-14-
รบกวนหรือเปล่า?
หึ! แผ่นฟ้าอยากจะตอบกลับไปทันทีว่าโคตรรบกวน ทว่าอารมณ์ฉุนเฉียวเดือดดาลมันน้อยกว่าความฉงนสงสัย เขาปั้นหน้าจริงจังผิดกับบุคลิกปกติที่ทั้งกวนประสาทและขี้เล่นขณะถามออกไปว่า “พี่มาทำไมเหรอ?”
กลับเป็นอิฐเสียอีกที่ยิ้มกวนๆ แล้วตอบกลับ
“นี่อย่าลืมสิ ต่อให้ฉันไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัทอยู่ดี จะมาเยี่ยมดูบ้างมันแปลกหรือไง?”
ถ้าแผ่นฟ้าไม่ใช่คนคิดมากก็คงยอมเชื่อง่ายๆ อยู่หรอก แต่บังเอิญเขามันคนขี้ระแวงเลยยังกังขาอยู่ว่าอีกฝ่ายแค่มาเยี่ยมดูเฉยๆ จริงหรือเปล่า... แต่ถึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เลยเปลี่ยนเรื่องเสีย
“แล้ว... หายดีแล้วเหรอ?” เขาถามสั้นๆ แต่คำพูดแค่นี้ก็พอจะทำให้ทั้งสามคนในห้องเข้าใจดีแล้วว่าหมายถึงอะไร
แววตาของอิฐขุ่นมัวเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างไว้ท่าตามบุคลิกของเขา “อืม”
แผ่นฟ้าเหลือบตามองบีท ก็เห็นเพียงแผ่นหลังตั้งตรงของเขา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าคำถามของตัวเองอาจจะทิ่มตำใจของอีกฝ่ายไปบ้าง แต่เขาก็ทำเพราะความหวังดี... ไม่สิ เขาก็แค่ทำไปเพื่อตัวเองเท่านั้นแหละ
ชายหนุ่มแค่อยากเตือนบีท ว่าจงอย่าลืม ว่าเพราะอะไรเขาถึงยอมกดตัวลงถึงจุดที่ต่ำที่สุด และเขาได้ตัดสินใจตัดอีกฝ่ายไปแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ห้ามกลับไปอีก
บีทพลิกตัวกลับมาหาแผ่นฟ้า บอกง่ายๆ ว่า “ผมกลับก่อนนะ”
แผ่นฟ้ามองสบตาอีกฝ่าย มองหาเค้ารางความหวั่นไหว แน่นอนว่าต้องสังเกตเห็นแววตาที่หม่นเศร้ากว่าปกติ แต่เพราะบีทเป็นคนเข้มแข็ง ต่อให้รู้สึกอ่อนไหวเพียงไร ก็ได้แต่เก็บกดไว้แค่ในใจเท่านั้น
“ครับ” แผ่นฟ้าตอบรับสั้นๆ พยายามส่งยิ้มให้กำลังใจแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจมอง
บีทหลุบตาลงแล้วหมุนตัวเดินสวนกับอิฐโดยไม่ยอมมองหน้า
“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” อิฐบอกเสียงเบาราวกระซิบ
“แต่ผมไม่มี” บีทตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ยอมหยุดเท้าที่ก้าวต่อ จนอิฐต้องเป็นฝ่ายเอี้ยวตัวแล้วเกี่ยวข้อมืออีกฝ่ายไว้แทน บีทชะงักเท้าแล้วชักสีหน้าใส่ ดวงตาคมดุจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง พยายามขืนมือออกอย่างเงียบงันทว่าไม่สำเร็จ
แผ่นฟ้าที่มองเห็นสถานการณ์แปลกๆ ตรงหน้าจึงเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน บีทยังคงยืนที่เดิมแสร้งทำเป็นสะบัดข้อมือเล็กน้อย
“ไหนว่าแค่มาเยี่ยมชมเฉยๆ ไง” แผ่นฟ้าทักท้วง
“ตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เพราะได้ข่าวว่าใครบางคนถึงกับย้ายตำแหน่งพนักงานเพราะเรื่องส่วนตัวนี่” อิฐเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เบนสายตาไปหาเจ้าของห้องคนใหม่เป็นเชิงตำหนิ
คนถูกมองได้แต่มุ่ยหน้าตอบ พลางก่นด่าในใจว่าใครเป็นคนไปฟ้องวะ!
“ถ้ามีปัญหาเรื่องนั้นก็คุยกับผมสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับบีทสักหน่อย” แผ่นฟ้าออกรับแทนอย่างลูกผู้ชาย
“แกแน่ใจเหรอว่าไม่เกี่ยว?” อิฐทำเสียงดุ
แผ่นฟ้าแอบกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งเขาก็โกรธแทนบีท อีกส่วนเขาก็อยากเอาใจบีท ส่วนไหนๆ มันก็เกี่ยวทั้งนั้นแหละ เขาแค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะตำแหน่งของเขาใหญ่พอจะจัดการเรื่องพวกนี้ และตำแหน่งเล็กๆ ที่เขาจัดการก็ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของบริษัทสักหน่อย เขาไปสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงเสียเมื่อไร?
“ได้... ถ้าผมเป็นต้นเหตุแล้วคิดว่าควรจะจัดการผมก็เอาเถอะ มีอะไรก็ว่ามาสิ” บีทรู้สึกรำคาญจึงเอ่ยออกไปแทน
เขาคบกับอิฐมานานทำไมจะไม่รู้ใจ เรื่องที่แผ่นฟ้าทำที่จริงไม่ได้สำคัญจนถึงขนาดที่อิฐต้องมาออกหน้าเลย ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา อิฐก็คงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้... แต่ที่แกล้งทำเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่ตีวัวกระทบคราด อยากต่อว่าแผ่นฟ้าแล้วกระเทือนมาถึงเขาเท่านั้นเอง...
ใจจริงเขาอยากจะหนี... หนีไปให้ไกล ไม่ต้องมาพบเจอกันอีกคงดี แต่เขาคงลืมไปว่าตราบใดที่ยังทำงานที่นี่ ยังคงคบหากับแผ่นฟ้า ยังคงเข้าออกสถานที่เดิมๆ เขาจะหนีพ้นจากอิฐได้อย่างไร? มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอิฐจะพูดอะไรกันแน่... สายสัมพันธ์สี่ปี พอตัดแล้วมันก็ขาดอย่างไม่เหลือเยื่อไยจริงๆ ใช่ไหม?
“ฟ้า แกออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับบีทตามลำพัง”
“อะไร? ทำไมผมต้องออกไปด้วย” ชายหนุ่มโวยวายเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่าอิฐจะอยากง้อขอคืนดี หรืออยากจะต่อว่าบีท ตอนนี้เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ!
“คุณไปเถอะ ถ้ายังอยู่ เขาคงไม่พูดเสียที มันเสียเวลานะ” บีทหันไปบอกแผ่นฟ้าทำให้เขาเบ้ปาก อดนึกเจ็บแปลบในใจไม่ได้ คนเคยคบกันมาทั้งหลายปี ไม่พูดอะไรก็รู้ใจไปหมด ใช่สิ เขามันคนอื่นอยู่แล้วนี่...
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเป็นฝ่ายไล่ตัวเองออกจากห้องไปแต่โดยดี
เมื่อแผ่นฟ้าออกจากห้องไปแล้ว บีทขยับตัวเดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังนั่งไขว่ห้างราวกับเจ้าของห้อง เขาเชิดหน้ามองอิฐด้วยสายตาท้าทาย
ทว่าอิฐไม่ได้ถือสา สมัยก่อนบีทก็เป็นแบบนี้ เมื่อเขายอมรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น บีทก็ไม่เกรงอกเกรงใจต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นของคนรัก เขาอยากมาตอนไหนเขาก็มา อยากนั่งตรงไหนเขาก็นั่ง อยากให้อิฐทำอะไรเขาก็ออกคำสั่งและออดอ้อน บีทเป็นคนเอาแต่ใจแต่อิฐก็ไม่รำคาญ เพราะตัวเขาเองเป็นคนอ่อนข้อและตามใจอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่แรก
ถ้าเขารู้ว่าบีทจะมีความสุข ทำไมเขาจะไม่ดีใจ แต่เพราะเขาไม่มั่นใจต่างหากล่ะ เขาถึงปล่อยให้เรื่องราวมันเดินต่อไปแบบนี้ไม่ได้
อิฐหมุนเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่งหันหน้าไปทางบีท
“ผมขอแนะนำให้คุณเลิกกับไอ้ฟ้าซะ” อิฐเริ่มต้นประโยคนั้นด้วยเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์
บีทแหงนคอมองหน้าเขา เลิกคิ้วน้อยๆ
หึงเหรอ? หรือแต่หวงก้าง ยังแค้นเขาอยู่เรื่องเด็กนั่น หรือแค่ว่างจัดไม่มีอะไรทำ ทำไมตอนนี้ถึงเดาใจอีกฝ่ายไม่ออกนะ
“อืม... ถ้าเป็นคำแนะนำ แปลว่าผมจะทำหรือเปล่าก็ได้ใช่ไหม?” บีทตอบกลับไป แววตาท้าทายยังคงอยู่
“บีท... เรื่องของเรามันควรจบได้แล้วไม่ใช่เหรอ? จนถึงขนาดนี้แล้วทำไมคุณยังไม่ปล่อยวางอีก”
“คุณหลงตัวเองมากไปละ บอกให้รู้ไว้ ผู้ชายที่อุ้มท้องได้ ผมไม่ถือว่าเป็นผู้ชายแล้ว ก็เลยไม่อยากได้คืนมาแล้วก็ไม่อยากเสียเวลามาแก้แค้นอะไรด้วย” บีทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน แน่นอนว่าตอนแรกเขาช็อกจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ยอมทำทุกวิถีทางที่จะตัดอีกฝ่ายออกไป และถึงตอนนี้ก็ปลงได้แล้วจริงๆ
“ถ้าอย่างงั้น คุณจะคบกับไอ้ฟ้าทำไม?”
คบ? พวกเขาก็แค่แลกเปลี่ยนความต้องการซึ่งกันและกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย... แต่เรื่องนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอยู่ดี “นั่นมันเป็นเรื่องของผม...”
“คุณรักมันจริงๆ ?”
“ไม่รู้สิ อาจจะแค่เซ็กซ์ก็ได้...”
“ถ้าแค่นั้นจริงๆ จะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“เฮอะ ตลกดีนะ เมื่อก่อนยังคอยปลอบใจ บอกว่าจะปกป้องผมอยู่เลย เดี๋ยวนี้... สัญชาตญาณความเป็นแม่มันคุกรุ่นหรือไง ถึงได้ทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่มาคอยกีดกันผมเสียเอง ทำไม... คุณกลัวผมทำให้น้องชายคุณแปดเปื้อนงั้นเหรอ? จะโทษผมที่ทำให้เขาหันมาชอบผู้ชาย หรือโทษผมที่ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารลำเอียงล่ะ?”
“ไม่ทั้งนั้น... ผมแค่ไม่อยากให้คุณเสียใจซ้ำซาก ต่อให้คุณไม่คิดแก้แค้น แต่ถ้าถูกใช้เป็นเครื่องมือล่ะ ถ้าเกิดว่าไอ้ฟ้ามันไม่ได้รักคุณจริง แล้วหักหลังคุณล่ะ?”
“คงไม่มีใครหักหลังผมได้เจ็บมากเท่าคุณแล้วละ”
“นี่ผมเตือนคุณดีๆ นะ”
“ผมไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของคุณ!!”
“ถ้าอย่างนั้น... ถ้าผมทำอะไรไม่ดีลงไป ก็ว่ากันไม่ได้นะ”
อิฐจากไปแล้ว ปล่อยให้บีทนั่งกำมือแน่นที่เดิม ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่โกหกสักคำ เขาก็คงเป็นห่วงไม่อยากให้บีทเสียใจจึงเอ่ยเตือน แต่ถ้าตัดความหวังดีออกไป สิ่งที่สัมผัสได้ก็คืออิฐแค่กลัว... กลัวว่าบีทจะยังไม่เลิกรา กลัวว่าบีทยังคงมีความคิดจะขัดขวางความรักของพวกเขา
ชายหนุ่มแค่นยิ้ม เขาควรชื่นชมไหมล่ะที่อดีตคนรักช่างรอบคอบ หรือควรปวดใจดีที่ถูกข่มขู่อย่างนั้น ถ้าหากบีทยังคิดร้ายกับพวกเขาอยู่ อิฐคงไม่ยกโทษให้อีกแล้ว ส่วนจะจัดการยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง...
เออหนอ... จากคนที่รักกันมาก กลายเป็นแค้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร เรื่องราวมันยืดยาวจนเขาขี้เกียจนึกย้อน จิตใจมืดมัวหม่นหมองจนหมดแรงแม้แต่จะลุกขึ้น...
เขาเหนื่อย เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว...
“พี่อิฐพูดอะไรกับคุณ” บีทนั่งซึมกระทือไม่นาน แผ่นฟ้าที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องทำงานก็เปิดประตูเข้ามา แล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน
บีทเหลือบตามองอีกฝ่ายเนือยๆ สิ่งที่อิฐกังวล เขาก็เคยกังวล แผ่นฟ้าอาจจะมีแผนการที่เขาคาดไม่ถึงก็ได้ แต่เขาก็ยอมมองข้ามไป เพราะหัวใจที่เจ็บร้าวมากจนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านั้นอีกแล้ว คนที่ถูกคนที่รักที่สุดทรยศได้ จะถูกใครสักคนบนโลกหักหลังมันก็ชินชาไปแล้ว... เขาเลยไม่กลัว
แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว หมดแรงจะต่อสู้ฟาดฟัน ถ้าเขาต้องการแค่เสพสังวาสชั่วครั้งชั่วคราว เสาะหาจากคนอื่นเอาก็ได้ ทำไมเขายังต้องวนเวียนอยู่กับคนในแวดวงเดิมๆ ที่เชื่อถือไม่ได้ด้วยล่ะ? ต่อให้เขาทนต่อไปเพื่อประชดประชัน นอกจากความสะใจเล็กๆ น้อยๆ เขายังได้อะไรอีก นอกจากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง สุดท้ายแล้วตัวเขาเองที่มีบาดแผลจนเต็มตัว แต่คนอื่นได้ประโยชน์ไปฝ่ายเดียว...
บางทีเขาควรจะไปอย่างที่อิฐแนะนำจริงๆ ก็ได้...
“เขาบอกให้ผมไปจากคุณซะ” บีทตอบออกไปตรงๆ ทำไมเขาต้องเก็บเรื่องราวน่าอึดอัดใจไว้กับตัวเองคนเดียวล่ะ
“คุณคงไม่เชื่อเขาหรอกใช่ไหม?” แผ่นฟ้าแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ผมว่าเป็นความคิดที่ดีอยู่เหมือนกัน” บีทตอบเสียงเนือยๆ
“โธ่เอ๊ย!” แผ่นฟ้าสบถทีหนึ่งแล้วหมุนตัวออกไปนอกห้อง เขาเดินเกือบวิ่งจนมาถึงร่างอิฐที่ยืนรอลิฟต์
“พี่อิฐ!!” เจ้าของชื่อหันมามอง ก็ถูกหมัดลุ่นๆ เสยกรามไปทีอย่างหนักหน่วง
แผ่นฟ้ากำลังโมโห... เขาพยายามแค่ไหนเพื่อเอาใจให้อีกฝ่ายใจอ่อน หวังว่าไม่นานบีทคงจะลืมอิฐ หวังว่าสักวันจะเปิดใจให้เขาเข้าไป เมื่อกี้เขาเกือบจะสารภาพความรู้สึกออกไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อิฐกลับมาทำลายทุกอย่างทิ้งในชั่วพริบตา มีหรือเขาจะทนไหว
ส่วนอิฐที่โดนต่อยเพราะไม่ทันตั้งตัวก็ออกแรงเอาคืนบ้างจนมุมปากเจ้าอันธพาลเขียวช้ำ แต่เพราะเขาเพิ่งออกจากคลินิกไม่นาน บาดแผลยังไม่ประสานดี ความเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อน สองคนยื้อยุดกันไปมา ต่างคนต่างกระชากคอเสื้อกัน
“บ้าไปแล้วหรือไงไอ้ฟ้า!!”
“พี่ต่างหากที่บ้า ไอ้หมาหวงก้าง ตัวเองไม่เอาแล้วจะหวงไว้ทำซากอะไรล่ะ”
อิฐกระชากตัวออกมาพลางขยับปกเสื้อให้เรียบร้อย ถลึงตาใส่แผ่นฟ้าที่บังอาจใช้ความรุนแรงในสถานที่แบบนี้ โชคดีที่เป็นชั้นที่มีแต่ผู้บริหาร จึงไม่มีผู้คนพลุกพล่านหรือใครเดินผ่านมาเจอเข้า
“ฉันน่ะเหรอหวงก้าง? ฉันแค่ไม่อยากให้แกรั้งเขาไว้เพื่อใช้ต่อรองต่างหาก”
“ต่อรอง... ต่อรองกับอะไร?” แผ่นฟ้าทำหน้าฉงน ส่วนอิฐก็ขมวดคิ้วจับจ้องลูกพี่ลูกน้องเขม็ง
เดิมทีเขาคำนวณไว้ว่าอาจจะตั้งท้องทันทีที่ควานหาตัวแม็กม่าพบ ถึงตอนนั้นคงต้องวางมือจากที่นี่อย่างน้อยก็หนึ่งปีขึ้นไป ถึงอย่างไรก็ต้องส่งมอบภาระหนักอึ้งนี้ให้แผ่นฟ้ารับช่วงต่อ แต่แผ่นฟ้าเป็นคนเหลาะแหละ ถึงบางครั้งจะเหมือนมีความพยายามเพื่อเอาชนะเขาบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะดูแลบริษัทนี้ไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า เขาถึงได้เสนอเงื่อนไขให้ทำกำไรให้ได้ตามเป้า เพื่อกดดันให้แผ่นฟ้าจริงจังกับงานมากขึ้น
ความเป็นจริง ต่อให้ฝ่ายนั้นจะทำกำไรเพิ่มไม่ได้แม้แต่นิดเดียวขอแค่ไม่ทำให้ขาดทุนย่อยยับ เขาก็ต้องวางมืออยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เขาอยากให้น้องชายพยายามให้ถึงที่สุดก่อน
แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด... ทั้งที่เพิ่งเปลี่ยนตัวประธานคนใหม่ได้ไม่กี่เดือนแต่ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้เลวร้ายอะไร อิฐที่เคยกังวลใจค่อนข้างโล่งอก
ครั้นรู้ข่าวว่า บีทกับแผ่นฟ้ายังคงติดต่อกันและคล้ายจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเขาก็ระแวงขึ้นมา เพราะมีเหตุผลสามอย่างที่เป็นไปได้ คือหนึ่งทั้งสองรักกันจริง ซึ่งคิดยังไงก็เป็นไปได้น้อยมาก สอง บีทยังคงอยากแก้แค้น เขาอยากใช้แผ่นฟ้าเป็นตัวเชื่อมต่อ เพื่อหาโอกาสแก้แค้นเขาในวันข้างหน้า สาม แผ่นฟ้าเป็นคนเหนี่ยวรั้งบีทไว้เพื่อใช้ประโยชน์บางอย่าง เป็นต้นว่าเพื่อต่อรองถ้าหากเขาทำกำไรไม่ได้ตามเป้า...
อิฐพยายามหลอกถามคนทั้งคู่ตามสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐาน ทว่าทั้งสองคนกลับทำเหมือนว่าเขาคิดอะไรเพ้อเจ้อ... ดังนั้นคำถามจึงย้อนกลับไปที่ข้อแรก...
“จะบอกว่าแกรักบีทจริงๆ งั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“นั่นมันเรื่องของผม” แผ่นฟ้าเม้มปากพยายามเสหลบตา เรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกบีทเลย ทำไมต้องมาบอกคนอื่นก่อนด้วยล่ะ?
“ถ้าไม่แน่ใจก็หยุดเถอะ ปล่อยเขาเดินไปตามทาง ไม่นานก็คงลืมได้เอง อย่าเหนี่ยวรั้งไว้กับเรื่องเดิม บรรยากาศเดิมๆ เพื่อรอวันจะต้องเจ็บแบบเดิมเลย” อิฐพยายามรวบรวมคำพูดเพื่อเตือนสติน้องชายอีกครั้ง ต่อให้ความรู้สึกที่มีให้บีทไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ใช้เวลาร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาตั้งสี่ปี จะเป็นห่วงเป็นใยบ้างก็ไม่แปลก
“ไม่เหมือน อย่างน้อยผมก็ไม่นอกใจเขาเหมือนอย่างพี่แล้วกัน!” แผ่นฟ้าตอกกลับ
“หึ... แค่นั้นมันไม่พอหรอก แกชอบผู้หญิงมาตลอด จะทนรับสายตาคนรอบข้างได้เหรอ? แกจะปกป้องบีทจากแรงกดดันได้เหรอ? ฉันที่เคยพยายามจะทำ ยังทำไม่ได้...”
“พี่ทำไม่ได้แล้วไง? ผมนี่แหละจะทำให้ได้ ผมจะปกป้องเขาเอง” แผ่นฟ้ายืนยันอย่างหนักแน่น ทำให้คนฟังตะลึงงันไป
“ดี เอางี้แล้วกัน ถ้าแกทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ 5 เปอร์เซ็นต์จริง นอกจากบริษัทที่ฉันจะวางมือแล้ว ก็จะวางมือเรื่องบีทด้วยดีไหม? แต่ถ้าไม่สำเร็จ แกก็ต้องเลิกยุ่งกับบีทซะ”
แผ่นฟ้าคิดไม่ถึงเลยว่าอิฐจะโหดร้ายถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับเขาด้วย แค่บริษัทที่อาจจะเปลี่ยนมือกลับไปน่ะเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่พอเอาเรื่องบีทมาเดิมพันด้วย สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“เรื่องบริษัทจะเป็นไงก็ช่าง แต่เรื่องบีท... ผมไม่เดิมพันด้วยหรอก”
คำตอบของแผ่นฟ้าทำให้อิฐค่อนข้างแปลกใจ แต่วินาทีต่อมารอยยิ้มก็พลันอบอุ่นขึ้นมา
“อืม... เห็นแก่ความมุ่งมั่น ฉันจะวางมือเรื่องของแกกับบีทไปก่อน เอาไว้ผลประกอบการไตรมาสหน้าออกฉันจะมาอีกที”
“ตามสบาย... ตอนนี้ก็เชิญกลับไปได้ละ” เขาไล่ตรงๆ
ญาติผู้พี่เขม้นมองเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หมุนตัวหันไปกดลิฟต์ แล้วก็บังเอิญสังเกตเห็นคนที่ยืนเงียบอยู่พักใหญ่แล้ว อิฐไม่รู้จะปั้นสีหน้าอย่างไรดี จึงหลุบตาต่ำ มือก็กดปุ่มเรียกลิฟต์
เพราะแผ่นฟ้ามัวแต่ทะเลาะกับอิฐอยู่เลยไม่ได้สนใจสิ่งอื่น จึงเพิ่งเห็นบีทเอาตอนนี้ นึกสงสัยว่าบีทเดินมาตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ ถึงแม้บีทอยู่ค่อนข้างห่าง แต่เพราะกำลังโมโหทั้งเขาและอิฐไม่ได้ลดเสียงให้เบาลง ดังนั้นในระยะแค่นี้คงได้ยินอย่างชัดเจน
เหอะ! ได้ยินแล้วยังไงล่ะ เขาบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรปิดบังสักหน่อย
บีทเดินมาหาเขาแล้ว จริงอยู่เขาไม่มีอะไรปิดบัง แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือการตัดสินใจของบีทตอนที่อยู่ในห้อง แค่อิฐบอกให้เขาไป บีทก็จะไปจริงๆ หรือ แผ่นฟ้ารู้สึกใจคอไม่ดีเลย
ลิฟต์มาถึงแล้ว... อิฐปลีกตัวจากพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แผ่นฟ้าขบคิดหัวแทบแตกว่าจะขอร้องวิงวอนคนตรงหน้าอย่างไรดี ว่าอย่าไปฟังอิฐ... อย่าไปจากเขา
ไม่นึกว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปาก บีทที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ยกมือขึ้นเกลี่ยมุมปากเขาเบาๆ แล้วถามอย่างอาทร “เจ็บไหม?”
อันที่จริงมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่สำหรับผู้ชายดื้อๆ อย่างเขาสมัยก่อนก็มีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ถ้าหากเป็นผู้หญิงสักคนถามเขา เขาอาจจะแกล้งสำออยไปว่าเขาเจ็บมากเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาก็กลัวว่าบีทจะคิดว่าเขาอ่อนแอ พึ่งพาไม่ได้...
“นิดหน่อย” เขาตอบสั้นๆ
“ผมบอกคุณแล้วว่ามันไม่คุ้ม ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” บีทเอ่ยเตือนเหมือนผู้ใหญ่เตือนเด็ก
“คุ้มหรือเปล่า มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้” แผ่นฟ้ายังคงย้ำคำเดิม
“เพราะผมใช้ต่อรองกับอิฐได้งั้นเหรอ?” ตัวเขาเองนึกไม่ออกหรอกว่าอิฐหมายถึงอะไร แต่พอหาเหตุผลที่อีกฝ่ายจะพยายามยื้อเขาไว้สุดแรงแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ในความสงสัยเขาก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบที่ไม่แย่เกินไปนัก
“นี่คุณ อย่าไปเชื่อที่พี่อิฐเป่าหูง่ายๆ สิ ต่อรองอะไรกันเล่า เหลวไหลชัดๆ”
“ถ้าผมไม่มีประโยชน์อะไรจริง งั้นคุณจะเสียดายไปทำไม ก็แค่คู่ขาชั่วคราวไม่ต้องทุ่มทุนมากขนาดนี้ก็ได้นี่” บีทยังคงไล่ต้อนหาเหตุผลไม่เลิกรา สายตาจับจ้องมองเขาเขม็งเหมือนจะบอกว่าอย่าโกหก...
แผ่นฟ้าอดน้อยใจอยู่นิดๆ ไม่ได้ที่บีทไม่เชื่อใจเขา ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งพี่ชายพูดขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสำหรับอิฐแล้ว บีทยังคงเสี้ยนหนามตำใจเขาอยู่เสมอ เพราะถ้าหากยังอยู่ใกล้ๆ แล้วตามป่วนไม่เลิก ต่อให้แม็กม่ากลับมาจริงเขาก็อาจจะหนีไปอีกรอบก็ได้
ดังนั้นอิฐจึงสงสัยว่าแผ่นฟ้าที่ยังไม่แน่ใจว่าจะชนะเดิมพันหรือเปล่าอาจจะเก็บบีทไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายใช้ต่อรอง ขอแค่ไม่มีแผ่นฟ้าคอยส่งข่าว ไม่มีเขาเป็นตัวเชื่อม บีทก็คงจนปัญญาจะเข้ามาวุ่นวายชีวิตรักของอิฐอีก แลกกับตำแหน่งเล็กๆ น้อย มันก็คุ้ม จะว่าไปแล้วก็เป็นข้อต่อรองที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่แผ่นฟ้าน่ะหรือจะกล้าเสี่ยง เขาไม่อยากทำให้บีทหวาดระแวงคนรอบตัวไปมากกว่านี้
เขาเหลือบตามองบีทที่ยังไม่ละสายตาไปเหมือนจะคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ ถ้าเขาปิดบังต่อไปบีทคงยิ่งไม่เชื่อใจเขากว่าเดิม คงมีแต่ต้องพูดไปตามตรงเท่านั้น
“ในสายตาพี่อิฐ ผมอาจจะใช้คุณต่อรองได้จริงๆ แต่... ผมก็ไม่มีวันทำหรอก”
บีทยืนฟังเงียบๆ พลางเหยียดริมฝีปากคล้ายหยัน คิดว่าเขาจะเชื่อหรือไง?
ไม่มีวันใช้? ก็แค่คำแก้ตัวเท่านั้น ก็แค่ทำให้เขาตายใจรอถึงวันที่ “จำเป็นต้องใช้” ต่างหาก
“อืม... ผมเข้าใจละ” เขาตอบสั้นๆ พลิกกายเดินไปกดลิฟต์ที่ตอนนี้คงส่งอิฐลงไปถึงชั้นล่างแล้ว
บีทยืนนิ่ง แววตาไหวสั่น แต่ก็ยังบอกตัวเองว่าเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก เขาเข้มแข็งพอ ต่อให้ถูกหักหลังอีกกี่ครั้งเขาก็ยังทนได้... ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แต่ละครั้งก็ยิ่งด้านชา เขาคิดว่าตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่แล้วก็ยังเจ็บปวด
ที่ผ่านมาเขาหลงคิดว่าแผ่นฟ้าจริงใจอยากช่วยเขาจริงๆ แต่ว่า...
ที่ผ่านมา ทุกอย่างเลยใช่ไหม เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องเสแสร้งเก่งขนาดไหนถึงแกล้งทำดีกับเขาได้ตั้งนานขนาดนี้!
“บีท.. คุณต้องเชื่อผมนะ ว่าผมจริงใจกับคุณจริงๆ เรื่องนั้นมันก็แค่สิ่งที่พี่อิฐคิดไปคนเดียว ผมไม่มีทางใช้คุณมาต่อรองอะไรกับเขาทั้งนั้นแหละ” แผ่นฟ้าพูดต่อระหว่างที่บีทหันหลังให้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนมองว่าลิฟต์อยู่ชั้นไหนแล้ว พร้อมกันนั้นก็พยายามกลืนบางอย่างลงคอไป
เขายังจะเชื่อไปอีกทำไม? จะพี่ชายหรือน้องชาย สุดท้ายก็หักหลังเขาอยู่ดี
ติ๊ง... ลิฟต์มาซะที เขาจะได้ไม่ต้องทนฟังคำแก้ตัวพวกนั้นอีก
บีทก้าวเท้าเข้าไปข้างในแล้วกดปิดประตูทันที แผ่นฟ้ายืนอยู่หน้าลิฟต์มองตามอย่างอาวรณ์ เขาไม่ได้ตามเข้าไปเพราะรู้แก่ใจดีกว่าต่อให้พูดอะไร บีทก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดี
++++++++++
ห่างหายไปนาน แต่ตอนนี้แต่งจบแล้ว จะทยอยลงให้นะคะ ♥