09
มีแต่หัวใจ ความรู้สึก
และเรา
“อย่ามัวแต่เซลฟี่ดิแยม”
“กูเพิ่งมาใต้ครั้งแรกขอหน่อยไม่ได้เหรอวะ”
“เดินอ่ะมองทางด้วย นี่มึงเป็นเพื่อนหรือเมียกูวะแยม กูต้องดูแลตลอดเนี่ย”
มัททะเลาะกับแยมตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ จนตอนนี้อยู่ภูเก็ตแล้วก็ยังไม่วายหยุดทะเลา ฟองฟางหันไปมองสองคนที่เดินช้ากว่าใครเพื่อนเพราะแยมมัวแต่ถ่ายรูปตัวเองกับสนามบิน ส่วนมัทก็ทำหน้าที่ลากกระเป๋าของแยมที่ขนมาตั้งสี่ใบทั้งๆ ที่อยู่แค่สามวันสองคืน
“แล้วของมึงจะเยอะแยะวะ มาค้างคืนไม่กี่วันขนมาอย่างกับจะย้ายบ้าน”
“กูจะเล่นน้ำไง ต้องมีชุดเปลี่ยนเยอะๆ ผู้ชายอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก”
มัทส่ายหน้าแล้วสาวเท้าเดินเร็วๆ ไม่สนใจแล้วว่าแยมจะหยุดเซลฟี่ตรงไหน
ที่ต้องคอยมองคอยดูแลเพราะว่าคุณพ่อของแยมฝากฝังเอาไว้ อ้อ ทริปนี้แยมโกหกคุณพ่อว่ามีผู้หญิงมาเป็นเพื่อน แต่ความเป็นจริงไม่มีเลยสักคน
และความจริงอีกอย่างก็คือ...วันนี้แพลนเดินทางคือช่วงเย็น แต่ทุกคนลงความเห็นว่าไม่อยากเรียนแล้วเพราะเป็นวันศุกร์ เลยพร้อมใจกันโดดเรียนโดยที่ครามสมุทรเองก็เห็นด้วย แพลนเดินทางจึงถูกเลื่อนมาเป็นตอนเช้าแทน
“นู่นๆ รถตู้วีไอพีรับส่งแขกที่จะไปเกาะไอ้คราม” ช็อปชี้ไปตรงรถตู้สีขาวหรูๆ คันหนึ่งที่ไม่มีป้ายบ่งบอกว่าเป็นรถตู้ของโรงแรมหรือรีสอร์ตที่ไหนให้เตเต้ดู คงเป็นเป็นเพราะว่ารถมันหรูที่สุดในสนามบินแล้วล่ะมั้ง หรือบางทีช็อปอาจจะจำหน้าพี่คนขับรถได้เลยมั่นใจว่านั่นต้องเป็นรถโดยสารของเกาะครามสมุทรที่ใช้บริการนั่งท่องเที่ยวที่จะไปพักที่นั่น ฟองฟางเองก็ชะเง้อคอมองตาม แต่ก็ถูกบังโดยช็อปกับเตเต้ที่สูงกว่าอยู่ดี
“บ๊ะ! มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ” เตเต้หันมาถามครามสมุทรที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนนายแบบ เจ้าตัวที่ถูกถามแค่พยักหน้าหนึ่งครั้งให้
“ไอ้คราม คันนั้นเลยป่ะวะ กูจะได้วิ่งเอาของไปเก็บ”
“อือ”
บอกแบบนั้นแล้วช็อปกับเตเต้ก็รีบวิ่งออกจากอาคารของสนามบินทันที ข้างนอกแดดร้อนเอาเรื่องเลย ฟองฟางไม่ค่อยมีอารมณ์วิ่งไปไหนเลยเดินตามครามสมุทรต้อยๆ
“ร้อนเหรอ”
“เปล่าๆ แอร์เย็นดี”
“แล้วเหงื่อ...”
“เราตื่นเต้นอ่ะ”
“ตื่นเต้น?”
