24-01-2010 02:00:11
กัณหา ชาลี *0*
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 24-01-2010 02:10:04
 o22

แรงพอกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 24-01-2010 02:32:59
เอ๊ะ saksit คนเดียวกับที่ชาลีบอกเลิกแน่เลย
มีแววว่าจะมีการแก้แค้นแหะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 24-01-2010 02:48:56
เรื่องนี้ดูท่าจะมีการแก้แค้นน
โฮะๆ
พระเอกนายเอกแรงทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 24-01-2010 03:05:47
น่าติดตามจัง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-01-2010 18:57:31
หูยยย...อีกแล้วเหรอ...มีเรื่องใหม่มาให้ติดอีกแล้วนะคุณนาย....  :m1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 24-01-2010 19:11:52
แสดงว่าแร็งงงงงงงงงงงทั้งคู่

จะมารออ่านเรื่องใหม่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 1 (23/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 25-01-2010 09:18:40
เพลิงรัก บทที่ 2

นายแพทยชาลีบิดตัวอย่างเหนื่อยล้า แล้วเหลือบตามองนาฬิกาข้างฝา มีเวลาเหลืออีกสิบห้านาทีก่อนเลิกงาน คนไข้คนสุดท้ายของเขาเพิ่งออกจากห้องไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว เขาใช้เวลาที่เหลืออยู่ดูแฟ้มคนไข้ที่ต้องตรวจวันพรุ่งนี้ เขาไม่ชอบอ่านข้อมูลคนไข้จากจอคอพิวเตอร์ เพราะทำให้ปวดตาเป็นที่สุด โรงพยาบาลปรับปรุงระบบใหม่ ข้อมูลคนไข้ทุกอย่างจะได้รับการบันทึกเข้าระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อเขากดเรียกชื่อขึ้นมา แฟ้มข้อมูลทุกอย่างจะปรากฏบนหน้าจอ เวลาตรวจคนไข้ เขาจะเขียนลงบนกระดาษ แล้วยื่นคืนให้พยาบาล อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กระดาษแผ่นนั้นจะได้รับการสแกนเป็นแฟ้มข้อมูลแบบพีดีเอฟ แล้วบันทึกเข้าแฟ้มประวัติคนไข้ทันที
แต่ที่สำคัญ...เขาต้องเขียนภายในกรอบสีเทาเท่านั้น...
...กรอบ...เขาเบื่อจะอยู่ในกรอบ...เบื่อที่จะต้องอยู่ในระบบ...เขาขึ้นชื่อเรื่องแหกกรอบจนหัวหน้าแผนกบ่นกับเขาอยู่เป็นครั้งคราว
...ถ้าเขาไม่ได้เป็นแพทย์ที่เก่งมากจนอาจารย์แพทย์หลายคนชม ป่านนี้คงถูกไล่ออกไปนานแล้ว...
ชาลีกดเรียกชื่อคนไข้ของวันพรุ่งนี้ขึ้นมาดูเพื่ออ่านข้อมูลคร่าวๆ ปรากฏรายชื่อขึ้นเพียงสามคน หนึ่งในนั้นคือ รัฐศาสตร์ ส.ส. หนุ่มคนใหม่ของกรุงเทพมหานครที่ตอนนี้กำลังได้รับการจับตามองเพราะเป็น ส.ส. เลือดใหม่ไฟแรงที่ว่ากันว่าเก่งเหลือหลาย
เขาสงสัยว่ารัฐศาสตร์จะเป็นมะเร็ง...ผลเอ็มอาร์ไอยังไม่มาจากห้องตรวจปฏิบัติการ ที่จริงพรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ผลตรวจก็คงบันทึกเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพราะคนไข้ต้องพบกับหมอตอนบ่าย แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ก่อน คืนนี้จะได้นั่งดูอย่างละเอียด เขาชอบเตรียมพร้อมก่อนที่จะตรวจคนไข้ ไม่ใช่เดินเข้ามาในห้อง เรียกแฟ้มขึ้นมาดู อ่านตอนนั้น วินิจฉัยตอนนั้น อธิบายให้คนไข้ฟังตอนนั้น...นี่ไม่ใช่วิธีทำงานของเขา

ชาลีเดินออกจากห้องตรวจ บอกพยาบาลหน้าห้องว่าจะไปตามผลเอ็มอาร์ไอ พยาบาลสาวท้วงว่าพรุ่งนี้ผลก็จะบันทึกเข้าสู่ระบบ แต่ชาลีส่ายหน้า บอกว่าต้องการได้ผลตอนนี้
"เดี๋ยวแล็ปเขาก็โวยวายหมออีกหรอก" สาวิณี พยาบาลสาวคู่ใจของชาลีเตือน
"เขาไม่กล้าโวยหรอกคุณสา ผมมีวิธี" ชาลียักไหล่
วิธีของเขาที่จะใช้กับยุทธนาเจ้าหน้าที่ประจำห้องแล็ปเอ็มอาร์ไอนั้นได้ผลทุกครั้ง...เอ็มอาร์ไอกับเขาดูๆ ไปก็เหมือนไม้เบื่อไม้เมากัน แต่ยุทธนาก็ยอมเขาทุกครั้งไป บางทีชาลีอดคิดไม่ได้ว่ายุทธนาแอบชอบเขาอยู่ แต่ยุทธนาไม่มีทีท่าแสดงออก ยุทธนาเป็นผู้ชายที่ห้าวๆ สนุกสนานร่าเริง มีชีวิตชีวา ดูไม่เหมาะจะอยู่ในห้องแล็ป เขาอดคิดไม่ได้ว่ายุทธนาน่าจะไปเป็นเทรนเนอร์ตามยิมมากกว่า
เช่นเคย ยุทธนาบ่นทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ชาลีต้องการ
"หมอก็รู้ พรุ่งนี้ก็เข้าแฟ้มแล้ว"
"เข้าตอนนี้เลยไม่ได้หรือ นี่ก็จะกลับบ้านแล้ว จะทิ้งไว้แล้วรอมาเอาเข้าพรุ่งนี้เช้าทำไม"
"ก็ระบบมันเป็นอย่างนี้นี่ครับ กะดึกจะเป็นคนเอาเข้า" ยุทธนาทำหน้ามุ่ย
"งั้นไม่ต้องเอาเข้า เอามันออกเลยดีกว่า ออกทางนั้นน่ะ" ชาลีชี้มือไปที่เครื่องพิมพ์
"หมอ เดี๋ยวผมก็โดนว่า นโยบายโรงพยาบาลให้เป็นดิจิตอล ไม่ใช่เปเปอร์ตอล"
ชาลีกลั้นยิ้มกับคำศัพท์ของยุทธนา "ปวดตานะคุณยุทธ อ่านข้อมูลคนไข้บนจอคอมพิวเตอร์นี่มันปวดตามากๆ นะ เห็นใจกันหน่อย"
"คราวนี้หมอก็จะได้รู้ซะทีว่าห้องยาเขาทรมานยังไง" ยุทธนาขยับตัว เดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน ชาลีเดินตาม รู้ว่าอีกไม่นานยุทธนาก็คงจะทนเขาไม่ไหว แล้วเขาก็จะได้สิ่งที่เขาต้องการ
"ลายมือผมดีกว่าหมอคนอื่นๆ เคยเห็นแล้วไม่ใช่หรือ" ชาลีพูดเสียงเรียบ
"ครับ ทราบแล้ว แต่ว่าลายมือหมอน่ะชอบเกินกรอบ เวลาสแกนมันขาดไป ต้องนั่งทางในอ่านเหมือนกัน" ยุทธนาตอบ พลางเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักโต๊ะ
"คุณยุทธ ไม่หิวข้าวบ้างหรือ นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ไม่อยากกลับบ้านหรือไง" ชาลีเปลี่ยนเรื่อง ก้มลงมองหน้ายุทธนานิ่ง ทำทีไม่สนใจเรื่องผลเอ็มอาร์ไอชั่วขณะ
“หิวสิครับ หมอจะเลี้ยงข้าวผมหรือ” ชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ ใบหน้าขาวสะอาด ถอนหายใจเบาๆ "นี่หมอจะเอาให้ได้ใช่ไหม ถ้าไม่ได้ หมอก็คงไม่ยอมให้ผมกลับบ้าน?"
ชาลียิ้ม "อย่าถ่วงเวลาเลยน่า นะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวกลางวัน"
"แบบนี้เขาเรียกว่าติดสินบน" ยุทธยาเสียงเรียบ
"แล้วไม่ชอบหรือ"
"ชอบสิครับ" ยุทธนาตอบสั้นๆ เงยหน้าขึ้นมามองชาลีชั่ววินาที แล้วหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือกดแป้นอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็ได้ยินเสียงเครื่องพิพม์ทำงาน
"ว่าแต่หมออย่าลืมก็แล้วกัน ติดผมอยู่หลายครั้งแล้วนะ" ยุทธนาพูดต่อ
ชาลีไม่ตอบ แต่ยิ้มมุมปาก แล้วเดินไปที่เครื่องพิมพ์ ก้มลงมองกระดาษที่กำลังโผล่ออกมา
...ยุทธนาชอบเขาจริงๆ ด้วย เมื่อครู่เขาเห็นประกายตาคู่นั้นบ่งบอกความรู้สึกชัดเจน แม้เพียงไม่กี่วินาที แต่เขาก็เห็น...
...เมื่อคืนที่เขาคิดว่าอยากจะเจออะไรที่ท้าทาย ไม่น่าเบื่อ ยุทธนาพอจะเข้าประกวดได้ไหมเนี่ย...
...แต่ยุทธนาเป็นคนนิสัยดี ข้อนี้เขาต้องยอมรับ หากเกิดอะไรขึ้นมา ยังจะมองหน้ากันติดไหมนี่ ตราบเท่าที่เขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เขาก็ต้องประสานงานกับยุทธนาอยู่แทบทุกวัน...
…บ้าหรือชาลี เกิดจะมาคิดสงสารใครเขาตอนนี้ ทีคนอื่นๆ ที่ผ่านมาไม่เห็นจะคิดสงสารเลย หลายคนที่หักอกเขาไปก็เป็นคนนิสัยดีทั้งนั้น...
เสียงในหัวของนายแพทย์หนุ่มเตือน
...รอก่อนดีกว่า เก็บยุทธนาเอาไว้เป็นรายหลังๆ ตอนนี้พักซักเดือน แล้วค่อยหาคนใหม่ปั่นหัวเล่นสนุกๆ...
ชาลีบอกตัวเองแล้วเดินเลยไปดังวอร์ดเด็ก นึกได้ว่าเพื่อนสนิทของเขายังไม่ออกเวรเหมือนกัน จึงคิดว่าจะแวะไปช่วนหมอเอกภพออกไปหาอะไรดื่ม

ชาลีหยุดยืนอยู่หน้าห้องนายแพทย์เอกภพ--เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์ ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมห้องพักมหาวิทยาลัย
เอกภพเป็นคนหน้าตาคมเข้ม ผิวขาวสะอาด รูปร่างสูงใหญ่ แต่นิสัยแตกต่างจากภาพลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง เพื่อนของเขาเป็นคนนุ่มนวล มองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร บางครั้งชาลีอดคิดไม่ได้ว่าเอกภพเกิดหลงยุค บุคลิกของเพื่อนสนิทนั้นต่างจากเขาจนบางคนเคยพูดว่าไม่น่าจะกลายเป็นเพื่อนคู่หูกันได้
เพื่อนเขากำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่หน้าประตูห้องตรวจ นัยน์ตาคมเฉี่ยวใต้แว่นกรอบทองของเอกภพเป็นประกาย ชาลีมองแวบเดียวก็รู้ว่า เอกภพกำลังตกหลุมรัก...
...ตกหลุมรักคนไข้ตัวเองนี่นะ ไม่ใช่สิ ตกลงหลุมรักพ่อของคนไข้!...
เอกภพชอบตกหลุมรักเสมอ ในความคิดของเอกภพ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นอาหารทิพย์ ในความคิดของชาลี ความรักเป็นหมากฝรั่งรสมินต์ เคี้ยวให้รู้รส พอหายอยากแล้วก็คายทิ้ง
ชาลีก้มลงมองเด็กชายตัวอ้วนกลม แก้มแดงระเรื่อย้วยเป็นพวง เด็กน้อยกำลังกอดขาชายร่างสูงที่กำลังยืนหันหลังให้เขา เด็กชายผู้น่ารักอายุไม่น่าจะเกิดสามขวบ มองเขาตาแป๋วแหว๋ว
...พ่อหรืออา...ชาลีคิด
...ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นอาของเด็กน้อยที่น่ารักคนนี้ก็ดีไป แต่หากเป็นพ่อ เอกภพก็กำลังหาเหาใส่หัวอยู่ทีเดียวล่ะ…
“ไม่เกินสองวันอาการก็น่าจะดีขึ้นครับ คุณพ่อต้องคอยดูทุกๆ สามชั่วโมง ถ้าผื่นขึ้นมากกว่าเดิม ก็รีบพามาหาหมอ” เอกภพพูดเสียงนุ่มๆ กับหนุ่มใหญ่ท่าทางใจดี
“ขอบคุณคุณหมอมากครับ” เสียงทุ้มลึกกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วก้มลงพูดกับเด็กน้อยที่กอดขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “น้องเติ้ล ขอบคุณคุณหมอสิลูก”
...ลูก...เอกกำลังตกหลุมรักพ่อของคนไข้ตัวเล็กของเขา...
เด็กน้อยยกมืออวบอ้วนขึ้นไหว้คุณหมอใจดีที่ก้มตัวลงจับแก้มย้วย แล้วผละจากการกอดขาของพ่อเปลี่ยนมาจับมือแทน เอกภพเงยหน้าขึ้นมาเห็นชาลียืนอยู่ไม่ไกลจึงยกมือขึ้นทัก ชายหนุ่มร่างสูงหันตามแล้วยิ้มให้เขาบางๆ ก่อนหันไปอำลาคุณหมอแล้วจูงมือลูกเดินจากไป
ชาลีขยับตัวเข้ามาใกล้เอก มองหน้าเพื่อนรักนิ่ง มั่นใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นประกายตาของเอกภพใกล้ๆ ชัดๆ
“เอก...เรามองออกนะ” ชาลีพูดเสียงเบา
เอกภพหันกลับเดินเข้าห้องตรวจ ชาลีเดินตามเข้ามาแล้วพูดว่า “รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“อย่ามาทำรู้ดีเลยน่า” เอกภพยิ้มพราว เก็บของบนโต๊ะ ก้มหน้า "เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา"
“งั้นหรือ” ชาลีเดินเข้ามาใกล้ “งั้นคนนี้เราขอนะ อยากลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง”
หมอเด็กหน้าอ่อนที่กำลังหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะรีบเงยหน้าขึ้น ตาเรียวเล็กเบิกกว้าง “อย่านะชาลี เว้นคนนี้ซักคนเถอะ”
“ทำไม บอกเหตุผลมาสองข้อว่าทำไมเราไม่ควรจะจีบเขา” ชาลียิ้มมุมปาก “หน้าตาใช้ได้เหมือนกันนะ บุคลิกอบอุ่น แต่รอยยิ้มน่ะดูเซ็กซี่มากเลย”
“เขาเป็นผู้ชาย”
“ว่าได้หรือ” ชาลียักไหล่ “ไม่ลองก็ไม่รู้”
“จริงๆ นะ” เอกภพยืนยัน
“ถ้าเป็นผู้ชาย แล้วทำไมไปชอบเขาล่ะ รู้ใช่ไหมว่าจะปวดหัว”
“ชอบที่ไหน” เอกภพหลบตา
“ยังกะตัวเองปิดบังเก่งนักนี่” ชาลียื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อน “รู้ตัวไหมเอก ปิดบังสายตาตัวเองไม่ได้เลยนะ เรายืนอยู่ห่างตั้งหลายก้าวยังมองออกเลย ตานี่เป็นประกาย ฟ้องความในใจจนเห็นชัดเจน”
เอกภพหน้าแดง แก้มใสๆ ของหมอหนุ่มเริ่มแดงระเรื่อ ผิวขาวสะอาดของหมอเอกภพไม่อาจปิดบังปฏิกิริยาธรรมชาติทางกายได้ ดังเช่นที่ไม่สามารถปิดบังประกายตาของตัวเองได้เช่นกัน “แล้ว...เอ่อ...คิดว่าเขาจะมองเห็นเหมือนที่ชาลีเห็นหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้สังเกตขนาดนั้น แต่ถ้าอยากจะรู้นะ ก็ถามเขาตรงๆ ไปเลย จะได้รู้เรื่อง เข้าใจได้ง่ายๆ”
“บ้าหรือ ทำแบบนั้นได้ยังไง เผลอๆ จะโดนพ่อคนไข้ถีบเอา อายไปทั้งโรงพยาบาล”
“อายวันนี้ ดีกว่าเสียใจวันหน้า เกิดเขาเป็นไบ ยอมเล่นเล่นกับยู มันจะอีรุงตุงนัง กลายมาเป็นเมียน้อยของพ่อคนไข้” ชาลีเตือนสติ
“เขาหย่าแล้ว” เอกภพเสียงเบา ในใจพูดต่อว่า...เพิ่งหย่าได้ไม่ถึงเดือน แต่เขาบอกให้ชาลีรู้ไม่ได้ เพราะคงต้องโดนเพื่อนตำหนิอย่างแน่นอน
“อ้อ เลยคิดว่าจะเป็นแม่ใหม่ให้ลูกชายเขาหรือไง” ชาลีสรุป “คิดอะไรอยู่นี่เอก คิดให้ดีๆ นะ”
“เถอะน่า เราไม่ทำอะไรผิดๆ หรอก ถ้าชอบเค้าแล้วเค้าไม่ชอบเรา ก็เลิกคิด ไม่เห็นจะมีอะไร” เอกภพยอมชาลี
“แล้วถ้าเขาเกิดชอบนายล่ะ” ชาลีเตือน “ยุ่งตายเลย”
“มันยังมาไม่ถึง ยังไม่อยากคิดตอนนี้ เอาไว้รอดูกันตอนนั้นก็แล้วกัน” เอกภพยักไหล่ หยิบโทรศัพท์มือถือหย่อนใส่กระเป๋าสะพาย
...แล้วก็มานั่งร้องให้ขี้มูกโป่ง เขาต้องคอยปลอบ และลงท้ายด้วยการออกไปหาเค้กชอคโกแล็ตอร่อยๆ ทานจนท้องแทบแตก...ชาลีพูดต่อในใจ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะทำนายได้ถึงผลลัพท์ที่จะออกมา
“ไปกันหรือยัง” เอกภพชวนเพื่อนและอดเหน็บแนมชาลีไม่ได้ “หรือจะอยู่ซักแบคกราวน์เขาต่อ”
“ซักแน่” ชาลียักไหล่ “แต่รอก่อน ตอนนี้กำลังหิวข้าว ไปหาอะไรอร่อยๆ กิน”
“นี่ ชาลี อย่าให้มันมากนักนะ” เอกภพหน้ามุ่ย ทำเสียงเข้ม
“อะไร” ชาลีเลิกคิ้ว ทำหน้าเหรอหรา ทั้งที่เข้าใจดี
“เดี๋ยวเราก็เล่าให้ฟังตอนทานข้าวซะเลย เดี๋ยวได้อ้วกสมใจ” เอกเดินออกจากห้องตรวจแล้วหันมาหาเพื่อนที่ยืนอมยิ้มอยู่หน้าโต๊ะ “ตามมาสิ”
ชาลีส่ายหน้าอย่างระอาใจ เขารู้ว่าหากเอกภพเริ่มเล่าเรื่องชายหนุ่มที่ตัวเองตกหลุมรัก เขาก็คงต้องทำท่าโก่งคอจะอาเจียนล้อเลียนเพื่อนแล้วโวยว่า...จะโรแมนติกไปถึงไหน ตกหลุมรักอยู่ได้ทุกเดือน
สำหรับเอกภพ...ความรักสวยงามเสมอ แม้จะ 'พลาดหวัง' จากเป้าหมายทุกครั้ง
สำหรับเขา...ความรักนั้นน่าเกลียด อัปลักษณ์
ใช่สิ...เอกไม่เคย “เจอ” อย่างที่เขาเจอนี่นา อะไรที่เกิดขึ้นกับเอกมีแต่เรื่อง “เบาะๆ” หากจะเปรียบเป็นหนังก็เป็นหนังวอล์ทดิสนีย์ แต่สิ่งที่ “เกิด” ขึ้นกับเขาเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว มันไม่ใช่แม้แต่หนังเรทอาร์หรือหนังที่โดนแบนไม่ให้เข้าฉาย...
มันเป็นชีวิตจริงที่ผู้กำกับแทบไม่อยากเอามาทำเป็นภาพยนต์ฉายตามโรงด้วยซ้ำ ดาราคนไหนก็ไม่อยากเล่น
...โหดร้ายที่สุด...

ชาลีแยกกับเอกภพที่หน้าร้านอาหารไม่ไกลจากบ้านตัวเองเท่าใดนัก เขาส่งเอกภพขึ้นแท็กซี่แล้วเดินมาที่รถของตัวเอง คิดอย่างขำๆ ว่าในที่สุดเพื่อนของเขาก็ยอมซื้อรถตามที่เขาเซ้าซี้ จะได้ไปไหนมาไหนเองอย่างสะดวก แต่ถึงจะมีรถ เอกภพก็ชอบจอดทิ้งไว้ที่บ้านแล้วนั่งแท๊กซี่มาทำงาน
ตอนที่ลากเอกภพไปซื้อรถ เพื่อนของเขายังไปตกหลุมรักพนักงานขายรถเสียอีก แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเอกภพเช่นเคย แฟนของพนักงานคนนั้นตามไปถึงโรงพยาบาล และขอให้เอกภพเลิกกับแฟนเธอเสีย โชคดีที่หญิงสาวคนนั้นสุภาพและเป็นผู้ใหญ่จึงเข้าไปคุยกับเอกภพดีๆ เขาจำได้ว่าตอนนั้นเอกภพนั่งร้องให้อยู่ในห้องตรวจ เขาต้องนั่งปลอบอยู่นานกว่าจะตั้งสติและรักษาคนไข้ต่อได้
“นายก็ทำไมชอบแต่จะตกหลุมรักกับบุคคลต้องห้ามวะ แล้วก็แห้วทุกที ไม่รักผู้ชายที่เป็นไบเซ็กช่วลซักครั้งจะได้ไหม” ชาลีเคยบ่นให้เพื่อนเขาอยู่เสมอ ในใจก็นึกถึง “อดีต” ของตัวเอง
...รักของเขาก็ต้องห้าม แล้วเป็นไง สามครั้งสามหนที่เขาเจอมา ผลของมันสาหัสแทบเจียนตาย นี่ถ้าพี่ทศไม่จับเขาส่งขึ้นรถไปนครศรีธรรมราชแล้วฟังธรรมของท่านพุทสธาสภิกขุ เขาก็คงจมอยู่ในปลักแห่งความโง่ไปอีกนาน เผลอๆ อาจจะจมปลักเน่าเหม็น ขาดใจตายไปตั้งแต่ตอนที่ไวโรจน์ประกาศทิ้งเขาหน้าห้องสอบปลายภาควิชาฟิสิกส์ แล้วซีรอกซ์รูปเขาประจานติดบอร์ดหลังสอบ...
...แต่เขารู้ซึ้งถึงรสธรรมแล้วจริงหรือ พระท่านสอนให้ปล่อยวาง ไม่ให้แก้แค้น แต่สิ่งที่เขากำลังทำหรือการดำเนินชีวิตของเขาตั้งแต่เรียนจบแพทย์มา ไม่ใช่เป็นการแก้แค้นหรอกหรือ...
...เขาเอาชนะความอ่อนแอของตัวเองได้ หยัดยืนขึ้นมาสู้ชีวิตต่อ ควบคุมชีวิตและอะไรต่างๆ รอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งที่ทำนี้ถูกต้องแล้วหรือไร...
...แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่ถึงกับ “ทำลาย” ชีวิตบริสุทธิ์ของใครก็แล้วกัน ไม่เหมือน เจตริน ไม่เหมือน 'พี่ทิม' และไม่เหมือนไวโรจน์
...ซาตานสามตัวที่เคยทำลายชีวิตของเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน...

ขณะที่กำลังล่องลอยอยู่ในทะเลความคิด นายแพทย์ชาลีก็พลันสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหมุนพวงมาลัยรถกลับมาทางด้านซ้าย หันหัวรถที่กำลังจะออกจากที่จอดกลับมาที่เดิม ดันเกียร์มาที่ N แล้วหยิบโทรศัพท์ เสียงพยาบาลในสายดูตื่นเต้น
“หมอคะ เพื่อนหมอ คุณเควินอยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ เพิ่งมาส่งได้ไม่ถึงห้านาที”
...เควิน...ไม่ได้เจอเควินมาเดือนกว่าๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้น...
“กินยานอนหลับเกินขนาดค่ะ หมอวิทวัสกำลังล้างท้อง” พยาบาลตอบคำถามของเขา แล้วเล่าอาการและสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ
เควินเป็นดาราหนุ่มที่กำลังมีชื่อเสียง จิตใจอ่อนไหว และเหมือนกับเอกภพที่ชอบตกหลุมรักใครไปทั่ว แต่สิ่งที่ทั้งสองแตกต่างกันก็คือ เควินควบคุมตัวเองไม่เคยได้ ทุกครั้งเควินจะเสียใจเจียนตาย และอาการหนักทุกครั้ง แต่คราวนี้หนักสุด ถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย เอกภพผิดหวังเรื่องความรักบ่อยก็จริง แต่เอกภพเป็นคนมองโลกในแง่ดีและประคับประคองตัวเองได้ตลอดไม่เคยต้องให้เป็นห่วง
ชาลีบอกพยาบาลว่าเขาจะกลับไปดูอาการเพื่อน แล้วรีบออกรถด้วยความเร็วเทียบเท่ากับการขับในสนามแข่งเช่นที่เคยทำ ขับตรงไปอีกกว่าห้าร้อยเมตรก็เปลี่ยนเลนเพื่อกลับรถ พลันสายตาเขามองไปยังซอยข้างหน้าทางด้านขวาไม่ไกลจากจุดที่เขากำลังจะกลับรถเท่าไหร่ ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังตบหน้าหญิงร่างผอมบางที่กำลังยื้อยุดกระเป๋าถือ ในขณะเดียวกันมีชายร่างเล็กวิ่งเข้ามาเหมือนจะห้าม แต่ทันใด คนที่กำลังทำร้ายผู้หญิงก็หันมา จ้วงแทงพลเมืองดีคนนั้นไม่ยั้ง
ชาลีตกใจ แต่สติเขายังดี มือที่จับพวงมาลัยกำลังจะกลับรถเปลี่ยนทิศทางทันใด พุ่งรถข้ามถนนตรงเข้าไปหาทั้งสามที่กำลังพัลวันกันอยู่พร้อมกับกระพิบไฟหน้าและบีบแตรดังสนั่น
ชายร่างใหญ่หน้าตาโหดเหี้ยมหันขวับมามอง ยกเท้าขึ้นถีบหญิงวัยกลางคนจนล้มลง แล้วก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ชาลีเปิดประตูรถ วิ่งตรงไปยังชายหนุ่มร่างเล็กที่นอนบิดตัวร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ริมถนน ในจังหวะเดียวกัน มีรถคนหนึ่งกำลังเบรกเสียงลั่นแล้วจอดอยู่อีกฟากของถนน
“หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หยุด” เสียงห้าวตะโกนทันที่ที่ลงจากรถ ร่างสูงวิ่งตัดถนนเพื่อจะไล่ตามผู้ร้ายที่วิ่งเร็วมากและกำลังลับหายเข้าไปยังซอยแคบ
ชาลีตะโกนเรียกคนที่เพิ่งจะลงจากรถและร้องบอกว่าเป็นตำรวจ “คุณ คุณ มาช่วยทางนี้ก่อน”
คนที่บอกว่าเป็นตำรวจชะงัก เหมือนกำลังจะตัดสินใจ ก่อนจะหันมาหาชาลีที่ใช้มือกดแผลของเด็กหนุ่มที่นอนร้องโอดโอยเพราะพิษบาดแผล
“เป็นยังไงบ้าง คุณดูได้ไหม ผมจะตามผู้ร้าย”
“อาการหนัก” ชาลีตอบโดยไม่หันไปมอง “มาช่วยกันก่อน”
“คุณเรียกรถพยาบาลนะ” เสียงห้าวสั่ง แล้วหันหลังจะวิ่งตามโจร
ชาลีหันขวับตาม แล้วเรียกเขาเสียงดัง “ไม่ต้องตาม คุณมาช่วยคนเจ็บก่อน ผมเป็นหมอ”
ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมา ชาลีมองเห็นเต็มตาจึงรู้ว่าคนที่ตะโกนบอกว่าเป็นตำรวจนั้นเป็นตำรวจจริงๆ ร่างสูงใหญ่ บึกบึน หน้าตาดีจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นตำรวจ
“มากดแผลเขาไว้ก่อน ผมมีอุปกรณ์อยู่ในรถ จะไปเอามาปฐมพยาบาล” ชาลีสั่ง แต่ตำรวจหนุ่มคนนั้นยังดูลังเล “มาสิ ช่วยคนจะตายก่อน คนร้ายค่อยไปตามจับทีหลัง เร็วเข้า”
นายตำรวจถอนหายใจ แล้วนั่งลงข้างๆ นายแพทย์หนุ่ม สองตาประสานกันแวบหนึ่ง ชาลีเห็นประกายตาบางอย่างในดวงตาคมกริบคู่นั้น อดไม่ได้ที่จะเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายก็คงจะเห็นอะไรบางอย่างในประกายตาเขาเหมือนกัน
ชาลีอธิบายวิธีกดแผลให้ตำรวจหนุ่มฟัง แต่อีกฝ่ายบอกว่า “ผมรู้วิธี คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวเด็กคนนี้ได้ตายจริงๆ”
...บ้าจริง เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังอมยิ้มได้...
ชาลีฉุนตำรวจหน้าคมคนนี้ยิ่งนัก

แทนที่จะได้ไปเยี่ยนเควินที่อยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ชาลีกลับต้องมายืนอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอีกแห่งแทน เด็กหนุ่มพลเมืองดีที่โดนทำร้ายอาการหนักพอสมควร ชาลีกับนายตำรวจคนนั้นพาคนบาดเจ็บมาส่ง หญิงวัยกลางคนที่โดนปล้นก็ยังยืนทำหน้าตระหนกอยู่หน้าห้องไอซียู รอรับการสอบปากคำ
ชาลีอธิบายอาการเบื้องต้นให้หมอประจำห้องห้องฉุกเฉินฟังจนอีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่คนพาคนเจ็บมาส่งรู้เรื่องเป็นอย่างดี เขาบอกว่าเป็นหมอเหมือนกัน แม้จะเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านอื่น ชาลียืนมองเด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่นอนร้องครวญครางอยู่บนเดียงด้วยความรู้สึกเวทนา เขาคาดว่าหนุ่มน้อยคนนี้คงจะเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นคนบาดเจ็บมาก่อน แต่ชาลีไม่เคยเห็นใครถูกจ้วงแทงไม่ยั้งต่อหน้าต่อตา แถมยังต้องมาปฐมพยาบาลคนนั้นด้วยตัวเองอีก ก้มลงมองตัวเอง เลือดสีแดงเลอะเสื้อผ้าเขาไปหมด ราวกับว่าเขาเป็นคนเจ็บเสียเอง
ชาลีถอยหลัง ปล่อยให้หมอประจำห้องฉุกเฉินได้ทำการรักษาคนเจ็บ เขาปรายตาไปมองนายตำรวจหนุ่มหน้าหล่อที่ยืนอยู่ที่ประตู ร่างนั้นก็เลอะไปด้วยเลือดของเด็กหนุ่มเช่นกัน เพียงแต่มองไม่เห็นเด่นชัดเท่าเสื้อขาวและกางเกงสีเบจที่เขาสวมอยู่
หญิงกลางคนยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมนั่งพัก ท่าทางยังเสียขวัญ เธอได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว หัวคิ้วแตกมีผ้าปิดแผล โหนกแก้มตอนนี้เริ่มปรากฏรอยช้ำ ชาลีเดินเข้าไปถามชื่อและอาการ เธอพูดเสียงค่อยมากจนเขาแทบต้องเงี่ยหูฟัง
“เด็กเขาไม่เป็นอะไรมากหรอกป้า ถึงมือหมอแล้ว หมดห่วงได้” ชาลีตอบเสียงเบาเช่นกันเมื่อป้านวลศรีถามถึงอาการของพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเธอ
“ป้าคอยสังเกตอาการของตัวเองด้วยล่ะ ถ้ารู้สึกเจ็บข้างในท้องมากขึ้นกว่าเดิมก็ให้ไปหาหมอ ไปหาผมก็ได้” ชาลียื่นนามบัตรให้
“โรงพยาบาลนี้ฉันไปหาไม่ได้หรอกค่ะ มันแพง”
“ไปศิริราชก็ได้ ผมออกตรวจที่ศิริราช จันทร์ อังคาร พุธ บ่ายโมงถึงบ่ายห้าโมงเย็น” ชาลีตอบ “แต่มีอะไรก็โทรไปที่เบอร์มือถือนี่”
ขณะที่ชาลีกำลังคุยกับป้านวลศรี นายตำรวจที่ยืนอยู่ห่างๆ คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงเดินเข้ามาใกล้ ขอให้ชาลีกับป้านวลศรีไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ
“ผมไปไม่ได้” ชาลีตอบทันที “ผมมีธุระ”
“มีธุระก็ต้องไปครับ คุณเป็นพยาน เห็นหน้าคนร้าย”
“คุณก็เห็น คุณก็เป็นพยานได้ ป้านวลก็เห็น” ชาลีหันไปหาป้านวลศรี ฝ่ายนั้นพยักหน้า
“ขอเวลาคุณสักนิดจะเป็นอะไรไป” นายตำรวจพูดเสียงเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม
“ผมมีธุระก็มีธุระสิ ตอนนี้ผมต้องไปแล้ว” ชาลีตอบแล้วหันไปหาหญิงสูงวัย “ดูแลตัวเองด้วยนะครับป้า ผมไปก่อน”
ชาลียกมือขั้นไหวป้านวลศรีแล้วเดินตรงไปยังทางออก นายตำรวจหนุ่มเดินตาม พยายามห้ามแพทย์หนุ่มเอาไว้ แต่ชาลีไม่สนใจ ยังคงเดินตรงไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ
“คุณกำลังขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
“กลัวจัง” ชาลีหันไปทำหน้านิ่งใส่ผู้ชายร่างสูง “ถ้าเห็นว่าผมขัดขืน ก็จับผมใส่กุญแจมือเลยสิหมวด”
ชาลีจงใจลดพันตำรวจตรีให้เหลือแค่ร้อยตรี
“สารวัตรครับ”
อย่างที่คิด นายตำรวจหน้าหล่อคนนั้นแก้ยศตัวเองให้ถูก จ้องมองชาลีนิ่งไม่กี่อึดใจแล้วพูดเสียงเข้มว่า “ใช้เวลาไม่นานหรอก คุณให้ปากคำเสร็จ จะได้ให้ไล่ตามจับคนร้ายเลย”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ว่าง ผมต้องไปดูเพื่อนที่โรงพยาบาล...” ชาลีเสียงแข็ง ความจริงเขาอยากให้ตำรวจไปตามจับคนโหดเหี้ยมคนนั้นเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ
“คุณเป็นพยาน ไม่อยากให้ตำรวจจับคนร้ายที่แทงเด็กคนนั้นได้หรือไงครับ”
“อยากสิ ประหารซะเลยยิ่งดี คนที่ทำร้ายคนอื่นควรจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม” ชาลีพูดเสียงเข้ม ใบหน้าโกรธขึ้ง
...ไปลากเจตรินและไอ้พี่ทิมมารับโทษด้วยในคราวเดียวกัน...
ชาลีคิดต่อในใจ เผลอยกมือขึ้นลูกชายโครงตัวเอง...นึกถึง 'แผล' ที่ทั้งสองเคย 'ฝาก' เอาไว้ให้เขา
“ถ้าคุณเปลี่ยนใจก็โทรมา” ตำรวจหนุ่มยังไม่ยอมลดละ ยื่นนามบัตรให้ “ผมเห็นคนร้ายไม่ถนัด ป้านวลก็ขวัญเสีย ไม่รู้จะให้การได้มากแค่ไหน ผมต้องการสมองฉลาดๆ ของคุณนะ สมองของคนที่จะบรรยายใบหน้าของโจรได้อย่างละเอียดชัดเจน”
พันตำรวจตรีกัณต์ เวโรจน์...
เวโรจน์...ไวโรจน์ นามสกุลช่างคล้องจองกับชื่อคนเลวคนหนึ่งที่เคยฝากแผลไว้ในหัวใจของเขา
ไวโรจน์...ตอนนี้เป็นผู้จัดการใหญ่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นิสัยเหมือนเดิม หลอกคนไปทั่ว แล้วทำร้ายคนให้เสียใจเป็นนิสัย
...ไม่ใช่สิ...สันดาน
...สันดานคนเลว...
...คนแบบนี้ต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม...
...รอก่อนเถอะ เวลายังนานไม่พอ เขายังไม่มั่นใจพอว่าถึงเวลา 'จัดการ' กับไวโรจน์หรือยัง
****2****

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-01-2010 09:51:59
สนุกมากมาย + ค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 25-01-2010 10:13:29
....โหยคุณหมอชาลีเนี่ย บริการประชาชนทุกระดับประทับใจจริงๆคะ....
น่ารักอ่ะ จริงๆแล้วก็ใจดีม๊ากมากไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องจิตวิญญาณความเป็นหมอเลยนะ
แต่ถ้ากับหนุ่มๆๆค่อยสวมหน้ากากนางมารร้าย เอ้ย...สวมหัวโขนให้หนุ่มฟัน...แล้วทิ้ง :m20:
คนมันมีเสน่ห์อ่ะนะ..เลยใช้โปรยไปเรื่อย นี่ขนาดหนุ่มแผนกแล็บก็ยังไม่เว้นวาย อิอิ.

เพื่อนหมอเนี่ย...น่ารักเกิ๊นเวลาช้ำรัก..ก็คร่ำครวญไปตามประสาแอนด์กินช๊อคโกแลตเค้กแก้อาการเสียใจอีก
...แหม....อ่อนต่อโลกว่าหมออีกนะคะเนี่ย...ชีวิตเหมือนหนังวอลดิสนีย์...คิดได้ไงคะคำนี้อ่ะ เลิศ!!

เจอกับคุณตำรวจอีกรอบนึงแล้วนะ อิอิ หมอกับตำรวจคู่ก๊น คู่กัน แต่..คู่นี่คงบู๊ล้างผลาญแน่ๆ

+1 คะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 25-01-2010 10:32:42
ปูมหลังของชาลีเริ่มเผยออกมาแล้ว.....
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 25-01-2010 10:45:47
ตัวละครในเรื่องแต่ละคนน่าจิ้นทั้งนั้น :haun4: :haun4:

+1ค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 25-01-2010 12:28:43
อดีตของชาลีน่ากลัวจัง

ทำเอาเข็ดกับความรักแบบจริงจังไปเลยนะนี่  :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-01-2010 15:29:43
ร้ายอีกแล้วนายเอกของชั้น :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 25-01-2010 19:42:39
แค้นฝังหุ่น :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-01-2010 20:26:57
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:



เสร็จ แน่


แก้ แค้น เรยย


อย่าปล่อยโอกาสไห้ หลูด มือ น่ะ


 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 25-01-2010 20:45:03
สนุกมากกกกเลยคุณนาย
ตื่นเต้น น่าติดตาม
++++++++  ให้แล้วนะ    :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-01-2010 21:22:08
สงสัยอดีตของคุณหมอนี่ท่าทางจะหนักน่าดู
ตอนนี้ถึงได้เปนแบบนี้
ยังไงคุณหมอชาลีสู้ ๆๆ นะค๊า ๆ

 :L2: :L2:
ให้ไรท์เตอร์คร่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 25-01-2010 21:50:51
ต้ายยยยยยแรงส์ๆๆๆๆๆค่ะ เข้ามาเจอเรื่องใหม่ของท่านนาย
ศึกสองคาสโนว่า(หรือเปล่า)
แอบน่าสงสารเหงบอกว่าดราม่าด้วย
คนนึงไม่อยากเจ็บเพราะรักกับอีกคนไม่อยากมีพันธะ
จะจบแบบไหนเนี่ยรออ่านต่อไป
เจอแต่ตำรวจอ่ะแต่ไม่เบื่อน้าาาาาชอบคนในเครื่องแบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 25-01-2010 22:04:34
+1 พี่นาย เรื่องใหม่ๆ  :mc4:

โอ้ว เรื่องนี้เข้มข้นจริงๆ แค่ 2 ตอนเท่านั้นเองนะเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 25-01-2010 22:30:06
เนื้อเรื่องสุดยอด  o13

น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-01-2010 22:45:52
ทฤษฎีความรักของคุณหมอกะคุณตำรวจ สุดยอดมาก เฉือนกันไม่ลงเลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 25-01-2010 23:10:35
 o13


ชอบๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 26-01-2010 01:07:41
 :z6:



จัดการมัน                :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 26-01-2010 01:36:55
อดีตหมอชาลีนี่ท่าทางจะหนักและทำร้่ายจิตใจหมอชาลีสุดสุด

ถึงทำให้หมอชาลีที่ดูใจดี(กับคนไข้) เกลียดความรักขนาดขั้นไม่เชื่อและไม่ไว้ใจในรัก แล้วหาทางแก้แค้นคนอื่น

ขนาดคนชื่อเหมือนยังโดน แล้วตัวการเมื่อถึงคราวโดนจะเป็นยังไงเนี่ย  ลุ้น

รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-01-2010 12:07:47
คุณหมอคงมีความหลังฝังใจ o18
ดูแต่ละคนแรว๊งงง กันทั้งนั้น
ท่าจะมันส์มากกกก
+1 ขอบคุณคร้า
(เพิ่งตามไปอ่านเรื่องเก่ามา หนุกมากเลย :o8:)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ping ping ที่ 26-01-2010 19:27:04
เอกภพชอบตกหลุมรักเสมอ ในความคิดของเอกภพ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นอาหารทิพย์ ในความคิดของชาลี ความรักเป็นหมากฝรั่งรสมินต์ เคี้ยวให้รู้รส พอหายอยากแล้วก็คายทิ้ง

  ^
  ^

  หมอชาลี คงมีอดีต(รัก) ที่ไม่สวยงามเท่าไหร่ (เดา + ดูจากเหตุผล ณปัจจุบัน)

  แล้ว ใครกันเป็นคนทำให้หมอชาลีต้องรู้สึกแบบนี้ ??

   ลุ้นต่อค้าบ.
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 26-01-2010 21:46:50
ตอนแรกที่คิดเอาไว้นึกว่าอดีตของชาลีคือธงรบซะอีก 5555555555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dek_jun_rai ที่ 27-01-2010 03:06:35
เรื่องใหม่....หุ หุ หุ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 27-01-2010 17:23:00
ว๊าว  เรื่องใหม่...  :L2:
เข้ามาอ่านเหมือนเคยน้า พี่นาย 
ว่าแต่ ชื่อเรื่องมันออกแนวละครตอนดึกเลยหนิ อิอิ 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 27-01-2010 20:10:37
โอ๊ะ ๆ มีเเต่คนตกหลุมรักหมอชาลี

หารู้ไหมว่า นายเอกเรื่องนี้ ร้ายจริง ๆ


 :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 27-01-2010 20:35:55
ตอนแรกที่คิดเอาไว้นึกว่าอดีตของชาลีคือธงรบซะอีก 5555555555

โหย คิดได้ไง 555 อะไรไม่ดีก็จะให้ธงรบรับเหรอคร้าบ

เอ่อ ตอนนี้ผมมาต่างบ้านต่างเมืองเลยยังไม่ได้โพสต่อ. รออีกนิดนะครับ ไม่ได้เอาคอมมาด้วย กลับถึงบ้านจะรีบโพสจุใจ
 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Loidelohm ที่ 27-01-2010 21:28:28
^
^
^
^
^
^
จิ้มด้วยแรงส่ง 240 กม/ชม.
อะจึ๊ก....อะจึ๊ก....
( คิดถึงธงรบอ่ะ )
พรวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เข้าถึงใหนอ่ะ ว๊ากกกกกกกกกกกกก
มือหาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-01-2010 21:31:37
มาปูเสื่อรออ่านคร้า :m18:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 27-01-2010 22:01:49
มีปมให้ติดตามอีกแล้ว หมอชาลีนี่ก็ไม่เบา เจอแต่ตำรวจรูปหล่อ  :z1:

มารอดูกันต่อไปว่า หมอชาลี จะหาทางแก้ปมในใจได้ยังไง กับคนนามสกุลเหมือนกัน

ที่เคยทำให้เจ็บเจียนตาย

+1 ให้พี่นาย ใกล้ 1500 แล้ว ตกลงที่ไม่อยู่บ้านเพราะควบมอไซด์เที่ยวตามหา ภรรเมียหรือเปล่าครับ  :m20:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-01-2010 12:30:13

มาตามอ่านเรื่องของแม่นาสงฟ้า ชาลี อิอิ

แต่ว่าเรื่องนี้ดูจะเครียดๆ เนอะ

ว่ามิ?
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 29-01-2010 18:25:50
รอ.. แบบจุใจ!!!
 :give2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-01-2010 21:48:17
ไม่ได้ตามเรื่องที่แล้ว มาตามเรื่องนี้แล้วกันนะคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 29-01-2010 21:49:41
ทัศนคติเกี่ยวกับความรักของทั้งคู่ แรง พอๆกัน

หมากฝรั่งเคี้ยวรู้รสแล้วคายทิ้ง ไม่นอนกับใครเกินสามครั้ง โอ้มายบุดด้า  :a5:แล้วจะจูนกันติดยังไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 31-01-2010 23:21:24
ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พักนี้ผู้เขียนยุ่งสุดๆ รักแล้วรอหน่อยนะ

เพลิงรัก บทที่ 3

ชาลีดึงนามบัตรจากมือของพันตำรวจตรีกัณต์แล้วเดินจากไปโดยเร็ว ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพยายามจะขอนามบัตรของเขา ชาลีได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนเองสองครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับสาย พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเขาจึงรีบโทรกลับ ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่บอกว่าเควินปลอดภัยแล้ว ตอนนี้นอนพักอยู่ห้อง 2305
ชาลีไม่ได้โทรบอกเอกภพ เขาไม่อยากให้เพื่อนตกใจกลางดึก ชาลีจอดรถหน้าโรงพยาบาล ยื่นกุญแจให้ทินกร หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่เขาสนิทด้วย
“พี่กร ผมรีบ ฝากรถด้วย อ้อ พี่รู้จักเควินไหมครับ ดาราช่องเจ็ด”
ทินกรพยักหน้าแล้วรีบบอกว่ามีนักข่าวมาดักรอทำข่าวที่หน้าโรงพยาบาลตั้งแต่เควินถูกนำตัวมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน
“ตอนนี้ก็ยังเหลืออยู่ข้างในกันสองสามคน”
“พี่กร กันเอาไว้ด้วยนะ อย่าให้ขึ้นข้างบนได้เด็ดขาด” ชาลีกำชับ “เควินเป็นเพื่อนผม”
“ไม่ต้องห่วงครับหมอ” ทินกรรับปากแข็งขัน แล้วถามว่าชาลีจะค้างที่โรงพยาบาลหรือไม่ แพทย์หนุ่มส่ายหน้าแล้วบอกว่าอีกไม่นานก็ลงมา
วันนี้เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว เขาอยากกลับบ้านนอนพัก พรุ่งนี้เขาต้องไปเรือนจำกลางคลองเปรมตั้งแต่เช้าเพื่อช่วยหมอยงยุทธทำโครงการพิเศษ
ทินกรเป็นอีกคนที่มีชื่อคล้องจองกับ “อดีต” ของเขา ชายหนุ่มรุ่นพี่สนิทกับเขาตั้งแต่แรกๆ ที่เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ คงเป็นเพราะมิตรภาพที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาออกหน้าเถียงแทนทินกรในกรณีแพทย์คนหนึ่งถอยรถชนรถเข็นคนไข้ที่หน้าโรงพยาบาล ทินกรถูกตำหนิที่ไม่ดูแลการถอยรถ แต่เขาอยู่ในเหตุการณ์และเห็นว่าอะไรเป็นอะไร นายแพทย์คนนั้นจึงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
มีคนเกลียดเพิ่มอีกหนึ่งคน แลกกับได้เพื่อนแท้เพิ่มอีกหนึ่งคน ชาลีเห็นว่า “คุ้ม” ทินกรกับเขาช่วยเหลือกันและกันมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ตอนที่บ้านของทินกรไฟไหม้เขาก็จัดการหาที่ที่พักให้ครอบครัวของทินกรใหม่

ชาลีหยุดยืนหน้าห้อง 2305 ห้องพักพิเศษบนชั้น 23 ของโรงพยาบาล ชั้นพิเศษสำหรับคนพิเศษเท่านั้น ชื่อหน้าห้องเขียนว่า คนไข้ชื่อ นางสุทธิดา สุทธิวิริยะ - ชื่อปลอมเพื่อกันไม่ให้ใครรู้ว่าคนไข้ที่นอนพักอยู่ข้างในคือ เควิน
ห้องเงียบสนิท ไฟในห้องโถงสว่าง กระเป๋านักเรียนสีดำวางอยู่บนโซฟา ลูกบาสเก็ตบอลสีส้มวางอยู่ใกล้ๆ กัน ชาลีเดินตรงไปยังประตูห้องคนไข้ บิดลูกบิดแล้วเปิดประตูให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้
กวิณ หรือเควิน ดาราหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน-ฝรั่งเศสนอนอยู่บนเตียง ท่าทางคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา บนโซฟาข้างเตียง เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนอนขดตัวอยู่ หูฟังสีขาวยังคาอยู่ที่หู
ชาลีถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเขาไปใกล้เตียงของเควิน ก้มหน้าลงมองเพื่อนใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมดูเจ็บปวด แม้กำลังนอนหลับ คราบน้ำตาเกรอะกรังบนสองแก้มยังปรากฏให้เห็น
...เควินผู้สดใสร่าเริงบนจอโทรทัศน์ ฉากหลังมีแต่เสียงร้องไห้และความทุกข์…
…ใคร...ใครกันที่ทำให้เควินเป็นได้ถึงขนาดนี้...

เสียงนาวินขยับตัว ชาลีหันไปมองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา น้องชายของเควินอายุย่างเข้า17 ปี แต่ต้องคอยดูแลพี่ชายที่อ่อนแอเสียจนน่าเป็นห่วง เควินกับนาวินมีกันอยู่เพียงสองคน ลุ้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันตั้งแต่พ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อครั้งที่เควินกับเขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปีเดียวที่คบกัน เขากับเควินกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยากเพราะประสบชะตาชีวิตคล้ายกัน ปีเดียวในมหาวิทยาลัยรามคำแหงสอนให้เขาเข้มแข็ง จนกระทั่งเขาพบกับพี่ทศ รุ่นพี่ที่ช่วยลากเขาขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความทุกข์
เขาพยายามดึงเควินขึ้นมาด้วยทั้งๆ ที่ตัวเองก็อาการปางตาย ชาลีเป็นคนสู้ชีวิต เขาเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ เขาเป็นคนที่พยายามกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด และเขาก็ทำสำเร็จ สอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่สะบักสะบอมเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งมาถึงสามรอบสามมหาวิทยาลัย
...ชีวิตใหม่ที่เป็นชีวิตใหม่จริงๆ เปลี่ยนตัวเองอย่างสิ้นเชิง ทิ้งแว่นตาหนาเตอะกรอบดำ รูปร่างผอม เสื้อตัวโคร่ง กางเกงสีซีดๆ ทรงผมเชยๆ ท่าทางเหนียมอาย ชอบเดินก้มหน้า มาเป็นนายแพทย์ชาลีผู้มั่นใจในตัวเองที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ...
“พี่หมอ...” เสียงนาวินงัวเงีย
“นาวิน” ชาลีหันไปมองเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
“พี่วินเขาเพิ่งหลับไป เมื่อกี้นอนร้องไห้อยู่ตั้งนาน” นาวินรายงาน
“ฮื่อ” ชาลีตอบรับในลำคอแล้วถามว่า “เราล่ะกินข้าวหรือยัง”
นาวินพยักหน้า “น้าพู่กำลังมา ผมโทรไปบอกแล้ว”
น้าพู่ คือญาติผู้ใหญ่คนเดียวของสองพี่น้อง กำลังเดินทางมาจากเชียงใหม่
ชาลีปล่อยให้เควินนอน แล้วพยักหน้าให้นาวินเดินตามออกมาข้างนอก เด็กหนุ่มเดินโซเซเพราะเพิ่งตื่น แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก มือวางอยู่บนลูกบาส ลูบเล่นไปมา
นาวินหน้าตาดีไม่แพ้พี่ชาย หนุ่มน้อยอายุย่าง 17 ปีฉายแววหล่อเหลามาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ชาลีรู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวของเควินพยายามจีบนาวินให้เข้าสู่วงการบันเทิง แต่หนุ่มน้อยไม่สนใจ มุ่งแต่เล่นกีฬา นาวินบอกว่าเขาอยากเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหาร อยากสวมเครื่องแบบเท่ๆ แทนที่จะยืนทำหน้าหล่ออยู่หน้ากล้อง
“ดีแล้ว” ชาลีเห็นด้วย และพูดกับเด็กหนุ่มและเควินอยู่บ่อย เควินก็เห็นด้วย เพื่อนเขาเป็นคนหัวอ่อน ใครบอกอะไรก็เชื่อ
แต่เขาคิดว่าลึกๆ แล้วเควินหัวรั้นมาก บางอย่างที่เขาเพียรพยายามบอกเควิน เพื่อนเขาก็ไม่เคยใส่ใจเสียที
...ยกตัวอย่างเช่น รักต้องห้าม อย่างที่เควินชอบทำ คล้ายๆ กับเอก
...ชอบตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะไปตกหลุมรัก...
...เจ็บทุกที...

“พรุ่งนี้ต้องเรียนหรือเปล่า” ชาลีถามนาวิน
เด็กหนุ่มพยักหน้า “แล้วก็ซ้อมบาสด้วย วันเสาร์ผมก็จะแข่งแล้ว”
“งั้นก็นอนซะ เดี๋ยวพี่ช่วยดูเอง” ชาลีเปลี่ยนใจ ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปนอนบ้าน แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าได้อยู่เป็นเพื่อนเควิน
“น้าพู่คงมาถึงตอนสายๆ จ้างคนเขาขับรถมาส่ง แต่ว่า...”
“พรุ่งนี้เช้าก็ไปเรียนเลยนะ ใส่เสื้อผ้าตัวเก่านี่ล่ะ ไปถอดเสื้อผ้าแขวนเอาไว้ซะ เดี๋ยวพี่หาคนรีดให้ เอาชุดคนไข้นั่นล่ะใส่นอน”
“แล้วพี่วิน...” นาวินหันไปมองประตูห้องพักคนไข้ สายตาห่วงใยพี่ชาย
“เดี๋ยวพี่ช่วยดูเองจนกว่าน้าพู่จะมาถึง ไม่ต้องห่วงหรอก นี่โรงพยาบาลพี่นะ มีคนช่วยเยอะแยะ หมอเอกก็เข้าเวรเช้า เดี๋ยวก็ขึ้นมาช่วยกันดู แล้วพี่กุ๊กไก่จะมาหรือเปล่า”
“เขาคงมาสายๆ มั๊งครับ ผมมาถึงพี่กุ๊กก็กลับ บอกว่าตื่นเช้าก็จะมาดู” นาวินเล่าถึงผู้จัดการส่วนตัวของเควิน
“พี่หมอ” นาวินเสียงเบา มองชาลีตาละห้อย “พี่วินจะเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่วินต้องฆ่าตัวตายด้วย แค่ผู้ชายคนเดียว”
ชาลีมองใบหน้าคมกริบของนาวินที่ไม่ต่างจากพี่ชายเท่าใดนัก นัยน์ตาของเด็กหนุ่มน่าสงสาร เขารู้ว่านาวินพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่ความจริงนาวินหวาดกลัวนัก ตั้งแต่พ้นวัยเด็ก นาวินเจออะไรมาหลายอย่าง เควินเองก็พยายามดูแลน้องตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิต แต่เควินเองก็ไม่ได้เป็นคนที่จะเป็นเสาหลักให้ใครได้ นาวินจึงได้เขากับพี่ทศคอยช่วยดูแล
...พี่ทศ...อยากให้พี่ทศมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยจังเลย อย่างน้อยจะได้ช่วยกันอีก...
...ถ้าหากเควินเกิดเป็นอะไรไป จะทำอย่างไรดี...
“พี่เขาไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ดีขึ้น คนกำลังเสียใจ อาจทำประชด” ชาลีปลอบ ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าเควินอาจไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ เขาเคยสังเกตว่าเควินมีอารมณ์ผันผวนมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นโรคซึมเศร้า
...เขารู้ว่าบางคนที่พยายามฆ่าตัวตายมักจะมีความคิดนี้ติดอยู่ในหัว และมักจะพยายามอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
...ขออย่าให้เควินมีอาการถึงขั้นนั้นเลย...
“ผมรู้ว่าพี่วินคบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เคยพาไปที่บ้านด้วย ท่าทางพี่วินรักเขามาก มีอยู่วันหนึ่ง พี่วินร้องไห้โวยวายลั่นบ้าน จะวิ่งตามผู้ชายคนนั้นให้ได้” นาวินเล่า
“รักกันมานานหรือยัง หน้าตาเป็นยังไง” ชาลียกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เดินมานั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา
นาวินส่ายหน้า บอกว่าที่จริงเขาไม่เคยเห็น ได้ยินแต่เสียงเควินกับคนที่พี่ชายพามาบ้าน แต่คิดว่าเควินคงรักมาก เพราะไม่เคยเห็นเสียใจมากมายเช่นนั้น
“บางทีผมเห็นพี่วินนอนขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวัน พอออกมาก็พร่ำแต่ว่า เขาไม่ได้รักพี่ เขาไม่ได้รักพี่ ทำไมพี่ต้องรักคนไม่มีหัวใจด้วย พี่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อนเขา แต่เขาไม่สน เขาไม่แคร์” นาวินส่ายหน้า “คนเรามันรักกันถึงขนาดนั้นได้เลยหรือพี่หมอ”
“เฮ้อ นาวิน เรื่องแบบนี้บางทีมันก็อธิบายยาก” ชาลีส่ายหน้าเช่นกัน ตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
...รักขนาดนั้นได้สิ...กับเจตรินไง...แม้โดนเจตรินหักหลังและทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เขายังตามไปงอนง้อผู้ชายไม่มีหัวใจแบบเจตรินได้เลย...
...พูดผิดไป...เจตรินมีหัวใจ แต่หัวใจเจตรินเป็นสีดำ เหมือนก้อนเนื้อทิ้งไว้นอกตู้เย็นหลายคืน เย็นชืด ไร้ความรู้สึก กลิ่นเน่าเฟะน่าสะอิดสะเอียน
...หัวใจพี่ทินก็พอๆ กัน...
...หัวใจไวโรจน์ดีกว่าหน่อย แต่ก็เลือดเย็นกว่า...
...แบบที่เควินเจอ เขาเคยเจอมาแล้ว หนักยิ่งกว่านี้อีก ที่นอนอยู่บนเตียงเพราะพิษแห่งความรักเขาก็เคย แต่ไม่ใช่เพราะเขาพยายามฆ่าตัวตาย หากเพราะโดนทำร้ายจากคนที่เขารัก จากคนที่บอกว่ารักเขา...
...นาวิน...คนที่บอกว่ารักกัน คนที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา คนที่เข้ามาในชีวิตเราเหมือนเทพบุตรมันทำกันได้ถึงขนาดนี้เลยล่ะ แค่นี้ยังน้อยไป พี่ขออย่างเดียว ขออย่าให้น้องได้มาเจออะไรแบบนี้เลย...
“ไปนอนซะ นอนให้หลับนะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอนด้วย” ชาลีตัดบท
“รู้แล้วคร้าบ ผมไม่ใช่เด็กนะ” นาวินลากเสียงยาว ลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อนักเรียนออก แล้วเดินไปค้นหาชุดคนไข้ออกมาจากตู้ที่อยู่มุมห้อง
นาวินโตเป็นหนุ่ม ร่างกายบึกบึนไม่น้อยเพราะเล่นกีฬาเป็นประจำ อายุย่าง 17 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า แต่ดูราวกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
“พี่หมอ แล้วพี่ล่ะ” นาวินหันมาถามชาลี ในมือถือชุดคนไข้โรงพยาบาล “มีอยู่แค่ชุดเดียว”
“พี่โตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องใส่ชุดคนไข้” ชาลีล้อยิ้มๆ ก่อนจะบอกให้เด็กหนุ่มแขวนเสื้อนักเรียนให้เรียบร้อย และบอกให้นาวินไปถอดกางเกงในห้องน้ำ ก่อนจะเดินย้อนกลับเข้าไปดูเควินอีกครั้ง
เพื่อนของเขายังนอนหลับอยู่บนเตียง หายใจแผ่วเบา แต่หัวคิ้วกระตุกราวกับฝันร้าย
“เควิน หลับให้สบายนะ พรุ่งนี้ค่อยลุกขึ้นมาสู้ต่อ เราจะอยู่เคียงข้างนายเอง ไม่ทิ้งเพื่อนหรอก สู้ต่อนะเพื่อน” ชาลีกระซิบข้างหูเควินเบาๆ ก่อนจะหันไปนั่งลงบนโซฟาที่นาวินนอนเฝ้าพี่ชายอยู่เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา

สารวัตรกัณต์วางปืนลงบนโต๊ะ ทุกคืนก่อนนอนเขาจะหยิบ Colt 911 คู่ชีพขึ้นมาตรวจก่อนจะสอดใส่ซองปืนแล้ววางไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง
ตอนนี้เขาอดตำหนิตัวเองไม่ได้ เมื่อช่วงค่ำที่จอดรถวิ่งลงไปเพื่อไล่จับคนร้าย เขาลืมหยิบปืนลงไปจากรถ ตอนนั้นเขาเพิ่งออกมาจากบ้านของวิพัฒน์ และตั้งใจจะตรงกลับบ้านทันที ออกจากคอนโดของนายธนาคารหนุ่มได้ไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้เขายุ่งยากใจ ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา เขามัวแต่ครุ่นคิดกังวลใจ ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อใกล้ถึงปากซอย เขาก็เห็นเหตุการณ์ผู้ร้ายชิงทรัพย์จะๆ เขารีบเร่งความเร็วรถเพื่อเข้าใกล้เหตุการณ์นั้นให้มากที่สุดแต่ช้ากว่าชายหนุ่มอีกคนที่ไปถึงก่อนและวิ่งตรงเข้าไปหาผู้ชายที่ทรุดฮวบลงกองกับพื้นถนน
หมอหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางเอาเรื่อง และที่สำคัญไม่ยอมให้ปากคำและเป็นพยาน
ชาลี...นายแพทย์ชาลี โรงพยาบาลชั้นนำเสียด้วย...เขาได้นามบัตรชายหนุ่มมาจากป้านวลศรีที่เขาขับรถไปส่งที่บ้านหลังจากสอบปากคำเสร็จ
พรุ่งนี้เขาจะลองไปขอ 'สอบปากคำ' หมอหนุ่มคนนั้นดู โรงพยาบาลอยู่ไม่ใกลจากบ้านเขาเท่าใดนัก
...รูปร่างหน้าตาถูกใจ แต่บุคลิกท่าทางกวนๆ รั้นๆ แบบนั้นไม่เคยอยู่ในสเป็คของเขา แต่ก็ดูท้าทายอยู่ในที ที่ผ่านๆ มาเขาเจอแต่คนที่ 'ยอม' เขาทั้งนั้น ไม่แน่ คราวนี้อาจขอเปลี่ยนรสชาติดูสักครั้ง ท่าทางน่าสนุก...
กัณต์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บันทึกเบอร์โทรของนายแพทย์รูปหล่อเข้าไปในเครื่อง แล้วกดไล่ตัวอักษรจาก C D E ไปเรื่อยๆ จนถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะลบออกไป
...ลบให้หายออกไปจากชีวิต...
...จบกันแล้ว...
...พอกันที...
...ถึงเวลามีคนใหม่...

ชาลีตัวสั่น มือที่เกาะราวระเบียงของห้องพักคนไข้เย็นจัด เกร็งจนปวด กรามขบกันแน่น ก้อนแข็งๆ ติดอยู่ที่คอ ปิดกั้นเสียงของเขาไม่ให้เปล่งออกมาได้
...เสียงที่เขาร้องตะโกนว่า “ไม่ ไม่ ไม่”
น้ำตาอุ่นเริ่มเอ่อล้นออกมา หยาดน้ำตาใสหยดออกจากตาของเขา ลอยละล่องลงไปยังเบื้องล่าง หายลับไปกับสายตาในอากาศว่างเปล่าซึ่งเขากำลังมองผ่านลงไปยังร่างหนึ่งในชุดคนไข้ที่นอนอยู่บนพื้น แขนขาหักผิดรูป ร่างกายคงชุ่มโชกไปด้วยเลือด
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเด็กหนุ่มที่นั่งกองอยู่ใกล้ๆ เท้าของเขาดังไม่หยุดราวกับหัวใจจะแตกสลาย นาวินทรุดตัวลงกับพื้นทันที่ที่เห็นภาพเบื้องล่าง
เควิน...ในที่สุด เควินก็ประสบความสำเร็จ...
ชาลีรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้ามือ เขาไม่เห็นเควินอยู่บนเตียงจึงเดินไปดูที่ห้องน้ำแต่เพื่อนของเขาก็ไม่อยู่ข้างใน เขาวิ่งออกไปที่วอร์ดพยาบาลก็ไม่มีใครเห็น
เสียงร้องของนาวินทำให้เขาวิ่งกลับไปที่ห้องพักคนไข้ เด็กหนุ่มเกาะราวระเบียง เข่าเริ่มงอเหมือนหมดแรง ก่อนจะทรุดตัวลงร้องไห้โหยหวน ชาลีวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ ชะโงกหน้าลงไปมองเบื้องล่าง แม้อยู่สูง เขาก็ยังมองเห็นว่าร่างที่นอนอยู่คือเพื่อนของเขา ร่างนั้นคือเควิน พี่ชายของนาวิน เด็กหนุ่มที่กำลังร้องไห้อย่างเสียสติ
“พี่หมอ...พี่วินทิ้งผมไปแล้ว ทิ้งไปแล้ว พี่เค้าทิ้งผมไป พี่ไปแล้ว พี่ตายแล้ว” นาวินคร่ำครวญ มือเริ่มไขว่คว้า หันมากอดขาของชาลี ซุกหน้าร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“เควิน ทำไม...ทำไมทำแบบนี้” ในที่สุดชาลีก็เอาบีบเสียงให้แทรกผ่านก้อนแข็งๆ ที่ลำคอออกมาได้ เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ เบาโหวง เบาจนเขารู้สึกว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังแทบไม่ได้ยิน
เมื่อคืนนี้เควินรู้สึกตัว ชายหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าใครกำลังนอนเฝ้าอยู่ ทันที่ที่ชาลียื่นมือไปจับเควิน เมื่อสั่นเทาเย็นจัดของดาราหนุ่มบีบมือเขาแน่นจนเจ็บ เควินกำลังหาที่ยึดเหนี่ยว เขาเป็นเสาที่จะให้เพื่อนเกาะขณะที่กำลังจะจมน้ำตาย
เควินคร่ำครวญถึงคนที่เขารักและโดนปฏิเสธรัก ชายคนนั้นไม่มีเยื่อใยต่อเควินเลย ตามที่เพื่อนเขาเล่าให้ฟัง “เขา” คนนั้นที่เควินไม่เอ่ยชื่อ เป็นคนที่ทำให้เควินอยากเลิกเป็นนักแสดงด้วยซ้ำ และมีชีวิตรักที่ธรรมดาๆ ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมากลัวสื่อมวลชนจะแอบถ่ายรูป ไม่ต้องมากลัวว่าจะเป็นข่าว
“พอเราออกจากวงการแล้ว ก็ไม่มีใครมาสนใจดาราตกกระป๋อง ที่นี้เราก็เป็นแฟนกับเขาได้อย่างสบายใจ” เควินบอกชาลี นัยน์ตาเหม่อลอยเมื่อพูดถึง “เขา”
“แต่เขาไม่ใยดีเราเลย เขาตัดสัมพันธ์เราอย่างเลือดเย็น บอกว่าไม่เคยรักเรา ใครอยากได้เขาก็จะได้แต่ร่างกายเป็นครั้งคราว ใจของเขาไม่ได้มีเอาไว้แจกจ่ายให้ใคร ที่คบกับเรา เขาแค่อยากสนุก พอหมดสนุกแล้วเขาก็จะอยากจะไปต่อ”
น้ำตาของเควินหลั่งไหลอีกครั้งหนึ่ง แล้วถ้อยคำน้อยเนื้อต่ำใจก็พรั่งพรูออกมาจากปากของดาราหนุ่ม ชาลีฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เขาต้องปลอบอยู่นานกว่าเควินจะสงบสติอารมณ์ได้
“เควินยังมีน้องนะ นาวินกำลังโตเป็นหนุ่ม ต้องอยู่กับน้อง นาวินรักเควินมาก ขาดเควินไปอีกคน เด็กมันจะอยู่ยังไง เควินต้องสู้นะ จำตอนที่เรานั่งกอดคอกันร้องไห้ที่หน้ารามได้ไหม คืนนั้นเราบอกว่าชีวิตยังไม่สิ้นต้องดิ้นกันต่อไป เราต้องเรียนหมอให้ได้ แล้วเควินต้องเป็นดาราดัง ได้ตุ๊กตาทอง เห็นไหมว่าเราประสบความสำเร็จกันแล้ว เราก็ต้องสู้ต่อ เดี๋ยวเควินก็ได้โกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวู้ด ในอนาคต เราก็จะเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี่ล่ะ” ชาลีปลอบเพื่อนเสียยืดยาว “แล้วนาวินก็จะเป็นตำรวจ และเป็นนักกีฬาทีมชาติ”
สิ้นเสียงปลอบ เควินร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อชาลีพูดถึงนาวิน เขาไม่เข้าใจ ปลอบเควินมากว่าชั่วโมง กำลังสงบลงแล้ว เควินกลับคร่ำครวญขึ้นมาอีก พร่ำรำพันว่าอย่าให้นาวินเป็นตำรวจ ชาลีจึงต้องเริ่มปลอบเควินอีกครั้ง คราวนี้นาวินเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้เพื่อช่วยปลอบอีกแรง สองพี่น้องกอดกันร้องไห้อย่างน่าสงสาร นาวินปลอบพี่ชายให้เข้มแข็งและสัญญาว่าเขาจะไม่เป็นตำรวจและขอร้องให้พี่ชายรักษาสัญญาที่จะดูแลเขาให้โตเป็นผู้ใหญ่สอบเข้าเรียนวิศวกรรมให้ได้ หากเควินอยากให้เรียนวิศวกรรมเขาก็จะเรียน ชาลีบอกว่าจะช่วยติวให้ รับรองว่านาวินเข้าเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สบายมาก และจะช่วยซ้อมบาสเก็ตบอลให้จนติดทีมชาติ
หลังจากที่เควินสบงลงแล้วและสัญญาว่าจะช่วยกันดูแลน้องชาย ชาลีก็บอกนาวินให้ออกไปนอน แต่เด็กหนุ่มบอกว่าจะนอนอยู่ในห้องกับพี่ชาย ชาลีจึงต้องให้เด็กหนุ่มเอาเบาะที่วางอยู่บนโซฟานอกห้องมานอนหน้าโซฟาในห้องนอนคนไข้ ส่วนเขานอนขดอยู่บนโซฟา มองเควินอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
...เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาพบว่าเควินได้ทิ้งเขากับนาวินไปเสียแล้ว...

นายแพทย์วิทวัส แพทย์เจ้าของไข้ของเควินเป็นคนที่มาแกะมือชาลีออกจากราวระเบียง อ้อมแขนอบอุ่นของนายแพทย์รุ่นพี่ทำให้ชาลีตระหนักว่าเขายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ
...งานแรกคือดึงนาวินขึ้นมาจากพื้น...
“นาวิน” ชาลีก้มลงมองเด็กหนุ่มที่ยังนั่งสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันไปมองมือขาวสะอาดของเขาที่ยื่นไปตรงหน้า
“ไปเถอะ ลงไปข้างล่างกัน ไปหาพี่” เสียงของชาลีแผ่วเบา...

~~~ 3 ~~~

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 31-01-2010 23:34:00
เพลิงรัก บทที่ 4

พ.ต.ต. กัณต์ ถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ากล่าวขอบคุณพยาบาลที่เคาท์เตอร์ จากนั้นนายตำรวจเดินลงบันไดชั้นสามของโรงพยาบาลมาข้างล่างช้าๆ สายวันนี้เขามาหาหมอชาลีแต่พยาบาลบอกว่านายแพทย์หนุ่มไม่สะดวกให้ใครพบ แม้จะเป็นตำรวจ
“หมออยู่ที่ห้องดับจิตค่ะ คงอีกนานกว่าจะเสร็จเรื่อง สารวัตรฝากโน๊ตไว้นะคะ เดี๋ยวพยาบาลจะแจ้งให้หมอทราบตอนหมอกลับวอร์ด” พยาบาลชื่อสาวิณีบอกเขาเสียงเรียบ ใบหน้าเศร้าซึมเมื่อพูดถึงนายแพทย์ชาลี ทำให้กัณต์รู้สึกว่าคงจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น
กัณต์ตัดสินใจที่จะกลับไปก่อน ยังไม่อยากจะรบกวนชาลีในตอนนี้ เขาเดินทอดน่องมองซ้ายมองขวาไปเรื่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนราคาแพง โรงพยาบาลนี้หรูหรามาก ตกแต่งราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง
นายตำรวจชะงักเมื่อเด็กชายร่างกลมป้อมคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกือบชนเขา ก่อนจะหยุดยืนแหงนหน้ายิ้มกว้างให้เขา แก้มย้วยน่ารัก สองตากลมโตเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่งตัวชุดแบทแมน เขายิ้มให้ เด็กน้อยยิ้มตอบ แล้วทำท่ายิงปืนใส่เขาคงเพราะเห็นเขาเป็นตำรวจ เด็กหญิงอีกคนที่น่ารักพอๆ กันวิ่งตามมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางเป็นฝาแฝดเพราะหน้าตาเหมือนกันมาก เสียงแม่เด็กร้องเรียกลูกทั้งสอง กัณต์เงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มให้พร้อมเอามือดันเด็กทั้งสองให้เดินกลับไปหาแม่ที่ยืนอยู่กับนายแพทย์หน้าขาวคนหนึ่งที่ส่งยิ้มกว้างให้เขา...
...ไม่ใช่สิ...ให้เด็กสองคนนั่นต่างหาก แต่กัณต์กลับรู้สึกว่านายแพทย์คนนั้นยิ้มให้เขา...
...อืม...น่ารักเหมือนกันแฮะ...
กัณต์คิดในใจแล้วเดินต่อไป ก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง นายแพทย์คนนั้นหันมามองเขาอีกพอดี ตาคมกริบใต้แว่นกรอบทองทำท่าอายๆ แต่กัณต์เห็นประกายความพึงพอใจ เขาจึงอมยิ้ม พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป
...หมอสองคน โรงพยาบาลเดียวกัน ลองจีบใครก่อนดี...
...คนนี้ท่าทางจะไม่อยาก รอก่อนดีกว่า ลองหมอชาลีก่อนเถอะ ท่าทางร้ายๆ คงน่าสนุก พักนี้เขาเบื่อๆ อยากหาอะไรท้าทายทำเสียบ้าง...

น้าพู่ของเควินกับนาวินมาถึงก็ได้รับข่าวร้าย เสียงร้องไห้ของนาวินกับน้าพู่จึงดังขึ้นประสานกัน ชาลีเบือนหน้าออกไปด้านข้าง สบตากับทินกร หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่มาให้กำลังใจเขา
ทินกรบอกว่าจะช่วยกันปิดข่าวและจะไปคุยกับที่เห็นเหตุการณ์ไม่ให้ “พูด” เรื่องนี้กับใคร มีคนเห็นเควินนอนเสียชีวิตอยู่พื้นกันไม่กี่คน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนรุ่งสาง มีเฉพาะพนักงานโรงพยาบาลที่เห็น และคาดว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็คงพยายามจะไม่ให้เป็นข่าวด้วยเช่นกัน
“พี่กร ทำไมมันเป็นแบบนี้” ชาลีพูดไม่ออก เขารู้สึกแย่มาก คืนที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเฉียดตายมาแล้ว เช้านี้เจอความตายที่เกิดขึ้นกับเพื่อน เขารู้สึกแย่จริงๆ
“มันเป็นเรื่องของโลกครับหมอ” ทินกรปลอบ “เขาไปดีแล้ว ไปสบาย คนที่อยู่ข้างหลังนี่สิต้องดิ้นรนต่อ”
ทินกรรู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อนี้เช่นกัน ชาลีจำได้ เขาเองก็ปลอบทินกรอย่างนี้เมื่อครั้งที่บ้านของทินกรเกิดไฟไหม้และสูญเสียมารดาในกองเพลิง
ชาลีหันไปมองนาวิน เด็กหนุ่มที่กำลังเติบโต นาวินเสียพ่อและแม่ไปเมื่อหลายปีที่ผานมา แล้วก็ต้องมาเสียพี่ชายไปอีกคน ตอนนี้เหลือตัวคนเดียว แม้จะมีน้าพู่ แต่น้าพู่ก็เป็นผู้หญิง อยู่ภายใต้อำนาจของสามีที่กดขี่ข่มเหงเธอตลอดเวลา ไหนจะต้องดูแลครอบครัวที่ต่างจังหวัดที่แต่ละคนก็มีปัญหาหนักหน่วงไม่ใช่น้อย เควินเคยให้นาวินไปอยู่กับน้าพู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มทนอยู่ไม่ได้ และน้าพู่ก็ไม่อยู่ในสภาวะที่จะปกป้องและดูแลนาวินได้
...จะทำอย่างไรดี...

ทินกรขอตัวไปทำงาน ปล่อยให้ชาลีนั่งมองน้าพู่กับนาวินอยู่คนเดียว สมองเขาตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก ตอนนี้เขารอเอกภพที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ เอกภพบอกว่าพอคนไข้หมด จะรีบมาหา
เวลานี้เขาต้องการใครสักคนที่เข้มแข็งพอจะช่วยให้คำปรึกษาเขาได้
...ถ้าพี่ทศยังอยู่ ก็คงจะดี พี่ทศมีคำแนะนำดีๆ อยู่เสมอ ทำไมนะ คนดีๆ มักจะอยู่กับเราไม่นาน คนที่ไม่ดีไม่เคยหายไปไหนเลย กลับเสวยสุข ไม่เป็นโรคเป็นภัย แข็งแรงสมบูรณ์ราวกับกินยาอายุวัฒนะ...
น้าพู่กับนาวินร้องไห้จนหมดน้ำตา ทั้งสองเดินมาหาชาลีอย่างเศร้าซึม นัยน์ตาสองคู่นั้นมองเขาเหมือนจะถามว่า...ต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไรดี
...จะทำอย่างไรดีล่ะ...ชาลีถามตัวเอง
...งานศพล่ะเป็นอย่างแรก หรือจะปิดเอาไว้ว่าเควินยังไม่ตาย หากนักข่าวรู้ คงวุ่นวายน่าดู...
...คนตายแล้วก็ตายสิ ยังไงก็ต้องมีงานศพ ส่งเขาไปสู่สุขคติ จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง...อีกเสียงหนึ่งในหัวของชาลีแย้งขึ้นมา
ชาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปพูดกับน้าพู่และนาวิน พยายามทำเสียงเข้มแข็ง “ตอนนี้จัดการเรื่องงานศพซะก่อน คงเป็นงานศพเล็กๆ ผมคิดว่าไม่น่าจะให้เป็นข่าวใหญ่ นาวินว่าไง” ชาลีหันไปถามเด็กหนุ่ม
นาวินส่ายหัว ก้มหน้ามองพื้น
“หมอ น้าไม่รู้จะทำยังไง” น้าพู่เสียงเบา มือที่โอบหลานกระชับแน่นเข้า ท่าทางจะร้องไห้อีกรอบ
“น้าพู่ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเอง น้าพู่อยู่เป็นเพื่อนนาวิน ระหว่างนี้ก็ไปอยู่บ้านผมก่อน” ชาลีคิดได้เพียงเท่านี้
...ผมจัดการเอง จัดการอย่างไรล่ะ...

ชาลีพานาวินกับน้าพู่กลับขึ้นมาที่ชั้นสามของโรงพยาบาล ให้ทั้งสองนั่งรอหน้าห้องตรวจ พยาบาลหลายคนเข้ามาแสดงความเสียใจ โดยเฉพาะสาวิณีพยาบาลคนสนิท
“หมอมีตรวจคุณรัฐศาตร์เป็นคนแรก จะให้เลื่อนนัดให้ไหมคะ ยังพอมีเวลานะ” สาวิณีเสนอ
“ขอคุณรัฐศาสตร์คนเดียวก็แล้วกันพี่สา คนอื่นคงต้อง...”
“พี่จะขอโอนให้หมอเจี๊ยบ หมอไม่ต้องห่วง” พรรณราย พยาบาลอาวุโสแทรก “หมอไปคุยกับ ผ.อ. ก่อนดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อ”
...จริงสิ คุยกับผู้ใหญ่ ขอคำแนะนำน่าจะดีกว่า จะว่าไป คนช่วยก็พอมี แม้ไม่มีญาติ แต่เพื่อนร่วมงานก็ช่วยได้
เอกภพขึ้นมาบนชั้นสามพอดี ชาลีฝากให้ดูแลนาวินกับน้าพู่ เขาขอตัวไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล แล้วจะกลับมาตรวจคนไข้ จากนั้นจะลางานครึ่งวันเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ
“เอกเตือนนาวินเรื่องลาโรงเรียนด้วยนะ เดี๋ยวเรากลับมา” ชาลีย้ำกับเพื่อนแล้วรีบเดินไปที่ลิฟท์ เพื่อขึ้นไปพบนายแพทย์เดชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล

สิ่งที่เคยคิดว่ายุ่งยากก็เริ่มง่ายขึ้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ชาลีหลายอย่างและจะจัดการกับเรื่องการเสียชีวิตของเควินในโรงพยาบาล ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์จะดูแลเรื่องสื่อมวลชน กฤษณาหรือกุ๊กไก่ผู้จัดการของเควินจัดการเรื่องงานศพ หญิงสาวคล่องจนชาลีแปลกใจว่ากฤษณารู้ไปเสียทุกเรื่อง พยาบาลในแผนกต่างช่วยออกความเห็น พรรณรายที่อาวุโสที่สุดในวอร์ดให้คำแนะนำหลายอย่างเพราะเคยผ่านประสบการณ์ญาติเสียชีวิตมาแล้วหลายคน
“หมอดูเด็กเถอะ คนที่น่าเป็นห่วงน่ะคนนั้น” พรรณรายหันไปมองนาวินที่นั่งซึมอยู่บนเก้าอี้รอตรวจ น้าพู่ไปห้องน้ำ เอกภพกลับไปตรวจคนไข้
“ขอบคุณพี่พรรณมากนะครับ ขอบคุณทุกคน นี่ถ้าไม่มีทุกคน ผมคงแย่” ชาลีหันไปรอบๆ กล่าวขอบคุณพยาบาลในวอร์ดที่พร้อมใจกันช่วยเหลือเขา
“ขอสิ่งตอบแทนอย่างเดียวค่ะหมอ” สาวิณีพูดขึ้น พยาบาลคนอื่นรีบทำเสียงฮึ่มฮั่มห้ามกันเป็นแถว แต่สาวิณีไม่สนใจ “ขอให้หมอเขียน diagnosis ให้อยู่ในกรอบกระดาษเข้าเครื่องสแกนก็พอ”
คำพูดของสาวิณีทำให้ชาลียิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ค่ำวานนี้ที่เขายิ้มออก วันอันหมองหม่นสดใสขึ้นมาอีกนิด
ชาลีเหลือบไปเห็นรัฐศาตร์ คนไข้นัดแรกและนัดเดียวของเขาวันนี้กำลังเดินมา จึงหันไปหานาวินที่นั่งซึมอยู่
“นาวิน รอพี่เดี๋ยวเดียว พี่ตรวจคนไข้คนนี้คนเดียวเสร็จแล้วเราค่อยไปกัน”
เด็กหนุ่มรับคำสั้นๆ แล้วเอนตัวพิงพนัก ศรีษะเอนชิดกับผนังห้อง นัยน์ตาเหม่อลอย
“นาวิน...ทีมชาติ กับเข้าวิศวะ อย่าลืม” ชาลีก้มหน้าลงเกือบชิดเด็กหนุ่ม ยิ้มให้กำลังใจ นาวินยิ้มตอบบางๆ
...แววตายังเข้มแข็ง...ชาลีบอกตัวเองว่าเห็นความเข็มแข็งในดวงตาคมกริบคู่นั้น
นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วยืดตัวขึ้น เดินไปยังห้องตรวจ ยิ้มทักทายรัฐศาสตร์แล้วเข้าไปนั่งรอในห้อง
ที่จริงวันนี้เขาไม่อยากตรวจคนไข้เลย ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เขารู้สึกปวดหัว เหมือนถูกจับเอาไปยัดใส่เครื่องซักผ้าแล้วหมุนปั่นจนเขาหัวหมุนไปหมด รู้สึกอยากจะอาเจียน แต่เขาจำต้องต้องตรวจรัฐศาสตร์ ผลเอ็มอาร์ไอที่เขาไปบีบบังคับเอามาจากยุทธนาเมื่อคืนอยู่ไหนก็ไม่ทราบ เขาตั้งใจจะอ่านล่วงหน้าก่อนตั้งแต่เมื่อคืน แต่เหตุการณ์สองอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เขาไม่มีโอกาสได้อ่านผลของรัฐศาสตร์ ส.ส. หนุ่มเลือดใหม่ไฟแรงที่เขายอมรับในความเก่ง
รัฐศาสตร์งานยุ่งมาก กว่าจะนัดกับเขาได้ก็ใช้เวลานานพอสวร เขาจึงไม่อยากเลื่อนนัด อีกประการหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกับความตายเมื่อคืนนี้ทำให้เขาอยากจะได้มีโอกาสตรวจ ส.ส. หนุ่มคนนี้ที่เขาสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง รัฐศาสตร์ยังหนุ่มมาก อายุแก่กว่าเขาไม่กี่ปี ฉลาดและเก่ง ถ้าจะเสียคนดีๆ ไปก็น่าเสียดาย
ชาลีวางมือบนแป้นคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ พิมพ์ชื่อรัฐศาสตร์ เรียกข้อมูลคนไข้ขึ้นมาดู หลังจากอ่านรายงานผลตรวจปฏิบัติการไม่ถึงนาที เขาก็ต้องถอนหายใจ เอนตัวกระแทกกับพนักพิงเก้าอี้
...บ้าจริงๆ ทำไมวันนี้มันหนักหนายังงี้นะ...

ช่วงเวลาอันหนักหน่วงช่วงแรกกำลังจะผ่านพ้นไป นาวินกับน้าพุร้องไห้ไม่หยุด ยังไม่ยอมเดินลงจากเมรุเผาศพแม้เอกภพจะพยายามดึงให้ถอยห่างออกมาเพราะสัปเหร่อกำลังจุดไฟ
พิธีศพของเควินจัดขึ้นง่ายๆ ที่วัดบ้านเกิดของชายหนุ่ม คนมาร่วมงานไม่มาก มีเฉพาะคนสนิทไม่ถึงยี่สิบคน ที่เหลือเป็นแฟนคลับ นักข่าว  และชาวบ้านที่ต้องการเห็นดาราภาพยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างดีเพราะรัฐศาสตร์ช่วยประสานงานให้ผู้ใหญ่ในจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือในการจัดงาน
...
รัฐศาสตร์คงสังเกตเห็นความผิดปกติ วันก่อนขณะที่ชาลีกำลังอธิบายเรื่องการเจ็บป่วยให้ ส.ส. หนุ่มฟัง คนไข้ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า “หมอเป็นอะไรครับ”
ชั่วขณะนั้นเองที่ชาลีตระหนักได้ว่าตัวเองก็ยังเป็นคนที่อ่อนแอคนเดิมเหมือนๆ กับสมัยเรียนมัธยมปลาย เขาทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด แต่พอประสบกับเรื่องราวที่หนักหน่วงเขาก็ไม่รู้ว่าจัดการอย่างไรดี รัฐศาตร์เสียอีกที่แกร่งกว่า ทั้งที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดก็ยังมั่นคง มีสติ และปลอบใจเขาที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนไป
...
ท้ายที่สุด คนเราก็กลับกลายไปเป็นธุลีดิน ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นจากเมรุประหนึ่งจะส่งเควินขึ้นสู่สวรรค์ ปลดปล่อยชีวิตอันทุกข์ระทมของชายหนุ่ม...
...และทิ้งอีกหลายชีวิตไว้เบื้องหลัง...
...อย่างน้อยก็เขาและอีกสองชีวิตที่กอดเอวเขาอยู่นี่ล่ะ...น้าพู่อยู่ทางซ้าย นาวินอยู่ทางขวา สองแขนของเขากำลังโอบปลอบทั้งสองคน สองแขนของเขาที่ต้องเข้มแข็ง เป็นพลังผลักดันและประคับประคองให้อีกชีวิตหนึ่งก้าวต่อไป
...ไม่คิดเลย จะกลายมาเป็นพี่ชายคนเพียงชั่วข้ามคืน...

ทินกรเป็นคนขับรถ เอกภพนั่งเคียงข้าง เบาะหลังมีชาลีนั่งชิดประตูด้านซ้าย น้าพู่นั่งอยู่ตรงกลาง นาวินเอนพิงประตูขวาของรถ นัยน์ตาเหม่อมองออกไปนอกรถที่กำลังวิ่งกลับที่พัก
ชาลีหันไปมองข้างหลังเพื่อดูว่ามีรถของนักข่าวตามมาหรือไม่ ที่งานศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวทำทีเป็นเจ้าภาพคอยช่วยกันนักข่าวได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้น ก็มีบางคนเข้าถึงตัวนาวิน และถ่ายรูปน้องชายของดาราดัง นักข่าวพยายามจะสัมภาษณ์เด็กหนุ่ม ชาลีต้องรีบเข้าไปลากตัวนาวินออกมาแล้วปล่อยให้กฤษณาเป็นคนจัดการ
เมื่อไม่เห็นว่ามีนักข่าวตามมา ชาลีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใจจริงเขาไม่อยากพักค้างคืนที่บ้านของกำนันธงชัยต่ออีกคืน แต่สงสารนาวินกับน้าพู่ที่ดูเหนื่อยอ่อนแทบไม่หลับไม่นอน คืนนี้จึงคิดว่าจะให้นาวินทานยาคลายเครียดซักเม็ด เด็กหนุ่มดูเครียดมาก ความอ่อนเยาว์ทำให้นาวินยังทำใจไม่ได้ แม้จะรู้ว่าตัวเองมีน้าพู่กับเขา หรือเอกภพอยู่เคียงข้าง แต่นาวินก็คงรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียว
“น้าพู่ ไปถึงบ้านแล้วทานข้าวนะ นาวินด้วย คืนนี้เราพักที่บ้านกำนันอีกคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ” ชาลีบอก
“ผมอยากกลับบ้าน” นาวินเสียงเบา
“พักก่อนเถอะ เราแทบไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวเป็นอะไรไป พี่ทินกรก็คงอยากพัก ขับรถมาตั้งใกล นะ นาวิน นะ”
นาวินเงียบ ไม่ขัดแย้งอะไร เด็กหนุ่มทำตัวเหมือนตุ๊กตา บอกให้ทำอะไรก็ทำ เพียงแต่บางครั้งอาจพูดแย้งขึ้นมาบ้าง แต่หากชาลีพูดอะไร ก็พยักหน้าทำตาม
“นาวิน ตอนเย็นไปปั่นจักรยานกัน” เอกภพชวนคุย “พี่อยากหัดปั่นจักรยาน”
“อย่าได้ไปหลวมตัวหัดให้หมอเอกนะนาวิน ขอบอกว่าเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก” ชาลีเตือน ก่อนจะทำให้ทุกคนหัวเราะเบาๆ
“ว่าเราเข้าไป ตัวเองหัดว่ายน้ำให้ได้เถอะ” เอกภพได้ที ขุดปมด้อยของชาลีขึ้นมาพูด
“เราไม่ได้มีเหงือกเหมือนนายนี่นา คนอะไร เกิดมาตัวก็มีเกล็ด” ชาลีเหน็บแนมเพื่อน
เสียงสองหนุ่มเถียงกันเบาๆ ตลอดทางจนรถจอดหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ของกำนันธงชัยซึ่งรู้จักกันดีกับรัฐศาสตร์ กฤษณากับเพื่อนดาราของเควินอีกสามคนเพิ่งมาถึงไม่นาน ทั้งหมดกำลังลงจากรถ เมื่อบีเอ็มดับบลิวสีดำของชาลีแล่นเข้าไปจอด กฤษณาก็เดินเข้ามายืนรออยู่ข้างๆ
“หมอชาลีคะ กุ๊กไก่ต้องกลับก่อนนะคะ”
“ขอบคุณคุณกุ๊กไก่มากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณเราคงแย่” ชาลีกล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะ เควินก็เหมือนน้อง” หญิงสาวตอบ แล้วหันไปหานาวินที่เดินมายืนทำหน้าซึมๆ อยู่ข้างชาลี “นาวิน มีอะไรก็โทรไปคุยกับพี่บ้างก็ได้นะ”
นาวินพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นไหว้ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายซึ่งเขารู้จักดี ชาลีบอกว่าพอถึงกรุงเทพฯ จะรีบนัดกฤษณาเพื่อจัดการเรื่องเอกสารและเรื่องการเงินของเควินให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด
“ผมคิดถึงพี่วิน” นาวินพึมพำเบาๆ “พี่วินไม่น่าทิ้งผมไป”
ชาลีนิ่งไปชั่วครู่ สามวันที่ผ่านมา นาวินพร่ำพูดประโยคนี้อยู่ไม่ยอมหยุด
“พี่วินไปดีแล้ว” ชาลีปลอบ “ทีนี้ก็เหลือน้าพู่กับนาวินแล้วล่ะ จำไว้นะนาวิน ยังมีพี่อยู่ พี่ไม่ทิ้งนาวินหรอก และนาวินก็ต้องสัญญากับพี่ด้วย ว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปเหมือนกัน”
“ครับ” นาวินพยักหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยยังมีแววเข้มแข็ง
“เข้มแข็งเอาไว้นะน้อง” ชาลีบีบไหล่เด็กหนุ่ม “ตอนนี้ ใช้ความเข็มแข็งของตัวเองไปช่วยขนของจากท้ายรถลงมาก่อน แล้วค่อยไปเดินเล่นกัน”
“อ้าว แล้วหัดจักรยานล่ะ” เอกภพทักท้วง
“ให้ปลัดตาโศกหัดให้สิเอก” ชาลีล้อ “เห็นมองเขาตั้งนานแล้วนี่ มางานศพไกลถึงขนาดนี้ ยังจะมาตกหลุมรักอีก มองตากันเป็นปลากัดอยู่ได้ แล้วก็ปล่อยให้เขาเดินไปขึ้นรถขับหายไปเฉยๆ นี่นะ เฮ้อ”
เอกภพทำเสียงฮึดฮัดแล้วจับมือน้าพู่เดินจากไป ทิ้งให้ชาลีกับนาวินถือของที่อยู่ท้ายรถตามหลังมา
ชาลีหันไปมอง เห็นนาวินอมยิ้มเศร้าๆ ก็ทำรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ต่อจากนี้ไป เขาคงก็ต้องมีภาระทำให้เด็กหนุ่มคนนี้หายซึมเศร้า กลายมาเป็นพี่ชายคนใหม่ของนาวินแทนเควินผู้จากไป
...ใครกันนะที่ช่างทำให้เควินเสียใจได้มากมายจนตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง ไม่ทิ้งคำร่ำลาอะไรไว้แม้แต่นิดเดียว...
...คืนนั้นที่เขาปลอบเควินให้สงบสติอารมณ์ได้ เพื่อนของเขาดูเหมือนจะเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงแล้ว เควินยิ้มเศร้าแล้วหลับตาลงเพื่อนนอนพักผ่อน เขามองนาฬิกา ตอนนั้นเป็นเวลาตีสี่ เขานอนเงียบอยู่ชั่วครู่ ทอดสายตามองนาวินที่นอนอยู่บนเบาะที่วางกับพื้นหน้าโซฟา สลับกับมองไปยังเควินที่นอนสงบอยู่บนเตียงคนไข้ ไม่นึกเลยว่าอีกเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆ เควินก็จากเขาทั้งสองไป
*** 4***
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 31-01-2010 23:38:24
ต้วอย่างตอนต่อไป  :z1:

เพลิงรัก บทที่ 5

กัณต์เก็บสมุดโน้ตเล็กๆ ใส่กระเป๋ากางเกง ยกมือขึ้นแตะไหล่ของพายัพ เด็กหนุ่มใจกล้าที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนที่ถูกปล้น พายัพอายุเพียงสิบแปดปี เพิ่งเป็นนิสิตใหม่ได้ไม่กี่เดือน แต่กล้าหาญจนกัณต์ต้องชมเชย
“ไม่ต้องห่วง สารวัตรจะจับมันมาเข้าคุกให้ได้” กัณต์ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งให้ปากคำเสร็จ อาการของพายัพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมีกำลังใจที่ดี พ่อและแม่ของเขานั่งเฝ้าลูกทั้งวัน พี่สาวก็มาเยี่ยมทุกวันหลังเลิกงาน ครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น และทำให้เขาอิจฉา
...อิจฉาที่เขาไม่เคยมีครอบครัวเช่นนี้...
กัณต์สวัสดีอำลาพ่อและแม่ของพายัพ แล้วเดินออกจากห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล เขาแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายคือนายแพทย์ชาลี คนที่ทำท่าทางไม่สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวนหาตัวคนร้าย

(ไม่กล้าโพสหลายบทต่อกันเยอะเกินไป กลัวถูกตำหนิว่าโพสอะไรนักหนา อ่านม่ายหวาย) :call:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-01-2010 23:50:19
 :a5:

อะไรกัน ๆๆๆ
เรื่องของเควินนี่จะเกี่ยวกับคุณตำรวจมั๊ยอ่ะ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-02-2010 00:12:07
ดูท่าทางจะโศกกันทั้งเรื่องป่ะคับเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-02-2010 00:19:52
คุณนาย เราก้อหลงดีใจ
นึกว่าจะได้นอนอ่านสามตอนแล้วคืนนี้
สำหรับสองตอน  :กอด1: :กอด1:
คริ คริ
น่าสงสารนาวิน
อย่าบอกว่าสารวัตรกันต์คือหนุ่มปริศนาคนนั้นนะ
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 01-02-2010 00:43:00
 :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-02-2010 01:34:56

แค่สองตอนแล้วยังมาบอกว่า "จุใจ"   ชิส์


ปล. ต่อจาก E แล้วคงจะไม่ได้ไหลไปถึง K  หรอกนะ

ไม่งั้น  เรื่องนี้  คงต้อง "ตั้งใจอ่าน" กันยาวววววววววววววววววววววววววววววววววว

ว่าแต่  หมอชาลีคะ  เจ้ขอยาแก้เครียดสักแผง  จะได้กินไปอ่านเรื่องของหมอไป ไงคะ


ปลล.  จำนำด้วย  o13 ไว้ก่อนนะคะ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 01-02-2010 07:47:52
สงสารนาวิน :monkeysad:

อยากรู้ๆ.. ว่าตำรวจคนั้นเป็นใคร :serius2:

+1 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 01-02-2010 09:19:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-02-2010 09:49:46
คุณนายเคอะ

เปิดเรื่องมากะให้คนอ่านตายกันไปข้างหนึ่งเลยชิมิคับ

ใจร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-02-2010 10:02:38
โห คุณนายทำไมเรื่องนี้ตัวละครมันเยอะจัง
ปมต่างๆมีมากมาย ทุกคนต่างมีปมในใจทั้งนั้น

เริ่มงงแทนคนแต่ง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SANDSEAME ที่ 01-02-2010 10:33:22
+1 ให้ค่ะ
ถ้าคนหักอกเควินเป็นกันต์
ท่าทางจะต้องมีการล้างแค้นกันมั่ง
 :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-02-2010 12:28:59
 o22 ถึงชีวิตกันเลยเหรอ
ขออย่าให้มีแก้แค้นอะไรกันเลย เฮ้อ :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 01-02-2010 12:48:55
หรือว่าใครคนนั้นจะเป็น.... แล้วมันจะ....ไหม แล้วชาลีจะ.....หรือเปล่า

จงเติมคำตอบในช่องว่าง อิอิ
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-02-2010 13:21:18
อดีตของหมอชาลีค.รักทำให้เค้าเคยตายทั้งเปนมาแล้วแต่ภาพปัจจุบันนี่สิรักร้ายๆของเควินนำมาซึ่งค.สูญเสียอย่างเฉียบพลันเฮ้อสงสารพี่น้องคู่นี้สุดๆแล้วแบบนึ้รักดีๆของชาลีจะเริ่มต้นใหม่ได้ยังไงกันเพราะยึดติดแต่อดีตที่เลวร้ายส่วนกันย์คิดจะเล่นกับชาลีมันคงง่ายแบบที่ผ่านมาหรอกฮึๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 01-02-2010 14:35:39
 :กอด1:วันใหม่แล้ว มาโพสต์ต่อเถอะ



ว่าแต่  หมอชาลีคะ  เจ้ขอยาแก้เครียดสักแผง  จะได้กินไปอ่านเรื่องของหมอไป ไงคะ

กินยาไปอ่านเรื่องนี้ไป ระวังจะทานยาเกินขนาดนะคะ
เดี๋ยวคนเขียนต้องไปนั่งเฝ้า ไม่มีคนมาโพสต์ต่อ :z2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 01-02-2010 15:10:00
คิดสั้นมากมายอาาา  ไม่น่าคิดสันเลย    แล้วจะบอกว่า  ไม่ต้องกลัวโดนด่า    ลงได้ เยอะๆ เลย ^^ :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2010 18:02:15
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 01-02-2010 18:15:06
ตำรวจที่ว่าขออย่าให้เป็นสารวัตรเลยน่ะ
ปล.ลงห้าตอนรวดก็ได้ค่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 01-02-2010 20:39:40
สะเทือนใจ


 :monkeysad:


รออ่านตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-02-2010 21:14:35
ปวดค่ะปวด...อ่านแล้วปวดใจมากมาย
ทำไมมันหนักอึ้งอย่างเน้ล่ะ :monkeysad:
คุณพี่สารวัตรท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา
อย่างนี้มันน่าหลอกให้รัก แล้วหักอกทิ้งซะจริงๆ เนอะๆหมอชาลี :z1:
ขอบคุณที่มาต่อคร้า :L1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 01-02-2010 21:22:15
ลงมากกว่านี้ก็สู้จร้า  o13 o13......สะเทือนอารมณ์ดีแท้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 01-02-2010 21:26:00
สงสารนาวิน  :o12:  เควินทำไมต้องคิดสั้นด้วยน้าาาาาา :o12:

ตอนนี้ เศร้า 

ว่าหนุ่มคนนั้นจะเป็น กัณย์เปล่าวะ ที่เป็นคนหักอกเควิน

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ชาลีจะแก้แค้นคืนชิมิ  :z10:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 01-02-2010 21:55:20
พี่นาย เรื่องนี้ทำไมปมมันมากมายอย่างงี้หา

แต่ก็พอเดา ๆ ได้  มันเหมือนงูกินหาง หรือจุดไต้ตำตอ ซะงั้น

+1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ปล. ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ จัดลงมาเลย ยาวไปว่า ถ้าสั้น  :m16:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: The_miracle ที่ 01-02-2010 22:50:04
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยครับ แต่ละคนเหมือนจะมีปม


น่าติดตามจริงๆๆๆ ชอบนายเอกแนวนี้มาก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 01-02-2010 23:05:52
เพลิงรัก บทที่ 5

กัณต์เก็บสมุดโน้ตเล็กๆ ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วยกมือขึ้นแตะไหล่ของพายัพ เด็กหนุ่มใจกล้าที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนที่ถูกปล้น พายัพอายุเพียงสิบแปดปี เพิ่งเป็นนิสิตใหม่ได้ไม่กี่เดือน แต่กล้าหาญจนกัณต์ต้องชมเชย
“ไม่ต้องห่วง สารวัตรจะจับมันมาเข้าคุกให้ได้” กัณต์ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งให้ปากคำเสร็จ อาการของพายัพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมีกำลังใจที่ดี พ่อและแม่ของเขานั่งเฝ้าลูกทั้งวัน พี่สาวก็มาเยี่ยมทุกวันหลังเลิกงาน ครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น และทำให้เขาอิจฉา
...อิจฉาที่เขาไม่เคยมีครอบครัวเช่นนี้...
กัณต์สวัสดีอำลาพ่อและแม่ของพายัพ แล้วเดินออกจากห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล เขาแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายคือนายแพทย์ชาลี คนที่ทำท่าทางไม่สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวนหาตัวคนร้าย
กัณต์สอบปากคำเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้านวลศรีให้การได้ไม่ชัดเจนเท่าใดนักเพราะกลัวเสียจนเสียขวัญ พนักงานร้านขายของสะดวกซื้อในย่านที่เกิตเหตุชิงทรัพย์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากพอสมควร เขาพอได้ลาดเลาอะไรบ้างแล้ว ยิ่งวันนี้ได้คุยกับพายัพ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าจะปิดคดีได้ไม่ยาก
...แต่จะยิ่งดีมากขึ้น หากนายแพทย์ชาลีให้ปากคำ เขาเชื่อว่าชาลีเห็นใบหน้าของคนร้ายชัดเจน แต่เขายังตามชายหนุ่มไม่เจอ หมอหนุ่มรูปหล่อลางานได้สี่วันแล้ว พนักงานที่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่าว่านายแพทย์ชาลีลากิจไปต่างจังหวัด...
...เอ หรือจะเป็นเรื่องนั้น เช้าวันที่เขาไปหาชาลีเช้า พยาบาลคนนั้นพูดว่าหมอชาลีอยู่ที่ห้องดับจิต...
...ใครเสียชีวิตหรือ เกี่ยวข้องกับชาลีหรืออย่างไร วันถัดมาถึงได้ลากิจไปถึงสี่วัน...
...เกิดอะไรขึ้น...
สี่วันที่ผ่านมามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมาย ไม่นับถึงเรื่องที่ทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควรที่รู้ว่าคนที่เขารู้จักถึงสองคนเสียชีวิต
คนแรกคือดนุพล...อดีตพยานปากสำคัญคนหนึ่งที่เคยช่วยเขาจนปิดคดีของสังหารปลัดอภิสิทธิ์ได้
คนที่สองเป็นข่าวใหญ่ ใครก็รู้จักและให้ความสนใจ...
ข่าวเสียชีวิตของกวิน หรือเควิน ดาราชื่อดัง....
...เควิน...ช่างกระทันหันอะไรเช่นนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชายหนุ่มมีโรคประจำตัว ท่าทางเควินเป็นคนแข็งแรง ไม่นึกว่าจะมาเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดแตกในสมอง!

ชาลีกับเอกภพต่างก็ตักอาหารวางบนจานของนาวิน เย็นนี้ทั้งสองพาเด็กหนุ่มมาทานอาหารที่ร้าน Capricious ของเพื่อนที่เรียนแพทย์มาด้วยกัน แต่กลับมาทำธุรกิจร้านอาหาร
นาวินเงยหน้าขึ้น ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะอุทธรณ์ว่า “ผมกินไม่ไหวแล้ว”
ชาลีรู้สึกตัว ตั้งแต่เริ่มทานอาหารเขาก็พยายามตักอาหารอร่อยๆ ให้เด็กหนุ่มทาน นาวินก็ไม่ปฏิเสธ จนลืมนึกไปว่า อาหารส่วนมากนั้นมีนาวินเป็นคนทานคนเดียว เอกภพก็ทานไม่มาก เขาเองก็ทานแค่ไม่กี่อย่างและหนักไปทางสลัดเสียเป็นส่วนมาก
“เราเป็นห่วงนาวินนี่นา” เอกภพพูด
“ขอบคุณครับ แต่ผมจะท้องแตกตายอยู่แล้ว” นาวินทำหน้ามุ่ย
“อิ่มแล้วก็ไม่ต้องกิน เอก นายเอาไป” ชาลีตักอาหารคำที่เพิ่งวางบนจานของนาวินให้เพื่อน
“เฮ้ย ไม่เอานะ เรากินไม่ไหวแล้ว” หมอเอกภพพยายามปัดป้องไม่ให้ชาลีวางอาหารบนจานของตัวเอง
“เหอะน่า คำเดียวเอง เสียดายของ” ชาลีเซ้าซี้
“นายก็กินสิ”
“เราอิ่มแล้ว” ชาลีให้เหตุผลง่ายๆ
“เราก็อิ่มเหมือนกัน” เอกภพพูด แล้วหันไปมองอีกด้านหนึ่งของร้านอาหารเพราะเห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้าไป เปิดโอกาสให้ชาลีวางอาหารชิ้นนั้นลงบนจาน
“ชาลี” เอกภพทำปากยื่น “จะบีบให้เรากินให้ได้ใช่ไหม”
ชาลีพยักหน้า “นะ ถ้ากินคำนี้ เราสัญญาว่าจะไปช่วยดูลูกของคนไข้คนนั้นให้ เปิดโอกาสให้เอกได้จีบพ่อเขาไงล่ะ ชวนไปดรีมเวิล์ด์สุดสัปดาห์นี้ซะเลย จับลูกเขาขึ้นนั่งรถไฟเหาะตีลังกา นายก็ไปเดินจูงมือคุยกุ๊กกิ๊กกับพ่อ พอลูกเขาลงมาก็เวียนหัว มองไม่ออกว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชายมาเป็นแม่ใหม่”
“บ้าหรือ” เอกภพหน้ามุ่ย รู้ว่าชาลีเหน็บแนม
นาวินอดอมยิ้มไม่ได้ที่เห็นเพื่อนพี่ชายทั้งสองคนยั่วเย้ากัน เขายอมรับว่าหมอชาลีกับหมอเอกภพทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากเรื่องเศร้าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่กับหมอชาลีชั่วคราว น้าพุอยู่เป็นเพื่อนอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับเชียงราย พรุ่งนี้หมอชาลีจะพาเขาไปพบกับกฤษณาเพื่อสะสางเรื่องการเงินของพี่ชายเขา
“ห้ามไปตกลงจะเข้าวงการบันเทิงเด็ดขาดนะนาวิน” เขาจำได้ถึงคำสั่งของชาลีที่พร่ำพูดอยู่หลายครั้ง “เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น นาวินตั้งใจเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เอาเรื่องนี้ก่อน”
“เป็นอะไรเอก” ชาลีถาม เมื่อเห็นเพื่อนชะงักและปรายตาไปมองอีกด้านหนึ่งบ่อยเกินไป
“เปล่า” เอกส่ายหน้า ก้มลงเขี่ยอาหารที่เหลืออยู่บนจาน
...เอกไม่เคยโกหกอะไรเขาได้ นัยน์ตาของเอก สีหน้าของเอก ไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้เลย...
ชาลีหันไปมอง แล้วรีบหันกลับโดยเร็วเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของร้านอาหาร
“หล่อไหม” เอกภพพึมพำถามเพื่อนเสียงเบา ชาลีเบ้ปาก ไม่ตอบคำถามของเพื่อนออกมาเป็นคำพูด
“พี่หมอ ผมไปห้องน้ำนะครับ” นาวินขอตัว
“ระวังตัวด้วยนะนาวิน” ชาลีเผลอเตือน
นาวินพยักหน้าอย่างคุ้นเคยกับคำเตือน
“นี่ นาวินโตแล้วนะ และนี่ก็แค่ไปห้องน้ำ ไม่ได้ไปออกสนามรบที่ไหน” เอกภพเตือนชาลี “นายนี่ทำยังกับเป็นพ่อนาวินยังงั้นล่ะ”
“ก็ห่วงเขานี่นา ไม่เห็นหรือว่าเด็กมันกำลังโตเป็นหนุ่ม รูปร่างหน้าตาแบบนี้ มีพวกเสือหิวจ้องจะกระโดดเข้าขย้ำ ถ้าไม่มีพ่อเสือคอยห่วงคอยหวง เดี๋ยวก็โดนลากไปเขมือบซะก่อนเข้ามหาลัยได้หรอก” ชาลีให้เหตุผล
“อ๋อ พอเข้ามหาลัย นายถึงจะปล่อยงั้นหรือ ยิ่งเป็นนิสิต นายยิ่งดูแลเขาไม่ไหว take it easy น่าชาลี”
“รู้แล้ว มันอดไม่ได้นี่นา” ชาลียักไหล่ “ก็พวกพรานล่าเหยื่อสมัยนี้เยอะนักนี่”
...รวมถึงตำรวจคนนั้นด้วย ท่าทางไม่เบา...
เอกภพนิ่ง ชาลีรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร จึงพูดขึ้นว่า “เอก นายก็เถอะ ระวังตัวเอาไว้ จะตกเป็นเหยื่อของคนเจ้าชู้”
“บ้า” เอกภพทำตาค้อน “ทำเป็นรู้ดี”
“อ้อ พูดผิดไป พูดใหม่ก็ได้” ชาลียิ้มเหยียดๆ “ระวังจะกลายเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ของคนไข้ตัวน้อยๆ แล้วจะหาว่าเพื่อนไม่เตือน”
"พูดอะไรก็ไม่รู้" เอกภพพึมพำเสียงเบา "เรารู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ เราก็แค่ชื่นชมเพราะเขาเท่ก็แค่นั้น แล้วถ้าเขาไม่สนใจเราก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ได้มองก็เพลินดี โลกมันก็มีสีสัน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ"
"ครับคุณหมอ" ชาลีล้อเลียน "แต่อย่าให้รู้นะว่าไปเสียตัวให้พ่อคนไข้"
"บ้า" เอกภพทำหน้าอายๆ แล้วเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่คนเดียวเงียบๆ อาการของหมอหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้เลย ชาลีจึงพูดเตือนขึ้นมาเบาๆ ว่า
"แล้วบุคคลต้องห้ามด้วย ระวังเอาไว้ รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ อย่าได้เข้าไปเสี่ยงเด็ดขาด โดยเฉพาะตำรวจเจ้าชู้ พรานล่าเหยื่อ" ชาลีพูดกับเอกภพ แต่สายตาเหลือบมองไปยังชายหนุ่มในเครื่องแบบที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
"รู้ได้ยังไงว่าเขาเข้าชู้ กลัวเขาหักอกเราใช่ไหมชาลี” เอกภพมองหน้าเพื่อน จ้องตานิ่ง” แต่คิดๆ ไป เราก็กลัวเหมือนกัน กลัวจะเจอคนเหมือนชาลีที่มีงานอดิเรกแบบที่กำลังทำอยู่"
ชาลียักไหล่แล้วตักอาหารเข้าปาก ไม่ตอบโต้ เอกภพจึงพูดต่อไปว่า "ชาลี เมื่อไหร่จะเลิกเสียที เรากลัวว่าชาลีจะโดนพิษของมันตลบหลัง"
"มือชั้นนี้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก อีกอย่างเราก็เลิกแล้วนี่ไง ตอนนี้ไม่มีใครซักคน โสดสนิท"
"เลิกหรือพัก แล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ก็หาเหยื่อรายใหม่ หลอกให้เขารัก แล้วก็ทิ้งเขา จะว่าไป ตัวเองนั่นล่ะก็ควรจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลต้องห้าม เราอยากจะรีบวิ่งเข้าไปบอกคนที่เข้ามาจีบนายเหลือเกิน"
"อย่านะ" ชาลีใช้ซ่อมชี้หน้าเพื่อน "ห้ามเด็ดขาด ห้ามมาแทรกแซงภารกิจพิชิตหนุ่ม แต่จะว่าไป เราก็ไม่ได้ทำอะไรโหดร้ายเกินไป ก็แค่คบไม่กี่เดือน พอให้รู้สึกว่ารักแล้วก็เลิก ไม่ปล่อยให้ผูกพันกันจนเขาเสียใจจะเป็นจะตาย เท่าที่เห็น คนที่โดนเราทิ้งก็เห็นเขาแฮปปี้กันดีอยู่ทุกคน"
"เรากลัวว่าใครบางคนที่ชาลีคิดว่าอยากเล่นสนุกๆ ด้วย ท้ายที่สุดเขาจะกลายเป็นเหมือนเควิน" เอกภพเสียงหม่น "จริงๆ นะ ชาลี ใครซักคนที่รักนายเข้าเต็มหัวใจอย่างจริงจัง อยากมีชีวิตรักที่มั่นคงด้วย แต่ในที่สุดก็ต้องผิดหวัง และบางที ชาลีก็อาจจะเจอใครซักคนที่ใช่ แต่ก็..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกเอก เรารู้ว่าตอนไหนควรหยุด เราไม่ให้มันถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นหรอก และที่แน่ๆ เราจะไม่รักใคร ความรักมันเข้าไปในหัวใจเราไม่ได้หรอก มันด้านชาไปตั้งนานแล้ว เราจะไม่ยอมเจ็บอีก แค่ที่เจอมาก็เกินทน พอกันที" ชาลีเสียงกร้าว ในใจนึกย้อนกลับไปเมื่อในอดีต ภาพแห่งความเจ็บปวดทั้งกายและใจย้อนกลับมาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเขาก็รีบสลัดให้มันหายไป ตามองไปยังนาวินที่เดินกลับมา ผ่านโต๊ะชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวและมองตาม 'น้องชายคนใหม่' ของเขาตาเป็นมัน
...นาวิน เขามีภาระดูแลนาวิน อย่างน้อยเขาก็ไม่มีเวลาไปปั่นหัวใครให้รักอีกซักระยะ ตอนนี้ต้องพานาวินข้ามแม่น้ำเชี่ยวกรากให้รอดเสียก่อน จนกระทั่งนาวินแกร่งพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วค่อยว่ากันอีกที...

ชาลียืนรอเอกภพกับนาวินที่หน้าร้านอาหาร พอเดินออกมาถึงหน้าร้าน สองคนนั้นก็ขอกลับเข้าไปข้างในอีก เพื่อเข้าห้องน้ำจนเขาล้อว่าเป็นโรคช้ำรั่วหรืออย่างไร เข้าห้องน้ำอยู่ได้ชั่วโมงละสองครั้ง
คืนนี้เขาแต่งตัวเนี้ยบกว่าปกติ ซึ่งก็ได้ผล อย่างน้อยชายหนุ่มสองคนที่เดินออกจากร้านอาหารไล่เลี่ยกันส่งสายตาแสดงความสนใจเขาอย่างเปิดเผย เขาโปรยเสน่ห์ อมยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินเข้ามาคุยด้วย
“อาหารอร่อยไหมครับคุณหมอ” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างๆ
ชาลีสะดุ้ง หันไปมองก็พบว่าเป็นนายตำรวจคนนั้นเอง เขาไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าช้าๆ
“ผมตามหาคุณหมอตั้งนาน เห็นว่าลากิจไปหลายวัน พร้อมที่จะให้ปากคำหรือยังครับ ผมยังต้องการให้หมอเป็นพยานอยู่นะ”
“ป่านนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้หรือ” ชาลีพูดเสียงเบา
“ใกล้แล้ว ผมได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ถ้ามีพยานที่น่าเชื่อถือได้อีกซักคนผมก็เข้าจับกุมตัวได้” เสียงของกัณต์หนักแน่น ใบหน้าเรียบนิ่ง จริงจัง “ขึ้นอยู่กับว่าคุณหมอจะมีใจอยากจะช่วยหรือเปล่า”
...มีใจอยากจะช่วย ฮึ เข้าใจพูดนะ...
“ไม่ต้องมาประชดนะหมวด” ชาลีเค้นเสียง “ผมก็มีเรื่องของผม”
“ครับ ผมเข้าใจ คุณก็มีเรื่องของคุณ นัดทานข้าวในร้านหรู กับหนุ่มสองคนพร้อมกัน”
...ประชดอีกแล้ว และยังมีหน้ามาเดินหนีอีก...
ชาลีมองแผ่นหลังกว้างนั้น ในใจคิดอยากจะขว้างโทรศัพท์ในมือใส่คนตัวโตที่พูดเสร็จแล้วก็เดินหนีไปทันที
...กล้าดียังไงมาพูดกับเขาแบบนี้ ตำรวจก็ตำรวจเถอะ...
“นี่คุณตำรวจ พูดแบบนี้ไม่สวยนะ” ชาลีเดินตาม
“พรุ่งนี้ผมจะไปหาที่โรงพยาบาล” กัณต์หันหน้ามายังแพทย์หนุ่มที่ทำหน้าบึ้งตึง “ผิดนัก ผมจะขอเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล ขอคุยกับแพทย์ของโรงพยาบาลต่อหน้านายแพทย์เดชาให้รู้แล้วรู้รอด”
“คิดว่าผมกลัวหรือ” ชาลีท้าทาย
“เด็กคนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล...รามอินทรา กม. 8 ตึกชาย 2 ห้อง 209 ถ้าคุณอยากจะไปเยี่ยม” เสียงกัณต์ดังห่างออกไปเพราะนายตำรวจเร่งความเร็วขึ้น และชาลีเดินช้าลงเพราะเลิกคิดที่จะเดินตามคนตัวใหญ่ที่ท่าทางกวนอารมณ์ยิ่งนัก
...ไม่ต้องมาบอก เขารู้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมพายัพอยู่พอดี นี่คงคิดว่าเขาไม่สนใจใยดีเด็กหนุ่มคนนั้นล่ะสิ บ้าจริงๆ ตำรวจอะไร กวนโมโหเป็นที่สุด...

พายัพไม่รู้จักหน้าตาของนายแพทย์ชาลีคนที่วิ่งเข้าไปช่วยเขา เด็กหนุ่มทำหน้างงๆ เมื่อชาลีเดินเข้าไปเยี่ยม แต่ครั้นเขาแนะนำตัว พายัพก็ยิ้มกว้างแล้วบอกว่าเขาจำชื่อชาลีได้ ป้านวลคนที่ถูกชิงทรัพย์มาเยี่ยมเขาและเล่าเรื่องราวให้ฟัง สารวัตรกัณต์ก็เล่า
“ผมขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณหมอ ผมคงต้องตาย” พายัพพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ถ้าไม่ได้ป๋องต่างหาก ป้านวลอาจจะอาการหนัก หรืออาจโดนทำร้ายถึงตาย ป๋องกล้าหาญมากที่สุดเลยรู้ไหม” ชาลีชื่นชมชายหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง แล้วปรายตาไปมองนาวินที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“ป๋องต้องสู้นะ อีกไม่นานก็หาย นี่ก็ดีมากเลยที่ไม่กี่วันก็อาการดีขึ้นมาก”
“ผมสู้อยู่แล้วครับ ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก ผมมีพี่สาวกับพ่อและแม่ต้องดูแล” พายัพพูดเสียงหนักแน่น
“ให้มันได้ยังงี้สิ” ชาลียกนิ้วโป้งชูให้เด็กหนุ่ม แสดงท่าทางชื่นชมให้รู้ว่า...เยี่ยมที่สุด
“อ้อ นี่น้องชายพี่ ชื่อนาวิน อายุคงน้อยกว่าป๋องมั๊ง”
“ผมเพิ่งเข้ามหาลัยครับ” พายัพยิ้มให้นาวิน แล้วหันมาพูดกับชาลี 'น้องชายคนใหม่' ของนายแพทย์หนุ่มพยักหน้าให้คนที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ ให้
“งั้นป๋องก็เป็นพี่”
“แต่ตัวเล็กกว่าเยอะ” พายัพยิ้ม
“คนเล็ก แต่ใจใหญ่” ชาลีหัวเราะ แล้วหันไปชี้นาวิน “คนนั้น ตัวใหญ่ และใจก็ใหญ่เหมือนกัน”
ทั้งหมดหัวเราะประสานกัน ไมตรีจิตก่อตัวขึ้น ชาลีมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะได้น้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
พายัพเป็นคนที่มีทัศนคดีในด้านดี มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ขยันและไม่เคยท้อแท้ เด็กหนุ่มทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย และเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ส่งตัวเองเรียน ค่าเล่าเรียนเทอมแรกได้มาจากเงินเก็บของเขาที่ทำงานหนักมาปีกว่า
“นี่ผมคงไปเรียนไม่ได้อีกหลายเดือน” พายัพเบ้ปาก “ไม่รู้จะดรอปได้หรือเปล่า พ้นกลางเทอมมาแล้ว ผมกลัวว่า...”
“ได้สิ คุยกับอาจารย์ ท่านต้องเห็นใจแน่ ถ้ามีปัญหา พี่จะช่วยพูดให้” ชาลีเสนอตัว “รู้ไหม นาวินก็จะสอบเข้าเรียนคณะเดียวกันกับป๋องด้วยล่ะ อีกไม่นาน ป๋องอาจจะได้รับน้องใหม่”
“อีกตั้งปีกว่าๆ นะครับพี่หมอ” นาวินพูด เด็กหนุ่มยังเรียกเขาว่าพี่หมอเพราะคุ้นปาก ชาลียังไม่ได้บอกพายัพว่าที่จริงแล้ว นาวินไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเขา
ชาลีกับนาวินคุยกับพายัพอีกครู่ใหญ่แล้วจึงขอตัวกลับ หลังจากร่ำลากันแล้วและก่อนที่จะเดินออกจากห้อง พายัพถามเขาว่า “พี่หมอครับ ตำรวจเขาจะจับคนร้ายได้ไหมครับ”
“ได้สิ ตำรวจเขาเก่ง คนร้ายไม่รอดหรอก คนที่ทำไม่ดีต้องได้รับการลงโทษ” ชาลีหันไปพูดกับคนเจ็บบนเตียงที่นอนมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
...เขานี่ล่ะ จะเป็นคนชี้ตัวผู้ต้องหา...
...คนทำผิด ต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม...

 เพลิงรัก บทที่ 6

ชาลีกับนาวินเดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลช้าๆ ชาลีคุยกับนาวินเรื่องทั่วๆ ไปและลงท้ายด้วยการย้ำเรื่องการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน
“ถ้าตอนที่รอพี่มีคนเข้ามาคุยด้วยหรือชวนไปถ่ายแบบ ห้ามตอบตกลงเด็ดขาด เรื่องเรียนต้องมาก่อน” ชาลีสั่งสอน “เรื่องจะเข้าวงการนี่เอาไว้คิดตอนจบปริญญาโท ตอนนี้เรายังเด็กอยู่ โลกภายนอกนี่มันร้ายกาจ พี่ไม่อยากให้นาวินเจอพวกคนไม่ดี”
“ผมรู้แล้วน่า” นาวินตอบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-02-2010 23:22:36
คุณตำรวจรู้จักกับเควินด้วย :m21: เกี่ยวกันมะ
นึกว่าจะลงต่อตอนที่6ซะอีก :jul3: ฟิตจริงพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 01-02-2010 23:49:40
จัดมาเลยค่ะ :haun5: ตอนที่6 ยังไหว
 :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 02-02-2010 00:18:48
แหมคุงตำรวจเคอะจิกคุงมาเปนพยานแบบกัดไม่ปล่อยเลยนะปากร้ายจิงนุ้งนาวินนี่น่าเลี้ยงจิงๆเชี่อฟังพี่สาว?ทั้ง2คนดีมาก555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 02-02-2010 00:33:46
ทำไมตอนที่ 6 มันสั้นอย่างนั้นล่ะ  :serius2: :beat:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 02-02-2010 00:59:12
เห็นด้วกะรีฯ บน
 :serius2: สั้นมากกกก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-02-2010 11:32:22
เห้อออออ
คุณตำรวจรุ้จักเควิน ??
ตอนที่ 6 มาเลยดีกว่า ๆๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 02-02-2010 12:01:33
มาหยอดให้พอเป็นน้ำจิ้มอีกแล้วพี่นาย ขอชุดใหญ่ได้ม๊ายยยยย  :m31:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-02-2010 12:50:32


ผมรู้แล้วนา  ว่าคนเขียน...สั้น


 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-02-2010 13:27:00


ผมรู้แล้วนา  ว่าคนเขียน...สั้น


 :bye2:

ถูกกกกกกกกกกก

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-02-2010 14:24:23
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 02-02-2010 20:19:18
หึ ๆ

คนเจ้าชู้มันต้องโดนหักหลัง !!!


 :m31:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-02-2010 21:46:10
โหย

ชาลี จะล้างแค้นให้ เควินใช่ไหมเนี่ยย

สนุกค่ะ อยากอ่านต่อแล้ว

มาได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 02-02-2010 21:51:59
พี่นาย บทที่ 6 ทำไมมันจุ๊ดจู๋ อย่างงั้นละครับ

หรือว่า เป็นอย่างที่เจ๊สอง ว่าจริง ๆ  :z2:

+1 ให้พี่นาย เป็นกำลังใจให้คนสั้น ให้แต่งเรื่องให้ยาวววววววว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ToRMoR ที่ 03-02-2010 11:46:30
*-*กำลังรอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: CocO naTtH mIlK ที่ 03-02-2010 14:30:12
ตามมาให้กำลังใจเจ้าของเรื่องอีกคนครับ

สบายดีนะครับนาย :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 03-02-2010 20:51:31
มาติดตามเรื่องใหม่ของคุณคฑาวุติครับ ชอบ ๆ จะรอนะครับบบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 03-02-2010 21:30:11
น้องนาวิน น่ากินมั่ก :z1: :haun4:

ไป ๆ มา ๆ จะปิ๊งปั๊งกันเปล่า กะ พายัพ อิอิ

พายัพน่ารักดีเนอะ เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ดูจะเป็นคนอ่อนโยนใจดีด้วย อุอุ

รอดู ว่าจะเป็นยังไง  ระหว่าง ชาลี กะ กัณต์  :z2:

บวกจ้า  :L2:


ปล. คนเขียน "สั้น" จริง ๆ ด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 04-02-2010 13:29:53
เพลิงรักบทที่ 8

สายตาของ พ.ต.ต. กัณต์จับอยู่ที่ร่างปราดเปรียวของนายแพทย์ชาลีที่วิ่งเหยาะๆ ขึ้นบันไดของสถานีตำรวจ เขาถอนหายใจเบาๆ และเผลอยิ้มมุมปากออกมาเมื่อนึกถึงเมื่อเช้านี้ เขาโทรศัพท์ไปย้ำกับชาลีว่าให้มาถึงเร็วกว่าที่นัดเอาไว้ครึ่งชั่วโมงเพราะต้องเข้าประชุม ชาลียังพยายามต่อรองเรื่องเวลาแต่เขาไม่ยอม
“ผมอยากปิดคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วการชี้ตัวก็ใช้เวลาเดี๋ยวเดียว ไม่เสียเวลาคุณหมอเท่าไหร่หรอก มีเวลาไปหาเด็กถมเถ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่หรือครับ” กัณต์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงประชดชาลี แต่จำได้ว่านายแพทย์หนุ่มตัดสายทิ้งทันทีที่เขาพูดจบ ตอนแรกเขาคิดว่าจะโทรกลับไปย้ำอีกแต่ก็เปลี่ยนใจ ขอลุ้นว่าชาลีจะ ‘โผล่’ มาตามเวลาหรือเปล่า
แต่เมื่อพบหน้ากัน ชาลีก็พูดออกมาอย่าที่เคยพูดบ่อยครั้งว่า “ขังให้นานๆ นะครับสารวัตร อย่าให้หลุดออกมาได้ภายในสี่ห้าวัน ไหนๆ พวกคุณก็ตั้งข้อหาพยายามฆ่าไม่ได้แล้ว ยังไงก็ขังให้ถึงอาทิตย์”
กัณต์ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ผมยากจะให้ขังลืมจนคุณพอใจ แต่เสียใจและขอโทษที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้เพราะผมไม่ใช่ศาล”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมเข้าใจว่าคุณเป็นแค่ตำรวจ ไม่ใช่ศาล” ชาลีหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับยักไหล่ “แต่คุณคงรู้ว่า เด็กหนุ่มอนาคตดีแทบเอาชีวิตไม่รอด ผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ ผู้ชายคนนี้ดูท่าว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร โทษที่ได้รับมันสาสมแล้วหรือ”
“เรายังไม่รู้เลยว่าเขาได้รับโทษแค่ไหน” กัณต์แย้ง
“ก็คงแค่เท่าที่ศาลยุติธรรมประเทศนี้จะลงโทษมั๊งครับ” ชาลีเบ้ปาก
“เด็กคนนั้นอาการดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานซืนผมไปเยี่ยม”
“ผมก็ไปเยี่ยมเหมือนกัน” ชาลีพูดแทรกเสียงเข้ม “ไม่ใช่คุณไปเยี่ยมคนเดียวเสียเมื่อไหร่ คุณว่าอาการดีขึ้นหรือ แต่เท่าที่ผมเห็น เท่าที่ผมคุยกับหมอ เท่าที่ผมเยี่ยมคนไข้อย่างห่วงใย ยังไม่รู้ว่าพายัพจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ เผลอๆ ผู้ร้ายจะออกจากคุกก่อนคนเจ็บ”
กัณต์ถอนหายใจอีกครั้งแล้วก้าวเท้ามายืนหน้านายแพทย์ที่กำลังทำหน้าเคร่งและพูดเสียงราบเรียบว่า “คุณหมอชาลีครับ ผมทำดีที่สุดแล้ว และผมก็ขอบคุณคุณหมอมากที่เสียสละเวลาทำมาหากินมาช่วยเป็นพยาน แต่เราก็ต้องยอมรับสภาพที่มันกำลังเป็นอยู่ ผมก็เกลียดคนที่ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้เหมือนกัน อยากจะเอามีดแทงเขาเหมือนที่เขาทำกับเด็กหนุ่มพลเมืองดีคนนั้น แต่ผมทำไม่ได้ เพราะผมสวมหมวกตราโล่ห์อยู่ เราต่างก็มีบทบาท อะไรๆ ในประเทศนี้มันก็มีบรรทัดฐานของมัน”
“บรรทัดฐานที่ตั้งอยู่บนความไม่ยุติธรรม” ชาลีเสียงกร้าว นัยน์ตาลุกโชน”เหมือนตราชั่งที่มีใครก็ไม่รู้เอาไปวางทิ้งไว้บนพื้นทรายที่น้ำกำลังเซาะ”
“ผมเข้าใจ” กัณต์พยักหน้า ตอบชาลีสั้นๆ ในใจครุ่นคิดว่า
...ชาลีหมายถึงผู้ชายคนนี้ที่ทำร้ายพลเมืองดีจนบาดเจ็บสาหัส หรือใครบางคนในอดีตที่ทำร้ายตัวเองจนสาหัสไม่แพ้เด็กหนุ่มคนนั้น...
...บุตรชายคนเดียวของนักการเมืองระดับกรรมการบริหารพรรคทำร้ายนักศีกษาแพทย์ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยต่อหน้าเพื่อนๆ จนเพื่อนและอาจารย์ต้องวิ่งเข้ามาช่วยหามส่งโรงพยาบาล
คนที่ทำร้ายไม่ได้ถูกลงโทษทางกฎหมาย ต่างฝ่ายต่างเสียเพียงค่าปรับห้าร้อยบาทข้อหาทะเลาะวิวาท “อำนาจ”ของบิดาของคู่กรณีทำให้ “หนัก” กลายเป็น “เบา”
จะว่าไป กัณต์ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของนายแพทย์ชาลี นี่หากเขาไม่ไปค้นข้อมูลประวัติบุคคลของนายแพทย์หนุ่มเขาก็คงได้แต่โต้เถียงกับชาลีด้วยความไม่เข้าใจอยู่เป็นนานสองนาน

กระบวนการชี้ตัวผู้ต้องหาผ่านไปโดยเร็วเพราะมีชาลีคอยเร่ง เมื่อเสร็จเรื่อง นายแพทย์หนุ่มเดินลงจากสถานีตำรวจทันที กัณต์รีบเดินตามเพื่อทวงคำพูดบางอย่างที่ชาลีพูดเมื่อคืนที่เจอเขากับชายชลหน้าผับในซอยหลังสวน
“ผมก็พูดไปยังงั้นเอง” ชาลียักไหล่ ทำหน้านิ่งเฉย มือแกว่งพวงกุญแจรถ
“งั้นหรือครับ” กัณต์ยกมือขึ้นเท้าเอว ทำหน้าระอาใจ เหยียดยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ผมว่าแล๊ว ดีแต่พูด”
ชาลีรู้ว่ากัณต์เหน็บแนมแต่ทำไม่สนใจและเดินต่อไปจนถึงรถ แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ลดละ เดินตามมาติดๆ
...เขาจะทำให้ชาลีเลี้ยงเหล้าเขาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนเขาก็จะทำ คอยดูสิ...
“วันขึ้นศาลจะไปไหมครับคุณหมอ” กัณต์ยกมือดันประตูรถของแพทย์หนุ่มเอาไว้ “หรือจะบอกว่าไม่ไป แต่วันนั้นก็ไป เปลี่ยนคำพูดไปมาจนผมไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่ เหมือนที่บอกว่าจะไม่ยอมเป็นพยานแต่ก็เปลี่ยนใจ”
...มาว่าเขาโลเล จะเอาชนะใหได้หรือยังไง สารวัตรกัณต์ เอาเถอะ จะยอมให้ซักครั้ง...
ชาลีลงจากรถ ปิดประตูรถแรง แล้วเดินตรงไปยังห้องแถวร้านค้าไม่ไกลจากสถานีตำรวจ กัณต์เดินตามแต่ทำสีหน้างงๆ เพราะจู่ๆ นายแพทย์ชาลีก็นิ่งเงียบและเดินหนีไปเสียดื้อๆ
“รอตรงนี้นะครับ” ในที่สุดชาลีก็หันมาบอกกัณต์เมื่อเดินมาถึงร้านค้าแห่งหนึ่ง นายแพทย์หนุ่มเดินหายเข้าไปในร้าน กัณต์ยืนรอตามที่บอกแต่ไม่นานก็ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นชาลีเดินออกมาพร้อมกับขวดเหล้าหนึ่งขวดในมือ
“เอ้า ผมเลี้ยง ถือว่าจบกัน เสียดายที่เผลอหลุดปากไปเมื่อคืน ขี้เกียจจะฟังคนเหน็บแนมว่าไม่รักษาคำพูด รับไปซิครับ หรือดื่มเหล้าไทยไม่ได้ หัวสูง ต้องกินแต่เหล้านอก” ชาลียื่นขวดสุราไทย 40 ดีกรีมาให้นายตำรวจหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงเครื่องแบบสีกากีซึ่งทำหน้านิ่ง ปากเม้ม เจ็บใจที่โดนปั่นหัว
“เชิญดื่มให้สำราญนะครับหมวด แต่อย่าให้หมดขวดทันทีเลยนะครับเดี๋ยวไม่มีแรงไปวิ่งจับผู้ร้ายวิ่งราวกระเป๋า” ชาลีพูดเยาะๆ เมื่อกัณต์จำต้องยื่นมือมารับขวดเหล้าจากมือเขา
นิ้วแตะกัน กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านจากมือแข็งแรงขอกัณต์ นายแพทย์หนุ่มเกือบจะทิ้งขวดเหล้าให้หลุดมือ
กัณต์ดูเหมือนจะรู้สึกเหมือนกัน นายตำรวจอมยิ้มเมื่อเห็นว่านายแพทย์ปากร้ายรีบหดมือกลับแล้วเดินหนีไปทันที
...หมอชาลี อย่าบอกนะว่าเราเห็นหมอท่าทางร้ายๆ คนนี้ทำท่าเขินอาย...
ชาลีกับเอกภพเดินออกมาจากสนามสควอชด้วยสภาพเหงื่อโทรมตัว เอกภพท่าทางอ่อนแรงแต่ชาลียังคงกระปรี้กระเปร่า เกมนี้ชาลีเอาชนะเอกภพได้เช่นเคย
“ไปเอาแรงมาจากไหนชาลี” เอกภพหายใจหอบ “เล่นตั้งหลายเกม จะเอาชนะเราให้ได้”
“แล้วชนะสมใจ” ชาลียักไหล่
“ก็เห็นชนะทุกที ไม่เบื่อหรือไง จะเอาชนะอยู่นั่นล่ะ ลองหัดแพ้บ้างสิ เราจะได้ดีใจที่เป็นผู้ชนะบ้าง”
“ฮึดสู้หน่อยก็ชนะได้แล้วเอก แล้วอีกอย่างต้องฝึกหนักมากกว่านี้” ชาลีแนะนำ เอกภาพส่ายหน้าก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ทันใด นาวินก็วิ่งเข้ามาหานายแพทย์ทั้งสองแล้วกระโดดลิงโลดด้วยความดีใจ
“พี่หมอ ทีมผมชนะแล้ว ชนะแล้ว ได้เข้ารอบชิง เย้” นาวินกระโดดเข้ามาใกล้ กอดชาลีแล้วเขย่าเพราะดีใจจนลืมตัว
“ดีมาก แล้วจะมาเชียร์นะ แต่ว่าแข่งบาสกับทีมในฟิตเนสนี่มันทัวร์นาเมนท์เล็กมากเลยนะนาวิน” ชาลีพูดยิ้ม
“แต่เขาเก่งกันนะพี่ พอๆ กับทีมโรงเรียนผมเลยล่ะ” นาวินให้เหตุผล “แล้วพี่เอ็กซ์ก็บอกว่าจะซ้อมให้ผมเป็นพิเศษ เขาบอกว่าผมมีแววเป็นดาวรุ่ง”
พี่เอ็กซ์...พยักหน้าให้ทั้งสามเมื่อนาวินพูดเสร็จแล้วหันไปโบกมือให้
เอ็กซ์ ชายหนุ่มร่างสูง อายุประมาณยี่สิบปลายๆ ยืนอยู่ริมสนามบาสเก็ตบอลอีกฟากหนึ่งของยิม
“พี่เอ็กว์เล่นทีมธนาคารกรุงเทพฯ มาซ้อมเกือบทุกวัน ผมมาซ้อมบาสที่นี่นะครับพี่หมอ ขากลับให้พี่เอ็กซ์ไปส่งก็ได้ พี่เอ็กซ์มีรถ แต่วันไหนพี่หมอมายิมแล้วค่อยกลับพร้อมกัน” นาวินขออนุญาต นัยน์ตาเป็นกระกายเพราะกำลังมีความสุข มือแข็งแรงกอดชาลียังไม่ยอมปล่อย
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ชาลีตอบเสียงเบา สายตาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งยืนมองอยู่ที่ประตูทางเข้ายิม
“น่านะพี่หมอ เลิกเรียนผมก็มานี่เลย มาซ้อมรอทีม พอซ้อมเสร็จ พี่เอ็กซ์เขาจะสอนต่ออีกหน่อย รับรองว่าผมไม่เถลไถลเด็ดขาด พี่เอ็กซ์เขามีรถ เขาบอกว่าไปส่งก็ได้ ผมจะกินข้าวเน็นไปให้เรียบร้อย” นาวินยื่นหน้าเข้ามาทำตาละห้อย ทำออดอ้อนขออนุญาตผู้ปกครอง
“ชาลี เด็กมันโตแล้วนะ ที่จริงนาวินกลับบ้านได้เองแล้วด้วยซ้ำ” เอกภพพูดขึ้น
“นะพี่หมอนะ” นาวินอ้อนไม่หยุด
ชาลีพยักหน้าแล้วดึงแขนตัวเองออกจากมือของนาวินก่อนจะขยับตัวออกห่างเพราะอีกฝ่ายทำท่าดีใจเกินเหตุ จนนายแพทย์หนุ่มกลัวว่า ‘น้องชายคนใหม่’ จะกระโดดกอด
...โดนสารวัตรกัณต์กระทบกระเทียบอีกแล้วสิเรา ยืนมองตาไม่กะพริบ ทำไมต้องมายิมเดียวกันด้วยนะ...
ชาลีชวนเอกภพไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วบอกให้นาวินตามไปโดยเร็วเพราะใกล้ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
“ผมยังไม่กลับนะครับ ทีมเขาจะไปฉลองกัน แต่ไม่ดึกหรอก ไม่เกินสองทุ่มก็กลับ พี่เอ็กซ์จะไปส่ง” นาวินยังทำหน้าออดอ้อนเหมือนเดิม “แค่ไปร้านใกล้ๆ ยิมนี่เอง กินข้าวกันเฉยๆ แล้วก็กลับ”
“ห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด” ชาลีทำหน้าขึงขัง
“ชาลี ไม่ต้องสั่งนาวินหรอก ก็รู้ๆ อยู่ว่าน้องไม่ดื่มเหล้า” เอกภพขัดคอ
“ดื่มนะดื่มได้ แต่ยังไม่ถึงเวลา รอให้บรรลุนิติภาวะก่อน พี่เป็นห่วงหรอก” ชาลีหันไปพูดกับนาวิน
“รู้แล้วน่า” นาวินลากเสียงแล้วรีบวิ่งกลับไปที่สนามบาสเก็ตบอลเพื่อนรวมกลุ่มกับเพื่อนใหม่ ปล่อยให้พี่ชายทั้งสองยืนมองตามด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน
“เฮ้อ หนักใจ” ชาลีถอนหายใจยาว “ขออย่าให้พี่เอ็กซ์นี่เป็น...”
“เป็นเหมือนตัวเอง” เอกภพแทรก “ถ้าเป็นล่ะก็ ชาลีเอ๊ย นาวินไม่รอดพ้นเกินสองอาทิตย์หรอก เผลอๆ สองวันก็เสร็จพี่เอ็กซ์ เด็ก 17 ปี รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ใครเห็นก็อยากกระโดดเข้าขย้ำ”
“ไม่ต้องให้กำลังใจหรอกเอก” ชาลีหันไปแขวะเพื่อนก่อนจะเหลือบไปมองนายตำรวจที่เดินผ่านไปห่างๆ ตรงไปยังด้านในของศูนย์ออกกำลังกายขนาดใหญ่
ตาสบตา...ชาลีเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในดวงตาคมกริบคู่นั้น มุมปากยิ้มเยาะๆ เหมือนจะพูดกับเขาว่า
...หวานกับเด็กกลางยิมเลยนะคุณหมอ...
...บ้าจริงๆ ทำไมจะต้องมาแคร์ว่าตำรวจคนนั้นจะคิดยังไงกับเรานะ...

เอ็กซ์จอดรถหน้าอาคารที่พักหรูหราแล้วหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ นาวินคุยเจื้อยแจ้วมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร ความสดใสของนาวินทำให้เขาแทบจะลืมเรื่องที่เตรียมจะพูดมาตั้งแต่ซ้อมกีฬาเสร็จ
“เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่เอ็กซ์”
“เดี๋ยวสินาวิน” เอ็กซ์รีบพูด
“ครับ มีอะไรหรือครับ” นาวินเลิกคิ้ว
“เอ่อ” เอ็กซ์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตัดสินใจพูดต่อว่า “พรุ่งนี้ซ้อมเสร็จพี่กับโต้งว่าจะไปผับต่อ งานวันเกิดมาร์คคนที่เล่นเป็นการ์ด นาวินจำได้หรือเปล่า อยากจะชวนนาวินไปด้วย”
นาวินพยักหน้าตอบว่าจำคนที่ชื่อมาร์คได้ “แต่ว่า...”
“ไม่รู้ว่าพี่ชายนาวินจะอนุญาตหรือเปล่า”
“ผมต้องถามพี่หมอก่อน”
“ให้พี่ถามให้ก็ได้ นาวินจะได้ไม่ลำบากใจ” เอ็กซ์ยิ้มบางๆ “ท่าทางพี่ชายนาวินค่อนข้างดุนะ”
“พี่หมอดุแต่ใจดี” นาวินยิ้มกว้าง “แต่ต้องมีเหตุผลเพียงพอครับ ไม่งั้นอด”
“ตอนนี้พี่หมอคงคอยอยู่เพราะว่าเรากลับช้าไปหน่อย” เอ็กซ์เงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบนของอาคารคอนโดมีเนียม “ให้พี่โทรไปอธิบายให้พี่หมอฟังไหมล่ะ”
“เอ่อ คงไม่เป็นไรมั๊งครับ” นาวินยิ้มแหยๆ “พี่หมอคงไม่ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเราไปทานข้าวฉลองชัยชนะ แต่สมมุติว่าพี่หมอดุ ผมจะให้โทรไปถามพี่เอ็กซ์”
“ครับ” เอ็กซ์พยักหน้าแล้วปลดล๊อคประตูให้นาวินลงจากรถ เด็กหนุ่มหันมายิ้มกว้างและโบกมือให้ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในอาคารปล่อยให้เอ็กซ์มองจนลับสายตา ในใจบอกกับตัวเองว่านาวินกับพี่ชายคงไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดเพราะหน้าตาไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิด

ชาลีถอยรถเข้าช่องจอดพลางพูดกับนาวินซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้างๆ เด็กหนุ่มมัวแต่กดโทรศัพท์เล่นแต่ก็พยักหน้า ‘รับคำสั่ง’ ถึงเรื่องการเดินทางกลับบ้านคืนนี้หลังจากออกกำลังกายเสร็จและไปงานวันคล้ายวันเกิดของผู้เล่นในทีม
“ผมรู้แล้วครับว่าไม่ให้ดื่มเหล้า” นาวินพูดขึ้นขณะที่เก็บโทรศัพท์
“ก่อนดื่มแก้วของตัวเองก็ดมดูก่อนล่ะ” ชาลีเตือน
“พี่หมอ ผมไม่ใช่หมานะครับ” นาวินทำตาโต
“พี่ไม่ได้ว่าเราเป็นหมา แต่ถึงแม้เครื่องดื่มจะเป็นแก้วของเรา แต่อาจมีคนรินให้ เขาอาจจะรินเหล้าหรืออย่างอื่นผสม”
“กลัวผมถูกมอมยาหรือไง” นาวินหัวเราะเสียงดัง “เพื่อนๆ ที่ยิมกันทั้งนั้นนะครับ เขาไม่ทำอะไรกันแบบนี้หรอก คนแปลกหน้าก็ว่าไปอย่าง นี่คนรู้จักกันทั้งนั้น เขาคงไม่มอมเหล้าแล้วข่มขืนผมหรอก”
“คนสนิทกันเขายังทำกันได้เลยนะนาวิน” ชาลีตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ซึ่งมีแต่ตัวเองเท่านั้นที่เข้าใจความหมาย
...คนที่บอกว่ารักเขาปานจะกลืนอย่างพี่ทินยังเคยทำกับเขาเจ็บแสบได้เลย...
...เจ็บยิ่งกว่ามอมเหล้าและข่มขืนอีก...
...เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ...
“มันก็ดีที่มองโลกในแง่ดี” ชาลีพูดเสียงจริงจังกับนาวิน “แต่พี่ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายโดยไม่มีเหตุผลเพราะพี่เห็นอะไรมาเยอะ พี่เพียงแต่อยากจะบอกว่าเราต้องระวังตัว สมัยนี้โลกไม่ได้สวยงามอย่างเมื่อก่อน”
...สมัยก่อนก็ใช่ว่าโลกจะสวยงาม โลกของเขาไม่เคยสวยงาม โลกของเขาโหดร้ายมาตลอด...
“ผมเข้าใจครับ” นาวินยิ้มอ้อน “และผมก็โชคดีที่มีพี่หมอคอยดูแล”
นาวินเอียงศีรษะซบลงกับไหล่ของนายแพทย์ชาลีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับรถคันหนึ่งชะลอเพื่อเข้าจอดยังช่องจอดแถวตรงกันข้ามซึ่งว่างอยู่ สายตาคมกริบของคนที่ขับรถคันนั้นมองออกมาปะทะกับสายตาชาลี นายแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่ววินาทีแล้วรีบยกมือขึ้นผลักศีรษะของนาวิน
“ไม่ต้องมาทำเป็นเด็ก” ชาลีทำเสียงดุ
“อ้าว ก็ผมคิดว่าพี่เห็นผมเป็นเด็กอยู่ไม่ใช่หรือคร้าบ” นาวินทำหน้าทะเล้นแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ชาลีซึ่งรีบหันหน้าหนี
“อย่ามาทำทะเล้นนะ ลงรถเร็วๆ เข้า แล้วไปรอพี่ข้างใน”
“ไม่ให้ผมถือกระเป๋ากีฬาให้แล้วหรือครับ”
“ไม่ต้อง” ชาลีส่ายหน้า “ลงรถเร็วๆ เข้า ไปรอพี่ข้างใน”
“ผมหยิบกระเป๋าให้นะ” นาวินเอนเบาะลงแล้วหมุนตัว เข่าวางอยู่บนเบาะ เด็กหนุ่มยืดตัวพยายามยื่นมือไปหยิบกระเป๋ากีฬาของชาลีซึ่งวางอยู่บนพื้นรถหลังเบาะแถวที่สอง
“นาวิน บอกกี่ครั้งว่าไม่ให้ทำแบบนี้”
“ผมหยิบถึง แขนผมยาว” นาวินตอบ
“ไม่ต้องหยิบ พี่จะลงไปเปิดข้างหลังหยิบเอง ไปรอพี่ในยิม เร็วๆ เข้า” ชาลีเร่ง สายตามองไปข้างหน้าเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อนกำลังลงจากรถพลางปรายตามามองมาทางเขาอย่างยิ้มๆ “เร็วเข้าสิ”
“ทุกทีพี่หมอให้ผมหยิบให้” นาวินยังดันทุรัง
“ไม่ต้องหยิบแล้ว รีบเข้ายิมไป”
“ไม่ต้องหยิบเฉพาะวันนี้หรือต่อไปไม่ต้องหยิบครับ” นาวินยังพยายามยืดแขนไปหยิบกระเป๋า “แล้วทำไมพี่หมอเร่งผมนักหนา ทุกทีก็เดินเข้ายิมพร้อมกัน”
“บอกก็ทำเถอะน่า” ชาลีทำเสียงดุ “ทำตามที่พี่บอกและเลิกถามเป็นเด็กได้แล้ว ไม่งั้นเย็นนี้ไม่ต้องไปฉลองวันเกิดเพื่อน”
“ครับๆ” นาวินเชื่อฟังทันทีแล้วรีบลงจากรถและวิ่งหายไปโดยไม่รอให้เร่งอีก
ชาลีถอนหายใจและกดปุ่มเปิดประตูด้านหลังรถ มือหยิบโทรศัพท์แล้วลงจากรถช้าๆ ก้มหน้าเดินไปข้างหลัง Lexus RX330 เพื่อหยิบกระเป๋ากีฬา
...สารวัตรกัณต์กำลังเดินมาหาเราหรือเปล่านะ ทำไมรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้ สายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง เขามองอย่างขำๆ ที่เห็นนาวินซบไหล่เรา หรือมองด้วยความรู้สึกอย่างอื่น นี่คงกะจะพูดเหน็บแนมอะไรเราอีกละสิ...
...ใครจะไปสน จะคิดอะไรจะพูดอะไรก็ช่าง...
...แล้วทำไมจะต้องมาถึงยิมเวลาเดียวกันด้วย...
...จงใจหรือบังเอิญ”

“มาคนเดียวหรือครับ” เสียงห้าวๆ พูดขึ้นเป็นการทักทาย
ชาลีนิ่ง กัดฟันทันที รู้สึกฉุนกึกที่โดนล้อ ที่เขาเดาเอาไว้ว่ากัณต์จะพูดกระทบนั้นเป็นจริงอย่างที่คิด เขาอยากจะต่อปากต่อคำว่า ‘เปล่า ผมมากับเด็ก’ แต่ชาลีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่อยาก ‘เปิดศึก’ กับกัณต์
...อย่างน้อยก็ในวันนี้...
“เปล่าครับ” ชาลีพูดเสียงเรียบ “ผมไม่เคยมายิมคนเดียว”
“อ๋อ” กัณต์ลากเสียงยาว พยักหน้าเข้าใจ
“ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ” ชาลีหยิบกระเป๋าออกจากรถแล้วปิดประตูรถเบาๆ
“เพื่อนต่างวัย”
“วัยเดียวกันก็มีครับ” ชาลียังคงทำเสียงเรียบนิ่ง “อย่างน้อยก็สองคน”
“งั้นเชิญครับ” กัณต์ผายมือ “รีบไปออกกำลังกายเถอะ เดี๋ยวเพื่อนรอ”
...จะกวนไปถึงไหนนะ พอเราทำเป็นไปไม่อยากมีเรื่องด้วยก็มาหาเรื่อง จะชวนต่อปากต่อคำไปถึงไหน ตกลงสารวัตรกัณต์นี่ต้องการอะไร จะว่าจีบก็ไม่ใช่...
การสนทนาสั้นๆ จบลง ชาลีเดินเข้าไปในศูนย์ออกกำลังกายอย่างรวดเร็ว ในใจอยากจะหันไปปรามคนที่เดินตามมาข้างหลังให้หยุดผิวปากได้แล้ว
...จะอารมณ์ดีอะไรนักหนา หรือว่าจงใจกวนอารมณ์เขา...
...แต่หน้าตาของสารวัตรกัณต์เวลาผิวปากจะเป็นยังไงนะ ทุกทีเห็นแต่เก็กหน้าหล่อทำเป็นเคร่งขรึม ตอนอารมณ์ดีแบบนี้จะเปลี่ยนไปแค่ไหน...
...อย่านะชาลี อย่าหันไปเป็นอันขาด...


katawoot
สั้น ขี้เกียจซอย  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 04-02-2010 13:36:26
ขออธิบายหน่อยนะครับ
คือว่า ข้ามบทที่ 6 และ 7 ไปชั่วคราวนะ เดี๋ยวจะมาเติมเต็มให้ทีหลัง
สาเหตุก็เพราะว่า บทที่ 6 และ 7 อยู่ในเครื่องโน๊ตบุ๊คของผมครับ ตอนนี้เข้าโรงพยาบาลอยู่เพราะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดขาดกระทันหัน (สายไฟอแดพเตอร์ขาด) ค่ารักษาพยาบาลเกือบสี่พัน (ค่าเส้นเลือดเส้นใหม่นี่นะ แพงเจงๆ ให้ตายสิ) ผมก็เลยปล่อยให้มันนอนรอความช่วยเหลือไปก่อน ตอนนี้เลยมาให้เครื่องคอมตั้งโต๊ะแทน (พิมพ์ไปก็ง่วงไป)
 :call:  :pig4:  :L1:
สุขสันต์วันวาเลนไทน์กันทุกคนนะครับ
ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ (รักตี๋ เพราะวันตรุษจีนตรงกับวาเลนไทน์)  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 04-02-2010 14:40:15
มิน่าอ่านแล้วดูเหมือนมีอะไรขาดหายไป

ขอให้น้องNB หายๆไวน้า คุณพ่อรีบหาตังค์ไปเสริมใยเหล็กให้ด่วนจี๋   :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 04-02-2010 15:13:48
 :laugh: อย่างนี้ก็มีด้วยเอาตอน8มาลงก่อน 6-7
แต่ไม่เป็นไรยังไงก็อ่านอยู่แล้ว 
ชอบนาวินจัง แต่ใสซื่อขนาดนี้จะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้นานแค่ไหนกัน :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 04-02-2010 15:51:58
มีงี้ด้วยตัด 6  กับ 7ไป
แต่คนอ่านก็แปลกยิ่งกว่า อ่านแปดไปแล้ว 555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: annestrong ที่ 04-02-2010 16:00:21
เพิ่งเห็นนิยายเรื่องใหม่ขอพี่นาย มาเม้นท์ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยไปอ่าน ตามอ่านเรื่องสนุกๆ ของพี่นายมาสามเรื่องแล้ว ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 04-02-2010 18:00:45
งง แปดมาไง แต่อ่านไปแล้ว ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-02-2010 18:43:53

แปลกจัง ทำไมเรื่องนี้ชักจะชอบชาลีซะแล้วสิเรา อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 04-02-2010 20:02:21
ขอบคุณครับ

ขอให้น้อง laptop หายป่วยไว ๆนะคร้าบ เอิ๊ก ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 04-02-2010 20:40:42
เล่นเอางง หาบทที่ 6 - 7 ตั้งนาน  :m16:

ตกลงในโลกนี้มีแต่คนฉวยโอกาส ตลอดเลยหรือพี่นาย

แล้วน้องนาวินจะเจอเหตุเลวร้ายกับชีวิตหรือเปล่าน้อ

สารวัตกันต์ ก็หาทางกวนได้ตลอด อย่างงี้หมอชาลีจะรอดไปได้สักกี่น้ำ

เป็นกำลังใจให้พี่นาย +1 ให้ด้วย  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 04-02-2010 22:59:32
 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 04-02-2010 23:16:22
ดันๆๆ ชอบๆๆๆ
ท่าทาง หมอชาลีจะมีอดีตเยอะนะ.....
อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 05-02-2010 00:20:36
ดูคุณหมอจแกว่งๆนะ ทำไมต้องแอบสังเกตุคุณตำรวจเค้าด้วย แอบหวั่นไหวรึเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 05-02-2010 00:47:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 05-02-2010 01:13:56
คุณตำรวจเปลี่ยนสไตล์การจีบรึเปล่านี่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-02-2010 07:46:43
นาวินเป็นเกย์ชัวร์ ฟันธง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 05-02-2010 09:58:27
มารอออ่านครับผม  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 05-02-2010 10:27:02
 :laugh: :laugh: :laugh:
มีแบบนี้ด้วย

แต่ก็ขอให้หายไวๆนะค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 05-02-2010 13:28:06
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 05-02-2010 14:23:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 05-02-2010 19:05:26
กร๊ากกกกกกคนแต่งแนวมวกกกกกกเด๋ซค่อยกลับมาโพสชิมิเคอะ :m20:
คุณตำรวจขาจะตามจิกเค้าเพื่อ???แหมจะจีบก็จีบเลยเซ่ มาเสียเวจิกเค้าเรื่องเด็กหนุ่มอีก
ฟอร์มเยอะเกิ๊น...แม่ชาลีก็นะทำไมถึงไม่ปล่อยให้นุ้งนาวินอ้อนต่อล่ะจ๊ะกัวอะไรกับคำคนปากร้าย

+1คะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดนุ้งนาวินของคนอ่านอะไรกันลูกไมไว้ใจ
คนอื่นง่ายเยี่ยงเน้ น่ากัวจะรักษาค.จิ้นไว้ไมไ่ด้นานอย่างที่ชาลีกัวละ่สิเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-02-2010 22:19:36
นาวินน่ารักอ่ะ ชอบเด็ก :-[
อ้าว ไม่ใช่แระ อิอิ :z1:
คุณตำรวจกะคุณหมอนี่สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ
น่าลุ้นมากมาย :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-02-2010 23:54:39
ไรท์เตอร์รักษาสุขภาพนะค๊า :)

นายพี่เอ็กซ์นี่คิดอะไรกับนาวินป่ะเนี่ย ๆๆ
วินก็ซื่อซ๊ะ ๆๆ
ส่วนคุณตำรวจเริ่มแผนการจีบแล้วอ่ะดิ่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 06-02-2010 12:35:27
คุณนาย..จัดตอน9มาเล้ย..6-7 เก็บไว้ก่อนก็ ได้  :t3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yoyo ที่ 06-02-2010 14:05:51
6 7 ไม่แปะก็อ่านรู้เรื่องนะเออ  :z2:
ชอบ ชอบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2010 14:41:25
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 8 (4/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 06-02-2010 19:01:59
อรุณสวัสดิ์ครับ
บทที่ 9 ครับ
ตอนนี้ก็เข้าเรื่องล่ะครับ

เพลิงรัก บทที่ 9

คู่เล่นสควอชวันนี้ของนายแพทย์ชาลีไม่ใช่นายแพทย์เอกภพแต่เป็นสาโรช นักสควอชฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งของสมาคมกีฬาสควอชแห่งประเทศไทย ชาลีไม่เคยเอาชนะสาโรชได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่การตีของนายแพทย์หนุ่มเย็นนี้ดุดันมากจนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นขอเวลานอก
“โกรธใครมาจากไหนชาลี ตีเอาๆ ถ้าสควอชมันเป็นหัวคนป่านนี้คงหัวและไปแล้ว”
“เป็นได้ก็ดีสิ” ชาลีกระแทกเสียง
“หวังว่าคงไม่ใช่หัวพี่นะ” สาโรชหัวเราะเสียงดัง
“ผมจะทำพี่ทำไมเล่า พี่ไม่ได้ทำอะไรให้ผมไม่พอใจนี่ครับ”
“โอโห น่ากลัวแฮะ ถ้าพี่ทำให้ชาลีโกรธ สงสัยหัวแบะ” สาโรชพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี แต่อีกฝ่ายยืนทำหน้านิ่ง รอเล่นกีฬาต่อ สาโรชจึงถามย้ำว่า “ว่าไง โกรธใครมา กีฬานี่เขาเล่นเพื่อนฝึกฝนทักษะและพัฒนากล้ามเนื้อของร่างกายนะ ไม่ใช่เพื่อนระบายอารมณ์”
“พี่ไม่สังเกตหรือว่าผมเล่นกีฬาที่ใช้แรงฟาด”
“เออจริงสิ สควอช กอล์ฟ แบดมินตั้น เทนนิส ฮอกกี้” สาโรชเอียงหน้านึก “อ้าว แล้วยิงปืนกับยิงธนูล่ะ”
“อันนั้นปิดบัญชี” ชาลียิ้มมุมปาก “ฟาดให้น่วมกี่อนแล้วจบลงด้วยการยิงตัดขั้วหัวใจ”
“ใครได้ไปเป็นแฟนคงต้องคิดหนัก” สาโรชล้อ “ว่าแต่ว่า จะไม่บอกพี่จริงๆ หรือว่าโกรธใครมา”
“ไม่ได้โกรธครับ แค่ไม่พอใจ” ชาลีปรายตามองไปยังด้านหน้าของสนามสควอชทั้งๆ ที่ไม่มีใครยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าสนาม ในใจจินตนาการภาพใบหน้ายิ้มเยาะของนายตำรวจร่างสูงใหญ่คนนั้นที่เขาอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะกวนประสาทเขา
“เขาคงคิดว่าสนุกที่มาหาว่าผมเลี้ยงต้อย นาวินเป็นน้องผมนะพี่ ถึงไม่ใช่น้องจริงๆ ก็เถอะ ทีตัวเองก็ควงเด็กเหมือนกัน”
“ใคร” สาโรชเลิกคิ้ว
“พี่อย่าเพิ่งรู้เลย” ชาลีส่ายหน้า “เล่นต่อเถอะ กำลังมันส์”
“แรงเยอะจริงๆ วู๊ย” สาโรชส่ายหน้าลแล้วเตรียมเล่นต่อ
ชาลีเป็นฝ่ายเปิดเกมเสริฟ แรงฟาดแร็คเก็ตของหมอหมุ่มส่งลูกไปกระทบผนักดังสนั่น สาโรชขยับเท้าไปข้างหน้าชาลีเพื่อตีลูกไปมุมซ้ายของสนาม ชาลีถลันตัวเข้าไปเพื่อโต้กลับด้วยแรงฟาดดังเปรี้ยง ลูกกระดอนไปตกด้านท้ายคอร์ทแต่สาโรชก็ตีลูกกลับอย่างว่องไวพร้อมกับถามคู่เล่นว่า
“พี่รู้จักเขาหรือเปล่า มายิมเดียวกันนี่ใช่ไหม” เสียงของสาโรชเหนื่อยหอบ
“พี่ไม่รู้จักเป็นดีที่สุด” ชาลีตอบแล้วฟาดลูกบอลเล็กๆ เข้าผนังสุดแรง
“เฮ้ย” สาโรชร้องลั่นเมื่อเดาทิศทางลูกผิดแต่ก็ก้าวขายาวๆ ยืดตัวไปตีลูกกลับได้ “ถ้างั้นก็อยากรู้จัก ให้พี่ช่วยดูก็ได้นะชาลี”
“กวนอารมณ์ที่สุด” ชาลีพูดต่อ “เขาคิดว่าตัวเองเท่มาก คิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน คิดว่าควบคุมทุกอย่างได้ คิดว่าใครๆ ก็จะต้องยอมเขา”
สาโรชไม่ตอบ ตั้งท่าอย่างระมัดระวังเพื่อนตีโต้ตอบชาลี ทั้งที่รู้ว่าฝีมือของตัวเองเหนือกว่าแต่ชาลีก็พัฒนาฝีมือการเล่นสควอชไปเร็วมาก เขาประมาทไม่ได้เพราะอยากรักษาสถิติไม่เคยแพ้เอาไว้
“ฝัน ไป เถอะ” ชาลีเน้นเสียงแต่ละคำพร้อมกับหวดลูกสควอชสุดแรงเกิด
“เอาท์ ลูกออกเห็นๆ” สาโรชตะโกนแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “เมื่อไหร่จะชนะพี่ซะที คุณหมอชาลีครับ เล่นแบบนี้ไม่มีวันติดทีมชาติหรอก”
“ทั้งๆ ที่เห็นว่าผมมากับนาวิน เขายังมีหน้ามาถามว่าผมมาคนเดียวใช่หรือเปล่า พี่รู้ไหม เขาไม่พูด ผมก็เดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ เขาคิดว่านาวินเป็นแฟนผม”
“แล้วจริงหรือเปล่าล่ะ” สาโรชแกล้งทำเสียงขรึม ใบหน้าราบเรียบ
“จะบ้าหรือพี่” ชาลีโวยวาย
“พี่ล้อเล๊น”  สาโรชลากเสียงยาวแล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่น ก่อนจะลดเสียงลงและถามเพื่อนรุ่นน้องว่า “นี่ถึงกับอ่านใจเขาออกเลยหรือ”
“อ้าปากรู้แล้วว่าเขาต้องการจะพูดอะไร”
“คนรู้ใจกันแบบนี้มัน...อืม...” สาโรชทำท่าคิด
“พี่ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี” ชาลีเบ้ปาก ทำตารู้ทันเพื่อนรุ่นพี่ “ผมกับเขาไม่มีวันไปกันได้หรอก ไม่มีวันที่ผมจะมีแฟนเป็นคนแบบนั้น”
“แสดงว่ากลัวเขางั้นสิ” สาโรชแสดงความคิดเห็น
“ไม่” ชาลีตอบเสียงเข้มทันที “ไม่มีทา ไม่มีวัน ไม่อีกแล้ว”
“ชาลี” สาโรชถอนหายใจเบาๆ
“เล่นต่อเถอะ” ชาลีถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน แล้วหันหน้าไปมองผนังของสนามสควอช ตั้งท่ารอให้คู่เล่นเป็นฝ่ายเสริฟลูก
“พี่อยากเห็นน้องพี่มีความรัก” สาโรชพูดแล้วเสริฟลูกเบาๆ
“พี่ก็เห็นว่าผมมีแฟน”
“แล้วก็ทิ้งเค้า” สาโรชเติมพลางโต้ลูกสควอชสีขาวกลับช้าๆ “กี่คนมาแล้วล่ะ ชาลี แล้วจะทิ้งอีกกี่คน”
“จนกว่าจะพอใจ” ชาลีตอบพร้อมกับหัวเราะหยัน
“เมื่อไหร่จะพอใจ”
“เมื่อไหร่พี่จะหยุดซักซะที” ชาลีถามกลับ
“อ้าว ก็เราเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนนะคร้าบ” สาโรชโวยวายเสียงดัง
“เมื่อผมได้สิ่งที่ต้องการผมก็จะหยุด” ชาลีตอบเสียงเย็นแล้วฟาดแร็คเก็ตใส่ลูกสควอชอย่างแรง
“เอาอีกแล้ว ของขึ้นอีกแล้วหรือเนี่ย” สาโรชบ่นแล้วตีลูกกลับ
“อีกสามคนเท่านั้นล่ะพี่” ชาลีตีลูกด้วยแรงที่มากกว่าเดิม
“ลูกออกแล๊ว” สาโรชตะโกนเสียงยาว
“ออกก็ตีมาเถอะ” ชาลีรีบพูดแทรก สาโรชตีลูกกลับเข้ามาในคอร์ท นายแพทย์หนุ่มจึงตวัดข้อมือตีลูกต่ำออกไปยังมุมขวาเพราะรู้ดีว่าสาโรชไม่ค่อยถนัดรับลูกต่ำจากมุมนั้น
“ยังได้อยู่ชาลี” สาโรชหัวเราะ รู้ดีเช่นกันว่าชาลีพยายามทะลวงจุดอ่อนของเขาและพยายามจะเอาชนะเขาให้ได้แต่เขาก็เตรียมตัวอุดช่องโหว่ในการเล่นของตัวเองอยู่แล้ว
“อีกสามคนเท่านั้นพี่โรช” ชาลีเสียงห้วน “ฟาดอีกสามเกม แล้วผมจะยิงธนูเสียบให้ตายกันทั้งหมดเป็นการปิดบัญชีให้จบกันไป”
“เอาเข้าไป๊”
“ผมเอาจริง” ชาลีพูดต่อ
“พี่ก็รู้ว่าเราเอาจริง” สาโรชตอบ
“โธ่โว๊ย” ชาลีตะโกนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อตีลูกพลาด ส่งผลให้สาโรชเป็นฝ่ายชนะเกมการแข่งขัน
“ที่เล่นมานี่ก็เอาจริงใช่ไหม ดีนะที่เป็นสควอช ถ้าเป็นฟันดาบพี่คงได้แผลแน่ๆ สงสัยจังเลยว่าใครเป็นคู่ฟันดาบของหมอชาลีผู้เอาจริงและตั้งใจจะเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ทุกครั้งไป”
“โชคดีที่เป็นคู่ฟันดาบของผมที่สมาคมฯ เป็นผู้หญิง” ชาลีโยนแร็คเก็ตไปที่มุมห้อง “ถ้าได้คู่ฟันดาบเป็นตำรวจคนนั้นละก็...”
“ตำรวจงั้นหรือ” สาโรชเบิกตากว้าง “เล่นของอันตรายเลยนะน้อง คนที่เป็นเข็มแทงใจชาลีอยู่ตอนนี้เป็นตำรวจงั้นหรือ”
“ถ้าฟันดาบเซเบอร์เป็นก็คงดี” ชาลีหรี่ตา ความคิดบางอย่างฉายวาบขึ้นมาในหัว
“ชาลี” สาโรชเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนโยน ตามองเพื่อนรุ่นน้องแล้วอดพูดต่อไม่ได้ “เราก็รู้จักกันมาหลายปีนะ ถึงจะเป็นเพื่อนที่ยิมเพราะเล่นกีฬาด้วยกัน แต่พี่ก็เห็นว่า...”
“ผมรู้”ชาลีรีบพูด “พี่เป็นห่วงผม รู้ไหมพี่โรช มีไม่กี่คนหรอกที่รู้จักผม พี่กับเอกแล้วก็พี่ทศ”
“พี่แค่เป็นห่วง พี่อยากให้ชาลีมีความสุข”
“สุขมันจะมาถึงก็ต่อเมื่อทุกข์มันหายไป” ชาลีพูดเสียงเยือกเย็น “ตราบที่ทุกข์ของผมยังไม่จาง สุขมันก็เข้ามาไม่ได้หรอก”
“คิดดีแล้วหรือน้อง” สาโรชพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ “พี่ก็พูดอย่างนี้อยู่บ่อยๆ แต่ชาลีก็ยังไม่เคยเลิกล้มความตั้งใจเสียที”
“บอกแล้วไง ทุกข์ไม่หาย สุขก็ไม่มา สามคนนั้นจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม” ชาลีเสียงกร้าว
“มันนานมากแล้วนะชาลี” สาโรชถอนหายใจเบา
“นานเท่าไหร่ก็ไม่สาย” ชาลีตอบเสียงราบเรียบ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันมามองตาเพื่อนรุ่นพี่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เรื่องของผมพี่ได้ยินเฉพาะที่ผมเล่า จากคำพูดของผม ทั้งที่จริงผมอยากให้พี่ดูรูปด้วย ถ้าพี่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม พี่อาจจะไม่ตำหนิผมเลยก็ได้ สิ่งที่ได้ยินกับสิ่งที่ได้เห็นมันมีความเข้มข้นต่างกัน ภาพหนึ่งภาพมันทดแทนคำพูดได้หลายคำ แต่ส่งที่ได้สัมผัสยิ่งประทับรอยลึกมากกว่าเสียอีก”
“งั้นก็รีบให้มันจบๆ” สาโรชยักไหล่ “นานมากมันก็เป็นสนิมกัดกร่อนใจได้เหมือนกันนะน้อง จำไม่ได้หรือ เราเคยพูดว่า ความทรงจำเป็นทั้งยาพิษและยารักษาแผล ใช้ยาพิษ์ให้มันหมดๆ ไป แล้วคงต้องใช้ยารักษาแผลขนานใหญ่ล่ะ แต่พี่กลัวฤทธิ์ของยาพิษมันจะแรงมากจน...”
“พูดเก่งขึ้นนะ” ชาลีหัวเราะเบาๆ แล้วชวนสาโรชเล่นสควอชต่ออีกหนึ่งเกมแต่อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าและบอกว่าหมดแรงแล้ว
“ถ้าเล่นต่อพี่อาจแพ้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้ดีกว่า”
“ซักวันผมจะเอาชนะพี่ให้ได้” ชาลียิ้มตาวาววับอย่างเอาจริง
“ชนะตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” สาโรชพูดยิ้มๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ชาลียืนนิ่งอยู่คนเดียวเช่นเคยหลังจบเกมการแข่งขัน
ชาลีถอนหายใจเบาๆ พลางเดินไปหยิบไม้สควอชซึ่งโยนมาที่มุมห้อง เกือบทุกครั้งที่เล่นสควอชกับสาโรชเสร็จและคุยกันเรื่องเครียดๆ เขากับสาโรชมักจะจบการสนทนาด้วยประโยคเดิมๆ ซึ่งฝ่ายนั้นจะบอกให้เชาเอาชนะตัวเองให้ได้แล้วเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เขาเป็นคนเก็บลูกบอลเงียบๆ คนเดียว
สาโรชอายุมากกว่าเขาเกือบสิบปี เป็นพ่อม่ายซึ่งมีลูกชายสี่คน แต่สาโรชเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เด็กชายทั้งสี่คนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาเคยยุให้สาโรชแต่งงานใหม่ แต่เพื่อนรุ่นพี่บอกว่าคงจะยากเพราะลูก  ‘ไม่อนุมัติ’
ลูก...สำคัญที่สุดในชีวิตของสาโรช
ต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของชาลี เขาไม่เคยเป็นคนที่สำคัญที่สุดของพ่อแม่
เขาเป็นคนสำคัญที่สุดของเพื่อน และตอนนี้ก็เป็นคนสำคัญที่สุดของนาวิน
แต่ที่เจ็บปวดมากกว่านั้นก็คือ การที่เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีค่าซึ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ชายสามคน
คนสามคนที่เขารักมากมาก คนสามคนที่เคยทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักจนล้นใจ คนสามคนที่ทำให้โลกของเขาเต็มไปด้วยความสุข แต่สุดท้าย คนสามคนนั้นก็คือคนที่เกือบจะทำลายชีวิตของเขา
และที่เขาเกลียดตัวเองมากก็คือ...สองครั้งแรกนั้นเขาก็ยังไม่เข็ด ปล่อยให้มีครั้งที่สามจนได้ ตอนนั้นเขายังคงเชื่อในรักแท้
แต่หลังจาก ‘พี่ทิน’ ศรัทธาของเขาในความรักก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
สามครั้งกับความรักอันโหดร้าย...
...พอกันที...

ชาลีเล่นกีฬาเสร็จจึงเดินออกจากสนามสควอชด้านในมายังส่วนที่เป็นสนามบาสเก็ตบอลแล้วยืนมองนาวินซ้อมกีฬากับทีม นายแพทย์หนุ่มสังเกตเห็นว่ากัณต์ก็เล่นอยู่ด้วย ชาลีอดทึ่งไม่ได้ว่าคนรูปร่างสูงใหญ่อย่างกัณต์นั้นคล่องแคล่วมากเวลาอยู่ในสนาม นายตำรวจหนุ่มเหลือบมองมายังชาลีเป็นครั้งคราวแต่ฝ่ายที่ยืนมองอยู่กลับเบือนหน้าหนีทุกครั้ง
ไม่นานเกมก็จบลงและทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป เหลืออยู่ในสนามเพียงสามคนซึ่งในจำนวนนั้นมีพี่เอ็กซ์อยู่ด้วย นาวินซ้อมบาสเก็ตบอลต่อกับชายหนุ่มอีกสองคน ชาลีจึงหันหลังและเดินตรงไปที่ห้องล๊อคเกอร์แต่กัณต์เดินเข้ามาดักไว้แล้วพูดสั้นๆ ว่า
“ระวังเด็กคุณโดนคาบไปรับประทานนะครับ”
ชาลีขมวดคิ้ว เบ้ปาก มองตามหลังนายตำรวจร่างสูงไปด้วยด้วยความขุ่นเคือง ใจหนึ่งก็อยากจะขว้างไม้ตีสควอชใส่กัณต์ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวจึงหันไปมองนาวินซึ่งกำลังซ้อมบาสเก็ตบอลอยู่กับพี่เอ็กซ์และชายร่างใหญ่อีกหนึ่งคน ในใจอดคิดถึงสิ่งที่กัณต์พูดไม่ได้ เขาพยายามจับผิดพี่เอ็กซ์กับนาวินแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร นาวินหันมาโบกมือให้เมื่อเห็นว่าชาลียืนมองพร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าให้คอยต่ออีกสักครู่ นายแพทย์หนุ่มพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งอยู่บนม้านั่งชิดผนังยิมแทนที่จะเข้าไปในห้องล๊อคเกอร์เพราะคิดว่าสารวัตรกัณต์คงจะอยู่ข้างใน แต่ไม่นานก็เห็นกัณต์เดินตรงมาที่เขา ชาลีจึงยกมือขึ้นกอดอกและหลับตาลง จงใจให้กัณต์เห็นว่าไม่อยากคุยด้วย
“คุณนี่เย็นชาและปากร้ายไม่พอ ยังทำท่ารังเกียจกันอย่างชัดเจนเลยนะครับ ผมแค่หวังดีกับคุณหรอก ผมมองอะไรไม่เคยพลาด ยิ่งได้เล่นกีฬาด้วยกันแล้วก็รู้ได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร”
“คุณหมายความว่ายังไง” ชาลีถามทั้งที่ยังหลับตา
“ก็หมายความอย่างที่พูด” กัณต์ตอบยิ้มๆ ถือโอกาสสำรวจใบหน้าและรูปร่างของนายแพทย์หนุ่มที่นั่งกอดอกหลับตานิ่ง “เนื้ออ่อนๆ น่ากินนักเชียว”
“คุณอย่ามาคิดไม่ดีเด็ดขาด” ชาลีลืมตาขึ้น เงยหน้าขึ้นมองกันต์ตาขวาง พูดเสียงห้วน
“หวงกันจังเลยนะ หวงขนาดนี้ยังมองไม่ออก” กัณต์ทำหน้าเย็นชา “ผมเตือนคุณแล้วว่าระวังให้ดี”
“ผมคงต้องระวังคุณมากกว่า” ชาลีเสียงเย็น”อย่างคุร ใครๆ ก็ต้องคอยระวัง”
กัณต์ไม่โต้ตอบด้วยคำพูดแต่กลับอมยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วเดินผิวปากผ่านหน้าชาลีไปช้าๆ สลับกับหันหน้าไปมองชายหนุ่มทั้งสี่คนที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่กลางสนามก่อนจะหันหน้ามายิ้มยียวนให้ชาลีอีกครั้ง

ระหว่างทางกลับบ้าน ชาลีซักนาวินเกี่ยวกับเรื่องของพี่เอ็กซ์แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ชาลีบอกตัวเองว่านาวินนั้นคงไม่ได้คิดอะไร คงเป็นเพราะไม่ประสีประสาหรือเพราะไม่ได้คิดอะไรจริงๆ
...แต่พี่เอ็กซ์เล่า จะคิดอะไรหรือเปล่า เรื่องนี้เขาต้องรู้ให้ได้...
...เอ หรือว่าจะเป็นกัณต์ นายตำรวจขี้เก๊กคนนั้นอาจกำลังเตือนอะไรเขาว่าที่ระวังให้ระวังตัวเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน นี่คงหมั่นใส้เขานัก อาจคิดว่านาวินเป็นเด็กของเขาและจะแย่งเอาไป ต้องการทำให้เขาโกรธ คงสนุกที่จะได้กวนอารมณ์เขาสิท่า..
...คิดจะเอาชนะชาลีหรือ ไม่มีทางหรอกสารวัตรกัณต์ แบบนี้ต้องเจอกันหน่อยแล้ว ตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะไม่เล่นเกมหลอกให้รักแล้วทิ้งกับใครจนกว่าจะดูแลนาวินให้เข้มแข็งพอที่จะผ่านพ้นช่วงทุกเศร้าไปได้เพราะเควินเสียชีวิต ตอนนี้คงต้องคิดใหม่...
...สารวัตรกัณต์เจ้าชู้คนนี้ล่ะ จะเป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซของชาลี...
***9***

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 06-02-2010 19:44:56
กร๊ากกกกกกกแต่ละคนแหมคุณตำรวจคะจะกินตัวแม่ก็ต้องเข้าไปสืบราชการลับ
ก่อนเลยชิมิคะ ฉลาดนักเชียวแต่ก็นะจะมองไม่ออกเลยเหรอว่านุ้งนาวินอ่ะไม่ใช่เดะในสังกัดนุ้งชาลีสักหน่อย
แรงๆแบบหมอชาลีต้องได้ผู้ใหญ่มากกว่านี้ เอิ๊กซ์ :m20:
คุณหมอจะเริ่มแผนการณ์งาบคุณตำรวจเพื่อแก้เผ็ดรึคะ แหม...ๆๆงานนี้ใครจะกำไรนะ
เหยื่อเดินเข้าหากัีนทั้งคู่เลย
+1 คะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-02-2010 20:18:29
ท่าจะสนุก ร้ายพอกัน
คุณนาย บุคลิกหมอชาลีคล้ายอาทิตย์จัง

++ แล้วนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2010 20:50:30
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


สู้ๆๆๆ พี่ หมอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 06-02-2010 21:28:33
ยุ่งเหยิงอ่ะ....
แต่เชียร์ตำรวจกันต์ขาดใจ....
ต่างคนต่างเชี่ยว...
คงต้องมาหยุดที่กันและกันนี่แหละ
แต่แอบสงสารหมอชาลีอ่ะ
ท่าทางจะมีความหลังมากมาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-02-2010 23:04:33
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้อดีตของหมอชาลีจัง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-02-2010 00:50:18
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 07-02-2010 01:15:30
 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-02-2010 07:52:38
ฮูวววว

ฟาดฟันกันสุดฤทธิ์

รอดูหายนะต่อไป
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 07-02-2010 11:24:21
กลัวใจใครจะมาทำร้านน้องนาวินของพี่  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-02-2010 11:28:47
แอบหมั่นไส้คุณตำรวจอ่ะ ทำไมต้องแกล้งคุณหมอด้วยล่ะ

นิสัยไม่ดีเลย ชิส์ๆ :m16:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 07-02-2010 12:07:56
คุณตำรวจเรียกร้องความสนใจคุณหมอรึปล่าว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 07-02-2010 13:57:52
เข้ามาเชียร์คุณหมอค่ะ เชียร์พี่นายด้วย

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: CocO naTtH mIlK ที่ 07-02-2010 14:32:24
อ่านมาหลายเรื่อง รู้สึกว่าตัวเอกจะต้องมีปมอะไรบ้างอย่างทุกครั้งไปซิ

เรื่องก่อนนู่น "คุณนุ" ก๊มีปม แต่ดูท่าจะไม่ได้แค้นฝังหุ่นขนาดนี้ "ชาลี" คงเข้าข่าย รักมาก (วางใจมาก) ก็แค้นมากอ่ะนะ...

รอต่อไปล่ะกานว่านายตำรวจหนุ่มจะทำไงต่อไป

แต่ที่แน่ๆ นาวิน "เสร็จ" พี่เอ๊กซ์ชัวร์ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 07-02-2010 15:31:17
ตั้งแต่อ่านนิยายของ คุณนายมา

มีเรื่องนี้แหละ

ที่

นายเอก





ชื่อเชยที่สุด



   แต่



ถึงเชยก็ชอบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 07-02-2010 16:53:50
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:    เต็มที่....แก้แค้นกันเต็มที่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 07-02-2010 21:00:34
คุณหมอจะแก้จนตกหลุมรักนะสิ :jul3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-02-2010 11:52:19

เข้าใจชาลีจริงๆ เลยอะ

เรื่องห่วงลูกห่วงหลาน

แต่สุดท้าย  ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า.."สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  ทุกคนมีกรรมเป็นทางเดินของตัวเอง  สุดแท้แต่กรรมจะพาไปไหน  หน้าที่ของเราทำได้ดีที่สุดแค่  อยุ่ข้างๆ เวลาที่ลูกหลานทุกข์ใจ"
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 09-02-2010 13:16:48
รอ หก เจ็ด อยู่เน้อ :m12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 09-02-2010 17:32:23
เข้าใจชาลีจริงๆ เลยอะ เรื่องห่วงลูกห่วงหลาน แต่สุดท้าย  ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า.."สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  ทุกคนมีกรรมเป็นทางเดินของตัวเอง  สุดแท้แต่กรรมจะพาไปไหน  หน้าที่ของเราทำได้ดีที่สุดแค่  อยุ่ข้างๆ เวลาที่ลูกหลานทุกข์ใจ"

ขอบคุณครับ เจ๊สองทำให้ผมเกือบปลงได้เลยนะเนี่ย  :sad11:

บทที่ 10 มาแล้วครับ (โทษทีช้าหน่อยนะคร้าบ ช่วงนี้งานรัดตัวสุดๆ แล้วก็บทที่ 6-7 จะพิมพ์ใหม่แล้วมาโพสให้ครับ จะรอให้เครื่องโน๊ตบุ๊คหายป่วยก็คงอีกนาน เพราะราคาอเแดปเตอร์มันแพงมากๆ ต้องเก็บเงินอีกนานกว่าจะมีปัญญาซื้อ)

เพลิงรัก บทที่ 10

ชาลีหยุดยืนอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจชั่วครู่แล้วเดินขึ้นบันไดช้าๆ ในใจอดลังเลไม่ได้แม้จะคิดไตรตรองมาแล้วเป็นอย่างดีถึงสามวัน แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงบนชั้นสองของสถานีตำรวจก็สลัดความคิดลังเลออกจากหัวได้ เหลือเพียงความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะสารวัตรกัณต์
ชาลีบอกตัวเองว่าเพราะกัณต์ทำตัวหน้าหมั่นใส้เลยต้องได้รับบทเรียน และเขาต้องการทดสอบดูว่าตัวเองจะหว่านเสน่ห์ทำให้กัณต์หลงรักได้หรือไม่
...จากนั้นเขาจะทิ้งกัณต์อย่างเลือดเย็น...
...อย่างที่บอก ความสัมพันธ์แต่ละครั้งที่เคยเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลายมาเป็นนายแพทย์ชาลีคนใหม่นั้นมันน่าเบื่อเพราะคนที่เขาคบด้วยบอกรักเขาง่ายเกินไป คราวนี้เจออะไรที่ท้าท้าย ท่าทางกัณต์ไม่น่าจะเป็นคนที่บอกรักใครง่ายๆ และดูเหมือนว่าไม่ใช่คนประเภทที่จะเชื่อในความรักเท่าไหร่ ถ้าทำได้ ก็เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง เป็นมาสเตอร์พีซ เป็นชัยชนะระดับเหรียญทองโอลิมปิกส์...
...แต่งานนี้ต้องวางแผนให้ดี และทุกอย่างต้องจบลงภายในสามเดือน...
วันนี้ชาลีตัดสินใจบุกเข้ากัณต์ถึงสถานีตำรวจเพื่อเป็นการ ‘เปิดศึก’ อย่างเป็นทางการ นี่เป็นยกแรกของการ ‘จัดการ’ กับนายตำรวจมาดกวนคนนี้ สารวัตรหนุ่มดูตกใจพอสมควรที่เห็นหน้าเขา
“ผมมาแจ้งความ" ชาลีพูดขึ้นมา หน้าตาขึงขัง "มีคนทุบกระจกรถผม ขโมยเอาคอมพิวเตอร์ไป นี่จอดไว้ห่างจากโรงพักแค่ร้อยกว่าเมตรยังมีโจรผู้ร้าย บ้านเมืองนี้ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ตำรวจทำอะไรกันอยู่ไม่ทราบ"
กัณต์ทำหน้าเคร่งขรึม พยายามทำใจเย็น ไม่ต่อปากต่อคำกับคนที่กำลังอารมณ์เสีย นายตำรวจหนุุ่มผายมือไปทางด้านขวาแล้วบอกนายแพทย์อารมณ์ร้อนว่าต้องไปแจ้งความที่ร้อยเวร
“แสดงว่าคุณจะไม่รับผิดชอบ" ชาลีพูดขึ้น
“จะให้ผมซื้อคอมพิวเตอร์แทนหรือครับ หรือจ่ายค่าซ่อมกระจกรถคุณ ถ้าต้องรับผิดชอบทั้งสองอย่างผมคงต้องเสียเงินเป็นแสน ตำรวจอย่างผมไม่มีเงินพอหรอกคุณ" กัณต์ตอบ "ตำรวจจะตามจับตัวคนร้ายให้ แต่ก่อนอื่นคุณต้องแจ้งความเสียก่อน"
“ผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง" ชาลีพูดเสียงห้วน
“ผมเป็นสารวัตรครับ ยศผมคือพันตำรวจตรี ประชาชนแจ้งความกับร้อยเวร ไม่ใช่สารวัตรสืบสวนสอบสวน" กัณต์เดินนำแล้วหันหน้ามาเลิกคิ้วสื่อสารให้ชาลีเดินตาม "เชิญทางนี้คับ ผมจะไปส่งให้ถึงโต๊ะร้อยเวร"
“นึกว่าคุณจะช่วยให้เป็นกรณีพิเศษซักหน่อย อย่างน้อยก็คนรู้จักกัน" ชาลีเดินผ่านกัณต์ พึมพำเสียงเบา แกล้งทำหน้าน้อยใจให้นายตำรวจเห็น แล้วเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะร้อยเวรซึ่งอยู่ด้านหน้า ส่วนในใจก็คิดว่า
...คอยดูนะ จะปั่นหัวกัณต์ให้เสียศูนย์ไปเลย คิดว่าแน่นักหรือ...
ขณะที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวรรอร้อยตำรวจตรีคนใหม่พิมพ์ใบแจ้งความ ชาลีนั่งนิ่งเงียบ ทำทีไม่สนใจว่ากัณต์ยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะ จนกระทั่งร้อยเวรขอให้ชาลีทวนเบอร์โทรศัพท์ กัณต์จึงพูดขึ้นว่า
“ลงไปดูรถให้คุณเขาด้วยนะหมวด จอดอยู่ไม่ไกล"
“ไม่ต้องครับ แค่ได้ใบแจ้งความก็พอแล้ว ยังไงตำรวจก็คงจับคนร้ายให้ผมไม่ได้หรอก" ชาลียักไหล่ "แค่กระจกแตก ประกันผมเขาซ่อมให้ ส่วนคอมพิวเตอร์ ผมจะให้แฟนซื้อให้เป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้"
“แฟนรวย" กัณต์พูดเสียงค่อยแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "เป็นนักศึกษาแต่มีเงินซื้อของแพงๆ วัยรุ่นสมัยนี้นี่นะ"
“แฟนผมเป็นหมอครับ" ชาลีเงยหน้าขึ้นยิ้มเยือกเย็นให้กัณต์ "แต่กิ๊กเป็นนักศึกษา"
ร้อยเวรที่กำลังก้มหน้าพิมพ์บันทึกประจำวันกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงส่งเสียงออกมาเบาๆ กัณต์หันไปทำหน้าดุแล้วเร่งให้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ จากนั้นจึงบอกว่าไม่ต้องไปดูรถให้ชาลีแล้ว
“ผมจะลงไปดูให้เอง" กัณต์พูด
“ไม่ต้องหรอกครับ" ชาลีปฏิเสธ
“ผมเป็นตำรวจ นี่มาเกิดเหตุให้ท้องที่ของผม ใกล้โรงพักซะด้วย ผมยอมไม่ได้ ยังไงๆ ผมจะลากคอไอ้โจรกระจอกคนนี้มารับโทษให้ได้"
ชาลีเม้มปาก ในใจคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเขาตั้งใจจะทุบกระจกรถของตัวเองจริงๆ แต่เกิดเสียดายและไม่อยาก 'ลงทุน' มากจนเกินไป
“ผมเรียกอู่มาแล้ว" ชาลีทำหน้านิ่งเรียบพลางยื่นมือไปรับบันทึกใบแจ้งความจากร้อยเวรด้วยท่าทางใจเย็นแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากด้านหน้าสถานีตำรวจช้าๆ โดยไม่กล่าวลากัณต์สักนิด
“เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการให้" กัณต์เดินตามมา
“ขอบคุณครับ" ชาลีตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย นายแพทย์หนุ่มหันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหารถแท๊กซี่และยกมือขึ้นโบกเรียกได้หนึ่งคัน ก่อนจะขึ้นรถ นายแพทย์หนุ่มหันมาพูดกับนายตำรวจว่า "ช่างที่อู่คงมาเอารถไปซ่อมแล้วครับ แต่ขอบคุณสารวัตรที่จะช่วยจัดการเรื่องนี้ ถ้าอยากจะสอบปากคำผมเพิ่มเติมให้ละเอียดก็เชิญที่โรงพยาบาลนะครับ ผมจะคอย"

รถแท๊กซี่สีเขียว-เหลืองวิ่งออกไปแล้ว พันตำรวจตรีกัณต์ยืนมองตามจนลับสายตา ใจเต้นแรงขึ้นโดยทันที สายตาของนายแพทย์ชาลีก่อนปิดประตูแท๊กซี่นั้นแพรวพราวระยิบระยับแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จากประสบการณ์เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายส่งสายตา 'อ่อย' อย่างเห็นได้ชัด
...แล้วเรื่องที่บอกว่ารถโดนทุบและคอมพิวเตอร์ถูกขโมยนี่จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่่าก็ไม่รู้ ชาลีแค่อาจจะหาเรื่องมาเกี่ยวข้องกับเขาเฉยๆ...
...ทำไม?...

ชาลีไม่แปลกใจเมื่อพยาบาลบอกว่ามีตำรวจมาขอพบ เขานึกอยู่แล้วว่ากัณต์ต้องมา ส่งสายตา ‘อ่อย’ ขนาดนั้น คนเจ้าชู้อย่างสารวัตรกัณต์ไม่ทิ้งโอกาสแน่
“คุณหมอรู้ใช่ไหมครับว่าการแจ้งความเท็จมีความผิดทางกฎหมาย” กัณต์พูดขึ้นหลังจากทักทายกันแล้ว
“ผมจะโดนจับขังคุกไหมครับ” ชาลียิ้มมุมปาก
“คุณได้แจ้งความเท็จหรือเปล่าล่ะครับ”
“เปล่า” ชาลียักไหล่ “รถผมถูกทุบกระจกจริง”
“ผมกำลังรวบรวมหลักฐาน” กัณต์พยักหน้า “แต่เท่าที่สืบดู ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์”
“จะมีคนเห็นได้ยังไง คนไทยต่างคนต่างอยู่ ใครจะทำอะไรไม่สนใจกันหรอก”
“อย่างน้อย ระบบกันขโมยของคุณต้องส่งเสยง คนแถวนั้นก็ต้องได้ยิน”
“ได้ยินแล้วทำไม” ชาลีเลิกคิ้ว วางศอกบนโต๊ะ โน้มตัวเข้ามาใกล้สารวัตรหนุ่มในเครื่องแบบสีกากีเข้ม “ได้ยินแล้วจะมีคนเดินมาดูงั้นหรือครับ แต่ผมว่าไม่ คงมีคนปรายตามองแล้วก็เมินหน้าหนี ไม่ใช่เรื่องของฉัน ไปยุ่งทำไม ฉันไม่เห็นจะได้ประโยชน์จากเรื่องสัญญาณกันขโมยของรถคนแปลกหน้าดัง เสียเวลาทำมาหากิน รถใครก็ช่าง เดี๋ยวเจ้าของเขาก็มาเอง”
“คุณคิดด้านลบ มีอคติกับคนรอบข้าง” กัณต์แสดงความเห็นด้วยเสียงราบเรียบ
“ผมพูดตามความจริง ส่วนมากสังคมนี้ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ ไม่งั้นจะมีตำรวจไว้ทำไม” ชาลีชะงักไปชั่วอึดใจแล้วพูดว่า “หรือมีไว้แต่เครื่องแบบรัดติ้วเดินอวดหุ่นเท่ๆ ให้ประชาชนดู”
“คุณคิดว่าหุ่นผมเท่พอหรือเปล่าล่ะ” กัณต์หรี่ตา ทำหน้าเคร่งขรึม
“ผมประชดหรอก” นายแพทย์ชาลีกระแทกหลังลงกับพนักเก้าอี้
“คุณจอดรถไว้ที่ไหนครับ เวลาเท่าไหร่” กัณต์เปลี่ยนเรื่อง ดึงสมุดพกกับปากกาออกมาจากกระเป่าเสื้อ ท่าทาจะจดบันทึก ลาลีนิ่งไปชั่วครู่แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ผมกำลังจะออกเวรพอดี หิวข้าวมาก คุณไปสอบปากคำผมตอนทานข้าวได้ไหมครับ”
กัณต์เงยหน้าขึ้นแล้วเลิกคิ้วข้างเดียว มองหน้านายแพทย์หนุ่มที่เปลี่ยนท่าทีมาเป็นยิ้มบางๆ บุคลิกดูผ่อนคลายต่างจากทุกๆ ครั้งที่เจอกัน หากกัณต์ก็ยังคิดว่านัยน์ตาของชาลียังคงแข็งกร้าว อ่านยาก ผสมกับความลึกลับ ราวกับซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
...ความรู้สึกที่เขาเห็นว่า ตรงกันข้ามกับคำพูดและการกระทำที่นายแทย์คนนี้กำลังกระทำอยู่...

ชาลีเดินเร็วมาก ตัวตรง ก้าวเท้าเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างคนมั่นใจในตัวเอง กัณต์สังเกตว่าขณะที่เดินกำลังใกล้จะถึงประตูทางเข้าร้านอาหาร ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินสวนออกมา ทำท่าจะทัก แต่ชาลีปรายตาไปมองแล้วรีบหันหน้าหนี ทำเย็นชาและเดินเข้าร้านอาหารไปโดยเร็วทำให้ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับหน้าเจื่อน
“แฟนเก่าหรือครับ” กัณต์ถามเมื่อนั่งลงที่โต๊ะซึ่งติดกับหน้าต่าง มองออกไปเห็นสวนสวยบรรยากาศร่มรื่น
“เปล่า แค่คนรู้จักกัน เขาจีบผมอยู่พักหนึ่งแต่ผมไม่เล่นด้วย” ชาลียักไหล่ “ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้ คนที่ไม่เห็นค่าของความรัก คนที่คิดแต่จะปลดเปลื้องอารมณ์อยากชั่วครั้งชั่วคราว คนที่ไม่ต้องการมีพันธะ”
...เอ หลอกด่าเขาหรือเปล่า หมอชาลีไม่ใช่คนโง่ ยังไงๆ ก้ต้องมองออกว่าเขาเป็นคนยังไง...
...แล้วตัวเองล่ะ ต่างจากที่ตัวเองพูดแค่ไหน อย่างน้อยก็ประโยคสุดท้ายล่ะ เขาก็คิดว่าชาลีไม่ต้องการมีพันธะเหมือนกัน มีทั้งแฟนทั้งกิ๊ก บริการเสน่ห์เก่งขนาดนั้น จะเรียกว่าคนหลายใจก็ยังได้...
กัณต์ไม่พูดอะไร ได้แต่คิดในใจและยิ้มมุมปากแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มจากพนักงานที่เดินเข้ามายืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างโต๊ะ
“ผมขอไฮเนเก้นขวดใหญ่” ชาลีพูดกับกัณต์ “วันนี้ผมรู้สึกอยากจะดื่ม”
“คุณเป็นหมอ น่าจะรู้ว่าแอลกอฮอลล์ไม่ดีต่อสุขภาพ” กัณต์เตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม
“สิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพคือการกระทำของมนุษย์ต่างหากครับ เพราะมันทำลายทั้งกายและใจ”
กัณต์อมยิ้มแล้วหันไปสั่งเบียร์ให้ชาลีและน้ำเปล่าสำหรับตัวเองพร้อมกับสั่งอาหาร
“ตำรวจดื่มน้ำเปล่า ไม่เข้ากันเลย เราควรจะเปลี่ยนเครื่องดื่มกัน” ชาลีแสดงความเห็น
“ในสายตาคุณ ตำรวจคงไม่ใช่คนดี”
“เปล่า” ชาลียักไหล่ “คนดีก็มี คนเลวก็มีถมไป แต่บางคนดีเลวผสมกัน ท้ายที่สุด เราก็แค่มนุษย์ธรรดาคนหนึ่ง มีดีมีเลวอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าอย่างไหนจะมากกว่ากัน”
กัณต์นั่งฟังเงียบๆ มองชาลีอย่างครุ่นคิด นัยวันนายแพทย์หนุ่มคนนี้ยิ่งทำให้เขาแปลกใจ บางครั้งดูเหมือนอยากจะพูดดีกับเขา บางครั้งดูประชดประชัน และบางคราวก็ดูเย้ยหยันตัวเองหรือสังคมรอบข้าง
“แต่ผมก็หวังว่า ในที่สุด ผมคงมองสารวัตรกัณต์ไม่ผิด” ชาลีสรุป
“คุณอาจมองผมผิดตั้งแต่ทีแรกแล้ว”
“ไม่ครับ ผมมองคนไม่พลาด ตั้งแต่เรียนจบแพทย์ผมไม่เคยมองคนพลาด” น้ำเสียงนายแพทย์ชาลีมั่นใจยิ่งนัก
“ถ้ายังงั้น ตั้งแต่เรารู้จักกัน จนถึงเวลานี้ คุณมองผมเป็นคนยังไง”
“บอกไปตรงๆ ก็ง่ายเกินไปสิครับ” ชาลียิ้มท้าทาย “คุณเป็นสารวัตรสืบสวน คุณลองสืบเอาเองดูสิ หรือว่าคุณไม่อยากสอบสวนผม” ท้ายประโยคชาลีทำเสียงทุ้มต่ำ
...ถ้าจะให้สืบสวนสอบสวนหมอชาลีก็คงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก เพราะเขาคิดว่า ‘คดี’ นี้น่าจะเรียกได้ว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร...
...ชาลีกำลังคิดจะทำอะไร...
...จะว่าทอดสะพานให้เขาจีบก็ไม่น่าจะใช่ แววตาของหมอชาลีบางครั้งดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ...

ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งรับประทานอาหารและคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนมากเป็นเรื่องงาน ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องงานให้กันฟัง จนกระทั่งกัณต์วกกลับมาเรื่องรถของชาลีโดนทุบกระจก
“ผมบอกแล้วไงว่าช่างเถอะ” ชาลีตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
“ผมก็บอกแล้วว่าช่างไม่ได้ ผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิตำรวจว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ”
“คุณคงคิดว่าใครคนนั้นเป็นผม” ชาลีหัวเราะเสียงเบา
“หมอชาลีครับ ผมจะพิสูจนให้คุณเห็นว่าพันตำรวจตรีกัณต์ เวโรจน์ เป็นสารวัตรสืบสวนที่ทำงานไม่เคยพลาด” กัณต์พูดเสียงหนักแน่น
“ดีครับ ผมจะรอวันที่หมวดคนเก่งอย่างคุณจะลากคอคนทำความผิดมารับโทษ”
“สารวัตร” กัณต์แก้ยศที่ถูกอีกฝ่ายลดขั้นอยู่ตลอดเวลา “เมื่อไหร่คุณจะเรียกยศที่ถูกต้องของผมซะที จะว่าไป ผมมีสิทธิจับคุณในข้อหาดูหมิ่นล้อเลียนเจ้าพนักงานได้นะครับ”
“จริงหรือครับ มีกฎหมายว่าไว้ยังงั้นหรือ” ชาลีเบิกตากว้าง ทำท่าตกใจ “ผมพยายามแก้ให้ถูกแล้วนะครับ แต่มันก็ติดปากตั้งแต่ครั้งแรกก็เลยเผลอไปบ้าง”
“เผลอปากบ่อยเลยทีเดียวล่ะ” กัณต์ส่ายหน้า บ่นพึมพำ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด ซึ่งเมื่อพูดเสร็จก็อดตำหนิตัวเองว่าไม่น่าเลย
“เย็นแล้ว ไม่ไปรับเด็กหรือครับ ป่านนี้น้องคงเลิกเรียนแล้ว”
“ผมกับเขาเป็นแค่...” ชาลีตาลุกวาบขึ้นมาทันที เสียงห้วน แต่ก็หยุดพูดอยู่แค่นั้น
“คุณพูดเองว่ากิ๊กเป็นนักศึกษา ผมก็แค่อยากรู้” กัณต์ยกเหตุผลขึ้นมาพูด
“คุณเป็นคนพูดเอาเองนะว่าผมชอบเด็ก” ชาลีสวนกลับ “คุณรู้หรือว่าผมมีรสนิยมยังไง”
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้” กัณต์ยักไหล่ “ผมมองคนออกเหมือนกัน”
“คุณมองว่าผมเป็นคนชอบเด็ก”
“งั้นจริงหรือเปล่าครับ” กัณต์เลิกคิ้วถาม
“”ไม่จริง” ชาลีทำเสียงเข้ม มองตานายตำรวจหน้าเข้มชั่วอึดใจแล้วพูดว่า “ผมชอบผู้ใหญ่ ชอบคนที่เหนือกว่าผม แข็งแกร่งกว่าผม ไม่เหลาะแหละ ชอบคนที่สามารถดูแลผมได้ ส่วนคนอื่นนั้น แค่ทางผ่าน”
กัณต์แทบจะกลั้นหายใจ ชาลีบ่งบอกความนัยอะไรบางอย่างที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังโดนจีบ
...หรือไม่ชาลีก็กำลังเปิดทางให้เขาจีบ...
“วันเสาร์นี้ผมจะไปเยี่ยมพายัพ เด็กที่ถูกแทง จำได้ไหมครับ คนที่เข้าไปช่วยคนโดนกรรโชกทรัพย์แล้วถูกแทง คนที่เราไปเจอที่...”
“ผมจำได้ครับ ไม่ใช่คนความจำสั้นขนาดนั้น” กัณต์รีบแทรกด้วยเสียงเคร่งปนขำ
...ดูเอาเถอะ ชาลีเปลี่ยนอารมณ์ หรือทำให้เขาเปลี่ยนอารมณ์ได้ฉับพลันแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้...
“ไปด้วยกันนะครับ” ชาลีทอดเสียงอ่อนโยน “อย่างน้อยเราสองคนก็เป็นคนช่วยเขา”
กัณต์อึ้กครั้ง ไม่นึกว่าชาลีจะชวนเขาดื้อๆ เขายังจำครั้งแรกๆ ที่พบกันได้ แม้แต่จะขอให้เป็นผู้ให้ปากคำหรือชี้ตัวผู้ต้องหา ชาลีก็โยกโย้อยู่เป็นนานสองนาน ไม่ยอมให้ความร่วมมือและแสดงชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา แม้จะพาไปดูตัวผู้ต้องสงสัย ชายหนุ่มยังต่อรอเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทำเหมือนเขาจะพาไปตกระกำลำบาก แต่วันนี้กลับมาชวนเขาไปด้วยกัน
...ชาลีกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่...


///// 10 */////
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 09-02-2010 17:37:02
 :z13: :z13: :z13:
 :laugh:
____________________
ชาลี อ่อย :oo1:
เวลาทิ้ง ระวังจะทิ้งไม่ลงนะจ๊ะ
นุ้งชาลี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 09-02-2010 18:14:55
นั่นสิ ชาลี จะทำอะไร

จะอะไรก้อช่างรีบ ๆทำเถอะ :m20:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-02-2010 18:34:46

ร้ายพอกัน   :laugh:

 :L2: ++ แล้วนะเป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-02-2010 18:55:40
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:



คุนหมอ ผม นี้ เก่ง จริงๆๆๆ




แบบนี้ รักตาย เรยย


 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 09-02-2010 19:16:27
เข้ามาเชียร์หมอชาลี :z2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 09-02-2010 19:42:50
ตามอ่านทันแล้วค้าบ  :z2:

เรื่องนี้สงสัยจะดราม่า อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นจริงๆ

สุดท้าย หมอชาลี ก็จะตกหลุมรักสารวัตร จนยากเกินจะถอนใจ 

และที่สำคัญ เมื่อรู้ว่า ใครคนนั้น ที่ทำให้เพื่อนอย่างเควิน

ต้องฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก คือ สารวัตร คนนี้

ก็คงต้องทั้งรักและทั้งเกลียด กันละนะงานนี้ คุณหมอ  :m15:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 09-02-2010 20:37:12
สารวัตรฉลาดจัง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 09-02-2010 20:46:27
แหมคุณตำรวจคุณหมอเค้าทั้งอ่อยทั้งทอดสะพานแบบนี้
เค้าไม่ได้แค่คิดเฉยๆนะคะเค้าจะเอา...คุณตำรวจให้ได้ด้วยล่ะคะ  :o8:
ทั้งเปรี้ยวทั้งฉลาดไม่มีใครเกินเก็บอารมณ์เก่งอีกต่างหากละ่นะแม่นางฟ้าชาลี
ต่างคนต่างชอบความท้าทายไม่ยอมแพ้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนที่ตัวเองคิดว่าเดายากด้วยแล้ว
งานนี้มาลองเคี้ยวของยากๆกันเหอะ ไฟกับน้ำมันอั๊ยย นุ้งชาลีเหมือนมีความแค้นสังคมมาแต่ชาิติ
ปางก่อนนะนั่น หมอชาลีใจดีและอ่อนโยนคนนั้นหายไปไหนล่ะนั่น ค.อ่อนโยนใจดีจะมีไว้
ให้แก่วิชาชีพอย่างเดียวรึเนี่ย  :เฮ้อ:

“แฟนผมเป็นหมอครับ" ชาลีเงยหน้าขึ้นยิ้มเยือกเย็นให้กัณต์ "แต่กิ๊กเป็นนักศึกษา"
>>เปิดเผยได้น่าปล้ำมวกมากจ๊ะคุณหมอชาลี

+1 คะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 09-02-2010 21:00:43
มันยังไงอยู่น้า บอกว่าจะแกล้งเขา แต่เกือบบอกไปว่า เด็กคนนั้นเป็นใคร

คิดจะแกล้งศาลาวัด แต่ซักวัน จะโดยย้อนศรเอานา

+1 ให้พี่นาย เป็นกำลังใจให้เสมอ ๆ ครับ  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 09-02-2010 21:13:00
ใครจะเพลี้ยงพล้ำในเกมนี้ ?? 

รอ...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 09-02-2010 21:20:04
ช่วงstart ชาลีนำไปก่อน  1-0  o13

รอดูกลางเกมว่า ผู้หมวด เอ๊ยท่านสารวัตรจะตีตื้นได้มั้ย 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 09-02-2010 21:25:55
มาสเตอร์พีซชิ้นนี้

ดูท่าว่าจะยาก!!!


ปล. รักกันจริง ๆ ขึ้นมามีหวัง ชาลีโดนสารวัตรตื๊อเเน่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 09-02-2010 22:36:14
เกมส์......ใครแพ้เสียหัวใจ...ให้ผู้ชนะ



สมน้ำสมเนื้อ..ดีจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-02-2010 22:41:01
ตกลงจะเอายังงัยกันเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 10-02-2010 00:07:08
เนื้อเรื่องเข้มข้น แบบว่ากัดกันได้อย่างเจ็บแสบและเป็นผู้ดีมาก...............
หมอชาลีคงผ่านอะไรมาเยอะ และทุกสิ่งที่ผ่านมามันคงร้ายแรงของจริง
นี่เป็นอีกเรื่องนึงของเรื่องนี้ที่ทำให้ประทับใจตรงที่ว่า ความรัก นานวันมันก็ยิงร่วงโรย
ยิ่งอยากรักเขามากเท่าไหร่ แต่ถ้เลือกคนไม่มี ไม่ยอมมองความเป็นจริง มัวแต่ให้ความักบังตา
อยากจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่หมอชาลีเคยโดนเป็นแน่แท้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-02-2010 02:32:02
เอาล่ะ เกมเริ่มแล้วววววว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (9/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 10-02-2010 13:16:31
ย้อนเวลาหาอดีตกันนิดนะครับ

บทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้ครับ ผมพิมพ์ใหม่อีกรอบ เพราะบทที่ 6-7 ที่พิมพ์ในโน๊ตบุ๊คเสร็จแล้วคงต้องถูก 'กักขัง' ไว้ในนั้นอีกนานเพราะอแดบเตอร์มันเสียและผมก็ไม่มีเงินซื้อใหม่  :m15:

ขอบคุณผู่้อ่านทุกท่านครับ

ความเดิม บทที่ 5 ชาลีกับนาวิน น้องชายคนใหม่ไปเยี่ยวพายัพ พลเมืองดีที่ถูกแทง ตอนที่ชาลีกับกัณต์วิ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บพร้อมกัน

เพลิงรัก บทที่ 6

ชาลีกับนาวินเดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลช้าๆ ชาลีคุยกับนาวินเรื่องทั่วๆ ไปและลงท้ายด้วยการย้ำเรื่องการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน เด็กหนุ่มเลิกเรียนแล้วจะนั่งรถประจำทางมารอเขาที่หน้าโรงพยาบาล ยกเว้นสามวันที่ชาลีออกตรวจที่โรงพยาบาลศิริราชที่นาวินจะไปรอเขาหน้าห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่บนเส้นทางกลับบ้าน
ชาลีเริ่มจะคุ้นเคยกับการมีใครอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาในบ้าน นาวินก็เริ่มปรับตัว อาการซึ้มเศร้าที่สูญเสียพี่ชายก็เริ่มหายไป หากบางคราวที่อยู่คนเดียว เด็กหนุ่มมักจะนั่งเงียบ คิดถึงพี่ชายแล้วบางครั้งก็ร้องให้
ชาลีไม่เคยนึกเลยว่า จู่ๆ เขาก็จะกลายมาเป็นพี่ชายคน ในชีวิตของเขาอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่พ่อกับแม่หย่าร้างกัน ตอนนี้พ่อของเขาแต่งงานใหม่และมีครอบครัวที่น่ารัก ต่างจากเมื่อครั้งที่เคยอยู่กับแม่และเขาโดยสิ้นเชิง แม่เขาทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น ไม่ยอมกลับมาเมืองไทย ไม่ยอมแม้แต่จะไปเยี่ยมเขาที่สหรัฐอเมริกา ไม่ยอมแม้แต่จะมาเยี่ยมเขาที่เมืองไทยคราวที่เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลถึงสามครั้งสามคราเพราะคนใจดำสองคนที่เกือบทำลายชีวิตของเขา
คนที่เคยบอกว่ารักเขามาก คนที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตและหัวใจให้จนหมดสิ้น...
...โง่สิ้นดีที่หลงเชื่อในความรัก ตอนนั้นเขาโง่สิ้นดี...
...อ่อนเยาว์และโง่ คิดแล้วอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตนัก ถ้าทำได้ บาดแผลที่อยู่บนกายและอยู่ในใจเขาคงจะหายไป...

“ถ้าตอนที่รอพี่มีคนเข้ามาคุยด้วยหรือชวนไปถ่ายแบบ ห้ามตอบตกลงเด็ดขาด เรื่องเรียนต้องมาก่อน” ชาลีสั่งสอนนาวินพลางเดินลงไปยังลานจอดรถ “เรื่องจะเข้าวงการนี่เอาไว้คิดตอนจบปริญญาโท ตอนนี้เรายังเด็กอยู่ โลกภายนอกนี่มันร้ายกาจ พี่ไม่อยากให้นาวินเจอพวกคนไม่ดี”
“ผมรู้แล้วน่า” นาวินตอบ
“พี่เป็นห่วง”
“ผมรู้แล้วว่าพี่เป็นห่วง”
“แล้วเวลารอพี่ในห้างให้เปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ดังสุด เปิดระบบสั่นด้วย เวลาพี่โทรมาจะได้รับสายเลย ตอนรอให้ไปยืนใกล้ๆ ตู้โทรศัพท์ถัดจากป้ายรถเมล์ ถ้ารถเมล์เข้าป้ายหลายคันพี่จะเลยไปอีก ให้เดินตามไปขึ้นตรงใต้สะพานลอย” ชาลีสั่งต่อ
“ครับ ครับ ครับ” นาวินพยักหน้า
“แล้วอย่ามัวแต่กดโทรศัพท์เล่นเกม เงยหน้าขึ้นคอยมองรถพี่ด้วย”
“พี่หมอไม่ต้องห่วงหรอก พอรถพี่ใกล้มาถึงรับรองผมเห็นแน่ๆ ขับปาดไปปาดมาซะขนาดนั้น มีเสียงบีบแตรด่ามาก่อนอีกต่างหาก” นาวินหัวเราะ
“เดี๋ยวเถอะ ทำเป็นพูดดี” ชาลียกมือขึ้นทำท่าจะฟาดน้องชายคนใหม่
“พี่หมอ...” เสียงนาวินเรียกเขาเบาๆ พร้อมสะกิดแขนเขาให้หันไปมอง
...เอาอีกแล้ว อะไรกันนักกันหนา นายตำรวจคนนี้ทำไมมาวุ่นวายกับเขานัก...
พันตำรวจตรีกัณต์กำลังยืนพิงรถเขาด้านประตูคนขับ ก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือของตัวเอง ราวกับกำลังอ่านข้อความอะไรสักอย่าง
นายแพทย์ชาลีเดินตรงไปที่รถ นาวินเดินตามมาช้าๆ แต่ชาลีหันไปหาเด็กหนุ่มแล้วชี้มือให้ไปนั่งรอที่ม้าหินอ่อนไม่ไกลจากรถเท่าใดนัก
เมื่อเข้าไปใกล้สารวัตรหนุ่มที่โดนเขาลดยศเหลือแค่เป็นหมวด กัณต์ยังไม่รู้สึกตัว ยืนกดโทรศัพท์อยู่ยังโดยไม่สนใจสิ่งต่างๆ รอบกาย แม้จะหยุดยืนหน้านายตำรวจแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น แต่ชาลีรู้ว่ากัณต์คงรู้สึกตัวแล้วว่ามีคนมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
...กวน...
คำเดียวที่ชาลีนึกได้ก็คือคำนี้
“ผมตามตัวคนร้ายเจอแล้ว ถึงคุณไม่ยอมเป็นพยานผมก็เข้าจับกุมได้” กัณต์พูดเสียงเรียบ มือยังกดโทรศัพท์อยู่ เสมือนว่าน่าสนใจกว่าเขานัก
...กวน...ชาลีพูดในใจซ้ำๆ
“มาบอกผมทำไม” ชาลีพูดห้วนๆ “ถ้างั้นก็ไม่มีเหตุผลที่หมวดจะมาวุ่นวายกับผม”
“ผมมาบอกให้เด็กรู้” กัณต์กดปุ่มบนโทรศัพท์เป็นครั้งสุดท้าย แล้วสอดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเครื่องแบบสีกากีรัดติ้ว
...เขาหุ่นดีมาก ชาลียอมรับว่านายตำรวจคนนี้สวมชุดเครื่องแบบแล้วดูเท่ยิ่งกว่าตำรวจคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบ
...แต่กวนและขี้เก๊ก ท่าทางหลงตัวเองอีกต่างหาก คงคิดว่าตัวเองหน้าตาดีมากจนไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง...
“แต่พอดีเจอคุณหมอ ก็เลยบอกให้คุณหมอรู้ด้วยอีกคน”
“พอดีเจอผมหรือ” ชาลีพยักหน้าทำเป็นรับรู้ “ฮื่อ หมวดคงไม่รู้ว่ารถที่ยืนพิงอยู่นี่นะเป็นรถผม”
“อ๋อ เหรอครับ โทษที” กัณต์ทำหน้าตกใจ
...แกล้งทำหน้าตกใจสิไม่ว่า...ชาลีเบ้ปาก เริ่มจะหมั่นใส้คนหน้าหล่อมากขึ้นทุกที
“เสียดาย ผมกำลังคิดจะเป็นพยานให้พอดี พอหมวดไม่ต้องการพยานแล้ว ผมเลยอดเป็นพลเมืองดีไปเสียนี่” ชาลีทำหน้ามุ่ย
...แกล้งทำหน้าเสียดายได้แนบเนียนมาก...
กัณต์ยิ้มเยาะ ก่อนจะแก้ยศของเขาให้ถูกเพราะชักจะทนไม่ไหวแล้วที่โดนนายแพทย์หัวดื้อเรียกเขาลดขั้นลงมาฮวบฮาบ
“สารวัตรครับ ผมพันตำรวจตรีกัณต์ เวโรจน์ เป็นสารวัตรสืบสวนมาหลายปีแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เป็นพันตำรวจโท เลิกเรียกผมว่าหมวดได้แล้ว”
“โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมตาไม่ดี เห็นดาวไม่กี่ดวงบนบ่าของหมวด เอ๊ย สารวัตร ก็เลยเผลอปาก ลืมไปว่ามีมงกุฏครอบด้วย”
...กวน...
กัณต์เบือนหน้าไปด้านข้าง เบ้ปาก ก่อนจะหันมาหาชายหนุ่มที่ก็เบือนหน้าไปด้านข้างเช่นกัน แต่เป็นคนละทาง
“ผมจะสวมเครื่องแบบมาให้เห็นบ่อยๆ คุณหมอจะได้เรียกถูก ส่วนเรื่องเป็นพยานหรือไม่เป็นนั้นก็ตามใจครับ ยังไงๆ ผมจะรีบปิดคดีให้ได้” กัณต์ขยับตัวออกจากรถของนายแพทย์หนุ่ม ผายมือเปิดทางให้ ก่อนจะพูดว่า “แต่ผู้ร้ายจะหลุดคดีหรือไม่ อันนี้ผมไม่รับประกัน พอจับได้แล้วก็ถือว่าผมทำงานของตัวเองเสร็จ ที่เหลือเป็นเรื่องของศาล ถ้าพยานหลักฐานแน่นหนา ก็ไม่รอด แต่ถ้า...”
...ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร...ชาลีบอกกัณต์อยู่ในใจ
“ผมไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไปได้หรอก” ชาลีบอกเสียงเข้ม “แล้วคุณไม่ต้องมาใช้คารมแบบนี้กับผม ผมรู้ทัน ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไรต่อไป ไม่ต้องมาเล่นเกม”
“ผมหรือเล่นเกม” กัณต์เลิกคิ้ว “ผมไม่รู้เลยนะนี่ว่าผมกำลังเล่นเกม ผมนึกว่าคุณหมอต่างหากเป็นคนเล่น”
ชาลีกรอกตา พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วเดินหนีกัณต์ไปเสียดื้อๆ เพื่อไปตามนาวินซึ่งนั่งคอยอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ พลันได้ยินเสียงของนายตำรวจแว่วมาเบาๆ
“ไม่น่าเชื่อว่านิยมเด็ก”
นายแพทย์ชาลีกัดฟัน หันขวับทันที อีกฝ่ายหันหน้าหนีไปเสียแล้ว ร่างสูงเดินห่างออกไปช้าๆ
“หมวดปืนสั้น ฮึ” ชาลีพึมพำ น้ำเสียงดูถูกคนที่เขาเห็นว่า “กวน” ที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา “ระวังตัวให้ดีเถอะ”

“หมวดปืนสั้น” นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถVolvo XC 90คู่ชีพ ตามองร่างสูงโปร่งของนายแพทย์หนุ่มที่ “ยอม” ไปกับเขา ชาลียังเล่นเกมยื้อเวลากับเขาอยู่อีกถึงสองวันกว่าจะยอมเป็นพยาน วันนี้เขาจะพาชาลีไปชี้ตัวผู้ต้องสงสัย เขาสืบสวนจนรู้ว่า “อ้วน” ผู้ต้องสงสัยชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัสกบดานอยู่ที่สมุทรปราการ แต่ชาลีต้องการให้เขาแจ้งข้อหาพยายามฆ่า ไม่เช่นนั้น แพทย์หนุ่มจะไม่ยอมเป็นพยาน
กัณต์ยอมรับว่าเขาเหนื่อยที่จะถกเถียงกับนายแพทย์หัวดื้อคนนี้ ชาลีไม่เคยยอมลงให้เขาเลย ไม่ฟังคำอธิบายอะไรด้วยซ้ำ หากชาลีท่าทางจะเถียงสู้เขาไม่ได้ หมอหนุ่มก็จะหยุดพูดแล้วเดินหนีหรือวางสายโทรศัพท์ไปเสียเฉยๆ แล้วเขาก็จะต้องเป็นฝ่าย “เริ่ม” ถกกันใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เขากลับไปสงบสติอารมณ์แล้วซักระยะ
กัณต์ไม่เคยคิดเลยว่า บางคืน เขาต้องเอามือก่ายหน้าผาก พยายามคิดหาวิธี ‘จัดการ’ กับนายแพทย์หน้าเข้มคนนี้...
...คนที่กำลังขึ้นรถนั่งอยู่ข้างๆ เขาแล้วปิดประตูเสียงดังปัง...
“ไม่ใช่รถบรรทุกนะครับ รถผมคันละหลายล้าน ประตูพังไปนี่ซ่อมแพงนะ”
“ขอโทษครับ ผมเคยชินกับรถตัวเอง” ชาลีกล่าวขอโทษเสียงเรียบ หากหน้าตาไม่ได้รู้สึกเช่นที่พูด “สองชั่วโมงเท่านั้นนะครับ ผมต้องรีบกลับไปรับเด็กที่เลี้ยงอยู่ ต้องพาไปทานข้าว พาไปเล่นเกม พาไปทำอะไรสารพัด” ชาลีประชด ยังจำที่กัณต์พูดกระทบเขาได้ไม่ลืมว่าเขา “นิยมเด็ก”
“สองชั่วโมงไม่ทันหรอกครับ สามดีกว่า” กัณต์ต่อรอง
“สองชั่งโมงครึ่ง”
กัณต์ส่ายหน้า เลิกต่อรองกับนายแพทย์ชาลีที่เลิกต่อรองเช่นกัน เพราะหยิบหูฟังไอพอดสีขาวขึ้นมาแล้วเอาหูฟังอุดหูทันทีที่พูดจบ จากนั้นนั่งกอดอกนิ่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง ตัดขาดการสนทนากับนายตำรวจซึ่งนั่งหน้าตึงอยู่หลังพวงมาลัย

ทันทีที่เห็นผู้ชายที่กัณต์พามาดูตัว ชาลีก็ตอบว่า "ใช่" ด้วยเสียงเบาๆ  ตายังยังจับจ้องอยู่ที่ชายหน้าเหี้ยมผิวสีดำแดงที่กำลังนั่งพ่นบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ในเพิงขายของเก่าๆ ข้างถนน
“ฆ่าทิ้งซะเลยดีไหมครับสารวัตร เอาปืนมาให้ผม เดี๋ยวผมเป็นคนยิงเอง”
ทั้งที่รู้ว่าชาลีแกล้งพูดเพราะอารมณ์ แต่กัณต์ก็อดพูดไม่ได้ว่า "กฏหมายก็คือกฏหมายนะครับ ยังไงก็ต้องว่ากันไปตามผิดตามถูก"
“ผิดถูกของคุณจะทำให้ไอ้คนนี้ติดคุกกี่ปีล่ะ ไม่นานก็จะลดหย่อนโทษ อีกหน่อยก็ออกมาเดินเล่นอยู่ริมถนนตอนกลางคืนได้แล้ว”
“ผิดถูกของกฏหมาย ไม่ใช่ของผม ผมไม่ได้เป็นคนกำหนดว่าใครควรจะตายหรือไม่ควร คนทำโทษก็ต้องได้รับโทษ นั่นมันกระบวนการของศาล ผมไม่ได้เรียนนายร้อยตำรวจมาเพื่อฆ่าคนนะครับ” กัณต์เสียงเข้ม
"แล้วศาลให้ความยุติธรรมได้แค่ไหน ผมไม่เชื่อในระบบยุติธรรมของเทศนี้หรอก ไม่เคยเห็นคนผิดได้รับโทษสาสมกับความผิดเลยซักครั้ง จะเสียเวลากันในศาลทำไมไม่รู้ คุณรู้ไหม ระบบยุติธรรมของประเทศนี้เหมือนอะไร เหมือนตราชั่งขึ้นสนิมหนึ่งอัน วางทิ้งไว้บนพื้นทรายที่น้ำกัดเซาะทีละนิด แล้วซักหน่อยก็มีคนมายกตราชั่งไปเช็ดซักทีสองที แล้วเอามาตั้งห่างไปจากที่เดิมอีกนิด"
กัณต์ไม่ตอบเพราะรู้ว่านายแพทย์ชาลีนั้นหัวรั้นเกินกว่าจะรับฟังเหตุผลของเขาจึงเคลื่อนรถออกไป นายแพทย์หนุ่มหันไปมองผู้ต้องสงสัยคนนั้นจนลับตาราวจะบันทึกไว้ในความทรงจำแล้วจึงหันกลับมา
"ผมชี้ตัวแล้ว คุณก็เข้าจับกุมได้เลยสิ เมื่อกี้ทำไมไม่ลงไป"
กัณต์ส่ายหน้าเล็กน้อย ปรายตาไปมองชาลีแล้วตอบว่า "รออีกหน่อยเถอะ ไหนๆ คุณก็รอมาได้หลายวัน พรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยงให้คุณได้ชี้ตัวผู้ต้องหาได้แน่ ผมจะโทรไปบอก"
ชาลีเอนตัวลงกับเบาะรถ ยกมือขึ้นมามองเวลาแล้วหันไปมองผู้ต้องสงสัยหน้าเหี้ยมคนนั้นอีกครั้ง
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีครับ” เสียงกัณต์ดังขึ้น
...ประชดอีกแล้ว ประชดได้ประชดดี ตำรวจอะไรปากร้ายจริงๆ...
ชาลีปรายตาไปมองกัณต์อย่างฉุนๆ เม้มปาก พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ตอบโต้
“คุณหมอชาลีครับ ผมจะพยายามให้ดีที่สุด แล้วที่คุณหมอกรุณาช่วยเป็นพยานให้นี่ก็จะช่วยให้คนผิดต้องได้รับทาสาสามกับที่เขาทำ แต่เราก็ต้องพึงระลึกไว้ด้วยว่า กฎหมายก้มีขอบเขต มีความเหมาะสมอยู่ในระดับหนึ่ง”
“แต่มีช่องโหว่อยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ” ชาลีแทรก “คุณจะให้ผมอุปมาเปรียบเทียบระบบยุติธรรมให้ฟังอีกไหมล่ะ”
“เจ้าทุกข์ก็แค่บาดเจ็บ พลเมืองดีที่เข้าไปช่วยนั้นบาดเจ็บสาหัส แพทย์ก็ให้การรักษาอยู่”
“พยายามฆ่า หรือสารวัตรกำลังจะพยายามโน้วน้าวให้ผมคิดว่ามันควรจะเป็นแค่เรื่องคดีวิ่งราวชิงทรัพย์”
“มันก็...”
“ผมไม่ให้สารวัตรรับประกันหรอกว่าไอ้คนนั้นต้องได้รับโทณจำคุกสิบปียี่สิบปีหรือตลอดชีวิต” ชาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่คุณรับปากกับผมได้ไหมว่า มันต้องได้รับโทษอย่างสาสมกับความเลวที่ทำ”
กัณต์ไม่ตอบเพราะเกรงว่าจะต้องเถียงกันเรื่อง ‘ระบบยุติธรรมของประเทศ’ อีกครั้ง นายตำรวจหนุ่มหันไปมองถนนเบื้องหน้าและแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมหมอชาลีเป็นเดือดเป็นแค้นนัก
“คนทำผิด ต้องได้รับโทษหนักๆ” ชาลีย้ำเสียงห้วน
“พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณหมอรอไปชี้ตัวได้เลย” กัณต์ย้ำอีกเช่นกัน
“เย็นนี้เลยไม่ได้หรือ”
“เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงห้านาทีครับ เดี๋ยวไปรับเด็กไม่ทัน”
“กวน” คราวนี้ชีพูดสิ่งที่เอาแต่พูดในใจออกมา
...ดื้อรั้น...กัณต์ตอบโต้อยู่ในใจ
...ชาลี คุณนี่ยังไงกันนะ ตอนแรกทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ยอมแม้แต่จะให้ปากคำกับตำรวจด้วยซ้ำ กว่าจะยอมเป็นพยานให้ก็เล่นเอาเหนื่อย คราวนี้ทำท่าอย่างกับจะกระโดดลงไปสำเร็จโทษผู้ต้องสงสัยเสียเอง...
กัณต์ไม่เข้าใจนายแพทย์ปากร้ายคนนี้เลยจริงๆ แต่จากการสังเกตทำให้เขาสงสัยว่าหมอชาลีน่าจะเคยมีอดีตไม่ดีเกี่ยวกันเรื่องแบบนี้ เขาได้ยินชายหนุ่มย้ำเรื่องทำผิดต้องได้รับทาสาสมมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งนัยน์ตาจะแข้งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

กัณต์เคาะแป้นคีย์บอร์ดเพื่อเลื่อนดูหน้าเอกสารบนจอคอมพิวเตอร์ช้าๆ คิ้วขมวดเป็นระยะสลับกับการถอนหายใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างก่อนจะยกมือขึ้นกดขมับเพราะรู้สึกปาดตาที่อ่านตัวหนังสือเล็กๆ บนหน้าจอมาเป็นเวลานาน
“หมอชาลี เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” กัณต์พึมพำคนเดียวแล้วเอื้อมมือไปปิดหน้าจอ
ภาพและตัวหนังสือที่ได้เห็นและอ่านทำให้เขาอึ้ง  นายแพทย์ชาลีเมื่อเป็นวันรุ่นดูแตกต่างจากปัจจุบันมากเกือบจะเป็นคนละคนแต่นัยน์ตาคมกริบแฝงเศร้าและดื้อรั้นคู่นั้นยังดูเหมือนเดิม ปากอิ่มเต็มที่เขาชอบมองก็เหมือนเดิม หากอีกภาพของชาลีหลายสิบภาพในแฟ้มคดีเมื่อสิบปีที่แล้วนั้นแตกต่างไปจนเขาต้องเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว
กัณต์ถอนหายใจอย่างคาดไม่ถึง ความจริงเขาเพียงแต่อยากจะรู้ข้อมูลเบื้องต้นของนายแพทย์ตัวร้ายบ้างเท่านั้น แต่ไม่นึกเลยว่าข้อมูลในแฟ้มประวัติบุคคลของชาลีนั้นจะมีมากจนไม่น่าเชื่อ
...ชาลี ตอนนี้คุณรู้สึกยังไง แผลกายคงจะจากหายไปตามกาลเวลา แต่แผลใจล่ะ...
****6***
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 10-02-2010 13:27:00
+++++ให้คุณนายยังอุตส่าห์พิมพ์บทที่หกให้ใหม่

ขอ  :กอด1: ได้ไหม :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-02-2010 14:31:25
 :sad4: :o12: สารวัตรทำเกินหน้าที่อีกแล้วนะคะ
แหม..รู้ประวัติคุณหมอแล้วรึเนี่ย...แผลกายคงหายไปแล้วล่ะแต่ว่า
สนใจจะช่วยรักษาแผลใจให้หมอชาลีมั๊ยล่ะนั่น ได้ข่าวตัวเองก็ฟันแล้วทิ้ง เล่นสนุกกับหัวใจคนเหมือนกันมิใช่เรอะคุณตำรวจ..

คู่นี่จิกกันกันกวนประสาททั้งคู่เลยนะนั่น ...หมอก็นะไม่ยอมลดลาวาศอกสักนิดเลยอ่ะ
เถียงๆๆๆ ดื้อจริงๆ
สารวัตรเคอะ...สนใจจะเป็นเด็กในสังกัดของหมอชาลีบ้างมั๊ญนั่น มัวจิกกัดเค้าว่า นิยมเด็กอยู่ได้555

เลิศ!!!
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-02-2010 14:46:04
มาขอตามอ่านด้วยคนคับ สนุกดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 10-02-2010 15:09:31
 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-02-2010 15:42:05

เข้ามาขอความรุ้

สืบสวน Vs. สอบสวน

ต่างกันอย่างไร

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 10-02-2010 16:11:28

ไปหามา....


สืบสวน และ สอบสวน

คำว่า สืบสวน ประกอบด้วยคำว่า สืบ กับคำว่า สวน.  คำว่า สืบ หมายถึง เสาะหา, แสวงหา   คำว่า สวน สันนิษฐานว่ามาจากคำภาษาเขมรว่า สวร (อ่านว่า ซัว) แปลว่า ถาม   สืบสวน หมายถึง แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เช่น เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนให้รู้ว่าใครเป็นมือวางระเบิด  สถานีตำรวจต่าง ๆ พยายามเร่งรัดการสืบสวน และจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

คำว่า สอบสวน ประกอบด้วยคำว่า สอบ กับคำว่า สวน   คำว่า สอบ หมายถึง ตรวจ ทดลอง เปรียบเทียบ หรือไล่เลียงเพื่อหาข้อเท็จจริง   สอบสวน หมายถึง ซักถามเพื่อรวบรวมหลักฐานหรือข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความผิด เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ต้องหาอย่างเคร่งเครียด   ในการสอบสวนครั้งสุดท้าย จำเลยยังให้การปฏิเสธทุกข้อหา

สืบสวน หมายถึง แสวงหาข้อเท็จจริงด้วยวิธีการต่าง ๆ  ส่วน สอบสวน หมายถึง หาข้อเท็จจริงด้วยการซักถาม



ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"  ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.



ความหมายยาวๆ ต้องดูใน ป.วิอาญา ม.2 (10) ค่ะ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-02-2010 16:39:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 10-02-2010 16:50:30
ขอบคุณที่มาต่อให้นะคับ


รออ่านตอนต่อไปนะค้าบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-02-2010 20:20:45
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอชาลีในอดีตจิง ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-02-2010 02:41:24
++  :L2: ขอบคุณสำหรับบทที่ 6
ไม่ได้ทวงนะคุณนาย  o18 บทที่ 7 อีกนานป่าว

น่าสงสารหมอชาลี
สารวัตรจะจัดการกะเคสนี้ยังไง  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: ToRMoR ที่ 11-02-2010 10:22:04
 o11   หึหึรีบๆมาซะดี :fire:
 :m31:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-02-2010 10:38:58
+ ให้ด้วยคนค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: ï_Kiss_U♥ ที่ 11-02-2010 10:41:16
หมอชาลี ชื่อเหมือน ผู้จัดการ จิ้นไปลง ขอเวลาทำใจ ก่อนมาอ่านนะพี่นาย
อ่านทีไรคิดไปถึงหน้าผู้จัดการ แบบว่า  :oak:
555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 11-02-2010 11:10:09
น้องนาวินนนนไม่มีบทเรยยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 11-02-2010 13:24:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-02-2010 14:21:22
ปมในอดีตกันทั้งนั้น

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 11-02-2010 14:50:15
อดีตเป็นยังงายยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (10/2/2010) *เพิ่มบทที่ 6 ที่ติดค้างเอาไว้
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 11-02-2010 17:58:46

ไปหามา....


สืบสวน และ สอบสวน
คำว่า สืบสวน ประกอบด้วยคำว่า สืบ กับคำว่า สวน.  คำว่า สืบ หมายถึง เสาะหา, แสวงหา  
สืบสวน หมายถึง แสวงหาข้อเท็จจริงด้วยวิธีการต่าง ๆ  ส่วน สอบสวน หมายถึง หาข้อเท็จจริงด้วยการซักถา
ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"  ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.
ความหมายยาวๆ ต้องดูใน ป.วิอาญา ม.2 (10) ค่ะ
ขอบคุณที่ช่วยตอบคำถามครับ ชัดแจ้งดีจริงๆ เพราะถ้าให้ผมตอบเองก็คงได้อะไรประมาณนี้ว่า
สืบสวนทำกับสิ่งต่างๆ
สอบสวนทำกับคน (สังเกตจากคำว่า สวน)  :z1:
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ และขอบคุณคนที่ซื้อหนังสือ คดีรัก 1 นะครับ เดือนนี้ขายได้ตั้งสองเล่มแล้วแน่ะ อีกไม่นานเกินรอก็คงได้เงินพอซื้ออแดปเตอร์โน๊ตบุ๊ค  :sad11: คิดแล้วอยากมีแฟนรวยๆ เหมือนกับสารวัตรอธิคมของคุณนุหรือไม่ก็คุณธีรดนย์ของวิธวินท์

เพลิงรัก บทที่ 7

พันตำรวจตรีกัณต์เดินเข้ามาใน The Odyssey Fitness Center แล้วกวาดตามองไปรอบๆ  วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในยิมหรูหราซึ่งสมาชิกต้องจ่ายเกินถึงห้าหมื่นบาทในแต่ละปีเพื่อมาออกกำลังกาย แต่สำหรับเขาวันนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเพราะมั่นใจว่า ‘งาน’ ของเขาคงจะสำเร็จในวันนี้และคงไม่มีความจำเป็นที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
เมื่อคืนนี้หลังจากเข้าไปดูข้อมูลของนายแพทย์ชาลีในแฟ้มประวัติบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน พ.ต.ต. กัณต์ได้รับมอบหมายงานทางโทรศัพท์จากผู้บังคับบัญชา นี่เป็นเหตุผลที่เขามาปรากฎตัวในฟิตเนสหรูหราแห่งนี้
...
“ผมนึกว่าจะให้มือหนึ่งของ DSI ทำ”
“ลุงไม่อยากให้เรื่องมันดัง คดีนี้ผู้ใหญ่อยากให้ทำเงียบๆ” พลตำรวจโท สิทธิชัย ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีศักดิ์เป็นญาตฝ่ายบิดาของกัณต์ตอบ “ผู้ใหญ่อยากให้เราทำ อีกอย่าง มือหนึ่งของ DSI ก็ต้องไปทำงานที่อเมริกาอาทิตย์หน้า ลุงเชื่อมือกัณต์ ลุงต้องการให้คดีนี้จบลงเร็วๆ”
“คุณลุงจะให้ผมทำคนเดียว” กัณต์ถาม
“จะเอาใครในทีมสารวัตรผไทไปช่วยด้วยก็ได้ แต่คดีนี้ต้องทำให้เงียบๆ คุณชายรังสิมันต์กับดอกเตอร์ศิริศักดิ์นั่นไม่หมู กัณต์เป็นมือหนึ่งของลุง ไม่มีใครเหมาะสำหรับงานนี้เท่ากัณต์อีกแล้ว พยายามเข้าให้ถึงตัวคุณชาย”
...ทางเข้าถึงตัวของหม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ของเขาคือผ่านทางหม่อมหลวงชายชล ลูกชายคนโปรดของท่านชายรังสิมันต์...
...และหากเข้าถึงตัวหม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ เขาก็อาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับเพชรสีขาว 50 กะรัตซึ่งหายไปจากตู้เซฟของ อาเหม็ด ชาฟาล เจ้าหน้ากุงศลอาวุโสของสถานทูตซีเรียซึ่งถูกฆาตรกรรมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...
ชายชลเป็นหนุ่มสังคมที่เพิ่งเรียนจบจากอังกฤษและดูแลบริษัท Eternity ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งของหม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรพลอย ชายหนุ่มศึกษาชั้นมัธยมในโรงเรียนนานาชาติและมักจับกลุ่มกับลูกๆ ของนักการทูตที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย

หม่อมหลวงชายชลจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังยกน้ำหนักอยู่มุมห้องด้วยความสนใจ ชายหนุ่มหน้าใหม่รูปร่างหน้าตาดีคนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้า ถามใครก็ไม่มีคนรู้จัก ผู้ชายมาดแมนรูปร่างสูงมาก ไม่ต่ำกว่า 185 เซ็นติเมตร ใบหน้าคร้ามคม ผิวเข้ม ผมตัดสั้น บุคลิกดี ดึงดูดความสนใจของเขาจนไม่อยากทำอะไรนอกจากนั่งมอง
ชายชลคิดหาวิธีทำความรู้จัก ทันใดก็นึกออก ในยิมแบบนี้ไม่มีวิธีไหนจะเหมาะไปกว่าแกล้งยกดัมเบลล์แล้วทำท่าจะหลุดจากมือเพราะยกไม่ไหว แล้วชายหนุ่มกล้ามแกร่งคนนั้นก็คงรีบเข้ามาช่วย คิดได้ดังนั้น ชายชลจึงเอนตัวนอนลงกับเบาะ หยิบดัมเบลล์ข้างละ 30 ปอนด์ขึ้นมาแล้วดันขึ้นพร้อมๆ กัน ส่งเสียงนิดหน่อยเพื่อนให้คนอยู่ข้างๆ หันมามอง
ได้ผล หน่มหล่อมาดแมนปรายตามามองแวบหนึ่งแล้วหันไปยกน้ำหนักของตัวเองต่อก่อนจะวางดัมเบลล์ขนาดใหญ่ลง
...ตอนนี้ล่ะ ต้องกางแขนออกกว้างๆ ทำเป็นว่าดัมเบลล์จะหลุดมือหล่นลงพื้นแล้วอัศวินขี่ม้าขาวก็จะเข้ามาช่วย...
ดัมเบลล์ที่ชายชลยักอยู่เริ่มจะรู้สึกหนักขึ้นมาจริงๆ เพราะเวลาผ่านไปกว่าครึ่งนาที ชายหนุ่มกัดฟัน พ่นลมหายใจแล้วดันน้ำหนักขึ้น จากนั้นทำท่าจะรับน้ำหนักไม่ไหว แขนสั่นแล้วเริ่มโอนเอน
“โอ๊ย...” ชายชลร้องเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ หางตาด้านขวาพลันเห็นมีชายหนุ่มหน้าจืดตาตี่คนนึ่งยืนจดๆ จ้องๆ เหมือนจะเข้ามาช่วย หม่อมหลวงหนุ่มได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้หนุ่มคนนี้เข้ามาหาเลย หนุ่มห้าวมาดแมนคนนั้นต่างหากที่เขาต้องการ
โชคเข้าข้าง ชายหนุ่มที่ชายชลหมายตาไว้หันมาเห็นแล้วรีบขยับเข้ามาช่วยเขาทันที มือแข็งแรงแตะที่ข้อมือของราชนิกูลหนุ่มแล้วดันให้ตั้งตรงนิ่ง พลางก้มหน้าลงถามว่า
“ไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหวผมจะยกออกให้นะครับ” เสียงห้าวทุ้ม ลมหายใจมีกลิ่นมินต์อ่อนๆ แทบจะทำให้ชายชลละลาย
หม่อมหลวงหนุ่มพยักหน้าแล้วพยายามดันดัมเบลล์ขึ้น ชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเลื่อนมือลงมาตามท่อนแขนของชายชลเพื่อนมาดันใต้ศอกและช่วยหนุนเอาไว้ สัมผัสแผ่วเบาทำให้คนที่กำลังยกน้ำหนักรู้สึกวูบวาบเหมือนโดนนายด้วยเหล็กเผาไฟ ลมหายใจอุ่นๆ เหนือศีรษะของเขาทำให้ชายชลหมดแรงทันที แขนอ่อนปวกเปียก
กันต์รีบละมือไปยกดัมเบลล์ทั้งสองข้างออกจากมือของชายชลซึ่งท่าทางจะยกไม่ไหว นายตำรวจหนุ่มอมยิ้มแล้ววางดัมเบลล์ลงกับพื้น จากนั้นก็รอจังหวะแนะนำตัว
“ขอบคุณครับ” ชายชลยังนอนแผ่หราอยู่บนม้ายกน้ำหนัก ทำปากห่อและสูดอากาศเข้าปอดแรงๆ ตามองต้นขากำยำของชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่เหนือศีรษะเขา
“คุณยกหนักเกินไป ยกแค่สองครั้งก็ไม่ไหวแล้ว ผมว่าลดลงาเหลือลูก 20 ปอนด์ดีกว่านะครับ แล้วท่ายกไม่ถูก” กัณต์พูดยิ้มๆ ยืนเท้าสะเอวก้มหน้าลงมองชายชล ขากางออกเล็กน้อย จงใจอวดร่างกายเต็มที่
...งานนี้หมูกว่าที่คิด ไม่ผิดจากที่เดาเอาไว้เลยซักนิด ชายชลหลงเสน่ห์เขาตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาทำความรู้จักด้วยซ้ำ...
แรกที่เห็นในรูปภาพและจากที่ได้เรื่องเกี่ยวกับหนุ่มไฮโซคนนี้นั้นกัณต์ยังไม่แน่ใจในตัวชายชลเท่าใดนัก แต่ความสงสัยเพียงน้อยนิดก็กระจ่างเมื่อเห็นชายหนุ่มเดิมเข้ามาในสถานที่ออกกำลังกายชั้นนำกลางกรุง สายตาวิบวับของชายหนุ่มที่มองไปรอบๆ และหยุดอยู่ที่เขาทำให้กัณต์รู้ทันทีว่า ‘งาน’ ของเขาคง ‘ง่าย’ ขึ้นอีกเยอะ และโชคก็เข้าข้างเขาแล้ว
พันตำรวจตรีกันต์ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงช่วยแนะนำชายชลออกกำลังกาย เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ทำตัวสนิทสนมราวรู้จักกับเขามาเป็นเดือนๆ และตามมาด้วยการชวนไปทานข้าว
“ร้านเพื่อนชายเองครับ it’s the best ever ที่หลังสวน มี personal parking spot ด้วยนะครับ ทานข้าวเสร็จ ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน เราก็ไปหาอะไรดื่มกัน”
“ผมไม่ได้เอารถมา คงไม่สะดวก” กัณต์พูดยิ้มๆ
“No worry ชายไปส่ง บ้านอยู่ไหน ชายไม่เกี่ยง” ชายชลยิ้มกว้าง ยื่นมือไปแตะต้นแขนของกัณต์อย่างหลงไหล

นายแพทย์ชาลีจอดรถริมถนนและหันไปบอก ‘น้องชายคนใหม่’ ให้นั่งคอยอยู่ในรถเพราะเขาจะเข้าไปในผับเพื่อตามตัวนายแพทย์เอกภพ โรงพยาบาลพยามติดต่อเอกภพเพราะมีคนไข้ฉุกเฉินแต่ติดต่อไม่ได้ พยาบาลประจำวอร์ดซึ่งรู้จักกันดีจึงติดต่อเขาเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะรู้ว่าเอกภพกับเขาสนิทกัน ชาลีรู้ว่าเอกภพมานั่งดื่มกับเพื่อนในผับ High Degree โชคดีเป็นทางผ่านเขาจึงใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็มาถึง
“ล๊อครถนะ นั่งอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน อย่าเปิดรถให้ใคร” ชาลีหันไปสั่งนาวินจนอีก่ายทำหน้ามุ่ย
“พี่หมอ ผมโตเป็นหนุ่มแล้ว ไม่ใช่เด็ก พี่รีบไปเถอะ”
ชาลีถอนหายใจแล้วรีบวิ่งข้ามถนน อดยิ้มขำตัวเองไม่ได้ว่าเขาก็ยังมองว่านาวินเป็นเด็กอยู่ร่ำไป รู้สึกว่าเหมือนเห็นน้องชายตัวเล็กๆ
เมื่อก้าวขึ้นเหยียบฟุตบาธของถนน นายแพทย์หนุ่มก็ชะงักเมื่อเห็น ‘คู่ปรับเก่า’ เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีที่ยิ้มกว้างตาหยีราวกับว่ากำลังมีความสุขยิ่งนัก
...ไหนว่าเราเลี้ยงต้อย นิยมเด็ก ตัวเองก็ไม่ต่างกัน เด็กคนนี้บรรลุนิติภาวะหรือยังก็ไม่รู้ จะว่าไป ช่องว่างระหว่างวัยอาจมากกว่าเรากับนาวินด้วยซ้ำไปเพราะกัณต์คงอายุมากกว่าเขาตั้งหลายปี...
ชาลีนึกหมั่นใส้นายตำรวจปากร้ายขึ้นมาทันทีจึงเดินเฉียดเข้าไปใกล้ๆ แล้วทักทายเสียงเรียบๆ ก่อนจะรีบเดินหนีไป
“สวัสดีครับหมวด”

กัณต์สะดุ้งที่จู่ๆ ก็มีคนมากล่าวทักทายใกล้หู เขาหันขวับทันทีเพราะจำเสียงใด้ ทว่า คนที่ทักทายเขารีบเดินไปเสียแล้ว แต่กัณต์ก็ทันได้เห็นรอยยิ้มเยาะๆ ที่มุมปากของฝ่ายนั้น
...หมอชาลี มาทำอะไรที่นี่ ทักแล้วรีบเดินหายเข้าไปในผับ...
“ใครครับ” หม่อมหลวงชายชลถาม “So weird แล้วทำไมเรียกคุณว่าหมวด แสดงว่าคุณเป็น”
กัณต์ยิ้ม ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร มองประกายตาชองชายหนุ่มตรงหน้าที่ฉายวาบขึ้นด้วยความพึงพอใจ
“Oh my gosh คุณเป็นตำรวจก็ไม่บอก unbelievable ไม่น่าเชื่อ fantastic ที่สุดเลย ชายรู้จักกับผู้ชายในเครื่อง เท่ที่สุด a man in uniform ชายคลั่งคนในเครื่องแบบมากถึงมากที่สุดเลยรู้ไหมครับ so sexy” ชายชลทำเสียงตื่นเต้น ทำท่าเหมือยอยากจะกระโดดกอด ‘คนในเครื่องแบบ’ ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “ทำไมไม่บอกชายว่าเป็นตำรวจ”
“ก็คุณชายไม่ได้ถาม” กัณต์ยิ้มแล้วหันไปมองประตูผับ High Degree แล้วหันมาถามชายชล “อยากดื่มอะไรไหมครับ ผมว่าเราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า”
“No no no ไม่เข้า High Degree เด็ดขาด ผับนี้ so yesterday มีแต่คนแก่ น่าเบื่อ ไปที่อื่นนะครับ ชายรู้จักดี” ชายชลทำท่าขนลุกราวกับเห็นอะไรน่าเกลียดน่ากลัว “ไป Berserk ดีกว่า มันส์กว่าเยอะ เดี๋ยวชายแนะนำให้รู้จักเพื่อนๆ คราวนี้ล่ะพวกนั้นต้องรู้สึก green with envy ที่ชายรู้จักกับ a law enforcement officer แล้วถ้าคุณไม่จุใจ วันเสาร์เราค่อยไปที่ The Dazzle ชายอยากเป็น the spot light guy คืนวันเสาร์ที่คลับจะส่องสปอต์ไลท์หาแขกที่เท่ที่สุดแล้ว project รูปขึ้นจอ ตื่นเต้นสุดๆ ชายกับเพื่อนเกือบจะฆ่ากันเพื่อวิ่งไล่ตามสปอต์ไลท์เลยล่ะ”
กัณต์พยักหน้าแล้วถามที่ตั้งของสถานที่เที่ยวที่โปรดของชายชล แต่ครั้นทราบว่าอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่จึงทำหน้ากังวลแล้วพูดว่า “ผมคงไม่ไหว กว่าจะกลับถึงบ้านคงดึก พรุ่งนี้ผมต้องเข้าเวรตีสี่”
“โอ้โห so early ทำไมต้องเช้าขนาดนั้นครบ ตีสี่ ชายเพิ่ง go to bed” หม่อมหลวงชายชลทำตาโต
“ผมเป็นตำรวจนะครับ ต้องทำงาน ไม่ใช่คุณชาย” กัณต์ยิ้มกว้าง อดพูดกระทบไฮโซหนุ่มไม่ได้
“ชายก็ทำงาน แต่ชายไปทำงานตอนไหนก็ได้ no big deal” ชายชลหัวเราะร่วน
“แล้วตอนนี้ผมก็ทำคดีสำคัญอยู่ แทบไม่ได้พัก คดีฆาตรกรรมผู้ช่วยกงศุลซีเรีย เคยได้ยินข่าวไหมครับ” กัณต์ลองถามเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับคดี
“Oh yes เคยสิครับ คุณพ่อรู้จักกันดี เคยทำธุรกิจด้วยกัน นี่ท่านพ่อยังบ่นอยู่เลยว่าน่าเสียดายและโหดร้ายมาก so cruel, so useless ไม่น่าเชื่อ เพราเรื่องเงินตัวเดียวแท้ กะอีแค่เพชรแค่ห้าสิบกะรัต” ชายชลพูดไปพลางทำสีหน้าแสดงความรู้สึกประกอบคำพูดทุกคำ
กัณต์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่ชายชลทำเหมือนรู้เรื่องดี ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะตีสนิทกับชายชลเพียงแค่จะหาทางเข้าไปทำความรู้จักกับท่านชายรังสิมันต์ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าหม่อมหลวงหนุ่มดูจะรู้อะไรดีๆ อยู่ไม่น้อยและสำคัญเป็นคน ‘ช่างพูด’
กันต์กำลังจะอ้าปากถามต่อแต่เหลือบตามองไปเห็นหมอชาลีเดินออกมาจากผับพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง หน้าตาดูคุ้นๆ แต่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหน
...ใคร แฟนก็ไม่น่าจะใช่ ชายหนุ่มสวมแว่น ท่าทางติ๋มๆ เหมือนผู้ตาม...
...หรือจะเป็นแฟน...
...แต่ก็อย่างว่า คนกร้าวๆ ร้ายๆ อย่างหมอชาลีก็ต้องหาแฟนที่เป็นช้างเท้าหลัง ลองได้คนที่กร้าวแกร่งพอๆ กันหรือเหนือกว่าคงต้องข่มกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนลักษณะอย่างเขาก็ไม่เหมาะ เห็นไหมล่ะ เจอกันทีไรต้องข่มกันทุกที...

ชาลีหันไปมองเอกภพที่เดินตามหลังมาช้าๆ แล้วเร่งเพื่อนด้วยสายตา เอกภพมองแวบเดียวก็เข้าใจเพราะสายตาแบบนี้ชาลีทำบ่อยๆ เมื่อใครทำอะไรไม่ทันใจ
“จะรีบไปไหนเล่า อาการหนักมากนักหรือไง” เอกภพบ่นพร้อมกับก้าวขาให้ยาวขึ้น แต่ก็ยังเดินไม่ทันชาลีอยู่ดี
“ไม่ห่วงตุ๊กตาตัวน้อยหรือเอก ช้าอยู่ได้ รีบๆ ไปนะ อย่าขับรถเร็วล่ะ ขับดีๆ ระมัดระวัง” ชาลีสั่ง
“บอกให้รีบ แต่ให้ขับรถช้าๆ ยังไงกัน” เอกภพโคลงศีรษะ
“เถอะ รีบๆ ไป” ชาลียกมือขึ้นจะดึงแขนเพื่อนให้เดินเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ก็เปลี่ยนใจลดมือลงทันใด เอกภพเดินก้มหน้าไปที่รถโดยมีชาลีเดินไปส่งพลางปรายตาไปมองกัณต์ที่เดินคู่มากับเด็กหนุ่มหน้าใสคนนั้น นายแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปากให้ ‘คู่ปรับ’ แบบที่มีแต่เขากับกัณต์เท่านั้นที่จะเข้าใจ
...หลอกเด็กสิท่า ว่าแต่เรา ตัวเองก็ไม่ต่างกัน...
เอกภพปิดประตูรถแล้วเคลื่อนรถออกไปช้าๆ ชาลียกมือขึ้นโบกอำลาและรอจนเอกภพขับรถไปจนลับสายตาแล้วจึงหันกลับเดินย้อนไปทางรถขอตัวเองซึ่งจอดไว้อีกฟากของถนน
เมื่อสวนทางกับพันตำรวจตรีกัณต์ เวโรจน์ คราวนี้เขาทักนายตำรวจยาวกว่าเดิม
“พาน้องมาเที่ยวหรือจะพาน้องกลับบ้านนอนหรือหมวด เสียดาย ถ้ารู้ว่าหมวดมาผมจะเลี้ยงเหล้าซักแก้ว” ชาลีทัก จงใจลดยศของกัณต์ลงมาพรวดพราดเช่นเคย คราวนี้กันต์ไม่แก้ยศของตัวเองให้ถูกต้อง หากยิ้มให้อีกฝ่ายบางๆ แล้วกัดฟันเดินผ่านไป
“หยิ่ง” ชาลีพึมพำแล้วรีบข้ามถนน ไม่รู้ว่าคนที่โดนลดยศนั้นมองตามเพราะได้ยินคำพูดคำเดียวนั้นอย่างชัดเจน
“เพื่อนหรือครับหมวด so weird again ทำไมเขาทักแค่นั้นแล้วก็เดินไปเลย คุยแค่ประโยคเดียว หรือว่าเพื่อนไม่สนิท หรือว่าที่จริงเขาไม่ได้ยากจะทักแต่ก็ต้องักเพราะเจอหน้ากันแบบเลี่ยงไม่ได้” ชายชลถามเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะทำตาโต “โอ้ว ชายรู้แล้ว เขาคงคิดว่าชายเป็นน้องชายสารวัตรแน่ๆ เลย so funny ตลกจริงๆ นี่ยังไม่สามทุ่มเลย จะให้พาน้องกลับบ้านนอนซะแล้ว อืม ถ้าหมวดง่วงชายก็อยากจะนอนตอนนี้ก็ได้นะครับ แต่ว่าชายก็ยังนอนไม่ได้เพราะว่า the night is still young” เช่นเคย ชายชลหัวเราะอย่างร่าเริง แต่คราวนี้ยื่นมือจับแขนกัณต์แล้วดึงให้เดินตาม
“Let’s go”
กัณต์ค่อยๆ ชักมือออกอย่างสุภาพแล้วทำท่าล้วงกระเป๋าหาโทรศัพท์เพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายแพทย์ปากร้ายผู้ดื้อรั้นคนนั้นซึ่งทำท่าหมั่นใส้เขาเสียเต็มประดา ทำยังกับว่าเขามาหลอกเด็กแถวหน้าผับซอยหลังสวน
....ตัวเองก็ใช่ย่อย ดูซิ เด็กหนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อคนเดิมนั่งคอยอยู่ในรถทั้งๆ ที่เมื่อครู่เดินออกมาจากผับกับหนุ่มแล้วรีบดันให้หนุ่มหน้าจืดคนนั้นขึ้นรถขับออกไป...
Lexus RX330 สีดำขับผ่านหน้ากัณต์กับชายชลไปโดยเร็ว แต่สายตาตำรวจของกัณต์ทำงานอย่างรวดเร็วมากจึงทันได้สบตาแวบเดียวกับแพทย์ชาลีซึ่งลดกระจกรถลงเมื่อขับรถผ่านไป
...“พาน้องมาเที่ยวหรือจะพาน้องกลับบ้านนอนหรือหมวด เสียดาย ถ้ารู้ว่าหมวดมาผมจะเลี้ยงเหล้าซักแก้ว”...
...พูดออกมาได้ เจ็บใจนัก หมอชาลี คอยดูเถอะ เจออีกที ผมจะให้คุณเลี้ยงเหล้าให้ได้ และจะเอายศผมคืนมาสองขั้น เป็นถึงสารวัตร ถูกลดลงมาเหลือแค่หมวด แล้วนี่เป็นหมวดร้อยตำรวจตรีหรือร้อยตำรวจโทก็ไม่รู้...
***7***

เพลิงรักบทที่ 8

สายตาของ พ.ต.ต. กัณต์จับอยู่ที่ร่างปราดเปรียวของนายแพทย์ชาลีที่วิ่งเหยาะๆ ขึ้นบันไดของสถานีตำรวจ เขาถอนหายใจเบาๆ และเผลอยิ้มมุมปากออกมาเมื่อนึกถึงเมื่อเช้านี้ เขาโทรศัพท์ไปย้ำกับชาลีว่าให้มาถึงเร็วกว่าที่นัดเอาไว้ครึ่งชั่วโมงเพราะต้องเข้าประชุม ชาลียังพยายามต่อรองเรื่องเวลาแต่เขาไม่ยอม
“ผมอยากปิดคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วการชี้ตัวก็ใช้เวลาเดี๋ยวเดียว ไม่เสียเวลาคุณหมอเท่าไหร่หรอก มีเวลาไปหาเด็กถมเถ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่หรือครับ” กัณต์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงประชดชาลี แต่จำได้ว่านายแพทย์หนุ่มตัดสายทิ้งทันทีที่เขาพูดจบ ตอนแรกเขาคิดว่าจะโทรกลับไปย้ำอีกแต่ก็เปลี่ยนใจ ขอลุ้นว่าชาลีจะ ‘โผล่’ มาตามเวลาหรือเปล่า
>>>> ต่อไปก็จะเป็นบทที่ 11 นะครับ เพราะเอาบทที่ 6-7 ที่ค้างไว้มาโพสแล้ว จากนั้นก็ต่กลับไปต่อบทที่ 8 9 10 ซึ่งโพสไปแล้ว คราวนี้ก้บทที่ 11ต่อไปจนจบบทที่ 99 (มั๊ง)
โพสกระโดดไปกระโดดมา ง๊ง งง
(อยากลองอ่านบทข้ามบทแบบนี้อีกทีไหมครับ) อิ อิ

ป.ล. อดีตของหมอชาลีไม่น่ารู้นักหรอก (เพราะรู้แล้วจะหนาว)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 11-02-2010 18:24:30
^
^
^
^
^
จิ้มคุณนาย
ขอบคุณ สำหรับบทที่ 6-7 :pig4:
อยากได้หนังสือ คดีรัก 1 ง่ะ
ต้องทำยังไง :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-02-2010 18:50:25
ขอบคุณสำหรับสองบท 
อ้าว! นึกว่าหนังสือหมดไปแล้ว
ขอรายละเอียดการสั่ง ผ่าน pm นะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-02-2010 19:59:01
แหม่ ๆ ชายชลนี่ได้ใจจริง ๆ 55555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 11-02-2010 20:28:14
ชายชล ช่างน่าหมั่นไส้ นัก :beat:


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-02-2010 20:36:12
แหม...มาฟิตเนสเพราะหน้าที่จริงๆนะเนี่ย เก๊งเก่งคุณตำรวจ
จะเอาเสือก็ต้องเข้าทางลูกเสือสามานย์ คุณชายนี่แร๊ดแรด ไทยคำอังกิดคำ :m20: :laugh:
สงสัยนี่จบงานนี้คุณตำรวจคงติดใจมาอีกบ่อยๆชิมิเคอะเพราะคู่กรณีก็ติด...ใจที่นี่เหมือนกันๆ
คุ่นี่เจอกันไม่ได้เชียวต้องขอจิกกัดก่อนหน่อย ไมได้ด้วยคำพูดก็ต้องด้วยสายตา แสบทั้งคู่เลยจริงๆอิอิ

+1 คะเป็นกำลังใจให้นะคะ  o13 o13 o13 ตอน99เราก็สู้มะถอย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 11-02-2010 20:56:36
เขม่นกันไปเขม่นกันมา เรื่องอะไรล่ะเนี่ย

ศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่แรกพบ หรือ แอบหวังว่าอีกฝ่ายจะมาสนใจแต่บังเอิญว่าผิดหวัง ถึงได้มีรังสีอำมหิตแผ่เข้าหากันตลอด  :fire:

อยากรู้อดีตอันโหดร้ายของหมอชาลีเหมือนที่สารวัตรได้รับรู้จังค่ะ มันจะแรงขนาดไหน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-02-2010 21:07:11
ไอ้การพูดประชด กันไป ประชดกันมาเนี่ย สักวันจะรู้สึก  :z2:

พี่นายนึกเสียว่าทำบุญกับแฟนคลับนะครับ อย่าให้กระโดดไปกระโดดมาอีกเลย

ถึงแม้จะไม่งง แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ แม้คราวนี้จะเป็นเหตุจำเป็นก็เถอะ

+ 1 แต้ม ใกล้ 1500 แล้ว  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 11-02-2010 22:11:07
เอาแบบต่อเนื่องดีกว่าคับ

แบบย้อนไปย้อนมา อาจเวียนหัวได้

เพราะลำพังยศ และคำนำหน้าชื่อตัวละคร

ของพี่นายแต่ละคนสุดยอดทั้งนั้น  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 11-02-2010 22:12:08
 o13

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: dek_jun_rai ที่ 12-02-2010 04:48:39


  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 12-02-2010 07:26:49
 :laugh: ตอนนี้ขำดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 12-02-2010 10:33:47
ชายชลนี่แม่รีแม่แร่ดจริงๆ

บางบุคลิกทำให้นึกถึงหนูแทนเจ้าเสน่ห์

แต่ไม่ดัดจริตแบบนี้

ขอบคุณคร๊าบคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-02-2010 11:21:41
 :jul3: อ่านแล้วมึนๆดี 555+
แต่ยังไงก็ขอบคุณที่มาต่อค่ะ :pig4:

ปล.หนังสือคดีรักของเค้าดีจริงๆ สนับสนุนให้เก็บสะสมค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 12-02-2010 12:21:59
โดนแขวะเข้าหน่อยทนไม่ได้ ร้อนตัวอ่ะจิสารวัตรรรรรร  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 10 (11/2/2010) *เพิ่มบทที่ 7 ที่ติดค้างเอาไว้* ก่อนต่อบทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 12-02-2010 14:30:33
เพลิงรัก บทที่ 11

เย็นวันนี้ชาลีให้นาวินกลับบ้านเอง เมื่อเขากลับถึงบ้าน เด็กหนุ่มนั่งคุยโทรศัพท์อยู่หน้าโทรทัศน์ ท่าทางอารมณ์ดี ครั้นชาลีเดินเข้าไปใกล้นาวินกลับลดเสียงการสนทนาลงและเบือนหน้าออกไปด้านข้าง นายแพทย์หนุ่มทำทีไม่สนใจ ทว่าพยายามเงี่ยหูฟังว่านาวินคุยกับใครและคุย ‘อย่างไร’ ในใจอดตำหนิปนเด็นดูไม่ได้ว่า เด็กหนอเด็ก คิดว่าผู้ใหญ่อย่างเขาจะมองไม่ออกหรืออย่างไร ยิ่งลดเสียงให้ค่อยแล้วเอียงหน้าหลบตาก็จะยิ่งทำให้ผู้ใหญ่สงสัย
ชาลีหยิบขวดน้ำดื่มแล้วเดินออกไปที่ระเบียง ยืนมองแสงไฟระยิบระยับของกรุงเพทฯ หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปได้ไม่นาน ตั้งใจจะรออีกห้านาที หากนาวินยังไม่หยุดคุยโทรศัพท์เขาก็จะเดินเข้าไปถามว่าคุยกับใคร
หลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อวันพุธ ท่าทีของสารวัตรกัณต์ก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย ชาลีมีความรู้สึกว่ากัณต์ยั่วอารมณ์เขาน้อยลงและบางครั้งแอบลอบมองเขาด้วยท่าทางครุ่นคิด พรุ่งนี้เขาจะไปเยี่ยมพายัพพร้อมกันกัณต์ หลังจากนั้นเขาตั้งใจจะชวนกัณต์ไปทะเล
...เริ่มแผนการขั้นที่สอง!...
...เช้าวันจันทร์ กัณต์จะต้องคิดถึงเขาจนแทบไม่เป็นอันทำงาน จากนั้นเขาจะหายหน้าไปซักสามวันเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ขั้นที่สาม...
...แต่จะว่าไป หากกัณต์ไม่ทำเก๊ก ไม่ทำตัวเป็นผู้นำเกินเหตุ หรือวางมาดเหนือคนอื่นจนน่าหมั่นใส้ นายตำรวจคนนี้ก็ไม่เลว...
...เสียอย่างเดียว กัณต์เป็นตำรวจ เขาไม่ชอบตำรวจ...

...เพื่อนชวนไปดูแข่งรถที่พัทยา...
ชาลียืนคิดอะไรเพลินอยู่ที่ระเบียงนานกว่าสิบนาที แต่ความคิดก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนประตู ทั้งที่นาวินเดินออกมาที่ระเบียงเงียบๆ เด็กหนุ่มยืนทำหน้าออดอ้อนอยู่ข้างๆ มือกำโทรศัพท์แน่น หายใจไม่เป็นจังหวะ ท่าทางกำลังลุ้น่าจะได้รับคำตอบอย่างไร
“เพื่อนที่ไหน ชื่ออะไร” ชาลีถามพลางเอนหลังพิงราวระเบียง
“ก็เพื่อนที่ยิมครับ  พี่หมอก็เคยเห็น พวกที่เล่นบาสด้วยกัน มีสองคนเขาแข่งรถด้วย ทีนี้คนในทีมก็เลยชวนกันไปให้กำลังใจ”
“พี่เอ็กซ์ไปด้วยใช่ไหม” ชาลีถาม
“ใช่ครับ” นาวินพยักหน้า “พี่เอ็กซ์เป็นคนขับรถ แต่พี่เอ็กซ์ไม่ได้แข่ง คนแข่งชื่อป้องกับทีน ทีนคนที่ตัวเตี้ยๆ กว่าเพื่อนไงครับ ไปกันสี่คน”
“ก็แสดงว่ามีป้อกับทีน แล้วก็เอ็กซ์กับนาวิน” ชาลีสรุป นาวินพยักหน้าแล้วค่อยๆ พูดเสียงอ้อมแอ้มว่า
“สายๆ ก็กลับ”
“ค้างคืน” ชาลีเลิกคิ้ว
“นอนคอนโดญาติพี่เอ็กซ์ ไม่ได้พักโรงแรมหรอกครับ ไม่อันตราย ไม่ต้องเสียเงิน”
คอนโดนั่นล่ะล่อแหลมกว่าโรงแรม แล้วนี่จะทำยังไง เขายังไม่มั่นใจว่าพี่เอ็กซ์นั่นจะเอายังไงกับนาวิน น้องชายเพื่อนของเขาเป็นเด็กซื่อ หน้าตาดีมาก และอ่อนต่อโลกอย่างไม่น่าเชื่อ แบบนี้ไม่มีทางรอดปากเหยี่ยวปากกาได้ หากโชคร้ายเกิดพี่เอ็กซ์เป็น ‘เหยี่ยว’ ขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องรอให้ถึงมือ ‘พรานล่าเหยื่อ’ อย่างกัณต์หรอก
...เฮ้อ นี่เขาจะปกป้องนาวินได้นานแค่ไหน...
“นะพี่หมอนะ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง จะทำตัวดี จะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เสพตาเสพติดเด็ดขาด เราแค่ไปดูแข่งรถกัน แล้วนี่ก็พักคอนโดญาติพี่เอ็กซ์ พี่เขาก็บอกว่าจะดูแล ผมว่าไม่มีใครมาทำอะไรได้หรอก พี่หมอไม่ต้องห่วง”
...แข่งรถเสร็จก็พากันไปทานข้าว หลังจากนั้นก็อาจตะลุยราตรี แล้วท้ายที่สุด หากคิดให้เป็นบวก สี่หนุ่มก็จะกลับบ้านนอน...
...ต่างคนต่างนอน คนละห้องนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้ หากยากที่จะมีใครรวยพอจะมีคอนโดตากอากาศที่มีห้องนอนสี่ห้อง...
...นาวินจะนอนกับพี่เอ็กซ์หรือนอนกับป้อง หรือไม่ก็ทีน สองคนนั้นเขาไม่รู้จก แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะคิดว่าพี่เอ็กซ์นั้นก็ไม่น่าไว้ใจ ยิ่งดื่มเหล้ากันเข้าไปแล้วก็ยิ่งน่าเป็นห่วง แม้นาวินอาจจะไม่ดื่ม แต่คนอื่นล่ะ...
“นะครับพี่หมอ นานๆ ทีผมจะได้เปิดหูเปิดตา” นาวินทำตาละห้อย แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเด็กหนุ่มตอนนี้ดูเหมือนลูกหมาพันธ์โกลเด้นรีทรีพเวอร์ที่กำลังอ้อนเจ้านาย
“ต้องโทรศัพท์มาหาพี่เป็นระยะๆ ห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาดและดูแลตัวเองให้ดี นาวินต้องเข้าใจว่าพี่เป็นห่วงเรามาก พี่จะไม่ยอมให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับนาวินเด็ดขาด พี่สัญญากับเควินเอาไว้แล้วว่าพี่จะดูแลนาวินให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่สุด” ชาลีนึกได้จึงยกเอาเควินขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งความจริงแล้วเขาก็สัญญากับเพื่อนไว้เช่นนั้นขณะที่ยืนมองควันกำลังพวยพุ่งขึ้นจากปากปล่องของเมรุเผาศพในวันนั้น
“นาวินยังเด็ก ยังมีอนาคตอีกไกล”
“พี่หมอ ผมแค่ไปดูแข่งรถนะครับ ผมไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย พูดซะใหญ่โต” นาวินยิ้มกว้าง “ผมไม่ทำให้พี่หมอผิดหวังหรอก ถ้าห่วงนักก็ไปด้วยกัน”
“พี่อดเป็นห่วงไม่ได้” ชาลีถอนหายใจ
“ผมรู้” นาวินยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วกอดแขนชาลี “ขอบคุณครับ ผมรักพี่หมอที่สุด”
“เดี๋ยวไปอาบน้ำซะนะ” ชาลีดึงแขนออก “แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร”
“พี่เอ็กซ์” นาวินยิ้มแห้งๆ
“คงตกลงกับเขาไปแล้วละสิ”
“เปล๊า” นาวินส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นและทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าทีวี ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้พูดเสียงดังเป็นปกติ บอกกับคนอยู่ปลายสายว่าผู้ปกครองอนุญาตแล้ว หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็นอนพลิกไปพลิกมาโดยมีโทรศัพท์แนบหูแล้วสนทนาอีกนานจนชาลีเดินเข้าไปตบไหล่นาวินเบาๆ เพื่อสื่อสารว่าให้หยุดและไปอาบน้ำ
นายแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนและหยุดยืนอยู่หน้ากระจก ชาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามตัวเองในใจว่า...ตกลงเขาควรจะระแวงกัณต์หรือพี่เอ็กซ์ หรือคนอื่นๆ ที่เขายังไม่รู้จัก นาวินยิ่งโตยิ่งหล่อ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านาวินนั้นหน้าตาดีกว่าพี่ชายซึ่งเป็นดาราดังเสียอีก ก่อนนี้ที่มีคนพูดว่า หญิงสาวเหมือนกุหลาบแรกแย้ม ต้องคอยระวังหมู่ภมรบินมาดมดอมนั้นเห็จะไม่พอเสียแล้ว ต้องพูดว่า หนุ่มน้อยที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มก็เสี่ยงอันตรายพอๆ กับสาวน้อยเลยทีเดียว
...แต่ยังไงก็ตาม นาวินจะต้องไม่เจอแบบที่เขาเจอตอนอายุเท่าๆ กัน...
...เจ็บครั้งนั้นเขาไม่เคยลืม และอีกไม่นาน คนที่ทำเขาเจ็บจะต้องได้รับบทเรียนที่จะไม่มีวันลืมได้ลงเช่นกัน...
...เริ่มจากพี่ทินก่อน หลังจากนั้นเป็นไวโรจน์ และปิดท้ายด้วยคนที่โหดร้ายกับเขาที่สุด...
...เจตริน...
...เขาจำตอนวันฉลองวันเกิด 18 ปีของตัวเองได้ คืนนั้นเขาได้รับ ‘ของขวัญชิ้นสุดท้าย’ จากคนที่เขารักมาก ในคอนโดของคนที่เขารัก พี่ทินกับเพื่อนพี่ทิน ไม่ใช่เพื่อนอีกสองคนเหมือนกับป้องและทีนที่จะพักคอนโดเดียวกันกับนาวินและพี่เอ็กซ์...
...ห้องเล็กๆ ของพี่ทินมีเพื่อนมาร่วมฉลองวันเกิดด้วยอีกสี่คน รวมกับพี่ทินเป็นห้า...
...กลางดึก เขากระเสือกกระสนพาร่างของตัวเองลงมาจนถึงชั้นล่างของคอนโด...
...เหนื่อยแทบจะขาดใจ เจ็บแทบจะขาดใจ...
...เสียใจแทบจะขาดใจ...
...ยามพาเขาส่งโรงพยาบาล...
...และพี่ทินก็หายไปจากชีวิตเขาตั้งแต่วันนั้น ความรักของเขาจบสิ้นลง เหลือไว้แต่ความทรงจำที่โหดร้ายและเจ็บปวด...
...สำหรับคนอื่นเป็นยังไงเขาไม่รู้ แต่สำหรับเขา ความทรงจำเป็นทั้งยารักษาแผลและยาพิษ...

กัณต์แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง มือที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถกระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้ หากขณะนั้นกำลังขับรถด้วยความเร็วสูงบนทางด่วนก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่น้อย โชคดีเขากำลังชะลอความเร็วรถเพื่อนต่อท้ายคันที่อยู่ข้างหน้าเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองอำพันเป็นสีแดง
...ชาลีชวนเขาไปทะเล!...
...ชวนเสร็จแล้วก็นั่งนิ่ง กอดอก มองดูร้านรวงสองข้างทางเหมือนไม่ใส่ใจที่จะได้รับคำตอบจากเขา...
กัณต์หันมามองนายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความครุ่นคิด ชาลีเป็นคนที่เขาเดาใจได้ยากที่สุดเท่าที่เคยพบมา บางครั้งดูฉุนเฉียวไม่พอใจ บางครั้งดูอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน แม้จะเป็นอารมณ์ขันแบบร้ายๆ ก็ตาม
วันนี้ชาลีกับเขาไปเยี่ยมพายัพเด็กหนุ่มพลเมืองดีซึ่งบาดเจ็บจากการช่วยเหลือหญิงที่ถูกชิงทรัพย์  พายัพอาการดีขึ้นมาก นายแพทย์หนุ่มขนสิ่งของไปเยี่ยมมากมาย ทั้งของกินและของใช้สำหรับทั้งพายัพเองและครอบครัว นอกจากนั้นยังมีหนังสืออีกหนึ่งลังกระดาษขนาดใหญ่เพราะรู้ว่าเด็กหนุ่มชอบอ่านหนังสือ แต่ตอนที่ขนของขึ้นรถ นายแพทย์หนุ่มยังอุตส่าห์พูดจากระทบเขาว่า
...”พายัพชอบอ่านหนังสือ โชคดีสารวัตรไม่ได้เอาปืนไปเป็นของฝาก ไม่งั้นเด็กตกใจแย่”...
กัณต์เงียบ ไม่ตอบโต้อะไร พยายามบอกตัวเองว่าต้องใจเย็น แต่เมื่อชาลีขึ้นนั่งบทรถและพูดอะไรบางอย่างออกมาเขาก็ตะบะแตก
...“ไม่หนักรถคุณเท่าไหร่หรอกครับ”...
...”รถผมโฟรวีลด์ ผมไม่กลัวหรอก ไปได้ถึงไหนถึงกัน แต่ถ้าคุณพยายามจะยั่วโมโหผมต่อ ผมก็ไม่รับรองความปลอดภัย”...
...”ล้อเล่นนิดเดียว ทำเป็นโกรธ เป็นตำรวจต้องฝึกทนต่อการยั่วยุไม่ใช่หรือครับ” ชาลีอมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้และพูดเสียงต่ำเบาๆ ว่า “หรือว่าสารวัตรกัณต์เคยฝึกความอดทนต่อการยั่วยวนอย่างเดียว”...
...
ตอนนี้กัณต์อดยิ้มมุมปากไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนสายๆ ที่เขาแวะรับนายแพทย์ชาลีเพื่อนไปเยี่ยมพายัพด้วยกัน ชาลีนั่งเงียบไปตลอดทาง แต่เมื่อเข้าเยี่ยมคนเจ็บ ชาลีก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน นายแพทย์หนุ่มดูอารมณ์ดี คุยกับพายัพและครอบครัวอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของชาลีสดใส ดวงตาเป็นประกายจนกัณต์เผลอมองอย่างเพลินตา เขาอยากจะบอกตัวเองว่านี่คือตัวตนจริงๆ ของชายหนุ่มคนนี้ ส่วนบุคลิกเย้ยหยันประชดประชันก้าวร้าวนั้นเป็นเพียงผิวนอกซึ่งเจ้าตัวสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง
...จากอะไรล่ะ จากอดีตยังงั้นหรือ อดีตอันเจ็บปวด อดีตที่เขาคิดว่าคงสร้าง ‘แผล’ ให้ชาลีมาไม่น้อย...
...ทั้งแผลกาย และแผลใจ...
...คดีทะเลาะวิวาท คดีหมิ่นประมาท คดีโกงเงิน คดีชิงทรัพย์ คดีกรรโชกทรัพย์ คดีทำร้ายร่างกาย คดีกักขังหน่วงเหนี่ยวให้สูญเสียอิสรภาพ แต่ละคดีชาลีสะบักสะบอมพอสมควร บางคดีถึงกับบาดเจ็บสาหัส แผลทางกายนั้นเห็นได้ชัด รูปภาพทุกรูปภาพที่ปรากฎบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อเขาตรวจสอบประวัติของชาลียังติดตาเขาอยู่ไม่หาย แผลทางกายนั้นเห็นได้ชัด แต่เขาไม่รู้ว่าแผลทางใจจะมีมากน้อยเพียงใด...
...’แผล’ เหล่านั้นชาลีได้มาจากคดีต่างๆ ที่อ่านในแฟ้มของตำรวจทั้งหมดเลยหรือ...
...มีแผลจากแหล่งอื่นด้วยหรือเปล่า...

ชาลีหันหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วทำหน้าเยือกเย็น ก่อนจะถามด้วยแบบรายเรียบว่ากัณต์มีปัญหาอะไรกับเรื่องที่พัก เขายอมรับว่าค่อนข้างผิดความคาดหมาย กัณต์ดูอ้ำอึ้ง แปลกใจที่รู้ว่าห้องพักที่เขาจองเอาไว้นั้นเป็นห้องเตียงคู่ห้องเดียว ไม่ใช่ห้องเตียงเดี่ยวสองห้อง
“เสียดายเงิน” ชาลีพูด “ถึงผมเป็นหมอมีเงินเดือนค่อนข้างเยอะ ผมก็ไม่อยากจะใช้เงินฟุ่มเฟือย นอนโรงแรมห้องเดียวกันแค่คืนเดียวคงไม่เสียหายต่อภาพพจน์ตำรวจของคุณหรอกครับ”
“ผมเป็นคนจ่ายเอง คุณไม่ต้อง” กัณต์หยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าเมื่อเห็นชาลีกำลังหยิบบัตรของตัวเองออกมา
...ทำท่าเป็นผู้นำอีกแล้ว การที่เขาเป็นคนจ่ายเงินมันจะเสียหายอะไรนักหนา...
ชาลีแอบเบ้ปากแล้วยืนนิ่งเงียบ หันไปมองรอบๆ ล๊อบบี้ของโรงแรมอย่างเซ็งๆ ความจริงเขาอยากจะเข้าพักใหนบูติครีสอร์ทเล็กๆ แต่คิดไปคิดมาก็เลือกโรงแรมขนาดใหญ่แทน
...มีจากุซซี่ที่ระเบียงนอกห้อง นอนแช่น้ำดูทะเลและท้องฟ้าสีคราม...
...และให้สารวัตรดูจนพอใจ...
...ดูซิว่าจะทนได้ซักกี่น้ำ...

ความคิดสนุกๆ ของนายแพทย์ชาลีถูกแทรกด้วยอารมณ์โกรธประดุจสายฟ้าฟาดเมื่อตามองไปเห็นชายหนุ่มคู่หนึ่งเดินเข้ามาในโรงแรม คนหนึ่งร่างสูงโปร่งผิวขาวสะอาด ตัดผมสั้น แต่งตัวเนี้ยบ อีกคนเตี้ยกว่าเล็กน้อยแต่ร่างหนาบึกบึน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆ เปิดกระดุมหลายเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง ผมยาวเกือบประบ่า สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่สีชาเข้ม ยิ้มกว้าง เห็นรอยลักยิ้มที่แก้มซ้ายชัดเจน ไรหนวดครึ้ม
“กุญแจครับ” หนุ่มสวมแว่นร่างหนาบึกบึนพูดกับพนักงานต้อนรับ
“คีย์การ์ดตะหาก” หนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาด้วยกันพูดขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปรายตามองมาที่ชาลีซึ่งยืนอยู่ข้างๆ แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็มองเลยไปยังกัณต์ซึ่งกำลังก้มหน้าเซ็นชื่อบนเอกสารเข้าพักโรงแรม
ชาลีกัดฟัน แปลกใจในปฏิกิริยาของร่างกายตัวเองที่ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้ เขารู้สึกว่าในอกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที แต่แขนและขากลับเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรง ปากเม้มโดยไม่รู้สึกตัว
มือขวายกขึ้นแตะชายโคงด้านซ้ายและลากนิ้วไปตามรอยยาวของแผลเป็นที่ยังคงรู้สึกได้ถึงความนูนแม้เขาจะสวมเสื้อยืดผ้าค่อนข้างหนา
ความนูนของรอยแผลเป็นที่เขาสัมผัสได้จากความรู้สึกและความทรงจำ
...แม้จะไม่ได้ยกมือขึ้นแตะ เขาก็รู้สึกได้ถึงความนูนที่หลงเหลือเอาไว้แม้เวลาจะผ่านมานานเกือบสิบปี...
...ความรู้สึกเดียวกันกับวันนั้นที่เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและเอาแต่ลูบแผลของตัวเอง...
...เวลานี้มาถึงซะที...
...ตอนแรกตั้งใจจะเก็บเจตรินไว้เป็นคนสุดท้าย แต่เมื่อเห็นตัวแบบนี้ เขาเปลี่ยนใจ ในจำนวนคนเลวสามคนที่เขาเคยรัก คนที่ทำเขาเจ็บปวดที่สุดควรจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมเป็นคนแรก...

สองเท้าของชาลีก้าวตามทันที ปากขยับเรียกชายหนุ่มคู่นั้นเบาๆ พอให้ได้ยิน...
“ขอโทษครับ ใช่คุณเจตรินหรือเปล่าครับ” ชาลีพูดแล้วกลั้นใจ
เจตรินหันหน้ากลับมามองพร้อมๆ กับชายหนุ่มหน้าขาวซึ่งหันกลับมามองด้วยตาวาววับ นายแพทย์ชาลีรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ
“ใช่ครับ” เจตรินตอบ เสียงนุ่มทุ้ม อ่อนโยน
“จำผมได้ไหม” ชาลียิ้มบางๆ ในใจเต้นระทึกเพราะตัดสินใจดับเครื่องชน
“คุณ เอ่อ...”
...จำไม่ได้ เจตรินจำเขาไม่ได้ เสียดายที่สวมแว่น ถ้าจะให้แน่ใจจริงๆ เขาอยากเห็นแววตาของเจตรินในตอนนี้จังเลย...
...แต่จะจำได้ยังไงล่ะ เจตรินเห็นเขาไม่มีคุณค่าอะไรเลย ความรักที่เขาทุ่มเทให้หมดหัวใจตลอดหนึ่งปีไม่มีค่าเทียบเท่าเศษฝุ่นที่ติดรองเท้าแพงๆ ของเจตรินด้วยซ้ำ...
...เจตรินพูดใส่หน้าเขาเอง...
...เขาจำได้ไม่เคยลืม...
...และแบบนี้ล่ะที่เขาเรียกว่า ความทรงจำมันคือยาพิษ...
“เจ ผมต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี่ยวไม่ทันกองถ่าย” ชายร่างสูงใปร่งพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ตายังมองมาที่ชาลีนิ่ง ก่อนจะหันหลังและเดินจากไปทันทีพร้อมกับเอ่ยชื่อของผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างซึ่งรีบเดินตามโดยไม่รีรอ

“แฟนเก่าหรือครับ” เสียงห้าวๆ ของกัณต์ถามขึ้นด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่แทบจะชิดแผ่นหลังของชาลี
“ศัตรู” ชาลีพูดเบาๆ แล้วยิ้มบางๆ แต่สายตาลุกโชนเหมือนมีไฟกองใหญ่กำลังสุมอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“ทั้งสอง หรือคนเดียว”
“แต่ก่อนคนเดียว” ชาลียักไหล่ “แต่ตอนนี้น่าจะเป็นสองแล้วล่ะ”
“ท่าทางร้ายไม่เบา” กัณต์หัวเราะหึ
“คุณว่าผมหรือนายแบบคนนั้น” ชาลีถามเสียงเข้ม
“ใครว่าคุณร๊าย” กัณต์ยักไหล่พร้อมกับตอบเสียงสูง “ผมไม่เคยมองว่าคุณร้ายเลยนะครับ”
ชาลีส่ายหน้า หรี่ตามองตามคนที่พูดเสร็จแล้วเดินหนีไปทันที อยากจะยกมือขึ้นทุบกลางหลังของกัณต์เป็นที่สุด
...เดี๋ยวก็รู้ว่าชาลีร้ายแค่ไหน ทั้งสามคนจะได้รู้พร้อมๆ กันเลยล่ะ เจตรินเป็นเป้าหมายหลัก แต่คุณกับนายแบบไฮโซคนก็คงต้องโดนหางเลขไปด้วย อยากมาอยู่ผิดที่ผิดทางเองทำไม...
...จะหาว่าชาลีพาลก็ยอม...
...ความเจ็บปวดได้สอนวิธีร้ายให้เขามาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว...


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 12-02-2010 14:36:11
^
^
 :z13: :z13: คุณนาย เด๋ซมาดิทเน้อ

 :sad4: :sad4: ความแค้นเหมือนไฟซุมในอก กีซซเวลาแก้แค้นมาถึงไวมากๆ
แล้วนี่จะมีอารมณ์"ยั่วยวน" รึคะ แม่นางฟ้าอุตส่าห์เตรียมแผนยั่ว เป็นลำัดับขั้น
งานนี้ท่าจะล่มเพราะต้องใช้สมองคิดล้างแค้นศัตรูทั้งเก่าและใหม่ไปพร้อมๆกัน
ส่วนสารวัตรก็นะ..มาเที่ยวกับคุณหมอแบบว่าง่ายเลยเชียวทั้งๆที่ก็จิกกัดกันมาตลอดทางอ่ะนะ
แหม...ติดใจเค้าล่ะสิอยากเป็นยารักษาแผลใจให้ชิมิเคอะ คงอยากพิสูจน์ว่าที่เห็นร้ายๆหนะเป็น
แค่เปลือกนอกไว้ป้องกันภัยให้ตัวเองมากกว่าเพราะเนื้อในเป็นคนอ่อนโยนนัก

”ล้อเล่นนิดเดียว ทำเป็นโกรธ เป็นตำรวจต้องฝึกทนต่อการยั่วยุไม่ใช่หรือครับ”
ชาลีอมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้และพูดเสียงต่ำเบาๆ ว่า
“หรือว่าสารวัตรกัณต์เคยฝึกความอดทนต่อการยั่วยวนอย่างเดียว”...

>>แหม..ช่างท้าทายกิเลส เอ้ย อารมณ์ของคุณตำรวจดีแท้ 555 ทั้งยั่วอารมณ์โมโหและอารมณ์คุกรุ่นได้ดีแท้
...มีจากุซซี่ที่ระเบียงนอกห้อง นอนแช่น้ำดูทะเลและท้องฟ้าสีคราม...
...และ ให้สารวัตรดูจนพอใจ...
...ดูซิว่าจะทนได้ซักกี่น้ำ...

>>เปรี้ยวเข็ดฟันดีแท้แม่คุ๊นนนนนนนนนน 5555 สารวัตรจะกำไรมั๊ยเนี่ย อิอิ

ชาลีทำเหมือนน้องนาวินเป็นเบบี้เลยอ่ะ 55อารมณ์คุณแม่ทั้งหวงและห่วงลูก
กัวมีผะชายมาพรากพรหมจรรย์ของลูกไป แต่ดูถ้าอิพี่เอ็กซ์มันกัดไม่ปลอ่ยเลยแหละ
ชวนไปนู้นมานี่ ไปพักค้างอ้างแรมกันอีก สี่คนสองคู่ o22 นาวินของพี่ชาลีจะรอดมั๊ยลูก
พี่เค้าอุตส่าห์บ่น เอ้ย สั่งสอนอบรม ซ้ำๆหลายๆหนราวกับรีเพลย์แผ่น555 หนูต้องดูแลตัวเองให้ดีนะนั่น
ไม่งั้น พี่เอ็กซ์ของหนูคงโดนแหกอกแน่ๆ ได้ข่าวมีดผ่าัตัดคมโคตรๆแหะ อิอิ

อดีตของชาลี.........เป็นคดีควาามร้ายแรงทั้งนั้นโดนแฟนล่อลวงมาขืนใจชิมิ :a5:
พระเจ้าทั้งเจ็บตัวเจ็บใจไม่แปลกเลยทำไมถึงได้มีความแค้นที่ฝังรากลึกนักโอ้วมายบุดด้า

 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-02-2010 14:59:34
 o18 ต้องอย่างนี้มันถึงจะถูกหมอชาลี

แก้แค้นให้ตรงจุด ศัตรูที่ทำให้เราบาดเจ็บ

ทั้งร่างกายและจิตใจ ทำกะมันให้สาสม

แต่ไม่ควรเอาความเคียดแค้นไปลงกะคนอื่นๆ

ที่ไม่รู้อะไรด้วย เช่นการหลอกให้เค้ารักแล้วก็ตีจาก

 :z3:

รออ่านความร้ายของหมอชาลี กะศัตรูคนแรกอย่างเจตรินนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 12-02-2010 15:39:57
หมอคร๊าบ เป็นห่วงน้องนาวินนะ
อดีตหมอโหดร้ายและน่ากลัวจริงๆ ขนาดรู้นิดๆนะเนี่ย

 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-02-2010 16:08:41
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-02-2010 16:11:16
อ่านแล้วรู้สึกแล้วเสียวไส้ยังไงไม่รู้

5555+
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 12-02-2010 16:30:03
รู้สึกว่าคุณนายชาลีน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-02-2010 17:24:17
 :a5: ชาลีน่าสงสารกว่าที่คิด เครียดไปมั้ยคุณนาย :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 12-02-2010 18:06:18
อ่านเรื่องนี้แล้ว ระหว่างรอแว๊บ ไปอ่าน เรื่องของ ธงรบ กะอธิคม มาด้วย

ขอให้ พี่เอ๊กซ์มันเป็นคนดีเถอะ นาวิน น่ารักจังง

แสดงว่าชาลีโดนรุมโทรมมาใช่ไหมเนี่ยยย แล้วคนที่แทง หรือ กรีด บนตัวชาลีก้อ เจตริน

ชาลีจะล้างแค้นไงเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 12-02-2010 19:32:08
อ่านทันแระ
มันส์จริงๆเล้ยยยยยยย เรื่องเนี้ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: princehoo ที่ 12-02-2010 19:39:11
ชาลีเริ่มการแก้แค้นแล้ว

 :fire:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 12-02-2010 19:46:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-02-2010 19:57:17
ชาลีแร๊งงงง แต่เชียร์นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 12-02-2010 21:00:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 12-02-2010 21:26:17
อ่านตอนนี้แล้ว เหมือนมีลางสังหรณ์ว่า อดีตของชาลี จะโดน แฟนเก่า ทำร้ายโดยการให้เพื่อนมาข่มขืนชาลีเลย


โอ๊ย สาธุ  อย่าให้เป้นอย่างที่คิดเลย 

เฮ้อ ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 12-02-2010 22:14:30
 :monkeysad: :monkeysad:
ทำไมชีวิตโดนเเต่คนทำร้ายหล่ะคุณหมอ....มันต้องเอาคืนใหสาสม :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 12-02-2010 23:33:23
โอยย  สู้ๆ คุณหมอชาลี  ใครทำเราเจ็บ เราต้องเอามันให้เจ็บกว่า 
แต่น่าสงสารสารวัตรอ่ะ  งานนี้สารวัตรเรา จะต้องจอง ศาลาวัดรึเปล่าเนี่ย
เรื่องชักสนุกแล้วดิ  หุหุ ตอนนี้คงจะมันส์น่าดู
ไอ้เจตรินชั่วเนอะ  อยากเห็นหนังหน้าจริงๆ
ไปแระครับ
ฝันดี
^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-02-2010 00:26:27
คุณหมอชาลีพกความแค้นมาเกินพิกัด
สารวัตรก้อแค่อยู่ผิดที่ ผิดเวลาไง  :เฮ้อ:
 ++ ให้กะความสนุก
<รอคำตอบเรื่องหนังสืออยู่นะครับ>
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ToRMoR ที่ 13-02-2010 01:17:47
พออ่านมาถึงตรงนี้ เหมือนรับรู้ความรู้สึกของชาลีได้จริงๆ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น

กลัวว่าถ้าชาลีเกิดสติแตกขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องความแค้น กัณต์จะทำยังไง

กลัวชาลีเป็นบ้าจัง - -'' คือเท่าที่อ่านมาชาลีเป็นคนที่เยียวยาตัวเองได้จริง

แต่ถ้าวันนึงน้ำที่มันเต็มแก้วแล้วล้นขึ้นมาจะมีใครดูแลเขาบ้างเฮ้อ

ภาวนาให้สารวัตร .... :m15:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 13-02-2010 02:00:58
เริ่มการเอาคืนจากศัตรูตัวจริงซะที จะได้รู้อดีตของหมอชาลีแล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 13-02-2010 09:52:27
 :angry2:


จัดการมันเลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: DekDoy ที่ 13-02-2010 13:21:10
ถึงร้ายก็รักใช่มะหมวด

เอ๊ย  สารวัตรกัณฑ์

 :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 13-02-2010 15:11:25
โห!  ซาดิสท์เหลือหลาย หรือว่าพี่นายชอบเเบบนี้  :haun4:


เเล้วหมอชาลีจะเก็บสารวัตร รึจะโดบเก็บเองเนี่ย   :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 13-02-2010 17:44:29
โห!  ซาดิสท์เหลือหลาย หรือว่าพี่นายชอบเเบบนี้  :haun4:
เเล้วหมอชาลีจะเก็บสารวัตร รึจะโดบเก็บเองเนี่ย   :impress2:

อิ อิ ก็ไม่ถึงขนาดเลือดตกยางออกหรอกครับ แค่ฟกช้ำดำเขียวก็พอ  :z1:
อืมม มีคนดักคอตอนจบเอาไว้น่ะ เลยต้องขอนั่งคิดเพื่อปรับโครงเรื่องครึ่งหลังหน่อยนะคร้าบ
ขอให้ทุกท่านสุขสันต์และสุขกระสันวันวาเลนไทน์กันถ้วนทั่วนะครับ
คิดสิ่งใดก็ขอให้ได้สิ่งนั้น อยากได้ใครก็ขอให้ได้คนนั้น
(วาเลนไทน์นี้ก็อย่าเสียตัวเพราะความประมาทนะคร้าบบบ  :L2:  :3123:  :L1:

ป.ล. ของขวัญวาเลนไทน์จากผู้เขียน ขอเอาเรื่องกุ๊กกิีกของชายหนุ่มคู่หนึ่งมาแทรกความเครียดๆ ช่วงนี้ของเรื่อง เพลิงรักนะครับ (หวังว่าคงไม่ว่ากันนะว่าผมโพสสะเปะสะปะไม่เข้าหมวดหมู่) --- ก็เพราะผมขี้เกียจไปหาลิงก์ของเรื่่อง เจ้าชู้นักหลอกให้รักซะเลย อ่ะดิ  :เฮ้อ:

เจ้าชู้นักหลอกให้รักซะเลย บทพิเศษ (แก้เซ็ง)

หลายเดือนหลังจากที่ปลาไหลใส่สเก็ตอย่างธีรดนย์กลายมาเป็นแฟนกับเด็กดื้ออย่างวิธวินท์

ธีรดนย์เดินเข้าไปในสถานีตำรวจและเห็นวิธวินท์นั่งหน้านิ่งเรียบอยู่หน้าโต๊ะของนายร้อยเวรจึงเดินเข้าไปหา วิศวกรหนุ่มหน้าเด็กยังไม่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ จนธีรดนย์พูดขึ้นมาว่า
“จริงๆ เลย ใครบอกให้ขับรถมอเตอร์ไซด์ขึ้นทางด่วน คิดอะไรอยู่ฮึวิธวินท์ ทำอะไรซ่าๆ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ”
“ผมรีบ” วิธวินท์ตอบโดยไม่มองธีรดนย์
“รีบมากจนได้มานั่งสงบสติอยู่ที่โรงพัก เงินเสียค่าปรับก็ไม่มีซักบาท อะไรกัน โตขนาดนี้แล้วยังทำกระเป๋าตังค์หายอีก ” ธีรดนย์พูดแล้วหันไปหาร้อยเวรแล้วบอกว่าเขามาพบรองผู้กำกับสถานีตำรวจทางด่วน 2
วิธวินท์ไม่ตอบโต้ เอาแต่นั่งนิ่ง มือจับป้ายชื่อตั้งโต๊ะของร้อยเวรพลิกไปพลิกมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“รออยู่นี่นะ” ธีรดนย์ก้มลงสั่ง ‘เด็กดื้อ’ “แต่ เอ๊ะ ก็คงต้องรอสินะเพราะไปไหนไม่ได้นี่นา”
ธีรดนย์พูดเสร็จก็เดินตรงเข้าไปยังห้องทำงานของรองผู้กำกับฯ และใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็เดินออกมา ร้อยเวรรีบยกมือขึ้นทำความเคารพชายหนุ่มทันทีราวกับเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่ปานเพราะเมื่อไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ผ่านมาท่านรองผู้กำกับฯ โทรศัพท์ออกมาจากห้องทำงานและสั่งการให้ปล่อยตัวผู้กระทำผิดกฎจราจรบนทางด่วน
วิธวินท์ลุกขึ้นทันทีแล้วเดินออกไปยังด้านหน้าของสถานีทำตำรวจเพราะเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าธีรดนย์ ‘จัดการ’ กับปัญหาจนเป็นที่เรียบร้อย
“รีบไปไหนวิธวินท์ หรือรีบพอๆ กับที่ต้องขับรถขึ้นทางด่วน นี่ดีนะผมเส้นใหญ่ ไม่งั้นโดนจับยัดเข้าห้องขังแทนค่าปรับแล้วล่ะ” ธีรดนย์เดินตาม “ขอบใจผมซักคำหน่อยสิ อุตส่าห์มาประกันตัวไ
“ขอบคุณครับ” วิธวินท์หันมาตอบแล้วเดินลงจากบันไดตรงไปยังรถมอเตอร์ไซด์ของตัวเอง
“แค่นี้หรือ” ธีรดนย์ทำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“ที่จริงผมไม่ได้บอกให้คุณมา”
“อายุทธของคุณขอให้ผมมาดู” ธีรดนย์กระแทกเสียงตอบ
“คุณไม่ได้อยากมาเอง”
“ถ้าผมเป็นคนรู้ก่อนคนแรกผมก็จะมาเร็วกว่านี้โดยไม่ต้องให้ใครโทรไปบอก” เสียงของธีรดนย์ห้วนขึ้น “พอมีเรื่อง คุณกลับโทรศัพท์หาคุณอายุทธ ทำไมไม่โทรหาผม รู้ไหมนี่ว่าใคร ผมรู้จักตำรวจ รู้จักคนใหญ่คนโตเยอะแยะ ระดับรัฐมนตรีก็มีนะ ผมแค่เอ่ยปากคำเดียวทุกคนพยักหน้าหมด”
วิธวินท์ไม่ตอบ เดินลิ่วไปยังมอเตอร์ไซด์ BMW สีน้ำเงินของตัวเองแล้วยกหมวกนิรภัยขึ้นกำลังจะสวมแต่ธีรดนย์เอื้อมมือไปดึงหมวกออกมาจากมือของชายหนุ่มขาซิ่ง
“จะไปไหน” ธีรดนย์ถาม
“กลับบ้านสิครับ” วิธวินท์ตอบเสียงราบเรียบ เอียงหน้ามองธีรดนย์ด้วยหางตาแล้วมองตรงไปข้างหน้า
“ทิ้งรถไว้นี่เถอะ ผมจะสั่งให้ตำรวจยกรถกลับให้ กลับกับผมเถอะนะ วันนี้ผมขับรถใหม่มา จากัวร์ SJ600 เชียวนะวิธวินท์ เพิ่งถอยป้ายแดงมาใหม่ๆ เบาะนุ่มมาก เครื่อง 6 ลิตร ในประเทศไทยเพิ่งได้รถมาไม่ถึงห้าคัน โน่นแน่ะ จอดอยู่โน่น เห็นหรือเปล่า” ธีรดนย์ชี้ศีรษะไปยังรถเก่งสปอร์ตคันหรูซึ่งจอดอยู่ไม่ห่าง
“ผมชอบขับมอเตอร์ไซด์” วิธวินท์ยักไหล่
“เราไม่ได้ค้างด้วยกันมาเกือบอาทิตย์แล้วนะวิธวินท์” ธีรดนย์เปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มขาซิ่งทำเสียงไม่ใส่ใจกับของเล่นชิ้นใหม่ของตัวเอง
“ขอหมวกด้วยครับ” วิธวินท์ยื่นมือออกมา
“ไม่ให้” ธีรดนย์สายหน้า กอดหมวกนิรภัยไว้แนบกับอกแต่พลันก็รีบกระโดดเข้าขวางเพราะอีกฝ่ายที่กำลังนั่งคร่อมอยู่นั้นได้ติดเครื่องเตรียมออกรถ
“วิธวินท์ ยังไม่เข็ดอีกหรือ เพิ่งโดนจับ เดี๋ยวก็โดนจับหน้าโรงพักเพราะขับรถไม่สวมหมวกกันน๊อคอีกหรอก ทำไมดื้อแบบนี้” ธีรดนย์ทำเสียงอ่อนใจ
“หลีกทางด้วยครับ”
“ถ้าไม่หลีกจะชนหรือไง” ธีรดนย์เลิกคิ้ว “เอาสิ จะขับรถชนแฟนก็เอาเลย”
“ผมจะไปรอที่คอนโดคุณ” วิธวินท์พูดด้วยเสียงราบเรียบเช่นเคย ก่อยจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ตามไปให้ทันนะครับ ถ้าคุณไปถึงหลังผมเกินห้านาที ผมจะไม่อยู่รอ”
“เอางั้นหรือ อยากแข่งกันนักใช่ไหม  จากัวร์ SJ600 เลยนะพ่อลิงน้อย” ธีรดนย์ปรายตาไปมองรถสปอร์ตใหม่เอี่ยมของตัวเองแล้วยื่นหมวกนิรภัยให้วิธวินท์และพูดต่อว่า
“ห้ามหลอกกันนะวิธวินท์ กรุณาอย่าโกหก พูดต้องทำตามที่พูด บอกว่าไปนอนคอนโดผมก็ต้องไปคอนโดผมจริงนะ ห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาด”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะไปรอที่คอนโดคุณ” วิธวินท์พยักหน้าแล้วสวมหมวกนิรภัยจากมือของธีรดนย์
“สัญญาต้องเป็นสัญญานะ” ธีรดนย์ย้ำ
วิธวินท์พยักหน้าอีกครั้งแล้วทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ธีรดนย์ยืนมองยิ้มๆ ชั่วอึดใจแล้วรีบวิ่งไปที่รถของตัวเองเพื่อเร่งตามมอเตอร์ไซด์ขาซิ่งให้ทัน
“ที่รัก ขับรถซิ่งแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนตำรวจจับข้อหาขับรถเร็วหรอก” ธีรดนย์กดปุ่มเพื่อนเข้าเกียร์รถเก๋งคันงามแล้วพุ่งรถตามคนรักไป มือขวาซ้ายบังคับพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ว มือขวากดปุ่มโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครบางคนซึ่งรู้จักเขาดีเพราะเขาเป็นคนที่ 'กว้างขวาง' ไม่ใช่น้อย
“วิธวินท์จ๋า แล้วเจอกันนะจ๊ะ ดื้อๆ อย่างคุณก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะ รู้จักธีรดนย์น้อยไปซะแล้ว ยังไงๆ ผมก็ถึงก่อนอยู่แล๊ว” ธีรดนย์พูดและหัวเราะอยู่คนเดียว

****จบตอนพิเศษแก้เซ็ง****

ง๊ง งง ทำไมเขียนเรื่องที่พระเอกเจ้าชู้กะล่อนได้ง่ายจังอ่ะ เรื่องเพลิงรักนี่เขียนย๊ากยาก
(รู้อยู่นะ ว่ามีบางคนจะเข้ามาตอบกระกระเทียบ) 555  :pigha2:
Hapปี้ วาเลนไทน์ คร้าบบบ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: Loidelohm ที่ 13-02-2010 18:14:55
จิ้มก่อน
พี่นายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รู้สึกว่าทุกเรื่องของพี่นายมีตำรวจเสมอ
พี่เป็นตำรวจเหรอครับ
หรือมีชีวิตส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกะตำรวจใช่ป่ะคับ
โดยส่วนตัวผมก็ชอบคนในเครื่องแบบตำรวจนะ
จะตามต่อไปให้ถึงที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 13-02-2010 18:21:00


ง๊ง งง ทำไมเขียนเรื่องที่พระเอกเจ้าชู้กะล่อนได้ง่ายจังอ่ะ เรื่องเพลิงรักนี่เขียนย๊ากยาก
(รู้อยู่นะ ว่ามีบางคนจะเข้ามาตอบกระกระเทียบ) 555  :pigha2:
Hapปี้ วาเลนไทน์ คร้าบบบ



เพราะว่าคนแต่งนิสัยแบบนั้น

มั้ง?


อิอิอิ :m20:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: hene2526 ที่ 13-02-2010 18:27:18
คิดถึง ธีรดนย์ กับ วิธวินท์ จังเลย

เซ็งบ่อยๆก็ดีนะครับ ผมจะได้อ่านบ่อยๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-02-2010 18:48:13
+ ๆ HappY วาเลนไทน์ด้วยค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-02-2010 19:00:24
แฮปปี้วาเลนไทน์ค่ะ แต่มันค้างนะ :laugh: มาทีไรทำค้างทุ้กที แต่เราก็อ่านมันทุ้กเรื่อง :z3:

เรื่องพระเอกเจ้าชู้เขียนง่ายเพราะไม่ต้องใช้จินตนาการไง เอาเรื่องตัวเองมาเขียนอะดิ เค้ารู้หรอกน่า :jul3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 13-02-2010 19:54:41
แฮปปี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
วาเลนไทน์จ้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-02-2010 20:02:09
แฮปปี้วาเลนไทน์นะคร๊า

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 13-02-2010 20:14:30
แฮปปี้(ปี้ปี้ปี้ปี้)วาเลนไทน์เดย์คะ
พรุ่งนี้วาเลนไทน์มาอีกนะคะขอยาวๆๆๆๆๆๆ
ปล.คิดถึงอาทิตย์กับตาเสาธง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 13-02-2010 21:41:45
เวลาเขียนบทพระเอกกระล่อนเจ้าชู้ คุณคทาวุต พลิ้วเชียววว  :z2:

วินก็ยังเป็นเด่ะดื้อของพี่ดล อยู่เหมือนเดิม

อย่างนี้ต้องจับตีก้น :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 13-02-2010 22:04:52
สั้นแล้วค้างอีก กรี๊ดดดดดดดดด :beat: :beat: :beat:
แฮปปี้ๆๆๆๆๆๆๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-02-2010 23:00:06


 :L2: :L1: :mc4: :mc4: Happy Happy สองเทศกาล

เป็นบ่อยๆ นะคุณนาย
fc  จะได้อ่านตอนพิเศษอีก   :laugh:
ถ้ายังไม่หายช่วงนี้ ก้อเขียนตอนพิเศษ
เรื่องไหนก้อได้ ชอบบบ
คดีรัก ภาค 3/ 4 ก้อน่าสนใจนะ
คิดถึงคุณนุ กะสารวัตรอธิคม
น้องแทนก้อดี จะได้รู้ซะทีว่าจะเลือกใคร
นายดลย์ ไม่เคยจำเลย น้องวินท์
เค้าพวก low profile   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-02-2010 23:02:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 14-02-2010 00:09:57
happy valentine's day

และก็ตรุษจีน ด้วยเหมือนกันนะค้าบ   :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 14-02-2010 01:50:10
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-02-2010 11:22:19
ใครจะกล้าว่าคุณนายละครับ

วันวาเลนไทน์แล้ว เมื่อไหร่จะมาขอผมสักทีละ

หรือว่าลืมสัญญากันไปแล้วครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 14-02-2010 12:01:20
อายุทธ นี่ใครหว่า

สงสัยอ่านเรื่องนี้นานเกิ๊น จำมะค่อยได้

ว่าแต่เด็กดื้อคนนี้ยังไงก็ไม่ทันคนกะล่อนอยู่ดีใช่เปล่าค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 14-02-2010 12:25:51
happy valentine's day นะคุณนาย :L1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 14-02-2010 18:33:34
ว้าว มีแผน(ชั่ว)อะไรอีกอะสารวัตร ระวังโดนจับได้ถูกปรับฟาวล์นะคะ



ง๊ง งง ทำไมเขียนเรื่องที่พระเอกเจ้าชู้กะล่อนได้ง่ายจังอ่ะ เรื่องเพลิงรักนี่เขียนย๊ากยาก
(รู้อยู่นะ ว่ามีบางคนจะเข้ามาตอบกระกระเทียบ) 555  :pigha2:
Hapปี้ วาเลนไทน์ คร้าบบบ



เพราะว่าคนแต่งนิสัยแบบนั้น

มั้ง?


อิอิอิ :m20:

เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (12/2/2010) **มีเพิ่มเติมสำหรับวาเลนไทน์คร้าบบบ***
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 14-02-2010 21:13:08
^
^
ว่าแล๊วเชียว ต้องโดนว่าอย่างนี้ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ
หวังว่าทุกคนคงมีความสุขในวันวาเลนไทน์นะครับ
วาเลนไทน์ของผมนั่งเกาแขนเกาขาเฝ้าร้านและเลี้ยงหลาน
มีลูกค้าไม่กี่คน (ก็ลูกค้าเค้าไปแฮปปี้ วาไลนเทน์กันสนุกสนานนะสิ เซ็งเนอะ)  :L3:

ของขวัญวันวาเลนไทน์อ่านเล่นกันหน่อยนะครับ ก่อนจะมาต่อนิยาย เพลิงรัก บทต่อไป (หลังจากผ่านช่วงวาเลนไทน์ไปก่อน นะ นะ)

คดีรัก
บทพิเศษวันวาเลนไทน์

อธิคมเปิดประตูห้องชุดอย่างเซ็งๆ แต่ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะในห้องเปิดไฟสว่างไสวทุกดวง ไม่นานเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามี ‘ผู้บุกรุก’ เจ้าเก่าซึ่งหายหน้าหายตาไปนานหลายเดือนแล้ว แต่คืนนี้กลับโผล่มาเช่นที่เคยทำเป็นประจำ
นายตำรวจหนุ่มเดินไปที่ห้องนั่งเล่น โทรทัศน์เปิดทิ้งเอาไว้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวนอนแผ่อยู่บนโซฟา มีถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งวางทับอยู่บนหน้า
“บ้านช่องไม่มีอยู่หรือไงธง” อธิคมถามเสียงเข้ม “เอ็งถือวิสาสะเข้าบ้านข้ามาแล้วทำเหมือนบ้านตัวเอง เปิดไฟทุกดวง เปิดแอร์ทุกตัว เปลืองฉิบหาย”
“ลิฟท์ที่คอนโดข้าเสียอีกแล้ว ข้ามึนๆ ปีนขึ้นบันไดไม่ไหว เลยขอมานอนบ้านเอ็งซักคืน” ธงรบตอบเบาๆ ตาหลับพริ้ม มือขยับถุงน้ำแข็งที่วางทับอยู่บนตาขวาไปมา “ลิฟท์คอนโดเอ็งนี่มันวิ่งเร็วดีจริงๆ ว่ะ เงียบด้วย ข้าชักอยากมาอยู่นี่เป็นการถาวรซะแล้ว ข้าเบื่อลิฟท์เก่าๆ ที่คอนโดข้าจะตายอยู่แล้ว นี่ถ้ารวยกว่านี้หน่อยพ่อจะควักเงินเปลี่ยนลิฟท์ใหม่เองเลยให้ตายสิ”
“แล้วคืนวันแห่งความรักอย่างนี้เอ็งเสือกมานอนอยู่บ้านข้าทำไม” อธิคมถามเสียงห้วน
“แล้วเอ็งล่ะ” ธงรบลืมตา ยกถุงน้ำแข็งออกจากใบหน้าแล้วโยนลงไปบนพื้น
“มิน่า” อธิคมอมยิ้มเมื่อมองเห็นใบหน้าของเพื่อนอย่างชัดเจน
“หมัดหนักฉิบหาย” ธงรบทำปากยื่น หน้าตาแสดงออกว่าเซ็งจัด
“เอ็งไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนฤทธิ์หมัดดาวเหนือแบบนี้” อธิคมพยายามกลั้นหัวเราะ
“ข้าไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย อีก็หึงไม่ฟังฟ้าฟังฝน” ธงรบทำเสียงหงุดหงิด
“อะไรไม่ฟังฟ้าฟังฝน สำนวนบ้าบออะไรของเอ็ง” อธิคมถาม “แล้วนี่อยู่กับอาตี๋จนแกพูดเหมือนคนจีนเข้าไปทุกที”
“ยังไม่ทันได้ระวังตัวว่ะ ตูมเดียว เข้าเบ้าตาข้าจังๆ แล้วผลักข้าลงรถ ข้าแทบจะลงมานั่งกองกับพื้นถนน นี่ถ้ายกตีนถีบได้คงทำไปแล้วล่ะ เวลาหึงนี่ร้ายจริงๆ ให้ตายเหอะ”
“ก็เอ็งมันนี่น๊า จนป่านนี้ก็ยังทิ้งสันดานเจ้าชู้ไม่เลือก สมน้ำหน้า พี่ชายเขาก็ไม่เว้น” อธิคมส่ายหน้า
“เฮ้ย เปล่านะโว้ย วันนั้นข้าล้อเขาเล่นสนุกๆ หรอก แต่วันนี้น่ะ คนละคน คนละเรื่อง” ธงรบรีบปฏิเสธ แต่แล้วก็พูดเสียงอ่อย “แต่รู้สึกว่าอีจะแค้นสะสมหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอข้าพูดทะเล้นขึ้นมาหน่อย ตู๊มเดียวเห็นดาวพราวระยับงามจับใจเลยล่ะเอ็ง”
“เจ็บขนาดนี้ยังเสือกจะสรรหาคำสวยงามมาบรรยายอีก”
“พักหลังนี่อารมณ์หงุดหงิดบ่อย เหมือนๆ ผู้หญิงท้องเลยให้ตายสิ” ธงรบถอนหายใจ
“แต่เอ็งก็ยังทะลึ่งทะเล้นกวนประสาทเขาอยู่ได้ทุกวัน” อธิคมส่ายหน้า “ข้าว่าอาตี๋คงรู้สึกจี๊ดประสาทที่ต้องฟังเสียงเอ็งจ้ออยู่ตลอดเวลา เลยสติแตก”
“ไอ้คม เอ็งพูดอะไรไม่ดีไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด ข้าเจ็บ จะสงสารซักหน่อยก็ไม่มี”
“เอ็งมันน่าสงสารนักนี่ สมแล้วล่ะที่ต้องมานอนประคบน้ำแข็งในคืนวาเลนไทน์ อดขึ้นสวรรค์เลยไหมล่ะ” อธิคมหัวเราะเบาๆ แต่ทว่าเจ้าตัวและคนฟังรู้ได้ว่าเป็นเสียงหัวเราะหยันๆ
“แล้วเอ็งทำไมมาอยู่นี่” ธงรบหรี่ตามองเพื่อนที่เบือนหน้าออกไปด้านข้าง ก่อนจะทำตาโตแล้วส่งเสียงลั่น “อะฮ้า ข้ารู้แล๊ว เอ็งก็โดนเหมือนกัน”
“โดนบ้าที่ไหน ข้าเหนื่อยหรอก เดี๋ยวข้าก็ไปหา คอนโดคุณนุอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“แล้วนั่นรอยอะไร” ธงรบชี้มายังใบหน้าของอธิคม “เอ๊ะ รึว่าเอ็งเป็นผื่น เป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ข้าว่ารอยแดงบนแก้มนั่นน่ะ มันเหมือนรอย...”
“หุบปากเดี๋ยวนี้เลยไอ้เสาธง” อธิคมตะคอกแล้วเดินหนีเข้าห้องนอน
“คม เรามาฉลองวาเลนไทน์กันสองคนเถอะว่ะเพื่อน ข้าซื้อเหล้ามาสี่ขวด” ธงรบตะโกนตามหลัง “ถ้าไม่เมาก็ค่อยออกไปต่อกันข้างนอก อยากใจร้ายกับเราดีนัก ไม่เห็นจะแคร์”
“ข้าอาบน้ำแล้วจะกลับไปง้อ” อธิคมพูดเสียงเรียบ “เอ็งอยากไปหาเรื่องใส่ตัวต่อก็แล้วแต่เอ็งเถอะ แต่ข้าขอแช่งให้กรรมเวรมาสนองเอ็งในคืนนี้”
“ไอ้ปากหมา” ธงรบกระแทกเสียง “โว๊ย ทำไมเป็นแบบนี้วะ จะให้ข้ากลับไปง้อได้ไง ก็อีเล่นขังตัวเองอยู่ในปราสาทที่มีเทพสุริยันเขี้ยวใหญ่นั่งกอดอกเฝ้าอยู่ชั้นล่าง แล้วอีตาปลากระดี่ตะวันแดงก็เอาแต่ออกไปลัลล้าอยู่นอกบ้าน ข้าไม่มีแนวร่วมจะช่วยฝ่าด่านอรหันต์ทองแดงเลยนะโว๊ย นี่ตั้งแต่เฮียรู้แจ้งเห็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร ข้าโดนบีบโดนคั้นจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว จะเข้าบ้านก็ไม่ได้ อาเฮียแกไม่เคยไปไหนเลย เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านมาเฝ้าน้อง คนใช้ก็กลัวหัวหด ไม่มีใครยอมแอบมาเปิดประตูรั้วให้ข้าเลย”
อธิคมอดอมยิ้มด้วยความขันไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาเองก็กำลังรู้สึกหนักใจกับปัญหาของตัวเอง ป่านนี้อนุภาพก็คงขลุกอยู่กับอัสนัยและเพื่อนๆ ของอัสนัย
...เจ็บใจนัก ลำพังอนุภาพคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ ง้อเข้าหน่อยก็คงอ่อน แต่มีอัสนัยคอยกันท่า คอยเป่าหู คอยชักจูงคุณนุ และคอยเป็นอุปสรรคขวางกั้นอยู่แบบนี้ จะทำอะไรก็ไม่สะดวก คุณนุนะคุณนุ ทำไมจะต้องไปคบกับอัสนัยด้วย คุณตฤณก็จริงๆ เชียว ทำแต่งาน วันวาเลนไทน์ก็ยังยุ่ง ไม่รู้จักคุมแฟนตัวเองเอาไว้ให้ดี ปล่อยให้มายุ่งวุ่นวายกับแฟนของชาวบ้าน...
...อย่างพี่คมต้องเอาให้หนัก อย่าให้หือได้ ถ้าลองได้อ่อนให้แล้วล่ะก็จะได้ใจ ยิ่งมีลูกคู่อย่างอีตาสารวัตรธงรบยิ่งจะพากันไปลงเหว คุณนุต้องคุมเอาไว้ให้ดี อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด...
...พูดเข้าไป๊ นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูเขาก็คงโง่อยู่นาน คิดว่าอัสนัยกับเขาจบกันไปแล้ว คราวนี้ก็รู้ซะทีว่าอัสนัยยังไม่ยอมจบ นี่คงแค้นเขามากละสิท่า สงสัยคงโกรธเขาที่เลือกคุณนุแทนที่จะเลือกตัวเอง ขอให้ได้แกล้งเขาหน่อยก็เอา แล้วทำไมจะต้องมาซี้ปึ๊กกับคุณนุวะ ควรจะโกรธที่คุณนุมาแย่งเขาไปจากตัวเองสิถึงจะถูก มาเป็นพันธมิตรกันแบบนี้ได้ยังไง...
“ถามจริง เอ็งโดนฝ่ามือพิฆาตหรือวะ” เสียงธงรบดังขึ้นข้างหู
“ไอ้ห่_” อธิคมสะดุ้งเพราะมัวแต่คิด “ไม่รู้จักเคาะประตู”
“ประตูเอ็งเปิดอยู่”
“ข้าจะอาบน้ำ” อธิคมตะคอกแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายทั้งที่ยังสวมกางเกงชั้นในอยู่
“อาบก็อาบไปสิวะ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุ เอ็งจะอายอะไรนักหนา ทำยังกับข้าไม่เคยเห็นก้นเอ็ง” ธงรบเบ้ปาก “ก้นเองสวยสู้ก้นขาวๆ ของอาตี๋น้อยของข้าไม่ได้ซักกะนิ๊ดเดียว”
“ไอ้ปาก...”
“ข้ารู๊ ว่าปากข้าเป็นยังไง” ธงรบหัวเราะร่าแล้วเดินตรงไปยังประตูห้องนอนของอธิคม “ขอให้โชคดีง้อสำเร็จนะเพื่อน ข้าเอาใจช่วย แต่ข้าว่า คืนนี้ เอ็งคงต้องได้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนข้าแหงๆ”
...จะมากไปแล้วไอ้เสาธง รู้จักอธิคมน้อยไปซะแล้ว ถึงวันนี้คุณนุจะโกรธมากที่เราไปต่อยเจ้านายใหม่จนเลือดกลบปาก แต่คืนนี้เป็นคืนวาเลนไทน์ อธิคมไม่ขอมานั่งปิดหูอยู่ที่บ้านเพราะไม่อยากฟังเพียงไอ้เพื่อนปากมากยียวนกวนประสาทอย่างไอ้เสาธงหักหรอก...
...คืนแห่งความรัก ก็ต้องไปอยู่กับคนที่เขารักสิ...
...รักคุณนุคนเดียว..
...คนอื่นๆ ที่บังอาจจะมาทำเจ้าชู้ใส่แฟนเขานั้น ถอยไป...
...หึงนะโว้ย...

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 14-02-2010 21:51:44
 :z13: :z13: :z13:
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 14-02-2010 21:58:01
 :sad4:  น่าสงสารสองหนุ่มนี่จริงๆ

คืนวันวาเลนไทน์กลับต้องได้แผลคนละที่สองที่

ทำไงกันดีละเนี่ย แทนที่จะได้จูฮุกกรู้ กะที่รักบนเตียง

อดเลยงานนี้  :laugh:

ขอบคุณพี่นายนะค้าบบ  :pig4:

ว่าแต่ว่า ตอนพิเศษนี้ยังมีต่อใช่มั้ยคับ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-02-2010 22:14:27
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 14-02-2010 22:33:27
พวกเลิกเจ้าชู้จู้ฮุกกรูไม่จริงๆ เจอกันไปคนละทีสองที
อิตาเสาธงโดนทำร้ายร่างกายด้วยข้อหาอะไรล่ะนั่น พฤติกรรมสามวันดีสี่วันไข้แบบนี้
สมๆ ให้พี่สุริยะเฝ้าพ่อตะวันน้อยกลอยใจของบ้านไว้อ่ะดีแล้ว อิอิ
ส่วนอิพี่คม ไปชกเจ้านายคุณนุเพื่อ??? เลยโดนตรบซะแล้วคงจะโดน
ข้อห้ามอีกยาวเหยียดตามประสาคุณนุแน่ๆ แต่อิพี่คมด้วยนิสัยถ้าง้อไม่ถึงที่สุดคงไม่ถอยง่ายๆ
วาเลนไทน์ปีนี้   ตื้อเมียไม่กลับบ้านไม่เลิกนะอิพี่คม

อยากได้คู่คุณเต้ยกับคุณอายุทอ่ะ   พลีสสสสสสสสสสสคุณนาย  :man1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 14-02-2010 22:55:38
กีสสส ช่างเป็นวาเลนไทน์ที่หวานหยดอ่ะไรอย่างนี้นะคุณสารวัตรทั้งสอง

ทำอะไรไม่คิดเหมือนเดิมล่ะสิเนี่ย

อาทิตย์น้อยกลอยใจ กับคุณนุจึงไม่ใยดีเยี่ยงนี้

แอบฮา  เทพสุริยันเขี้ยวใหญ่ กะ ปลากระดี่ตะวันแดง  :jul3:

มีต่อตอนง้อสำเร็จมั้ย??  :z1:

ปล เรื่องนี้กำลังอ่านถึงตอนหก  :z3: กำลังเร่งเครื่องตามอยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 14-02-2010 23:07:50
แอบชอบเวลาที่เพืื่อนซี้สองคนนี้อยู่ด้วยกันจัง ตลกดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-02-2010 23:18:15
 :L2: :L1: :L2: :L1:
Happy Valentine's Day คุณนาย

 :laugh: สมน้ำหน้าจริงๆ สงสารก้อสงสารนะ
สองสหาย หาเรื่องวันไหนไม่ทำ
อาการหนักทั้งคู่
สงสัยจะโดนทำทัณฑ์บนอีกรอบ
++ สำหรับตอนพิเศษ
เดี๋ยวมาอัพต่ออีกตอนใช่มะ คุณนาย  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 14-02-2010 23:22:19
 :pig3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2010 23:45:20
ฮร่า ๆๆ น่าสงสารสองคู่หูนี้จริงจริ๊งงงง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 15-02-2010 00:00:48
 :laugh:
โอ้ยขำอีตาเสาธง ขออีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 15-02-2010 00:10:49
 :เฮ้อ: ค้างตลอด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 15-02-2010 00:34:42
 o6 เฮ้อออ ไหงมาต่อแค่นิดเดียว...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-02-2010 12:04:20
แล้วจะง้อสำเร็จมั้ย

ลุ้นวุ้ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 15-02-2010 12:11:04
อ้าว วาเลนไทน์ของสองหนุ่ม
ยิ่งกว่าวาเลนไทน์ของคุณนายอีกนะเนี่ย

ทำไมแกล้งสองตำรวจคู่หู เช่นนี้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 15-02-2010 15:57:26
พอเป็นแฟนกันเปิดเผย คุณธีรดนย์มาดเก๊กหลุดทันทีเลยน้า  :m20:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 15-02-2010 20:10:13
ไม่ว่างมาอ่านตั้งนาน วันนี้ได้อ่าน 6 7 8 9 10 11 และ ตอนพิเศษอีก ...  ฉ่ำปอดมากๆเลยค่ะ  :-[

รู้สึกว่าเนื้อเรื่องซักเริ่มไม่ธรรมดาซะแล้ว ดราม่า อย่างที่เกริ่นไว้จิงๆซะด้วย ... มีแต่อดีตที่น่าสงสัยกันทั้งนั้นเลย
ยังไงก็เมตตากันหน่อยนะค่ะ อย่าให้ต้องมีบาดแผลกันทั้งชาลี ผู้หมวด และ คนอ่านเลย .... +1 ให้ตอนพิเศษ ... อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 15-02-2010 21:40:03
 :กอด1:มาขอสมัครเป็นแฟนคลับขอรับ  ^__^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-02-2010 22:31:21
ชอบจัง ตอนพิเศษ  สองหนุ่มพ่อบ้านโดนทิ้งวันวาเลนไทน์  :laugh:

ธงรบยังฮาได้ตลอด  ชอบมากให้ตายเหอะ  :m20:

เป็นไง ตาปูดมาเชียว

เล่นกะใครไม่เล่น

  อาตี๋น้อย ๆๆๆ คิดถึงเป็นที่สุด :man1:

อยากให้มีภาคสองเรื่องนี้ ธงรบโดนคุณพี่สุริยะกีดกัน กรากกกกกก

กว่าจะผ่านด่านได้คงฮาน่าดู


คุณนุแท็กทีม อัสนัย 555555 

รวมอาตี๋น้อยเข้าไป ตั้งเป็นสมาคมแม่บ้านได้เลย 

วง สาว สาว สาว  :laugh:

 ที่ลืมไม่ได้ ตะวันของเจ้  :กอด1:  ยังแรดๆๆ นอกบ้านเหมือนเคย55555555


+1  มาต่ออีกนะ ชอบ ๆ 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 16-02-2010 00:17:51
อ๊ะ ละของหมูปิ้ง กะหนูเเทนละงับ

หึ ๆ  :impress2:


ปล. + 1 ให้กะคนที่ไม่ได้ดอกไม้ในวันวาเลนไทน์อย่างพี่นายคับ  :m15:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-02-2010 09:57:35
วันหวยออกไม่มาเหรอ o11
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 16-02-2010 11:45:58
555+

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-02-2010 14:24:38
มาตามอ่านนะัึคับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-02-2010 16:29:54

ถ้า x ร้ายกาจบ้าง ก็จะดี

โลกนี้จะได้มีสีสัน อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-02-2010 19:27:15
 :3123:พึ่งอ่านถึงตอนธรรมดาอยู่เลยค่ะ

 :3123:หมอชาลี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 17-02-2010 13:56:59
หมอชาลี

จะร้ายไปถึงไหนนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 17-02-2010 15:13:11
อยากเจอเฮียสุริยันจังเลยพี่นายยย  :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 (14/2/2010) **พิเศษแบบไม่ค่อยเข้าเรื่อง**สองหนุ่มฉลองวาเลนไทน์****
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 18-02-2010 14:56:06
สวัสดีครับ กลับเข้าเรื่อง เพลิงรัก นะครับ

บทที่ 12

แม้ตั้งใจมาแล้วที่ชวนกัณต์มาเที่ยวทะเลก็เพราะอยากแกล้งปั่นหัวนายตำรวจหนุ่ม แต่เมื่อได้กุญแจห้องชาลีก็ชักอยากจะเปลี่ยนใจ กัณต์ทำตัวเคร่งขรึม นิ่งเฉย ปล่อยให้ชาลีทำอะไรตามใจโดยไม่โต้แย้งอะไรทั้งสิ้น ชาลีจึงถือโอกาสแยกตัวออกมาเพื่อเดินตามหาเจตรินในบริเวณโรงแรม ทั้งที่เจตรินแสดงออกว่าจำเขาไม่ได้แต่ชาลีก็อยากจะมั่นใจ เขาอยากจะให้แน่ใจว่าเจตรินจำเขาไม่ได้จริงๆ
ชาลีเห็นนายแบบที่มากับเจตรินกำลังยืนถ่ายแบบอยู่ที่สระว่ายน้ำโดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ทีมงานและผู้ติดตามจำนวกว่าสิบคนยืนอยู่ด้านหลังของช่างภาพ ในจำนวนนั้นไม่มีเจตริน ชาลีจึงตัดสินใจเดินลงไปยังหาดทรายด้านหน้าโรงแรม เลิกล้มความคิดที่จะตามหาอดีตคนรักที่กลายมาเป็น 'ศัตรู'
 นายแพทย์หนุ่มตั้งใจว่าจะเดินเล่นให้สบายใจก่อนแล้วถึงจะกลับไปเผชิญหน้ากับกัณต์ซึ่งตอนนี้คงยืนหน้าบึ้งอยู่ในห้องเพราะจู่ๆ เขาก็หายตัวไป ตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปในลิฟท์เขาบอกว่าลืมของและให้กัณต์ขึ้นไปยังห้องพักก่อน
โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของนาวินดังเจื้อยแจ้วเพื่อรายงานตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนและกับใคร ชาลีย้ำว่าให้ดูแลตัวเอง เด็กหนุ่มรับปากแล้วบอกว่าทานข้าวเย็นเสร็จจะโทรศัพท์มาอีก
“และก่อนนอนด้วย" ชาลีย้ำ
“คร้าบผม คืนนี้ผมจะโทรมารายงานตัวให้พี่หมอรู้อีกสองครั้ง เอาให้เบื่อฟังเสียงผมเลยล่ะ" นาวินหัวเราะแล้ววางสาย
ชาลีอมยิ้มเมื่อมองออกไปยังทะเล ความจริงเขาอยู่ไม่ห่างจากนาวินเท่าใดนัก จะว่าไป นอกจากเหตุผลที่เขาต้องการปั่นหัวกัณต์แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาอยากมาทะเลก็คือเพื่อจะได้อยู่ใกล้น้องชายหากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา
แต่ไม่นึกฝันเลยว่าจะเจอเจตริน
“ทานข้าวหรือยังครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ชาลีสะดุ้ง หันไปมองทันที คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มกว้าง ตาพราวระยับ
“คุณนั่นเอง" ชาลีพึมพำพอให้เจตรินได้ยิน มองดวงตาคมกริบของ 'คนที่เขาเคยรัก' เจตรินไม่ได้สวมแว่น เขาจึงเห็นแววตาชัดเจน
...คิดว่าเขาเป็นใคร เจตรินคิดว่าเขาเป็นใคร จะจำเขาได้หรือเปล่า...
...จะใครก็ช่าง ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มต้นได้ดี เจตรินแสดงให้เห็นแล้วว่าสนใจเขาอยู่บ้างเหมือนกันทั้งๆ ที่มากับอีกคน...
...ง่ายกว่าที่คิด...
“ขอโทษนะครับที่ทักคุณที่ล๊อบบี้ หน้าตาคุณคุ้นมาก ผมเลยอดทักไม่ได้ แฟนคุณคงไม่ค่อยพอใจ เห็นมองผมแบบฉุนๆ"
“เขาเป็นยังงั้นเอง อย่าไปสนใจเลยครับ"
“มาเที่ยวกันหรือครับ" ชาลีถาม
“เปล่่าครับ เขามาทำงาน ผมก็เลยถือโอกาสมาพักผ่อนชายทะเลด้วย ตอนนี้ต้องการพักผ่อนมากถึงมากที่สุด" เจตรินตอบ
“แสดงว่าทำงานเหนื่อยมาก"
“เหนื่อยสุดๆ เลยครับ"
...เจตรินทำงานด้วยหรือ เท่าที่เขารู้จัก เจตรินทำงานไม่เป็น เอาแต่เที่ยวสนุก ใช้เงินพ่อแม่ที่รวยล้นฟ้า อยากได้อะไรต้องได้...
“พักหน่อยก็ดีครับ ทำงานหนักมากเดี๋ยวเงินทับหัวตายพอดี" ชาลีหัวเราะเบาๆ
“ตายเพราะเงินทับก็ดีสิครับ อย่างน้อยก็ตายอย่างมีความสุข ไม่ใช่ตายเพราะความทุกข์"
“ท่าทางคุณไม่มีความทุกข์" ชาลีเลิกคิ้ว
“ช่วงนี้สุขภาพผมไม่ค่อยดี" เจตรินยักไหล่ แววตาหม่นหมองเพียงชั่วเสี้ยววินาทีแต่ก็เปลี่ยนเป็นสดชื่น "แต่พอได้มาทะเล ก็รู้สึกสบายขึ้นทันตาเห็น"
“ทำงานหนักไม่ดีต่อสุขภาพ แบบนี้ต้องหาคนคอยดูแล"
“คงยากครับ ใครจะมาคอยดูแลคนที่เอาแต่ทำงานอย่างผม"
“คุณเลือกมากเกินไปมั๊ง" ชาลีพูดยิ้ม "คงมีคนอยากดูแลคุณเยอะแยะ คนที่อยากอยู่กับเราอย่างจริงจังไปจนวันตาย"
“มีด้วยหรือครับ"
“มีสิครับ คุณอาจจะเคยเจอมาแล้ว แต่ว่าคุณไม่รู้"
“อยากจะเจอซักคนเหมือนกัน"
“เดี๋ยวก็ได้เจอ"
...เขาจำเราไม่ได้จริงๆ เจตรินจำเขาไม่ได้ สิบปีที่ผ่านมาได้ 'ล้าง' อะไรบางอย่างออกจากความทรงจำอะไรบางอย่างออกไปจากผู้ชายคนนี้มากพอสมควรหรือนี่...
...แต่เขาก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แทบจะกลายเป็นคนละคน นี่ขนาดไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเลย แค่อยู่กับความแค้นมาตลอดสิบปี แค่เปลี่ยนแปลงตัวเองทางร่างกายด้วยการเล่นกีฬาอย่างหนักและเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาเก้ากิโลกรัม แค่เปลี่ยนบุคลิก ท่าทาง การพูดการจา แค่ทิ้งแว่นตาหนาเตอะกรอบดำเปลี่ยนมาใส่คอนเทกเลนส์สีน้ำตาล...
...แค่เป็นคนใหม่...
“คุณเป็นเพื่อนโจอี้หรือครับ ผมคิดว่าเจอคุณตอนไปโดยร่มที่อู่ตะเภา ผมขับเครื่องบินเล็ก คนอื่นๆ อาเจียนกันหมด รู้สึกว่าจะมีคุณคนเดียวที่ไม่อาเจียน" ชาลีเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการสร้างเรื่องขึ้นมา
“คุณจำผิดผิดคนแล๊ว" เจตรินหัวเราะ "แต่ที่คุณเล่าก็ท่าทางน่าสนุก ผมอยากไปทำอะไรแบบนั้นจังเลย ชักเบื่อชีวิตในกรุงเทพฯ อยู่แต่ในตึก"
“เอาสิครับ วันหลังไปกัน" ชาลีชวน "แต่ไม่รู้ว่าแฟนคุณจะชอบหรือเปล่า"
“เอ่อ จะเรียกว่าแฟนก็ไม่ค่อยจะใช่ซะเลยทีเดียว ผมกับคอปเตอร์แค่คบๆ กัน" เจตรินทำหน้าเขิน "อะไรแบบนั้นเขาไม่ชอบหรอก แต่ผมชอบ"
...ชอบล่องเรือ แล้วจัดปาร์ตี้บนเรือ ชวนคนไปเยอะๆ พอเมาได้ที่ก็ทำอะไรแผลงๆ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณชอบอะไรบ้าง...
“ผมชอบ outdoor activity นี่ก็คิดว่าจะไปดำน้ำที่สิมิลัน กำลังหาคนหารค่าเรืออยู่พอดี" ชาลีพูด
“ผมก็ชอบดำน้ำ" เจตรินพยักหน้า
...ปล่อยให้เรานั่งอยู่บนเรือคนเดียว ตอนนั้นเรามีความสุขที่ได้ใช้เวลากับคนที่เรารัก แม้จะเป็นการนั่งรอร่วมสองชั่วโมง สาเหตุเพราะเจตรินต้องการให้เฝ้านาฬิกาฝังเพชรเรือนใหม่ที่เพิ่งซื้อมา...
...ชอบไปจับปะการังแล้วหักเอาชินสวยๆ ขึ้นมาจากท้องทะเล แต่ก็ทิ้งเอาไว้ที่ชายหาดเมื่อกลับถึงโรงแรมที่พัก...
...ผู้ชายคนนี้สนใจอะไรแทบทุกอย่าง แต่สนใจแบบฉาบฉวย เมื่อเบื่อแล้วก็ทิ้งไปอย่างสิ่งของไร้ค่า...
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน" เจตรินพูดอย่างอารมณ์ดี "ผมชักสงสัยแล้วว่ามีอะไรอีกน้าที่เราชอบเหมือนกัน"
“ผมชอบเดินลุยทะเลดูพระอาทิตย์ตกดิน ให้คลื่นซัดขาเปียกๆ แล้วก็เตะน้ำให้กระจาย" ชาลีพูด ตาเป็นประกาย
...เจตรินเกลียดสิ่งนี้ที่สุด เจตรินบอกว่าเหนอะหนะ ไม่สบาย ครั้งหนึ่งถึงกับเคยผลักเขาจนล้มเพราะเขายืนกรานอยากจะเดินริมหาดดูพระอาทิตย์...
“ผมก็ชอบ โรแมนติกดี คุณว่าไหม" เจตรินหัวเราะเบาๆ
...ตอแหล โกหกหน้าด้านๆ เพื่อจะจีบหนุ่มละสิ...
...หรือเจตรินจะเปลี่ยนไปชอบอะไรแบบนี้จริง เวลาสิบปีที่ผ่านไปอาจจะทำให้ผู้ชายคนนี้อ่อนโยนลงก็ได้...
...ไม่มีทางหรอก คนผู้นี้ไม่เคยเปลี่ยน ไม่มีทางเปลี่ยน ถ้าจะเปลี่ยนก็คงเปลี่ยนเป็นเลวมากกว่าเดิม...
“งั้นลุยน้ำเลยดีไหมครับ ผมอยากจะให้กางเกงเปียกน้ำเต็มที" ชาลีชวน "DKNY ตัวใหม่ร่ำร้องหาความสกปรก"
“ว้า เสียดาย ผมนุ่ง Guess รู้อย่างนี้ นุ่ง Vicase มาก็ดี" เจตรินหัวเราะเสียงดังแล้วเดินลงทะเลจนเปียกถึงต้นขา
...ลงทุนมากเลยนะเจตริน แค่จะให้หนุ่มคนใหม่ประทับใจนี่นะ...
...แต่รอก่อนเถอะ พอเจตรินได้หัวใจของใครแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็จะกลายร่างจากเทพบุตรเป็นมารร้าย...
...เป็นอมนุษย์...
“คุณนี่จริงๆ เลย" ชาลียิ้มกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นทำสีหน้ารู้สึกผิด "ผมมีเรื่องจะสารภาพ ที่จริงผมไม่ได้ใส่ DKNY หรอก"
“อ้าว หรือครับ"
“ผมใส่ JJ Corey”
“JJ Corey จากฝรั่งเศส" เจตรินอุทาน
“เพิ่งกลับจากฝรั่งเศสเมื่อวานครับ นี่ยังรู้สึกเจ็ทแล็กอยู่เลย ง่วงนอนจริงๆ แต่ผมอยากดูพระอาทิตย์ตกดิน ก็เลยต้องถ่างตารอดูอยู่จนถึงตอนนี้"
“ท่าทางคุณดูสดชื่นมาก"
“ผมเล่นละครเก่ง" ชาลียักคิ้ว "ใครก็มองไม่ออกหรอกครับถ้าผมไม่บอก"
“เป็นดาราหรือเปล่านี่" เจตรินทำหน้าสงสัย
“ผมเป็นหมอ" ชาลีตอบยิ้มๆ
“หมอ" เจตรินขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง "คุณดูไม่เหมือนหมอเลยซักนิด เหมือนคนที่ทำงานบริษัทฝรั่ง หรือไม่ก็ทำงานทางด้านมาร์เก็ตติ้ง"
“ทำไมคิดยังงั้นครับ"
“ก็ท่าทางมั่นใจในตัวเอง ฉลาด มีอารมณ์ขันแบบลึกๆ อย่างมุขยี่ห้อกางเกงนี่ไง"
“อืม แล้วตกลงจริงๆ คุณใส่ Guess อยู่ใช่หรือเปล่า" ชาลียื่นหน้าเข้าไปใกล้เจตริน ถามด้วยเสียงเหมือนกับอยากรู้เรื่องความลับอะไรบางอย่าง
“ทั้งข้างนอกข้างในเลยครับ" เจตรินตอบเสียงเบา
“ลอง JJ Corey บ้างสิ ความรู้สึกแตกต่างกันเยอะเลย" ชาลีหัวเราะเบาๆ "แต่ เอ ผมว่าคุณ คงเคยลองมาหมดแล้วล่ะมั๊ง"
“โอ้โห อย่าคิดแบบนี้สิครับ" เจตรินรู้ความนัยของอีกฝ่าย
“กลับเถอะครับ เดี๋ยวแฟนเรารอ" ชาลีพยักหน้า หันหลังกลับ
“อ้าว ยังไม่ได้ลุยน้ำเท่าไหร่เลย"
“ผมรู้สึกเสียดายกางเกงใหม่ขึ้นมาซะเฉยๆ ไม่ลุยน้ำดีกว่า แค่นี้ก็เรียกน้ำย่อยได้แล้ว" ชาลีเร่งฝีเท้าแล้วพูดเสียงดังกับเจตรินโดยไม่หันกลับไปมอง "ยังมีเวลาลุยกันอีกเย๊อะ"
“คุณๆ เดี๋ยวก่อนสิครับ" เจตรินเดินตาม "คุยกันมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย"
“เดี๋ยวคืนนี้ผมบอก" ชาลีหันไปยิ้มลึกลับ
“คืนนี้" เจตรินสงสัย
“แต่คุณคงไม่ว่าง ท่าทางแฟนคุณหวง"
“ผมบอกแล้วไง" เสียงเจตรินเข้มขึ้นนิดหน่อย
“แฟนผมก็ห่วง" ชาลีหัวเราะ ก้าวเท้าเร็วขึ้น จงใจให้เจตรินเดินตาม "แต่ทำไมผมรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว"
“งั้นหรือครับ" เจตรินเลิกคิ้ว
“คนเรามักไม่ชอบอะไรจืดชืด ใช่ไหมครับ"
“ขอไม่ตอบได้ไหมครับ" เจตรินหัวเราะในลำคอ
...ไม่ตอบเขาก็รู้ ไม่ต้องพูดอะไรเลยจะดีกว่า รอหน่อยเถอะ รับรองว่าชีวิตคุณไม่จืดชืดหรอก รับรองเลยว่าจะมีรสชาติ รับรองเลยว่าจะลืมไม่ลง...
...อย่างที่ผมไม่เคยลืม...

“คุณหายไปไหนมา" กัณต์ถามทันทีด้วยเสียงห้วนๆ เมื่อเห็นหน้านายแพทย์ชาลีเดินเข้าไปในห้องพัก
“ผมบอกคุณไว้ว่ายังไงครับ" ชาลียังทำใจเย็น
“คุณบอกว่าผมลืมของ"
“จนป่านนี้ผมก็ยังหาของที่ลืมไว้ไม่เจอ" ชาลียักไหล่ "สงสัยคงต้องให้ตำรวจช่วยสืบหาให้"
“ผมเป็นสารวัตรสืบสวน ไม่ใช่ยามประจำสนามบินช่วยคนหาของหาย"
“แค่นี้อารมณ์เสียหรือครับสารวัตร" ชาลีขยับเข้าใกล้กัณต์
“คุณกำลังทำอะไรหมอชาลี" กัณต์ถามเสียงเย็น
“กำลังหาของ" ชาลีตอบเสียงเย็นเช่นกัน
“ผมเห็นคุณถือกระเป๋ามาใบเดียว"
“คุณไม่ใช่ผม คุณไม่รู้หรอกว่านอกจากกระเป๋าแล้วผมถืออะไรมาอีก" ชาลียังปากแข็ง "ผมอาจะลืมโทรศัพท์ สมุดนัดตรวจคนไข้ ปากกา ดินสอ กระเป๋าสตางค์ หรืออะไรต่อมิอะไรที่ไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า"
“หาของหรือหาคน" กัณต์จ้องตานายแพทย์หนุ่ม
“หาของ"
“คุณไม่มีอาการเหมือนคนที่ทำของหาย"
“ขอโทษนะครับที่ผมเป็นคนเก็บความรู้สึก" ชาลีทำเสียงเย็นชา จ้องตากัณต์นิ่ง แสดงให้เห็นว่าแม้กัณต์จะคาดคั้นอย่างไรเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงคำตอบ
“เอาล่ะ ตอนนี้ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า" กัณต์เปลี่ยนเรื่อง เห็นได้ชัดว่ากำลังสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเอง "แล้วผมจะช่วยคุณหาของ"
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำ" ชาลีเดินไปยังห้องน้ำ "ขอผมอาบน้ำให้สบายตัวก่อน แต่ถ้าคุณหิวก็เชิญไปทานก่อนได้ตามสบายนะครับ เรื่องหาของหรือหาคนนั่นน่ะผมไม่อยากรบกวนหรอก"
“ผมจะช่วย" กัณต์ตอบเสียงเข้ม ยืนมองนายแพทย์หนุ่มที่กำลังถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกขาวสะอาด
...ชาลีจงใจยั่วเขา แล้วที่อยู่ๆ ก็ชวนมาเที่ยวทะเลนี่และจองห้องพักห้องเดียวนี่ก็คงกะจะยั่วให้เขาประสาทกินนะสิ...
...ตั้งแต่รู้จักกันก็ทำท่าไม่ชอบหน้าเขามาตลอด อยู่ดีๆ ก็ชวนมาเที่ยวสองต่อสอง นี่คิดจะทำอะไร...
“ขอบคุณครับสำหรับความช่วยเหลือ" ชาลียิ้ม มือปลดเข็มขัดช้าๆ แล้วก็หยุด ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ปล่อยให้สารวัตรสืบสวนหน้าเข้มยืนกัดฟันกรอดด้วยความฉุนและด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมา
...อย่าคิดว่าจะปั่นหัวกัณต์ได้ หากชาลีคิดจะเล่นเกมกับเขา ก็ต้องเจอกันหน่อยล่ะ คอยดูนะ เขาจะไม่แตะต้องตัวหมอชาลีเด็ดขาด จะได้รู้ว่าที่อุตส่าห์ลงทุนทำอยู่นี่มันเปล่าประโยชน์...

ชาลีเดินเข้ามาในร้านอาหารของโรงแรมด้วยความรู้สึกโกรธ กัณต์ไม่ยอมรอเขา พออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็เห็นว่ากัณต์ออกไปจากห้องพักแล้ว และตอนนี้ก็เห็นว่ากำลังนั่งคุยอยู่กับใครบางคน
อาหารวางอยู่บนโต๊ะแสดงให้เห็นว่ากัณต์กับชายหนุ่มคนนั้นคงรับประทานเกือบอิ่มแล้ว เมื่อชาลีกระแอม กัณต์เงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ส่วนคนที่นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันและหันหลังให้ก็หันมามอง
“ชาลี"
นายแพทย์ชาลีอึ้ง ไม่คิดว่าจะพบกับคนที่เขาเคยสลัดรักไปหมาดๆ ศักดิสิทธิ์ทำหน้าแปลกใจ แต่ชาลีเห็นว่าแววตาของผู้พิพากษาคนใหม่ยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่
“รู้จักกันหรือครับ" กัณต์ถาม
“รู้จักกันดีครับ" ชั่วไม่กี่วินาที ชาลีก็ตั้งตัวได้ สายตาของกัณต์ไม่ได้รู้สึกสงสัยเหมือนคำถาม แต่ทว่า เขาอ่านสายตาของนายตำรวจหนุ่มได้ว่า
...นี่ใช่หรือเปล่า 'ของ' หรือ 'คน' ที่คุณบอกว่ากำลังตามหาอยู่...
“นั่งสิครับ" ศักดิ์สิทธิ์เชิญ "คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือเปล่่า"
“ขอบคุณครับ" ชาลีตอบยิ้มๆ แต่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับตัวทำท่าว่าจะนั่งลงร่วมโต๊ะ "พอดีคนที่ผมนัดทานข้าวด้วยเขาเบี้ยวนัดผมซะเฉยๆ แย่จริงๆ พูดแล้วไม่รักษาคำพูด"
กัณต์กระตุกมุมปาก มองเมินออกไปด้านข้าง ปล่อยให้ชาลีคุยกับศักดิ์สิทธิ์เพื่อนของเขา
“พอดีเดินเข้ามาแล้วเห็นว่าคนเต็มร้านก็เลยเปลี่ยนใจจะไปหาอาหารทะเลรสจัดๆ นอกโรงแรมทานดีกว่า แต่ว่าเห็นคนรู้จัก ผมก็เลยเดินเข้ามาทัก ทานให้อร่อยนะครับ เอาไว้คุยกัน ผมพักห้อง 1920 แต่ว่าคงกลับดึกๆ" ชาลีบอกศักดิ์สิทธิ์แล้วขยับตัว
“เดี๋ยวสิชาลี" ศักดิ์สิทธิ์รีบห้าม หันไปมองเพื่อนแล้วทำท่าจะลุกขึ้น กัณต์พยักหน้า สื่อสารให้เพื่อนรู้ว่าหากจะเดินตาม 'คนช่างยั่วคนนี้' ก็เชิญตามสบาย
“ทานข้าวให้เสร็จเถอะครับ ดึกๆ ค่อยคุยกัน" ชาลียิ้มให้ศักดิ์สิทธิ์แล้วรีบเดินหนีโดยไม่ปล่อยให้ศักดิ์สิทธิ์ได้รั้งตัวเขาไว้ทัน ในใจอดบ่นไม่ได้ว่า เรื่องชักจะยุ่งๆ เสียแล้ว เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคนที่เคยรู้จักถึงสองคน แรกที่ตั้งใจว่าสุดสัปดาห์นี้เขาตั้งใจจะ 'จัดการ' กับกัณต์เพราะทำท่าทางจะมายุ่งวุ่นวายกับนาวิน แต่เมื่อเห็นเจตรินเขาก็คิดไว้ว่าจะเก็บกัณต์เอาไว้จัดการทีหลัง แต่เมื่อมีศักดิ์สิทธิ์โผล่ขึ้นมาและท่าทางยังตัดเขาไม่ขาด สุดสัปดาห์นี้คงปวดหัวไม่ใช่น้อย
ตอนที่บอกเลิกศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ายนั้นทำท่าจะเป็นจะตาย ความจริงชาลีก็เสียดายศักดิ์สิทธิ์อยู่เหมือนกัน เขายอมรับว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นคนดี เพียบพร้อม ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำท่าจริงจังกับเขามากแทบจะขาดเขาไม่ได้ เขาก็ยิ่งต้องรีบบอกเลิกเพราะไม่ต้องการให้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากไปกว่านี้

ชาลีทานอาหารอยู่คนเดียวเงียบๆ ในร้านอาหารเล็กๆ ริมทะเล มื้อนี้เขาทานซีซาร์สลัดไปสองจาน รู้สึกอิ่มจนแทบจะลุกไม่ได้ ขณะที่กำลังรอพนักงานคิดเงิน กัณต์ก็เดินเข้ามาในร้าน ใบหน้าเคร่งขรึมเช่นเคย ชาลีปรายตาไปมองแล้วนั่งนิ่งมองทะเล ทำเป็นไม่สนใจ
“อาหารซีฟู้ดรสจัด" กัณต์พูดเสียงหยันพลางนั่งลงตรงหน้า "ผมน่าจะรู้นะว่าคุณหมอทำไม่ตรงกับที่พูด แล้วนี่ทานคนเดียวไม่เบื่อหรือครับ"
“ตอนนี้ก็ไม่คนเดียวแล้ว" ชาลียักไหล่ "เพราะมีคุณมานั่งเป็นเพื่อน"
“ศักดิ์สิทธิ์เป็นเพื่อนผม" กัณต์โพล่งขึ้นมา
“เป็นอย่างอื่นคงยุ่งตายล่ะ"
“ทำไมหรือครับ"
“เปล่า" ชาลียักไหล่ "แล้วคุณมาบอกผมทำไม"
“เพื่อนผมเป็นคนจริงจังกับทุกอย่างตั้งแต่ไหนแต่ไร"
“ผมไม่เห็นจะอยากรู้"
“เขาโดนหักอก เพิ่งผิดหวังเรื่องความรักมา ทั้งๆ เป็นความรักครั้งที่เขาคาดหวังมาก ถ้าเป็นชายกับหญิง ศักดิ์สิทธิ์คงถึงขั้นอยากจะแต่งงานแล้วมีลูกหลายๆ คน อยู่กันไปจนแก่เฒ่า" กัณต์พูดเสียงเนิบนาบ
“แต่ผมทำให้ความหวังของเขาหมดไป คุณจะพูดแบบนี้งั้นสิ" ชาลีเสียงห้วน "ไม่ต้องมาเยิ่นย้อหรอกหมวด จะพูดอะไรก็พูดออกมาเลย ผมเป็นคนตรงไปตรงมา"
“คุณกับผู้ชายที่ชื่อเจตรินเป็นอะไรกัน" กัณต์เสียงเข้ม
ชาลีอึ้ง กัดฟัน ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ กัณต์ก็จะเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา
“เกี่ยวอะไรกับคุณ"
“อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นตำรวจ" กัณต์เลิกคิ้ว จ้องตาชาลีเขม็ง ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่เคยสงสัยในตัวนายแพทย์หนุ่ม
“ก็เลยมีสิทธิ์สืบประวัติผม"
“ผมเป็นคนตรงไปตรงมา"
“งั้นหรือ" ชาลีทำเสียงหยัน "ถ้ายังงั้นบอกมาตรงๆ เลยว่าคุณต้องการอะไร"
“คุณต่างหากต้องการอะไร" กัณต์สวนกลับ "อยู่ดีๆ ก็ชวนผมมาเที่ยวทะเล ทำเหมือนอยากใกล้ชิดผม คิดจะให้ผมเป็นศักดิ์สิทธิ์เบอร์สองหรือไง"
“ผมไม่ประมาทคุณขนาดนั้นหรอก" ชาลียิ้มมุมปากบางๆ "แล้วทำไมต้องวกเข้ามาเรื่องตัวเองด้วยล่ะครับสารวัตรกัณต์ คุณเพิ่งถามเรื่องเจตรินไม่ใช่หรือ นึกว่าคุณอยากจะรู้เรื่องนั้นเสียอีก ทีนี้ ผมก็อยากจะถามคุณด้วยคำถามเดียวกันว่า คุณต้องการอะไรกันแน่"
กัณต์เม้มปาก รู้ตัวว่าพลาดไปถนัด เขาประเมินชาลีต่ำไปหน่อย ไม่นึกว่าจะโดนย้อนแบบนี้ เขารู้ว่านายแพทย์คนนี้เป็นคนฉลาด แต่เมื่อครู่เขานึกว่าชาลีจะตกใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน แต่ชาลีควบคุมตัวเองได้เก่งมาก
“เจตริน เป็นแฟนเก่าผม" ชาลีตัดสินใจพูดออกไป "ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่พร้อมๆ กับแฟนเก่าอีกคน และที่สำคัญ ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคนเก่าสองคนพร้อมกับที่ผมอยู่กับคนใหม่ ทีนี้คุณบอกผมได้ไหมครับกัณต์ ว่าผมควรจะทำยังไง คุณต้องการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของผมออกมาเพื่อที่จะให้ผมลำบากใจกับการก้าวไปข้างหน้าหรือครับ คุณอยากจะเห็นผมเจ็บยังงั้นหรือ"
--- 12 ---
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 18-02-2010 15:16:10
“เจตริน เป็นแฟนเก่าผม" ชาลีตัดสินใจพูดออกไป "ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่พร้อมๆ กับแฟนเก่าอีกคน และที่สำคัญ ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคนเก่าสองคนพร้อมกับที่ผมอยู่กับคนใหม่ ทีนี้คุณบอกผมได้ไหมครับกัณต์ ว่าผมควรจะทำยังไง คุณต้องการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของผมออกมาเพื่อที่จะให้ผมลำบากใจกับการก้าว ไปข้างหน้าหรือครับ คุณอยากจะเห็นผมเจ็บยังงั้นหรือ"


ตอบได้ฉลาดสมกับเป็นหมอชาลีจริงๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-02-2010 15:48:17
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 18-02-2010 16:12:27
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 18-02-2010 17:04:23
ตัดพ้อเพื่อเบี่ยงประเด็นหนีหรือเปล่าเนี่ย ชาลี แน่จริงๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-02-2010 17:53:54
ตามอ่านตั้งหลายตอน ในที่สุดก็ทันแล้ว :m3:
เริ่มจะมันส์ แล้วพี่หมอชาลีจะจัดการไงเนี่ย
สู้ๆค่ะพี่หมอ แก้แค้นให้สำเร็จนะ :a2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 18-02-2010 18:45:15
อืมมมม
ตรงดีอ่ะ


แฟนเก่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 18-02-2010 18:56:37
รู้จักหมอชาลีน้อยไปแล้ว

คราวนี้นายตำรวจคงเป็นผู้ต้องหาซะเองเเล้วละมั้ง


 o18
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 18-02-2010 19:02:17
เจ็บทุกคน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 18-02-2010 19:03:03
ยิ่งอ่านยิ่งมันส์อ่ะ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 18-02-2010 19:08:03
หมอชาลีตรงสุดๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 18-02-2010 19:22:31
เรื่องนี้แม้ไม่ชอบตำรวจ แต่เพราะรัก หมอชาลี  สุดยอด   o13 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-02-2010 19:25:36
เอาเปนว่าเราเข้าข้างหมอชาลี ฮร่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-02-2010 20:31:07
เอ๋

ผมว่ามันเนื้อเรื่องมันกระโดดไปหรือเปล่าคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 18-02-2010 20:36:11
"ทีนี้คุณบอกผมได้ไหมครับกัณต์ ว่าผมควรจะทำยังไง
คุณต้องการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของผมออกมาเพื่อที่จะให้ผมลำบากใจกับการก้าว
ไปข้างหน้าหรือครับ คุณอยากจะเห็นผมเจ็บยังงั้นหรือ"

>>ดราม่ามากคะแม่ชาลี...เป็นแค่การแสดงออกก็บอกว่า ทั้งๆที่อิหนูของคนอ่านเนี่ย
แสนจะเข้มแข็งแต่การแสดงออกว่าอ่อนแอมันก็จำเป็นในบางครั้งบางคราวเหมือนกัน
แม่คนฉลาด....จะีบีบสารวัตรไม่ให้กดดันตัวเองชิมิเคอะลูก ต่างคนต่างมีจุดประสงค์
แต่หนูชาลีโชคไม่ดีเจอโจทก์เก่าถึงสองคน แล้วแบบนี้เหยื่อป้ายแดงจะรอดไปมั๊ยนั่น  o18
 
+1 คะ เดาทางไม่ออกเลยดูเรื่องราวมันยุ่งมากๆ กิ๊กเกา เหยื่อใหม่ เจอกันให้วุ่น
เออแต่ว่า เจตรินนี่มันความจำเสื่อมหรือว่าแสร้งจำไม่ได้กันเนี่ย อุ้ยยยเรื่องแสนซับซ้อน  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 18-02-2010 20:37:08
สนุกอ่า
ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-02-2010 20:39:42
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 18-02-2010 20:50:01
ชาลี แสบ +สะใจ +มีเสน่ห์ +1  :interest:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-02-2010 20:58:34
คุณหมอ ไปใหญ่แล้ววววววว >.<

+ ค่ะพี่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 18-02-2010 20:59:34
ผิดแผนไปหมด แต่ชาลีซะอย่าง  :z1:

ไอ้ที่ห่วงนะ พ่อหลานชายคน ( อวด ) เก่ง น่ะซิ ไม่รู้จะโดนอะไรมั่ง

+1 ให้พี่นาย ใกล้ 1500 แล้ว เมื่อไหร่จะโชว์ ภรรเมียซะที
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 18-02-2010 21:03:56
เชียร์คุณหมอชาลี
เอาให้สารวัตรหัวปั่นเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Super HyuK ที่ 18-02-2010 21:19:07
ชอบมากมายอ่ะ



สุดยอดเลย

ที่นี้ล่ะได้แก้แค้นกันสนุกแน่



ตามเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่นหนึบตร้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 18-02-2010 22:28:15
เดาใจหมอชาลีไม่ถูกซักอย่าง ความคิดและการแสดงออกมันเหมือนๆจะสวนทางกันอยู่ตลอดเวลา มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 18-02-2010 22:36:32
“เจตริน เป็นแฟนเก่าผม" ชาลีตัดสินใจพูดออกไป "ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่พร้อมๆ กับแฟนเก่าอีกคน และที่สำคัญ ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคนเก่าสองคนพร้อมกับที่ผมอยู่กับคนใหม่ ทีนี้คุณบอกผมได้ไหมครับกัณต์ ว่าผมควรจะทำยังไง คุณต้องการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของผมออกมาเพื่อที่จะให้ผมลำบากใจกับการก้าว ไปข้างหน้าหรือครับ คุณอยากจะเห็นผมเจ็บยังงั้นหรือ"

>>>เลิศ !!!!   หยุดกัณได้ชะงักเลย  5555


เชียร์ชาลี สู้ ๆ 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 18-02-2010 22:52:43
สารวัตรก็อย่าไปอยากเอาชนะคนอย่างหมอชาลีเลย เหนื่อย!!

กลับกรุงเทพ นอนตีพุงให้สบายใจดีกว่า

ปล่อยหมอชาลีจัดการกะเรื่องเจตรินกะ ศักดิ์สิทธิ์ไปเหอะ

ปวดหัว  :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-02-2010 00:39:13

นิยายของคุณนี้ อุดม ไปด้วยผู้ชายหล่อๆ เยอะดี  ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. แต่เรื่องนี้ อ่านไปแล้วฝืดๆ พิกล  เหมือนไม่ใช่คนเดิมเขียน อิอิ  สงสัย ยังคล้ำหาทางไม่เจอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 19-02-2010 04:09:15
หมอชาลีร้ายกาจมาก

ท่าทางงานนี้จะไม่ธรรมดา  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-02-2010 09:51:45
อ่านแล้วอยากให้ชาลีมีความสุขจัง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 19-02-2010 11:51:01
โอ๋ หมอจ๋า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 19-02-2010 14:45:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 19-02-2010 16:45:17
อ่านแล้วอยากให้ชาลีมีความสุขจัง  :monkeysad:


ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกันคร้าบ

มีความรัก  แล้วก็จะมีความสุขจริงมั้ยคร้าบ

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 19-02-2010 18:55:38
สนุกสนาน.......
ต่างคนต่างแรง จะลงเอยยังไงน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 20-02-2010 06:05:05
 o18

โดนคุณหมอชาลีเล่นซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 20-02-2010 10:09:54
"ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่พร้อมๆ กับแฟนเก่าอีกคน และที่สำคัญ ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคนเก่าสองคนพร้อมกับที่ผมอยู่กับคนใหม่ ทีนี้คุณบอกผมได้ไหมครับกัณต์ ว่าผมควรจะทำยังไง คุณต้องการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของผมออกมาเพื่อที่จะให้ผมลำบากใจกับการก้าวไปข้างหน้าหรือครับ คุณอยากจะเห็นผมเจ็บยังงั้นหรือ" o13

สูดดดดดดดดยอดดดดดดดด o13 o13 o13
ชอบมากๆเลยอะ  จิ๊ดได้ใจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-02-2010 10:41:50
สนุกอะ่ เดาไม่ถูกเลยว่า ชาลีจะทำอะไรต่อ
เรื่องนี้ นายเอก ท่าทางเย็นชากว่าเรื่องก่อนเลย

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 20-02-2010 14:19:22
แผนเยอะมากเลยอะ่
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 11 ถึงเวลาแก้แค้น (18/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 20-02-2010 17:41:34
D ครับ
เรื่องนี้เขียนยากอ่ะ มันเครียดๆ ยังไงไม่รู้ เขียนเรื่องเครียดๆ ไม่ค่อยถนัด

มาต่อบทที่ 13 นะครับ

เพลิงรัก บทที่ 13

กัณต์นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง รู้สึกหงุดหงิด ในใจคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุไม่ได้ ตลอดทางที่เดินกลับจากร้านอาหาร ชาลีเอาแต่นิ่งเงียบและเมื่อใกล้ถึงโรงแรมก็ขอแยกตัวไปหาอะไรดื่ม เขาจำต้องปล่อยให้หมอหนุ่มไปเพราะชาลีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการอยู่คนเดียว คำพูดของชาลีในร้านอาหารเมื่อหัวค่ำทำให้เขาอึ้ง เขารู้ว่าชายหนุ่มกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง แต่ทั้งที่รู้เขาก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ชาลีจงใจทำให้เขาสนใจด้วยการทำตัวลึกลับ ปิดบังความรู้สึกและขณะเดียวกันก็เปิดเผยความรู้สึกบางอย่างของตัวเองออกมา จงให้แสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นคนซับซ้อน
...เพื่อดึงดูดความสนใจของเขางั้นหรือ...
...และหากเป็นเช่นนั้นจริง ชาลีก็ประสบความสำเร็จแล้วล่ะ เพราะเขาชักสนใจชาลีมากกว่าเดิม และที่แย่ก็คือตัวเองต้องมานอนก่ายหน้าผากคิดถึงหมอตัวร้ายอยู่บนเตียงคนเดียว...
เวลาผ่านไปจนถึงห้าทุ่ม ชาลียังไม่กลับห้องพัก กัณต์ปิดโทรทัศน์แล้วเดินออกไปยืนอยู่ที่ระเบียง มองฝ่าออกไปในความมืด ความจริงเขาจะออกไปหาความสนุกใส่ตัวก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ไป ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไรทั้งสิ้น รู้สึกเพียงอย่างเดียวคือหงุดหงิดและร้อนรุ่ม
...หมอชาลีไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วนี่จะเอายังไงกับเขากันแน่...
กัณต์เดินกลับเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง มองไปรอบๆ ห้องพักห้องใหม่ซึ่งกว้างขวางกว่าเดิม หลังจากแยกกับชาลีที่หน้าโรงแรมที่พัก เขาขอเปลี่ยนห้องใหม่ สาเหตุเพราะฝ่ายนั้นไปบอกหมายเลขห้องแก่ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
...ร้ายจริงๆ...
กัณต์รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ต้องตามมาหาชาลีถึงห้องพักแน่นอนเพราะแววตาของศักดิ์สิทธิ์ที่มองตามชาลีเดินออกจากร้านอาหารในโรงแรมเมื่อหัวค่ำแสดงให้เห็นว่าเพื่อนของเขายังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอย่างสุดซึ้ง
...แล้วคืนนี้ค่อยคุยกัน เฮอะ พูดออกมาได้ พักอยู่กับเขาทั้งคน แต่ไปชวนอีกคนมาหา นี่คงจะอ่านออกว่าเขาไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าพักอยู่ห้องเดียวกันกับแฟนเก่าซึ่งเพิ่งเลิกกัน...
...แฟนเก่า ซึ่งทิ้งเพื่อนเขาไปอย่างไม่ใยดี...
กัณต์ทนไม่ไหวแล้ว จะให้เขานอนรอชาลีจนถึงหกทุ่มคงต้องแย่แน่ๆ นายตำรวจหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลขของชาลีเพื่อย้ำว่าเปลี่ยนห้องพักใหม่แล้ว
...ห้องใหม่ที่มีสองห้องนอนและห้องนั่งเล่น แทนที่จะเป็นห้องเดี่ยวเหมือนตอนแรก...
...ทำไมนะหรือ ก็เพราะเขาไม่อยากนอนโซฟานะสิ เรื่องที่ชาลีจะยอมให้นอนบนเตียงด้วยกันนั่นไม่มีทางหรอก เขาอ่านชาลีออก ยังไงๆ ชาลีก็ไม่ยอม ต่อให้เขาต้องข่มขืนก็เถอะ...
...ที่สำคัญ คืนนี้ เขาไม่ได้คิดที่จะ 'ทำอะไร' ชาลีซักนิด เหตุผลเพราะอะไรนั้น...
...เขาเองก็ไม่รู้!...
นายแพทย์หนุ่มรับสายทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เมื่อกัณต์ย้ำหมายเลขห้องพักใหม่
“ผมไม่ลืมหรอก บอกผมครั้งเดียวผมก็จำหมายเลขได้ ผมเป็นคนความจำดี หมวดไม่ต้องย้ำคิดย้ำทำหรอก"
“ผมแค่เป็นห่วง" กัณต์พยายามทำเสียงเรียบ ทั้งที่ในอยากจะตอบโต้แบบกวนๆ เหมือนกับที่อีกฝ่ายทำ
“ห่วงอะไรครับ ห่วงว่าผมจะกลับห้องไม่ถูก หรือห่วงว่าตัวเองจะต้องนอนหง่าวอยู่คนเดียว ผมแปลกใจนะเนี่ยที่คุณยังอยู่ในห้อง นึกว่าคุณออกไปสนุกข้างนอก" ท้ายประโยคชาลีทำเสียงเยาะๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงคล้ายกับบ่น "ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคุณจะต้องเปลี่ยนห้องกระทันหันแบบนี้ กลัวเพื่อนจะเห็นว่าตัวเองแอบมาฉกแฟนเก่าเพื่อนไปหรือครับ"
“คุณเลิกกับศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว จะว่าไปคุณกับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันต่อไปอีก" กัณต์ตอบเสียงเข้ม ลืมตัวไปว่าจะพยายามทำใจเย็น แต่ชาลีก็มักจะทำให้เขาลืมตัวได้อยู่บ่อยๆ "แล้วที่พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณอยากเป็นอะไรกับผมงั้นสิ"
คราวนี้คนที่อึ้งกลับเป็นชาลี นายแพทย์หนุ่มเจ้าแผนการคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาตรงๆ เช่นนี้ ในใจเริ่มคิดว่าสิ่งที่เขาทำอยู่อาจจะเป็นการเดินหมากที่เร็วเกินไป
ตอนนั้นเขาเพียงแต่จะหาวิธีมาเบนความสนใจของกัณต์ออกไปจากนาวิน จากการเจอกันที่ยิมไม่กี่ครั้งทำให้เขาสงสัยว่ากัณต์จงใจจะสื่อให้เขารู้ว่าต้องการแย่งนาวินไปจากเขา ยิ่งกัณต์บอกว่าให้ระวังใครจะมา 'คาบ' นาวินไปเขาก็อดนึกไม่ได้ว่าคนนั้นอาจจะเป็นกัณต์เอง
อีกอย่าง ชาลีรู้สึกสนุกที่ได้ปั่นหัวนายตำรวจขี้เก๊กคนนี้ การทำให้กัณต์ตกหลุมรักเขาเป็นเรื่องท้าทาย ชาลีเห็นว่ากัณต์เป็นเป้าหมายที่ 'กระดูก' ที่สุดเท่่าที่เคยพบมา หากกัณต์รักเขาและโดนทิ้งอย่างไม่ใยดี เขาก็คงรู้สึกสะใจมากที่สุดยิ่งกว่าครั้งใดๆ
“ว่าไงครับ หมอชาลี พร้อมจะกลับห้องพักหรือยังครับ ผมกำลังรออยู่" กัณต์พูดเสียงทุ้มต่ำ กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ในใจคิดว่า
...จะเล่นกับเสือก็อย่ากลัวเสือกัดสิหมอ...
“อุตส่าห์มากันจนถึงพัทยา ไม่มีใครเขานอนอยู่เฉยๆ กันหรอกครับ ถ้าผมรอนานเกินไปอาจจะอารมณ์ไม่ดี ทำอะไรรุนแรง คุณจะเจ็บตัวเปล่าๆ" กัณต์อดล้อชาลีไม่ได้
แต่คนที่ฟังนายตำรวจแกล้งพูดเสียงแหบพร่าด้วยจงใจแสดงอารมณ์ปรารถนากลับไม่สะทกสะท้าน ชาลีตอบกลับมาว่า "เดี๋ยวสิครับ นี่ยังไม่หกทุ่มเลย พอดีมีคนเข้ามาคุยกับผม ตอนนี้เขาไปห้องน้ำ ขอผมตกลงกับเขาก่อนว่่าจะเอายังไง ถ้าคืนนี้เขาไม่ว่าง...” ชาลีทิ้งช่วงไปชั่วครู่แล้วจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า "ผมถึงจะกลับไปหาคุณ"

ชาลีสอดโทรศัพท์มือถือเครื่องใส่ลงในกระเป๋ากางเกงหลังจากจบการสนทนากับนาวิน น้องชายของเขาเพิ่งตื่นและกำลังจะอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ น้ำเสียงของนาวินสดชื่น ดูมีความสุข ชาลีโล่งอกเพราะไม่พบความผิดปกติในน้ำเสียงของเด็กหนุ่มเมื่อเขาถามถึงพี่เอ็กซ์และเพื่อนอีกสองคน
แต่ที่หนักใจก็คือคนที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่ข้างรถ!
กัณต์ทำท่าเย็นชาเมื่อเห็นเขากลับมาที่โรงแรมในตอนเช้า คืนที่ผ่านมาเขาพักที่โรงแรมอื่นซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมเดิมเท่าใดนัก ชาลีไม่แน่ใจว่ากัณต์นอนอยู่คนเดียวตลอดคืนหรือออกไปหา 'ความสนุก' ใส่ตัวอย่างที่เขาพูดประชดหรือไม่ แต่เท่าที่เห็น กัณต์คงนอนอยู่ในห้องคนเดียวทั้งคืน
...คงคิดละสิว่าพักห้องเดียวกันกับเราก็จะได้โอกาสทำอะไรเรา ตอนนี้คงงุ่นง่านน่าดู...
...ก็แล้วทำไมจะต้องนอนคนเดียวล่ะ ตัวเองก็ออกไปเที่ยวก็ได้ รูปร่างหน้าตาอย่างกัณต์ แค่เดินเข้าไปในผับก็ได้ใครติดไม้ติดมือ จะเอาสองคนสามคนก็ยังได้...
“เชิญครับ" กัณต์ผายมือ แต่เดินไปเปิดประตูรถด้านคนขับและทำท่าจะขึ้นนั่ง "หรือจะเป็นคนขับ แต่ผมว่าให้ผมขับดีกว่า เมื่อคืนคุณคงเหนื่อย นอนหลับไม่เต็มที่"
“คุณคงนอนหลับสนิทอย่างมีความสุขสินะ" ชาลีพูดเสียงแข็งแล้วขึ้นรถ พลางลอบมองใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มซึ่งยังคงยืนหน้าตึงอยู่ข้างรถ
ปากเม้ม กรามขบเป็นสันนูน
กัณต์กำลังโกรธ!
“ถ้าเหนื่อยก็บอกนะครับ จะได้เปลี่ยนกันขับ" ชาลีพูดเสียงอ่อนลงเมื่อกัณต์ออกรถไปได้ไม่นาน นายตำรวจหนุ่มนิ่ง ไม่ตอบชาลี
“แต่ว่าตอนนี้ขอผมหลับซักงีบ เมื่อคืนเพลียมาก" ชาลีอ้าปากหาวแล้วเอนเบาะลงนอน "ขับรถดีๆ นะครับ ใจเย็นๆ ถนนมันขรุขระ รถกระเทือน ผมไม่อยากสะดุ้งตื่น"
กัณต์ปรายตาไปมองอย่างเคืองๆ กับความ 'กวน' ของชาลี อยากจะไปยื่นมือไปจับแขนของนายแพทย์หนุ่มแล้วบีบให้เจ็บๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าขาวสะอาดของอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้มเขาก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้
ยามหลับตา หมอชาลีดูไร้พิษสง อะไรบางอย่างทำให้กัณต์ต้องถอนใจ
...อะไรบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจของเขา...
...ใจ ที่ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้...

“ผมรู้จักกับเจตรินนานแล้ว" เมื่อรถเข้าเขตชานกรุง จู่ๆ ชาลีก็พูดขึ้นมา ตาจับอยู่ที่เพดานรถ
“คุณมาบอกผมทำไม" กัณต์พูดขึ้นเบาๆ "ผมไม่อยากจะให้คุณย้อนเวลากลับไปหาอดีต ผมไม่อยากถูกตัดพ้อว่าขุดคุ้ยเรื่องของคุณออกมาทำให้เจ็บปวด"
“แต่คุณก็ไปทำมาแล้ว" ชาลีพูดเสียงเรียบ นอนเอนตัวอยู่บนเบาะนุ่มของรถคันหรู ยกขวาขวาขึ้นไขว่ห้างทับขาซ้าย ท่าทางสบายๆ เหมือนกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างซึ่งไม่ใช่เรื่องเคร่งเครียดอย่างที่กำลังเปิดประเด็น
“ผมเป็นตำรวจ"
“และคุณก็คงคิดว่าผมเป็นไอ้ตัวร้าย" ชาลีเอียงหน้ามองกัณต์แล้วหันกลับไปมองจุดเดิม "แต่ก็ไม่ผิดหรอก คุณก็คงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม"
“ผมชอบชื่อเดิมของคุณ" กัณต์พูดเสียงเบา
“แล้วคุณชอบแฟนเก่าคนไหนของผม" ชาลีถามพลางหัวเราะเบาๆ
กัณต์ปรายตาไปมองชายหนุ่มที่เอนตัวนอนอยู่ราวกับสบายใจนักหนา ชาลีกำลังทำให้เขาแปลกใจ  ทำให้เขาสงสัย และทำให้เขาหงุดหงิด
“คุณคิดจะทำอะไรคุณหมอชาลี พูดกับผมตรงๆ ได้ไหมครับ" กัณต์ถาม แต่ผ่านไปเกือบครึ่งนาทีชาลีก็ยังไม่ตอบ กัณต์จึงตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจ "คุณกำลังจะแก้แค้น"
“ควรหรือเปล่าล่ะ"
“คุณน่าจะรู้ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
“คุณก็พูดได้ คุณไม่ได้โดนอย่างผม" เสียงของนายแพทย์ชาลีกร้าวขึ้นมา "แต่ก็อย่างว่า ผมแทบไม่รู้จักเลยว่าคุณเป็นใคร ผมไม่ใช่ตำรวจที่จะสามารถเจาะเข้าไปดูข้อมูลของใครอย่างละเอียด"
“ผมก็แค่...”
“สารวัตรกัณต์" ชาลีปรับเบาะขึ้นมาจนเกือบตั้งตรง หันไปมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของคนที่กำลังขับรถ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "แต่สิ่งที่คุณได้อ่าน ได้เห็นจากแฟ้มประวัติในฐานข้อมูลของตำรวจ เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ผมได้รับ คุณกล้าปฎิเสธไหมว่าตำรวจที่ลงบันทึกประจำวันพิมพ์เรื่องราวเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับผมได้ละเอียดยิบเหมือนกับนักเขียนรางวัลซีไรท์ ที่จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างออกมาได้นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ในรายงาน ข้อเท็จจริงที่เท็จบ้าง จริงบ้าง เพราะเงินมันง้างเหล็กจนอ่อนได้ยิ่งกว่าวุ้นเหลวๆ"
กัณต์นิ่ง ไม่ตอบโต้ เขาอยากจะรู้ว่าชาลีจะพูดอะไรต่อไป
“เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาบอกผมว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
“คุณจะมีความสุขหรือชาลี" กัณต์พูดขึ้นหลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่
“หรือคุณจะให้ความสุขผม" ชาลีย้อน
 "คุณไม่อยากจะรักใครบ้างหรือ"
“หรือคุณอยากรัก" ชาลีสวนกลับ "คุณรักได้หรือครับสารวัตร เท่าที่ผมมองคุณ ก็ไม่เห็นว่าคุณจะเป็นคนที่เชื่อในความรัก"
“คุณรู้จักผมขนาดนั้นหรือไง"
“จริงหรือเปล่าล่ะ" ชาลีเอียงหน้าท้าทาย "ผมมองออกหรอก ว่าใครเป็นยังไง คนฉลาดในโลกนี้ไม่ได้มีคนเดียวนะ"
กัณต์กัดฟัน เขาพยายามใจเย็นมาตลอด แต่ชาลีก็ปากคอเลาะร้ายนัก นี่ก็เพิ่งด่าเขาได้เจ็บลึกยิ่งนัก
“หมอชาลี"
“ครับ"
กัณต์นิ่ง ถอนหายใจเบาๆ ชาลีมองเขานิ่ง เหมือนตั้งจะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป แต่เขากลับพูดไม่ออก ความแค้นของชาลีนั้นฝังแน่น ยากที่คนซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็น  'คนแปลกหน้า' อย่างเขาจะโน้วน้าวให้เลิกล้มความตั้งใจได้
...โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นคนทำให้ชาลีแค้น เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงต้องหนักใจไม่ใช่น้อย...
...เขาไม่อยากให้ชาลีเกลียดเขา...

ชาลีจ้องมองกระดาษตรงหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว วันนี้เขามีนัดกันคนไข้ประจำเพียงสามราย หนึ่งในจำนวนนั้นคือรัฐศาสตร์ ส.ส. หนุ่มคนเก่งคนใหม่ของพรรคฝ่ายค้าน แต่ชื่อที่ทำให้เขาเขากำมือแน่นกลับเป็นชื่อคนไข้คนหนึ่งของนายแพทย์กฤตภพ ซึ่งเป็นแพทย์รุ่นน้อง
“หมอกฤตทำไมได้คนไข้เยอะกว่าผม" ชาลีหันไปมองสาวิตรี พยาบาลประจำเคาท์เตอร์ซึ่งขอนุญาตหยิบใบตารางนัดออกไปจากตรงหน้าของชาลี
“ไม่ดีหรือคะ" สาวิตรีตอบยิ้มๆ "หมอจะได้ไม่เหนื่อย"
“คนไข้น้อย ก็หมายความว่าผมได้เงินค่าตรวจน้อยลงนะสิ" ชาลีแกล้งทำหน้านิ่งเรียบแบบไม่พอใจ "หมอกฤต ตรวจไม่ไหวหรอก แบ่งมาให้ผมบ้างก็ได้นะ"
“ใครดี...” สาวิตรีก้มลงมองกระดาษตรงหน้า เป็นจัวหวะเดียวกันกับที่นายแพทย์ร่างเล็กคนที่ทั้งสองคนกำลังพูดถึงเดินมาพอดี
“คนไข้เยอะมาก" กฤตภพถอนหายใจ
“แบ่งให้พี่บ้างก็ได้นะหมอกฤต" ชาลีพูดยิ้มๆ แล้วปรายตามองแผ่นกระดาษในมือของพยาบาลสาว
“นัดที่สองไหมค่ะหมอ" สาวิตรีเงยหน้าขึ้น "คนนี้ไม่ได้เจาะจงหมอ แต่สาลงให้หมอกฤตเพราะตรงกับเวลาที่หมอชาลีตรวจคุณรัฐศาสตร์"
...เจตริน...
...ไม่เรียกว่าโชคดีก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว...

รัฐศาสตร์มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ชาลีรู้ว่า ส.ส. หนุ่มคนนี้งานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลามาใส่ใจสุขภาพของตัวเอง แต่เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด รัฐศาสตร์ก็ให้ความร่วมมือกับหมอในการรักษาเต็มที่
รัฐศาสตร์บอกกับนายแพทย์ชาลีว่ายังไม่อยากตาย เขาต้องการมีชีวิตอยู่เพราะ 'ยังไม่เคยมีแฟน'
“งั้นก็ต้องรีบหานะครับ"
“เอ๊ะ คุณหมอกำลังแช่งผมหรือเปล่า" รัฐศาสตร์หัวเราะ
“คุณต้องหาย ผมรับประกัน" ชาลียิ้มบางๆ
“คุณหมอมั่นใจมากขนาดนั้นเลยหรือครับ"
“ถ้าไม่มั่นใจผมไม่พูด" ชาลีตอบ "คนอย่างคุณ ควรได้มีโอกาสที่จะมีความรักดีๆ"
ชาลีไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองพูดอะไรออกไปแบบนั้น ความจริงเขาสงสัยอยู่บ้างว่ารัฐศาสตร์อาจ 'เป็น' แบบที่เขาเป็น แต่บุคลิกของรัฐศาสตร์นั้นยากที่จะแน่ใจได้ สายตาของรัฐศาสตร์ก็อ่านยาก พอๆ กับสายตาของสารวัตรกัณต์ แต่กัณต์ก็เลือกที่จะแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมาทางสายตาคมกริบคู่นั้นเมื่อแรกพบกัน
...สายตาคนเจ้าชู้...
...แต่รัฐศาสตร์นิ่งมาก จนบอกไม่ได้...
...ถ้าสมมุติว่าเขาจะเลือกใครซักคนที่ท้าทายที่สุดมาเป็นคนที่จะหลอกให้รักแล้วทิ้ง ใครคนนั้นถ้าไม่ใช่กัณต์ก็รัฐศาสตร์นี่ล่ะ...
...ทว่า ตอนนี้เขาทำไมสับสน เขาไม่อยากทำแบบนั้นกับรัฐศาตร์...
...และเขาเริ่มรู้สึกไม่อยากจะทำแบบนั้นกับกัณต์...
...เขาอยากมุ่งความสนใจเขาไปที่การแก้แค้น 'อดีต' สามคนนั้นที่เคยทำลายหัวใจรักของเขา...

ชาลีเดินออกมาส่งรัฐศาสตร์ที่หน้าประตูห้องตรวจ ขณะที่รับไหว้อำลาคนไข้ สายตาก็มองไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินมาตามทางเดิน
เจตรินแต่งตัวเนี้ยบ มากับหญิงสูงวัยคนหนึ่งซึ่งชาลีไม่เคยลืมเลย  พอๆ กับที่ไม่อาจลืมลูกชายของเธอได้
คุณหญิงฟาติมา แม่ของรัฐศาสตร์ ผู้ที่ใช้เงินง้างทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้แต่เปลี่ยนความผิดที่ลูกชายก่อไว้ให้เป็นความถูกต้อง
...แกมันสวะ ชนชั้นต่ำ ออกไปจากชีวิตของลูกชายฉันแล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้า ลูกฉันมีอนาคต แกอย่ามาฉุดให้เจตกต่ำ...
...อนาคตของเจตรินนะหรือ...
...อนาคตของเจตรินจะอยู่ในมือของชาลีในไม่ช้านี้หล่ะ...

ชาลีอึ้งพอๆ กับเจตรินและคุณหญิงฟาติมา ผลตรวจเบื้องต้นทำให้ชาลีสงสัยว่าเจตรินเป็นมะเร็ง และเขาก็ไม่รีรอที่จะบอกให้คนไข้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร
“แต่หมอก็ยังต้องรอผลตรวจอย่างละเอียดครับ" ชาลีพูด
“เมื่อไหร่คะ" คุณหญิงฟาติมาถามเสียงเครียด
“ก็อีกสองสามวันครับ"
“ทำไมต้องนานขนาดนั้น ลูกฉันต้องรอถึงสามวันเชียวหรือ ฉันเสียเงินค่ารักษาให้โรงพยาบาลแพงมากขนาดไหนหมอรู้หรือเปล่า"
“คุณแม่" เจตรินหันไปปรามมารดา
“ผมทราบครับ" ชาลีใจเย็น "แต่เพื่อความแน่ใจ ก็คงต้องรอ ห้องแล็ปเขาก็รีบครับ แต่ถ้าเร่งเขามากก็ไม่ดี"
“มาหาหมออาทิตย์ที่แล้ว จนป่านนี้หมอก็ยังไม่แน่ใจ จะตรวจอะไรนักหนา" คุณหญิงฟาติมายังคงพูดเสียงเครียด "หมอ ฉันมีเงินเยอะนะ จะเอาเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ลูกฉันต้องหาย"
“หายแน่ครับ ถ้าเริ่มเป็นขั้นแรกยังไงๆ ก็ต้องหาย ผมจะดูแลลูกชายคุณหญิงจนสุดความสามารถ"
...ผมไม่มีทางปล่อยเจตรินหรอกคุณหญิง...
“ตอนนี้ผมอยากให้คุณเจตรินดูแลสุขภาพให้ดี เหล้ากับบุหรี่ถ้างดได้ก็งด จริงๆ แล้วต้องงด อย่านอนดึก รับประทานอาหาร...”
“หมอไม่ต้องห่วง ฉันดูแลลูกของฉันดีอยู่แล้ว" คุณหญิงฟาติมาพูดแทรก
...ขอให้ดูแลได้ดีจริงเถอะ เขาจะคอยดู...

ชาลีรู้ว่าเจตรินอยากคุยกับเขาแต่ไม่สะดวกเพราะมารดายืนคุมตัวอยู่ไม่ห่าง เขาอดตำหนิเจตรินอีกครั้งไม่ได้ว่าจนป่านนี้เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของมารดาอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
“น่าสงสาร" ชาลีพึมพำเมื่อสองแม่ลูกเดินจากไป
“ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ รูปหล่อ แม่รวย ทำไมผู้ชายเพอร์เฟ็คถึงได้เป็นมะเร็งกันหมด สารับไม่ได้ตั้งแต่รายคุณรัฐศาสตร์แล้วนะคะ นี่คุณเจตรินอีก" สาวิตรีทำเสียงเศร้า
“ใช่ เพอร์เฟ็ค" ชาลีพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเองเพื่อรอคคนไข้รายต่อไป

บ่ายวันพฤหัสอันเงียบเหงา เมื่อตรวจคนไข้เสร็จแล้ว ชาลียังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลาเลิกงาน นายแพทย์หนุ่มจึงเดินไปยังห้องตรวจปฏิบัติการเพื่อตามผลการตรวจของเจตริน
ยุทธนาบ่นให้นายแพทย์หนุ่มเช่นเคยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“ผมรู้แล้วว่าโรงพยาบาลต้องการให้เป็นดิจิตอล แต่ผมรอไม่ได้ คุณยุทธก็รู้ ผมมีเวลาเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง จะให้นั่งหายใจทิ้งอยู่เฉยๆ ได้ยังไง ผมจะเอาผลตรวจไปนั่งอ่านฆ่าเวลา ผลเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ" ชาลีให้เหตุผล
“ผมก็จะพูดอย่างเดิมว่ากะดึกจะเป็นคนคีย์ข้อมูลเข้าระบบ คุณหมอก็จะสามารถเรียกข้อมูลขึ้นมาอ่านดูได้จากหน้าจอมคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างสะดวกสะบาย"
“ปวดตา" ชาลีเบ้ปาก "ตารางนัดวอร์ดผมเขาก็ยังเขียนลงบนกระดาษนะรู้หรือเปล่า หมอทุกคนในวอร์ดก็มีความเห็นเหมือนกัน เห็นไหม ไม่มีหมอคนไหนเขาชอบไอ้ระบบอ่านข้อมูลคนไข้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรอก"
“เดี๋ยวฝ่ายบริหารรู้เข้าจะโวยวายเอานะครับ" ยุทธนายังนั่งนิ่ง
“คุณยุทธอยากให้ฝ่ายบริหารรู้หรือครับว่าพรินท์ผลแล็ปให้ผมเป็นประจำ" ชาลียิ้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่นั่งหน้าเรียบอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“คุณหมอกำลังขู่ผมหรือเปล่า"
“เปล่าขู่" ชาลียักไหล่ "แต่ขอความช่่วยเหลือ"
ยุทธนาถอนหายใจพลางส่ายหน้า ชาลีเท้าแขนอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา ท่าทางจะไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจ เขาจึงต้อง 'ยอม' นายแพทย์หนุ่มจนได้
...เขายอมเพราะนายแพทย์ชาลีตื้อไม่เลิก หรือยอมเพราะอะไร...
“น่่าน ยังงั้น แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องเถียงกันให้เมื่อย" ชาลีพูดยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงเครื่องพิมพ์ทำงาน "พรุ่งนี้จะซื้ออะไรอร่อยๆ มาให้ทานนะคุณยุทธ"
“หมอเคยพูดว่าจะเลี้ยงข้าวผมตั้งหลายครั้ง" ยุทธนายักไหล่ "แต่ผมคงต้องทานที่ร้านอาหารในโรงพยาบาลต่อไปเหมือนเดิม"
ชาลีไม่ตอบ ยือกอดอกมองกระดาษที่กำลังออกมาจากเครื่องพิมพ์ จนกระทั่งเครื่องทำงานเสร็จ จึงเอื้อมมือไปหยิบมาอ่านแล้วขมวดคิ้ว
...เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงเร็วโดยไม่คาดคิด สิบปีที่เฝ้ารอนั้นเขาไม่เสียดายเลย ตอนแรกตั้งใจจะจัดการกับไวโรจน์ก่อนเป็นรายแรก แต่ตอนนี้โชคเข้าข้างเขา หรือจะเรียกว่ากรรมกำลังตามสนองเจตรินเร็วทันใจก็ว่าได้...
--- 13 ---
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-02-2010 17:44:18
^
^
^
จิ้ม + ไร้ท์เตอร์ ระยะประชิด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 20-02-2010 17:54:30
อูยยย เจ็บ (แต่ชอบ อิ อิ)

^
^
^
จิ้ม + ไร้ท์เตอร์ ระยะประชิด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 20-02-2010 18:07:50
อ้าวคุณนายชอบโดนจิ้มหรอกหรอคะ


เจตรินแย่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-02-2010 18:27:43
อ้างถึง
คุณหญิงฟาติมา แม่ของรัฐศาสตร์

แม่ของ เจตริน นิ

หวังแค่ว่า ชาลีคงไม่เจ็บกะการกระทำของตัวเองมากนัก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 20-02-2010 19:18:08
คุณหญิงฟาติมา แม่ของรัฐศาสตร์ ผู้ที่ใช้เงินง้างทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้แต่เปลี่ยนความผิดที่ลูกชายก่อไว้ให้เป็นความถูกต้อง



แม่ของเจตรินปะคับพี่นาย ^^

ดีใจได้อ่านต่อ รอตอนต่อไปนะคับ

ดูว่าความเปลี่ยนแปลงในใจสารวัตรที่เกิดขึ้นจะพัฒนาไปในทางไหน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 20-02-2010 19:46:49
เจตรินน่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า มะเร็งนะ ว่ามั้ย คูณผู้ชม หุหุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 20-02-2010 20:24:47
กรรมมีจริง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 20-02-2010 20:57:34
สงสาร :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 20-02-2010 21:07:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-02-2010 21:13:25
แค่ป่วยเป็นมะเร็ง ก็กรรมตามทันแล้วอ่ะ
พี่หมอชาลีอย่าไปแค้นเค้ามากเลย เดี๋ยวกรรมมันจะมาตามพี่หมอแทน


แต่จะแ้ก้แค้นทั้งที ก็เอาให้สะใจไปเลยนะคะ :laugh:
(สรุปเธอจะดีหรือเธอจะร้าย 55+)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-02-2010 21:16:36
 :laugh :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-02-2010 21:20:07
เหมือนว่าสารวัตรจะหวั่นไหวมากกว่าเดิมแล้วนะเนี่ยย


  :L2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 20-02-2010 21:29:10
สุดยอดดดดดดดดดดดด
แค้นได้ใจมาก หมอชาลีของเรา....
อึ๋ยๆๆ
อย่าให้หมอชาลีแค้นเลยเห๊อะ....
น่ากลัวอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 21-02-2010 00:02:38
ช่วงนี้อึมครึมมากมาย ไม่รู้โชคจะเข้าข้างหมอชาลีโดยส่งศัตรูรายแรกมาให้แก้แค้นแล้วจบ หรือเป็นการเริ่มเข้าสู่วงเวียนเล่นกับไฟไฟลวกมือ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 21-02-2010 00:57:44
แหมสารวัตรเรื่องของตัวเองก็ไมใช่อะนะ
ยอมรับมาเหอะจริงๆก็สนใจใคร่...รู้ในตัวหมอชาลีอยู่ไม่น้อยอ่ะนะ
แต่พอมารู้อดีต เหนปัจจุบันแล้วไม่อยากจะคาดเดาอนาคตของหมอเนี่ย
เลยเปิดอาการเป็นคนดีในชั่วพริบตาเลยทีเดียว เฮ้อเอาสิทธิ์อะไรมาห้ามเค้าล่ะเนี่ยพ่อคุ๊นน
“ผมชอบชื่อเดิมของคุณ" กัณต์พูดเสียงเบา
“แล้วคุณชอบแฟนเก่าคนไหนของผม" ชาลีถามพลางหัวเราะเบาๆ

>>ทันกันจริงๆตอกกลับไป ซะ หน้าคมำเลยพ่อคุณนน
คุณจะมีความสุขหรือชาลี" กัณต์พูดขึ้นหลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่
“หรือคุณจะ ให้ความสุขผม" ชาลีย้อน
 "คุณไม่อยากจะรักใครบ้างหรือ"
“หรือคุณอยาก รัก" ชาลีสวนกลับ

>> อิอิ ตอนนี้ไม่รักอนาคตไม่แน่นะ แม่ชาลีเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกัน
แม่เสือกับพ่อเสือ กร๊ากกกก

จะแก้แค้นกับคนป่วยพ่วงท้ายด้วยป้าแก่ติดลูกงั้นรึคะ
ปล่อยให้กรรมตามเค้าทันเหอะคะหมอขา อย่าทำอะไรที่จะสร้างบาปให้ตัวเองเลยเน้อ เฮ้อ
+1 คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 21-02-2010 01:49:05
 :z13:จิ้มพี่ข้าวคนสวย

เอิ่มมมมมม

ตกลงว่าปาฟาติมาเนี่ยแม่ใครกันแน่คับ

บอกว่ามากับเจตริน

แต่แล้วก็บอกว่าเป็นแม่ของรัฐศาสตร์

หรือว่าพี่นายอ่านลายแทงต้นฉบับของตัวเองไม่ออก

o3
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 21-02-2010 02:09:18
 o18
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-02-2010 09:16:24
ลุ้นคอดๆ

 o18
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 9 (6/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pipechan ที่ 21-02-2010 13:51:00
ตั้งแต่อ่านนิยายของ คุณนายมา

มีเรื่องนี้แหละ

ที่

นายเอก





ชื่อเชยที่สุด



   แต่



ถึงเชยก็ชอบ
แต่เรากับชอบนะ เราว่า ชื่อนี่น่ารักดี ^___^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 21-02-2010 22:34:20
ทีแรกนึกว่าเจตรินเป็นเอดส์ซะอีก :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-02-2010 01:03:19
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 22-02-2010 10:31:44
สุดยอด ชอบ
มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 22-02-2010 12:13:03
ชอบการแก้แค้น อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 22-02-2010 13:02:01
ทำไมเจตรินเปลี่ยนไป หรือเป็นคู่แฝดปลอมตัวมา  :laugh:
หรือที่ผ่านมา เจไม่ได้ทำอะไร คุณหญิงแม่ตัวแสบล้วนๆ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 22-02-2010 15:05:53
มารอดูเลือด... :m31:




หมอชาลีก็ ซาดิสท์เเบบลึก ๆ นี่เอง  o22
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-02-2010 18:34:33

ยุทธนา ?

บทบาทมีมากแค่ไหนน้อ?


จิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 22-02-2010 20:09:06
 :call: รอ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 22-02-2010 20:54:22
ตามทันล่ะค่ะ,,
อดีตหมอชาลีเยอะจริงๆ
แล้วงี้สารวัตรจะพอช่วยได้ไหมหนอ?
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-02-2010 21:01:27
จับปลาครั้งละหลายมือ ระวังปลาจะหลุดมือนะครับ

 +1 ให้พี่นาย 1498 แล้ว ขอบอก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 23-02-2010 20:08:34
 :a5:มาอยู่หน้า2แล้ว

ดันๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 23-02-2010 21:08:26
ยังไม่ได้อ่านแต่พอเห็นหน้า 19 รีบโดดมาตอบ  555

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 24-02-2010 01:08:51
สนุกมากค่ะมีให้ตามลุ้นได้ทุกตอน
แต่ไม่อยากให้หมอชาลีแก้แค้นเลยอ่ะคนเราทำบาปไว้กรรมต้องตามสนองแน่นอน
แถมมาแบบติดจรวดด้วยแต่ยังไงหมอชาลีก็เป็นคนดีน่ารักอยู่แล้วไม่ทำอะไรที่โหดร้ายหรอกเน๊อชิมิๆ
หมอชาลีน่ารัก :กอด1:
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า
ไรท์เตอร์สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 24-02-2010 05:37:59
สนุกดีครับ เปลี่ยนมาเป็นแนวจริงจังน่าสนใจดีครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 24-02-2010 13:48:42
 :L2:
ต้อนรับเรื่องใหม่คุณนายตอนนี้ช้าไปใหมเนี่ย
พึ่งอ่านถึงตอนสองกำลังเข้มข้นเลย
ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาตามต่อ
 ปล คิดถึงคุณนาย :man1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 24-02-2010 17:37:25
ไม่ได้เข้ามานาน ขอ comment รวมๆละน้า
อ่า..  มีงี้ด้วยอ้ะ  เพิ่งเคยเห็นคนทำหายไปสองตอนแล้วลงข้ามไปก่อน  ค่อยเอาตอนเก่ามาให้อ่าน  มีพี่นายคนแรกนะเนี่ย  - -  พี่นายนี่(น่ารัก?)ไม่เหมือนใครจริงๆ อิอิ

ชายชล  น่ารักนะเนี่ย  ไม่เห็นน่าหมั่นไส้เลย  ดูสดใสร่าเริงดีออก  ว่าแต่บทหายไปไหนแล้วอ้ะ

อุ๊บบ  ธงรบ เป็นจีนไปแล้วเหรอเนี้ย 55+  ไม่ไหวอ้ะ  หมดกันๆภาพพจน์นายตำรวจสุดล่ำ

โหย  ชอบมุขยี่ห้อกางเกงอ้ะ

โอย  อ่านไปๆ ชอบชาลีมากขึ้นๆ  ดูแมนๆ ตรงๆ (ไม่ค่อยชอบแบบอีตาสถาปนิกง่ะ  เราชอบนายเอกแมนๆ)  แล้วก็น่ารักเวลาทำตัวสบายๆ แถมฉลาดอีก  ชอบมากกว่าคุณนุอีกน้า (ขอโทษน้าคุณนุ)

ตรงนี้ผิดป่าวคะ
บทที่ 13
เจตรินแต่งตัวเนี้ยบ มากับหญิงสูงวัยคนหนึ่งซึ่งชาลีไม่เคยลืมเลย  พอๆ กับที่ไม่อาจลืมลูกชายของเธอได้
คุณหญิงฟาติมา แม่ของรัฐศาสตร์ <<<

โอย ตามทันละจ้า  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้ะ พี่นายสุดน่ารัก  เมื่อไหร่จะกด +1 ได้ซะทีง่า   :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 25-02-2010 13:31:49
เพิ่งเข้ามาอ่าน แต่ตามทันแล้วนะคะ


ไม่เข้าใจ :z3:


ทำไมมีแต่คนเชียร์หมอชาลี ชริชริ


ป้าเชียร์ตำรวจดีกว่า


อยากให้ชิงไหวชิงพริบกันมากกว่านี้ คุณตำรวจไม่น่าเผยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เลย ว่าสืบรู้อะไรมา เอาแบบเดาใจกันไปมาว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน อย่างนี้ขอตัดคะแนนคุณตำรวจไป1คะแนน

และอีก 1 คะแนน สำหรับการเก็บอารมณ์โกรธไม่อยู่ คนที่ยั่วให้เราโกรธเขาอยากเห็นเราโกรธ ถ้าเราไม่แสดงว่าโกรธ ไอ้คนพยายามจะได้เต้น หึหึ

แต่เอาเถอะ ยังไงป้าก็ชอบเชียร์มวยลอง

คุณตำรวจ ไฟโตะ



ปอลอ ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ :L2:









หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-02-2010 17:49:51
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 26-02-2010 11:24:49
ขอบคุณครับที่ชี้ที่ผิดและความเห็นนะครับ
ตกลง คุณหญิงฟาติมาเป็นแม่เจตริน ศัตรูของหมอชาลีครับ พิมพ์ไปก็เบลอไปหน่อย
บทนี้โทษทีนะครับ มาช้าไปหน่อย พอดีกำลังทำใจอยู่ครับที่พิมพ์บทที่ 14 ไปจนเสร็จ (บทนี้พิมพ์สดๆ ไม่ได้พิมพ์จากลายมืออันสวยงามของอีตาคฑาวุธที่เขียนไว้ในสมุด) แต่ก็ไม่ได้เสียบอแด๊ปเตอร์โน๊ตบุ๊ค (ทั้งที่กัดฟันเสียเงินซื้อไปซะแพง) เครื่องมันบอกว่าไฟเหลือ 7 % ผมเป็นคนชอบความตื่นเต้นเลยพิมพ์ไปลุ้นไปว่าจะทันหรือเปล่า (เพราะขี้เกียจเดินไปค้นหาอแดปเตอร์มาเสียบไฟด้วยล่ะ แบบว่าพักหลังขี้เกียจเสียบ) ปรากฎว่า เครื่องมันโกหก มันบอกว่าเหลือไฟ 7% แล้วมันก็ดับไปเลย และไฟล์นั้นก็หายไปหมดเลย (นึกว่าจะมีแต่มนุษย์ที่ชอบโกหกกัน  :sad11: แม้แต่คอม ก็ไม่เว้น)
บ่นมาซะนาน อ่านต่อบทที่ 14 กันนะครับ (นอกจากนั้น ที่มาโพสช้าก็เพราะว่า แย่งกับหลานใช้เน็ตไม่ค่อยได้ครับ)
ผมนี่เป็นคนที่น่าสงสารอะไรเช่นนี้ ใครได้เป็นแฟนชีวิตก็คงต้องวุ่นวายไม่สงบสุขแน่ๆ เลย

เพลิงรัก บทที่ 14

กัณต์นั่งเบื่ออยู่ที่โต๊ะบนระเบียงกว้างของร้านเครื่องดื่มในสนามกอล์ฟชานเมือง ตามองไปยังหม่อมหลวงชายชลที่วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา วันนี้เขามาออกรอบตีกอล์ฟกับชายชลและกลุ่มเพื่อนๆ ไฮโซ แต่หนุ่มสาวไฮโซกลุ่มนี้ไม่ได้ตีกอล์ฟอย่างจริงจัง กลับเอาแต่จับกลุ่มคุยเล่นกันสนุก เขาอยากจะปลีกตัวกลับ แต่จุดประสงค์ของเขาคือหม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ซึ่งชายชลบอกว่ากำลังจะเดินทางมาถึง
“เบื่อหรือครับหมวด" ชายชลถาม "ร้อนจริงๆ แต่ชายยังรู้สึก fresh เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะชายกำลังมีความสุข Oh What a wonderful world" ชายชลยิ้มกว้างตาหยี ท่าทางมีความสุขอย่างที่พูด
กัณต์ยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นมา แต่ชายชลทำตาโตแล้วอุทานว่า "Oh my gosh หมวดกัณต์ ดื่มอะไรแรงๆ ตั้งแต่ตอนบ่ายเลยหรือครับ เดี๋ยวก็ on fire กันพอดี อย่าเพิ่งน๊อคก่อนเจอท่านพ่อนะครับ หมวดต้องช่วยชายเอาชนะท่านพ่อให้ได้ ชายตีกอล์ฟไม่เก่ง แต่เล่นไพ่เก่ง ชายไม่ถนัดเอาท์ดอร์ ถนัดแต่อินเดอร์ ถ้าอะไรที่เป็นกีฬาอินดอร์ ชายสู้ตาย I'm an indoor person”
เขาออกมาเที่ยวกับชายชลถึงสามครั้งแล้วภายในหนึ่งสัปดาห์ และทุกครั้งเขาไม่ค่อยได้ข้อมูลมากนักเกี่ยวกับเบาะแสเรื่องเพชรที่หายไปจากตู้เซฟของเจ้าหน้าที่กงศุลอาวุโสของสถานฑูตที่เสียชีวิต
“แล้ว weekend หน้า ท่านพ่อยังชวนชายกับเพื่อนๆ ไปภูเก็ต ท่านพ่อจะอวดเรือใหม่ จะให้ชายหัดขับเรือด้วย ชาย nervous มาก เพราะอะไรรู้ไหมครับ"
“เรือยอช์ทหรือครับ"
“Uh huh” ชายชลพยักหน้าเร็วๆ หลายครั้ง ทำตาโตราวกับตื่นเต้นนักหนา "แต่ว่าชายมี secret จะบอกหมวดกัณต์คนแรกและคนเดียว อยากรู้ secret ชายไหมครับ เอียงหูมาสิ"
กัณต์นั่งนิ่ง พยายามบอกตัวเองว่าต้องรักษามาดเดิมเอาไว้ให้ดี แต่ครั้นจะให้เขาเอียงหน้าเข้าไปใกล้ชายชลให้ฝ่ายนั้นกระซิบความลับทั้งที่แถวนี้นั่งกันอยู่แค่สองคนเขาก็ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้
“ชายว่ายน้ำไม่เป็น" ชายชลพูดเสียงเบาเมื่อเห็นว่ากัณต์ไม่เอียงหูมาฟังตัวเองกระซิบ "ถ้าเรือล่มชายจะทำยังไงก็ไม่รู้ big problem เลยล่ะ"
“เรือยอช์ทคงไม่ล่มง่ายๆ หรอกครับ ไม่ใช่เรือแจว" กัณต์แสดงความเห็น มองใบหน้าขาวสะอาดของชายชลด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เพราะฝ่ายนั้นพูดเสร็จก็หัวเราะร่าเริง ขำกับเรื่องความลับที่ตัวเองเล่า
เขายอมรับว่าอยู่กับชายชลแล้วไม่เครียด ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอารมณ์ดี คุยจ้อได้ตลอดเวลา เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เขากลับเอาแต่นึกถึงชาลี
...ได้ต่อปากต่อคำกับชาลีแล้วชีวิตมีรสชาติ...
“หมวดว่ายน้ำเป็นใช่ไหมครับ โอ้ว ต้องเป็นสิ ใช่ไหมล่ะ เป็นตำรวจนี่ ต้องว่ายน้ำเป็น ไม่งั้นเขาคงไม่ให้มาเป็นตำรวจ แต่ชายไม่ใช่ตำรวจ ไม่ต้องว่ายน้ำเป็นก็ได้" ชายชลยังพูดต่อไม่หยุด "So เพราะยังงี้ ชายถึงต้องมีคนที่ว่ายน้ำเป็นคอยดูแล เวลาเรือยอช์ทล่ม"
เสียงหัวเราะของชายชลดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปร้องเรียกเพื่อนๆ ซึ่งกำลังเดินมาใกล้จะถึงระเบียงหน้าร้านเครื่องดื่มที่กำลังนั่งอยู่ กัณต์หันไปมองสนามกอล์ฟสีเขียวอย่างอดทน ในใจบอกตัวเองเพียงอย่างเดียวว่า เพราะเรื่องงานเท่านั้น เขาถึงยังต้องนั่งอยู่ตรงนี้ และนั่งรอต่อไปจนกว่าจะได้พบกับบิดาของหม่อมหลวงชายชล

ตั้งแต่กลับจากพัทยา กัณต์หายหน้าไปเป็นอาทิตย์ แต่คนที่โผล่มาให้ชาลีเห็นถึงสองครั้งคือเจตริน แม้ไม่ได้มีนัดตรวจ เจตรินก็มาหาถึงโรงพยาบาลเพื่อชวนชาลีออกไปทานอาหารเย็น
ครั้งแรกชาลีปฏิเสธ แต่ครั้งที่สองชาลีตอบตกลง
“คุณหมอหนีกลับกรุงเทพฯ โดยไม่บอกผมซักคำ" เจตรินตัดพ้อเมื่อคุยกับถึงเรื่องเจอกันครั้งแรกที่พัทยา "ผมเดินตามหาทั่วโรงแรม"
“จะบอกได้ยังไงครับ ไม่มีโทรศัพท์ จะให้ผมไปฝากข้อความไว้ที่รีเซฟชั่นหรือไง" ชาลีตอบยิ้มๆ
“โชคดีที่เราได้เจอกันอีก"
ชาลีพยักหน้าแล้วพูดว่า "แต่ก็คงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย"
“แน่นอน" เจตรินยิ้ม "ก็ผมกลายเป็นคนไข้ของหมอแล้วนี่"
“พอหายแล้วก็คงไม่ได้เจอกันอีกสินะครับ" ชาลีเลิกคิ้ว
“เจอสิครับ แต่ก็คงไม่ใช่เจอแบบหมอกับคนไข้" เจตรินเลื่อนจานผลไม้มาให้ชาลีพลางพูดว่า "คุณหมอทานข้าวน้อยจัง แค่สลัดจะอิ่มหรือครับ"
“อิ่มครับ" ชาลีพยักหน้า "ผมเป็นคนทานน้อย"
“แต่ถึงตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเจอกันแบบหมอกับคนไข้อย่างเดียว" เจตรินพูดเสียงเบาลงกว่าเดิม
“งั้นแบบไหนดี" ชาลีเอียงหน้าคิด
...แบบศัตรู...
...แฟนเก่า อดีตคนรัก...
...คนรักที่เคยเกือบทำลายชีวิตเขา...
...สิบเอ็ดปีผ่านไป เจตรินจำเขาไม่ได้ แต่ก็แน่ล่ะ จะจำได้ยังไง ชาลีตอนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนที่ไม่ได้ใส่ใจเขาอย่างเจตรินจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันก็เรียกว่าอัศจรรย์ล่ะ แม้แต่เพื่อนที่เรียนปีหนึ่งมาด้วยกันหลายคนยังจำเขาไม่ได้...
...แต่อีกหน่อย เจตรินจะจำเขาได้จนวันตาย...

ชาลีเดินเข้ามาในบ้าน ได้ยินเสียงดังเอะอะจากห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปดู นาวินนั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ตาจ้องหน้าจอเขม็ง มือสองข้างกดปุ่มเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“กินข้าวหรือยัง" ชาลีถามทั้งที่รู้อยู่ว่าจะไม่ได้คำตอบ จากนั้นเดินไปที่ห้องครัวแล้วเก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารไปใส่เครื่องล้างจาน ก่อนจะเปิดดูตู้เย็นแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะผลไม้และของว่างที่ซื้อมาเก็บไว้นั้นหายไปจนเกลี้ยง
“แบบนี้หรือที่เขาเรียกว่าเด็กกำลังโต กำลังกินกำลังนอน" ชาลีบ่นพลางปรายตาไปมองห้องนั่งเล่น เสียงระเบิดและเสียงปืนผสมกับเสียงร้องของคู่ต่อสู้ที่อยู่ในเกมส์ดังเป็นระยะ ชาลีจึงหยิบจานผลไม้จานสุดท้ายเดินย้อนกลับไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลงข้างนาวิน
“ซ้อมบาสเป็นยังไงบ้าง พี่เอ็กซ์ไปด้วยหรือเปล่า" ชาลีถาม พร้อมกับยื่นแอ้ปเปิ้ลไปใกล้ๆ ปากของนาวินหนึ่งชิ้น
“ไปครับ" นาวินพูดแล้วอ้าปากรับแอ้ปเปิ้ลจากมือคนป้อน
“แล้วมีใครอีก"
“ก็พวกคนเก่าๆ เฮ้ย อะไรวะนั่น มาจากไหนวะ เอาลูกปืนไปกินเล๊ย เนี่ยะ ฉวัะ ฉวัะ" นาวินตอบ ตาจังจ้องหน้าจอโทรทัศน์เขม็ง ชาลีมองหน้าจอแล้วส่ายหน้า
“ยิงปืนอะไรเสียงแบบนั้น" ชาลีเปรย "แล้วตำรวจคนนั้นไปซ้อมด้วยหรือเปล่า"
“ใครครับ" นาวินถาม แล้วอ้าปากขึ้น เหมืือนจะรอให้อีกฝ่ายป้อนอีกชิ้น
“คนตัวสูงๆ ใหญ่ๆ หน้าดุๆ" ชาลีพูดพลางส่งผลไม้อีกชิ้นเข้าปากนักเล่นเกม ในใจก็พูดต่อว่า...แล้วก็ขี้เก๊ก ทำมาดเท่ๆ มั่นใจในความหล่อของตัวเอง...
“อ๋อ สารวัตร โธ่เว้ย อีกแล้วหรือ ไอ้โล้นนี่วอนจริงๆ เลย เจอลูกดอกทองคำซะหน่อยมั๊ยเพ่ ฟิ้ว ฟิ้ว" นาวินกระแทกมือเข้ากับแป้นควบคุมเกม ยิงลูกดอกมือเป็นระวิงพร้อมส่งเสียงประกอบ
“เขาถามถึงพี่หรือเปล่า"
เงียบ ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย
“นาวิน" ชาลีเรียกชื่อน้องชาย
“ฮื่อ" คนที่กำลังสนใจเกมทำเสียงในลำคอ
“เขาถามถึงพี่บ้างหรือเปล่า" ชาลีถามซ้ำแล้วส่งผลไม้ไปล่อให้อีกฝ่ายเปิดปาก
นาวินส่ายหน้า "โอ๊ยย อารายกันเนี่ย มาได้ไง ตายซะเถอะ ย๊ากส์ บึ้มม ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสร็จกรู"
ชาลีหันไปมองนาวินแวบหนึ่งแล้วลุกขึ้น ทิ้งจานผลไม้ไว้ข้างๆ น้องชาย ซึ่งฝ่ายนั้นก็รับรู้ได้เหมือนมีญาณวิเศษทั้งที่ตาไม่ได้ละจากหน้าจอโทรทัศน์เลย นาวินละมือข้างซ้ายจากแป้นควบคุมเกมเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเพื่อหยิบชิ้นแอ้ปเปิ้ลในจานส่งเข้าปาก
“แต่พี่เอ็กซ์ถามถึงพี่หมอว่าทำไมไม่ไปยิม" ไม่นาน เสียงนาวินดังตามมา ชาลีชะงัก แล้วเดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ ในใจสงสัยอยู่ไม่ใช่น้อยว่าทำไมพี่เอ็กซ์ของนาวินจะต้องถามถึงเขาด้วย
...แต่กัณต์ไม่ถามเลยซักคำ...

เลิกงาน ชาลีไปออกกำลังกาย นาวินไม่ได้ไปด้วยเพราะไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน สี่ทุ่มชาลีถึงจะไปรับกลับบ้าน เย็นนี้ชาลีเข้าร่วมเล่นบาสเก็ตบอลกับสมาชิกของยิมคนอื่นๆ เขาจำได้ว่าสองในเก้าคนที่เล่นด้วยกันเป็นผู้เล่นในทีมของนาวิน และดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะจำได้ว่าเขาเป็นพี่ชายของนาวิน ชายหนุ่มทั้งคู่ดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเขาเล่นบาสเก็ตบอลได้อย่างคล่องแคล่ว ปกติเขาไม่ได้เล่นตำแหน่ง Center แต่เพราะวันนี้เขาเป็นคนที่ตัวสูงที่สุดในทีม A และคนในทีมล้วนแต่อายุมากกว่าเขาทั้งนั้น จึงจำต้องเล่นตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัด แต่กระนั้น เขาก็ส่งลูกเข้าห่วงทำคะแนนได้ไม่น้อย แม้จะมีคะแนนตามทีมคู่ต่อสู้อยู่ห้าคะแนน แต่เกมก็ยังสูสี
จบเกม ทีมของเขาแพ้ถึงเจ็ดคะแนน แต่ผู้เล่นอีกทีมคนหนึ่งเข้ามาแสดงความชื่นชมและบอกว่าไม่เคยคิดว่าเขาเล่นบาสเก็ตบอลได้
“ผมเห็นแต่พี่เล่นสควอชกับว่ายน้ำ" ชายหนุ่มที่ชาลีจำได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมของนาวินพูด
“ว่างๆ มาตีสควอชกันไหมล่ะ" ชาลีชวน
“โอ๊ย ไม่ไหวหรอกครับ ผมไม่กล้าสู้ อีกอย่าง ผมเล่นไม่ค่อยเป็น"
“เล่นไม่เป็นก็ฝึกได้"
“คงต้องฝึกเป็นปีละมั๊ง" ชายหนุ่มรุ่นน้องหัวเราะ "พี่เอ็กซ์สิเก่ง พี่ลองท้าเขาเล่นดู จะได้สูสีกัน"
“แล้วทำไมวันนี้ไม่ซ้อมบาสกันละครับ"
“อ๋อ เขาไม่ว่างกันครับ เกิดจะมามีธุระพร้อมกันหมดทุกคน ผมกับไอ้บอยเลยมาแจมกับพวกพี่ๆ กันน่ะครับ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ไม่นึกว่าจะเล่นกับเอาจริงเอาจังแบบนี้"
ชาลีคุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องต่ออีกไม่นานก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก่อนแยกกัน ฝ่ายนั้นชวนร่วมซ้อมบาสเก็ตบอลกับทีม แต่ชาลีตอบว่าไม่อยากซ้อมกับน้องชาย กลัวนาวินประหม่า แต่ชายหนุ่มคนนั้นพูดเล่นกลั้วเสียงหัวเราะว่า
“คนที่จะประหม่าไม่ใช่นาวินหรอกคร้าบ"
...แล้วใครจะประหม่า พี่เอ็กซ์ยังงั้นหรือ...
ชาลีอมยิ้มแล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างในทีมบาสเก็ตบอลของยิมทีมนี้ที่เขายังไม่รู้

นายแพทย์ชาลีเดินออกจากยิมเมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง แต่เมื่อใกล้จะถึงรถก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้ามากว่าหนึ่งอาทิตย์ยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างรถของเขา
“วันนี้ฉายเดี่ยวหรือครับคุณหมอ" กัณต์ทักทาย แต่ชาลีไม่ตอบ เดินไปเปิดประตูท้ายรถแล้วโยนกระเป๋าเข้าไป ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
“เด็กไม่มาด้วย เลยได้โอกาส" กัณต์ยืนอยู่ที่เดิม พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเยาะๆ
“โอกาสอะไร" ชาลีถามเสียงห้วน
“โอกาสหว่านเสน่ห์มั๊ง" กัณต์ยักไหล่
ชาลีไม่ตอบ มือที่กำลังจะเปิดประตูรถค้าง ทันใดก็เปลี่ยนใจเดินกลับไปที่คลับเฮาส์ด้านหน้าสปอร์ตคลับ ตอนแรกเขาว่าจะไปหาร้านกาแฟเงียบๆ นั่งดื่มกาแฟรอเวลาไปรับนาวิน แต่ตอนนี้ ขอฆ่าเวลากับการ 'ทะเลาะ' กับกัณต์ซักหน่อย
“ผมไปราชการ" กัณต์เดิมตาม และพูดขึ้นมาเมื่อใกล้จะถึงคลับเฮาส์
“ผมถามหรือครับ"
“ผมบอกให้รู้" กัณต์ยักไหล่ "ก็แค่นึกว่าคุณจะสงสัยว่าผมหายไปไหนตั้งอาทิตย์ หลังจากที่เราสองคนไปพักผ่อนกันที่ชายทะเล"
“คุณจะหายไปไหน ไปทำอะไร มันเกี่ยวอะไรกับผม"
“ผมนึกว่าคุณอยากรู้"
“ทำไมผมต้องอยากรู้"
“แล้วคุณอยากรู้หรือเปล่าชาลี" กัณต์ย้อน "ที่ไม่เห็นผมหนึ่งอาทิตย์คุณคิด...”
“ผมไม่มีคำตอบ" ชาลีรีบพูดแทรกก่อนที่กัณต์จะจบประโยค "สิ่งที่ผมต้องการรู้ตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่า...”
กัณต์เลิกคิ้ว รอฟังชาลีพูดต่อ แต่นายแพทย์หนุ่มหยุดพูดไปเฉยๆ และยกข้อมือเพื่อดูเวลาในนาฬิกา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง
...สับสน อยู่ใกล้ๆ กัณต์แล้วเขารู้สึกสับสนยังไงไม่รู้...
“ว่าไงครับ ผมรอฟังอยู่ คุณยังพูดไม่จบ"
“สารวัตรกัณต์ เวโรจน์" ชาลีทำเสียงเข้ม เปลี่ยนใจอีกครั้งว่าจะไปหาร้านกาแฟที่อื่นเพื่อนั่งรอเวลาจะไปรับนาวินดีกว่าที่จะอยู่ที่คลับเฮาส์ของสปอร์ตคลับ ตอนแรกที่กะว่าจะหาฆ่าเวลาด้วยการทะเลาะกับกัณต์ แต่พอเห็นสายตาของกัณต์ในตอนนี้แล้วเขาเปลี่ยนใจดีกว่า
...จะต้องพักเรื่องกัณต์เอาไว้ก่อน เขาต้องทุ่มเวลาไปกับเจตริน หากเขา 'เล่น' กับกัณต์และเจตรินพร้อมกันอาจจะไม่ไหว...
...ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องแก้แค้น...
...ในหัวของเขาไม่ต้องการมีเรื่องอื่นใด...
...ในหัวของเขาต้องไม่มีเรื่องของนายตำรวจขี้เก๊กคนนี้...

วันนี้ พายัพ เด็กหนุ่มพลเมืองดีซึ่งถูกทำร้ายร่างกายเพราะช่วยหญิงชราซึ่งถูกชิงทรัพย์ถึงกำหนดต้องออกจากโรงพยาบาล ชาลีมาดูแลและจัดการเรื่องค่าใช้่จ่ายจนเรียบร้อยและส่งเด็กหนุ่มกับมารดาขึ้นรถแท๊กซี่ ความจริงเขาตั้งใจจะไปส่งที่บ้านแต่ทั้งสองคนนั้นเกรงใจและยืนกรานว่าจะกลับเองเพราะไม่อยากให้ชาลีต้องลำบาก
“แค่พี่หมอรับภาระค่ารักษาพยาบาลผมก็ซึ้งใจแล้วครับ" พายัพยกมือไหว้ "ผมจะหาเงินมาใช้คืนพี่หมอ"
“ไม่ต้องหรอก ที่พี่ทำแค่นี้ยังน้อยไป สิ่งที่พายัพทำมันมากกว่าเงินค่ารักษาที่จ่ายไปเสียอีก ถ้าไม่ได้พายัพ ป้านวลอาจจะแย่" ชาลีตอบ
“แต่ยังไงๆ ผมก็ต้อง...”
“ตามใจ" ชาลีตบไหล่ชายหนุ่ม "แต่สัญญาก่อนว่าจะให้เรื่องเรียนมาก่อน ถ้าจะทดแทนบุญคุณกันก็รอไว้จนตัวเองทำงานมีเงินเดือนมั่นคงเสียก่อน จะตอบแทนกัน เมื่อไหร่ก็ไม่สายหรอก"
“ครับ" พายัพพยักหน้า "ฝากขอบคุณสารวัตรกัณต์ด้วยนะครับ"
“เขารู้หรือเปล่าว่าวันนี้ออกจากโรงพยาบาล" ชาลีถาม
“ทราบครับ"
“คงไม่ว่าง ตำรวจคงงานยุ่ง อาจจมีเรื่องคดีเร่งด่วน" ชาลีพูดเสียงเรียบ "เดี๋ยวพี่จะบอกให้"
“สารวัตรกัณต์กับพี่หมอดีกับผมและครอบครัวมาก"
“เรื่องเล็กน้อยน่า ว่าแต่เราเถอะ กลับถึงบ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ พักผ่อนต่ออีกหน่อย ออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่ว่าหายเป็นปกติแล้วนะ อย่าเพิ่งหักโหมอะไร แผลมันดูหายดีแล้วก็จริงแต่ก็ยังไม่สนิท ออกแรงมากๆ ไม่ได้ มันอาจจะปริข้างใน ต้องระวัง"
“ครับผม" พายัพพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นไหว้ชาลีอีกครั้งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับมารดาที่เดินเข้ามาใกล้ ชาลีหันไปคุยกับมารดาของเด็กหนุ่มแล้วเปิดประตูรถแท็กซี่ให้พร้อมกับบ่นว่าน่าจะให้เขาไปส่งบ้าน
“เอาไว้ว่างๆ คอยไปเยี่ยมก็ได้นะคะหมอ แผนที่ก็มีแล้ว เรารบกวนหมอมามากเหลือเกิน ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนหมอยังไงหมด"
“คนจะตอบแทนเขาสัญญาผมไว้แล้วครับ" ชาลีพูดยิ้มๆ พลางหันไปมองพายัพและช่วยยกของขึ้นรถและยืนรอจนแท๊กซี่คันนั้นแล่นออกไปจนลับสายตา

นายแพทย์หนุ่มหันหลังกลับ ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อขอเข้าพบกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั้งที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า ช่วงที่มาเยี่ยมพายัพเขาได้สังเกตว่าโรงพยาบาลมีแพทย์ในสาขาที่เขาเชี่ยวชาญประจำอยู่เพียงไม่กี่คนและไม่มีแพทย์ออกตรวจวันจันทร์ในตอนบ่ายจึงคิดว่าจะสมัครทำงานที่นี่ด้วยสักสัปดาห์ละหนึ่งวันหรือสองวัน ถึงจะได้เงินตอบแทนน้อยเขาก็ไม่เกี่ยง
แต่ตอนนี้กลับมีอุปสรรคกีดขวาง
อุปสรรคของนายแพทย์ชาลีเป็นตำรวจร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังยืนขวางประตูทางเข้า
“ไม่เห็นชวน" กัณต์พูดเสียงเรียบพลางถอดหมวกออก
“ทำไมต้องชวน" ชาลีตอบเสียงเรียบเช่นกัน เงยหน้าขึ้นมองนายตำรวจในเครื่องแบบสีกากีแล้วหลุบตาลงมองเครื่องหมายแสดงยศบนไหล่ขวาของกัณต์ก่อนจะออกเสียงชัดเจนทีละพยางค์ว่า "สา ร วัตร"
“ฮึ" กัณต์ทำเสียงในลำคอ
“สารวัตรคงไม่คิดว่าผมจะมาดูแลเขาถึงขนาดนี้ใช่หรือเปล่า คงไม่คิดว่านายแพทย์ชาลีจะมีน้ำใจทำอะไรแบบนี้ได้ ทีนี้สารวัตรคงรู้แล้วละสิวา่ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ใจดำ หรือร้ายกาจอย่างที่สารวัตรคิดหรอกนะ"
“ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณ" กัณต์อมยิ้ม "โกรธใครมาครับคุณหมอ เมื่อกี้ก็ยังเห็นดีๆ อยู่นี่นา"
“ไหนๆ คุณก็มาแล้ว ทำไมไม่ไปลาสองคนนั้น ยืนมองทำไมอยู่ตรงนี้"
“ผมไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะช่วงเวลาแห่งมิตรภาพอันน่าประทับใจ" กัณต์พูดยิ้มๆ
"ถามจริงๆ เถอะหมวด" ชาลีเหลือบตามองยศบนบ่าของกัณต์ จงใจให้กัณต์เห็น "คุณจะเอายังไงกับผมกันแน่ ผมมีความรู้สึกว่าคุณกำลังกวนผมอยู่นะ"
“สารวัตร ผม พันตำรวจตรี กัณต์ โวโรจน์ เป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวน และอีกไม่นานก็จะเป็นพันตำรวจโท เมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกผมว่าหมวดซะที" กัณต์เสียงเข้มขึ้นมาทันใด
“คุณก็น่าจะรู้ เวลาผมไม่พอใจผมจะ...”
“เรียกผมว่าหมวด เป็นการประชด ทำไมผมจะไม่รู้"
“สมกับเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนจริงๆ" ชาลียิ้มเยาะแล้วหมุนตัว เดินลงจากอาคารตรงไปยังลานจอดรถโดยมีกัณต์ตามไปติดๆ
“จะตามมาทำไมก็ไม่รู้" ชาลีบ่นพึมพำ
“ผมอยากคุยกับคุณ" กัณต์ได้ยินนายแพทย์หนุ่มบ่น
“ผมไม่อยากคุย" ชาลีกระแทกเสียง ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาทันที "คุณหายไปอาทิตย์นั่นก็ดีแล้ว ช่วยหายไปอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์หน่อยสิ"
กัณต์หยุดเดิน มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง มองตามร่างปราดเปรียวของชาลีที่กำลังเดินก้มหน้าหายไปในลานจอดรถ ต่างจากทุกครั้งที่จะเดินเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
...ชาลีโกรธเขา และการที่เห็นชาลีโกรธทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ...
...ชาลีปฏิเสธเขา...
...ไม่มีใครปฏิเสะเขาเลย ทุกคนยอมสยบต่อสารวัตรกัณต์ เวโรจน์ทั้งนั้น เขาเองต่างหากเป็นผู้คุมเกม ทุกครั้งเขากำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา และทุกคนที่เข้ามาในชีวิตเขาต้องทำตาม...
...เขาไม่เคยนอนกับใครเกินสามครั้ง ไม่เคยค้างคืนกับใคร ไม่เคยเดทคนเดิมอาทิตย์ต่ออาทิตย์...
...ชาลีเป็นม้าพยศที่วิ่งตะลุยเข้ามาในชีวิตเขา...
...ผ่านมาหลายเดือน เขายังไม่นอนด้วยแม้แต่ครั้งเดียว เนื้อตัวก็ยังไม่ได้แตะ และที่สำคัญ เขาเผลอฝ่ากฎของตัวเองที่ไปค้างคืนกับชาลีที่โรงแรมในพัทยา แม้จะไม่ได้นอนด้วยกันก็เถอะเพราะชาลีหายตัวไปดื้อๆ และโผล่มาตอนเช้า แต่นั่นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นการค้างคืน...
...ทำไม...
...ทำไมเขาปล่อยมาจนถึงป่านนี้...
...ไม่ไหวแล้ว เขารอไม่ไหวแล้ว แบบนี้ต้องเล่นเกมรุก อยากจะรู้นักว่า หากเขาได้ชาลีแล้ว เขาจะยัง 'อยากได้' อีกสักกี่ครั้ง...

:call: :call: :call:
อีกสาเหตุที่เข้ามาโพสวันนี้ก็เพราะร้อนก้น เพราะมีคนจุดธูปลน 555

และอีกสาเหตุก็เพราะจะไม่ได้เจอกันอีกหลายวัน(มั๊ง) เพราะต้องเดินทางอีกแล้วครับ
Have a good, sexy weekend นะคร้าบบ


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 26-02-2010 11:54:33
อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคอม :laugh:
ขอบคุณนะคะจะไปลัลลายังแวบมาลงเรื่อง
แต่เรื่องนี้เครียดจริงๆด้วย มีวางแผนแก้แค้นกัน รักกันๆดีกว่านะ
แต่ตอนนี้รอให้ศาลาวัดรุกก่อนดีกว่าเนอะ  :really2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 26-02-2010 13:54:26
 :-[  ชาลีโกรธอีตาสารวัตร  หรืองอนเพราะหายหัวไปกันแน่
แล้วที่แอบถามน้องว่าเค้าแวะมาบ้างมั้ย  ถามถึงตัวเองบ้างมั้ย
นี่มันอะไรกัน  อิอิ 
 :L2: ขอบคุณพี่นายสำหรับตอนใหม่   :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-02-2010 14:15:58
 :a5: :a5: :a5: :a5:


ลุยเรยยย


สารวัตร


 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 26-02-2010 14:20:05
พูดออกมาว่า..อยากได้..อยากได้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 26-02-2010 14:56:30
รุกเลยค่ะ    คุณตำรวจ :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 26-02-2010 14:57:44
สารวัตรคร้าบ

ยิงคุณหมอให้ทะลุขั้วหัวใจเลยนะคร้าบ  อิอิ

มาต่อไวๆนะคร้าบ  เดินทางปลอดภัยละกัน

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-02-2010 15:05:59
เอ้า ลุยๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 26-02-2010 15:17:33
มาต่ออีกสักตอนสิค่ะ แล้วค่อยหาไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์

คึคึ :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 26-02-2010 15:53:33
สารวัตรอย่ารอช้า ลงมือเลยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-02-2010 18:49:18
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 26-02-2010 19:52:14
สารวัตร อยากได้อะไรอะ  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 26-02-2010 20:21:16
สารวัตรจะรุกแล้ว
หมอชาลีสู้ สู้ :ped149:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-02-2010 21:17:16
+ ค๊า

สารวัตรลุยเลยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-02-2010 21:50:17
แหม........พ่อแง่แม่งอน พ่อปลาไหลแม่พังพอนซะนี่กระไร
หายไปแล้วไม่ยอมบอกยอมกล่าวปากก็บอกไม่อยากรู้ไม่สน
แต่ก็กลัวใจตัวเองอยู่ละ่สิแม่คู๊นนนน นี่ถึงขั้นล้วงค.ลับจากน้องชายตัวเลยนะเนี่ย
เกิดเป็นนาวินแท้จริงแสนสบาย............เหมือนมีแม่มีพี่ชายมีพี่สาวมาเพิ่มยังไงยังงั้น ทรีอินวัน555
ไม่มีเหตผลเลยนะเนี่ยที่คุณหมอจะไปเล่นบาสอ่ะถ้าไมใช่ว่าต้องการไปสืบอะไรดีๆ ไปๆมาๆอิพี่เอ็กซ์
อะไรนั่นจะไม่ได้หวังฟันน้องแล้วล่ะเว้ย มันกะเอาตัวพี่ไปกินเลยแหล แหมมมมมเดินแผนการอ้อมโลกจังแหะ

