d o u b l e M
e p i l o g u e
ในส่วนของมนุษย์โสดนั้น... ในช่วงสายวันหนึ่งเวฟกำลังแต่งหล่ออยู่หน้ากระจก เด็กหนุ่มจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ๆ ไอ้นี่มันหล่อจังเลยวะ แหม แบบนี้สาวที่ไหนเห็นเป็นต้องมอง มองแล้วเดินจากไป... มันน่าหลั่งน้ำตาก็ตรงนี้ เหตุใดสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งคนหน้าตาดีอย่างเขาเป็นโสดได้อย่างเลือดเย็น ยามใดที่ได้เห็นคนรักกันหัวใจของไอ้เวฟมันช่างร้าวรวดเหลือเกิน
หัวเราะกับความคิดไร้สาระของตน ก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์และของจำเป็นแล้วออกจากบ้าน อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อ พ่อกับแม่ก็ไปทำงาน พี่ก็ไปเรียน ไม่มีทางที่ไอ้เวฟจะอยู่เหงา ๆ คนเดียวที่บ้านแน่นอน หลังจากที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะจนมาถึงศูนย์การค้ายอดนิยมของเหล่าวัยรุ่น อยู่บ้านคนเดียวบอกว่าเหงา มาเดินห้างคนเดียวแบบนี้ไม่เหงายิ่งกว่าเหรอวะไอ้ห่า!
เดินไปหยุดที่หน้าโปรแกรมหนัง สักหน่อยละกัน เมื่อได้ตั๋วหนังมาแล้วก็กลับมายืนเคว้งอีกครั้ง มองไปทางไหนก็เจอแต่คนมาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม นึกแล้วก็เหงา ๆ อยากจะมีเพื่อนมาอยู่ข้าง ๆ แทบจะทันที แต่ถ้าโทรไปชวนพวกมันตอนนี้คาดว่าน่าจะเฟล ลูกหมูน่าจะยังไม่ตื่น ห้อยศรีกับรามินทร์คงกกกันอยู่ ไต้ฝุ่นกับเจนิซก็น่าจะกกกันอยู่เช่นกัน... เวฟหัวเราะในลำคอ แล้วจึงเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์เมื่อถึงเวลา ก็ไม่มีใครตายเพราดูหนังคนเดียวนี่หว่า
จดจ่อกับหนังที่ดูไปสองชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ปกติเวฟมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์ค่อนข้างบ่อย มาคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนบ้าง มากับสาวบ้าง แหม ไอ้เวฟหล่อขนาดนี้ก็ต้องมีสาวมาปิ๊ง ๆ บ้างสิน่า ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าไอ้เวฟลุกขึ้นมาแต่งหล่อล่ะก็ รามินทร์ก็รามินทร์เถอะ ไม่ได้เกิด! เดินเล่นจนแทบจะทั่วห้างสุดท้ายก็ได้รองเท้ามาหนึ่งคู่และกางเกงอีกหนึ่งตัว บอกเลยว่ากรอบ... ความจริงอยากได้เสื้อด้วย แต่ถ้าซื้อเสื้อด้วยนะอื้อหืออออออ มึงไม่มีแดกไปครึ่งปี!
Incoming call…
Vine เดิน ๆ อยู่โทรศัพท์เข้าซะงั้น ว่าแต่ไอ้ไวน์โทรหาเขาทำไมวะ...
“มีไร?”
(“อยู่บ้านป่ะ เอาเสื้อมาให้สักตัวดิ๊”)
“อยู่ห้างว่ะ”
(“งั้นซื้อมา แล้วเอามาให้กูที่ม.”)
“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ?”
(“กูยึดเกมคืน”)
“เออ ๆ เอาเสื้ออะไร!?”
