B8003
สวัสดีทุกคนนนนนน~~ ทั้งคนที่จำกันได้และจำกันไม่ได้ กลับมาอีกครั้งกับตอนพิเศษของ Daddy Be Lover ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องของเด็กน้อยที่หนึ่ง ที่ตอนนี้เติบใหญ่ขึ้นมาได้น่ารักน่าชังเสียนี่กะไร TT /จูบหัว
มีคนถามเข้ามากันเยอะมากว่าทำไมไม่มีตอนพิเศษของที่หนึ่ง ทำไมไม่มีเรื่องของที่หนึ่ง จริงๆ เรื่องของที่หนึ่งนี่คิดไว้ตั้งแต่ Daddy ยังไม่จบเลยนะ แต่ว่าเป็นโทนดราม่าซึ่ง นิสก็ไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของ Daddy ในความทรงจำของทุกคนแปดเปื้อนไง เลยเป็นโปรเจ็คที่พับเอาไว้
จนกระทั้ง!!! ได้เพลงๆ หนึ่งช่วยเอาไว้ ทำให้ทุกอย่างลงตัว ทั้งบรรยากาศ แนวเรื่องมีการปรับแต่งให้คงเรื่องราวที่คิดเอาไว้ แต่ก็จะไม่ทำร้ายภาพ Daddy ในหัวของทุกคน ออกมาเป็น
ตอนพิเศษประมาณไม่เกิน 10 ตอนที่ทุกคนกำลังจะได้อ่านกันตอนนี้
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลย ปู๊น ปู๊นนนนน !!!
........................................................................................
ต่างก็เคยผิดหวังในรักมา เคยหลับหูหลับตาไอตอนเวลาหาคู่
ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำไง ก็เห็นแล้วชอบแค่นั่นก็เลยเผลอใจ
ไม่เป็นไรส่วนฉันไม่ต้องการเยอะแค่มีเธอผู้เดียวฉันก็พอเถอะ
เดินไปด้วยกันแค่เพียงมีฉันและมีเธอ : )
.
.
.
ในหนึ่งปี มีวันที่คนเราตั้งหน้ำตั้งตารออยู่ไม่กี่วัน และก็เป็นวันไม่กี่วันที่เราคาดหวังจะเจอแต่เรื่องดีๆ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีวันที่ตั้งตารอในรอบหนึ่งปี
วันเกิด
วันเดียวที่ผมตั้งตารอเป็นพิเศษในทุกๆ หนึ่งปี
เป็นวันที่ผมคาดหวังมากว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆ ในวันนั้น วันอื่นจะแย่ยังไงก็ได้ แต่ผมมักจะขออยู่ในใจว่าให้วันเกิดของผมเป็นวันที่อย่ามีอะไรแย่ๆ ถาโถมเข้ามาสักวัน
ตลอด 19 ปีที่ผ่านมาคำขอของผมสัมฤทธิ์ผลเสมอ ไม่พลาดสักที แต่ดูเหมือนว่าแต้มบุญของผมจะหมดแล้วในวันเกิดปีนี้
วันเกิดปีที่ 20
“หนึ่ง ขอโทษนะที่อยู่ดีๆ ก็มาหาที่คณะ” แฟนของผม ‘หมิว’ พูดขึ้นเมื่อเห็นผมที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาเธอ
“ไม่เป็นไรๆ อาจารย์ยังไม่เข้าพอดี” ผมยิ้ม “มีไรเปล่า? เห็นบอกว่ามีเรื่องด่วนอยากคุยด้วย”
“อ๋อ ใช่ แต่ว่า เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า” พูดจบหมิวก็เป็นคนเดินนำผมมายังบริเวณสวนหย่อมเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างตึกเรียนสี่ตึก ก่อนจะคว้ามือให้นั่งลงตรงม้านั่งที่ไม่มีคนอยู่ในบริเวณที่สุด
“หนึ่ง หมิวมีเรื่องจะถามหนึ่ง แต่ก่อนจะถาม หนึ่งสัญญาก่อนได้ไหมว่าจะตอบมาตามความจริง”
“หมิวจะถามอะไรครับ?” ผมลุกจากม้านั่งลงไปนั่งยองๆ ต่อหน้าหมิวจับมือเล็กๆ ที่กุมกันไว้บนตัก สบตาที่เหมือนพยายามจะสื่ออะไรบางอย่างของเธอ
“หนึ่งสัญญามาก่อนว่าจะตอบความจริง”
“ครับ หนึ่งจะตอบตามความจริง”
“หนึ่ง…” หมิวเงียบไปชั่วอึดใจ “หนึ่งเป็นเกย์ใช่ไหม?”