หนูชาลีแก้แค้นเป็นงานอดิเรกไม่ได้เหรอแล้วจีบตำรวจเป็นงานหลักเมนคอร์สแทนอะไรแบบนีี้อ่ะ
+1 คะ เรื่องคอมสอนให้รู้ว่า............เราอย่าประมาณกับไอ่เครื่องเซ็งกะบ๊วยนี้เป็นอันขาดนะเคอะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 26-02-2010 22:06:12
 o13 เนื้อเรื่องยังเข้มข้น สนุกเหมือนเดิมครับ ;))

แต่มีนิดนึงตรงที่ว่า หม่อมราชวงศ์ กับ หม่อมหลวง ตามศักดิ์แล้วจัดเป็นสามัญชนครับ

ท่านชาย เป็นคำลำลองในการเรียก หม่อมเจ้า (ซึ่งถือเป็นชั้นพระอนุวงศ์ลำดับสุดท้าย) ดังนั้นการที่ หม่อมหลวงชายชล เรียก หม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ผู้เป็นบิดาว่า"ท่านพ่อ"

ถือว่าไม่ถูกครับ น่าจะเรียกว่าคุณพ่อมากกว่า เพราะ

อ้างอิงจาก คำลำลองในการเรียก หม่อมเจ้า = ท่านชาย , ท่านหญิง

หม่อมราชวงศ์ = คุณชาย , คุณหญิง

หม่อมหลวง = คุณ

ส่วนผู้สืบเชื้อสายลำดับถัดจากหม่อมหลวง จะมีคำนำหน้านามเป็น นาย และ นางสาว ครับ แต่ นามสุกลจะมีคำว่า 'ณ อยุธยา' ต่อท้าย

ดังนั้นเราอาจเคยได้ยินในละคร เวลาที่ตัวละครพูดว่า 'ท่านพ่อเพคะ วันนี้หญิงขอประทานอณุญาตไปรับประทานอาหารกับพี่ชายนะเพคะ'

เราก้อสามารถเดาได้ว่า ผู้พูดมีบรรดาศักดิ์เป็นหม่อมราชวงศ์หญิง เนื่องจากพระบิดาทรงมียศเป็นหม่อมเจ้า

เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยครับ ; ))) ยังรอตอนต่อไปนะครับ

ป.ล. สำหรับหม่อมเจ้านั้น เรายังคงต้องใช้คำราชาศัพท์ครับ ,, แต่หม่อมราชวงศ์ และ หม่อมหลวงนั้น ใช้คำสุภาพธรรมดาแทนได้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 26-02-2010 22:16:08
ท่าน สารวัตรจะเอาจริงแล้ว

หมอชาลี 

ตั้งรับดีดีนะ  เอาใจช่วยสุดแรงเกิด

ไม่อยากให้หมอแพ้ตำรวจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 26-02-2010 22:25:28
พี่นายเพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากๆเลยชอบจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 26-02-2010 22:26:48
คิดจะรุกหมอชาลีต้องวางแผนบุกดีๆนะคะสารวัตร ระวังโดนซ้อนแผนนะคะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-02-2010 23:03:49
เอาใจช่วยสารวัตรเต็มที่เลย หุหุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 27-02-2010 02:04:10
 :z1:  เราจะรอดู
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 13 (20/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 27-02-2010 02:28:58
แบบว่าพักหลังขี้เกียจเสียบ

ผมเข้าใจคับว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปตามวัย

o3

รู้สึกเจตรินนี่จะเป็นแมงเม่าบินเข้าหาพระเพลิงซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 27-02-2010 02:38:04
ท่าทางคู่นี้จะวุ่นเหมือนกันน้า มาติดตามครับเดินทางปลอดภัยนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 27-02-2010 03:19:34
สารวัตรเค่อะ,,
อยากได้อะไรกันคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 27-02-2010 07:42:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 27-02-2010 12:56:51
อิพี่เอ็กซ์จะจีบชาลีแน่เลย
 :call: :call: :call: :call:
ลนที่ก้นอีกซักทีสองทีเผื่อจะมาไวกว่าเดิม
อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 27-02-2010 16:31:28
 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 27-02-2010 17:10:21
 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 28-02-2010 03:16:17
เริ่มรุกหนัก ๆ ได้แล้ว สารวัตร

 :fire:

มาต่อไว ๆ น่ะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 28-02-2010 10:15:47
สนุกอ่ะ
อยากอ่านต่อ อยากอ่านต่อ อยากอ่านต่อ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 28-02-2010 17:59:27
ขอบคุณนะค่ะ มาต่อเร็ว ๆ นะค่ะ กำลังสนุกเลยค่ะ  o1 o1 ประสบการณ์ความเจ้าชู้ของคนเขียนนี่ท่าจะมีเยอะนะค่ะ ใส่เข้าไปในตัวละครไม่หมดซะที  :teach: o4
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 28-02-2010 18:04:01
เริ่มรุกหนัก ๆ ได้แล้ว สารวัตร

 :fire:

มาต่อไว ๆ น่ะครับ
รุกหนักก็เจ็บสิคร้าบ :sad11:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 28-02-2010 18:52:30
 :z13:
มาต่ออ่ะเป่า :m17:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 28-02-2010 21:47:08
เห็นหายไปหลายวัน มารายงานตัวว่ารออยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 01-03-2010 02:44:44
หายไปนาน เลย

เรื่องนี้.... แก้แค้น....

หมอชาลีคร๊าบ การแก้แค้นมันเป็นสิ่งมะดีนะเอออ
แต่แก้แค้นต่อไปเถอะ  ไม่งั้นมันก้มะหนุกชะมะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-03-2010 06:47:55
ชาลีเล่นกะไฟจริงๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-03-2010 11:14:44

แบบว่าพักหลังขี้เกียจเสียบ
^
^
ll

หรือเธอจะเปลี่ยนเป็นรับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 01-03-2010 20:37:39
ขอบคุณคร้าบบบบ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 01-03-2010 21:09:24
ต่างคนต่างมีความรู้สึก เพราะอย่างงี้ อีกไม่นาน  :z2:

พี่นาย เกิน 1500 แล้วนะครับ ไหนโชว์ตัวหน่อยสิ ภรรเมียนะอยู่ไหน ( อย่าทำลืม )

พร้อม +1 อีกด้วย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 01-03-2010 22:00:06
มารอจ้าาา

เห็นมีแอบแว๊บมาแซวคนอ่าน

มาต่อตอนต่อไปด้วยดิคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2010 00:48:26

กดแต้มที่ 1501 แล้วมีธุระไม่ได้อ่า่นต่อ

แต่ก็รีบแจ้นมาอ่าน

สนุกสมใจจริง  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 03-03-2010 11:59:17
คะ คะ คน คนเขียน คนเขียนหาย  :sad11:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 14 "ใจหนอใจ" (26/2/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 03-03-2010 12:58:25
ต่างคนต่างมีความรู้สึก เพราะอย่างงี้ อีกไม่นาน  :z2:

พี่นาย เกิน 1500 แล้วนะครับ ไหนโชว์ตัวหน่อยสิ ภรรเมียนะอยู่ไหน ( อย่าทำลืม )

พร้อม +1 อีกด้วย

เมียมีเมียพี่ต้องมา เมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี (จะมีใครรู้จักเพลงนี้ไหมเนี่ย แต่คงมีเนอะ เพราะคนอ่านน่าจะอายุถึง) :m20:
เพลิงรัก บทที่ 15

“เราว่ายุทธนาชอบนาย" เอกภพพูดขึ้นหลังจากวางจานอาหารลงบนโต๊ะและนั่งลงตรงข้ามกับนายแพทย์ชาลีซึ่งนั่งหน้าบึ้งอยู่นานแล้ว
“ยุทธนาไหน" ชาลีแกล้งทำหน้าสงสัย "ยุทธนาห้องแล๊ปนะเหรอ"
“มีกี่ยุทธนาล่ะ" เอกภพตักอาหารเข้าปากแล้วทำหน้าเหยเก แทบจะคายสิ่งที่อยู่ในปากทิ้ง "โอ๊ย เปรี้ยว เค็ม ไม่อร่อยเลย อาหารในโรงพยาบาลนี่ไม่ได้เรื่อง"
“เขาไม่เรียกว่าไม่ได้เรื่อง" ชาลีแย้ง "เขาเรียกว่า ไอ้ตูบไม่อยากชิม แล้วชวนมากินในโรงพยาบาลทำไม" ชาลีเบ้ปาก เขี่ยอาหารในจานของตัวเองอย่างเซ็งๆ
“วันนี้คนไข้เยอะ ต้องรีบกลับวอร์ด นายก็เยอะไม่ใช่หรือ คนไข้พิเศษคนนั้นด้วย ตกลงเขาเป็นอะไร" เอกภพถามถึงเจตริน
“มะเร็ง"
“ต่อมลูกหมาก" เอกภพเลิกคิ้วถาม
“อยากจะให้เป็นจะแย่" ชาลีตาลุกวาบ
“คนนี้ใช่ไหมชาลี" เอกภพยื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบราวกับว่าพูดความลับ "ตกลงนายจะทำจริงๆ หรือ เราว่ามันไม่ค่อย...”
“ไม่ค่อยเหมาะ ไม่ควร ไม่ถูกต้อง ไม่ดี" ชาลีเต็มเสียงห้วน "คนไข้ของตัวเองเป็นมะเร็ง เราจะเอาให้ถึงตายก็ยังได้ แต่เราไม่ให้เขาตายหรอกเอก คนแบบนี้ไม่ควรตาย คนแบบนี้ควรจะอยู่ และอยู่ให้นานๆ ด้วย อยู่อย่างทรมาน จนถึงวันที่ตายเองตามธรรมชาติก็ยังรู้สึกทรมาน"
“เฮ้อ มันจะได้อะไรขึ้นมาน๊อ ชาลี" เอกภพถอนหายใจ "เราพยายามเข้าใจความรู้สึกของนายนะ เรารู้ว่ามันเจ็บปวด และเรารู้ว่ายังไงเราก็รู้สึกเหมือนที่นายรู้สึกไม่ได้หรอก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่การมุ่งที่จะแก้แค้นแบบนี้ ท้ายที่สุดใครจะทุกข์ล่ะชาลี"
“ช่าง" ชาลีเบ้ปาก ยักไหล่ วางช้อนลงบนจาน "ไม่กินมันแล้ว กระเดือกไม่ลง เราจะไปคุยกับ ผ.อ. ว่าอาหารในร้านอาหารโรงพยาบาลนี่ห่วยมาก แบบนี้จะให้แพทย์มีแรงที่ไหนไปตรวจคนไข้"
“มันเกี่ยวอะไรกันด้วย" เอกภพส่ายหน้า “รู้ไหมว่าตัวเองดูเครียด หงุดหงิด แล้วก็...”
“เปลี่ยนจากหมอเด็ก มาเป็นหมอจิตเวชตั้งแต่เมื่อไหร่"
“ตอนนี้อยากเป็นหมอพ่อสื่อมากกว่า" เอกภพยิ้มแล้วหันไปมองอีกฟากหนึ่งของร้านอาหาร "เรารู้นะว่ายุทธนาชอบนาย เขาเป็นคนดีนะชาลี ท่าทางจริงจัง รักสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถ้าชาลีลองมองเขาซักนิด ไม่แน่ อาจจะเจอคนที่ใช่
“นายก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับความรัก"
“เมื่อไหร่จะเลิกซะที รักแล้วทิ้งแบบนี้ มันดีตรงไหน พอเริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง นายก็รีบสลัดมันทิ้ง เพราะต้องการความสะใจเฉยๆ สาเหตุจากเรื่องในอดีต หรือที่จริงแล้วกลัวจะผูกพัน" เอกภพพูดเสียงหนักแน่น ต่างไปจากที่เคย
“เอก" ชาลีจ้องตาเพื่อน
“ชาลี ขอเจตรินเป็นคนแรกและคนเดียวเถอะ ถ้ายังไงๆ ก็ต้องแก้แค้นให้ได้ ขอแค่คนเดียวได้ไหม แล้วจากนั้น ให้โอกาสตัวเอง เราว่าชาลีต้องเจอคนที่ใช่แน่ๆ คนที่เขารอนายอยู่ อย่าปล่อยให้เขาผ่านไป"
“ใครที่รอ ยุทธนานะหรือ"
“ก็อาจใช่ หรืออาจจะเป็นคนอื่น คนที่เข้ามาในชีวิตนายก็หลายคน คนที่นายทิ้งไป หนึ่งในจำนวนนั้นอาจเป็นคนที่นายอาจจะรักได้จนวันตาย แต่มันก็ต้องผ่านไป เพราะไอ้เรื่องนี้ เรื่องที่มันกำลังจะเป็นสนิมกัดกินใจอยู่นี่"
“เอก ไม่ต้องพูดแล้ว" ชาลีกระแทกเสียง
“นะ ชาลี เราขอร้อง เราไม่ได้ขอร้องให้หยุดตอนนี้หรอก แต่เราขอร้องให้ทำกับเจตรินแค่คนเดียว จบเรื่องนี้แล้วก็ให้โอกาสตัวเอง พิจารณายุทธนาเถอะ เอาคนใกล้ตัวนี่ล่ะ ดีที่สุด" เอกภพทำหน้าอ้อนวอน "อย่่างน้อย นายก็จะได้ผลแล็ปเร็วกว่าหมอคนอื่น แล้วได้ผลเป็นกระดาษด้วย"
“บ้า ไปรู้มาจากไหน ใครกล้าไปพูดให้ฟัง" ชาลีทำหน้าไม่พอใจ
“ในโรงพยาบาลนี่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดพรายกระซิบทำงานไม่สำเร็จนะชาลีนะ"
“ยุทธนาหรือ ถ้าดีนัก ทำไมไม่เก็บไว้เองเลยล่ะ"
“เราเสียสละให้เพื่อน" เอกภพหัวเราะ หันไปมองยุทธนาซึ่งกำลังลุกขึ้นจากโต๊ะ "หน้าตาก็ดีนะ มาดแมน หุ่นนักกีฬา อบอุ่น จริงจัง มั่นคง มีชีวิตสมถะ รักความสงบ เป็นคนธรรมดาๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ รักสุขภาพ เราสังเกตว่าเขากินผักใบเขียวแทบทุกวัน"
“เอาเข้าไป มองยุทธนาได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้เอาเองซะเลยสิ" ชาลีลุกขึ้น เตรียมตัวกลับไปทำงน สายตามองไปยังคนที่เขากับเพื่อนพูดถึง เป็นจังหวะเดียวกันที่ยุทธยามองมาพอดี
“ปิ๊ง" เสียงเอกภพดังเบาๆ "รู้สึกปิ๊งๆ หรือเปล่าชาลี"
“เงียบไปเลยเอก" ชาลีกระแทกเสียงเลินเดินไปยังประตูทางออกของร้านอาหารช้าๆ ตั้งใจรอให้ยุทธนาเดินออกจากห้องไปก่อน แต่ฝ่ายนั้นกลับยืนเลือกขนมขบเคี้ยวอยู่ใกล้ๆ ประตู รอจนชาลีเดินมาถึงจึงหันมายิ้มให้และพูดว่า
“ผลแล๊ปของคนไข้เมื่อวานนี้เสร็จแล้วนะครับ จะให้ผมปริ้นท์ให้เลยไหมครับหมอ"
“ประชดหรือเปล่าคุณยุทธ"
“เปล่าครับ" ยุทธนาส่ายหน้า "ผมรู้ว่ายังไงๆ เย็นนี้หมอก็คงเดินไปตื๊อผมที่แล๊ป"
“รับรองผมเลี้ยงข้าวแน่ ไม่ต้องห่วง" ชาลีทำหน้านิ่งแล้วเดินออกจากประตู
“ขอไม่ใช่ที่นี่นะครับ เพราะอาหารไม่ได้เรื่อง"
“เพิ่งรู้หรือ เห็นกินทุกวัน" ชาลีพึมพำแล้วเร่งเท้าก้าวเร็วขึ้น
“ก็ต้องกินนี่ครับ ไม่อร่อย แต่มันก็จำเป็นสำหรับชีวิต ไม่กินก็ตาย"
ชาลีหันไปมองคนที่พูดด้วยน้ำเสียงราวจะยอมรับในชะตาชีวิตของตัวเอง ก่อนจะเร่งเท้าเดินเร็วขึ้น ทิ้งยุทธนาไว้เบื้องหลัง แต่หูได้ยินเสียงเอกภพดังขึ้นมาแว่วๆ
“อาหารอร่อยไหมครับคุณยุทธ"
“อร่อยครับ แล้วหมอล่ะครับ"
“อร่อยครับ ได้ทานกับเพื่อนสนิท อาหารอะไรก็อร่อยทั้งนั้น คุณยุทธล่ะ ว่าไง" เสียงเอกภพถามอย่างอารมณ์ดี
“ผมก็คงเหมือนหมอล่ะครับ แต่ผมทานคนเดียว"
“อ้าว ทานคนเดียวจะอร่อยได้ยังไง" เอกภพทำเสียงสงสัย "แต่ อ๋อ ผมรู้แล้ว เพราะมีอาหารตาใช่ไหมล่ะเลยอร่อยได้"
...บ้าจริงๆ เอก อย่ามาบ้าทำตัวเป็นกามเทพตอนนี้นะ...
...เขาไม่มีเวลาให้ใคร เขาต้องมุ่งไปที่เจตรินเท่านั้น วอกแวกไม่ได้เด็ดขาด...
...หากเขาแก้แค้นเจตรินให้จบไป คนเดียวเท่านั้นแล้วก็พอ ไวโรจน์กับพี่ทินให้ถือว่าอโหสิกันไป จากนั้นก็ให้โอกาสตัวเอง มีความรักที่จริงจังและยาวนาน...
...กับยุทธนา คนใกล้ตัวงั้นหรือ เอกมองว่ายุทธนาเป็นคนที่น่าจะใช่สำหรับเขา...
...แล้วกัณต์ล่ะ...
...กัณต์ไม่ใช่คนแบบที่จะจริงจังกับความรัก ไม่ใช่คนที่ต้องการมีความสัมพันธ์แบบชีวิตคู่ หัวใจของผู้ชายคนนั้นก็คงด้านชาเหมือนๆ กับเขานี่ล่ะ เขาพอจะรู้สึกได้...
...จะให้กัณต์มารักเขางั้นหรือ...
...ไม่มีทาง...
...แล้วจะให้เขาไปรักกัณต์?...
...มันจะเป็นไปได้ยังไง...

เจตรินมองชาลีอย่างคิดคำนึง จนนายแพทย์หนุ่มรู้สึกว่าโดนจ้องจึงละสายตาจากการอ่านผลตรวจที่ถืออยู่ในมือ เงยหน้าขึ้นมอง 'คนไข้' ซึ่งนั่งอยู่ข้างโต๊ะ
“ถ้าให้เดา คุณพยายามนึกว่าเคยเจอผมที่ไหน เพราะผู้ดูคุ้นตา" ชาลีพูดเสียงเรียบ แต่ใบหน้ายังระบายยิ้มเช่นเคย "ใช่ไหมครับ หรือว่าผมคล้ายคนในอดีตคนใดคนหนึ่งของคุณ"
“เอ อดิศวงศ์" เจตรินพึมพำ
“ใครครับ"
“ช่างเถอะครับ คุณไม่รู้จักหรอก" เจตรินส่ายหน้าช้าๆ
...อดิศวงศ์ วงศ์วิริยาธร เด็กหนุ่มที่น่าสงสาร คนที่บูชาความรักเหนือสิ่งใด คนที่เชื่อมั่นในตัวคนรัก คนที่ถูกทำร้ายทั้งกายและใจ ทำไมจะไม่รู้จัก...
...อดิศวงศ์ตายไปแล้วล่ะ เจตริน...
“เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ" ชาลีพูด
“ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว" เจตรินส่ายหน้า
“จำไม่ค่อยได้ หรือไม่อยากจำ" ชาลีเอียงหน้ายิ้ม "ผมเดาว่าต้องเป็นรักแรกของคุณตอนสมัยเรียน ใช่หรือเปล่าครับ"
“ไม่" เจตรินตอบสั้นๆ แล้วหัวเราะเบาๆ เบือนหน้าออกไปมองด้านข้างชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมา
“ชักอยากจะเจอตัวฝาแฝดของผมซะแล้วสิ อยากจะรู้นักว่ายังจะมีใครเหมือนนายแพทย์ชาลีชื่อเชยๆ คนนี้หรือเปล่า"
“ใครว่าคุณชื่อเชย ผมว่าชื่อเท่ดีต่างหาก" เจตรินแย้ง มองตาชาลีนิ่ง ขณะนี้นายแพทย์หนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขามาก นัยน์ตากรุ้มกริ่มของนายแพทย์ผู้ร่าเริงจ้องตอบเขานิ่งเช่นกัน
“แต่อดีตก็คืออดีตใช่ไหมครับ อนาคตสิสำคัญ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่างหากล่ะที่จะมีความหมายต่อชีวิตคนเรา" ชาลีทำเสียงหนักแน่น "เพราะฉะนั้น มองผมใหม่ดีกว่า ผมไม่อยากให้ใครมองผมแล้วเทียบกับคนในอดีต แม้จะมีบางมุมที่เหมือนกันก็เถอะ"
“ผมคิดว่าตาคุณเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก โครงหน้าก็คล้ายๆ"
“แต่นึกไม่ออกว่าใคร"
...หรือไม่อยากนึก...
...แต่อย่าพึ่งนึกออกตอนนี้เลยนะ ขอร้องเถอะ รออีกซักหน่อย เขาจะ 'ขุด' ทุกอย่างในอดีตมาทำให้ 'ระลึกได้' เลยล่ะ...
“ตกลง หมอแน่ใจนะครับว่าผมเป็นมะเร็ง" เจตรินเปลี่ยนเรื่อง น้ำเสียงค่อนข้างเศร้า
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ" ชาลีพยักหน้า ขยับออกห่างเจตริน แล้วพลิกกระดาษผลตรวจในมือไปมา "หมอพูดกับคนไข้แบบนี้ดูใจร้ายไปหน่อยนะ แต่ผมเป็นคนแบบนี้ล่ะ ตรงไปตรงมา หลายคนอาจจะไม่ชอบ"
“ผมชอบ"
“ชอบที่ตรงไปตรงมา หรือว่า...” ชาลีถามแต่รีบเปลี่ยนประเด็น "แต่ถ้าคุณยอมรักษาตัวตามที่ผมแนะนำ คุณต้องหาย ถ้าไม่หาย มาฆ่าผมได้เลย"
“ถ้าผมไม่หาย ผมก็ตายสิครับ แล้วจะมาฆ่าคุณได้ยังไง" เจตรินแย้ง "แต่ไม่ถึงกับต้องฆ่าแกงกันหรอกครับ ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น"
“คุณต้องหายครับ เชื่อผมนะ" ชาลีพูดเสียงหนักแน่น มองเจตรินนิ่ง
“คุณจะอยู่ข้างผมได้ไหมครับหมอ" เจตรินพูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายอึดใจ
“ผมไม่ทิ้งคุณแน่ รับรองได้เลย จะไม่ปล่อยให้คุณไปหาหมอคนอื่นเลย" ชาลีตอบ "ตราบเท่าที่คุณมีเงินจ่ายค่าตรวจรักษา"
เจตรินหัวเราะกับอารมณ์ขันของแพทย์ผู้ที่กำลังทำหน้าเคร่งขรึมต่างกับคำพูดประโยคหลัง ชาลีเก็บผลตรวจของเจตรินเข้าแฟ้มแล้วทำนัดครั้งต่อไป
“เราจะเริ่มคีโมอาทิตย์หน้า"
“คีโม" เจตรินเลิกคิ้ว
“เคมีบำบัดครับ" ชาลีตอบ "เปรียบง่ายๆ เหมือนกับเอาเตารีดนาบเซลล์มะเร็งให้มันหงิกงอตายไปทีละตัวสองตัว"
“คุณพูดซะเหมือนมะเร็งเป็นหนอนยังงันล่ะ"
“มะเร็งเป็นเนื้อร้าย เป็นสิ่งที่ไม่ดีซึ่งงอกขึ้นมาอยู่ในร่างกายมนุษย์ มันก็น่าขยะแขยงไม่ต่างจากหนอนหรอก" ชาลีเบ้ปาก "แต่ว่า ไม่ต้องห่วงครับ สิ่งเลวร้ายต้องโดนกำจัด แพทย์มีวิธีของแพทย์ที่จะทำลายเนื้อร้ายแบบนี้ ต้องเอาให้สิ้นซาก ชนิดไม่ให้ผุดให้เกิดมาอีกเลยล่ะ"
“ฟังเหมือนกำลังจะทำสงครามเลยนะครับ" เจตรินส่ายหน้า
“ครั้งสองครั้งแรกไม่เท่าไหร่หรอกครับ แค่ยิงกันโป้งป้างๆ แต่ครั้งที่สามสี่เหมือนสงครามจริงๆ ล่ะ พอๆ กับสงครามเวียดนามเลยทีเดียว แต่ไม่น่าจะถึงขนาดสงครามโลก ตอนนั้นผมอยากให้คุณพาคนที่รักคุณมาด้วยเพราะครั้งหลังๆ จะค่อนข้างทรมาน เขาจะได้มาให้กำลังใจ"
“หมายความว่าไงครับ"
“มันจะเจ็บ เจ็บมาก เจ็บถึงกระดูก ร้อนมากด้วย เหมือนๆ เอาไดร์เป่าผมขนาดใหญ่เป่าให้ทั่วตัว แล้วเอาเข็มเบอร์ใหญ่ๆ หลายๆ เล่ม แทงๆ ให้ถึงกระดูก เราต้องฆ่าเซลล์มะเร็ง ก็เลยต้องหนักมือหน่อย ทีนี้เซลล์ดีๆ ที่อยู่ในร่างกายก็ต้องได้รับผลกระทบด้วย"
“คุณพูดซะน่ากลัว นี่ถ้าผู้อำนายการโรงพยาบาลมาได้ยินหมอพูดกับคนไข้แบบนี้"
“ก็คงไล่ผมออก" ชาลีหัวเราะ "แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นหมอฝีมือดี ไม่เชื่อถามใครในโรงพยาบาลนี้หรือที่ศิริราชก็ได้ คุณรู้ไหม ผมจบแพทย์ท๊อปเท็นของรุ่นเชียว คนไทยคนเดียวในจำนวนสิบคนที่ได้คะแนนสูงสุด เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัว เชื่อมือผมได้เลย คุณเพิ่งเริ่มเป็น แค่นี้สบายมาก"
“แต่วิธีที่อธิบายให้ผมฟังนี่ดูไม่ค่อยสบาย"
“ถึงได้บอกให้พาคนมาด้วยเพื่อให้กำลังใจไงครับ แฟนก็ได้ คนที่ผมไปเจอที่ทะเลคราวนั้นไง"
“บอกแล้วไงครับว่าไม่...”
“สนิทกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน" ชาลีแทรก สังเกตได้ว่าเจตรินรีบแย้งเสียงเข้ม "อ๋อ เข้าใจแล้ว คงเหมือนผมมั๊งครับ ดูเหมือนว่าจะคบกัน แต่ก็ไม่ไปถึงไหน เฮ้อ สรุปแล้ว ชีวิตนี้ก็คงต้องโดดเดี่ยวเดียวดายแน่ๆ เลย"
“อย่าเพิ่งพูดเร็วไปสิครับหมอ ใครจะรู้ ซักวัน หมออาจจะเจอคนที่ใช่"
...คุณไง เจตริน เมื่อเกือบสิบเอ็ดปีก่อน ผมเคยบอกตัวเองวาคุณคือคนที่ใช่ แล้วเป็นไงล่ะ คุณถีบหัวส่งผมอย่างไม่ใยดี ฝากแผลให้ผมดูต่างหน้าอีกต่างหาก ทั้งแผลกายและแผลใจ...

กัณต์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมมายืนดักรอชาลีอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เขาพยายามบอกตัวเองว่าเพราะต้องการพิสูจน์เสน่ห์ของตัวเอง ไม่มีใครเคยรอดจากเขาได้ซักคน คนที่เขาต้องการ ไม่ว่าใคร เขาต้องได้ และเขาก็ไม่เคยเก็บไว้
แต่ทว่า อีกใจหนึ่งก็แย้งว่า...ไม่รู้ว่าทำไม
...ทำไมล่ะ ทำไม...
...ทำไมมาทำอะไรแบบนี้...
ชาลีเห็นเขาแล้ว รอยยิ้มมุมปากนั้นแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมาก และไม่ได้หวั่นเลยว่าจะเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้
...มาสู้กันหน่อยนะ หมอชาลี...
“มาถึงคุณคงเดินตรวจหาว่าผมจอดรถตรงหน้าโรงพยาบาถึงได้มายืนดักอยู่ตรงนี้ สมกับเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวนจริงๆ จะมาชวนผมไปทานข้าวใช่ไหมครับ" ชาลีพูดยิ้มๆ เดินเข้ามายืนอยู่หน้านายตำรวจ
“แล้วก็ดูหนังฟังเพลง" กัณต์ตอบยิ้มๆ เช่นกัน
“ทำไม" ชาลีเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งเรียบ
“เพราะผมหิว"
“ทำไม"
“เพราะผมไม่ได้เจอคุณหลายวันแล้ว" กัณต์ยักไหล่
“ทำไม"
“คุณจะเล่นเกมถามคำถามอีกคำถามครับคุณหมอชาลี" กัณต์ทำเสียงเข้ม "คุณเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ใช่หรือ ก็ได้ ผมจะตอบคำถามคุณตรงๆ"
“คุณคิดจะชวนผมไปนอนด้วย" ชาลีหรี่ตา พูดตรงไปตรงมาแบบที่คนฟังไม่เคยคิดจะเดาว่าจะพูดแบบนี้
“ฮึ" กัณต์ยิ้มมุมปาก ทำเสียงเยาะๆ ในลำคอ
“ผมอ่านความคิดคุณออก" ชาลีเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าผากของนายตำรวจร่างสูง
“อ่านใจผมดีกว่า อย่าพยายามอ่านความคิดผมเลย"
“ใจคนเหมือนเถาวัลย์"
“ตกลงไปไหมครับ" กัณต์เลิกคิ้ว "หรือจะยืนอ่านผมต่อ"
“อ่านแค่นี้ก็พอแล้ว" ชาลียักไหล่แล้วเดินนำหน้ากัณต์ออกไปยังลานจอดรถ "คุณเป็นคนอ่านง่าย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคุณต้องการอะไร คุณฉุนที่ใช่เสน่ห์ของคนเจ้าชู้กับผมไม่ได้ คุณคิดว่าผมคือความท้าทายเพราะไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่คุณเคยคบ คุณอยากจะได้ผม เพื่อจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ"
“ผมว่าคุณเปลี่ยนไปเป็นหมอจิตวิทยาดีกว่า"
“คุณกะจะปิดเกมให้ได้ในเร็ววัน" ชาลีหันไปทำหน้าเรียบนิ่งกับกัณต์ซึ่งเดินตามมาติดๆ "เพราะคุณกลัวจะแพ้"
“ไม่แน่ อาจจะเป็นคุณที่กลัว" กัณต์ยังทำเสียงอย่างคนใจเย็น
“เพราะคุณกลัวแพ้ คุณถึงได้ตามผมแบบนี้ คุณรอเวลาไม่ไหวแล้วถึงได้เปิดเกมรุก"
“เท่าที่ผมจำได้ คุณเปิดเกมก่อน ไม่งั้นคงไม่กลับไปตอแยกับผมหรอก ทั้งที่คุณก็ดูไม่ค่อยจะอยากญาติดีกับผมเท่าไหร่ ความจริง เราก็ควรจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันตั้งแต่วันที่คุณไปชี้ตัวอยู่ต้องหาแล้ว คดีปิด ทุกอย่างจบ เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องเจอกันอีก"
“งั้นหรือ" ชาลีเลิกคิ้ว
“แต่คุณก็ขึ้นโรงพักไปแจ้งความว่ารถถูกทุบกระจก เรื่องนั้นเป็นการแจ้งความเท็จ ผมไม่ได้คิดจะเอาผิดกับคุณหรอก คุณจงใจจะสานความสัมพันธ์ แต่พอผมทำท่าจะเดินหน้า คุณก็ถอย แล้วจู่ๆ คุณก็ชวนผมไปเที่ยวทะเล"
ชาลีเดินถึงรถ ยกมือขึ้นกดรีโมทเปิดล๊อครถคันงาม กัณต์เท้ามือกับประตูรถด้านคนขับแล้วพูดเสียงต่ำ
“คุณจงใจปั่นหัวผม แล้วตอนนี้คุณก็เลี่ยง ผมรู้ว่าเพราะอะไร เหตุผลข้อที่หนึ่ง คุณต้องการทุ่มเวลาไปกับการแก้แค้นแฟนเก่าของคุณ และข้อที่สอง...” กัณต์หยุดพูด จ้องหน้าชาลีนิ่ง หายใจแรงเพราะอารมณ์เริ่มพุ่งพล่านทั้งที่เมื่อครู่พยายามทำเป็นใจเย็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้มีปัญหาในการควบคุมตนเองเช่นนี้
“ข้อสอง คุณให้ผมเก็บไปนอนคิดเป็นการบ้านงั้นสิ" ชาลีเชิดหน้าขึ้นท้าทายกัณต์
“คุณเลี่ยงผมหรือเปล่า ชาลี" กัณต์เลิกคิ้ว นิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดช้าๆ ว่า "อดิศวงศ์"
“ผมไม่ใช่อดิศวงศ์" ชาลีเสียงกร้าว ถลึงตาใส่กัณต์อย่างเอาเรื่อง "เด็กหน้าโง่คนนั้นตายไปตั้งนานแล้ว แต่ถ้าคุณอยากไปเตือนผู้ชายคนนั้นก็เชิญเลย"
...เดินหมากผิด เขาเดินหมากผิด ตั้งใจจะสานสัมพันธ์กับชาลี แต่เขากลับเสียการควบคุมตัวเอง...
...มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเรากันนี่...


 :L1: คิดถึงนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-03-2010 13:18:59
^
^
จิ้ม + พี่ไร้ท์เตอร์ค๊า

ดุเด็ดเผ็ดมันส์จริงๆ เลยอ่า ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 03-03-2010 14:37:34
แวะมา  +1  ให้นะครับ

มันชักจะเข้มข้นขึ้นแล้วละครับ

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 03-03-2010 15:23:36
คริคริ คุณตำรวจขา ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เพราะว่า...ตกหลุมรักคุณหมอช่างเจ้าคิด
เจ้าแค้นคนนี้รึป่าวล่ะเคอะ แหม...ทำมาหงุดหงิด โมโหใส่เค้า :เฮ้อ:
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะคะ แม่ชาลีแค้นฝังหุ่น....แก้แค้นแล้วได้อะไร
ชนะแล้วได้อะไร ล่ะคะ ...ความสะใจความพึงพอใจมันเป็นสิ่งที่คิดไปเองเท่านั้น
อิตา..เจตริน ไม่น่าเป็นมะเร็งตายหรอกนะคะ น่าจะเป็น เอดส์...ตายมากกว่า
แหม........กับหมอที่รักษาตัวเองก็อ้อนซะขนาดนี้ ชิส์

+1 คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 03-03-2010 15:25:54
ชื่อคุณหมอในอดีต ไฮโซวมั่กๆค่ะ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 03-03-2010 15:35:41
สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ

+1 :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 03-03-2010 15:56:56
กัณต์ จีบเล่นทิ้งๆ ขว้างๆ มาตลอด
มาเจอคนที่สนใจจริงๆ กลายเป็นไอ้อ่อนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 03-03-2010 16:06:48
เพลงคุณนายคุ้นหูซะ บ่งบอกมาก
คุณหมอชาลี แก้แค้นด้วยการทิ่มแทงใจด้วยคำพูด น่ารักจริง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 03-03-2010 17:17:33
เครียดอะ
อ่านเรื่องนี้แล้วเครียดมากๆเลย
กดดันสุดๆๆๆๆ
แต่ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-03-2010 19:17:25
แล้วแบบนี้คุณหมอจะตัดสินใจไงต่อล่ะค๊า
ผู้กองอีกคน ควบคุมตัวเองไม่ได้ซะงั้น
ฮร่า ๆๆๆ รักคุณหมอเข้าแล้วอ่ะดิ่ ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 03-03-2010 19:19:14
คนเราจะเอาอดีตที่เจ็บปวดมาทำร้ายตัวเองทำไม สู้ไปหาใหม่ๆสดๆดีกว่านะคุณหมอ :really2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-03-2010 20:24:07
คุณฉุนที่ใช่เสน่ห์ของคนเจ้าชู้กับผมไม่ได้ คุณคิดว่าผมคือความท้าทายเพราะไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่คุณเคยคบ คุณอยากจะได้ผม เพื่อจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ




 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 03-03-2010 20:38:37
บทนี้ ดูคุณหมอกะ คุณตำรวจ กินกันไม่ลง  สรุป เสมอไปก่อน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-03-2010 20:40:21


หมอชาลี น่ารัก  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 03-03-2010 21:01:34
จะมีสักวันไหมน้า ที่จะคุยกันดี ๆ  o8

ปล. เพลงที่บอกว่า เมียมีเมียพี่ต้องมานะ รู้จักครับ ถึงจะยังไม่แก่เท่าพี่นายก็ตาม

     เป็นกำลังใจให้ครับ แล้วก็อีก +1
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 03-03-2010 21:23:01
ขอบคุณมากนะครับ เข้าข้นเข้าทุกวันแล้วอิอิ

 :L1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-03-2010 21:40:32
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 03-03-2010 22:13:26
บอกได้คำเดียวเลย
ว่า....มันส์มากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 03-03-2010 22:14:11
ยกนี้หมอชาลีชนะสารวัตรอีกแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 04-03-2010 00:10:40
 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 04-03-2010 00:40:14
โธ่ คุณตำรวจ อย่าให้เสียชื่อสิ
เอาใจช่วยให้พิชิตใจหมออยู่นะ
มาเสียการควบคุมตัวอะไรตอนนี้  :z3:
มีลูกไม้เด็ดอะไร งัดออกมาใช้ให้หมดสิ  555 :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 04-03-2010 04:37:10
เข้มข้นจริงๆ รู้ทันกันตลอด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 04-03-2010 06:09:01
แบบนี้รึเปล่าน้า

ที่เค้าเรียกว่าความรัก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 04-03-2010 23:40:22
ตอนหมอชาลีอธิบายการรักษามะเร็งมันน่ากลัวมากๆ กะให้เจตรินเสียกำลังใจ แบบนี้เค้าเรียกเชือดนิ่มๆนะหมอ

สารวัตรนะสารว้ตร บอกแล้วจะมารบกับหมอชาลีต้องวางแผนให้รัดกุม นี่ก้อโดนสอยกลางอากาศ (อีกแล้วครับท่าน)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 04-03-2010 23:47:00
เข้มข้นมาก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-03-2010 23:56:22
ชาลีแรงจริงๆชอบๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 05-03-2010 03:02:32
อ่านเรื่องนี้แล้วเหนื่อยจริงๆ
ลุ้นตัวโก่งเลย
T  T"
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 15 "อย่าคิดว่าจะหนีพ้น" (3/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 05-03-2010 05:17:22
เดินหมากผิดเพราะเวลายั่วเค้าแล้วก็ขึ้นทุกทีน่ะสิสารวัตร
ต่อปากต่อคำกันทีไรได้นอกเรื่องทุกทีสิหน่า 555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 05-03-2010 11:23:20
เพลิงรัก บทที่ 16

กัณต์ถอนหายใจเบาๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปล่อยมือจากประตูรถของอีกฝ่าย แต่ชาลียังยืนนิ่ง มองที่ประตูรถด้วยสายตาว่างเปล่า
“ผมขอโทษ"
“เรื่องอะไร" ชาลีเอียงหน้าถาม "เรื่องที่จงใจเรียกผมด้วยชื่อเดิม หรือเรื่องที่ว่าผมจงใจปั่นหัวคุณ"
“คุณทำทำไม" กัณต์เสียงอ่อนลง แต่ชาลีไม่ตอบ ทั้งสองต่างยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่
“ยังอยากจะชวนผมไปทานข้าว ดูหนังฟังเพลงอยู่อีกหรือเปล่่าครับ" จู่ๆ ชาลีก็พูดขึ้นมา
กัณต์ขมวดคิ้ว มองชาลีอย่างครุ่นคิดระคนแปลกใจที่อีกฝ่ายเปลี่ยนประเด็น แต่ทว่า ร่างกายกลับตอบสนองไปก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกมา
เขาพยักหน้าช้าๆ เหมือนไม่รู้สึกตัว
...จนป่านนี้ ชาลีก็ยังพยายามปั่นหัวเขาอยู่ดีนั่นล่ะ...
“ดูหนังฟังเพลงคงไม่ได้หรอกนะ ผมไม่มีเวลา ผมยังต้องแบ่งเวลาให้คนอื่นด้วย จู่ๆ คุณก็มาแบบนี้ ทานข้าวอย่างเดียวก็แล้วกัน" ชาลีเปิดประตูรถพลางหันมาพูดกับกัณต์ "เดี๋ยวนี้เลยไหมครับหมวด เอ๊ย สารวัตร คุณจะขับรถตามมาหรือไปด้วยกัน แต่ผมไม่กลับมาส่งคุณที่นี่หรอกนะ เพราะฉะนั้นขับรถตามไปดีกว่า"
กัณต์ไม่ตอบ เดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านขึ้นนั่งคู่กับชาลี แต่เมื่อเห็นคนขับยังนั่งนิ่งอยู่นานจึงเอื้อมมือไปบิดกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ
“ผมยังไม่ได้เหยียบเบรกเลย รถพุ่งจะว่ายังไง" ชาลีโวยวายเสียงไม่ดังเท่าใดนัก
“พุ่งก็ชนเบ็นซ์คันข้างหน้า แต่ไม่เป็นไร ผมเป็นตำรวจระดับสารวัตร ผมเคลียร์ได้"
“คุณขับ" ชาลีเลื่อนเกียร์มาที่ตำแหน่งจอดรถแล้วเข้าเบรกมือ แต่กัณต์ส่ายหน้า
"คุณหมอชาลีครับ จะถ่วงเวลาทำไม"
“ใครว่าผมถ่วงเวลา ผมจะให้คุณขับต่างหาก ผมเหนื่อย วันนี้คนไข้เยอะ ขับรถไม่ไหวหรอก" ชาลียักไหล่
“รถคุณคันเล็ก ผมขับไม่ถนัด ที่นั่งคนขับแคบ เข่าผมดันพวงมาลัย"
“ผมไม่ไปรถคุณหรอกนะ ผมไม่ชอบนั่งรถยุโรป" ชาลีส่ายหน้า
“เราไปแท๊กซี่ดีไหมครับ ต่างคนต่างได้นั่งสบาย" กัณต์เลิกคิ้ว "แท๊กซี่เป็นรถญี่ปุ่นทั้งนั้น"
“ได้" ชาลีพยักหน้าแล้วเปิดประตูทำท่าจะลงจากรถ
“โอเคๆ ผมขับก็ได้ ไปคันนี้ล่ะ" กัณต์ยอมแพ้ เปิดประตูลงจากรถเช่นกัน
“จะชนะให้ได้เลยนะ เชื่อเขาเลยจริงๆ" กัณต์บ่นพึมพำเมื่อเดินอ้อนด้านหน้ารถเพื่อไปยังอีกด้านหนึ่งของรถ เขาเห็นชาลีซึ่งลงจากรถทีหลังกำลังจะเดินอ้อมมาทางด้านหน้าเช่นกัน แต่กลับหมุนตัวแล้วเดินอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อเปลี่ยนที่นั่งกัน
กัณต์นั่งยิ้มแบบหน้าตึงๆ อยู่ในรถที่โดนนายแพทย์เจ้าอารมณ์จงใจกวนประสาท ชาลีทำให้เขาอยากยิ้มและอยากแยกเขี้ยวในเวลาเดียวกัน และตอนนี้ก็จงใจเดินอ้อมรถมาช้าๆ เพื่อให้เขานั่งรออยู่ที่หลังพวงมาลัยนานๆ
...กว่าจะได้ทานอาหารด้วยกัน ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะเนี่ย คอยดูสิ พอขึ้นรถ ก็คงจะล้วงเอาหูฟังมาเสียบหูเพื่อฟังเพล ง ตัดการสื่อสารกับเขาโดยสิ้นเชิงแน่ๆ...
...“ดูหนังฟังเพลงคงไม่ได้หรอกนะ ผมไม่มีเวลา ผมยังต้องแบ่งเวลาให้คนอื่นด้วย จู่ๆ คุณก็มาแบบนี้ ทานข้าวอย่างเดียวก็แล้วกัน" ฮึ พูดออกมาได้...
...อยากจะให้ผมขับรถใช่ไหม ได้เลย ผมจะพาไปไกลๆ...
“อ้าว ไปสิครับ หิวข้าวแล้วนะ คุณจะรออะไรอีก ปลดเบรกมือก่อนนะครับ รู้ไหมว่าอยู่ตรงไหน รถญี่ปุ่นไม่เหมือนรถยุโรป มันต่างกัน เหมือนคนที่ต่างคนก็ต่างความคิด ไม่เหมือนกัน"
“ผมนึกว่ารถคันนี้ทำมาพิเศษ ไม่เหมือนใครในโลก" กัณต์อดพูดกระทบกระเทียบกลับคืนอีกฝ่ายไม่ได้
“รถไม่ใช่คน ใช้คำสรรพนามว่า ใคร ไม่ได้หรอกครับ สารวัตร"
“โทษที ผมเป็นแค่ตำรวจ ไม่ได้จบเมืองนอก เลยใช้ภาษาไทยไม่ค่อยถูก"
กัณต์ปรับเบาะจนต่ำสุด แต่ศีรษะก็ยังดันเพดานรถเพราะเป็นคนตัวใหญ่ นายตำรวจจึงเอนเบาะลงอีกแล้วพยายามขยับตัวให้นั่งได้สบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชาลีลอบมองแล้วแอบอมยิ้ม รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันใดที่ได้แกล้งกัณต์
...ขอซักหน่อยเถอะ ซักนิดก็ยังดี ได้แกล้งกัณต์แล้วรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาจริงๆ เลย...

แต่ชาลีก็นั่งอารมรณ์ดีได้ไม่่นานเมื่อสังเกตว่านายตำรวจขับรถมุ่งตรงขึ้นทางด่วน
“คุณจะไปไหน" ชาลีถาม
“ไปทานข้าว" กัณต์ตอบ "ส่วนดูหนัง ฟังเพลงเอาไว้วันหลัง เพราะวันนี้คุณต้องแบ่งเวลาให้เด็ก ผมทราบแล้ว"
“ที่ไหน"
“พอดีคุณไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีร้านที่เคยไปทานกับศักดิ์สิทธิ์เพื่อนของผม แฟนเก่าของคุณ ไกลหน่อย แต่อาหารอร่อย บรรยากาศดีครับ"
“ผมไปกินข้าว ไม่ได้ไปกินบรรยากาศ ที่ไหนผมก็กินได้"
“สายไปแล้วครับ ผมเปลี่ยนเลนไม่ได้แล้ว เรากำลังจะขึ้นทางด่วน" กัณต์ยักไหล่ พูดด้วยเสียงราบเรียบธรรมดา
“ถ้าผมเป็นคนขับ แค่นี้ผมเปลี่ยนเลนจากขวาสุดไปซ้ายสุดได้สบายมาก"
“เสียดายคุณไม่ได้เป็นคนขับ" กัณต์ทำหน้าเสียดายแทนชาลี
“แค่นี้ก็เปลี่ยนเลนไม่ได้"
“สี่เลนส์เลยนะครับคุณหมอ" กัณต์ตอบ "แต่ทำไงได้ ผมเป็นคนขับซะแล้ว เลยทำอะไรไม่ได้แบบที่คุณทำ"
“มีอะไรที่ผมทำไม่ได้บ้าง" ชาลีเหยียดปาก
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง"
“ไม่ต้องมาประชด"
“ผมไม่ได้ประชด"
“คุณไม่เคยประชดผมหรอก ผมรู๊" ชาลีขึ้นเสียงสูงท้ายประโยค
“ใครประชดใครกันแน่" กัณต์พึมพำเบาๆ แล้วนิ่งเงียบ
ยกที่สองจบลง เขาให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ ยกแรกนั้นเป็นของชาลีเพราะทำให้เขายอมเป็นคนขับรถได้
...แต่ยกที่สามเขาต้องชนะ การแข่งขันคืนนี้มีแค่สามยก...

ชาลีทานสลัดอย่างช้าๆ ไม่พูดไม่จา ทำเสมือนว่านั่งอยู่คนเดียว มือใช้ซ่อมบรรจงจิ้มผักทีละชิ้นส่งเข้าปากประหนึ่งนับไปด้วยว่าตัวเองทานไปกี่ชิ้น กัณต์ทานอาหารจานของตัวเองอย่างเงียบๆ สลับกับเงยหน้าขึ้นมองนายแพทย์หนุ่มด้วยตาขวางๆ
ขับรถมาตั้งใกล ร้านอาหารบรรยากาศดีมาก บริการดีเยี่ยม เมนูหลากหลาย อาหารอร่อย แต่ชาลีสั่งมาทานเพียงจานเดียว
“คุณจะทานแค่นี้จริงหรือครับ" กัณต์อดถามไม่ได้หลังจากต่างคนต่างนั่งทานอาหารเงียบๆ มาเป็นเวลานาน
“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ" ชาลีตอบ
กัณต์หรี่ตามองอีกฝ่าย พยายามคิดตามว่าชาลีต้องการสื่อสารอะไร
“ตอนเย็นผมทานแต่สลัด" ชาลียกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วยิ้มให้กัณต์อย่างเยือกเย็น "เหนื่อยหน่อยนะครับ ขับรถมาตั้งใกล้ จะให้กินบรรยากาศ แต่ผมคงกินได้แค่สลัดจานเดียวนี่ล่ะ"
“รถคุณ น้ำมันคุณ ถึงเงินค่าทางด่วนเป็นของผมก็เถอะ" กัณต์ยักไหล่
“ไม่เป็นไร รถผมไม่กินน้ำมันเหมือนรถยุโรป รถเรามันต่างกัน" ชาลียักไหล่เช่นกันก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกว่าจะไปห้องน้ำพลางปรายตามองพวงกุญแจรถที่วางอยู่ข้างแก้วน้ำของกัณต์
“เชิญตามสบายครับ" กัณต์เงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน มือค่อยๆ เลื่อนไปวางทับอยู่บนพวงกุญแจรถ
ชาลียืนนิ่งอยู่ชั่วไม่กี่อึดใจแล้วยิ้มให้นายตำรวจและวางกระเป๋าธนบัตรของตัวเองลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปยังด้านหลังของร้านอาหาร ทิ้งให้กัณต์มองตามด้วยสีหน้ายิ้ม
“เอาเข้าไป หมอชาลี คุณนี่ยังไงกันนะ" กัณต์พูดอยู่คนเดียวแล้วหลุบตาลงมองกระเป๋าธนบัตรสีน้ำตาลเข้มของนายแพทย์ชาลีที่เจ้าตัวจงใจวางเอาไว้ สารวัตรหนุ่มมองอย่างครุ่นคิด ในใจสั่งว่าให้หยิบมาเปิดดูเพราะอยากจะ 'เห็น' ความเป็นส่วนตัวของชาลีบ้าง แต่ก็ในที่สุดก็ห้ามใจตัวเองไว้ได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
...ชาลีจงใจ ต้องการจะปั่นหัวเขา แค่สายตาที่มองกุญแจก้สื่อสารให้รู้ว่าอาจจะแย่งกุญแจไปและหนีกลับไปก่อน พอเขารู้ทันก็ทิ้งกระเป๋าเงินเอาไว้ เพื่อบอกว่า นี่ไง ผมไม่ได้คิดจะหนีหรอก ไม่มีกระเป๋าก็ไม่มีเงินค่าแท๊กซี่...
...แต่ก็อาจไม่ใช่อย่างนั้น ชาลีอาจไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย แต่ก็อย่างว่า ชาลีจงใจปั่นหัวเขา...
...เพราะอะไร สนุกนักหรือ...
...สนุกสิ เขาก็รู้สึกสนุก...
...มีชีวิตชีวาดี...

การรักษาด้วยเคมีบำบัดครั้งแรกของเจตรินผ่านไปอย่างราบรื่น มีคนมาให้กำลังใจเจตรินกันหลายคน จนชาลีล้อว่ามากันทั้งครอบครัว
“ผมอิจฉาที่คุณมีคนรักและเป็นห่วง" ชาลีพูดกับเจตรินขณะที่นั่งรออยู่หน้าห้องจ่ายยา "ตอนผมเข้าโรงพยาบาล มีคนมาให้กำลังใจผมแค่คนเดียว"
“คนเดียวที่รักคุณมาก ก็น่าจะพอแล้วนะครับ" เจตรินตอบ
“ใช่ ที่คุณพูดก็ถูก" ชาลีพยักหน้าเห็นด้วย
...แต่คืนนั้น กลางดึก คนที่พาเขาส่งโรงพยาบาลเป็นคนแปลกหน้าสองคน คนหนึ่งเป็นเพื่อนบ้านซึ่งเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านอยู่ข้างๆ อีกคนเป็นยามหน้าหมู่บ้าน...
...ส่วนคนที่เขารัก เดินไปขึ้นรถและขับหนีไป หลังจากที่ซ้อมเขาจนหนำใจ...
...เจตรินในวันนั้นกับเจตรินในวันนี้ช่างต่างกันเหลือเกิน...
...แต่เจตรินในวันนี้ก็ยังคงเป็นคนเดิมนั่นล่ะ เพียงแต่ว่าสันดานเลวๆ จะสำแดงออกมาเมื่อไหร่...
...ก็เมื่อหมอชาลีหลงรักจนหัวปักหัวปำนะสิ เหมือนตอนที่อดิศวงศ์รักนั่นไง เมื่อมีใครรักจนชีวิตนี้ขาดไม่ได้ เจตรินก็กลายร่างจากเทพบุตรเป็นมารร้าย เมื่อผู้ชายคนนี้หมดรักแล้ว ใจก็กลายเป็นสีดำสนิท...
...กลายเป็นคนละคน...
“ขอบคุณนะครับที่คอยดูแลผมอย่างดี นี่ไม่ต้องกลับไปตรวจคนไข้อีกหรือครับ" เจตรินถาม
“ไม่ต้องแล้วครับ" ชาลีส่ายหน้า "วันนี้หมดนัดตรวจแล้ว" ชาลียิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วหันไปยิ้มให้คุณหญิงฟาติมาที่เดินเข้ามาหา
“ขอบคุณหมอมากนะคะที่ช่วยดูแลลูกชายฉันเป็นพิเศษ ได้คุณหมอมารักษาเจ ฉันก็อุ่นใจ" คุณหญิงฟาติมาเปลี่ยนท่าที เมื่อครู่ เธอได้คุยกับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งชื่นชมชาลีว่าเป็นหมอที่เก่งมาก ทั้งเธอเองก็สังเกตเห็นได้ว่าหมอชาลีได้ให้การดูแลเอาใจใส่เจตรินเป็นพิเศษ ส่วนลูกชายของเธอเองก็เอาแต่ชมหมอที่รักษาตัวเองไม่ขาดปาก
“อาทิตย์หน้าผมจะต้องไปประชุมวิชาการที่สิงคโปร์สามวัน ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมทางมือถือได้นะครับ แต่ถ้ากำลังประชุมอยู่ผมอาจรับโทรศัพท์ไม่ได้ ฝากข้อความเสียงเอาไว้แล้วผมจะรับโทรกลับ แต่ผมว่าคงไม่มีอะไร คุณเจตรินเข้มแข็งมาก ทั้งกายและใจ ยิ่งได้คุณที่รักและคอยเป็นกำลังใจแบบนี้ ทั้งญาติทั้งเพื่อนด้วย แบบนี้ก็สบายใจได้"
“ฉันไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรหรอกค่ะ" คุณหญิงฟาติมาพูดอย่างมั่นใจ "ลูกฉันเจออะไรมานักต่อนักแล้ว ฉันสงสารลูก"
...เจออะไรมานักต่อนัก ช่างกล้าพูด เจตรินนี่หรือน่าสงสาร...
“ผมในฐานะหมอ ก็จะรักษาคนไข้จนสุดความสามารถครับ และจะไม่ให้คุณเจตรินเป็นอะไรเหมือนกัน" ชาลีกล่าวเสียงหนักแน่น
“เจต้องหายนะคะหมอ"
“ผมหายแน่ครับคุณแม่" เจตรินแทรกขึ้น
“หายแน่ครับ ผมรับรอง" ชาลียิ้มอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเจเป็นอะไรไป ฉันคงขาดใจตาย"
“โธ่ คุณแม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรหรอก อย่าเพิ่งแช่งกันสิ" เจตรินโอดครวญ
“ใช่ครับคุณหญิ คุณเจตรินจะต้องไม่เป็นอะไร นี่ยังแค่เริ่มต้น โชคดีที่เราตรวจเจอตอนเพิ่งเริ่มเป็น ไม่ต้องห่วง ขอเวลาอีกซักสองสามเดือน จะบอกได้ชัดเจนขึ้น ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มให้การรักษา ต้องคอยดูผลอีกซักระยะ" ชาลีแสดงความมั่นใจ
...ไม่เกินสามเดืิอนหรอก ทุกอย่างจะชัดเจนมากกว่านี้ และ 'ผล' ที่ออกมา รับรองว่าเจตรินและคุณหญิงฟาติมาจะลืมไม่ลง...

นาวินถอดเสื้อออกยัดใส่ตู้ล๊อคเกอร์พร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขามายิมคนเดียวเพราะชาลีเดินทางไปประชุมวิชาการที่ต่างประเทศ ก่อนไป พี่ชายได้สั่งสอนเขาอย่างละเอียดยิบเพราะความเป็นห่วงจนถึงขนาดบอกว่าจะเอาเขาไปฝากไว้กับหมอเอกภพ วันนี้เขาซ้อมบาสเก็ตบอลนานกว่าทุกครั้งเพราะต้องการให้พร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขันที่โรงเรียนกลางอาทิตย์หน้า
“หิวข้าวหรือยังนาวิน" เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างๆ ทำให้นาวินสะดุ้ง
“พี่เอ็กซ์"
“ยังไม่อาบน้ำอีกหรือ เห็นหายเข้ามาตั้งนานแล้ว" เอ็กซ์ถาม
“ผมมัวแต่โทรศัพท์รายงานตัวผู้ปกครองอยู่ครับ" นาวินหัวเราะ "พี่หมอเป็นห่วงผมข้ามประเทศ"
“ความจริงนาวินก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เอ็กซ์แสดงความเห็น "ดูสิ ตัวโตขนาดนี้ สูงใหญ่พอๆ กับพี่ แผงอกปึ๊กไม่ใช่เล่น" เอ็กซ์ก้มลงมองแผ่นอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มรุ่นน้องแล้วกำมือชกหน้าอกของอีกฝ่ายเบาๆ
“ผมไม่ค่อยได้ยกเวทเลย มายิมที่ไรก็เล่นแต่บาสกับว่ายน้ำ"
“นาวินเป็นคนโครงสร้างสวย ถ้าเล่นเวทหนักๆ หุ่นจะดีมากเลยรู้ไหม" เอ็กซ์ชม
“พี่หมอบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้ ผมยังเด็ก ยังมีเวลาอีกเยอะ"
“ใครว่าเด็ก พี่ว่านาวินเป็นผู้ใหญ่แล้ว"
“อายุ 17 ปีนี่นะผู้ใหญ่" นาวินเบิกตากว้าง "ความจริงผมก็ว่าตัวเองยังเป็นเด็กเหมือนที่พี่หมอพูดนั่นล่ะ เพราะผมยังชอบทำอะไรแบบเด็กๆ อยู่เลย"
“ก็ลองหาอะไรทำแบบผู้ใหญ่บ้างสิ" เอ็กซ์หัวเราะเบาๆ
“อะไรครับ ผู้ใหญ่นี่เขาทำอะไรกันเหรอ" นาวินเลิกคิ้ว แสดงสีหน้าอยากรู้
“รีบไปอาบน้ำเถอะ พี่จะพาไปหาอะไรทำแบบผู้ใหญ่ แล้วจะไปส่งบ้าน" เอ็กซ์ถอดเสื้อของตัวเองออก อวดแผงอกล่ำสันไม่แพ้อีกฝ่าย
“โห พี่เอ็กซ์กล้ามบึ้กเลยนะเนี่ย" นาวินทำหน้าชื่นชม
“พี่เล่นเวทหนัก" เอ็กซ์กำมือทุบหน้าอกตัวเอง "พี่อยากให้มันแข็งๆ"
“ผมอยากได้แบบนี้จัง"
“ลองจับดูสิ"
“แข็งเป็กจริงๆ" นาวินอุทานหลังจากเอื้อมมือไปจับแผงอกของชายหนุ่มรุ่นพี่
“อายุเท่านาวินนี่เหมาะเลยล่ะ เริ่มซะตอนนี้ หุ่นดีแน่ๆ ไม่เกินหนึ่งเดือนหรอก" เอ็กซ์แนะนำ
“ผมจะแอบพี่หมอเล่น" นาวินทำตาเป็นประกายวิบวับอย่างนึกสนุก "พี่เอ็กซ์ต้องช่วยสอนผมเล่นนะครับ"
“ได้ครับ พี่จะเป็นเทรนเนอร์พิเศษให้" เอ็กซ์ยิ้มแล้วถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในออก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายและปรายตาลงมองท่อนล่างของนาวินซึ่งยังสวมกางเกงขาสั้นอยู่แล้วพูดว่า "เมื่อไหร่จะอาบน้ำเนี่ย"
“จะอาบแล้วครับ" นาวินพยักหน้าแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวก่อนจะล้วงมือเข้าไปใต้ผ้าเพื่อถอดกางเกง
“เหมือนเด็กจริงๆ ด้วย" เอ็กซ์หัวเราะเสียงเบา
“เหมือนเด็กยังไงครับ" นาวินถาม
“ก็วิธีถอดกางเกงแบบนี้มีแต่เด็กเขาทำกัน"
“ผมไม่กล้านี่นา" นาวินยิ้มแหยๆ "มันชินแล้วล่ะครับ อยู่ที่บ้านผมยังเผลอถอดกางเกงแบบนี้เลย"
“แล้วเมื่อไหร่จะเป็นผู้ใหญ่ล่ะเนี่ย"
“คงตอนบรรลุนิติภาวะล่ะมั๊ง" นาวินหัวเราะแล้วเก็บกางเกงเข้าตู้ล๊อคเกอร์ก่อนจะหันหลังให้พี่เอ็กซ์แล้วเดินเข้าไปยังส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มรุ่นพี่มองตามด้วยสายตายิ้มๆ
...อีกไม่นานหรอกนาวิน อีกไม่นานหรอก คนเราจะเป็น 'ผู้ใหญ่' ได้ไม่จำเป็นต้องรอให้บรรลุนิติภาวะหรอก ส่วนหมอชาลีเองก็คงห้ามไม่ให้น้องโตเป็นผู้ใหญ่ได้ จะปกป้องนาวินได้นานแค่ไหนกัน มัวแต่ปกป้องน้องชาย ตัวเองอาจเผลอเปิดช่องให้คนอื่นเข้าโจมตี...
...ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เขาไม่อยากจะรอต่อไปอีกแล้ว ความอดทนของเขากำลังจะสิ้นสุดแล้ว...

หลังจากกลับจากสิงคโปร์ชาลีก็ให้ความสนิทสนมกับเจรินมากขึ้น ถึงกับออกไปรับประทานอาหารและชมภาพยนต์ด้วยกัน ตลอดจนเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า และคืนนี้ ชาลีได้มาร่วมงานเปิดร้านเสื้อผ้านำเข้าแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสซึ่งบริษัทลูกอีกบริษัทหนึ่งของเจตรินได้เป็นตัวเแทนจำหน่าย
คืนนี้ชาลีเป็นแขกพิเศษของประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ได้นั่งเก้าอี้แถวหน้าสุดเพื่อชมการเดินแบบแฟชั่นที่จัดขึ้นในร้านสุดหรู งานกำลังจะเริ่ม เขานั่งติดกับเจตริน ถัดไปเป็นอรินนา พี่สาวของเจตรินซึ่งเป็นทัณตแพทย์ เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าเจตรินมีพี่สาว ถัดจากอรินนาเป็นน้องชายของคุณหญิงฟาติมาซึ่งนั่งเด่นในฐานะประธานบริษัทแม่ซึ่งมีบริษัทในเครือทำธุรกิจหลายอย่าง
ชาลีเผยอถอนหายใจอย่างเบื่อๆ เพราะไม่ชอบงานแบบนี้ นายแพทย์หนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเบื่อๆ แต่สายตากับประสานกับสายตาคู่หนึ่งที่มองมาจากฝั่งตรงกันข้าม
ชายคนนั้นยิ้มให้พร้อมกับค้อมศีรษะลงเป็นการทักทาย ชาลียิ้มตอบและพยายามนึก ไม่นานก็จำได้ว่านี่คือ 'พี่เอ็กซ์' ของนาวิน เขาแปลกใจมาที่เห็นพี่เอ็กซ์ในชุดสูทหรูสีดำ นั่งอยู่เคียงข้างสาวสวนเปรี้ยวจัดในชุดสีแดงเพลิง ท่าทางสนิทสนมกันยิ่งนัก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภาพของพี่เอ็กซ์ในความคิดของเขาคือชายหนุ่มสวมชุดกีฬา เล่นบาสเก็ตบอลอยู่ในสนามกับนาวินและผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีมของยิม
เมื่อการเดินแฟชั่นจบลงก็เป็นงานเลี้ยงคอกเทล เจตรินยุ่งมากกับการต้อนรับลูกค้า ชาลีจึงปลีกตัวมายืนอยู่หน้าร้าน แต่ไม่นานก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น
นายแพทย์หนุ่มหันไปจึงเห็นว่าเป็นพี่เอ็กซ์ ซึ่งยื่นแก้วเครื่องดื่มให้เขาและขอยืนคุยด้วย
“ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านหรือยังครับ เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้น" เอ็กซ์ถาม
“ผมไม่ชอบเสื้อผ้าสวย ผมชอบเสื้อผ้าเท่" ชาลีตอบ
“จริงสิ"  เอ็กซ์พยักหน้าแล้วพูดว่า "เอ่อ ผมเอ็กซ์ครับ"
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
“ได้แนะตำตัวเป็นทางการซะที ได้แต่มองเห็นไกลๆ ในยิม ผมชื่อจินตวีร์ครับ"
“ชาลีครับ คุณคงรู้จักแล้วว่าผมเป็นพี่ชายนาวิน"
“นาวินพูดถึงพี่หมอแทบตลอดเวลาเลย" เอ็กซ์ยิ้มกว้าง "ผมขออนุญาตเรียกพี่หมอเหมือนกันได้ไหมครับ"
ชาลีพยักหน้า "ผมก็คงขอเรียกคุณว่าพี่เอ็กซ์เหมือนกัน นาวินพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ พี่เอ็กซ์อย่างนั้น พี่เอ็กซ์อย่างนี้ รู้ไหมครับว่าคุณกลายเป็นฮีโร่ของเขาไปซะแล้ว"
“นาวินเป็นเด็กที่ชอบเรียนรู้ครับ แล้วก็เรียนรู้ได้เร็วด้วย"
“ขอบคุณนำครับที่ช่วยซ้อมบาส ช่วยแนะนำ แล้วก็ช่วยดูแลนาวิน"
“ยินดีครับ ผมก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้" เอ็กซ์พยักหน้า "มีคนบอกว่าพี่หมอเล่นบาสเก่งไม่ใช่ย่อย มาเล่นกับทัมผมหน่อยไหมครับ ไม่แข่งก็ได้ มาซ้อมด้วยกัน หรือไม่ก็มาเล่นกันสนุกๆ"
“ผมไม่ค่อยว่าง เวลาไม่แน่นอน" ชาลีตอบยิ้มๆ "แล้วอีกอย่าง ทีมคุณมีการ์ดจ่่ายเก่งๆ อยู่แล้วตั้งสองคน ผมเล่นเป็นอยู่ตำแหน่งเดียวนี่ล่ะ เล่นปีกขวาก็ไม่ถนัด แล้วก็ตัวไม่สูงใหญ่และเร็วพอที่จะเร่นเซ็นเตอร์ ทำรีบาวด์ก็ไม่เคยได้"
เอ็กซ์หัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า "เก่งจริงๆ ผมยอมรับ แค่แอบมองเราเล่นที่ยิมพี่หมอก็มองออกแล้วว่าทีมเรามีจุดอ่อนตรงไหน ผมว่ามาเป็นโค้ชให้ทีมผมดีไหมครับ"
“ไม่มีเวลา" ชาลีอมยิ้ม "เวลาไม่แน่นอน"
“ที่จริงมีพี่คนหนึ่งเขาเล่นเซ็นเตอร์ได้ดี แย่งลูกเก่งมาก แรงดีด้วย แต่พี่เขาเป็นตำรวจ ไม่มีเวลาแน่นอนเหมือนพี่หมอนี่ล่ะครับ ทัวร์นาเมนท์ปลายปีผมอยากพาทีมคว้าถ้วยชนะเลิศ นี่ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า"
...มีเวลาเยอะเลยล่ะ ปากก็บอกว่ายุ่งเรื่องสืบสวนคดีนั้นคดีนี้ แต่พักหลังก็มีเวลาไปกวนอารมณ์เขาอยูบ่อยๆ...
“ลองเปลี่ยนเป็นเกมรุกเร็วๆ แทนการตั้งโซนไหมล่ะก สังเกตุเห็นตั้งโซนกันบ่อยเหลือเกิน นี่ถ้าเจอทีมที่มีตัวชู้ตสามแต้มแม่นๆ ก็แย่เหมือนกันนะ เพราะทีมพี่เอ็กซ์ไม่มีตัวชู๊ตระยะใกล แล้วเล่นใต้แป้นไม่ค่อยได้"
“เพราะมีเซ็นเตอร์ตัวเดียวนี่ล่ะ ว่ิงช้าอีกต่างหาก" เอ็กซ์เสริมแล้วหัวเราะ
สองหนุ่มคุยกันเรื่องกีฬากันอย่างถูกคออยู่นานพอสมควรจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนมายืนทำหน้าเข้มอยู่ข้างๆ
“ชาลีครับ เข้าไปข้างในกันหน่อยดีไหมครับ" เจตรินพูดขึ้นพลางแตะแขนคนที่เขาพูดด้วย แต่สายตามองไปยังเอ็กซ์อย่างไม่เป็นมิตร
“เอาไว้คุยกันต่อที่ยิมนะครับพี่หมอ" เอ็กซ์ปรายตามองเจตรินอย่างไม่สนใจแล้วยิ้มกว้างกับชาลี
นายแพทย์หนุ่มพยักหน้าแล้วผละออกจากเจตรินกับเอ็กซ์เงียบๆ
“ยิมไหน" ชาลีชะงัก เขาเดินห่างออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงห้วนๆ ของเจตริน ตามด้วยเสียงของเอ็กซ์ซึ่งตอบกลับด้วยเสียงห้วนพอกัน
“ไปถามเขาดูเองสิ ทำไมฉันจะต้องบอกแก"
“ฉันรู๊ ถามไปยังงั้นล่ะ คนอย่างพวกแก ไม่เคยบอกอะไร ไม่เคยเล่นอะไรซื่อๆ หรอก"
ชาลีก้าวเท้าเดินต่อไปทั้งที่อยากจะหันไปมองและฟังสองหนุ่มนั้นว่าจะคุยอะไรกันต่อ แต่เขารู้สึกว่าเจตรินกำลังตามมาจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เสียงดนตรีในร้านเสื้อหรูเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้น ดังกลบเสียงพูดคุยรอบๆ ข้าง
...สองคนนี้รู้จักกัน และไม่ชอบหน้ากันมาก่อน...
...น่่าจะรู้จักกันดีด้วย...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 05-03-2010 11:36:57
แอร๊ยยย ผู้ร้าย(มั้ง)รู้จักกันด้วย น่าสนุกล่ะสิจะเป็นไงต่อ แต่ตอนนี้เริ่มห่วงนาวินดิ :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 05-03-2010 12:16:16
อิพี่เอ็กซ์นี่อะไรยังไง :serius2:

+1 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2010 12:28:57
 :m31: :m31: :m31: :m31:



อย่าได้ ครัย ยอม ครัย กััน่ะ


แต่ นายเอ็กซ์ นี่ อ่ะ


ไม่น่าไว้ใจ เรยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 05-03-2010 12:53:12
เห็นไหม ส่อเค้าแล้ว เจตรินวันนี้ไม่ใช่เจตรินคนนั้นของอดิศวงศ์แน่ๆ

ไอ้พี่เอ็กซ์นี่สิ ในอดีตคงแอบอ้างชื่อพี่เจแน่เลย คิดไปโน่นแล้วนะ ละครหลังข่าวมากไปเปแล่เนี่ย

ว่าแต่คุณหญิงแม่ฟาติมาก็เกลียดน้องเอเหมือนกัน อยู่ในกล่มอดีตแค้นเหมือนกัน

ลุ้นค่ะ สนุก พระเอกตัวร้ายทั้งคู่สารวัตรกับหมอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 05-03-2010 12:56:13
หึ หึ หมอชาลีนี่กวนประสาทกัณท์ได้สุดยอด o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 05-03-2010 14:16:05
 :serius2:เเบบว่าหงุดหงิดพี่เอ๊กซ์ จะทําอะไรนาวินรึเปล่ๅ
ไอ้เจตรินมันหึงรึเปล่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 05-03-2010 14:59:35
อ๊ากกกกกอิเพ่เอ๊กซ์แกจะทำอะไรน้องนาวินห๊าๆๆๆๆๆๆ!
โห้ยมานิ่งๆร้ายลึกนิพี่ชาลีมองไม่ผิดจิงๆด้วยเป็นห่วงน้องจังเข้าใจความรู้สึกพี่หมอเลย
แกพี่เอ๊กซ์ทำอะไรน้องนาวินพี่หมอไม่ปล่อยแกแน่ :angry2:
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊าค่า
พี่นายสู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 05-03-2010 15:05:45
ปมเยอะจิงๆ ทั้งเจตริน ทั้งเอ๊กซ์
จุดธูปจี้ก้นคุณนาย :call: นี่แหนะ นี่แหนะ
ถ้าร้อนก็มาต่อเลยนะคับไม่งั้นจิ้มจนพรุนแน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 05-03-2010 15:19:49
โอ้ พี่เอกซ์กลายเป็นตัวร้ายตัวเลวไปแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-03-2010 16:29:18

อีเอ็กซ์  ตายเสียเถอะแก

(http://www.chinadaily.com.cn/en/focus/xinsrc_7c1fd7eb62d240b0913ac4a8316fbb48_ak47.jpg)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 05-03-2010 16:53:57
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:


อย่าให้นาวินโดนทำอะไรเลยนะ
 :sad4:

สงสารเด็กตาดำๆๆๆเดอะ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 05-03-2010 16:59:40
ชอบเอ็กอ่ะ ดูท่าจะหื่นดี 5555


ขอบคุณนะครับ


 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 05-03-2010 18:56:26
นาวิน จะรอดจากพี่เอ๊กซ์มั้ยน๊อ???

เจตรินรู้จักกะเอกซ์ด้วย สงสัยเคยชิงรักหักสวาทกันมาก่อน  :z1:

///

พี่สาวของเจตรินเป็น

ทันตแพทย์ ไม่ใช่ ทัณตแพทย์ ครับพี่นาย ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 05-03-2010 19:08:44
อิพี่เอ็กซ์นี่ตัวแปรสำคัญเลยสินะ ค่อยๆคืบคลานเข้ามาทางน้องนาวิน
กีซซซซซซมันจะทำอะไรนาวินรึป่าวเนี่ย อนาคตของเด็กหนุ่มจะต้องมาพลาด
พลั้งเพราะความไว้ใจคนใกล้วตัวรึเนี่ย กีซซซซซซซซซซซซซ
นุ้งชาลีจ๋าต้องระวังอิตานี่ให้มากๆซะแล้วสินะ ทั้งๆที่ก็ห่วงมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เฮ้อ
ศัตรูแยะจริงแหะ อิเจตรินหวงใครกัน หวงคุณหมอหรือว่าหวาว่าจะโดนอิพี่เอ็กซ์
คาบไปแหลก กีซซซซซซ

สารวัตรเคอะ ทำแค่นี้คงไม่พอหรอกนะคะ แม่ชาลีเก่งจริงกว่าอะไร
ต้องกำราบให้อยู่โดยไวซะแล้ว
+1 คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 05-03-2010 19:44:44
ชาลี กับ สารวัตร ประชันกันได้สูสีแสบไส้ตลอด ... กินกันไม่ลงจริงๆ ได้ใจมากค่ะ  :-[
 :a5:  พี่เอ็กซ์ก็ชักกะเอาใหญ่ เจตรินก็ชักจะยังไง ... โอยยยยยๆๆ ไม่ไหวจะคาดเดาทิศทาง
+1 เป็นกำลังใจให้ความซับซ้อนค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 05-03-2010 19:46:44
หรือว่าคนที่ร้ายที่สุดจะเป็นเอ๊กซ์  :a5:
ดราม่าจริงๆ ชอบๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 05-03-2010 19:57:16
อร๊ายยย เข้มข้นได้อีก + ให้ค๊า

อยากอ่านต่อสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 05-03-2010 20:15:39
เริ่มสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆแล้ว เรื่องเจตริน กะ พี่เอ๊กซ์

หรือว่าจะมีหักมุม  ที่จริงแล้วเจตรินไม่ได้ทำร้าย ชาลี เพียงแค่หน้าเหมือนคนที่เคยทำร้าย

เช่น เจตรินอาจมีฝาแฝด

หรือ อีพี่เอ๊กซ์ ก็อาจเป็นหนึ่งในพวกที่เคย ... น้องหมอชาลี     โอ๊ย งง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 05-03-2010 20:36:47
หมอชาลีกับสารวัตกันต์ ถ้าวัดความแสบคงพอ ๆ กัน

ส่วนพี่เอ็กซ์ หางเริ่มแพรมออกมาแล้ว

+1 ให้พี่นาย ขอให้ไฟแรง เสาร์ อาทิตย์ ลง 4 ตอนเลย  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 05-03-2010 20:40:33
อิพี่เอ็กซ์นี้ชักยังไงๆ แล้วน้า

ว่าแต่กะจะงาบทั้งนาวิน(ของเค๊า  :laugh:) แล้วก็คุณหมอชาลีเลยหรอค่ะ


ร้ายใช่เล่นนะเนี๊ย


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 05-03-2010 22:21:12
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ลุ้นตัวโก่งเลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-03-2010 22:51:40
ขออย่างเดียว
พี่เอ็กซ์อย่าทำอะไรนาวินนะ
 :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 05-03-2010 23:25:54
อ้าวไหง เจกับเอ็กซ์ รู้จักกัน แถมรู้จักกันดีซะด้วย :m16:

หรือจะเป็นพี่น้องกัน  :seng2ped:ศัตรูกัน :fire: หรือพี่หมอเคยหักอกคนใกล้ตัวเอ็กซ์  :really2:โอ้ยเหลือจะเดาแล้วค่า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 06-03-2010 00:11:48
มีคนรออยู่นะ

 :impress2:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 06-03-2010 00:15:01
เค้าไม่ถูกกันเรื่องอะไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 06-03-2010 01:17:48
 :a5: อ่านเรื่องนี้แล้วลุ้นตลอดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 06-03-2010 01:28:34
อุ่ยยย มันชักจะยุ่งกันไปใหญ่ละ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 06-03-2010 08:58:16
พี่เอ๊กซ์เริ่มมีบท จะเป็นตัวแปลสำคัญรึป่าวนะ
ขอแต่่ว่าอย่าดราม่าไปถึงน้องนาวิน เลย สงสารเด็กน้อย T^T
เหมือนๆว่า เจตริน จะเคยเจออะไร(มาเยอะ??) หลังจากที่ทิ้งชาลีไป เอ๊ะ สงสัย
สงสัยไปหมด ยกเว้น ไม่สงสัยสารวัตรคนเดียว  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 06-03-2010 14:33:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 07-03-2010 02:03:30
มาให้กำลังใจคุณนายครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 16 "ความหลัง" (5/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 07-03-2010 22:49:24
สวัสดีครับ
โทษทีหายไปหลายวัน พอดีลูกกวนน่าดูครับ ไม่ค่อยมีเวลา
ชีวิตผมเหมือนนายแพทย์นาวินอ่ะ อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นพ่อคน (โดยที่ไม่ต้องมีเมีย)  :call:
รักใครชอบใครในเรื่องก็เชียร์กันดีๆ นะคร้าบ
ขอบคุณทุกท่านที่รักและห่วงใยผู้เขียนและติดตามอ่านและลงคอมเมนท์ครับ ผู้เขียนมีความสุขมากมายที่ได้อ่าน reply
แต่จะสุขมากขึ้นถ้าช่วยซื้อหนังสือ คดีรัก ภาค 1 จะได้มีเงินซื้อนมให้ลูก (เด็กกำลังโตนี่มันกินจุจริงๆ ให้ตายสิ)

เพลิงรัก บทที่ 17 “โลกกลม"

นายแพทย์ชาลีรอจนนาวินซ้อมบาสเก็ตบอลเสร็จจึงเดินไปยืนอยู่ข้างสนาม รอให้นาวินเดินเข้ามาหาเพื่อที่เขาจะได้บอกให้ไปว่ายน้ำ แต่เมื่อได้ยินที่เขาบอก เด็กหนุ่มก็ถามคำถามขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะครับ ทำไมผมต้องไปว่ายน้ำ ผมอยากยกน้ำหนัก"
“แรงขาจะได้ดี เป็นการฝึกแรงขา มันมีประโยชน์สำหรับฟุตเวิร์กบาสเก็ตบอล" ชาลีให้เหตุผล
“จริงหรือเปล่าครับพี่เอ็กซ์" นาวินหันไปถาม 'โค้ชส่วนตัว' ซึ่งเดินตามมาติดๆ
“นาวินไม่เชื่อพี่แล้วหรือไง" ชาลีทำเสียงดุ
“เชื่อสิคร้าบ แต่ว่า...” เด็กหนุ่มทำหน้าแหยๆ
“จริง" เอ็กซ์พูดสั้นๆ นาวินจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“อาบน้ำก่อนนะ" ชาลีอดสั่งไม่ได้
“โธ่ ผมก็ต้องอาบก่อนลงสระอยู่แล้ว มันเป็นกฎ แล้วผมก็รู้ด้วยว่าขึ้นจากสระก็ต้องอาบอีก" นาวินทำหน้าทะเล้นแล้วรีบวิ่งหายไปทันทีก่อนจะโดนดุ
“พี่หมอห่วงนาวินมากนะครบ" เอ็กซ์มองตาม
“ในสายตาผม ยังไงนาวินก็ยังเป็นเด็ก" ชาลีหันหน้ากลับมามองเอ็กซ์ แวบหนึ่งเขาอดคิดไม่ได้ว่าเห็นประกายตาครุ่นคิดของอีกฝ่าย
“แต่อายุ  17 ปีนี่โตแล้วนะครับ นาวินดูเหมือนเรียนมหาลัยแล้วด้วยซ้ำ"
“โตแต่ตัว" ชาลีหัวเราะเบาๆ นึกถึงตอนที่น้องชายเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์และตอนที่นอนกินขนมบนโซฟาขณะดูโทรทัศน์ "ตอนเช้าวันเสาร์ยังตื่นมาดูการ์ตูนช่อง 9 อยู่เลย"
“เขาคงยังไม่รู้ว่าเขาโต"
“ต้องบังคับให้อาบน้ำก่อนนอนทุกคืน แล้วชอบเปิดแอร์โดยไม่ปิดประตูห้องนอน ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน แต่ก็ไม่เสร็จซักอย่าง พักหลังๆ นี่ชักจะติดเกมส์ พี่เอ็กซ์ช่วยสั่งสอนหน่อยสิครับ ท่าทางนาวินจะไม่ค่อยเชื่อผมแล้ว"
“โธ่ ผมจะทำอะไรได้" เอ็กซ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะท่าทางเขินๆ
“หรือว่าพี่เอ็กซ์เป็นคนชักจูงให้นาวินติดเกมส์"
“เปล่านะครับ" เอ็กซ์รีบโบกมือปฏิเสธ
“หรือพากันแอบไปหัดขับรถ"
“โธ่ พี่หมอ อย่ากล่าวหากันอย่างนั้นสิครับ"
“ตอนพากันไปดูแข่งรถที่พัทยาก็อาจชวนกันไปหัดขับรถก็ได้ เห็นนาวินชอบขึ้นมานั่งลูบคลำพวงมาลัยรถผมอยู่บ่อยๆ พอไกลหูไกลตาพี่ชาย ก็อาจจะอยากลอง"
“จะต้อนผมให้จมมุมให้ได้ใช่ไหมเนี่ย" เอ็กซ์หัวเราะ
“ไม่รู้ล่ะ มีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากรู้นี่นา เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วนี่ครับ ก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมาแบบนี้ล่ะ นาวินไม่ได้เล่าให้ฟังหรือครับว่าผมเป็นคนยังไง"
“เล่าครับ" เอ็กซ์พยักหน้า "ผมถึงอยากได้รู้จักพี่หมอ"
ชาลีเลิกคิ้ว มองตาของเอ็กซ์ซึ่งส่องประกายแปลกๆ แต่ก็ไม่แปลกเกินกว่าที่จะทำให้นายแพทย์หนุ่มเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายนั้นแสดงความพึงพอใจเขาออกมา แม้เพียงชั่วแวบเดียวเขาก็มองออก
...เอ็กซ์ต้องการอะไรกันแน่!...
“ผมก็อยากรู้จักคุณ" ชาลีพูดเสียงเรียบ แล้วตัดสินใจตรงประเด็นในสิ่งที่เตรียมจะพูดกับเอ็กซ์ในวันนี้ "อยากรู้ว่า คุณรู้จักกับเจตรินมาก่อนหรือครับ แล้วรู้จักกันดีขนาดไหน"
เอ็กซ์อึ้งไปชั่วครู่เพราะไม่นึกว่านายแพทย์ชาลีจะถามตรงไปตรงมาเร็วแบบนี้ แต่เมื่อโดนถามตรงๆ เขาก็ตัดสินใจพูดความจริงออกไป ทั้งที่เป็นความจริงที่เขาไม่อยากพูดถึง
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
...ทำอย่างไรได้ ชาลี 'เร่งเวลา' เองนี่นา...
“ผมกับเจตรินเป็นพี่น้องกัน"
คราวนี้คนที่อึ้งกลับเป็นชาลี
“เป็นพี่น้องกัน" ชาลีทวนคำพูดของอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่น้องคนละแม่" เอ็กซ์ตอบเสียงเรียบ สายตากร้าวขึ้นมาจนชาลีรู้สึกได้ "เราไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ทางฝ่ายเจตรินไม่ค่อยชอบพวกผม เพราะแม่ผมมาก่อน"
... คนอย่างพวกแก ไม่เคยบอกอะไร ไม่เคยเล่นอะไรซื่อๆ หรอก...
คำพูดของเจตรินที่เขาได้ยินเมื่อหลายคืนก่อนดังขึ้นมาในหัวของชาลี
...เจตรินกับจินตวีร์ ชื่อคล้องจองกัน แต่หากแม่ของเอ็กซ์มาก่อน แต่ทำไมเอ็กซ์อายุน้อยกว่าเจตริน เขาค่อนข้างมั่นใจว่า หากทั้งสองนี้เป็นพี่น้องคนละแม่ ดูยังไงเจตรินก็ต้องเป็นพี่...
...โลกกลมจริงๆ กลมมาก และเล็กมากด้วย...
...และการที่โลกกลมและเล็ก อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาก็ได้...
“คุณมองออกใช่ไหมครับว่าเจตรินกับผม...” ชาลีทิ้งท้ายประโยค
“เจตรินชอบพี่หมอ ผมรู้ครับ เขามองพี่หมอแทบจะตลอดเวลาตอนที่นั่งดูแฟชั่นโชว์คืนนั้น" เอ็กซ์พยักหน้า
...ทำไมถึงรู้ล่ะ แสดงว่าเอ็กซ์ก็มองเขาตลอดละสิ ถึงได้รู้ว่าเจตรินมองเขา...
“ผมกับเจตรินกำลังจะคบกันแบบแฟน" ชาลีหยั่งเชิง
“ผมเข้าใจ" เอ็กซ์ยิ้มเศร้า "เจตรินเป็นคนขี้หึง"
...และหึงร้ายด้วย อีกหน่อย ชาลีก็คงจะรู้...
“ไปว่ายน้ำกันไหมครับ ไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนนาวินหน่อย" ชาลีเปลี่ยนเรื่องและเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงร่าเริง "ที่จริงจะไปคอยดูนาวินว่าจะฝึกว่ายน้ำจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ไปเกาะขอบสระแล้วตีเท้าเล่นน้ำเหมือนเด็กๆ"
“ผมว่าป่านนี้คงไปมุดน้ำเล่นในสระน้ำวนแล้วมั๊งครับ" เอ็กซ์พูดแล้วหัวเราะประสานกับชาลี
“ไม่ยอมโตจริงๆ เด็กคนนี้" ชาลีถอนหายใจเบาๆ "ผมต้องคอยดูแลให้ดี ไม่ให้ใครมาทำอะไรน้องได้ กว่าจะโตนี่ก็คงเล่นเอาเหนื่อย แต่ทำไงได้ เด็กหนุ่มหน้าตาดีสมัยนี้มันมีอันตรายรอบด้าน ใช่ไหมครับพี่เอ็กซ์"
“ครับ" เอ็กซ์พยักหน้าแล้วเดินนำชาลีตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจก็ตอบนายแพทย์ชาลีในใจว่า ไม่ใช่เฉพาะเด็กหรอก ผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างกัน

พันตำรวจตรีกัณต์กลัดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายพลางถอนหายใจเบาๆ คืนวันพฤหัสบดีอันน่าเบื่อเพิ่งเริ่มต้น เขาใช้เวลากับนายแพทย์สาโรช ไฮโซหนุ่ม มาตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงเวลาสามทุ่ม สาโรชชวนให้เขานอนค้างด้วย และเช่นเคย คำตอบของเขาคือคำตอบเดียวกันที่เคยให้กับใครต่อใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
“ผมชอบกลับไปนอนบ้าน"
“แล้วเมื่อไหร่เราจะได้พบกันแบบนี้อีกครับ" สาโรชทำหน้าผิดหวัง
“เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ยังคงมีเวลาจะได้พบกันอีกนานครับ" กัณต์ตอบ ทั้งที่ในใจอยากจะบอก 'กฎของเขา' ให้สาโรชได้เข้าใจอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่มีอะไรกัน
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ผมอยากรู้"
“เมื่อตอนที่เราต้องการกันอีก"
“ผมต้องการสารวัตรตอนนี้" สาโรชทำเสียงหวาน "และคืนนี้ และพรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไป"
“อย่าเพิ่งใจร้อนเลยครับ" กัณต์ยิ้มแล้วยื่นปากรับการการจูบจากสาโรชที่รัดตัวเขาแน่น มืออุ่นๆ ของนายแพทย์ไฮโซลูบไล้แผ่นอกใต้เครื่องแบบสีกากีของเขาอย่างหลงไหล
“สารวัตรกัณต์ครับ ผมชอบคุณมาก ผมมีความสุขที่สุดเลยรู้ไหมครับ"
“ผมดีใจที่คุณหมอมีความสุข"
“นี่เป็นครั้งแรกของผมกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" สาโรชคลอเคลียอยู่กับแผ่นอกของนายตำรวจ
“ครั้งแรกของผมกับหมอเหมือนกัน" กัณต์ตอบเสียงราบเรีียบ "แม้จะกลัวๆ อยู่บ้างว่าคุณเป็นวิสัญญีแพทย์"
“ทำไม กลัวผมวางยาสลบแล้วเก็บคุณเอาไว้หรือ" สาโรชหัวเราะเบาๆ แหงนหน้ามองกัณต์ตาเยิ้ม "อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันล่ะ"
“จะเก็บผมไว้ทำไม" กัณต์หัวเราะในลำคอแล้วลุกขึ้นจากขอบเตียง
“ทำไมจะเก็บไว้ไม่ได้ คุณจะไม่ยอมให้ใครเก็บไว้หรือครับ หรือว่าร่างกายนี้ หัวใจนี้ ให้ใครไม่ได้เลย" สาโรชถาม
กัณต์ยิ้มบางๆ ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่ในใจกลับตอบออกมาว่า
...ร่างกายผมให้คุณ 'เก็บ' เอาไว้ไม่ได้หรอก หัวใจผมก็มอบให้คุณไม่ได้ เพราะ...
...เพราะ...
...บ้าจริงๆ เลย เพราะอะไร ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไร ทำไมเขาตอบไม่ได้เหมือนครั้งที่แล้วๆ มา...
...เพราะอะไร...

กัณต์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองขับรถอ้อมไปอ้อมมาจนผานมาถึงหน้าโรงพยาบาลที่ชาลีทำงานอยู่ เมื่อออกจากบ้านของนายแพทย์สาโรช ความจริงแล้วเขาไม่คิดจะกลับบ้านนอน พรุ่งนี้เขาไม่ต้องทำงาน จึงคิดว่าจะกลับบ้านดึกๆ แล้วนอนตื่นสายๆ
...ตื่นซักเที่ยง จะได้มีแรงไป 'สู้' กับหมอชาลีในตอนบ่ายๆ...
...หมอชาลี! พอนึกถึงก็เห็นตัวพอดี ไม่นึกว่าจะเลิกงานค่ำขนาดนี้...
กัณต์เหยีบเบรกกระทันหัน เม้มปากโดยไม่รู้สึกตัวเมื่อมองไปยังร่างสูงโปร่งของหมอหนุ่มที่เดินไปกับผู้ชายคนหนึ่งและขึ้นรถ BMW 730 สีดำซึ่งจอดอยู่ใกล้ทางออกลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล
...ตาม เขาต้องตาม...
สมองของกัณต์สั่งการทันที
...ฮึ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขับรถตามใครซักคนที่ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยในคดีที่เขากำลังสืบอยู่...
...เอาเถอะ ลองซักหน่อย ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต...
...แต่ว่า ขอโทรคุยหยั่งเชิงซักหน่อยเถอะ...

“ผมกำลังกลับบ้าน วันนี้ผมเหนื่อย อยากพักผ่อน" ชาลีตอบกัณต์เมื่อถูกชวนไป 'ดูหนังฟังเพลง'  ตามที่เคย 'คุย' กันไว้
“คุณมาชวนอะไรผมตอนสามทุ่มสามสิบเจ็ดนาที นี่ใกล้เวลาคนปกติธรรมดาเขาเตรียมตัวเข้านอนกันนะครับ" ชาลีอดประชดไม่ได้ พลางปรายตาไปมองคนที่ขับรถอยู่อย่างเงียบๆ คืนนี้เจตรินแวะมารับเขาที่โรงพยาบาลโดยให้เหตุผลว่าผ่านมาทำธุระแถวนี้ เจตรินชวนเขาไปหาอะไรดื่มแต่เขาต่อรองขอเลื่อนเป็นคืนวันศุกร์แทนเพราะวันนี้เหนือยมาก
“คุณคงง่วงนอนมาก" กัณต์พูดเสียงเรียบ
“นี่เป็นคำถามหรือเปล่าครับ" ชาลีอดกวนไม่ได้
“คำถามครับ" กัณต์เสียงเข้ม
“คำตอบก็คือ ง่วงสิ ง่วงมากด้วย แทบจะอยากนอนตรงนี้เลยล่ะ"
...แต่ติดตรงที่ว่าผมกำลังขับรถกลับบ้าน...
กัณต์เติมคำพูดของชาลีในใจแบบที่เขาคิดว่าหากชาลีจะพูดต่อก็คงพูดต่อแบบนั้น

ชาลีจบการสนทนาด้วยเสียงห้วนๆ เมื่อกัณต์พูดว่า "ง่วง แต่คงนอนไม่ได้เพราะคุณกำลังขับรถกลับบ้าน เอาไว้วันหลังผมจะไปรับกลับบ้านดีไหม ทำงานเหนื่อย ขับรถกลับบ้านดึกๆ มันอันตราย"
เจตรินหันมาเลิกคิ้วราวกับจะถามว่าใครโทรศัพท์มา ชาลีจึงถอนหายใจแล้วทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายพร้อมกับบอกว่ามีใครบางคนกำลังตื๊อเขาไม่เลิกมาได้กว่าสองอาทิตย์แล้ว
“ผมเลยบอกเขาว่าชอบขับรถเอง" ชาลีสรุป "แต่ความจริงผมไม่ชอบนะครับ ผมชอบให้คนขับรถให้นั่ง สบายกว่ากันเยอะ"
“ถ้ายังงั้น...”
“แต่ผมให้คนไข้มารับตอนเลิกงานไม่ได้นะครับ มันผิดจรรยาบรรณแพทย์" ชาลีรีบพูด
“มีแบบนี้ด้วย" เจตรินหัวเราะ

เจตรินกับชาลีใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงบ้าน นายแพทย์หนุ่มชวนคนขับคุยมาตลอดทาง พยายามไม่เปิดโอกาสให้เจตรินได้ 'จีบ' แม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าเจตรินนั้น 'กินเหยื่อ' ที่เขาวางเอาไว้แล้ว
...รออีกหน่อย เขาจะทำให้เจตรินหลงรักและบอกรักเขาให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ล่ะ แล้วสองเดือนหลังจากนั้นก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันสุดท้ายของเดือนที่สามจะเป็นวันไคลแม๊กซ์...
“ง่วงมากหรือครับ" เจตรินถามเมื่อจอดรถหน้าบ้านของชาลีและมองเข้าไปในบริเวณบ้านก่อนจะหันมามองชาลีด้วยสายตาเป็นประกายสื่อให้รู้ความในใจ
“ไว้วันหลังนะครับ" ชาลียิ้มบางๆ "ผมอยู่กับน้องชาย"
“น้องชาย" เจตรินเลิกคิ้ว "ผมไม่ยักรู้ว่าคุณมีน้องชาย"
“ผมก็ไม่เคยรู้ว่าคุณมีพี่สาวเหมือนกัน"
...รวมทั้งน้องชายคนละแม่...
“เราต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้แล้วล่ะ วันแซยิดคุณยาย ผมอยากชวนคุณไปด้วย"
...ขนาดนั้นเลยหรือ ฐานะอะไรล่ะ คนในครอบครัวเจตรินจะว่ายังไง...
...ไม่ดีหรือ สนิทกับคนหลายๆ คนในครอบครัวเจตรินซิดี ตอนไคลแม็กซ์จะได้สนุกกว่านี้ ไม่แน่ แทนที่คุณหญิงฟาติมาแม่ของเจตรินจะโดนหางเลขคนเดียว อาจจะมีคนอื่นเพิ่มขึ้นอีก บทเรียนที่เจตรินได้รับจะได้เข้มข้นมากกว่านี้...
...ต้องทำกันขนาดนั้นเลยหรือชาลี...
...ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...
...แล้วจะได้อะไรขึ้นมา แค่นี้ก็แค่นี้ จะเพิ่มระดับการแก้แค้นไปทำไม เจตรินทำให้เจ็บก็ควรได้รับบทเรียนคนเดียว...

“จะดีหรือครับ" ชาลีอึกอัก
“ดีครับ" เจตรินพยักหน้า "ผมอยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้ ไม่อยากให้รู้สึกว่าเป็นคนอื่นคนไกล"
“เช่นเข้าบ้านกันได้" ชาลีหัวเราะ
“เช่นให้ผมดื่มกาแฟซักแก้ว" เจตรินตอบ
“ได้ดื่มแน่ๆ ครับ เสาร์นี้ผมจะไปซื้อเครื่องบดกาแฟ วันอาทิตย์จะฝึกทั้งวัน รับรองว่าวันจันทร์ได้ดื่มกาแฟที่อร่อยยิ่งกว่าสตาร์บั๊ค"
“สรุปแล้วว่าคืนนี้ไม่ได้ดื่ม"
“ขอเวลาผมหน่อย" ชาลียิ้มให้เจตรินอย่างอ่อนโยน "ผมอยู่กับน้องชาย คือว่า เอ่อ ผมไม่อยากให้เด็กเขาตกใจที่จู่ๆ ก็มีเพื่อนผู้ชายเข้าไปดื่มกาแฟในบ้านตอนดึกๆ ให้ผมเปรยๆ กับเขาก่อนนะครับ วันหลังค่อย เอ่อ...” ชาลีทำเป็นอึกอัก ใบหน้าเขินๆ
“ผมเข้าใจ" เจตรินทอดสายตามองชาลีด้วยสายตาที่เริ่มจะเผยความในใจมากขึ้น
“รีบกลับบ้านนะครับ นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ ผมเป็นห่วง" ชาลียกมือขึ้นแตะต้นแขนของอีกฝ่าย "คุณยังถือว่าเป็นคนไข้ของหมออยู่ เพราะฉะนั้น หมอมีสิทธิ์เตือน"
“ครับผม คุณหมอ" เจตรินหัวเราะเบาๆ แล้วปลดล๊อคประตูให้ 'หมอประจำตัวผู้แสนใจดีและห่วงใย'

กัณต์รอจนรถ BMW คันนั้นผ่านไปจึงเปิดไฟหน้ารถแล้วขับผ่านหน้าบ้านของชาลีเพื่อหาที่กลับรถ เมื่อผ่านหน้าบ้านของนายแพทย์หนุ่มอีกครั้งจึงชะลอรถและชะเง้อมองเข้าไปด้านในจึงเห็นว่าบ้านของชาลีเป็นบ้านไม้ทาสีขาว แฝงตัวอยู่่่ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่นทั้งที่อยู่กลางกรุง ขัดกับบุคลิกของชาลีเป็นอย่างมากเพราะตอนแรกเขาคิดว่าชาลีพักอยู่ชั้นสูงๆ ของคอนโดมิเนี่ยมหรู
แต่ทว่าสารวัตร 'สืบสวน' คนเก่งก็ต้องเบิกตากว้างอย่างแปลกใจอีกครั้งเมื่อขับรถผานหน้าบ้านชาลีมาได้ไม่นานก็เห็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เขาจำได้ว่าเคยพูดกระทบกระเทียบชาลีว่าเป็น 'เด็ก' ของชาลีเดินอยู่ข้างถนน มือขวาถือซาลาเปา มือซ้ายถือถุงพลาสติกร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ปากกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
กัณต์จอดรถ ลดกระจกลง ร้องเรียกเด็กหนุ่ม อยากจะรู้ว่าทำไม 'เด็ก' ของชาลีมาเดินอยู่แถวนี้
...หรือว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน!...
...ขนาดนั้นเลยหรือ...
“สวัสดีครับ" เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ทันที เห็นได้ชัดว่าจำกัณต์ได้ นาวินรีบวิ่งข้ามถนนในซอยเล็กๆ มายืนยิ้มแก้มตุ่ยอยู่ข้างรถของกัณต์และพยายามกลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงคอ
“น้องคือ คนที่...”
“ที่เล่นบาสด้วยกันที่ยิมไงครับ ถึงเล่นบาสกันครั้งสองครั้งผมก็จำพี่ได้ นาวินพูดทั้งๆ ที่มีอาหารอยู่ในปาก "พี่มาทำอะไรแถวนี้ครับ"
“ธุระ" กัณต์ตอบสั้นๆ "แล้วน้องล่ะ บ้านอยู่แถวนี้หรือ"
“ครับ บ้านผมอยู่ตรงโน๊น" นาวินพยักหน้า ยกมือที่ถือซาลาเปาขึ้นชี้ไปที่ข้างหน้า ทำเสียงแสดงให้คนฟังรู้ว่าบ้านยังอยู่อีกไกล แล้วกัดซาลาเปาคำใหญ่อีกคำ
“พี่ไปส่งเอาไหม ขึ้นรถสิ"
“เอ่อ...” นาวินอึกอัก พยายามกลืนซาลาเปาโดยเร็ว
“จะยีเหยอ" เด็กหนุ่มทำหน้าเกรงใจ พูดไม่ชัดเพราะยังกลืนสิ่งที่อยู่ในปากไม่หมด แต่คร้ั้นหมดแล้วจึงพูดคำเดิมอีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าเกรงใจ "จะดีเหรอครับ"
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนรู้จักกัน แค่นี้เอง เดินไปก็เหนื่อยเฉยๆ"
เด็กหนุ่มพยักหน้าทันใด ยัดซาลาเปาที่เหลือใส่ปากทั้งหมด แล้ววิ่งอ้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านขึ้นนั่งคู่กับนายตำรวจ 'ผู้ใจดี' โดยไม่ต้องให้ชวนซ้ำ
“อยู่คนเดียวหรือ" กัณต์ถาม
“เปล่าครับ" นาวินส่ายหน้า "ผมอยู่กับพี่ครับ"
“พี่" กัณต์เลิกคิ้ว "สองคนพี่น้อง?”
“ใช่ครับ" นาวินพยักหน้าเร็วๆ หลายครั้ง
...สองคนพี่น้อง นี่หมายความว่า?...
"นี่ไม่รู้กลับบ้านหรือยัง ถ้ารู้ว่าผมไม่อยู่บ้านต้องถูกดุแน่ๆ เลย พี่หมอไม่ชอบให้ผมเดินเข้าซอยตอนดึกๆ แต่ว่าผมหิว ก็เลยแอบออกมาซื้ออะไรกิน ของในตู้เย็นหมดแล้ว คือแบบว่า ผมทานจุ พี่หมอชอบบ่นว่าซื้ออะไรมาไว้ในตู้เย็นก็หายหมด"
“สี่ทุ่มนี่นะดึก ไม่ใช่เด็กผู้หญิงซะหน่อยจะได้กลัวซอยเปลี่ยว" กัณต์แย้ง "อายุเท่าไหร่แล้วเราน่ะ 19 หรือ 20”
“17 ครับ"
...เด็กขนาดนี้เลยหรือ มิน่า ชาลีดูฉุนมากตอนที่เขาล้อว่าเลี้ยงเด็ก...
...แต่ว่าเด็กคนนี้บอกว่าอยู่กับพี่ชาย ดูดีๆ แล้วหน้าตาไม่เห็นจะเหมือนกัน...
“พี่ชายคือคนที่เห็นไปยิมด้วยกัน ใช่หรือเปล่า" กัณต์ถามเพราะต้องการมั่นใจ
“ใช่ครับ" นาวินพยักหน้าเร็วๆ อีกครั้ง
“อ๋อ" กัณต์ทำเสียงเข้าใจ "แต่หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเลยนะ คนหนึ่งเหมือนลูกครึ่ง อีกคนไม่เห็นเหมือน" กัณต์เปลี่ยนเป็นทำหน้าสงสัย
“ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ หรอกครับ พี่หมอเอาผมมาเลี้ยงเพราะเป็นเพื่อสนิทกับพี่ชายผม พี่ชายจริงๆ ของผมตายแล้ว" แววตาของหนุ่มน้อยสลดไปเมื่อพูดถึงพี่ชายที่เสียชีวิต "แต่พี่หมอก็รักและดูแลผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เผลอๆ ผมว่าเหมือนพ่อกับแม่รวมอยูในคนเดียวกันด้วยซ้ำ"
“หน้าคุ้นมาก" กัณต์เปรย หรี่ตามองนาวิน พยายามนึกว่าเหมือนกับใครบางคนที่เขารู้จัก
“คุ้นสิครับ ผมเหมือนพี่ชายมาก แต่มีหลายคนบอกว่าผมหล่อกว่าพี่"
“อือ" กัณต์พยักหน้า รอฟังเด็กหนุ่มพูดต่อ
“แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมหน้าโหลนะ ใครเห็นก็พูดแบบนี้ล่ะว่าผมหน้าคุ้น จะไม่ให้คุณได้ยังไงเนอะ" นาวินพูดต่อ "ก็พี่ชายผมเป็นดาราดังขนาดนั้น คนรู้จักกันทั่วประเทศ"
“ดารา" กัณต์ทวนคำ เริ่มจะนึกออกว่าเหมือนใคร แต่เสียงของเด็กหนุ่มให้คำตอบเขาเสียก่อน
“เควิน กาวิณ แอนเดอร์ส ไงครับ"
“เควิน" กัณต์ทวนคำอีกครั้ง แต่เสียงแผ่วหายไปในลำคอ พร้อมกับเท้าแตะเบรกและจอดรถหน้าบ้านของนายแพทย์ชาลี

--- end of chapter 17 ---
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 07-03-2010 23:15:38
จิ้มก้น
เอาละซิ  :a5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 07-03-2010 23:15:48
...โลกกลมจริงๆ กลมมาก และเล็กมากด้วย...
สำหรับชาลี ...การที่โลกกลมและเล็ก อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาก็ได้...

แต่..... สารวัตร ท่าทางจะอาการหนักนะคะ สำหรับโลกกลมๆคืนนี้  o22 ..... +1ให้ความเข้มข้น
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 07-03-2010 23:25:04
วุ้ย...ซับซ้อนซ่อนเงื่อนงำ :z10:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 07-03-2010 23:42:10
 :give2: กรีีดดดดดดดเดะน้อย น่ากินทั้งซาลาเปาและคนถือเป็นที่สุด 555
ทำไมถึงได้ใสซื่อ ใสกิ๊กแบบนี้ละลูก ถามอะไรก็ตอบเค้าไปหมด อิพี่ตำหนวด เอ้ย ตำรวจ
ก็ซักๆๆซะนุ้งนาวินซีดหมดแหละ นี่ถ้าพี่หมอสุดที่รักเห็นว่าน้องชายมีใครมาส่งอะนะ
รับรองเนื้ออิคุณสารวัตรได้แหว่งแน่ๆ ก็นะเค้าทั้งรักทั้งหวงแล้วยิ่งมากับผู้ที่ไม่ค่อยจะประสงค์ดี
สักเท่าไหร่อะนะ รับรอง วีนนนนนนนนนแตกคะ  :laugh:
นี่คุณสารวัตรคงไม่ได้เป็นสาเหตให้ เควินฆ่าตัวตายชิมิ อาเมนขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย  :เฮ้อ:

พี่เอ็กซ์ กับอิคุณพี่เจตรินอะไรนั่น แค้นกันทางสายเลือดแล้วเกี่ยวอะไรกับแม่ชาลีล่ะคะ
เอ..หรือว่าเอ็กซ์เนี่ยปิ๊งชาลีแต่ก้าวช้ากว่าอิคุณเจตรินไปนิดส์เลยทำท่าทางไม่ค่อยจะบริสุทธิ์สักเท่าไหร่

+1 เคอะ
 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-03-2010 23:50:21
กลมดิ๊กเลยครับ สารวัตร
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 08-03-2010 02:36:09
ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นคุณสารวัตร ถ้าเควิน ไม่ใช่คนคนนั้น
โอ้ว ตื่นเ้ต้นอ่ะ
ว่าแต่ตอนนี้นาวินน่ารักจริงๆ ชักอยากกินซาลาเปาแล้วสิ  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 08-03-2010 03:48:30
ซับซ้อนกันได้อีก รอติดตามอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 08-03-2010 06:56:50
ลุ้นน่าดู จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-03-2010 07:17:55
แผนที่จะแก้แค้นของหมอชาลี มันช่างเข้าล๊อคอะไรง่ายดายอย่างงี้

ส่วนสารวัตกันต์ ก็รู้ความจริงเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง

เรื่องกำลังดำเนินต่อไปอย่างไร พี่นาย รีบจัดมาครับ

+1 เป็นค่าน้ำนมหลาน ครับผม  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 08-03-2010 08:23:15
+ ให้ด้วยคนจ้า

สนุกมากมาย อยากอ่านต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 08-03-2010 09:27:05
โอ้ว..

คนแต่งยอดเยี่ยมกะเทียมดอง o13

มันพันกันอิรุงตุงนังเลย

มาต่อไวๆๆน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 08-03-2010 10:28:46
พ่อสารวัตรอีกหน่อยจะเป็นนินจาลอบเข้าหาเขาด้วยหรือเปล่าเนี่ย สะกดรอยก็ทำเเล้ว สปายล้วงความ(ไม่)ลับก็ทำเเล้ว  :m20:

ชอบใจ


ปล.ไปยุ่งกับน้องเขา ระวังหัวจะหายนะคุณตำหนวด เอ้ย ตำรวจ หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 08-03-2010 10:34:49
อดีต+กรรมมันวิ่งมาตามทันแล้วใช่ไหมคุณตำหนวดดดด  :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 08-03-2010 11:54:40
ถ้าถามต่ออีกหน่อย สารวัตรก็จะได้รู้ว่า เควินเสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย

เนื่องจากอกหักรักคุดสารวัตร ไม่ได้ตายด้วยโรคประจำตัวแต่อย่างใด

ตอนนี้โลกกลมอย่างที่พี่นายว่าจริงๆด้วยนะคับ ทั้งฝั่งของคุณหมอชาลี

กะฝั่งของสารวัตรด้วย หุหุ

รอติดตามความเข้มข้นในตอนต่อๆไปนะค้าบบ  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 08-03-2010 12:02:45
นาวินนี่ :กอด1:เด็กดีจริงๆ
เชื่อฟังคุณแม่(หมอชาลี)เป็นอย่างดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 08-03-2010 12:11:19
นายแพทย์นาวินเลยเหรอ คุณนายรีบมากขนาดนั้น
ลูกชายยังเล็ดขนาดกินนมอยู่เหรอ อยากได้พี่เลี้ยงไหมเอ่ย

เรื่องนี้ลุ้นมากจริงๆ เงื่อนงำหลายเงื่อนเลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 08-03-2010 13:16:53
จะเกิดอะไรต่อไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-03-2010 14:06:21

นี่หละมั้ง  ที่มาของชื่อตอน  โลกกลม

กะเอาไว้แล้วที

สนุกดีจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-03-2010 16:15:16
แอยรสสสสสส

กลมจริงๆ



ว่าแต่คุณนายไปเอาลูกมาจากไหนเหรอ

ผมช่วยเลี้ยงเอาม่ะ

คริคริ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 08-03-2010 18:08:49
แอยรสสสสส
กลมจริงๆ
ว่าแต่คุณนายไปเอาลูกมาจากไหนเหรอ
ผมช่วยเลี้ยงเอาม่ะ
คริคริ
ลูกของเราไง
ทำเป็นจำไม่ได้
 :เฮ้อ:

ลูกผมอายุน้อยกว่านาวินสามปีครับ
มันกินจุจริงๆ ให้ตายเถอะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 08-03-2010 19:25:39
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 08-03-2010 19:36:31
ลูกของพี่นายนี่ลูกคนหรือน้องหมาคับเนี่ย

.........................................

เหอๆ เรืองมันชักจะวุ่นแล้วสิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-03-2010 19:45:16
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 08-03-2010 19:49:10
ขอบคุณนะค่ะ  :L2: เรื่องราวเข้มข้นขึ้นทุกทีเลย รออ่านต่ออยู่นะค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 08-03-2010 20:52:24
เอาละ่สิ โลกช่างกลมและแคบเหลือเกิน

เรื่องจะเป็นไงต่อไปเนี่ย ลุ้น ๆ

กลัว พี่เอ๊กจะทำใ้ห้ น้องนาวินโต อ่ะ

นาวินแบบนี้น่ารักดี ซื่อ ๆ ไม่อยากใ็ห้ถูกทำ้ร้าย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 09-03-2010 03:57:00
รู้สึกกัณเหมือนมีอะไรกับชื่อเควินนะ!
หรือว่าคือคนที่หักอกเควินกัน?
น่าสงสัยแต่แรกแระ ="=
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 09-03-2010 05:55:47
ไม่อยากให้นาวินต้องแปดเปื้อน :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 09-03-2010 07:40:04
มานั่งรอ :o11:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-03-2010 11:33:39
โลกมันกลมจริง ๆ น้อออ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 09-03-2010 12:46:21
เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 09-03-2010 20:42:23
เรื่องใหม่ของคุณ นายหุหุ เด็กโผล่มาอ่านแบบจุใจ และ โลกมันกลมกิ๊กเลยนะนั่น 555+

ดูท่าคนที่หักอกเควินจนช้ำใจขนาดฆ่าตัวตายไม่แคล้วจะเป็นสารวัตรกัณฑ์ซะล่ะมั้ง 555+

( ชื่อตัวละครนี้มันคุ้นๆนะ เหมือนกัณฑ์หา ชาลีอ่ะ เหอๆๆ )
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 09-03-2010 23:24:20
หายไปนานนน
มาแว้ววววว
เนื้อเรื่องเข้มข้นจัง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 10-03-2010 02:32:30
สารวัตรลงทุนขับรถตาม จนได้รู้ว่าเด็กของหมอชาลีเป็นใครกันแน่ โ้อ้ยมันหลายเงื่อนเหลือจะเดา เพราะงั้นมาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 10-03-2010 16:37:17
โลกกลมจริง ๆ  ด้วย  ทำไมน่ะ โลกถึงกลม :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-03-2010 19:11:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 10-03-2010 19:22:10
หายไปเลี้ยงลูกถึงไหนแล้วคุณนายยยย..... :t3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 10-03-2010 21:20:12
ไม่อยากรอ เดือนสองเดือนนี้เลยคุณนาย ข้ามไปเดือนที่สามเลยได้มั้ย อยากเห็น จุดจบเจตริน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 11-03-2010 11:34:39
สวัสดีครับ
รักแล้วรอหน่อยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน พักนี้ยุ่งครับ เหนื่อยจริงๆ เป็นทั้งพ่อคนแม่คนนี่ไม่ใช่ง่ายนะ ตอนนี้เขาใจหมอชาลีแล้วล่ะว่าอยู่เฉยๆ ก็มีน้องชายตัวโตเบ้อเริ่มอย่างนาวินนี่เป็นไง แต่ผมน่ะ มีลูกเลยนะ จะบอกให้
ป.ล. กินจุจริงๆ บางทีพ่อต้องอด ให้ลูกกินได้อิ่มก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง ไหนจะต้องกลายร่างเป็นแม่ ทำกับข้าว ไล่ลูกไปอาบน้ำ หัดให้ล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านผู้บ้าน พับผ้ารีดผ้า และหาวิธีบังคับให้กินผัก  :เฮ้อ:
(โชคดีนะที่เคยฝึกการเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชายในร่างเดียวกันมานาน  :pigha2: :pigha2:
แล้วก็ จะพิมพ์นิยายก็ต้องแอบลูกพิมพ์  :z1: :z1:

ว่าแล้วก็มาอ่านบทที่ 18 ต่อกันนะครับ (ได้โอกาสโพส เพราะไอ้หนูเอาแต่อ่านการ์ตูน คอมและเน็ตจึงกลายเป็นของเรา 5 5 5 )  :m20: :m20:

บทที่ 18

“ถึงพอดีเลย” นาวินอุนทาน “ตรงเป๊ะหน้าบ้านพอดีเลยครับ เจ๋งสุดๆ ยังกะพี่รู้น่ะว่านี่บ้านผม”
“บังเอิญ” กัณต์ยิ้ม
“ขอบคุณครับ พี่ เอ่อ...พี่” นาวินยกมือขึ้นไหว้นายตำรวจ
“กัณต์” กันต์ตอบเบาๆ “แล้วเราล่ะ”
“นาวินครับ” นาวินยิ้มกว้างแล้วเปิดประตูรถ
“อย่าลืมถุงขนม” กัณต์เตือน
“ไม่ลืมแน่นอนครับ ผมไม่เคยลืมของกิน” นาวินหัวเราะร่าเริง “พี่ขับรถดีๆ นะครับ อ้อ แล้วพรุ่งนี้พี่ไปยิมไหมครับ พรุ่งนี้ที่ยิมมีแข่งบาส ทีมผมไม่มีเซ็นเตอร์เจ๋งๆ พี่ไปเล่นด้วยกันไหมครับ”
“อืม พรุ่งนี้ต้องไปซ้อมยิงปืนซะด้วยสิ”
“ยิงปืน” นาวินเสียงสูง
“ใช่ ยิงปืน” กัณต์ยิ้มมุมปาก “เรายิงปืนเป็นหรือเปล่า”
“ไม่เป็นครับ” นาวินทำหน้ามุ่ย แล้วรีบเปลี่ยนเป็นสีหน้าตื่นเต้น “แต่ผมก็อยากยิงเป็นอยู่เหมือนกัน”
“ไปด้วยกันไหมล่ะ พี่จะหัดให้”
“แต่ว่า” นาวินย่นหัวคิ้วอย่างใช้ความคิด “พรุ่งนี้ต้องแข่งบาส”
“เสร็จจากแข่งบาสค่อยไปก็ได้ พี่อยู่สนามยิงปืนจนค่ำๆ พรุ่งนี้กะจะลองปืนรุ่นใหม่ๆ ด้วย สนามยิงปืนกับยิมก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่”
“โอ้โห น่าสนุกจริงๆ ปืนเยอะแยะเลยหรือครับ” นาวินทำตาโต เสียงตื่นเต้น
“จะเอารุ่นไหนได้ทั้งนั้น ปืนยาวก็มีนะ” กัณต์คิดอะไรได้บางอย่าง เด็กหนุ่มท่าทางตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินเรื่องยิงปืน และนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ทำความสนิทสนมกับนาวินเพื่อสอบถามเรื่องเควินซึ่งเกี่ยวพันกับหมอชาลี
...แต่ที่แน่ๆ น่าจะสนิทกันมาก เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่เอาน้องชายของเพื่อนที่เสียชีวิตมาเลี้ยงหรอก และท่าทางก็หวงน้องคนนี้มากเหมือนจงอางหวงใข่...
“ถ้างั้นผมเล่นบาสครึ่งเดียวก็ได้ครับ ผมจะรีบไปเลย” นาวินท่าทางตื่นเต้น แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้จึงทำหน้ามุ่ย “แต่ว่าผมจะกลับบ้านยังไงล่ะ”
...เด็กอะไรวะ โตขนาดนี้แล้วยังห่วงเรื่องจะกลับบ้านยังไง...
กัณต์คิดสงสัยในใจ และรอฟังว่าเด็กหนุ่มจะพูดอะไรต่อ
“ผมต้องขออนุญาตพี่หมอก่อน ไม่รู้พี่หมอจะ...”
“พี่หมออาจไม่ให้ไป” กัณต์รีบพูดแทรก
...ชาลีไม่มีวันให้นาวินไปกับเขาแน่นอน...
“พี่เขาอาจกลัวว่าจะเกิดอันตราย ผู้ใหญ่ก็ห่วงเรื่องนั้นเรื่องนี้ อย่างที่ไม่อยากให้เราเดินเข้าบ้านในตอนดึกๆ นี่ไง ยิ่งเป็นเรื่องไปยิงปืนก็ยิ่งห่วง”
“โชคดี พรุ่งนี้พี่หมอให้ผมไปยิมคนเดียว ถ้าผมบอกว่าแข่งบาสเสร็จให้พี่เอ็กซ์มาส่งพี่หมอก็จะไม่ว่าอะไร แต่ว่านี่เสร็จจากยิมก็ไปฝึกยิงปืน พี่หมอต้องว่าแน่เลย ถ้าเกิดว่า...” นาวินทำหน้าหนักใจ พูดไม่จบประโยคแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้ามองกัณต์เหมือนกับจะขอให้ช่วยคิด
“นาวินคงไม่เคยโกหกพี่ชาย” กัณต์เลิกคิ้ว
“พี่หมอจับผิดเก่งจะตายครับ โกหกไม่ได้หรอก” นาวินพูดพลางส่ายหน้า เป็นการตอบคำถามของกัณต์ว่าไม่เคยโกหกชาลี
“แสดงว่าพี่หมอจะถามทุกครั้งว่ากลับบ้านยังไง ใช่หรือเปล่า”
“ครับ” นาวินพยักหน้า “ผิดเวลาไม่ได้เลย จะรู้ทันที”
กัณต์ถอนหายใจเบาๆ ชักรู้สึกหนักใจแทนเด็กหนุ่มท่าทางใสซื่อคนนี้ขึ้นมาทันใด
...นี่หรือน้องชายของเควิน น้องชายที่กลายมาเป็นน้องชายของหมอชาลี...
...ร้ายกาจจริงๆ คุมน้องจนกระดิกตัวไม่ได้เลยหรือนี่ และถ้าหากรู้ว่าแอบไปฝึกยิงปืนกับเขา นาวินจะโดนอะไรบ้าง และที่สำคัญ เขาจะ ‘โดน’ อะไร...
“ถ้านาวินไม่ต้องเล่นบาส ไปยิงปืนเลย ก็คงไม่ต้องกลับผิดเวลา พี่จะมาส่งเอง” กัณต์หาทางออกให้อีกฝ่าย
“แล้วให้โกหกพี่หมอว่าอยู่ที่ยิมตลอดใช่ไหมครับ” นาวินเลิกคิ้ว ทำตาโต ถามกัณต์เสียงเบาราวกับปรึกษาเรื่องแผนการลับ
“ไม่ได้โกหก แค่บอก แต่ถ้าพี่หมอไม่ถาม ก็ไม่เห็นต้องพูดอะไร”
“พี่หมอถามทุกครั้ง”
กัณต์ขมวดคิ้ว พอจะนึกภาพออก เมื่อนาวินเดินเข้าบ้าน ชาลีคงถามว่าเล่นบาสเก็ตบอลที่ยิมเป็นยังไงบ้าง ใครมาส่ง ทานอะไรมาหรือยัง แล้วเล่นบาสเก็ตบอลที่ยิมไม่อาบน้ำหรือไง ทำไมได้กลิ่นเหงื่อ
...ไปเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนแทนเป็นหมอซะเลยสิ...
...เฮ้อ นี่ดูเหมือนจะยุ่งยากพอๆ กับการวางแผนเข้าจับกุมพวกโจรผู้ร้ายเลยนะนี่...
“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง นาวินอยากไปยิงปืนจริงๆ หรือเปล่าล่ะ” กัณต์สรุป ทั้งที่ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก แต่เขาคิดจะหาทางออกทีหลัง
“อยากครับอยาก” นาวินพยักหน้าถี่ๆ
“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงโทรหาพี่” กัณต์ยื่นนามบัตรให้ “เก็บไว้ดีๆ ล่ะ อย่าให้พี่หมอเห็น เดี๋ยวโดนดุนะ ท่าทางพี่ชายนาวินไม่ค่อยชอบตำรวจ ทั้งๆ ที่ตำรวจดีๆ ก็มีเยอะ”
“พี่หมอบอกว่าตำรวจขี้เก๊ก”
“งั้นหรือ” กัณต์เลิกคิ้ว “แล้วพี่เก็กหรือเปล่า”
“ไม่เห็นจะเก็กตรงไหน” นาวินส่ายหน้าเร็วๆ “ถ้าไม่บังเอิญมาเจอพี่กัณต์ผมก็คงไม่รู้ว่าพี่ไม่ได้เก๊กตรงไหนเลย พี่หมอพูดไปเอง เอ๊ย...” นาวินรีบหุบปาก ทำหน้าตกใจ เหมือนจะตระหนักได้ว่าตัวเอง ‘พูดมาก’ เกินไป
“เข้าบ้านเถอะ แล้วไม่ต้องบอกนะว่าพี่มาส่ง เดี๋ยวโดนดุว่านั่งรถตำรวจแปลกหน้าเข้าบ้าน พี่เขายิ่งไม่ค่อยชอบตำรวจอยู่ด้วย” กัณต์พูดยิ้ม แล้วมองเด็กหนุ่มที่รีบพยักหน้ารับคำ และยกมือไหว้เขาอีกครั้งก่อนจะรีบเข้าบ้านไป
...เด็กคนนี้มันใสซื่อน่ารักอย่างนี้นี่เอง มิน่า ชาลีถึงได้ห่วงใยนักหนาว่าใครจะมาทำอะไรน้องชาย...

ชาลีกระแทกช้อนซ่อมลงบนจานแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอกภพซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หันมามอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เช่นกัน
“เป็นอะไรเอก” ชาลีถาม
“นายนั่นล่ะเป็นอะไร” เอกภพย้อน “ทำเหมือนโกรธใครมา หรือว่ากำลังเครียดจัด เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”
“คนอย่างชาลีไม่เคยหมดทางออก”
“แล้วตอนนี้คิดอะไรอยู่”
“อย่ารู้เลย” ชาลียักไหล่ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วบ่นเรื่องอาหารไม่อร่อย “ทำไมเราจะต้องมานั่งกลืนข้าวอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้นะ จะออกไปกินข้างนอกก็ขี้เกียจ ไหนกลัวว่าจะกลับไม่ทัน นี่ถ้าคุณรัฐศาสตร์ไม่เป็นนัดแรกของตอนบ่าย ไปกินข้าวข้างนอกดีกว่า”
“อ๊ะๆ รัฐศาสตร์  คนที่เป็น ส.ส. นั่นหรือ เคยได้ยินแต่ชื่อ คราวนี้เล่นของสูงนะ หลอกให้คนไข้รักแล้วหักอก เป็น ส.ส. อีกต่างหาก ได้ยินว่า ส.ส. นี่ก็เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล เกิดเขาแค้นแล้วให้คนมาอุ้มไปฆ่า จะแย่นะชาลี” เอกภพเตือน “ไหนจะเรื่องเจตริน ไหนจะเรื่องพี่เอ็กซ์ ไหนจะยุทธนา”
“ยุทธนามาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ได้ยินมาว่ายุทธนาปริ้นท์ผลแล๊ปรอทุกวัน โดยไม่ต้องให้หมอวีไอพีบางคนไปยืนบังคับ” เอกภพหัวเราะคิกคัก
“รู้ดีนักนะ” ชาลีเบ้ปาก
“ชาลี” เอกภพเรียกเพื่อนเสียงจริงจัง “เราสนับสนุนคุณยุทธนา ผู้ชายธรรมดาๆ เหมาะสมจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก ลองคิดดู อยู่บ้านใกล้กัน ทำงานที่เดียวกัน ยอมให้นายทุกอย่าง สมถะ รักชีวิตเรียบง่าย บุหรี่ไม่สูบ เหล้าไม่ดื่ม ไม่เที่ยวกลางคืน ดูแลรักษาสุขภาพ รูปร่างหน้าตาดี ส่วนเรื่องลีลาบนเตียงจะเป็นยังไงเราไม่รู้แต่ของแบบนี้ฝึกปรือกันได้ เพราะฉะนั้น...”
“พอได้แล้วเอก เราว่านายนั่นล่ะเหมาะสมกับยุทธนา นายจะได้เลิกยุ่งกับพวกผู้ชายต้องห้ามซะที” ชาลีกระแทกเสียง “เรื่องรักใคร่อะไรเราไม่สนหรอก ตอนนี้เรามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว”
“รีบๆ ทำให้จบไปซะสิ นายจะได้ออกมาจากโลกแห่งความแค้นซะที ความรักรออยู่”
“เอก” ชาลีหันมามองเพื่อนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “ถึงเรื่องนี้จะจบไป เราก็ยังไม่คิดจะจริงจังกับความรักหรอกนะ เรายังมีภาระต้องดูแลนาวินอยู่ กว่าเด็กมันจะจบมหาลัย”
“จะบ้าหรือไง จะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่ชายเป็นพี่สาวให้นาวินนานขนาดนั้นหรือ”
“คงตลอดชีวิตล่ะ นาวินไม่มีใคร นายก็รู้ อย่าลืมสิ แล้วไม่ใช่เราเป็นคนเดียวนะ นายก็ต้องเป็นด้วย ต้องช่วยกันเลี้ยง”
“เด็กมันโตยังกะม้าศึก”
“เอก” ชาลีอดเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มขำไม่ได้ “เปรียบเทียบอะไรให้มันดีๆ หน่อย แล้วนาวินน่ะ เด็กกว่าอายุตั้งเยอะ พออายุ 20 เราก็คิดว่าคงยังทำอะไรเป็นเด็ก 16-17 แน่ๆ เลย ดูตอนนี้สิ  ทำตัวเหมือนอายุ 17 ที่ไหนกันเล่า”
“ไม่แน่ นายอาจมองน้องยังเป็นเด็กอยู่ ทั้งที่เด็กมันโตแล้ว นายห่วงน้องเกินไป”
“แล้วอย่างนาวินไม่น่าห่วงหรือไง รูปร่างหน้าตาแบบนั้น ยิ่งไม่ค่อยทันใครอยู่ด้วย เกิดใครชวนไปทำอะไรที่ไหนจะว่าไงล่ะ” ชาลีถอนหายใจ
“แล้วนี่นาวิน เอ่อ เป็น เอ่อ...” เอกภพอึกอัก
“ไม่รู๊” ชาลียักไหล่
“แต่คงมีคนอยากให้เป็นกันหลายคน เฮ้อ” เอกภพถอนหายใจ “กลัวจริงๆ เลย กลัวเจอคนไม่ดี พวกได้แล้วทิ้ง ที่จะมาทำให้น้องเราต้องช้ำใจ”
“เห็นไหมล่ะ ตัวเองก็ห่วงน้อง” ชาลีหันไปพูดกับเอกภพ ก่อนจะชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วทำเสียงเข้ม “เอ๊ะนี่ หลอกด่ากันใช่หรือเปล่า”
“เปล๊า” เอกภพส่ายหน้า แล้วยกมือขึ้นโบกทักทายยุทธนาที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านอาหาร
“เอก จะไปเรียกทำไม”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ”
“งั้นเราไปล่ะ” ชาลีลุกขึ้น
“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิ” เอกภพร้องเรียก แต่ไม่ทันเสียแล้ว ชาลีเดินตรงไปยังยุทธนาแล้วพูดว่า “มาทานข้าวช้านะครับคุณยุทธ หมอเอกเขาถามถึงอยู่น่ะ ไม่รู้เป็นอะไร พักนี้พูดถึงคุณยุทธบ่อยมาก ไปนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนหมอเอกหน่อยสิครับ”
“ครับ” ยุทธยารับคำสั้นๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว แล้วหันไปมองตามนายแพทย์ชาลีที่ก้าวเดินฉับๆ หายออกไปจากร้านอาหาร
...ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าชอบนายแพทย์ชาลี หลายวันที่ผ่านมาเขาเห็นแต่ภาพใบหน้าของชาลีในห้วงคิดคำนึง...
...แย่แล้ว เขามาชอบคนที่เห็นความรักเป็นแค่เรื่องเล่นๆ...


กัณต์ถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งขณะที่ขับรถมาโรงพยาบาล เมื่อมาถึงเขาก็ถอนหายใจอีกหลายครั้งเมื่อพยาบาลที่ส่วนต้อนรับบอกเขาว่าวันนี้นายแพทย์ชาลีไม่ได้ออกตรวจ และตอนนี้เขาก็มายืนถอนหายใจอยู่หน้าเครื่องเล่นขนาดเล็กสีสันสดใสในวอร์ดเด็กโดยคิดว่าจะช่วยให้สบายใจขึ้นหากเห็นอะไรน่ารักๆ
นายตำรวจหนุ่มนึกการสนทนาระหว่างตัวเองกับพยาบาลเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมาแล้วทำให้รู้สึกฉุนตัวเองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ และทำอะไรงี่เง่าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นเมื่อครู่นี่ที่เขาทำท่าหงุดหงิดใส่พยาบาล

“แต่ว่าผมต้องการพบคุณหมอชาลีเท่านั้น” เขายืนกราน
“แต่ว่า เอ่อ คุณตำรวจเป็นไข้ไม่สบาย พบหมออายุรกรรมจะดีกว่านะคะ คุณหมอชาลีเป็นแพทย์เฉพาะทาง เชี่ยวชาญเรื่องรักษามะเร็ง” พยาบาลอธิบายเสียงอ่อนเมื่อเห็นหน้าดุๆ ของเขา
“หมอคนไหนก็ตรวจได้ไม่ใช่หรือ ผมก็แค่เจ็บคอ ปวดหัว ตัวร้อน แล้วทำไมหมอชาลีไม่มาทำงานครับ ไม่สบายหรือเปล่า”

คำตอบของพยาบาลทำให้กัณต์รู้ว่าวันนี้ชาลีตรวจรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลอื่น และจะมาทำงานที่นี้อาทิตย์ละสามวันเท่านั้น ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า หมอหลายคนก็ไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งเพียงแห่งเดียว
...ชาลีรบกวนจิตใจเขามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้พานาวินไปหัดยิงปืน...
...เควินฆ่าตัวตาย ข่าวที่ออกมาว่าเสียชีวิตเพราะโรคร้ายนั้นก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเควิน...
...เพียงสองชั่วโมง นาวินก็สนิทกับเขาจนยอมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง เด็กหนุ่มเป็นคนช่างพูด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุยกับเขาถูกคอ นาวินเลย 'จ้อ' ไม่หยุด แม้บางครั้ง เขาจะใช้ทักษะของการเป็นสารวัตรสืบสวน หลอกล่อให้หนุ่มน้อยพูดอะไรบางอย่าง...
กัณต์นึกถึงคำพูดของนาวินที่พรั่งพรูออกมาเมื่อเขาถามเรื่อง 'คนที่เควินรัก'
...
“ผมไม่นึกว่าความรักจะทำให้คนเราทำได้ถึงขนาดนี้ พี่เควินรักเขามาก รักจน...รักจน..จน...”
“เขาชื่ออะไร” กัณต์ถาม
“ผมไม่รู้ครับ แต่พี่ก็รักมากจนนอนร้องไห้แทบทุกคืน บอกว่าชีวิตนี้ขาดเขาไม่ได้ ไม่มีเขา ชีวิตก็ไม่มีความหมาย” นาวินส่ายหน้า
“ผู้ชายคนนั้นคงเป็นคนไม่ดีมาก เลยทำร้ายจิตใจพี่ชายของนาวิน” กัณต์หยั่งเชิง “นาวินคงเกลียดเขามากจนอยากจะแก้แค้นแทนพี่”
“ไม่หรอกครับ” นาวินตอบ นัยน์ตาอ่อนโยน ทำให้กัณต์อดเปรียบเทียบกับแววตาแข็งกร้าวของชาลีไม่ได้ “คนไม่รัก จะให้รักได้ยังไงครับ ผมคิดว่าพี่รักเขาข้างเดียว ผมได้ยินพี่พูดอยู่เหมือนกัน”
“นาวินรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร” กัณต์ถามอีกครั้ง
“ผมไม่เคยเห็น” นาวินส่ายหน้า “ผมอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยออกมาเกะกะพี่เวลามีคนไปบ้าน คนนี้ของพี่เควินผมไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่เคยแอบมองด้วย เคยแต่ได้ยินเสียงแว่วๆ”
...แต่เขารู้ว่าเป็นใคร คืนนั้น ตอนที่ลงมาจากคอนโดมิเนี่ยมที่พักของวิพัฒน์ เควินโทรศัพท์มาฟูมฟายกับเขา ขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เขาไม่เคยนึกเลยว่าเควินจะเอาจริง และเควินก็คงจะทำจริงๆ หลังจากที่เขาพบกับชาลีได้ไม่เท่าไหร่ ไม่เช่นนั้น หลังจากช่วยกันนำพายัพไปส่งโรงพยาบาล ชาลีก็คงไม่เร่งรีบจากไป...
...และเมื่อเขาตามไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ชาลีก็ลากิจไปหลายวัน อ้อ ไม่ใช่สิ จำได้ว่า ตอนเขาไปขอพบชาลีครั้งนั้น พยาบาลบอกว่าชาลีไม่ว่าง อยู่ที่ห้องดับจิต...
...ก็คงอยู่กับเควินกระมัง และที่ลากิจหลายวันหลังจากนั้นก็คงไปงานศพ...
...ชาลีกำลังหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นแฟนเก่าที่เคยทำกับตัวเองไว้อย่างเจ็บแสบ และหากรู้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนรักฆ่าตัวตาย?...
...เขาไม่อยากจะนึกเลยจริงๆ...
...ชาลีรู้หรือเปล่าว่า 'ใคร' แต่เขาคิดว่าคงยังหรอก เพราะไม่เช่นนั้น ชาลีก็คง 'ลุย' เขาไปแล้ว...
...เขาผิดหรือที่ไม่ได้รักเควิน แต่รัก...
...รัก?...
...จริงหรือนี่...

“คุณตำรวจครับ ช่วยด้วยครับ ช่วยยกเด็กคนข้างซ้ายลงมาหน่อยครับ น้องตูน อย่าผลักพี่สิครับ อยู่เฉยๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ หูอย่างตื่นตระหนก ทำให้กัณต์หลุดจากภวังค์ ถลันตัวเขาไปจับเด็กน้อยตัวอ้วนกลมที่นั่งเบียดกับแฝดของตัวเองอยู่บนเครื่องเล่นกระดานลื่นแล้วยกลงมา
“หมอบอกว่าอย่าแย่งกับเล่น ตัวเราใหญ่ขนาดนี้ จะเบียดกันไถลลงมาพร้อมๆ กันไม่ได้นะครับ” คุณหมอหนุ่มสวมแว่นกรอบทองก้มลงพูดกับเด็กแฝดตัวอ้วนกลม
“เต้ไม่ให้ตูนเล่นด้วย เต้เล่นคนเดียว ตูนไม่ได้ไถลเลยซักกะที” น้องตูนฟ้องคุณหมอ
“ตูนช้า” เต้ให้เหตุผล “ตัวอ้วน ต้วมเตี้ยม ช้าที่ฉุดในโลก”
กัณต์อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะคนที่ว่าคู่แฝดของตัวเองว่าอ้วนนั้นรูปร่างไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่นิด
“เต้ก็อ้วน” ตูนยกนิ้วกลมป้อมชี้คู่แฝด “อ้วนกว่าตูนอีกด้วย”
“แต่น้องตูนก็ไม่ควรผลักน้องเต้แบบนั้น เดี๋ยวจะตกลงมาเจ็บ แล้วหมอก็บอกว่าอย่าเพิ่งเล่นกระดานลื่นกันเพราะเพิ่งทานข้าว ไม่งั้นจะอ๊วกเหมือนเมื่อกี้ ถ้าอ๊วก ต้องมาหาหมออีก คราวนี้จะโดนจับฉีดยานะครับ”
“ม่ายอาว ตูนม่ายฉีดยา” เด็กน้อยรีบปฏิเสธ
“เต้ก็ม่ายฉีด เต้กัวเจ็บ” อีกคนรีบประสานเสียง
“งั้นก็ไปนั่งคอยที่เก้าอี้ตรงหน้าห้องหมอนะครับ”
เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วรีบวิ่งไปตามที่คุณหมอบอก นายแพทย์หนุ่มร่างสูงใหญ่มองตามยิ้มๆ แล้วหันมาพูดกับกัณต์ว่า
“พอดีคนไข้เยอะมากครับ พยาบาลดูไม่ทั่วถึง”
“หมอก็เลยต้องมาดูแทน” กัณต์เติมความให้
“อ๋อเปล่า เปล่าครับ พอดีผมอยู่ใกล้ๆ เลยมาดู” นายแพทย์รีบปฏิเสธ “คือว่า เอ่อ ผมกำลังจะไปดูเด็กที่ห้องโน้น แต่ เห็นสองคนนี้ก็เลย เอ่อ...”
เอกภพอึกอัก เสีนงตะกุกตะกัก รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด พูดกับตัวเองในใจว่า จะให้บอกความจริงได้ยังไง เขาเห็นนายตำรวจเดินเข้ามายืนดูเด็กเล่นเครื่องเล่นกัน เขาก็เลยเดินเฉียดเข้ามาใกล้ เผื่อจะได้ทำความรู้จัก
“ผมคุ้นหน้าคุณหมอมาก เหมือนเคยเจอที่ไหน” กัณต์ขมวดคิ้วใช้ความคิด
“ผมก็เหมือนกัน” เอกภพพึมพำ
...เขาจำได้ว่าเจอที่โรงพยาบาลหนึ่งครั้ง ที่ยิม และที่ร้านอาหาร ไม่เคยได้ทันทักทายเลยซักครั้ง...
“อ้อ ผมนึกออกแล้ว ผมเจอคุณในร้านอาหาร แล้วก็ที่ยิม กับนายแพทย์ชาลี แล้วก็เห็นแวบๆ ที่โรงพยาบาลนี่ล่ะครับ ตอนที่ผมมาสอบปากคำ”
...และที่หน้าผับแถวซอยหลังสวน ชาลีเดินเข้าไปในผับแล้วออกพร้อมกับคุณ แล้วก็มาพูดประชดผมกับชายชล ตอนนั้นผมยังนึกว่าคุณเป็นอะไรกับแฟนหมอชาลีซะอีก...กัณต์พูดต่อในใจ
“ผมเป็นเพื่อนของชาลีครับ ชื่อเอกภพ”
“กัณต์ครับ พันตำรวจตรี กัณต์ เวโรจน์” กัณต์แนะนำตัว “ยินดีที่ได้รู้จัก”

หลังจากแนะนำตัวและคุยกันสั้นๆ กัณต์ก็ขอตัวกลับโดยให้เหตุผลว่าต้องไปทำงานต่อ นายตำรวจขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโล่งใจ ตอนแรกเขานึกว่าเอกภพเป็นแฟนกับชาลี แต่ตอนนี้เขารู้ว่าไม่ใช่ ประกายตาของหมอเด็กผู้อ่อนโยนคนนี้แสดงความพึงพอใจเขาออกมาอย่างเด่นชัด นั่นหมายความว่าเป็น 'ฝ่ายเดียวกัน' กับชาลี
แต่ในใจของกัณต์มีความรู้สึกหลายหลายผสมกัน แม้จะรู้สึกโล่งใจที่เอกภพไม่ได้เป็นอะไรกับชาลีอย่างที่หวั่นใจ ทว่า เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าสองคนนี้จะเป็นเพื่อนกันได้เพราะบุคลิกลักษณะแตกต่างกันเหลือเกิน พอๆ กับที่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเควินเป็นเพื่อนสนิทกับชาลี
กัณต์เผลอถอนหายใจอีกครั้ง
เส้นทางของเขากับชาลีคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่แท้ แต่เป็นหลุ่มบ่อ โรยด้วยหมุดเหล็กแหลมๆ ที่พร้อมจะทิ่มตำเขาได้ตลอดเวลา

---18---



หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-03-2010 11:35:10
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 11-03-2010 11:35:25
อร๊าย :z13:

มาแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-03-2010 11:58:48
หมอเอกคะ...............แฮดมวกเห็นผะจายเป็นไมไ่ด้
ขอต้องห้ามๆเนี่ยหมอเอกชอบนักแล  :laugh:
ส่วนอิคุณสารวัตรแหม..คิดถึงงขนาดที่ต้องมายืนพร่ำรำพันคนเดียวที่รพ.เลยรึ
ตัวไม่อยู่ได้มายืนที่รพ.อย่างเดียวก็ยังเหอะ ถ้าหมอชาลีรู้ว่าคุณมีคดีกับเควินล่ะก้อ
ชาลีคงทำยิ่งกว่า...การแก้แค้นเหมือนแฟนเก่าอีกอ่ะนะ....คิดไปคิดมาเพราะเองไม่ใช่เหรอ
ที่ทำให้นาวินขาดที่พึ่งขาดเสาหลักของครอบครัวไปอ่ะ ถึงชาลีจะดูแลดีมากมายแค่ไหนแต่ยังไงก็ให้ความรู้สึก
ของการเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันไมได่หรอก....

ปล.คุณพ่อมือใหม่...คล่องเชียวนะคะแบบนี้อ่ะเปิดเนิสเซอร์รี่เลยมะจะได้หัดไว้ เด็กๆอ่ะเลี้ยงเข้าไป หุหุ
+1 คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Human ที่ 11-03-2010 12:29:15

ไม่ผิดที่ไม่รัก

แต่ผิดที่ให้ความหวัง

และไม่ทำอะไรให้ชัดเจน

นี่ล่ะน๊า

กรรมของคนเจ้าชู้

รับไปเหอะหมวด เอ้ย! สารวัตร
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 11-03-2010 12:46:11
หนักใจแทนสารวัตรจริงๆเลย

แต่เกิดเป็นตำรวจ ยังไงก็

ต้องลุยถูกมะคับ  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 11-03-2010 13:19:29
หมอชาลี มีสิทธิที่จะโกรธคนที่ทำให้เพื่อนรักตัวเองต้องตายหรอ

ในเมื่อ  ตัวเองก็ชอบหลอกให้คนอื่นรักแล้วหักอก 

  :เฮ้อ:พอกันทั้ง พระ นาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-03-2010 13:22:35
หมวด เอ๊ย สารวัตรนี่อาการหนักแล้วน๊า

กรรมเก่ายังไม่หมดเลยซะด้วย แหะๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 11-03-2010 13:49:34
 o18  สารวัตโดนหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 11-03-2010 14:41:20
น่าจะเรียกว่าเป็นกรรมของคนล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมากกว่านะ  :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 11-03-2010 15:23:12

กัณฑ์ ไม่ผิดที่ไม่รัก  แต่ผิดที่ :m31: :m16: ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมากกว่านะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 17 "โลกกลม" (7/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-03-2010 16:13:39
สงสัยจะเป็นพระเพื่อนพระแพง

อิอิ













แอยรสสสสส
กลมจริงๆ
ว่าแต่คุณนายไปเอาลูกมาจากไหนเหรอ
ผมช่วยเลี้ยงเอาม่ะ
คริคริ
ลูกของเราไง
ทำเป็นจำไม่ได้
 :เฮ้อ:

ลูกผมอายุน้อยกว่านาวินสามปีครับ
มันกินจุจริงๆ ให้ตายเถอะ

ลูกโตขนาดนั้นเลยเหรอคุณนาย

สงสัยจะลูกหมา

กร้ากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 11-03-2010 16:53:19
ยุ่งแบบที่คิดไว้จิงๆด้วย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-03-2010 18:03:38

กดบวกให้ด้วยความเคยชิน อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-03-2010 18:18:23
ไม่นาน ความจริงก็เปิดเผย
ว่าแต่ มาแอบเจอนาวินลับหลัง ชาลี แบบนี้ ไม่ดีนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 11-03-2010 19:46:55
สารวัตรตกหลุมรักหมอชาลีซะแล้ว :laugh:
ถ้าหมอชาลีรู้ความจริง
สารวัตรโดนหนักแน่ o22
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 11-03-2010 20:38:38
มาอ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 11-03-2010 20:42:23
แอบฮา "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ"  :laugh: มีงี้ด้วยนะ
แทบนะนึกวันที่ชาลีกับคุณตำรวจรักกันไม่ออกเลย
อุปสรรคขวากหนามมากมายเหลือเกิน  :z3:
ปล นาวิน น่ารักอีกละ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-03-2010 21:03:13
ยิ่งตาม ยิ่งสืบ ก็เริ่มกระจ่างในการกระทำของอีกฝ่าย

แล้วอย่างงี้ จะสลัดรักออกจากใจได้ไง สารวัตกัณต์

+1 ให้พี่นาย เผื่อทางเล้าให้เอาคะแนนไปแลกเป็นอาหาร ไว้ให้ลูก  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 11-03-2010 21:07:04
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 11-03-2010 21:37:07
ผมเพิ่งเห็นเรื่องใหม่ของคุณ คฑาวุธ
นี่ผมไปอยู่ไหนมาเนี่ย
มากดบวกให้ก่อน
เดี๋ยวค่อยอ่าน
 :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 11-03-2010 21:43:15
นั่น ! ชวนน้องเค้าไปยิงปืนอีก
ถ้าคุณหมอชาลีรู้จะว่าไง
แล้วรุ้แล้วนะว่าเค้ารู้จักกับเควิน
สารวัตรอาจจะเป็นคนทำให้เควินฆ่าตัวตายก็ได้ ฮึ่ม  :m16:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 11-03-2010 21:51:25
ว้าวววววววววว
สุดๆอ่าาา
ตอนนี้ยาวได้ใจ
^^
เป็นกำลังใจให้หมอชาลีครับ
ว่าแต่ ใครเป็นคนรักของเควินอ่ะ??
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 11-03-2010 21:52:47
ศาลาวัด ใช้ความรู้ในทางมิชอบ หลอกเด็ก!
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 11-03-2010 22:20:53
ทีแรกเห็นชื่อตอน ว่านึกไม่ออก กะจะช่วยคิดชื่อ
พอเข้ามาอ่าน  ตอบตรงๆ ว่า  นึกไม่ออกเหมือนกัน  กร๊าก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-03-2010 23:23:29
นั่นไง สารวัต เปนคนนั้นที่ทำเควินอกหักจิง ๆ ด้วย
เห้ออออ จะยังไงต่อกันล่ะทีนี้

 :o11:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 12-03-2010 03:04:23
เรื่องที่ผ่านนานนับปีจนบาดแผลทางร่างกายหายไปแล้วหมอชาลียังไม่ยอมปล่อยวาง แล้วสารวัตรเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนรักอย่างเควินตาย หมอชาลีจะยอมปล่อยเหรอ  :a5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 12-03-2010 04:51:37
งานนี้สารวัตรแย่แน่เลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "นึกชื่อตอนไม่ออกอ่ะ" (11/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Luk-Pla-Yai ที่ 12-03-2010 11:42:15
โอ้วแม่เจ้า...ลึกลับซ่อนเงื่อนเฉือนกันมันส์!!!
ดูท่าสารวัตรกัณต์จะปีนขึ้นจากหลุมรักของหมอชาลีไม่ได้ล่ะมั้งเนี่ย
ก็พี่ท่านเล่นสืบพบความจริงเรื่อยๆขนาดนี้
เฮ้อ  :เฮ้อ: เป็นกำลังใจให้ละกันนะสารวัตร
แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือ...มาอัพเร็วๆนะก๊าบเพ่น้อง  :z2:
รออ่านตอนต่อไปใจจดใจจ่อแล้วก๊าบบบบ
หนุกหนานมากมาย คนอ่านติดหนึบหนับแว้ววว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 18 "ไม่ต้องมีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 12-03-2010 18:25:00
เพลิงรัก บทที่ 19

ชาลีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงหลังจากโทรศัพท์ไป 'สั่งความ'  ให้เอกภพดูแลนาวินจนเรียบร้อย เพื่อนของเขาบ่นเสียยกใหญ่ว่าอยู่ไกลถึงระยองยังใช้วิธี 'ควบคุมแบบทางไกล เขาบอกกับเอกภพว่าต้องทำหน้าที่พี่ชายไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพื่อนของเขาเลยได้โอกาส 'ฟ้อง' เรื่องน้องชายกินล้างกินผลาญจนแทบจะเลี้ยงไม่ไหว ชาลีส่ายหน้าช้าๆ เมื่อนึกถึงบางช่วงของการคุยกับเพื่อน
...
“น้องชายนายนี่กินจุจริงๆ มิน่า เขาเรียกว่าเด็กกำลังกินกำลังนอน มีอะไรในตู้เย็นก็กวาดเรียบ"
“เห็นไหมล่ะ ต้องคอยดูแล นาวินยังเป็นเด็ก จะหาอะไรกินเองยังไม่ได้เลย" ชาลีพูด "อ้อ แล้วอย่าให้เดินออกไปปากซอยหาซื้ออะไรกินกลางดึกนะ"
“รู้แล้วน่า จะล๊อคกุญแจประตูบ้านคล้องโซ่ให้แน่นหนา ไม่ให้ออกไปไหนได้ อีกอย่าง เมื่อตอนบ่ายเราออกไปวิลล่า เสียเงินเป็นพันซื้ออะไรมาใส่ตู้เย็นไว้จนเต็ม เด็กมันจะกินหมดตู้ภายในคืนนี้เลยก็ให้มันรู้ไป"
...
...รู้จักนาวินน้อยไปซะแล้ว คุณหมอเอกภพเอ๋ย...
ชาลีอมยิ้ม นึกภาพเอกภพกับนาวินอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เพื่อนของเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ รักความสะอาด ป่านนี้ก็คงปวดหัวกับนาวินซึ่งอาจจะนั่งเล่นเกมส์อยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ข้างๆ เต็มไปด้วยถุงขนมขบเคี้ยวซึ่งหกเลอะเทอะ และหากเอกภพเดินเข้าห้องน้ำก็คงจะเห็นกางเกงชั้นในของนาวินซุกอยู่มุมใดมุมหนึ่ง ส่วนผ้าเช็ดตัวก็คงกองอยู่ที่พื้น
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวครับ" เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ ชาลีหันไปยิ้มให้คนที่นั่งลงบนม้านั่งข้างๆ พร้อมกับยื่นแก้วน้ำเย็นจัดให้
“ขอบคุณครับ" ชาลียิ้ม "ไม่น่าเชื่อ คุณหลอกให้ผมมาเที่ยวระยอง"
“มางานแซยิดคุณย่าต่างหาก" เจตรินแย้ง
“แต่แซยิดคุณย่าคุณจัดแบบเล็กๆ เป็นงานในครอบครัว ผมคิดว่า...”
“อย่าคิดมากสิครับ ผมอยากให้คุณมา คุณแม่ยังอยากให้คุณมา ผมยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจเลยนะนี่ ปกติคุณแม่ไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้ามายุ่งกับผมง่ายๆ เพราะกลัวว่า...” เจตรินชะงักแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด "ที่จริงคนที่ไม่ได้เป็นญาติกันก็มาด้วยนะครับ เพื่อนๆ ของปูเป้ลูกคุณลุงเทอดก็มา แฟนของโบวี่ เพื่อนของจุ๋ม แล้วใครต่อใครอีกล่ะ"
“แล้วคุณ...” ชาลีคิดจะโยงไปยังพี่เอ็กซ์ หรือจินตวีร์
“ใครครับ" เจตรินเลิกคิ้วสงสัย
“ผมเอ่อ...” ชาลีแกล้งอึกอัก
“ชาลี" เจตรินเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "มีอะไรหรือครับ คุณมีอะไรในใจ พูดออกมาเถอะ"
“ช่างเถอะ ผมไม่อยากรู้แล้ว" ชาลีส่ายหน้า เปลี่ยนใจยังไม่โยงเรื่องไปถึงพี่เอ็กซ์ จึงหันไปสนใจภาพอันสวยงามเบื้องหน้า และเปลี่ยนประเด็นการคุย "ผมชอบดูพระอาทิตย์ตกดิน"
“ตกทะเลต่างหาก"
“นั่นล่ะ จะตกดินตกทะเลก็สวยเหมือนกัน" ชาลียิ้มกว้าง "สวยจับใจเหลือเกิน แม้จะเศร้าแต่ก็สวย"
“ทำไมล่ะครับ"
“มันเป็นการสิ้นสุดของวัน ทำให้มีความรู้สึกว่าอะไรๆ ก็จะต้องจบลง"
“แต่วันถัดมามันก็จะขึ้นมาอีก ทำไมคุณไม่เปลี่ยนมาชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นล่ะครับ มันสดใสดี" เจตรินถาม
“แล้วคุณชอบหรือเปล่าครับ" ชาลีถามเจตริน
“ผมชอบดูพระจันทร์เต็มดวง" เจตรินกระชิบ "อย่างเช่นในคืนนี้ คุณรู้ไหมว่าคืนนี้ขึ้นสิบห้าค่ำ"
“เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรก็ขอจากพระจันทร์" ชาลีพยักหน้า
“อยากได้อะไรล่ะครับ ไม่ต้องขอจากพระจันทร์หรอก ผมจะหาให้" เจตรินหัวเราะเบาๆ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะเอนตัวพิงพนักม้านั่ง เหยียดขาออกไปจนสุด ท่าทางผ่อนคลาย
“สิ่งที่ผมต้องการคุณอาจจะให้ไม่ได้"
“อะไรล่ะครับ ทำไมจะให้ไม่ได้" เจตรินหันมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายแพทย์หนุ่มแล้วถามกลั้วเสียงหัวเราะว่า "คุณอยากได้ชีวิตผมงั้นหรือ"
“ผมไม่ใช่เพชรฆาต ไม่อยากได้ชีวิตใครหรอก" ชาลีหันมายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“แล้วคุณอยากได้อะไร บอกผมได้ไหมครับ" เจตรินเอนตัวเข้ามาใกล้ ไหล่แทบจะชิดกับชาลี
“อย่าเพิ่งรู้เลยครับ เอาไว้ให้คุณพร้อมที่จะให้อะไรก็ตามที่ผมอยากได้ ผมถึงจะทวง"
“อยากจะรู้จังเลย" เจตรินแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า "บอกหน่อยไม่ได้หรือครับ ถ้าเป็นอะไรที่ผมอาจจะหาให้ไม่ได้ ผมจะได้ขอพระจันทร์เต็มดวงคืนนี้ซะเลย"
“เราชอบต่างกันจังเลยนะครับ" ชาลีพูดขึ้นมา "อาทิตย์กับพระจันทร์ คนละอารมณ์เลย ร้อนกับเย็น แสงจ้ากับแสงนวล"
“ไม่ต่างกันหรอกครับ" เจตรินแย้ง "คู่กันต่างหาก พระอาทิตย์กับพระจันทร์มันคู่กันไม่ใช่หรือ"
ชาลีหัวเราะ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม นิ่งไปชั่วครู่ ก้มลงมองน้ำในแก้วที่อยู่ในมือของตัวเอง แล้วเรียกชื่อเจตรินด้วยเสียงเบาๆ "คุณเจตรินครับ"
“เจ ครับ คุณเรียกผมว่า เจ ได้แล้ว"
...พี่เจ เขาเคยเรียกเจตรินว่า พี่เจ ด้วยซ้ำ และแทนตัวเองว่า เอ...
“เรากำลังจะไปทางไหนครับ" ชาลีเงยหน้าขึ้นมามองเจตริน "คุณดีกับผมมาก"
“คุณต่างหากที่ดีกับผม" เจตรินแย้ง "หรือว่าเพราะเป็นหมอ เลยดีกับคนไข้"
“หมอที่ไหนมานั่งเบียดกับคนไข้มองดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน" ชาลียิ้มบางๆ
“เบียดงั้นเหรอ ขอโทษครับที่ทำให้นั่งไม่สบาย" เจตรินแกล้งทำเสียงตกใจ แต่กลับขยับเข้ามาใกล้จนชิด
“เรากำลังจะมุ่งไปทางไหนกันครับ" ชาลีถามอีกครั้ง "ไปตามถนนคอนกรีต หรือกำลังจะล่องไปในทะเล ถ้าเป็นทะเลเหมือนที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ มันเวิ้งว้าง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ไหน"
“แล้วคุณล่ะ อยากไปที่ไหน" เจตรินถามกลับด้วยเสียงอ่อนโยน "ผมอยากจะไปโดยมีคุณไปด้วย"
...เอจะรักพี่เจตลอดไป เอจะรักพี่จนวันตาย พี่เจอย่าหมดรักเอนะครับ...
...โง่ อดิศวงศ์น่าโง่ พูดอะไรอย่างนั้นออกมาได้ยังไง ใครมันรักคนอื่นจนวันตายได้บ้างล่ะ...
...รักแล้วทิ้งกันทั้งนั้น...
“คุณเจตริน" ชาลีพึมพำ
“เจ ครับ" เจตรินแก้คำพูดของอีกฝ่าย
...ช่างอ่อนโยนเหมือนวันแรกๆ ของความรักระหว่างเขากับเจตรินเหลือเกิน...
...บทเจตรินจะหวานก็หวานมาก แต่ท้ายที่สุดเจตรินก็ร้ายยิ่งกว่าซาตาน แม้หลังจากความโหดร้ายจะมีความหวานมอบให้เขาอีกจนเขาตัดใจไม่ได้ และยอมอดทนแลกกับความเจ็บปวดทั้งกายและใจ แลกกับความสุขช่วงสั้นๆ ที่คั่นด้วยความทุกข์เป็นช่วงๆ...
...แลกกับอะไรอีกหลายอย่าง...
...แลกจนเขาไม่เหลืออะไรซักอย่าง...
...ท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จบลง...
...แต่ถ้าเจตรินไม่ทำให้จบ ตราบเท่าที่ยังหายใจอยู่เขาก็อาจจะทนต่อ  นั่นคือความคิดในตอนนั้น...
...นั่นหรือที่เรียกว่าความรัก หรือนั่นคือความหลง เขายังเด็ก และเขาก็รักเจตรินมาก แต่สมมุติว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง เจตรินก็ไม่น่าจะทำกับเขาถึงขนาดนั้น...
...แต่มันไม่ใช่ความหลง เขามีสติอยู่ตลอดเวลาว่าเขารัก 'พี่เจ'...
...รักมาก...
...รักมากจนเกลียดเจตรินได้มากตลอดเวลากว่าสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา...
...จนถึงวันนี้...
...ตอนนี้เขาเกลียดเจตรินมากพอที่จะทำลายชีวิตผู้ชายคนนี้ได้แล้วใช่ไหม...
...ผมอยากจะไป โดยที่มีคุณไปด้วย...
...ที่ไหนก็จะไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ แล้วเขาอยากเดินทางไปกับเจตรินหรือเปล่า หากทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...
...หรือเขาอยากจะ 'ไป' กับคนอื่น...
...ไม่ได้ สับสนไม่ได้ ลังเลไม่ได้ เจตรินสมควรได้รับการตอบแทนอย่างสาสม...

“ชาลี คิดอะไรอยู่ครับ ทำไมนิ่งไป"
“ผมอยากมีใครซักคน" ชาลีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ผมเหงามานานพอสมควรแล้ว"
“ผมก็เหมือนกัน" เจตรินตอบ "ผมลอยไปลอยมาได้หลายปี ผ่านอะไรที่สาหัสมาพอควรแล้วเหมือนกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างแบบที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พบเจอ มันเป็นโชคร้ายของผม เป็นเวรเป็นกรรม" เสียงของเจตรินฟังเจ็บปวด "โดยเฉพาะตอนนี้ผมเป็นมะเร็ง ไม่รู้จะเป็นยังไง"
ชาลีปรายตาไปมองเจตริน ซึ่งตอนนี้มองตรงไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า กรามขบกันจนเห็นเป็นสันนูน
...หากเป็นดารา เจตรินก็แสดงได้แนบเนียนมาก...
...พอๆ กับเขาที่แสดงได้แนบเนียนเหมือนกััน...
...เจตรินโชคร้ายอะไร เวรกรรมอะไร ผ่านอะไรที่ว่าสาหัส จริงอยู่ การเป็นมะเร็งนี่เป็นความทุกข์ ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แม้จะเพิ่งเริ่มเป็น...
...เขาต่างหากล่ะสาหัส โดนมาขนาดนั้นไม่เรียกว่าสาหัสก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว...
“บ้าจริงๆ นี่ผมยังมีหน้ามาขอให้คุณร่วมเดินทางไปกับผม เห็นแก่ตัวจริงๆ คุณเป็นหมอ ผมเป็นคนไข้ มาขอให้เดินทางไปด้วยกัน ใครมาได้ยินคงคิดว่าผมฉวยโอกาส นี่ก็ยังไม่รู้ว่าผมจะอยู่รอดได้ถึงเมื่อไหร่"
“บอกแล้วไงว่าคุณต้องหาย ไม่เชื่อหมอหรือครับ" ชาลีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณแน่ใจขนาดนั้นหรือครับชาลี" เจตรินเสียงแผ่ว ใบหน้ายังมีความกังวล
“ถ้าไม่แน่ใจผมไม่กล้ารับประกันหรอก ถ้าคุณไม่หาย รับรองคืนเงินให้ทุกบาท"
เจตรินเปลี่ยนเป็นหัวเราะ "คุณมั่นใจเหลือเกิน"
“เพราะฉะนั้น คุณต้องมั่นใจในตัวเองด้วย คนอื่นจะเชื่อในตัวคุณมากขนาดไหนมันไม่สำคัญเท่าที่คุณจะเชื่อในตัวคุณเอง ไม่ว่าใครจะอยากให้คุณมีชีวิตอยู่แค่ไหน มันก็ไม่มีพลังเท่ากับที่คุณต้องการมีชีวิตอยู่" ชาลีพูดเสียงหนักแน่น
“ผมน่าจะเจอคุณเร็วกว่านี้" เจตรินยื่นมือมาเกาะกุมมือชองชาลี
“มาช้าดีกว่าไม่มา" ชาลีหัวเราะ
...ผมรอมาตั้งเกือบสิบเอ็ดปี คุณรอผมนานเท่าไหร่ล่ะ เจตริน...
...พี่เจ...

เจตรินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ของครอบครัวซึ่งอยู่ติดกับรีสอร์ทซึ่งเป็นส่วนธุรกิจอย่างหนึ่งของคุณย่า เขาถอนหายใจหนักๆ เอนตัวพิงเบาะนุ่มของโซฟา แหงนหน้ามองเพดานแล้วหลับตาลง แต่ไม่นานก็ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับคำพูดอ่อนโยน
“เหนื่อยหรือลูก"
“เปล่าครับ" เจตรินตอบคุณหญิงฟาติมา
“หายไปไหนมา"
“ผมไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาด" เจตรินตอบ เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "ผมกลัวหมอชาลีจะรับไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม"
“ลูกยังไม่ได้คุย" ผู้เป็นมารดาถาม
“ผมยังไม่กล้า" เจตรินตอบ "ผมกำลังรอเวลาเหมาะๆ"
“เขาเป็นหมอ เขาน่าจะเข้าใจ"
“ใครจะยอมรับได้ล่ะครับแม่" เจตรินหันมามองมารดาด้วยสายตาขื่นๆ "ใครจะเป็นเหมือนแม่ได้"
“แม่ก็ว่าหมอชาลีดูอ่อนโยนแต่ก็แข็มแข็งอยู่นะ ถึงจะเห็นว่าเป็นคนมีอารมณ์ขัน ใจเย็น แต่ก็เป็นคนจริงจัง มีความมุ่งมั่น ดูแกร่งเลยทีเดียวล่ะ คนแบบนี้แม่คิดว่าน่าจะ...”
“ผมไม่อยากให้เขามารับเวรรับกรรมกับผมเลย" เสียงของเจตรินอ่อนล้า
“เจ ฟังแม่นะ" ฟาติมานั่งลงข้างบุตรชาย ดึงมือลูกมาเกาะกุมเอาไว้ "สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เวรไม่ใช่กรรม มันก็แค่เกิดขึ้น ลูกต้องทิ้งความคิดนี้ไปซะ ลูกมีโอกาสตั้งต้นใหม่ แม่จะอยู่ข้างลูกเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เท่าที่ผ่านมา แม่ก็ช่วยดูอยู่ตลอด กี่คนๆ แม่ก็คิดว่าไม่มีใครน่าจะเหมาะเท่าคนนี้อีกแล้ว"
“แม่คิดยังงั้นหรือครับ"
“ถ้าหมอชาลีช่วยลูกเรื่องมะเร็งได้ เขาก็น่าจะเก่งพอที่จะช่วยเรื่องอื่นได้ ลูกต้องทิ้งความคิดเรื่องเวรเรื่องกรรมไปซะ จริงอยู่ เขาเชี่ยวชาญเรื่องมะเร็ง แต่คนที่เป็นหมอ ความเข้าใจก็ต้องมากกว่าคนอื่น ลูกก็น่าจะมองเห็นอย่างที่แม่เห็น คนมองโลกในแง่ดี มีความอ่อนโยนและความเข้มแข็งอยู่ในคนคนเดียวกัน ย่อมจะรับมือกับอะไรได้มากกว่า"
“เรื่องเงิน...”
“เรื่องเงินก็เรื่องเงิน แม่ไม่กังวลเท่าไหร่แล้วล่ะ เขาเป็นหมอ อย่าลืมสิ เขาก็คงมีฐานะมั่นคงพอที่จะไม่เป็นปัญหาหรอก อีกอย่าง เรื่องนี้เราก็จัดการเรียบร้อยแล้ว บัญชีทุกบัญชีอยู่ที่แม่กับพี่ เจ ไม่ต้องห่วง" คุณหญิงฟาติมาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“แต่ที่ผ่านมา...”
“แม่รู้ บางครั้งก็มีผิดพลาดได้ แต่เราต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ จำไว้นะเจ แม่จะสู้ไม่ถอย แม่จะไม่ให้ชีวิตลูกพัง แม่จะอยู่เคียงข้างลูกตลอด ลูกต้องก้าวไปข้างหน้า มองไปข้างหน้าเท่านั้น สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมานั้น ช่างมัน จำที่หมอของลูกพูดกับเราอยู่บ่อยๆ ได้ไหมหมอบอกว่าให้มองถึงอนาคตเท่านั้นนะลูก อนาคต อนาคต อนาคต"
“ครับ" เจตรินพยักหน้าแล้วถอนหายใจ "อนาคต ผมจะบอกตัวเองเอาไว้ ทุกอย่างที่ผ่านไปแต่ละวันเป็นอดีต และอดีตที่ไม่ดีเราต้องลืมมัน ขออย่างเดียว อย่างเดียวเท่านั้น ขอให้หมอชาลีรับปัจจุบันและอนาคตของผมได้"

“คุณไปเที่ยวทะเล" กัณต์เสียงห้วนเมื่อชาลีรับโทรศัพท์และเขาได้ยินเสียงคลื่น
“สมกับเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนจริง" ชาลีหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่โทรมาหาผมเพราะอยากจะรู้ว่าผมไปไหนยังงั้นหรือครับ"
“ผมจะชวนคุณไปเยี่ยมพายัพ"
“พายัพ" ชาลีแกล้งทำเสียงเหมือนพยายามจะนึกชื่อ "อ๋อ เด็กพลเมืองดีคนที่ถูกทำร้ายคืนนั้น เราสองคนวิ่งลงไปช่วยพร้อมๆ กัน เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ผมวิ่งลงไปถึงก่อนแล้วคุณค่อยมาถึงเพราะมัวแต่จะวิ่งไปตามจับผู้ร้าย แต่ท้ายที่สุด ไอ้คนใจโหดคนนั้นก็โดนลงโทษแค่เบาะๆ"
“เข้าคุกครับ" กัณต์ตอบเสียงเข้ม บอกตัวเองว่าไม่ยินประโยคหลังๆ ที่ชาลีพูดกับเขา ทว่า กลับตอบเรื่องที่โดนพูดจากระทบกระเทียบ "แต่โทษที ผมทำให้โดนประหารหรือติดคุกตลอดชีวิตไม่ได้"
“ไหนเขาว่าตำรวจยัดข้อหาเก่งไม่ใช่หรือ" ชาลีพูดแล้วหัวเราะปิดท้ายประโยค
“ผมบอกแล้ไงว่าผม...”
“เพราะคุณไม่ใช่ศาล ผมรู๊" ชาลีรีบแทรก
“พายัพจะบวช" กัณต์พยายามทำไม่สนใจที่โดนกวน "บ้านเกิดอยู่ทีี่สุพรรณบุรี"
“สุพรรรณบุรีจริงหรือ ก็เห็นพูดไทยชัดนี่นา" ชาลีอุทาน
“วันมะรืนนี้ ไปเช้าเย็นกลับ ผมเป็นคนขับรถเอง แต่คงต้องเอาวอลโว่ของผมไป ขับทางไกล คันใหญ่ ขับสบายกว่า เล็กซัสของคุณคันเล็ก หัวผมติดเพดาน"
“อ๋อ เป็นคนหัวสูง"
“หวังว่าคุณคงกลับมาจากเที่ยวทะเลได้ทัน"
“ผมยังไม่ได้ตกลงเลย" ชาลีแย้ง "มันเป็นวันทำงานนะครับ หมอไม่ได้ว่างเหมือนตำรวจ ไปไหนมาไหนตามใจอยากไม่ได้ มันไม่ค่อยสะดวก"
“ผมจะไปรับคุณตอนเจ็ดโมงเช้า" กัณต์ไม่สนใจคำทักท้วงของอีกฝ่าย
“คุณรู้จักบ้านผมหรือไง"
“อย่าลืมสิครับ ผมเป็นตำรวจ เรื่องจะสืบว่าคุณพักอยู่ที่ไหน กับใคร ไม่ยากหรอก"
“งั้นบอกได้ไหมว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน กับใคร" ชาลีท้า แต่เมื่อได้ยินกัณต์หัวเราะหึๆ อย่างรู้ทันก็ทำให้รู้สึกฉุนขึ้นมาโดยทันทีจึงพูดต่อไปว่า "ผมอยู่ที่ระยอง ไม่ได้อยู่คนเดียว"
“คุณอยู่กับเจตริน ทำไมผมจะไม่รู้ เที่ยวให้สนุกนะครับ" กัณต์พูดเสียงเข้มแล้ววางสาย ปล่อยให้นายแพทย์อารมณ์ร้อนจ้องโทรศัพท์ของตัวเองเหมือนจะเอาเรื่อง
“ว่าจะไม่ยั่วโมโหแล้วเชียว แต่อดไม่ได้ทุกทีสิน่า" ชาลีพึมพำ
...แต่สรุปแล้วใครโกรธล่ะ...
...กัณต์ก็คงโกรธเหมือนกันมั๊ง เขามาเที่ยวทะเลกับเจตริน กัณต์ก็คงคิดว่ามากันสองต่อสอง ไม่ใช่มางานแซยิดของคุณย่า ญาติมากันเยอะแยะ รวมทั้งเพื่อนของหลานๆ ด้วย ถึงกับปิดรีสอร์ทให้ทุกคนเข้าพักที่เดียวกัน...

เอกภพเดินไปแง้มประตูห้องนอนของนาวินเพื่อดูว่าตื่นหรือยัง นาวินนอนหงายอยู่บนเตียง กางแขนกางขา ผ้าห่มหลุดลุ่ย ท่าทางหลับสนิท นายแพทย์หนุ่มจึงปิดประตู ตั้งใจว่าจะปล่อยให้นอนต่ออีกสักสิบห้านาทีถึงจะเข้าไปปลุก ทันใด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เอกภพรีบวิ่งลงมาที่ห้องครัวเพื่อรับโทรศัพท์ เมื่อได้ยินเสียงของคนที่โทรศัพท์มา เอกภพก็รีบรายงานความเป็นไปภายในบ้านโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายถาม
“เดี๋ยวอีกสิบนาทีก็จะขึ้นไปปลุกแล้ว" เอกภพปิดการรายงาน
“เพิ่งแปดโมงเอง จะรีบไปปลุกทำไม เช้าวันอาทิตย์ เด็กมันก็ต้องนอนตื่นสาย"
“นี่ก็สายแล้วนะ" เอกภาพแย้ง "เกินเจ็ดโมงก็เรียกว่าสายแล้ว"
“ใครจะไปไปทำงานตอนเจ็ดโมงเหมือนนาย โรงพยาบาลนะเอก ไม่ใช่โรงเรียนอนุบาล จะได้ไปยืนคอยนักเรียนหน้าประตู นายเป็นหมอเด็ก ไม่ต้องไปยืนรับไหว้คนไข้กับพ่อของคนไข้หน้าโรงพยาบาลหรอก" ชาลีล้อ
“วันนี้วันอาทิตย์ ใช่วันทำงานที่ไหนล่ะ ไม่ต้องมาพูดเรื่องโรงพยาบาลเลย"
“ก็ถึงว่าไง วันนี้วันอาทิตย์ ตื่นสายหน่อยก็ได้" ชาลีพูดแล้วบอกเอกภพว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ คืนนี้เพื่อให้เอกภพได้กลับไปนอนบ้าน ไม่ต้องดูแลนาวินจนตื่นไปโรงเรียนในตอนเช้าวันจันทร์
“ไหนบอกว่าจะถึงกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เท่ี่ยง อุตส่าห์ลางานไปทำภารกิจมัดใจเจตรินไม่ใช่หรือ จะรีบกลับมาทำไม พรุ่งนี้เราก็ไปทำงานสาย พอไปส่งนาวินที่โรงเรียนแล้วก็ยังเหลือเวลาถมเถ"
“พรุ่งนี้จะพัก" ชาลีให้เหตุผล ไม่กล้าพูดว่าจะมีคน 'เอาแต่ใจ' ไปจอดรถรอที่หน้าบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อ 'พาตัว' ไปร่วมงานอุปสมบทของพายัพที่ต่างจังหวัด และหากเป็นเช่นนั้น กัณต์ก็ต้องเจอกับเอกภพและนาวินเพราะเพื่อนของเขาคงต้อง 'ขุด' น้องชายเขาออกจากเตียงแล้วพาไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ เหมือนๆ กับที่นาวินโอดครวญให้ฟังว่าตอนเช้าวันเสาร์โดนเอกภพปลุกตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งเพื่อมาออกกำลังกายที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“ว่าแต่ว่า เจตรินเขาบอกรับนายหรือยัง" เอกภพอยากรู้
“ยัง"
“รีบๆ เข้าหน่อยนะชาลี คนที่อยากบอกรักนายเขารออยู่นะ" เอกภพหัวเราะ
“พอเถอะๆ เรื่องยุทธนานั่นน่ะเลิกพูดได้แล้ว เรากับเขาไปกันไม่ได้หรอก"
“ทำไมจะไม่ได้ เชื่อเราะเถอะ ได้ยุทธนา นายจะไม่เสียใจเลย ขอรับรอง" เอกภพพยายามโน้วน้าวใจเพื่อน "แล้วรู้หรือเปล่า ตอนที่มาอยู่เลี้ยงลูกให้นาย เราออกไปวิ่งตอนเช้า เห็นคุณยุทธคนที่เอาใจใส่ต่อสุขภาพทุกเช้าเลยรู้ไหม เราเลยวิ่งเป็นเพื่อนเขาตั้งหลายรอบ วิ่งไปส่งเขาที่บ้านด้วย บ้านเหมือนนายยังกับบ้านฝาแฝด หน้าบ้านเป็นสนามหญ้ากว้าง ปลูกต้นไม้เต็มไปหมดเลย ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ หาคนอย่างนี้ได้ที่ไหนชาลี"
“พูดมากจริงเอก เรื่องจะจับคู่ให้เรากับยุทธนานี่น่ะ พอที ขอร้องล่ะ" ชาลีกระแทกเสียง "สมมุตินะว่าเราจบเรื่องของเจตรินแล้ว และหากเราจะมีความรัก เราก็ไม่ไปยุ่งกับยุทธนาหรอก"
“โธ่ คุณยุทธผู้น่าสงสาร"
“ยุทธนาเขาเป็นคนดีเกินไป คนที่จะเป็นแฟนเรารายต่อไปต้องเป็นคนที่สมควรจะเจอดี นี่ชักคันไม้คันมือแล้วรู้หรือเปล่า ยุทธนาเป็นคนดี ไม่ควรจะมาโดนเราหลอกให้รักแล้วทิ้งหรอก พูดแบบนี้ พอใจไหมเอก"
“เฮ้อ หัวแข็งจริง" เอกภพถอนหายใจ "พูดแบบนี้แสดงว่ามีเหยื่อรายต่อไปอยู่แล้วสิ"
“มีแล้ว เด็ดเลยล่ะ ถ้าสำเร็จก็เหมือนชนะได้เหรียญทองมวยโอลิมปิกส์รุ่นเฮฟวี่เวท ตัวใหญ่ ล้มแล้วเสียงดังทีเดียวเลยนะเอก" ชาลีหัวเราะเสียงกร้าว
“อย่าล้มเองก็แล้วกัน" เอกภพพูด
“เดี๋ยวก็รู้ อีกไม่ถึงเดือนครึ่งหรอก" ชาลีพูดอย่างมั่นใจ "เรื่องเจตรินใกล้ถึงไคลแม๊กซ์แล้ว คอยดูสิ กลับจากสุพรรณบุรีนี่ล่ะ"
“สุพรรณบุรีอะไร" เอกภพถาม
“รีบไปปลุกนาวินซะ หาข้าวให้น้องกินด้วย แค่นี้ก่อนนะเอก" ชาลีรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดจึงรีบเลี่ยงแล้ววางสาย ปล่อยให้เอกภพเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับบ่นอยู่คนเดียวกับ  'คำสั่ง' ที่ไม่คงเส้นคงวาของเพื่อน

***19***
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-03-2010 18:45:51
อดีตของพี่เจ น่าสนใจแฮะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เขาแสดงละครจริงเหรอ?
เอาใจช่วยคุณหมอน้า
อยากให้มีวันที่สดใส กับใครดี?  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-03-2010 18:59:55
จะไหวมั้ยอ่ะหมอชาลี อิตาพี่เจดูท่าจะปัญหาหนักกว่าที่ประเมินไว้

เฮ่อ

+ ให้ค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-03-2010 19:09:30
ตกลงเจมีอะไรที่ปิดบังอีกเหรอ มึนตึบ o22
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 12-03-2010 19:10:01
ปมอดีตพี่เจมีอะไรเยอะจังมีเกี่ยวกับหมอแล้วก็เรื่องเงิน
น้องวินน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :m3:
น้องวินจ๋าทำไมน่ารักยังเง้โดนใจพี่สาวตั้งแต่กินซาลาเปาแล้ว
ยิ่งน้องน่ารักมากขึ้นๆยังงี้เข้าใจพี่ชาลีที่ห่วงนาวินเลย
นาวินค๊าบบบ :จุ๊บๆ:
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า
พี่นายสู้ๆ! :a2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 12-03-2010 19:15:32
 :jul3: :m20:
ุนุ้งนาวินหนูเป็นเดะวัยกำลังกินกำลังนอนหรือเป็นรถแบล็คโฮลูก
กินล้างกินผลาญจริงๆ..แบบนี้ไงหมอชาลีถึงต้องเรียกแม่นมมาคอยดูแล
555 หมอเอกตลกโคตรๆ ถือว่าเป็นการซ้อมเลี้ยงเด็กแล้วกันนะคะแหม..
อันนี้เด็กโต น่าเอ็นดู น่าดู...  :laugh:

อิตาเจตรินอะไรนั่น อดีตแกเป็นยังไงเรอะ คุณญแม่ถึงได้บอกว่าให้เลิกคิด
เรื่องเวรเรื่องกรรมแสดงว่าไอ่ที่ทำๆกับหมอชาลีเมื่อวัยละอ่อน กรรมมันก็ติดจรวด
มาหาแกคือกันเรอะ........โดนอะไรนะร้ายแรงแค่ไหนกัน แต่เรื่องมะเร็งคงไม่ได้เีรียกว่ากรรมหรอกมั้งนะ
แหม...ตั้งความหวัง ว่าปัจจุบันและอนาคตต้องมีหมอชาลีอยู่ข้างๆเนี่ย
วิมารคุณเจตรินจะสวยหรูไปแล้วนะเคอะ ชิส์ ....วิมาร หรือ นรกกันแน่  o18

อิคุณตำหนวด เคอะ โทรมาสั่งๆๆๆแล้ววางโครมเนี่ย มั่นใจมากว่าคุณหมอจอมยั่วเค้าจะไป
ด้วยอ่ะนะ จะเดทกับหนุ่มทั้งทีต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาอ้าง แบร่ๆๆแย่ที่สุด

+1 คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-03-2010 20:05:52
กรรม :z3: :z3:
ดันสมองไก่ จำไม่ได้ว่าอ่านถึงตอนไหนแล้วอ่ะ
ย้อนกลับไปอ่านก่อนนะคร้า :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 12-03-2010 20:13:29
ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ  :call:

เจตรินน่าจะโดนกรรมพุ่งปักอกมาก่อนหน้านี้แล้วแหง  เดาไม่ถูกเลย

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-03-2010 20:28:12
อดีตที่พี่เจกลุ่มนี่คือเรื่องของเอรึป่าว
หรือว่าตอนนั้นไม่ตั้งใจ ??
ปวดหมองงง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-03-2010 20:52:03
เกิดอะไรขึ้นกับพี่เจ ทำไมมาบ่นเรื่องเวร เรื่องกรรม หรือว่ากรรมที่เคยก่อไว้กับน้องเอ

นี่หมอชาลีเล่นจะเกมส์ปิดบัญชีทีเดียว 2 บัญชีเลยหรือ

+1 ให้พี่นายครับ  :m5: ขอให้ขยัน ๆ ต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 12-03-2010 21:04:27
อยากเห็นตอนหมอชาลีกับกันต์จังเลย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 12-03-2010 21:11:50
เอ๊ะ ชักสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจตริน คุณหญิงแม่ถึงได้กังวลขนาดนั้

"เวรกรรม" กับ "เรื่องเงิน" น่าสงสัยๆๆๆๆ


ส่วนอิตาสารวัตรค่ะ มั่นใจตัวเองมากกกกเลยนะเนี๊ย ว่ายังไงคุณหมอเค้าก็ต้องไปกับตัวเอง ชิชะ ยังแอบหมั้นไส้เล็กอยู่



และที่ไม่พูถึงไม่ได้คือ "นาวิน"  คนอะไรทำไมน่ารัก น่าชังแบบนี้   :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 12-03-2010 21:27:14
สวีต.. วี้ด.. วิ้ว.. ที่สุพรรณบุรี เลยนะคะ คุณตำรวจจจจ :z1:
+1
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 12-03-2010 21:35:21
 o18  พอกันเลยสองคนนี้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 12-03-2010 21:40:11
เงื่อนงำ จริง ๆ เรื่อง เจตรินนี่

แถมมีเรื่องเงิน ๆทอง ๆ อีก


มาไวดีค่ะ
ชอบๆๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 12-03-2010 22:01:04
เจตจะหลอก คุณชาลี ซะละ

เมื่อไหร่กัณ จะเผด็จศึกซะที
 :m31:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 12-03-2010 22:04:38
ยิ่งอ่านมาถึงตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่า เจตรินคนปัจจุบันคนที่เป็นมะเร็ง ไม่น่าจะใช่ เจตรินคนที่เคยทำร้ายหมอชาลี

ลุ้นกันต่อว่าจะถูกต้องนะคร๊าบ รึเปล่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-03-2010 22:25:42
 :impress2: :impress2:


นาวิน ครัย เลี้ยงไม่ไหว


ผมเลี้ยงเอง


 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 12-03-2010 22:52:35
แล้วหมอชาลีจะเจออะไรอีกหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 12-03-2010 23:31:55
โอ๊ย มันชักจะยุ่งอีรุงตุงนังเข้าไปทุกทีแล้วนะคับเนี่ย

แล้วมันจะพันกันไปถึงไหนล่ะคับเนี่ย
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 12-03-2010 23:40:13

 :เฮ้อ: :L2: :เฮ้อ: :L2: :เฮ้อ: :L2: :เฮ้อ: :L2: :m18:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 12-03-2010 23:59:09
ตื่นเต้น ตื่นเต้น  :m11:ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ  o1 :impress:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 13-03-2010 07:13:40
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเจตรินจริงๆสิหน่า
รู้สึกจะมีเบื้อหลังซะด้วย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 13-03-2010 11:51:55
ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่เราไม่รู้ หมอชาลีไม่รู้ แต่!! พี่นายรู้ ^^ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ

เจตริน ที่ถึงขั้นเรียกว่าเป็นกรรมเป็นเวร สาหัสยิ่งกว่าที่เอ เคยเจอมาอีกหรือเนี่ย ??

แล้วถ้าถึงไคลน์แมกซ์อย่างที่หมอชาลีพูด เมื่อความจริงปรากฏ เจตริน อาจจะเป็น

ผู้ที่น่าสงสารอีกคน ความสะใจที่ได้แก้แค้น อาจเปลี่ยนเป็นความเสียใจที่ได้กระทำ

การอันนี้ไปรึเปล่านะหมอชาลี  :เฮ้อ:

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค้าบบบ  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-03-2010 13:24:21


แม้นชาลีก็เคยพูดประโยคนี้......เอจะรักพี่เจตลอดไป เอจะรักพี่จนวันตาย พี่เจอย่าหมดรักเอนะครับ...

แล้ววันนี้ของชาลีล่ะ ?

มันก็แค่ "คำคน" จริงไหม ชาลี ?

อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 13-03-2010 16:43:15
เรื่องดูซับซ้อนมาก สนุกดี

 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 13-03-2010 21:27:58
อ้างถึง
“เรื่องเงิน...”
“เรื่องเงินก็เรื่องเงิน แม่ไม่กังวลเท่าไหร่แล้วล่ะ เขาเป็นหมอ อย่าลืมสิ เขาก็คงมีฐานะมั่นคงพอที่จะไม่เป็นปัญหาหรอก อีกอย่าง เรื่องนี้เราก็จัดการเรียบร้อยแล้ว บัญชีทุกบัญชีอยู่ที่แม่กับพี่ เจ ไม่ต้องห่วง" คุณหญิงฟาติมาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

แม่-ลูกมีปัญหาอะไร :confuse: สตุ้งสตางค์จึงสำคัญเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-03-2010 01:55:17
เจตริน จั่วได้

ฟันธง

 :a5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 14-03-2010 02:13:49
^^^
^^
^ เห็นด้วยกับรีบนเรื่องพี่เจค่ะ คงจั่วแล้วจ๊ะเอ๋


ส่วนหมอชาลีก้อเริ่มใจอ่อนรึไงคะ ปกติเห็นมุ่งมั่นจะเอาคืนกับศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตอนนี้มีลังเล :m16:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-03-2010 17:32:36

มารอหมอเอ-ชาลี คะ


เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 14-03-2010 18:27:07
มาคอยค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 19 "ไม่มีชื่อบทแล้วนะครับ" (12/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 14-03-2010 22:32:32
 :z2:เพลิงรัก บทที่ 20

ชาลีกระแทกแผ่นหลังเข้ากับเบาะรถสีเบจของ Volvo XC90 ของกัณต์อย่างอารมณ์เสีย เขารู้ว่ากัณต์จงใจถ่วงเวลา ขณะนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว และกว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็คงค่ำ นาวินไปทานอาหารเย็นกับเอกภพและจะกลับบ้านไปรอเขา แต่เมื่อไม่นาน น้องชายของเขาขอไปนอนค้างกับเอกภพด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ 'ติดใจ'
สามวันที่ผ่านมา เอกภพมานอนค้างที่บ้านเขาเพื่อดูแลนาวินขณะที่เขาไประยองกับเจตริน นาวินบอกว่าอยู่กับเอกภพแล้ว 'อิ่มอร่อย' เป็นที่สุด ของกินไม่เคยขาดปาก ส่วนเอกภพเองบอกว่า มาเป็นพี่เลี้ยงนาวินแค่สามวัน เสียเงินไปเกือบสี่พันบาท จากที่เคยแค่พูดว่า นาวินกำลังโต อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน เอกภพบ่นว่า น้องชายของเขาเป็นประเภทกินล้างกินผลาญ
นึกถึงนาวินกับเอกภพแล้วทำให้ต้องอมยิ้ม แต่เมื่อนึกถึงกัณต์เขากลับต้องหงุดหงิด ตอนนี้เรื่องของเอ็กซ์จะมาทำอะไรนาวินนั้นเขาไมต้องห่วงแล้วเพราะฝ่ายนั้นแสดงให้เห็นว่าสนใจเขา จึงไม่ได้เป็นตัวอันตรายสำหรับนาวิน
...แต่กัณต์ล่ะ กัณต์เคยบอกให้เขาระวังว่านาวินจะโดนคาบไปกิน ในเมื่อไม่ใช่เอ็กซ์ และคนอื่นๆ ในยิมก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ผู้ต้องสงสัยก็เหลือกัณต์คนเดียว  จะว่าไป กัณต์ก็มีประวัติชอบเด็ก เขายังจำหนุ่มหน้าใสคนนั้นได้ ท่าทางหลงไหลกัณต์มาก แม้กัณต์จะทำท่านิ่งๆ แต่พวกนิ่งๆ แบบนี้ล่ะตัวดี เผลอแป๊บเดียว จะกลายเป็นเสือคาบสมันน้อยไปกินเอง เพราะอย่างนี้ไง เขาถึงได้เข้าไปยุ่งกับกัณต์เพื่อดึงความสนใจของเสือร้ายมาจากน้องชาย...
...แต่จู่ๆ ก็เจอเจตริน...
...เขาจึงเริ่มการแก้แค้นเจตรินเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ทั้งที่ตั้งใจจะจัดการกับพี่ทศก่อนเป็นรายแรก...
...แล้วนี่เจตรินกับเอ็กซ์รู้จักกัน...
...กัณต์ก็ทำเป็นเหมือนจะจีบเขา...
...โอย ปวดหัวจริงๆ เลย อะไรนักหนา...
“กลับกันเถอะครับคุณหมอชาลี" เสียงของกัณต์ดังขึ้นแว่วๆ
...ทำไมเขาต้องมาติดอยู่กับกัณต์ เย็นนี้เขาควรไปทานข้าวกับเจตรินสิ ทำให้เจตรินตายใจ ทำให้แม่ของเจตรินชื่นชอบและวางใจเขา...
“รัดเข็มขัดด้วยครับ เดี๋ยวตำรวจจับ"
...ถ้าไม่ใช่งานบวชของพายัพ เขาไม่มากับกัณต์เด็ดขาด กัณต์ทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มกับเขาอยู่ได้ทั้งวัน ไม่อายคนบ้างเลย ทำเหมือนเป็นแฟนกันยังไงยังงั้น แล้วนี่ ทำท่านั้นท่านี้อยู่ได้ จะได้กลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท้องฟ้าก็ครึ้ม ฝนจะก็ใกล้จะตก...
“เหม่อซะแล้ว"
“ใครว่าผมเหม่อ" ชาลีรู้สึกตัว
“รัดเข็มขัดด้วยครับ กฎหมายเขาบังคับใช้แล้ว คุณชอบให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ"
“ไม่ต้องมาประชด" ชาลีกระแทกเสียง "ศักดิ์สิทธิ์กับผมจบกันไปแล้ว"
“ผมขอโทษ" กัณต์พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่สีหน้านั้นไม่ไปกับคำพูดเลยแม้แต่นิด
“ขอโทษเรื่องกฏหมาย หรือเรื่องศักดิ์สิทธิ์"
“ทั้งสองครับ" กัณต์ตอบแล้วแอบเบือนหน้าไปอมยิ้ม รู้สึกสบายใจขึ้นทันใดที่ได้ยั่วชาลี
“ผมว่าคุณแกล้งขอโทษเฉยๆ ฟังก็รู้ว่าคุณไม่ได้คิดจะขอโทษหรอก คุณกระทบกระเทียบผม"
“ผมขอโทษจริงๆ" กัณต์ยืนยัน นาทีนี้รู้สึกว่าตัวเอ็งใจเย็นอย่างประหลาด
“คงเชื่อได้หรอก" ชาลียังพูดเสียงแข็ง
“ไม่เชื่อก็ตามใจ" กัณต์อมยิ้ม แล้วแตะเบรก ลดความเร็วของรถลงมาจนเกือบจะหยุดนิ่งเมื่อรถคันที่อยู่ข้างหน้าเปิดไฟสัญญาณเลี้ยวขวา
“ขับแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงกรุงเทพฯ" ชาลีถอนหายใจ ตามองตรงไปข้างหน้า
“รถเขาจะเลี้ยว ไม่เห็นหรือครับ หรือจะให้แทรงซ้ายไป ผมเป็นตำรวจ ผมต้องเคารพกฎจราจร" กัณต์พูดแล้วเลิกคิ้ว หันไปมองชาลี อดยั่วชายหนุ่มไม่ได้ "ทำไมหรือครับ คุณรีบกลับ เพราะว่า...”
“ผมไม่ต้องรีบกลับไปรับเด็กก็แล้วกัน ว่าแต่คุณเถอะ เด็กคุณอาจจะรออยู่ก็ได้นะ" ชาลีพูดพร้อมยิ้มเยาะ
“หม่อมหลวงชายชล ลูกชายคนโปรดของหม่อมราชวงศ์รังสิมันต์ ผมตีสนิทกับเขาเพื่อเข้าถึงตัวคุณชายเพราะกำลังสืบคดีเพชรซีเรีย" กัณต์ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าใดนักว่าทำไมจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา "แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย เสียเวลาเปล่่า"
“เพื่องาน ถึงกับต้องเอาตัวเข้าแลก" ชาลีเบ้ปาก
“คุณพูดแรงไปหรือเปล่าคุณหมอ" กัณต์ยังใจเย็น
“ไม่แรงไปหรอก เทียบกับที่คุณพูดกับผมมันก็พอๆ กัน"
“ผมพูดอะไร"
“คุณคิด"
“ผมยังไม่ได้พูด"
“แต่คุณคิดว่าจะพูด ถ้าผมไม่ดักคอเอาไว้ คุณก็คงจะพูดออกมา"
“ถ้ายังงัั้น คุณคิดว่าผมจะพูดอะไร"
“คุณจะพูดว่า ผมก็เอาตัวเข้าแลกเหมือนกัน เพื่อการแก้แค้น ผมถึงกับต้องทุ่มทั้งตัว"
“คิดไปเองทั้งน๊าน" กัณต์ลากเสียงยาว ส่ายหน้า
“จริงหรือเปล่าครับ" ชาลีหันไปถาม
“ก็ได้" กัณต์เสียงเข้ม เมื่อครู่เขายังใจเย็น แต่ถึงตอนนี้ หลังจากที่โดนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ 'หาเรื่อง' เขาก็ชักจะเริ่มฉุน จึงเปิดไฟสัญญาณแล้วเบี่ยงรถลงไหล่ถนน
“จะทำอะไร" ชาลีโวย
“จอดรถคุยกันให้มันรู้เรื่องไปเลยไงครับ" กัณต์จอดรถข้างถนน "ก็ได้ ผมยอมรับก็ได้ว่าผมคิดแบบนั้น แต่เมื่อกี้ ผมไม่ได้ว่าจะพูด แต่ตอนนี้ผมจะพูด เพราะคุณทำให้ผมต้องพูด"
“งั้นพูดมาเลย ลงไปพูดกันนอกรถไหมล่ะ เผื่อเราตะโกน จะได้ไม่หูอื้อเพระาอยู่ในที่แคบ" ชาลีท้า
“ไม่ต้องครับ ผมไม่ชอบทะเลาะ ไม่ชอบใช้เสียงดัง" กัณต์เหยียดยิ้มมุมปาก มองชาลีินิ่งแล้วพูดเสียงราบเรียบอย่างพยายามสะกดอารมณ์ "ผมว่าคุณทำเกินไป"
ชาลีไม่ตอบเพราะต้องการรอฟังว่ากัณต์จะพูดอะไรต่อไป แตทว่า ฝ่่ายนั้นกลับนิ่งเงียบไปเช่นกัน จนในที่สุด เขาก็พูดขึ้นมา
“ไม่เกินไปหรอก ไหนๆ คุณก็รู้จักผมแล้วจากการแอบไปค้นข้อมูลผม แม้จะเป็นแค่ข้อมูลจากแฟ้มประวัติของตำรวจ ก็คือว่าคุณได้เห็นได้รู้อะไรมาพอสมควร ทีนี้ตอบผมหน่อย ถ้าเป็นผม คุณจะทำยังไงเมื่อเจอเจตรินอีก หลังจากที่คุณกลับมาเข้มแข็งและมีศักยภาพพอที่จะทำอะไรต่ออะไรได้ คุณเป็นตำรวจ มีปืนอยู่ในมือ มีอำนาจ มีความเข้มแข็ง"
“คุณจะเอาให้ถึงตายเลยหรือ" กัณต์กัดฟัน
“ผมจะทำอะไรขนาดนั้นได้" ชาลียักไหล่
“ผมว่าคุณทำได้"
“คุณคิดว่าผมโหดร้ายมากหรือยังไง" ชาลีถลึงตา "หรือคุณจะบอกว่า เอาเลย ชาลร ถ้าคุณไปไกลถึงขั้นนั้น ผมจะเป็นคนจับคุณเข้าคุกเอง คราวนี้ผมจะจัดการให้คุณได้รับโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต หรือไม่ก็ประหาร"
กัณต์ถอนหายใจ
“อ้อ แต่ไม่สิ คุณทำไม่ได้ คุณเป็นตำรวจ คุณไม่ใช่ศาล" ชาลีกระทบกระเทียบ
“ชาลี ผมไม่อยากให้คุณหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งนี้" กัณต์เสียงอ่อนลง
“ผมไม่ได้หมกมุ่น"
“งั้นหรือ คุณไม่ได้หมกมุ่น ถ้ายังงั้นบอกผมสิว่าผมพูดอะไรกับคุณบ้างตอนผมขึ้นมานั่งบนรถและปิดประตู สตาร์ถรถ ขับออกมาจากบ้านพายัพ จึงเลี้ยวเข้าถนนใหญ่"
“ผมไม่ได้จำ"
“คุณมัวแต่มองไปทางเดียว จนไม่ได้มองข้างๆ เลยว่ามีอะไรอื่นอีก" กัณต์เสียงเข้มขึ้น ไม่กล้าใช้คำว่า 'ใครอื่นอีก' 
...ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองคิดอย่างไรกับชาลี แต่เขายังไม่ค่อย 'มั่นใจ' เท่าใดนัก พอๆ กับที่ไม่ค่อย 'เข้าใจ' ตัวเองว่าทำไมรู้สึกแบบนี้กับชาลี...
“ที่จริงคุณจะพูดว่า ใคร แทนที่จะพูดว่า อะไร" ชาลีพูดเสียงเย็น ทว่า นัยน์ตาลุกวาบ "ใครคนนั้น คงไม่ใช่คุณหรอกใช่ไหม สารวัตรกัณต์"
กัณต์ไม่ตอบ มือดึงคันเกียร์ลงมาช้าๆ พลางถอนหายใจเบาๆ แล้วออกรถ
...ชาลี เขาจะทำยังไงกับหมอชาลีดี ใจที่แข็งกร้าวถึงจะอ่อนลง...
...แล้วนี่มันอะไรกัน เขาไมเคยคิดว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้ให้กับใคร ชีวิตเขาไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อนเลย เขาสนุกชั่วครั้งชั่วคราว เบื่อในเวลาอันสั้น แล้วก็หาใหม่ไปเรื่อย แต่ตอนนี้ ต้องมานั่งปวดหัวกับคนร้ายๆ อย่างหมอชาลี...
...บทที่ 'ใจ' จะมา 'รู้สึก' ทำไมจะต้องมาเป็นชาลีด้วยนะ...
...แตะเนื้อต้องตัวกันก็ยังไม่เคย...
...เดี๋ยวก่อน! เขาเคยถามตัวเองว่า หาก 'ได้' ชาลีแล้ว เขายังจะรู้สึกอยากจะ 'ได้' อยู่อีกหรือเปล่า...
“ฝนกำลังจะตกนะครับสารวัตร มัวแต่ขับรถช้าๆ แบบนี้ คงถึงกรุงเทพฯ เที่ยงคืนพอดี" เสียงของนายแพทย์หนุ่มดังขึ้นมาแทรกในภวังค์ของนายตำรวจ
...ประชดอีกแล้ว มันน่าจริงๆ เลย...
...ปากแดงๆ ชอบพูดจากระทบกระเทียบเขาดีนัก...
...ปากแดงๆ ที่ชอบเม้มปากอยู่บ่อยๆ...
...ปากแดงๆ ของชาลีน่าจูบจริงๆ...

“ผมขอแวะปั๊มหน่อยนะครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำ" กัณต์พูดขึ้นมาแล้วชะลอรถเมื่อเห็นสถานีบริการน้ำมัน ชาลีถอนหายใจแรงๆ แล้วยกมือขึ้นกอดอกประหนึ่งว่าเอือมระอากัณต์เต็มที
“เดี๋ยวได้ติดฝนอยู่ที่บ้านไร่กาแฟในปั๊มกันพอดี" ชาลีกระแทกเสียง
กัณต์หันไปมองอีกฝ่าย ความคิดบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว
...ติดฝนงั้นหรือ...
...บ้านไร่...
...เขารู้จักคนในสุพรรณบุรีหลายคน...

กัณต์เดินออกมาจากห้องน้ำและหยุดยืนมองตัวเองในกระจกชั่วครู่ก่อนจะเปิดน้ำล้างมือ ในใจยังคิดถึงคำพูดปะชดเมื่อครู่ของนายแพทย์ชาลี
...จริงสิ ติดฝนอยู่ที่สุพรรณบุรีก็ไม่เลยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ที่ร้านบ้านไร่กาแฟในปั๊มน้ำมันหรอกนะ...
...ถ้ามีกระท่อมก็ดีสิ จะได้ติดฝนกันซักคืนเหมือนในหนัง สองคนเปียกปอน ฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เขากับชาลีนั่งอยู่บนแคร่ในกระท่อม มองตากันและกัน...
...บรรยากาศโรแมนติก คู่ไหนคู่นั้น ลองได้ติดฝนอยู่ในกระท่อมกลางป่าด้วยกัน ไม่มีรอดซักราย..
กัณต์ยิ้มมุมปาก นึกอะไรออกได้ทันที

“ผมลืมปืนไว้ที่บ้านพายัพ" กัณต์พูดเมื่อขึ้นนั่งบนรถ
“สารวัตรกัณต์ เวโรจน์" ชาลีเรียกอีกฝ่ายเหมือนเสียงของคุณครูดุๆ เรียกชื่อเต็มของนักเรียน "คุณเป็นตำรวจยังไง ลืมปืนเอาไว้ แล้วนี่อย่าบอกผมนะว่าคุณต้อง...”
“ตำรวจไม่มีปืน จะให้จับผู้ร้ายยังไงล่ะครับ คงต้องกลับไปเอา" กัณต์รีบแทรก
“คุณไม่ได้โกหกผมใช่ไหม" ชาลีพูดพลางหรี่ตามองนายตำรวจขี้ลืม
“คุณค้นรถผมสิครัับว่าจะเจอปืนหรือเปล่า" กัณต์ท้า อดใจเต้นไม่ได้ 
“ผมจะนั่งรอคุณที่ร้านกาแฟนี่ล่ะ คุณรีบกลับไปเอาปืนแล้วกลับมารับผม ถ้าช้า ผมจะจะหารถรับจ้างกลับกรุงเทพฯ เอง ครึ่งชั่วโมงพอไหมครับ"
“แล้วทำไมต้องนั่งคอยที่นี่ กลับไปด้วยกัน คุณไม่ได้ทำอะไร แค่นั่งอยู่เฉยๆ ในรถ" กัณต์ 'เสี่ยง' ที่จะพูดกับชาลีแบบนี้ ความจริงเขาต้องการเวลาซักครึ่งชั่วโมงเพื่อ 'วางแผน' และการที่ชาลีบอกว่าจะนั่งคอยอยู่ที่นี่ก็เป็นการสะดวกต่อเขาอย่างยิ่ง แต่เขาก็ต้องแน่ใจว่านายแพทย์หนุ่มไม่สงสัย
“ผมง่วงนอน ผมอยากดื่มกาแฟ" ชาลีเปิดประตูรถ
“ตามใจ" กัณต์ยักไหล่ ในใจแทบจะตะโกนออกมาดังๆ ด้วยความดีใจ
...เข้าล๊อค อะไรจะง่ายขนาดนี้ โชคดีจริงๆ...
...เฮ้อ อายุจนขนาดนี้แล้ว ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ชีวิตนี้ขอสนุกเหมือนเด็กหนุ่มซักครั้งเถอะนะ...

ชาลีเดินกระแทกเท้าออกมาจากร้านกาแฟอย่างโกรธๆ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงกัณต์ก็ยังไม่โผล่หน้ากลับมารับเขา หนำซ้ำ ลืมโทรศัพท์ไว้ในรถของกัณต์อีกต่างหาก เขาจึงคิดว่าจะเหมารถรับจ้างเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ให้สิ้นเรื่อง
“อย่าบอกนะว่าหนีกลับกรุงเทพฯ คนเดียว ไม่งั้น จะเอาเลือดหัวตำรวจออกให้ดู" ชาลีบ่น กัดฟันกรอดๆ ตามองไปรอบๆ เพื่อหาดูว่าจะมีรถคันไหนที่น่าจะพอว่าจ้างได้หรือไม่
“สารวัตรกัณต์ เจ็บใจนัก จงใจหลอกให้เราคอย กะอีแค่กลับไปที่บ้านพายัพ ครึ่งชั่วโมงก็ถือว่านานเกินไปแล้ว ลืมปืนยังงั้นหรือ บ้าจริงๆ คนบ้า" ชาลีบ่นอยู่คนเดียว จากนั้นจึงเดินไปถามพนักงานของสถานีบริการน้ำมันเรื่องการหารถรับจ้าง แต่ไม่มีใครตอบคำถามได้แม้แต่คนเดียว พนักงานร้านสะดวกซื้อก็ช่วยไม่ได้ ใครๆ ที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมันก็ช่วยไม่ได้ ชาลียิ่งรู้สึกอารมณ์เสียมากกว่าเดิม
อยากจะโทรศัพท์ไปโวยวายกัณต์ก็ทำไม่ได้เพราะเขาจำหมายเลขของนายตำรวจ 'ขี้เก๊ก' คนนี้ไม่ได้
ทันใด ชาลีก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงเดินย้อนกลับไปที่ร้านกาแฟ ตั้งใจจะขอใช้โทรศัพท์เพื่อสอบถามหมายเลขของสถานีตำรวจซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของกัณต์ หากถามร้อยเวร เขาก็จะได้เบอร์โทรศัพท์ของกัณต์ จากนั้น เขาจะโทรศัพท์ไป  'เอาเรื่อง'
แต่เมื่อใกล้จะถึงร้านกาแฟ ชาลีก็เหลือบไปเห็นรถของนายตำรวจแล่นเข้ามาในสถานี้บริการน้ำมัน เขาอยากจะเดินไปยืนกางขา เท้าสะเอว ขวางหน้ารถ แล้วเอะอะโวยวาย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะคิดได้ว่า กัณต์คงจะจงใจยั่วโมโหเขา และคงรู้สึกสนุกที่จะเห็นเขา 'ออกท่าออกทางแบบนี้'
ชาลีทำเป็นไม่สนใจ เดินเข้าไปในร้านกาแฟแล้วสั่งเอสเปรสโซหนึ่งถ้วย ทำทีเป็นใจเย็น หยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านรอพนักงานน้ำกาแฟมาเสริฟ
และรอกัณต์เดินเข้ามาในร้าน เพื่อตามเขาไปขึ้นรถ!

“ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน" กัณต์พูดขึ้นเมื่อขับรถออกจากสถานีบริการน้ำมัน หลังจากที่ 'รอ' เขาดื่มกาแฟถ้วยนั้นจนหมดด้วยท่าทางไม่รีบร้อน
“ไม่นานหรอกครับ ชั่วโมงเดียวเอง" ชาลียักไหล่
“ประชดอีกแล้ว" กัณต์พูด "ผมท้องไม่ค่อยดี สงสัยเป็นเพราะอาหารที่งานบวช"
“อย่าบอกนะว่าคุณต้องแวะทุกปั๊มก่อนจะถึงกรุงเทพฯ"
...ประชดได้ประชดดี หมอชาลีนี่ยิ่งรู้จักยิ่งร้าย...
“คงไม่ถึงขนาดนั้น" กัณต์อ้าปากหาว "แต่คงต้องแวะร้านกาแฟบ่อยหน่อยเพราะผมเพลียมาก ขับรถทั้งขามาขากลับ สองสามวันมานี่ผมตามคดีสำคัญอยู่ แทบไม่ได้พัก"
ชาลีนิ่ง หันไปมองนอกหน้าต่างด้านข้าง กัณต์เล่าเรื่องงานของตัวเองให้ฟังต่อ ชาลีทำเป็นไม่สนใจฟัง แต่เมื่อได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารรายงานเกี่ยวกับเรื่องพยานของคดีสำคัญที่กัณต์สืบสวนอยู่ถูกฆ่าเขาจึงหันไปมอง
“ตอนนี้ศพอยู่โรงพยาบาล...ครับ ส่วนอีกคนรอดมาได้ ตอนนี้หลบไปอยู่ที่บ้านไร่ของกำนันกำธร ไม่น่าจะมีอะไร แต่ผมว่าวางใจไม่ได้ ถ้ามันเก็บพยานคนที่สองได้ เราก็จะไม่เหลือใครเลย เปลี่ยน" เสียงของคนที่กัณต์เรียกว่าผู้กองภุชงค์รายงาน
“ส่งคนมารับตัวเข้ากรุงเทพฯ เอาไปเก็บไว้ที่เซฟเฮาส์ของผู้การ เปลี่ยน" กัณต์สั่ง
“ทางผ่านอยู่แล้ว จะให้ลูกน้องถ่อจากกรุงเทพฯ มาถึงนี่ทำไม" ชาลีพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่กัณต์จบการใช้วิทยุสื่อสารกับลูกน้อง
กัณต์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายแพทย์ชาลีด้วยสายตายิ้มๆ ที่แผนการของเขากำลังจะสำเร็จโดยมีคนที่กำลังจะถูกหลอกเอง 'ช่่วย' ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
“คุณรีบเข้ากรุงเทพฯ" กัณต์แย้ง
“ผมเป็นคนมีเหตุผล" ชาลีพูดเสียงเย็น ตามองเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบกับกระจกรถ "อยู่ใกล้แค่นี้เอง คุณแวะไปรับพยานคนนั้นไปด้วยซะก็สิ้นเรื่อง
“ที่จริง ผมอยากจะไปดูศพพยานคนที่ถูกฆ่า"
“ตามใจ" ชาลียักไหล่
“แต่ไม่เป็นไรครับ ถึงกรุงเทพฯ แล้วผมค่อยย้อนกลับมาอีกทีก็ได้ เพราะคงต้องสอบสวนกันอีกยาว เผลอๆ คืนนี้อาจจะไม่ได้นอน" กัณต์เร่งความเร็วรถ พูดกับชาลีในใจว่า ที่จริง กำลังจะขอแวะรับพยานติดรถไปด้วยอยู่พอดี แต่เมื่อชาลีพูดขึ้นมาเอง ทุกอย่างก็ 'ลงล๊อค'
“นี่สารวัตรกัณต์ ฝนตก ถนนลื่น คุณขับรถเร็วเกินไปในสภาพแบบนี้มันอันตราย"
“ผมรีบ" กัณต์ตอบเสียงเรียบ "คุณก็รีบ"
“ผมไม่คิดจะรีบจนต้องเสี่ยงตายหรอก" ชาลีถอนหายใจ "ตกลงคุณจะแวะรับพยานหรือเปล่า"
กัณต์ส่ายหน้า ตามองถนนอย่างพยายามใช้สมาธิในการขับรถ
“แล้วคุณจะกลับมาดูศพพยานเลยยังงั้นหรือ"
กัณต์พยักหน้าและยังคงตั้งใจขับรถ ชักรู้สึกสนุกที่จะรู้ว่าชาลีจะพูดและทำอะไรต่อไป นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจแล้วเสียงกระแทกกระทั้นว่า
“คุณประชดผมใช่เหรือเปล่า"
“อะไรครับ ผมนะหรือประชด" กัณต์ถามเสียงสูง ไม่อยากจะเชื่อว่าชาลีจะหาเรื่องเขาดื้อๆ
“ไม่ประชดจะเรียกว่าอะไร" ชาลีเบ้ปาก "ฟังนะหมวด ผมอยากจะถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ ก็จริง แต่ถ้าคุนต้องแวะเรื่องงานเพราะมันเป็นทางผ่าน ผมก็ไม่เห็นแก่ตัวไม่ยอมให้คุณแวะขนาดนั้นหรอก เป็นใครก็ต้องมีเหตุผล รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควรทั้งนั้น เลิกมองผมแบบนั้นได้แล้ว"
“คุณนี่จริงๆ เลย" กัณต์โคลงศีรษะแล้วหัวเราะเบาๆ "ช่างกล้าคิดนะวาผมจะประชด"
“ทำไมผมจะมองไม่ออก เราสองคนน่ะมองกันออก ยอมรับซะเถอะว่าผมรู้ทันคุณ" ชาลียักไหล่แล้วปรับเบาะเอนลงเล็กน้อย ก่อนจะกอดอกและหลับตาลง "ขับรถดีๆ นะ ผมจะงีบซะหน่อย"
...รู้ทันผมงั้นหรือ งั้นก็เสียเวลาอยู่สุพรรณบุรีซักคืนก็แล้วกันนะคุณหมอ...
กัณต์ปรายตามองชาลียิ้มๆ แล้วลดความเร็วรถ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดส่งสัญญาณวิทยุสื่อสารเพื่อเรียกผู้กองภุชงค์ลูกน้องคนสนิทที่ช่วยเขาเล่นละครเรื่องพยานคดีสำคัญถูกฆ่าตาย
...เขาต้องการเปลี่ยนแผนแวะไปรับพยานที่บ้านใร่ของกำนันกำธร...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 14-03-2010 22:56:23
แผนของกัณต์สุดยอด เเต่ชาลีจะยอมง่ายเหรอ

รีบมาต่อเร็วนะ อยากอ่านมากๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 14-03-2010 23:18:58
เริ่ดมาก ก
ได้เวลา ป่าม ป๊าม กัยซักทีสิค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 14-03-2010 23:52:20
 :laugh: น้องนาวีของคนอ่านอยู่รีดไถ่พี่หมอเอกภพให้ล้มจมก่อนนะลูก กร๊าก

ส่วนอิคุณตำรวจแหม........สุพรรณกับกรุงเทพมันไกลมวกมากถึงได้จอดแวะมันทุกปั้ม
จะวางแผนปล้ำสาว เอ้ยอยู่กับหนุ่มถึงขั้นต้องพูดมุสาเลยรึคะ อะไรกันคาสโนวาฟันแล้วทิ้งนี่
ตอนนี้เป็นเพียงเสือเชื่องๆรึคะเนี่ย ชิส์ แม่ชาลีจัดการอ่อยให้ถึงใจเลยนะคะ  :o8: :impress2:
+1คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-03-2010 23:53:00
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 14-03-2010 23:58:17
ยังตามไม่ทันเลยครับ
เพิ่งอ่านได้นิดเดียวเอง
สนุกครับบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2010 00:09:03
งานนี้มีเฮแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 15-03-2010 00:17:06
สารวัตรเจ้าเล่ห์น่าดู o18
หมอชาลีอย่ายอมแพ้ง่าย ๆ นะ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~~GigaBYTE~~ ที่ 15-03-2010 00:50:43
กำลังดีใจเชียว ว่าอ่านทันแล้ว  :z10:

แต่คุณนายเอาตอนใหม่ต่อแล้ว....

ถ้างั้น ขอไปอ่านต่อก่อนละกันน๊าคุณนาย

 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 15-03-2010 02:43:29
งานนี้มีได้เีสียกันแน่ๆ
ฮ่าๆๆๆ
แต่เหมือนจะง่ายไป มันต้องมีอะไรแน่ๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 15-03-2010 07:57:54
สารวัตร สู้ๆค้า :m11:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 15-03-2010 08:06:44
ก่อนมาเป็นสารวัตรนี่เคยเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋นมาก่อนป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-03-2010 09:54:59
 :a5: :a5: :a5:


ค้าง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 15-03-2010 09:56:43
คุณหมอเสร็จแน่ ๆ 5555+
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-03-2010 10:27:34
แล้วใครจะได้กะใครละคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 15-03-2010 11:15:25
ต๊ายยยยย อิคุณสารวัตรค่ะ

ช่างคิดจังเลยเนอะ แบบว่าจะพูดไงดีหล่ะ

"กระท่อมกลางสายฝน กับเราสอง" แต่ว่าลืมอะไรไปมั๊ยค่ะ ว่าอีกฝ่ายคือชาลี

มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั๊งค่ะคุณตำรวจ



ส่วนนาวินผู้น่ารัก ก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งมาอยู่กับหมอเอกด้วยนี้ จะยิ่งพากันน่ารักเข้าไปใหญ่


 :L2: ให้พี่นายค่ะ เพราะยังกด+ ให้ไม่ได้ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-03-2010 12:31:51
ให้คนเขียนเรื่อง

(http://hotchocolate.exteen.com/images/yummy-scrummy-lolly.jpg)

สนุกมาก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-03-2010 13:38:15
นั่งเกาะขอบเตียง รอชม  :z1:

มีลุ้นไหม ศาลาวัดดดดดด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 15-03-2010 15:10:39
อืม~~~!!! มุขที่ใช้โบราณมากเลยนะนั่น เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 15-03-2010 16:23:42
นายเอกท่าทางจะไม่เบาเลยนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 15-03-2010 18:04:12
ใครจะเสร็จใครก้อช่าง :angry2:

แต่่ให้มันเสร็จกันและกันพอ ฮ่าๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 15-03-2010 18:10:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 15-03-2010 20:56:29
หูยย สุดยอดเลยคับสารวัตร

งานนี้ อย่าตายตอนจบล่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 15-03-2010 20:57:03
หักเหลี่ยมเฉือนคมแบบกินกันไม่ลงเลยจริง ๆ ค่ะทั้งสารวัตร ทั้งหมอชาลี  :m4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 15-03-2010 20:57:51
สารวัตร แอคติ้งชนะเลิศๆๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 15-03-2010 21:28:40
หึ หึ หึ
อีตาสารวัตรกัณนี่เจ้าเล่ห์ชะมัดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 15-03-2010 21:54:36
อ่านไม่ทันนนน
จะรีบอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 15-03-2010 23:08:09
หึหึ ใครจะเสร็จใครล่ะ งานนี้...หุหุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 15-03-2010 23:45:48
สารวัตรกัณต์นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ แถมโชคดีทำอะไรก้อเข้าทางเด๊ะๆเลย แต่ ช้าก่อน :m16: หมอชาลีก้อไม่ธรรมดานะ ไม่รู้ว่าใครโดนใครหลอกกันแน่แหละงานนี้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 16-03-2010 02:52:05
 :z1:  งานนี้มีลุ้น
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 16-03-2010 04:29:21
ใครจะเสร็จใครเนี่ย แรงทั้งคู่เลยขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-03-2010 11:41:33
 :m32:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 16-03-2010 20:10:57
เพลิงรัก บทที่ 21

“คุณอยู่ในรถ อย่าออกมาเด็ดขาด เอนเบาะนอนจนราบ อย่าให้คนนอกรถมองเข้ามาเห็นว่าคุณนั่งอยู่ข้างใน และไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ห้ามออกจากรถ ห้ามเปิดประตูรถให้ใครเด็ดขาดนอกจากผม" กัณต์หันไปสั่งชาลีเสียงเครียดเมื่อจอดรถที่ลานหน้าบ้านไร่ของ 'กำนันกำธร' 
นายตำรวจหนุ่มหยิบปืนมาตรวจให้แน่ใจ แล้วพูดต่อไปว่า "ผมรู้สึกทะแม่งๆ"
“นี่หรือบ้านของผู้ใหญ่บ้าน" ชาลีขมวดคิ้ว พยายามมองออกไปนอกรถ แต่มองแทบไม่เห็นอะไรเพราะความมืดและฝนกำลังตกปรอยๆ "ทำไมห่างจากบ้านคนอื่นขนาดนี้ เงียบมากด้วย ทำไมไม่เห็นเปิดไฟ"
“ผมถึงว่ามันแปลกไงครับ พยานถูกพาตัวมาซ่อนที่นี่เพื่อความปลอดภัย แต่ผมว่ามันเงียบเกินไป สัญชาตญาณตำรวจของผมมันบอก" กัณต์ขมวดคิ้ว น้ำเสียงฟังเคร่งเครียด
“แล้วผม...”
“ไม่ต้องกลัวครับ" กัณต์เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ให้กลัวเพราะรถคุณกันกระสุนหรือไง" ชาลีเสียงขุ่น "ผมไม่มีปืน เกิดยิงกันโป้งป้างขึ้นมาจะให้ทำยังไง หมอบอยู่ใต้เบาะยังงั้นหรือ"
“ถ้ามีปืนคุณจะไม่กลัวใช่ไหม" กัณต์เลิกคิ้ว "แต่ผมมีปืนอยู่กระบอกเดียว คงต้องเอาไว้ป้องกันตัวตอนที่ผมเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น"
“เชิญตามสบาย" ชาลีกระแทกเสียง "จะว่าตัวเองคิดถูกใชใหมล่ะที่ย้อนกลับไปเอาปืนที่ลืมไว้ที่บ้านของพายัพ"
“หาเรื่อง" กัณต์พึมพำ เบือนหน้าออกไปมองนอกรถ พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เมื่อครู่เขาเห็นแววตาตื่นตระหนกของนายแพทย์ชาลี แต่ฝ่ายนั้นก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว
...ไม่กลัวก็เก่งเกินไปล่ะ บ้านไร่แห่งนี้มืดและเปลี่ยว แฝงตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ครึ้มแทบจะเรียกว่าเป็นป่าด้วยซ้ำ  ฝนตกปรอยๆ มองออกไปข้างนอกแทบไม่เห็นอะไร พยานคตนแรกถูกฆ่าตาย คนที่สองรอดมาได้และมาหลบซ่อนที่นี่ แต่เขาก็ 'ขู่' เอาไว้ว่าอาจจมีอะไรไม่ชอบมาพากล...
...หมอชาลีผู้เก่งกาจ คืนนี้ล่ะ จะต้องแพ้สารวัตรกัณต์...

ชาลีใจเต้นระทึกราวกับกลองถูกตีกระหน่ำ รู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ในที่แคบๆ ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เขายอมรรับวาตัวเองค่อนข้างกลัว
...กลัวว่ากัณต์จะเป็นอะไรไป!...
...ตายแล้ว ทำไมความรู้สึกนี้ถึงมาก่อนความรู้สึกกลัวว่าจะโดนลูกหลงหรือมีใครซักคนมาทุบกระจกและแย่งชิงรถเพื่อขับหลบหนีเหมือนในหนัง...
...เงียบ เงียบจริงๆ เงียบมาก กัณต์หายไปนานเกือบสิบนาที หากมีเรื่องร้ายก็คงจะได้ยินเสียงปืนไปแล้ว แต่นี่ไม่มีเสียงปืน เพราะฉะนั้นก็คงไม่น่าจะมีอะไร...
...ทำไมกัณต์ยังไม่กลับมา...
...แต่หากมีคนลอบทำร้าย กัณต์อาจไม่ทันได้ใช้ปืน...
ชาลีเอียงตัว ชะเง้อมองช่องเสียบกุญแจจึงเห็นว่ากัณต์ทิ้งกุญแจรถเอาไว้ แม้กัณต์บอกว่าให้เอนตัวราบ ไม่ให้มองจากข้างนอกแล้วเห็นว่าอยู่ในรถ แต่เขาคิดว่าตัวเองน่าจะประจำอยู่บนเบาะคนขับหลังพวงมาลัยเพื่อเตรียมพร้อมออกรถทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ดังนั้น เขาจึงค่อยๆ ขยับพลิกตัวปีนข้ามไปยังเบาะด้านข้างอย่างทุลักทุเล พยายามไม่ให้ตัวโผล่ขึ้นมาเกินระดับของกระจกรถ
...เฮ้อ ทำไมจะต้องมาทำอะไรแบบนี้...
...ถ้าเรามองออกไปนอกรถก็แทบจะไม่เห็นอะไร แล้วใครจะมองเข้ามาเห็นเขาล่ะ รถก็ติดฟิมล์...
...ทำไมกัณต์จะต้องเอาเขามาเสี่ยงอันตรายแบบนี้นะ...
...เปล่านะ ไม่ใช่ เขาต่างหากที่ดึงดันให้กัณต์แวะมารับพยายานทั้งที่บอกว่าจะไปส่งเขาที่กรุงเทพฯ ก่อนจะย้อนกลับมา แต่เขาไม่อยากให้กัณต์ต้องเหนื่อยขนาดนั้น...
ในที่สุด ชาลีก็เอนตัวอยู่บนเบาะคนขับ เวลาผ่านไปอีกหลายนาทีกัณต์ก็ยังไม่กลับมาจึงทำให้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกร้อนใจ ชาลีนับหนึ่งถึงสิบช้าๆ แล้วตัดสินใจปรับเบาะให้สูงขึ้นช้าๆ เพื่อแนบหน้าเข้ากลับกระจกและแอบมองออกไปนอกรถ แต่ทว่า เขาต้องสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีมือใหญ่ๆ ของผู้ชายเคาะที่กระจกรถด้านคนขับ
“สารวัตร" ชาลีอุทานแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ กัณต์แนบหน้าเข้ากับกระจกแล้วสื่อสารให้เขาเปิดประตู
“อย่าบอกนะว่าคุณกำลังจะทิ้งผม" กัณต์พูดเมื่อชาลีเปิดประตู
“จะบ้าหรือ" ชาลีกระแทกเสียง "ผมเตรียมพร้อมต่างหาก"
“เตรียมพร้อม" กัณต์ทวนคำ เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ช่างเถอะ" ชาลียักไหล่ เลิกคิดที่จะอธิบาย ดันประตูรถออกกว้างขึ้นแล้วกระโดดลงจากรถเพื่อเดิมอ้อนกลับไปนั่งที่เดิม
“ผมบอกไม่ให้คุณออกจากรถ และไม่ให้คนมองเข้ามาเห็น" กัณต์เสียงเข้ม
“ผมไม่ได้ออกมา ผมปีนจากเบาะโน้นมาเบาะนี้ต่างหาก" ชาลีตอบเสียงห้วนแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของรถ ปากบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
กัณต์อมยิ้มขันๆ เพราะนึกภาพคนอย่างนายแพทย์ชาลีพยายามตะกายจิ้งจกข้ามจากเบาะหนึ่งมาอีกเบาะหนึ่ง
...อยากจะเห็นตอนนั้นจังเลย คงตลกน่าดู..ง
...แต่อีกหน่อยยางรถก็จะแบน คราวนี้คุณจะทำยังไง หมอชาลี...

“ตกลงว่าไงครับ" ชาลีถามเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย
“ผู้ใหญ่บ้านส่งตัวไปอยู่กับ ส.ส. พิพัฒน์" กัณต์ตอบ "เพราะฉะนั้น ไว้ใจได้ ใครก็บุกเข้าไปทำอะไรไม่ได้หรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยกลับมาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ ตอนี้เราก็กลับกรุงเทพฯ ได้"
“แล้วทำไมเขาไม่บอก"
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณครับ เราอยู่บ้านนอกขนาดนี้ ฝนก็ตก" กัณต์ตอบแล้วถอยรถช้าๆ "ขอบคุณนะครับคุณหมอที่ยอมเสียเสลาเพื่อผม เมื่อกี้คุณคงกลัวมาก ผมขอโทษด้วยที่ทิ้งคุณไว้แบบนั้น"
“ใครกลัว"
“คุณสะดุ้งสุดตัวตอนผมเคาะกระจกรถ"
“สะดุ้งเพราะตกใจหรอก"
“ไว้ถึงกรุงเทพฯ ผมจะพาคุณไปฝึกยิงปืนดีไหม" กัณต์ทำเสียงเรียบนิ่งทั้งที่อยากจะหัวเราะขำ
“ไม่กลัวผมเอาปืนไปยิงแฟนเก่าตายหรือครับ การแก้แค้นจะได้จบลงง่ายๆ"
...เอาอีกแล้ว วกกลับมาเรื่องนี้อีกแลว หาเรื่องทะเลาะจริงๆ เลย"
“จบลงง่ายๆ ก็ดีิ ผมอยากให้มันจบลงเร็วๆ เหมือนกัน คุณจะได้เลิกหมกมุ่นเรื่องนี้ซะที"
“ผมไม่ได้หมกมุ่น"
“งั้นหรือครับ" กัณต์หันมาเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อที่อีกฝ่ายพูด
“ก็ได้ ผมหมกมุ่น ผมต้องการทุ่มเวลาไปกับการแก้แค้น ผมต้องการให้มันจบเหมือนกัน นั่นล่ะ คือสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ตอนนี้ล่ะ ผมต้องการให้มันจบเร็วๆ เพราะผมเหลืออีกสองคนที่จะต้องแก้แค้นเป็นรายต่อไป"
“คุณจะได้อะไรหมอชาลี สะใจงั้นหรือ" กัณต์ถาม "แล้วคุณจะสบายใจหลังเสร็จเรื่องนี้เพราะว่าทำสำเร็จ ใช่หรือเปล่าครับ"
“คุณมายุ่งอะไรกับเรื่องของผม"
“คุณมุ่งแต่จะแก้แค้น สายตาคุณเพ่งมองไปแต่เรื่องเดียว จนไม่สังเกตรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น" กัณต์เร่ิมเสียงเข้ม เมื่อครู่รู้สึกขำ อยากจะหัวเราะ แต่ตอนนี้เริ่มเครียด
“ยุ่งอะไรด้วย"
“อยากรู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงอยากยุ่ง"
“ไม่อยากรู้"
“ไม่อยากรู้ผมก็จะบอก"
“ไม่อยากฟัง"
“ไม่อยากฟังผมก็จะพูด" กัณต์เสียงเข้ม "เอาสิ ยกมือขึ้นปิดหูเลยก็ได้ ถึงคุณปิดหูผมก็ตะโกนดัง"
“ไหนว่าไม่ชอบทะเลาะกันเสียงดัง"
“ผมเป็นห่วงคุณ"
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม" ชาลีพูดช้าๆ เน้นเสียงชัดเจน
“ผมถามคุณแล้วไงว่า อยากรู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากยุ่ง" กัณต์เน้นเสียงเช่นกัน
“คุณจะบอกว่า เพราะรักผมถึงได้อยากยุ่งงั้นสิ" ชาลีหันมาเอียงหน้าท้าทาย "ถ้ายังงั้น พูดออกมาเลย แล้วพูดให้ผมเชื่อให้ได้ด้วยนะ"
กัณต์หันมายิ้มเย็นๆ แล้วหันไปมองถนน ไม่พูดไม่จาอะไรอีก ส่วนชาลีก็เอาแต่นั่งกอดอก มองออกในความมืดข้างทาง แต่ทันใดก็ต้องสะดุ้งเมื่อรถ SUV คันงามของนายตำรวจหนุ่มเสียการทรงตัวเพราะตกหลุมกระแทกเข้ากับพื้นถนนเสียงดังสนั่น
“ขอโทษครับ" กัณต์พูดขึ้นเบาๆ
“ขอโทษที่ว่าผมเมื่อกี้ หรือขอโทษเพราะขับรถตกหลุม"
กัณต์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ตอบคำถาม 'ชวนทะเลาะ' ของอีกฝ่าย ตั้งใจขับรถตอ แต่ไม่นานก็ชะลอรถ
“อย่่าบอกนะว่ายางแบน" ชาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกได้ว่ารถเอียง
“อาการแบบนี้ก็คงเป็นยังงั้นมั๊งครับ ผมรู้สึกว่ารถมันกินซ้ายมานานแล้ว" กัณต์ส่ายหน้าแล้วจอดรถข้างทาง แต่คนที่ลงจากรถก่อนคนขับคอชาลี
นายแพทย์หนุ่มยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างรถ ตามองล้อรถด้านหน้าซ้ายแล้วถอนหายใจ
“ขึ้นไปนั่งรอในรถเถอะครับ ฝนตกแบบนี้ คุณเปียกหมดแล้ว" กัณต์มายืนข้างๆ
“ผมเปียกตั้งแต่เปลี่ยนที่นั่งกับคุณหน้าบ้านผีสิงโน่นแล้ว" ชาลีตอบเสียงสะบัด
“ถ้างั้นก็มาช่วยกันเปลียนยาง"
“รถคุณ เชิญตามสบาย" ชาลีพูดแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเอนเบาะนอนหน้าตาเฉย
กัณต์ทำหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม กัดริมฝีปากล่าง ส่ายหน้าช้าๆ เพราะวันนี้เจอฤทธิ์ของนายแพทย์ชาลีเป็นชุดๆ นายตำรวจเจ้าแผนการเดินไปด้านหลังรถ ทำทีจะเปลี่ยนยาง
...ไม่มีแม่แรงยกรถ เขาก็เปลี่ยนยางไม่ได้ ถนนก็เปลี่ยว ในไร่อันกว้างใหญ่ของกำนันกำธรมีแค่คนเฝ้าไร่สองคน ขณะนี้นอนหลับอุตุอยู่ในบ้าน ส่วนเรื่องจะมีรถผ่านไปมานั้นอย่าหวัง เขากับชาลีขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้หรอก...
...ไม่ได้ติดฝนในกระท่อมเหมือนในละครทีวีอย่างที่คิดเอาไว้ แต่มาติดฝนอยู่ในรถก็ไม่เลว ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าอยู่ในกระท่อมเสียอีก ความจริงกระท่อมกลางไร่ก็มี แต่จะหลอกล่อให้หมอชาลีเดินไปจนถึงกระท่อมคงเป็นไปไม่ได้...
...โชคดี รถเขากว้างพอที่จะปรับเบาะนอนได้โดยไม่ลำบากนัก...

“ดับเครื่องเถอะครับ เดี๋ยวน้ำมันก็หมดกันพอดี จะซวยยิ่งกว่านี้" ชาลีพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งอยู่ในรถกับกัณต์มากว่าครึ่งชั่วโมง
“หนาวไหมครับ" กัณต์ถาม ชาลีส่ายหน้า เขาจึงเอ้ือมมือไปปลดเสื้อสีกากีจากไม้แขวนซึ่งแขวนอยู่เหนือเบาะหลังแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“บอกแล้วไงว่าไม่หนาว" ชาลีส่ายหน้าอีกครั้ง
“คุณกอดอกซะแน่น" กัณต์์พูดเสียงเบา
“ผมชอบกอดอก"
“คุณนี่ปากแข็งจังเลย จะปิดบังความรู้สึก จะปฏิเสธตัวเองไปถึงไหน"
“ผม ไม่ หนาว" ชาลีเน้นเสียง
“ผม ว่า คุณ หนาว" กัณต์คลุมเสื้อเครื่องแบบสีกากีลงบนไหล่ของชาลี "เอ้านี่ เสื้อผมทำให้คุณหายหนาวได้ แถมคุณได้ยศพันตำรวจตรีมาง่ายๆ เลยนะ หวังว่าคงไม่รังเกียจเครื่องแบบตำรวจนะครับ"
“เครื่องแบบน่ะไม่รังเกียจหรอก เพราะมันเป็นแค่เสื้อผ้า"
“อ๋อ รังเกียจคนในเครื่องแบบ" กัณต์พยักหน้าช้าๆ หลายครั้งพร้อมกับเม้มปาก
...กวนเขาจนได้สิน่า พูดอะไรแต่ละคำ เจ็บๆ ทั้งนั้น...
“ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม่มีแม่แรงติดรถ" ชาลีทำเสียงหงุดหงิด
“ผมไม่คิดว่ารถจะยางแบน"
“คุณเป็นตำรวจนะ คุณต้องเตรียมพร้อม"
“แต่ผมไม่ใช่ช่างนะครับ"
“ผมเป็นหมอ ผมยังเปลี่ยนยางรถได้เลย"
“ผมไม่ด้หมายความมว่ายังงั้น ผมก็เปลี่ยนได้ ที่บอกว่าไม่ใช่ช่างนั่นหมายความว่า...”
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว" ชาลีโบกมือ "นี่ถ้าเอารถผมมาก็คงไม่ต้องมานั่งหายใจทิ้งอยู่ตรงนี้เพราะเปลี่ยนยางไม่ได้หรอก รถผมมีแม่แรง มีที่สูบลม ทั้งที่รถผมใหม่เอี่ยม แต่ผมก็มีทุกอย่างพร้อม ไม่เว้นแม้แต่ไฟฉาย เผื่อฉุกเฉิน รถคุณมีอะไร"
...เดี๋ยวก็รู้ว่ารถผมมีอะไร...
กัณต์เงียบ เอนเบาะนอนแล้วยกมือขึ้นประสานท้ายทอย หลับตาลงเหมือนจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเขาเลิกต่อล้อต่อเถียงแล้ว
“ดับเครื่องสิครับ" ชาลีสั่ง แต่กัณต์ทำหูทวนลม ไม่ไหวติง ชาลีจึงโน้นตัวข้ามกัณต์และยื่นมือไปปิดกุญแจ
“ครับๆ ก็ได้" จู่ๆ กัณต์ก็พูดขึ้นมาพร้อมกับปรับเบาะให้ตั้งตรงและเลื่อนเบาะให้เข้าชิดพวงมาลัยทันทีทันใด ชาลีรีบดึงตัวกลับแต่ช้าเกินไปเสียแล้วเพราะกัณต์ปรับเบาะขึ้นมาเร็วและชิดมากจนแผ่นอกกว้างเบียดเข้ากับใหล่ของนายแพทย์หนุ่ม
“ขยับเบาะ" ชาลีสั่งเสียงห้วน "เอนเบาะลง"
“คุณรังเกียจผม" กัณต์ยังนิ่ง เบียดชาลีเข้ากับพวงมาลัย
“สารวัตรกัณต์"
กัณต์เลิกคิ้ว ท้าทาย
“ถ้าผมดิ้นผมก็ถอยกลับไปได้" ชาลีเอียงหน้าขึ้นมองกัณต์ มือบิดกุญแจสตาร์ทรถอีกครั้งแล้วพูดเสียงเย็นว่า "และมือซ้ายอยู่ที่เกีียร์ ถ้าผมดันไปเกีียร์ D  รถคุณก็จะพุ่ง อยากรถพังหรือไง"
“คุณคงลืมไปว่า ผนนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ และเท้าผมก็เหยียบเบรกได้" กัณต์พูดเสียงเย็นพอๆ กัน "ยกนี้ผมชะ คุณยอมแพ้ผมซะเถอะ"
“พันตำรวจตรี กัณต์ เวโรจน์"
“คุณหมอชาลี พิริยะวัฒน์"
“นายแพทย์ครับ นายแพทย์ชาลี" ชาลีถลึงตา "จะเรียกผมก็เรียกให้ถูก"
กัณต์หัวเราะแล้วเบือนหน้าออกไปมองด้านข้างก่อนจะพูดว่า "โอเคๆ ผมยอมแพ้ก็ได้ ผมให้คุณชนะ"
“ยอมแล้วก็ถอยเบาะไปสิ" ชาลีออกคำสั่งอีกครั้ง
“ดับเครื่องซะเถอะ เดี๋ยวน้ำมันหมด ผมจะไปพับเบาะข้างหลังให้คุณได้นอนเหยียดแข้งเหยียดขาได้สะดวก สงสัยเราต้องค้างในรถแล้วล่ะคืนนี้" กัณต์พูดแต่ตัวเองยังไม่ยอมขยับ
...ตัวของชาลีอุ่นมาก ทั้งที่ข้างนอกฝนตกและข้างในรถก็เย็น แต่ตัวของชาลีอุ่นมากจนอยากดึงเข้ามากอด...
“ชาลีครับ ขอผมถามตรงๆ ได้ไหม" กัณต์พูดเสียงอ่อนลงกว่าเดิม "คุณรังเกียจผมหรือเปล่า"
“ขยับเบาะ" ชาลียังพูดเสียงเย็น
“จนป่านนี้ คุณน่าจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไง"
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้" ชาลีเหยียดปาก "คุณกำลังใช้เสน่ห์ไงล่ะ เสน่ห์ของคนเจ้าชู้ คุณคิดว่าใครก็จะหลงคุณ ชอบคุณ เพราะเสน่ห์ของคุณใช้ได้ผลทุกครั้ง"
“แต่ไม่ใช่กับคุณ ใช่ไหม" กัณต์เสียงเข้มขึ้น ไม่เข้าใจวาทำไมชาลีทำให้อารมณ์ของเขาขึ้นลงไม่คงที่แบบนี้
“ผมไม่หลงเสน่ห์คุณหรอก อย่าสำคัญตัวเองผิด คิดว่าจะเหมือนคนอื่นที่คุณเคยได้มา"
“คุณไม่ลอง คุณจะรู้ได้ยังไง" กัณต์เลิกคิ้วข้างข้างเดียว เอียงหน้ามองใบหน้าขาวสะอาดของชาลีซึ่งอยู่ห่างเขาไม่ถึงหนึ่งฟุต
“ลองอะไร"
“คุณก็รู้ว่าลองอะไร" กัณต์ส่งประกายตาท้าทาย
“ฮึๆ" ชาลีหัวเราะหยัน "คุณคิดงั้นสิว่าถ้าผมมีอะไรกับคุณ ก็จะหลงเสน่ห์คุณจนถอนตัวไม่ขึ้น มั่นใจในตัวเองมากเลยนะหมวด"
“สารวัตร"
“จะบอกอะไรให้นะ ถึงผมมีอะไรกับคุณ ซึ่งผมจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ มันก็ไม่ทำให้ผมหวั่นไหวหรอก อย่าคิดว่าเสน่ห์ของคุณจะทำอะไรผมได้ ก็แค่นอนกันครั้งเดียว เรื่องธรรมดาๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคย กลัวแต่คุณนั่นล่ะจะติดใจ"
“ผมถึงได้บอกว่า ไม่ลองไม่รู้ไงล่ะ" กัณต์ยังคงพูดเสียงราบราบ ใบหน้านิ่ง แตในใจเต้นแรง เริ่มหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ "แต่ผมว่าคุณกลัวว่าผมจะไม่ติดใจมากกว่าล่ะมั๊ง"
“มั่นใจจังเลยนะ" ชาลีเบ้ปาก
“หรือคุณไม่มั่นใจ" กัณต์ย้อน ทำเสียงและสีหน้าท้าทาย มือปรับเบาะให้เลื่อนถอยออกห่างพร้อมกับเอนราบราวจะเปิดทางให้ชาลีขยับตัวกลับไปแต่กลับโน้มตัวเข้ามาใกล้คนที่เมื่อครู่ถูกเบียดติดกับพวงมาลัยจนใบหน้าแทบจะชิดกัน
“มาพิสูจน์กันให้รู้ผลแพ้ชนะเลยดีกว่าคุณหมอ" กัณต์เสียงพร่า "ถ้าคุณกล้าพอ"

****21****
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-03-2010 20:20:28
กรี๊ดดดด เอาไงดีคุณหมอ งานเข้าแล้วววววว

 + ค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 20 "ชาลีจะเสร็จกัณต์หรือกัณต์จะเสร็จชาลี" (14/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 16-03-2010 20:23:28
 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 16-03-2010 20:25:19
อูยยยยย ทำไมวันนี้ คนชอบหาเรื่อง น่ารักขนาดนี้น๊า  :-[
สารวัตรก็เจ้าเล่เห์เหลือเกิน ... รีบๆพิสูจน์กันหน่อยนะค่ะ พอดีว่ารีบอ่าน :laugh: ... +1 จัดไป
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 16-03-2010 20:40:08
รับคำท้าเลยหมอชาลี :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-03-2010 20:51:22
ตอนนี้สุดยอด o13
น่ารักมากมาย :haun4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 16-03-2010 21:10:57
ไม่รู้ใครตกหลุมใครกันแน่ แต่ถ้าหมอชาลี เฮ้ยยย... นายแพทย์ชาลี ตกหลุมสารวัตรกัณต์ :z1:

ยังไงก็ช่าง +1 ให้พี่นายแน่ ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 16-03-2010 21:15:02

น่ารักมากกกก  :o8: :-[
จะฟาวล์มั๊ยอ่ะ อย่านะคุณคฑาฯ   :m16:


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 16-03-2010 21:15:25
ท้ากันซะขนาดนั้น  จัดไปเลยครับคุณหมอ  อิอิ

+1  ไปครับลุ้นเหลือเกินครับ

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 16-03-2010 21:22:18
โอ้ววว
คุณพระๆๆๆ
หึหึ
 :haun4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 16-03-2010 21:27:37
 :a5: เอาแล้วไง หมอชาลีจะรับคำท้ามั้ยเนี่ย

หุหุ พี่นายมาต่อให้ไวเลยนะค้าบ อยากรู้ๆๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 16-03-2010 21:59:52
งานเข้าแล้วไงค่ะคุณหมอขา

จะทำยังไงดีละค่ะทีนี้

อิตาคุณสารวัตรก็ช่างสามารถ ลากมาถึงเรื่องนี้ได้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 16-03-2010 22:29:50
 :sad4:จู๋จี๋กันแรงมาก

*เข้ามาแก้ โพทส์ตอนแรกขึ้นแต่อีโม -*-
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 16-03-2010 22:38:44
ลุ้นๆให้ลอง o18
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: schoolofpink ที่ 16-03-2010 22:52:00
หูยลุ้นๆๆ มารอเชียร์คนงานเข้า  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 16-03-2010 22:54:43
อ๊าย ย จะได้กันแล้ว ว
ใครจะแซ่บกว่าใครกันน๊า

 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 16-03-2010 22:57:49
ฮิ้วววววววว ท้าให้ลองแบบนี้ อย่าปฎิเสธนะเคอะคุณหมอ รับคำท้าเล้ย หุหุ :haun4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 16-03-2010 23:00:30
เชียร์ให้คุณหมอรับคำท้าครับ :interest:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 16-03-2010 23:11:15
 :serius2: :serius2:  คุณหมออย่าไปเสียท่าตาผู้หมวดง่ายๆๆจิ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 16-03-2010 23:51:01
เล่นชกกันตรงๆแบบนี้เลยนะสารวัตร คราวนี้หมอชาลีจะเข้าคลุกวงในแลกหมัดหรือจะเต้นฟุตเวิคร์หนีหล่ะ

ลุ้นอยู่นะ :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-03-2010 23:51:08
กรรม

ค้าง....

+1 ค่าาาา  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-03-2010 00:02:26
เอาเล้ย ๆๆๆๆ
หุห
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 17-03-2010 00:17:09
ประกาศสงครามงี้ ต้องรีบเอาเสื่อไปปูรอชม ขอบติดสนาม  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-03-2010 00:35:51
บ้านพี่เรียกสงครามครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttykung ที่ 17-03-2010 06:38:29
กัณฑ์เค้าท้าแบบนี้แล้วชาลีจะว่าไงคับเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-03-2010 07:25:04
หมอจะกล้าัมั้ย ในรถแคบๆ ฝนก็ตก
หึหึ
รอดูฉากในรถ  :m25:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepretty ที่ 17-03-2010 07:25:18
 :a5: ค้างอย่างแรง


รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Human ที่ 17-03-2010 10:46:32


คำท้าแบบนี้...........

โหลว่ะ :t3:

ถ้าชาลีรับคำท้า

ก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

( โทษที.....อินจัด )
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 17-03-2010 11:01:07
อิคุงสารวัตรอยากจะเขมิบหมอจะแย่มัวต่อปากต่อคำวัดแต่ฝีปากไม่ชิมรสปากหน่อยรึคะใกล้เข้าอีกนิดชิดๆเข้ามาอีกหน่อยแม่ชาลีรอนานแล้วนะมัวท่ามากอยู่ได้ชิส์กัวแพ้รึไงคุณตำรวจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-03-2010 11:19:58

กดบวกเพราะ....“เครื่องแบบน่ะไม่รังเกียจหรอก เพราะมันเป็นแค่เสื้อผ้า"

แต่อยากให้อีกบวก เพราะความสนุก   o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 17-03-2010 13:57:55
โอ๊ยจบแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า   
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 17-03-2010 14:41:49
 :-[ มารอลุ้น   
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-03-2010 16:09:07
ยังไม่จู๋จี๋กันจริงๆใช่ม๊า มันต้องต่อจากนี้นี่เนอะ :haun4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 17-03-2010 16:19:25
สองคนเขาทำอะไรกันน้า  รอลุ้นกันต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: OT ที่ 17-03-2010 16:23:33
55+.. o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-03-2010 16:53:09
โอว อินคา

ต่อไปก็คง เอาท์ดอร์

แล้วก็ ทรีซัม

แอรยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส











 

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 17-03-2010 17:22:11
ชื่อตอนเซะซี่มากกกกก

แอบดูเค้าจู๋จี๋กันดีกว่า
ขอบคุณคุณนายคร๊าบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 17-03-2010 17:33:47
 :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jjuboy ที่ 17-03-2010 17:35:24
ว้าย.....แอบดูเค้าจู๋จี๋กัน :-[
อาย...แต่ชอบค่า.....
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 17-03-2010 17:38:41
รอตอนต่อไป~~

กัณต์จ้ำจี้กับชาลี!!! :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 17-03-2010 18:24:24
มาเถิดค่ะ
เค้ากำลังจะได้กัน อย่าได้ขัด
 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 17-03-2010 20:13:52
 :z1: :z1:ถ้าไม่รับคำท้า
จะถือว่าป๊อดมั้ยครับ..คุณหมออออออออ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-03-2010 22:26:45
งานเข้าแล้วมั้งเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 17-03-2010 23:38:37
 :impress2: ตั้งตารออ่านตอนต่อไป หุหุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 17-03-2010 23:55:00
มาต่อเรื่อย ๆ นะค่ะ มาต่อเรื่อย ๆ สนุกจัง จัยนะค่ะ  :oni1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-03-2010 00:00:27
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 18-03-2010 00:35:02
หมอชาลีสู้เค้าน้าาาาาาาาาาาาาาาา ......

 :impress2:

 :oo1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 18-03-2010 10:36:22
เอาแว้ววววววววววววววววววววววววว
หมอหรือตำรวจ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 18-03-2010 21:18:21
เอาเลย เอาเลย :impress2:

ไม่รู้ใครจะเสร็จใคร

ตามทันซะที :เฮ้อ:

ลุ้นต่อปายยยยยยยยย :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 18-03-2010 23:43:45
 :haun4: :haun4: :haun4:

สู้กันเลย..อย่าไปยอมกัน..
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 18-03-2010 23:51:53
อืม....ถ้าให้เดาพี่หมอไม่เสร็จตาผู้หมวดง่ายๆหรอก  :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-03-2010 09:26:08
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-03-2010 14:04:12

แด่หมวดกัณต์

(http://www.taradnoi.com/adpics/4b287e446802cf83c8490aa68.jpg)

 :laugh:  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 21 "ชาลีจู๋จี๋กับกัณต์" (16/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 20-03-2010 17:32:48
โทษทีมาต่อบทที่ 22 ช้าครับ พอดีหลายวันที่ผ่านมามันมีเรื่องเกิดขึ้นหลายเรื่อง เลยไม่ได้เข้าเน็ต
ตอนนี้มาแล้วครับ อีกหน่อยก็จบแล้วนะ คิดว่าจะจบบทที่ 25 ล่ะ (เท่ากับอายุคนเขียนพอดีเลยอ่ะ)

ก่อนอ่าน ฝึกร้องเพลงกันหน่อยไหมครับ (ทำนองเพลง ช้าง นะครับ แต่เปลี่ยนเนื้อเรื่อง)
ค้าง ค้าง ค้าง
พวกเราเคยค้างหรือเปล่า
ค้าง มันทรมานไม่เบา
อยากทำยาวๆ ไม่ได้ทำ
มีเรื่องจำเป็น ต้องหยุดไว้
ไม่รู้ จะทำ ยังไง  :-[ :o8: :sad4:

เพลิงรัก บทที่ 22

วันนี้คนไข้ของนายแพทย์ชาลีมีจำนวนไม่มาก เมื่อตรวจคนไข้คนสุดท้ายเสร็จจึงเอาแน่นั่งเหม่อ ยกมือขึ้นลูบไล้ริมฝีปากของตัวเองช้าๆ ใจล่องลอยถึงคืนที่เขาและกัณต์ได้ 'สัมผัส' กันและกันอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก กัณต์มาส่งเขาที่หน้าบ้านเมื่อเวลาเกือบสิบโมงเช้า คำพูดสุดท้ายของกัณต์ยังดังก้องอยู่ในหู เสมือนว่าฝ่ายนั้นเพิ่งกระซิบให้เขาฟังเมื่อไม่กี่นาทีที่่ผ่านมา
...เรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะกันนะครับ...
...กัณต์อ่อนโยนจนเขาคาดไม่ถึง ใบหน้าคมเข้มซึ่งชอบทำเป็นเคร่งขรึมที่เขาคิดว่า 'ขี้เก๊ก' นั้นระบายยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่แทบตลอดเวลา...
...หากกัณต์แสดงท่าทีกับเขาแบบนี้ ไม่เป็นเป็นผลดีต่อการแก้แค้นเจตรินแน่เพราะจะทำให้เขาเสียสมาธิ...
ชาลีสะบัดศีรษะแรงๆ พยายามสลัดภาพของกัณต์ออกไปจากสมอง แล้วคิดถึงเรื่องแผนการที่จะจัดการกับเจตริน เขาบอกตัวเองว่าต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะรอให้ถึงวันสุดท้ายของเดือนที่สาม แต่ตอนนี้เขาคิดว่าไม่น่าจะต้องรอจนถึงขนาดนั้นก็ได้ เจตรินรู้สึกลึกซึ้งกับเขามากขึ้น แม้ไม่ถึงขั้นจะบอกรัก หรือรักเขาจนหัวปักหัวปำ หรือโอนถ่ายเงินทองมาให้เขา แต่หากเจตรินผิดหวังหรือเจ็บใจที่มาหลงรักคนในอดีตที่ตัวเองเคยทิ้งมาอย่างไม่สนใจใยดี แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
ตอนแรกความคิดของเขาร้ายกาจมาก เขาตั้งใจจะรอจนกว่าเจตรินเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดครั้งที่สาม ให้เจตรินได้สัมผัสกับความเจ็บปวดทางร่างกายเพราะโรคร้าย และวันนั้น เขาจะซ้ำเติมด้วยการทำให้เจ็บปวดทั้งกายและใจเหมือนที่เขาเคยโดน เอาให้เจตรินถึงกับต้องครางเพราะความทรมาน เอาให้เฉียดใกล้ความตามที่สุด เขาจะจัดการเจตรินให้หนักถึงกับต้องนอนแบะอยู่บนเตียง ตามองขึ้นมาที่เขาด้วยความเจ็บปวดปนหวาดกลัวและเคียดแค้น หายใจแผ่วเบา ปากพยายามจะด่าเขาแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจะทำให้เจตรินกระอัก กรีดร้องอยู่ในใจว่า
...ผมอุตส่าห์ฝากชีวิตไว้ในมือของคุณ ผมรักคุณ ทำไมคุณกลับทำกับผมแบบนี้...
ทว่า ตอนนี้เขาคิดว่าจะ 'ออมมือ'  ให้เจตริน ขอแค่ให้เจ็บใจก็คงจะพอ จากนั้นเขาจะก้าวต่อไป
...จัดการกับพี่ทศและไวโรจน์เป็นรายต่อไป หรือเลิกแค้น หรือพิจารณายุทธนาตามที่เอกภพเชียร์ หรือลงเอยกับกัณต์?...
...ไม่ได้หรอก ลงเอยกับกัณต์งั้นหรือ คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่สุพรรรณบุรี เป็นแค่เรื่องอยากเอาชนะกัน...
...คนบ้า พูดออกมาได้ ไม่ลองไม่รู้ ใครจะเป็นคนติดใจ...
...ติดใจกับผีนะสิ ใครติดใจกัณต์ก็บ้าล่ะ อย่างเขานะหรือจะติดใจกันต์ นี่ผ่านมาหลายวันแล้วเขายังรู้สึกเฉยๆ อยู่เลยๆ ฮึ...

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก นั่งคิดอะไรอยู่" เสียงของเอกภพดังขึ้นที่ประตู "เปิดประตูหัวใจคุยกันหน่อยได้ไหมชาลี"
"จะพูดอะไรก็พูดมาเร็วๆ เถอะเอก" ชาลีเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน เห็นเอกภพยืนพิงประตูอยู่ แสดงว่าเดินเข้ามาแล้วก่อนที่จะทักทายและทำเสียงเหมือนเคาะประตูห้องทำงาน
"เป็นอะไร ทำไมหงุดหงิด คนไข้ก็หมดแล้ว มีเวลานั่งเล่นตั้งเยอะ น่าจะดีใจ" เอกภพเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของชาลี "เป็นหมอโรงพยาบาลหรูๆ แบบนี้ดีจังเลยนะ ทำงานไม่ค่อยหนัก เงินก็ได้เยอะดี คนไข้ เอ๊ย พ่อคนไข้ก็มีแต่หน้าตาหล่อๆ"
"คิดอยู่แค่นี้หรือ" ชาลีเบ้ปากใส่เพื่อน
"นี่เรามีความรู้สึกว่าไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่นะที่มีแผนกสูติฯ หมอสูติฯ ได้ตรวจภายในผู้หญิง แต่ไม่ยักกะมีแผนกผู้ชายโดยเฉพาะ ที่คนไข้ผู้ชายต้องตรวจกับเราเท่านั้นเหมือนผู้หญิงที่ต้องตรวจกับหมอสูติฯ นายเคยเข้าไปในห้องนั้นหรือเปล่า เตียงตรวจนั่นนะ น่าอิจฉาที่สุดในโลก"
"นายถึงได้เป็นหมอเด็กงั้นสิ อย่าบอกนะว่าตอนตรวจจับเด็กแก้ผ้าทุกคน"
"บ้า" เอกภพหัวเราะลั่น "บ้าจริงๆ พูดออกมาได้ ทะลึ่งที่สุดเลยชาลี"
"ใครทะลึ่งกันแน่" ชาลีส่ายหน้า "แล้วนี่ว่างมากนักหรือไงมาชวนคุยเรื่องแบบนี้"
"ก็วันนี้มันแปลกๆ คนไข้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เงียบสุดๆ ดีนะที่ทำงานได้เงินเดือน" เอกภพถอนหายใจ "อ้อ มีแม่คนไข้มาปิ๊งเราด้วยล่ะ หย่ากับสามีได้ไม่ถึงปี คิดอยากหาพ่อใหม่ให้ลูกซะแล้ว เราจะทำยังไงดี นี่เชิญเราไปดินเนอร์เลยนะชาลี อึดอัดจริงๆ ให้ตายสิ คิดไปคิดมาเราไม่อยากจะเก๊กแมนในที่ทำงานแล้วล่ะ"
"อ๊ะๆ อย่านะ อย่ามาคิดจะทำอะไรแบบนั้นนะ" ชาลีรีบห้าม
"ก็แมนเข้มแบบนี้ไง เราถึงได้แห้วทุกที พ่อคนไข้เขาก็คิดว่าเราเป็นผู้ชาย..."
"พอไม่เก๊กแมนแล้วคิดว่าพ่อคนไข้จะเห็นนายน่ารัก เหมาะแก่การเอามาทำแม่ใหม่ให้ลูกหรือไง" ชาลีทำเสียงดุ "คิดได้ไง เฮ้อ"
"ช่างเถอะ" เอกภพยักไหล่ "แต่เราคิดว่าเราปิ๊งใครบางคนแล้วล่ะ คนนี้หล่อเท่ เข้มบาดใจ เรากะว่าสุดสัปดาห์นี้จะลองชวนเขาไปเที่ยวด้วยกัน"
"ไม่ได้นะเอก"
"ทำไมล่ะ ทำไมจะไม่ได้" เอกภพโวยวาย "แล้วไม่ต้องมาบอกเราให้เตรียมตัวกินแห้วหรอก คนนี้เราเอาจริง เราจะมัดใจเขาให้ได้ เรารู้ว่าเขาต้องชอบหมอแน่ๆ เลย เวลาเล่าเรื่องโรงพยาบาลกับคนไข้ให้ฟัง เขาไม่เห็นทำท่าเบื่อ"
"เราจะไประยอง เราจะให้นายช่วยดูนาวิน"
"อีกแล้วหรือ" เอกภพเบ้ปาก "เป็นพี่เลี้ยงไอ้หนูชูชกนี่นะ"
"แค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์"
"สามวันสองคืน หมดเงินค่าหาอะไรใส่ปากมันไปเกือบสี่พันอีกแล้วสิเนี่ย ไหนจะค่าเครื่องดื่ม ค่าไอสครีม ค่าขนม ค่าเกมส์ ค่าอะไรต่อมิอะไร อ้อ นายรู้หรือเปล่า น้องชายนายนี่มันคลั่งกินน้ำแข็งไส ไอซ์มองเสตอร์งี่เง่ามากเลยนะ นี่ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูปูเสื่อนาวินรวมกับครั้งที่แล้ว เผลอๆ จะถึงหมื่น" เอกภพทำหน้าหนักใจ "แล้วนี่นายจะไประยองอีกทำไม ก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือ"
"เด็กมันกำลังโตก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดา" ชาลีเลี่ยงที่จะพูดเรื่องระยอง "เอาไว้เราจะใช้เงินคืนให้ อ้อ แล้วคอยดูดีๆ ไม่ให้น้องแอบออกไปเซเว่นปากซอยตอนดึกๆ ล๊อคประตูรั้วไว้เลย แล้วเก็บกุญแจเอาไว้กับตัว"
"น่าสงสารนาวิน"
"ถ้าสงสารก็หาอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็นเยอะๆ เอาขนมปังคาลิฟอร์เนียเบรดกับป๊อปคอร์นให้มากเข้าไว้ กินแล้วมันไปพองอืดในท้อง ทำให้อิ่มเร็ว" ชาลีอยากจะหัวเราะ
"ว่าแต่ว่านายจะไปทำอะไรที่ระยอง ไปกับใคร" เอกภพวกกลับมาเรื่องการเดินทางไปต่างจังหวัด
"ไปบ่ายวันศุกร์ กลับเย็นวันอาทิตย์" ชาลีไม่ตอบคำถามเพื่อน ลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบกระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน
"ชาลี" เอกภพลุกตาม คว้าข้อมือของเพื่อน ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำเฉไฉ
"เจตริน" ชาลีตอบเบาๆ
"ไคลแม็กซ์หรือเปล่า" เอกภพถาม "ดีแล้วล่ะชาลี ให้มันจบๆ ไป เราจะได้ไปบอกคุณยุทธนาให้เตรียมตัว"
"หยุดพูดเรื่องยุทธนาได้แล้ว เราจะไม่ยุ่งกับยุทธนาหรือคนในโรงพยาบาล เข้าใจหรือเปล่า" ชาลีเดินออกจากห้องทำงาน ยกมือลาพยาบาลหน้าห้องแล้วเดินลิ่วไปที่บันไดเพื่อลงไปยังชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลโดยมีเอกภพเดินตามติดพร้อมกับบ่นว่าทำไมไม่ใช้ลิฟท์ ชาลีไม่สนใจเพื่อน ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นจนเอกภพต้องวิ่งเหยาะๆ ตามเป็นบางครั้ง แต่เมื่อถึงกลางห้องโถงด้านหน้าของโรงพยาบาล นายแพทย์ทั้งสองก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาช้าๆ
"เอ็กซ์" เอกภพพึมพำ ชาลีหันไปมองเพื่อน หน้าตาสงสัย
"เห็นที่ยิมหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ นาวินเป็นคนแนะนำเองนะชาลี วันที่นายไม่ว่างเพราะมัวแต่ไปดูหนังกับเจตรินไง เราไปยิมกับนาวิน ก็เลย..."
"ไม่ได้ถาม" ชาลีส่ายหน้า
"ตัวจริงไม่เลวนะชาลี แต่เราว่าเจ้าชู้ไปหน่อย" เอกภพแสดงความเห็น
"เจ้าชู้หรือ" ชาลีถามอย่างสงสัย
"เราว่าเขาดูเหมือนจะปิ๊งนาวินล่ะ แต่ดูอีกทีก็เหมือนจะปิ๊งเอ่อ..." เอกภพอึกอัก
"ไม่ใช่มั๊ง"
"ทำไม ยังคิดว่าเขาชอบนายอยู่ละสิ เอ็กซ์นี่ยังไงๆ ก็ไม่รู้ เรามองไม่ค่อยออก เหมือนเขามีแผนการอะไรซักอย่าง" เอกภพขมวดคิ้ว แต่พลันก็ทำท่านึกออก "เอ๊ะ หรือว่าเขาจะเป็นเหมือนกับนาย ชอบหว่านเสน่ห์ หลอกให้รักแล้วทิ้ง เพราะโกรธแค้นฝังใจอะไรใครซักอย่าง"
"พอเถอะเอก" ชาลีทำเสียงขุ่นๆ "ลองมายุ่งกับนาวินสิ ได้เจอดีแน่ แล้วจะได้รู้ว่านรกมีจริง"
"สวรรค์ในอก นรกในใจ มีจริงสิ ทำไมเราจะไม่รู้ นายก็น่าจะรู้ด้วยไม่ใช่หรือ" เอกภพทำเสียงประชดเพื่อนแล้วต้องหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความประหลาดใจเพราะเมื่อเอ็กซ์เดินเข้ามาใกล้ ชาลีก็ทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแล้วถามด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงว่า
"ไม่สบายเป็นอะไรครับ อย่างพี่เอ็กซ์นี่ไม่น่าจะเจอที่โรงพยาบาล ล่ำบึ๊กแบบนี้"
"เปล่าครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อน" เอ็กซ์ยิ้มกว้าง
"ถึงว่า เล่นกีฬาเป็นประจำ พี่เอ็กซ์ดูแข็งแรงสุขภาพดี ไม่น่าจะป่วย นาวินพูดให้ผมฟังทุกวันว่าพี่เอ็กซ์ฟิตมาก เล่นบาสเสร็จก็ชวนนาวินไปว่ายน้ำด้วยกัน ไม่ก็พากันยกน้ำหนัก"
"ครับ" เอ็กซ์พยักหน้า
"อยากว่ายน้ำแต่กับพี่เอ็กซ์นี่เอง พอผมชวนไม่เห็นจะอยากลงน้ำ" ชาลียิ้ม ทำเหมือนพูดล้อเล่นกับเอ็กซ์ "ตอนนี้น้องไม่รักผมแล้ว ไปรักพี่เอ็กซ์แทน พี่เอ็กซ์กลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของนาวิน"
"ผมว่าไม่หรอกครับ" เอ็กซ์หัวเราะเขินๆ "นาวินยังคงรักและเคารพพี่ชายมากกว่าคนอื่นเสมอ"
"ตอนนี้บอกไม่ค่อยเชื่อ พอโตแล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเอง" ชาลีส่ายหน้า "นี่ผมยังห่วงเลยว่า นาวินจะแอบไปทำอะไรที่ผมไม่ชอบ ไม่ค่อยจะอยากปล่อยให้อยู่คนเดียวเลย พักนี้ผมก็เดินทางบ่อย วีคเอนด์นี้ก็ต้องไประยอง ทิ้งให้นาวินอยู่คนเดียวจะเป็นยังไงก็ไม่รู้"
"อ้าว ไม่ใช่ให้อยู่กับเราหรือ" เอกภพทำหน้าเหรอหราเพราะตามชาลีไม่ทัน
"นายก็มีตรวจคนไข้แล้วต้องเข้าเวรดึกไม่ใช่หรือ" ชาลีเตือนเพื่อ "ชาลีเลิกเรียนตอนบ่ายสาม จะให้รอนายจนหกทุ่มหรือไง น้องต้องไปยิม ต้องกินข้าว แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะ"
"อ้อ จริงสิ" เอกภพพยักหน้า เริ่มจะเข้าใจว่าชาลีจงใจ 'หยั่งเชิง' เอ็กซ์ แต่ก็อดที่จะประชดชาลีไม่ได้ "ก็ให้นั่งแท๊กซี่สิ เด็กหนุ่มอายุ 17 นั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนคนเดียวไม่อันตรายหรอก"
"ไปเที่ยวหรือครับ" เอ็กซ์ถามชาลียิ้มๆ
"ใช่ครับ ไปพักผ่อนซะหน่อย ทำงานมาเหนื่อยเหลือเกิน อยากไปนอนอาบแดดริมสระว่ายน้ำให้สบายๆ พอดีมีคนแนะนำโรงแรมสวยๆ ชื่อ Rommadee Resort & Spa ผมก็เลยจะลองไปสำรวจสถานที่ซักหน่อย จะสมกับที่เขาแนะนำหรือเปล่า เห็นในรูปแล้วท่าทางโรแมนติก อยากไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน จิบอะไรเย็นๆ ริมทะเล คงมีความสุขน่าดู"
"สวยจริงครับ ผมไปมาแล้ว" เอ็กซ์พยักหน้า "พี่หมอไปพักกี่คืนครับ"
...ผมก็เคยไปเหมือนกัน เมื่อไม่นานนี่เอง รีสอร์ทสุดหรูของคุณย่าของเจตริน พี่ชายต่างมารดาของคุณไงล่ะ...
"คืนเดียวครับ ไปวันเสาร์บ่ายๆ กะจะแวะทานอาหารเที่ยงอร่อยๆ ในระยอง แล้วถึงจะเข้าพักโรงแรม บ่ายวันอาทิตย์ค่อยกลับ" ชาลีเล่าการเดินทาง "ผมกะจะนั่งรถประจำทางไปแบบสบายๆ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ แต่บ่ายวันอาทิตย์นี่คงจะต้องรีบกลับมาดูนาวิน ไม่กล้าทิ้งเอาไว้นาน หวังว่าคงมีรถด่วนที่กลับถึงกรุงเทพฯ ได้เร็วๆ"

"ไปคนเดียวเนี่ยนะ" เอกภพหันมาพูดกับชาลีเมื่อแยกกับเอ็กซ์แล้ว
"จะให้บอกว่าไปกับเจตรินหรือไง"
"คิดจะทำอะไรชาลี" เอกภพกอดอก เอียงหน้ามองเพื่อนตาปริบๆ เหมือนเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาซึ่งเขาเอาแต่ยืนฟังชาลี 'อธิบายรายละเอียด' เรื่องการไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ให้เอ็กซ์ฟัง
"เราจะพิสูจน์" ชาลีพูดขึ้นมาหลังจากยืนนิ่งและยิ้มอย่างเยือกเย็น "ว่าพี่เอ็กซ์เลือกที่จะตีท้ายครัวตอนเราไม่อยู่ หรือตามไปด้วย จำไม่ได้หรือเอก เราต้องรีบกลับกรุงเทพฯ บ่ายวันอาทิตย์เพราะห่วงน้อง ไม่แน่ เราอาจจะมีราชรถให้เลือกนั่ง...บีเอ็มดับบลิวซีรียส์เจ็ด หรือ ซีรียส์ห้า"
"สงสารคนขับบีเอ็มจังเลยว่ะ" เอกภพถอนหายใจ
"เอ็กซ์จะเป็นตัวช่วย ทำให้ทุกอย่างมันเข้มข้นขึ้น เราไม่คิดว่าเขาชอบนาวินหรอก พอๆ กับที่เราไม่คิดว่าเขาจะชอบเราด้วย เอ็กซ์มีอะไรแปลกๆ อย่างที่นายพูดจริงๆ นั่นล่ะ"
"งง" เอกภพส่ายหน้า
"ไม่ต้องงงหรอก" ชาลียิ้มแล้วเปิดประตูรถ "คราวนี้ ยิงปืนทีเดียว ได้นกสองตัว"
"กลัวปืนดีดจริงๆ เลย" เอกภพทำหน้าหนักใจ "เล่นกับปืนผาหน้าไม้ มีแต่อันตรายทั้งนั้น"
....อันตรายก็ไม่กลัว อย่างมากก็แค่ตาย...
...หากเอ็กซ์จะเป็นเหมือนที่เอกภพพูดว่า มาหลอกให้รักแล้วทิ้งเหมือนที่เราเคยทำ เอ็กซ์ก็เลือกเป้าหมายผิดคนแล้วล่ะ...

กัณต์ปิดแฟ้มคดีล่าสุดที่กำลังสืบสวน บอกตัวเองว่าพอกันทีสำหรับการทำงานของวันนี้
เขาไม่มีสมาธิเลย!
ชาลีหลบหน้าเขา จงใจหลบหน้า!
...นี่เขาจะแพ้พนันยังงั้นหรือ...
...แต่ผมว่า คุณกลัวว่าผมจะไม่ติดใจต่างหาก...
กัณต์ได้ยินเสียงของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ตามมาด้วยเสียงของชาลีว่า...
...กลัวแต่คุณนั่นล่ะจะติดใจ...
...ตอนนี้ชาลีคิดอะไรอยู่ จะคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงหรือเปล่า...
กัณต์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ แล้วเดินออกจากห้องทำงานอย่างเนือยๆ ตรงไปยังบันไดหน้าสถานีตำรวจพลางคิดตัดสินใจว่าเวลาที่อยู่หลังเลิกงานของวันนี้จะทำอะไรดี แต่ก่อนนั้น หลังเลิกงาน หากเขาไม่เล่นกีฬาหรือสังสรรค์กับเพื่อน และหากเขาเบื่อจนทนไม่ไหว เขาก็จะนัด 'คนรู้จักกัน' ไป 'หาความสนุก' เพื่อ 'ฆ่าเวลา' ให้หมดไปก่อนจะถึงเวลากลับบ้านนอน
แต่วันนี้เขากลับไม่อยากทำแบบนั้น!
...เขาไม่อยากกลับบ้านนอนคนเดียว...

ชาลีแอบมองจากชั้นสองของบ้านเห็นนาวินถือถุงพลาสติกเดินเข้าบ้านอย่างเร่งรีบ คืนนี้เขากลับเร็วกว่าที่บอกน้องชายเอาไว้ เมื่อกลับมาถึงบ้านชาลีไม่เห็นนาวิน เขาจึงคิดว่า 'ไอ้หนูชูชก' ของเอกภพคงจะออกไปหาซื้ออะไรกินเพราะในตู้เย็นว่างเปล่า นั่นก็คงเป็นเพราะน้องชายวัยกำลังกินกำลังนอนคนนี้ 'กวาดเรียบ' อย่างที่เอกภพเคยพูด
...มีคนมาส่งนาวิน แล้วจอดรถอยู่หน้าบ้าน ทั้งที่นาวินเดินเข้าบ้านมาเรียบร้อยแล้ว...
...ใคร? พี่เอ็กซ์หรือเปล่า? แต่พี่เอ็กซ์รับรถเก๋งไม่ใช่รถ SUV...
ชาลีลงมาจากชั้นสองและเดินออกจากบ้านทางประตูหลังบ้านแล้วอ้อมมาด้านหน้า ตรงไปยังประตูรั้วอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะรู้ว่าคนที่มาส่งนาวินเป็นใคร แต่เมื่อมาถึงก็ต้องอึ้ง เมื่อเห็นว่ารถที่จอดอยู่หน้าบ้านเป็นรถของคนที่เขารู้จักดี
“สารวัตรกัณต์" ชาลีพึมพำ มือผลักประตูเดินออกไปทันที
วอลโว XC90 สีดำคันนั้นจอดดับเครื่องยนต์น่ิงสนิท ไม่มีใครอยู่ในรถ แต่ชาลีก็อยากให้ตัวเองมั่นใจจึงแนบใบหน้าเข้ากับกระจกเมื่อเพ่งมองดูข้างใน ทันใด เสียงห้าวๆ ก็ดังขึ้นที่ด้านท้ายรถ
“ผมอยู่นี่ครับ"
“คุณมาทำอะไรที่นี่" ชาลีเดินไปยังท้ายรถ กัณต์ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถของตัวเอง ใบหน้าแหงนขึ้นไปมองบนท้องฟ้า และเมื่อชาลีเดินไปยืนกอดอกอยู่เบื้องหน้าจึงก้มลงมองด้วยแววตาเรียบนิ่ง ต่างจากอีกฝ่ายที่มองกลับมาด้วยสายตาเอาเรื่อง
“คุณหลบหน้าผม" กัณต์พูด พลางปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดของเครื่องแบบสีกากีรัดรูบ
“ผมก็อยู่บ้านปกติ ไม่ได้หลบหน้า ไม่ได้หลบหนีใคร ผมไม่ใช่อาชญากร" ชาลีเสียงห้วน "คุณมาทำอะไรที่นี่ แล้วมายุ่งอะไรกับน้องชายผม"
“ผมเห็นเด็กเดินกินลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้างถนน เลยเรียกขึ้นรถ"
“นาวินนะนาวิน ขึ้นรถคนแปลกหน้าตอนกลางคืน เดี๋ยวได้เจอดีแน่" ชาลีพึมพำ
“เขาจำผมได้ว่าเคยเจอที่ยิม ผมไม่ใช่คนแปลกนห้า และผมก็สวมชุดตำรวจ ไม่ได้น่ากลัวอะไรที่ไหน" กัณต์ตอบเสียงราบเรียบ
“คนสมัยนี้ รู้หน้า ไม่รู้ใจ"
“แต่ผมว่าเรารู้ใจกันนะครับ" กัณต์ขยับตัวเข้าใกล้ชาลี
“คุณมาทำไม" ชาลีถอยหลังหนึ่งก้าว พูดด้วยเสียงห้วนๆ
“ผมอยากเจอ"
“ตอนนี้ดึกแล้ว"
“ไม่เห็นจะดึก"
“สารวัตรกัณต์" ชาลีอึดอัด
“คุณหมอชาลี" กัณต์ทอดเสียงอย่างอ่อนโยน
“คุณไปซะเถอะ"
“อย่าไล่กันแบบนี้สิครับ หรือคุณไม่อยากเจอผม"
“จะให้ตอบจริงๆ หรือเปล่า" ชาลีเลิกคิ้ว ตาวาววับขึ้นมาทันใด "ผมไม่อยากเจอคุณ ผมไม่อยากเสียสมาธิ"
“คุณหวั่นไหวหรือ"
“ผมไม่ต้องการวอกแวก"
“เพราะคุณกำลังมุ่งอยู่กับการแก้แค้น" กัณตเลิกคิ้วข้างเดียว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ใช่" ชาลีเชิดหน้าท้าทาย เสียงเข้มอย่างมั่นใจ "แต่ถึงแก้แค้นเสร็จ ผมก็ไม่คิดจะ...”
“ชาลี ผมขอร้อง" กัณต์รีบพูดแทรก
“ไม่ต้องมาขอร้องผมหรอก ผมเดินหน้าแล้วไม่เคยถอย" ชาลีตอบเสียงกร้าว
“คุณรู้หรือว่าผมขอร้องเรื่องอะไร"
“จะมีเรื่องอะไร คุณก็ห่วงอยู่เรื่องเดียวนี่ไม่ใช่หรือ" ชาลีประชด "ถ้าผมทำอะไรเลวร้ายนักก็มาจับผมเข้าคุกซะเลยสิ คุณเป็นตำรวจไม่ใช่หรือ"
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" กัณต์พูดขึ้นมา แฝงความหมายสองอย่าง นั่นก็คือ กำลังบอกให้ชาลีเลิกคิดเลิกแคนเรื่องของแฟนเก่า และความหมายที่สองคือเรื่องของเควิน
“ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของเวรกรรมหรอกครับ ผมแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องของการกระทำต่างตอบแทบล้วนๆ" ชาลีพูดเสร็จแล้วเดินหนีกัณต์ ตรงไปที่ประตูรัวเพื่อกลับเข้าไปในบ้าน นายตำรวจหนุ่มเดินตาม กำลังจะเอื้อมมือไปดึงแขนของชาลีเอาไว้ แต่ฝ่านนั้นหันขวับกลับมาพอดีแล้วพูดเสียงดุ
“อ้อ ขอบอกอีกอย่าง อย่าคิดจะมายุ่งกับน้องชายผมเด็ดขาด ถึงจะเห็นเดินอยู่ข้างถนนคนเดียว จะฝนตกแดดออกก็ไม่ต้องเรียกขึ้นรถ ให้เขาเดินเช้าซอยกลางดึกคนเดียวยังปลอดภัยกว่า"
“จะมากไปแล้วนะชาลี คุณคิดว่าผมเป็นยังไง ผมไม่สนนาวินหรก นั่นน่ะเด็กกว่าผมเกินรอบเลยนะ"
“อ๋อ เกินรอบไม่สน สนแต่ห่่างกันรอบเดียวเป๊ะ" ชาลีเหยียดปาก
“ผมบอกแล้วไงว่าผมแค่ทำความรู้จักกับชายชลเพื่อเข้าถึงตัวคุณชายรังสิมันต์พ่อของเขาเกี่ยวกับเรื่องคดี แต่ตอนนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย ผมไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาแล้ว"
“แสดงว่าคุณเคยยุ่ง" ชาลีกระแทกเสียง "นั่นก็หมายความว่าคุณก็เคยชอบเด็ก"
“หาเรื่อง" กัณต์ขมวดคิ้ว พูดเสียงดังขึ้น
“ยอมรับซะเถอะ"
“ไม่" กัณต์พูดเสียงแข็ง อารมณ์ที่พยายามสะกดให้เย็นไว้ก่อนหน้านี้กำลังจะเริ่มคุกรุ่น
“อย่ามาปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองเลย ยอมรับมาซะเถอะ"
"ผมไม่ได้ชอบเด็ก ผมชอบผู้ใหญ่" กัณต์จับแขนชาลีแล้วดึงเข้ามาหา
“ปล่อยนะ"
“หยุดสั่งผมได้แล้ว"
“ปล่อย"
“ไม่"
“ก็ได้" ชาลียืนนิ่ง ส่งสายตาท้าทาย "งั้นก็ดึงผมเข้าไปกอดจูบเลยสิ หน้าบ้านแบบนี้ล่ะ ให้คนผ่่านไปมาเขาเห็นกันไปเลย คุณเป็นคนชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่ใช่หรือ คุณมาเพราะอยากทำอะไรแบบนี้ใช่หรือเปล่า" ชาลีหยุดไปชั่วครู่ แล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงหยันว่า "คุณติดใจ"
“ชาลี"
“แต่ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ" ชาลียิ้มเยาะ ยักไหล จ้องตากัณต์นิ่ง "จะจูบผมหน้าบ้านแบบนี้ผมก็ไม่แคร์ ให้มันรู้ไปว่า พันตำรวจตรีกัณต์ มีรสนิยมแปลกๆ ชอบทำอะไรกลางแจ้ง ถึงกับต้องมายื้อหยุดฉุดแขนผมเอาไว้ไม่ให้เข้าบ้านแบบนี้"
“งั้นเชิญครับ" กัณต์ถอนหายใจหนักๆ ปล่อยมือชาลีให้เดินเข้าบ้าน แต่ตัวเองแอบเดินตามไปติดๆ รอจังหวะที่ชาลีเปิดประตูรั้ว จึงแทรกตัวเข้าไป
“เข้ามาทำไม" ชาลีเสียงห้วน
“ผมไม่ใช่พวกชอบโชว์...หน้าบ้าน" กัณต์กระซิบเสียงทุ้มต่ำ ดันชาลีให้ถอยไปติดกำแพงแล้วเบียดตัวเข้าไปชิด ตรึงร่างของชาลีเอาไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างรวดเร็วไม่ให้ชาลีได้มีโอกาสขัดขืน
“อย่า"
กัณต์หายใจหนักหน่วง แขนแข็งแรงรัดตัวของชาลีแน่นขึ้น ขยับตัวบดเบียดร่างกายอุ่นๆ ของชายหนุ่มราวจะถ่ายเทความรู้สึกทั้งหมดให้ ปากประกบปากของชาลีซึ่งพยายามส่ายหน้าหนี แต่นายตำรวจหนุ่มก็ไม่ละความพยายาม จึงยกมือขวาขึ้นจับที่ใต้คางของอีกฝ่าย แล้วลุกล้ำมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการสอดลิ้นเข้าไป ชาลีดิ้นขลุกขลัก พยายามใช้มือผลักแผ่นอกกว้างของกัณต์ แต่มือสองข้างกลับรู้สึกหมดแรง ครั้นจะเกาะรั้งเสื้อของกัณต์เอาไว้ก็ทำไม่ได้เพราะกัณต์สวมเครื่องแบบสีกากีรัดรูป ชาลีจึงได้แต่ลูบไล้สะเปะสะปะไปเรื่อย ประหนึ่งหาที่ยึด ไม่ให้มือห้อยตกลงข้างตัว
แขนซ้ายของกัณต์ยังรัดตัวของชาลีเอาไว้แน่น แต่มือขวาที่ตรึงใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้ลดลงเพราะ 'คุณหมอจอมพยศ' หยุดเบี่ยงหน้าหนีแล้ว
ชาลีกำลังตัวอ่อนปวกเปียก กัณต์จึงใช้แขนขวาโอบรัดตรึงเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม
แต่ทว่า เข่าของเขาก็กำลังรู้สึกอ่อนแรงเหมือนกัน ร่างสั่นสะท้านผสมแกร่งเกร็ง ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้
...เสียดาย หากยืนอยู่ข้างเตียง เขาจะดึงตัวชาลีให้ล้มลงด้วยกัน...
“ปล่อย" ชาลีเสียงสั่น
“ไม่" กัณต์ปฏิเสธเสียงแผ่ว



***22*** :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 20-03-2010 17:38:13
จิ้มๆ ๆ

---------

จะ NC แล้ว มาต่อเลย ย ย
แหม ติดใจนี่เองง ง ง
5555555555555555

 :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 20-03-2010 17:41:09
ชอบเพลงค้างนะ แต่ไม่ชอบให้ลงค้างๆ :serius2:

ตอนต่อไปมาเร็วๆ เลยคุณนายยยย.......... :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 20-03-2010 17:41:21
เจอมุกเพลงค้างๆๆๆ กับ อายุของคนแต่ง
คนอ่านล่ะ :m20: :laugh: :jul3: o18 ฮาโคตรๆ
เด๋ซมาแก้นะคะไปอ่านก่อน

*********************
เหตนี้นี่เองถึงได้ร้องเพลงช้าง เวอร์ชั่น ผะจายเบญจเพส  :m20: :laugh: น่า :beat: ค้างๆๆๆ

ไม่ทำหน้าบ้านก็ได้ทำหลังประตูรั้ว กีซซซซซซซซซซโรม๊านที่สุดเยาวชนชูชกของคนอ่าน
หนูไปเล่นซุกซนที่ไหนลูก ไปไกลๆนะคะอย่ามาแอบดูเป็นประสบการณ์ูคุนตำรวจกำลังจะปราบคุณหมอจอมพยศ
ครึๆ ต่อปากต่อคำกันไม่ยอมลดละ เถียงไปเถียงมาเหมือนจะหึงนะคะนั่นคุณหมอชาลีขาอิอิ
“อ๋อ เกินรอบไม่สน สนแต่ห่่างกันรอบเดียวเป๊ะ" ชาลีเหยียดปาก
>>วาจาน่าปล้ำ  :oo1:
“สารวัตรกัณต์" ชาลีอึดอัด
“คุณหมอชาลี" กัณต์ทอดเสียงอย่างอ่อนโยน
“คุณ ไปซะเถอะ"
“อย่าไล่กันแบบนี้สิครับ หรือคุณไม่อยากเจอผม
"
>>เถียงกันเก่งแบบนี้ลูกดกนัก ฮิ้วววววววววววววให้ไวเคอะ

นี่ถ้าไม่เกี่ยวกับการแก้แค้นอะไรอ่ะนะ ป่านนี้นุ้งนาวินมีหลายวิ่งเตาะแตะแล้วมั้ง
ส่วนหมอเอก.............น่ารักเกิ๊นคนนี้
ปล.ฉากต่อไปตัดฉากอีกชิมิเคอะ  :a14: :a14: เมคเลิฟฉบับวอลดิสนีย์
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 20-03-2010 17:58:42
มันก็ยังค้างอยู่นั่นเเหละ เเต่มีเรื่องสงสัยอยู่อย่างนึง

ว่า"หกทุ่ม"นี่มันมีด้วยเหรอเนี่ย ปกติมันมีเเต่ห้าทุ่ม

เเล้วก็เที่ยงคืนเลยไม่ใช่เหรอครับ เเล้วรีบมาต่อเร็วๆ

นะครับ   :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 20-03-2010 17:59:24
สารวัตกันต์ หากคิดว่าตัวเองรักหมอชาลีจิง ผมเชื่อว่าพี่น่าที่เปลื่ยนทุกอย่างได้นะคับ

พี่ค้องคอยคุมไม่ให้หมอทำไรล้ำเขตเกินไป ขณะเดียวก็กันก็ไม่ห้ามเสียทีเดียว

แล้วปล้่อยหั้ยเรื่องเควินเป็นอดีตไปซะ แต่นายต้องเลิกเจ้าชู้ไปตลอด จะทำได้ไหมหว่า

เง้อ เจ้าเดกนาวินก็นะ โตๆ ได้แล้ว แบบนี้จะอยู่ด้วยตัวเองได้ไหมนี่

ดูท่าหากไม่สอนหั้ยโตทางความคิด คงไม่รอดมือมารแน่

เจ้าเดกนี่ไม่สมควรมาเจอเรื่องอย่างนี้ เพราะสิ่งที่ผ่านมาก็เลวร้ายเกินทนอยู่แล้ว

ไรเตอร์ ห้ามจัยร้ายกะน้องนาวินนะคับ ไม่งั้น มีปาดคอถึงบ้าน เอิ้กๆๆ โหดไปป่าวเนี่ย

เอาเปนว่ารอตอยต่อไปแล้วกันนะครับ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 20-03-2010 19:03:48

อิ อิ .. อุ อุ .. อ่ะ อ่ะ  :-[ :o8:

เอ็กซ์แอบน่ากลัว!!

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 20-03-2010 20:06:04
พี่คทาวุธนี่ท่าจะอายุ 25 ผ่านมาหลายปีดีดักแล้วมากกว่านะค่ะ  :m20: ชิมิ ชิมิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 20-03-2010 20:22:16
สารวัตรกัณต์รุกสุดตัวแล้ว ทีนี้มาูซิว่าชาลีจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 20-03-2010 20:26:46
"ชาลีเลิกเรียนตอนบ่ายสาม จะให้รอนายจนหกทุ่มหรือไง น้องต้องไปยิม ต้องกินข้าว แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะ"
พี่นายพิมพ์ผิด ที่จริงเป็นนาวินอะป่าวคับ?

หมั่นเขี้ยวหมอชาลีแทนสารวัตรกัณฑ์จริงๆ

คราวหน้าจูบโชว์ที่สาธารณะไปเลยคับ ดูว่าหมอจะเป็นไงบ้าง  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 20-03-2010 21:15:17
ขออย่างเดียว..

































อย่าตัดฉาก เหมือนตอนในรถนะค่ะ อย่าซูมไปที่หน้าต่างหรือดวงจันทร์เลยนะค่ะ :dont2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-03-2010 21:53:17
เข้าใจคำว่าค้างจริงๆ ก็วันนี้แหละ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 20-03-2010 22:18:29
ตอนที่แล้วก็ตัด ตอนนี้ก็ค้าง :serius2:
แล้ว 25 นี่อายุแน่เหรอ :m28:
ต้องบวกเพิ่มอีกเท่าไหร่ ถึงจะเท่าอายุจริง :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 20-03-2010 22:28:03
 :z3: แล้วก็หลอน...อยากอ่านตอนต่อไป อ๊ากส์ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 20-03-2010 22:34:49
 :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 20-03-2010 22:50:44

 :z3:

 :z3:

 :z3:
ต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 20-03-2010 23:01:06
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-03-2010 23:20:47
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 20-03-2010 23:44:50
คนแต่งใจร้าย  แกล้งให้คนอ่าน ค้างได้อีก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 20-03-2010 23:54:09
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: ........... :serius2: :serius2:

 ทำไมชอบค้างกันนักนะ   :serius2: :serius2: :serius2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2010 00:55:58
 :-[




อร๊าย ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 21-03-2010 01:02:58
แบ็บ   ว. อาการที่นอนอยู่กับที่ ลุกไม่ไหว ในลักษณะที่หมดกําลัง
   หรือเจ็บป่วย มีอาการเพียบเป็นต้น ในคําว่า นอนแบ็บ.
ส่วนนอนแบะเนี่ย.. :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: ï_Kiss_U♥ ที่ 21-03-2010 01:24:41
พี่นายโดนรุมเรื่องอายุ น่าสงสาร  :beat:   5555
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 21-03-2010 07:16:41
เย้ :m11:กดบวกได้แล้วให้พี่นายเป็นคนแรกเลยคริคริ
โห้ยตัดจบตอนสำคัญอีกแระ
น้องนาวินน่าร๊ากกกกกกกกกกกก
ไอ้หนูชูชกน่ารักที่สุดเลย5555+
สงสัยน้องจะมีหลุมดำในกระเพาะกินเท่าไหร่ไม่เคยอิ่ม
อิเพ่เอ็กซ์จะมาไม้ไหนเนี้ยสงสัยจิงๆ
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊าค่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: c_cotton ที่ 21-03-2010 10:44:00
พี่คะ
ค้างค่ะค้าง
คราวนี้ขอ NC-18 เป็นอย่างต่ำนะคะ
หนูไม่ไหวจะทนกะ NC อนุบาลที่ผ่านมา

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: aojroonra ที่ 21-03-2010 12:11:23
 o18 o18 o18 กำลังเคลิ้มเลย

ขออีก ขออีก  :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 21-03-2010 13:13:04
แง่ง ๆ

แค่เนี้ยยยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 21-03-2010 16:40:46
ตายละ
 :o8:
อยากจะกรีีสเป็นภาษาอินเดียยยย
><"
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 21-03-2010 17:53:29
จูบกันดูดดื่มเชียวคับ

ฉากต่อไป NC เลยใช่เปล่า

รอลุ้นตอนต่อไปคับ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 21-03-2010 21:36:27
จูบอีกแว้วววววว
เดี๋ยวได้มีการ...หึหึ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 21-03-2010 23:04:43
อ่านตอนนี้แล้วเขิลลลลลลล  :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 21-03-2010 23:06:53
ใช่เลย ค้างมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว ยันตอนนี้
 ตอนที่ยี่สิบห้าตอนจบนี่ หวังว่าคงไม่ใช่ จบภาคหนึ่งนะคะ
เพราะ ยังมี อีกสองคนที่ชาลีต้องแก้แค้นอยู่อีก

 :เฮ้อ:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว กลัวใจ ชาลี จริง ๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 22-03-2010 07:49:36
ค้าง ค้าง ค้าง
พวกเราเคยค้างหรือเปล่า
ค้าง มันทรมานไม่เบา
อยากทำยาวๆ ไม่ได้ทำ
มีเรื่องจำเป็น ต้องหยุดไว้
ไม่รู้ จะทำ ยังไง
:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเธอจูบฉัน ทำไมฉันสั่นไปถึงตับไต" (20
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 22-03-2010 13:40:10
ขอโทษทีที่ต้องแพนกล้องออกไปจับภาพแจกันดอกไม้ที่โต็ะข้างหัวเตียง
ก็เพราะผมเขียนอะไรโป๊ๆ ไม่เป็นนี่คร้าบบบ (คนมันไม่เคยอ่ะ)

ต่อบทที่ 23  กันนะครับ

เพลิงรัก บทที่ 23

ชาลีไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอึดอัดมากถึงขนาดนี้เมื่อมาเที่ยวระยองสองต่อสองกับเจตรินทั้งที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อเล่นละครแสดงตัวว่าเป็นแฟนกัน เขาสังเกตว่าเจตรินค่อนข้างซึมทั้งที่ควรจะมีความสุขสดชื่น ใจหนึ่งชาลีสงสัยว่าคงเป็นเพราะผิดหวังเขาปฏิเสธที่จะนอนพักห้องเดียวกัน แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงเพราะเจตรินพยักหน้าง่ายๆ เมื่อเขาขอแยกพักคนละห้องโดยให้เหตุผลว่า 'ยังเร็วเกินไป'
อากาศตอนบ่ายร้อนมาก ชาลีอยากว่ายน้ำแต่เจตรินบอกว่าง่วงนอนและขออยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ชาลีจึงมาลอยคลออยู่ในสระว่ายน้ำของโรงแรม เขาอดคิดไม่ได้ว่าเจตรินดูเคร่งขรึมมากจนเกินไป เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อย่างหนัก
เขาไม่อยากจะเชื่อ เจตรินคนนี้ช่างดูแตกต่างไปจากเจตรินคนที่เขาเคยรู้จัก เจตรินคนนี้ดูไร้พิษสง ไม่น่าจะเป็นคนที่สามารถ 'ทำร้าย' ใครได้เลย เขาเสียอีก ทำตัวเป็น 'มารร้าย' จนตัวเองก็อดกลัวตัวเองไม่ได้
ชาลีขึ้นมาจากสระ เดินไปสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วกลับมานอนเล่นอยู่ใต้ร่มไม้ริมสระ ไม่ถึงห้านาทีบริกรก็นำเครื่องดื่มมาให้ แต่เมื่อยื่นมือไปรับแก้วพันช์สีสดใสเขาก็แทบจะปล่อยให้หลุดมือเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งว่ายน้ำเข้ามาเกาะขอบสระตรงหน้า
...ไวโรจน์!...
“น้องๆ ขอเบียร์พี่แก้วนึง" ไวโรจน์พูดกับบริกรที่เพิ่งยืนแก้วเครื่องดื่มให้ชาลี "พี่อยู่ฝั่งโน้นนะ"
ชาลีปรับสีหน้าทันที เมื่อสังเกตเห็นว่าไวโรจน์มองมาที่เขาด้วยสายตาพราวระยับทั้งที่พูดกับบริกร
...ไวโรจน์จำเขาไม่ได้...
...แน่ล่ะ ชาลีวันนี้แตกต่างจากอดิศวงศ์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโดยสิ้นเชิง ขนาดเจตรินก็ยังจำไม่ได้ นับประสาอะไรกับไวโรจน์...
ชาลีอมยิ้ม แล้วเมินหน้าออกไปมองด้านข้าง ยกแก้วพันช์ขึ้นดื่ม แล้วพลิกตัวนอนคว่ำ จงใจอวดร่างกายให้ไวโรจน์ได้มองอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าไวโรจน์ไม่มีทางละสายตาจากด้านหลังของเขาได้
...แต่ทว่า เขากลับคิดถึงกัณต์ทันทีทันใด กัณต์จะว่ายังไงถ้ารู้ว่าเขามา 'เห็น' ศัตรูคนที่สองซึ่งรอคิวถูกแก้แค้นในเวลาเดียวกันกับที่เขากำลัง 'จัดการ' กับศัตรูคนแรก...
...กัณต์ไม่อยากให้เขาแก้แค้น เหมือนกับที่เอกภพไม่ต้องการให้เขาแก้แค้น...
...นาวินล่ะ นาวินอยากให้เขาแก้แค้นหรือเปล่าหากนาวินรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หรือ ถ้าหากนาวินรู้ว่าเขาอาจจะแก้แค้นคนที่ทำให้พี่ชายของตัวเองฆ่าตัวตาย ถ้า...ถ้าเขารู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร...
...แก้แค้นอีกยังงั้นหรือ...
“เบาะตรงนี้ว่างใช่ไหมครับ" เสียงของไวโรจน์ดังขึ้น
...เดาไม่ผิด ไวโรจน์ก็คือไวโรจน์ แค่เอาอมยิ้มให้ ไม่กี่นาที ไวโรจน์ก็ 'มา'...
“ไม่ว่างครับ" ชาลีเอียงหน้าไปพูดกับอีกฝ่าย "เดี๋ยวแฟนผมก็มา"
“ว้า น่าเสียดาย" ไวโรจน์ทำหน้าผิดหวัง แต่นัยน์ตายังวิบวับ "ผมกำลังหาเบาะที่มันอยู่ใต้ร่มไม้ เล่นน้ำนาน ชักร้อน"
“ตรงโน้นก็ว่าง" ชาลีชี้ไปอีกทาง
“ตรงโน้นฝรั่งนอนเยอะ ผมไม่อยากเข้าใกล้ ผมชอบคนไทย"
“งั้นก็เชิญตามสบาย พอแฟนผมมาคุณก็ค่อยไป" ชาลียักไหล่ แล้วพลิกตัวมานอนหงาย "คุณชื่ออะไรครับ"
“ไวโรจน์ครับ" ไวโรจน์ตอบแล้วนั่งลงข้างๆ ยื่นมือมาจับทักทายแบบฝรั่ง
“นายแพทย์ชาลี" ชาลียื่นมือให้ "หมอรักษามะเร็งครับ โรงพยาบาล...”
“ชักอยากเป็นมะเร็ง" ไวโรจน์หัวเราะ "แล้วทำไมแฟนคุณปล่อยให้ให้มานอนเหงาอยู่ริมสระคนเดียวครับ"
“ใครว่าผมเหงา" ชาลียักไหล่ "ตอนนี้ยิ่งไม่เหงา มีเพื่อนคุยแล้วนี่ครับ"
“พักห้องไหนครับ" ไวโรจน์ถาม ตาเป็นประกาย
“วิลล่า Dครับ ริมหาด ด้านที่ใกล้กับสปา" ชาลีบอกที่พักของเจตริน
“ผมพักห้อง 202 จองช้าไปหน่อย วิลล่าไม่ว่างซักหลัง" ไวโรจน์ส่ายหน้า "แล้วนี่พักกี่คืนครับ"
“ถามทำไมหรือครับ" ชาลีเลิกคิ้ว
“ผมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อน อยากจะรู้ว่า วันพรุ่งนี้ ผมจะมีเพื่อนคุยหรือเปล่า"
“ผมก็ไม่มีเพื่อน"
“แต่คุณมีแฟน"
“แฟนไม่เหมือนเพื่อน" ชาลียักไหล่ ยิ้มมุมปากบางๆ มองตาของไวโรจน์แวบหนึ่งแล้วก้มหลงหยิบแก้วพันช์ขึ้นมาดื่มช้าๆ จงใจเปิดทางให้ไวโรจน์เต็มที่
เขาได้ยินเสียงไวโรจน์หัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างชอบใจ
...แค่นี้ไวโจน์ก็ติดเบ็ด...
...คราวนี้ล่ะ เขาจะเกี่ยวเหงือกให้หลุดติดเบ็ดเลยคอยดูสิ...

ชาลีนั่งถอนหายใจอยู่ที่ริมทะเล รู้สึกแปลกใจที่พอทานอาหารเย็นเสร็จเจตรินเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง เจตรินบอกว่าปวดศีรษะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่ชาลีไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าเจตรินมีเรื่องกังวลใจอะไรบางอย่าง
เขาอยากแสดงบทคนรักที่เข้าไปปลอบโยนเพื่อมัดใจเจตรินให้แนบแน่นมากขึ้นยิ่ง แต่อะไรบางอย่างบอกให้เขาปลีกตัวออกมา
และแทนที่เขาน่่าจะคิดหาวิธีแก้แค้นเจตรินให้เจ็บแสบ หรือไม่ก็เดินหาไวโรจน์เพื่อนหลอกล่อเอาไว้เป็นเหยื่อรายต่อไปหลังจากจัดการกับเจตรินเสร็จแล้ว แต่เขากลับมานั่งอยู่คนเดียวริมทะเลและ...
คิดถึงกัณต์อีกแล้ว!
คืนนั้น กัณต์กับเขาได้พากัน 'ไปไกล' อีกขั้น
คืนนั้น เขายอมให้กัณต์เข้ามาในบ้าน
คืนนั้น เขากับกัณต์มี 'มีความสัมพันธ์' กันลึกซึ้งมากกว่าตอนที่ติดฝนอยู่ในรถด้วยกันที่สุพรรณบุรี
...ผมขอร้องนะชาลี ลืมเรื่องนั้นซะเถอะ ผมขอร้อง...
...ยุทธนากำลังคอยอยู่นะชาลี เราขอร้อง...
...ผมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อน อยากจะรู้ว่า วันพรุ่งนี้ ผมจะมีเพื่อนคุยหรือเปล่า...
...เขาควรจะแก้แค้นไวโรจน์เป็นรายต่อไปดีหรือไม่ ตัวเป็นๆ ของไวโรจน์มาหาถึงที่แล้ว บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ หรือจะพิจารณายุทธนาอย่างที่เอกภพขอร้อง...
...หรือจะ 'ล้มช้าง' อย่างกัณต์เหมือนที่เขาเคยคิดเอาไว้ว่า น่าจะหา 'คู่ต่อสู้' ที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย เพราะคนที่ผ่านๆ มานั้นบอกรักเขาง่ายเกินไป เวลาทิ้ง เขารู้สึกสะใจไม่ถึงที่สุด...
...เขาอยากเจออะไรที่ท้าทาย เหมือนแข่งกีฬาโอลิมปิกส์ กัณต์ดูจะเป็นคนที่ 'รัก' คนยาก...
...หรืออาจจะไม่เคย 'รัก' มาก่อนเลย...
...หรือไม่มีวันจะ 'รัก'...
ความจริงข้อนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บลึกๆ
...แต่รอยจูบและรอยสัมผัสของกัณต์ยังทำให้เขารู้สึกหวิวๆ อยู่ไม่สร่าง...
...เขารู้สึกกับกัณต์ยังไงกันแน่...
...ผมขอร้อง เลิกคิดจะแก้แค้นซะเถอะชาลี ผมรออยู่...
...กัณต์รอ แต่กัณต์ไม่ได้รัก...
...เขาอยากจะมีมนต์วิเศษ เสกให้กัณต์ออกไปจากความคิดของเขา...

“คิดอะไรอยู่ครับ"
ชาลีสะดุ้ง เสียงของเจตรินดังขึ้นข้างๆ พอหันไป เจตรินกำลังทอดสายตามองมาอย่างอ่อนโยน ดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“นอนเต็มอิ่มไหมครับ" ชาลีถาม
“เต็มที่ครับ" เจตรินพยักหน้า "ผมขอโทษ มาเที่ยวด้วยกันทั้งที ผมกลับปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว"
“ไม่สบายหรือเปล่า" ชาลีถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย "อย่าลืมนะว่าผมเป็นหมอ ถ้าไม่สบาย ผมจะได้จ่ายยาให้"
“ผมสบายดี แค่รู้สึกปวดหัวตุบๆ นิดหน่อย สงสัยเพราะอากาศร้อน หลายวันมานี่ผมไม่ค่อยได้นอน พอทานยาเข้าไปเลยรู้สึกง่วงสุดๆ"
“ยาอะไร"
“เอ่อ...” เจตรินอึกอัก "ก็ยาคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้นอนหลับสบาย"
“โปรแซ็คหรือเปล่า" ชาลีแกล้งถาม
“เปล่าครับเปล่า" เจตรินรีบปฏิเสธ "ไม่ถึงขนาดนั้น แค่ซาแนกซ์เม็ดเดียว"
“ถ้าจะเอาโปรแซ็คผมมีนะ จ่ายยาฟรี ไม่มีชาร์ทค่าบริการทางการแพทย์นอกสถานที่" ชาลีหัวเราะเบาๆ
“พอได้นอนเยอะๆ ผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้น" เจตรินยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ แล้วพูดว่า "นี่ไม่รู้ว่าคืนนี้จะหลับได้หรือเปล่า นอนมาเกือบทั้งวัน"
“ทานยาเข้าไปอีกซักเม็ด เดี๋ยวก็หลับเอง" ชาลียิ้ม
“ผมไม่อยากหลับเพราะยา ผมอยากหลับเอง" เจตรินตอบ "ถ้าสบายใจ ผมก็หลับ อยู่ใกล้คุณแล้วผมสบายใจ นอนได้นอนดี เพราะฉะนั้นคืนนี้...”
“คืนนี้จะให้ผมกล่อมนอนงั้นหรือครับ" ชาลีหัวเราะ ยกมือขึ้นผลักไหล่ของเจตริน "นี่เป็นข้ออ้างจะหาเพืี่อนไปนอนด้วยสิท่า ผมรู้ทันหรอก ข้ออ้างแบบนี้มีแต่คนเจ้าชู้เขาใช้กัน"
“ชาลีครับ" เจตรินเอื้อมมือไปจับมือของชาลีแล้วบีบเบาๆ "ขอบคุณที่มาเที่ยวกับผม"
“ผมต่่างหากต้องขอบคุณที่คุณชวนมาเที่ยวพักผ่อน นานๆ จะได้มาพักผ่อนริมทะเลซะที"
“แต่ต้นเดือนที่แล้วก็เพิ่งไปพัทยา...” เจตรินชะงัก ทำท่าเหมือนตัดสินใจจะพูดต่อหรือไม่พูด
“นี่จะสองเดือนแล้วนะที่เรารู้จักกัน" ชาลีพูด "ตั้งแต่รู้จักกับคุณ ผมกับเขาก็ห่างๆ กัน จริงๆ เราห่างกันมานานแล้วล่ะ ไปไหนด้วยกันทีไรมีแต่ทะเลาะ นี่ผมก็หยุดเจอกับเขาแล้ว"
“ทำไมล่ะครับ"
“ผมทนอารมณ์เขาไม่ได้ เวลาโกรธ เขาร้ายมาก ทำท่าจะลงไม้ลงมือกับผม ไม่น่าเชื่อ แต่ก่อนเขาอ่อนโยน โรแมนติก ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนั้นได้"
“ดีแล้วล่ะที่เลิกคบกับผู้ชายแบบนั้น" เจตรินพูด "นี่ไม่ใช่ว่าผมซ้ำเติมหรือเห็นแก่ตัวนะครับ แต่ผมว่าคนอย่างคุณ ไม่น่าจะต้องเจออะไรแบบนั้น"
“ใช่ครับ ผมไม่ควรเจออะไรแบบนั้น" ชาลีพยักหน้า อดนึกถึงอดีตไม่ได้
...เขามอบหัวใจทั้งดวงให้เจตริน เขาไม่ควรเจออะไรแบบนั้น...
“ชาลี คุณดีกับผมมาก ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงรู้สึกหมดหวังกับโชคชะตาของตัวเอง"
“โชคชะตาอะไรครับ" ชาลีขมวดคิ้วสงสัย
“ผมเจออะไรมาหนักเหมือนกัน" เจตรินเสียงเศร้า "มันทำให้ผมรู้สึกท้อ บางทีผมอยากจะหายไปจากโลกนี้เสียเลยด้วยซ้ำ โลกนี้โหดร้ายมาก โลกนี้ไม่ยุติธรรม โลกนี้ไม่มีเหตุผล"
“โลกไม่ได้โหดร้ายหรอกครับ คนต่างหากที่โหดร้าย" ชาลีตอบ ในใจตะโกนว่า...คุณต่างหากที่โหดร้าย ทำกับอดิศวงศ์คนที่รักคุณและคนที่คุณบอกว่ารักถึงขนาดนั้นยังมีหน้ามาคร่ำครวญอะไรแบบนี้...
“เขาคงร้ายกับคุณมาก" เจตรินพึมพำ
“ใช่" ชาลีพยักหน้า มองตาเจตรินอย่างค้นหา
...เจตรินแสดงท่าทางแปลกๆ ราวไม่ใช่เจตรินคนเดิม...
...แต่เขาก็อยากจะเชื่อว่านี่คือเจตรินคนที่เคยทำร้ายเขาให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส...
...แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คอเจตริน...
...โอย ทำไมสับสนแบบนี้...
“โชคดีที่ผมรอดมาได้ ตอนนี้ผมเข้มแข็ง พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง"
“ก้าวไปด้วยกันนะครับ" เจตรินอ้อนเสียงนุ่ม
“ก้าวไปไหน" ชาลีทำเป็นไม่เข้าใจ
“ชาลีครับ จะเร็วไปไหมถ้าผมจะบอกว่า...” เจตรินนิ่งไปชั่วครู่
“เคยได้ยินใช่ไหมครับว่า เวลาและวารีไม่เคยรอเรา แต่ผมก็อยากให้เรามั่นใจจริงๆ เพราะฉะนั้น รออีกซักนิดเถอะนะครับ เวลาและวารีคงไม่ใจร้อนจนรอเราไม่ได้"
“ครับ" เจตรินพยักหน้าอย่างว่าง่าย "แต่ผมไม่อยากรอนอน เวลาผมมีไม่มาก"
...เวลาผมก็มีไม่มากเหมือนกัน ผมต้องให้มันจบๆ ไป อีกไม่ถึงเดือนหรอกเจตริน...
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ คุณยังมีเวลาเสมอ ผมจะสร้างเวลาให้คุณเอง" ชาลีพูดเสียงอ่อนโยนแล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของเจตริน "เฮ้อ แต่ตอนนี้ต้องทำเวลา เพราะว่านอนดึกเดี๋ยวมีรอยเหี่ยวย่น พรุ่งนี้เช้า ผมกะว่าจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น
...อยากดูก็ดูไปคนเดียว อย่ามาปลุกเด็ดขาดนะ ไม่งั้นโดน...
เสียงของเจตรินในอดีตดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยปลุกเจตรินให้ลุกมาดูพระอาทิตย์ยามเช้าด้วยกัน เจตรินถึงกับตบหน้าเขา บอกกว่ารบกวนเวลานอน เช้าวันนั้น เขานั่งร้องให้อยู่ในห้องน้ำนานหลายสิบนาที เช้าวันนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความโหดร้ายของเจตรินแบบไม่มีเหตุผล
“ผมจะตื่นขึ้นมาดูเป็นเพื่อน" เจตรินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "ผมอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ"
"ราตรีสวัสดิ์ครับ" ชาลีอมยิ้มแล้วผละจากเจตรินเพื่อเดินกลับห้องพัก
...เจตรินในแบบอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนตอนแรกๆ ที่รู้จักกัน ส่วนเจตรินในแบบโหดร้ายอีกไม่นานก็คงเผยออกมาก เขาเชื่อเช่นนั้น...
...แต่ยิ่งเห็น ยิ่งสัมผัส ยิ่งเจ็บปวด หากเจตรินเป็นแบบนี้ได้ตลอดเวลาและตลอดไป...
...หาก...
...หาก...
...ไม่...ไม่มีทาง ต้องไม่มีเงื่อนไขต่อไปอีกแล้ว หากนานไปมากกว่านี้ ก็จะยิ่งยุ่งยากใจ...

ชาลีแปลกใจอีกครั้งที่เจตรินไม่เซ้าซี้อยู่กับเขาต่อทั้งที่ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มเดินตามมาส่งเขาที่ห้องพักและแยกตัวกลับไปยังห้องพักของตัวเอง ไม่นานก็ปิดไฟ
เขาทรุดตัวลงนั่งบนเปลซึ่งแขวนอยู่ด้านหน้าเรือนพัก ถอนหายใจเบาๆ ตามองไปยังเรือนพักของเจตรินซึ่งอยู่ห่างไปประมาณห้าสิบเมตร ในใจครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ใจหนึ่งอยากจะใช้เวลาอยู่กับเจตริน ทำอะไรที่โรแมนติก ทำให้เจตริน 'หลง' เขามากขึ้น แต่ทว่า เขากลับรู้สึกเนือยๆ ไม่เข้าใจว่าทำไอยากจะตีตัวออกห่างและอยู่คนเดียว ยิ่งท่าทางของเจตรินดูซึมๆ ยิ่งช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายเข้า
...สับสน เขาสับสนไปหมดแล้ว...
...นี่ต้องโทษเอกภพคนเดียวเท่านั้นที่มาพร่ำพูดเกี่ยวกับเรื่องให้เลิกแก้แค้นและหาคนรักจริงจัง...
...หรือต้องโทษกัณต์ที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา...
...ยุทธนาดูเป็นคนดีและอบอุ่นก็จริง แต่เขาไม่ได้ชอบยุทธนา...
...เขาชอบ?...
...บ้าจริงๆ ทำไมต้องเป็นแบบน้ ทำไม ทำไม ทำไม...

แต่ทันใด นายแพทย์ชาลีก็ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“นั่งคนเดียวอยู่หน้าบังกาโลดึกๆ ไม่กล้วยุงหามหรือครับคุณหมอ ระวังเป็นโรคไข้เลือดออกนะครับ"
ชาลีหันขวับไปมองเจ้าของเสียงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กัณต์ยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เอนตัวพิงกับเสาของชายคาด้านหน้าของเรือนพัก นายตำรวจร่างสูงใหญ่สวมเสื้อยืดสีขาวบางๆ และกางเกงยีนส์สีซีด ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น
“ใครว่าบังกาโล ที่นี่รีสอร์ทหรูหราห้าดาว เขาไม่เรียกว่าบังกาโลกหรอก" ชาลีอดกวนไม่ได้
เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงอยากจะตอบโต้กัณต์แบบนี้ทุกครั้งที่คุยกัน
“ถ้าไม่เรียกบังกาโล คงต้องเรียกว่าวิมานละมั๊งครับ" กัณต์เลิกคิ้วข้างเดียว ทำหน้ายียวน "ใช่หรือเปล่า แต่แปลกนะ วิมานน่าจะมีหลังเดียว แต่นี่มีสองหลัง"
“คุณคิดว่าผมจะนอนวิมานหลังเดียวกันกับเจตรินงั้นสิ หรือคุณจะถามว่า ทำไมผมไม่นอนห้องเดียวกันกับเจตริน  จะพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลยดีกว่าหมวด ไม่ต้องมาอ้อมค้อม"
“ผมไม่กล้าคิด ไม่กล้าถามหรอกครับ" กัณต์ยักไหล่
“คุณมาได้ยังไง" ชาลีถามเสียงห้วน
“ผมตามสะกดรอยใครบางคนมา" กัณต์เดินเข้ามานั่งบนพื้นข้างๆ เปลของชาลี "แต่แปลก ผมกลับมาถึงก่อน"
“ใคร"
“แล้วคุณหลอกให้ใครมาหาคุณอีกถึงที่นี่" กัณต์เสียงเข้ม หน้าตึงเมื่อนึกถึงสิ่งที่ชาลีทำ ถ้าไม่ชวนนาวินไปยิงปืนหลังเลิกเรียนวันนี้เขาก็คงไม่รู้ว่าชาลีมาระยองและ 'พี่เอ็กซ์' ก็มาระยองเหมือนกัน ตอนนี้นาวินกลายเป็น 'ลูกน้อง'  เขาไปแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่ชาย นาวินไม่เคยปิดบังเขา
...
“ยิงปืนเก่งแล้ว ต่อไปพี่จะพาไปหัดขี่ม้า" กัณต์เอากิจกรรมโลดโผนมาล่อนาวิน
“โอ้โห เยี่ยมไปเลยครับ" นาวินตื่นเต้น "พอขี่ม้าเป็นแล้ว ต่อไปหัดขับรถได้ไหมครับ"
“ได้สิ" กัณต์พยักหน้า "แต่นาวินห้ามบอกพี่หมอเด็ดขาด"
“ครับๆ" นาวินพยักหน้า
“ยิงปืนเสร็จแล้วอยากไปทำอะไรอีก บอกมาเลย วันนี้มีว่าง" กัณต์เสนอ
“ต้องกลับบ้านครับ พี่หมอไม่อยู่บ้าน ไประยอง ผมต้องกลับบ้านเอง พี่เอ็กซ์ก็ไปส่งไม่ได้"
“พี่เอ็กซ์?” กัณต์ทำเสียงสงสัย แล้วถามว่าทำไมพี่เอ็กซ์จะต้องไปส่งนาวินที่บ้าน จากนั้น เขาก็เร่ิม 'สืบสวนสอบสวน' นาวินจนได้ข้อมูลทุกอย่าง
...
กัณต์ยอมรับว่าเขา 'หลอกล่อ' นาวินให้มาเป็นพวก ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก นาวินชอบทำอะไรทุกอย่างที่ชาลีห้มม และเขาก็ 'ให้' ทุกอย่างที่นาวินต้องการ
...จะหาว่าตามใจก็ยอม แต่เพื่อให้ได้สิ่งที่เขา 'ต้องการ' เขาก็ต้องทำแบบนี้...
...เขา 'ต้องการ' ชาลี!...
...เขา 'ติดใจ'...
...เขา 'แพ้' ชาลีเสียแล้ว...

“แล้วผมจะทำยังไงละทีนี้ ผู้ชายสามคน อยู่ๆ ก็มาเผชิญหน้ากัน" ชาลีถอนหายใจ แกล้งทำหน้าหนักใจประชดกันต์
...โชคดี่ทีไวโรจน์เจอกับเขาที่สระว่ายน้ำในตอนบ่ายแล้วก็หายหน้าไปเลย ไม่งั้นได้สนุกกว่านี้แน่...
“ยังครับ" กัณต์ลุกขึ้นมาอยู่ข้างเปล แล้วใช้มือไกวเปลเบาๆ "แค่สอง เอ็กซ์ยังมาไม่ถึงหรอก"
“คุณทำอะไรเขา" ชาลีกระชากเสียง ปัดมือของกัณต์ออกจากเปล แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า
“เปล่า ผมจะไปทำอะไรใครได้ ผมเป็นแค่ตำรวจยศพันตำรวจตรีตัวเล็กๆ" กัณต์ทำหน้ากวนอารมณ์
“สารวัตรกัณต์ ถ้าเอ็กซ์เป็นอะไรไป คุณต้องเจอดีแน่"
“คุณห่่วงเขาหรือ ตกลงคุณแคร์ใครกันแน่นชาลี เจตริน หรือเอ็กซ์" กัณต์พูดเสียงกร้าว ขับกรามจนขึ้นเป็นสัน "อ้อ ไม่สิ คุณไม่แคร์เจตรินเพราะคุณถือว่าเขาเป็นศัตรู แล้วเอ็กซ์ล่ะ คุณถือว่าเขาเป็นอะไร"
“เครื่องมือ" ชาลีพูดเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วผมล่ะ"
“ทางผ่าน"
“ผมไม่ยอมเป็นทางผ่าน" กัณต์เค้นเสียงออกมาตามไรฟันด้วยความไม่พอใจ พลางก้าวเข้ามายืนชิดตัวของชาลี
“ของเล่น" ชาลีทำเสียงเยาะๆ จงใจเติมเชื้อเพลิงแห่งความโกรธให้กัณต์
“คุณเล่นของเล่นกี่ครั้งกัน หมอชาลี"
“ไม่เคยเกินสาม" ชาลีทำเสียงท้าทาย
“ผมก็เหมือนกัน" กัณต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ชาลีมาก "ผมไม่เคยมีอะไรกับใครเกินสามครั้ง มาลองกันหน่อยไหมล่ะ ว่าหลังจากครั้งที่สาม ใครจะเป็นฝ่าย...”
“ไม่จำเป็น" ชาลีกระแทกเสียง ขยับตัวออกห่าง ไม่ยอมตกหลุมพรางของกัณต์อีกต่อไป "สำหรับคุณ แค่สองครั้งก็เกินพอ"
“ชาลี" กัณต์ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้
“ปล่อยนะสารวัตร"
“ขัดขืนผมสิ" กัณต์ท้า "แต่ผมแข็งแรงนะจะบอกให้ ถ้าผมบังคับขืนใจคุณ ยังไงคุณก็ขัดขืนผมไม่ได้หรก แต่ที่ผ่านมาสองครั้ง ผมว่าผมไม่ได้ข่ม...โอ๊ย...”
“กลับไปซะ" ชาลีถือโอกาสที่กัณต์ตัวงอเพราะโดนเขาต่อยท้องเข้าไปเต็มๆ สะบัดมือออกเแล้วรีบเดินหนีจะเข้าห้องพัก
แต่ช้าไป...กัณต์ก้าวเท้ายาวๆ สองสามก้าวก็ตามทัน วงแขนแข็งแรงโอบกอดชาลีจากทางด้านหลังแล้วรัดเอาไว้แน่น จมูกโด่งคมซุกลงมาที่ซอกคอขาวสะอาดของนายแพทย์หนุ่มซึ่งยืนตัวเกร็ง ปากเผยอ พยายามส่งเสียงห้าม
“อย่า...”
“ชาลีครับ ผมทนคิดถึงคุณไม่ไหวแล้ว"
“ไปซะ...”
“อย่าไล่ผมอีกเลย"
“ผมต้อง...”
“เลิกแก้แค้นซะเถอะ ทิ้งมันไปซะ มันไม่มีประโยชน์ เลิกจองเวรจองกรรมซะเถอะ" กัณต์เสียงแหบพร่า ปากซุกไซร์ใต้ใบหูของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“ไม่" ชาลีพยายามรวบรวมสติ กระทุ้งศอกเข้ากับท้องของกัณต์แล้วดิ้นหนีจนสุดแรงเกิด แต่กัณต์แข็งแรงมาก คราวนี้กลับรัดตัวชาลีเอาไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะหมุนตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้าแล้วระดมจูบอย่างหนักหน่วง แทบไม่เหลือเค้าของสารวัตรหนุ่มมาดนิ่งที่ชาลีเหน็บแนมมาตลอดว่า 'ขี้เก๊ก'
“อย่าทำแบบนี้" ชาลีห้าม เสียงขาดห้วง
“คุณจะปฏิเสธตัวเองทำไม" กัณต์เสียงพร่า แทบจะห้ามตัวเองไม่ไหว
“สารวัตร...หยุด...เถอะ...”
“ผมขอร้องนะชาลี คุณก็พอเถอะ...แล้วมาอยู่กับ...”
“ชาลี!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
“เจตริน" ชาลีคราง กัณต์ชะงัก นิ่งไปชั่วอึดใจ ชาลีออกแรงผลักอกของกัณต์แรงๆ จนผ่ายนั้นเซไปด้านหลังสองก้าว
เจตรินยืนตัวแข็ง จ้องมองมาที่กัณต์และชาลีด้วยใบหน้าเจ็บปวด!
*****23*****
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 22 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 22-03-2010 13:48:50
 :z13: :z13: :z13:

ไปอ่านก่อน
__________________________
อร๊ายยยย
จะทำยังไงต่อดีล่ะคุณหมอ :serius2:

ปล.พ่อนักเขียนเวอร์จิ้น +1 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 22-03-2010 13:55:12
เข้ามาจิ้มพี่นายก่อน

แล้วเดี๊ยวจะกลับไปอ่าน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-03-2010 14:01:12
แอยรสสสสสสส

ค้างเติ่งเลยอะ

คุณนายใจร้าย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 22-03-2010 14:03:31
หึหึ....   เข้มข้นๆๆ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 22-03-2010 14:21:54
เอาแล้ว   งานนี้มีซวยไม่ใครก็ใคร

แต่ทำไมเรากลับรู้สึกสงสารเจตรินมากมายอย่างนี้  แถมยังเชื่อว่า ต้องมี เจตริน 2 คน แต่ใครจะเป็นใครนี่สิต้องรอคำตอบจากคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-03-2010 14:42:38
รึเจตรินมีแฝด แล้วไอ้เลวๆคนก่อนอ้างชื่อ ค้างได้อีก เครียดกว่าทำงานอีกนะเนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-03-2010 14:47:25
ถ้าทั้งคู่เลิกเป็นหมอ กับตำรวจ น่าจะไปเป็นทนาย หรือไม่ก็นักพากษ์เรือยาว

ก็เล่นซะไฟแล็บ แบบนั้น แต่พอเจอจูบฟ้าแล็บ หมอคนเก่งก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งเลย :pigha2:

+1 ให้พี่นาย เป็นการขอบคุณ ถึงเพลงแปลง ตอนต้นเรื่อง แต่ดูจากเพลงมันน่าจะเกินน้า.... :m20:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-03-2010 14:55:24
กีซซซซซซซซซซซซชู้จับได้ว่าชาลีมีปั๋วแล้ว :m20: :laugh:
กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
สองครั้งสองหนเลยรึคะสารวัตร อุกรี๊ดดดดดดดดดดด
อินคา และ แอดโฮมชิมิเคอะ กีซซซซซซ :o8: :-[
แหมตามมาหึงถึงที่ น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดด
แผนการคุณหมอมันจะแตกหักก็คราวนี้ละ่คะ
จะแก้แค้นได้มั๊ยนั้น อิเจตรินมันจะคร่ำครวญจะเป็นจะตายมั๊ย
เมื่อคนที่หวังไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด  :fire: :angry2: เวลาแก้แค้นจะหมดรึยังนะ

หมอชาลีอย่าดื้อไปหน่อยเลย ...จะรักหรือเล่นกับสารวัตรอ่ะแหมมาถึงขั้นนี้แล้ว
อย่าปฏิเสธอีกเลย...ส่วนอิยุทธนาอ่ะเลิกคิดไปได้เลย คนดีๆเรียบๆไม่เร้าใจไม่เหมาะกับหมอหรอกคะ 55
อย่างหมอต้องอกแน่นๆซิกแพคเป็นลูกๆ ปากจัด เล่ห์แยะแบบสารวัตรต่างหากที่คุณหมอว๊อน
...เขา 'ต้องการ' ชาลี!...
...เขา 'ติดใจ'...
...เขา 'แพ้' ชาลีเสียแล้ว...

>>คาสโนว่าตายคาอกหมอชาลีคะ
“แล้วผมล่ะ"
“ทางผ่าน"
“ผมไม่ยอมเป็นทางผ่าน"

>>ปากยังแข็งได้อีกชาลี
“อย่า...”
“ชาลีครับ ผมทนคิดถึงคุณไม่ไหวแล้ว"
“ไปซะ...”
“อย่าไล่ผมอีกเลย"

>>ลงทุนอ้อนเมียแบบนี้ ใจอ่อนซะทีเหอะชาลี...........

ขำนุ้งนาวินเดะน้อยเจอผู้ใหญ่เอาขอมาล่อ ขี่ม้าเอย ยิงปืนเอยแหม..เหมาะสำหรับเด็กหนุ่ม
วัยเจริญพันธุ์เป็นที่สุด

+1 คะ กำลังเข้มข้มเลยที่เดียวจะมีโศกนาฏกรรมรักสามเส้าเราสามคนมั๊ยเนี่ย
พฤติกรรมอิพี่เอิ๊กซ์โคดน่าสงสาร มันเป็ฯใครกัน ต้องการอะไร อยากแก้แค้นชาลีหรือว่า
หึงอิเจตรินกันแน่

แหม.........แทงหวยถูกจริงๆสิ ตัดฉับๆๆNC ไม่ถนัดบรรยายแต่ถนัดปฏิบัติชิมิคะ  :beat: :beat:
แค่วอลดิสนี่ย์ก็ตัดกันได้ กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 22-03-2010 14:56:59
สะใจไม๊หล่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-03-2010 15:15:06
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 22-03-2010 15:23:09
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย......เครียด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 22-03-2010 15:32:09
จบได้อารมณ์ค้างมาก

 :z3:

 :z3:

 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 22-03-2010 15:57:43
 o13เข้มข้นมาก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 22-03-2010 16:03:43
พี่นายเก่งจริงๆ เีรื่องทำให้ค้างงงงงงงงงงงง  :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 22-03-2010 16:38:35
ตายแล้ว...ตาย ๆ ๆ วุ่นวายยิ่งนัก ผู้ชาย 4 คนกับหมอชาลี เวงกำ...ปวดหัวแทนเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 22-03-2010 19:02:53
อ๊ากกกอยากรู้มากกกกกกกกกค้างงงงงงงงงง
มาได้เหมาะจิงๆตอนนี้มีแต่เรื่องชวนค้างเห้อ
อยากรู้อ่ะว่าเจตรินเป็นอะไรแล้วทำไมถึงดุเครียดอยากรู้ๆๆๆๆๆๆ :serius2:
เพ่นายมาต่อไวๆน๊าค่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 22-03-2010 19:06:31
โอ้ย

แบบนี้ชาลี ไม่ปวดหัวตายเร๊อะเนี่ยย รถไฟ กี่ขบวนเนี่ย
o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 22-03-2010 19:26:31
กำลังมันส์เลย
ค้างอีกแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 22-03-2010 20:06:23
หูยยยย มันส์เลยคับพี่นาย

มาต่อให้ไวเลยนะค้าบ รออยู่คับป๋ม :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 22-03-2010 20:17:58
งานเข้าแล้วววววววว + ให้ค่า อยากอ่านต่อมากมายยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-03-2010 21:21:28
ค้างงงงงง !!!


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 22-03-2010 21:24:30
มาต่อด่วน

อยากรู้เรื่องราวของเจตรินที่ทำกับชาลีในอดีตเเบบเต็มอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-03-2010 21:25:25
หมอชาลีเก่งที่สู้ด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 22-03-2010 22:16:58
ค้่างงงงงงงงงงงงงงงงงงอ่ะ
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 22-03-2010 23:01:32
รถไฟชนกันแบบจังๆ ไม่รู้ว่าหมอชาลีจะย่อยยับขนาดไหน  :a5:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-03-2010 23:25:13

กันต์ต้องช่วยชาลี ไม่ทิ้งชาลีนะ...   
:L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 22-03-2010 23:27:03
ขอโทษทีที่ต้องแพนกล้องออกไปจับภาพแจกันดอกไม้ที่โต็ะข้างหัวเตียง
ก็เพราะผมเขียนอะไรโป๊ๆ ไม่เป็นนี่คร้าบบบ (คนมันไม่เคยอ่ะ)

v
v
v
พี่ค่ะ พี่ไม่เคยแต่งแบบบนี้พี่ก็ลองแต่งซะสิคะ รูไหมมันทรมานใจกันนะเนี่ย 3 ตอนเข้าไปแล้วนะ ที่พี่ตัดอ่ะ
ไม่นับรวมเรื่องอื่นๆๆ ลองแต่งบ้างก้ได้ ขอร้อง พลีส............ :z3: :z3: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 23-03-2010 00:16:46
ชาลีแย่แล้ว  มาติดตามครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fongzen ที่ 23-03-2010 00:33:06
สนุกมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ เขียนเก่งจริงๆ  o13
ชอบเวลาที่หมอชาลีปะทะคารมกับสารวัตรกัณฑ์ เค้าฉลาดกันทั้งคู่ อ่านเกมกันออก  :o8:
มาต่ิอเรื่อยๆนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 23-03-2010 09:13:55
ติดตามรอต่อปายยยยยยยยยย
มาต่อไวไวนะงับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 23-03-2010 09:17:06
อยากอ่านตอนต่อไป~ แต่ไม่อยากให้จบไวๆ เลยน้า กำลังสนุกเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 23-03-2010 09:45:36
มาไงเนี่ยเจตริน แบบนี้ก็สนุกดิ หุหุ ชาลีได้แก้แค้นเร็วกว่าที่คิดไว้ แถมกันต์ ยังซวยกลายเป็นเครื่องมือไปแบบไม่ได้ตั้งใจอีก 55+ ( แต่ชาลีจะแก้แค้นได้อย่างสะใจจริงๆ เหรอ คุคุ ตัวเองก็เริ่มใจอ่อนสับสนแล้วนิ อิอิ  )
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 23-03-2010 10:19:53
โห่เอ๊ย....กำลังอ่านมัน ๆ

จนน้ำลายยืดดด..ก็จบอีกและ

รู้ไหมคับว่าคนอ่านค้างงงงงงงงงงง  :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 23-03-2010 12:51:52
อ๊ากกกกกกกก...  :m31:   เคี่ยวจนข้น


เมื่อไรหมอชาลีจะรู้ว่าคนที่เป็นสาเหตุการตายของเพื่อนรักคือตาตำหนวดนี่หนอ

อยากให้รักกันค่ะ  แต่ก็ไม่อยากให้เควินตายฟรี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pterofrond ที่ 23-03-2010 13:36:27
 :z3:

 :a5:

 o22

ต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 23-03-2010 13:56:06
เอ้ยยยยยย   ซวยแล้วไงล่ะชาลีเอ๊ยยย 

จัดการให้เสร็จๆไปเลย เอาหนักๆเลยนะ  :m31:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย  แต่ตอนนี้ค้างมากๆเลย :serius2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-03-2010 15:20:29

อยากรู้จักเจตรินให้มากกว่านี้อะคะ

เจ้สอง  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 24-03-2010 07:54:17
 :m7:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mizari ที่ 24-03-2010 08:45:55
ค้างงงงงอย่างแร๊ง   กอดไรเตอร์ทีนึง :กอด1: มาเตอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 24-03-2010 09:23:44
สงสัยต้องร้องเพลง ค้าง ค้าง ค้าง อีกซะแย้วว

อิอิ


ขอบคุณมากนะครับ...

 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 23 "การเผชิญหน้า" (22/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 24-03-2010 11:52:16
อยากให้รักกันค่ะ  แต่ก็ไม่อยากให้เควินตายฟรี
เลือดเย็นเนาะ  o18

เพลิงรัก บทที่ 24

“ทำไม" เจตรินถามเสียงขื่นแต่ตาลุกวาวด้วยความโกรธผสมกับความผิดหวัง
“เจตริน ฟังก่อน ฟังผมก่อน" ชาลีก้าวเท้าเข้าไปหาเจตริน
“เลิกเล่นละครซะทีเถอะชาลี" กัณต์คว้ามือของชาลี อยากกระชากชายหนุ่มเข้ามากอดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแล้วไล่เจตรินไปให้พ้น
...หึง เขาหึงชาลีมาก ตอนนี้เขารู้สึกอย่างนี้จริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...
“คุณอย่ามายุ่ง" ชาลีสะบัดมือ หันไปดุกัณต์
“นี่มันหมายความว่ายังไงชาลี คุณมากับผม แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้มาได้ยังไง" เจตรินพูดเสียงตัดพ้อ แต่ทันใดก็ตวาดลั่น "มันมาได้ยังไง มันมาได้ยังไง ใครให้มันมา"
“คุณจะรู้ไปทำไมว่าผมมาได้ยังไง" กัณต์ตอบเสียงกร้าว
“คุณหยุดพูดเถอะ เงียบ" ชาลีห้ามกัณต์ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ชาลี มันรู้ได้ยังไงว่าเรามาที่นี่ ไหนคุณบอกว่าคุณกับมันเลิกคบกันแล้ว" เจตรินเสียงสั่น "ไอ้ผู้ชายคนนี้มันร้ายกับคุณ มันจะทำร้ายคุณ ทำไมยังยุ่งกับมันอีก"
“ผมหรือ" กัณต์หันไปมองชาลี
“เมื่อกี้มันทำอะไรคุณ คุณบอกว่าจะเข้านอน แล้วนี่คุณมามีอะไรกับมัน" เจตรินตะเบ็งเสียงขึ้นมาทันใด "คุณหักหลังผม คุณแอบนัดมันมาใช่ไหม ไม่นึกเลย ไม่นึกว่าคุณจะโกหก ทำไมนะหรือ เพราะคุณอยากจะทำร้ายผมเหมือนมันทำร้ายคุณ น่าสะอิดสะเอียน ทุเรศ คุณโกหก ไอ้นี่ก็โกหก ใครก็โกหก หลอกผม คุณหลอกผม" เจตรินเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางเริ่มจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ "ไล่มันไปเดี๋ยวนี้ คุณอยู่กับผม ใครหน้าไหนมันจะมายุ่งกับคุณไม่ได้ อย่ามาทำกันแบบนี้"
“เจตริน" ชาลีอึ้ง ไม่นึกว่าเจตรินจะออกอาการถึงขนาดนี้
“สมคบคิดกันใช่ไหม รวมหัวกันใช่ไหม จะรุมทำร้ายผมใช่ไหม แกเป็นใคร มายุ่งอะไรกับชาลี มาชักชวนให้ชาลีทำอะไรเลวๆ แบบนี้ ไอ้คนสารเลว แกมายุ่งทำไม มายุ่งกับชีวิตเราทำไม" เจตรินตะโกน
“ผมจะยุ่ง คุณจะทำไม หยุดพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ" กัณต์ตวาดเจตริน
“สารวัตรกัณต์ คุณนั่นล่ะหยุด" ชาลีหันไปตะคอกกันต์แล้วผลักอกนายตำรวจให้ถอยออกไปห่างๆ
“ชาลี นี่ใช่ไหม เหตุผลที่คุณไม่ยอมนอนห้องเดียวกับผม เพราะคุณคิดจะนอกใจผมกับไอ้นี่" เจตรินชี้หน้ากัณต์ "คุณกล้าทำขนาดนี้ได้ยังไง คุณแอบนัดมันมาใช่ใหม ทำไม ทำไม ทำไมถึงทำแบบนี้" เจตรินตะโกนลั่น น้ำตาเริ่มไหล หน้าแดง ตัวสั่นด้วยความโกรธ "สารเลว เลวทั้งคู่"
“จะพูดเกินไปแล้วนะคุณเจตริน ระวังปากไว้บ้าง" กัณต์ตวาดเสียงกร้าว ถลันตัวไปข้างหน้าด้วยความโกรธ แต่ชาลีรีบดึงแขนเอาไว้
“ชาลี ผมจริงจังกับคุณขนาดนี้ ทำไมทำกับผมได้ลงคอ" เจตรินตัดพ้อ เปลี่ยนจากเสียงตะโกนเป็นเสียงขมขื่นและสั่นพร่าด้วยความเสียใจ หันไปหันมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี "คุณคบกับผม คุณให้ความหวังผม คุณอยากมีอนาคตกับผม แต่คุณแอบลักลอบมีอะไรกับมัน"
“บ้าไปแล้ว" กัณต์พึมพำ ท้ายประโยค เจตรินชี้หน้าเขาอีกครั้งพร้อมตะเบ็งเสียงดังลั่นจนได้ยินไปทั่วบริเวณ
“คุณมีอะไรกับมันใช่ไหม มิน่า คุณไม่ยอมมีอะไรกับผม เลวทั้งคู่ คุณทำตัวเหินห่าง คิดจะหลอกให้ผมรักแล้วทิ้งยังงั้นหรือ ทำไม ทำไมทำกับผมแบบนี้ เห็นผมเป็นอะไร เป็นไอ้หน้าโง่ ไอ้เจตริน แกมันโง่ เชื่อเขาไปหมด ฝันลมๆ แล้งๆ ผมนอนอยูใกล้ๆ ห่างคุณไม่ถึงนี่สิบเมตร แต่ผมก็ไม่รู้ คุณกล้าแอบมามีอะไรกับไอ้เลวนี่"
“เจตริน...” ชาลีคราง
“เอาเล๊ย ทำกันไปเล๊ย สะใจนักใช่ไหม ประกาศให้โลกทั้งโลกรู้ไปเลยว่าไอ้เจตรินมันโง่ แต่มันไม่โง่ มันรู้ มันรู้ว่ามีคนตั้งใจจะทำลายมัน มันรู้มาตลอด มันรู้แผนการทุกอย่าง แต่มันเก็บเงียบเอาไว้" เจตรินยกมือขึ้นกางออก หมุนไปรอบๆ ดังจะประกาศให้คนทั้งโลกได้ยินสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด จากนั้นหันมาชี้หน้ากัณต์ "แกมันคือมารมาจากขุมนรก แกวางแผนทุกอย่างเอาไว้ แกตั้งใจจะมาแก้แค้นเรื่องในอดีต ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่มีทางหรอก ใครก็มาทำอะไรกูไม่ได้ ถึงแกจะมายุ่งกับชาลี แต่ชาลีไม่มีทางจะรักแก"
“จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว" กัณณ์เสียงดังขึ้น ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อว่าเจตรินจะแสดงอาการโกรธเกรี้ยวถึงขนาดนี้ แต่ชาลีกลับนิ่งจนเขาแปลกใจ
“ชาลี" กัณต์เรียกชายหนุ่ม
“คุณไปซะเถอะ" ชาลีเสียงเบา ต่างจากเมื่อครู่ราวเป็นคนละคน
“ชาลี"
“ไปซะ"
“ไป" เจตรินตะโกน "ไปให้พ้นทั้งสองคน ไปจากชีวิตกู ไปตายที่ไหนก็ไป"
“เจตริน...” ชาลีก้าวเท้าไปข้างหน้า พึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ เหมือนละเมอ กัณต์มองตามอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจชาลี ไม่เข้าใจเจตริน ไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ชาลีดูนิ่งมาก จะว่าช๊อคที่เจตรินมาเห็นเขากำลังกอดจูบตัวเองก็ไม่น่าจะใช่
เขาคิดว่าชาลีอึ้งเพราะคาดไม่ถึงว่าเจตรินจะ 'คลั่ง' ถึงขนาดนี้มากกว่า
“ทำไมทำกับผมยังงี้ชาลี คุณไม่รู้หรือว่าผมทุ่มเทกับคุณมากแค่ไหน ผมแอบเอาเงินไปซื้อบ้าน แม่ก็ไม่รู้ พี่สาวก็ไม่รู้ ผมจะสร้างโรงพยาบาล เอาไว้เป็นบ้านของเรา คุณจะได้อยู่กับผมตลอดไป แต่คุณกลับมาหลอกผม" เจตรินเดินไปเดินมา คร่ำครวญเสียงอ่อนล้าสลับไปมากับเสียงแข็งกร้าว "เห็นผมเป็นอะไร เห็นผมเป็นไอ้โง่ยังงั้นหรือ ผมทุ่มเททุกอย่าง ผมหวังไว้ว่าจะมีอนาคตที่ดีด้วยกัน ผมคิดว่าคุณเป็นพระเจ้ามาโปรด มาทำให้ชีวิตผมมีความหมาย" เจตรินหันมามองชาลีด้วยสายตาเจ็บปวดหลังจากพูดเหมือนพร่ำอยู่คนเดียว แต่ทันใดก็ระเบิดเสียงโกรธเกรี้ยว "แต่คุณหักหลังผม คุณหักหลังผม มึง หัก หลัง กู"
ชาลีตะลึง! เจตรินควบคุมตัวเองไม่ได้เสียแล้ว
“โว๊ยยย ทำไมเป็นแบบนี้วะ กูกำลังจะตาย กูเป็นมะเร็ง กูไม่มีกำลังใจแล้ว" เจตรินกระทืบเท้า "แต่คุณให้กำลังใจผม บอกให้สู้ชีวิต ก้าวไปข้างหน้า แต่ผมไม่มีขา ผมขาด้วน ผมเป็นมะเร็ง ผมจะเดินไม่ได้ แต่คุณกลับมาทำลายมันเสียตอนนี้ แล้วจะอยู่ไปทำไม ตายไปเสียดีกว่าจะทนอยู่กับคนปากอย่างใจอย่าง ไป ออกไปจากรีสอร์ทนี้ มันเหม็น ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย เหม็นกลิ่นคนเลว ไป ไปเดี๋ยวนี้ จะไปตายไหนก็ไป ไปสิ ไป๊" เจตรินชี้หน้าชาลีแล้วเดินตรงเข้ามาท่าทางคุกคาม กัณต์ก้าวไปขวางแล้วผลักเจตรินจนเซ
“อย่านะสารวัตร อย่า" ชาลีห้ามเสียงสั่น เริ่มจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจตริน
...ความจริงที่ว่าเจตรินเป็นมะเร็งนั้นเขาเห็นว่าก็แย่พออยู่แล้ว บางครั้งเขาเกือบจะสงสารเจตริน แต่ความเจ็บปวดในอดีตที่สั่งสมจนกลายเป็นความแค้นนั้นแรงกว่า เขาจึงยังคงคิดที่จะ 'ทำลาย' เจตรินต่อไปได้...
...แต่นี่ มันช่างชัดเจนเหลือเกิน...
ภาพในอดีตฉายขึ้นมาในความคิดของชาลี ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น เจตรินเป็นเทพบุตร เป็นคนโรแมนติก อบอุ่น อ่อนโยน นุ่มนวล แต่ไม่นานก็กลายเป็นซาตานและเวลาโกรธก็ร้ายกาจมาก แต่เขาก็ยอมแลกตัวเองกับความทุกข์เวลาโดนเจตรินทำร้ายทั้งกายและใจ เพราะเจตริน 'ง้อ' เขาและ 'หวาน' กับเขาจนใจอ่อนทุกครั้ง และเมื่อเวลาเจตริน 'รัก' เขา ผู้ชายคนนี้ก็ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีชมพู โลกสดใสสวยงามเหลือจะบรรยาย
...ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเรียนแพทย์และเป็นแพทย์มาหลายปี คลุกคลีอยู่ในวงการจนเขารู้และพอจะเข้าใจว่าเจตรินที่เขากำลังเห็นตอนนี้เป็นเพราะกำลังเป็นโรคร้ายอีกโรคหนึ่งซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าทุกข์ทรมานพอๆ กับการเป็นมะเร็ง...
...แต่กัณต์ไม่เข้าใจ...
“สารวัตร พอเถอะ พอที ผมขอร้อง" ชาลีดึงกัณต์ให้ถอยห่างจากเจตริน เป็นจังหวะเดียวกันที่พนักงานของโรงแรมสามคนกำลังตรงเข้ามาหา ตามหลังด้วยร่างสูงๆ ใบหน้าคุ้นตา
“พี่เอ็กซ์!” ชาลีอุทานเสียงเบา
“ไอ้เอ็กซ์" เจตรินตวาดเมื่อเห็นว่าใครวิ่งมากับพนักงานโรงแรม "แกมาทำไม แกอีกคนหรือไอ้เอ็กซ์ แกรวมหัวกับพวกมัน แกเป็นคนคิดแผนการหักหลัง"
“ชาลี เกิดอะไรขึ้น" กัณต์ขมวดคิ้ว หันไปถามชาลีอย่างสงสัย
“กลับกรุงเทพฯ เถอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย" ชาลีลากแขนของกัณต์เดินลงจากเรือนพัก
...วิมาน นี่ไม่ใช่วิมานอีกต่อไปแล้ว ที่ไหนๆ ก็ไม่ใช่วิมาน...
...เขาอยู่ในนรกมาตลอด...
“แล้ว...” กัณต์หันไปมองเจตรินซึ่งกำลังโวยว่าด่าเอ็กซ์เหมือนๆ กับที่ด่าเขาและชาลี พนักงานโรงแรมกับเอ็กซ์พยายามห้ามแต่ก็ไม่มีประโยชน์
เจตรินควบคุมตัวเองไม่ได้เสียแล้ว!

เอกภพเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นในบ้านของชาลีโดยมีนาวินเดินตามมาเงียบๆ ชาลีนั่งนิ่ง ตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเดินเข้ามาในห้อง เอกภพยื่นถุงพลาสติกในมือให้นาวินแล้วบอกให้เด็กหนุ่มขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
“แต่ผมหิว...” นาวินเสียงอ่อย
“แบ่งเอาขนมไปกินในห้องก็ได้ แต่อย่าให้เลอะนะ เหลือก็เอามาเก็บในตู้เย็น" เอกภพสั่ง
“ครับๆ" นาวินพยักหน้า มองไปยังชาลีพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ และถามเอกภพว่า "พี่หมอจะเป็นไรไหมครับ"
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่หมอเข้มแข็งจะตายไม่รู้หรือ" เอกภพตบไหล่น้องชายของเพื่อน "ไปได้แล้ว พี่จะคุยกับพี่หมอซะหน่อย"
“ผมเอาผลไม้ขึ้นไปกินด้วยนะ" นาวินขออนุญาต
“จะกินอะไรก็กิน" เอกภพพยักหน้า "แต่กินเสร็จต้องอาบน้ำก่อนนะ อย่างีบหลับไปก่อนอาบน้ำเด็ดขาด ไม่งั้นมื้อต่อไป อด"
“ครับๆ"
ครั้นพอ 'ไล่' นาวินไปได้แล้วเอกภพก็เดินเข้าไปนั่งลงข้างชาลี และยื่นมือไปแตะไหล่เพื่อน ชาลีหันมายิ้มให้บางๆ แล้วถามถึงนาวิน เอกภพชี้นิ้วขึ้นข้างบนบอกให้เพื่อนรู้ว่าน้องชายอยู่บนบ้าน จากนั้นจึงพูดกับชาลีว่า
“แน่ใจหรือเปล่าชาลี...”
“คุยกับอาจารย์พิมลแล้ว อาจารย์บอกว่าน่าจะใช่...”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ชาลี" เอกภพถอนหายใจ
“นายคิดว่าตั้งแต่ที่เรากับเจตรินรักกันงั้นหรือ" ชาลีเหยียดริมฝีปาก "ใช่ไหมเอก นายกำลังจะพูดว่าตอนนั้นเจตรินก็ป่วยแล้วยังงั้นหรือ จะบอกว่าเราไม่ควรจะถือสายังงั้นหรือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราตอนนั้นเพราะเจตรินควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะเขาเป็นไบโพลาร์ขั้นแรกๆ"
“จะให้คิดว่าเป็นยังไงล่ะ"
“ทำไมเราไม่รู้ล่ะเอก" ชาลีส่ายหน้า รำพึงเสียงแผ่วเบา ตามองออกไปนอกหน้าต่าง "ทำไมเราไม่รู้ เราน่าจะรู้ เราน่าจะเข้าใจ เราน่าจะ...”
“ตอนนั้นเพิ่งเรียนแพทย์ ยังไม่รู้เรื่องอะไรนี่นะ ใช่หรือเปล่า อีกอย่าง คนที่ไม่ได้ศึกษามาเรื่องนั้นจะไปรู้ได้ยังไง อย่างมากก็แค่คิดว่าเพราะเป็นนิสัยของเขาที่มีอารมณ์แปรปรวน" เอกภพปลอบเพื่อน "เพราะฉะนั้น ตอนนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่ควรจะเลิกคิดเรื่อง...”
“แก้แค้น...” ชาลีพูด
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" เอกภพบีบไหล่เพื่อน "เราพูดอยู่บ่อยๆ ที่จริง ควรจะหยุดได้แล้วตั้งแต่รู้ว่าเจตรินเป็นมะเร็ง แค่นี้ชีวิตผู้ชายคนนั้นก็สาหัสพอแล้ว และตอนนี้รู้ว่าเจตรินเป็นไบโพลาร์ นายย่ิงไม่ควรจะ...”
“เราจะโหดร้ายได้ขนาดนั้นหรือเอก แต่อย่าลืมนะ เจตรินทำกับเราไว้มาก แผลที่สีข้างของเรายังเห็นเป็นแผลเป็นชัดเจน ที่ไหล่ก็ยังมี ที่กลางหัวใจก็ยังสดอยู่แม้จะผ่านไปสิบปี แล้วนี่ ถือว่าเป็นโชคดีของเจตรินหรือที่ป่วยแล้้วเราก็ต้องยกผลประโยชน์ให้แก่จำเลย"
“จำเลยท้องแก่ ศาลยังเมตตาเลย" เอกภพจ้องตาชาลี "แต่ชาลีเพื่อนของเรา เพื่อนคนที่รับน้องชายของเพื่อนที่ฆ่าตัวตาย เอามาเลี้ยงเป็นน้องของตัวเอง หมอของคนไข้เป็นพันๆ คน...”
“แต่เราก็ทำลายหัวใจของคนมาหลายคนเหมือนกัน...” ชาลีก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่วางหงายอยู่บนตัก "เราบีบคั้นหัวใจของใครหลายคนจนแทบจะแหลกสลายคามือมาแล้ว"
“วันนี้ก็ไม่สายหรอกชาลี" เอกภพทอดเสียงอ่อนโยน "แต่พรุ่งนี้อาจจจะสายเกินไป เรารู้ว่าเพื่อนของเราคนนี้เป็นคนจิตใจดีงาม ถ้าเพียงแต่ชาลีจะลืมอดีต และก้าวไปข้างหน้า"
“จะมีความหมายอะไร"
“มีสิ" เอกภพพูดเสียงหนักแน่น "คุณยุทธห้องแล๊ปยังรออยู่นะชาลี บ้านก็ใกล้กัน ถ้าสนามหญ้าหน้าบ้านนายรก ชวนคุณยุทธมาช่วยตัดก็ได้ เราแน่ใจว่าคุณยุทธต้องยินดีมาช่วยแน่ๆ คุณยุทธชอบออกกำลังกาย เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน ตื่นเช้าก็ไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน วันพระก็ไปวัด แบบนี้หาได้ที่ไหน"
...แต่เขาไม่ได้รักยุทธนา...
...เขาไม่ได้รักยุทธนา...
...ไม่ได้รัก...

ชาลีวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อรอตรวจคนไข้คนต่อไป เขาเพิ่งปิดโทรศัพท์เพราะไม่อยากคุยกับกัณต์ ความจริงเขาแค่ปิดเสียงก็ได้ถ้าไม่ต้องการรับโทรศัพท์ ซึ่งปกติเขาทำเป็นประจำเมื่อต้องตรวจคนไข้ แต่ชาลีไม่อยากจะเห็นว่ามีคนพยายามโทรศัพท์เข้ามาและบนหน้าจอแสดงให้เห็นว่ามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับสายจากหมายเลขเดิมถึงสิบกว่าครั้ง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชาลีเงยหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ เพื่อเตรียมตัวทักทายคนไข้ แต่คนที่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาตื่นตกใจคือสาวิตรี พยาบาลประจำห้องตรวจและเป็นพยาบาลที่สนิทกับเขาที่สุด
“คุณหมอขา มีข่าวด่วนข่าวร้าย"
“คนไข้ยกเลิกนัดหมดหรือไง" ชาลีถาม
“ยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ" สาวิตรียังไม่บอกข่าวที่ว่า
“พยาบาลนัดหยุดงาน”
“คุณหมอ ฟังดีๆ นะคะ คนไข้ของคุณหมอ นัดแรกของอาทิตย์หน้า เอ่อ...มาแล้วค่ะ"
“ใคร...ทำไมรีบมา"
“ตอนนี้เพิ่งทรานส์เฟอร์มาถึงค่ะ สาเพิ่งทราบ" สาวิตรียังไม่ยอมเข้าเรื่อง
“คุณสา หายใจลึกๆ แล้วตรงประเด็นเลย" ชาลีเตือน รู้สึกทั้งขำทั้งฉุนที่พยาบาลไม่บอกข่าวด่วนข่าวร้ายสักที
“คุณเจตรินไงค่ะ น่าสงสาร เป็นมะเร็งก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี่เจออุบัติเหตุที่ชลบุรี ขับรถชนกับปิ๊คอัพ ตัวเองสาหัส สาได้ยินข่าวว่าเป็นอัมพาตครึ่งตัว...”
“อะไรนะ...” ชาลีเสียงแผ่วหายไปในลำคอ รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว หูอื้อ แทบไม่ได้ยินสิ่งที่สาวิตรีพูดต่อหลังจากคำว่า อัมพาตครึ่งตัว

...อาจาร์ย์วิสุทธิ์ยังไม่ฟันธงค่ะ แต่ก็ดูแน่ใจพอสมควร หมอวิริญที่ช่วยอาจารย์วิสุทธิ์ผ่าตัดก็เพิ่งมาเจ๊าะแจ๊ะให้ฟังเมื่อกี้ว่าอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ญาติต้องทำใจ คุณเจตรินมีสิทธิ์เป็นเจ้าชายนิทรา...
ชาลีเดินไปตามทางเดินในโรงพยาบาลช้าๆ เสียง 'เล่าข่าว' ของพยาบาลประจำห้องตรวจของเขายังดังอยู่ในหัว เขารู้ดีว่า 'ข่าว' ทุกชิ้นที่ผ่านมาถึงสาวิตรีนั้นได้รับการกรองมาแล้วเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นสาวิตรีก็คงไม่เปิดประตูห้องเข้าไปหาเขาเพื่อแจ้ง 'ข่าว' ให้ฟังทั้งๆ ที่กำลังจะตรวจคนไข้เพราะฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบจะรับรู้ความเป็นไปอื่นใดในโรงพยาบาลหากไม่ใช่เรื่องคนไข้ของตัวเอง
...แบบนี้เขาจะเรียกว่ากรรมตามสนองเจตรินเองได้หรือเปล่า...
...แล้วเจตรินผิดหรือ? ตอนนี้เขาลังเลที่จะตอบคำถามนี้...
...เขาลังเลมาก...
นายแพทย์ชาลีมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์เงียบๆ ตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ครั้นประตูลิฟท์เปิดออกก็เปลี่ยนใจไม่เดินเข้าไป เขาหันหลังกลับ แล้วเดินย้อนกลับมายังห้องทำงานของตัวเอง เลิกล้มความคิดที่จะขึ้นไปเยี่ยมเจตรินบนห้องพักผู้ป่วย

พตต. กัณต์จอดรถที่หน้าบ้านของนายแพทย์ชาลีแล้วนั่งนิ่งอยู่ในรถนานกว่าสิบนาที ใจอยากจะลงไปกดกริ่งเพื่อเรียกชาลีให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง
คืนที่เขาพาชาลีกลับจากระยองหลังจาก 'มีเรื่อง' กับเจตริน ชาลีนั่งเงียบมาตลอดทาง ท่าทางใช้ความคิดอย่างหนัก และเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ชาลีก็หลบหน้าเขาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว เขาอยากจะไปหาชาลีที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ยุ่งมากกับเรื่องคดีต่างๆ ที่กำลังสะสาง
รวมถึงการ 'สืบสวน' อะไรบางอย่างที่เขาต้องการความแน่ใจก่อนที่จะมาหาชาลีในวันนี้
สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเจตรินทำให้เขาพูดไม่ออก!
เขาสืบประวัติเจตรินอย่างละเอียด!
เจตรินไม่ได้มี 'ดคีความ' กับชาลี หรือ 'อดิศวงศ์' เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้วแต่เพียงคนเดียว แต่ทว่ามีคดีอื่นๆ อีก เช่น คดีทะเลาะวิวาท คดีทำร้ายร่างกาย คดีฟ้องร้องทางแพ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล หรือแม้แต่คดีพยายามฆ่า!
 ตลอดเวลาสิบปีผ่านมา มี 'อดิศวงศ์' ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเจตรินถึง 6 คน แต่ละคน 'สะบักสะบอม' เกือบจะพอๆ กับอดิศวงศ์ที่ภายหลังกลายมาเป็น 'ชาลี'
...หากเขาเป็นชาลี และหากเขาได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิด 'อะไร' ขึ้นกับเจตริน เขาจะยังคงโกรธ เกลียด และแค้นเจตรินได้หรือเปล่า...
...หากชาลีรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ชาลีจะทำยังไง...
...เขาอยากให้ชาลีเลิกมุ่งแต่ที่จะแก้แค้น และเปิดใจให้กับเขา...

กัณต์ถอนหายใจเบาๆ พลางก้มลงมองซองเอกสารสีน้ำตาลซึ่งวางอยู่บนเบาะข้างๆ ในนั้นมีข้อมูลของเจตรินอย่างละเอียด
ทุกอย่าง...แม้กระทั่งเทปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างเขากับ 'หมอ' ที่เคยให้การรักษาเจตริน
...ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าไบโพลาร์คืออะไร...
...เขาคิดว่ามันโหดร้ายและทรมานมากกว่ามะเร็งที่เจตรินกำลังต่อสู้อยู่...
ขณะที่ความคิดของกัณต์กำลังล่องลอยไปเรื่อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นายตำรวจหนุ่มรีบรับสายเพราะมองเห็นว่าเป็นหมายเลขของเจ้าของบ้านหลังที่เขามาจอดรถอยู่หน้าบ้านได้นานแล้ว
ชาลีบอกให้เขากลับไป!
“ผมอยากคุยกับคุณ" กัณต์พูด
“ผมไม่อยากคุย" ชาลีตอบกระชากเสียง
“แต่ผมอยากคุย" กัณต์ยืนกราน "ผมมีอะไรเกี่ยวกับเจตรินให้คุณดู"
...ตีเหล็กต้องตีตอนที่ร้อน ชาลีกำลังสับสน ชาลีต้องเลือกว่าจะทำยังไงต่อไป เอกสารในซองสีน้ำตาลจะทำให้ชาลีต้องติดสินใจว่าจะแก้แค้นเจตรินต่อหรือวางมือ...
“ผมไม่อยากดู" ชาลีกระแทกเสียง แต่กัณต์ไม่แปลกใจที่จะได้รับคำตอบแบบนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างชาลีก็คงต้องพูดแบบนี้
“ชาลีครับ ขอเวลาผมซักนิดเถอะ" กัณต์พยายามใจเย็น "ถ้าคุณไม่อยากเจอผมอีก ไม่อยากคุยกับผมอีก ผมก็ยอม แต่วันนี้ขอให้ผมได้เจอกับคุณ ได้คุยกับคุณสั้นๆ เป็นครั้งสุดท้าย"
...ไม่มีวันเสียล่ะ ถ้าไม่อยากเจอผมอีกผมไม่ยอมหรอก ผมเป็นตำรวจ ผมไม่ถอยง่ายๆ ผมต้องหลอกล่อ แม้จะต้องให้เอานาวินมาเป็นตัวประกันผมก็จะทำ...
“ทำไมต้องเป็นตอนนี้" ชาลีเสียงอ่อนลง "ผมยังไม่อยากคุยกับใคร ยังไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น"
“หลังจากที่เรากลับจากระยอง เจตรินทะเลาะกับเอ็กซ์อย่างหนัก แต่ในที่สุดก็กลับไปที่ห้องพัก กลางดึก มีคนไปหาเจตรินที่ห้อง คุณอยากรู้ไหมว่าใคร"
“ผมไม่อยากรู้" ชาลีกระแทกเสียง
...ทำไมเขาจะไม่รู้ กัณต์พูดแค่นี้เขาก็นึกออก ไวโรจน์ร้ายน้อยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งเจตรินกำลังคลั่งอยู่แบบนั้น เจอไวโรจน์เข้าไปอีกคน จะเหลืออะไร...
“พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมเจตริน ไปขอโทษ" กัณต์พูดขึ้น
“อย่านะ อย่าไปเด็ดขาด" ชาลีรีบห้าม
“ผมไม่น่าไปยั่วยุเขาแบบนั้น ถ้าผมเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำ เขาก็คงไม่สติแตกขนาดนั้น เขาทะเลาะกับเอ็กซ์ ทะเลาะกับไวโรจน์ที่มาหาถึงห้องเพราะคิดว่าเป็นห้องของคุณ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าใจผิดได้ถึงขนาดนั้น เจตรินเสียใจมาก ดื่มเหล้าจนเมา แล้วก็คงรู้สึกผิดที่ตะเพิดคุณแบบนั้น เลยขับรถตามมากรุงเทพฯ แล้วก็...”
“พอที" ชาลีห้าม "ไม่ต้องเล่า คุณกะจะให้ผมรู้สึกผิดหรือไง"
“แล้วคุณรู้สึกยังไงล่ะ" กัณต์ย้อนถามทันที
...ชาลีกำลังสับสัน เขาต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์...
...ชาลีต้องเลือก...
...เลือกว่าจะจมอยู่กับอดีต หรือจะหลุดพ้นจากมัน...

***24***
อีกตอนเดียวจบครับผม
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 24-03-2010 12:19:17
 :z13: :z13: :z13:
 :laugh:

--------------------------------------

อึ้ง.. :a5: o22

ไบโพลาร์ เปิดgoogleแทบไม่ทัน :laugh:

+1
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 24-03-2010 12:31:13
 :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 24-03-2010 12:39:38
จะจบเเล้วง่า หวังว่าชาลีจะมีความสุขกับเค้สักทีนะ

ทาเร็วๆนะครับ   :o12: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-03-2010 12:42:56
 :เฮ้อ: จบได้ไงคุณพี่ ทิ้งกันไปดื้อๆอีกแล้วอ่า :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 24-03-2010 12:48:51
ตอนเดียวเองเหรอค๊า...  :a5:  กะลังมันส์


เรื่องอื่นยังยืดเลยอ่ะคุณคฑา  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 24-03-2010 13:05:43
ไบโพล่าร์ถามพี่กุ๊กเเทบไม่ทัน

เเหมจะจบเเล้ว เร็วจัง

จะรอติดตามอ่านต่อไปค่ะ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 24-03-2010 13:09:51
หวังว่าหมอชาลี จะ หลุดพ้นจากอดีตได้ ความแค้นไม่เคยทำลายใคร นอกจากตัวเราเอง..
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 24-03-2010 14:05:54
 :L2:  การให้อภัยคือสิ่งที่ทำยากกว่าการแค้น 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 24-03-2010 14:12:26
เหอะๆ จริงๆแล้วตอนที่หมอชาลีกำลังสับสนที่สุดในชีวิตอ่ะนะ
หมอเอกไม่ต้้องหาตัวมาช่วยหยุดหมอชาลีหรอก เพราะไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุด
สิ่งที่เป็นไปหรือว่าวุ่นวายไม่ได้ ........ชาลีต้องคิดและหยุดด้วยตัวของเค้าเอง
จะไม่ให้รู้สึกผิด รู้สึกหวั่นไหว ในคราวเดียวกันไม่ได้หรอกก็นะผลกรรมทุกสิ่งอย่าง
ที่มันตอบแทนให้เจตรินมันร้ายเป็ฯร้อยเท่าพันเท่านัก บ่วงกรรมมันเยอะจริงๆ
หมอชาลีก็มีกรรมแยะอ่ะนะอย่างน้อยถ้าตอนนี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองควรที่จะหยุดแล้วอโหสิได้แล้ว
มัวแต่คิดว่า ตัวเองได้รับแย่แค่ไหน....เจตรินทำเลวยังไง...ยังมัวแต่คิดแบบนี้อยู่แล้วชาลีจะต่างอะไรกับ
เจตรินล่ะ เหอะๆ
ส่วนคุณตำหนวด เหมอนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความบ้าคลั่งของเจตรินดีๆนี่เอง
แหม......... จะเรยกว่าหมอชาลียืมมือฆ่าได้มะเนี่ย เหอะๆ ถึงจะไม่ใช่ทุกอย่างที่
เจตรินคิดเองเออเอง ด่ากราดว่าชาลีมีชู้นอกใจนั่นนี่อ่ะนะ แต่ถ้ามองแบบกว้างๆ
ไม่หลงตัวเองจัดไปอ่ะนะ เจตรินคงไม่พบจุดจบอนาถแบบนี้หรอก เหอะๆ

สารวัตรกันย์.............จะอินเลิฟได้ไงในเมื่อตัวเองก็เป็นวัวสันหลังหวะเหมือนกัน
+1
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 24-03-2010 14:15:03
จะจบแล้ว ตื่นเต้น :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 24-03-2010 14:21:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 24-03-2010 14:30:44
ลุ้นระทึก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 24-03-2010 14:39:35
อ่านแล้วไม่บวกได้ไง
จัดไป +ที่ 1567
จะจบจิงเหรอ ตัวละครสำคัญอีกคนยังไม่โผล่เลย
ปล ไม่ได้หื่น แต่อยากอ่าน NC อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Human ที่ 24-03-2010 15:39:27
พูดไม่ออกบอกไม่ถูก


 :serius2: :serius2: :serius2:

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 24-03-2010 17:22:49
จะจบแล้วเหรอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-03-2010 17:38:58

เกินคาด  ที่แทงให้เจตริน ออกมาในทงของ ไบโพลาร์

ไม่มีวี่แววโผล่มาให้คาดเดาเลย

แม้จะมีความสุดขั่วของเจตริน โผล่มาให้อ่านแวบๆ สอง-สามครั้ง ก็ตาม

ทำไมเราโง่อย่างนี้นะ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 24-03-2010 18:04:20
น่าสงสารเจตริน  :monkeysad: กรรมใครก่อคนนั้นก็ต้องรับ เลิกแค้นเถอะค่ะหมอชาลี อย่างน้อยก็เพื่อคนอื่น ๆ และจะดีที่สุดกับตัวหมอชาลีเองนะค่ะ  :monkeysad: :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-03-2010 18:05:22
ไบโพลาร์  ขอหาในพี่เกิ้ลก่อน
สงสัย ๆๆ

เอาเถอะชาลี จะทำยังไงก็เรื่องขอชาลี

อย่าเลือกใครเลยก็ดี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 24-03-2010 18:06:10
อภัยให้เค้าเถอะค่ะ
เค้าเป็นเอามากนะค่ะ

แล้ว NC กับกัณต์ เริ่ด ด
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 24-03-2010 18:21:25
ลุ้นตามตัวโก่งลุ้ย
เห้อไปๆมาก็สงสารเจตรินอยากให้พี่ชาลีอภัยให้เค้าจัง :เฮ้อ:
จากที่อยากให้พี่ชาลีเอาคืนพอให้เจ็บปวดแต่ตอนนี้กลับอยากให้พี่ชาลีไปอยู่ข้างๆเจตรินที่ต้องการ
กำลังใจเป็นอย่างมากเฮ้อสงสารจัง :monkeysad:
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊าค่า
+1เป็นกำลังใจให้พี่นายฮับ
พี่นายขายังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ :m13:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 24-03-2010 19:22:40
อ๊ายย อยากอ่านตอนจบ
+ ให้ค่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 24-03-2010 20:01:40
อีกตอนเดียวจบ


ทำไมเรื่องนี้เร็วจังอ่าค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-03-2010 20:03:46
สงสารเจตริน และหมอชาลี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 24-03-2010 21:09:54
คุนชาลีคับ ผมว่าคุนน่าจะเหนแจ้งแล้วน่าว่ากรรมสมัยนี้มันติดปีกแค่ไหน

ไม่ต้องรอให้คุนไปสร้างกรรมเพิ่มหรอก

ทุกสิ่งมีความเปนไปตามกรรมนะคับ

ทำใจให้สบายๆๆ ชีวิตที่เหลือ คุนพอจะพบเจอความสงบสุขบ้าง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-03-2010 21:12:07
กลายเป็นว่า เจตรินน่าสงสารซะงั้นน
เห้ออออ

แบบนี้ชาลีจะทำไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 24-03-2010 21:40:21
 o22 อีกตอนเดียวจะจบแล้วจริงๆหรอคับ

ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะคับ แต่ก็จะรอลุ้นไปกะสารวัตรกัณฑ์  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 24-03-2010 22:49:49
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 24-03-2010 23:06:31
จะจบแล้วเหรอเร็วจัง
อยากให้หมอชาลีเลิกแก้แค้นซะทีจะได้มีความสุข
ป๋อหล๋อ โรคไบโพลาร์เป็นยังไงอ่ะ ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย :m28:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 24-03-2010 23:15:22
ไม่เคยคิดจะห้ามให้ชาลีเลิกแก้แค้นเลยนะ แต่คราวนี้คงต้องบอกให้หยุดเถอะ หยุดทำร้ายตวเองไดแล้วหมอชาลี
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 24-03-2010 23:37:23
เป็นอะไรที่เครียดมาก


 :เฮ้อ:

 :เฮ้อ:

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 25-03-2010 03:15:22
 :sad2: ไม่อยากกกกให้จบเลยยยย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 25-03-2010 07:08:24
ตอนหน้าจะจบแล้วหรอเนี่ย

ยังไม่ได้อ่านฉากอัศจรรย์เลยอ่า  :m25:

ขอยืดแบบละครช่อง 7 ไปอีก 4-5 ตอนได้ไหมครับเนี่ย แฮะๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mizari ที่ 25-03-2010 14:42:18
จาจบแว้วเหรอ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 24 "การตัดสินใจ" (24/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 25-03-2010 17:54:24
เกินคาด  ที่แทงให้เจตริน ออกมาในทงของ ไบโพลาร์
ไม่มีวี่แววโผล่มาให้คาดเดาเลย
แม้จะมีความสุดขั่วของเจตริน โผล่มาให้อ่านแวบๆ สอง-สามครั้ง ก็ตาม
ทำไมเราโง่อย่างนี้นะ
ไม่โง่หรอกครับ
ชาลีก็ยังไม่รู้เลย ผู้เขียนก็ไม่รู้ (แม้แต่เจตรินเอง แรกๆ ก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง)
มันเป็น surprise ของชีวิต เป็น surprise ของชาลี หรือแม้แต่เซอร์ไพรซ์ของเจตริน หรือของแม่ของเค้า
อิ อิ อยากให้ผู้อ่าน เซอร์ไพรซ์บ้างอ่ะ (หรือจะเซ็งหรือเปล่าก็ไม่รู้ - ไงก็ ใครมีคำติ คำแนะนำ คำบอกรัก อะไรก็ได้ ก็เชิญส่งให้ผมได้เลยนะคร้าบบ)

เพลิงรัก บทที่ 25

“เลิกแก้แค้นซะเถอะ คุณจะพูดแบบนี้ใช่ไหมกัณต์ ถ้าผมเลิกคิดจะแก้แค้น ต่อไปจะเป็นยังไง คุณจะทำยังไง ผมจะทำยังไง คุณมายุ่งอะไรกับผม คุณมายุ่งทำไม"
“ออกมาคุยกันสิ"
“ผมจะนอนแล้ว" ชาลีปฏิเสธ
“นอนได้ยังไง นาวินยังไม่กลับบ้าน เมื่อกี้ผมยังเห็นอยู่ปากซอย มือขวาถือฮอทดอก มือซ้ายถือแฮมเบอร์เกอร์ คุณเลี้ยงน้องยังไงให้อดอยาก เด็กแอบออกไปหาซื้ออะไรกินตอนกลางคืนยังไม่รู้อีก"
“นาวิน" ชาลีทำเสียงเหี้ยม "แล้วทำไมคุณไม่รับขึ้นรถมาด้วย"
“คุณห้ามไม่ให้รับขึ้นรถ จำไม่ได้หรือครับ"
ชาลีตัดสายทิ้งทันที กัณต์ถอนหายใจ หากเป็นโทรศัพท์บ้าน ชาลีก็คงกระแทกโทรศัพท์ดังโครม กัณต์เปิดประตธลงไปยืนอยู่ข้างรถชั่วครู่แล้วเดินไปที่ประตูรั้วเพื่อชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน ตั้งใจว่า หากชาลีไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ ก็จะปีนเข้าไปในบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที กัณต์ก็เห็นนายแพทย์หนุ่มเปิดประตูบ้านออกมาและเดินตรงไปยังรถของตัวเอง เขาจึงรีบกลับขึ้นรถ แล้วเลื่อนรถมาขวางประตูรั้วเอาไว้
“ถอยไป ผมจะไปตามน้อง" ชาลีลงมาจากรถเมื่อเปิดประตูรั้วแล้วเห็นว่ากัณต์จอดรถขวาง "ไม่งั้นผมชนจริงๆ ด้วย"
“เอาสิ รถผมแข็งกว่ารถคุณ" กัณต์ท้า
“ท้ายรถผมชนเข้าด้านข้างรถคุณ รถผมบุบน้อยกว่าอยู่แล้ว ไม่ต้องมาท้าหรอก ผมไม่โง่"
“ชาลี ฟังผมก่อนสิครับ ที่ผมทำอย่างนี้ก็เพราะอยากคุยกับคุณ" กัณต์เสียงอ่อน
“ทำอะไร" ชาลีเลิกคิ้ว "อ๋อ คุณโกหกผมใช่ไหมว่านาวินแอบออกไปซื้ออะไรกิน"
“คุณจะไปตามน้องจริงๆ หรือ" กัณต์ถามพลางเหลือบตาไปมองชั้นสองของบ้าน ชาลีมองตามและทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่าง
“คุณเบรกรถเสียงดังแล้วก็เอะอะโวยขนาดนี้ เพื่อนบ้านคงตื่นตกใจกันหมด" กัณต์อมยิ้ม "รวมถึงนาวินด้วย"
“ว่ามา" ชาลียกมือขึ้นกอดอก "ไหนๆ คุณก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว จะพูดอะไรก็ว่ามา"
“ผมอยากขอร้องให้คุณเลิกแก้แค้นเจตริน" กัณต์พูดพร้อมกับเปิดประตูรถ หยิบซองเอกสารส่งให้ชาลี
“ค่าจ้างหรือ" ชาลีหลุบตาลงมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีก่าย แต่ยังไม่ยื่นมือไปรับมา
“ผมเป็นตำรวจ เข้าถึงข้อมูลประวัติบุคคลของใครต่อใครได้อย่างง่ายๆ"
“เหมือนที่คุณขุดคุ้ยประวัติผม" ชาลีกระแทกเสียง
“รวมถึงของเจตรินด้วย"
“สารวัตรกัณต์" ชาลีลดเสียงลง มองหน้านายตำรวจด้วยสายตาราบเรียบ "นอกจากเจตรินแล้ว มีอีกสองคน คุณก็รู้"
“สองคนนั้นผมก็ตรวจสอบมาแล้วด้วย ถ้าคุณอยากจะฆ่าเขาผมก็จะช่วย สองคนนั้นเลวไม่มีที่ติ วาทินเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยซ้ำ ตำรวจกำลังจับตามองอยู่ เป็นเจ้ามือรับพนันแข่งรถซิ่งอีกต่างหาก ส่วนไวโรจน์ก็มีคดีทำร้ายร่างกายอยู่สามคดี แต่ไม่ใช่เพราะเขาป่วยเป็นไบโพลาร์หรือโรคอะไรคล้ายๆ กันที่ทำไปเพราะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่เพราะเป็นสันดานเถื่อนจริงๆ พ่อเขาใหญ่ รอดได้ทุกครั้ง คนที่โดนนั้นหนักพอๆ กับคุณ จะให้ตามมาช่วยกันแท๊กทีมกับคุณแก้แค้นไวโรจน์ไหมล่ะ"
“ไม่ต้องมาประชด"
“คุณจะได้อะไร ชาลี" กัณต์ถามเสียงเข้ม มองหน้าชาลีอย่างค้นหา "คุณจะได้อะไร"
ชาลีเมินหน้าหนี ยังคงกอดอกนิ่ง ปากเม้ม สลับกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“แต่ที่น่าคิดก็คือ...คุณจะเสียอะไร" กัณต์เดินไปที่รถของชาลี เปิดประตูด้านคนขับแล้ววางซองเอกสารเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
“ขนาดผมเป็นตำรวจ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรในวงการแพทย์เท่าไหร่ ตอนที่อ่านกระดาษทุกแผ่นในซองนั้น ผมยังรู้สึก...”
“พอ ไม่ต้องพูด" ชาลีเสียงกร้าว "แต่ถึงผมจะเลิกตอแยกับเจตริน หรือแม้กระทั่งวาทินกับไวโรจน์ ก็ไม่ได้หมายความว่า...”
กัณต์ปิดประตูรถดังปังเมื่อชาลีรีรอที่จะพูดให้จบประโยค
...เขาไม่อยากจะได้ยินสิ่งที่ชาลีอาจจะพูดให้จบ ชาลีหยุดพูด เหมือนต้องการให้เขาคิดต่อเอาเอง หรือบางที หยุดพูด เพราะพูดต่อไปไม่ออก...
...แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขา 'อาจจะ' จะได้ยินมันโหดร้ายกับเขามากเกินไป...
...ความรักครั้งแรกของเขา ความรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมี ชาลีปฎิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย...
...เขารักชาลี เขารักชาลี เขารักชาลี...
ความจริงที่กัณต์ตระหนักได้ใน ณ เวลานี้ช่างทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

ชาลีพยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ควรจะมาเยี่ยมเจตริน หากเขาเลิกคิดที่จะแก้แค้นเจตรินแล้วก็ไม่ควรต้องมาเจอหน้ากันอีก
แต่เขาก็มา!
เอกสารที่กัณต์เอามาให้ยิ่งตอกย้ำให้เขามั่นใจมากขึ้น เทปบันทึกเสียงสนทนาที่กัณต์ขอให้หมอผู้รักษาเจตรินอธิบายถึงสภาพของผู้ป่วยไบโพลาร์ทำให้เขาอึ้ง คืนนั้น ที่รีสอร์ท เขาตกใจมากที่เห็นเจตรินแสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างรุนแรง ตลอดทางที่กัณต์ขับรถกลับกรุงเทพฯ เขาไม่ได้พูดอะไรกับกัณต์เลย ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจว่าเจตรินป่วยทางจิต และเมื่อได้อ่านหนังสือเพิ่มเติมและคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นจิตแพทย์ก็ทำให้เขารู้สึกแน่ใจมากขึ้น นอกจากนั้น ประวัติของเจตรินอย่างละเอียดที่กัณต์เอามาให้ดูนั้นก็เป็นหลักฐานที่จับต้องได้
...แต่ 'หลักฐาน' ที่เป็นบุคคลนั้นน่าจะเป็นคุณหญิงฟาติมา ซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเจตรินที่สุด...
ชาลีต้องการพบกับคุณหญิงฟาติมา ทั้งที่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามารดาของเจตรินจะยอม 'คุย' กับเขาหรือเปล่าเรื่องอาการป่วย 'อีกโรคหนึ่ง' ของลูกชาย
เขาตัดสินใจอยู่นานหลายอาทิตย์ก่อนจะตัดสินใจมาเยี่ยมเจตริน
...หลังจากที่แน่ใจว่าเจตรินเป็นอัมพาต...
...เขาควรจะสะใจดีหรือไม่ กรรมตามสนองเจตรินแล้ว ทำกับเขาไว้เจ็บแสบ ตอนนี้เจตรินป่วยเป็นมะเร็ง เป็นไบโพลาร์ และประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว...
...แต่...
...แต่เขาไม่สะใจเลย ไม่เลยจริงๆ...
...เพราะอะไร...
...เพราะเหตุผลที่ว่าเจตรินป่วยเป็นไบโพลาร์นั่นหรือ...
...สมมุติว่าเจตรินเป็นมะเร็งเพียงอย่างเดียวและหลงรักเขาจนสุดหัวใจ จากนั้น โดนเขาหักอก เขี่ยถึงอย่างไม่ใยดี เขาถึงจะสะใจใช่หรือไม่ แต่เขาพยายามบอกตัวเองว่า โดยเนื้อแท้แล้ว เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ใช่คนร้ายกาจ เขาไม่ใช่คนที่จะทำลายชีวิตใครได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะแค้นหรือเพราะอะไร เขาเป็นคนมีจิตใจดีงาม ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นแพทย์ที่ให้การรักษาคนไม่ได้หรอก คนไข้ทุกคนรักเขา ยกเว้นคนเดียวที่ชื่ออนุชิต เพราะแฟนของอนุชิตเปลี่ยนใจมาจีบเขาและโดนเขาหลอกให้รักแล้วทิ้งภายในสองเดือน...
...ส่วนเอกภพก็เอาแต่พร่ำเตือนเขาว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...
...ถ้ากรรมตามสนองเจตริน แล้วกรรมจะตามสนองเขาเมื่อไหร่...
...กัณต์ขอร้องให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะแก้แค้น และลองมาคบกัน แต่เขาก็ยังลังเล เขาให้เหตุผลตัวเองว่าเพราะต้องดูแลนาวิน...
..แต่เอกภพเอาแต่พูดกรอกหูเขาว่ายุทธนาเป็นคนดี เชียร์แล้วเชียร์อีก สารพัดจะหาข้อดีของยุทธนามาโน้วน้าวจิตใจเขา...
...ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด...
“คุณหญิง" ชาลีอุทานเบาๆ หยุดความคิดวุ่นวายในหัวเมื่อเห็นคุณหญิงฟาติมาเปิดประตูเดินออกมาจากห้องพักคนป่วย ใบหน้าที่เคยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ตอนนี้ดูซูบซีดและมีรอยฟกช้ำที่ซีกหน้าด้านขวาตั้งแต่โหนกแก้มลงมาจนถึงมุมปากและคาง ผมที่เคยจัดแต่งทรงอย่างสวยงาม ขณะนี้รัดด้วยสายรัดผมแบบธรรมดา
“คุณหมอ" คุณหญิงฟาติมามองชาลีด้วยสายตาเย็นชา แต่แวบหนึ่ง เขาเห็นแววตาเจ็บปวด
“ผมขอโทษครับที่มาเยี่ยมช้า...”
“หมอไม่ได้อยากมาหรอก ฉันรู้" คุณหญิงฟาติมาพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหิน
“ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น" ชาลีพยายามควบคุมนำ้เสียงให้ราบเรียบ "ผมก็ทำใจยากอยู่เหมือนกัน"
“คนที่น่าจะเป็นกำลังใจให้เจได้มากที่สุดก็คือคุณ"
“คุณเจตรินเห็นผมกับคนอื่นเลยโกรธมาก"
“เจทะเลากับจินตวีร์ด้วย แล้วก็กับใครอีกก็ไม่รู้ เจดื่มเหล้าแล้วก็ขับรถเข้ากรุงเทพฯ คุณรู้ไหมว่าทำไม" เสียงของคุณหญิงฟาติมาสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อขึ้นมา ปากสั่นระริก "เขาจะมาเอาปืนที่บ้านเพื่อนตามไปยิงคนที่มาแย่งคุณไปจากเขา"
ชาลีอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่คุณหญิงฟาติมาพูด แต่เขาก็รู้ว่า คนที่ป่วยเป็นไบโพลาร์มีแนวโน้วว่าจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้
“ผมรู้แล้วว่าคุณเจตรินเป็น...”
“ไบโพลาร์" คุณหญิงฟาติมาแทรก "เป็นมาตั้งแต่อายุ 20 ปี วันที่อายุบรรลุนิติภาวะ เจก็ได้รับของขวัญอันแสนโหดร้าย แต่ฉันรักษาและดูแลลูกอย่างดีมาตลอด ปีที่ผ่านมาเขาสเตเบิ้ลมาก จนฉันรู้ว่าว่าใกล้จะหายแล้ว ยิ่งเมื่อเขาเจอคุณเขาก็ยิ่งดีขึ้น แต่คุณรู้ไหม ทั้งๆ ที่ฉันกับลูกสาวควบคุมบัญชีธนาคารไว้เป็นอย่างดี แต่เจก็แอบเอาเงินไปซื้อบ้าน ซื้อเรือยอช์ท บอกว่าจะเอาไว้เป็นโลกของตัวเองกับคนที่เขารัก เจบอกว่ากำลังจะลงทุนสร้างโรงพยาบาลเพื่อให้คุณเป็นผู้อำนวยการ แต่ฉันรู้ตรวจพบเสียก่อน เลยรีบควบคุมเอาไว้ นี่ไง บนหน้าฉันนี่ไงคือสิ่งท่ีลูกชายตอบแทนคนเป็นแม่สำหรับการดูแลคนป่วย แม้นอนอยู่บนเตียง เจตรินก็กระชากคอเสื้อฉันลงไปแล้วทำร้ายแม่"
ชาลีเบือนหน้าไปมองผนังสีขาวของทางเดินในโรงพยาบาล ถอนหายใจเบาๆ นึกภาพตาม
“คุณหญิงจะให้ผมช่วย" ชาลีชะงักแล้วเปลี่ยนคำพูด "คุณหญิงจะให้ผมทำยังไงครับ คุณหญิงก็รู้ ผมทำอะไรไม่ได้มากหรอก"
“คุณต้องการอะไรจากลูกฉัน หมอชาลี" คุณหญิงฟาติมาจ้องหน้าชาลีเขม็ง "คุณทำเหมือนจะให้ความหวังเขา แต่คุณก็...”
“ผมเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกครับ"
“จินตวีร์เป็นอะไรกับคุณ แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าสองคนนั้นไม่ถูกกัน แล้วจินตวีร์ไปโผล่ที่ระยองได้ยังไง มันยังบอกว่าสนิทกับคุณมากเป็นพิเศษ แล้วผู้ชายสองคนนั้้นเป็นใคร คนที่ไปเคาะประตูห้องเจเป็นใคร คนที่อยู่วิลล่ากับคุณเป็นใคร ทั้งหมดไปอยู่ที่นั่นพร้อมๆ กันได้ยังไง"
“ผมไม่ทราบ" ชาลีตอบเสียงเข้ม กลืนน้ำลายลงคอ ในใจว้าวุ่นยิ่งนัก
...จะบอกความจริงไปเลยหรือแก้ตัวดี จะพอแค่นี้ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้เป็นแค่คำถามที่คุณหญิงฟาติมาถามแล้วไม่ได้รับคำตอบ หรือบอกไปเลยว่าที่จริงแล้วเขาเป็นใคร เอาให้พังเละกันไปเลยให้สิ้นเรื่อง ยังไงๆ ตอนนี้เขาก็เรียกได้ว่าทำบาปกรรมไปแล้ว...
...ผมคืออดิศวงศ์ แฟนของลูกชายคุณหญิง คนที่โดนลูกชายสุดที่รักของคุณทำร้าย คุณเองก็ไม่ได้จะสงสารอะไรผม หนำซ้ำยังดูถูก หาว่าผมจะมาปอกลอกลูกตัวเอง หาว่าผมเป็นคนชั้นต่ำกว่า หาว่าผมต้องการเงิน พยายามกีดกัดผมกับเจตรินทุกวิถีทาง...
...แต่ตอนนี้ เขาพูดแบบนั้นไม่ได้ เขาพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไร...
“ฉันหวัง ได้แต่หวัง เจตรินคบกับหมอ ท่าทางคุณเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่น อ่อนโยน หนักแน่น มองโลกในเง่ดี คุณอาจจะช่วยดึงลูกฉันขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความทุกข์ได้"
“คุณหญิงไม่คิดว่ามันไม่แฟร์สำหรับผมหรือครับ"
“เจกำลังคิดจะบอกคุณ" เสียงของคุณหญิงฟาติมาฟังดูอ่อนล้า "แต่เขายังไม่มั่นใจ เขารอเวลาเหมาะๆ ถึงได้ชวนคุณไประยองกันสองต่อสอง"
“คิดว่าผมจะรับได้งั้นหรือครับ"
“เขามีศรัทธาในตัวคุณ เจคิดว่าคุณจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าคนอื่น อย่างน้อยคุณก็เป็นหมอ ถึงคนละสาขา แต่ก็น่าจะเข้าใจสภาพของเขาได้ง่ายกว่าใคร" คุณหญิงฟาติมาหัวเราะเสียงขื่น "พูดไปก็ถูกอย่างที่คุณว่านั่นล่ะ มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ แต่มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับใครทั้งนั้น ลูกฉันเป็นแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรม แต่คนที่อยู่ในหลุม พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะปีนขึ้นมา พอเจอใครซักคนที่ทำท่าเหมือนจะยื่นมือไปดึงเขาขึ้น คุณจะคว้าหรือเปล่า ฉันกับลูกเห็นแก่ตัว ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่นึกว่าคุณจะคบกับใครหลายพร้อมกัน แต่ถ้ายังงั้น มาทำเป็นเหมือนจะรักจะชอบลูกฉันทำไม มาให้ความหวังเขาทำไม เจเขาคิดว่าคุณจะรับรักเขา"
ชาลีฟังอย่างเงียบๆ และถามตัวเองในใจว่าควรจะพูดความจริงออกไปเลยดีหรือไม่ ประกาศให้คุณหญิงฟาติมารู้ไปเลยว่า ชาลีคนนี้คืออดิศวงศ์ในอดีต คุณหญิงฟาติมาอาจจะจำเขาได้
...แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า...
...อดีตอันเจ็บปวดทั้งกายและใจที่เขาจดจำมันมาตลอดเหมือนเป็นภาพยนต์เศร้ารัดทดหนึ่งเรื่อง ตอนนี้กำลังจะถูกเขาเอากรรไกรหั่นฟิล์มทิ้งเป็นชิ้นๆ ภาพเขานอนหายใจรวยรินอยู่บนเปลที่เพื่อนบ้านช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล ภาพที่เจตรินชี้หน้าด่าเขาและลงไม้ลงมือกับเขาอย่างรุนแรง ภาพที่เขานอนร้องให้อยู่บนเตียงแล้วเจตรินมาง้อขอคืนดีและเขาก็ใจอ่อน ภาพที่เจตรินกอดเขาแนบอกพร้อมกับพร่ำรำพันว่ารัก และภาพอีกเป็นพันเป็นหมื่นภาพ ทุกอย่างจะถูกลบทิ้ง...
“ผมรักลูกคุณหญิงไม่ได้หรอกครับ" ชาลีตัดสินใจพูด "ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ผมจะโอนเคสการรักษามะเร็งให้คุณหมออีกคนที่เก่งกว่าผม"
“หมอชาลี ฉันสงสารลูก" น้ำตาของคุณหญิงฟาติมาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตา "แม้ลูกจะทำแบบนี้กับฉันนับครั้งไม่ถ้วนยามมีอาการมาเนีย แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ ฉันรู้ว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ ลูกไม่รู้สึกตัว ลูกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ตอนที่ทำกับแม่แบบนั้น ฉันบอกตัวเองเสมอว่าเพราะลูกป่วย แต่ฉันก็ยังหวังว่าจะมีใครซักคนที่จะอยู่เคียงข้างเขา เจก็จะพบกับความสุขได้บ้างเป็นช่วงๆ เขาอาจจะผ่านพ้นมันไปได้ เจพูดอยู่เสมอว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเขา ฉันก็ได้แต่ปลอบลูกว่ามันไม่ใช่เวรกรรม ซักวันลูกจะต้องเจอคนที่ดี คนที่เข้าใจสภาพของเขาและยอมยืนหยัดเคียงข้างเขา หมอของเจพยายามกระตุ้นให้เขามีศรัทธา ให้เขามีทัศนคติด้านบวก ฉันเห็นตัวอย่่างมาหลายคู่ ฉันถึงได้มีศรัทธาว่า ซักวันหนึ่ง คนที่ป่วยเป็นไบโพลาร์อย่างเจคงจะมีโอกาสแบบคู่อื่นบ้าง"

...แต่ผมไม่ใช่พ่อพระ...
ชาลีพูดซ้ำๆ กับตัวเองในใจขณะที่เดินจากคุณหญิงฟาติมา เขาไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเจตริน เขาเลือกที่จะเดินจากมาเงียบๆ เหมือนที่มารดาของเจตรินเลือกที่จะหยุดการสนทนากับเขาเงียบๆ ด้วยการหันไปยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กๆ ใกล้กับจุดที่ยืนคุยกัน
...ทางออกมีอยู่แค่นั้นล่ะ แค่เท่าช่องหน้าต่างช่องนั้น กว้างแค่พอที่จะโผล่หน้าออกไปสูดเอาอากาศเน่าๆ ของกรุงเทพฯ เข้าปอดได้เท่านั้นเอง...
...ตอนนี้เขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้นที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจตรินได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ 'จม' อยู่ในบ่อน้ำลึกแห่งความเจ็บปวดมาตลอดหลายปีหลังจากวันสุดท้ายที่เขาเห็นหน้าเจตริน...
...แต่หากเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจตรินในตอนนั้น เขาอาจจะยืนหยัดกับเจตรินมาจนทุกวันนี้...
...แล้วตอนนั้นทำไมเขาไม่รู้ ทำไมเขามองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจตรินไม่พูด ทำไมแม่ของเจตรินไม่อธิบาย ทำไม ทำไม ทำไม มันเป็นความผิดของใคร...
...ที่เขา 'หยุดและจบ' ทุกอย่างไว้แค่นี้ ไว้ตรงนี้ ไว้ที่นี่ เขาก็คิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว...


กัณต์เลี้ยวรถเข้าไปในบ้านของนายแพทย์ชาลี ในใจร้อนรุ่มยิ่งนัก นาวินเปิดประตูไว้รอเขาจึงเข้ามาในบ้านได้สะดวก พอเด็กหนุ่มปิดประตูรั้วเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งกลับมายืนอยู่ข้างรถ รอรับ 'คำสั่ง' ของสารวัตรกัณต์ 'พี่ชาย' คนใหม่ที่ตามใจเขาทุกอย่าง
“เอ้านี่" กัณต์ยื่นเงินให้นาวินหนึ่งพันบาท "ไปหาอะไรอร่อยกิน แล้วไม่ต้องรีบกลับมานะ"
“พี่หมออยู่ที่สวนหย่อมหลังบ้านครับ เดินอ้อมไปทางนั้น ผมล๊อคประตูหลังบ้านไว้แล้ว แต่ประตูหน้าบ้านล๊อคไม่ได้ ถ้าพี่กัณต์กลัวพี่หมอจะวิ่งหนีขึ้นข้างบนต้องวิ่งอ้อมบ้านมาทางด้านซ้ายนะครับ ทางขวามันไกลกว่า เดี๋ยวสะดุดกระถางต้นไม้้ ผมยังไม่ได้เก็บเลย" นาวินรายงาน
“ขอบใจ" กัณต์ตบไหล่คนที่กลายมาเป็นทั้งลูกน้องและน้องชายคนใหม่
“แต่ว่าก่อนย้าย พี่กัณต์อย่าลืมพาผมไปหัดขับรถนะครับ" นาวินทวงสัญญา
“ไม่ลืมหรอก" กัณต์ตอบ "จะหัดยิงธนูแถมให้อีกต่างหาก"
“ดีครับๆ" นาวินยิ้มกว้างแล้วรีบหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้กัณต์เดินอ้อมไปยังด้านหลังของบ้านช้าๆ เพื่อ 'คุย' เรื่องสำคัญกับนายแพทย์เจ้าปัญหา
...เรื่องสำคัญที่ว่า ชาลีจะย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งของกาญจนบุรี!

“คุณเข้ามาได้ยังไง" ชาลีถามเสียงห้วนเมื่อกัณต์เดินเข้าไปใกล้ "ปีนเข้ามาหรือไง"
“ผมขับรถเข้ามา ประตูรั้วบ้านคุณไม่ได้ล๊อค" กัณต์ตอบ "ชาลี บอกผมหน่อยสิว่าทำไม"
“คืนนั้นคุณบอกแล้วไงว่าจะมาพูด มาคุย มาเจอเป็นครั้งสุดท้าย"
“ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมพูดอะไรไป" กัณต์ยักไหล่ "ตอนนี้ผมอยากจะพูดอย่างเดียวว่า สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี่มันไม่ควรเลย"
“ชนบทต้องการหมอ"
“คุณกำลังหนี" กัณต์เน้นเสียง "จากอะไรครับ จากผม หรือจากอะไร จากใคร จากเรื่อง...”
“เรื่องอะไรก็ช่างเถอะ" ชาลียักไหล่ พูดเสียงเรียบ หันไปมองต้นไม้หลังบ้านของตัวเอง "ผมอยากเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตบ้าง ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมอยากไปให้ไกลๆ แต่คุณก็คงรู้แล้วสิ ตำรวจเก่งๆ อย่างคุณก็คง สืบสวน สอบสวน ได้อยู่แล้ว"
“นาวินจะทำยังไง"
“อย่ามาแกล้งพูดเหมือนเป็นห่วงนาวินเลย" ชาลีตวัดเสียง "ผมรู้นะว่าคุณกำลังดำเนินการทางจิตวิทยากับน้องผม เด็กอย่างนาวินไม่ทันคุณหรอก แต่ผมรู้ทันคุณ รู้ความคิดคุณ"
“คุณจะหนีไปทำไม ผมไม่อยากให้คุณไป คุณก็รู้ว่าผมอยากให้คุณอยู่ ถ้าคุณเลิกแก้แค้นเจตรินหรือแม้แต่ไม่คิดจะแก้แค้นอีกสองคนที่เหลือ คุณจะไปทำไม"
ชาลีนิ่ง ไม่ตอบคำถามของกัณต์ทันที กัณต์หายใจอย่างอึดอัด ท่าทางของชาลีดูเย็นชาจนเขารู้สึกใจแปลบ
“ไปกับผมสิ ย้ายไปด้วยกัน ไปไหมล่ะ" ชาลีเดินเข้ามาใกล้กัณต์ ถามนายตำรวจหนุ่มด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จ้องตากัณต์นิ่ง แล้วเม้มปากเมื่อเห็นกัณต์อึ้ง "คุณก็ตอบ yes ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาห้ามผม"
“คุณอยากให้ผมไปด้วยงั้นหรือ" เสียงของกัณต์เยือกเย็น หันหลังให้ชาลีแล้วเดินจากไปช้าๆ "คุณอยากจะหนีผมต่างหาก คุณหนีความรักมาตลอดเวลา จนป่านนี้ คุณก็ยังหนี จนป่านนี้ คุณก็ยังอยู่แต่ในอดีต จะให้ผมวิ่งตามคุณไปอีกนานแค่ไหน"
...ชาลีทำไมใจแข็งแบบนี้ ต้องให้เขา 'ทำถึงขนาดนี้' หรือถึงจะใจอ่อน สิ่งทีเขากำลังตัดสินใจจะ 'ทำ' ตอนนี้จะว่าไปก็ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร...
...เขาจะปล่อยให้ชาลี 'หนีไป' ซักระยะ ชาลีต้องการเวลาที่จะตัดสินใจ หากชาลีรักเขาก็คงต้องรู้สึกทรมานไม่ใช่น้อย...
...และเมื่อนั้น เมื่อเวลา 'เหมาะ' แล้ว เขาจะตามไปเอาชาลีกลับมา...
“อย่าลืมปิดประตูรั้วด้วย" ชาลีพูดเสียงราบเรียบแล้วกัดริมฝีปากของตัวเอง พลางเดินตรงไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ติดรั้วหลังบ้าน
...เขากับกัณต์ยังไงก็ไปกันไม่ได้...
ชาลีบอกตัวเองว่าอย่างนั้น
...เขาอยากจะไปซักพัก...
...เขาเปลี่ยนชีวิตจากอดิศวงศ์มาเป็นชาลีแล้ว เขาจะเปลี่ยนจากชาลีเป็นคนอื่นอีกซักครั้ง...
...แต่เป็นครั้งสุดท้าย...
...ครั้งที่น่าจะดีที่สุด...
...เขาเลิกที่จะคิดเรื่องแก้แค้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจตริน พี่ทิน หรือไวโรจน์...
...หรือแม้แต่คนที่ทำให้เควินต้องฆ่าตัวตาย...
...พอกันที เขาไม่อยากทุรนทุรายอยู่กลางเปลวเพลิงแห่งรักอีกต่อไปแล้ว...
...เว้นเสียแต่ว่า...
...เว้นเสียแต่ว่า...
...ว่า...กัณต์ จะเป็นฝนเย็นๆ มาดับเพลิงในหัวใจของเขา...

***25 จ๊บ***


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 25-03-2010 17:56:32
จบจริงหรือหลอก
รอตอนแถมนะเคอะ........แหมหนีไปซะไกลเชียว
นุ้งนาวินเดะอินเตอร์ของอิป้าจะไปอยู่เยี่ยงไรล่ะเนี่ย
คุณหมอคะหมดเวงหมดกรรมกันซะทีเนอะคะ
หนีไปตั้งหลักนับหนึ่งใหม่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นใครก็ช่าง
แต่ใจของตัวเองร่วมทั้งจิตใต้สำนึกนั่นมันเปลี่ยนยากอยู่นะคะ  :เฮ้อ:
+1 คะ คนแต่ง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 25-03-2010 17:58:09
โรคไบโพลาร์ (Bipolar) เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านเรื่องอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้านั้นคือ โรคอารมณ์ที่ชัดเจน ที่มีอารมณ์เบื่อเศร้า แต่โรคไบโพลาร์ จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งจะมีลักษณะครื้นเครง รื่นเริง สนุกสนานสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง
ในประเทศไทย มีผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต ทางด้านอารมณ์ จำนวนหลายแสนคน บางครั้งอาจเรียกว่า “โรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” หรืออารมณ์แปรปรวน ส่วนมากพบได้ในบุคคลที่มีฐานะดี และคนที่คิดมาก ทั้งชายและหญิงมีสิทธิ์เป็นได้เท่าๆกัน

สาเหตุของโรค

1. โรคนี้ได้วิจัยชัดเจนแล้วว่า เป็นเรื่องของความผิดปกติของสารสื่อนำประสาทในสมอง ทำให้เกิดอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

2. สารในกลุ่ม catecholamines เกี่ยวข้องกับอาการของโรค ปริมาณของ epinephrine และ norepinephrine ที่ต่ำจะทำให้เกิดอาการ depression ในขณะที่ระดับ epinephrine และ norepinephrine ที่สูงขึ้นทำให้เกิดอาการ mania

3. สารโคเคน cocaine ทำให้โรคกำเริบ ยารักษาโรคพาร์กินสันในกลุ่ม L-dopa และยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดกลับของสารซีโรโทนิน จะกระตุ้นให้โรคไบโพลาร์กำเริบ

4. โรคไบโพลาร์เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมด้วย เช่น พ่อหรือแม่เป็นโรคนี้ โอกาสที่ลูกจะเป็นมีร้อยละ 26 หมายความว่าหนึ่งในสี่คนมีโอกาสเป็นโรคนี้แน่ๆ ถ้าพ่อหรือแม่เป็นทั้งคู่ อาจจะเป็นไบโพลาร์หรือซึมเศร้า ลูกมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงถึงร้อยละ 56

5. ในปี 2004 มีรายงานการศึกษาพบว่า oligodendrocyte-myelin–related genes เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไบโพลาร์ โดยที่โอกิโลเดนโดรซัยท์ทำหน้าที่ผลิตสารมัยอีลินห่อหุ้มเส้นใยประสาท ดังนั้นความผิดปกติของสารมัยอิลินจึงทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างปกติ

6. การทดลองในหนู พบว่ายีน Bcl-2 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไบโพลาร์ โดยทำให้โปรตีนซ่อมแซมเซลล์ในส่วนสมองส่วน frontal cortex และ hippocampus ลดน้อยลง

อาการของโรค

อารมณ์ดีในลักษณะที่ผิดปกติ เรียกว่า mania หมายถึงอารมณ์ดีมากเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น และมักจะไม่มีเหตุผลหรือไม่สมเหตุสมผล อาจจะมีปัญหากระทบกระเทือนต่อหน้าที่การงาน อารมณ์ดีจนกระทั่งตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ช่วงที่มีอารมณ์ดีจะช่างพูดช่างคุย คุยได้ไม่หยุด และไม่ชอบให้ใครมาขัดจะเกิดอารมณ์หงุดหงิด แล้วถึงขั้นใช้อารมณ์ก้าวร้าวได้
ผู้ป่วยบางคนกลางคืนไม่ยอมหลับ ไม่ยอมนอน อยากเที่ยวกลางคืน ใช้จ่ายเงินมาก มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น สำส่อนทางเพศ อารมณ์ดีที่มากเกินปกติและไม่สมเหตุสมผล ที่เป็นมากขึ้นต่อเนื่องยาวกว่าหนึ่งอาทิตย์ แล้วก่อให้เกิดปัญหาคือ จุดที่ควรสงสัยว่าคนนั้นอาจเป็นโรคไบโพลาร์ ความหมายของไบโพลาร์ไม่จำเป็นต้องสลับกับช่วงซึมเศร้า บางคนเป็นโรคนี้ อยู่ช่วงหนึ่งอาจจะประมาณ 4-6 เดือนอาจจะสามารถกลับคืนเป็นปกติได้เองโดยไม่ต้องรักษา ทำให้คนรอบข้างจะไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา ถ้าไม่สังเกตอย่างใกล้ชิด เมื่อปกติแล้วเขาจะดำเนินชีวิตได้ปกติ พอถึงช่วงหนึ่งจะรื่นเริงอีก หรืออาจจะสลับไปขั้วตรงข้าม เป็นแบบซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มตั้งแต่ แยกตัว เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เบื่อๆเข้าก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ที่สำคัญที่สุดคือการฆ่าตัวตาย
โรคนี้ช่วงซึมเศร้าจะเหมือนกับโรคซึมเศร้า อัตราการฆ่าตัวตายคือ 15-20% เพราะฉะนั้นหนึ่งในห้ามีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเบื่อเศร้าและฆ่าตัวตาย ช่วงที่รื่นเริงมากๆ ก็จะมีประเด็นการฆ่าตัวตายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตอนซึมเศร้า คนไข้ที่จะป่วยเป็นโรคนี้ จากการวิจัยพบว่า จะเริ่มเกิดอาการของโรคนี้ในช่วงวัยรุ่น แต่อาการจะไม่ปรากฏชัด ซึ่งบางทีวัยรุ่นเป็นโรคนี้อยู่แต่ไม่ปรากฏอาการที่รุนแรง คนรอบข้างจะไม่สามารถสังเกตได้ อาจเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง เช่น อาจจะเที่ยวกลางคืน อยากไปเตร็ดเตร่ ไม่มีสมาธิในการเรียนทำให้ผลการเรียนตกลง อาจจะมีปัญหาเรื่องของพฤติกรรมที่สร้างปัญหา เช่น ทะเลาะกับเพื่อนฝูง ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ใกล้ชิด เห็นแค่ปรับเปลี่ยนไปนิดหน่อย เหมือนกับไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย

การวินิจฉัยโรค

จะสังเกตเห็นได้ชัดในกลุ่มคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ จะอดหลับอดนอน ใช้เงินไม่มีเหตุผล คิดเร็วเหมือนมีความคิดสร้างสรรค์ดี แต่มักทำสิ่งที่คิดไม่สำเร็จเพราะคิดไม่รอบคอบ พฤติกรรมจะวุ่นวาย ก้าวร้าวเมื่ออาการเป็นมาก
โรคนี้มีระยะเวลาในการเจ็บป่วย แบ่งเป็นช่วงๆ ช่วงละ 4-5 เดือน คนที่เป็นน้อยๆ และควบคุมอาการของโรคได้จะสามารถประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะจะเป็นคนที่ขยันทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ดี เชื่อมสัมพันธ์คนอื่นได้ง่าย เช่น ผู้ป่วยตอนมีอาการไม่มากสามารถก่อร่างสร้างตัวจนเป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่อายุ 30 ต้นๆแต่พออายุใกล้ 40 ต้องมาเผชิญกับความเครียดเรื่องการเงินและเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น เริ่มมีอาการผิดปกติ นอนไม่หลับ คิดมาก หงุดหงิด มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ฟังใครจึงมักทะเลาะกับคนอื่น ครั้นต่อมาเมื่อรุนแรงขึ้น ถึงขั้น ด่าว่า ตบตีกันในครอบครัว เมื่อเป็นมากๆก็ไปทำร้ายคนอื่นได้

แนวทางในการรักษาโรค

1. การรักษาในปัจจุบันนี้ ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนำประสาทตรงให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood stabilizer ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัว ที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้ ช่วงระยะการรักษา ช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมาเป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจากนั้น จะเป็นการรักษาต่อเนื่องอาจต้องใช้ยาคุมอาการ ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสำคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปีอาจมาพบหมอแค่ 2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด

2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้ดีมาก แต่ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกันได้ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่นๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ valproate, carbamazepine, lamotrigine, gabapentin และ topiramate

3. สำหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine, olanzapine, risperidone, quetiapine และziprasidone

4. สิ่งสำคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง

5. ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัวต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อนโรคกำเริบรุนแรงเพราะว่ามีโอกาส กลับไปเป็นซ้ำอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนมากที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์แอคทีฟ”ต่อมาบางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า เป็นมากๆอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย

โรคนี้รักษาได้ ญาติควรนำผู้ป่วยส่งแพทย์โดยด่วน หากพบว่าอาการเริ่มเพิ่มชั้นความรุนแรง ปัจจุบันมียาที่ใช้ปรับอารมณ์ให้คงที่ปกติ สามารถให้ผู้ป่วยดำเนินได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป และลดซึ่งความสูญเสียทางด้านหน้าที่การงาน และเงินทอง เวลาผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรุนแรงเป็นปัญหาสังคมได้

ข้อมูล _ จากเว็บ ปัญญาไทย จุด โออาร์ จุด ประเทศไทยแลนด์ค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 25-03-2010 18:01:29
ตัดสินใจเดินไปในเส้นทางที่ถูก ที่ควร ที่ดี จะดีกว่านะค่ะหมอชาลี ...  :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 25-03-2010 19:16:33
ตัดจบไวเกิ๊น   :m31:  ตัดอะไรๆ คนเขียนมั่งดีมั้ยเนี่ย 

ตอนพีเศษๆ อีกซักสี่ห้าตอนดีไหมคะ  :oo1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-03-2010 19:26:43
กี๊ดดด ยังจบไม่จริงใช่มั้ยค๊า อยากอ่านต่ออีกง่า

+ ให้ค่า :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 25-03-2010 19:29:12
จบได้ไงอ่ะครับ ยังค้างคาอยู่เลยอ่า   :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 25-03-2010 19:58:58
อ่าว................
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 25-03-2010 20:00:43
อ้าว! จบแล้วเหรอ :a5:
แต่ก็ดีแล้วล่ะ หมอชาลีจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ปล. ขอบคุณคุณนายสำหรับคำอธิบายเรื่องโรคไบโพลาร์  :pig4:
     และก็ขอตอนพิเศษด้วย :impress:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 25-03-2010 20:18:40

จบแล้ว..จริงง่ะ

๒๕ แถม ๑ ดิคะ
:L2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 25-03-2010 20:21:29
จ๊บแล่ว o13

สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ ชอบมาก +1

ปล.มีตอนพิเศษก็ดีนะ่ค่ะ จะรอ  :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 25-03-2010 20:34:43
 :pig4:หวังว่าจะมีตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 25-03-2010 20:45:50
แล้วนาวินล่ะ.... :L1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-03-2010 21:07:35
จะเป็นไงต่อเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-03-2010 21:12:02
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 25-03-2010 21:18:16
ใส่คอนเวิร์สกันซะงั้น โธ่ คิดถึงน้องนาวินนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 25-03-2010 21:23:45
จบแล้วหรอคับ  :sad4:

รออ่านตอนพิเศษละนะคับ ^^

หมอชาลียังไม่รู้เลยว่าคนที่ทำให้เควินต้องจบชีวิต

คือกัณฑ์ ที่สำคัญ ,,,, ยังไม่ได้อ่าน NC ของสอง

คนนี้เลยอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 25-03-2010 21:32:02
ดีค่ะ ได้อ่านความรู้ด้วย ย

ต่อไป ฝนเย็น จากพ่อหนุ่มกัณต์ รูปงาม ม
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-03-2010 21:38:06
 :o211:  จบเนี่ยนะ หึหึ


 o9 o9 o9  แล้วตามด้วย  :a14:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 25-03-2010 21:46:43
อ้าวจบแล้วหรอ
นี่จบจริงๆหรือนี่  :a5:

ทำไมมันค้างคาแบบนี้ละพี่นายยย  :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 25-03-2010 22:07:19
จบตอน อำลา ใช่ว่า นิยายเรื่องนี้จะจบ

เพราะโดยนิสัย พี่นายจะไม่ปล่อยให้... ค้างแบบนี้

ฉนั้น ในรายละเอียด อีกหลายอย่างที่ยังเป็นปมที่ยังไม่ถูกแก้ออก

รีบมาแก้ปมที่เหลืออยู่ซะ ขอบอก ห้ามเฉย และนิ่งงัน  :z1:

พอขู่แล้ว ก็ต้องง้อเป็นธรรมดา +1 ให้นะครับ แล้วก็  :n1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 25-03-2010 22:47:10
+ 1 ค่ะ

แบบว่าจบแบบนี้ ต้องมีตอนพิเศษด้วยล่ะ

 :m31:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 25-03-2010 22:57:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 25-03-2010 23:09:36
 :mc4:
ตามอ่านรวดเดียวตอนจบเลยยย...แจ่ม ไม่คิดไม่ฝันว่าจะพลาดเรื่องนี้ไปได้ตั้งนาน  :z3:
จัดได้ว่าเป็นเรื่องที่มีโครงเรื่องดีเด่นระดับหนึ่งเลยทีเดียว...มีแง่มุม มีหักปม ผูกเงื่อน สารพัด
โดยเฉพาะตอนพระเอกหลอกนายเอกขากลับจากงานบวช (เสียตัวครั้งแรก) ชอบมากมาย  :o8:
แต่กระนั้นขอติติงซักเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ...เพื่อเป็นแง่มุมในการพัฒนางานเขียนต่อไป

อันดับแรกเลย เป็นเรื่องของการดำเนินเรื่อง ตัดฉับ ๆๆๆ อารมณ์ผู้อ่านกระเจิงเจ้าค่ะ
ไม่มี NC ไม่ว่า...แต่เล่นตัดหาย เริ่มฉากใหม่ วันใหม่ อ่านแล้วมันขาดความต่อเนื่อง...
บางตอนเป็นซีนอารมณ์ เลยกลายเป็นอารมณ์ค้างๆ คาๆ เหมือนเพลงที่แต่งมาน่ะแหละ  :jul3:

ข้อสองในเรื่องความสมบูรณ์ของเรื่องและการใช้ตัวละครมากเกินจำเป็น เห็นชัดๆก็เรื่อง
ต้นเหตุที่เควินฆ่าตัวตาย จัดเป็นปมสำคัญที่ไม่น่าพลาด ทิ้งไว้กลายเป็นปมในใจของคนอ่านตาดำๆ
หรืออย่างเรื่อง ไบโพล่า ในเนื้อเรื่องควรมีการชักจูงให้คนอ่านคล้อยตามว่ามันน่าเห็นใจยังไง
น่าสงสารยังไง แต่ถึงขนาดยกเอกสารการแพทย์อย่างที่คุณ katawoot มาลงในเรื่องก็ไม่ไหว  :z13:

เอาเป็นว่าเท่าที่อ่านมา...เริ่มอ่านแล้วก็หยุดไม่ได้ ทำงานก็แอบอ่าน ซักนิดซักหน่อยก็เอาดี
รวมเบ็ดเสร็จสามวันทำการ...สนุกตื่นเต้น เร้าใจ ชอบการปะทะคารม์ของนายเอกกับพระเอก
ผู้อ่านนิสัยคล้ายนายเอกด้วยแหละ ปากงี้เลยยยย ว่าจะไปทำประกันเพิ่มตายเพราะ  :z6:    

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกสนานครับ  
:L2: :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 25-03-2010 23:10:45
 :เฮ้อ: จบแล้วหรือคับ

แล้วจะมีตอนพิเศษไหมคับ

แบบว่าอยากได้ฉาก NC จะจะ

ระหว่างชาลีกับกัณฑ์ปิดท้ายอะคับ

มันจะเป็นไปได้ไหมหว่า  :z1:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 25-03-2010 23:14:29
หมอชาลีจะหนีไปแบบนี้จริงๆเหรอ  :o12:

หนีอะไรหน่ะหนีได้ แต่หนีใจตัวเองยังไงก้อหนีไม่พ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 25-03-2010 23:34:58
 :sad2: :sad2: ไม่เอาจบแบบนี้อ่ะ

จะเอาตอนพิเศษ ๆๆๆๆ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~~GigaBYTE~~ ที่ 25-03-2010 23:55:07
 o13 คุณนาย..

อย่าลืมตอนพิเศษ ของพิเศษ ด้วยนะ   :o12:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fin_never ที่ 26-03-2010 00:32:25
จบจิง อะ ไม่เชื่อ หรอก มาต่อ ตอนพิเศษ หน่อย นะค่ะ ขอร้องอะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 26-03-2010 00:37:50
 โฮ้ยยย ค้างอย่างทารุณ มาต่อตอนพิเศษหน่อยน้า :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 26-03-2010 00:38:38
ไม่อยากให้จบเลยครับ แต่ก็อยากให้ชาลีมีความสุขบ้างนะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 26-03-2010 03:18:56
 :serius2:จบจริงอะ


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 26-03-2010 11:57:22
ตอนพิเศษ
ตอนพิเศษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :call:
ขอแบบที่ไม่ใช่วอล์ทดีสนี่นะคุณนาย :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 26-03-2010 11:58:50
ดูเหมือนจะยังไม่จบจริง เพราะ ชาลียังไม่รุ้ความจริงอีกเรื่องที่ว่า สารวัตร คือต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรักต้องตาย

จะว่าไปที่สารวัตรอยากให้เลิกแก้แค้นนี่เพราะห่วงตัวเองด้วยใช่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 26-03-2010 13:01:30
คุณนายจบแห๋มแล้ว ขอบคุณนะคะ รอเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 26-03-2010 13:28:15
ดูเหมือนจะยังไม่จบจริง เพราะ ชาลียังไม่รุ้ความจริงอีกเรื่องที่ว่า สารวัตร คือต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรักต้องตาย

จะว่าไปที่สารวัตรอยากให้เลิกแก้แค้นนี่เพราะห่วงตัวเองด้วยใช่หรือเปล่า
อิ อิ รู้ทันไปหมด

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจและ รักและเห็นอกเห็นใจผู้เขียนนะครับ และทุกท่านที่แสดงความเห็น คำแนะนำ คำติชม และคำขอ NC นะครับ (​NC นี่ย่อมาจาก no censor ใช่ปะ?) โห ต้องแต่งแบบหนังเอ็กซ์เลยเหรอ เขียนไม่เป็นอ่ะ แสดงเป็นอย่างเดียว)

บทส่งท้ายนะครับ

เพลิงรัก บทส่งท้าย

สองเดือนผ่านไป

ชาลียิ้มให้พยาบาลประจำวอร์ดแล้วเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบนชั้นสองของตึกผู้ป่วยชาย สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึกๆ ก่อนจะหันไปมองบันไดซึ่งมีเสียงคนวิ่งขึ้นมา
นาวินหน้าตาตื่น มือซ้ายถือกระเป๋านักเรียน มือขวากอดลูกบาสเก็ตบอล เหงื่อโทรมตัวทั้งที่เป็นหน้าหนาว
“พี่หมอ ทีมผมชนะแล้ว ได้เป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งระดับภาค เย้" นาวินวิ่งเข้ามาใกล้ ทำท่าจะกระโดดด้วยความดีใจ แต่ชาลียกมือห้าม ทำหน้าดุ หันไปมองด้านซ้าย ยกนิ้วขึ้นแตะปาก สื่อสารให้นาวินรู้ว่าไม่ควรส่งเสียงดัง
“ขอโทษครับ แต่ผมกำลังดีใจ" นาวินยังยิ้มกว้าง ลดเสียงลงแทบเป็นกระซิบ "เย็นนี้ฉลองกันนะครับ ผมอยากกินเนื้อย่างเกาหลีที่ร้านโอ๊ะโอ๋ริมแม่น้ำ"
ชาลีพยักหน้าแล้วเดินนำเด็กหนุ่มไปที่บันได ชาลีเดินตามและเอาแต่พูดถึงรายการอาหารที่ต้องการจะรับประทาน
“ไหนว่าจะกินหมูกระทะ" ชาลีถาม
“อันนั้นเมนคอร์ส แต่ก่อนเมนคอร์สผมขอออเดิร์ฟด้วย ผมอยากกินราดหน้าลอยฟ้าตรงหน้าตลาดด้วย อ้อ ผัดไทที่หน้าแบงค์กรุงไทยก็อร่อย พอกินหมูกระทะเสร็จเราก็ไปกินสังขยาป้าจุ๋มที่...”
“นาวิน เอาให้แน่ จะกินอะไรก็เลือกเอาซักอย่าง นี่ต้องตระเวนกินให้รอบเมืองเลยหรือไง"
“น่า พี่หมอ นานๆ ที"
“นานๆ ทีงั้นหรือ ก็เห็นกินแบบนี้เกือบทุกวัน" ชาลีผลักไหล่น้องชาย "มิน่า เอกถึงบ่นว่าเราเป็นไอ้หนูชูชก กินล้างกินผลาญ แบบนี้พี่คงจนตายกันพอดี เป็นหมอที่นี่ได้เงินน้อยกว่าเป็นหมอที่กรุงเทพฯ นะ จะบอกให้"
“เอาไว้จบ ม. หก ผมจะลดปริมาณการกิน นะ พี่หมอนะ ตอนนี้ผมเป็นเด็กกำลังโต" นาวินทำเสียงอ้อนแล้วหัวเราะชอบใจ แต่พลันก็เงียบเมื่อเห็นพี่ชายหยุดเดินแล้วพูดขึ้นมาเสียงเบา
“สารวัตรกัณต์"
“พี่กัณต์"
“สวัสดีครับคุณหมอ" กัณต์ยิ้ม "สวัสดีนาวิน"
“ไปรอที่รถ" ชาลียื่นกุญแจรถให้นาวิน แต่เมื่อเห็นน้องชายลังเลจึงย้ำว่า "ไปสิ"
กัณต์มองตามนาวินจนเด็กหนุ่มเดินห่างไปมากพอสมควรจึงขยับเข้ามาใกล้ชาลีแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน "คุณหนีมาทำไมชาลี"
“ผมไม่ได้หนี ผมแค่อยากเปลี่ยนแปลงสภาพการดำรงชีวิต" ชาลียักไหล่ "แล้วน้องชายผมก็มีความสุขในการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่"
“อำเภอเล็กๆ แบบนี้นี่นะ เซเว่นอีเลฟเว่นก็ไม่มี ถ้านาวินหิวขึ้นมากลางดึกล่ะ จะให้น้องกินอะไร"
“สารวัตรกัณต์" ชาลีเสียงเข้ม "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดตลก บอกมาตรงๆ เถอะว่าคุณมาทำไม"
“ผมมาหาคุณ ผมมาตามคุณกลับไป" กัณต์พูดเสียงนุ่ม "ผมคิดถึงคุณจนทนไม่ไหว พอใจหรือยัง ผมพูดออกมาแล้ว คราวนี้ อย่าไล่กันอีกนะ"
“กลับไปซะเถอะ ให้ผมอยู่ที่นี่กับน้องอย่างมีความสุขเถอะ" ชาลีพูดเสียงราบเรียบแล้วเดินลงบันได
“กลับกรุงเทพฯ เถอะครับ คุณจะหนีมาแบบนี้ไม่ได้นะชาลี"
“ผมไม่ได้หนี"
“คุณอยู่นี่แล้วมีความสุขจริงหรือ"
“มีสิ มีมากด้วย วิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย" ชาลียิ้มบางๆ แต่กัณต์คิดว่าเป็นยิ้มแบบเย้ยหยัน
“ชาลี"
“มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะ" ชาลีหยุดเดิน หันไปมองหน้ากัณต์นิ่ง "ถ้าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม มาอยู่ที่นี่ด้วยกันไหมล่ะ นั่นไง คุณก็ไม่กล้าตอบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาพูดว่า...”
“ผมรักคุณ"
“กัณต์"
"คุณอยากได้ยินผมพูดว่ารักใช่ไหม" กัณต์เลิกคิ้ว "ผมรักคุณ ได้ยินหรือยัง ผมติดใจ ที่พนันกันไว้คราวนั้น ผมแพ้คุณ ตั้งแต่เรามีอะไรกันผมก็เลิกคิดถึงคุณไม่ได้ ตั้งแต่คุณย้ายหนีจากกรุงเทพฯ ผมก็...”
“ผมย้ายออก ไม่ได้ย้ายหนี"
“คุณหนีผมหรือชาลี" กัณต์ถามเสียงทุ้มต่ำ "ผมพยายามบอกตัวเองว่าคุณหนีคนอื่น ไม่ได้หนีผม คุณพูดให้ผมได้ยินชัดๆ ได้ไหมว่าคุณไม่ได้หนีผม"
“ผมหนีคุณ" ชาลีเน้นเสียง
“คุณไม่ได้รักผม" กัณต์เสียงแผ่ว หันหลังทันที ก้าวเท้าเดินจากชาลีไปช้าๆ ในใจนับหนึ่งถึงสิบ เขาบอกตัวเองว่า หากนับถึงแปดแล้วชาลียังไม่บอกรักเขาตอบละก็ เขาก็จะหันไปจับตัว ลากไปขึ้นรถ ขับพาไปให้ไกลถึงชายแดนไทย-พม่า แล้วขังไว้ในกระท่อม อยู่ด้วยกันสองต่อสองสักหนึ่งอาทิตย์ ให้รู้กันไปเลยว่าชาลียังจะพยศเขาได้นานขนาดไหน
“ผมน่าจะรู้ น่าจะยอมรับมาตั้งนานแล้วว่าคุณไม่ได้รักผม...”
“ใครบอก..." ชาลีพึมพำ กัณต์ได้ยิน แต่ก็ยังเดินต่อไปช้าๆ
“ลาก่อน หมอชาลี" กัณต์พูดขึ้นโดยไม่หันไปมองข้างหลัง แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินชาลีพูด "ขอบคุณที่สอนให้ผมรู้จักความรัก"
“สารวัตรกัณต์...”
นายตำรวจหนุ่มอมยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ เดินลงบันไดชั้นสองของตึกผู้ป่วยช้าๆ จุดหมายคือรถของนายแพทย์ชาลีซึ่ง 'ลูกน้อง' ของเขายืนรออยู่แล้ว นาวินยื่นกุญแจรถให้เขาและแบมือรับเงินจำนวนหนึ่งพันบาทซึ่งเขาบอกให้ไปหาซื้ออะไรทานให้เต็มอิ่มและกลับไปรอที่บ้าน
“พรุ่งนี้พี่จะพาไปหัดขับรถ" กัณต์พูดกับนาวิน ตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วรับลูกบาสเก็ตบอลและกระเป๋ามาจากอีกฝ่าย เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรอ 'เจ้าของรถ' อยู่บนเบาะที่นั่งคนขับ
นาวินวิ่งหายไปทันที พร้อมๆ กับที่กัณต์เหลือบตาไปมองบันไดของตึกสองชั้นสีขาวของโรงพยาบาลประจำอำเภอเล็กๆ และเห็นร่างของชาลีเดินมาที่รถช้าๆ ด้วยท่าทางซึมๆ ต่างไปจากท่าเดินที่เต็มไปด้วยมั่นใจซึ่งเขาเคยเห็นอยู่เป็นประจำ
...เป็นไงเป็นกัน หากชาลีเปิดประตูแล้วเห็นว่าเขานั่งอยู่ข้างในแล้ววิ่งหนีไปละก็ จะให้ต้องวิ่งไล่จับกันก็ต้องทำ เขาทนไม่ไหวแล้ว เขารอไม่ไหวแล้ว เขาสุดจะทนแล้ว...
...ถึงเวลามีความรักกันซะที...
...นี่ใช่ไหม ที่เขาเรียกว่าเพลิงรัก เขาร้อนรุ่มมาเป็นเวลานาน ถึงเวลาแล้วที่จะให้ความรักของเขาดับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ในใจของชาลี...
...และให้ความรักของชาลี ดับความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในหัวใจของเขา...

 :L2: :กอด1: :pig4: :L1: :mc4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-03-2010 13:36:42
กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
นี่เรียกว่าแฮปปี้เอนดิ้งชิมิเคอะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หนีได้ก็ตามได้  :m11: :m4:  เอาวะจบเยี่ยงนี้ก็สุดอุราไปอีกแบบ  :m20:

น้องนาวินของอิป้าเป็นเดะหนุ่มภูธรไปซะแล้วลูก 55555
ใครจะเป็นยังไงไม่สำคัญนุ้งนาวินขอให้มีที่กินแยะๆเป็นพอ

 o13 o13 เป็นกำลังจวย เอ้ย กำลังใจให้เรื่องต่อไปเคอะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 26-03-2010 14:01:02

“คุณไม่ได้รักผม" กัณต์เสียงแผ่ว หันหลังทันที ก้าวเท้าเดินจากชาลีไปช้าๆ ในใจนับหนึ่งถึงสิบ เขาบอกตัวเองว่า หากนับถึงแปดแล้วชาลียังไม่บอกรักเขาตอบละก็ เขาก็จะหันไปจับตัว ลากไปขึ้นรถ ขับพาไปให้ไกลถึงชายแดนไทย-พม่า แล้วขังไว้ในกระท่อม อยู่ด้วยกันสองต่อสองสักหนึ่งอาทิตย์ ให้รู้กันไปเลยว่าชาลียังจะพยศเขาได้นานขนาดไหน



หึหึ...  จัดไปเลย สารวัติ   o18  เอาแบบจำเลยรักเลยนะ...



ถ้า ชาลีรู้ว่ากัณต์เป็นสาเหตุการตายของเพื่อนจะเป็นไงหว่าเนี่ย....


ขอบคุณคนแต่ง ที่มีนิยายสนุกๆ ให้อ่านน่ะค่ะ ^^  :L2:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 26-03-2010 14:07:10
ความรักจะทำให้คุณดีขึ้นนะชาลี

เป็นกำลังให้คุณตำรวจ

 :bye2:

 :bye2:


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepretty ที่ 26-03-2010 14:10:59
จบสะแล้ว

ขอตอนพิเศษด่วนจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 26-03-2010 14:18:33
น่ารักดีนะตอนนี้... :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 26-03-2010 14:20:58
ต้องการตอนพิเศษอ่ะ

ยังจบไม่สมบูรณ์เลย

 :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 26-03-2010 14:43:20
เฮ้อ... :เฮ้อ: ... จบภาคแรกชิมิค่ะ ไม่ก็ต้องมีภาค 2 หรือตอนพิเศษต่อ Writer ออกจะชอบความรุนแรง เทียน โซ่ แส้ ชุดหนัง ฯลฯ คงไม่ยอมให้ "เพลิงรัก" จบแบบง่าย ๆ แน่นอนเพราะมันสนองอารมณ์ Writer ยังไม่ถึงขีดสุดของความต้องการทางอารมณ์  :m17: ได้เวลาปลดปล่อยจินตนาการราคะดำกฤษณาของ Writer ออกมาได้แล้วค่ะ เพราะรออ่านอยู่ค่ะ ... หุหุหุ ...  :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 26-03-2010 14:50:44
อืมม จบแบบนี้ก็ดูน่ารักดีค่ะ

อิคุณสารวัตร นี้ก็ช่างเจ้าแผนการเหลือเกินนะ




แต่ที่น่ารักเสมอต้อเสมอปลายคือ นาวิน  หึหึ โถ่ๆๆๆ พ่อคุณ อะไรจะกินเก่งแบบนั้นค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 26-03-2010 14:53:16
 :serius2: ไหนว่าจะมีโนเซ็นเซอร์ ตามคำขอไงละคับ

จบตอนพิเศษแล้ว ต้องให้ไปจิ้นเองอีกหรอคับเนี่ย  :angry2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 26-03-2010 15:08:53
2 คนนี้คงลงเอยกันยากกว่านี้ ถ้าไม่เพราะนาวินขายพี่หมอ ชอบเอาไปแลกสารพัดของล่อใจจากสารวัตรเรื่อย  o16

อ้างถึง
“คุณไม่ได้รักผม" กัณต์เสียงแผ่ว หันหลังทันที ก้าวเท้าเดินจากชาลีไปช้าๆ ในใจนับหนึ่งถึงสิบ  เขาบอกตัวเองว่า หากนับถึงแปดแล้วชาลียังไม่บอกรักเขาตอบละก็ เขาก็จะหันไปจับตัว ลากไปขึ้นรถ ขับพาไปให้ไกลถึงชายแดนไทย-พม่า แล้วขังไว้ในกระท่อม อยู่ด้วยกันสองต่อสองสักหนึ่งอาทิตย์ ให้รู้กันไปเลยว่าชาลียังจะพยศเขาได้นานขนาดไหน
ตกลงนับถึงเลขไหนน่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 26-03-2010 15:25:11
สรุปว่า ท่านสารวัตรจะย้ายตามชาลีหรือชาลีจะย้ายกลับไปอยู่กับสารวัตรหนอ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 26-03-2010 15:32:06
เพลิงรักอยู่ไหน  :haun4:

เขียนไม่เป็นลงคลิบที่แสดงเองก็ได้คุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 26-03-2010 15:57:50
เพลิงรักอยู่ไหน  :haun4:

เขียนไม่เป็นลงคลิบที่แสดงเองก็ได้คุณนาย
ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวเล้าเซ็งเป็ดโดนตำรวจสั่งปิดนะ
(เรารักเล้า)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-03-2010 16:04:32
กี๊ดดดดดดดดดดดดด จะมีภาคต่อใช่ไหมค๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 26-03-2010 16:15:36
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 26-03-2010 16:24:48
ขอ NC เป็นตอนพิเศษน๊า
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-03-2010 16:28:11
ดูเหมือนจะยังไม่จบจริง เพราะ ชาลียังไม่รุ้ความจริงอีกเรื่องที่ว่า สารวัตร คือต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรักต้องตาย

จะว่าไปที่สารวัตรอยากให้เลิกแก้แค้นนี่เพราะห่วงตัวเองด้วยใช่หรือเปล่า

หนึ่งบวกให้แม่คนนี้

ส่วนอีกหนึ่งบวก สำหรับข้อมุลเรื่อง โรคไบโพล่าร์ คะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก บทที่ 25 "อำลา" (25/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 26-03-2010 16:33:05

“คุณไม่ได้รักผม" กัณต์เสียงแผ่ว หันหลังทันที ก้าวเท้าเดินจากชาลีไปช้าๆ ในใจนับหนึ่งถึงสิบ เขาบอกตัวเองว่า หากนับถึงแปดแล้วชาลียังไม่บอกรักเขาตอบละก็ เขาก็จะหันไปจับตัว ลากไปขึ้นรถ ขับพาไปให้ไกลถึงชายแดนไทย-พม่า แล้วขังไว้ในกระท่อม อยู่ด้วยกันสองต่อสองสักหนึ่งอาทิตย์ ให้รู้กันไปเลยว่าชาลียังจะพยศเขาได้นานขนาดไหน



หึหึ...  จัดไปเลย สารวัติ   o18  เอาแบบจำเลยรักเลยนะ...



ตามนั้น จัดมาให้ไว จะได้สมชื่อกับเพลิงรัก :haun4:

คึคึ :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-03-2010 16:33:36

เรื่องนี้ จบรวบรัดไปนิด 

แม้จะหาทางลงเรื่อง ที่ กัณต์ ทำให้ เควิน ฆ่าตัวตายเอาไว้บ้างแล้ว

แต่ก็ดูจะละเลย จุดนี้ ไปหน่อยนะคะ

รักนะ  เลยบอก

เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Human ที่ 26-03-2010 16:42:37
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :serius2:


เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :serius2:


อยากอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 26-03-2010 16:46:09
จบแบบนี้ มีความสุขดีคับ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 26-03-2010 16:47:54
จบไม่สุด อีกแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 26-03-2010 16:57:45
ภาคพิเศษด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ขอบคุณมากนะคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-03-2010 17:16:06
จะอ่านต่อ ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 26-03-2010 18:36:31
จบแล้ว  :mc4:  :mc4:
ดีจังจบแบบไม่ค่อยอึดอัดดี

ขอตอนพิเศษ หน่อยได้ไหมพี่นาย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-03-2010 19:14:12
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 26-03-2010 19:41:00
จบจริง ๆ เหรอ
แต่มันยังค้าง ๆ คา ๆ อยู่นา
ขอตอนพิเศษเพิ่มแล้วกัน :m13:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 26-03-2010 22:23:35
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากพี่ๆ น้องๆ ป้าๆ ลุงๆ นะครับ
บทส่งท้าย 2 มาแล้วครับ แล้วก็คงต้องจบเลยอ่ะ ฉากเอ็กซ์เขียนไม่เป็นคร้าบบบ (มันสยิว) จินตนาการกันเอาเองนะ กัณต์พาชาลีไปกระท่อมกลางสวนแล้วอุ้มลงมาจากรถแล้วไงต่อ ก็ นึกภาพเองก็แล้วกัน
หวังว่าคงไม่ค้างแล้วนะครับ อิ อิ ส่วนปมอื่นๆ ก็ทิ้งมันไว้ยังงั้นล่ะ ( :sad11: พูดแบบนี้น่าเตะเนาะ)
เรื่องนี้ผู้เขียนเครียดมากมาย ขอพักไปหาเงินเลี้ยงลูกก่อนนะครับ เด็กคนนี้มันกินเยอะจริงๆ คิดดู ไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เสียเงินไปหนึ่งร้อยบาทถ้วน สองคน สี่ชาม เด็กวัยรุ่นนี่กินเยอะจริงๆ ให้ตายสิ เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอมก็แบบนี้ล่ะ เฮ้อ ว่าแล้วก็ขอฝากหนังสือนิยาย คดีรัก ภาค 1 ไว้ในอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะครับ ใครมีเพื่อนก็ช่วยโฆษณาให้หน่อยนะ แบบว่าหนังสือมันยังเหลืออีกเยอะ ไม่น่าพิมพ์เองผับผ่าสิ  :pig4: :L1:

บทส่งท้าย  2

กัณต์จอดรถหน้ากระท่อมกลางสวนของคนที่เขารู้จักซึ่งอนุญาตให้เขาใช้เป็นสถานที่ 'สอบสวนผู้ต้องหา' เขารู้จักคนในพื้นที่หลายคน ชาลีไม่รู้ว่าตัวเอง 'หนี' กรุงเทพฯ มาอยู่ในจังหวัดที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
...เขารอเวลานี้มานาน เขารอจนชาลี 'เย็น' ลง แล้วถึงได้ตามมา...
ชาลีนั่งเงียบมาตลอดทาง กัณต์ค่อนข้างแปลกใจ ตอนแรกเขานึกว่านายแพทย์จอมพยศจะโวยวายที่โดนเขาบังคับพามายังกระท่อมกลางสวนที่อยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่า
...หรือว่าชาลีรอเวลาที่จะกลายเป็นพายุพัดกระหน่ำให้พังพินาศ ก่อนพายุครั้งใหญ่ ทุกอย่างมักจะเงียบสงบ...
...แต่วันนี้เป็นไงเป็นกัน...
“เอาล่ะ มาถึงนี่แล้ว คุณจะเอายังไงก็ว่ามา หรือจะต้องรอให้ฝนตกซะก่อน" ชาลีหันมาพูดเสียงเย็นกับกัณต์ มือเปิดประตูรถออกไปให้ลมเย็นโชยเข้ามา แต่ตัวเองยังนั่งกอดอกอยู่บนเบาะในรถ
“คุณก็รู้ว่าผมจะเอายังไง"
“ผมขี้เกียจเดา พูดมาเถอะ ไหนๆ คุณก็ใช้วิธีโบราณๆ เหมือนครั้งติดฝนในรถที่สุพรรณบุรี อยากจะพูดอะไรก็พูด แต่อย่าให้ถึงกับลากผมเข้าไปในกระท่อมแล้วล่ามโซ่เหมือนหนังเรื่องจำเลยรัก"
“ชาลี เมื่อไหร่คุณจะอ่อนให้ผมซักที" กัณต์ถอนหายใจ "ผมอุตส่าห์ตามมาจนถึงขนาดนี้"
“ผมไม่ได้เกลียดอะไรคุณนี่"
“บอกมาสิว่ารักผม" กัณต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "คุณได้ยินผมบอกรักไปแล้ว คุณรอผมพูดคำนั้นอยู่ ผมพูดให้คุณได้ยินแล้วไงครับ คราวนี้ตาคุณพูดบ้าง"
“คิดว่าบรรยากาศแบบนี้จะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยยังงั้นหรือ" ชาลีประชด "รอให้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินหน่อยดีไหมหมวด แล้วค่อยไปน่ังอยู่ริมแม่น้ำตรงโน้น แล้วเราค่อยจับมือบอกรักกัน"
...พอกันที จะพูดกันดีๆ ไม่ได้หรือยังไง อยากได้บรรยากาศโรแมนติกนักใช่ไหม ได้เลย กัณต์จะจัดให้...
กัณต์ลงจากรถ เดินอ้อมมาอีกด้านของรถ สอดแขนเข้าไปโอบเอวของชาลี แล้วดึงตัวลงจากรถ ชาลีผลักอกของกัณต์สุดแรง แต่ร่างหนาบึกบึนของนายตำรวจหนุ่มไม่สะเทือนเพราะเตรียมตัวรับอยู่แล้ว
“ผมจะแสดงหนังเรื่องจำเลยรักให้ดู" กัณต์พูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม
“สารวัตรกัณต์ อย่านะ...” ชาลีห้าม
“ทำไมคุณจะจงเกลียดจงชังผมนัก นาวินก็ชอบผม น้องคุณชอบผมก็แสดงว่าเราน่าจะไปกันได้ ผมช่วยคุณดูแลน้อง มีแฟนแบบนี้ไม่ดีหรือไง"
“คุณจะทำอะไร...”
“ผมจะแสดงบทรัก" กัณต์ตอบเสียงเข้ม "ให้คุณรู้อย่างไม่ต้องสงสัยต่อไปอีกว่าผมรักคุณ"
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ" ชาลีชกเข้าที่อกของกัณต์
“อย่าใช้กำลังนะครับ ผมขอเตือนไว้ก่อน"
“ทำไม" ชาลีเอียงหน้าท้าทาย "คุณจะทำอะไรผม"
“ก็ไม่แน่...”
“ปล่อยนะกัณต์" ชาลีพยายามเบี่ยงตัวหนี "อย่ามาเล่นอะไรเป็นเด็กๆ"
“ผมทำถึงขนาดนี้ คุณยังจะว่าเด็กอยู่อีกหรือ ไม่เห็นความเป็นผู้ใหญ่ของผมหรือไง" กัณต์ตอบ เบียดร่างกายท่อนล่างเข้ากับชาลี จงใจให้อีกฝ่ายรู้ว่า 'อารมณ์' ของเขากำลังพุ่งพล่าน และเขานั้น 'ไม่ใช่เด็ก'
“พอเถอะ พูดกันดีๆ ขอกันดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องมาใช้กำลัง คุณจะทำที่ไหน ที่นี่ หรือในกระท่อม" ชาลีพูดเสียงเย็นชา "หรือในรถ"
กัณต์อึ้ง รู้สึกฉุนกึกทันที่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ชาลีเบ้ปากแล้วผลักกัณต์เบาๆ คราวนี้ นายตำรวจหนุ่มลดแขนลง ปล่อยให้ชาลีเป็นอิสระจากการถูกโอบกอด
“ในน้ำที่ลำธารดีไหม" กัณต์เค้นเสียงออกมาจากลำคอ จ้องหน้าของชาลี ตาลุกวาว "คุณคิดว่าที่ผมต้องการคุณเพราะแบบนี้อย่างเดียวงั้นหรือ"
“จำไม่ได้หรือครับหมวด...”
“สารวัตร" กัณต์กระแทกเสียง
“คุณเป็นคนท้าให้ผมลองเอง จำไม่ได้หรือ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง ตกลงรู้ผลแพ้ชนะหรือยังครับ ใครเป็นคนพ่ายเสน่ห์ใคร...” ชาลีจ้องหน้านายตำรวจเช่นกัน
“ยัง"
“อยากชนะมากหรือไง...”
“ใครบอก ผมก็พูดไปแล้วว่าผมยอมแพ้ ผมติดใจคุณ" กัณต์เสียงอ่อนลง "ผมอยากทำอีก ครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ไม่ใช่เพราะความอยากธรรมดาๆ นะชาลี เพราะ...”
“รัก...” ชาลีแทรก มองตาของกัณต์อย่างค้นหา "คุณรักผมจริงๆ หรือกัณต์ คุณก็รู้ว่าผมเป็นยังไง"
“ทำไมคุณต้องเป็นแบบที่คุณพยายามบอกว่าตัวเองเป็นล่ะ มันมีอะไรอยู่อีกหรือชาลี คุณยังมีข้อข้องใจอะไรอยู่อีก...” เสียงของกัณต์อ้อนวอน "จะให้ผมพิสูจน์อะไร พิสูจน์ยังไง นานเท่าไหร่"
“เราจะไปกันได้หรือครับ...” ชาลีพูดเสียงแผ่ว
“ผมช่วยคุณดูแลนาวินได้ก็แล้วกัน" กัณต์ยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิดใบหน้าขาวสะอาดของชาลี "ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ เราจะเติมเต็มให้กันและกัน ผมอยากช่วยคุณดูแลน้อง ถ้าการดูแลน้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคุณตอนนี้"
“อีกหน่อยนาวินก็จะเรียนจบ สอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็จะจากผมไป คุณก็ไม่ต้องมาช่วยผมดูแลน้อง...”
“แน่ใจหรือว่าอยากทำอย่างนั้น คุณลองคิดดูสิ รูปร่างหน้าตาอย่างนาวิน ไกลหูไกลตาคุณไปเรียนที่อื่น อยู่หอพัก จะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ยังไง ทั้งเหยี่ยวตัวผู้ กาตัวเมีย ผมท้าได้เลยว่าไม่เกินต้อนรับน้องใหม่เสร็จหรอก นาวินก็จะต้องถูกย่ำยี เพราะฉะนั้นคุณต้องการคนที่แข็งแกร่งคอยช่วยกัน คุณไปส่งน้องที่มหาวิทยาลัย ผมไปรับกลับ ต้องคอยช่วยกันกำกับดูแล" กัณต์เสียงพร่า ยื่นจมูกโด่งคมสัมผัสกับจมูกของคนที่อยู่ตรงหน้า มือสอดเข้าไปแตะสีข้างของชาลีแล้วลูบไล้เบาๆ พูดเสียงอ่อนโยนว่า "ลืมซะเถอะ ชาลี ปล่อยมันไป ผมขอร้อง"
“แล้ว...”
“คุณรู้ไหม นาวินยิงปืนแม่นมาก ไม่น่าเชื่อ สอนไม่กี่ครั้ง เรียนรู้ได้เร็วจริงๆ ผมว่าให้เขาเป็นตำรวจ รับรองรุ่งแน่ๆ เห็นไหมล่ะ มีผมคุณก็มีคนช่วยดูน้อง"
“ไม่ได้ ผมไม่ให้น้องเป็นตำรวจ" ชาลีส่ายหน้า
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบตำรวจ"
“นาวินต้องเป็นวิศวกร พี่ชายเขาอยากให้เป็นวิศวกร"
“ผมจะช่วยสอน" กัณต์แตะริมฝีปากลงบนแก้มของชาลี ลมหายใจร้อนผ่าวทำให้คนที่ได้รับการสัมผัสถึงกับสั่นสะท้าน
“ตำรวจจะสอนให้เป็นวิศวกรได้ยังไง คนละอาชีพ มันแตกต่างกัน"
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ เพื่อคุณ ผมทำได้ ผมจะพยายาม" กัณต์พูดอย่างอ่อนโยน "แต่คุณต้องเชื่อใจผม"
“คุณตามใจเด็ก จะทำให้เด็กเสียคน คุณแอบพาเขาไปยิงปืน นี่คงกำลังจะสอนให้ขับรถ คุณกำลังจะแย่งนาวินไป"
“ผมช่วยแบ่งเบาภาระคุณต่างหาก คุณห้ามไม่ได้หรอก อีกหน่อยเขาก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ คุณต้องปล่อยวาง อะไรก็ต้องเปลี่ยนไป นาวินต้องการอีกคนที่จะมาช่วยเขา เด็กต้องมีทั้งพ่อและ...โอ๊ย"
กัณต์แกล้งทำตัวงอเพราะโดนต่อยเข้าที่ท้อง แต่จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ วงแขนแข็งแรงกอดรัดชาลีแน่น "เห็นไหมล่ะ อะไรที่มันขาดอยู่ คุณต้องเติมให้เต็ม ไม่มีผม คุณจะดูแลน้องให้มีความสุขเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ยังไง ใครจะคอยปกป้องน้องคุณจากพวกอันธพาล ผมเป็นตำรวจ ผมมีปืน ผมดูแลปกป้องคุณกับน้องได้ ไม่ดีหรือครับ มีบอดี้การ์ดคอยดูแล ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ...”
“แต่คุณต้องสัญญา" ชาลีเสียงอู้อี้ หายใจหอบกระชั้น สัมผัสของกัณต์เริ่มหนักหน่วงมากขึ้น "คุณต้อง... ต้องเลิก... ติด... สินบน... น้อง... ผม...”
“ครับ สัญญา ยอมทุกอย่าง แต่คุณต้องสัญญาด้วย ว่าจะเลิกเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง ผมถามนาวินแล้ว นาวินอยากกลับกรุงเทพฯ คุณรักน้อง ต้องดูแลน้องไม่ใช่หรือ ถ้าน้องอยากกลับ คุณก็ต้องตามใจ ไม่งั้นจะเรียกว่ารักน้องได้ยังไง" กัณต์เสียงแตกพร่า แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
...เขาอยากจะหยุดคุย อยากจะทำอย่างอื่น ที่ไม่ต้องใช้คำพูด...
...อย่างอื่น ที่มีแต่เสียงหายใจหอบกระเส่า และเสียงครางเพราะมีความสุข...
“รักน้อง ต้องตามใจน้องนะครับ ชาลี"
“ฮื่อ...”
“รักไหมครับ ตกลงนะครับ"
“อือ...”
“รักหรือเปล่า"
“รัก...”

.. จบ...


เรื่องหน้า เบื่อตำรวจกันหรือยังครับ รักวุ่นๆ ของตำรวจจอมกวน ชื่อ หมวดเรียว
หรือใครชอบสืบสวนสอบสวน ฆาตรกรรมซ่อมเงื่อน บู๊ล้างผลาญ แนวสายลับ
หรือใครชอบเรื่องผู้ชายเจ้าชู้แย่งกันไล่จีบคุณชายจอมหยิ่ง
หรือใครชอบเรื่องแนว Sci-Fi วิทยาศาสตร์ เสียดสี แดกดัน ตลกเจ็บๆ?
หรือเศร้าเคล้าน้ำตา
หรือรักโรแมนติกซึ้งๆ (ไม่รู้มีปัญญาเขียนแนวนี้ได้หรือเปล่าอ่ะ)
พอดีว่าจับปากกาขีดๆ เขียนๆ โครงเรื่องเอาไว้หลายเรื่อง (เพราะพักหลังๆ ชักฟุ้งซ่าน) ถ้าสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะได้หยิบมาเขียนต่อให้จบ

ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านมาตลอด ขอบคุณจริงๆ นะ

Katawoot: คนที่เลิกเจ้าชู้

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 26-03-2010 22:37:43
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 26-03-2010 22:56:46
ในที่สุดก็ไม่ยอมเขียนฉาก... :z3:ปล่อยให้จิ้นเอง

555 ในที่สุดก็ได้ฟังคำว่ารักจากปากชาลีซะทีนะ

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 26-03-2010 22:58:44
อ้างถึง
“รักน้อง ต้องตามใจน้องนะครับ ชาลี"
“ฮื่อ...”
“รัก(น้อง)ไหมครับ ตกลงนะครับ"
“อือ...”
“รัก(น้อง)หรือเปล่า"
“รัก...”

รักสุดท้ายนี่ของน้องหรือของศาลาวัด
ถ้าเป็นของน้องศาลาวัดคงต้องเป็นศาลาคนเศร้าต่อปายยย  :laugh:


 :L2:

ปล. เลือก ผู้ชายเจ้าชู้แย่งกันไล่จีบคุณชายจอมหยิ่ง
หรือ พ่อม่ายเรือพ่วงไล่จีบคุณชายจอมหยิ่งดี จะได้มีผู้ช่วย 55 ไหนๆ คนเขียนก็มีประสบการณ์ลากเรือแล้ว
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-03-2010 23:03:18
ขอแบบเศร้าเคล้าน้ำตา
^
^
^
อยากอ่านแบบนี้อ่ะ
เบื่อล่ะ ผู้ชายเจ้าชู้  :fire:

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: pterofrond ที่ 26-03-2010 23:15:08
ชอบเรื่องที่พี่เขียนอ่าครับ สนุกทุกเรื่องเลย

ชอบเรื่องแนว Sci-Fi วิทยาศาสตร์ เสียดสี แดกดัน ตลกเจ็บๆ

เสนอแค่ว่าตำรวจ กับ นักวิทยาศาสตร์ อะไรงี้ก็ได้

แต่พี่เขียนไรมาก็สนุกหมด รอเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 26-03-2010 23:20:55
จบแล้วเหรอ

ที่เหลือจิ้นเอาเอง

 o13

 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 26-03-2010 23:28:03
ขอบคุณนะค่ะที่มาต่อให้จนจบ


เห็นรายชื่อเรื่อง   ขอเลือก  เรื่องผู้ชายเจ้าชู้แย่งกันไล่จีบคุณชายจอมหยิ่ง   

เพราะคิดแล้วว่าคุณนายน่าจะแต่งแนวนี้ได้ดีที่สุด 555

แต่ไม่ว่าจะแต่งอะไรก็จะเป็นกำลังใจให้นะค่ะและจะรอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 26-03-2010 23:43:40
จบซะแล้ว
ขอบคุณคุณ Katawoot ที่เขียนเรื่องสนุก ๆ ให้อ่านกัน :pig4:
เรื่องหน้าขอแนวสืบสวนสอบสวน ฆาตรกรรมซ่อมเงื่อน บู๊ล้างผลาญ แนวสายลับ
หรือแนว Sci-Fi วิทยาศาสตร์ เสียดสี แดกดัน ตลกเจ็บๆ ก็ได้
จะรอน๊า~~~ :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: mizari ที่ 26-03-2010 23:50:50
พี่ค่ะลงเรื่องใหม่ด่วน  ขาดแคลน :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 27-03-2010 00:02:51
ขอบคุณนะค่ะ Writer รอเรื่องใหม่อยู่นะค่ะ เขียนมาเถอะค่ะแนวไหนก็อ่านหมด หลายเรื่องยิ่งดีและจะขอบคุณมากเลยนะค่ะ สู้ ๆ  :mc4: :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: yellowriver ที่ 27-03-2010 00:06:55
ที่เขียนมาสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ แต่งเรื่องไหนมาก็อยากอ่านหมดค่ะ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 27-03-2010 00:17:00
 :pig4:ลงเรื่องไหนก็อ่านเรื่องนั้น
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 27-03-2010 00:33:53
ขอบคุณค่า เหมือนจะหายค้างคาแล้วนะ  :o8:

แอบหลงรักเด็กเรื่องนี้ เข้มแข็ง สบายๆ น่ารักที่ซู๊ดดดดดด

เรื่องใหม่ เอาเรื่องที่พี่นายเขียนได้ไหลลื่นที่สุดดีกว่า จะได้สบายคนแต่ง อิอิ

ปล. เลิกเจ้าชู้แล้วจิงดิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 27-03-2010 00:49:17
 :m4: หวานแบบหายใจฟืดฟาด 555555555555555
พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ แหม..ได้ดีเพราะน้องนาวินเลยนะนั่น 555

ปล. จะเป็นกำลังจวย เอ้ย ใจ ให้เสมอนะคะ รอ ร้อ รอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: meduza ที่ 27-03-2010 01:27:04
เย้เป็นเรื่องแรกที่จบแบบนั่งยิ้ม555+
แซวเล่นๆเน้อเพ่นาย
พี่นายเรื่องต่อไปเอานาวินเป็นพระเอกได้ป่ะแล้วเอานายเอกแบ๊วๆน่ารักๆไรเง๊อ่ะ
ชอบน้องนาวินมากกกกกกกกกน้องน่ารักอ่ะอยากมีน้องชายน่ารักๆ
แต่พี่สาวจะจนก่อนน้องโต555+
รออ่านเรื่องต่อไปอยู่น๊าค่า
เป็นกำลังใจให้พี่นายเสมอนะค๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 27-03-2010 07:01:32
เรื่องไหนก็ได้ครับ  ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่มีให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: littlepretty ที่ 27-03-2010 07:48:20
จบ


ลงเรื่องไหนก้ออ่านทุกเรื่อง


แต่ถ้าจะลงมันทั้งหมดเลยยิ่งดี 555+
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: aojroonra ที่ 27-03-2010 07:55:47
น่ารักจิง ๆ อิอิ

 เรื่องต่อไปเปลี่ยนเป็น Si-fi น่าจะสนุก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 27-03-2010 08:05:37
ขอบคุณไร้ท์เตอร์ค๊า จบตอนนี้มีความสุขขึ้นมาอีกเยอะเลย ^^

เรื่องหน้าอยากอ่านทุกแนวที่เกริ่นมาเลยค่ะ (โลภไปมั้ย) ยกเว้นแนวเศร้าเคล้าน้ำตาเนี่ย ขอบาย อ่านไม่ได้จริงๆ -"-
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 27-03-2010 09:06:05
ชอบแนวนี้อ่ะค่ะ

สนุกดี o13

ปล.เรื่องต่อไปเอาแบบ 500 ตอนจบนะค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-03-2010 14:19:43
แล้วจะไม่ให้ชาลีรู้ความจริงเลยเรอะคุณนาย
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 27-03-2010 15:45:36
ไหนฟระ NC ของพี่นาย  :m31:
ฮ่าๆ ,, แต่จบแบบนี้ก็ดี สรุปว่าก็รักกัน

+1 พี่นายค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 27-03-2010 16:09:41
ขอบคุณค้าบสำหรับเรื่องสนุก ๆ เรื่องหน้าขอภาคต่อของหมอเอกหน่อยนะ
อยากรู้ว่าหมอเอกจะมีคู่เหมือนเพื่อนรึเปล่า รูปร่างหน้าตาก็ไม่ด้อยกว่าใคร
จะหาคู่ที่ทัดหน้าเทียมตาไม่ได้เชียวรึ แต่คุณนายจะเขียนแนวไหนมาก็อ่าน
ทั้งนั้นแหละ .......... :pig4:...........
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-03-2010 16:41:11
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 27-03-2010 17:14:13
ชอบคุณมากครับ แหม แต่น่าจะหวานกันมากกว่านี้อีกหน่อยค่อยจบ ^^

ไม่ทราบว่าถ้าสนใจหนังสือต้องทำอย่างไรหรือครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 27-03-2010 17:29:23
 o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-03-2010 20:19:20
อร๊ายยย ๆๆๆ

 :o8:

จบซะแล้ววว
ในที่สุดหมอชาลก็มีความสุขซักทีเนอะ หุหุ
สารวัตรกัณฑ์นี่ ของเค้าดีจริง ๆ ฮร่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 27-03-2010 21:35:56
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-03-2010 21:53:40
อ่านไปอ่านมาจนจะชอบตำรวจแล้วเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 27-03-2010 23:17:39
เรื่องต่อไปอยากอ่านเรื่องรักวุ่นๆ ของตำรวจจอมกวนค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-03-2010 01:47:00
  :pig4: 

ป้าอยากบอกว่าอ่านจนจบแล้วค่ะ่ สนุกดีมากๆ  o13


สำหรับเรื่องต่อไป จะแบบไหน ป้าก็ตามอ่านอยู่ดีละค่ะ


ฉะนั้น จงจัดไปอย่าให้เสีย  :pigha2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 28-03-2010 02:45:02
เรื่องนี้สั้นกว่าที่คิดนะเนี่ย
แต่ก็สนุกเหมือนเดิม
พี่นายเอาลูกใครมาเลี้ยงเนี่ย
ระวังทำให้ลูกเค้าร้องเพลงได้แต่เพลงเก่าๆนะ  อิอิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆเช่นเคย  :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 28-03-2010 15:23:04
 :z1:
สำลักความหวาน...รักน้องต้องทำเพื่อน้อง
แต่...รัก คำสุดท้าย รักใครแน่หว่า ???  :o8:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 28-03-2010 16:34:51
 :-[ แหมๆๆๆๆๆ ที่จริงชาลีน่าจะไม่ยอมนะ จะได้ดูเรื่องจำเลยรักต่อเป็นภาคที่ 2 555555555555555+






หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 28-03-2010 16:48:24
เลือกตำรวจจอมกวนค่า :z1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 28-03-2010 19:24:28
จบจริงๆแล้วสิ ตอนพิเศษอีกซักตอนไม่ได้เหรอ
แบบชัดเจน เห็นถึงข้างใน(ห้อง) 555

เรื่องหน้า อยากอ่านคดีรัก เอิ๊กๆๆ
หรือไม่ก็ นาวินหน้ามน กับ ... ใครหว่า อุอุ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 28-03-2010 20:29:02
รออออตอนนพิเศษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษ


หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 28-03-2010 21:54:26
จบแล้วจริงอะ ขอตอน กลับกทม.มาเป็นตอนพิเศษอีกหน่อยไม่ได้เหรอ

จะได้เฉลยให้หมอเอก รู้ด้วยว่า ใผ่เป็น คนพิชิตใจหมอชาลีอ่ะ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 28-03-2010 22:17:49
ในที่สุด จำเลยรัก เอ้ยไม่ใช่  :m23: เพลิงรักของพี่นาย ก็ถึงเวลาปิดม่าน

ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องสนุก ๆ อีกเรื่องที่จบลง

เรื่องใหม่ที่วางโครงเรื่องไว้ ว่าไป เรื่องอะไรก็ได้ที่พี่นายเขียน สนุกทุกเรื่อง ( ไม่ได้ยอนะครับ )

จัดมาเลยครับ เป็นกำลังใจให้ พร้อม +1 และก็โส น้า น่า กับการเอาเมี่ยงเค้ามาอม ( ทำบุญไปเถอะ ) :z2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 28-03-2010 22:25:31
ติดตามทุกๆเรื่องครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-03-2010 12:34:50

จะแบบไหนยังไงก็จัดมาเถอะคะ 

ตามติดตาหลอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  อิอิ

เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 29-03-2010 20:41:37
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆแบบนี้ครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 30-03-2010 11:24:09
ขอบคุณครับผม.............

555  ตามติดทุกเรื่องเลยของคุณคฑาวุฒิ   :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 30-03-2010 11:31:42
 o22 o22 อะไรเนี่ย จบไวจริง เผลอแป๊ปเดียวจบซะแล้ว  ไม่ยอมๆๆๆ

เรื่องหน้า ขอตำรวจเป็นนายเอกมั้งได้ไหมเนี่ย  คุณนายเขียนได้ป่ะๆๆๆ ( ขอท้า อิอิ )
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: cake ที่ 30-03-2010 14:54:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 30-03-2010 15:27:22
แบบไหนก็จัดมาเถอะค่ะ
ไม่ต้องนั่นกับครบสามครั้งก็ได้

ติดตามอ่านเสมอ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 31-03-2010 10:06:13
และแล้วก้อจบแบบสมบูรณ์ จนได้ ขอบคุณนะคะ :mc4:

เรื่องใหม่ของคุณนายจัดมาเลยค่ะตามถนัด แนวไหนก้อจะตามไปอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 01-04-2010 15:33:23
วะว๊าวววววว   เราจะตามคุณไปทุกๆที่  อิอิอิ

ขอบคุณมากจ้า :call:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 01-04-2010 21:39:02
จบแล้ววววววววววว....ในที่สุดก็อ่านจบแล้วววววววว

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบหมอชาลีกะสารวัตรกัณฑ์เป็นที่ซู้ดดดดดดดเลยฮะ

น่ารักมากเลยอ่ะ....สุดท้ายก็รักกันจนได้...อิอิ

ความแค้นไม่ดีสำหรับใครเลยนะฮะ...ดีแล้วที่หมอชาลีเลิกแค้นและให้อภัย

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ เรื่องนี้ด้วยนะฮะ "ยิ้มหวาน"

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 02-04-2010 23:23:34
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลย

สนุกมากๆเลยค่า ชอบมากๆ

คุณหมอกับคุณตำรวจ อิอิ  :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 03-04-2010 12:19:52
เบื่อตำรวจแล้วค่ะ !!!
เรื่องแข่งตามจีบ ก็พักบ้างดีกว่า ... มีแต่พระเอกปากหวาน ช่างเอาใจ เจ้าเล่ห์ รึไงน๊า
อยากได้พระเอกใจร้ายๆๆๆ บ้างง่ะ ... อิอิ
ปล. จะจัดมาแบบไหน ก็ติดงอมแงมทุกที  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: rainbowboiz ที่ 03-04-2010 19:49:04
ก่อนอื่นสวัสดีคนแต่งครับ นี่เป็นครั้งแรกที่คอมเม้นเลยนะเนี่ย อยากจะบอกว่านิยายของพีนายนั้น ทำผมไม่ได้นอนมาศิริรวมแล้วเป็นเวลากว่าห้าวัน อ่านมันโต้รุ่งตลอด(เคยโดดเรียนมานั่งอ่านคดีรักด้วย)

 ตามอ่านจน(น่าจะ)ครบทุกเรื่องแล้วครับติดตามอ่านมาหลายเดือนแล้วคัรบแต่อ่านจากบอร์ดอื่น ^ ^

ชอบเนื้อเรื่องดีครับ แต่เริ่มเบื่อตำรวจแล้ว (เป็นรสนิยมส่วนตัวของผู้แต่งหรือเปล่าครับ ^ ^)

เป็นกำลังใจให้คนแต่งมาแต่งต่อนะคัรบ ^ ^

ปล.และผมมคงได้โต้รุ่งกับนิยายต่อไป
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-04-2010 20:00:52
จบอย่างมีสุข ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 04-04-2010 09:11:30
อ่านยังไม่จบเลย
แต่สนุกมาก...ติดตามผลงานมาหลายชิ้นแล้ว
ขอให้มีผลงานดีๆอย่างนี้ไปนานๆนะ

ขอบคุณจ้า... :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Rong ที่ 04-04-2010 14:59:15
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ  :L2:

สนุกมาก ๆ เลยค่ะ
อ่านไปลุ้นไปว่าจะเป็นยังไงต่อ
ลุ้นตลอดเวลาเลย

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 04-04-2010 16:23:21
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :3123: :3123: :3123: :3123:

ยินดีกับคุณหมอชาลีด้วยค่ะ

มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า เรื่องในอดีตก็ปล่อยมันไป

มามีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า

รักคนแต่ง จุ๊บ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 05-04-2010 09:37:04
Thank you na ka..

This story is complicated dee ka
Plot at the beginning is good but I think it's too early to finish the story na ka
There are many problems that don't have solution yet a' ka
What if Chalee know that his boyfriend is the one who made Kevin suicide la ka??
You cannot keep the secret forever, isn't it?
How about P'X la ka??
You said that it looks like he had a plan for something but I didn't see his plan yet lei na ka..
Is this story really finished?? :sad4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 05-04-2010 20:51:13
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
อ่านตั้งแต่เมื่อวาน สนุกมากๆเลย
สงสารชาลีในอดีตมากเลยอ่ะ
โดนทำซะขนาดนั้น
แต่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ยิ่งชาลีเป็นหมอด้วยอ่ะ   :เฮ้อ: ต้องปล่อยวางบ้างเน้อ
ชอบคาแรกเตอร์ของกัณณ์จังเลย
เจ้าชู้ หล่อ รวย เท่ห์ เป็นเกย์ เอ้ยยย มะช่ายย อิอิ
แต่ต้องมาสยบให้นายเอก
กว่าชาลีจะยอมบอกรักมาเนี่ย โอ้วว ลุ้นนานมาก
เสียดายไม่มีฉาก nc  :z1: หึหึ ไม่ค่อยจะหื่นเลยเรา

เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปนะค่ะ  :L2:
ขอแบบไม่เศร้าเคล้าน้ำตาได้มั้ยอ่ะ (ชีวิตมันเศร้าพออยู่แระ หึหึ)
ยังชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับคุณตำรวจอยู่นะค่ะ
แล้วก็ขอจบแบบไม่ค้างด้วยอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 05-04-2010 23:46:13
อ่านจบสักที่ ชอบเรื่องนี้จัง แอบให้ลุ้นเยอะแยะมากมาย
สุดท้ายก็แฮปปี้ ขอบคุณพี่นาย :กอด1: :กอด1:
รออ่านเรื่องใหม่อยู่น้าาาาาา :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 06-04-2010 16:14:13
อ่านไปตาแฉะไปจนจบแล้วขอรับ น่าดีใจมากมาย :give2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-04-2010 11:29:39
ขอบคุณค่ะ  :pig4:  อ่านรวดเดียวจบเลย

หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 07-04-2010 15:42:01
แหมะ...เพิ่งรู้ว่าเป็นตำรวจเนี่ยเก่งขนาดสอนเด็กเป็นวิศวะได้
หลอกล่อทุอย่าง ยอมกันทุกทางขนาดนี้...หึๆๆเสร็จ!
น้องนาวินเห็นหงิมๆตอนแรกทำไปทำมามันจะแมนเหมือนลูกพี่ซะล่ะมั้ง

สนุกมากค่ะ ลุ้นระทึกเชียว เหอๆๆ :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Turk@holic ที่ 09-04-2010 06:57:53
จบแว้ว
...
เพิ่งอ่าน
...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 22-05-2010 14:34:01
ขอบคุณนะคับ สนุ๊กสนุก น่าจะยาว ๆ นะคับ :3123:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 23-05-2010 01:41:41
...จบละครับ อ่านมันรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

...ขอบคุณมากมายครับสนุกดี  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-06-2010 20:42:54
เรื่องนี้ปัญหาหนักหนากว่าเรื่องอื่นๆ จริงๆ  :really2:

แต่ในที่สุดก็จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง~  :L1:
(อ่านจบภายในวันเดียว เพราะไม่อยากค้าง 555+)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Annetemis ที่ 22-06-2010 01:23:28
ปล่อยวางความแค้นได้เป็นเรื่องที่ดีค่ะ ขอบคุณนะค่ะ Writer :3123:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 24-06-2010 01:15:32
อ่านจบจนได้
สนุกมากเลยคะ
ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง
สงสารสารวัตรจริงๆ หุหุ
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: beboy ที่ 27-08-2010 08:50:30
สนุกมากเลยครับพี่นาย
ชอบครับ  ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 28-08-2010 01:00:45
พึ่งเข้ามาอ่านครับ :z1:

ชอบมากมาย :-[



นายเอกหยิ่งๆแบบนี้ล่ะช๊อบชอบ o13




พระเอกก็หน้ามึนได้ใจชอบอีก :impress2:


แล้วตกลงไอคุณเจนจรินตกลงเปนเจ้าชายนิทราไปแล้วชิมิ :a5:


เรื่องเน้นายเอกฉลาด ทันคน แถมยังเก่งอีกต่างหาก แถมออกแนวจิตวิทยาอีก ชอบจัง :กอด1:


ปล.ชอบเรื่องเน้จังครับ ถึงเรื่องจะไม่คลายเท่าไหร่ แต่ชอบงิ



ขอเป็นกำลังใจให้ไรเตร์คับผม :L1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 28-08-2010 13:16:56
เพิ่งอ่านจบตอนเช้าตรู่
ขอเม้นท์ตอนนีแหละกาน
อ่านนิยายของคุณนาย ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
ชอบม้ากกกกก
ขอบคุณคร้าาาา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 10-09-2010 20:35:04
ขอบคุณมากคะ
สนุกมากๆเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 26-11-2010 12:04:51
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อิเจ๊ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะคุณคนแต่งขา

ชอบนิสัยราชินีแบบชาลี ชอบคนเท่ห์ๆแบบกันต์ ชอบคนน่ารักๆแบบเอก ชอบคนสดใสร่าเริงแบบนาวิน

สรุปชอบหมดทั้งสต็อก  :laugh:

ว่าแต่นึกไม่ถึงว่าอิตาเจจะเป็นไบ(โพล่า)ซะงั้น จะเรียกว่าเป็นกรรมของนายเจ หรือพ่อชาลีของเราดีล่ะเนี่ย เฮ้อ~~~

แล้วไอ้คุณเอ็กซ์ ก็ยังไม่เคลียร์ว่าตกลงฮีมีตื้นลึกหนาบางยังไง คิดอะไรอยู่

อยากเห็นจุดจบของสองหน่อ ชั่วช้าในกมลสันดานอย่างไวโรจน์ แล้วก็ ทิน

ที่สำคัญ ฉาก ดีลีทซีนทั้งหลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย โฮ~~ เล่นแพนกล้องขึ้นฟ้าขึ้นเพดานหมด อิเจ๊จินตนาการเลยมืดบอดตามไปด้วย น่าเศร้าใจจริงๆ TOT

ท้ายสุดนี้....ด้วยความหลงรัก กันต์และชาลี อยากให้เพลิงรักรีเทินร์จริงๆ เป็นไปได้ ท่านไรเตอร์เจ้าขา~~ ช่วยสงเคราะห์อิเจ๊ตาดำๆ ตรงนี้สักหน่อยได้มั้ยเจ้าค่ะ

อย่างน้อย...ไม่ต้องถึงขั้น ซีซั่นสอง ขอตอนพิเศษพรอมแพรมก็ยังดี

มามะขอ :กอด1: ให้กำลังใจหน่อย ด้วยความที่คุณวุฒิไม่ถึงเลยจิ้ม+ไม่ได้

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆเรื่องนี้คะ ^O^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: JayCin ที่ 26-11-2010 20:01:02
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุก น่าติดตาม ไม่สั้นไม่ยาวมาก  :n1: :n1: แบบไม่รู้จบบบบบบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-11-2010 21:03:45
แอร๊ยยย อ่านอีกรอบก็สนุกอีกรอบ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 28-11-2010 16:09:22
ถึงพระเอกกับนายเอกนั่นกันครบสามครั้งแต่หมอชาลีก็ยังไม่รุ้ว่าใครเป็นต้นเหตุให้เพืีอนฆ่าตัวตายนะครับ อิ อิ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 28-11-2010 18:27:07
 :pig4: ตำรวจกับหมอ อืมน่าสนใจ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: gviolet42 ที่ 03-01-2011 15:27:06
ว้า จบซะแล้วอ่า ยังมีปมอีกหลายปมที่ไม่ได้คลี่คลายเลยนะ ไม่รู้สึกว่ามันจบเร็วไปหน่อยหรอเนี่ย
เอ๊ะๆ หรือว่าคุณคฑาวุธมีแผนที่จะนำปมในเรื่องนี้ไปเป็นพล็อตสำหรับเรื่องหน้ากัน
อิอิ  o18
ว่าแล้วก็ขอขอบคุณนะ สำหรับเรื่องอ่านสนุกๆ อีกเรื่องนึง (ถึงแม้จะมีฉากตัดจบตลอดก็เถอะ)
จะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่นะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 07-01-2011 14:34:15
เย้ๆ เรื่องสั้นแต่ได้ใจความ โอเคๆดีๆๆ มีฉากเลิฟซีนวอบๆแวมๆชวนให้อารมณ์เสียว  เอ้ย! อารมณ์เสียตลอด อยากได้ncแบบเต็มๆจัง มีน้อยมากหลายเรื่องแล้วอะ เคยมีตรงอธิคมกับอนุภาพนิดนึง เรื่องนี้ก็สนุกดีครับ ชอบมากๆเลย ตั้งแต่อ่านเรื่องของคุณคฑาวุธมาแล้วนี่ อยากได้ตำรวจดูบ้างจัง คริๆๆ เอาแบบอธิคมอะ ไม่ก็อาวุธ ส่วนกันต์นี่ไม่น่าจะไหว แหะๆ

แต่เหนือสิ่งอื่นใด พออ่านเรื่องนี้แล้วอยากเป็นน้องสะใภ้ให้คุณหมอชาลีจังเลยอ่า......กิ๊สสส ชอบนาวินอะ อยากเป็นFirstของนาวินอะ ได้ปะๆ ไม่รู้ว่าพอนาวินได้ลองแล้วจะชอบเหมือนของกินป่าว คริๆๆๆ  :-[

ขอบคุณคุณคฑาวุธมากครับ คอยแต่งเรื่องสนุกๆมาให้ได้อ่านเสมอเลย

ป.ล.ผมยังไม่ได้ไปเม้นเรื่องอื่นเลยอะ อ่านแล้วแต่ยังไม่ได้เม้น ฮะๆ โทษทีครับ เรื่องที่อ่านแล้วก็มี คดีรัก, สถาปนิก, เกมรัก แล้วก็เรื่องนี้แหละ แต่คดีรักภาคอาวุธกะคชานนท์ไม่ได้อ่านนะ มันรู้สึกทะแม่งๆอะ เลยไม่อ่าน เสียดายอาวุธจัง ใจก็อยากให้ได้กับอนุภาพ ฮะๆ

ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอเม้นแบบรวมๆที่นี่เลยได้ไหมครับ แหะๆ


ผมว่าผมชอบเรื่องคดีรักมากที่สุดอะ อธิคมกะอนุภาพเป็นคู่ที่ผมประทับใจมากๆ เรื่องที่ผ่านๆมาคุณอนุภาพเป็นคนดีที่สุดด้วย ดีจนบางทีอารมณืเสียว่าแบบ มีคนมาชอบเยอะ ก็ลองดูกับทุกคนไปเลยสิ ฮะๆๆๆ ล้อเล่นครับ แต่แอบเชียร์ไง คือแบบว่า อยากรู้ว่า อาทิตย์อนุภาพ จะเป็นยังไง   อาวุธอนุภาพ จะเป็นยังไง อะไรแบบเนี่ย เวลาอธิคมหึงแล้ววว กิ๊สสส น่ารักที่สุด คิดถึงจิงๆให้ตายเหอะ 
ต่อมาก็ได้อ่านเรื่องเกมรัก ตอนแรกๆสนุกมากก ตอนหลังชักยังไง อารมณ์เสีย นี่มันเกมบ้าห่าเหวอะไรเนี่ย อิจฉาทั้งนายเอกและนายรอง ได้กะจอมตำรวจจปืนใหญ่ทั่งคู่เลย อิจฉาๆๆ แต่เสียใจกะตรงเรื่องที่ว่า จะให้คนนั้นเค้าตกหน้าผาตายทำไมอะ เศร้าจะตายยยยย ไม่ไหวแล้วววว เรื่องเครียดสุดๆเลยอะ ตายทำไม น่าสงสาร

ต่อมาเรื่องสถาปนิก เรื่องนี้ก็สนุก แต่เซงจบไม่เคลียร์ อยากให้นายเอกได้กะคนที่แอบเอาเรือยอร์ชเพื่อนมาใช้อะ

เห้ออยากเม้นมากกว่านี้แต่จำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้และ ขอโทษทีจริงๆครับ นิสัยเสีย อ่านแล้วไม่เม้นเลย บางทีผมอ่านในไอโฟนไง พออ่านจบมันพิมยากอะ เลยไม่ได้เม้น เป็นข้ออ้างที่แย่มากๆ ขอโทษจริงๆครับ

แต่สัญญาว่าจะติดตามผลงานของคุณคฑาวุธตลอดไปครับ ขอบคุณมากๆครับ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: genieposh ที่ 13-01-2011 22:57:34
 สนุกจังครับ อ่านเพลินเชียว   o18
แต่ก็มีอะไรค้างคาหลายจุดอยู่นะครับ เข้าใจว่าให้เก็บไปคิดเอง

 เป็นนิยายที่ประทับใจอีกเรื่อง  o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 14-01-2011 17:41:28
จบแล้วเหรอ T^T
ทำไมมันรู้สึกไม่ค่อยเคลียร์แฮะ
พระเอกนั่นกับนายเอกตอนไหนนิ - - หรือว่าตอนที่จูบแล้วก็ต่อไปเลย ไม่มีฉาก NC ใช่มั้ย??
งั้นก็เข้าใจนิดๆ อยากรู้ว่าตอนพระเอกนั่นกับนายเอกแล้วรู้สึกยังไงจัง
หุหุ แอบหื่น เราตามอ่านมาซักพักแล้วล่ะ ส่วนใหญ่จะตำรวจ ไม่ส่วนเลยมั้ง แทบทุกเรื่องเลย เหอๆ
แต่ชอบมากกกกกกก
ติดตามจ้า^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 06-02-2011 03:11:29
อ่านจบจนได้

สนุกมากเลยครับ

ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง

สงสารสารวัตรจริงๆ หุหุ

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Phoeniz ที่ 07-02-2011 19:37:43
พึ่งมาอ่านคับ  แล้วก็อ่านจบแล้ว

เรื่องสนุกมากเลยคับ  ชอบมาก

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 28-02-2011 13:32:11
เนื้อเรื่องสนุกมากครับ  จะคอยติดตามอ่านเรื่อง ของพี่นายไปเรื่อยๆน่ะครับ  ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 02-04-2011 03:46:23
ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 22-04-2011 17:21:19
พี่เรียนจบยังงะ

IE
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 25-04-2011 10:07:47
เพิ่งอ่านจบนะคะ
หมอชาลีใจแข็งมากเลยนะคะ
นาวินจะกินเก่งไปไหนค้า ^^
รักสารวัตรกัณต์จังเลยค่า  :-[
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 25-04-2011 15:55:26
พี่เรียนจบยังงะ

IE
อิ อิ อิ
นี่มัน วัน เดือน ปี ไหนแล้วครับรูปหล่อ

แต่ถามแบบนี้ชวนให้คิดว่ากำลังถูกดูถูกหรือป่ะเนี่ย โทรมาดิ แล้วจะกระซิบข้างหูว่าคำตอบคืออะไร
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 27-04-2011 17:23:08
คุณคฑาวุธแต่งได้สนุกน่าติดตามจริงๆ
มีปมนั้นปมนี้ให้ติดตามคิดตามไม่น่าเบื่อเลย
ส่วนฉากncที่คุณคฑาวุธบอกว่าแต่งไม่เป็นนี่เราไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย  :m12:
เพราะเคยอ่านจากอีกเรื่องนึงแต่งได้ดีออก อ่านแล้วเลือดกระฉูดเลยทีเดียว  :jul1:
อย่าถ่อมตัวเองเลยน๊าา เรื่องหน้าจัดเต็มเลยได้มั้ยคะ ฮี่ฮี่  :interest: 
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 25-05-2011 13:47:03
ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ คนเขียนเขียนทีไรคนในเครื่องแบบทุกทีเลย อิอิ ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 04-08-2011 16:06:48
ผม มีเบอร์ พี่ที่ไหนกัน

เคย แต่ สั่งซื้อ หนังสือ คดีรัก เล่มแรกงะ

นานๆ จะได้เข้ามาอ่านนิยายพี่นะ

เขียนสนุกเหมือนเดิมนะ พี่ผม

IE
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 15-08-2011 21:40:43
ชักชอบคนในเครื่องแบบแล้วดิ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 20-08-2011 13:57:16
จบแล้ว
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
แต่ชาลีไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองตาย
เพราะผู้หมวด
เอ้ยสารวัตรกัณไม่รัก
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-08-2011 23:46:40
ชาลีน่ารักกว่าที่แสดงออกและกัณต์ก็อบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ชอบเรื่องนี้จัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 25-08-2011 12:58:49
อ่านเรื่องนี้แล้วก็ลุ้น'
ปมเยอะมากมาย แอบเครียดนิดๆ
อ่านรวดเีดียวจบเลย สนุกมาก แต่ว่าค้างอะ
น่าจะบรรยายฉาก nc แบบเต็มๆ จะดีกว่านะ (แอบหื่น)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 29-08-2011 17:49:14
สนุกมากๆเลยค่ะ  อ่านเรื่องไหนก็สนุก ลองได้คุณนายแต่งออกมา ดีทุกเรื่องเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 10-03-2012 09:19:18
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากเลยนะครับ ผูกปมในอดีตของตัวเองไว้ดีมาก แต่น่าจะไขให้พระเอกรู้ว่าเพื่อนนายเอกเพราะอะไร ?
ชอบเนื้อเรื่องสไตล์นี้นะครับ แอบสงสารเจตรินเหมือนกัน U__U
ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาแบ่งปัน  :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 10-03-2012 12:56:19
ติดตามอ่านนิยายของคุณมาทุกเรื่อง และก็หลงรักทุกเรื่องเลยครับ
ขอบคุณมากๆนะครับ สำหรับเรื่องดีๆ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 10-03-2012 13:25:15
 o13 o13 o13

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 20-08-2012 08:30:47
เรารู้สึกเองว่ายังไม่ค่อยเคลียร์

แต่เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามมากค่ะ แต่งเก่งมาก

ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2012 16:55:03
ชอบๆ ;)
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 21-08-2012 01:20:01
 o13 o13 o13    :pig4: ชอบอย่างแรงเลยนิ จบแบบไม่จบ ...
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-10-2012 03:35:16
กัณฑ์เข้าใจเอานาวินมาอ้างนะนั่น ชาลียอมละทิ้งสิ่งที่ทำให้เจ็บก็ดีแล้ว เจที่จริงก็น่าสงสารนะ แล้วทำไม เพราะอะไรถึงได้ทำร้ายชาลีในตอนนั้น แล้วทำไมแม่เจกับเจถึงไม่บอกอาการของเจให้ชาลีฟัง
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 02-10-2012 22:25:55
+1 ค่ะ
เป็นเรื่องที่เฉือดเฉือนอารมณ์จริงๆ
ตอนจบก็หักมุมได้สุดๆ o13
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-10-2012 14:15:48
การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีนะคะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanyanat ที่ 07-11-2012 14:30:24
Love เรื่องนี้ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 18-11-2012 17:54:33
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกนะครับ แต่นะ ผมว่าพระเอกกับนายเอกของเราทำร้ายคนอื่นมากเกินไป

อย่างเควินที่ตายไปเพราะพระเอก ปมนี่ก็ถูกตัดไป แต่นะ พระเอกก็มาช่วยดูน้องแทน คงพอจะชดเชยชีวิตที่เสียไปได้(?)

นายเอกเราก็นะ แต่เค้าโดนมาเยอะไง ก็นะ ถ้าเป็นผม ผมก็อยากแก้แค้น แต่อ่านแล้วไม่รู้สึกผิดแบบที่นายเอกรู้สึกนะ

แบบว่าถ้าเป็นผม ผมคงจะไม่รู้สึกผิดกับใคร ยังเลือกที่จะบอกแม่เจตรินว่าตัวเองเป็นใคร ทางนั้นจะได้รู้ว่าไม่ได้มีแต่ตัวเองที่เจ็บ

แล้วอีก 2 คนที่เหลือนี่ มันน่าเอาให้ตายจริงๆนะ ไม่น่าปล่อยไปเลย

ผมท่าทางจะอินไปแล้วเนอะ  :laugh:

อ่อ สุดท้ายจะบอกว่าส่งนาวินใส่กล่องพัสดุมาให้ผมดูแลเอง เค้าจะได้หวานๆกันเต็มที่ ผมชอบ :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้มากๆครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 19-11-2012 19:32:58
ขอบคุณค่ะ จบซะแระ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 28-07-2013 04:48:57
เวลาอ่านเรื่องที่สนุกมากๆ..อย่างเช่นเรื่องนี้
มักรู้สึกว่า มันยังไม่จบ มันยังไม่จบ อยู่นั่นแหล่ะ...
ชอบความเป็นชาลีและสารวัตรกัณฑ์ที่สุด คนทันกัน พันธุ์เดียวกัน
มาท้าทายกัน ความสนุกดับเบิ้ล ตัวละครเจ๋งจริงๆค่ะ บทเจรจาเป็นเลิศ อ่านมันส์มาก
เสียดายอยู่แค่เรื่องเควิน บ่อหนองของสารวัตรที่กลิ่นไม่ยอมฉมให้ชาลีได้ดม...และพิพากษา
//เพิ่มเติมเรื่อง cold case ที่คั่งค้างอยากให้ปิด เช่น ลับลมคมในของเอ็กซ์คือยังไง เรื่องเอกกับยุทธนา เป็นต้น
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-05-2014 12:20:43
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 25-05-2014 00:12:45
 :katai2-1:เห็นชื่อคนแต่งต้องรีบมาอ่านเลย  หลังจากหลงทางเข้าเล้าไปเกือบปี   ประเดิมการกลับเล้าด้วยเรื่องของนักเขียนในดวงใจ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-05-2014 17:11:40
ขอโทษที่มาอ่านช้าไป

เรื่องสนุกมากๆเลย

ใช้เวลา3วันกว่าจะอ่านจบ
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 18:39:30
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:24:31
 :jul3: