- 8 -
[ธาม]
คุณคิดว่าชีวิตของคนเราจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายซ้อนๆ กันได้มากแค่ไหน แต่ก่อนคุณอาจจะเคยเสียคนที่รักไป และคิดว่านั้นมันเลวร้ายที่สุดในชีวิต การที่ไม่มีคนรัก ครอบครัวอยู่มันแย่จนไม่มีอะไรจะแย่ได้กว่านี้อีกแล้ว แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ความเลวร้ายมันถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ผมไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน หนึ่งปี สองปี สิบปี หรือตลอดชีวิตที่เหลือของผม…ผมได้แต่หวังว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหลายจะจบลงในเร็ววัน
สิ่งที่กำลังเข้ามา ก็เป็นอีกปัญหาที่ถาโถมมาใส่เรา แม้ตอนนี้จะมีปัญหามากมายอยู่แล้วก็ตาม
ในโลกที่ไร้กฎเกณฑ์ กฎหมาย ผู้รักษากฎหมาย ทำให้คนที่ไม่ชอบอยู่ในกฎพวกนี้ได้โอกาส และเวลาทำสิ่งที่ตนเองปรารถนา ความเห็นแก่ตัว ความมืดดำในใจเข้าครอบงำ ให้ทำในสิ่งที่เลวร้าย
พวกมันไม่ได้ทำแค่ เพื่อเอาชีวิตรอด มันมากกว่านั้น พวกนี้มันทำเพื่อความสนุก และความสะใจของตัวเอง ความโหดร้ายการเข่นฆ่าเป็นเหมือนภาพยนตร์ให้ความบันเทิงแก่พวกมัน
กลุ่มนี้เริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน เป็นกลุ่มที่รวมอาชญากร นักโทษคดีร้ายแรง รวมทั้งคนที่ชอบความรุนแรงทั้งหลายมาไว้ด้วยกัน
ผมได้รู้จักพวกที่เรียกตัวเองว่าฝูงหมาป่า เมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ก่อนพวกมันรวมตัวกันอยู่ในบางจังหวัดทางภาคเหนือ เดินทางไปเรื่อย แต่ถ้าเจอที่ถูกใจจะตั้งค่ายอยู่นานหน่อย
ตอนนี้เรากำลังประชุมเพื่อหาทางหนีทีไล่ และทางจัดการกับพวกโจรที่บ้านหลังใหญ่
“อย่างที่บอก พวกมันโหดร้ายมาก ทำทุกอย่างเพื่อความสนุก มันไม่ปราณีเราแน่ ไม่ว่าคนแก่ หรือเด็ก” จ่าบอกกับทุกคนเรื่องโจร พวกเราเหล่าทหารรู้จักชื่อพวกมันดี แต่ยังไม่เคยได้เจอจริงๆ สักที
“พวกมันมีเยอะไหมคะ” แมนนี่หันมาถามผม
“ไม่รู้จำนวนที่แน่นอน สายที่รายงานบอกไม่เกิน 50 คน และไม่ต่ำกว่า 30 คน” จำนวนเมื่อเทียบกับซอมบี้ที่เราเคยเจอมันอาจจะดูน้อย แต่อย่าลืมนะว่าซอมบี้คิดไม่เป็น มันทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่คนไม่ใช่
“แล้วเราจะทำยังไงดีหละพ่อหนุ่ม” ป้าคนนึงถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ปัญหาตอนนี้คืออาวุธ เพราะเราแถบไม่เหลือเลย พรุ่งนี้จึงต้องไปเอาอาวุธที่นครสวรรค์ เราได้แต่หวังว่าคลังเก็บอาวุธจะยังมีอาวุธให้เราได้ใช้อย่างเพียงพอ” เวลามีน้อย เราจะเสียเวลาไปกับการสุ่มหาตามจังหวัดต่างๆ ไม่ได้
“ทำไมมันต้องมาปล้นเราด้วยหละ ที่ภูเก็ตน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ โง่จริงๆ”
“เธอสิโง่ยัยชะนี ที่นี้มีอาหารเยอะแยะ โจรมันก็ต้องสนใจสิ” แมนนี่ตอบกลับไป
“แกว่าฉันหรอไอ้กระเทยบ้า”
“หยุด! มันใช่เวลาที่มาทะเลาะกันไหม” ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมจะไม่ว่าหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา
“ถ้าพวกมันไปปล้นที่ภูเก็ตก็โง่แล้ว” จ่าหันไปกระซิบกับทหารที่นั่งข้างๆ ด้วยเสียงที่ไม่เบาเลย เพราะได้ยินเกือบทุกคน ถ้าจ่าจะกระซิบขนาดนี้ออกมาประกาศเลยดีกว่า
“ทำไมหรอครับ” ไอ้คนขี้สงสัยถามขึ้นก่อนใคร ไออุ่นหันไปหาจ่าเพื่อรอคำตอบ ทำหน้าน่าตีชะมัด
จ่าทำหน้าเลิกลั่ก เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอเปิดประเด็นอะไรขึ้นมา
“เอ่อ…ให้ผู้กองตอบดีกว่า แหะๆ” จ่ายิ้มแหยส่งให้ผม จ่านะจ่า
“ที่ภูเก็ตเป็นค่ายใหญ่ ทหารและอาวุธที่นั่นเยอะมาก ถ้าโจรไปที่นั้นก็โง่มากแล้ว” ผมชี้แจงข้อสงสัยของทุกคน
“ไหนบอกไม่มีอาวุธ ต้องหาอาวุธใช้เองไง” ไอ้คนขี้สงสัยยังไม่ยอมหยุด น่าจับตีก้นชะมัด หวังว่าผมจะไม่หลุดข้อมูลเกินความจำเป็นนะ เพราะบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ถึงรู้แล้วก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ พลอยจะกังวลไปซะเปล่าๆ
“ที่บอกว่าไม่มีคือพวกเรา ไม่ใช่ที่ภูเก็ต เธอคิดจริงๆ เหรอว่าประเทศเราจะไม่มีคลังอาวุธขนาดใหญ่อยู่” แต่ละประเทศมีคลังอาวุธของตัวเองอยู่แล้ว แต่จะมากหรือน้อยนั้นอีกเรื่อง
“ถ้ามีเยอะแล้วทำไมไม่เอามาใช้หละ” ทำไมฉันจะไม่อยากเอามาใช้หละเด็กน้อย แต่มันไม่ได้ไง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิ”
“แล้วมันยากตรงไหนหละ” ไอ้ตัวดียังไม่ยอมหยุดสงสัย ผมกลัวจริงๆ ว่าจะหลุดอะไรที่ไม่อยากพูดออกไป
“ยังมีอะไรเยอะแยะที่เธอไม่รู้นะเด็กน้อย โลกมันเลวร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ”
“ผมไม่ใช่เด็กนะ!” คนที่ซื่อและเชื่อใจคนอื่นง่ายๆ อย่างนี้เหรอไม่เด็ก “แล้วที่ว่าเลวร้ายกว่าที่คิดมันคืออะไร” คนขี้สงสัย ก็คือคนขี้สงสัย จะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะเข้าใจ แต่ขอโทษนะเด็กน้อยที่ไม่สามารถบอกได้ทุกอย่าง
“ในโลกทีวุ่นวายไร้กฎเกณฑ์เราจำเป็นต้องมีผู้นำ เพื่อควบคุมดูแล ให้ทุกอย่างดำเนินการไดอย่างเรียบร้อย ถ้าประเทศไหนมีผู้นำที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่…ความเลวร้ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว” ผมบอกได้แค่นี้
“แมนนี่ขอเดาว่าของเราคงเป็นอย่างหลังใช่ไหมคะ”
“มันก็แล้วแต่คน คนที่ได้ประโยชน์ก็ว่าดี คนที่เสียประโยชน์ก็ว่าร้าย ผมคงตัดสินให้พวกคุณไม่ได้หรอก เรื่องนี้ต้องตัดสินกันเอง”
“เรื่องผู้นำเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนที่มาส่งทุกเดือนแต่ไม่มีถึงมือเราไหมค่ะ” พี่พยาบาลที่ประจำอยู่ที่นี่คนเดียวถามขึ้น เรื่องพวกนี้จะรู้แค่ในกลุ่มทหารและพยาบาลเท่านั้น
“ผมขอตอบตรงๆ ว่าใช่ จำนวนวัคซีนไม่ได้รายงานออกมาว่ามีเท่าไหร่ มีแค่ผู้นำและคนสนิทที่รู้ เราได้มาแค่ 500 สำหรับสามเดือน เมื่อแจกจ่ายให้ค่ายต่างๆแล้วเราเหลือไม่ถึง 50 ถ้ายังจำได้ทุกคนที่มาเราไม่ได้ตรวจกรุ๊ปเลือด เพราะมันไม่จำเป็น คนที่เราจะฉีดให้ มีแค่คนที่โดนกัดแล้วออกอาการของการติดเชื้อเท่านั้น” ผมไม่ได้อยากทำอย่างนั้นหรอก แต่มันจำเป็นจริงๆ
