/3
“นี่...บิล คุณเอาวุ้นเส้นไปแช่น้ำไว้ให้หน่อยแล้วกัน”
สายใยลงมือใช้คนที่อาสามาช่วยเขาทำครัวอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ไม่รู้ทำไมพอเห็นอีกฝ่ายทำตามคำสั่งของตัวเองโดยไม่ขัดงอนแบบนี้ มันชวนให้นึกถึงร่างเล็กป้อม ๆ ในสมัยเด็กที่มักจะเชื่อฟังและคอยทำตามคำสั่งของเขาอยู่เป็นประจำ
“พี่เอส จะให้ผมตั้งน้ำเลยไหม”
“อือ...ตั้งได้เลย ส่วนปริมาณก็...ก็เท่าไหร่นะ”
สายใยนิ่งคิด เพราะเขาลืมสูตรอาหารไว้ด้านบน จะวิ่งเอามากางอ่านดูก็กลัวถูกหัวเราะเยาะ เขาเหลือบมองอีกฝ่ายที่รอคอยคำสั่งจากเขา ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอนิด ๆ แล้วจึงบอกออกไป
“ง่า...ใส่สักครึ่งหม้อก็ได้”
วิลเลียมยิ้มรับ แล้วทำตามที่บอกแต่โดยดี สายใยลอบถอนหายใจแล้วจึงค้นคนอร์ในตู้เย็น พร้อมกับหยิบผักและหมูสับในนั้นออกมา
“อาจจะไม่ถูกปากนักนะ เพราะผมถนัดแต่ทำพวกของทอดง่าย ๆ ทั่วไปมากกว่า”
สายใยรีบออกปากบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องเวลาเขาทำ วิลเลียมสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร ผมอยากกินเองนี่ เพราะฉะนั้นต่อให้ออกมารสไหน ผมก็กินได้อยู่แล้ว”
คำพูดและรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจเต้นแรง แล้วรีบหลบสายตาไปมองทางอื่นทันที
‘บ้าน่า จะอายทำไม ผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ’ สายใยคิดในใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเวลายิ้มแล้ววิลเลียมนั้นค่อนข้างดูดีจริง ๆ
“โอ๊ย!”
เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันระวังและเฉือนมือตัวเองเข้าให้ ดีที่ไม่ได้บาดลึกนัก แต่ก็มีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ดี
“พี่เอส เป็นอะไรไป!”
วิลเลียมที่กำลังจ้องให้คนอร์ละลายน้ำจนหมด รีบหันกลับมามองสายใยที่หลุดร้องออกมาอย่างตกใจ และพอเห็นเลือดบนนิ้วของอีกฝ่ายเขาก็รีบจับมือชายหนุ่มมาล้างน้ำสะอาด แล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อจะหาที่ปิดแผล
“มะ...ไม่เป็นไร แผลแค่นิดเดียวเอง”
“เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าจะแย่นะครับ”
วิลเลียมบอก แล้วจึงถามถึงที่เก็บยาสามัญประจำบ้าน สายใยถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเดินไปหยิบพลาสเตอร์ยาออกมาจากลิ้นชักในตู้โชว์มุมห้องรับแขก แต่ก็ต้องตกใจเพราะวิลเลียมที่เดินตามมาด้วยกัน หยิบแผ่นพลาสเตอร์ยาไปจากมือของเขาเสียก่อน
“ผมแปะให้”
“อะ...อืม”
สายใยยอมทำตามที่อีกฝ่ายขอแต่โดยดี เขาจ้องมองคนที่กำลังแปะพลาสเตอร์ที่นิ้วเขา ยิ่งพอมองใกล้ ๆ แบบนี้ก็ยิ่งเห็นว่าวิลเลียมนั้นหน้าตาดีเอามาก ๆ โดยเฉพาะขนตาสีดำขลับหนาเป็นแพยาวนั่นยิ่งส่งให้นัยน์ตาเรียวยาวชวนมองมากขึ้นไปอีก
หลังจากที่ปิดแผลให้อีกฝ่ายเสร็จแล้ว วิลเลียมก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจ้องมองตน ซึ่งพอเขาเงยหน้าก็สบกับสายตาของอีกฝ่ายพอดี
“พี่เอส...จ้องอะไร ติดใจผมหรือ”
“ปะ เปล่าสักหน่อย!”
คนถูกจับได้รีบแก้ตัว เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้านั้นแดงระเรื่อด้วยความเขินที่ดันเผลอไปจ้องหน้าคนอื่นอย่างเสียมารยาทแบบนั้น
“ไม่เห็นเป็นไรเลย...ถ้าเป็นพี่ ผมยอมให้จ้องอยู่แล้ว หรือจะทำมากกว่าจ้องก็ได้”
วิลเลียมบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับใช้สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง จนทำให้คนที่หันกลับมามองใจเต้น รู้สึกแปลก ๆ กับคนตรงหน้า ยิ่งได้พูดคุย ได้เข้าใกล้ สายใยก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะนัยน์ตาสีดำเรียวยาวที่ดึงดูดให้คนมองคู่นั้น
“พี่เอส...ไปทำแกงจืดกันต่อดีไหม”
วิลเลียมเอ่ยตัดบท เพราะขืนปล่อยให้จ้องตากันนานไปกว่านี้ เขาคงอดไม่ได้ที่จะจูบสายใยแน่
“อะ...อืม...นะ นั่นสิ”
สายใยตอบรับคำเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกแปลก ๆ ยามที่ได้จ้องตาอีกฝ่าย ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทางด้านวิลเลียมนั้นค่อนข้างพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของชายหนุ่มไม่น้อย เขารู้ดีว่าสายใยไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักเท่าใดนัก เพราะเจ้าตัวเอาแต่เรียน แถมพอเรียนจบก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บตัวเขียนนิยายอยู่บ้าน จนไม่มีโอกาสจะไปคบสาวที่ไหน ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องความรักแล้ว ชายหนุ่มดูจะไร้เดียงสาผิดกับอายุของเจ้าตัวอยู่มากทีเดียว
“พี่เอส ใส่อะไรก่อนดี วุ้นเส้นหรือหมู”
วิลเลียมหันไปถามคนที่ยืนใจลอยข้างเขา สายใยสะดุ้งแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้
“ง่า...วุ้นเส้น...เอ๊ย ไม่สิ หมูต่างหาก ...น่าจะหมูนะ”
“ครับ ๆ หมูก็หมู”
วิลเลียมรับคำขำ ๆ ก็ค่อนข้างจะพอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายไม่ถนัดงานครัว แต่ก็ดีใจที่เจ้าตัวอาสาทำกับข้าวให้เขากิน เพราะฉะนั้นต่อให้จะออกมาแบบไหน เขาก็พร้อมจะรับมันได้เสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นถ้ารสชาติมันออกมาเลวร้ายมาก ๆ วิลเลียมก็คิดว่าจะกินพวกยาแก้ท้องเสียกันไว้ก่อนล่ะนะ
….
“อร่อยผิดคาดแฮะ”
คำชมดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวตักชิมไปคำแรก โดยมีคนทำมองดูด้วยสายตาลุ้นระทึก
“จริงหรือ!”
สายใยถามกลับอย่างตื่นเต้น วิลเลียมหัวเราะเบา ๆ แล้วใช้ช้อนตักน้ำแกง ก่อนจะยื่นให้ที่ด้านหน้าของอีกฝ่าย
“พี่ก็ลองชิมดูสิ อร่อยดีนะ”
สายใยชะงักกึก หน้าแดงนิด ๆ แล้วสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะตอบไปอย่างลืมตัว
“ไม่เป็นไร พี่ เอ๊ย ผมกินเองได้”
วิลเลียมชะงักมือที่เตรียมจะป้อนอีกฝ่าย แล้วค่อย ๆ วางลงที่จานก่อนจะนิ่งเงียบไป ทำให้สายใยต้องมองอย่างสงสัย เขานึกว่าวิลเลียมจะโกรธที่เขาปฏิเสธ เลยเตรียมจะขอโทษ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มสะกดใจของชายหนุ่มอีกครั้ง
“เมื่อครู่นี้ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลย ...พี่แทนตัวเองกับผมว่าพี่แบบนั้นได้ไหม”
สายใยเงียบกริบ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงอยากให้เขาเรียกตัวเองแบบนั้น ทั้งเรื่องที่ขอเรียกเขาว่าพี่ก่อนหน้านั้นอีกด้วย
“จะเหมาะหรือ...ยังไงคุณก็เป็นแขก”
“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย...นะ... ได้ไหม ผมอยากได้ยินจัง”
วิลเลียมเริ่มอ้อน ทำให้อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกแปลก ๆ พิกล แต่ก็จำต้องตอบรับไป เพราะไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน อีกอย่างอายุของเขาและอีกฝ่ายก็ห่างกันหลายปีจนเป็นพี่น้องกันได้จริง ๆ อยู่แล้ว
“ก็ได้...พี่ก็พี่”
คำพูดพร้อมใบหน้าคล้ายเอียงอายนิด ๆ นั่น ทำให้คนมองชะงัก ก่อนจะลืมตัวเผลอทำบางสิ่งออกไป
“อา... พี่เอสน่ารักที่สุดเลย ผมรักพี่จัง”
วิลเลียมบอกแล้วชะโงกหน้าข้ามโต๊ะหอมแก้มคนตรงข้ามไปหนึ่งฟอดใหญ่ อย่างอดใจไว้ไม่ไหว แต่พอเห็นสีหน้าตกตะลึงนั่น ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจ แล้วจึงเอ่ยตามมา
“ตอนแรกก็ตั้งใจให้พี่รู้สึกตัวเอง แต่พี่เล่นน่ารักแบบนี้ ผมจะอดใจไหวได้ไง...”
สายใยเบิกตากว้าง ยังคงมึนงง สับสนนึกอะไรไม่ออก ตั้งแต่โดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มเข้าให้เมื่อครู่แล้ว ทว่าเขาก็ต้องตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของวิลเลียม
“ผมกลับมาแล้วนะพี่ อย่างที่เคยสัญญากันไงล่ะ ว่าถ้าผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะมารับพี่เป็นเจ้าสาวน่ะ ...ยังไม่ลืมใช่ไหม”
“คะ...คุณ...ไม่ใช่สิ หรือว่านะ...นายคือ...”
คำสัญญาสมัยเด็กที่ชวนให้อมยิ้มด้วยความขบขันกับความไร้เดียงสาของเด็กชายตัวน้อย แต่ตอนนี้สายใยไม่อยากเชื่อเลยว่า อีกฝ่ายจะกลับมาทวงสัญญากับเขาในสภาพที่แตกต่างจากเดิมจนสิ้นเชิง
“พี่สัญญากับผมแล้วไม่ใช่หรือ ...ผมทำตามสัญญาแล้วนะ เพราะฉะนั้นผมก็หวังว่า พี่คงไม่คิดกลับคำใช่ไหม?”
วิลเลียมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มันช่างผิดกันลิบลับกับเด็กชายในความทรงจำของสายใยเสียเหลือเกิน
“นั่นมัน...ตอนนั้น นายยังเด็ก แล้วก็...”
สายใยพยายามปฏิเสธ ยังไม่อยากจะเชื่อว่าวิลเลียมจะเป็นคนเดียวกับเด็กตัวน้อยผู้แสนน่ารักคนนั้นของเขา
“ผมหรือสู้อุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจเรียนจนจบได้ในที่สุด แถมยังต้องทะเลาะกับพ่อแล้วก็พี่ชาย เรื่องที่จะกลับมาขอพี่แต่งงานอีก ...เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางปล่อยให้พี่ปฏิเสธง่าย ๆ หรอก”
วิลเลียมตอกย้ำ พลางจ้องชายหนุ่มราวกับจะกลืนกิน จนคนถูกจ้องต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ง่า...คือ....คือ กินข้าวเย็นกันก่อนดีไหม”
นักเขียนหนุ่มพยายามจะหลีกหนีความจริงเต็มที่ ทำให้คนที่กำลังจ้องมองเขาเขม็งถึงกับชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“โอเค กินก็กิน ไหน ๆ พี่ก็อุตส่าห์ทำเพื่อผมทั้งทีนี่นะ”
วิลเลียมบอกแล้วกลับมายิ้มอ่อนโยนให้ตามเดิม จนคนถูกมองใจเต้น แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตนเขาก็ต้องรีบหลบตา ทว่าใบหน้านั้นกลับยิ่งแดงหนักขึ้นกว่าเดิม
“แต่ถ้ากินเสร็จแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะครับ...พี่เอส”
น้ำเสียงอันแสนคุกคามดังขึ้นถัดมา ทำให้คนถูกเรียกชื่อนึกอยากจะโทรไปหาพี่ชายให้เอาแขกพิเศษกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าเขากลับทำได้เพียงพยักหน้านิด ๆ แล้วกินข้าวต่อไปเงียบ ๆ ไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติของแกงถ้วยนั้นแต่อย่างใด
ทางด้านวิลเลียม เขาเองก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจสารภาพความจริงเร็วไปสักหน่อย แต่ดูจากปฏิกิริยาของสายใยแล้ว เขาดูท่าทางจะมีหวังมากกว่าวืด และถ้าเขาลองรุกมากกว่านี้อีกสักนิด คงจะทำให้ชายหนุ่มยอมรับในตัวเขาได้ไม่ยากนัก
ถึงยังไงเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่า นอกจากสายใยซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวตั้งแต่เด็กของเขาแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปันใจไปชอบใครอีก และเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้คนที่เขารักคนนี้หลุดมือไปได้แน่ เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องใช้แผนการเล่ห์กลแค่ไหน เขาก็ต้องทำให้อีกฝ่ายยอมรับรักเขาให้จงได้!
แค่เพียงวันเดียวกลับเกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายกับสายใย มีแขกพิเศษมาร่วมพักที่บ้านอันแสนสงบของเขา แล้วแขกคนนั้น ก็ดันเป็นคนเดียวกับเด็กน้อยข้างบ้านที่เคยสนิทกับเขามากมาก่อน แถมเจ้าตัวยังบอกอีกว่า การมาครั้งนี้มาเพื่อจะทวงสัญญาที่เคยให้ไว้สมัยเด็ก และตอนนี้ก็กำลังนั่งนิ่งรอฟังคำตอบอยู่ตรงโซฟาตรงข้ามเขาเสียด้วย
“ว่าไงครับ พี่เอส ถ้าพี่รับปากตอนนี้ ผมจะได้บอกให้แม่กับพ่อบินมาไทยเลย จะได้ไปสู่ขอกับพ่อแม่พี่ให้เรียบร้อยตามประเพณีที่นี่”
“บ้ารึ! แต่งงานนะ ไม่ได้เล่นของเล่น จะได้ให้คิดปุ๊บให้คำตอบได้ปั๊บน่ะ!”
สายใยโวยวาย ยิ่งพอเห็นวิลเลียมพูดด้วยแววตาจริงจังไม่มีล้อเล่น เขายิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก
“เอาจริงหรือปอม...ไม่ใช่สิ บิล”
พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อยในความทรงจำ สายใยก็เริ่มพูดจาเป็นกันเองกับชายหนุ่มมากขึ้น
“เรียกอะไรก็ได้พี่ จะบิลจะปอม ถ้าเป็นพี่ผมโอเคทั้งนั้น”
สายใยมองคนตรงหน้าเขาที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงย้อนถามกลับไป
“แล้วตอนนี้ใช้ชื่ออะไรอยู่ล่ะ ที่ครอบครัวปัจจุบันนี้เรียกน่ะ”
“ก็ใช้บิลนี่ล่ะครับ พอแม่หย่า แม่ก็อยากทิ้งอดีตเก่า ๆ ไปให้หมด ทางครอบครัวใหม่ก็เลยช่วยตั้งชื่อให้พวกเราแม่ลูกใหม่กันทั้งคู่นั่นล่ะ”
สายใยรับฟังอย่างเข้าใจ ถึงตอนนั้นเขายังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีนัก พ่อแท้ ๆ ของชายหนุ่มนั้นขี้เหล้า และชอบทำร้ายลูกเมียตอนเมาเสมอ ชายหนุ่มตอนเป็นเด็กน้อยจึงมักถูกฝากให้ครอบครัวเขาเลี้ยงตอนที่มารดาอีกฝ่ายออกไปทำงาน ซึ่งครอบครัวเขาและตัวเขาก็เต็มใจและรักอีกฝ่ายเหมือนสมาชิกในบ้านคนหนึ่ง
“ครอบครัวใหม่ดีกับนายมากไหม”
สายใยเปลี่ยนเป็นชวนคุยเรื่องของวิลเลียมแทน เพราะสิบห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้ข่าวคราวจากทางนั้นเลย
“ดีมาก ๆ เลยครับ ...ดีจนผมคิดว่าทำไมผมถึงไม่เกิดเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อ เป็นน้องแท้ ๆ ของพวกพี่ ๆ ไปเสียเลย”
สายใยมองคนที่มีสีหน้าเปี่ยมสุข แล้วก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เพราะถึงยังไงคนตรงหน้าก็เป็นน้องชายที่เขาเคยรักมากคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก สายเลือดบางทีมันก็ไม่จำเป็นต่อชีวิตครอบครัวหรอกนะ มันอยู่ที่ความรักความเข้าใจกันต่างหาก”
วิลเลียมยิ้มตอบ เขาจ้องมองสายใยนิ่ง จ้องจนนักเขียนหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว แล้วจึงรีบหลบตาน้อย ๆ
“ผมอยากให้พี่มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหม่ผมจัง...”
คำขอนั้นทำให้คนฟังกลืนน้ำลาย อยากจะปฏิเสธออกไป แต่ก็กลัวทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย จะว่าไปเขาก็มีส่วนผิดที่ดันไปเผลอรับปากก่อนจาก เพราะคิดว่าเป็นแค่คำพูดไร้เดียงสาของเด็ก ๆ ใครจะรู้ว่าวิลเลียมจะยึดถือคำสัญญานั้นมาสิบห้าปี แล้วมาขอเขาเป็นเจ้าสาวเอาเข้าจริง ๆ
“พี่เอสก็ยังโสดไม่ใช่หรือ...หรือพี่เกลียดผม”
วิลเลียมตีสีหน้าเศร้าสลด ทำเอาอีกคนสะดุ้งเฮือก
“ปะ…เปล่านะ”
สายใยรีบตอบ ถ้าเป็นนายวิลเลียมที่เจอตอนแรกนั่นเขาก็รู้สึกหมั่นไส้อยู่บ้าง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนเดียวกับเด็กในความทรงจำคนนั้นของเขานั่นมันก็อีกเรื่อง
“ไม่เกลียด แสดงว่ารัก”
อีกฝ่ายรุกต่อ ทำเอาคนกำลังคิดหนักเผลอตัวตอบรับออกไป
“เออ...รักก็รัก...”
สายใยชะงัก แล้วมองอีกฝ่ายที่ทำตาโต พลางยิ้มกว้างตามมาอย่างดีใจ ชายหนุ่มนิ่งคิดว่าตัวเองตอบอะไรออกไป แล้วก็ต้องรีบลุกพรวดปฏิเสธลั่น
“เฮ้ย! ไม่ใช่นะ!”
“แต่พี่บอกเองไม่ใช่หรือ”
วิลเลียมแย้งยิ้ม ๆ ก็รู้หรอกว่าอีกฝ่ายมึน แต่เขาก็อยากเห็นสีหน้าตกใจแบบนี้จากเจ้าตัวเช่นกัน
“ก็นาย ...โธ่โว้ย!”
“ฮะ ๆ ใจเย็น ๆ ผมแค่แกล้งแหย่พี่เอง”
วิลเลียมโบกมือน้อย ๆ ทำให้อีกคนหน้ามุ่ย ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิมแล้วบ่นอุบเบา ๆ กับตัวเอง
“แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากได้ยินว่ารักกันบ้างจัง”
ชายหนุ่มหยอดคำหวานที่ทำให้คนฟังขนลุกซู่ แล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้
“ง่า...ถ้าจะกลับคำสัญญานี่ จะโกรธกันมากไหม”
วิลเลียมชะงักก่อนจะบอกตามมา
“ใครจะโกรธพี่ลงล่ะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมยิ้มหวาน ทำเอาสายใยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าเพียงครู่เดียว เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“แต่หากพี่ผิดสัญญา ผมจะไม่รอทำตามประเพณี แต่จะจับพี่เข้าหอเสียเดี๋ยวนี้เลยล่ะ!”
พูดไม่พูดเปล่า วิลเลียมนั้นยังขยับกายเข้ามาใกล้จนสายใยสะดุ้งโหยง
“เดี๋ยวบิล อย่าล้อเล่นนะ!”
“ไม่ล้อล่ะพี่ ทนรอมาตั้งสิบห้าปี จู่ ๆ จะมาบอกยกเลิกสัญญา ใครหน้าไหนมันจะทนไหว”
วิลเลียมบอกเสียงเข้ม ทำเอาสายใยอยากจะร้องไห้ เพราะอีกฝ่ายตัวสูงใหญ่กว่าเขา แถมเรี่ยวแรงก็ดูจะมากกว่า ถ้าปล้ำกันมีหวังเขาคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้แน่
“ดะ เดี๋ยว ขอเวลาพี่คิดบ้างสิ!”
สายใยพยายามต่อรอง ทำให้วิลเลียมหยุดเดิน แล้วถามกลับ
“เท่าไหร่ล่ะครับ”
“ง่า...ก็สัก...สองอาทิตย์”
สายใยบอกแล้วเหลือบมองว่าอีกฝ่ายจะว่าไง เพราะเขาตั้งใจว่าพอครบกำหนดสองอาทิตย์ที่วิลเลียมอยู่ที่นี่ เขาจะหาทางหลบไปค้างบ้านเพื่อนเพื่อหนีอีกฝ่ายเสียเลย
“หืม...สองอาทิตย์อย่างนั้นหรือ”
วิลเลียมมองคนพูด แล้วซ่อนยิ้มในสีหน้า ก่อนจะตอบกลับไปง่าย ๆ
“ก็ได้ ผมจะให้เวลาพี่คิดคำตอบสองอาทิตย์”
สายใยยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ทำให้คนมองนึกขำ ทำไมเขาจะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร สิบห้าปีที่ผ่านมา แม้สายใยจะไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงทำอะไรอยู่ แต่ตัวเขานี่ล่ะพยายามทุกอย่างที่จะสืบค้นข้อมูลของชายหนุ่มมาตลอด จนกระทั่งวันที่เรียนสำเร็จ เขาจึงตัดสินใจกลับมาที่ไทยเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้สักที
“ผมหวังว่า คำตอบที่พี่จะให้ จะทำให้ผมพอใจนะ”
วิลเลียมโน้มใบหน้าลงไปกระซิบคนที่นั่งเผลอ ๆ ก่อนจะงับหูชายหนุ่มเบา ๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก หน้าแดงทั้งฉุนทั้งอาย แล้วขยับถอยห่างไปชิดริมโซฟาทันที
‘อะไรกันวะ ตอนเด็กออกจะน่ารักเหมือนลูกแกะน้อย ทำไมโตขึ้นมามันถึงได้กลายเป็นหมาป่าแบบนี้ไปได้!’ สายใยคิดในใจอย่างหงุดหงิด โดยเฉพาะหลังจากนี้ที่ต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับคนที่คิดจะเอาเขาเป็นเจ้าสาวอีกสองอาทิตย์ เขาก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าวิลเลียมจะอดทนตามที่สัญญาไว้ได้ไหม หรือจะตบะแตกจับเขาปล้ำเอาเสียก่อนเข้าให้
ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ล่ะก็ รีบ ๆ หาเมียเสียก่อน เหมือนพี่ชายเคยบอกไว้ก็คงดี!
....TBC...
เรื่องไปแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ นะคะ ^^" อาจจะไม่ถูกใจคนชอบพล็อตสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนนัก แต่พอดีเขียนเพราะอยากได้อะไรหวาน ๆ น่ารัก ๆ ไว้แก้ขัดระหว่างคิดพล็อตใหม่ ก็เลยมาแบบสไตล์นี้ล่ะค่ะ อีกอย่างค่อนข้างเป็นเรื่องสั้นด้วยก็เลยได้ราว ๆ นี้ล่ะนะคะ แหะ ๆ ....แต่ถ้าชอบกันสักนิดก็จะดีใจมากเลยนะคะ ^^