Chapter 7 : On the spot
หนุ่มฝรั่งตัวโตดีกรีนายแบบชื่อดังยังคงนั่งทอดสายตามองคนที่นอนขดตัวอยู่ที่ตักตัวเองเงียบๆ เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นระรอก ไอฝนจางๆ ผืนทรายขาวสะอาด แทบจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังมาปิกนิกยามดึกถ้าไม่ติดว่ามีไอ้พวกเสื้อผ้าชื้นๆพวกนี้ติดตัวล่ะก็นะ.. มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ถูกลมพัดจนระกับใบหน้าของภีมทัดเข้าที่ใบหู มาร์คัสกำลังมีความคิดว่าผมสีดำยุ่งๆแบบตอนนี้ทำให้ภีมดูเด็กลงกว่าเดิม แถมท่าทางที่เจ้าตัวพลิกตัวหันกลับมาซุกเข้ามาใกล้มากขึ้นพร้อมกับมือเรียวกำหลวมๆอยู่ที่กางเกงของเขายิ่งทำให้ภีมยิ่งดูอ่อนไหวในมุมสงบเช่นนี้ขึ้นไปอีก
เขาถือโอกาสมองสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายเลื่อนมือไล้นิ้วโป้งลงบนริมฝีปากบางสีเรื่อเบาๆอย่างนึกขำ เห็นปากเล็กๆแบบนี้พออ้าปากพูดทีไรมีแต่คำเจ็บๆคันๆทุกที และวิธีจัดการที่เหมาะสมและเขาก็ชอบเอามากๆด้วย นั้นก็คือปิดมันด้วยปากนี่แหละ!
" ฮือ.... "
มาร์คัสชะงักมือที่แตะล้อตามใบหน้าน่ารักเล่นเมื่อได้ยินเสียงในลำคอของอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำทะเลมองสำรวจคนบนตักก่อนจะรู้สึกได้ถึงร่างของภีมที่สั่นน้อยๆและพยายามเบียดตัวเข้าหามากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าคงเพราะอากาศที่เย็นลงและเสื้อที่ยังเปียกชื้นเลยทำให้เจ้าตัวหนาว ดังนั้นเขาจึงรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อตัวเองที่ตากเอาไว้ใกล้กองไฟจนแห้งแทบจะสนิทแล้วมาห่มทับให้
" ฉันมันคนนิสัยไม่ดี อยากได้อะไรก็ต้องได้ " มาร์คัสพึมพำขึ้นเบาๆ ขณะที่มองใบหน้าที่ดูเพลียๆของภีมแล้วคิดขึ้นมา
เขามันคนมักมาก เอาแต่ได้.. แต่สาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้กระทั่งกับอลิเซีย กับเธอพอลองคบกัน ไปๆมาๆก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยคบมา เขาคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อภีมเป็นอะไรที่เขาเรียกว่าความรู้สึกพิเศษ มันไม่ใช่การที่แค่นอนด้วยกันแล้วจะรู้สึกแบบนี้ได้ ....ที่ชอบแกล้งก็เพราะอยากคุยด้วยซักหน่อย เขาอยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้น แต่เกิดอาการไม่กล้าถาม ทั้งๆที่ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยจะแคร์อะไรและกล้าแสดงออก ถึงแต่ละครั้งในบทสนทนาของพวกเขาจะแทบไม่มีช่วงพูดคุยแบบไม่ทะเลาะกันเลยก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกชอบที่จะฟังเสียงนุ่มๆของเจ้าตัวบ่นไปเรื่อยๆ
" ดันมาเจอคนอย่างฉัน .....โชคร้ายหน่อยนะภีม "
เสียงนกร้องและคลื่นที่ดังชัดกว่าปกติทำให้หนุ่มตัวเล็กค่อยๆรู้สึกตัว แสงแดดที่ส่องผ่านแนวใบไม้ลงมาเป็นสัญญาณว่านี่คือเช้าวันใหม่ ภีมบิดตัวไล่ความเมื่อยขบน้อยๆก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อแทนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วจะเป็นกำแพงห้องขาวๆแต่ตรงหน้ากลับเป็นหน้าท้องที่มีซิกแพ็คขึ้นชัดเจนของใครบางคนแทน สะบัดหัวไล่ความมึนงงมองสำรวจรอบตัวแล้วพบว่าตัวเองนอนซุกตัวหนุนตักของมาร์คัสอยู่
