Special Rule#1
“หนูข้าว เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”
ขวัญข้าวที่เหลือบมองประตูรั้วบ้านสลับกับมันฝรั่งที่กำลังปอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมารดาของจอมทัพทักขึ้น วันนี้เป็นวันที่พ่อกับแม่ของเขาจะมาพบกับพ่อแม่ของจอมทัพเป็นครั้งแรก ร่างสูงอาสาไปรับพ่อกับแม่ของเขาที่บ้านขณะที่ขวัญข้าวอยู่ช่วยแขไขจัดเตรียมอาหารกลางวัน ร่างเล็กถูกคนรักพามาปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เช้า ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะเขาวิ่งวุ่นอยู่ในครัวทั้งวันจนแทบไม่มีเวลากังวลอะไรมากนัก แต่เมื่อเขาเผลอเมื่อไหร่ ความกังวลที่สะสมมาตลอดหลายวันก็ผุดขึ้นมาในหัวเสมอ
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าพี่นายน่าจะใกล้ถึงแล้วน่ะครับ”
ขวัญข้าวตอบมารดาของคนรัก คุณหญิงแขไขอมยิ้ม เอื้อมไปหยิบมันฝรั่งอีกหัวในตะแกรงล้างขึ้นมาช่วยร่างเล็กปอกอีกแรง
“เมื่อกี้นายโทรมาบอกแล้วจ้ะว่าขอแวะซื้อขนมหวานก่อน เห็นว่าผ่านเจ้าโปรดของหนูข้าวพอดีน่ะจ้ะ”
“เอ๋…อีกแล้วเหรอครับ”
ขวัญข้าวเอ่ยอย่างหนักใจ ตั้งแต่คบกับจอมทัพมาน้ำหนักของเขาขึ้นมาตั้งสองกิโล นี่เขาต้องใช้เวลาหมกตัวอยู่ในฟิตเนสอยู่หลายสัปดาห์กว่าจะเอาน้ำหนักกลับลงมาได้ แต่จอมทัพก็ยังคงไม่ยอมหยุดประเคนเขาด้วยของกินมากมาย จนตอนนี้ขวัญข้าวต้องชิงป้อนอีกฝ่ายเพื่อลดปริมาณอาหารที่ตนต้องกิน แต่นอกจากจอมทัพจะไม่พองขึ้นแล้ว กล้ามเนื้อเป็นมัดสมส่วนที่ได้จากการออกกำลังทุกครั้งที่มีโอกาสยังดูฟิตและเฟิร์มมากกว่าตอนที่พวกเขาคบกันใหม่ๆเสียอีก
“เดี๋ยวแม่ทำในนี้ต่อเอง หนูข้าวพาน้องโชไปจัดโต๊ะเถอะจ้ะ”
เนื่องจากในครัวมีทั้งมารดาของจอมทัพและเด็กรับใช้อีกสองสามคน ขวัญข้าวจึงพยักหน้ารับโดยไม่ต้องกังวลว่าคุณแขไขจะต้องทำอาหารทุกอย่างคนเดียว ร่างเล็กเอาจานและเครื่องเงินต่างๆออกมาวางไว้ที่โต๊ะอาหารตัวยาวที่ทำจากไม้สักราคาแพงเคลือบเงาอย่างดี ข้าวของในบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรขวัญข้าวก็รู้สึกเกร็งไปหมด ถ้าทำตกขึ้นมาต่อให้ขายบ้านใช้ขวัญข้าวก็ไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอ
“น้องโชช่วยนะฮะ”
เด็กน้อยที่กำลังเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางเตรียมต้อนรับแขกอย่างที่คุณย่าของตัวเองสั่งวิ่งตื๋อมาหาเขาโดยไม่ต้องเรียก ขวัญข้าวนึกชื่นชมการเลี้ยงดูหลานของคุณแขไขที่ทำให้หลานชายมีบุคลิกที่มครเห็นก็ต้องเอ็นดูแบบนี้
“ครับ งั้นน้องโชวางแผ่นรองจานกับช้อนส้อมนะครับ เดี๋ยวพี่จะจัดจานกับแก้วน้ำ”
เมื่อจัดแจงแบ่งหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็เริ่มลงมือจัดโต๊ะอาหาร ถึงแม้ขวัญข้าวจะดีใจที่จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จทันเวลา แต่นั่นก็หมายความว่าเขามีเวลามากพอให้ความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมองของเขาก่อนหน้านี้
เขารู้ว่าครอบครัวของจอมทัพเอ็นดูเขาแค่ไหน และบิดามารดารวมถึงน้าของเขาก็เอ็นดูจอมทัพไม่ต่างกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าครอบครัวของพวกเขาทั้งสองจะเข้ากันได้ แค่พื้นฐานด้านการเงินของบ้านเขากับบ้านของจอมทัพก็คนละเรื่องกันแล้ว ขวัญข้าวไม่อยากคิดเลยว่าความแตกต่างของพวกเขาจะทำให้การสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านยุ่งยากกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่
“พี่ข้าวฮะ...”