(“หึ เชิ้ตขาว ซื้ออะไรมาให้กูกินด้วย แค่นี้แหละ”)
พ่อมึงตาย… เวฟบ่นในใจหลังจากว่างสายจากพี่ชาย แต่… พ่อมันก็พ่อกูนี่หว่า ลบ ๆ ไม่เอา ไม่ให้ตาย! ไปซื้อเสื้อให้มันก็ได้ ถือโอกาสไปส่องสาวมหา’ลัยและขอตังค์มันด้วย แหม นอกจากหล่อแล้วยังฉลาดอีกนะวรกรรณ์
อย่างน้อยวันเหงา ๆ ก็ยังมีอะไรให้ทำล่ะนะ
- - - - d o u b l e M - - - -
ปัง! ปัง! ปัง! “จันทร์เจ้า!!” เด็กหนุ่มในวัยสิบหกตะโกนเรียกพี่ชายที่ยังไม่ออกจากห้องนอนสักทีแม้ตอนนี้จะเลยเที่ยงแล้ว จริงใจเสยผมด้วยความหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ขืนรอให้ลูกหมูมาเปิดคงได้ยืนอยู่หน้าห้องทั้งวัน
“จันทร์เจ้า!!” พี่ชายยกผ้าห่มคลุมหัวแต่ก็โดนจริงใจกระชากออก คนถูกกวนปรือตาขึ้น ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ใครล่ะจะไปสน จริงใจก็ไม่อยากมาปลุกไอ้ขี้เซานี่นักหรอก แต่เพราะโดนคุณแม่ใช้มาต่างหากเล่า ถ้าไม่ทำตามคำสั่งมีหวังได้ชวดเงินไปแต่งรถแน่ ซึ่งนั่นเขายอมไม่ได้
“ตื่นสักที รู้ไหมว่าคนเขาเหรออยู่คนเดียวเนี่ย!”
“ง่วง”
“ตื่นแล้วไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้จันทร์เจ้า!” จันทร์เจ้ายังคงไม่สนใจ พลิกตัวนี้น้องชาย คว้าคุณหมีมากอดแล้วทำท่าจะหลับอีกครั้ง
ตุบ!!
“โอ๊ย!!!” ร่างขาว ๆ หล่นตุบไปที่พื้นข้างเตียงเหตุเพราะปลุกดี ๆ แล้วไม่ตื่นมันก็ต้องปลุกด้วยวิธีฮาร์ดคอร์แบบนี้แหละ ทีแรกก็ว่าจะสะกิดเบา ๆ สงสัยกะแรงผิดไปพี่ชายถึงได้กลิ้งตกเตียงไปอย่างนั้น จริงใจเม้มริมฝีปากกลั้นหัวเราะ ส่งสายตาให้พี่ชายด้วยความสงสารที่เกือบถูกการสมน้ำหน้ากลบไปมิด
“ไอ้เด็กปีศาจ!!!” จันทร์เจ้าหวีดเสียงลั่น จ้องน้องชายเขม็ง ตอนเด็ก ๆ ก็น่ารัก ทำไมพอโตมาถึงเป็นเด็กนิสัยแบบนี้ มีคนแบบนี้ในสังคม แย่จริง ๆ ครับ…
“หึ ไปอาบน้ำซะ ภายในสิบนาที ต้องลงไปที่ชั้นล่าง ถ้าช้าก็อยู่เฝ้าบ้านไปแล้วกัน”
“ไอ้…”
“หมดไปแล้วสองวิ”
“จริงใจ!!!”
“เหลือเก้านาที ห้าสิบสี่วินาที”
“โว้ย!!!!!” จะทำอะไรได้นอกจากเดินกระทืบเท้าเข้าห้องน้ำ ให้ตายเถอะ! ไอ้เด็กปีศาจเอ๊ย!!! คอยดูนะ เราจะบอกให้พี่ฟ้าจัดการจริงใจ ตีเพี๊ยะ ๆ เลย ต่อให้ร้องไห้แง ๆ ก็ไม่ปลอบหรอก จำไว้เลย!!!
“ช้า”
“เหลืออีกตั้งเจ็ดวินาที!”
“ตีกันอีกแล้ว” น้องเล็กพูดขึ้นอย่างเซ็ง ๆ สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรล่ะได้ทะเลาะกันทุกที จ๋าจ้าปวดหัวมากบอกเลย
วันนี้จันทร์เจ้าจะไปหาพี่ฟ้าที่ไร่วนิดาแหละ #อวด ที่ไปเนี่ยก็เพราะว่าคิดถึงไง ทีแรกจะไปคนเดียว แต่พอไปพูดกับหม้ามะ หม้ามะก็ดันบอกว่าไปกันหมดเลย ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้ไม่เหงา แต่ว่าหงุดหงิดที่จริงใจไปด้วยเนี่ย ต้องได้ตีกันอีกแน่ ๆ เลย เบื่อ!
“พี่ฟ้า!!!” ลูกหมูตะโกนเรียกพี่ฟ้าสุดที่รักที่ตอนนี้ยืนรออยู่หน้าบ้าน เมื่อรถจอดสนิทจันทร์เจ้าก็วิ่งเข้าไปกอดพี่ฟ้าหมับ แล้วหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
“โอ๊ยยยย คิดถึงที่สุดเลย!!” พี่ฟ้าบอกจากนั้นก็หอมแก้มของลูกหมูไปสองข้าง แถมจูบหน้าผากแรง ๆ อีกหนึ่งทีด้วย
“แหวะ!” สองน้าหลาน เจ้าชีวันและจริงใจร้องแหวะขึ้นมาพร้อมกัน เบื่อความเยอะของสองคนนี้มากจริง ๆ เสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน
“เอ๋า สวัสดีคุณตา คุณยาย หรือยัง?”
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ~”
เมื่อพูดคุยทักทายกันสักพัก จันทร์เจ้าก็ขอตัวไปที่คอกม้า คิดถึงพี่เจ้าฟ้าจะแย่แล้ว แต่แน่นอนว่าลูกหมูไม่ได้ไปคนเดียว มีพี่ฟ้าไปด้วยน่ะสุดยอดเลย น้าเจ้าไปด้วยก็โอเค แต่จริงใจมาด้วยทำไมอ่ะ ใครชวน หน้าไม่อาย เชอะ!
“หน้างอนะลูกหมู”
“ฮึ!” สะบัดหน้า กอดอกใส่น้าเจ้า ไม่คุยด้วยหรอก น้าเจ้าอยู่ข้างจริงใจ
“ปัญญาอ่อน”
“ไปไกล ๆ เลย จริงใจไปไกล ไกลลลลลลลลลล!”
“ทะเลาะกันบ่อย ๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง? หือ” น้าเจ้าพูดพร้อมกับยกมือกอดคอจันทร์เจ้า ส่วนลูกหมูก็จิกตามองน้องชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ฟ้า
“บอกจริงใจอย่ามาวอแวหนูสิ”
“เป็นพี่น้องต้องรักกันดิ ไปเลย ไปยืนสำนึกผิด กอดกันสิบนาที”
“มักเกิ้ลอย่างน้าเจ้าไม่เข้าใจหรอก!”
“เถียงหรอ เพิ่มเป็นสิบห้านาที” น้าเจ้าชี้หน้าขู่เมื่อลูกหมูทั้งสองกำลังจะเปิดปากอีกครั้ง “ถ้ายังไม่ทำตามก็เพิ่มเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วไม่ต้องขี่ม้าด้วย จะเอายังไงครับเด็ก ๆ”
ฮือ! น้าเจ้าใจร้าย พี่ฟ้าก็ใจร้าย ทำไมไม่ช่วยพูดกับน้าเจ้าเลย เราไม่ผิดสักหน่อย สุดท้ายก็ทำตามคำสั่งน้าเจ้า ลูกหมูเดินหน้างอเข้าไปหาน้องชายคว่ำปากใส่เล็กน้อยแล้วจึงอ้าแขนกอดจริงใจ แอบโขกหัวกับอกน้องไปด้วยทีนึง พอได้ยินน้าเจ้ากับพี่ฟ้ากระแอมเลยยิ้มแหะแหะส่งไปให้ เสียงน้าเจ้าร้องสั่งให้จริงใจกอดตอบพี่ชาย เด็กปีศาจของจันทร์เจ้าถอนหายใจเฮือก พี่ชายตัวเล็กแหงนหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานให้น้องชายตัวสูง พอเห็นน้องกลอกตาขึ้นฟ้าคนพี่ก็แลบลิ้นใส่ กว่าจะครบกำหนดสิบห้านาทีก็เล่นเอาเหนื่อย มันเหนื่อยที่ต้องยืนกอดกันนิ่ง ๆ นั่นแหละ เมื่อไหร่จะยกเลิกวิธีทำโทษแบบนี้ก็ไม่รู้เนอะ ใช้มาตั้งแต่ตัวน้อย ๆ แล้วอ่ะ เบื่อแล้ว แต่ว่า... ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อดีมันก็มี อย่างเช่น... เพื่อเตือนว่าเราไม่ควรทะเลาะ(จะได้ไม่ต้องมากอดเพราะเมื่อยมาก) และก็ยังทำให้เราผูกพันธ์กันมากขึ้นด้วย!!!!
“ทีหลังก็อย่าทะเลาะกันอีกรู้ไหม” พี่ฟ้าพูดแล้วยีผมทั้งจันทร์เจ้าและจริงใจ
“ถ้าจริงใจไม่กวนหนูก่อน”
“เค้าไปกวนพี่ตอนไหน”
“ทุกตอนนั่นแหละ รักพี่มากล่ะสิ ถึงได้มาวอแว อยากให้พี่สนใจก็ไม่บอก โถ ๆ” จันทร์เจ้าเขย่งเท้า ยื่นมือไปลูบกลุ่มผมสีดำสนิทของน้องเล่น
“เพ้อเจ้อ” เด็กตัวสูงปัดมือพี่ชายออกแล้วเดินเลี่ยงไปหาม้าในคอก
“จริงใจหูแดงอ่ะ! เขินที่โดนจับได้ใช่ไหม!? โธ่เอ๊ย พี่ก็รักจริงใจน้าาาาาา คิคิคิ”
“หุบปากน่าจันทร์เจ้า!”
“อู้หูย พวกมักเกิ้ลนี่ปากแข็งแบบนี้กันเหรอ” ลูกหมูวิ่งดุ๊ก ๆ ไปเกาะแขนน้องชาย ชะโชกหน้าดูแล้วยิ้มซุกซน ก่อนจะจูบแก้มแดง ๆ ของเด็กปีศาจไปหนึ่งที “รักจริงใจมากกว่าโลลี่ป๊อปเลยยยยยยย”
เจ้าชีวันและเพลิงฟ้ามองหน้ากันแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ การที่สองพี่น้องนี้ทะเลาะกันแล้วมาหงุงหงิงบอกรักกันเกิดขึ้นบ่อยจนพวกเขาชินไปแล้ว ยังโชคดีที่น้องเล็กอย่างจ๋าจ้าไม่ได้ดื้อมาก ไม่อยากงั้นคงได้ความดันขึ้นกันวันละหลายรอบแน่นอน
- - - - d o u b l e M - - - -
และในส่วนของมนุษย์มีคู่นั้น... เบื่อ เบื่อมาก ๆ เบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว!!
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลอกตามองเพดานห้องด้วยความเบื่อหน่าย ก้านนิ้วเรียวกรีดสายกีตาร์ที่วางทับอยู่บนตัวไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นเพลง วันหยุดทั้งทีทำไมต้องอยู่บ้านนะ ไม่มีอะไรทำเลย ออกไปเล่นนอกบ้านหน่อยน่าจะดี… เจ้าตัวยกยิ้มกับตัวเอง ลุกขึ้นจากเตียงนอนแสนนุ่ม เอากีตาร์ไปวางไว้บน stand hanger แล้วไปในห้องเปลี่ยนชุดอย่างไม่รีบร้อน
“ร้องเพลงอารมณ์ดีเชียว จะไปไหนเจนิซ?”
“กะจะไปเดินเล่นครับแม่ แต่ตอนหิ๊วหิว” คนหิวเดินลูบท้องเข้าไปกอดอ้อนผู้เป็นมารดา ซบแก้มกับไหล่ของแม่แล้วขยับไปมา การกระทำออดอ้อนนั้นส่งผลให้อีกคนที่มองอยู่เบ้ปาก ก่อนจะยกเท้าถีบต้นขาเจนิซเป็นการทักทาย
ทักทายพ่อง!
“แม่! เจ็นเนอร์ถีบเจนซ์!”
“สองคนนี้นี่ อยู่ด้วยกันทีไรเป็นทะเลาะตลอด ไป บอกว่าหิวไม่ใช่หรอเรา เดี๋ยวแม่หาอะไรให้กิน” ต้องรีบห้ามทับก่อนที่สองพี่น้องจะตีกันไปหนักกว่านี้ เจ็นเนอร์เหยียดขาออกไปหวังให้น้องชายสะดุด แต่มันกลับผิดคาดเมื่อไอ้เด็กแสบดันก้าวขาข้ามเขาไป ซ้ำยังเตะขาเขากลับอีก เจ็นเนอร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อน้องชายตัวแสบหันมาแลบลิ้นยียวน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ชูนิ้วกลางไปเท่านั้น
เด็กนั่นมันลูกรัก เกิดทำอะไรมันไปเขานั่นแหละจะซวย ตอแหล มารยาเยอะยิ่งกว่าผู้หญิง อย่าให้เผลอพ่อจะเล่นให้หนัก
“แม่ครับ~ ขอเงินหน่อยนะ เจนซ์จะออกไปข้างนอก” เจนิซพูดอ้อนและสบตาปิ๊ง ๆ กับผู้เป็นแม่ โดยมีเจ็นเนอร์นั่งมองด้วยความหมั่นไส้
“ไม่ต้องให้แม่ มันเอาไปเปย์ผู้ชาย”
“เปย์ผู้ชายพ่อง!!!”
“เอ๊ะ!! สองคนนี้ ทะเลาะกันอีกแล้ว”
“เจนซ์เกลียดมัน!”
“กูรักมึงมากมั้ง”
“เจ็นเนอร์!!!”
“พอจะไปหาผู้ชายนี่ระริกระรี้เชียว” เจ็นเนอร์กอดอกพิงกรอบประตูมองน้องชายที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะใส่ร้องเท้า และการที่ทำให้อารมณ์ดี ๆ ของมันแตกละเอียดเพราะเขานี่เป็นอะไรที่สุดยอดจริง ๆ
“เสือก เสือก เสือก เสือก!!!” เจนิซตะโกนใส่หน้าพี่ชายอย่างหัวเสีย ใจจริงอยากจะถอดรองเท้าปาใส่หน้าเหี้ย ๆ ของมัน แต่ยังไงมันก็อายุมากกว่า ไม่สมควรทำ งั้นก็…
“Gosh!! พี่มีนกับพี่รามินทร์หวานอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ เจ็นดู” คนตัวผอมโชว์สมาร์ทโฟนที่มีภาพของพี่มีนถ่ายคู่กับพี่รามินทร์ให้เจ็นเนอร์ดู ไอ้นกกระจอกจิ๊ปาก มองไปที่เจนิซด้วยสายตาหงุดหงิด เจ็นเนอร์เสยผมตัวเองไปด้านหลัง เขาส่งมือไปผลักหัวน้องชายให้หน้าหงายเงิบแล้วเดินเข้าบ้าน เจนิซแลบลิ้นตามหลังแล้วหัวเราะเสียงด้วยความพอใจ สมน้ำหน้า แบร่!!
เศร้ามากก็กลับไอร์แลนด์ไปเลยไป๊!
ส่วนตอนนี้ ของเจนซ์ไปหาพี่ไต้ฝุ่นก่อนน้า~
“สวัสดีครับพี่หนิง พี่ไต้ฝุ่นอยู่ไหมครับ?”
“สวัสดีค่ะคุณหนูเจนิซ คุณหนูอยู่ค่ะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ พี่ช่วย เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ”
“แฮะ ขอบคุณครับ”
เจนิซเดินตามแม่บ้านบ้านไต้ฝุ่นเข้าไปด้านใน ดวงตาก็มองไปรอบ ๆ ทว่ามากี่ครั้งมันก็ยังเหมือนเดิม… เงียบเหงาเหมือนเดิม… ไต้ฝุ่นอยู่ที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้คนเดียวหากไม่รวมแม่บ้านและคนงานอื่น ๆ พ่อแม่ของเขาจะอยู่ต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ ไต้ฝุ่นเป็นลูกชายคนเล็ก ๆ ที่อายุห่างจากพี่ ๆ หลายปี จึงถูกตามใจเป็นพิเศษและได้อิสระเต็มที่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ร่างเล็กยืนอยู่หน้าประตูหลังจากเคาะประตู ทว่าผ่านไปสักพักแล้วเจ้าของห้องก็ยังไม่ออกมาเปิด เขาจึงเคาะไปอีกรอบ ทำอะไรอยู่วะ… เจนิซถือถาดของว่างด้วยมือเดียวแล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปก่อนที่จะได้รับอนุญาต ตากลมกลอกซ้ายขวาเมื่อเสียงดนตรีกระทบโสตประสาท มองไปที่ร่างของเจ้าของห้อง ไต้ฝุ่นกำลังเล่นกีตาร์อยู่แถมยังมีหูฟังอันใหญ่ครอบหูเอาไว้ อือ... ถ้าได้ยินก็คงหูดีมาก ๆ แล้ว
เจนิซยิ้มกว้างและยักคิ้วให้คนที่ละความสนใจจากกีตาร์ตัวโปรดขึ้นมามอง คนตัวเล็กวางถาดของว่างที่อาสาถือขึ้นมาเองลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ไต้ฝุ่นนั่งอยู่ เจ้าของห้องถอดหูฟังออก มองผู้บุกรุกที่ยิ้มแฉ่งด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“มาทำไม?”
“มาหาแฟน” ตอบพร้อมกับยักคิ้วกวนประสาท
“หึ”
“พี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามพลางหยิบขนมที่ถือมามากินด้วย
“แกะเพลง”
“เจนซ์มากวนหรือเปล่า?”
“กวนมาก กลับไปซะ” เจนิซแยกเขี้ยวใส่คนที่เกากีตาร์อยู่ หนอยแนะ! ถ้าเค้ากลับจริงแล้วจะร้อง ทำมาพูด เชอะ!
“ไม่กลับหรอก! อีกไม่กี่วันพี่ก็ไม่อยู่แล้วอ่ะ” พูดแล้วก็เศร้า หน้าสลดขึ้นมาทันที อีกประมาณสามหรือสี่วันนี่แหละพี่ไต้ฝุ่นของเจนิซจะไปหาครอบครัวที่ต่างประเทศ แล้วก็ไปนานมาก ๆ ด้วยไง เจนิซทำใจไม่ได้ โฮ ต้องคิดถึงพี่ไต้ฝุ่นมากแน่เลย ทำไงดีอ่ะ ตามไปด้วยดีไหม แต่ว่าต้องโดนพี่ไต้ฝุ่นด่าแน่ ๆ อีกอย่างไม่ได้ยื่นเรื่องของวีซ่าด้วยอ่ะ โอ๊ย!
“กูไม่ได้ไปตาย”
“ก็เหมือนกัน พอไปปุ๊บ พี่ก็หายตัวปั๊บเลย ขาดการติดต่อ ไม่มีการเคลื่อนไหว โห่ ไม่ดีอ่ะ”
“เพ้อเจ้อ ต้องให้กูโทรหามึงสามเวลาหลังอาหารเลยไหม?”
“ดี! พี่ต้องโทรหาเจนซ์บ่อย ๆ นะ เจนซ์คิดถึง เหงาด้วย”
“ค่าโทรแพง ไม่โทรเว้ย แล้วมึงจะเหงาอะไร พี่มึงก็อยู่ไม่ใช่หรือไง”
“อย่าไปพูดถึงมันดิ เพิ่งตีกันมาเนี่ย เมื่อไหร่จะกลับไอร์แลนด์ไปก็ไม่รู้” อ๋อ พอดีว่าไอ้เจ็นมันได้วันหยุดมาสิบวัน ก็เลยกลับบ้านหนึ่งสัปดาห์ เบื่อหน้ามันแล้วง่ะ ตีกับมันทุกวันเลย แต่พอมันไม่อยู่ก็ดันคิดถึงมันเฉย ; __ ;
“เวรกรรมของเจ็นเนอร์จริง ๆ ที่มีน้องอย่างมึง”
“บุญของพี่แล้วล่ะที่มีแฟนอย่างผม จริง ๆ”
“เหอะ กรรมหนักเลยไอ้สัด”
“บุญดิบุญ!” เด็กลูกครึ่งหัวเราะร่าอย่างพอใจที่เห็นทำให้ไต้ฝุ่นแสดงสีหน้าขยาดออกมาได้
“เรามาร้องเพลงเล่นกัน”
“ไม่ร้อง” เขาว่าแล้วยื่นมือไปดึงแก้มเจนิซทั้งสองข้าง
“เจ็บ!!”
“แค่นี้ก็ร้องไห้”
“ก็มันเจ็บอ่ะ!” คนตัวเล็กตะโกนใส่ ไต้ฝุ่นจึงขยำแก้มของเขาอีกครั้งเต็มแรง เจ็บจนน้ำตาไหล ไอ้คนบ้า นิสัยไม่ดี ฮืออออออ
ไต้ฝุ่นขยำแก้มของเจนิซแรง ๆ อีกครั้ง ปากแดง ๆ จมูกแดง ๆ แก้มนิ่ม ๆ กับตากลม ๆ ที่เริ่มจะกลายเป็นสีแดงเล็กน้อยนั่นมันไปกระตุกต่อมอยากแกล้งของเขาจนแทบจะควบคุมไม่ไหว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายร้องไห้งอแงก็ยิ่งพึงพอใจ
“เจ็บบบบบบบบบ”
“พี่ไต้ฝุ่นเจนซ์เจ็บ ฮือ”
แต่แม้จะชอบแกล้งให้มันร้องไห้ แต่พอมันร้องจริง ๆ เขาก็กลับไม่อยากจะมอง
“ขี้แงไปอีก”
“ก็ตัวเองทำเค้าเจ็บ...”
เพิ่งจะสำนึกได้ว่าไม่ทำมันร้องไห้ก็ต้องเป็นคนทำให้มันหยุดร้องไห้ด้วย งานหยาบสัด ๆ ไอ้ไต้ฝุ่นปลอบใครก็เหมือนซ้ำเติม เงียบไว้ดีที่สุดให้มันหยุดร้องไปเอง... และก็เป็นไปอย่างที่คิด ไม่นานจากนั้นเจนิซก็หยุดร้องไห้ และเขาต้องเอาใจมันด้วยการเล่นกีตาร์ให้ไอ้เด็กลูกครึ่งนั่นร้องเพลง
ก็... แล้วแต่เลย
ไม่ได้ตามใจมันหรอกนะ แต่เพราะไต้ฝุ่นเองก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จะเล่นกีตาร์ให้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร หึ
- - - - d o u b l e M - - - -
-มีต่อค่ะ-