[4]
“เฮ้ยไผ่...ช่วยหน่อยดิ” ผมเอาตะเกียบชี้ที่ถ้วยก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง ที่ตอนนี้มีลูกชิ้นลอยอยู่เต็มไปหมด
“ไม่เอาแล้ว อิ่มแล้ว” ไอ้ไผ่ก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่ยอมช่วยผม
“กูไม่กินลูกชิ้นนี่หว่า จะทิ้งก็เสียของ มึงช่วยหน่อยสิวะ” จริงๆแล้วผมตั้งใจสั่งเพิ่มลูกชิ้นมาเอง เพราะคิดที่จะให้ไอ้ไผ่มันอยู่แต่แรกแล้ว เพียงแต่ถ้าสั่งมาในถ้วยมันเลยก็น้อยไป เลยบังคับให้มันเอาของผมไปด้วย.....คนอะไรผอมแบบนั้น ไม่ดูแลตัวเองเลย
“ของใครคนนั้นก็รับผิดชอบเองสิ” มันก็ไม่ยอมอยู่ดี ก้มหน้ากินของตัวเองต่อไป
“อย่าเรื่องมาก” ผมคว้าถ้วยของมันมาวางตรงหน้าแล้วตักลูกชิ้นทั้งหมดใส่ลงไปในถ้วยนั้น ซึ่งไอ้ไผ่ก็พยายามเอาถ้วยคืน แต่ผมเอาตัวบังไว้ จนตักหน่อยนั่นหละถึงได้คืนมันไป
“กินให้หมดนะ” ผมบอกมันพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ไอ้ไผ่ก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับใช้ตะเกียบปัดลูกชิ้นไปมา
“ไปจ่ายเงินก่อนนะ กินให้หมดหละ” ก่อนที่มันจะเอามาคืนผม ผมรีบลุกขึ้นไปจ่ายเงินก่อนทันที
“อิ่มไหม” ผมหันไปหาไอ้ไผ่หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว
“อิ่มตั้งแต่นายยังไม่ยัดเยียดลูกชิ้นมาอีก” มันหันมาทำตาโตใส่ผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมขำอยู่ในใจกับท่าทางแบบนั้น
“กินเยอะๆจะได้โตไวๆ” ผมพูดออกมาลอยๆตอนที่ออกรถ
“ทำไมชอบว่าเราไม่โตนะ” มันสะกิดแขนผมเบาๆ แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองมัน ได้แต่มองทางต่อไป
“ตัวแค่นี้นายคิดว่าโตหรือไงหละ” ผมตอบมันโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก
“อย่างน้อยก็โตกว่าเด็กม.ต้นหละน่า” มันตอบในสิ่งที่ผมต้องหันไปมองมัน แล้วมองด้วยสายตาไม่เชื่อ ว่าไอ้ไผ่จะตอบอะไรเด็กๆแบบนี้
“นายกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเด็กม.ต้นหรือนี่” ผมแกล้งแซวมัน
“หรือไม่จริง” มันสวนผมกลับมา แล้วยิ้มแบบใสซื่อมาให้
“หรอออออ” ผมมองมันเหล่ๆ พร้อมกับลากเสียงยาวๆ
“ไม่เชื่อหรอ...งั้นจอดรถก่อน” มันชี้ให้ผมจอดรถแถวด้านหน้า ผมจึงเรียบข้างทางจอดให้มัน
“น้องครับ..เรียนชั้นไหนครับ” มันเดินตรงไปที่เด็กนักเรียนที่นั่งอยู่บนม้านั่งใกล้ๆทันที พร้อมกับถามในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะถาม
“ม. 2 ครับ” เด็กมองมันอย่างงงๆ ก่อนจะตอบมาแบบไม่ไว้ใจนัก ซึ่งมันก็ทำให้ไอ้ไผ่หันมายิ้มให้ผม เพราะไอ้เด็กที่มันถามนั้นตัวเล็กกว่าไอ้ไผ่เสียอีก เหมือนมันจะบอกผมเป็นนัยว่ามันโตกว่าเด็กม.ต้นจริงๆ
“มีอะไรวะ” ไอ้ไผ่ยืนภูมิใจได้ไม่นาน ก็มีเด็กอีกคนเดินมาถามไอ้เปี๊ยกเมื่อครู่ ผมเห็นได้โอกาสเลยถามออกไปบ้าง
“น้องเป็นเพื่อนกันหรอ”
“ครับ” ไอ้น้องที่มาให้ตอบผม
“เรียนรุ่นเดียวกัน” ผมชี้สลับที่เด็กทั้งสอง
“ครับ” ทั้งสองพยักหน้าเบาๆอย่างไม่เข้าใจ
“โทษทีนะพอดีเพื่อนพี่จำคนผิดนะ ไปเหอะไอ้ไผ่ หน้าแตกเลยไหมมึง” ผมเดินไปหาไอ้ไผ่แล้วดึงแขนมันออกมาจากตรงน้องทั้งสอง เพราะตอนนี้มันสงบนิ่งไปแล้วหลังจากไอ้น้องที่มาใหม่ตอบว่าเรียนรุ่นเดียวกับไอ้เปี๊ยก ก็ไม่ให้มันตกใจได้ยังไง ก็ไอ้น้องที่มาใหม่นี่สูงเกือบเท่าผมเลยที่เดียว แบบนี้ก็โตกว่าไอ้ไผ่แน่นอน
“เป็นไงหละ” พอขึ้นรถได้ ผมก็ระเบิดหัวเราะทันที เพราะหน้าไอ้ไผ่ตอนนี้เหลือนิดเดียวเอง หน้าแตกละเอียดเลยทีนี้
“อันนั้นมันเป็นข้อยกเว้น มันก็ต้องมีบ้างหละเด็กที่ตัวโตกว่ารุ่นนะ” มันก็ยังไม่ยอมแพ้ เถียงผมต่อ แต่หน้าเริ่มแดงเพราะความอายแน่ๆ
“พรุ่งนี้เลิกเรียนบ่ายสอง ไปโรงเรียนมัธยมกันเลยไหม” ผมทำเป็นท้ามัน
“โอเค...ยอมๆๆ เด็กก็เด็ก” มันหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะมันคงไม่ชอบให้ใครมามองว่าตัวมันเป็นเด็กแน่ๆ แต่ท่าแบบนี้มันก็ทำให้ผมอดขำไม่ได้จริงๆ
“คืนนี้รีบนอนหละ” ก่อนมันจะลง ผมดึงมือมันไว้ก่อน
“อื้ม” มันหันมาพยักหน้าให้ด้วยแววตาใสๆ เหมือนที่มันน้อยใจเมื่อกี้ มันจะลืมไปแล้ว
“ถ้าพรุ่งนี้หลับตอนเรียนอีก จะเอาปากกาเขียนหนวดแมวเลย” ผมหยิกแก้มมันเบาๆ เพราะเห็นหน้าแล้วหมั่นเขี้ยวจริงๆ
“ไม่ได้แอ้มซะหรอก” มันยิ้มเหมือนไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินลงจากรถไป
“ขอบใจนะ ทั้งเรื่องที่ร้านกาแฟและที่เป็นเพื่อนด้วย” มันหันมาบอกผมก่อนจะปิดประตู เดินเข้าซอยบ้านไป
ผมนั่งคิดในคำพูดของไอ้ไผ่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ รอยยิ้มของไอ้ไผ่มันดูใสซื่อเหมือนว่าออกมาจากใจจริงของมัน คำขอบคุณมันจึงเป็นคำที่มีความหมายมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ทำไมผมถึงไม่ชอบมันนะ หรือเพราะผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มของมัน แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้ว มันเลยทำให้ผมไม่เกลียดมันอีกต่อไป....
“มึงมานี่เลย” ตอนเช้าผมดักรอไอ้ไผ่ที่หน้าห้องเรียน พอเห็นมันเดินมาก็ล็อกคอลากมันเดินเข้าไปในห้อง
“อะไรหรอติน” เสียงที่มันถามผมดูตื่นๆอยู่เล็กน้อย เพราะคงไม่เข้าใจว่าผมจะทำอะไร
“มานั่งกับกู ถ้ามึงหลับกูจะได้เขียนหนวดแมวมึงได้” ผมพามันมานั่งตรงที่ประจำของผม
“ไม่มีทางหลับแน่นอน นายไม่ได้แกล้งเราแน่” มันยิ้มให้ผมแบบมั่นใจ
“มั่นใจจริงนะ....เหมือนเมื่อคืนเลย 555” ตอนท้ายผมพูดเบาๆ ซึ่งก็ทำให้ไอ้ไผ่หุบยิ้มแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย ก็มันอยากมั่นใจเหมือนตอนที่ลงไปถามเด็กนักเรียนนี่นา ผมก็เลยหมั่นไส้ ตัดความมั่นใจของมันเสียเลย
“ไอ้ติน...” เสียงไอ้เจร้องทักผม พร้อมกับสมุดที่มันม้วนมาฟาดหลังผมเบาๆ แต่พอทั้งผมและไอ้ไผ่หันไปมอง ไอ้เจก็ตกใจเล็กน้อย คงไม่คิดว่าไอ้ไผ่มันจะนั่งอยู่กับผม
“อุ้ย.....มาไงวะ” มันก้มหน้ามาถามผมข้างหู ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจจะตอบคำถามมัน แต่หันไปหาไอ้ไผ่
“ไผ่นี่ไอ้เจนะ รู้จักกันไว้ เพื่อนๆกัน” ผมแนะนำแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้หันไปสนใจไอ้เจอีก
“สวัสดีครับเจ” เสียงทักของไอ้ไผ่ ทำให้ผมหันไปทันมองรอยยิ้มของมันที่ส่งให้ไอ้เจ ซึ่งไอ้เจเมื่อเจอรอยยิ้มของไอ้ไผ่ก็คลายความอึดอัดลงได้ เริ่มชวนไอ้ไผ่คุยมากขึ้น
“ไผ่รู้ไหมว่าเจไม่กล้าคุยกับไผ่เลยนะ ก่อนหน้านี้นะ” พักเที่ยงผมทั้งสามคนมากินข้าวด้วยกัน เพราะไม่อยากปล่อยไอ้ไผ่ไปคนเดียว กลัวมันจะไม่ยอมกินอีก
“ทำไมหละ” ไอ้ไผ่ถามไอ้เจ เพราะคงสงสัยว่าทำไมไอ้เจถึงไม่กล้าคุยด้วย
“ก็ไผ่เงียบขนาดนั้น ใครจะกล้าเข้าไปหละ” มันตักข้าวไปด้วยพร้อมกับตอบไอ้ไผ่
“เราดูน่ากลัวหรอ”
“ก็ทำนองนั้น แต่ตอนนี้ไม่กลัวละ เพราะไผ่เวลายิ้มดูน่ารักมากเลยหละ” มันตอบกลับไอ้ไผ่เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ทำไมต้องน่ารัก หล่อไม่ได้หรอ” ไอ้ไผ่ทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง
“ไม่ๆๆ เพราะไผ่ไม่หล่อแต่น่ารักต่างหาก ถ้าหล่อนะต้องแบบเจกับไอ้ตินสิ” ดูมัน...ชมตัวเองไม่มีอายเลย
“หลงตัวเอง” ไอ้ไผ่ทำหน้าเอือม
“ไม่ได้หลงตัวเองอย่างเดียวนะ สาวๆยังหลงเจด้วยต่างหาก” มันก้มมากระซิบให้ผมสองคนฟัง ซึ่งนั่นก้ทำให้ไอ้ไผ่หัวเราะออกมาอย่างสดใส
รอยยิ้มแบบนี้มันเหมาะกับหน้าของไอ้ไผ่มากกว่าหน้าบึ้งอีกนะนี่........รอยยิ้มที่สดใส.........