“อื้อ...จะได้เจอแม่ครามไง” คนที่ตื่นเต้นหน้ากับจมูกแดงก่ำ
ฟองฟางยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผากแล้วยิ้มแหยให้ครามสมุทรที่เดินนำหน้าแค่ก้าวเดิน แต่ไม่ทันไรคนตัวสูงก็ชะลอเท้า รอให้ฟองฟางสาวเท้าเดินมาใกล้ๆ แล้วค่อยเดินไปพร้อมกัน
“แม่ไม่ดุหรอก”
“ฟังจากเสียงก็รู้แล้วหน่า”
“หนักมั้ย เดี๋ยวช่วยถือ” ครามสมุทรมองกระเป๋าเป้ที่ฟองฟางสะพายไว้ข้างหน้าแล้วกอดแน่น คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าจนเส้นผมสีน้ำตาลกระจายฟูฟ่อง ฟองฟางไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังเผลอทำตัวน่ารักๆ ให้คนข้างๆ เห็นซะแล้ว
ก็มันเป็นนิสัยของเขา เวลากำลังจะสนิทกับใคร...ก็จะค่อยๆ เผยมุมแบบนี้ออกมา
“สบายมากๆ”
“น่าจะหนัก”
“โหย ไม่เลย เรายัดผ้าห่มไว้มันเลยดูตุงๆ หนักๆ”
“ผ้าห่ม?”
“อื้อ ผ้าห่มผืนนี้ขาดไม่ได้”
“อ่อ ผ้าเน่า”
“เฮ้ย ผ้าห่มจริงๆ เดี๋ยวถึงบ้านครามแล้วจะเปิดให้ดูเลยว่ามันไม่ได้เน่า” คนที่พูดทำปากยู่เงยหน้ามองครามสมุทรที่ส่ายหน้าไม่เชื่อ
ไม่พอแค่นั้น ครามสมุทรยังใช้นิ้วชี้อังไว้ตรงจมูกของตัวเอง ขมวดคิ้วเข้มๆ แกล้งฟองฟางให้เหมือนกับว่าแค่พูดถึงผ้าเน่าผืนนั้นกลิ่นตุๆ ก็ลอยออกจากกระเป๋า
เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงรถตู้คันหรู ครามสมุทรชะลอเท้าแล้วพเยิดหน้าเชิงบอกให้ฟองฟางขึ้นรถไปก่อน คนตัวขาวเลยหันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง พอเห็นว่ามัทกับแยมกำลังจะถึงรถตู้แล้วฟองฟางเลยขึ้นไปหาที่นั่ง
“กูขอนั่งกับพี่คนขับ” มัทวิ่งถึงรถก่อนที่ฟองฟางจะเลือกที่นั่งได้ด้วยซ้ำ
เพราะเป็นรถตู้หรูๆ ที่นั่งได้แค่เจ็ดคน แล้วตอนนี้ช็อปกับเตเต้ก็นั่งครองเบาะที่ใกล้กับประตูที่สุดไปแล้ว เลยเหลือแต่แถวหลังที่ต้องนั่งอัดกันสามคน
“แยม ขึ้นมาก่อนเลย เดี๋ยวกูนั่งกลาง” กวักมือหยอยๆ เรียกเพื่อนที่กำลังขนกระเป๋าใส่ท้ายรถ แยมรีบวางกระเป๋าก่อนจะวิ่งขึ้นรถด้วยความเร็ว ครองที่นั่งริมกระจกขวามือสบายใจเฉิบ
ส่วนครามสมุทรที่ยืนรออยู่ข้างนอกตอนนี้ก็เดินก้มตัวขึ้นมาบนรถแล้ว เหลือที่แค่ตรงกลางกับริมซ้ายสุด แน่นอนว่าฟองฟางคงไม่ปล่อยให้เจ้าบ้านต้องนั่งตรงกลางหรอก เลยจะหันไปบอกให้อีกคนเดินแทรกไปนั่งตรงริมหน้าต่างฝั่งซ้ายมือ แต่ครามสมุทรกลับดันหลังให้ฟองฟางเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นแทน
“ไม่เป็นไรๆ เรานั่งตรงกลางได้”
“นั่งไปเถอะ”
“อ่า...”
ครามสมุทรบอกแบบนั้นแล้วฟองฟางจะทำอะไรได้นอกจากยอมหย่อนสะโพกนั่งลงบนเบาะนุ่มๆ ส่วนคนที่สูงกว่าก็ขยับนั่งลงตรงกลางด้วยท่าทางนิ่งๆ
“ถ้านั่งไม่สบายบอกเราเลยนะคราม”
“อือ”
ครามสมุทรเว้นระยะให้ห่างจากแยมเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง เลือกที่จะขยับตัวมาทางฟองฟางมากกว่า ถึงไม่ได้เบียดจนแน่นแต่ก็บอกได้เลยว่านั่งแบบนี้ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันพอสมควร
“ถ้าเบียดเกินไปก็บอก”
“ไม่เลย เราโอเค”
ฟองฟางกัดปากเพราะอีกฝ่ายโน้มตัวลงมากระซิบถามเบาๆ...คนตัวขาวนั่งกุมมือตัวเองแน่นจนเหงื่อไหลชุ่มฝ่ามือไปหมด
“ครามหิวหรือเปล่า เรามีขนมปังนะ” เพราะเห็นว่าอีกคนยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยอยากแบ่งขนมปังก้อนเล็กๆ กลมๆ ให้ อยู่บนเครื่องก็มีอาหารเสิร์ฟ แต่ครามสมุทรกลับยกให้ช็อปกินหมด
“ไม่หิว ขอบคุณ”
“อยู่ได้ไงเนี่ย ไม่หิวเหรอ”
“รอกินที่บ้าน”
“อ๋อ” ส่งยิ้มบางๆ ให้อีกคน
“นอนมั้ย”
ครามสมุทรเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ ส่วนฟองฟางก็ยิ้มแหย ส่ายหน้าปฏิเสธแต่กลั้นหาวจนแก้มกลมๆ ขึ้นสีแดง ปลายจมูกที่ดูรั้นกับตาสวยๆ ของฟองฟางก็แดงก่ำเหมือนกัน
“ง่วงก็นอน”
ฟองฟางผงกหัวทำตามที่อีกคนบอก นอนก็ได้ เพราะฟองฟางตื่นเต้นนอนไม่หลับมาทั้งคืนแล้ว
...นอนอยู่คนเดียวในห้องก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าทำไมคุณแม่ของครามสมุทรถึงอยากเจอ ทำไมครามสมุทรถึงอยากให้ไป...อะไรอีกเยอะแยะเลย
แต่นอนบนรถมันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ฟองฟางยังไม่กล้าเอนศีรษะพิงเบาะเต็มๆ เพราะกลัวว่าจะเจ็บแผลที่เพิ่งตัดไหมออกไปเมื่อไม่กี่วัน ฟองฟางเลยเอนตัวชิดกระจกทางซ้ายมือ คิดว่าจะเอนศีรษะพิงกระจกนั่นแหละ แต่พอรถวิ่งอยู่บนทางขรุขระเขาก็หลับไม่ลงแล้ว
ฟองฟางค่อยๆ หันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองไหล่กว้างของคนคนนั้นที่เคยซบมาก่อน ไหล่ของครามสมุทรไม่ได้นุ่มเหมือนหมอนที่บ้าน แต่กลับให้รู้สึกอบอุ่นมากๆ เมื่อได้สัมผัส...
น่าซบอิง น่าหนุนนอน
“อยากซบก็ซบ”
แล้วเขาก็รู้ทันฟองฟางทุกครั้ง
“ได้เหรอ”
“ได้”
ฟองฟางช้อนตามองคนตัวโตกว่าและอมยิ้มให้อีกคนที่ก้มหน้ามองลงมา ตาคมสบกับดวงตาที่ใครก็ชอบบอกว่ามันทั้งสวยและหวานน่ามอง ฟองฟางไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่คนอื่นๆ บอกกันหรือเปล่า เพราะตัวเองก็มัวแต่ตกอยู่ในหลุมของดวงตาคมที่มักจะนิ่ง...ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
ตอนนี้มันก็ยังเป็นแบบนั้น
กว่าจะละสายตาได้ก็ตอนที่ครามสมุทรเอื้อมมือหนามาโอบศีรษะด้านซ้ายของฟองฟางไว้แล้วดันให้ซบบนไหล่ของเขา
อะไรบางอย่างบอกกับฟองฟางว่าอย่าเพิ่งหลับตาแม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยแก้มกลมๆ ด้านซ้ายเป็นวงกลมสลับกับเกลี่ยเบาๆ บนเปลือกตา อย่าเพิ่งหลับตาแม้ว่าครามสมุทรจะทำให้หัวใจของฟองฟางเต้นแรงแค่ไหนก็ตาม...
คนตัวขาวกะพริบตาปริบ นั่งบีบมือตัวเองเบาๆ รู้สึกอายจนอยากหนีไปไกลๆ เพราะเมื่อกี้ช็อปหันมามองแล้วยิ้มกริ่มกับแยมสองคน
เพื่อนเห็นหมดแล้ว
แต่ฟองฟางทำอะไรไม่ได้เลย ไม่กล้ายกหัวออกจากไหล่ของครามสมุทรเพราะกลัวว่าจะเสียดายที่ไม่ได้ซบไหล่กว้างๆ อีก
“นอนได้แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน และนั่นก็เป็นเหมือนคำสั่งที่ฟองฟางต้องทำตามเดี๋ยวนั้น
“ถึงแล้วปลุกด้วยนะ”
ฟองฟางหลับตาลงช้าๆ
“อือ”
“เราหลับลึก ครามต้องเรียกหลายๆ ครั้ง”
หลับตาทั้งๆ ที่ยังอมยิ้ม ยังพูดกับครามสมุทรอยู่อย่างนั้น
“รู้อยู่แล้ว”
“คราม”
“ครับ”
“ขอบคุณนะ”
“...”
“...”
“อือ นอนเถอะ”
นอนแล้วแหละ...
จะนอนหลับฝันดีเลยด้วย
: )
*****
ฟองฟางหรี่ตาเพราะแสงจากพระอาทิตย์แยงตาจนสู้ไม่ไหว คนที่ตัวขาวอยู่แล้วพอโดนแดดจัดๆ ยิ่งดูขาวจัดจนแสบตา วันนี้ฟองฟางใส่แค่เสื้อยืดพอดีตัวแค่ตัวเดียว ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมปกปิดเนื้อแขนขาวๆ เลยทำให้คนมองอย่างแยมต้องหยีตา
“มึงจะขาวบาดตาอะไรขนาดนี้วะ” แยมบอกคนที่อึนๆ มึนๆ เพราะเพิ่งตื่นนอนแล้วต้องรีบลงจากรถ “เข้าไปในร่มเร็วๆ มึง ผิวกูจะไหม้หมดแล้วเนี่ย”
เพราะรถตู้ไม่ได้จอดหน้าบ้านตรงที่แดดส่องไม่ถึงเพราะมีรถเบนซ์หรูอีกคันจอดอยู่ ฟองฟางกับเพื่อนๆ เลยต้องเดินบนถนนเส้นเล็กๆ ภายในรั้วบ้านเพื่อไปยังที่ร่มที่อยู่ข้างหน้า ตามจริงเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว แต่ฟองฟางทั้งร้อนทั้งอยู่ในอาการสะลึมสะลือเลยไม่มีกะจิตกะใจจะเคลื่อนตัวไปไหนด้วยความเร็วได้
“ร้อนจ้าร้อน”
“เอาเสื้อไปคลุมไป” มัทถอดเสื้อคลุมของตัวเองโยนให้แยมเพราะรายนั้นกลัวแดดมากจริงๆ โดนนิดโดนบ่อยก็บ่นไม่จบไม่สิ้น
ฟองฟาง มัท แยม และครามสมุทรรีบเดินเข้าที่ร่มตรงหน้าบ้าน ไม่สิ เรียกว่าบ้านไม่ได้เพราะนี่มันใหญ่กว่าบ้านตั้งเยอะ ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า
“เข้าบ้านก่อน”
ครามสมุทรเดินไปเปิดประตูไม้ของบ้านบานสีขาว พยักหน้าเรียกให้ทุกคนที่ยืนรอตรงรถเบนซ์เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน แน่นอนว่าช็อปต้องเดินนำเพราะคนอื่นๆ เพิ่งเคยมาที่นี่ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหน พอช็อปเดินเข้าสู่ตัวบ้าน เตเต้ก็เดินตามไปติดๆ พร้อมพวกเขา
“อย่างสวยเลยว่ะ” เตเต้พึมพำกับช็อป
“อ้าว มาถึงกันแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะน้องคราม สวัสดีค่ะเพื่อนๆ น้องคราม”
ห้าคนที่ยืนอยู่ในบ้านรีบยกมือไหว้พี่ผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวผูกผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินที่ดูแล้วเหมือนชุดของสาวใช้แบบในละครหลังข่าว
“แม่กับพ่ออยู่ไหนครับพี่จ๋า” เจ้าของบ้านที่พาเพื่อนมาเยือนถิ่นถามหาคุณแม่กับคุณพ่อก่อนเลย
“คุณผู้ชายไปดูสถานที่จัดปาร์ตี้ที่เกาะคืนนี้ค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงเตรียมกับข้าวอยู่ในครัวค่ะ ชิมแล้วชิมอีกกลัวรสชาติไม่ถูกปากเพื่อนน้องคราม”
พี่จ๋าพูดไปยิ้มไป เพราะคุณผู้หญิงของบ้านตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่าลูกชายคนเดียวของตระกูลจะพาเพื่อนจากกรุงเทพฯ มาด้วย ถึงขั้นให้สาวใช้ในบ้านช่วยคิดเมนู งานนี้คุณแม่ของครามสมุทรเลยลงมือทำอาหารต้อนรับเอง โดยมีป้าแม่บ้านคนเก่าแก่อีกคนคอยช่วยอยู่ตลอด
“เดี๋ยวพี่จ๋าไปเรียนคุณผู้หญิงให้นะคะว่าน้องครามกับเพื่อนๆ มาถึงแล้ว” พี่จ๋าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปตรงปีกขวาของบ้าน
“ไปได้แล้ว” ไล่หลังพี่จ๋าเสียงของครามสมุทรก็ดังขึ้น คนตัวสูงเดินนำทุกคนไปก่อน ส่วนช็อปก็คว้าคอมัทให้เดินตามไปติดๆ
ฟองฟางสาวเท้าเอื่อยๆ ระหว่างทางเดินก็แอบสำรวจคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ไปด้วย สวยและใหญ่จนอธิบายไม่ถูก เหมือนบ้านที่เห็นในละครแต่สวยงามและใหม่กว่านั้นหลายเท่า
เครื่องปรับอากาศเย็นๆ ทำให้ฟองฟางรู้สึกดีกว่าตอนอยู่กลางแจ้ง เขาหย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาที่ดูหรูหราราคาแพงอย่างระมัดระวัง
“บ้านครามอยู่ไกลจากทะเลเหรอ นี่ยังไม่เห็นทะเลไม่เห็นเกาะครามสมุทรอะไรเลยอ่ะ”
“เกาะไอ้ครามต้องนั่งเรือไป ถามกูก็ได้กูไปบ่อย” ช็อปที่ยืนพิงสะโพกตรงโซฟาหันมาตอบแทนครามสมุทร
“เดี๋ยวคืนนี้ก็เห็น” ครามสมุทรตอบสั้นๆ และนั่นทำให้แยมตาโต
“โห นี่อย่าบอกนะว่าจัดปาร์ตี้วันเกิดครามที่เกาะนั้นอ่ะ”
“เออดิ ทุกปีก็จัดที่นั่น นอนที่รีสอร์ตบนเกาะเลยด้วย หรูและบรรยากาศดีสุดๆ กูคอนเฟิร์มจ้า”
“ช็อป มึงให้กูคุยกับครามบ้างได้มั้ย”
ปล่อยให้สองคนนั้นเถียงกันต่อไป ส่วนฟองฟางก็ขยับหนีพวกนั้นย้ายมานั่งตรงโซฟาตัวเดี่ยวที่ยังไม่มีใครจับจอง หามุมเงียบๆ เล่นโทรศัพท์ เปิดดูนั่นนี่ไปเรื่อยตามประสาคนไม่มีอะไรทำ
แต่ก็นั่นแหละ ฟองฟางยังไม่ทันได้เข้าแอพอะไรสักอย่างหน้าจอไอโฟนก็เด้งแจ้งเตือนข้อความจากใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้เหมือนกัน
ฟองฟางเหลือบตามองคนคนนั้นที่ส่งขอความมาให้ หลุดยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าครามสมุทรกำลังก้มหน้าก้มโทรศัพท์ยิกๆ
Kram: ออกมาด้วยกันหน่อย
.ff: ทำไมเหรอ
Kram: มีเรื่องจะคุย
.ff: คุยตรงนี้ก็ได้นี่นา
Kram: อยากให้เพื่อนล้อก็ตามใจ
ขู่กันแบบนี้แล้วฟองฟางจะทำอะไรได้ล่ะ ขนาดตอนที่นอนซบไหล่ครามสมุทรบนรถฟองฟางยังถูกล้อด้วยสายตาเลย
ฟองฟางไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่ยู่ปากช้อนตามองอีกคนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปจากห้อง เขาเม้มปากแน่น...ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าจะเดินตามครามสมุทรไปดีหรือไม่ไปดี
แต่ก็...
“เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน” บอกแบบนั้นแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องนั่งเล่นตามเจ้าของบ้านไปติดๆ
ตามครามสมุทรไปก็ดีเหมือนกัน อยู่กับพวกนี้ฟองฟางกลัวว่าจะถูกล้อเรื่องบนรถจริงๆ นั่นแหละ
*****
00.00 am
เสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เจ้าของวันเกิดบนเกาะครามสมุทรในตอนกลางคืนดังขึ้นก่อนจะจบลงพร้อมกับคำอวยพรจากคนรอบข้าง ครามสมุทรยกมือไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ของตัวเอง และหันไปขอบคุณเพื่อนๆ ที่วันนี้มาร่วมงานวันเกิดด้วยกัน
และตอนที่ต้องเป่าเทียนบนเค้กก็ทำให้ฟองฟางรู้ว่าครามสมุทรไม่ค่อยชอบงานวันเกิดนั้นเป็นเรื่องจริง มันทำให้เขาดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โตเสมอ เพราะต้องเป่าเทียนต่อหน้าพ่อกับแม่ทั้งๆ ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ก็คงต้องจัดแบบนี้ไปทุกปีเพราะเขาต้องตามใจผู้ให้กำเนิดเสมอ
‘ดูครามเบื่อๆ นะ’
‘มองออกขนาดนั้นเลย’
‘เห็นหน้าก็รู้แล้ว’
‘นิดหน่อย’
‘เบื่ออะไร ได้กลับบ้านน่าจะดีใจนะ’
‘ไม่อยากจัดงานวัดเกิด’
‘ทำไมล่ะ’
‘ก็โตแล้ว’
‘...คนที่โตแล้วเขาก็จัดงานวันเกิดกันทั้งนั้นแหละหน่า’
ได้เปิดใจคุยกันบางเรื่องตอนที่ครามสมุทรเรียกให้ตามออกไปเมื่อช่วงบ่าย...จริงๆ แล้วครามสมุทรไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยกับฟองฟางเลย แค่พาไปนั่งตรงมุมนั่งเล่นเอาต์ดอร์ในสวน ชมนกชมไม้ สูดอากาศดีๆ ของต่างจังหวัด
และฟองฟางเองก็เป็นฝ่ายชวนคุยมากกว่าเพราะนั่งเงียบๆ กันแค่สองคนมันดูอึดอัดพิลึก แต่คุยได้ประมาณสองสามเรื่องคุณแม่ของครามสมุทรก็เดินออกมาหาลูกชายคนเดียวของบ้านพอดี...ตอนนั้นเองที่ฟองฟางได้เจอกับท่าน และพบว่าตัวจริงท่านสวยมาก
แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันจริงๆ ว่าที่คุณแม่อยากเจอนี่เพราะอะไร...ตอนแรกที่ท่านเจอฟองฟางประโยคแรกที่หลุดออกจากปากก็คือ ‘คนนี้นี่เอง...น่ารักจริงๆ ด้วย’ แค่นั้นเอง
คุณแม่ชวนฟองฟางคุยอยู่พักหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ถามเรื่องของครามสมุทร แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น...ฟองฟางเองไม่ได้สนิทอะไรกับอีกคนมากมายเลยได้แต่ยิ้มแหยเพราะตอบคำถามท่านไม่ได้ สุดท้ายก็จบบทสนทนาเมื่อคุณแม่เรียกให้เข้าไปนั่งกินอาหารด้วยกัน
ฟองฟางนั่งรับลมทะเลที่ปะทะใบหน้าอยู่คนเดียว เขาเดินเลี่ยงออกจากงานวันเกิดหลังจากที่เป่าเค้กเสร็จเพราะไม่ค่อยชอบปาร์ตี้เท่าไหร่ เอาจริงๆ ในนั้นมีแต่คนที่สนิทกับครามสมุทรทั้งนั้น มัท แยมและเตเต้ที่เพิ่งรู้จักกับครามสมุทรยังสนิทกันมากกว่าที่ฟองฟางสนิทกับครามสมุทรเลย
เกาะครามสมุทรสวยมากจริงๆ ถ้าเป็นตอนกลางวันคงได้เห็นน้ำทะเลสีฟ้าใส ฟองฟางเคยมาเที่ยวที่นี่กับครอบครัว ตอนนั้นที่มาเที่ยว...ยังไม่รู้จักครามสมุทรเลย
ยังไม่ได้ตกหลุมรักครามสมุทรขนาดนี้
พอได้มาอีกที...ก็มาพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“เบื่อเหรอ”
สะดุ้งเบาๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่เดินเข้ามาใกล้ ฟองฟางส่ายหน้าให้คนคนนั้น ก่อนขยับตัวไปทางซ้ายเพื่อแบ่งพื้นที่บนเสื่อให้อีกคนนั่งด้วยกัน
“ครามล่ะ ไม่อยู่ดื่มกับเพื่อนๆ เหรอ” หันกลับไปมองจุดที่มีปาร์ตี้แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
มีแยมกับช็อปที่ไหนต้องมีแอลกอฮอล์ที่นั่น ซึ่งงานนี้คุณแม่กับคุณพ่อของครามสมุทรก็จัดให้ชุดใหญ่เพราะฉลองที่ลูกชายคนเดียวอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์
“เป็นเจ้าภาพมานั่งหลบอยู่ตรงนี้แขกจะคิดยังไงเนี่ย”
“เป็นแขกมานั่งอยู่ตรงนี้เจ้าภาพจะคิดยังไง”
“นู่น แขกมีตั้งเยอะมาสนใจอะไรแค่เรา”
“...”
ครามสมุทรไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่เอามือค้ำไปทางด้านหลังแล้วเอนตัวเล็กน้อย เหยียดขายาวๆ ไปข้างหน้า ทำเอาฟองฟางที่กำลังจะเปลี่ยนท่าเป็นเหยียดขาเหมือนกันแทบไม่กล้าชักขาออกมา เพราะรู้ว่าตัวเองน่ะขาสั้นกว่าอีกคนเยอะ เลยได้แต่นั่งขัดสมาธิจุมปุ๊กอย่างนั้นต่อไป
“เราไม่ค่อยชอบเหล้าอ่ะ ไม่ได้คุณหนูนะ แต่ดื่มไม่เก่งจริงๆ”
“อือ”
“แล้วก็...กลัวว่าดื่มแล้วจะทำอะไรแปลกๆ ด้วย”
“เหมือนคืนนั้น”
“คืนไหน”
“คืนที่...”
“หยุดๆๆๆ รู้แล้วว่าจะพูดอะไร”
“อือ”
“ถ้าสงสารกันก็อย่าคุยเรื่องนี้อีกเลยนะ” ยกมือไหว้อีกคนเพราะอับอายจริงๆ นี่ขนาดครามสมุทรยังไม่ได้พูดถึงจริงๆ จังๆ ในหัวของเขาก็มีแต่ภาพที่ตัวเองปีนโต๊ะ คลานไปหาครามสมุทร แล้วก็... อือนั่นแหละ แค่นี้ก็จะร้องไห้แล้ว
“นั่นเพื่อนครามใช่มั้ย เห็นดูสนิทกัน”
รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วบุ้ยปากไปตรงที่มีแสงสีเสียง ตรงนั้นมีคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบคนที่หัวเราะเฮฮากินเหล้ากินเบียร์กันสนุกสนาน มีทั้งต่างชาติและไทยปนกัน จะบอกว่างานวันเกิดครามสมุทรที่จัดอยู่ตอนนี้ คุณพ่อของเจ้าตัวเคลียร์พื้นที่บนเกาะส่วนหนึ่งไว้ให้ลูกชายเพื่อฉลองโดยเฉพาะ
“เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน”
“ครามมีเพื่อนเยอะน่าดู”
“ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่ก็คุยได้”
“แล้ว...เดินออกมานั่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าเหรอ”
“ก็เป็นแบบนี้ทุกปี”
“อ๋อ...”
“ปีนี้ดีหน่อย”
“...”
“มีคนนั่งเป็นเพื่อน”
ฟองฟางถึงกับต้องขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา ความจริงเขาควรที่จะรับมือกับครามสมุทรให้ได้ทุกรูปแบบตั้งแต่ตอนที่ไปอาศัยบ้านอีกฝ่ายนอนแล้วจริงๆ
แต่ก็ไม่รู้สิ...บางทีครามสมุทรก็เงียบมากๆ แววตาที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรทำให้ฟองฟางไม่กล้าเข้าใกล้ แต่บางครั้งก็เหมือนกับว่าจะชอบให้ชวนคุย...ทั้งๆ ที่ครามสมุทรคุยไม่เก่ง
“อ้อ ลืมไปเลย” ฟองฟางหันไปหยิบตุ๊กตาสุนัขสีน้ำตาลตัวเล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่ที่เตรียมมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ยื่นให้ครามสมุทร ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่นรอให้อีกฝ่ายรับไป ฟองฟางถึงขั้นกลั้นหายใจเพราะเอาแต่ลุ้นว่าครามสมุทรจะชอบหรือเปล่า จะเต็มใจรับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ชิ้นนี้มั้ย
“สุขสันต์วันเกิดนะคราม”
ครามสมุทรมองตุ๊กตาสุนัขในมือของฟองฟางอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหยิบไปสักที
“เราไม่รู้ว่าครามชอบอะไร เลยปรึกษากับแม่ว่าจะซื้ออะไรให้ครามดี แม่บอกว่าให้ซื้อสิ่งที่เราชอบหรือมองถูกใจ เลยหยิบน้องหมาตัวนี้มาได้”
“...”
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร...เราเข้าใจ”
เข้าใจว่าครามสมุทรคงไม่ชอบตุ๊กตาสุนัขที่ดูหน่อมแน้ม
เข้าใจว่าครามสมุทรคงไม่อยากได้ของขวัญจากฟองฟาง
เข้าใจว่า...ครามสมุทรคงมีของขวัญที่ดีกว่านี้แล้ว
รับตุ๊กตาตัวนี้ไว้...ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
ฟองฟางคลี่ยิ้ม ถึงจะเข้าใจแต่ก็ทำตัวร่าเริงเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่มีใครสามารถซ่อนความผิดหวังไว้ได้หรอก เก่งแค่ไหนก็ต้องหลุดความรู้สึกออกมาอยู่ดี
แล้วคนไม่เก่งอยากฟองฟาง คนที่แสดงความรู้สึกง่ายๆ แบบนี้ต้องทำยังไง
เขาตัดสินใจที่จะเก็บตุ๊กตาสุนัขไว้แล้วคิดว่าหลังจากนี้คงต้องเดินหนีไปไกลๆ ไปหาที่ร้องไห้สักทีเพราะตามันร้อนผ่าว อีกนิดน้ำตาก็คงไหลออกมา แต่จังหวะที่กำลังจะชักมือกลับ ตุ๊กตาสุนัขตัวสีน้ำตาลกลับถูกดึงไปไว้ในมือหนาของครามสมุทรอย่างรวดเร็ว
ฟองฟางช้อนตามองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เป็นเวลาเดียวกันกับครามสมุทรที่ยกยิ้มบางๆ มองตุ๊กตาตัวเล็กในมือ
“ขอบคุณ”
“...อื้อ” จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ฟองฟางรีบยกมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ตั้งใจมองคนตัวสูงที่ใช้อีกมือลูบหัวตุ๊กตาอยู่
“มันน่ารักดี”
“...ใช่ มันน่ารักจริงๆ”
“...”
“ถ้าเรารู้ว่าครามชอบอะไร...ปีหน้าจะซื้อให้ใหม่นะ”
“อือ ขอบคุณ”
“...”
ครามสมุทรจูบหัวตุ๊กตาเบาๆ แล้วหันมามองคนตัวขาวที่นั่งเม้มปากอยู่ข้างๆ ฟองฟางไม่กล้าสบตาเพราะรู้ว่าตอนนี้ตาคงต้องแดงก่ำ
ไม่อยากให้เขาเห็นเราในสภาพนี้เลย มันอ่อนแอไปหมด
“ค คราม...”
“ร้องไห้ทำไม”
ขยับปากถามเบาๆ พลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาวๆ ทั้งสองข้าง ฟองฟางชะงัก ทุกอย่างในร่างกายราวกับหยุดทำเมื่อถูกครามสมุทรสัมผัสอย่างแผ่วเบา
ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคนตรงหน้ามันทำให้หัวใจบีบรัดในหลายๆ ครั้ง
“ชอบของที่ฟองให้อยู่แล้ว”
ครามสมุทรก็เป็นแบบนี้
“ปีหน้าซื้อให้อีกก็ได้”
“...”
“จะได้รู้ว่าฟองชอบอะไร”
เป็นคนที่มาปั่นป่วนหัวใจทุกครั้ง
“คิดว่าครามรู้อยู่แล้วว่าเราชอบอะไร”
“อือ”
“...”
“ชอบมากๆ เลยใช่มั้ย”
“...” ค่อยๆ ผงกศีรษะตอบคำถามอีกคนอย่างประหม่า เพราะตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน
“ครามว่า...อื้อ”
ฟองฟางจะพูดอะไรสักอย่างแต่คำนั้นถูกกลืนลงคอเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของครามสมุทรทาบทับลงมา เขาไม่ได้บดเบียดหรือแนบชิด แค่สัมผัสกันแผ่วเบาให้รับรู้ถึงความรู้สึกในตอนนี้
ความรู้สึกที่ฟองฟางก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่ามันหมายความว่ายังไง
ไม่กี่วินาทีครามสมุทรก็ค่อยๆ ผละออก มือหนาประคองกรอบหน้าฟองฟางเอาไว้ทั้งที่มือยังถือตุ๊กตาอยู่ด้วย คนตัวขาวมองนัยน์ตาสีเข้มเย็นชาคู่นั้น เป็นดวงตาที่เขาชอบมากที่สุด
ชอบแบบไม่เหตุผล แค่เกี่ยวกับครามสมุทร เป็นของครามสมุทรก็ชอบแล้ว
“ทำไมถึงทำแบบนี้”
“วันนั้นฟองทำแบบนี้ทำไม”
“...เพราะเมา”
“แน่ใจ”
เขาไม่แน่ใจ...
“ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ ตอบในใจก็พอ”
...เพราะเราชอบคราม
ชอบมากๆ เลยรู้มั้ย#ฟองฟางครามสมุทร