“งั้นเราก็ไม่สามารถให้ทางนั้นช่วยเราได้สินะ” แมนนี่พูดขึ้นหน้าหง่อย
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” ผมให้ความมั่นใจแก่ทุกคน “ผมจะให้หน่วยทีที03ที่พาหมอ พยาบาลไปตรวจคนในค่ายต่างๆ กลับมาช่วยเรา”
“พี่หมอ พยาบาล และทหารที่เราเจอในวันแรกหนะหรอ” ผมพยักหน้าตอบกลับไออุ่นไป
“พรุ่งนี้ผมอยากให้ทุกคนไปอยู่ที่บ้านท้ายไร่หลังป่ากล้วย อย่าออกมาจนกว่าผมจะไปหา สายรายงานว่าพวกมันยังไม่มา แต่เราจะประมาทไม่ได้” อยู่ที่นั้นโจรหาไม่เจอง่ายๆ แน่ เพราะทางเข้าค่อนข้างซับซ้อนและมีแต่ป่า
“ฉันไม่ไปอยู่ในป่าเด็ดขาด!” อดีตนักการเมืองพูดขึ้นด้วยท่าทีถือตัว ผมเกลียดคนแบบนี้ที่สุด คนเห็นแก่ตัวที่มีอำนาจ คนพวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ไม่สนใจความลำบากของคนอื่น คอยแต่สร้างภาพให้ตัวเองดูดี
“ไม่ไป ก็ไม่ต้องไปไม่ได้บังคับ” ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อย่ามาโทษกันทีหลังหละ “ทุกคนมีอะไรสงสัยไหม ถ้าไม่มีก็กลับไปพักผ่อนได้” ทุกคนเดินออกไปด้วยสีหน้าค่อนข้างหนักใจ
“แมนนี่ เดี๋ยวอยู่ก่อน” ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย
“บ๊ายบาย ยายชะนี” แมนนี่หันไปเยาะเย้ยโรส ผมทำทีไม่สนใจ แต่มีสายตาของใครบางคนที่มองมาอย่างสงสัยนี่สิ หึหึ ปล่อยให้อยากรู้ต่อไป
“มีอะไรหรอคะ คุณผู้กองสุดหล่อ” แมนนี่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ฉันอยากให้แมนนี่ดูแลเด็กๆ ดีๆ โดยเฉพาะไออุ่น ผมไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในขณะที่ผมไม่อยู่” แมนนี่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดแล้วในกลุ่ม ถ้าตัดเรื่องชอบทะเลาะกับโรสออกหนะนะ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถึงอุ่นมันจะซื่อไปนิด แต่มันก็พึ่งพาได้นะ บทเรียนต่างๆ จะสอนให้เราโตขึ้นเอง” แมนนี่ทำหน้าจริงจังให้ผมเชื่อมั่น ผมว่าแมนนี่เป็นคนนึงที่หน้าเชื่อถือ ถ้าคุณไม่มองแค่ภายนอกที่เค้าแสดงออกมา แต่อีกคนนี้สิ หวังว่าบทเรียนครั้งนี้จะทำให้เค้าได้เรียนรู้และโตขึ้นนะ
“อยากรู้จริงๆ ว่าพวกเธอรอดมาถึงขนาดนี้ได้ยังไง” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่คงดังไปหน่อยแมนนี่ถึงตอบกลับมา
“เราแค่วัยรุ่นอายุ 20 เองนะคะ ถึงจะพยายามเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน มันก็มีบ้างที่ความเป็นเด็กจะหลุดออกมาให้เห็น ไออุ่นมันก็เป็นแค่ลูกคุณหนูคนนึง ที่มีคนคอยทำทุกอย่างให้ เจอแต่คนรอบข้างที่ดี ยังไม่ได้เรียนรู้ชีวิตภายนอกดีเลยโลกก็เปลี่ยนซะแล้ว” จริงสินะ พวกเค้าอายุแค่20 แถมยังมีเด็กอายุ 12 และ 5 ขวบอีก แต่มันก็เป็นปีเลยนะ ไม่ใช่แค่เดือนสองเดือน
“แต่มันก็นานพอจะเรียนรู้ที่จะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ แล้วนะ”
“หนึ่งปีก็จริงค่ะ แต่ใช่ว่าเราจะออกไปเผชิญโลกอันเลวร้ายแต่แรก” แมนนี่ทำหน้าเศร้าขึ้นมาก่อนพูดต่อ “แต่ก่อนกลุ่มเรามีคนเยอะมาก บ้านข้างๆ บ้านแมนนี่ บ้านไออุ่นทุกคนยังอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน เวลาผ่านไป คนก็ลดลงเรื่อยๆ พ่อ แม่ พี่ เพื่อน คนอื่นๆ จากไปทีละคนๆ เจ็บปวดกันครั้งแล้วครั้งเล่า เราไม่รู้หรอกว่าภายใต้รอยยิ้มที่มันแสดงออกมามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง มันพยายามเข้มแข็งเพื่อน้องๆ” ดูแล้วแมนนี่ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ เข้าใจว่าทุกคนพยายามไม่คิดถึงมัน เพื่อที่จะเดินต่อไปได้
ผมรู้ว่าความสูญเสียมันเจ็บปวดขนาดไหน แต่ด้วยสิ่งที่เราต้องทำ มันบังคับให้เราต้องเข้มแข็งแม้ในใจจะอ่อนเเอแค่ไหนก็ตาม
“ฉันเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี” ผมไม่อยากให้รอยยิ้มกวนๆ นั้นหายไป อยากให้มันอยู่บนใบหน้าน่ารักๆ นั้นตลอดไป อะไรเนี่ยผมบอกว่าไออุ่นน่ารักอีกแล้วเหรอ ผมชักจะบ้าขึ้นทุกวันแล้วนะ
“ถามจริงๆ เถอะค่ะ ผู้กองคิดยังไงกับไออุ่นกันแน่ สายตาที่ผู้กองมองมันแมนนี่ว่ายังไงๆ อยู่นะ แต่ยังไม่ชัดเจนพอ ขอถามเลยแล้วกัน”
“ใช่มันยังไม่ชัดเจนพอ ถ้าชัดเจนจะบอกแล้วกัน” ผมยิ้มมุมปากแล้วเดินออกไป “ไปพักผ่อนกันเถอะ”
ผมไม่เคยคิดเรื่องความรู้สึกเลยสักครั้ง เมื่อแมนนี่ถามผมถึงย้อนดูสิ่งที่ตัวผมเองแสดงออกกับไออุ่น มันแตกต่างกับคนอื่นผมรู้ ผมพูดมากขึ้น เย็นชาน้อยลง แต่ก็อย่างที่ผมบอก ว่ามันยังไม่ชัดเจน ผมอาจจะแค่เอ็นดูก็ได้ใครจะรู้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะหาคำตอบ…
“คุยอะไรกับแมนนี่” ผมอุตสาห์จะไม่คิด แต่เจ้าตัวดันมาดักรออยู่หน้าห้องซะนี่
“ถ้าอยากคุยก็เข้ามา” ผมเดินเข้าห้องนอนโดยเปิดประตูทิ้งไว้ให้ใครบางคนเดินตามมา
“ตอบก็จบแล้ว ทำไมต้องเดินเข้ามาด้วย” ถึงจะบ่น แต่ก็ยังเดินเข้ามาอยู่ดี ผมชอบจังเวลาทำหน้ายุ่งๆ ขัดใจ “แล้วจะตอบได้รึยัง คุยเรื่องอะไร หรือสนใจแมนนี่หรอ” คิดได้ยังไงกัน ยังมาทำสีหน้าไม่ไว้ใจอีก
“แล้วถ้าสนใจหละ” อึ้งไปในทันที เมื่อหายอึ้งแล้วสีหน้าเริ่มยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ “เฮ้ ฉันล้อเล่นน่า ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับแมนนี่หรอก” แล้วทำไมผมต้องปฏิเสธด้วยหละ แต่ก่อนใครจะคิดยังไงผมไม่สนใจหรอกนะ ผมเปลี่ยนไปจริงๆ สิน่า
“แน่ใจนะ ผมไม่ไว้ใจคุณผู้กองเลย คุณอาจจะหลอกให้แมนนี่เสียใจก็ได้ ในเมื่อผู้กองมีคุณโรสคอยเกาะแกะอยู่หนิ” นี่ผมไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฉันไม่สนใจใครมาพอหรอกนะ เว้นแต่ใครบางคนแถวนี้”
“ใครวะ เฮ้ย! ครับ ใครครับคุณท่านผู้กอง” กวนผมอีกแล้วสิน่า น่าจับมาตีก้นชะมัด
“ช่างเถอะ อยากรู้เรื่องที่ฉันคุยกับแมนนี่ไม่ใช่เหรอ” เจ้าตัวยังทำหน้าสงสัยอยู่ แต่ก็พยักหน้าให้ผมพูดเรื่องนี้ก่อน “ฉันฝากเด็กๆ ไว้กับแมนนี่หนะ”
“ทำไมไม่ฝากกับผมด้วยหละ นี่มันเลือกปฏิบัตินี่” โวยวายขึ้นมาในทันที
“ก็เธอเป็นเด็กอีกคนที่ฉันฝากกับแมนนี่ไว้นิ” ดูสิโกรธจนหน้าแดงหมดแล้วเด็กน้อย
“ผมไม่ใช่เด็กนะ!! โตแล้ว อายุเท่าแมนนี่เถอะ” เด็กน้อยจะกินหัวผมไหมเนี่ย
“คนโตแล้วที่ไหนเชื่อคนง่ายขนาดนี้” ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากจริงๆ ถ้าเป็นโลกปกติในสังคมที่เค้าอยู่มันไม่น่าเป็นห่วงหรอก แต่ในตอนนี้ ตอนที่คนเห็นแก่ตัวเพื่อเอาชีวิตรอด ความใจดีมันเป็นอาวุธที่กลับไปทำร้ายตัวเค้าเอง
“รู้น่าว่าผิด ได้เรียนรู้แล้ว จำขึ้นใจเลยหละ เลิกมองผมว่าเด็กสักที” จากที่ผมเห็นมาไออุ่นเป็นคนดีนะ ใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ผมชอบนะที่เค้าเป็นแบบนี้ แต่ความดีก็ใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอก ผมถึงเป็นห่วงเค้ามาก
“ดี อย่าใจดีพร่ำเพรื่อ คนเห็นแก่ตัวมันเยอะ ดูให้ดีๆ จะใจดีกับใคร” ผมลูบหัวเค้าอย่างเอ็นดู
“จะลูบทำไมเล่า ไม่ใช่หมานะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่หลบยืนให้ผมลูบหัวด้วยสีหน้าขัดใจ
“รู้น่าว่าไม่ใช่หมา แล้วหมาสองตัวที่เอามาตั้งชื่อว่าอะไร ฉันจะได้เรียกถูก” มันวิ่งไปแทบจะทั่วบ้าน ทำเอาโรสกับพ่อโวยวายไม่หยุดเลยหละ
“มิดไนท์ตั้งชื่อตัวเมียว่าข้าวเจ้า ตัวผู้ข้าวเหนียว” เจ้าหนูมิดไนท์ช่างคิดจริงๆ ถ้าผมมีลูกน่ารักๆ อย่างนี้ซักคนคงดี จะได้มีแรงผลักดันในการต่อสู่กับสิ่งต่างๆ ทั้งกับซอมบี้ และคนบางจำพวกที่ผมไม่อยากเอ้ยถึง ผมบอกได้แค่ว่ามันไม่ใช่พวกโจรหรอกนะ โจรยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะมันแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการอะไร แต่โจรในคาบคนดีนี่สิที่น่ากลัว
“ทำหน้ายุ่งยากอะไร แค่บอกชื่อหมาเอง หรือไม่ชอบ” เสียงของไออุ่นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์
“คิดเรื่องอื่นอยู่หนะ ฉันอยากรู้ เธอยังอยากไปอยู่ที่ภูเก็ตอยู่ไหม” บอกตรงๆ ผมไม่อยากให้ทุกคนไป ยกเว้นสองพ่อลูกนั้น
“คุณก็บอกว่าจะกลับ ทำไม ไม่อยากให้เราไปด้วยหรอ” เริ่มทำหน้าไม่พอใจ เฮ้อ…เก่งจริงเรื่องคิดเองเออเองหนิ
“ไม่ใช่ ฉันแค่เอาข้าวไปส่งแล้วกลับมาปลูกข้าวรอบใหม่ คนที่นั่นมีเยอะเกิน ทำนาแค่รอบเดียวไม่พอหรอก แต่ที่เธอคิดว่าฉันไม่อยากให้ไปหนะ จริง” พอใด้ยินคำตอบ ก็ทำสีหน้าผิดหวังทันที
“เฮ้…ฟังให้จบก่อนสิ ที่ไม่อยากให้ไปเพราะอยากให้อยู่ด้วยกันที่นี้ ที่สำคัญที่นั้นมันไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะ มีหลายอย่างที่เธอยังไม่รู้ มันปลอดภัยจากซอมบี้จริง แต่ไม่ปลอดภัยจากคน ที่ๆคนเยอะ แต่อาหารไม่เพียงพอ มันลำบากกว่าที่เธอคิดนะ”
“แต่มันล้อมรอบด้วยทะเล อย่างน้อยก็ต้องมีอาหารทะเลบ้างสิ”
“มันมี แต่ไม่พอ จะหามาได้ขนาดไหนมันก็ยังไม่พอหรอก ถ้ายังมีโจรในคราบคนดีอยู่”
“คืออะไร” เจ้าตัวทำหน้าไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ แต่ฉันบอกได้แค่ว่ามันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดหรอกนะ ฉันจะให้เธอได้ไปเห็นด้วยตาของตัวเอง ถ้าเห็นแล้วกลับมาอยู่ที่นี่นะ” ผมมองเข้าไปในดวงตาเพื่อสื่อถึงความจริงใจของผม
“ตอบตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมคือน้องๆ ผมตัดสินใจเองไม่ได้หรอก” เจ้าตัวแสดงออกชัดเจนว่ากำลังคิดหนัก
“ฉันหวังเธอ จะตัดสินใจเลือกที่นี่นะ” ถ้ากำจัดโจรได้แล้ว ที่นี่ถือว่าดีที่สุด มีอาหาร มีความปลอดภัย “พรุ่งนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ หละ ฉันไม่อยู่ อย่าดื่อ”
“บอกกี่ครั้งแล้วไม่ใช่เด็ก! หรือแก่แล้วหลงๆลืมๆ” ในที่สุดก็เข้าตัวเองจนได้ ผมแก่จริงๆ เหรอ
“ไม่เด็กก็ไม่เด็ก ไปดูน้องๆ ได้แล้วไป”
“ชิ ไปก็ได้” เจ้าตัวสะบัดหน้าเดินไปถึงประตู แล้วหันกลับมา “เออ…คือ…ดูแลตัวเองด้วยหละ ยิ่งแก่ๆ อยู่กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยดี ไปหละ” จะดีอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีประโยคหลัง แต่ก็น่ารักอยู่ดี หึหึ
เราเดินทางไปนครสวรรค์ตอนเช้าตรู่ เพื่อจะกลับมาถึงบ้านก่อนมืด ที่นี้เปรียบเสมือนบ้านอีกหลัง เป็นที่ที่ผมรู้สึกผ่อนคลาย ไร่นาป่าเขาช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
เมื่อเดินทางเข้าเขตจังหวัดนครสวรรค์ ก็เริ่มมีซอมบี้ให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่นี่ยังไม่ได้สำรวจและฆ่าซอมบี้ จำนวนจึงยังไม่ลดลง
“จ่าชนไปเลย ไม่ต้องลดความเร็วจะได้ไม่เสียเวลา” ซอมบี้เรากลับมากำจัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โจรรอไม่ได้หรอกนะ
เราเดินทางกว่าสี่ชั่วโมงจึงถึงที่หมาย ยิ่งเข้าใกล้ตัวเมืองซอมบี้ยิ่งเยอะ โชคดีที่คลังอาวุธอยู่นอกเมืองออกมาหน่อย มีภูเขากั้นเมืองไว้
“ห้ามใช้ปืนเป็นอันขาด เราจะทำให้เกิดประกายไฟไม่ได้ จ่าพาทหารสามคนคุ้มกันข้างนอก หมู่ประจำอยู่ที่รถ ที่เหลือตามมา ระวังตัวด้วย ขอให้โชคดี”
สิ่งที่ใช้เป็นอาวุธได้ตอนนี้คือมีดและดาบ เราเสี่ยงทำให้เกิดประกายไฟไม่ได้ ถ้าในคลังมีดินปืนอยู่หายนะแน่ๆ
ที่นี่มีซอมบี้ไม่มาก ถ้าดูจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะเป็นทหารที่เฝ้าที่นี่มากกว่า เราต้องรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด เพราะซอมบี้ที่ตามเสียงรถมา มีจำนวนไม่น้อยเลย
เราอยู่หน้าประตูที่คล้องด้วยโซ่ไว้ จึงต้องใช้ดาบฟันแม่กุญแจออก มันไม่ง่ายเลย ใช้เวลาอยู่พอสมควรจึงเปิดออกได้ ข้างในมีลังไม้อยู่เยอะพอสมควร
“นาย กับเทน เปิดลังไม้ออก ที่เหลือสำรวจรอบๆ โกดัง”
“ได้ครับ/ครับ” ทั้งสองใช้มีดงัดเปิดลังไม้แล้วยกออก ส่วนที่เหลือเดินสำรวจรอบๆ เพื่อความปลอดภัย
“วาว!! เป็นปืน M 4 คอมมานโด ครับ” หมู่นายตอบผมด้วยความตื่นเต้น ในลังไม้มีแค่ปืนแต่ไม่มีกระสุน
“ลังต่อไปสิ”
“M 16 ครับผู้กอง”
“ปืนกล 93 M2 ขนาด .50 นิ้ว ครับ”
“ปืน GP6 พร้อมกระสุนครับ”
“RPG ปากลำกล้องกว้าง 40 มม. กับลูกขนาด 82 มม. สองลูกครับ” มีแค่สองลูกเองเหรอ
“ลูกน่าจะเยอะกว่านี้ เสียดาย ถ้ายิงพลาดแย่แน่ๆ มีสองลูกเอง” นายพูดขึ้นด้วยความเสียดาย
“ใครจะเป็นคนยิง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่แกแน่ไอ้นาย” เทนหันไปพูดกับนายเพื่อนชี้ของตัวเอง
“กูก็ยิงแม่นนะเว้ยยย”
“พอแล้ว กล่องต่อไป” ทั้งสองจึงหยุดเพื่อเปิดลังต่อไป
“ระเบิด M 67 มีจำนวน เอ่อ…”
“เฮ้ยย! ไอ้เทนจับดีๆ สิวะ ตู้มต้ามมา ได้ชิบหายกันหมด!”
“เออหนะ เชื่อใจกูสิ” เทนกำลังนับจำนวนระเบิดมืออย่างระมัดระวัง “มี 30 ลูกครับผู้กอง! สนุกแน่ๆ”
“เราต้องใช้อย่างระวัง ถ้าหมดจากที่นี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะหาได้อีกไหม” ผมบอกกับทุกคน สำหรับผมทุกคนไม่ใช่แค่ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นเพื่อน พี่น้องของผม
“ถ้าเราได้อาวุธที่คลังใหญ่นะ ใช้ได้สบาย ไม่ต้องห่วงจะหมดแน่ ถ้าผู้กองได้เป็นผู้นำคงดี”
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลย ถึงเป็นได้ ฉันก็ไม่เป็นหรอกนั่งเฉยๆ น่าเบื่อ” นั่งโต๊ะคอยสั่งการน่าเบื่อจะตายไป
“แล้วเรื่องข้าวผู้กองจะทำยังไง ถ้าให้ค่ายแค่ 10% มันไม่พอแน่ๆ ค่ายมีตั้งหลายค่าย” ใช่ครับ ผมได้รับคำสั่งให้ส่งข้าวให้ค่ายแค่ 10% มันน้อยมาก ค่ายมีตั้งหลายค่าย ข้าวแค่นี้ไม่พอแน่
“ฉันจัดการเองนะ แค่อย่าพูดมากก็พอ ให้รู้เฉพาะพวกเรา พวกนั้นไม่รู้หรอกว่าเรามีข้าวอยู่เท่าไหร่”
“หึหึ เยี่ยมมากครับผู้กอง” เทนพูดพร้อมยกนิ้วโป้งให้ผม บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างหรอก “เรื่องข้างนอกฉันไม่ห่วงหรอก แต่เรื่องข้างในนี่สิ”
“ผู้กองว่าข้าวที่เราส่งให้ จะถึงมือประชาชนเท่าไหร่”
“ไม่รู้สิ…” ผมไม่รู้จริงๆ ผมคาดเดาความคิดพวกเขาไม่ได้ จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องอื่นเลย เอาเรื่องที่เรากำลังทำดีกว่า ขนอาวุธทุกอย่างขึ้นรถอย่างระมัดระวัง ห้ามทำตกเด็ดขาด” เรื่องอนาคตก็ให้มันเป็นอนาคตไป คิดแค่เรื่องปัจจุบันดีกว่า
“ผู้กอง ซอมบี้ตามมาทันแล้วครับ มีจำนวนไม่เกิน 50 ตัว” จ่าวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ ขณะที่เรากำลังขนลังอาวุธออกไป
“นาย เทน ไปลอง M4 คอมมานโดหน่อยสิ จ่าไปบอกคนข้างนอกมาขนลังอาวุธ” ทั้งสองยิ้มอย่างตื่นเต้นกับของเล่นใหม่
เราทั้งหมดขนลังอาวุธขึ้นรถขณะที่ นายและเทนกำจัดซอมบี้ที่ตามรถมา ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะซอมบี้ต้องได้ยินเสียงปืนแล้วตามมาอีกแน่ เรายังไม่อยากเสียลูกปืนไปมากกว่านี้
“เป็นไงบ้าง” ผมตะโกนถามนายกับเทนไป ดูท่าทั้งสองจะชอบของเล่นใหม่มาก
“เยี่ยมเลยครับผู้กอง” นายเป็นคนตะโกนกลับมา ส่วนเทนกำลังติดพันกับซอมบี้ที่มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เคลียร์ทางซะ เราจะไปกันแล้ว” รีบกลับก่อนจะมืดซะก่อนดีกว่า ผมไม่อยากทิ้งทุกคนไว้นาน ถึงสายจะรายงานว่าพวกมันยังไม่มา แต่โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน กันไว้ดีกว่าแก้
“ครับผู้กอง/ได้ครับ” เราได้ของมาเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นอาวุธสงคราม ผมหวังว่าพวกมันจะไม่มีอาวุธที่ร้ายแรงเกินไปนะ ทุกคนสูญเสียกันมามากพอแล้ว ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
เรากลับมาถึงช่วงเย็นๆ ทุกคนมีสีหน้าที่ดีขึ้น เมื่อรู้ว่าได้อาวุธมาแล้ว เราเก็บอาวุธไว้ที่บ้านหลังหนึ่งโดยจัดเวรยามเฝ้าไว้ตลอด
ถึงจะบอกว่าทุกคนมีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่ความกังวลของพวกเขายังมีอยู่มาก มันจะไม่หายไปถ้าทุกอย่างไม่จบลง ผมได้แต่ภาวนาไม่ให้เกิดความสูญเสียอีก
ในขณะที่ผมกำลังเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็เจอเจ้าหนูน้อยมิดไนท์นั่งเล่นกับลูกหมาสองตัวอยู่
“ไงครับ ทำอะไรอยู่” เจ้าตัวเล็กหันมามองผม พร้อมใช้มือชี้ไปที่ลูกหมา
“พาข้าวเจ้ากับข้าวเหนียวมาออกกำลังกายคราฟ จะได้แข็งแรงๆ”
“ออกกำลังกายยังงัยครับ”
“อย่างนี้ไง วิ่งๆๆ ข้าวเจ้า ข้าวเหนียวตามไนท์มาๆ” แล้วพาเพื่อนตัวเล็กวิ่งรอบต้นไม้ ได้สามรอบก็กลับมาหาผม
“ไม่วิ่งต่อแล้วเหรอครับ”
“ไม่เอาแล้ว หลายรอบแล้ว เหนื่อย” เบะปากได้น่ามันเขี้ยวมาก อยากจับฟัดซะจริงๆ
“แล้วให้อาหารเจ้าสองตัวนี้รึยังครับ”
“ให้แล้วๆ ให้ข้าวคลุกปลาด้วยน้าาา น้องไนท์ให้เองเลย”
“เก่งจังเลยครับ ทำเองเลยเหรอ”
“ไม่ได้ทำ มัมทำ แต่ไนท์เป็นคนเอาให้กินเองเลยนะ” เจ้าตัวเล็กพูดขึ้นพร้อมหันไปกอดเจ้าเพื่อนซี้สี่ขาทั้งสองตัว
“ครับ เก่งมากๆ แล้วตอนนี้มัมของเราอยู่ไหนครับ”
“อยู่กับพี่แมนนี่คนสวยในบ้านคราฟ” หันมาตอบตาแป๋วเชียว อยากฟัดจริงๆ
“ครับ พี่ว่าเราควรไปนอนได้แล้วนะ มันสามทุ่มแล้ว” ผมดูนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นเวลาจึงบอกให้เจ้าตัวเล็กไปนอนได้แล้ว เด็กๆ ไม่ควรนอนดึก
“ก็ได้คราฟ ข้าวเหนียวกับข้าวเจ้าก็เริ่มง่วงแล้ว” ใครง่วงกันแน่ เห็นแต่คนพูดนี้แหละที่ตาเริ่มปรือแล้ว
“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่ง” ผมจูงมือเด็กน้อยไปส่ง พร้อมลูกหมาสองตัวที่วิ่งตามมา
“มิดไนท์ อยู่นี่เอง ไปไหนมาครับ มัมไปหาบนห้องไม่เจอเลย” ไออุ่นเดินมาเจอเราหลังจากขึ้นมาถึงชั้นสองพอดี
“พาข้าวเจ้า ข้าวเหนียวไปออกกำลังกายข้างนอกหนะ” ผมเป็นคนบอกแทน ดูแล้วหนูน้อยมิดไนท์คงไม่กล้าบอก เพราะกลัวโดนดุ
“ไม่ได้ถามผู้กองสักหน่อย ไม่ได้ออกไปเล่นคนเดียวแน่นะครับ ข้างนอกมันอันตราย ถ้าจะออกไปเล่นต้องมีคนไปด้วย มัมเป็นห่วง เข้าใจไหมครับ” พูดกับผมเสร็จ ก็คุกเข่าลงพูดกับเด็กน้อย ผมสังเกตหลายทีแล้ว เวลาไออุ่นพูดกับไนท์จะไม่กวนเหมือนกับคนอื่น ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่แค่ในตอนนี้นะ เวลาอื่นก็นั้นแหละ
“คราฟ ทีหลังผมจาชวนคนอื่นด้วย แต่คุณลุงผู้กองก็อยู่ด้วย” ลุง? หน้าผมแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมเห็นอุ่นแอบยิ้มสะใจ นี่สินะคนที่สอนให้เรียก
“ไงครับคุณลุงผู้กอง มาล่อลวงอะไรเด็กหรอครับ” หน้าตายียวนแบบนี้น่าลงโทษซะให้เข็ด
“แต่ฉันว่าแม่เด็กน่าล่อลวงกว่านะ หึหึ” ผมยิ้มมุมปากในแบบที่เค้าหมั่นไส้ไปให้
“ล่อลวงบ้าอะไร! ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้ถูกล่อลวง” เจ้าตัวทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ แล้วทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ “ถึงจะเคยถูกหลอกมาแล้วก็เถอะ” หึหึ เรื่องนี้สินะ ฉันไม่ล่อลวงเธอหรอกเด็กน้อย แต่ถ้าเธอหลงฉันเองก็อีกเรื่องนะ
“ไปส่งไนท์เข้านอนเถอะ ดูสิตาปรือแล้ว” หนูน้อยของเราจะยืนหลับอยู่แล้ว อุ่นจึงต้องอุ้มไว้ เจ้าตัวก็กอดคอซบบ่าหลับทันที
“ผู้กอง มันจะผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหม” เป็นครั้งแรกที่อุ่นพูดจริงจังกับผมขนาดนี้
“ฉันจะไม่ให้ใครมาทำอะไรเธอ และทุกคนได้แน่ เชื่อใจฉันนะ ไม่ต้องกังวลอะไร เป็นในแบบที่เธอเป็น เพื่อให้คนอื่นผ่อนคลายไม่เครียด ทำได้ไหม” เจ้าตัวพยักหน้าตอบ “ไปนอนเถอะ อุ้มนานเดี๋ยวหนัก” ผมกำลังจะเดินลงบันไดไป แต่ได้ยินเสียงใครบางคนตามหลังมาซะก่อน
“ผู้กอง!”
“หืม”
“อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อนหละ คุณยังไม่ได้ล่อลวงผมเลย ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ล่อลวงง่ายๆ หรอกนะ ถ้าอยากทำให้สำเร็จต้องอยู่อีกนาน” แล้วเจ้าตัวก็เข้าห้องไปทันทีที่พูดจบ
ใช่มันไม่ง่าย แต่สำหรับฉันมันก็ไม่ยากหรอกนะเด็กน้อย…หึหึ
………………………
……………….
……….
#ธามไออุ่น
Twitter > Tt.looktal1993