คุณคือความรัก บทที่ 17
เมื่อเดินมาถึงฟร้อนด้านหน้าตึก พนักงานของโรงแรมก็รีบกุลีกุจอเข้ามารับหน้านายใหญ่ ณภัทรจึงเอ่ยปากถามถึงรถที่ใช้บริการรับส่งแขกกับเข้าที่พักทันที
“มีรถหรือเปล่า”
“มีครับท่าน”
“งั้นไปเอามาส่งคุณเขาคันหนึ่ง”
“ครับท่าน” พนักงานคนนั้นโค้งให้นายใหญ่อย่างสุภาพ ก่อนจะเร่งไปบอกให้คนนำรถมารับกมลตามคำสั่ง
พอรถมาถึง กมลก็เดินออกไปขึ้นด้านหน้า ทว่าก่อนจะก้าวขึ้นไป หนุ่มหน้าหวานก็หันมายิ้มขอบคุณให้กับความมีน้ำใจของณภัทร
“ขอบคุณคุณภัทรมากนะครับที่มาส่ง แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนคุยเสียนานเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” ณภัทรยิ้มใจดี “ว่าแต่พรุ่งนี้คุณไอกับครอบครัวกลับกี่โมงครับ เผื่อกลับไฟล์ทเช้า จะได้เดินทางไปสนามบินด้วยกันเลย”
“ผมกลับบ่ายครับ ต้องพาเด็กๆ ไปดูพื้นที่บริการโซนครอบครัวสักหน่อย จะได้ไปคอมเม้นกับคุณณธิปได้ถูก” แม้จะพาครอบครัวมาเที่ยว แต่ก็กมลก็ไม่ลืมงานอีกอย่างที่เขารับปากณธิปว่าจะช่วยทำให้
“อ๋อ งั้นหรือครับ น่าเสียดาย ผมเลยไม่ได้เจอเด็กๆ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ว่างๆ ผมจะโทรไปคอนเฟิร์มนัดอีกทีก็แล้วกัน”
คนหน้าหวานทำหน้างง ด้วยจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยนัดอะไรไว้กับณภัทร “นัดหรือครับ? ขอโทษนะคุณภัทร แต่ผมจำไม่ได้ว่าเรานัดกันไว้ตอนไหน”
“ผมนัดกับเด็กๆ ไว้น่ะครับ ตอนที่เล่นน้ำที่ชายหาดด้วยกัน ว่ากลับกรุงเทพฯ แล้วจะพาไปทานไอศกรีมอร่อยๆ”
“อ้อ…” กมลนึกออกทันที คงจะเป็นตอนที่น้องหยางคุณกับณภัทรเรื่องของหวานในโรงแรม และเจ้าตัวเล็กก็ตัดพ้อว่าอยากกินไอศกรีม แต่ตอนนั้นกมลไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาตกลงกัน เนื่องจากคอยดูหลานชายอีกคนอยู่ “ความจริงคุณภัทรไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ เด็กๆ เขาก็พูดไปเรื่อยเปื่อย อีกเดี๋ยวก็ลืมแล้ว”
“ไม่ได้สิครับ ผมไม่ชอบผิดสัญญาเสียด้วย”
“แต่ผมเกรงใจ” เพราะกมลรู้ว่าณภัทรมีงานล้นมือรออยู่ คงจะเป็นการรบกวนมากๆ หากจะเจียดเวลาอันมีค่ามาให้พวกเขา อีกอย่าง แม้เขาทั้งคู่จะคุยกันถูกคอ แต่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นที่จะยอมให้พาครอบครัวไปนั่นมานี่ด้วย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจ”
“เอ่อ…” กมลอยากตอบปฏิเสธเต็มแก่ แต่ก็หักหาญน้ำใจของคนดีๆ อย่างณภัทรไม่ลง จึงได้แต่พยักหน้าแกนๆ ตอนรับกลับไป “ก็ได้ครับ เอาไว้ถ้าว่างตรงกัน เราค่อยนัดกันอีกที”
“ดีครับ” ณภัทรยิ้มกว้างอีกครั้ง
ทว่ายังไม่ทันที่จะพูดสิ่งที่ตั้งใจจะพูดแต่แรก เสียงเย็นๆ ของน้องชายตัวดีก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“นัดกันไปไหนหรือครับ ขอผมไปด้วยได้หรือเปล่า”
“เล็ก” ณภัทรหันกลับไปหาน้องในขณะที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม “ข้างในเป็นไงบ้าง แขกทยอยกลับกันมากแล้วล่ะสิ เราถึงออกมานี่ได้”