“หะ?” ผมหัวเราะเสียงแห้ง “หนึ่งคบกับหมิวอยู่นะ แล้วหนึ่งจะไป-”
“ไหนหนึ่งสัญญาว่าจะพูดความจริง”
“…”
“หมิวขอถามอีกครั้ง หนึ่งเป็นเกย์ใช่ปะ? ขอความจริง”
“…ไม่ได้เป็น”
เพี๊ยะ!!! เยี่ยม!! วันเกิดปีที่ 20 ความลับผมแตก และโดนคนรักที่คบกันมา 1 ปี 1 เดือน ตบหน้าพร้อมบอกเลิกกลางคณะประหนึ่งเธอลืมไปแล้วว่าเธอมีไลน์ของผม แล้วสามารถทักมาบอกเลิกเงียบๆ ทางนั้นได้
แต่ก็อย่างว่า…
บอกเลิกทางไลน์ ตบหน้าไม่ได้
นี่ผมต้องบอกขอบคุณเธอหรือเปล่าที่ไม่ตะโกนบอกสาเหตุที่เลิกกันให้คนทั้งคณะเขารู้ด้วย
“นี่มันบาดแผลของนักรบ”
“เงียบหน่า” ผมเอ็ดพวกเพื่อนๆ เสียงหน่าย นั่งลงที่นั่งประจำก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มซ่อนรอยแดงที่ขึ้นมาเด่นชัดจากสายตาคนในห้องบรรยาย
ตั้งแต่คบกันมาผมรู้ว่าหมิวไม่ได้เป็นหญิงอ่อนหวานอะไร ออกไปทางห้าว แก่น มั่นใจในตัวเองสูง แต่อย่างน้อยเห็นแก่เวลาหนึ่งปีที่คบกันมา เธอควรจะเบามือกับหน้าผมบ้าง
“ไหนบอกว่าแฟนจะเซอร์ไพรส์วันเกิด”
“บอกเลิกในวันเกิด พร้อมตบหน้ากลางคณะไง เซอร์ไพรส์!~”
“ขำตาย”
“เห็นกูหัวเราะปะละ”
“แล้วไหงโดนบอกเลิก? ก็ยังดีๆ อยู่แท้ๆ”
ผมไม่ชอบการโกหกเท่าไหร่หรอกนะ แต่น่าเสียดายที่เรื่องผมเป็นเกย์ดันเป็นความลับของผมกับคนทั้งโลก
“เธอบอกว่าเข้ากันไม่ได้”
“แม้จะเข้าได้ไปหลายรอบแล้ว” เพื่อนผมเสริมต่อ
ผมหัวเราะ ภาพลักษณ์ของผมในสายตาเพื่อนเป็นแบบนั้นหรอ? ฮ่าๆ แต่น่าเสียดายที่ผมยังไม่เคย ‘เข้าได้’ กับหมิวเลยสักครั้ง ตลอดหนึ่งปีหมิวกับเพื่อนของเธอบอกว่าผมเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติผู้หญิง แต่ตอนนี้พวกเธอคงรู้แล้วว่า อ๋อ เปล่า ผมเป็นเกย์
ผมพูดเหมือนจะเป็นเรื่องขำๆ นะครับ แต่จริงๆ แล้วไม่เลย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ผมซีเรียสตอนที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นความลับของผมกับคนทั้งโลก หรือถ้าวันนึงคนทั้งโลกรู้ อย่างน้อยครอบครัวของผมต้องไม่รู้
“น่า ไม่มีแฟน แต่มีเพื่อน! ไหนๆ วันนี้ก็อายุ 20 เข้าร้านเหล้าแบบอกผายไหล่ผึ่งได้แล้ว เดี๋ยวกูพาเข้าในเมือง”
“กูอยากเริ่มต้นอายุ 20 ด้วยหมูกระทะ”
“เออ หมูกระทะก็ได้ ตามใจเจ้าของวันเกิดเลยครับ”
“พวกมึงเลี้ยงกูด้วย”
“เออ เต็มที่ไปเลย”
ผมตาวาวจับมือกับพวกเพื่อนๆ เป็นการดีลข้อตกลงก่อนที่จะแยกไปโต๊ะใครโต๊ะมันเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องบรรยายมา
เอาเถอะ วันเกิดราบรื่นมา 19 ปี ฟ้าคงรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเลยอยากเพิ่มสีสันอะไรบ้าง ผมควรจะน่าชื่นเข้าไว้ให้คุ้มกับเป็นวันที่ผมรอคอยในรอบหนึ่งปี ก็แค่โดนบอกเลิกกับตบหน้านิดหน่อยแค่นั้นแหละ!
ซะเมื่อไหร่
“โทษทีนะหนึ่ง เอาตรงๆ เราไม่พร้อมเจอหน้าหนึ่งช่วงนี้อะ และมันก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่ด้วยที่จะอยู่หอกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะงั้น…หนึ่งย้ายออกได้ไหม? หมิวอยากอยู่หอนี้คนเดียว”
นั่นเป็นประโยคแรกที่หมิวพูดขึ้นหลังจากที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นเธอกำลังเอาหนังสือเรียนและชีททั้งหลายของผมใส่กล่องลัง กว่าที่ผมจะตีความหมายได้ว่าเธอกำลังไล่ผมออกจากห้องที่พักอยู่ด้วยกันก็ตอนที่เทปกาวสีน้ำตาลถูกดึงดังแควกปิดกล่องหนังสือกล่องสุดท้าย
“พวกของส่วนตัวต่างๆ หนึ่งก็จัดการเอานะ คืนนี้หมิวจะไปนอนกับเพื่อน กลับมาก็พรุ่งนี้เย็นๆ”
ตีความหมายได้ว่า กรุณาย้ายออกให้เรียบร้อยก่อนเย็นวันพรุ่งนี้
“อ่า แล้วก็พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อด้วยกันหนึ่งเอาไปด้วยก็ได้หมิวไม่ว่า เดี๋ยวซื้อใหม่เอา”
“ไม่เป็นไร หมิวก็เอาไว้ใช้แหละ หนึ่งไม่ได้ใช้ของพวกนี้อยู่แล้ว”
“โอเค ตามนั้นก็ได้” หมิวพูดพร้อมกับคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กที่อยู่บนเตียง “งั้น…ตรงนี้หมิวปล่อยให้หนึ่งจัดการไปนะ หมิวไปก่อนพอดีนัดเพื่อนไว้ตอนห้าโมงเย็นอะ”
“อ๋อ โอเค”
“อืม ไปนะ”
ปัง
เยี่ยม แฟนบอกเลิก โดนตบหน้า และต้องย้ายออกจากห้องแบบกะทันหัน
ผมหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนที่แยกย้ายเตรียมตัวไปร้านหมูกระทะหลังมอ
“ฮัลโล กูขอเปลี่ยนจากนัดหมูกระทะ เป็นร้านเหล้าอะไรในเมืองของมึงนะ”
วันเกิด…
วันเหี้ย!!
ผมตั้งใจแค่จะมากินเหล้าพอให้หายเซ็ง แต่พอมาถึงร้านเหล้าในเมืองที่ ‘ลี’ เพื่อนของผมเอาแต่โฆษณาชวนเชื่อตลอดเส้นเทางก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ๆ ที่แตกต่างจากร้านเหล้านั่งดริ้งหลังมอโดยสิ้นเชิง ทั้งแสงสีเสียงที่ไปในทางผับ อาคารที่ปิดทึบเป็นส่วนตัว และผู้คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งผมก็เข้าใจได้ เพราะกลุ่มลูกค้าของที่นี่คงไม่ใช่เด็กมหา’ลัยเป็นหลัก แม้กว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าในร้านจะเป็นเด็กมหา’ลัยก็ตาม
แถมยังมีการตรวจบัตรที่เข้มงวดมาก และหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เป็นเรื่องเป็นราว
“เดี๋ยววันกูเลี้ยงเลย ปลอบใจเพื่อนที่โดนทิ้ง”
“มึงสัญญากับกูแล้วว่าจะเลี้ยง ต่อให้กูหนีบแฟนมาด้วยมึงก็ต้องเลี้ยง มึงจำนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันเมื่อตอนเช้าไม่ได้ไง?”
“พวกกูหมายถึงหมูกระทะปะตอนนั้น” ‘เดช’ เพื่อนของผมอีกคนที่มาด้วยกันพูดขึ้นบ้าง
“หรอ แต่ตอนกูเกี่ยวก้อยกูหมายถึงเลี้ยงทุกอย่าง”
“สัส นี่เพื่อนไง มึงจะทำกับเพื่อนแบบนี้หรอ” ลีพูดเสียงอ่อน แววตาขอความเห็นใจ
“แต่นี่วันเกิดเพื่อนไง ไม่มีของขวัญแล้ว จะไม่เลี้ยงอะไรกูหน่อยหรอ” ผมทำเสียงน่าสงสารบ้าง และดูเหมือนว่าได้ผล ผมเป็นฝ่ายชนะ
“รู้งี้กูเลี้ยงข้าวหมูแดงตอนเที่ยงให้มันจบๆ ไปก็ดี” ลีบ่น ก่อนจะเงียบปากเมื่อเหล้ากับมิกเซอร์ชุดแรกมาเสริฟที่โต๊ะ
เอาละ ปาร์ตี้วันเกิดครบรอบปีที่ 20 ของผมเริ่มขึ้นแล้ว
ติ้ง!
เสียงข้อความเข้าดังแทรกขัดจังหวะชนแก้ว ผมยกมือขอเวลานอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือน
“ข้อความจากใครอะ?” เดชถาม
“สาวใหม่หรอครับคุณที่หนึ่ง~”
“จากหมิว” ไม่พูดเปล่า ผมพลิกโทรศัพท์ให้เพื่อนทั้งสองดูหน้าจอที่กำลังโชว์แจ้งเตือนว่ามีข้อความจากหมิวส่งมา ทั้งสองมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นมันซึ่งไม่แตกต่างอะไรจากผมเลย
“สงสัยใจเย็นแล้ว เลยส่งข้อความมาขอคืนดีมั้ง”
“แบบว่า ที่บอกว่าเราเข้ากันไม่ได้จริงแล้วโกหกน่ะ ที่จริงเราเข้ากันได้ดีเลยล่ะ~”
ผมหัวเราะเสียงแห้ง ที่ลีมันกล้าแซวสองแง่สองง่ามเพราะมันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหมิวบอกเลิกผมเพราะอะไรกันน่ะสิ ผมบอกเลยว่าวินาทีนี้คนที่ไม่อยากติดต่อผมมากที่สุด ก็คือหมิวเนี่ยแหละ
“มึงจะดูหน้าจออีกนานไหม ก็รีบกดๆ เข้าไปดูดิ”
“รู้แล้วหน่า” ผมเอ็ดเสียงเบา ก่อนจะกดหน้าจอเข้าดูข้อความ
‘สุขสันต์วันเกิดปีที่ 20 นะ ขอให้ที่หนึ่งมีความสุขมากๆ ดูแลสุขภาพร่างกายด้วย แล้วก็ ขอโทษนะที่หมิวบอกเลิกหนึ่งวันนี้ หมิวลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดหนึ่ง ไม่ได้อยากทำให้มีความทรงจำแย่ๆ ในวันเกิดนะ แต่ก็…นั่นแหละ หมิวขอโทษนะ’
“ว่าไงๆ?”
ข้อความ…จากแฟนเก่าที่เมื่อสิบสองชั่วโมงก่อนยังเป็นแฟนกันอยู่ มีใจความสำคัญว่า…‘โทษที ลืมวันเกิด’
‘โทษที ลืมวันเกิด’
‘โทษที ลืมวันเกิด’
‘โทษที ลืมวันเกิด’
ปึง!
ผมกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ไม่สนใจเสียงโวยวายจากเพื่อนสองคนที่ตกอกตกใจกับท่าหุนหันพลันแล่นของผม ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าโชว์ขึ้นเหนือหัว
“วันนี้…ไม่เมาไม่กลับ อ้วกไม่นับ หลับคือหมา!!”
ของขวัญวันเกิดของผมปีนี้แม่งโคตรท็อปฟอร์มเลยโว้ย!!!
21:02
“แม่ง ทำกับกูแบบนี้ได้ไงวะ คบกันมาเป็นปีนะเว้ย! เป็นปี ไม่มีความผูกพันกับกูสักนิดเลยหรอ ไล่กูออกจากห้องได้ลงคอ ไม่คิดจะถามกูสักคำว่ากูสะดวกอะไรยังไง คิดบ้างไหมว่าไล่กูออกไป แล้วกูจะไปอยู่ที่ไหน ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรเลยหรอไง!”
“กูเข้าใจมึง กูเข้าใจ” ลีพูดปลอบเพื่อนที่พูดเรื่องนี้ขึ้นเป็นรอบที่ห้าพลางเทเหล้าใส่แก้วที่ว่างเปล่า หวังให้เหล้าช่วยเพื่อนระบายความอัดอั้นตันใจออกมาให้หมด
“แล้วแม่ง! ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเป็นปี วันสำคัญอะไรก็เคยผ่านมาด้วยกันหมดแล้วแท้ๆ พอตั้งใจจะบอกเลิกกู วันเกิดกูก็จำไม่ได้ขึ้นมาเลยหรอ นี่ไม่ได้คบกันสองวันนะเว้ย! ทีกูยังจำได้ทั้งวันเกิด วันครบรอบ วันเจอกันครั้งแรก! สรุปที่ผ่านมาใส่ใจกันบ้างไหม! ที่บอกกูว่ารักๆ นี่ คำพูดสวัสดีตอนเช้าหรือไงวะ!”
“เขาไม่ได้รักมึงไง ถ้ารักมึงจริงก็ต้องจำวันเกิดมึงได้แล้วดิ”
“เออ แม่ง! คำรักที่ผ่านมามันคือคำลวง!!”
23:05
“วันเกิดกู…ปีนึงมันก็มีแค่วันเดียว มันเป็นวันเดียวที่กูตั้งตารอเลย ขอแค่วันเดียวที่ไม่มีเรื่องแย่ๆ…แค่นี้ไม่ได้หรอวะ”
‘ที่หนึ่ง’ พูดเสียงเซื่องตัดพ้อพลางกุมหัวที่หนักอึ้ง ฤทธิ์เหล้าที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์อย่างน่ารำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมองหาแก้วเหล้าของตัวเองหวังให้น้ำเมาช่วยบรรเทาอาการที่เป็นอยู่แม้เขาจะรู้ว่าเพราะน้ำเมานี่แหละที่ทำให้เขาปวดหัวปวดท้องอยู่นี่!
แต่ก็อย่างว่า ตอนนี้เขาเมา จะเอาสติสัมปชัญญะอะไรกับคนเมา
“วันเกิดของมึงวันนี้ก็ดีอยู่นะผลควิซที่ประกาศวันนี้มึงได้ท็อปห้อง”
“แต่กูโดนบอกเลิก…โดนตบหน้า…โดนไล่ออกจากห้อง ถ้ามึงบอกว่ายังดีอยู่ ก็อยากให้มาเจอดูบ้าง”
ลีหัวเราะเสียงแห้ง ค่อยๆ ถอนตัวกลับไปดื่มด่ำกับบรรยากาศขาวๆ…หมวยๆ เพลง EDM สุดเจ๋งและแก้วเหล้าในมือ
“เดช แก้วเหล้ากูอยู่ไหนวะ?” ที่หนึ่งถามเสียงเบาซบหน้าลงไปกับโต๊ะก่อนจะใช้แรงเท่าที่คนเมาจะมีโงหัวขึ้นมา
“กูเอาไปซ่อนแล้ว กูไม่ให้แดก”
“ได้ไง! วันนี้วันเกิดกูนะ มึงจะมาห้ามกูไม่ให้กินเหล้าไม่ได้”
“ก็มึงเมาแล้ว”
“แล้วไงอะ ก็กูจะกินต่ออะ”
“ไม่ให้กิน”
“เดช ไอ้เพื่อนเหี้ย…มึงอะ…” ที่หนึ่งชี้นิ้วที่ง่อยเปลี้ยใส่หน้าเพื่อนสนิทตัวดีที่เอาแก้วเหล้าคนอื่นไปซ่อน แต่ตัวเองนั่งกินเหล้าสบายใจเฉิบ! “มึงแม่ง เพิ่มเรื่องแย่ในวันเกิดกู TT วันเกิดที่มีค่าของกู…วันที่หนึ่งเดย์ วันของกู วันเกิดกู เพื่อนมึงเจอเรื่องแย่ๆ ในวันเกิดนะเว้ย มึงต้องปลอบใจเปล่าวะ มึงต้องตามใจกูดิ มึงทำกับเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง มึงจะห้ามกูวันไหน กูไมเคยว่า แต่วันนี้มันวันเกิดกูอะ วันของกูอะ!”
“งอแงสัส แต่ต่อให้ลงไปดิ้นกับพื้นกูก็ไม่ให้แดก”
“มึงทำกับกูในวันเกิดกูแบบนี้ได้ไง!”
00:32
“ลี มึงพากูกลับมอก่อนได้เปล่าวะ มีเรื่องฉุกเฉิน” เดชพูดสีหน้าเครียดหลังจากเอาแต่จดจ่ออยู่หน้าจอโทรศัพท์ร่วมสิบห้านาที
“งั้นกลับเลยไหมละ ไอ้หนึ่งก็แน่นิ่งไปแล้ว”
“ไม่ต้องอะ มีแนวโน้มว่ากูคงได้นั่งรถกลับมากินต่อ”
“เอ้า แล้วทำไงกับมันอะถ้างั้น” ลีเพยิดหน้าไปทางเพื่อนสนิทที่นอนฟุบหน้าไปกับโต๊ะอย่างหมดสภาพ สายตาเลือนลอยก่ำกึ่งระหว่างคนหลับกับคนละเมอ “ดูท่ามึงน่าจะรีบ แต่ถ้าเอามันไปด้วย กูว่ามึงไม่น่าจะรอด”
“งั้นเอามันไว้ที่นี่แป๊บนึง มึงรีบไปส่งกูแล้วรีบมาเฝ้ามัน”
“จะดีหรอ?” ลีมีท่าทีลังเล
“มึงก็เอาพวกกระเป๋ากับโทรศัพท์มันมาด้วย เหลือแต่ตัวเปล่าๆ ไม่มีใครพาไปไหนหรอก แล้วดูจากสภาพมันแล้วกูว่าลุกเดินไม่พ้นโต๊ะ แล้วเดี๋ยวกูไปบอกพี่พนักงานให้ช่วยดูมันระหว่างที่มึงไปส่งกูด้วย”
“เออ โอเคๆ”
01:12
“พี่โย กลับแล้วหรอพี่? ยังตีหนึ่งอยู่เลย”
“ผมไม่ไหวละ มาช่วยงานวันหยุดนี่ผมจะล้มเอา”
“ก็วันศุกร์มันวันปล่อยผี พวกผีๆ มันก็มีเยอะ นี่ถ้าไม่มีพี่ มีหวังร้านเละ”
“ก็เกินไป” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเบาๆ “แล้วนี่ทำไรอยู่? ผมเห็นคุณยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว”
“เฝ้าลูกค้าเมาพี่ เพื่อนเขาบอกไปธุระแป๊บนึงแต่นี่ผ่านมา 40 นาทีแล้ว ผมว่าแม่งโดนเพื่อนแกล้งปล่อยทิ้งที่นี่ชัวร์”
“แล้วไม่ปลุกเขาให้เขาโทรตามเพื่อนละ”
“ผมปลุกเขาแล้วก่อนหน้านี้ เขาก็ตื่นมาจะโทรนะพี่ แต่เขาบอกเขาหาโทรศัพท์ไม่เจอ แล้วก็ฟุบต่อ ผมก็ไม่รู้ทำไงเลยเฝ้าต่ออีกหน่อยเผื่อเพื่อนเขากลับมา”
“อือ”
“ดีนะที่คนนี้เขาเมาหลับ พึมพำยังกับท่องบทสวดนิดหน่อย ถ้าเมาแล้วชอบหนีไปคุยกับบ่อปลาเหมือนคนเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมเหนื่อยตาย”
เสียงหัวเราะที่ทุ้มนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง “ก็ดีแล้ว แต่ว่าผมคุ้นหน้าเขาจัง ผมขอดูใกล้ๆ หน่อยได้ไหม?”
“เชิญเลยพี่เชิญ จะผัดคิวเฝ้า ผมก็ไม่ว่านะ”
“บอล เดี๋ยวคนนี้พี่โยจะพากลับเอง”
“หะ? เดี๋ยวๆ พี่รู้จักเขาหรอ?”
“อือ จะว่างั้นก็ได้ นี่…คนข้างบ้านพี่โยเอง”
01:56
เสียงโหวกเหวกของคนเมาดังขึ้นตลอดทางตามภาษาคนไม่ได้สติ เป็นคำพูดที่จับใจความอะไรไม่ได้มากนักเหมือนคนบ่นงึมงำคนเดียวในลำคอ แต่การที่ต้องฝั่งติดต่อกันเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ทำให้ ‘โย’ พอจับใจความได้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ทำให้คนที่ตัวเองกำลังประคองมาพึ่งน้ำเมาในคืนนี้
“วันเกิด…วันเหี้ย!”
อ่า เขาฟังประโยคนี้มาเกือบร้อยรอบได้แล้ว
“อุตส่าห์คิดว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิด รีบลงมาเกือบตกบันได แต่กลับต้องมาเจอคำบอกเลิก มันใช่หรอ!”
โยกดปุ่มลิฟต์และยืนรออย่างใจเย็น ไม่คิดจะห้ามคนที่กำลังเริ่มพูดอนาล็อคเดิมอีกครั้ง
“แค่บอกเลิกกันวันเกิดก็แย่มากพออยู่แล้ว จิตใจทำด้วยอะไรกับการส่งข้อความมาย้ำอีกว่า ‘โทษทีนะที่บอกเลิกวันนี้ ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิด’! เพิ่งเลิกกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ความแคร์กันนี่ไม่เหลือแล้วเลยหรอไง! สรุปตั้งแต่คบกันมาใครที่มันหลอกใครกันแน่วะ!”
ติ้ง…
ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนจะปรากฏสองร่างเดินออกมาจากลิฟต์อย่างทุลักทุเล
“คุณ ตรงนี้มันเป็นห้องพัก จะรบกวนคนอื่นเขา พูดเสียงเบาลงหน่อยนะแค่ให้ผมได้ยินพอ”
“อ๋อ โอเค…” ที่หนึ่งยกมือโอเคให้อีกฝ่าย แต่ก็เงียบไปไม่ได้พร่ำเพ้ออะไรต่อ จนทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ‘B8002’
“คุณ มีกุญแจห้องหรือเปล่า? ห้องที่คอนโดเอ็กเซล”
“อยู่ใน…กระเป๋าตัง แต่กระเป๋าตังอยู่ไหนไม่รู้…”
“…” โยยืนนิ่งกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อนจะตัดสินใจคว้าแขนของคนที่ไหลไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว
“วันเกิดอะไรวะ ไม่มีเซอร์ไพรส์ ไม่มีกล่องของขวัญ…ไม่มีเค้กวันเกิด อย่างน้อยก็ขอเพลง Happy Birthday ก็ยังดี”
“คุณอย่านอนตรงนี้ ลุกขึ้นก่อน เดี๋ยวผมจะพาไปห้องผม”
“ลุกไม่ไหว…” คนที่นอนกองอยู่กับพื้นตอบเสียงอ่อย พยายามจะลุกขึ้นยืนตามแรงช่วยดึง แต่หัวที่หมุนติ้วก็ทำให้ขาเปลี้ยจนล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบท่าเดิม
สุดท้ายโยที่เห็นท่าทางอเนจอนาจนั้นก็ตัดสินใจช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะจับพาดบ่า แล้วเดินไปทางขวามือ หยุดยืนอยู่ประตูหน้าห้องถัดไป
B8003
“ปวดหัวชะมัด…”
“เดี๋ยวเอาน้ำให้กิน รอก่อน” ผู้เป็นเจ้าของห้อง B8003 พูดต่อรองขณะไขกุญแจเข้าห้องพักของตัวเอง พอประตูเปิดออก เขาก็ไม่รอช้าที่จะเดินตรงไปยังห้องนอน ก่อนจะทิ้งร่างที่พาดบ่าลงบนเตียงยักษ์แล้วจัดแจงให้คนแปลกหน้าได้นอนอย่างสบาย “คุณนอนไปแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปเอาน้ำมาให้”
พูดไปแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงถ้อยคำพึมพำตัดพ้อที่ยังคงดังอยู่เบาๆ เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากปากคนไม่ได้สติ โยจึงตัดสินใจหมุนตัวเตรียมออกจากห้องเพื่อไปเอาน้ำมาให้ดื่มก่อนที่แขกเฉพาะกิจของเขาจะหลับลึกแล้วจะปลุกให้ตื่นมากินน้ำไม่ได้
“นี่…” แต่ทว่าเสียงเรียกที่งัวเงียเต็มทีดังรั้งเอาไว้เสียก่อน ทำให้คนที่กำลังจะเดินพ้นประตูต้องเอี้ยวตัวกลับมา “คุณคิดว่าที่จริงแล้ว เพราะผมเป็นเกย์หรือเปล่า?”
เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ ยังไม่ทันทีที่อีกฝ่ายจะได้เปิดปากพูดอะไรออกไป เด็กหนุ่มขี้เมาก็เอ่ยความในใจออกมาต่อ
“วันนี้ที่มันมีแต่เรื่องแย่ๆ มันอาจเพราะว่าผมเป็นเกย์ก็ได้ นั่นสิ ถ้าไม่ได้เป็นเกย์ วันนี้ก็คงไม่ถูกบอกเลิก โทษทีแล้วกันนะหมิวที่หนึ่งเป็นเกย์ แต่ถ้าเลือกได้ใครเขาอยากเกิดมาเป็นกัน หนึ่งพยายามที่สุดแล้ว”
“…”
“หนึ่ง พยายามที่สุดแล้ว”
ประโยคตัดพ้อเรื่องเพศสภาพนั้นยังดังราวกับเล่นซ้ำอีกประมาณสองรอบก่อนที่อยู่ดีๆ เสียงนั้นก็เงียบไป เรื่องเล่าถูกตัดจบพร้อมสติของอีกคน ปล่อยให้คนฟังที่กำลังประมวลผลลอยค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
…
“อ่า ลืมเอาน้ำให้เลย”
TBC เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า (อัพทุกวันพุธ) ปู๊น ปู๊นนนน
ช่องทางการติดต่อสำหรับการเม้ามอยและทวงฟิคชั่นจ้าา
#B8003