ตอนที่ 10
คำอธิษฐานของ Stalker
ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อออกไปซื้อความใส่ใจ นั่นก็คือน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องถุงใหญ่จากร้านอร่อยหน้าปากซอย
อย่าเพิ่งหายร้อนนะลูก ผมสั่งน้ำเต้าหู้ราวกับมันฟังรู้เรื่อง จับหูหิ้วเพื่อแขวนกับลูกบิดประตู จังหวะที่ผมปล่อยมือเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดออกพอดี
โผล้ะ!!
ถุงพลาสติกแตกออก น้ำเต้าหู้กระจายเต็มพื้น เครื่องที่สั่งให้ใส่มาเป็นพิเศษ แสดงตัวให้เห็นว่าเจ้าของร้านไม่ได้โกงเงินผม
พี่คีรินทร์ก้มลงมองพื้นก่อนเงยหน้าขึ้นมองหน้า
“ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงอ่อย ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องก่อนหน้านี้ซีดเผือด
ร่างสูงถอนใจยาว เดินกลับเข้าไปในห้อง ออกมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
“ผมช่วยครับ” ผมรีบคุกเข่าลง ดึงทิชชู่จากในกล่องออกมาซับน้ำ ช่วยกวาดเศษลูกเดือย วุ้น และอีกสารพัดลงตะกร้าผง
พี่คีรินทร์ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเป็นรอบสุดท้ายจนสะอาด ก่อนนำทุกอย่างกลับเข้าไปในห้อง ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตู จนร่างสูงเดินกลับออกมา
“ขอโทษครับ ผมกำลังจะแขวนมันพอดีตอนพี่คีรินทร์เปิดประตูออกมา”
“ช่างเถอะ” พี่คีรินทร์ล็อคประตู เดินตรงไปตามทางเดิน ผมจึงเดินตาม
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อมาแก้ตัวใหม่”
“อย่าซื้อมาอีก”
หัวใจผมหล่นวูบ ทำไมถึงห่วยแตกแบบนี้วะเก้าอี้ แค่เอาน้ำเต้าหู้มาให้มันยากตรงไหน ทำไมเอ็งถึงทำพังได้วะ
“พี่ไม่กินน้ำเต้าหู้”
“ครับ?”
“พี่ไม่กินน้ำเต้าหู้”
ประโยคที่ได้ยินก็ทำให้หัวใจของผมกลับมาอยู่ที่เดิม ไม่ใช่ไม่ชอบที่ผมทำ แต่ไม่กินน้ำเต้าหู้หรอกเหรอ โล่งอกไปที
“งั้นพรุ่งนี้ผมซื้อช็อคโกแลตร้อนมาให้แทน”
“ไม่ต้อง ตอนเช้าพี่ดื่มแต่กาแฟ”
“งั้นผมซื้อกาแฟ” ผมยิ้มแป้น เอาใจสุดฤทธิ์
“อย่าเลย พี่ขี้เกียจเลี้ยงข้าวเราคืน เดือนนี้เงินไม่พอใช้ไม่ใช่เหรอ”
ผมทำปากจู๋ ตาโต ใส่พี่คีรินทร์ “ฉลาดจัง ทำไมรู้ละครับว่าผมหาเรื่องเจอเช้าเจอเย็น”
“หึๆ”
เสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายทำให้ผมยิ้มกว้าง ผมชอบเวลาที่เราเดินไปคุยกันไปแบบนี้ มันรู้สึกดีจริงๆ
• • • • • • • •
“ท่านขลุ่ยครับ” ผมนั่งลงข้างขลุ่ย ส่งยิ้มประจบประแจงเพื่อน
“จะเอาอะไรอีก”
“ฝากสืบเรื่องพี่คีรินทร์ให้หน่อยได้ไหมวะ ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง”
“ทำไมมึงไม่สืบเอง”
“กูเข้าอากู๋แล้วไม่เห็นมีอะไรใช้ได้เลย มีแต่มึงคนเดียวที่ฉลาดพอ” ผมเริ่มเกาะแขนเกาะขาเพื่อน “นะช่วยกูหน่อย”
“เฮ้อ” ขลุ่ยถอนใจยาว
“มึงก็ช่วยมันหน่อยเถอะวะ เรื่องถนัดมึงอยู่แล้ว” ฝนคงทนฟังเสียงผมอ้อนขลุ่ยไม่ได้ จึงช่วยพูดอีกแรง
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้”
“มึงน่ารักที่สุ..” ผมยังพูดไม่ทันจบ กอดก็ยังไม่ได้กอด ถูกขลุ่ยผลักกระเด็นออกมาก่อน เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แรงเยอะเหมือนกันแฮะ
“กอดนิดกอดหน่อยเล่นตัว” ผมมองค้อน เล่นซะหน้าหงาย
“ถ้ามึงกอดกูไม่ช่วย”
“เออ ไม่กอดก็ไม่กอด หวงจริง กูโคตรอยากเห็นหน้าแฟนมึง”
“นี่ไงแฟนไอ้ขุล่ย” ฝนโยนหนังสือการ์ตูนมาให้ผม
“ถามจริง” ผมชูหนังสือไปตรงหน้าเจ้าของ “มึงอ่านโคนันตอนช่วยตัวเองเหรอวะ..เฮ้ย!” ผมก้มหัวหลบเกือบไม่ทัน ไอ้คุณโคนันขลุ่ยขว้างดิคเล่มเบ้อเริ่มใส่ผม
“จะให้ช่วยหรือไม่ให้ช่วย”
“ช่วยสิครับ ช่วยเพื่อนตาดำๆ ของมึงด้วยเถอะนะ กูไหว้ล่ะ” ผมกลับลำแทบไม่ทัน เกือบไปแล้ว ไม่น่าทำท่านโคนันขลุ่ยโกรธเลย
“พวกมึงพูดกันเหมือนไม่มีกูอยู่ด้วย ระวังสุภาพสตรีนิดสิยะ” ลูกจันลดนิตยสารแฟชั่นในมือลง บ่นที่พวกผมพูดเรื่องใต้สะดือกัน
“ว่าแต่มึงให้ขลุ่ยหาไปทำไม จะเอาไว้เซินเจิ้นเหรอวะ หรือเอาไว้จีบ” ลูกจันอยากรู้ที่มาที่ไปของคำขอ
“จีบแน่นอนอยู่แล้ว”
“ตกลงมึงไม่เซินเจิ้นแล้ว” ลูกจันถามให้แน่ใจ
“จะเซินเจิ้นไปทำไมวะ เอาตัวจริงมาเป็นของเราง่ายกว่า”
หญิงเดียวของกลุ่มทำหน้ารับไม่ได้ ฝนออกเสียง ‘เหอะ’ ในลำคอ ขลุ่ยไม่สนใจ มีแค่ผมคนเดียวที่ทำสีหน้าปลาบปลื้ม กับความฉลาดของตัวเอง แบบนี้ง่ายกว่ากันเยอะ
• • • • • • • •
“เอาไป”
ขลุ่ยโยนสมุดเล่มเล็กให้ผม ในช่วงบ่ายหลังหมดคาบเรียบ ผมรับมาเปิดดู เบิกตาโต
“เสร็จแล้วเหรอวะ โคตรเทพเลยมึง ไปทำตอนไหน” ผมถามเพราะเห็นขลุ่ยตั้งใจเรียนดี ไม่มีว่อกแว่ก
“มันไม่เยอะมาก กูหาได้แค่นี้ แต่ก็น่าจะพอช่วยอะไรมึงได้บ้าง”
“แค่นี้กูก็กราบมึงแล้ว ขอบใจมากเพื่อน” ผมตบบ่าขลุ่ยแทนการขอบคุณ หยิบมาเปิดอ่านอย่างตั้งใจ
กีฬาที่ชอบ อาหารที่ชอบ สีที่ชอบ รถที่ใช้ ทะเบียนรถ และอื่นๆ อีกมากมาย เอ ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรบางอย่างไป
อะไรวะ?
• • • • • • • •
ผมเดินตามพี่คีรินทร์กลับหอพัก เพราะมีประชุมใหญ่เรื่องงานแข่งกีฬาเฟรชชี่ พวกรุ่นพี่จึงกลับช้ากว่าทุกวัน ดีที่ผมมีเพื่อนนั่งตบยุงรอเป็นเพื่อน
ผมเห็นความเหนื่อยล้าจากสีหน้าของพี่คีรินทร์จึงไม่เข้าไปทัก ได้แต่เดินตามเงียบๆ
“เมี้ยว”
ผมหยุดเดิน หันไปมองรอบๆ
“เมี้ยวว”
เมื่อแน่ใจว่าเป็นเสียงแมว ผมจึงเริ่มมองหา
“เราอีกแล้วเหรอ” ผมก้มลงมองลูกแมวตัวเล็กที่อยู่ใต้ท้องรถ พยายามยื่นมือเข้าไปหา แต่แมวเหมียวไม่ให้ความร่วมมือผมสักนิด
“ออกมาเร็ว” ผมเลื่อนตัวลงต่ำ เพื่อให้แขนสามารถเข้าไปได้ใกล้ขึ้น จนเกือบนอนราบไปกับพื้น
“มีอะไรหรือเปล่า”
ผมเงยหน้าขึ้น ยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“แมวครับ หลบอยู่ใต้ท้องรถ ผมพยายามจะพาออกมา”
“พี่เอง”
พี่คีรินทร์คุกเข่าคง ใช้แขนที่ยาวกว่าผม ดึงตัวแมวเหมียวออกมาสำเร็จ
“สงสัยหลุดออกมาจากร้านอีกแล้ว” ผมลุกขึ้นยืนตามพี่คีรินทร์ มองลูกแมวที่อยู่ในมืออีกฝ่าย
“รู้จักแมวตัวนี้เหรอ”
ฉิบ! ผมลืมไปว่าวันนั้นผมแอบดูพี่คีรินทร์ ถึงรู้ว่าเป็นแมวของเจ้าของร้านเสริมสวย
“ซนจริงๆ เรา”
โชคดีที่พี่คีรินทร์ไม่สนใจเอาคำตอบ มือใหญ่ลูบลงบนขนนุ่ม ดวงตาที่มองอ่อนโยน แม้เสียงที่พูดจะไม่ใช่เสียงสองอย่างที่ผมเคยได้ยิน แต่ก็ละมุนหูกว่าพูดกับผมเยอะ ผมได้แต่มองตาละห้อย
“อิจฉาจัง”
“หือ?” พี่คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองผม “อะไร”
“แมวไงครับ อิจฉาจัง” ผมชี้ไปที่มือพี่คีรินทร์ ที่กำลังลูบหัวเจ้าตัวเล็กอยู่
“เรานี่มัน”
!!!
หัวใจเต้นตึกตัก เมื่อพี่คีรินทร์วางมือลงบนหัว ผมช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่าย ดวงตาของพี่คีรินทร์อ่อนโยนกว่าที่เคย
“แบบนี้ใช่ไหม”
“พี่คีรินทร์”
“รางวัลที่เราช่วยแมวตัวนี้เอาไว้”
ละลายสิครับจะเหลือเหรอ สายตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ โอ๊ยย อยากจะเกิดเป็นแมวเหลือเกิน
“รออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่เอาแมวไปส่งที่ร้าน”
ผมมองตามไปด้วยความเสียดาย ฮือ นานอีกนิดก็ไม่ได้ กำลังฟินเลย
“ไปเถอะ”
“ครับ” ผมออกเดินไปพร้อมกับพี่คีรินทร์
“โอ๊ะ!” ผมมองร่างสูงด้วยสายตาตื่นเต้น “พี่คีรินทร์รู้หรือยังว่าคืนนี้มีฝนดาวตก เริ่มประมาณสี่ทุ่ม เห็นว่าน่าจะเยอะมากและเห็นชัดด้วย”
“ชัดยังไงก็มองไม่เห็นจากหอพักเรา”
“มันก็ไม่แน่นะครับ ออกมาดูก็ไม่เสียหายอะไร”
“อืม”
“พี่คีรินทร์ไปออกค่ายรับน้องด้วยใช่ไหม”
“ใช่”
“ผมจะไปลงชื่อพรุ่งนี้ ได้ข่าวว่าโหดใช้ได้ ฝากพี่เทคดูแลผมด้วยนะครับ”
พี่คีรินทร์หันมามองหน้าผม “มัดมือชกพี่เหรอ”
“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้า “แค่จับมือผมไว้ไม่ปล่อยก็พอ โอ๊ย!”
มะเหงกถูกเขกลงบนหัว ผมยกมือขึ้นลูบบริเวณที่โดน
“หยอดนิดหยอดหน่อยก็ปล่อยผมบ้างเถอะครับ ไม่ได้จับจริงๆ เสียหน่อย หรือว่า...” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ “จะให้จับ”
สายตาที่มองมาแม้ไม่ถึงกับฆ่าผมตาย แต่ก็ทำเอาสะดุ้งโหยง
“แหะๆ ไม่เล่นก็ได้ครับ”
ผมก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม นึกออกแล้วว่าในสมุดเล่มเล็กของขลุ่ยขาดอะไรไป ในนั้นไม่มีเขียนถึงเรื่องที่พี่คีรินทร์รักสัตว์ ผมเดาว่าเพื่อนสนิทคงรู้ทุกคน แต่ถ้าโคนันขลุ่ยไม่รู้ ผมก็ขออนุมานว่านี่คือหนึ่งในเรื่องพิเศษ เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้ผมดีใจ
• • • • • • • •
เพราะมัวแต่เล่นเกม กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มครึ่ง ผมเปิดประตูออกไปยังระเบียง แต่สิ่งแรกที่มองไม่ใช่ดาวบนท้องฟ้า
โอ๊ะ! อยู่ด้วย
ร่างสูงวางมือบนขอบกั้น สายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรยากาศรอบข้างดูสงบนิ่ง ผมอมยิ้มกับภาพที่เห็น ถึงจะชอบดุแต่ก็ใจดีกับผมเสมอ เป็นผู้ชายที่เท่จริงๆ
ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าบ้าง พี่คีรินทร์พูดไว้ไม่ผิด เราไม่สามารถมองเห็นฝนดาวตกจากตรงนี้ได้ แต่จะเป็นไรไป ผมคิดว่ามันคงตกอยู่แน่ๆ
ผมหลับตาลง ยกมือขึ้นไหว้ขอพร
ลูกไม่ขออะไรมากไปกว่า ให้พี่คีรินทร์หันมามองลูกบ้าง ที่เหลือลูกจะสู้ด้วยตัวเอง สาธุ ผมยกมือขึ้นลูบหัว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกดีแม้ไม่เห็นดาวตกสักดวง
ผมหันกลับไปมองระเบียงชั้นสาม สายตาของเราปะทะกัน ดวงตาที่มองมาเหมือนมีรอยยิ้มขำอยู่ภายใน พี่คีรินทร์ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนร่างสูงจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
ผมยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด หัวใจเต้นโครมคราม ยังไม่หลุดจากดวงตาและรอยยิ้มของพี่คีรินทร์
แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ก็ขอให้คำอธิษฐานของผมเป็นจริงด้วยเถอะ
** วันนี้อัพสองตอนนะคะ มีตอนที่ 11 ด้วย อยู่หน้า 10 ค่ะ✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin