[เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!  (อ่าน 28355 ครั้ง)

ออฟไลน์ nomo9

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
555 ได้ปีศาจมาแล้วจะเป็นประโยชน์ยังไงน้า ^^

lillapinn

  • บุคคลทั่วไป

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
อุบ๊ะ! เฮ้ย!ใครก็ได้มาสร้างพันธะมาผูกเราที่    :oni3: :oni3: :oni3:

อ่านแล้วอิจฉา :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ pasallatel

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สนุกอะ ไรเตอร์ เขาอยากอ่านต่อ สนุกมากๆ เลยค่ะ
เขียนได้ดีมากๆ เลย ไม่มีสะดุดซักนิด อ่านลื่นไหลมากค่ะ
แถมเนื้อเรื่องก็น่าติดตามง่ะ สู้ๆ นะคะ ไรเตอร์
ขอให้มีอารมณ์คิดพล็อตเร็วขึ้นนะคะ :call:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ทำใจอย่างเดียว

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
มาแล้ววววว คิดถึงกันไหมเอ่ยยยย :mew1: :mew1:

_______________________________________________________________________________________________




CHAPTER 4 : กองทัพพี่ๆสุดป่วง





และแล้ว... เรื่องโคตรน่าเบื่อก็กลับมาเยือนชีวิตพระไวยอีกครั้ง

...

..

.



“ไอ้ไวย! นี่แกพาผู้ชายเข้าบ้านเรอะ!”

เสียงแปดหลอดของพี่ชายที่เคารพรักยิ่งกว่าพ่อดังมา ทันทีที่พระไวยโผล่หน้าลงจากเรือน
พระไวยชะงักกึก ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความเซ็ง

นึกแล้ว... คงไม่พ้นอีหรอบนี้


“พี่พระสังข์! นี่พี่หน้ามืดโวยวายอะไรอีกล่ะหา! อยากให้ชาวบ้านชาวช่องเขาได้ยินมากนักเลยใช่มั้ย!” เสียงแหลมใสแจ๋วของใครอีกคนตวาดแหวมา

“แกมาดูเองสิวะยัยเพื่อน! ก็พี่เห็นอยู่ชัดๆเต็มสองลูกกะตาพี่นี่!”

“โอ๊ย! อะไรอีกล่ะ เรื่องไม่จบไม่สิ้นนะ! ไหน! ไหนผู้ชายไอ้พระไวยมัน!”

เงาดำๆรางเลือนของพี่สาวเคลื่อนมาจากใต้ถุนเรือนทรงกลมหลังใหญ่ที่ห่างออกไป พระไวยตัดสินใจในขณะนั้นด้วยการกระชากแขนพ่อเทพบุตรข้างๆให้รีบลงบันได

“ลงเลยเร็วๆ” พระไวยกัดฟันกระซิบบอก




พระเพื่อน หรือ คุณเพื่อนของบรรดาสหายรัก หรือ คุณพิชามญชุ์ ของคนที่ไม่รู้จัก เดินออกมาจากใต้ถุนเรือนสู่แสงสว่าง

พี่สาวของพระไวยเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง เกือบๆจะสูงระหง แต่งตัวด้วยเสื้อยืดยับๆกับกางเกงเนื้อนิ่มขาสั้นราวเด็กวัยรุ่น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง นัยน์ตาคมเข้มติดจะดุแต่กลับฉายแววฉลาดอยู่เสมอ

ส่วนพระสังข์ หรือไอ้สังข์ หรือคุณสขิลา พี่ชายของพระไวยเป็นคนตัวสูง สูงพอๆกับชีวา ทว่าสีผิวจะออกคล้ำกว่าเล็กน้อย เพราะเจ้าตัวชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ตามประสาคนเป็นวิศวกร

“นี่พี่เพี้ยนแล้วใช่มั้ย อย่างไอ้ไวยเนี่ยนะจะพาผู้ชายเข้าบ้าน” เธอเดินไปพูดไป โดยไม่ได้หันมองน้องชายที่กำลังวิ่งตรงมา

“เฮ้ย...” พระสังข์ครางในลำคอ ก่อนจะจ้องหน้าน้องสาว “นั่นไงเล่า! อยู่ข้างหลังแกน่ะ! หันไปดูสิยัยน้องบื้อ!” ก่อนที่ตัวเขาจะรีบยกมือตะปบริมฝีปากตนเอง เมื่อนึกรู้ว่าพลาดไปซะแล้ว

แต่ไม่ทัน พระเพื่อนเลือดขึ้นหน้า เจ้าตัวเท้าเอวแล้วตะโกนใส่พี่ชาย

“พี่อย่ามาว่าฉันอย่างนั้นนะ! ฉันไม่ได้โง่!”

“พี่เปล่านะ!” พระสังข์รีบลนลานบอก “ปากมันพาไป!”

“ปากพาไปหรอ! ได้! งั้นฉันจะตัดปากพี่ซะ!”

“เฮ้ย!”




“หยุด! หยุด! หยุด!” พระไวยรีบตรงเข้ามาห้ามศึก จัดแจงแยกพี่ชายพี่สาวออกห่างจากกันด้วยความทุลักทุเล เพราะตนเองก็ใช่ว่าจะตัวใหญ่อะไรมากมาย สูงกว่าพี่สาวมาหน่อยหนึ่งเท่านั้น

“นี่พี่จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย” พระไวยบ่น “เพิ่งกลับมาถึงบ้านกันแท้ๆ”

พระเพื่อนยังหน้ามืดจากถ้อยคำของพี่ชายคนโตอยู่ “ไม่รู้ล่ะ!” เจ้าตัวว่า “ถ้าคราวหน้าพี่สังข์ปากพล่อยอย่างนี้อีกนะ! ไม่ต้องกินข้าว!”


พระสังข์รีบหดคอก่อนจะยกมือเป็นเชิงยอมแพ้

พระเพื่อนที่ยังฉุนอยู่เล็กน้อยหมุนตัว จะเดินกลับไปนั่งพักที่ชุดรับแขกใต้ถุนเรือน ทว่าเจ้าตัวกลับต้องชะงักกับใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงชานบันไดเรือนของน้องชาย

ชายหนุ่มตัวสูง ผิวขาว และรูปร่างดีราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบ เรียกเลือดลมให้วิ่งพล่านขึ้นไปที่สองข้างแก้มของพระเพื่อนในทันที ก่อนที่เธอจะนึกถึงคำพูดของพี่ชายขึ้นมาได้


“พระไวย! นั่นแกพาใครเข้าบ้านน่ะหา!” สาวเจ้าหันไปโวยวาย

พระสังข์ที่เพิ่งสติกลับมาหลังการขู่อาฆาตของพระเพื่อน รีบหันไปมองน้องชายเช่นกัน “เออ! ตกลงไอ้หมอนั่นมันใครหา!”

พระไวยเอี้ยวตัวหันไปมองพ่อคนหล่อที่ยืนนิ่งอยู่ตรงชานบันไดแล้วก็ส่ายหัว ก่อนที่จะมองหน้าพี่ทั้งสองลอกแลก เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นเต็มที่จากผู้ร่วมสายเลือด คนหล่อเห็นผีจึงตัดสินใจเรียกพ่อคุณเทพบุตรให้เดินเข้ามาหา

พระไวยมองพี่สาวพี่ชายด้วยความเซ็งและอึดอัดเล็กน้อย

“เอ่อ... ฉันว่า ให้เขาคุยกับพี่เองก็แล้วกัน”








“อืม... สรุปนายจะมาขออยู่บ้านนี้ด้วย ว่างั้น?” พระสังข์เปรยถาม หลังการเล่าเรื่องแบบคร่าวๆของพ่อคุณเทวดาชีวาจบลง

“ครับ” ชีวาตอบ พร้อมส่งยิ้มให้อย่างแจ่มใส เมื่อเห็นว่าพี่ๆของพระไวยไม่ได้โวยวายหรือรังเกียจรังงอนอะไร


กลับกัน พระไวยมองพี่ชายตนเองราวกับอีกฝ่ายเพิ่งบอกเขาว่า ‘พ่อยังไม่ตาย’ อย่างไรอย่างนั้น

“ทำไมพี่ไม่โวยวายเลยวะ!? นี่ปีศาจนะเฮ้ย! ตัวประหลาดนะพี่!” พระไวยรีบขัดทันที

พี่เขามันจะรับเรื่องพิสดารอะไรได้ง่ายปานนั้น


พระสังข์วางแก้วโค้กลงข้างตัว ก่อนจะไหวไหล่ “แล้วยังไง ทำอย่างกับว่าพวกผีไม่ใช่ตัวประหลาดพิลึกพิลั่นงั้นแหละ ตั้งแต่เด็กจนโต พี่ก็ยังไม่เห็นแกจะบ่นอะไรเวลามีผีมาขอความช่วยเหลือไม่ใช่หรอ” เขาว่า “จริงๆเจ้าหมอนี่ก็ดีออก เหมือนคนทุกอย่างอีกต่างหาก เวลาแกจะคุยกับมัน ก็ไม่มีใครมองว่าแกบ้าด้วย”

“ใช่” พระเพื่อนที่เงียบฟังมานานเสริมเรียบๆ “อีกอย่าง จากที่เขาเล่ามา ยังไงแกก็ไม่มีทางปฏิเสธไม่ให้เขาอยู่ด้วยอยู่แล้ว ฉันยังไม่อยากเห็นน้องตัวเองตายก่อนวัยอันควรหรอกนะ”

พระไวยถึงกับกุมขมับ “ทำไมพี่รับเรื่องนี้ได้ง่ายจังวะ...” เจ้าตัวรำพึง “ตอนฉันตื่นมาเห็นไอ้บ้านี่ ฉันแทบลมใส่”

พระเพื่อนยักไหล่ “แกอย่าลืมนะไอ้ไวย ฉันกับพี่สังข์เกิดก่อนแกตั้งหลายปี แล้วก่อนหน้าที่พลังแกจะแข็งพอจนช่วยเหลือพวกสิ่งประหลาดทั้งหลายนั่นได้... แกคิดว่าใครกันล่ะที่รับภาระมาก่อนหน้าแก”

“เออ!” พระสังข์ตอกย้ำน้องชาย “ถ้าฉันรับเรื่องที่พ่อเป็นเทวดาตกสวรรค์ได้ ก็ไม่มีเรื่องไหนจะมาทำให้ฉันตกใจได้อีกแล้วล่ะเว้ย”




คนฟังจำต้องกลืนน้ำลายลงคอ

พระไวยพยักหน้าเนือยๆไปกับคำของพี่ชาย
นั่นก็จริง ถ้าลองพวกเขารับเรื่องที่พ่อเป็นเทพบุตรซึ่งถูกเนรเทศให้จุติลงมาได้แล้วล่ะก็ เรื่องอื่นๆคงไม่มีอะไรน่าตกใจอีกต่อไป

แล้วทำไมเขาถึงตกใจตอนเห็นเจ้าตัวประหลาดนี่ได้ล่ะ?

บางทีอาจเป็นเพราะออร่าความหล่อของมันเข้าตามากเกินไป...





“สรุปคือพี่จะให้มันอยู่ที่นี่?”

พระสังข์กับพระเพื่อนพยักหน้ารับพร้อมกัน ก่อนที่พี่สาวพระไวยจะเอ่ยขึ้น “ก็ให้ชีวาเขาอยู่ที่เรือนแกนั่นแหละ เวลาทำอะไรจะได้สะดวก” พระเพื่อนว่า ก่อนจะยิ้มให้ชีวาอย่างใจดี “ฉันเองก็เป็นผู้หญิง พี่สังข์ก็ไม่ได้ค่อยจะอยู่บ้าน แถมเขายังมีพันธะกับแกอีก แกก็อยู่กับเขาละกัน”

พระไวยเบิกตาโต “อะไรนะ! นี่พี่ล้อฉันเล่นหรือไง เรือนฉันไม่ได้กว้างขวางขนาดนั้นนะพี่ ห้องนอนก็มีห้องเดียว” พระไวยประท้วง

“แล้วแกคิดว่าเรือนฉันมันกว้างแค่ไหนกันเชียว” พระสังข์บอกน้อง “แต่ก่อนที่ฉันต้องนอนเบียดอยู่กับแก ไม่ใช่เพราะเรือนใหญ่ของพ่อกับแม่มันมีห้องเดียวรึไงกัน แกอย่าเอามาอ้างนะพระไวย” พี่ชายปิดท้ายประโยคเสียงเข้ม

“ตะ...แต่!”

“ไม่มีแต่! พระไวยวาคิณณ์” พระเพื่อนพูดเสียงเฉียบขาดเป็นการตัดบท “แกต้องดูแลชีวาเขาตอนกลางวันอยู่แล้ว แค่เพิ่มเป็นทั้งวันมันจะตายเลยรึไง ฉันถือว่านี่เป็นคำขาดนะ ไม่งั้นแกก็เตรียมตัวเดี้ยงได้ เพราะชีวาคงต้องไปอยู่ที่อื่น”



พระไวยหุบปากฉับ เงียบเสียงไปถนัดใจ หน้าตาบอกบุญไม่รับ

บ้าชะมัด... ไอ้ตัวประหลาดหน้าหล่อนี่มันภาระชัดๆ ...อย่างกับปลิง เกาะแน่นเหนียวหนึบสลัดไม่ออกเลย


พระสังข์ที่เห็นน้องรักหน้ามุ่ยก็รู้สึกสงสาร “เอาน่าไอ้ไวย แกอย่าคิดมากเลยนะน้องพี่” ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีปลอบใจเสียงอ่อน

รู้สึกผิดที่เมื่อครู่ไปเสียงดังใส่
ยังไงเขาก็รักน้องเขาล่ะ



ส่วนพระไวย เมื่อมองพี่ชาย พอเห็นร่องรอยความลำบากใจในนั้นแล้วก็จำต้องพยักหน้ารับแกนๆ

จะให้พี่มาทุกข์ใจด้วยก็ใช่ที่...



“ครับ ให้หมอนี่อยู่ด้วยก็ได้”







++++++++++++++++++++++++++ DEMON LOVE +++++++++++++++++++++++++++






ใครบอกว่าเรื่องวุ่นวายจะจบลงแค่นั้น...





“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียน มีเรียนทั้งวันด้วย แล้วไอ้หมอนี่จะเอายังไง” พระไวยเอ่ยถามออกมาตอนที่ทุกคนกำลังจะเริ่มมื้อเย็น

พระเพื่อนเงยหน้าจากโถข้าวขึ้นมองน้องชาย แล้วเบนไปยังชายหนุ่มหล่อใสกิ๊กอย่างชีวา “นั่นสิ เรื่องชีวิตประจำวันแบบปกติของมนุษย์น่ะ นายจัดการยังไง” เจ้าหล่อนถามพ่อคุณเทพบุตรปีศาจ

ชีวาไหวไหล่ “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ยามที่ข้าแข็งแรงปกติ ข้าดำรงสถานะเป็นมนุษย์ ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป ตอนนี้ข้าก็เรียนหนังสืออยู่”

พระสังข์ตาโต “นายเรียนหนังสือด้วยหรอวะ” เขาอึ้ง “แล้วไปสมัครเรียนได้ยังไง ฉันหมายถึง... เรื่องเอกสารอะไรพวกนั้นน่ะ”

“นั่นสิ” พระไวยหันไปหาบ้าง “นายเอาเอกสารที่ไหนไปลงเรียนน่ะ”

คนหล่อกระชากใจยิ้มง่ายๆ “พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ เงินและอำนาจ ทำได้ทุกอย่าง”

พระสังข์ขมวดคิ้ว “ยังไง”


ชีวาเอื้อมมือไปรับชามข้าวจากพระเพื่อน “ข้ามีชีวิตอยู่ในมิติกาลเวลาของพวกเจ้ามานานแล้ว พวกเจ้าคิดหรือว่า... ข้าจะไม่ได้ทำงานทำการ หาเลี้ยงปากท้องตนเองบ้างเลย” เขาบอก “เงิน... สิ่งที่พวกมนุษย์ปรารถนานัก โหยหานัก ข้าก็ย่อมมี”




พระเพื่อนและพระสังข์พากันหน้าเจื่อนเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของชีวา

ไม่ผิดเลย... เงินเป็นสิ่งที่มนุษย์โลภจริงๆดั่งเขาว่า


แต่พระไวยไม่ได้สนใจตรงนั้น

“แล้วยังไง” คนหล่อเห็นผีเปรย “ก็ใช่ว่านายจะหลอกใครต่อใครไปได้ตลอดนี่ ถ้านายบอกว่าอยู่มานานขนาดนั้นจริงๆ ฉันก็เจอจุดบอดหนึ่งที่แล้ว”

“ว่าไปสิ” ชีวาตักข้าวกินโดยไม่มองคนพูด


อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะจับผิดเขาได้จริงมั้ย




“นาย... ไม่แก่ขึ้นเลย ใช่มั้ย”




ชีวาเงยหน้า

ความคลางแคลงใจ เคลือบอยู่ในดวงตาที่ทอประกายสุกใสราวแก้วเนื้อดีของพระไวย
เป็นใคร... ก็ต้องรู้สึกแปลกๆและระแวงอยู่เป็นธรรมดา...

รอยยิ้มอ่อนโยนคล้ายการปลอบใจปรากฏแก่สายตาพระไวย

“ข้าไม่ได้เป็นอมตะ แต่ก็ใช่... ข้ามีชีวิตยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป”



คนฟังเลิกคิ้ว “หมายความว่า นายสามารถตายได้เองตามอายุขัยอย่างนั้นใช่มั้ย”

คนหล่อก้มหน้ารับ “ใช่ แต่มันนานมาก จนข้าไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจะตายไปเอง”

“เดี๋ยวนะๆ” พระสังข์ที่เงียบไปร้องขัด เขาขยับตัวเข้ามาในวงข้าว แล้วยื่นหน้าไปหาชีวา “งั้นตอนนี้นายอายุเท่าไหร่”

คนถูกถามทำหน้าคิด ก่อนจะตอบแบบลังเล “ประมาณ... เกือบๆหกพันปีละมั้ง ถ้านับตั้งแต่ที่ข้าถือกำเนิดน่ะนะ ข้าก็ไม่ค่อยมั่นใจ”



“หา! หกพันปี!”

“แม่ง! แม่เจ้าเหอะ!”



เสียงอุทานดังตามกันมา พระสังข์และพระไวยถึงกับขนลุกเมื่อมองอีกฝ่ายเต็มๆตา

พวกเขาเกิดแล้วตายอีกนานแค่ไหนวะ... ถึงจะอายุเท่ามัน





“ทำไม” ชีวามองแบบงงๆ “นี่ถือว่าข้าอายุยังน้อยนักในเผ่าพันธุ์ของข้า ถ้าตามภาษาของพวกเจ้า ข้าก็เพิ่งจะเป็นหนุ่มรุ่นกระทงนั่นแหละ”


สองพี่น้องพากันเบือนหน้ากลับไปหาชามข้ามตัวเอง ในขณะที่พระเพื่อนให้ความสนใจกับของกินได้นานแล้ว

ไม่ใช่รังเกียจหรอกนะ แต่... มันขนลุก
คนที่มีอายุยืนนาน โดยที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายใดๆ...

คิดยังไง ก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดีนั่นแหละ




ชีวามองคนอื่นแบบงงๆ เขาแอบเห็นว่าพระไวยรีบหลบไปมองทางอื่นตอนที่เผลอเหลือบมาสบตากัน แต่เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครซักถามอะไรต่อ เจ้าตัวก็ได้แต่ก้มลงจัดการกับอาหารของตนไปเงียบๆ พลางเก็บความสงสัยเล็กๆเอาไว้เพียงลำพัง

ทำไม? อายุอย่างเขานี่มันทำไมวะ?

เด็กแต่ก็ฟิตนะเฮ้ย...

งงจริงๆ พวกมนุษย์นี่แปลกนัก

เอาเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ค่อยไปถามพระไวยก็แล้วกัน




โอย...

พระไวยที่เผลอเหลือบไปสบนัยน์ตาใสแจ๋วของชีวานั่นแล้วอยากจะบ้า เสตาหลบมองข้าวในจานแทบไม่ทัน เล่นเอาหน้าเกือบไหม้
คนอะไรวะ หล่ออย่างกับพัสดุส่งตรงจากสวรรค์ งามปานเทพจุติ ซ้ำยังทำให้ใจเขาแกว่งแปลกๆอีก

สบตาด้วยไม่ไหว สมองจะละลายเอา จู่ๆก็เขินซะงั้น

หรือเราจะเป็นโรคแพ้คนหล่อหว่า?

ไม่อยากจะยอมรับว่ามันดูดีมากเลยจริงๆ
เฮ้อ... ว่ามันเป็นภูตผีปีศาจก็แย่แล้วนะ
แต่นี่ ดันเป็นปีศาจแก่หง่อมในคราบเด็กน้อยรุ่นกระเตาะนี่สิ

วุ้ย ยุ่งยากใจจริงโว้ย!





“สรุปพรุ่งนี้จะเอายังไง” พระเพื่อนโพล่งขึ้นตอนที่ส่งน้ำเปล่าให้ทุกคน “นายน่ะ ชีวา จะไปมหาวิทยาลัยกับพระไวยไหมล่ะ ไหนๆอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทำ ทำไมไม่ให้เจ้านี่พาไปเปิดหูเปิดตาโลกยุคนี้ดู” พี่สาวคนสวยของพระไวยบอก

แต่คนน้องที่ต้องเอาปีศาจไปด้วยส่ายหน้าเต็มที่ “ได้ไงเล่าพี่ แล้วฉันจะบอกพวกเพื่อนๆว่ายังไงกัน ถ้าเอาไอ้บ้านี่ติดสอยห้อยตามไปด้วยน่ะ” เขาท้วง “ช่วงนี้ยิ่งโดนรุมกินโต๊ะอยู่” เจ้าตัวบ่นอุบอิบ

“จะบอกว่าอะไรก็บอกไปสิ” พระเพื่อนว่าหน้าตาย “แกมันแถเก่งอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คงไม่เกินความสามารถไม่ใช่หรอ”

พระสังข์หลุดขำทันที ในขณะที่พระไวยเบ้หน้า “ช่วงนี้ฉันรักษาศีลอยู่นะ พูดปดได้ที่ไหนเล่า”
มันก็ใช่นั่นแหละ ปกติสีข้างเขาหนามาก เพราะแถบ่อย ไม่หนาจริงเดี๋ยวได้เลือด

พระเพื่อนลอยหน้าลอยตา “ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็ยืนยันจะให้ชีวาไปกับแก”

“เฮ้ย! อะไรของพี่เนี่ย ใจคอจะไม่ถามกันซักคำเลยรึไงว่าสะดวกมั้ยอ่ะ” พระไวยร้องโวย

“ฉันไม่สนใจแกหรอก” พระเพื่อนบอก เจ้าหล่อนยกถาดอะลูมิเนียมที่เต็มไปด้วยชามเข้าเอว “แกต้องอยู่กับชีวาเขาไปอีกนาน ทำแบบนี้ก็ถูกแล้ว อีกอย่างที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ ก็เป็นแกที่ควรจะดูแลเขาสิ”


พระไวยได้แต่อ้าปากพะงาบๆอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะรีบไปคาดคั้นเอากับพี่ชาย

“พี่สังข์ พี่ไม่ได้เห็นด้วยกับพี่เพื่อนใช่มั้ย”

พระเพื่อนรีบชี้หน้าคาดโทษพี่ชาย “หยุดเลยนะพี่สังข์! ไม่อย่างนั้นฉันไม่หุงข้าวให้พี่กินจริงๆด้วย”

พระสังข์มองหน้าน้องสองคนแบบลังเล แล้วได้แต่ยิ้มแหยๆไปทางน้องชาย “โทษทีว่ะไอ้น้อง แต่ฉันกลัวไม่มีข้าวกิน แหะๆ”

พระเพื่อนส่งสีหน้าเยาะเย้ยในชัยชนะให้พระไวย “เสียใจด้วยนะน้องชาย แต่กองทัพมันเดินด้วยท้องจ้ะ” เจ้าหล่อนหันไปหาพี่ชาย “ไปช่วยกันล้างชามได้แล้วพี่สังข์ วันนี้เวรพี่ปิดบ้านด้วย”

พระสังข์ยิ้มแบบขอโทษขอโพยให้พระไวยอีกหน ก่อนจะรีบเดินลงจากเรือนตามน้องสาวไป


พระไวยฮึดฮัด อดทำหน้ายู่ยี่ใส่อีกสองคนที่เดินหายไปกับความมืดแล้วไม่ได้
เออ... อย่าให้เขาทำกับข้าวเป็นขึ้นมามั่งนะ อำนาจในบ้านเปลี่ยนแน่ คอยดูเหอะ!

คิดแล้วเจ้าตัวก็ลุกจากพื้นกระดาน หันไปค้อนให้เจ้าปีศาจหน้าเป็นแบบไม่มีเหตุผล ก่อนจะกระแทกเท้าโครมๆเดินไปที่ทางเชื่อมเพื่อกลับเรือนตัวเอง

เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นคนตัวโตลุกเดินตาม ก็เร่งฝีเท้าให้ไวกว่าเดิม เพราะประตูห้องอยู่อีกแค่ไม่ไกลนัก

คอยดู... คืนนี้มันจะต้องออกไปนอนนอกห้องเขา!

เชอะ! เจ้าปีศาจบ้า! ทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายยังไม่พอ ยังจะมาป่วนพี่ๆเขาให้คล้อยตามมันอีก!

คืนนี้อย่าหวังว่าจะให้นอนห้องเดียวกันเลย!








TO BE CON...


____________________________________________________________________________________________


เอาพระไวยมาส่งแล้วนะจ๊ะ  :mew1: ขอบคุณทุกคอมเม้น เป็ด กำลังใจ และการติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2013 19:42:16 โดย kamidere »

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
บอกเพื่อนไปว่าเก็บชีวาได้ตอนมามหาลัย :katai4:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
บอกเพื่อนไปเลย...พาแฟนมาแนะนำ 55555

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
แกล้งชีวาทำไมนิ เค้าออกจะน่ารัก

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 o22 o22 o22 o22ชีวาอายูหกพันปี o22 o22 o22 o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






lillapinn

  • บุคคลทั่วไป
เด็กแต่ก็ฟิตนะ ! 5555
6000ปีมันไม่เด็กหรอกนะคะ คุณชีวา  :beat:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
สรุปคุณชีวาไม่รู้ว่า สำหรับมนุษย์ 6000 ปีมันนานแค่ไหน :mew5:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 o22ชีวาคือมะนาวต่างดุ๊ด  อายุ 6000 ปี

เย้ยๆ นี่มันตัวอารายก๊านนนน!!! :hao7:

+ เป็ดคร๊าบ..


ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เเต่งยาวววววววววว เถิดค่ะ สนุกอ่ะช๊อบชอบ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
 ตามมาอ่านด้วยคนครับ
รอพระไวย  :L2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ บ้านนี้เห็นผีกันทั้งบ้านเลยสินะเนี่ย

ออฟไลน์ Crown

  • "รัก" ก็คือ "รัก"
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พระไวยน่ารักมากมาย
ชิชิชิ ชอบอ่ะ รอค่ะ

ออฟไลน์ maxiyorka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เมื่อไหร่จะ อัพ อัพ อัพ ได้ซักทีนะเทออออ (มาเป็นเพลงวุ้ย)

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ส่งต่อความสามารถกันเป็นทอดๆหรือเห็นกันทุกคน

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน  สนุกจัง  ดูจากวันที่อัพ  อยากให้มาอัพเร็วๆจัง  สนุกมากเลย :heaven

lillapinn

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

มาแล้ววววววววว  :hao7: :hao7: :hao7:

______________________________________________________________________________________________





CHAPTER 5 : การงอนของปีศาจ???





พระไวยเดินลิ่วๆไปที่ประตูห้องนอนตนเอง ก่อนจะรีบกระชากมันให้เปิดออก แล้วแทรกตัวข้ามธรณีเข้าไปอย่างว่องไว จากนั้นจึงงับประตูลงดาลโดยไม่สนใจเสียงเรียกของใครอีกคนหน้าห้อง

ทั้งหมดนี่ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที...

พระไวยมองประตูห้องแล้วฉีกยิ้มอย่างสะใจ คืนนี้ยังไงๆเจ้าปีศาจบ้ามันก็ต้องนอนนอกห้องเขา

ประตูฝั่งนี้ใช้สำหรับเดินออกไปยังทางเชื่อมเพื่อไปเรือนหลังอื่นๆเท่านั้น ส่วนประตูหน้าที่อยู่ติดชานเรือนก็ปิดแล้ว เพราะเขาคงจะไม่คิดออกไปเดินชมแสงจันทร์วันเพ็ญคืนนี้แน่ๆ

เหลือก็แต่ประตูเล็กที่ใช้สำหรับเดินลงไปอาบน้ำ... ซึ่งเขาก็ยืนอาบน้ำตุ่มอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ

หน้าต่างเรอะ สูงจนขโมยโบกมือลาไปแล้ว รับรองว่าไม่มีใครคิดอยากจะปีนขึ้นเรือนเขาที่สูงจากพื้นดินกว่าสี่เมตรแน่ๆ!



“เหอะ! เป็นไงล่ะ เชิญนอนนอกห้องไปซะเถอะไอ้ผีปีศาจ!”

“นั่นเจ้าพูดกับใครน่ะ”



“เฮ้ย!”
พระไวยหน้าตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกดังมาจากข้างหลัง เจ้าตัวรีบหันกลับไปมอง แล้วก็พบกับคนรูปหล่อตัวสูงใหญ่ยืนกอดอกนิ่งๆรออยู่แล้ว

“นี่...นี่ เข้ามาได้ยังไงวะ! นายยังอยู่ข้างนอกอยู่เลยนี่นา!”

ชีวาชะเง้อมองออกไปทางหน้าต่าง ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วใส่คนถาม “แล้วเจ้าเห็นว่าข้าอยู่ข้างนอกหรือเปล่าล่ะ”



พระไวยรีบหันไปชะโงกหน้าต่างตาม ตรงทางเดินข้างนอกนั่นไม่มีใครแล้วจริงๆ มีก็แต่ความมืดที่เริ่มโรยตัวมากขึ้นจนมองอะไรไม่ชัด

พระไวยเม้มปากขัดใจ พยายามจะยื่นหัวตัวเองออกไปยังประตูที่เป็นจุดบอด เผื่อพ่อคุณตัวดีจะแอบอยู่ตรงนั้น แล้งก็ส่งไอ้ตัวข้างหลังที่เป็นเวทมนต์หรือกลอะไรสักอย่างมาล่อ

ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่มีใคร...
ทั้งๆที่ไออุ่นจากคนข้างหลังก็ชัดเจน
แต่ทำไปเพราะไม่อยากจะสนใจใครอีกคนในห้องนัก ด้วยกลัวว่ารอยแดงๆจะวิ่งเป็นริ้วขึ้นหน้าให้ได้อาย...

และกลัวยิ่งกว่านั้น กลัวว่าจะเผลอใจกระตุกเพราะใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาปานเทวบุตร

นี่รู้สึกแปลกๆกับผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่

ชักจะบ้า...



“ตกลงเจอใครไหม” เสียงนุ่มๆถามยั่วเย้า

พระไวยทำตาปะหลับปะเหลือกใส่อากาศ ก่อนจะดึงหัวตัวเองกลับเข้ามาในห้อง
“ไม่เจอ” เขาตอบแบบรำคาญ “ถ้าเจอสิดี... จะได้นอนนอกห้องซะ” ท่อนท้ายนี้เขากระซิบเบาๆกับตัวเอง

คนฟังไม่วายหูดี “นี่เจ้าจะใจร้ายให้ข้าไปนอนข้างนอกเลยหรือ หากข้าไม่สบายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบกัน” ชีวาถามยิ้มๆ จงใจแกล้งมากกว่าจะต่อว่าจริงจัง “หรือว่าเจ้าหาข้ออ้างอยากจะดูแลข้าด้วยวิธีนี้”

พระไวยค้อนใส่ตาโต “ดูแลกับผีน่ะสิ!” เขาตวาดแว้ด “เออ! อยากจะนอนที่ไหนก็นอนไป แต่บนเตียงฉัน! ห้าม! ไม่งั้นคืนนี้นายอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ฉับรับรองได้!” เขาไม่วายขู่ให้อีกฝ่ายฟัง ก่อนจะเดินลงส้นเท้าตึงๆไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำ

ไม่ได้กลัวมันนะ สาบานว่าไม่ได้กลัวเล้ย!!!!



“ฉันจะไปอาบน้ำ” พระไวยบอกหน้าบูด “ส่วนนาย ก็หาของใช้ส่วนตัวเอาเองก็แล้วกัน ฉันไม่มีปัญญาจะหาซื้อให้หรอกนะ ดึกดื่นเย็นย่ำขนาดนี้ อยากอยู่ที่นี่ก็ช่วยจัดการตัวเองด้วย”

ชีวาก้มหน้ารับ “เชิญเจ้าตามสบาย เรื่องนั้นข้ารับผิดชอบได้”



พระไวยมองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ อดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้ที่เจ้าปีศาจดูจะทำตัวสบายๆเสียเหลือเกิน
จริงๆหมั่นไส้... คนอะไร หล่อไม่รู้จักเผื่อแผ่คนอื่นมั่งเลย

พระไวยสะบัดศีรษะไล่ความคิด

เรื่องอะไรจะต้องไปใส่ใจสนใจมัน ว่าจะอยู่ยังไงจะกินยังไง

ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดสักหน่อยหนึ่ง



คนหล่อเห็นผีเปิดประตูเล็กด้านข้างออก แล้วเดินลงบันไดไปเงียบๆ ไม่นานนัก อีกคนที่อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงสาดน้ำกระจายและเสียงขันกระทบผิวน้ำในตุ่ม

ชีวายิ้มลอยๆขึ้นมา คลื่นความสุขชนิดหนึ่งทำให้เขาอยากจะยิ้มกว้างๆ นานๆ

ไม่รู้ว่าเขาลืมวิธีการเป็นมนุษย์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ทว่าตอนนี้... เขาชักอยากที่จะเป็นมนุษย์อีกสักครั้ง

อย่างน้อยๆ ก็ตลอดเวลาที่จะต้องอยู่กับคนปากแข็งแต่น่ารักจับใจคนนั้น



แสงสีดำจางๆค่อยปรากฏขึ้นที่ผิวกายของชีวา จนดูคล้ายกับมีโซ่ขนาดใหญ่มาร้อยรัดตัวชีวาเอาไว้

เจ้าตัวมองนิ่งๆ แล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลั้นอารมณ์เพื่อข่มพลัง

สายโซ่น่ากลัวค่อยเลือนหาย ทว่าความอ่อนล้าเริ่มฉายชัดที่ผิวหน้าหล่อเหลา
ตอนนี้แรงเขามีน้อย เพราะไม่ได้เสพพลังชีวิตจากจิตวิญญาณตนเอง เนื่องจากดวงจิตย้ายไปอยู่ในร่างใครอีกคนอย่างถาวรเสียแล้ว

ยามปกติ สิ่งมีชีวิตเช่นพวกเขาจะอยู่ได้ด้วยพลังชนิดหนึ่ง ที่คล้ายๆกับพลังเวทมนต์ เรียกกันว่า พลังชีวิต หรือ ‘ไลฟ์’ โดยพลังที่ว่านั่นมีอยู่ในโลกเขาอย่างมากมายไม่จำกัด

ทว่า ในโลกมนุษย์ ในมิติที่แตกต่าง...

ไลฟ์เป็นสิ่งหายาก จนพวกเขาต้องคืนร่างจริงบ่อยๆเพราะร่างกายปรับสภาพไม่ได้เมื่อขาดแคลนแหล่งอาหาร
ไลฟ์ในร่างเป็นเสมือนพลังต้นกำเนิดของพวกเขา หล่อเลี้ยงชีวิต สร้างความยิ่งใหญ่ ทำให้ใช้เวทมนต์และเปลี่ยนร่างได้ รวมทั้งเป็นตัวที่ใช้ควบคุมสัญชาตญาณดิบแห่งเผ่าพันธุ์

อีกเรื่องหนึ่งที่ชีวายังไม่ได้บอกกับพระไวยก็คือ เมื่อเขาทำพันธะสัญญากับใครแล้ว คู่สัญญาจะต้องรับผิดชอบเรื่องการถ่ายไลฟ์ให้เขาตลอดชีวิต อันเนื่องมาจากลักษณะทางกายภาพของมนุษย์ที่แตกต่างจากพวกเขา ทำให้ไม่สามารถดึงไลฟ์ที่ว่าออกมาได้เอง

เพียงแต่ว่า... วิธีการเอาไลฟ์ออกจากร่างมนุษย์ มันค่อนข้างจะแปลกๆอยู่สักหน่อย

ไลฟ์ก็เป็นเหมือนอาหาร ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันก็คืออาหารสำหรับ ‘อินเทลิเจนท์’ อย่างพวกเขา
ขาดแคลนมัน แม้จะไม่ถึงตาย... แต่ก็จะหลับใหลในสภาพที่ยังหายใจไปตลอดกาล

หลับอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะสิ้นอายุ


แท้จริงแล้ว การทำพันธะกับใครสักคนหนึ่ง มีความเสี่ยงมากมายกว่าที่คิด

พวกเขาต้องปกป้องคู่สัญญา ซึ่งเป็นผู้รักษาดวงจิต เพราะหากคู่สัญญาตาย เท่ากับพวกเขาก็ต้องตายตามไป
อินเทลิเจนท์อย่างเขาต้องการไลฟ์ หากไม่มีไลฟ์... พวกเขาจะควบคุมสัญชาตญาณตนเองไม่ได้

ชีวาแทบไม่กล้าคิด ว่าหากเขาเกิดหลุดการคอนโทรลขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้นกับพระไวย...

มันน่ากลัว พอๆกับที่น่าลิ้มลองจนตัวสั่น...



แต่ชีวาไม่ต้องการเสี่ยง

ชีวิตเขาเสี่ยงมามากพอแล้ว ทำมนุษย์ตายไปมากแล้ว เขาไม่ต้องการทำให้ตนเองต้องทนกับอีกหลายพันปีไปกับความขมขื่นและเจ็บปวด
พระไวยจะเป็นคนสุดท้าย และคนแรก ที่เขาจะปกป้องรักษาจนปลอดภัย และตายพร้อมเขา...

ต่อให้ต้องอ้อนวอนเพียงใด ชีวาก็จะต้องให้พระไวยยอมนำไลฟ์ออกมาแต่โดยดีให้ได้
ไม่อย่างนั้น ลืมไปได้เลยเรื่องที่เขาจะมีโอกาสได้เสพไลฟ์... และลืมไปได้เลยที่พระไวยจะรอด

นอกจากนี้ เขานี่แหละที่จะต้องตายก่อน



เสียงลงฝีเท้าดังมาเบาๆ ชีวาที่ยืนคิดเรื่องอื่นๆอยู่ก็หันไปมองที่ประตูเล็ก

พระไวยอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาเดินตัวสะอาดมีผ้าเช็ดตัวพันเอวขึ้นมาบนเรือน แต่หน้าตายังบูดๆอยู่ตอนที่มองผู้ร่วมห้องอีกคนหนึ่ง
“ให้เวลาสิบนาที ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ แล้วรีบมานอน ฉันจะปิดไฟ” เจ้าเรือนบอกห้วนๆสั้นๆ ก่อนจะเดินเลยปีศาจหน้าหล่อไปยังตู้เสื้อผ้าไม้สักหลังใหญ่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

ชีวายิ้มจางให้แผ่นหลังเล็กขาวละเอียดที่มีรอยสักสีน้ำเงินเข้มปรากฏเป็นทางยาว พระไวยเองก็ยังหน้ามุ่ยเมื่อมองเห็นมันจากกระจก

ที่เขาไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวอีกฝ่ายจะยันเท้าใส่ ก็คือความหมายของรอยสักรูปร่างประหลาดนั่น ที่เหมือนกันกับของเขาทุกกระเบียดนิ้ว



สิ่งนี้... เป็นสัญลักษณ์แห่งผู้ที่ทำพันธะสัญญากับเผ่าพันธุ์ของเขา โดยรูปร่างของมันจะแตกต่างกันตามรอยสักประจำตัวอินเทลิเจนท์แต่ละตน และมันยังสื่อถึงการครอบครอง การเป็นเจ้าของ

รอยสีน้ำเงินสวยสดใสนั่น เป็นสิ่งที่บอกความหมายว่า... พระไวย... เป็นของเขา

อีกไม่ช้าไม่นาน มันจะค่อยๆเปลี่ยนสี จนกลายเป็นสีเดียวกันกับคู่สัญญา

เมื่อถึงเวลานั้น ก็แสดงว่า ดวงจิตของเขาและพระไวย เป็นหนึ่งเดียวกัน...

ซึ่งชาตินี้ ไม่มีวันจะหนีกันได้พ้น



ชีวาละสายตาจากการเคลื่อนไหวช้าๆเนิบนาบของพระไวยมายังอากาศเบื้องหน้าตนเอง

พระไวยบอกให้เขาอาบน้ำ และต้องอาบโดยเร็ว เพราะเจ้าตัวอยากจะนอน
จริงๆเขาก็เห็นด้วยแหละที่เขาควรจะอาบเร็วๆ แม้เขาจะไม่สกปรกก็ตามที
แต่ที่เขาเห็นด้วย ไม่ใช่เพราะว่าเขาง่วง หรือเขาอยากให้พระไวยนอน

เขามี ‘เรื่อง’ ที่จะต้องให้อีกฝ่ายช่วยต่างหาก



น้ำเย็นเฉียบสัมผัสผิวกายแน่นตึงกำยำ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะสามทุ่ม อากาศเย็นโรยตัวให้อยากจะกลับเข้าเรือนไวๆ
ชีวาสาดน้ำเข้าร่างด้วยขันพลาสติก ทว่าเขาไม่อาทรร้อนใจกับอากาศที่เริ่มหนาวและน้ำตุ่มที่เย็นยะเยือก

ชีวาเป็นพวกธาตุเย็น และออกจะชื่นชอบกับความเย็น แท้จริงแล้ว ที่อากาศหนาวจนแทบจะต้องใส่เสื้อกันหนาวอย่างนี้ เป็นเพราะรัศมีพลังของเขาทำให้เป็นไป

ตัวของชีวาอุ่นปกติเหมือนมนุษย์ เพียงแต่คลื่นความกดดันของเขามักจะแผ่ออกมาในรูปของไอความเย็น หรือสภาพอากาศ ทำให้ตอนนี้ อากาศที่บ้านพระไวยค่อนข้างจะเหมือนช่วงเดือนธันวาหรือมกราคม แต่ก็ไม่ได้หนาวจัดราวกับขั้วโลก หรือบนดอยบนเขา

ชีวาหยุดอาบน้ำ เมื่อรู้สึกว่าตนเองน่าจะสะอาดแล้วตามเกณฑ์ของมนุษย์ เขาวางขันที่เนรมิตมาด้วยเวทมนต์ แล้วเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาพันรอบเอวไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงใช้ผ้าอีกผืนจัดแจงเช็ดตัวเงียบๆ

เสื้อผ้าอย่างมนุษย์ ชีวาก็จำต้องเสกออกมาเอง เพราะขนาดตัวแบบเขา ไม่มีเสื้อผ้าชุดไหนของพระไวยที่จะให้ยัดตัวลงไปได้ ดีไม่ดี เกิดขาดขึ้นมา เขามีหวังต้องระเห็จไปนอนนอกห้อง

ชีวาไม่อยากจะใช้พลังในการหายตัวหรือเนรมิตของออกมามากนัก เพราะตอนนี้เขายิ่งไม่ค่อยจะมีแรง

แต่ว่า หากการกลับมาอยู่ในร่างแปลงแล้วทำได้ขนาดนี้ ก็นับว่าพลังเวทย์เขายังไม่ตกหรือลดถอย พอจะสบายใจได้ไปเปลาะหนึ่ง
รอให้เสพไลฟ์สำเร็จก่อนเถอะ... เขาคนเดิมที่แกร่งและเก่งยิ่งกว่านี้ก็จะฟื้นคืนขึ้นมา

ทีนี้.. เขาก็จะปกป้องพระไวยได้อย่างที่ใจหวัง





“มานอนได้แล้ว” พระไวยเรียกชีวาที่แต่งตัวเรียบร้อยมาจากข้างล่าง “ลงดาลประตูซะ แล้วนี่ก็ที่นอนนาย”

ชีวาหันกลับไปลั่นดาลประตูเล็กจนแน่ใจว่าแน่นดี แล้วจัดการหาที่พาดผ้าขนหนูเอาแถวๆนั้น ทว่า พอกลับมามองยังที่นอนของตนเองตามที่พระไวยว่า เขาก็ต้องขมวดคิ้ว

แม้จะไม่ได้เป็นแปลงเป็นมนุษย์มานานมากๆก็ตาม แต่ชีวาก็จำได้ว่าที่นอนของมนุษย์ไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ



“นั่นอะไร” ท้ายที่สุด ปากก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ที่นอนนายไง” พระไวยว่าหน้าตาย “รู้แล้วก็มานอนเสียที ฉันจะได้ปิดไฟ”



ชีวายังยืนงงอยู่ตรงที่เดิม พลางเขม้นมอง ‘ที่นอน’ ของตัวเองชัดๆ

ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาอะไรกับการนอนที่พื้นเย็นๆแข็งๆหรอกนะ ให้นอนอย่างนั้นเลยก็ได้ เพราะที่ผ่านมาก็นอนกลางดินกลางป่าอยู่บ่อยๆ พื้นไม้กระดานขัดมันเรียกว่าเป็นความสบายที่หาได้ยากเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ไม่เข้าใจ คือถ้าจะให้เขานอนกระดาน? แล้วไยไม่บอกมาตรงๆ ทำไมต้องส่งหมอนเน่าๆท่าทางเหมือนไม่ได้ซักมาชาตินึงอย่างนั้นมาให้เขาด้วย!?



“เดี๋ยวนะ” ชีวาร้องขัด “นั่นเจ้าเอาอะไรมาให้ข้า? หมอนรึ?”

พระไวยที่คลี่ผ้าห่มอยู่หันมามองคนถามด้วยความงง แล้วเบนไปยังต้นเหตุของชีวา ก่อนจะกลับมามองอีกฝ่ายใหม่ “ก็หมอนน่ะสิ มันมีอยู่อีกใบในตู้ แต่ฉันไม่ได้ใช้ จะให้นายนอนกระดานก็ยังไงอยู่ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่ดูแล” พระไวยบอกเสียงขุ่น “วันนี้ใช้ไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาใบเก่าๆของพี่สังข์มาให้”



ชีวากลอกตาไปมาเหลือกๆครั้งแรก แล้วพ่นลมออกจากปาก

เฮ้อ...

แบบนี้ไม่ใช่แค่ไม่ดูแล แต่เรียกเหยียบย่ำซ้ำเติมนะ ...พระไวย
แค่เจ้าบอกมาคำเดียวว่าให้ข้าหาใช้เอาเอง แค่นั้น... ข้าจะไม่รู้สึกน้อยใจเจ้าเลยสักนิด

ให้ข้าดิ้นรน ยังดีกว่าเจ้าเสือกไสไล่ส่ง ทำกับข้าแบบขอไปทีเช่นนี้



พระไวยกำลังจะล้มตัวลงนอน แต่ก็ชะงัก เพราะคนตัวยักษ์อีกคนยังยืนนิ่ง

เขากำลังจะด่าอีกฝ่ายเพราะความง่วงงุน และพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า แต่เมื่อเห็นรอยเสียใจและตัดพ้อจางๆในดวงตาคมเข้มชวนหลงใหล ปากก็หุบฉับเสียอย่างนั้น

เจ้าบ้านั่นมันเป็นอะไร...


“เป็นอะไร” พระไวยลองถาม คราวนี้เขาพูดดีๆ “ทำไมไม่มานอนล่ะ”



ชีวาเมินไปอีกทาง

หน่วงๆในอกยังไงไม่รู้ ที่ดูเหมือนอีกคนจะรังเกียจกันขนาดนี้

“ถ้าเจ้าอยากให้ข้าออกไปนอนข้างนอกนัก บอกข้าดีๆคำเดียว ข้าก็จะทำให้” เสียงทุ้มๆเจือความน้อยใจ “ข้าจะไปนอนข้างนอก ขอโทษด้วยที่รบกวนเจ้า” พูดจบ เจ้าตัวก็ล่องหนแวบออกไป



พระไวยอ้าปากค้าง รู้สึกมันงงขึ้นมากะทันหัน

นี่เขาพูดอะไรผิดไปวะ? ทำไมดูไอ้หมอนั่นจะงอนๆยังไงก็ไม่รู้

ปีศาจมันมีมุมนี้ด้วยเรอะ?

พระไวยหันไปมองที่ประตูทางเชื่อมเรือน แล้วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองไปที่หมอนใบเก่าดำๆที่วางอยู่บนพื้นตรงมุมหนึ่งไกลเตียงตนเอง

หรือมันจะน้อยใจที่เขาเอาหมอนเก่าๆเยินๆมาให้มัน?


พระไวยเริ่มฟุ้งซ่าน คิดกังวลไปต่างๆนานา
ยิ่งได้ยินเสียงพื้นกระดานลั่นเบาๆด้านนอก ใจก็ยิ่งว้าวุ่น

นี่มันโกรธเขาหรอ? น้อยใจเขาเรื่องอะไรเนี่ย?

รึว่ามันไม่อยากอยู่กับเขา? มันเบื่อเขาแล้วเรอะ! ทีนี้เขาจะตายรึเปล่าเนี่ย!

โอ๊ยยยย คิดไม่ออกวุ้ย! ไม่คิดแล้วววว




สุดท้าย ทางเลือกของพระไวยก็คือดึงผ้าห่มมาคลุมโปงซะ แล้วดับโคมไฟหัวเตียง พยายามจมลงสู่ห้วงนิทราโดยไว
นอน! นอนซะพระไวย ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น! มันจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันเหอะ!





ดึกมากแล้ว และอากาศข้างนอกก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าตอนหัวค่ำ เพราะรังสีรอบๆตัวใครบางคนทวีความแรงขนาดหนัก
ชีวานอนนิ่งๆอยู่ที่ทางเชื่อมเรือน สายตาทอดจับไปยังกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่เรียงรายกันสุกสกาว

แสงจันทร์สีนวลทอแสงอ่อนโยนเย็นระเรื่อยมายังใบหน้าคมคายหล่อเหลา ราวกับกำลังจะปลอบคนที่อยู่ในอาการ ‘น้อยใจ’

ชีวาหลับตาลง ทว่าไม่วายขมวดคิ้วอยู่นั้น ลองที่จะหลับหลายครั้งแล้ว แต่ก็หลับไม่ได้

ใจมันพะวงไปถึงผิวเนื้อนิ่มละมุนหอมละไม ที่ตนได้มีโอกาสสัมผัสครั้งโอบอุ้มอีกฝ่ายไว้ในวงแขนเมื่อตอนเย็น
น้อยใจนั่นแหละ แต่ก็แค่นั้น...

เมื่อนึกถึงความลำบากที่พอจะสัมผัสได้จากอีกฝ่าย ใจเขาก็อ่อนยวบ

ไม่เคยรู้สึกอย่างรุนแรงกับใครแบบนี้มาก่อนเลย

คิดแล้วคิดอีก คิดวนเวียนไปมา ที่สุด ก็ต้องทำตามสิ่งที่ความรู้สึกเรียกร้อง

แค่อยากเห็นว่าคนข้างในนอนหลับสบายดี แค่นั้นจริงๆ...





เทวบุตรรูปงามหายตัวเข้าไปด้านใน

ชีวาส่ายหน้า เมื่อมองเห็นก้อนกลมเล็กๆคู้ตัวขดตัวอยู่บนเตียง หัวคิ้วนั่นมุ่นเข้าหากัน

ตัวแค่นี้ อายุแค่นี้ แต่คงจะแบกปัญหาเอาไว้มากทีเดียว

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาต้องยอมแพ้กับความสงสารอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

สองเท้าก้าวเดินไปใกล้ๆ แล้วก็ขยับมือจัดแจงผ้าห่มให้คลุมตัวดีกว่านี้ ด้วยกลัวว่าคนหลับจะหนาว

พอนิ้วแตะหัวคิ้วได้ หัวทุยกลมๆก็ขยับเข้าหาฝ่ามือของเขาอย่างต้องการความอบอุ่น

ชีวายิ้ม บรรจงคลายอาการขมวดปมเป็นโบให้อย่างแผ่วเบานุ่มนวล



พระไวยเหมือนจะสะลึมสะลือขึ้นมาในจังหวะหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงอ้อแอ้ราวเด็ก

“อือ... ขอโทษนะปีศาจ... อย่าน้อยใจ...” น้ำเสียงนั้นไม่ค่อยชัด อาจเพราะความง่วง แต่ถ้อยคำก็เข้าสู่หัวใจคนฟังได้แจ่มแจ้ง


ชีวาก้มลงไปสูดความหอมแบบกลิ่นเด็กใกล้ๆ ทว่า... ไม่กล้าแตะผิวใสระเรื่อ

ในความหอมนั้น ชีวาได้รับพลังงานบางอย่างเข้าไปด้วย ความเกร็งเครียดตามร่างกายและความอ่อนล้ามลายหาย เหลือแต่ความสดชื่นแจ่มใส


เพียงน้อยนิด... แต่กลับทำให้พลังฟื้นคืนอย่างน่าพิศวง

อา... พลังของเจ้ามันช่างอัศจรรย์นัก พระไวยของข้า


ชีวาค่อยๆถอยห่างออกมา แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ
เตียงที่เคยแข็งกลับพลันนุ่มสบายจนใครอีกคนหลับลึกลงนิทรา
ผ้าห่มผืนเก่าหอมใหม่สะอาดอย่างน่าตกใจ และหมอนแข็งๆก็นิ่มขึ้น

ชีวายิ้มกว้างให้คนหลับ เกลี่ยปอยผมให้เห็นหน้าขาวเนียน
ดวงตาคมกล้าค่อยปิดลง แล้วขยับไปอีกมุมหนึ่งของเตียง


เอาเป็นว่า... มาถึงขั้นนี้แล้ว ขอนอนด้วยก็แล้วกันนะเจ้า









TO BE CON...



___________________________________________________________________________________________


มาก่อนตามคำเรียกร้อง เดี๋ยววันหลังมาจัดหน้า ไปล่ะนะ พรุ่งนี้ไปเรียนค่าาาา

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao3: :hao3: :hao3:น่ารักชะไม่มีพระไว :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

lillapinn

  • บุคคลทั่วไป
วิธีเสพไลฟ์มันคือ ..  :hao6: ใช่ไหมคะ? 555
แค่ได้กลิ่นเค้าก็ชื่นใจแล้ว ชีวาเป็นเอามากนะเนี่ย  :-[
ไปแล้วว พรุ่งนี้เราก็มีเรียน ;__;

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
น่าน้อยใจมากอ่ะ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด