แรงดึงดูด by zero- 4 -
“แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องทำงานแล้ว”
“แต่ครามอยากทำนี่”
“เดี๋ยวนี้ดื้อกับแม่นะ”
“ครามดื้อมานานแล้วแม่ก็รู้ โอ๊ยๆ ครามเจ็บ แม่อย่าหยิก ครามเจ็บ”
ผมดิ้นรนจนหลุดจากกรงเล็บของแม่ ไม่รู้เนื้อหนังติดไปบ้างหรือเปล่า เจ็บเหมือนจะตาย คุณนายยืนมองตาเขียว ก่อนจะหายใจเฮือกใหญ่ ผมยิ้มประเหลาะพาตัวเองเข้าไปคลอเคลียออดอ้อนอย่างที่ชอบทำประจำ แม่ใจแข็งกับผมได้ไม่นานหรอก
“ให้ครามหาเงินใช้เองบ้างนะแม่ รับรองไม่กระทบกับการเรียนแน่นอน”
“แม่ไม่อยากให้ครามเหนื่อย”
“ครามไม่เหนื่อยหรอก เมื่อก่อนเราเหนื่อยกันกว่านี้ก็ยังผ่านมาได้เลย”
“ห้ามยังไงก็ไม่ฟังสินะ”
“อื้อ”
เพี๊ยะ!
โดนไปอีกหนึ่งดอกขึ้นรอยแดงที่แขนครบห้านิ้ว แม่ผมทำตามสุภาษิตที่ว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แม่ผมตีจริงส่วนผมก็เจ็บจริง จำได้ว่าตอนเด็กถ้าดื้อมากๆแม่จะตีด้วยก้านมะยม เวลาแม่ตีจะไม่ใช้ก้านเดียวนะครับ แม่จะเอามาห้าหกก้านรูดใบออกแล้วมัดรวมกัน ฟาดมาที่น่องเน้นๆ คุณเอ๊ย อย่าให้บรรยายถึงรสชาติ มันตราตรึงใจจนทุกวันนี้
“แม่อ่ะ”ผมทำหน้างอใส่ปล่อยแขนที่กอดแม่ออก
“ไม่ต้องมางอนแม่เลย ไหนบอกมาสิงานอะไรที่เราจะไปทำ”
ผมเล่าให้แม่ฟัง พร้อมกับช่วยเตรียมอาหารเย็นไปด้วย ผมกลับมาหาแม่ในเย็นวันศุกร์ เลิกเรียนปุ๊บก็กลับปั๊บ เพราะอยากอยู่กับแม่นานๆ วันนี้มีแกงเลียง กับผัดพริกหยวกหมู มีขนมหวานเป็นทับทิมกรอบที่ป้าข้างบ้านให้มา
“แน่ใจนะว่าเราจะทำได้ ถึงเราจะทำงานบ้าน ทำกับข้าวได้ แต่ยังไงเราก็ไม่ใช่มืออาชีพนะ”
“ได้สิแม่ ครามซะอย่าง อีกอย่างพี่เขาก็เสนอมาเองด้วย ก็ไม่น่าจะเรื่องมากอะไร แถมให้ค่าจ้างวันละสองพันแน่ะ”
“มากไปหรือเปล่าลูก”
“เขารวยอ่ะแม่”ก็คงมีเหตุผลนี่แหละนะ ที่พี่ปั้นจ่ายได้ไม่ได้ลำบากเลยสักนิด เหมือนกับเงินสองพันบาทไม่ได้ไปสะกิดรูขุมขนพี่เขาเลย
“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ถ้ามีเงินก็น่าจะจ้างพวกแม่บ้านตามบริษัท หรือไม่ก็ต้องมีคนมาคอยดูแลอยู่แล้วนะ”
“พี่เขาบอกว่าก็เคยจ้าง แต่มันมีปัญหาเขาเลยเลิกจ้าง แต่ครามก็ไม่ได้ถามเขาหรอกแม่ว่าปัญหาอะไร ครามไม่อยากโดนว่าว่าสอดรู้สอดเห็น”
“จ้า พ่อเด็กดี”
“ที่หนึ่งเลยล่ะ”แม่ค้อนขวับ ผมยิ้มแฉ่งรับ
“ถ้าครามว่าโอเคแม่ก็โอเค แต่พี่เราเขาจะโอเคด้วยมั้ย”
“เดี๋ยวครามให้พี่เอมไปดูสถานที่ทำงานก่อนก็ได้ พี่ปั้นเขาไม่ติดอะไร”
“งั้นคงจะเดือนหน้าเลยนะ”
“ห๊ะ ทำไมอ่ะแม่”
“พี่เอมเขาไปฮ่องกงกับวิค เห็นว่าครั้งนี้จะไปเป็นเดือนเลย”
“ทำไมไม่มีใครบอกครามเลย”ผมโวย คุยกันล่าสุดก็ไม่เห็นพูดถึงเลย ใจร้าย เดือนหน้าพี่ปั้นคงไม่รอแน่ ไม่งั้นห้องหรูคงกลายเป็นรังหนู เมื่อรอไม่ได้เงินสองพันของผมก็คงหลุดลอยไป
“แม่ก็บอกอยู่นี่ไง”
“ถ้างั้น ครามจะทำงานนะ ไม่รอให้พี่เอมไปดูแล้ว”
“ไปเคลียร์กับพี่เขาเองแล้วกัน”
“ถ้าแม่ให้ พี่เอมก็ต้องให้”
“จะไม่บอกพี่เขาว่างั้น”
“รอพี่เอมกลับมาก่อนค่อยบอก เพราะพี่เอมไม่ยอมบอกครามก่อนไป ครามงอน!”
“เด็กคนนี้นี่”แม่คงเอือมกับผมแล้วเลยหันไปสนใจน้ำแกงที่กำลังเดือดปุดๆแทน ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานกับพี่ปั้น งานดี รายได้งามอย่างนี้จะหาที่ไหนได้อีก ทำแค่สองสามชั่วโมงแล้วก็กลับห้อง สบายจะตาย พอตกลงกับตัวเองได้ผมก็ไลน์ไปบอกพี่ปั้นทันทีกลัวพี่เขาเปลี่ยนใจ ตอนแรกว่าจะโทรไปแต่เกรงว่าจะรบกวนเวลาส่วนตัวของพี่เขาเลยได้แต่ส่งข้อความผ่านแอปสีเขียวไปว่าผมพร้อมไปทำงานได้วันจันทร์เลย พี่ปั้นมาตอบตกลงอีกทีตอนดึกแล้ว ดีที่ผมยังเอ้อระเหยนอนอ่านการ์ตูนอยู่เลยได้คุยกันอีกนิดหน่อย พอดีลงานกับจบก็แยกย้ายกันไปด้วยสติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์หนึ่งตัว เลือกตัวที่น่ารักที่สุดส่งไปให้ เจ้านายใหม่จะได้เอ็นดู
ผมใช้เวลาวันหยุดอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน แกล้งแม่ งอนแม่ แล้วก็อ้อนแม่ ทำวนไปอยู่อย่างนี้จนถึงบ่ายวันอาทิตย์ที่ต้องกลับหอพัก แม่ทำกับข้าวไว้ให้หลายอย่าง รวมไปถึงเจ้านายใหม่ของผมด้วย ผมโทรไปถามพี่ปั้นว่าอยากทานอะไรจะได้เตรียมวัตถุดิบได้ถูก พี่เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผมเลยให้แม่ทำหมูอบรสชาตินุ่มนวล เนื้อหมูละลายในปากให้พี่ปั้น แล้วผมจะทำข้าวผัดสับปะรดให้กินคู่กันประเดิมเป็นมื้อแรก
X
ผมกลับถึงห้องพักตอนบ่ายแก่ เอากับข้าวบางส่วนแช่ตู้เย็นเก็บไว้กินวันอื่น รวมถึงหมูอบของพี่ปั้นด้วย จากนั้นก็ทำความสะอาดห้อง เอาผ้าไปซักกว่าจะเสร็จก็ได้เวลาของมื้อเย็น แต่ตอนตากผ้าแอบเห็นว่าแคคตัสลูกรักที่ประคบประหงมมาเป็นปี แอบออกดอก เป็นตุ่มตูมๆขึ้นมาสามตุ่ม ลุ้นมาตั้งนานพอเผลอหน่อยออกดอกเฉย
“เห้ย แอบออกไม่บอกกันก่อนเลย”ผมดีใจมากหยิบมันขึ้นมาพิจารณาก่อนจะวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแล้วอัปโหลดลงอินสตาแกรม
ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนแรกที่มากดไลค์ผมชื่อไม่คุ้นตา ดิสเพลย์เป็นท้องฟ้า พอกดเข้าไปก็เป็นแอคเคาน์ล็อค ดูจำนวนคนที่ติดตามก็มีไม่เยอะ จำนวนโพสต์ก็ประมาณสองร้อยกว่ารูป ใครเนี่ย แต่คอมเม้นต์จากไอ้ภีมก็ดึงความสนใจผมไป ไอ้เพื่อนไม่รักดี ริอาจจะเอาน้ำร้อนมารดเด็กๆของผม เถียงไปเถียงมา คุณภีมากรก็เสนอหน้ามาถึงห้อง
“อะไรของมึงเปลี่ยวมากเหรอ”ผมเปิดประตูให้ไอ้ภีมที่ทำหน้าเซ็ง
“เออ เงี่ยนมากอยากหาที่ระบาย”
“นู่นห้องน้ำ อย่าทำเลอะ”
“เชี่ย กูพูดเล่นมั้ย”
“กูก็พูดเล่นมะ ตกลงเป็นไรหน้าเป็นตูดมาเนี่ย”
“เบื่อๆ เซ็งๆ”
“มันต้องมีสาเหตุ”
“หิว มีไรให้กูกินมั่ง”
“ถ้าลีลากูจะถีบมึงให้ตกเตียงเลยหมาภีม”
“เดี๋ยวดิน้องเกลืออย่าใจร้ายกับกู หิวเนี่ย อิ่มแล้วเดี๋ยวเล่า”
“กับข้าวในกล่องนั่นอ่ะ มีพะโล้กับปลาราดพริก มึงอุ่นดิ เดี๋ยวกูไปกินด้วย”แทนที่จะได้เอาไว้กินมื้ออื่นเพื่อประหยัด ต้องมาถูกล้างผลาญลงกระเพาะไอ้ภีมซะงั้น เห็นแก่หน้างอๆของมันหรอกนะ ผมจะยอมสละอาหารฝีมือแม่ให้มันได้เชยชม
“เห้ย หมูอบน่ากินนน กูกินนะ”
“ห้ามกินเว้ย! อันนั้นไม่ได้”
“ขี้งก”
“ของพี่ปั้นเว้ย อย่างอื่นก็มีเยอะแยะมึงก็เลือกกินไปดิ”
“ห๊ะ? ของพี่ปั้น ทำไมต้องมีให้พี่ปั้นวะ”
“เออ กูลืมบอก กูจะไปทำงานกับพี่ปั้นอ่ะ”
“งานไรวะ”
“ก็งานบ้านไง ตามที่มึงไปโฆษณากูไว้กับพี่ชิด ว่ากูทำงานบ้าน ทำอาหารได้ พี่ชิดเอาไปบอกพี่ปั้น พี่ปั้นเขาต้องการคนพอดีก็เลยจ้างกู แล้วกูก็ตกลง”
“จนได้นะมึง หางานจนได้ ตอนนั้นกูก็พูดไปงั้น ไม่คิดหรอกว่าใครเขาจะจ้างมึงไปทำงานบ้าน เดี๋ยวนี้เขามีบริษัทแม่บ้านเยอะแยะ หรือไม่ก็จ้างพวกแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฏหมายมาทำงานบ้านเหมือนบ้านกูอ่ะ”
“เอาเหอะ จะยังไงก็ช่างพี่ปั้นเขาให้กูทำงาน จบนะ”
“จ้าๆ เอาที่มึงสบายใจ แต่ก็ดี มึงไปทำงานกับพี่ปั้น คนกันเองก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
“รายได้ก็ดี”
“ไอ้เกลือเอ๊ย”
“แล้วมึงอ่ะ บอกกูได้ยัง เป็นไรถึงได้หอบร่างมาหากู”
“อิ่มก่อนแล้วจะเล่า”
“ไม่เล่าก็ไม่ต้องแดก”ผมดึงจานข้าวมันออก
“เชี่ยนี่! เออ เล่าก็ได้”
“กูเซ็งตามอ่ะแม่ง”
“อะไรกันอีกวะ”
“กูขอมันเป็นแฟน มันไม่ตกลง มันบอกขอเวลากูก็ให้ไปแล้วไง”
“มึงให้ไปกี่วัน”
“7 วันมันก็มากพอแล้วเว้ย”
“พ่อหนุ่มใจร้อน กูว่าตามมันก็อยากคบกับมึงแหละ แต่คงอยากแกล้งมึงให้งุ่นง่านมากกว่า มึงไปแกล้งมันไว้เยอะ”
“เดี๋ยวกูจับปล้ำแม่ง”
“มึงทำงั้นจริงก็รอให้ญาติๆตามมากระทืบมึงได้เลย”ตามเป็นคนญาติเยอะ เป็นที่รักและเอ็นดู ใครมาทำอะไรหลานรักคงไม่ตายดี
“กูก็ว่างั้น แล้วทำไงมันจะยอมคบว้า เล่นตัวจริงไอ้สัด มันเขี้ยวเว้ย”
ผมส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของภีมากร ที่กลายร่างเป็นหมีงุ่นง่านที่เห็นกระปุกน้ำผึ้งวางตรงหน้าแล้วไม่มีปัญญาเปิดฝากิน
“กินๆไปซะ ท้องอิ่มสมองจะได้แล่น จะได้คิดว่าทำยังไงตามถึงจะยอมมึง”
“พะโล้แม่งอร่อยว่ะ แต่กูยังอยากกินหมูอบอยู่นะ”
“เออๆ วันไหนว่างกูไปทำให้กินที่ห้อง”
“ดีมากเพื่อนรัก”
“แต่มึงต้องจ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมดนะ”
“ไอ้เกลือ!”
x
วันแรกของการทำงานพ่อบ้านและพ่อครัวหัวป่าก์ของผม เริ่มด้วยการนั่งรอนายจ้างที่ใต้ตึกคณะคนเดียวเพราะเพื่อนสองคนพากันไปเดต หมั่นไส้!
เมื่อตอนเที่ยงกลุ่มพี่ปั้นไม่ได้แวะมาทานข้าวกลางวันที่โรงอาหารเหมือนทุกที มีเพียงข้อความที่ส่งมาบอกก่อนผมเข้าเรียนคาบบ่ายว่า หลังเลิกเรียนให้ผมรอใต้ตึก จะได้กลับคอนโดไปพร้อมกัน แต่ผมบอกพี่ปั้นว่าต้องแวะไปซุปเปอร์มาร์เกตซื้อพวกของสดก่อน แล้วก็ต้องแวะที่ห้องเพื่อไปเอาหมูอบในตู้เย็นด้วย แต่พี่ปั้นก็ยังยืนยันให้ผมรอ โอเค รอก็รอ
ระหว่างรอผมก็ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไปด้วย ช่วงที่ผ่านมาก็มีแต่รายจ่าย อยากจะร้องไห้ แต่ต่อจากนี้ผมจะกลายเป็นนักศึกษาปีสองที่มีรายได้วันละสองพันบาท ความฟินมันอยู่ตรงนี้ แต่ผมไม่ได้คิดจะเอาเก็บไว้ทั้งหมด จะแบ่งส่วนหนึ่งไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารให้พี่ปั้นด้วย เพราะถึงพี่ปั้นจะบอกว่ามีกำลังจ่ายไหวแต่ผมก็คิดว่ามันมากไปอยู่ดีเลยหาทางออกด้วยวิธีนี้
“ขยันจังเว้ย”
ผมสะดุ้งเพราะเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง แต่พอจะขยับตัวนั่งตรงๆ ก็ดันติดแผ่นอกใครสักคนที่โน้มตัวลงมาเท้าแขนกับขอบโต๊ะ
“เชี่ยวอย มึงขยับออกมาให้ไว”ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่โดม คนด้านหลังผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับตัวมา
“อะไรของพวกพี่อ่า”
“ไม่มีอะไร เห็นนั่งง่วนทำอะไรสักอย่างอยากรู้ก็เลยแอบดู”พี่วอยบอกแล้วนั่งลงข้างผม ส่วนพี่โดมเลื้อยไปกับม้านั่งฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมมีแค่พวกพี่สองคนละครับ”
“ไอ้ปั้นกับไอ้ชิดมันคุยกับอาจารย์อยู่ เดี๋ยวก็มา”
“โดม!”
“จ๋า!”พี่โดมลุกพรวดขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงหญิงอันเป็นที่รัก
“เดี๋ยวจินไปกินข้าวกับพวกแป้งนะ จะไปช้อปปิ้งตามประสาผู้หญิงด้วย โดมกลับบ้านไปก่อนเลยไม่ต้องไปส่ง”
พี่จินพูดรัวทีเดียวจบก็เดินไปกับกลุ่มเพื่อนอีกสามคน ทิ้งให้แฟนหนุ่มนั่งเอ๋อ อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ทัน
“อะไรวะ โดนเทซะงั้นกู ว่าจะชวนไปกินบุฟเฟ่ต์เปิดใหม่หลังมอ”
“งั้นเดี๋ยวกูกับไอ้ชิดไปเป็นเพื่อนมึงเอง”
“น่าเสียดายที่ครามต้องไปทำงานห้องไอ้ปั้น ไม่งั้นจะพาไปกินด้วย”
“เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ”ผมไม่ปฏิเสธพี่เขาให้เสียน้ำใจแต่ก็คิดว่ามันคงไม่มีโอกาส เพราะผมต้องทำงานห้องพี่ปั้นทุกวัน
“พวกมึงนั่งรออะไรไม่กลับบ้านกันวะ”พี่ปั้นมาพร้อมกับพี่ชิด คู่หูดูโอ้ที่เห็นบ่อยๆตั้งแต่สมัยมัธยม
“กูก็นั่งเป็นเพื่อนน้องรอมึงไง”
“กูมาแล้วงั้นพวกมึงก็กลับกันไปได้แล้ว”
“ทำเป็นไล่ เออ พวกกูไปก็ได้ ไอ้ชิดไปแดกบุฟเฟ่ต์หลังมอกัน”พี่วอยว่าแล้วก็ลากพี่ชิดที่ยังไม่ทันตอบตกลงออกไป พี่โดมหันมาบอกให้ผมโชคดีแล้วก็ตามไปอีกคน
“เราก็ไปกันได้แล้ว”
ผมเดินตามเจ้านายไปขึ้นรถ ที่จอดบริเวณหน้าคณะ ถึงจะเป็นเวลาเย็นแล้วแต่มีหลายคนเพิ่งเลิกเรียนจึงมีสายตาจับจ้องมาที่ผมที่เดินตามพี่ปั้น ก็นะเดินกับคนดังย่อมตกเป็นเป้าสายตา พอขึ้นรถได้ผมก็รีบคาดเข็มขัดทันทีไม่รอให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“ไปที่หอผมก่อนนะครับ”
“โอเค แล้วรอพี่นานมั้ย
“ก็เกือบชั่วโมงได้ครับ แต่ผมไม่ได้รีบอะไร”ก็มีแค่งานที่ต้องไปทำ ไม่รอเจ้าของห้องก็คงไม่ได้ทำ
“โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วนี่ไม่พาพี่สาวมาดูสถานที่ก่อนรับงานหรือไง
“พอดีพี่ผมไปต่างประเทศกะทันหัน อีกนานกว่าจะกลับ แต่ผมบอกแม่แล้วแม่ก็โอเค เลยไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“เห็นพูดถึงแต่แม่กับพี่สาวแล้วพ่อเราล่ะ”
“เขาก็อยู่กับครอบครัวของเขาครับ”
“อ่อ เออ วันนี้จะทำอะไรให้พี่กินล่ะ”
ผมต้องขอบคุณพี่ปั้นที่จับความรู้สึกผมได้เร็วมากและพาเปลี่ยนเรื่อง ผมไม่อยากพูดถึงคนที่ทำไม่ดีกับแม่สักเท่าไหร่ ถึงจะผ่านมาหลายปี แต่เรื่องบางเรื่องเวลาก็ไม่สามารถลบเลือนมันไปจากใจเราได้
“ผมให้แม่ทำหมูอบให้พี่ ที่เรากำลังจะเอาที่หอผมนี่แหละ ส่วนผมเดี๋ยวจะไปทำข้าวผัดสับปะรดให้กินคู่กัน”
“ฟังดูน่าอร่อยแหะ”
“แค่ฟังมันไม่อร่อยหรอกครับ พี่ต้องกินและรับรองว่าอร่อยทุกอย่างแน่นอน”
“หึหึ แล้วพี่จะรอชิม แต่ก่อนอื่นถึงหอแล้วนะ รีบขึ้นไปเอาหมูอบของพี่ลงมาสักที อย่ามัวแต่โม้”
“คร้าบๆ”ผมยู่จมูกใส่ไปหนึ่งที เรื่องอะไรมาหาว่าผมโม้ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปอย่างเร็วรี่
จากหอผมก็ไปต่อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ สอบถามกับพี่ปั้นแล้วว่าที่ห้องมีอะไรบ้างก็ได้ความว่านอกจากเครื่องครัวแล้วก็ไม่มีเครื่องปรุงอย่างอื่นเลย ผมเลยต้องซื้อทั้งข้าวสาร เครื่องปรุงรส น้ำมันพืช และอะไรอีกหลายอย่าง พี่ปั้นบอกให้หยิบมาทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ พอเสร็จจากของพวกนี้แล้วก็มาเลือกอาหารสดที่พอทำอาหารได้อีกสองสามวัน ผมไม่อยากตุนไว้เยอะเพราะอยากให้วัตุดิบสดใหม่เสมอ
“พี่ปั้นชอบกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”
“จริงๆอะไรก็ได้ พี่กินได้หมด รสจัด รสจืด ไม่เกี่ยง”
“พี่เป็นพวกลิ้นจระเข้หรือไงเนี่ย”ถามกี่ทีอะไรก็ได้
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ยเล่า เอาเป็นว่าครามทำอะไรให้พี่กินพี่ก็กิน”
ดูเลี้ยงง่ายดีจัง...
“โอเคครับ งั้นผมจะทำต้มยำอึ่ง ผัดเผ็ดตุ๊กแก แย้แดดเดียว แล้วก็....”
“พอเลยๆ กวนนะเนี่ย เอาแบบธรรมดาก็พอครับ พิสดารเกินไปพี่ก็ไม่ไหว”
“ไหนบอกอะไรก็ได้ไง”ผมหรี่ตามอง พี่ปั้นทำหน้าเหมือนอยากจะเข้ามาขย้ำผม ผมเลยฉีกยิ้มสู้ อีกฝ่ายทำเพียงส่ายหน้า แล้วโยนพวกขนมขบเคี้ยวใส่รถเข็น
“ส่วนมากก็ชอบพวกอาหารจานเดียวง่ายๆ ราดหน้าก๋วยเตี๋ยว ข้าวกะเพราไก่ทำนองนี้”
“ปกติไปร้านตามสั่งพี่ก็สั่งแต่เมนูพวกนี้ใช่มั้ย”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“เขาไม่เรียกอะไรก็ได้แล้วครับ แบบนี้เรียกสิ้นคิด พี่ได้สารอาหารครบหรือเปล่าเนี่ย”
“ได้ครบอยู่แล้วน่า เพราะถ้าพี่คิดไม่ออกไอ้พวกนั้นมันก็สรรหาเนมูอะไรมาสั่งกันบ้างก็ไมรู้พี่ก็ตามๆมันไป แต่ส่วนมากก็เข้าร้านอาหารที่เขามีเมนูมาให้เลือกอยู่แล้ว
ก็นะ ลืมไปเลยว่าคุณเขารวย น้อยครั้งที่จะเข้าร้านอาหารตามสั่งแบบบ้านๆ แต่ร้านพวกนั้นก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนกินนี่แหละ ดูท่าแล้วจะเป็นพวกที่ฟังแต่เมนูเดิมๆ
“ก็ยังดี แต่ต่อไปนี้รับรองว่าพี่จะได้สารอาหารครบถ้วน”สารพัดเมนูผุดขึ้นมาในหัวผมมากมาย สงสัยกลับไปต้องไปลองจดและลองจัดว่าแต่ละวันจะทำอะไรให้พี่ปั้นกินดี พอคิดได้ดังนั้นของที่ตั้งใจว่าจะซื้อไปเผื่อก็คงต้องหยุดไปก่อน เอาไว้จัดสรรเมนูได้ค่อยซื้อใหม่พรุ่งนี้
“ครบแล้วเหรอ”
“ครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน ของวันอื่นค่อยมาซื้อแล้วกัน”
“ไหนๆก็มาแล้วซื้อไปเลยก็ได้นะ”
“ไม่เอาครับ ผมอยากได้ของสดใหม่มากกว่า แล้วซุปเปอร์มันก็ไม่ไกลด้วย ไปมาสะดวกอยู่แล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
“เอางั้นก็ได้”
จ่ายเงินเสร็จก็ช่วยกันขนของมาที่รถและตรงกลับคอนโด พี่ปั้นให้คีย์การ์ด กุญแจสำรอง และสแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าห้องให้ผมเรียบร้อย ผมก็ไล่เจ้าของห้องให้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ทำอาหารมื้อเย็น
“อ้าว ทำไมไม่ไปอาบน้ำล่ะครับ”
“เดี๋ยวค่อยอาบ เรามีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ นี่มันหน้าที่ผม เจ้านายเชิญไปนั่งดูทีวีดีกว่าครับ อาหารเสร็จแล้วผมจะไปเรียก”
“ทีวีไม่มีอะไรน่าดู งั้นพี่นั่งดูครามทำอาหารแล้วกัน”
ถึงจะงงว่าการนั่งดูผมทำอาหารมันมีอะไรน่าสนใจมากกว่ารายการทีวี ซึ่งคนมีห้องหรูอย่างพี่ปั้นคงจะติดจานทุกจาน มีเคเบิ้ลนั่นนี่เต็มไปหมด ช่องรายการให้ดูเป็นร้อยๆช่องแน่นอน มันต้องมีสักรายการที่น่าสนใจบ้างแหละ แต่ในเมื่อพี่เขาว่างั้นผมก็ไม่มีข้อโต้แย้ง ได้แต่เร่งมือทำอาหาร เพิ่มต้มจืดฟักใส่ปีกบนไก่และเห็ดหอมเพื่อให้ซดน้ำคล่องคอไปอีกอย่าง
“ชอบทำอาหารมากเลยเหรอ”
“ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกครับ แต่ต้องช่วยแม่ทำทุกวัน มารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกรักการทำอาหารไปแล้วครับ”
“ดีจัง ยังไงก็ไม่อดตาย”
“ถึงทำไม่เป็นก็ไม่อดตายครับ ถ้าพี่มีเงินซะอย่างซื้อกินเอาก็ได้”
“ฮ่าๆ ก็จริง”
“หิวหรือยังครับ”
“ก็นิดหน่อย แต่พี่รอได้ ไม่ต้องรีบหรอก ทำไปตามปกติเถอะ”
ถึงพี่ปั้นจะบอกอย่างนั้นแต่ผมก็ต้องเร่งมือทำอยู่ดี เพราะยังมีงานอย่างอื่นรออยู่ แต่สายตาที่พี่ปั้นจ้องมองตลอดเวลาที่ผมทำอาหารมันทำให้รู้สึกเกร็งๆยังไงไม่รู้
“เอ่อ พี่ปั้นอย่าเอาแต่จ้องผมสิ เดี๋ยวก็ผมก็หยิบเกลือมาใส่แทนน้ำตาลหรอก”
“หึ ถ้าไม่อยากให้พี่จ้องก็หาอะไรให้พี่ทำสิ”
“งั้นพี่เอาหมูอบในเวฟใส่จานทีนะครับ แล้วถ้าข้าวสุกแล้วพี่ตักใส่ถ้วยนี้ให้ผมหน่อยครับ”ถือโอกาสใช้เจ้านายเสียเลย แต่ห้ามหักเงินค่าจ้างเพราะเสนอตัวมาทำให้เอง
“โอเคได้”
ผมทำต้มจืดก่อน เพราะข้าวผัดสับปะรดต้องรอข้าวสุกก่อน ถ้ามีเวลามากกว่านี้ผมจะแกะสลักฟักให้ทุกชิ้นเลย ให้สมกับค่าแรงสองพัน
“หอมจัง ขอชิมได้มั้ย”
“อดใจรอก่อนครับ มันยังไม่ได้ที่เลย”
“ตอนแรกก็หิวนิดเดียวนะ แต่พอได้กลิ่นอาหารเท่านั้นพยาธิพี่ร้องประท้วงกันใหญ่เลย”
“งั้นพี่ก็กินหมูอบรองท้องไปพลางๆก่อนครับ”
“รอตอนเสร็จทีเดียวดีกว่า”
พี่ปั้นช่วยหยิบจับนั่นนี่จนอาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย อันเชิญเจ้านายนั่งประจำที่ พี่ปั้นมองอาหารสามอย่างบนโต๊ะด้วยตาเป็นประกาย
“งั้นผมขอตัวไปทำความสะอาดห้องนะครับ”
“มานั่งกินด้วยกันก่อน”
“หา?”
“เยอะแยะแบบนี้พี่จะกินยังไงหมด มานั่งกินด้วยกันก่อน”
“แต่ว่า...”
“คราม พี่จ้างให้เรามาทำงานก็จริง แต่พี่ก็ยังเห็นเราเป็นน้องอยู่นะ ไม่ใช่ลูกจ้าง มานั่งกินด้วยกันเถอะ พี่กินคนเดียวมันก็เหงาๆนะ”พี่ปั้นทำหน้าน่าสงสาร อีกอย่างผมก็หิวแล้วเหมือนกันเลยไม่ปฏิเสธ
“ก็ได้ครับ”
ผมไปตักข้าวผัดแล้วมานั่งฝั่งตรงข้ามพี่ปั้น ผมตกหมูอบใส่จานพี่ปั้น
“หึหึ อะไรจะลุ้นขนาดนั้น”พี่ปั้นชะงักช้อนที่กำลังจะเข้าปาก ผมลุ้นจนลืมหายใจ
“ก็อยากรู้ว่าจะถูกปากมั้ย ถ้าเกิดวันแรกทำแล้วไม่ประทับใจพี่ผมก็เฟลแย่เลย”พี่ปั้นยิ้มก่อนจะส่งหมูอบเข้าปาก อีกฝ่ายหลับตาเคี้ยวช้าๆเหมือนจะซึบซับรสชาติของมันอยู่
“เป็นไงพี่”
“อร่อยมาก ฝีมือคุณแม่เด็ดสมคำคุยจริงๆ”
ผมยิ้มรับหน้าบาน
“ดีใจอะไรขนาดนั้น ไม่ได้ชมฝีมือเราสักหน่อย อย่าลืมสิคนที่ต้องทำให้พี่กินทุกวันคือเราไม่ใช่คุณแม่”
“ชมแม่ก็เหมือนชมลูกแหละพี่ งั้นพี่ลองชิมข้าวผัดสิ”
ผมคะยั้นคะยอให้พี่ปั้นลองชิมข้าวผัดที่ผมทำอย่างสุดฝีมือ คัดเลือกวัตถุดิบอย่างดี แต่อีกฝ่ายกลับทำสีหน้าเฉยๆ ดื่มน้ำตามหลังจากที่กลืนคำแรกลงไป
“ไม่อร่อย ไม่ถูกปากเหรอครับ”
“วันหลังทำเมนูอื่นนะ”
“คะ...ครับ”โคตรรู้สึกแย่เลยอ่ะ ผมมั่นใจในฝีมือตัวเองมากเลยนะ เพราะได้วิชาจากแม่มาเยอะ
“อย่าทำหน้าหงอยสิ พี่แค่อยากรู้ว่าเมนูอื่นจะอร่อยมากเหมือนกันหรือเปล่า”
ฮึ่ย!
“หึ ปากจะชิดจมูกอยู่แล้ว อ่ะ กินเข้าไปแล้วจะได้รีบไปทำงาน เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับห้องหรอก”
ผมอ้าปากงับข้าวผัดสับปะรดจากช้อนที่ยื่นมา รสชาติอร่อยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ผมย่นจมูกให้คนขี้แกล้งด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะรีบจัดการมื้อเย็นให้เรียบร้อยแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ การเริ่มงานวันแรกยังคงมีอะไรติดบัดบ้างเล็กน้อยตามประสามือใหม่ไร้ประสบการณ์แบบมืออาชีพ แต่ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ปิดท้ายด้วยการที่เจ้าของห้องมาส่งผมเวลาสามทุ่มนิดๆ ด้วยเหตุผลว่าเป็นทางผ่าน เพราะคุณเขาจะออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แหม เริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์กันเลยทีเดียว ผมได้แต่ค่อนขอดในใจเท่านั้นแหละครับ ไม่คิดจะสอดปากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายแต่อย่างใด เดี๋ยวเงินสองพันที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าสตางค์จะปลิดปลิวไป จบวันดีๆด้วยกระเป๋าตุงๆ
------------------------------------
พาน้องครามมาส่งก่อนบินจ้า เจอกันตอนเรากลับมานะคะ จุ๊บๆ