ยิ่งคิดจิตใจยิ่งไม่สงบ
“พี่ข้าวฮะ...”
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น เรื่องของเขากับคุณจอมทัพ...
“พี่ข้าวฮะ น้ำล้นหมดแล้วฮะ!!”
ขวัญข้าวสะดุ้งกับเสียงของน้องโช ก้มลงมองน้ำที่ไหลท้นจากแก้วจนเจิ่งนองรอบฐานแก้ว เลขาร่างเล็กรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้าบนโต๊ะก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ นึกโกรธตัวเองที่ใจลอยไม่รู้เวล่ำเวลา
“พี่ข้าว ไปนั่งเล่นกับน้องโชรออานายดีกว่านะฮะ”
เด็กน้อยที่เห็นว่าคนรักของอามีท่าทีไม่ค่อยดีเสนอขึ้น จูงมือขวัญข้าวให้เดินตามไปที่ห้องของเล่น ขวัญข้าวนั่งลงบนพื้นตามแรงดึงของน้องโช พยายามปั้นสีหน้าให้กลับมาสดใสเพื่อที่เด็กชายจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขาไปด้วย
“วันนี้คุณเอ็มไปไหนเหรอครับ?”
“ป๊ะป๋าไปประชุมที่สำนักพิมพ์ฮะ พี่ข้าวฮะ...” น้องโชขยับเข้ามานั่งใกล้ๆเขา ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยความเป็นห่วงที่เด็กอายุเท่านี้ไม่ควรจะรู้จัก “...ทะเลาะกับอานายมาเหรอฮะ?”
“เอ๊ะ..เปล่าครับ” ขวัญข้าวส่ายหน้าพรืด นี่เขาทำให้น้องโชต้องเป็นกังวลไปด้วยจริงๆด้วยสิ
“เหรอฮะ ค่อยยังชั่ว” รอยยิ้มสดใสกลับคืนสู่ใบหน้าของเด็กน้อยอีกครั้ง ก่อนที่เสียงรถยนต์ที่หน้าบ้านจะทำให้ทั้งสองหูผึ่ง
“อานายมาแล้วแน่ๆเลยฮะ ไปรับอานายกันดีกว่าฮะพี่ข้าว”
ขวัญข้าวลุกตามน้องโชที่ลุกเด้งจากพื้นประหนึ่งลูกบอลเด้งดึ๋งที่เต็มไปด้วยพลังงาน ภาพแรกที่เห็นคือคนรักจนรถแทบจะเกยประตูบ้านเพื่อให้พ่อและแม่ของเขาเดินในระยะทางที่น้อยที่สุด แถมยังกุลีกุจอรีบลงมาจากถเพื่อเปิดประตูให้ผู้อาวุโสทั้งสองแล้วเปิดท้ายรถหอบเอาข้าวของมากมายลงมาเองคนเดียวอีกด้วย
“ผมช่วยถือครับ” ขวัญข้าวรีบเข้าไปช่วยคนรัก แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าพรืด ซ้ำยังยกถุงขนมหนีไม่ให้เขาช่วยอีกด้วย
“ไม่เอา เดี๋ยวขวัญเหนื่อย”
แต่ก่อนจะได้เถียงอะไรไปมากกว่านั้นเหล่าคนรับใช้และคนสวนก็เข้ามาช่วยจอมทัพถือและเอารถของร่างสูงไปเก็บในโรงรถ เป็นภาพความวุ่นวายที่เห็นได้แทบจะทุกครั้งที่เขามาบ้านของจอมทัพ
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่”ขวัญข้าวยกมือไหว้บิดามารดาของตน
“สวัสดีฮะคุณตาคุณยาย”
น้องโชร้องขึ้นเสียงใส กระพุ่มมือไหว้เลียนแบบคนรักของอาพร้อมด้วยรอยยิ้มน่ารัก เรียกได้ว่าขโมยหัวใจผู้มาใหม่ทั้งสองไปแทบจะในทันที
“โอ๊ย ทำไมถึงได้น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ชื่ออะไรจ๊ะหนูน้อย”
“น้องโชฮะ เป็นหลานอานายฮะ”
รู้ตัวอีกทีเด็กน้อยที่เพิ่งเคยเห็นบิดามารดาของขวัญข้าวเป็นครั้งแรกก็จูงมือคนทั้งสองเข้าไปในบ้าน พูดคุยเรื่อยเปื่อยเสียงเจื้อยแจ้วไปตลอดทางเสียแล้ว ขวัญข้าวกระพริบตาปริบๆ ไม่มั่นใจว่าควรจะรีบตามไปดีหรือไม่
“ทำกับข้าวกับแม่เหนื่อยมั้ยขวัญ แม่ฉันเวลามีแขกมาชอบจัดชุดใหญ่ทุกที”
สัมผัสของผ้าเช็ดหน้าเนื้อดีนุ่มลื่นที่ขวัญข้าวเป็นคนเลือกซื้อเองกับมือซับลงบนหน้าผากที่ชื้นเหงื่อจากการวิ่งวุ่นมาตลอดทั้งเช้า ขวัญข้าวส่ายหน้า
“ไม่เหนื่อยเลยครับ สนุกดี”
“อย่าพูดอย่างนี้ให้แม่ได้ยินนะ เดี๋ยวแม่เอาตัวขวัญมาทำครัวด้วยทุกวันฉันเหงาแย่เลย” จอมทัพหยอกยิ้มๆ เก็บผ้าเช็ดหน้ากลับใส่กระเป๋าแล้วเอื้อมมือมาจับมือของคนรักไว้ “เข้าบ้านกันดีกว่า”
“ครับ”
ขวัญข้าวเพิ่งรู้สึกตัวว่าขาของตนแข็งจนแทบก้าวไม่ออก ดีที่จอมทัพออกแรงดึงเบาๆทำให้เขาก้าวตามอีกฝ่ายไปอย่างเชื่องช้า
เวลาแห่งความจริงมาถึงแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“…ละครเรื่องนั้นสนุกจริงๆนะคะ บ้านนี้เนี่ยติดกันงอมแงม...”
“พระเอกคนนั้นก็ล้อหล่อนะคะ...”
กลายเป็นว่าเวลาและสุขภาพจิตที่ใช้กังวลทั้งหมดนั้นหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ มารดาของเขากับคุณนายแขไขยังไม่หยุดพูดคุยกันตั้งแต่เจอหน้า ราวกับเป็นเพื่อนสนิทที่พลัดพรากจากกันมานาน พ่อของเขากับบิดาของจอมทัพถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากแต่ก็พอดูออกว่าเข้ากันได้ดี ส่วนน้องโชนั้นก็โดนหญิงทั้งสองกอดไปหอมมาจนเริ่มตาลาย แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรตามประสาเด็กดีว่าง่าย
“ทุกคนดูจะเข้ากันได้ดีนะว่ามั้ย”
จอมทัพกระซิบข้างหูเขา ขวัญข้าวพยักหน้า ตักผัดผักใส่จานของจอมทัพตามความเคยชิน จอมทัพไม่ได้เป็นคนทานผักยาก แต่ถ้าให้เจ้าตัวทานเองชายหนุ่มก็มักจะไม่ค่อยตักเท่าไหร่ ขวัญข้าวรู้สึกถึงรอยยิ้มรู้ทันของทุกคนรอบโต๊ะ พวงแก้มป่องน่ารักแดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับใคร
“ขวัญ อ้ำ”
แต่คนที่มีภูมิต้านทานต่อโลกภายนอกมากเสียจนขวัญข้าวเป็นห่วงหาได้สะทกสะท้าน จิ้มขนมชั้นพอดีคำจ่อป้อนที่ริมฝีปากของคนรัก ถึงแม้จะอายจนแทบม้วนลงไปใต้โต๊ะ ขวัญข้าวก็ยังคงอ้าปากรับอย่างกลัวคนรักเสียน้ำใจ
“หวานกันเข้าไปคู่นี้ นี่จะไม่เกรงใจคุณพ่อคุณแม่หนูข้าวหน่อยเหรอตานาย”
คุณแขไขดุเสียงไม่จริงจังนัก จอมทัพยิ้มกว้าง
“เอาพวงมาลัยไปขอขมาไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
บรรยากาศในโต๊ะอาหารดำเนินต่อไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ขวัญข้าวช่วยคนรับใช้นำจานชามกลับไปล้างในครัวทั้งที่เจ้าของบ้านยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องช่วย เมื่อกลับออกมา ผู้ใหญ่ทุกคนก็ย้ายสถานที่คุยไปที่ศาลาในสวนหลังบ้าน ส่วนน้องโชนั้นกลับไปนั่งเล่นในห้องของเล่นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“…ตอนเช้าพี่ว่าเราน่าจะทำบุญเลี้ยงพระกันซักหน่อยนะคะ แล้วก็พิธีรดน้ำสังข์ ตอนเย็นก็จัดงานเลี้ยงที่บ้าน....”
“คุยอะไรกันอยู่ครับเนี่ย”
ขวัญข้าวนั่งลงข้างจอมทัพ กระซิบถามคนรักที่นั่งเงียบฟังคำพูดของมารดาของตนที่คุยกับแม่ของคนรักอย่างผิดวิสัย ถึงแม้
แขไขจะดูเป็นคนเดียวที่พูดโดยที่คนอื่นพยักหน้าสมทบเท่านั้น
“กำลังคุยเรื่องงานแต่งของพวกเราอยู่น่ะ”
“อ๋อ ครับ...ห๊า!!”
ร่างเล็กร้องเสียงหลง เรียกความสนใจของพวกผู้ใหญ่ให้หันมาหาเขา
“มาพอดีเลยหนูข้าว ตอนกลางคืนหนูข้าวอยากจัดงานที่โรงแรม หรือจัดที่บ้านดีจ๊ะ”
“เอ่อ...คะ..คือว่า...”ขวัญข้าวหันไปหามารดาของตนอย่างขอความช่วยเหลือ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ช่วยแล้วยังจ้องตอบกลับมาอย่างต้องการคำตอบเช่นกัน ร่างเล็กกลืนน้ำลาย ก่อนจะตอบตามความเป็นจริงด้วยคำพูดที่ถนอมน้ำใจทุกฝ่ายที่สุด“ผม...ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ขอโทษด้วยนะครับ”
“เอ๊ะ...ทำไมล่ะจ๊ะหนูข้าว ไม่อยากแต่งงานกับตานายเหรอ?” แขไขถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ยังไม่ทันจะได้คำตอบ คุณนายของบ้านก็ฟาดป้าบเขาไปที่หลังของลูกชายตัวดีจนสะดุ้งโหยง “ตานายนะตานาย ได้เด็กดีขนาดนี้มาเป็นยังจะไม่รักษาไว้อีก มันน่านัก ฮึ่ย!”
“มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”ขวัญข้าวรีบปกป้องคนรักก่อนจะโดนประทุษร้ายไปมากกว่านี้ “คือ...ผมแค่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีเกินที่ผมฝันไว้แล้วน่ะครับ”
“โธ่ หนูข้าว...” แขไขยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกเอ็นดูความคิดความอ่านของเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน “แล้วแบบนี้แม่ประกาศให้คนอื่นรู้ได้ยังไงละจ๊ะว่าหนูข้าวมีเจ้าของแล้ว”
“ขวัญเขาไม่ชอบเป็นจุดสนใจน่ะครับ” จอมทัพตอบแทนคนรัก โอบเอวบางของร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆเข้ามาใกล้ “อะไรที่ขวัญทำแล้วไม่สบายใจ ผมก็ไม่อยากให้ทำหรอกครับ”
“อย่างน้อยๆก็ทำบุญเลี้ยงพระให้แม่หน่อยได้มั้ยจ๊ะหนูขวัญ ให้เป็นศิริมงคลกับชีวิต ตอนเย็นก็ทำอาหารทานกันแค่ครอบครัวเรา ถือว่าเป็นการฉลองเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ทั้งสองคน ดีมั้ยจ๊ะ”
มารดาของจอมทัพหว่านล้อม ดึงมือของขวัญข้าวมากุมไว้ เลขาตัวน้อยพยักหน้าช้าๆอย่างเกรงใจ
“ได้ครับคุณแม่...”
“น่ารักจริงๆลูกข้าวของแม่ มาให้แม่กอดทีซิ”
ขวัญข้าวยิ้มเจื่อน ได้แต่เลยตามเลยกับแผนการที่ว่าที่แม่สามี(?)ของเขาร่ายยาวเป็นหางว่าว ถึงแม้จะยืนยันกับขวัญข้าวว่าจะเป็นเพียงแค่งานเล็กๆก็ตาม
“ขวัญ ฉันคุยด้วยหน่อยสิ”
จอมทัพเรียกคนรักที่กำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำ ขวัญข้าวหันกลับมาอย่างงุนงง ทีแรกร่างเล็กคิดว่าจะขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องอะไรก็ตามที่จอมทัพอยากคุย แต่สีหน้าอมทุกข์ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงทำให้เขารีบกลับมานั่งข้างอีกฝ่ายแทบจะในทันที
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ขวัญ... ฉันรู้นะว่าเหตุผลที่ขวัญไม่อยากจัดงานอะไรเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ แล้วก็ไม่อยากให้คนต้องวุ่นวาย...” จอมทัพเอ่ยเสียงอ่อย “แต่ฉันแค่อดคิดไม่ได้...ว่าอีกสาเหตุที่ขวัญไม่อยากทำ เพราะว่าใจเราไม่ได้ตรงกันอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า...”
“พี่นาย! ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ?”
ขวัญข้าวไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน จอมทัพเบือนหน้าหนีด้วยแววตาเศร้าหมอง
“อีกสิบปี...อีกยี่สิบปี...หรือต่อจากนี้ไปจนกว่าฉันจะตาย ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่เห็นขวัญอยู่ในชีวิต”ร่างสูงถอนหายใจ “แต่ฉันเข้าใจนะ ว่าจากระยะเวลา เราไม่ได้คบกันมานานขนาดนั้น ฉันรู้ว่านี่ไม่ได้หมายความว่าขวัญจะไม่มีวันคิดเหมือนฉัน แต่ฉันแค่อยากรู้...ว่าตอนนี้ขวัญเห็นฉันในชีวิตของขวัญไปอีกนานแค่ไหน?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ขวัญข้าวนึกอยากทำร้ายคนที่เขาหลงรักอย่างหมดหัวใจ ผู้ชายคนนี่กล้าดีอย่างไร ถึงคิดว่าเขาไม่รักตัวเองเท่าที่ตัวเองรักเขา กล้าคิดได้อย่างไรว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ได้โดยไม่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ
“ถ้าจะให้ผมบอกว่าอยากจะมีคุณอีกด้วยไปอีกนานแค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้...” ขวัญข้าวตอบเสียงเบา มือเรียวเล็กประคองมือของร่างสูงขึ้นมาเกาะกุมไว้ ก่อนจะนำมาทาบไว้ที่กลางอกของตัวเอง จอมทัพหันกลับมาหาคนรัก ดวงตาสีรัตติกาลสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลด้วยแววตาคาดหวัง “แต่ตราบใดที่หัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่เห็นคุณอยู่ในชีวิต เพราะฉะนั้น ถ้าพูดแบบนี้อีกครั้ง ผมจะโกรธจริงๆแล้วนะครับ”
“ขวัญ....ขอโทษน้า ฉันพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ขวัญคิดมากอีกแล้ว”คนรักของเขาเข้าสู่โหมดเด็กโข่งขี้อ้อนอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่โถมเข้ากอดขวัญข้าวจนเซหงายหลังลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง “งือ...ขวัญอย่าโกรธฉันนะ...”
“ครับๆ ผมไม่โกรธครับ”ขวัญข้าวกอดตอบคนรัก เอ่ยด้วยเสียงกระดากอาย “อีกอย่าง...หลังจากที่พี่นายเอาเงินเดือนให้ผมทุกเดือน ก็ถือว่าเราใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ยังซักหน่อย...ยังเหลืออีกอย่างนึง...”
จอมทัพเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด แต่ดวงตาแพรวพราวของเด็กโข่งจอมเจ้าเล่ห์นั้นไม่ได้ทำให้ขวัญข้าวรู้สึกไว้ใจ
“อะไรเหรอครับ?”
“ทำลูกไง”
และแล้วจอมทัพโหมดหื่นก็เครื่องติดอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะได้ห้ามปรามเสื้อของขวัญข้าวก็ปลิวตกลงไปกองที่มุมห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่นาย! พอเลยครับ ของแบบนั้นทำกันได้ที่ไหน”
ขวัญข้าวพยามดันคนรักออก แต่จอมทัพไม่ยอมแพ้โดยง่าย คว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบไว้ด้วยมือข้างแล้วกดตรึงไว้เหนือศีรษะของคนตัวเล็ก
“ไม่แน่นะ ทำบ่อยๆอาจจะติดขึ้นมาจริงๆก็ได้”
“ถ้าแบบนั้นผมคงตั้งทีมฟุตบอลได้แล้วล่ะครั...อื้อ...”
ขวัญข้าวได้แต่ทอดถอนใจกับความต้องการที่ไม่รู้ก้นบึ้งของคนรัก แต่ริมฝีปากร้อนที่ปลุกเร้าอยู่นี้ก็ทำให้เขาเริ่มโอนอ่อนไป
กับตรรกะประหลาดของจอมทัพแล้วเหมือนกัน
“มาทำลูกกับพี่นะขวัญ...”
เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่า นอกจากพยักหน้าอย่างหมดแรงต่อสู้ หนูตะเภาตัวน้อยที่โดนจอมทัพตะปบไว้ใต้อุ้งมือเสียอยู่หมัดจะสามารถทำอะไรได้
------------