แรงดึงดูด by zero
- 3 -
ช่วงนี้ชีวิตผมดูว่างเปล่า เพราะหลังจากเลิกเรียนแล้วก็ไม่มีงานให้ทำ ไม่มีสอนพิเศษ ไม่มีงานที่ร้านอาหาร ช่วงเย็นจึงผ่านไปด้วยการอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนและอ่านล่วงหน้าสำหรับคาบถัดไป ถึงแม้ว่าจะรักเรียนแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกว่าขยันเกินไปหรือเปล่านะ แต่เอาจริงๆแล้วผมแค่ไม่ชินกับการว่างงานและไม่ชินกับการไม่มีรายได้เข้ากระเป๋า
พอเล่าให้แม่ฟังทางนั้นก็รีบบอกมาทันทีว่าดีแล้ว แม่อยากให้ผมตั้งใจเรียนและใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ แม่กับพี่จะเป็นคนรับผิดชอบเอง แต่ผมรู้สึกเหมือนเอาเปรียบพี่สาวยังไงไม่รู้ พี่เอมก็จบมาด้วยการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมงอแงใส่แม่จนแม่เบื่อจะคุยด้วย เลยส่งไม้ต่อให้พี่เอมมาคุยต่อ พี่เอมบ่นจนหูชาและปิดท้ายด้วยการห้ามผมไปทำงานที่ไหนอีก แต่ถ้าจะทำงานที่ทำต้องผ่านเงื่อนไขที่คุณเธอตั้งไว้ ก่อนเริ่มทำงานต้องให้ไปดูว่าสถานที่ นายจ้าง บลาๆ ปลอดภัยหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเป็นสาวน้อยบอบบางอ่อนต่อโลกมากที่ต้องคอยให้แม่กับพี่สาวมาคอยเป็นห่วงทั้งๆที่ผมก็เป็นผู้ชายควรจะต้องเป็นคนดูแลสาวๆทั้งสองคนมากกว่า แต่ว่ามีคนเป็นห่วงใยเราก็ยังดีกว่าไม่มีใครสนใจใช่มั้ยครับ
ติ๊ง
ระหว่างที่ผมนอนมองเพดานห้องอย่างเลื่อนลอย เพราะอ่านหนังสือจนไม่รู้จะอ่านอะไรแล้ว เสียงเตือนจากแอปพลิเคชั่นสุดฮิตก็ดังขึ้น ผมเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า กระดึ๊บไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง
หืม?
พอเห็นชื่อเจ้าของข้อความที่แสดงหน้าจอผมเลยรีบปลดล็อคแล้วเข้าไปอ่านข้อความเต็มๆทันที
Athip_Pun
ตอนนี้ว่างมั้ย? 16.31
ตั้งแต่พี่ชิดแชร์คอนแทคมาให้ผมก็แอดไลน์พี่ปั้นไว้ ส่งสติ๊กเกอร์และข้อความไปบอกว่านี่ครามเองเพื่อเป็นการทักทาย เขาอ่านแล้วก็เงียบไป ผมเลยคิดว่าพี่เขาคงยังไม่สะดวกตอบเลยไม่ได้ว่าอะไร จนสัปดาห์หนึ่งผ่านไปก็ไม่ได้ตอบ คงยุ่งมากจริงๆ...ยุ่งจนผมหมดหวังว่าจะได้งานใหม่ ผมเองก็ไม่ได้ทักท้วงเขาไปเพราะมันจะเป็นการรบกวนเปล่าๆ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ตอนที่บอกพี่ชิดไปผมก็แค่แถแท่ดๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย แต่พี่เขาก็เสนอตัวมาผมก็เลยสนอง ถือว่าได้ประโยชน์เลยไม่ปฏิเสธ แล้วจู่ๆคนที่เงียบไปหาย ก็ทักมา ถามว่าว่างมั้ยคืออะไร ผิดคนหรือเปล่า?
Chakram_p
16:35 พี่หมายถึงผมเหรอครับ?
Athip_Pun
นี่ไลน์ใคร? 16.35
Chakram_p
16:35 ครามครับ รุ่นน้องที่คณะพี่
Athip_Pun
งั้นก็ใช่สิ ทักไลน์ใครก็แสดงว่าถามคนนั้น ไม่งั้นจะทักเพื่อ? 16.36
ตกลงว่างมั้ย? 16.36
เหมือนโดนด่าว่าโง่ยังไงไม่รู้แหะ
Chakram_p
16:38 ขอโทษครับ ผมคิดว่าพี่ทักคนผิด
16:38 ตอนนี้ผมว่างครับ พี่มีอะไรหรือเปล่า
Athip_Pun
งั้นมาเจอพี่ที่ร้านบิ๊กมิลค์ห้าโมงเย็น 16:39
Chakram_p
16:40 อ่า ได้ครับ
ผมตอบรับกลับไปอย่างงงๆ แต่ด้วยความที่ว่างไม่มีอะไรทำ ออกไปเจอก็ได้ อีกฝ่ายน่าจะคุยกับผมเรื่องงานแน่ๆ แต่จะว่าไปพี่เขาก็น่าจะบอกทางไลน์หรือไม่ก็โทรมาก็ได้ ผมคิดวนไปวนมาจนแต่งตัวเสร็จภายในสิบนาที ร้านบิ๊กมิลค์ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัย เป็นร้านขายเครื่องดื่มที่มีนมเป็นส่วนผสมมากมายหลายเมนู แต่จุดขายหลักคงเป็นหน้าอกหน้าใจเจ้าของร้านที่ไปอัปไซส์มาให้เข้ากับชื่อร้าน แน่นอนว่าหนุ่มๆแวะเวียนไปชิมนมจนแน่นร้านตลอด อันที่จริงเครื่องดื่มเขาก็อร่อยมากนะครับ ไอ้ภีมมันเลี้ยงผมกับตามบ่อยๆ
ใช้เวลาเกือบสิบนาทีผมก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี มองไปด้านในเห็นโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ผลักประตูเข้าไป เสียงกรุ้งกริ้งของกระดิ่งประตูทำให้พนักงานกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงสดใส ผมกวาดสายตามองไปทั่วร้านเพื่อหาคนที่นัดผมมา แต่กลับมองไม่เห็นเลยลองเดินขยับไปด้านข้างแล้วมองเข้าทางด้านในสุดที่เป็นจุดอับสายตาเมื่อครู่ก็เจอพี่ปั้นในชุดนักศึกษานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว แต่โต๊ะรอบข้างเต็มไปด้วยผู้หญิงที่จ้องมองกันอย่างไม่เกรงใจ บางทีผมก็คิดนะว่าพี่เขาใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง กับสายตาที่คอยจับจ้องไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร กับใคร ดูไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย
“ดีครับพี่”เอ่ยทักคนหน้าหล่อเหมือนรูปปั้น เครื่องหน้าดูดีเหมาะเจาะไปหมด อยากได้สักครึ่งหนึ่งของพี่เขา แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า หน้าตาบ้านๆแบบนี้ก็ดีแล้วไม่เป็นจุดสนใจ ไม่มีใครมาวุ่นวาย
“ช้า”
“ผมรีบสุดๆแล้วครับ เดินจนขาจะพันกันแล้วครับ”ผมพูดพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงตรงข้าม
“ขาสั้นแค่นี้ยังจะพันกันได้อีกเหรอ”
“..........”พูดงี้เรียกผมไปกระทืบกลางสี่แยกดีกว่าครับ
“หึ พี่ล้อเล่น”ใครเขาให้เอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นเนี่ย
“หน้างอๆ มาๆ พี่เลี้ยงนมแก้วนึงเลยเอ้า”
“แก้วใหญ่เลยนะครับ”
“เด็กงก”
“เปล่างก แต่เมื่อกี้ผมเสียใจมากเลยนะครับ พี่ล้อปมด้อยผมอ่ะ ต้องแก้วใหญ่เท่านั้นถึงจะหาย”
“หึหึ เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่คนเงียบๆ”
“หืม?”หมายความว่าไง? ผมพูดมากไปเหรอ
“เปล่า ไม่มีอะไร ป่ะ อยากกินไรไปสั่ง พี่รอ”พี่เขาบอกยิ้มๆพร้อมกับยื่นแบงค์สีเทามาให้หนึ่งใบ
“เอ้ย พี่ผมล้อเล่น”ถึงจะชอบของฟรี ชอบหลอกให้ไอ้ภีมเลี้ยงบ่อยๆ แต่กับคนอื่นผมก็ไม่ได้อยากได้หรอก มันไม่สนิทใจ
“ไปสั่งมา กล้าขัดรุ่นพี่เหรอ”
“ขี้โกงอ่ะ”ใช้อำนาจรุ่นพี่ในทางที่มิชอบ
“บ่นๆ เร็วไปสั่งมา”
“ครับๆ”ผมเดินมาสั่งนมปั่นเมนูโปรด ถึงจะเกรงใจเจ้าของเงินแต่ขอแอบเพิ่มวิปครีมกับราดคาราเมลอีกนิดหน่อย ผมชอบมันหอมหวานดี ยืนรอไม่นานก็ได้เครื่องดื่ม ผมนำเงินทอนมาคืนพี่ปั้นที่รออยู่ พี่รับคืนไปพร้อมเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะเอ่ยชวนผมออกจากร้าน
“จะไปไหนครับ?”นึกว่าจะนั่งคุยกันในร้านเสียอีก
“หิว ไปหาอะไรกินกัน”
“แล้วพี่นัดผมมาที่ร้านนมทำไมครับ”
“ตอนแรกมันยังไม่หิว แต่พอเห็นหน้าเราแล้วหิว กินอะไรมาหรือยังล่ะ”เห็นผมเป็นอาหารหรือไง เห็นหน้าแล้วหิว ผมยังไม่ได้กินอะไรมาเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ตอนนี้ท้องก็ร้องแล้ว ทว่าจะให้ไปกินกับพี่เขาผมก็นึกถึงเงินในกระเป๋าขึ้นมา พี่ปั้นต้องกินหรูแน่ๆ
“ทำไมคิดนานแค่ถามว่ากินข้าวเย็นหรือยัง”
“ยังครับ พี่จะไปกินที่ไหนเหรอ”ขอรู้ชื่อร้านให้อุ่นใจก็ยังดี แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือ
“ตามมาเดี๋ยวก็รู้”พี่ปั้นเป็นคนที่ชอบออกคำสั่งแหงๆ ผมก็ได้แต่เดินตามต้อยๆไปขึ้นรถญี่ปุ่นสีดำเงาวับ ถึงจะเป็นรถญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ได้ธรรมดานะครับ แอคคอร์ด ไฮบริด
“คาดเข็มขัดด้วย”พี่ปั้นดุเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอื้อมมือไปดึงสายเข็มขัด อีกฝ่ายก็โน้มตัวเข้ามาแล้วจัดการให้เสร็จสรรพ ก่อนจะถอยกลับหลังพวงมาลัยตามเดิน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมจางๆคลอเคลียจมูกผม น่าจะเป็นกลิ่นที่เขาใช้ประจำ เพราะครั้งก่อนผมก็ได้กลิ่นนี้
ผมนั่งนิ่งไม่กล้าแม้กระทั่งจะยกแก้วนมปั่นขึ้นมาดูด แต่ก้อนเนื้อในอกเต้นตึกตักไม่ยอมลดจังหวะลงเลย
“ไม่อร่อย?”
“ครับ?”
“ในมือน่ะ”
“อ๋อ อร่อย เมนูโปรดเลย”
“ไม่เห็นกิน เดี๋ยวก็ละลายหมดหรอก”
พอพี่ปั้นบอกผมก็ค่อยๆยกแก้วขึ้นมาดูด รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอดอย่างนุ่มนวล พี่ปั้นขับรถด้วยมือเดียว อีกมือวางไว้บนเกียร์ เสื้อนักศึกษาที่ถูกพับแขนมาไว้ที่ข้อศอก ทำให้พี่ปั้นดูเท่มาก ผู้ชายที่ทำให้ผู้ชายด้วยกันรู้สึกชื่นชมได้นี่ นับว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ผมว่าหลายๆคนก็คงอยากจะฮอตมีสาวติดตรึมอย่างพี่ปั้นกันทั้งนั้น
“จ้องกันแบบนี้พี่ก็เขินเป็นนะ”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกทักขึ้นมา เผลอมองนานไปหน่อย พี่ปั้นยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนจะวางลงบนเกียร์เหมือนเดิม
“ขอโทษครับ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ครามจ้องซะจนพี่เขินน่ะ เดี๋ยวก็ขับรถชนกันพอดี”
“คนอื่นก็จ้องพี่ตั้งเยอะตั้งแยะพี่ไม่ชินเหรอครับ”
ในร้านนมเมื่อกี้ก็เห็นนั่งนิ่ง ไม่สนใจโลกด้วยซ้ำ
“มันไม่เหมือนกัน”
“หืม?”พี่ปั้นพูดอะไรไม่รู้เสียงเบาเชียว
“ที่สั่งมานั่นน้ำอะไรอ่ะ”
“อ๋อ นมปั่นครับ เพิ่มวิปครีม ราดคาราเมล อร่อยนะ”
“อร่อยจริงอ่ะ?”
“จริงครับ”
“สงสัยต้องลอง”
“วันหลังพี่ลองสั่งดูนะครับ”
“ทำไมต้องวันหลัง”
“หืม?”
“พี่ขอชิมหน่อยสิ”
“แต่ผมกินไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ ไหนเอามาให้พี่ลองหน่อย”
พี่ปั้นพูดมาแบบนั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยื่นแก้วไปให้ แต่พี่เขายังเฉย
“พี่ขับรถอยู่”
หมายความว่าจะให้ผมป้อนสินะ พอคิดได้ดังนั้นจึงเลื่อนแก้วให้หลอดไปจรดกับริมฝีปากพี่เขาพอดี พี่ปั้นดูดของเหลวในแก้วไปนิดหน่อย
“หวาน”
“อร่อย”
“หวาน”
“.....”
“หึ ปากยื่นไปถึงกระโปรงรถแล้ว”
เกินไป! ผมรีบเม้มปาก เลยได้เสียงหัวเราะเบาๆเป็นสิ่งตอบแทน
“ก็อร่อยดี แต่หวานไปหน่อย”
“พี่ไม่ชอบของหวานเหรอ”
“ก็เป็นบางอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยชอบหวานมากอยู่ดี แล้วเราชอบหวาน?”
“ก็เป็นบางอย่าง”ผมเลียนแบบคำตอบพี่เขา อะไรที่ควรหวานมันก็ต้องหวาน แต่บางอย่างไม่จำเป็นต้องหวาน แล้วดันหวานผมก็ไม่ค่อยชอบ โดยเฉพาะกับข้าวหวานๆ
“พี่คิดว่าครามเป็นคนเงียบๆนะเนี่ย”
รอบสองแล้วนะ
“พี่ว่าผมพูดมากเหรอ”
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ปกติเห็นไม่ค่อยคุยกับใครนอกจากภีม นึกว่าเป็นคนคุยไม่เก่ง ไม่ค่อยพูดซะอีก แต่นี่ก็พูดคุยปกตินี่ แถมยังกวนอีกนะเรา”
“ผมกวนพี่เหรอ?”ผมไม่รู้ตัวเลยว่าไปกวนประสาทพี่เขาตอนไหน ผมก็ลืมตัวไป ว่าจริงๆแล้วก็ไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขา ถึงจะเคยเห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ เผลอทำอะไรไม่ควรไปหรือเปล่า
“ถ้าผมพูดหรือทำอะไรไม่ดี ผมขอโทษนะครับ”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวปกติเถอะ เป็นตัวเองในแบบที่เป็น”
รอยยิ้มของพี่ปั้นทำเอาผมเบลอไปชั่วขณะ พี่ปั้นมีหน้าตาเป็นอาวุธและรอยยิ้มที่ทำลายล้าง
X
พี่ปั้นแวะห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากหอพักของผมเท่าไหร่ แต่ที่ใช้เวลาเดินทางเพราะรถค่อนข้างติด พี่ปั้นจอดรถแล้วส่งกุญแจให้พนักงาน จากรูปการณ์แล้วพี่ปั้นน่าจะมีสิทธิพิเศษบางอย่าง แต่ผมไม่ได้ถามสิ่งที่สงสัยออกไป ได้แต่เดินตามพี่ปั้นเข้าห้างไปเงียบๆ ขึ้นชื่อว่าห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าเมื่อไหร่ตอนไหนก็คนเยอะเสมอ อ้อ ยกเว้นตอนห้างปิดอ่ะนะ
ผมกำกระเป๋าสตางค์แน่น ภาวนาไม่ให้พี่ปั้นเลือกร้านที่แพงนัก ที่จริงอาหารจานละสองสามร้อยผมก็มีเงินจ่าย แต่ที่คร่ำครวญอยู่นี่เพราะเสียดายเงินครับ ช่วงนี้ไม่มีรายได้อะไร นอกจากเงินจากแม่กับพี่สาวที่โอนเข้าบัญชีให้ ผมไม่ควรมาฟุ่มเฟือยกับเรื่องแบบนี้
“อยากกินอะไร”
“แล้วแต่พี่เลย”ใจจริงอยากจะบอกข้าวแกงฝั่งตรงข้ามห้างแต่ก็เกรงใจ
“แน่ใจนะว่าให้พี่เลือก”พี่ปั้นยิ้มแปลกๆ หมายความว่ายังไง
“พี่ชอบอาหารญี่ปุ่น เรากินได้มั้ย”
“ได้ครับ”
“ได้แน่นะ ไม่ต้องตอบเพราะเกรงใจพี่ จริงๆพี่ก็กินได้หมดแหละ แต่ร้านที่จะพาไปอร่อยมาก แต่ถ้าเราไม่ชอบก็เลือกร้านอื่นได้”
“กินได้แน่นอนครับ”
ถึงจะไม่ค่อยสันทัด แต่ผมก็เคยกิน ตามมันชอบเลยมากินกันหลายครั้ง ซึ่งผมก็เจียดๆเงินมา แล้วก็ไปประหยัดเอามื้ออื่น แต่ดูท่าว่าหลังจากมื้อนี้แล้วผมต้องซัดมาม่าเป็นอาหารหลักแน่นอน ผมเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูด้วยตัวลีบๆ พนักงานในร้านดูให้ความเคารพพี่ปั้นจนผมอดแปลกใจไม่ได้ พี่ปั้นพาผมไปยังห้องส่วนตัวที่ถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วน
“พี่ปั้นมาบ่อยเหรอ”
“ก็ไม่เชิง ที่นี่เป็นร้านขอพี่เขยน่ะ เขาเป็นคนญี่ปุ่น เป็นเชฟ”
“อ๋อ”
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้ไม่ต้องจ่าย”
“ครับ?”
“ก็บอกแล้วร้านพี่เขยพี่เอง กินได้ฟรี”
คำบอกเล่าของพี่ปั้นทำให้ผมเกร็งเข้าไปอีก ค่อยๆเปิดดูเมนูทีละหน้า และเลือกสั่งอย่างระมัดระวัง ไม่ให้แพงไปเพราะมันจะดูไม่ดี แต่มันก็เลือกยากเหลือเกินเพราะแต่ละอย่างนั้นราคาสูงจนไม่กล้าสั่งเลย ผมเปิดวนไปมาจนมาจบที่ชุดเซ็ตหนึ่ง
“เลือกได้หรือยัง”
“ครับ ผมเอา...”ผมบอกเมนูไป พี่ปั้นพยักหน้ารับก่อนจะถามว่าเอาอย่างอื่นอีกมั้ย พอผมบอกว่าไม่เอาแล้วเขาก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร พี่ปั้นสั่งมาอีกสี่ห้าอย่าง
“ทำไมมองพี่แบบนั้น”
“พี่กินหมดเหรอ”พี่ปั้นไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม โทรศัพท์เขาที่วางบนโต๊ะสั่นทำให้ต้องเหลือบตาไปดู พี่ปั้นหยิบขึ้นมาพิมพ์อะไรสักอย่างลงไป ผมเลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้เลยว่าพี่ปั้นเรียกผมออกมาทำไม แล้วเรามาไกลถึงนี่ได้ยังไง
“พี่ปั้นเรียกผมออกมามีอะไรครับ”ผมถามเมื่อเห็นเขาคุยธุระเสร็จแล้ว
“นึกว่าจะไม่ถาม”
“ก็พี่นั่นแหละทำผมลืมเลย”
“หึหึ เอ๋อน้อย”
“ผมไม่ได้เอ๋อนะ ทำไมพี่ชอบว่าผมจัง”เดี๋ยวเตี้ย เดี๋ยวโง่ ถึงจะไม่ได้พูดตรงๆแต่ความหมายก็ตีไปทางนั้น นี่ยังมีเอ๋ออีก
“ไม่ได้ว่า เรียกด้วยความเอ็นดู”
ผมยู่ปากใส่ เอ็นดูเกินไปมั้งเนี่ย
“เห็นไอ้ชิดว่าจะหางานทำ”
“ครับ พี่มีงานให้ผมใช่มั้ย เห็นพี่ชิดให้ถามพี่”
“ก็มีอยู่หรอกนะ แต่เดี๋ยวกินก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องงานดีกว่า”
“อ่าครับ”จะทำอะไรได้ พี่ปั้นว่าไงผมก็ว่าตามนั้น เหมือนพี่เขากุมชีวิตผมไว้เลย
อาหารทยอยมาเสิร์ฟกลิ่นหอมยั่วยวนมาก จากราคาแล้ววัตถุดิบในแต่ละจานนั้นเกรดพรีเมี่ยมแน่นอน พี่ปั้นสั่งข้าวหน้าปลาไหลมา น่ากินมาก
“มองแบบนี้ถ้าไม่แบ่งให้พี่คงจะใจร้ายมากสินะ”
“เอ้ย ผมแค่มองเฉยๆหรอก ว่ามันคืออะไร”
“ชิมได้พี่ไม่หวง ส่วนพวกนี้พี่สั่งมาให้ เมนูขึ้นชื่อของร้านเลยนะ มาทั้งทีต้องได้กิน”
“มันเยอะเกินไป”
“ก็ช่วยๆกันกิน เดี๋ยวก็หมด มันไม่ได้เยอะมาก”พี่ปั้นว่าแล้วเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้า ผมสั่งชุดสเต็กเนื้อมานั่งกินเงียบๆ พี่ปั้นก็ขยั้นคะยอให้ผมชิมอย่างอื่น แล้วเขาก็แย่งเนื้อผมไป ผมมองตาละห้อยก่อนจะได้ปลาไหลชิ้นสวยชุ่มฉ่ำซอสมาวางในบนข้าวแทน ไม่รอช้าผมนำมันเข้าปากและรับรู้ได้ถึงความฟินระดับสิบ อยากจะเคี้ยวนานๆให้สมกับความอร่อยแล้วค่อยกลืน
“หึหึ ทำหน้าฟินซะ พี่สั่งให้อีกเอามั้ย”
ผมส่ายหน้าทันที แค่ที่สั่งมาก็อิ่มแล้ว ขืนสั่งมาอีกได้เหลือแน่ๆ จบของคาวพี่ปั้นก็จัดของหวานมาให้ ไม่ได้ถามความสมัครใจของผมเลย แต่เขาบอกว่าเมนูเด็ดใครมาก็ต้องสั่งผมเลยวางใจเรื่องรสชาติ จริงๆแล้วไม่ต้องกังวลด้วยซ้ำ เพราะทุกจานที่ผมได้ลิ้มลองมันสุดยอดทั้งนั้น
“เรื่องงานน่ะ เราอยากทำจริงๆใช่มั้ย”
จู่ๆพี่ปั้นก็พูดขึ้นมา ซึ่งมันควรจะเป็นเรื่องที่เราคุยกันเป็นอันดับแรกไม่ใช่การมานั่งทานอาหารด้วยกันแบบนี้
“ใช่ครั้บ แต่ผมต้องขอทราบก่อนว่าเป็นงานแบบไหน กระทบเวลาเรียนหรือเปล่า แล้วก็สถานที่ปลอดภัยมั้ย”
พอพูดจบพี่ปั้นก็เลิกคิ้วขึ้น หน้าเครียด
“ผมไม่ได้อยากเรื่องมากนะครับ แต่ที่บ้านเขาขอมา ถ้าผมจะทำงานมันก็ต้องผ่านเงื่อนไขที่ตั้งไว้ แล้วต้องให้พี่สาวผมมาดูสถานที่ก่อนจะตกลงทำงานด้วย”
“แล้วที่ผ่านมาทำงานอะไร”
“สอนพิเศษกับร้านอาหาร แต่ตอนนี้ไม่มีคนมาเรียนด้วย แล้วร้านอาหารก็มีพนักงานประจำแล้ว ผมเลยต้องหางานใหม่”
รู้สึกเหมือนกำลังถูกสัมภาษณ์งานแบบไม่รู้ตำแหน่งที่กำลังจะทำ
“เห็นชิดบอกว่าเราทำอาหารได้ ทำงานบ้านได้”
“ครับ”
“พี่เพิ่งเลิกจ้างแม่บ้านไป ตอนนี้ยังไม่ได้รับคนใหม่ ถ้าเราสนใจอยากทำงานพี่ก็ยินดีจ้างเรานะ”
“จริงเหรอครับ!”ผมตาโต
“อืม งานก็มีแค่ทำความสะอาดห้อง ส่งผ้าไปซัก ทำอาหารให้พี่ ขอแค่มื้อเย็นในแต่ละวันก็พอ”
“ได้ครับไม่มีปัญหา แต่พี่ช่วยบอกผมด้วยนะครับว่าพี่ชอบทานอาหารแนวไหน แต่ถ้าญี่ปุ่นผมคงทำไม่ได้”
“ฮ่าๆ อาหารไทยธรรมดานี่แหละ ถึงจะบอกว่าชอบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องกินเป็นอาหารหลักสักหน่อย”
“โอเค ค่อยดีหน่อย แพ้อาหารอะไรบอกผมด้วยนะครับ ผมไม่อยากฆ่านายจ้างด้วยมือตัวเอง”
“เดี๋ยว พี่เป็นนายจ้างแล้วเหรอ ไหนว่าก่อนรับงานต้องให้พี่สาวมาดูสถานที่ก่อนไง”
“ห้องพี่คงไม่ได้อยู่บนร้านอาบอบนวดใช่มั้ยครับ”
“เดี๋ยวเถอะ”ผมหดคอหนีมะเหงกของพี่ปั้นที่พุ่งตรงมากลางหัว
“คิดได้ไงวะ หน้าพี่เป็นคนแบบนั้นหรือไง”
“ผมก็แค่ถามเฉยๆ”
“งั้นเดี๋ยวพาไปดูห้องพี่แล้วกัน จะได้รู้ไว้ แล้วเราจะพาพี่สาวมาเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ส่วนค่าเหนื่อยพี่ให้วันละสองพัน”
“สองพัน!!”
“ทำไม? น้อยไปเหรอ”
“มันมากเกินไปต่างหากครับ”ผมว่าได้วันละห้าร้อยก็หรูแล้วอ่ะ ผมไม่ได้ทำงานเต็มเวลาด้วย
“ราคานี้พี่จ่ายไหวและพอใจจะจ่าย ถือว่าตกลงตามนี้นะ”
“ครับ”พี่ปั้นเป็นจอมเผด็จการ แต่ผมไม่เสียประโยชน์ก็โอเค ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ขัดพื้นให้เงาวับ รังสรรค์เมนูอาหารที่อร่อยจนพี่ปั้นต้องร้องขอชีวิต ตอนนี้ผมคิดไปไกลแล้วแม้จะยังไม่ได้บอกแม่กับพี่เอมก็ตาม แต่ร้อยทั้งร้อยผมมั่นใจว่าทั้งสองคนคงไม่คัดค้าน เมื่อได้เห็นห้องอันหรูหราของพี่ปั้น ที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้นสูงสุดของห้างแห่งนี้ แต่จริงๆก็ไม่เชิงว่าบนห้าง เป็นอาคารสำนักงานที่เชื่อมกับห้างโดยเดินผ่านตัวห้างมาได้เลย ผมเคยได้ยินมาว่าบ้านพี่ปั้นมีธุรกิจห้างสรรพสินค้าแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นห้างดังแห่งนี้
“ปกติพี่ไม่ได้จ้างแม่บ้านบริษัทเหรอ”
“ก็จ้าง แต่มีปัญหาเลยเลิกจ้างไป”
“เขาขโมยของพี่เหรอ”ก็ของแต่ละอย่างท่าทางหลายตังค์ ขโมยไปขายสักชิ้นสองชิ้นก็สบายละ
“เปล่าหรอก เราไม่ต้องไปสนใจ มาดูดีกว่าว่าอะไรตรงไหนบ้าง”
พี่ปั้นพาชมห้องที่น่าจะเรียกว่าเพนท์เฮ้าส์ได้ มีสองชั้นสิ่งที่น่าสนใจคือโซนห้องครัว มีอุปกรณ์ครบ แต่ดูแล้วพี่ปั้นไม่น่าจะเป็นคนชอบทำอาหาร
“พี่อยู่กับใครหรือเปล่าครับ?”
“ไม่นี่ อยู่คนเดียว ถามทำไม?”
“เห็นมีห้องครัว ดูแล้วพี่ไม่น่าจะชอบทำอาหาร”
“ก็ตามนั้น แม่เป็นคนออกไอเดียตกแต่งที่นี่แล้วเขาชอบทำอาหาร แต่ก็ไม่ได้มาอยู่หรอก เขาอยู่บ้านใหญ่กัน”
“อ๋อ”
พี่ปั้นเลยเล่าให้ฟังอีกเล็กน้อยว่าเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนเข้ามหาวิทยาลัยเพราะมันใกล้ไปเรียนสะดวก ส่วนคนอื่นๆก็อยู่บ้านตามปกติ มีพี่สาวที่แยกไปอยู่กับสามีหลังแต่งงาน ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่นี่
“เป็นไง พอไหวมั้ย”พี่ปั้นหนัมาถามเมื่อพาผมดูห้องคร่าวๆแล้ว ห้องใหญ่ขนาดนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงต้องจ้างแพง
“ไหวครับ”
“โอเค เอาไว้เริ่มงานจริงจัง พี่จะบอกอีกทีว่าต้องทำอะไร ส่วนไหนบ้าง”
“ได้ครับ ผมอาจจะรบกวนพาพี่สาวมาดูห้องอีกครั้ง”
“ไม่มีปัญหา จะมาเมื่อไหร่ก็บอกพี่ล่วงหน้าสักวันสองวันนะ แล้วเริ่มงานได้วันไหนก็บอกพี่ แต่เร็วหน่อยก็ดี”
“ได้ครับ”ผมรับปาก อยากได้งานนี้มากๆ ปลอดภัยแน่นอน แถมรายได้ดี ไม่ไกลจากที่พัก ไม่เบียดเบียนเวลาเรียน ตรงตามเงื่อนไขทุกอย่าง
“งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ พี่จะได้พัก”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ”
“จะไปส่ง อย่าดื้อ”
ครับ ผมไม่ควรขัดใจว่าที่นายจ้าง เดี๋ยวจะโดนลดค่าจ้าง เลยทำตัวเป็นเด็กดีด้วยการให้ท่านเขาไปส่ง สรุปว่าวันนี้เป็นวันดีได้กินฟรีและได้งานทำ แถมมีสารถีที่คนทั้งมหาวิทยาลัยหมายปองไปส่งถึงหอพัก ทว่าผมกลับลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิทที่ว่าจะไม่เข้าใกล้พี่ปั้นไปมากกว่านี้ แต่เอาเถอะขอให้ได้งานก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แค่คิดถึงเงินวันละสองพันก็สุขใจเกินพอ
-------------------------------
แรงดึงดูดอะไร๊ ไม่มีทั้งนั้น แรงเงินอย่างเดียวเลยที่ทำให้น้องครามวิ่งเข้าหาพี่ปั้น 555+
เรื่องค่าจ้างอย่าตกใจไป พี่ปั้นรวยพี่ปั้นสะดวกแบบนี้ค่ะ
และเรื่องนี้เราไม่ได้แต่งให้ตัวละครมีความซับซ้อนมาก อยากแต่งฟีลน่ารักสบายๆ
แม้น้องครามจะดูเป็นเด็กมีปมเรื่องเงินๆทองๆ แต่รับรองว่าไม่ดราม่าแน่นอนค่ะ
ฝาก #ทีมปั้นคราม ไว้ด้วยนะคะ
แวะมาบอกว่า เดี๋ยวมาต่อนะคะ
หายไปนานหน่อย แต่ไม่ทิ้งไปไหนน้าาา
ใครที่ลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว ย้อนกลับไปอ่านใหม่ได้ค่ะ T^T
แรงดึงดูด 5 by zero
ยอดเงินเก็บในบัญชีที่เพิ่มขึ้นทำให้ผมเป็นสุขใจยิ่งนัก งานพิเศษสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจนน่าตกใจอยู่เหมือนกัน ที่ตั้งใจไว้ว่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาเป็นค่าวัตถุดิบในการทำอาหารให้พี่ปั้นด้วย ก็ทำได้อยู่แค่สองครั้งเท่านั้นเพราะพอพี่ปั้นรู้ ผมก็ถูกบ่นเป็นชุด รัวจนอยากจะส่งพี่ปั้นไปแข่งเดอะแร๊ปเปอร์ บ่นเสร็จก็เอาซองหนึ่งซองยัดใส่มือผมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
พอเปิดซองดูก็ต้องร้องอื้อหือ อู้หู โอ้โห กับจำนวนเงินที่อัดแน่นซองแทบปริ มันมากมายจนอยากจะถามว่าจะให้ผมไปซื้อเนื้อยูนิคอร์นมาทำสเต๊กหรือไงครับพี่ แถมยังบอกว่าถ้าผมอยากจะทานอะไรก็ซื้อมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ถึงจะได้รับอนุญาตแต่ผมก็ยังเกรงใจอยู่ดี แต่ถ้าไม่ซื้อมาเลยก็จะถูกคุณท่านบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก็เลยต้องซื้อติดมือมานิดๆหน่อยๆ ปกติทำอาหารเย็นเสร็จ รายนั้นก็ชวนผมให้ผมทานข้าวเป็นเพื่อนด้วยทุกที ดังนั้นเมนูที่ผมทำให้พี่ปั้น บางครั้งก็แอบทำของชอบของตัวเองเข้าไปด้วย
ผมทำงานกับพี่ปั้นมาได้เดือนแล้วพี่สาวผมรับรู้แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่มีบ่นบ้างที่ผมเก็บเงียบไม่ยอมบอก ส่วนเรื่องงานก็ปกติดี งานไม่หนัก ส่วนมากคือการทำอาหารเย็นให้พี่ปั้น ส่วนการทำความสะอาดนั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยเลย เพราะห้องสะอาดมาก เหมือนทุกตารางนิ้วของห้องไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน ห้องที่ทำบ่อยที่สุดก็คงเป็นห้องนอนกับห้องหนังสือ
ใครจะไปรู้ว่าจะมีห้องหนังสือที่อาจจะเรียกได้ว่าห้องสมุดขนาดย่อมซุกซ่อนอยู่ ตอนที่มาวันแรกผมก็ยังไม่ทันสังเกต มีหนังสือทุกประเภทเรียงกันตั้งแต่พื้นจรดเพดานห้อง เวลาจะหยิบจากชั้นบนๆก็ต้องปีนบันไดขึ้นไป พี่ปั้นเล่าว่าครึ่งหนึ่งเป็นหนังสือของพี่ปั้นเอง ส่วนนิยายรักหวานแหวว กับหนังสือทำอาหารอะไรพวกนี้จะเป็นของแม่และพี่สาวซึ่งผมชอบมาอ่านบ่อยๆในช่วงเวลาว่างเพื่อประดับความรู้เรื่องการทำอาหาร
วันนี้พี่ปั้นบอกว่าจะกลับดึกหน่อยเพราะต้องไปงานเลี้ยงอะไรไม่รู้ แต่ให้ผมมาทำกับข้าวไว้รอ ยังไงก็จะกลับมาทาน ผมเลยเลือกทำข้าวต้มกุ๊ยกับกับข้าวอีกสามอย่างไว้รอ เพราะไม่อยากให้พี่ปั้นทานอะไรหนักๆก่อนนอน เอาแค่ให้อิ่มท้องเบาๆก็พอ จะได้ไม่อึดอัดตอนนอน ส่วนมื้อเย็นของตัวเองก็ไข่ดาวสองฟองราดซอสแม็กกี้ เป็นเมนูโปรดของผมตั้งแต่เด็กเลย ไข่แดงสุกๆ ไข่ขาวกรอบๆ ฟินมาก
พอจบมื้อเย็น ผมก็เริ่มทำงานส่วนอื่นต่อ ก็ปัดกวาดเช็ดถูทั้งที่มันก็สะอาดดีอยู่แล้วแต่ถ้าไม่ทำเลยผมก็รู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นก็รดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงและตามจุดอื่นๆ ตั้งแต่ผมมาดูแลมันก็เริ่มสวยเปล่งปลั่งและออกดอกจนพี่ปั้นออกปากชม สร้างความภูมิใจให้กับผมมาก ส่วนเรื่องซักผ้ารีดผ้าที่พี่ปั้นเคยบอกไว้ตอนแรกก็ไม่ได้ทำ เพราะคุณชายเขาส่งร้านซักรีด ไปๆมาๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ทำงานน้อยมากไม่สมกับค่าจ้างเลย
นั่งๆนอนๆ หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ทำการบ้านก็แล้ว เล่นเกมก็แล้วจนห้าทุ่มพี่ปั้นก็ยังไม่กลับมา ผมก็ไม่กล้ากลับก่อน เพราะถ้าพี่ปั้นมาผมก็ต้องคอยอุ่นอาหารให้ จะให้เจ้านายมาทำเองก็กระไรอยู่ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ที่ผมไม่ต้องกลับบ้าน เพราะแม่กับคุณป้าคุณน้าแถวบ้านชวนกันไปไหว้พระทำบุญตามประสาคนแก่ที่ต่างจังหวัดไปกันหลายวัน ผมว่าก็ดีเพราะแม่จะได้พักผ่อน ได้เที่ยวบ้าง
ผมนั่งไถฟีดอินสตาแกรมไปเรื่อย ดูรูปดาราบ้าง คลิปตลกบ้าง จนไม่รู้จะดูอะไรก็ไล่ดูของเพื่อนแต่ละคนว่าไปทำอะไรกันมาบ้างซึ่งเพื่อนผมก็มีไม่เยอะเท่าไหร่ มาสะดุดตรงรูปหนึ่งที่ทำเอาผมเบ้ปากใส่ ไอ้หมาภีมคนอวดแฟน ในที่สุดมันก็ได้ใช้สถานะแฟนกันสักที หลังจากไอ้ภีมตามจีบมาร่วมเดือน จีบแบบที่คนที่ชอบเขาจีบกันจริงๆ ไม่ใช่ทำเหมือนที่ผ่านมาที่คอยแกล้งคอยกัดกันไม่เว้นวัน ผมกดหัวใจให้มันก่อนจะเข้าไปคอมเม้นต์ด้วยอิโมติคอนมองบนเป็นแถวยาวด้วยความหมั่นไส้ แล้วภีมากรก็ตอบกลับมาอย่างไว
Peempeema @Chakram_p อะไรของมึ๊งงงงง
Chakram_p @Peempeema เหม็งฟามรัก
Peempeema @Chakram_p อ่อ อิจฉานี่เอง
Chakram_p @Peempeema ใคร๊! เขาจะไปอิจฉาคนอย่างมึง @Tammm คิดผิดคิดใหม่ได้นะเพื่อน กุหวังดี
Peempeema @Chakram_p สร้างความร้าวฉานนะมึง เด่วกูโบกให้เตี้ยกว่าเดิมไอ้เกลือ
Tammm @Peempeema ทำไมต้องทำร้าย @Chakram_p ด้วย
Peempeema @Tammm กูจะทำร้ายใครก็ได้ แต่ไม่ทำร้ายมึงแน่นอนครับแฟน
Tammm @Peempeema ❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
Chakram_p ปล่อยให้กุเน่าตายไป บาย
ผมเบ้ปาก มองบน เลิกสนใจพวกมันสองคนหลังจากเจอหัวใจกระหน่ำมาสิบดวง มองนาฬิกาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจทิ้ง เที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมอยากกลับห้องไปนอนจะแย่ หาวเกินสิบหาว เปลือกตาก็หนักจนต้านทานไม่ไหวอยู่แล้ว ผมปล่อยตัวไหลไปตามพื้นพรมหนานุ่มหน้าทีวี คว้าหมอนอิงมากอดไว้ ขอพักสายตาสักห้านาทีสิบนาทีแล้วค่อยโทรหาพี่ปั้น แต่กลายเป็นว่ามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่าโดนรัดจนแน่นขยับตัวไม่ได้ ลืมตาขึ้นมาก็เจอกับอะไรบางอย่างที่ต้องเพ่งมองแล้วเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ามันคือหน้าอกเปลือยเปล่าอกของคนๆหนึ่ง
“พี่ปั้น!!!”
“...อื้อ”
ผมได้เสียงครางตอบรับมาแค่ครั้งเดียว เปลือกตาพี่ปั้นยังปิดสนิท ทว่าวงแขนยังกอดผมไว้ไม่ปล่อย ซ้ำยังแน่นกว่าเดิม คัฟเวอร์เป็นงูหรือไงครับพี่! เขาว่างูรัดจะได้คู่ แต่รัดขนาดนี้ผมคงตายก่อนได้เจอคู่
“พี่ปั้นๆ”ผมเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไร้ความเคลื่อนไหว ขี้เซาเกินไปแล้ว แล้วเมื่อคืนกลับมาตอนไหน ผมมานอนบนเตียงได้ยังไง มีแต่คำถามที่ไม่มีคำตอบ
“อ๊ะๆๆ พี่ปั้นนนน อื้อออ”
“โอ๊ย!!!”
หลังจากเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดของอีกฝ่ายผมก็กระโดดลงมายืนหอบอยู่ข้างเตียง หัวใจเต้นรัวแรงแทบจะหลุดออกมานอกอก เกือบไปแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ปั้นกำลังฝันถึงใคร หรือคิดว่าผมเป็นใครที่นอนกอดอยู่ จู่ๆก็มาไซ้คอแล้วทำท่าจะจูบอีกต่างหาก!
“คราม...โอย...”พี่ปั้นนอนครวญครางเอามือกุมเป้าหน้าดำหน้าแดงอยู่บนเตียง ไม่ได้ตั้งใจนะแค่ตกใจแล้วก็เผลอถีบไปเต็มแรงมันดันไปโดนกล่องดวงใจของพี่เขาพอดี
“ผมขอโทษ ก็พี่อ่ะ...ทำผมตกใจ”ผมเดินไปนั่งข้างเตียงแต่ก็ทิ้งระยะห่างไว้ไม่มากไม่น้อย เห็นสภาพพี่ปั้นแล้วก็สงสารและรู้สึกผิดนิดๆ
“ผมขอโทษครับ”
พี่ปั้นพยักหน้าให้แล้วยกมือขึ้นเหมือนจะห้ามให้ผมหยุดพูด อีกฝ่ายนอนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออกมา เหมือนความเจ็บปวดที่ได้รับจะทุเลาลงแล้ว
“อ่า...พี่ทำอะไรเรา?”พี่ปั้นถามหลังจากลุกขึ้นนั่งท่าปกติได้แล้ว ดูเหมือนเขาจะตื่นเต็มตาแล้ว
“กะ...ก็พี่...พี่...”
“หืม? พี่อะไร?”
“พี่จะจูบผมอ่ะ!”
“จริง?”
“อื้อ!”อะไรเล่า ทำไมต้องทำหน้าไม่เชื่อแบบนั้นด้วย
“อ่า โทษที พี่นึกว่าฝันไป”
ฝัน?? ฝันอะไรของเขาเนี่ย ถึงมาไล่จูบคนอื่น แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไป กลัวว่าจะได้คำตอบที่ไม่อยากฟังสักเท่าไหร่
“แล้วเมื่อคืนพี่กลับมากี่โมงครับ ผมมานอนอยู่นี่ได้ไง”
“เกือบตีสองน่ะ ช้ากว่าที่คิด พี่กลับมาก็เห็นเรานอนอยู่ที่โซฟากลัวจะนอนไม่สบายเลยพามานอนที่เตียง โทษทีนะที่ทำให้รอ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่แปลกจัง ผมเดินมานอนแบบไม่รู้ตัวได้ยังไง”เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ ยังไงก็ต้องรู้สึกตัวสิ
“ใครว่าเดินมา พี่อุ้มต่างหาก”
!!!??
X
“นี่ เลิกทำหน้างอได้แล้ว แค่อุ้มเอง ไม่ได้ปล้ำสักหน่อย”
ผมหันไปค้อนใส่พี่ปั้นที่เอาแต่หัวเราะอารมณ์ดี บ้าจริง ผมไม่ได้โกรธหรอกที่ถูกอุ้ม แต่มันทำตัวไม่ถูก ทั้งเขินทั้งอายเมื่อคิดว่าตัวเองหลับลึกเกินไปแถมตื่นขึ้นมายังไปซุกอกพี่เขาอีก น้ำก็ไม่ได้อาบ ไม่รู้พี่ปั้นจะเหม็นตัวผมหรือเปล่า
“มานั่งกินด้วยกันก่อน”
“ไม่เอาครับ ผมจะกลับแล้ว”มื้อดึกที่ผมเตรียมไว้กลายเป็นมื้อเช้าของพี่ปั้นที่กลับดึกก็ยังอุตส่าห์มาเก็บอาหารพวกนี้เข้าตู้เย็นอีก และเพราะผมไปปลุกพี่เขาแบบฮาร์ดคอร์ อีกฝ่ายก็เลยไม่ได้นอนต่อ ตอนนี้ก็มานั่งหล่ออยู่ที่โต๊ะอาหารเพื่อทานมื้อเช้าที่ผมอุ่นให้ใหม่
“จะรีบกลับไปไหน นัดใครไว้?”
ทำไมต้องทำหน้าหาเรื่องด้วยเล่า
“เปล่าสักหน่อย ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลย น้ำก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วอ่า จะกลับไปอาบน้ำครับ”
“ห้องพี่ก็มีน้ำให้อาบนะ อาบที่นี่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมกลับเถอะ”
“ทำไมต้องดื้อกับพี่ด้วย หืม?”
“......”แค่จะกลับห้องตัวเอง ผมดื้อตรงไหนเนี่ย เดี๋ยวกัดหูซะเลย
“ไม่ต้องมาทำปากยื่นเลย ตามพี่มา”
ผมเดินตามพี่ปั้นเข้ามาในห้องนอนอีกรอบ ร่างสูงๆเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาให้ผมที่มองตาปริบๆ
“ไปอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันซะ แล้วมากินข้าวเช้ากับพี่ เดี๋ยวรอ”
“ให้ผมกลับเลยก็ได้นะ”
ผมหดคอหนี มะเหงกที่จะเขกลงมาบนหัวตัวเอง โทษฐานที่ขัดคำสั่งพี่ท่าน พอเห็นท่าทางเหมือนเต่าหลบเข้ากระดองของผมพี่เขาก็เลยหัวเราะออกมา
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ไปอาบน้ำเร็ว อย่าดื้อ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ไปอาบน้ำก่อน”พี่ปั้นทำตาดุใส่ที่ผมไม่ยอมไปอาบน้ำสักที ผมเลยมุ่ยหน้าใส่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำที่กว้างขวางเกือบจะเท่าห้องที่ผมเช่าอยู่
“แปรงสีฟันกับผ้าเช็ดตัวในตู้หยิบใช้ได้เลยนะ”
เสียงพี่ปั้นร้องบอกอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ผมรับคำก่อนจะมองตัวเองในกระจกพลางคิดไปด้วยว่าพี่ปั้นจะคุยเรื่องอะไรกับผม อย่าบอกนะว่าจะเลิกจ้างผมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะทำยังไงดี มีอะไรที่ผมทำผิดพลาดไป หรืองานที่ทำไม่สมกับค่าจ้าง ผมยินดีให้ปรับลดลงได้นะ มีรายได้เล็กๆน้อยๆก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆหายใจทิ้งไปวันๆ
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะมัวแต่คิดว่าพี่ปั้นจะคุยเรื่องอะไร จนมานึกได้ว่าอีกฝ่ายรอทานข้าวอยู่ก็ใช้เวลาในห้องน้ำไปนานมากแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอนานครับ”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่รีบ เสื้อตัวใหญ่ไปหน่อยเนอะ”
“ครับ”จริงๆมันก็ใหญ่มากว่าผมไปไซส์นึง แต่สำหรับพี่ปั้นมันคงพอดีตัวเพราะพี่เขาตัวใหญ่ มีกล้ามแขนกล้ามหน้าท้องด้วย หุ่นดีแบบพวกที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ได้ล่ำกล้ามปูชวนให้ขนลุก ผมเคยเห็นพี่ปั้นถอดเสื้อเดินไปเดินมาในห้องหลังออกกกำลังกายเสร็จ อยากจะถ่ายรูปไปขายให้กับแฟนคลับพี่เขามาก คนอะไรจะฮอตฉ่าทุกองศา แต่ผมก็มองได้ไม่นานหรอกครับ เขิน ฮือออ
พอจบมื้อเช้าผมก็เก็บล้างส่วนเจ้าของห้องหายเข้าไปในห้องนอน ผมก็พยายามหาอะไรทำ ไม่ให้ตัวเองว่าง เดินออกไปสนทนากับต้นไม้ดอกไม้ที่ระเบียงก่อนจะเข้ามาก็เห็นพี่ปั้นกวักมือเรียกให้ไปนั่งที่โซฟา
“พี่มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ หรือว่าไม่ให้ผมทำงานแล้ว ผมทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่าพี่บอกผมได้นะ ผมจะปรับปรุงตัว พี่ยะ...”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็น พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”พี่ปั้นพูดกลั้วหัวเราะ ตาคมๆนั่นยิบหยี ผมชอบเวลาที่พี่ปั้นหัวเราะแบบนี้ที่สุด รู้สึกได้ว่ามันคือการหัวเราะมาจากข้างใน ดูสดใสเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า
“มองแบบนี้ต้องการอะไรจากพี่?”
“อะ...อะไรเล่า ผมก็มองปกติ”
“นึกว่าตกหลุมรักพี่ซะอีก”และผมก็เกลียดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของพี่ปั้นที่สุดเช่นกัน มันทำให้ผมหน้าร้อนแปลกๆ
“พะ...พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ผมไม่อยากจ้องตากับพี่ปั้นานๆ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ทันถึงได้หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องให้
“พี่จะบอกว่าวันนี้เพื่อนพี่จะมาดูบอลกัน แต่จะมากินข้าวนั่งเล่นกันตั้งแต่ตอนเย็นก็เลยอยากให้ครามช่วยทำอาหารให้หน่อย”
“พวกพี่โดมเหรอครับ”
“ใช่ สะดวกมั้ย?”
“ได้ครับ ผมทำให้ได้”
“โอเค เดี๋ยวพี่ให้พิเศษ”
“ผมขอไม่รับได้มั้ยอ่า แค่ที่พี่ให้ผมทุกวันก็มากพอแล้ว ถือว่านี่เป็นบริการพิเศษจากผมแล้วกันนะ”
ทำอาหารไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับผมเลย วันนี้ถือว่าเป็นการทำงานชดเชยกับผ่านๆมา ที่งานมันดูน้อยไม่สมค่าจ้างสักเท่าไหร่
“แต่ว่ามันเยอะนะ หลายคน คงต้องทำหลายอย่าง”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเต็มใจ”
“ถ้าอย่างนั้นชวนไอ้ภีมกับตามด้วยสิ”
“เอ๊ะ?”
“ก็ถ้ามีแต่พวกเพื่อนพี่เดี๋ยวครามเหงานะ ชวนเพื่อนมาด้วย หลายๆคนจะได้สนุก ยังไงคืนนี้ก็คงอยู่ยาวกันนั่นแหละ”
“จะดีเหรอครับ”
“ดีสิ ห้ามปฏิเสธ”
ผมย่นจมูกใส่ คนอะไรเผด็จการ
“ก็ได้ครับ ถ้าสองคนนั้นว่างนะครับ”ผมแบ่งรับแบ่งสู้ ความจริงถ้ามีสองคนนั้นมาด้วยก็อุ่นใจเหมือนกัน ผมทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ถ้าหากจะมีแต่พวกเพื่อนของพี่ปั้น ถึงแม้ว่าจะได้เจอและได้คุยกันบ่อยกว่าเมื่อก่อนก็ตาม แต่อีกใจผมก็เกรงใจเจ้าของห้องด้วยถึงจะเอ่ยปากชวนก็เถอะ
“เป็นอะไรไป”
“ปะ...เปล่าครับ”
“ไม่ต้องคิดมากน่า แค่ทำอาหารให้อร่อยๆก็พอ โอเคนะ”สัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบบนศีรษะผมเบาๆ ทำให้ยิ้มออกมาได้ รอยยิ้มอ่อนโยนของพี่ปั้นที่ผมอยากจะเก็บเอาไว้คนเดียว
“โอเคครับ”
“เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวเราออกไปซื้อของกัน กว่าจะเสร็จ กว่าจะได้เตรียมของก็คงได้เวลาพอดี”
X
“ครามจะทำอะไรบ้าง”
“ผมว่าถามพี่ๆเขาดีมั้ยครับ ว่าอยากทานอะไรกัน”
“ก็ได้ แต่ถ้ามันยากไปก็ไม่ต้องตามใจพวกมันนะ”พูดเสร็จก็ส่งโทรศัพท์ตัวเองมาให้ผม
“ครับ?”
“ไลน์ถามพวกมันดู ชื่อกรุ๊ปกรุ๊ปนี้ผู้หญิงเป็นใหญ่”พี่ปั้นบอก ผมยังคงมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่ปลดล็อคด้วยการสแกนนิ้วมือตาปริบๆ
แต่ว่านะ ชื่อกรุ๊ปนี่มันอะไรกัน...
“พี่ปั้นถามก็ได้ครับ”ผมไม่กล้าใช้โทรศัพท์สุดหรูนี้ เกิดมือไม้อ่อนทำตกไปนี่ไม่มีปัญญาซื้อคืนแน่ๆ
“ครามเอาไปคุยเลย จะได้ไม่ต้องคุยผ่านหลายต่อ”พี่ปั้นยัดเยียดโทรศัพท์ตัวเองใส่มือผม
พอกดเข้าไปในกรุ๊ปก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงชื่อแบบนั้น ในกรุ๊ปมีพี่จินเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว คาดว่าคงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
Athip_Pun
10:35 พี่ๆครับ เย็นนี้อยากทานอะไรกันครับ
โดมมาเป็นลำ
พี่ๆ?? มึงเสียน้ำมากจนเบลอ? 10:35
Chidtawan
ใคร? 10:36
JRVoy
มึง 10:36
เป็น 10:36
ใคร 10:36
ใช่ 10:37
เพื่อน 10:37
กู 10:37
เหรอ 10:37
โดมมาเป็นลำ
ไอ้สัดวอยเดี๋ยวเจอตีนกู 10:38
เป็นเหี้ยอะไรพิมพ์มาทีละคำ พ่องงง 10:38
JRVoy
เก้วกาดดดดด โดมไม่น่ารักเลยนะคะ 10.39
*ส่งสติ๊กเกอร์ 10:40
โดมมาเป็นลำ
ค_ 10.40
มาเป็นลำจริงๆด้วย...
“ว่าไง มีใครตอบหรือเปล่า”
ผมยิ้มแหยให้เจ้าของโทรศัพท์ เสียเวลาไปห้านาทีโดยไม่มีสาระอะไรเลย ตอนนี้เราลงลิฟท์มาถึงชั้นทางเชื่อมที่จะเข้าตัวห้างเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ไปซื้อของที่ไหนไกล ก็ในซุปเปอร์ในห้างของพี่ปั้นนี่แหละ แต่ก่อนหน้านี้พี่ปั้นพาผมกลับห้องเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บกระเป๋ามาค้างที่ห้องพี่ปั้นอีกคืน ก็เลยต้องเดินทางวนไปวนมาให้เปลืองน้ำมันเล่น
“ยังเลยครับ เดี๋ยวผมถามใหม่”คงต้องแนะนำตัวไปก่อนสินะ
“เอ๊ะ?”ผมเหลือบมองคนข้างๆที่จู่ๆก็มาโอบไหล่ผม ตกใจหมดเลย
“คุยไป เดี๋ยวพาเดินเอง จะได้ไม่ไปชนคนอื่น”
“คะ...ครับ”ผมก้มหน้างุดรีบเข้าสู่บทสนทนา รีบคุยรีบคืนโทรศัพท์แล้วจะได้เดินเอง เพราะเดินแบบนี้มันไม่ดีกับใจเท่าไหร่เลย ฮือออ
Athip_Pun
10:45 ผมครามครับ
10:45 พี่ปั้นบอกว่าพี่ๆจะมาที่ห้อง
10:46 เลยจะถามว่าพี่ๆอยากทานอะไรกันครับเย็นนี้
JRVoy
วะวะ วะว้าววว 10:46
กินชะครามได้ป่ะคับ 10:47
ยำชะคราม 10:47
แกงส้มชะคราม 10:48
ชะครามทอดไข่ 10:48
เอ่อ...พี่เขาอยากกินจริงๆใช่ไหม?
Chidtawan
มึงไม่อยากแก่ตายใช่มั้ยไอ้วอย 10:48
โดมมาเป็นลำ
กูว่ามึงจะได้กินยำตีนมากกว่านะ 10:49
JRVoy
ยำตีนไก่? 10:50
“อ๊ะ”
จู่ๆโทรศัพท์ในมือผมก็ถูกดึงออกไป พี่ปั้นหยุดเดิน พิมพ์แชทรัวๆ หน้าโหด คิ้วขมวด ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนมาให้ แล้วเอามือมาแปะไว้บนไหล่ผมเหมือนเดิม ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาผมหลุดยิ้ม ทำไมต้องหัวร้อนขนาดนี้อ่ะ
Athip_Pun
10:51 ตีนกูนี่แหละ!
10:51 สัดวอย ไร้สาระฉิบหาย อยากกินอะไรก็บอกมา
10:52 ลีลานักก็ไม่ต้องแดก!!!
โดมมาเป็นลำ
นั่นไง พ่อมึงมา 10.52
Chidtawan
หึหึ 10:53
JRVoy
กลัวแล้วคับพ่อ หยอกนิดหยอกหน่อยทำเป็นหัวร้อน ไอ้สัด! 10:53
X
หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าผมทำอะไรพวกพี่เขาก็กินได้ทั้งนั้น แต่มันก็ยากนะครับ ผมว่าคิดเมนูอาหารนี่ยากกว่าการลงมือทำซะอีก แต่โชคดีที่พี่จินเข้ามาอ่านในกรุ๊ปแล้วช่วยออกไอเดียให้ เพราะรู้ว่าแต่ละคนชอบไม่ชอบอะไร ซึ่งเบาแรงไปเยอะ ก็สมชื่อกรุ๊ปแหละครับ ไม่มีใครกล้าขัดพี่จิน เออออตามกันหมด เมื่อมีเมนูที่ชัดเจน ขั้นต่อไปก็คือการซื้อของ
พี่ปั้นพาผมมาที่ซุปเปอร์ชั้นล่างของห้าง ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ของสดเยอะแยะมากมาย มีทั้งผักผลไม้ที่มาจากโครงการหลวงและนำเข้ามาจากต่างประเทศ พี่ปั้นเข็นรถส่วนผมเป็นคนเลือกวัตถุดิบ เริ่มจากการซื้อเครื่องปรุงที่หนักๆก่อนแล้วค่อยไปซื้อของสด ระหว่างเลือกซื้อพี่ปั้นก็คอยถามนั่นถามนี่เกี่ยวกับการเลือก ขั้นตอนการทำ ดูเหมือนเด็กชายตัวน้อยที่อยากรู้อยากเห็นไปหมด ผมว่าน่ารักดี
พี่ปั้นบอกว่าสกิลการทำอะไรของตัวเองนั้นเข้าขั้นติดลบ ขนาดจะต้มมาม่ายังดิบเลย ผมถึงกับพูดไม่ออก แค่กดน้ำใส่ปิดฝาไว้สามนาที ทำไมยังทำให้ดิบได้ พี่เขารู้หรือเปล่านะว่ามันต้องใช้น้ำร้อน ไม่ใช่น้ำเย็น
“ไม่เป็นไร พี่ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะทำให้พี่กินเอง”
“ทุกมื้อเลยหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าพี่ต้องการผมก็ทำให้ได้นะ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย”
“ถ้างั้น ย้ายมาอยู่ด้วยกันสิ”
“หา...?? ว่าไงนะครับ”
อะไรย้ายๆนะ เมื่อกี้ผมฟังไม่ทันเพราะพี่ปั้นพูดเบาและผมก็มัวแต่มองน้องปลาตาใสแจ๋วในกระบะอยู่ พอหันไปมอง พี่ปั้นก็ทำแค่ยิ้มแล้วยักไหล่ให้ อะไรของเขานะ
“ยังขาดอะไรอีก”
“อ่า กุ้งกับปลาหมึกครับ”เมนูอาหารวันนี้ก็สิบอย่างถ้วน หลังจากซื้อของเสร็จผมก็ต้องเริ่มลงมือทำเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่เสร็จ พี่ปั้นอาสาว่าจะช่วยทำ แต่ผมก็แอบหวั่นๆยังไงไม่รู้
“ของครบแล้วใช่มั้ย?”ผมวางปลาหมึกถุงโตลงในรถเข็น พี่ปั้นก็ถามขึ้นพอดี
“ครบแล้วนะครับ”ผมมองรายการต่างๆที่จดไว้ในโน้ตของโทรศัพท์
“งั้นรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ”
ผมทำตามคำสั่งของเจ้านาย ยืนเฝ้ารถเข็นอยู่ที่เดิม พี่ปั้นหายไปเกือบสิบนาทีก่อนจะเดินกลับมาตัวปลิว
“พี่ไปซื้ออะไรมาเหรอ”
“ไปสั่งเครื่องดื่มมาน่ะ เดี๋ยวให้เขาเอาขึ้นไปส่งให้ที่ห้อง ส่วนนี้เราไปจ่ายเงินกัน เดี๋ยวมีคนมาช่วยขนไปส่งให้”พี่ปั้นบอกและเข็นรถไปจุดจ่ายเงิน ค่าเสียหายในรถเข็นนี่เล่นเอาผมรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา กลัวเหลือเกินว่าจะทำออกมาไม่อร่อยสมกับวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมแถมราคายังแพงจนผมตัวซีดตัวสั่นนี้
พอจ่ายเงินเสร็จพี่ปั้นก็พาผมไปหาอะไรทานเป็นเมื้อกลางวัน ตลอดเวลาที่เดินข้างกันผมก็แอบสังเกตว่ามีสาวๆหลายคนแอบชำเลือกมองพี่เขา แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้แคร์กับสายตาเหล่านั้น คงโดนมองจนชินแล้ว ขนาดแค่ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วน เสื้อยืดกับรองเท้าแตะเท่านั้นยังดูดีขนาดนี้ อดที่จะก้มลงมองตัวเองไม่ได้ เหมือนเด็กรับใช้เดินตามเจ้านายไม่มีผิด ฮืออ
X
“ทำแบบนี้ใช่มั้ย?”
ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าให้ ผมว่าสกิลการทำอาหารของพี่เขาไม่ได้แย่นะครับ แต่พี่เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงมากกว่า ถ้ามีคนสอนก็คงทำได้ไม่ยาก พี่ปั้นเป็นคนหัวไว แค่อธิบายและทำให้ดูรอบเดียว อีกฝ่ายก็สามารถทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะการทำกุ้งกับปลาหมึกที่ผมกังวลในตอนแรก
“พี่เก่งจัง บางคนก็สอนตั้งหลายรอบกว่าจะทำได้”
“มันก็ไม่ได้ยาก ขึ้นอยู่กับความตั้งใจมากกว่า”
ผมยิ้ม เวลาพี่ปั้นตั้งใจทำอะไรนี่เท่จริงๆ ผมเพิ่งมาสังเกตว่าพี่ปั้นไม่ได้พูดจากวนประสาทผมเหมือนตอนแรกๆที่คุยกันแล้ว ไม่รู้ว่ามันเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
“งั้นต่อไปผมจะสอนให้พี่ทำอาหารแบบง่ายๆกินเองดีมั้ยครับ”
“ไม่เอา”
“อ้าว ทำไมอ่ะ”
“ก็มีเราทำให้กินแล้ว พี่จะทำเองทำไม”
“ถ้าวันไหนผมไม่อยู่ไง พี่จะได้ทำเอง”
“แล้วเราจะไปไหน?”
“ก็เผื่อไว้ไงครับ”พี่ปั้นคงไม่ได้กะให้ผมทำอาหารให้ทานไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม
“ถ้าเราไม่อยู่ พี่ก็ซื้อกินไง ไม่งั้นก็กลับบ้านให้แม่ทำให้”พี่ปั้นยักคิ้วให้
“อ่า นั่นสินะ” ถึงไม่มีผมพี่ปั้นก็อยู่ได้อยู่แล้ว พอคิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา
“แต่ว่าพี่ชอบอาหารที่เราทำให้กินมากกว่า”
ผมชะงักไปนิด ไม่กล้าหันไปมองคนพูด ได้แต่ก้มหน้าก้มตา หมักหมูตรงหน้าต่อไป
“ไม่อร่อยเท่ากับร้านอาหารหรอกครับ”
“แต่พี่ว่ามันอร่อยที่สุดนะ”
“พี่ปั้นลิ้นจระเข้มากกว่า”
“จิ๊ คนเขาชม ยังจะมาว่ากันอีก”ผมหันไปฉีกยิ้มให้อีกคนที่เริ่มจะหัวร้อนขึ้นมา ก่อนที่ดวงตาคู่คมนั่นจะหรี่ลงแล้วฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา พอพี่ปั้นวางมีดแล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมก็เริ่มไม่ไว้ใจ ถอยหลังหนีแต่ก็ช้ากว่าแขนยาวๆที่เอื้อมมือมาจับผมไว้
“ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไม อาหารที่ครามทำถึงอร่อยที่สุด”
“ท...ทำไมครับ?”ถามอย่างเดียวก็ได้มั้ง ไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้หรอก
“เพราะความรักยังไงล่ะ”
“....เอ๋??”
รัก...??!!
“ครามใส่ความรักลงไปให้พี่กินยังไงล่ะ”
ความรักงั้นเหรอ...
“รักในการทำอาหารยังไงล่ะ หึหึ”พี่ปั้นปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างคนขี้เล่น
“พี่รู้นะว่าครามตั้งใจทำให้พี่กินทุกอย่างเลย”
“อ๋อ ก็ต้องตั้งใจสิครับ พี่ปั้นเป็นเจ้านายผมนี่นา”ผมแอบถอนใจโล่งอก ทำไมชอบมาทำให้ใจหายใจคว่ำด้วยก็ไม่รู้
นึกว่าตัวเองว่าแสดงออกชัดเจนเกินไปเสียอีก...
-------------------------
กลับมาแล้วค่ะ...ช้าไปหน่อย (ไม่หน่อยหรอก ฮ่า)
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ไปตามหาแพสชั่นให้ตัวเองอยู่
รู้สึกเนือยๆเหนื่อยๆ หัวสมองไม่แล่นก็เลยพักไปนาน
ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ พาพี่ปั้นและน้องครามที่น่ารักกลับมาด้วย
ยังคงเน้นว่าเรื่องนี้อยากจแต่งแบบเบาๆ น่ารักๆ ไม่คิดอะไรมาก
และก็จะไม่ทิ้งไปไหนนะคะ :L2:
คิดถึงคนอ่านทุกคนเลย และขอบคุณที่ยังระลึกถึงกันอยู่นะคะ :L1: