---ตอนที่ 17---
"ทำอะไรเนี่ยนิรันดร์!" ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ นึกโกรธอีกคนอยู่เหมือนกันที่จู่ๆก็โผล่มาอยู่กันคนของผมแบบนี้ แต่อีกใจก็โล่งใจไปได้มากโขเมื่อคนที่คิดว่าอยู่ในอันตรายกลับมายืนยิ้มหน้าสลอนอย่างไม่ยุบสลายแถมยังมากับพ่อบังเกิดเกล้าของผมอีก ถ้าอยู่กับนิรันดร์ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง คุณคุณคงจะปลอดภัยมากกว่าอยู่กับผมเสียด้วยซ้ำ
"ฮะ?/ อะไรนะ?/ ว่าไงนะครับ?" กองทัพ ขุนพล และคุนคุนร้องออกมาพร้อมกัน จ้องผมกับชายวันกลางคนคนนั้นสลับไปสลับมาคล้ายไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อบังเกิดเกล้าของผม คนใกล้ตัวผมที่สนิทกับต่างก็รู้ว่านิรันดร์คือบิดาสุดที่รักของนายลภัส วิสุทธิ์รังสรรค์คนนี้ แม้ผมจะไม่ค่อยเรียกผู้ชายวัยกลางคนตรงนี้ว่าพ่อให้ใครได้ยินบ่อยๆ ออกจะติดเรียกชื่อจริงมากกว่าเพราะนิรันดร์ชอบให้ผมเรียกแบบนี้ นิรันดร์เป็นพวกไม่อยากแก่ เวลาออกไปไหนมาไหนไม่เคยให้ลูกเรียกพ่อเลยสักที นิรันดร์บอกว่าจะให้เรียกพี่ก็ดูกระดากปากไปซะหน่อย เลยให้ลูกๆเรียกชื่อจริงตัวเองแทน เวลาไปหลีสาวแล้วมีลูกตามติดไปด้วยจะได้เนียนไปบอกเป็นน้องไรงี้ ร้ายมั้ยครับพ่อผม ผมตอบให้เลยว่าร้ายซะยิ่งกว่าร้าย แล้วดูเอาเถอะผู้ชายอายุขึ้นเลขสี่แล้วแต่หน้าตานี่ไม่ได้ร่วงโรยไปตามอายุเลยสักนิด บอกใครต่อใครว่าเป็นพี่ผมใครก็เชื่อ แล้วมันไม่ใช่แค่นั้นไง นิรันดร์แบบหน้าตาโคตรดีอะ แนวแด๊ดดี้แซบๆอะบอกเลย ทุกวันนี้หัวกะไดบ้านไม่เคยแห้งเลยสักวัน สาวน้อยสาวใหญ่ในเชียงใหม่ตามติดกันค่อนเมือง ก็นั่นแหละนะ ไปลองดูกระปุกครีมเซรั่มที่ในห้องน้ำสิราคารวมกันเป็นแสน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมที่นั่งรอนี่หลับแล้วหลับอีก บำรุงดีชิบหาย เอาจริงนะอีกสิบปีข้างหน้านี่ผมอาจจะดูแก่กว่าพ่อตัวเองก็ได้เพราะผมแทบไม่ได้บำรุงอะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนหุ่นที่ผู้ชายวันสี่สิบควรจะมีกันคือมันต้องมาพร้อมพุงกับความท้วมหน่อยๆใช่มั้ยละ ขอบอกเลยว่านั่นไม่ใช่นิรันดร์ ถึงแม้จะยุ่งแค่ไหนกลับบ้านดึกแค่ไหนนิรันดร์ก็ต้องออกกำลังกายก่อนนอน บอกได้เลยว่าในเสื้อเชิ้ตที่เปิดกระดุมสองเม็ดนั่นมีก้อนแข็งๆหกลูกบรรจุเรียงตัวอยู่อย่างสวยงาม วินัยในการออกกำลังกายดีชิบหาย แล้วดูการแต่งตัว เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มแขนยาวพับขึ้นมาถึงศอกกับกางเกงขาสั้นสีครีมยาวแค่เข่า ตบด้วยรองเท้าผ้าใบที่ซื้อมาคู่กับผมตอนไปญี่ปุ่น เฮ้อ มีพ่อแอ๊บเด็กแม่งหนื่อยวะ!
"ปล่อยไอ้ขุนเถอะ เพื่อนผมเอง" ผมรีบพูดออกไปเมื่อเห็นว่าตอนนี้แฝดคนน้องเริ่มหน้าเขียวแล้วเพราะขาดอากาศหายใจจากแขนที่ล็อคคออยู่
"อ้าว นี่เพื่อนมึงหรอ กูไม่รู้นี่หว่า เห็นพุ่งถลาเข้ามาจะต่อยกู เกือบไปแล้วมั้ยละ" นิรันดร์ปล่อยวงแขนหนาออก ทำให้ขุนพลหล่นลงไปกองที่พื้นอีกรอบ ผมถอนหายใจที่ห้ามไว้ได้ทัน ไม่งั้นละก็ขุนพลอาจจะกลายเป็นผีเฝ้าคอนโดนี้เป็นเพื่อนพี่ศักแน่ๆ ถ้านิรันดร์เอาจริงขึ้นมาอะนะ
"พะ พี่รันเป็นพ่อพี่แฟงหรอครับ" คุนคุนที่ยืนอ้าปากงงอยู่ถามขึ้นมาตะกุกตะกัก นั่นไงหลอกเด็กว่าตัวเองยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอยู่สินะ ผมเห็นประจำแหละมุขนี้นะ เออ เอาเหอะ หน้านิรันดร์ก็ยังได้อยู่ แต่ให้คุนคุนเรียกตัวเองว่า พี่รัน มันเกินไปมั้ยพ่อ! เอาไว้ให้สาวๆเรียกเถอะ แล้วนี่ไปสนิทกันอีท่าไหนถึงให้เด็กผมเรียกชื่อตัวเองอย่างสนิทสนมขนาดนี้
"แหะ ถูกจับได้แล้วสินะ" คนที่รู้ตัวว่าแผนหลอกโกงอายุของตัวเองไม่ได้ผลก็ต้องจำใจยอมรับหน้าตาเฉย
"อะไรกันวะพี่ ผมงงแล้วนะเนี่ย นี่พ่อพี่จริงๆหรอ"
"เออ นั่นดิพี่ หน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย"
สองแฝดพูดออกมาพร้อมกัน แต่ผมเห็นนะว่ามันสองตัวแอบก้วถอยห่างนิรันดร์ออกไปอีกคนละก้าวสองก้าว ไอ้ขุนคงกลัวโดนล็อคคออีก ส่วนไอ้ทัพคงกลัวจะโดนเหมือนแฝดมัน เพราะเมื่อกี้มันก็ง้างมือเตรียมจะต่อยนิรันดร์แล้วดีที่ชักกำปั้นกลับมาทัน ไม่งั้นผลลัพธ์คงกลายเป็นมะนลงไปกองที่พื้นข้างน้องแฝดของทันแน่ๆ
"อืือ ทุกคน นี่นิรันดร์ พ่อกูเอง ถ้ากูหน้าเหมือนแม่ตำรวจจะจำกูรึไง ประสาท" ทำท่าตกใจทำไมวะ อย่างน้อยกูก็หน้าเหมือนแม่ มั่นใจได้ว่าพ่อแม่กูไม่ได้หยิบมาผิดจากโรงพยาบาลแน่ๆ
"สะ สวัสดีครับ/ หวัดดีครับพ่อ" สองแฟนพนมมือขึ้นมาแทบจะก้มกราบนิรันดร์ที่อมรอยยิ้มนึกสนุดยืนอยู่ที่เดิม นิรันดร์คงเห็นแหละว่าไอ้สองตัวนั้นสั่นเทาดูเหมือนจะกลัวตัวเองแค่ไหน
"ไม่ต้องไหว้ ฉันไม่ใช่พ่อพวกเธอ" คนมีอายุที่สุดเอ่ยเสียงเรียบติดเย็น คนนอกฟังคงรู้สึกเหมือนนิรันดร์กำลังไม่พอใจอยู่ นั่นยิ่งทำให้สองแฝดแทบจะทรุดเข่าลงไปกราบแทบเท้าพ่อบังเกิดเกล้าของผมแค่ไหน มันคงทั้งกลัวทั้งรู้สึกผิดที่หวังจะทำร้ายพ่อผมแหละ โถ เด็กหนอ พ่อกูจะไปโกรธอะไร นี่ก็แกล้งทำแอ๊บเสียงเย็นชาใส่ไอ้สองตัวนั้นอีกเล่นใหญ่ไฟกระพริบอีกละพ่อกู วันๆไม่หำห่าไรหรอกนิรันดร์อะ แกล้งคนไปเรื่อนเปื่อย สนุกเขาละ
"คะ คร้าบบบบ"
"ผมขอโทษครับที่เข้าไปต่อยพ่อ"
สองแฝดเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา เข่าสองข้างทรุดลงบนพื้น นั่งสำนึกผิดไปสิ ส่วนคนที่ควรจะโกรธกลับยิ้มอย่าสนุกสนาน มีแค่ผมที่ยืนเฉยไร้อารมณ์ใดๆเพราะรู้ว่าไอ้สองตัวนี้กำลังโดนนิรันดร์เล่นอยู่ ส่วนเจ้าคุนคุนของผมก็ยืนนิ่งสีหน้าหลากหลายอารมณ์มากเพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็ยังเห็นอีกด้วยว่านิรันดร์อะยกนิ้วชี้ขึ้นมาจ่อที่ปากตัวเองเพื่อบอกให้คุนคุนเงียบไว้ อือ...ไม่ต้องบอกอะไรมันก็เงียบอยู่แล้วละไอ้แก้มยุ้ยนั่นนะ ผมปล่อยให้พ่อเล่นสนุกไป ส่วนผมก็จับข้อมือคนตัวเล็กให้เกินออกมาจากตรงนั้นทันที
"ไปไหนมา มึงรู้รึเปล่าว่ากูตามหามึงให้วุ่น" ผมบ่นออกไปแต่ทว่าสายตาก็สำรวจตามร่างกายคนตัวเล็ก เผื่อแผ่ไปถึงแมวยักษ์ข้างๆกันด้วย ทั้งสองดูมีสภาพเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำที่ออกจากคอนโดไม่มีผิดเพี้ยน เห็นเท่านั้นผมก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"คุนขอโทษ" คุนคุนเอ่ยเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้น ถามว่ารู้ได้ไง ลองมองตามันดูสิ คงรู้สึกผิดจนแทบบ้าแล้วมั้งนั่นนะ เห็นแบบนั้นผมก็รีบดึงคุนคุนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที ไอ้เด็กตัวนิ่มก็ยกแขนสองข้างขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้
"กูเป็นห่วงมึงรู้มั้ยคุน อย่าหายไปแบบนี้อีก"
"ครับพี่แฟง"
.
.
.
.
.
"มานั่งนี่เดี๋ยวกูเช็ดผมให้" ผมเรียกคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำให้มานั่งระหว่างขาตัวเองที่นั่งรออยู่ที่ปลายเตียงได้สักพักแล้ว พอกลับมาที่ห้องผมก็ไล่คุนคุนให้ไปอาบน้ำ ส่วนสองแฝดกับนิรันดร์ก็เพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว นิรันดร์คงเล่นกับพวกมันหนักน่าดู เสื้อนี่เปียกมาเชียว คงไม่พ้นถูกสั่งให้วิ่งรอบสนามหลังคอนโดแน่ๆ ที่ผมรู้เพราะเจอมากับตัวบ่อยๆ แล้วก็เห็นลูกน้องของพ่อโดนแบบนี้ประจำ ไม่รู้โดนไปคนละกี่รอบคนที่ออกกำลังทุกวันอย่างกองทัพกับขุนพลถึงได้หมดเรี่ยวแรงนอนตายกองอยู่บนโซฟาเหมือนอาจารย์ใหญ่ไม่มีผิด ส่วนคนที่เป็นตัวการนั่งเหยียดขาผิวปากสบายใจเฉิบอยู่บนเก้าอี้เอนข้างประตูระเบียงตรงข้ามกับห้องนอน มือก็ลูบท้องอันอันไปด้วย มันต้องเป็นคนประเภทไหนวะขนาดแมวที่น่ากลัวแบบนั้นถึงยอมนอนเฉยไม่ส่งเสียง ขนาดผมเจอหน้ามันทุกวันกว่ามันจะยอมให้ลูบท้องได้แบบนั้นก็เป็นเดือนนะขอบอก ไอ้อันอันก็เหลือเกินใจง่ายชิบเป่ง หรือนิรันดร์ป้ายยามันวะ
"พี่แฟง คุนเจ็บ" คนที่นั่งอยู่ตรงหว่างขาผมบนเตียงพูดขึ้น
"เออ โทษๆ" ผมเอ่ยออกไปพรางรู้สึกผิดที่ลงน้ำหนักมือไปบนหัวคนตัวเล็ก แม่ง หงุดหงิดไอ้อันอันแมวสองหน้าไง ดูมัน ฟินเชียวนะมึง แถมเอาหน้าถูกับอกนิรันดร์ไปมาอีก โอ้โห มันจะมากไปมั้ย
"พี่แฟงคุยขอโทษจริงๆนะครับ คุนไม่น่าลืมมือถือไว้ในห้องเลย" คุนคุนหันหน้ามามองผมด้วยหน้าที่สลดลงเหลือแค่สองนิ้ว
"อือ ไม่โกรธแล้ว แล้วทำไมไม่ขึ้นมาเรียกกูลงไปช่วยหา" ตอนนี้ผมเส้นเล็กสีดำสนิทของคุนคุนแห้งเก็บหมดแล้ว ผมจึงโยนผ้าเช็ดผมลงไปใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ ก่อนวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำของคนตัวเล็กตรงหน้าที่ตอนนี้โชยกลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูกไม่หยุด
"คุนจะขึ้นมาหาพี่แฟงแล้ว แต่พี่รัน เอ้ย พ่อพี่แฟงผ่านมาก่อน เขาบอกจะช่วยหา" คุนคุนเอียงคอเอามือสองข้างขึ้นมาคล้องคอผม คุนคุนบอกว่าอันอันหลุดหายวิ่งตามนกไปตามหาอยู่นานก็ไม่เจอ
"แล้วไปเจออันอันที่ไหนละ" ผมเอามือสองข้างเลื่อนลงมสโอบเอวเล็กๆของคุนก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กให้ขยับท่าหันตัวมาหาผมเอาขาสองข้างนั้นเกี่ยวไว้ที่เอวผม เพราะตอนนี้ผมนั่งอยู่ปลายเตียง ถ้าไม่เกี่ยวไว้ สักพักคงต้องหล่นลงไปกองที่พื้นแน่ๆ
"พี่แฟงรู้มั้ยว่าอันอันวิ่งไปไกลมาก โน่นไปถึงคอนโดสีเทาสูงๆตรงโน้น" โห ไอ้แมวนี่มันวิ่งไปไกลวะ คอนโดสีเทานั่นมันอยู่ห่างไปตั้งหลายซอย
"ฮะแฮ่ม เกรงใจกูบ้าง จะทำอะไรนะ" เสียงทุ้มติดแหบของนิรันดร์ดังเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่ของพ่อบังเกิดเกล้ายืนพิงขอบประตูอยู่ คนตัวเล็กรีบเอาแขนที่คล้องคอผมออกทันที แต่ผมไวกว่าคว้ามือสองข้างนั้นวางกลับไปไว้ที่เดิม
"เกรงใจทำไม นี่ห้องคุน ไม่ใช่บ้านนิรันดร์" ผมดึงชายเสื้อคุนคุนลงมาเมื่อเห็นสายตาของนิรันดร์ที่มองมายังคนตัวเล็กของผม มันคงเลิกขึ้นมาตอนผมจับคุนคุนพลิกกลับมาหาผม ว่าแต่นิรันดร์เห็นแค่ไหนวะ หวังว่าเสื้อที่เลิกขึ้นมาเมื่อกี้คงไม่ขึ้นมาสูงมากนะ แล้วนิรันดร์จะมามองคนของผมแบบนี้ไม่ได้นะ!
"งั้นมึงก็กลับห้องสิ กูจะได้อยู้ห้องที่เป็นชื่อกูไง" นิรันดร์เลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนๆ ผมบอกนิรันดร์ไปตอนที่คุนคุนอาบน้ำอยู่ว่าผมย้ายมาอยู่ห้องนี้ได้สักพักแล้ว ส่วนเหตุผลคืออะไร อันนั้นผมก็บอกไป แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะดังๆของนิรันดร์ พร้อมกับประโยคที่ว่า 'เจ้าแผนการเหมือนกูไม่มีผิด ภูมิใจจริงเว้ยไอ้ลูกชาย' อืม นี่แหละครับพ่อผม ชอบนักละเรื่องแบบนี้ ถ้าเป็นพ่อคนอื่นผมอาจจะถูกกระทืบไปแล้วโทษฐานที่ไปหลอกลวงลูกชาวบ้านเขาแถมยังจ้องจะจับลูกเขากินอีก แล้วลูกชางบ้านนี้ก็นะ อายเขินม้วนซบลงมาตรงอกอมจนจะจมเข้าไปอยู่ละ แม่งเอ้ย ถ้าไม่มีใครอยู่นี่ขอจับฟัดทีหนึ่งเหอะ! เอะ มีใครอยู่แล้วทำไม่ได้หรอวะ มึงแค่ปิดประตูห้องนอนก็ได้แล้วมั้ยแฟง....ฮะ? ไม่ได้หรอ...เคๆ ไม่ได้ก็ไม่ได้
"นิรันดร์!" ผมพูดออกมาเสียงดัง พรางส่งสายตาขอร้องว่านิรันดร์อย่าพูดอะไรให้มันมากกวานี้อีก ไม่งั้นละก็ความได้แตกกันพอดี ชายวัยกลางคนที่ยืนพิงขอบประตูอยู่ยกมือขึ้นมาสองข้างคล้ายคนยอมแพ้ พร้อมกระตุกยิ่มอย่างคนเจ้าเล่ห์ ก่อนสาวเท้าก้าวออกไป
ผมปล่อยคนที่ซบจมอกผมไว้แบบนั้นสักพัก กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำกับยาสระผมโชยเตะจมูกผมเป็นระรอกไม่ขาดสาย กูอยากจับมึงฟัดจริงๆแล้วนะคุน
"คุน"
"ครับ พี่แฟง" ไอ้ตัวเล็กผละออกจากอก ทำให้ตอนนี้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
"สัญญากับกู คราวหน้าอย่าลืมโทรศัพท์เด็ดขาด"
"ครับ" ปากแดงๆ ขยับไปมาอยู่ห่างจากผมเพียงคืบ
"คุน มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นห่วงแค่ไหน"
"..."
"กูคิดไปถึงเรื่องเลวร้ายสารพัดที่อาจจะเกิดขึ้นกับมึง"
".."
"กูแม่งเป็นห่วงมึงโคตรๆ มึงสำคัญกับกูมากนะคุน"
"พี่แฟง"
"จำไว้ว่ากูรักมึงชิบหาย"
"ฮะ?"
"รักกูบ้างรึเปล่า"
"คุน...."
"ไม่ต้องรักกูมากก็ได้ รักแค่พอที่มึงจะคิดถึงกูบางครั้งเวลาที่กูไม่อยู่ใกล้มึงแค่นั้นพอ"
"ถ้าคิดถึงบางครั้งแบบนั้นมันคือความรักระดับไหนหรอครับ"
"อืม..คิดถึงบางครั้งหรอ...อืม...ถ้าเต็ม 10 ก็คงระดับ 3-4 มั้ง"
"ถ้างั้นคุน...."
"หืม?"
"คุนคงชอบพี่ระดับ 8 แล้ว เพราะคุนคิดถึงพี่แฟงตลอดเวลา"
#คุนแฟง
by ppeachmm