“ครับ” ณธิปพยักหน้ารับ “ว่าแต่เมื่อกี้ยังไม่ตอบเลยนะ นัดกันไปไหนหรือครับ”
“อ้อ พี่ขออนุญาตพาหลานๆ ของคุณไอไปทานไอศกรีมน่ะ พอดีสัญญากับเด็กๆ ไว้เมื่อบ่าย”
“อืม…ไปสนิทกันได้ยังไงครับเนี่ย”
“ก็เมื่อบ่ายนั่นแหละ พี่ออกไปเจอเด็กๆ เข้าเล่นกันอยู่ที่หาด ก็เลยเข้าไปร่วมด้วยน่ะ หลานๆ คุณไอเขาน่ารัก”
“เป็นพี่ภัทรนี่ดีจริง กับใครก็สนิทด้วยไปหมด ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่” ตอนเอ่ยคำสุดท้ายนั้น สายตาของณธิปมองเลยไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ชายอย่างจงใจ
วินาทีนั้น ณภัทรก็สัมผัสได้ทันทีว่าเขาอาจทำให้น้องชายไม่พอใจเข้าให้แล้ว จึงขยับตัวห่างกมลออกมาเล็กน้อย ส่วนคนหน้าสวยเองก็รู้สึกได้ว่าณธิปดูแปลกไปเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้อยากรู้นักว่าคำพูดประชดประชันกับบรรยากาศอึมครึมที่ณธิปสร้างขึ้นมาเกิดจากสาเหตุอะไร กมลจึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความอึดอัด
“ถ้างั้นผมขอกลับที่พักก่อนนะครับ ให้คนขับรถรอนานแล้ว”
“กลับดีๆ ครับคุณไอ” ณภัทรยิ้มส่งอีกครั้ง
ทว่าณธิปกลับ…
“ผมจะไปส่ง” ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มยังเดินอ้อมไปยืนกดดันให้คนขับลงมา และขึ้นนั่งแทนที่
“แล้วงานข้างในล่ะเล็ก” ณภัทรถาม
“ผมสั่งวิมลไว้แล้ว อีกอย่างคนก็กลับกันไปเกือบหมดแล้วด้วย”
“อย่างนั่นก็แล้วไปเถอะ” ครั้นไม่เห็นว่าติดขัดอะไร ณภัทรก็ไม่ว่า แต่กลับเป็นกมลที่รู้สึกไม่เห็นด้วย
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ คุณณธิปมีงานตั้งมาก ผมเกรง…” ยังไม่ทันพูดจบ กมลก็ถูกแทรกขึ้นก่อน
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“แต่มัน…”
“ผมอยากไปส่งคุณ ถ้ากลัวว่าผมจะเสียเวลา คุณก็รีบขึ้นมาสิครับ คุณไอ”
กมลจ้องดวงตารีเรียวคู่นั้นเขม็งราวกับกำลังวัดใจกัน แต่เขาก็รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หากปฏิเสธไปก็มีแต่จะต้องเถียงกันไม่จบไม่สิ้น จึงได้แต่ถอนหายใจทิ้งเบาๆ แล้วก้าวขึ้นรถ
ไม่รู้ทำไม สองพี่น้องคู่นี้ถึงชอบบังคับเขานัก แล้วแต่ละสถานการณ์ที่เจอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เสียด้วย กมลนึกหงุดหงิดในใจ
หลังจากที่หนุ่มหน้าสวยขึ้นมานั่งข้างๆ แล้ว ณธิปก็ออกรถทันที ทิ้งให้ณภัทรยืนส่ายหัวอยู่ด้านหลัง ด้วยเพิ่งระลึกได้ว่าเมื่อครู่ อาจจะเผลอทำให้สองคนนั้นเข้าใจผิดกันก็ได้
“พี่ภัทร!” ลับหลังณธิปกับกมล ดังตฤณกับพิเชษฐ์ก็ออกมาหาณภัทรที่หน้าโรงแรม
“ว่าไงตฤณ เชษฐ์”
“ไอ้เล็กกับคุณไอล่ะครับ” พิเชษฐ์ถาม หน้าตาตื่น
“เจ้าเล็กพาคุณไอไปส่งแล้ว” ณภัทรตอบ
“แล้วมันกับพี่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันใช่ไหมครับ”
“ไม่นี่” ชายหนุ่มส่ายหน้า ทว่าแอบเก็บข้อมูลไว้ในใจ เพื่อสนับสนุนความคิดของตนเอง
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ ผมล่ะกลัวไอ้เล็กมันจะอาละวาดใส่พี่ เมื่อกี้ตอนรู้ว่าคุณไอมากับพี่นะ ทำหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อคนอื่นให้ได้ พวกผมล่ะกลัวใจมันกันหมด” พิเชษฐ์ว่าอย่างโล่งอก เพราะเบาใจที่ไม่เกิดศึกสายเลือดระหว่างพี่กับน้องอย่างที่กังวล
“เล็กกับคุณไอเป็นอะไรกัน” ครั้นได้ยินคำถามของณภัทร เพื่อนสนิททั้งสองคนของณธิปก็เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนดังตฤณจะถามกลับ
“นี่พี่ภัทรไม่รู้เรื่องของเล็กมันหรือครับ”
“ก็ไม่รู้น่ะสิ แค่สงสัยเท่านั้นว่ากำลังคบกันอยู่หรือเปล่า แล้วตกลงว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกัน”
“ตายล่ะ…” พิเชษฐ์สบถออกมาเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องของคุณไอกับเจ้าตัวถูกเก็บไว้เป็นความลับจากพี่ชายแสนเพอร์เฟคคนนี้
“ว่ายังไง นี่ไม่คิดจะมีใครบอกพี่เลยหรือ”
ดังตฤณสบสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแล้วลอบถอนใจออกมา ก่อนจะเอ่ยปากเฉลยเสียเอง ด้วยคิดว่าถึงขั้นนี้ คงไม่มีประโยชน์ที่ต้องปิดบัง ซ้ำอาจจะเป็นเรื่องดี เพราะถ้าหากว่าณภัทรรู้ว่าน้องชายตามจีบคุณไออยู่ จะได้เลิกเข้ามาแทรกกลาง
“เล็กมันกำลังตามจีบคุณไออยู่ครับ ยังไม่ได้คบกันหรอก เพราะดูท่าคุณไอจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่”
“แล้วเมื่อกี้ก็คงไม่พอใจที่พี่ภัทรเทคแคร์คุณไอแทนมันน่ะครับ พี่ก็รู้ว่าไอ้เล็กมันขี้อิจฉาจะตาย” นิสัยเด็กๆ อย่างการชอบอิจฉาพี่และน้อยใจพ่อกับแม่ของณธิปมีมานานแล้ว และทั้งเพื่อนสนิทรวมถึงณภัทรเองก็รู้ดี
“เฮ้อ…เล็กเอ้ย” ณภัทรส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“ว่าแต่พี่ภัทรเถอะครับ”
“ทำไม”
“พี่สนใจคุณไอเขาด้วยหรือเปล่า” พิเชษฐ์ถามตรงประเด็นเสียจนถูกเพื่อนถลึงตาใส่
“สนใจ…”
“ห๊ะ!/อะไรนะ” ครานี้สองหนุ่มต่างอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
“ฟังใจจบก่อนสิ รีบตีโพยตีพายเชียว” ผู้บริหารหนุ่มว่า “จะว่าสนใจก็ไม่ผิดนักหรอก แต่ไม่ได้สนใจในเชิงชู้สาว แค่สนใจเพราะเขาเป็นคนมีความคิดดี แล้วก็สงสัยเรื่องเจ้าเล็กด้วย เลยอยากรู้จักให้มากขึ้น”
ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่หลายครั้งแล้วที่ณภัทรเห็นว่ากมลมีเรื่องเกี่ยวพันกับณธิป ทั้งตอนที่น้องชายของเขาถูกทำร้าย หรือเรื่องณธิปเจาะจงใช้บริษัทของกมลในการทำงานร่วมกัน ไหนจะไปรับจากสนามบิน ไปกินข้าวด้วยอีกล่ะ หลายๆ อย่างมันชี้ชัดว่าเจ้าตัวดีสนใจผู้ชายหน้าหวานคนนั้นมากกว่าคนรู้จักทั่วไปเป็นแน่
ซ้ำช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ณธิปยังไปเที่ยวหรืออกงานสังสรรค์น้อยลง ถ้าเกิดว่าเหตุผลที่มีคนคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตแล้วทำให้เสือร้ายอย่างน้องชายของเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ เขาก็สนใจและอยากรู้จักคนคนนั้นให้มากขึ้นเป็นธรรมดา
“งั้นก็ดีแล้วครับ มาอยู่ทีมรอดูไอ้เล็กมันจีบคุณไอดีกว่า แต่ผมว่ารายนี้คงไม่ง่ายหรอก” พิเชษฐ์คาดเดา
“ก็คุณไอเขาเป็นคนมีความคิด” ดังตฤณเอ่ยลอยๆ
