รอตอนสุดท้าย
ว่าแต่
จะมีตอนพิเศษบ้างป่ะ
ตอนพิเศษตามเก็บในบล็อกกับรวมเล่มค่ะ ในนี้จะลงให้แค่ตอนหลักนะคะ (เพราะแค่นี้ก็ยาวจนจุก อิิอิ)
บทสุดท้ายแ้ล้วค่ะ
------------------------------
บทที่88 (จบ)
ฟ่งดูจะมีความสุขกับทุกอย่างในทริปเที่ยวรัสเซียครั้งนี้ เสียอย่างเดียว อาหารที่นั่นถึงจะอร่อย แต่ก็ไม่ถูกปากเท่ากับอาหารที่ประเทศไทย ดังนั้น หลังจากกลับมาแล้ว รูฟัสเลยถูกลากให้ไปกินอาหารไทยขนานดั้งเดิมสารพัดอย่าง ก่อนที่วันรุ่งขึ้น ฟ่งจะลากเขาไปกินอาหารที่บ้านต่อ พร้อมกับของฝากคนในครอบครัว
รูฟัสตั้งใจเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้วว่าเขาจะทำตัวให้คนที่บ้านฟ่งประทับใจในฐานะลูกชายคนใหม่ เลยซื้อ ไข่ฟาเบอเช่ที่ทำจากหินควอร์ตไซต์สีขาวใส กับตุ้มหูอำพัน มาให้แม่ กับพี่สาวฟ่ง ส่วนเล้งได้กล่องเปเปอร์มาเช่ที่ราคาเหยียบหลักครึ่งหมื่นไปเป็นที่ระลึก
ฟ่งนึกโล่งใจที่รูฟัสซื้อของพวกนี้มา แทนที่จะซื้อเครื่องเพชร ที่เขาไม่ต้องเห็นราคาก็พอจะรู้ว่าคงไม่มีใครที่บ้านปลื้มแน่ๆ แถมจะพาลสงสัยเอาอีก เลยพยายามเกลี้ยกล่อมให้รูฟัสซื้ออะไรที่ธรรมดาๆ แทน
หลังจากกินกันจนอิ่ม และต่างคนต่างแกะของฝากแจกกันหมดแล้ว ทั้งหมดก็คุยกันต่อเรื่องไปเที่ยวจนดึก รูฟัสเลยเสนอให้นอนค้างไปเสียเลย และเช้าวันต่อมา ก็กระวีกระวาดลุกขึ้นมาเป็นคนงาน ช่วยขนนั่นขนนี่ตั้งแต่เช้า จนฟ่งนึกสงสัยว่ารูฟัสมีแผนจะย้ายมาอยู่ที่บ้านเขาหรือเปล่า
หลังจากที่ถูกเสนอให้ค้างอีกวัน ฟ่งเลยต้องคุยกับรูฟัสตรงๆ เสียที พออาบน้ำอะไรเสร็จ เข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดฉากถามขึ้น “รูฟัส คุณจะมาอยู่บ้านผมเหรอ?”
“เอ่อ... ก็ทำนองนั้นล่ะครับ” หนุ่มตาสองสีตอบ พลางหัวเราะแหะๆ ซึ่งไม่ใช่ท่าทางยามปกติเท่าไหร่นัก ฟ่งชักนึกสงสัยว่ารูฟัสคงมีอะไรปิดบังเขาอีก เลยเค้นถามต่อ “บอกผมมานะ คุณวางแผนอะไรอยู่กันแน่”
“เอ้อ...” รูฟัสคราง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก และขยับมาใกล้ กระซิบเบาๆ
“ฟ่งครับ ความจริงผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังคุณหรอก แต่ก็ไม่อยากจะทำให้คุณวิตกน่ะ ผมว่าเราต้องย้ายที่อยู่กันแล้วล่ะ ไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่คอนโดที่เราอยู่ตอนนี้น่ะ”
“หา!” ฟ่งร้องออกมา “มีคนตามล่าคุณอีกแล้วหรือ?!”
รูฟัสจำต้องยกมือขึ้นปิดปากฟ่งเอาไว้ “อย่าพูดดังสิครับ ผมบอกคุณตรงๆ เลยนะว่า ผมถูกล่าตัวอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ ที่อยู่ห้องคุณได้ตั้งเดือนกว่าโดยไม่มีอะไรเลย ผมยังว่าแปลกเลยล่ะ”
ฟ่งทำหน้าสงสัยสุดๆ รูฟัสเลยเอามือออก
“ทำไมล่ะ? สมัยก่อนคุณก็อยู่บ้านคุณราฟาแอลเหมือนกันนี่ อยู่ที่นั่นไม่โดนตามล่าหรือไง”
“ไม่โดนครับ” รูฟัสพูด “บ้านนั้นรัฐบาลคุ้มครองนะครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยู่ตลอด ปกติผมอยู่นานที่สุดก็สองสัปดาห์เท่านั้นแหละ”
“?!” ฟ่งกะพริบตาปริบๆ อย่างคนนึกคำพูดอะไรไม่ออกทันที รูฟัสมองหน้าอีกฝ่าย แล้วพยักหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ผมรู้ว่าคุณลำบากใจแน่ เลยไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ แต่ยังไงเราก็ไม่ควรจะกลับไปอยู่ที่ห้องนั้นอีกแล้วล่ะ ผมกับคุณต้องย้ายที่อยู่ จะไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่ห้องนั้นก็พอ เพราะทั้งเฟิงปิง ทั้งราฟี่ ก็รู้ว่าผมกับคุณอยู่ที่นั่น แค่เฟิงปิงรู้ ก็รับประกันได้แล้วว่าคนอื่นก็ต้องรู้ ดังนั้น เราต้องย้ายที่อยู่นะครับ”
ฟ่งมองหน้ารูฟัสอย่างอึ้งสนิทอยู่นาน กว่าจะอ้าปากพูดขึ้นได้ “แล้ว... ต้องย้ายเรื่อยๆ รึเปล่า?”
เขาชักนึกถึงคำพูดของรัสเลอร์ขึ้นมา อยู่กับรูฟัสแล้วต้องหลบๆ ซ่อนๆ จริงๆ หรือนี่ ก่อนหน้านี้เขาก็คิดถึงปัญหานี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้คิดอย่างจริงๆ จังๆ มาก่อน เห็นท่าทางของรูฟัสวันนี้ สงสัยรัสเลอร์จะไม่ได้แค่พูดขู่เขาเฉยๆ เสียแล้ว
“อืม... ถ้าไม่มีใครรู้เราก็อยู่กันได้เรื่อยๆ แหละครับ” รูฟัสตอบ ฟ่งมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด “แล้วงานล่ะ?”
“ไปหาทำเอาแถวนั้นก็ได้ครับ ผมว่าจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่ คุณว่าไง”
“โห....” ฟ่งร้อง สีหน้าดูหนักใจสุดๆ “ผมไม่ชอบอาหารที่เชียงใหม่เลย คุณอยู่ในกรุงเทพฯไม่ได้เหรอ ที่อื่นก็ได้”
“อืม... จริงๆ ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ผมว่าเปลี่ยนเมืองไปเลยน่าจะปลอดภัยกว่า”
“.........” ฟ่งยกมือขึ้นเกาศีรษะ ดูท่าทางจะคิดหนัก “งั้น... ย้ายไปปริมณฑลก็ได้ นนทบุรี ไม่ก็สมุทรปราการ มีหมู่บ้านเปิดใหม่เยอะ ผมไม่อยากจากบ้านไปไกลๆ น่ะ”
ฟ่งอธิบายเหตุผลของตัวเอง รูฟัสมองหน้าเขา แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เอางั้นก็ได้ครับ ผมขอโทษด้วยนะ”
ฟ่งถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต “ไม่เป็นไรหรอก ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่ ผมคงต้องไปกับคุณนั่นแหละ”
“งั้น... พรุ่งนี้เราออกไปหาบ้านใหม่กันเลยนะครับ จะได้รีบย้ายออก”
“โห.... ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ครับ”
ฟ่งกะพริบตาปริบๆ อีกครั้งแล้วพยักหน้า รูฟัสดึงตัวเขาเข้ามากอด หอมแก้มเขาหลายฟอด และกระซิบข้างหู “ผมขอโทษนะ”
“อือ” ฟ่งส่งเสียงในคอ ก่อนจะนึกขึ้นมาในใจว่า เขาคิดผิดรึเปล่านะที่ว่าจะอยู่กับรูฟัสน่ะ
แต่... ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้ เขาคงเสียใจอยู่เหมือนกัน
----------------------------------------------------
หลังจากตระเวนดูบ้านอยู่สองวัน ฟ่งกับรูฟัสก็ตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวราคาราวๆ สี่ล้านกว่า ในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่แถบชานเมือง โดยใช้ชื่อฟ่งเป็นผู้ซื้อ และรูฟัสเป็นคนจ่ายเงิน
พอดาวน์แล้ว รูฟัสก็ชวนฟ่งนั่งรถออกไปเที่ยวอยุทธยาอีกสองวัน เพื่อให้เข้าใจว่าไปทำเรื่องกู้อยู่ ก่อนจะกลับมาจ่ายเงินค่าบ้าน จากนั้นก็กลับไปขนของของฟ่งที่คอนโดเดิม เพราะฟ่งยืนยันว่ายังไงก็ต้องขนไปด้วย เพราะของบางอย่างหาซื้อไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะหนังสือ อีกอย่าง ถ้าหายไปเฉยๆ เลย ก็ต้องถูกคนอื่นสงสัยอยู่ดี สุดท้าย รูฟัสจึงจำต้องกลับไปที่คอนโดแห่งนั้นอีกครั้ง
ฟ่งนึกใจหาย เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ทันได้ถึงปี เอาเข้าจริงคือไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ เพราะที่เหลือต้องระหกระเหินไปนั่นไปนี่ พอกลับมาก็ต้องย้ายออกเสียแล้ว แต่อีกมุมก็นึกขำดีเหมือนกัน เพราะวันแรกที่ย้ายเข้ามา คนข้างห้องของเขาเข้ามาช่วยขนของให้ ตอนนี้พอจะย้ายออก คนข้างห้องคนเดิมก็กำลังช่วยเขาแพกของอยู่
คิดแล้วก็เหมือนชะตาเล่นตลก ไม่คิดเลยว่าคนคนเดียวจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปได้มากมายถึงขนาดนี้
ที่สำคัญ เขากลับสัญญาที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้ด้วยน่ะสิ
เรื่องนี้จะเล่าให้ใครฟังไม่ได้เด็ดขาด เพราะคงจะเหลือเชื่อยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าแน่ๆ
ขณะที่กำลังนั่งเก็บแผ่นซีดี ฟ่งก็พบว่า กล่องที่ซื้อมาไม่พอ เขาเลยหันไปบอกรูฟัส
“รูฟัส เราต้องลงไปซื้อลังมาเพิ่มล่ะ ผมว่าผมไม่ค่อยได้ซื้ออะไรนะเนี่ย ทำไมถึงยังไม่พออีกนะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อให้แล้วกัน ร้านข้างล่างที่ซื้อกันตะกี้ใช่ไหมล่ะครับ คุณจะได้จัดของต่อ”
ฟ่งนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้ๆ งั้นฝากด้วยนะ”
“ครับ อย่าลืมนะ ห้ามเปิดประตูให้คนไม่รู้จักเด็ดขาดนะครับ” รูฟัสกำชับ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฟ่งนิ่วหน้า อยากจะเถียงว่าเขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ เสียแต่รูฟัสปิดประตูไปก่อนนั่นแหละ เขาเลยต้องหันมาง่วนกับการจัดของต่อ
---------------------------------------------------------
รูฟัสซื้อลังขึ้นมาอีกหกเจ็ดใบ ขณะเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หนุ่มตาสองสียกมือขึ้นเคาะประตู สักพัก มันก็เปิดออก หนุ่มสวมแว่นผมยุ่งคนเดิมเดินมาเปิดประตูให้เขา ก่อนจะยิ้มกว้าง “มาพอดีเลย”
เขาว่า แล้วเปิดประตูให้รูฟัสเข้าไป พอเดินเข้าไปในห้อง หนุ่มตาสองสีก็แทบจะขว้างกล่องใส่สองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้อง เขาหันไปหาฟ่งซึ่งปิดประตูแล้วเดินเข้ามาสมบท ก่อนจะถามเสียงเข้ม
“คุณเปิดให้พวกเขาเข้ามา?”
ฟ่งพยักหน้า แล้วมองรูฟัสงงๆ “คุณราฟาแอลมาเยี่ยมคุณนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ผมไม่ได้เปิดประตูให้คนไม่รู้จักเข้ามาเสียหน่อย”
รูฟัสมองหน้าฟ่ง หลับตาลงอย่างคนยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ไง รูฟัส ไม่เจอกันแค่เดือนเดียว มาทำหน้าเหมือนเห็นปิศาจไปได้” ราฟาแอลว่า ขณะที่รัสเลอร์ซึ่งนั่งอยู่ตรงโซฟาอีกตัวพูดขึ้นบ้าง “รูฟัส นายเตรียมตัวให้ฟ่งเก็บของแล้วย้ายไปกับพวกเราใช่ไหม?”
“ใครจะย้ายไปกับพวกนายไม่ทราบ!” รูฟัสพูดสวนออกไปทันที พลางนึกว่าปัญหาที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุด กำลังมาเกิดอยู่ตรงหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รูฟัสนึกอยากย้อนเวลา แล้วพูดกับฟ่งใหม่ว่า นอกจากเขาแล้วห้ามเปิดประตูให้คนอื่นเด็ดขาด แต่ดูท่าว่าคงสายไปเสียแล้ว
“รูฟัส ผมว่าเราควรไปกับคุณราฟาแอลนะ” ฟ่งที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดขึ้นบ้าง คราวนี้รูฟัสตาเหลือก หันมามองทันที “ว่าไงนะครับ?!”
“ผมว่า เราควรไปกับพวกเขานะ ผมฟังเรื่องที่คุณราฟแอลเล่าแล้ว เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก”
รูฟัสหันกลับไปมองราฟาแอลอีกรอบ “คุณเล่าอะไรให้เขาฟังน่ะ?!”
ราฟาแอลยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันแค่เล่าว่า ตอนนี้มีรัฐบาลประเทศC เกณฑ์เด็กๆ ไปฝึกอาวุธ เพื่อให้กลายเป็นกองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด เบื้องบนเลยส่งเราไปสืบก่อน ก็แค่นั้นแหละ”
“นี่คุณรับงานเบื้องบนมาอีกแล้วเรอะ!!” รูฟัสโพล่งออกมา หันไปจ้องรัสเลอร์ ที่ยิ้มเผล่อยู่ ก่อนจะหันกลับมาหาราฟาแอลอีกรอบ “ไหนคุณบอกไม่ชอบทำงานร่วมกับเบื้องบนไง”
“เออ แต่มันจะปฏิเสธได้ไหมล่ะ?!” ราฟาแอลย้อย “หรือแกกล้า”
รูฟัสทำหน้าอึกอัก แต่ก็เถียงออกไป “ถึงงั้นก็เถอะ คุณก็ไม่น่าจะเอาเรื่องเก่าสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้วมาหลอกฟ่งแบบนี้ ไอ้จับเด็กไปฝึกอาวุธน่ะ”
“เฮ้ย นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ” ราฟาแอลตีหน้าเครียดขึ้นมาทันที “แกคิดว่าฉันอารมณ์ดีพอจะเอาอดีตพรรค์นั้นมาพูดล้อเล่นหรือไง!”
รูฟัสอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขอโทษออกมา “อืม... แต่ผมล้างมือแล้วล่ะ คุณไปหาคนอื่นเถอะ”
ราฟาแอลพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายๆ “เออ ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ได้สมาชิกใหม่มาคนหนึ่งแล้ว คงพอใช้แทนแกได้หรอก”
“อืม... ได้ใครมาล่ะ” รูฟัสพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ พลางนึกสงสัยว่าราฟาแอลได้คนแทนแล้ว ยังจะมาหาเขาทำไมอีกนะ
“ผม” ฟ่งพูดขึ้น และยกมืออย่างภาคภูมิใจ “ผมว่าจะไปช่วยเขาล่ะ คุณรัสเลอร์บอกว่าที่นั่นเป็นอาคารลับ ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่ จะให้ผมไปช่วยแยกข้อมูลให้”
“!!!” รูฟัสหันกลับมามองฟ่ง แล้วจับไหล่เขาไว้อย่างลืมตัว “ว่าไงนะครับ คุณตกลงไปแล้วเหรอ?!”
“อื้อ!” ฟ่งพยักหน้า รู้สึกตกใจกับแรงที่รูฟัสจับไหล่เขา “ก็เขามาขอให้ช่วยนี่นา ผมจะนิ่งดูดายได้ไงนะ แล้วก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กด้วยนะ ผมยังไม่ใจดำพอหรอก”
รูฟัสชักนึกสงสัยว่าฟ่งหาว่าเขาใจดำทางอ้อมรึเปล่า หนุ่มสวมแว่นพูดต่อ “อีกอย่าง ไหนๆ คุณกับผมก็ต้องหาที่อยู่ใหม่กันไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว สู้ย้ายให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ถูกไหมล่ะ?”
“ฟ่ง....” รูฟัสครางออกมา แทบจะอยากทรุดลงกองกับพื้น “ไหนคุณบอกว่าอยากให้ผมเลิกไง”
“อืม...” ฟ่งพยักหน้า แต่ก็พูดแย้งขึ้น “แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องมนุษยธรรมนะ ถ้าคุณไม่อยากทำแล้ว ผมทำเองก็ได้ เดี๋ยวให้คุณราฟาแอลหาคนมาเพิ่ม ผมฝากดูบ้านด้วยแล้วกัน”
“ฟ่ง!!!!” รูฟัสร้องเสียงลั่น ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างคนหมดสิ้นหนทางคิดต่อ ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟ่งฟังไม่รู้เรื่อง หนุ่มสวมแว่นขมวดคิ้ว “ตกลงคุณจะเอายังไงน่ะ? จะไปด้วยกันรึเปล่า?”
รูฟัสเงยมองหน้าเขา ก่อนจะหันไปมองหน้าสองคนที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟา ถลึงตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะหันมาพูดกับฟ่งด้วยสีหน้าจำยอมอย่างที่สุด
“ถ้าคุณไป ผมก็ไปครับ ยังไงผมก็อยู่กับคุณทุกที่อยู่แล้ว ผมปล่อยคุณไปคนเดียวไม่ได้หรอก”
ฟ่งยิ้มร่า “ผมรู้ ว่าคุณเป็นคนดี” พูดจบก็กระโดดเข้ากอดรูฟัสทีหนึ่ง ชายหนุ่มรีบรวบตัวอีกฝ่ายไว้แล้วกอดแน่น ก่อนจะหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับสองคนที่นั่งอยู่
--------------------------------------------------------------------
(อวสาน)
** 555+ แล้วมันก็จบ... จนได้ เอิ๊กๆๆ
เรื่องนี้เปิดให้จองรวมเล่มตั้งแต่วันนี้ - 19ก.พ.55นะคะ พลาดรอบนี้ คาดว่าอีกนานกว่าจะรีปริ๊นค่ะ
ขอบคุณที่ให้การติดตาม และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่อ่านเรื่องนี้จนจบนะคะ
ท่านเป็นนักอ่านที่อ่านเก่งมากค่ะ เพราะเนื้อหาเรื่องนี้ยาวราวๆ 1000หน้ากระดาษเอสี่เป็นอย่างต่ำค่ะ^^