[5]
“เลิกเรียนแล้วไปไหนต่อดี” ผมถามไอ้ไผ่กับไอ้เจ
“ไปเที่ยวสิวะ เรียนเหนื่อยมาทั้งวัน” ไอ้เจเสนอความคิดเห็น แต่ท่าทางของมันไม่น่าที่จะไปเที่ยวอย่างเดียวแน่ๆ สงสัยหาทางไปเหล่สาวๆชัวร์
“นายไปสองคนเถอะนะ เราต้องไปทำงาน” ไอ้ไผ่ตอบกลับมาเบาๆ
“ตอนนี้กี่โมง” ผมยื่นนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ไปตรงหน้าไอ้ไผ่
“บ่ายสอง” ผมตอบกลับมาแบบงงๆ คงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อแน่ๆ
“นายทำงานกี่โมง”
“บ่ายสี่......แต่เราก็ต้องเดินทาง ต้องไปเตรียมตัวอีก” ไอ้ไผ่คงเข้าใจที่ผมคิด เลยหาข้ออ้างต่างๆมาขัดแย้งความคิดในหัวผม
“เดี๋ยวไปส่งเองหละ ไปด้วยกันเถอะนะ” คำพูดของผมเหมือนจะเป็นการขอร้อง แต่การกระทำของผมคือการบังคับ...เพราะพอผมพูดจบก็ลากแขนไอ้ไผ่มาด้วยเลยทันที ซึ่งไอ้เจก็เดินตามมาพร้อมกับรอยยิ้มขำๆ
“ไปไหนดีหละ” ผมหันไปถามไอ้ไผ่ด้วยความรู้สึกสนุกที่ดึงตัวมันมาได้ แต่ท่าทางกระสับกระส่ายของไอ้ไผ่ทำให้ผมต้องหุบยิ้มทันที
“ไปห้างสิ” ไอ้เจที่นั่งด้านหลังชะโงกหน้ามาเสนอความคิดเห็น
“เดี๋ยวกูเลือกเองดีกว่า” ผมเริ่มขับรถออกมา โดยที่ไอ้ไผ่ไม่ได้เสนอความคิดเห็นอะไรเลย ตาของมันเหลียวมองแต่นาฬิกาในรถเท่านั้น และในที่สุด.........ผมก็มาส่งมันหน้าร้านพี่ชายผมจนได้
“อ้าว...ไหงมาจอดหน้าร้านกาแฟหละวะ” ไอ้เจโวยวาย เพราะคิดว่าผมจะพาไปเที่ยวห้างแน่ๆ
“มึงไม่เคยมาร้านพี่กูไม่ใช่หรือไง เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิวะ” ผมหันไปต่อว่าไอ้เจ เพราะตอนนี้มันโวยวายงอแงเป็นเด็กๆ
“นี่ร้านพี่มึงหรอ....เออ ก็ได้วะ” มันเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินเข้าร้านโดยที่ไม่รอผมกับไอ้ไผ่เลย
“ขอโทษนะ....” ไอ้ไผ่มองหน้าผมแล้วบอกขอโทษ แววตาเศร้าๆของมันแบบนั้น จะมีใครโกรธมันได้ลงหละ
“ขอโทษทำไม” ผมขมวดคิ้วถามมัน
“ที่ทำให้พวกนายหมดสนุก” มันก้มหน้าตอบนิ่ง
“ไผ่...เรื่องแค่นี้ไม่ต้องขอโทษหรอก เพื่อนกันเค้าไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ” ผมเอามือไปจับบ่ามัน พร้อมกับออกแรงบีบเล็กน้อย
“พวกนายไปเที่ยวกันสองคนก็ได้นะ” มันเงยหน้ามาบอกผม แต่ผมกับยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ไป....เอาไว้นายว่างแล้วค่อยไปพร้อมกัน บอกแล้วไงว่านายเป็นเพื่อน เพราะงั้นจะทิ้งนายไว้คนเดียวได้ไง” ผมเอามือทั้งสองข้างไปบีบแก้มของไอ้ไผ่ เพราะรู้สึกหมั่นเขี้ยวที่มันเป็นคนขี้เกรงใจแบบนี้
“งั้นวันหยุดไปเที่ยวกันนะ” มันยิ้มจนแก้มแทบปริให้กับผม ผมจึงได้แต่พยักหน้ารับคำง่ายๆ
จริงๆผมจะบังคับมันให้ไปเที่ยววันนี้เลยก็ได้ เพราะมันไม่ได้มีการโวยวายหรือขัดขืนเล เพียงแต่ท่าทางแบบนั้นของไอ้ไผ่ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะทำร้ายจิตใจมัน การที่มันยอมไปกับผมทั้งที่ในใจของมันก็มีความกังวลอยู่ นั่นคงหมายถึงการที่มันยอมรับผมเป็นเพื่อน แล้วแบบนั้นผมจะบังคับมันได้ยังไงกัน เอาไว้ให้มีเวลาว่าง แล้วค่อยไปพร้อมกันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พาเด็กมาส่งครับ” ผมเปิดประตูร้านเข้าไปพร้อมกับไอ้ไผ่ แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นไอ้เจมันยืนอยู่หน้าประตู มือสองข้างของมันกอดอกตัวเองไว้ สายตาจ้องอยู่กับใครคนหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นวะ” ผมเดินไปถามไอ้เจ แต่มันก็ยังไม่เลิกจ้องกับคู่กรณีของมัน ซึ่งสายตาของนักศึกษาสาวคนนั้นก็ไม่ได้กลัวเกรงไอ้เจเลยสักนิด จนพี่ป่านเรียกผมให้เข้าไปหา
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยนะ คนนึงจะเข้า คนนึงจะออก เลยชนกัน” พี่ป่านเล่าไปก้ใช้มือทั้งสองข้างให้เป็นประโยชน์ ทำท่าทางให้ดู ผมกับไอ้ไผ่ก็ได้แต่หันมามองหน้ากันเงียบๆ จนไอ้ไผ่ตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งสองคน
“ผมขอทาแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ” ไอ้ไผ่ก้มลงไปหยิบหนังสือที่ตกอยู่บนพื้น แล้วยื่นให้สาวน้อยคนนั้น ซึ่งเมื่อไอ้ไผ่ยื่นให้ สายตาที่เคยดุดันของสาวน้อยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนลงทันที
“ไม่เป็นไรคะ เพราะคุณไม่ได้ทำนี่คะ” สาวคนนั้นหันหน้าไปทางไอ้เจ พร้อมกับใช้น้ำเสียงแดกดันไอ้เจ
“ไผ่ขอโทษยัยทอมโหดนั่นทำไมกัน เจไม่ผิดสักหน่อย” ไอ้เจเริ่มโวยวายใส่สาวน้อยคนนั้นบ้าง แต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธอะไรไอ้ไผ่เลย
“นายว่าใครเป็นทอม” สาวน้อยอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้ แล้วตะโกนว่าไอ้เจต่อ
“ผมเป็นผู้ชาย ไผ่เป็นผู้ชาย ไอ้ตินเป็นผู้ชาย พี่เจ้าของร้านก็เป็นผู้ชาย แล้ว....” มันร่ายจบก็หันไปมองสาวตรงหน้า
“ชั้นเป็นผู้หญิง....เข้าใจไหมว่าเป็นผู้หญิง” อารมณ์ตอนนี้ของสาวน้อยคงเริ่มเดือดขึ้น เพราะคงไม่พอใจเท่าไรนักที่มีคนมาว่าเป็นทอม
“ผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชายหละสิ” ไอ้เจยังยื่นหน้ายื่นตาไปเถียงอีก
“แล้วนายหละปากร้ายแบบนี้ แมนหรือเปล่าก็ไม่รู้” สายตาของสาวน้อยมองไอ้เจตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้เจขำออกมา
“อยากรู้ไหมหละว่าแมนหรือเปล่า.....แต่ไม่เอาหรอกอย่างกับทอมแบบนี้ ไม่ใช่สเป็ก” ไอ้เจทำท่ายียวนโบกไม้โบกมือ เหมือนว่าไม่เอามาเป็นแฟนหรอกทำนองนั้น
“พอแล้วน่าเจ......ผมขอโทษนะครับ” ไอ้ไผ่เห็นท่าไม่ดีเลยต้องปรามไอ้เจไว้ก่อน ก่อนจะหันไปขอโทษสาวน้อยคนนั้นอีกครั้ง
“เพื่อนผมอาจจะปากร้ายไปหน่อย แต่เค้าคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆหรอกครับ” แววตาของสาวน้อยอ่อนลงทันทีที่ไอ้ไผ่พูด แต่ก็กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้น เพราะเสียงไอ้เจ
“ตั้งใจเต็มร้อย” มันยื่นหน้าผ่านไหล่ไอ้ไผ่ไปหาสาวน้อยคนนั้น ทำให้สาวคนนั้นได้แต่ยืนจ้องหน้ามันแบบแค้นเคือง
“เจ!” เสียงไอ้ไผ่ดังขึ้นเล็กน้อย เพราะคงตกใจที่ไอ้เจมันเลิกเล่นเสียที พร้อมกับผลักไอ้เจเบาๆให้เดินมาทางที่ผมยืนอยู่
“ผมไผ่นะครับ ไม่ทราบคุณชื่ออะไรครับ” ไอ้ไผ่ยิ้มกว้างให้สาวน้อย
“ชื่อกุ้งคะ” สาวน้อยยิ้มตอบมาให้ไอ้ไผ่เช่นกัน
“คราวหน้าเชิญมาที่ร้านอีกนะครับ ผมจะบริการเป็นอย่างดีเลยครับ ถือเป็นการไถ่โทษเมื่อครู่ด้วย” นี่มันเริ่มหลอกล่อลูกค้าแล้วหรือนี่ ไอ้นี่เห็นเงียบๆ ไม่คิดว่าจะลื่นไหลได้ขนาดนี้
“ไผ่ทำงานที่นี่หรือคะ” สาวกุ้งทำตาโตถามออกไป
“ครับ...จริงๆก็เพิ่งเริ่มงานวันนี้หละครับ”
“งั้นเดี๋ยวกุ้งมาอุดหนุนบ่อยๆนะคะ”
“ได้แน่นอนครับ”
การสนทนาของไอ้ไผ่กับกุ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถ้ามองอย่างไม่มีอคติใครก็ต้องบอกได้ทันทีว่ากุ้งมีใจให้ไอ้ไผ่แน่นอน เพราะเท่าที่สังเกตดู จะเป็นกุ้งเสียมากกว่าที่หาเรื่องมาคุยกับไอ้ไผ่ จนมันต้องขอตัวเพื่อไปเริ่มเตรียมตัวทำงานจริงๆ ถึงได้แยกจากกัน......ผมเห็นรอยยิ้มของมันแล้วทำไมต้องหงุดหงิดด้วยนะ เพราะทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของมัน ผมจะดูสงบลงได้ แต่ทำไมวันนี้เห็นรอยยิ้มมันแล้ว ผมต้องหงุดหงิดในใจด้วยก็ไม่รู้.......เป็นอะไรของมึงวะไอ้ติน........
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งน้องไผ่กับตินนะครับ
คนแต่งต้องทำแลปติดกันสามวัน
เพิ่งออกจากห้องแลปมา ก็เลยรีบมาต่อให้เลย
+1 ครับ