“นี่แกหลอกด่าเพื่อนหรือเปล่าวะตฤณ” ดาราหนุ่มขมวดคิ้วแล้วมองเพื่อนตาขวาง
“หลอกด่าอะไรกัน ฉันว่ากระทบมันตรงๆ นี่แหละ” ดังตฤณตอกกลับ
“เอาเถอะๆ จะเป็นยังไงก็รอดูกันต่อไปดีกว่า พี่เองก็อยากจะรู้ ว่าทั้งเจ้าเล็กแล้วก็คุณไอจะทำยังไงกันต่อเหมือนกัน”
สองเพื่อนสนิทของณธิปพยักหน้าเห็นด้วย ในที่นี้จึงไม่ได้มีแต่ณภัทรเท่านั้นที่อยากรู้เรื่องราวในอนาคตของณธิป ว่าสุดท้ายแล้วจะออกหัวหรือก้อยกันแน่
เส้นทางระหว่างตัวโรงแรมกับวิลล่าไม่ได้ไกลกันมากนัก แต่ณธิปกลับขับช้าจนคนนั่งรู้สึกหงุดหงิด หากก็ยังควบคุมตัวเองให้นั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่จามาได้ตลอดทาง
ทว่าก็มีเรื่องที่ทำให้กมลต้องละสายตาจากทิวทัศน์ยามค่ำคืนข้างทาง กลับมาสนใจคนที่อยู่ข้างๆ ตัวเองแทน เพราะอยู่ๆ สารถีคนสำคัญกลับจอดรถดื้อๆ กลางทางเสียอย่างนั้น
“จอดรถทำไมครับ ยังไม่ถึงเลยนี่”
“แต่ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณก่อน”
“เรื่องสำคัญอะไรครับ ผมว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะคุณยังมีธุระต้องกลับไปจัดการอีกมากไม่ใช่หรือ” กมลยังคงบ่ายเบี่ยง เพราะเขาไม่รู้สึกอยากพูดคุยกับณธิปสักนิด
อันที่จริงวันนี้คนตรงหน้าทำให้เขาไม่พอใจอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือเรื่องที่พยายามทำตัวราวกับประกาศให้ใครต่อใครเข้าใจว่าพวกเขามีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนร่วมงาน แค่เรื่องแรกก็ดูจะเป็นอะไรที่หนักหนาพอควรแล้ว นี่ยังทำท่าราวกับหวงกางใส่พี่ชายของตัวเองเมื่อครู่อีก ไม่รู้ว่าคราวนี้คนอื่นจะเข้าใจไปถึงไหน เพราะเชื้อไฟจากเล่ห์เหลี่ยมที่ณธิปสุม มันมากพอที่จะลุกลามไปใหญ่โตทีเดียว
“ดูคุณจะอยากให้ผมไปเหลือเกินนะ ทำไมทีกับพี่ภัทรไม่เห็นคุณจะปฏิเสธบ้าง”
“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
เรียวคิ้วของกมลกระตุกไปนิดๆ เมื่อถูกณธิปพูดใส่แบบนั้น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างที่สุด และท่องในใจว่าจะไม่หลุดเพราะคนคนนี้อีก แต่ไม่รู้ทำไมณธิปกลับชอบทำให้เขาหงุดหงิดจนอยากโต้ตอบกลับไปนัก
“พวกคุณดูสนิทสนมกันดีนี่”
“แล้วยังไงครับ” ดวงหน้าหวานนิ่งขึง ด้วยเริ่มเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร
“คุณเองก็คงชอบแบบนั้นสินะ ประเภทคนแสนดี” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับผุดรอยยิ้มเยาะ ไม่ใช่เย้ยกมล หากแต่ยิ้มเหยียดตัวเองมากกว่า
“แล้วมีใครไม่ชอบคนดีบ้างล่ะคุณณธิป” กมลยกมือขึ้นกอดอกระหว่างตอบ ซึ่งเป็นท่าที่มักจะทำโดยไม่รู้ตัวเวลาที่ดุหลานๆ “ใครๆ ก็ชอบคนดีทั้งนั้น ยิ่งถูกทำดีด้วย มันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ไม่ใช่หรือ”
“หึ…”
“หัวเราะทำไม”
“ผมเปล่า”
ทั้งที่เห็นตำตา แต่อีกฝ่ายก็ยังกล้าปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ “หรือคุณชอบคนเลว ชอบให้คนอื่นร้ายใจใส่กัน”
“ไม่รู้สิ บางทีผมอาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะคนที่ผมชอบอยู่ตอนนี้ เขาใจร้ายกับผมมาก แต่กับคนอื่นกลับดีแสนดี”
“เฮ้อ…” กมลถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะมองดวงตาขวางๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นพราวระยับ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าณธิปหมายถึงใคร
“ว่ายังไงล่ะคุณไอ เมื่อไร่จะเลิกใจร้ายกับผมสักที คุณก็เห็น ว่าผมตามจีบคุณมาเป็นเดือนๆ แล้วนะ”
“ผมว่าบางทีเราคงต้องคุยเรื่องนี้กันให้รู้เรื่องสักที” เว้นไปนิด กมลก็ตัดสินใจพูดออกมาทั้งหมด “ผมว่าคุณเลิกเทียวไล้เทียวขื่อผมดีกว่านะ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“นี่…คุณจะปฏิเสธผมหรือไง ทำไมล่ะ ที่ผ่านมามันก็ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“ผมว่ามันดีขึ้นในแง่ของเพื่อนมากกว่า ผมไม่สามารถให้ในสิ่งที่คุณต้องการได้หรอก คุณเองก็ให้ในสิ่งที่ผมต้องการไม่ได้เหมือนกัน”
ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ กมลไม่ได้เอ่ยออกมาเพื่อตัดรำคาญ แต่เขาคิดทบทวนหลายครั้งหลายครา ณ ตอนนี้ เขาว่าตัวเองมองคนแบบณธิปออก และรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการแค่เอาชนะเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะผูกสัมพันธ์หรือมีความจริงใจให้ในแบบที่เขาต้องการ
“มีอะไรที่ผมยังให้คุณไม่ได้อีก คุณลองบอกมาสิ คุณต้องการอะไร ผมจะหามาให้”
“ขอโทษนะคุณณธิป ผมว่าคุณในตอนนี้ ให้สิ่งที่ผมต้องการไม่ได้จริงๆ”
ทว่าสุดท้าย ณธิปก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่กมลต้องการจะบอกจริงๆ “คุณชอบผู้หญิงเหรอ”
“มันไม่เกี่ยวกับผู้หญิงหรือผู้ชายหรอก ไม่ว่าคุณจะเพศไหน ถ้าเป็นในตอนนี้ ผมก็ไม่สามารถคิดกับคุณแบบนั้นได้ ขอโทษด้วยนะครับ”
คนถูกปฏิเสธนิ่งไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าตนจะโดนหักหาญน้ำใจอย่างรุนแรงและตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทั้งที่คิดว่าที่ผ่านมาเขาพยายามมากแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เข้าใจเลย
หรือจะเป็นเพราะเขายังไม่ใช่คนในแบบที่กมลต้องการ แล้วแบบไหนกันล่ะที่ผู้ชายหน้าหวานคนนี้จะเลือก พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มของกมลเมื่อยู่กับใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
พี่ภัทร…“หรือคุณชอบพี่ภัทร”
“ผมว่า คุณอย่าพูดถึงคุณภัทรจะดีกว่านะ” ที่ไม่อยากให้พูดถึง เพราะกมลรู้ดีแก่ใจว่าณภัทรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ แต่ณธิปกลับไม่คิดแบบนั้น
“ทำไมล่ะ ที่พูดถึงไม่ได้ เพราะมันจริงใช่ไหม”
“ถ้าคุณจะคิดแบบนั้น ผมก็คงไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้วล่ะ…เพราะที่บอกไปนั่น คุณก็น่าจะเข้าใจหมดแล้ว” กมลก้าวขาลงจากรถกอล์ฟของโรงแรม เพราะดูท่า ถ้าเขายังรอต่อไป คืนนี้ก็คงไม่ได้กลับง่ายๆ นี่ก็ไม่ไกลจากที่พักของเขาเท่าไหร่ เดินไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง
“เดี๋ยวคุณไอ!”
ณธิปรีบกระโดดลงจากรถแล้วตามคนหน้าหวานไป แต่เรียกแล้วกมลก็ไม่หยุด เพราะคิดว่าถ้าต้องหยุดและพูดอะไรกันไปมากกว่านี้ เขาอาจจะระเบิดใส่อีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
“หยุดก่อน!” อุ้งมือใหญ่คว้าต้นแขนของกมล ก่อนจะดึงให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“อะไรของคุณ”
“อย่าเดินหนีผม ผมไม่ชอบ” ณธิปเอ่ยอย่างหงุดหงิด เพราะไม่เคยมีใครกล้าหันหลังให้เขามาก่อน
“แล้วที่คุณทำอยู่นี่ คิดว่าผมชอบหรือไง มีตรงไหนที่ผมพูดไม่ชัดเจนอีก ผมรู้ว่าคุณคงไม่พอใจที่ถูกปฏิเสธ แต่จะให้พูดแบบที่คุณพอใจก็คงไม่ได้หรอก” ทุกคำที่พรั่งพรูออกมาล้วนมาจากสิ่งที่เก็บไว้ในใจทั้งนั้น
“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณพูดในสิ่งที่ผมพอใจ” ณธิปโต้
กมลจึงถามกลับ “แล้วคุณอยากได้ยินอะไรจากผมกันล่ะ”
“คุณชอบพี่ภัทรหรือเปล่า”
“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องคุณภัทร”
“ผมถามว่าชอบหรือเปล่า!” คนเอาแต่ใจเผลอขึ้นเสียงใส่ กมลจึงตะคอกกลับ เพราะตอนนี้เขาชักควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
“ก็ถ้าชอบแล้วจะทำไม!” กมลไม่ได้ชอบ แต่กลับสงสัยว่าถ้าเขาชอบณภัทรอย่างที่คนตรงหน้ายัดเยียดให้จริงๆ อีกฝ่ายจะว่ายังไง “คุณมีปัญหาอะไรกับเรื่องคุณภัทร—อื้อ!”
ต้นแขนที่ถูกจับไว้ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทว่ามือหนาทั้งสองข้างกลับล็อควงหน้าของกมลไว้แน่น พร้อมกับที่ริมฝีปากร้ายของคนนิสัยไม่ดีนั้นพุ่งเข้ามาประทับที่ริมฝีปากของกมล ก่อนจะบดจูบด้วยอารมณ์รุนแรง
กมลชะงักไปด้วยความตกตะลึง และแค่เสี้ยววินาทีที่ตกใจอยู่นั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่ถูกณธิปล่วงเกิน รุกล้ำ และช่วงชิงเอาความหวานล้ำจากริมฝีปากได้อย่างหยามใจ รู้สึกตัวอีกที ความโกรธก็พุ่งทะยานเหนือเหตุผลและสติไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มลืมตาจ้องใบหน้าที่แนบชิดอยู่ติดกัน ก่อนจะออกแรงกัดเข้าที่ริมฝีปากของณธิปเต็มแรง จมูกได้กลิ่นคาวเลือดเจือขึ้นมาในวินาทีนั้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องเจ็บปวดของคนที่ถูกกัด
ณธิปรีบผละออกจากหนุ่มหน้าหวานทันที มือที่บังคับจับล็อคหน้ากมลเอาไว้ยามนี้ต้องเปลี่ยนไปกุมปากตัวเองแทน
“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ผมถึงบอกว่าคุณไม่ใช่สำหรับผม ที่ผ่านมาผมพยายามรักษาน้ำใจของคุณมากนะ แต่ทำแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลย” กมลหยุดหอบหายใจด้วยความโมโห ก่อนจะว่า “ต่อไปเราอย่ายุ่งกันอีกเลยดีกว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง”
ใบหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาเฉยชาของกมล ทำให้ณธิปสะอึก
“
อย่าได้คิดทำแบบนี้กับผมอีก”
เมื่อประกาศกร้าวจบกมลก็เร่งฝีเท้าเดินหนีไปท่ามกลางความตกใจของณธิป
ณธิปยืนอึ้งอยู่ที่เดิม พอรู้ตัวอีกทีกมลก็ก้าวฉับๆ ไปจนถึงที่พักแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินคอตกกลับไปที่รถกอล์ฟ นั่งเป็นคนบื้อใบ้อยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
เสียงคลื่นซักเข้าหาฝั่งดังแว่วมาให้ได้ยิน ทว่าเมื่อมองไปกลับเห็นเพียงความมืดมิด
อารมณ์หลากหลายตีมวนอยู่ในหัวจนไม่สามรถบอกได้ว่ายามนี้รู้สึกอย่างไร เพราะมันมีทั้งตกใจ ไม่พอใจ ขัดใจ หงุดหงิด และที่สำคัญคือ ณธิปรู้สึกได้รางๆ ว่าในอกนั้นเจ็บแปลบอย่างน่าประหลาด
นี่เขารู้สึกเจ็บเพราะแววตาเฉยชาว่างเปล่าคู่นั้นหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากเชื่อตัวเอง
ณธิปไม่เคยเป็นแบบนี้ และไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน
ไม่ได้การล่ะ เขาจะปล่อยให้คนคนหนึ่งมีอิทธิพลเหนือตัวเองขนาดนี้ไม่ได้ ไหนไหนก็ถูกตัดรอนขนาดนั้น ก็เลิกยุ่งไปเสีย หันกลับมาใช้ชีวิตอย่างปรกติ และสนใจแค่คนที่พร้อมจะเดินเข้ามาหาเขาด้วยความเต็มใจคงดีกว่า ชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเองเช่นนั้น ก่อนจะสลัดความเจ็บหน่วงที่เกิดขึ้นในใจไว้ แล้วสตาร์ทรถขับกลับโรงแรม
<><><><><<><><><><><><><><><><<>><><><
มาแล้วค่าา
ตอนนี้ดุเดือดเลือดพล่านมากๆ 555555
เขียนไปก็อินไป หงุดหงิดอิคุณเล็กแรง อยากให้โดนหนักกว่านี้
แต่คุณไอบอกไม่ไหวละ ไม่อยากเห็นหน้ามัน
เขียนเรื่องนี้ เคยคิดเหมือนกันว่าคนแบบนี้ไม่น่าจะคู่กันได้
แต่ในเมื่อคุณไอจับสลากได้คุณเล็กเป็นพระเอกแล้ว เราจะต้องเขียนให้รักกันได้
ขนาดคลื่นชีวิต กว่าจะรักกันยังค่อนเรื่องแหน่ะ (มีความติดละคร 555)
คุณคือความรักยังไม่ครึ่งเรื่องเลย ตามกันไปยาวๆ 555
ฝากด้วยนะคะ จะพยายามมาบ่อยๆ ค่ะ
ปล. พระเอกฝากบอกว่า ด่าได้ แต่อย่าแรงมาก เพราะ...เล็กเจ็บ ทุกการกระทำ ที่ทำให้เธอเสียใจ~ /ร้องเพลง
ละอองฝน.