เราสองคนเดินมายังส่วนเซ็นทรัล ลานสเตติ้วสแควร์ของย่านเซ็นทรัลมีต้นคริสมาสต์ต้นเบ้อเร้อ สวยมากๆเลย แสงสีทองอร่ามที่ประดับอยู่ตามต้นของมันส่องไปทั่วจนราวกับว่า ลานตรงนั้นเป็นสวนสวรรค์แห่งเล็กๆบนโลกเรานี่เอง
ตามตึกสูงประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีส่องประกายระยิบระยับในยามค่ำคืน จากนั้นเราก็เดินไปยังฮาร์เบอร์ ซิตี้ เดินดูแสงไฟและของลดราคายั่วน้ำลายไปเรื่อยๆ ผ่านภัตราคารหรูที่มีแต่ผู้คนนั่งร่วมรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข ช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่อย่างนี้ ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างหลั่งไหลเข้ามา ผมเดินไปๆ...แค่มองผู้คนแล้วก็มีความสุข
แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นLangham Place เพราะจัดไฟได้สวยมากๆๆๆ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งนึกถึงพี่กาย สรุป พี่กายเขาหายหัว เอ้ย หายตัวไปไหนของเขานะเนี้ย
เงยหน้ามองคนข้างๆ แก้มของนายแข็งทื่อเป็นสีชมพูเรื่อเพราะความหนาว ดูแปลกไปอีกแบบ...
“พี่เอ็ม สวยดีเนอะ…”
เฮ้อ ผมต้องชวนคุย เพราะตั้งแต่เดินออกมา ร่วมชั่วโมงแล้ว นายหมอนี่ยังไม่ปริปากพูดสักคำ ส่วนไอ้เราก็เป็นคนช่างพูดอยู่แล้วด้วย(เท่ากับ พูดมากนั่นเอง -_-“)
“สวยครับ สวยมาก...น้องโอ้ชอบมั้ย”
“ชอบซิ แต่ถ้าให้ดีพี่เอ็มต้องเลี้ยงข้าวโอ้ เพราะโอ้หิวแล้วล่ะ”
ผมเอามือลูบท้อง ยิ้มอายๆ แหม ก็ต้องมีง้อกันหน่อยเวลาจะกินฟรีอ่ะนะ
ร้านอาหารเข้าคิวรอยาวมาก แต่ในที่สุดก็ได้เข้าไปนั่ง ผมสั่งบะหมี่มากิน อิ่มเสร็จนายแข็งทื่อยังใจดีแถมซาลาเปาให้อีกลูก ซื้อแล้วก็เดินกินไปเรื่อยๆ
“นี่ถ้าโอ้ไม่ได้ออกมา คงไม่รู้ว่าเทศกาลมันสวยขนาดนี้”
“...”
ในที่สุด ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“นี่ คุยกับโอ้ก็ได้ โอ้ไม่กัดหรอก ไม่พูดไม่จาระวังเป็นบ้านะ”
“เปล่า...พี่แค่กำลังคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไรอ่ะ บอกหน่อยได้ป่ะ?”
“เรื่อยเปื่อย...แต่ตอนแรกพี่นึกว่าเราไม่ชอบคุยกับพี่ซะอีก”
ผมแอบเบ้ปาก ก็จริงอ่ะนะ
“ก็...พี่เอ็มชอบดุผม ไม่เหมือนพี่กาย พี่กายใจดีออก”
“สรุป...ยังไงพี่ก็ดีไม่เท่าพี่กายใช่มั้ยครับ?”
ผมหยุดกึก นายแข็งทื่อทำหน้าเรียบเฉย แต่แววตากับน้ำเสียงนี่ซิ...เย็นยะเยือกเฉือดเชือนยิ่งกว่าสภาพอากาศซะอีกแหนะ
“ผม...ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่รู้ครับ ขอโทษที่พี่เป็นห่วงเรามากเกินไป ต่อไปนี้...พี่จะไม่ดุอะไรน้องโอ้อีกแล้ว”
แล้วร่างสูงก็เดินลิ่วไป ผมยิ้ม นี่...นี่นายแข็งทื่องอนงั้นเหรอ?
“เฮ้! เดี๋ยวซิ”
ผมวิ่งตาม พอตามทันก็วิ่งเหยาะๆดักหน้า ขำชะมัด
“คนตัวโตขี้งอนไปได้”
“...ไม่ได้งอนครับ”
“แล้วทำไมต้องเดินหนี?”
“พี่ง่วงแล้ว”
“ฟรืด! โกหกไม่ดีน๊า ไหนเมื่อกี้พี่เอ็มยังบอกว่าไฟสวยอยู่เลย ไหนบอกว่าชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันน้องโอ้พูด พี่ไม่ได้พูดสักหน่อย”
“แต่พี่เอ็มก็ไม่ได้คัดค้านนี่ เอาน่า เราเดินดูต่ออีกสักพักเถอะนะ โอ้ยังอยากดูอีก”
ผมเอื้อมมือไปจับมือหนา ที่ทั้งใหญ่...และอบอุ่น
คนตัวสูงเหมือนจะเกร็ง มองที่มือแปลกๆ หน้าแดงขึ้นมาทันที
ผมบีบมืออีกฝ่ายแน่น
“อะไร? ไปกันเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”
ตลอดเวลาเราสองคนจับมือกันไม่ปล่อย ทำให้เราเดินเคียงกันไปเรื่อยๆ แปลกนะ...การที่เรามีใครสักคนข้างกาย ในยามที่หนาวเหน็บ เราก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่อยากปล่อยมือนายแข็งทื่อเลย ทั้งๆที่ความจริงๆไม่เคยนึกฝันจะแตะต้องด้วย ก็อีกฝ่ายทั้งเข้มงวด รู้ทัน ชอบขัดขวางความสุข แถมยังเคยจะวางยาผมอีก!(ถึงแม้มันจะไม่จริงก็เหอะ…)
โรงแรมที่ผมพักมันอยู่ใกล้ๆย่านจิ่มซาจุ้ย ก็เลยแวะซื้อของฝากสักเล็กน้อย แล้วค่อยกลับโรงแรม คืนนั้น...รอยประทับอุ่นๆที่ฝ่ามือยังไม่จางหาย ผมมองดูมือของตัวเอง ที่เล็กมากเมื่อเทียบกับมือใหญ่ของนายแข็งทื่อ
เกิดอะไรขึ้นนะ...
TBC...(เดี๋ยวมาต่อ จะจบก่อนปีใหม่นี่แหละครับ)