เห็นแบบภีมจึงรีบยันตัวขึ้นนั่ง ทำให้เสื้อตัวใหญ่ที่คลุมตัวไว้หล่นลงมา เขารู้สึกหน้าร้อนหน่อยๆเมื่อพบว่านี่เป็นเสื้อของมาร์คัส ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่นั่งก้มหน้าหลับในท่ากอดอกพิงต้นไม้ แล้วนึกไปว่าบางทีมาร์คัสอาจจะต้องเมื่อยมาก เพราะที่เขาตื่นขึ้นมาจากบนตักมันก็แปลว่ามาร์คัสต้องนั่งแบบนี้มาทั้งคืนแถมยังสละเสื้อมาห่มตัวให้เขาอีก.. นั่นทำให้ภีมรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าวานที่เขาโดนจับกดทำให้เขาคิดว่ามันก็สมควรแล้วที่มาร์คัสจะต้องทำดีกับเขาบ้าง
ภีมถอนหายใจปัดเรื่องฟุ้งซ่านออกไปจากหัวแล้วคิดว่าระหว่างนี้น่าจะหาวิธีทำอะไรซักอย่างที่จะพอส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้บ้าง เขาเหลือบมองคนตัวโตที่ยังไม่ตื่นสลับกับเสื้อของเจ้าตัวที่ไหลลงมากองที่ข้างตัวเขา ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาห่มคืนให้เจ้าของ
จังหวะที่เขาก้มตัวเข้าไปใกล้ก็เผลอมองใบหน้าที่ไม่เหมือนกับคนหลับเท่าไหร่ แล้วก็มีความคิดที่ว่า ..ยิ่งมองใกล้ๆมาร์คัสก็ยิ่งหล่อจริงๆ คิ้วเข้มเรียงตัวเป็นระเบียบ ขนตายาวสีน้ำตาลคาราเมลแบบเดียวกับเส้นผม และดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ..ใช่ เขาชอบสีแบบนี้เอามากๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองลูกแก้วสีสวยๆ...
เดี๋ยวนะ หมอนี่ลืมตามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ!
" กำลังคิดจะลวนลามฉันหรือไง " ภีมหน้าร้อนเมื่อคนที่เหมือนกับว่ากำลังหลับอยู่ลืมตาขึ้นมองตอบและพูดกระซิบใกล้กับริมฝีปาก เขาขยับตัวออกเมื่อรู้สึกถึงอาการใจเต้นยามที่ถูกดวงตาสีฟ้าคมกริบจ้องมอง แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าคนเจ้าเล่ห์ที่รีบยกมือขึ้นรั้งช่วงคอขาวกลับมาแล้วกดจูบลงกับริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ สอดลิ้นร้อนไล่ต้อนในโพรงปากนุ่มจนอีกฝ่ายครางเครือในลำคอแล้วเลื่อนมือขึ้นเกาะไหล่หนาเพื่อประคองตัว
" แฮ่ก ...ปล่อยเลย! " ภีมรีบหันหน้าหนีแล้วตีลงกับแผ่นอกกว้างไม่ออกแรงเมื่อมาร์คัสถอนริมฝีปากออก แต่มือใหญ่กลับยังไม่ยอมปล่อยเอวเขาออกไปง่ายๆ
" โอ๊ย~ เจ็บนะ นายเป็นพวกมาโซรึไง?! " คนตัวโตว่า
" ปล่อยดิวะ!! ...เฮ้ยยยย~ " ภีมไม่สนใจคำถามตั้งหน้าตั้งตาดันตัวเองออกห่างจากมาร์คัสอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อจู่ๆวงแขนแกร่งคลายแรงที่รั้งช่วงเอวออกภีมจึงเสียหลังหงายหลังกลิ้งขลุกๆลงกับพื้นทราย หนุ่มฝรั่งเมื่อเห็นแบบนั้นก็อดขำไม่ได้แต่ก็รีบลุกตามไปช่วยจับคนที่ทำหน้าโมโหใส่ขึ้นมานั่งดีๆ
" หึๆ เป็นไงผลักดีนัก " มาร์คัสพูดเจือเสียงหัวเราะขณะที่ช่วยปัดทรายที่เลอะเนื้อตัวและใบหน้าของภีมออก แต่ก็โดนเจ้าตัวปัดมือออกอย่างแรงแล้วส่งสายตาวาววับมาให้
" ไม่ต้องมายุ่ง!! ที่ฉันผลักก็เพราะเมื่อกี้........." ภีมกำลังจะโวยวายใส่แต่ก็ชะงักคำต่อไปที่จะพูด
" เมื่อกี้อะไร " ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มเมื่อเห็นผิวแก้มขาวที่เปื้อนทรายแดงเรื่อขึ้นมา " เมื่อกี้มีอะไรงั้นเหรอ ....."
" ก็รู้อยู่ยังจะถาม โว้ยย!!! " ตะโกนเสียงไม่เบานักใส่ก่อนเขาจะรีบลุกขึ้นเดินหนี ไม่วายยังได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีตามหลัง นึกอยากจะไปวิ่งไปโคดลายใส่ให้น็อกซ์ไปซะเดี๋ยวนั้นเลยมันมีอะไรน่าขำนักหนา แต่ที่เขาทำได้คือแค่โกยเอาทรายที่มีอยู่รอบตัวปาใส่คนตัวโตที่นั่งอยู่จนมาร์คัสต้องหลบเป็นหนีเป็นพัลวัน
" โอ้ยๆๆ ..โอเคๆ ฉันจะไม่ขำนายแล้ว สัญญาเลย พอเถอะ! " มาร์คัสต้องลุกเดินถอยหนีไปจากรัศมีการปาของภีมพอสมควรถึงจะมีโอกาสได้พูด เขายกมือขึ้นสองข้างเป็นสัญาณว่ายอมแพ้ก่อนจะพยายามเช็ดทรายออกจากตัว แล้วเขาก็คิดว่ามีบางส่วนที่มันเข้ามาในปากเขาด้วย ดวงตาสีน้ำทะเลกลอกขึ้นมองคนตรงหน้าเมื่อศึกปาทรายจบลงไปก่อนเขาจะคิดว่าที่ยอมโดนภีมปาทรายจนเลอะไปหมดแบบนี้มันก็คุ้มอยู่เพราะรอยยิ้มน่ารักที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเจ้าตัว
ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันแบบไร้ความประทับใจใดๆที่น่าจดจำ นี่เป็นครั้งแรกที่ภีมยิ้มตอนที่อยู่กับเขา
ภีมเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกมาร์คัสจ้องอีกครั้งก็รีบหันหน้าหนี ไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มกับคนแบบนั้นไปตอนไหน ก็แค่เห็นฝรั่งตัวโตๆพยายามหนีทรายที่เขาปา แล้วพอหันมาพูดอีกทีสภาพหมอนั่นที่มีทรายติดทั้งบนผมซอยสั้น และใบหน้าเต็มไปหมด เขาไม่เคยเห็นมาร์คัสทำหน้ายู่ๆและคิดว่ามันตลกมาก แบบนั้นเลยอดขำไม่ได้เท่านั้นเอง
" เอาล่ะ ฉันว่าเรามาทำอะไรที่จะขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอกกันดีกว่า " เขาได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาใกล้ก่อนที่เสียงทุ้มของมาร์คัสจะดังขึ้น และยื่นกิ่งไม้ยาวๆขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ให้
" อะไร ? " ภีมมองกิ่งไม้ที่ถูกยัดใส่ในมือตัวเองอย่างงงๆ
" ไปเขียน S O S ตัวใหญ่เท่าบ้านที่หาดซะ ฉันจะไปหาไม้มาก่อไฟ " มาร์คัสบอกแล้วหันเดินกลับไปหยิบเสื้อที่ถูกวางทิ้งไว้ขึ้นมา เขาสะบัดเสื้อที่มีทรายติดอยู่แรงๆทำให้ของที่ใส่เอาไว้ตกลงมา ภีมขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคือไฟแช็ก
และนั้นก็ทำให้เขาหายสงสัยว่ามาร์คัสจุดไฟได้อย่างไร...
" โถ่เอ้ย นึกว่าจะเจ๋ง ที่แท้นายจุดไฟได้เพราะมีไฟแช็ก " ภีมว่าและเบะปากใส่น้อยๆเมื่อดวงตาสีฟ้ากลอกมามอง
" มาติดเกาะแล้วมีไฟแช็กเขาเรียกว่าโชคดีต่างหากล่ะ ไม่ใช่เจ๋งไม่เจ๋ง " มาร์คัสว่าพลางโคลงหัวน้อยๆแล้วเก็บมันขึ้นมาใส่ไว้ที่เดิม ภีมมองตามนิ่งๆก่อนจะถามขึ้นมา
" นายสูบบุหรี่เหรอ "
" ก็นานๆที เวลาคิดอะไรไม่ออก " ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้มนิดๆ " ทำไม? เป็นห่วงฉันล่ะสิ "
" เปล่า " ภีมส่ายหน้า " ก็แค่.........ไม่ชอบคนสูบบุหรี่ "
พูดจบก็เดินหนีไป ทิ้งให้มาร์คัสได้แต่ยืนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก เขายกมือขึ้นเสยผมลวกๆแล้วคลี่ยิ้มออกมาคนเดียว ...ได้ฟังเจ้าตัวพูดแบบนี้แล้ว ก็เริ่มจะมีความคิดที่จะเลิกบุหรี่แบบจริงๆจังๆขึ้นมาซะแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักในการหาที่โล่งๆกว้างๆแบบไม่มีหินมาเกะกะบนชายหาดแล้วจัดการเขียนสัญญาณขอความช่วยเหลือ ภีมใช้หลังมือเช็ดเหงื่อขณะเดินกลับมานั่งใต้ร่มไม้พักเหนื่อยจากแดร้อนๆ เขายังไม่เห็นมาร์คัสอยู่แถวนี้ แต่พวกเศษไม้กิ่งไม้ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในกองไฟเล็กๆที่มอดไปแล้วจากเมื่อวานทำให้รู้ว่าอีกคนคงเดินไปเดินมาไม่ไกลจากนี้ ภีมเอาไม้ที่ถือติดกลับมาวาดรุปเล่นลงบนทรายฆ่าเวลาเมื่อไม่มีอะไรทำ ก่อนเสียงกรอบแกรบที่ดังขึ้นทำให้รู้ว่าใครอีกคนกลับมาแล้ว
" กำลังคิดถึงฉันอยู่รึไง " คนตัวโตที่เดินหอบเศษไม้กลับมาเต็มมือข้างนึงและอีกข้างถือลูกมะพร้าวมาอีกหนึ่งลูกพูดขึ้น
ภีมได้แต่ทำหน้าหน่ายๆใส่ทั้งที่ในใจก็รู้สึกโล่งอกและดีใจที่มาร์คัสกลับมาเสียที ขณะที่เขาก้มหน้าจะวาดรูปต่อ ลูกมะพร้าวเขียวๆที่ถูกปอกแบบกระจุกกระจุยแค่อที่จะดื่มน้ำได้แล้วก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
" ดื่มซะ " มาร์คัสบอก
" อืม.... ขอบใจ " ภีมรับมาแต่เผลอปัดโดนมือของอีกฝ่ายแรงไปหน่อย และเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าตัวซี๊ดปากเบาๆพร้อมกับรีบดึงมือกลับไป " มือนายเป็นไรไปน่ะ? "
" นิดหน่อย ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก " ชายหนุ่มตอบปัดแล้วเดินไปจัดการกองไม้ต่อ แต่ต้องชะงักเมื่อมือนิ่มอุ่นๆของคนที่นั่งอยู่เอื้อมมาดึงไว้
" นี่นะไม่เป็นไร มือมีแต่เสี้ยนทิ่มเข้าไปแบบนี้น่ะนะ?! " ภีมพูดขึ้นอย่างตกใจหน่อยๆเมื่อก้มลงมองมือใหญ่ที่มีเสี้ยนไม้เล็กๆติดอยู่เต็มไปหมด แถมตามปลายนิ้วเรียวยาวจนถึงฝ่ามือก็ยังแดงเถือกและมีรอยบาดประปรายเพิ่มขึ้นมาอีก เขาช้อนตาขึ้นมองมาร์คัสที่เลิกคิ้วขึ้นหน่อยๆแล้วจำใจทรุดตัวนั่งลง
" ก็แบบนี้แหละ หักพวกกิ่งไม้หอบไปหอบมา แล้วก็ปอกมะพร้าวอีก มันก็ต้องมีแผลเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก " มาร์คัสว่าเหมือนเรื่องปกติและเขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่มือ แต่เมื่อภีมแกล้งกดแรงๆไปทีเขาหลุดร้องโอยออกมา
" อาการแบบนี้ที่บ้านนายเรียกไม่เป็นไรเหรอ? " ดวงตากลมโตมองนัยตาสีฟ้าสวยอย่างจับผิดพลางจับมือใหญ่พลิกไปมาสำรวจอย่างเบามือ
" ไกลหัวใจตั้งเยอะจะเป็นอะไรได้ไง "
" มือง่อยแบบนี้แล้วยังจะฝืน ระวังเถอะ จะไม่รอดก่อนได้กลับไป Monkey Mia " ภีมพูดแกมบ่นแล้วเอามือเช็ดๆกับเสื้อตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้มือใหญ่แล้วเริ่มปฏิบัติการช่วยดึงเสี้ยนออก มาร์คัสถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ก็ยอมให้ภีมวุ่นวายในการช่วยเหลือมือตัวเองต่อไปเขามองคนตัวเล็กที่นั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงขณะกำลังช่วยดึงเสี้ยนไม้ออกอย่างระมัดระวังจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆ แล้วอดเอื้อมมือเข้าหาแล้วจิ้มลงเบาๆที่หัวคิ้ว
" คิ้วจะผูกกันได้อยู่แล้ว " เขาพูดยิ้มๆเมื่อภีมเงยหน้ามาแล้วเลิกคิ้วออกจากกัน
" ก็คนเขากำลังตั้งใจ " เจ้าตัวตอบกลับมาเสียงอู้อี้เนื่องจากกำลังก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ภีมรันสมองนึกหาเรื่องคุยเพราะอันที่จริงคือเขารู้สึกไม่มีสมาธิเอามากๆเนื่องจากสายตาของมาร์คัสที่มองจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา
" มะพร้าวที่เอามาเมื่อกี้ นายปอกยังไงมือถึงเป็นแบบนี้ " พอเขานึกถึงมะพร้าวขึ้นมาได้จึงถามขึ้น
" ก็ทุบกับหินจนมันแตกออกมา เสร็จแล้วก็รีบตั้งมันขึ้นแล้วก็เอามือฉีกต่อ " มาร์คัสตอบ ทำให้คนฟังคิดไปว่า ขนาดคนที่ออกกำลังกายจนตัวใหญ่มีกล้ามเนื้อแบบนี้ยังมือเลือดออก ถ้าเขาต้องเป็นคนฉีกไอ้มะพร้าวลูกนั้นเองไม่แน่ว่าแขนอาจจะหลุดออกมาเลยก็ได้
" นั่นเป็นเหตุผลที่นายเอามาลูกเดียวรึเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันยกให้นายเลย " ภีมบอกแล้วค่อยๆวางมือซ้ายของมาร์คัสลงก่อนจะแบมือให้อีกฝ่ายยกอีกข้างขึ้นมาวาง
" เปล่า มันมีแค่ลูกเดียวที่บังเอิญหล่นลงมา ส่วนที่เหลืออยู่บนยอดนู่น " คนตัวโตตอบสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อคราวนี้ที่มือเรียวดึงออกไปเป็นเศษไม้ชิ้นใหญ่ที่ทิ่มเนื้อเขา " รู้ใช่มั้ยว่าคนเราขาดน้ำได้สามวัน นายควรจะดื่มมันซะ "
" แล้วนายล่ะ? " ภีมถาม
" หึ ฉันสบายมาก นายน่ะตัวเล็กกินเข้าไปเถอะ "
" เฮ้ ตัวเล็กไม่ได้หมายความว่าจะอ่อนแอนะเว้ย ฉันก็ผู้ชายเหมือนกันนะ " ภีมเงยหน้าขึ้นท้วง วางมืออีกข้างของอีกฝ่ายลงเมื่อช่วยดึงเสี้ยนออกหมดแล้ว เขาเห็นมาร์คัสก้มหน้ามองมือสองข้างของตัวเองแล้วพูดประโยคต่อมาเบาๆ
" ฉันไม่ได้คิดว่านายอ่อนแอ แต่ฉันเป็นห่วงนายมากกว่าต่างหาก " เขาอึ้งไปหน่อยกับคำพูดกับท่าทางของเจ้าตัว แต่ก็สลัดความคิดออกไปเมื่อคิดได้ว่ามาร์คัสเองก็มีแฟนแล้ว
" พูดแบบนี้คงคิดถึงแฟนล่ะสิท่า ....เธอสวยดีนะ แถมหุ่นก็ดี อกเป็นอก เอวเป็นเอว "
" ไม่ ฉันไม่ได้คิดถึงอลิซ " มาร์คัสบอก " นายน่าจะพอรู้นะ เวลาฝรั่งคบกันน่ะ.. ถ้าคิดว่ามันโอเคเราจะลองนอนด้วยกันก่อนก็ได้ แล้วควงกันไปไหนมาไหน แต่ถ้ามันรู้สึกไม่ใช่เราก็จบ คือฉันตั้งใจจะบอกว่าการที่จะนอนกับใครซักคนมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาผูกมัดอะไรกัน "
ภีมรู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบเมื่อฟังคำพูดพวกนี้ แต่ก็พยายามทำหน้าตาให้ปกติที่สุด
" ก็แค่อยากแล้วก็ปล่อยแค่นั้นใช่มั้ยล่ะ เหมือน...........เหมือนฉัน " ภีมแค่นยิ้มขณะพูดออกมา อันที่จริงจะไปโทษมาร์คัสคนเดียวก็ไม่ถูก เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเขาไม่เผลอเกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วย
" ก็ใช่ " ภีมแทบจะตัวชาวาบทันทีกับคำตอบที่ออกจากริมฝีปากหยัก ..อะไร? ทำไมเขาต้องรู้สึกอยากจะร้องไห้?
" ก็.....อืม......โอเค ฉันควรจะรู้อยู่แล้ว " ภีมพยักหน้าถี่แล้วก้มหลบใบหน้าจากอีกฝ่าย
" แต่กับนายฉันไม่คิดจะให้มันจบลงแค่นั้น " มาร์คัสพูดแล้วเอื้อมมือออกไปช้อนปลายคางคนที่นั่งซบหน้าลงกับเข่าขึ้นมา เขารู้สึกใจหายเมื่อเห็นดวงตากลมโตเหมือนมีน้ำคลอหน่อยๆ " นายร้องไห้? "
" เปล่า แค่....ทรายเข้าตา " ภีมดันมือเขาออกเบาๆอย่างระวังว่าอาจจะโดนแผล ก่อนจะก้มเช็ดหน้ากับแขนเสื้อ
" ภีม ฉันไม่ได้แค่อยากแล้วลงกับนายนะ " มาร์คัสเขยิบตัวเข้ามาใกล้พยายามพูดกับคนที่หยิบไม้ขึ้นมานั่งขีดทรายเล่น " ฉัน.......ฉันมันแย่ที่แกล้งนายตลอด เมื่อวานที่ฉันควงอลิซไปใกล้ๆก็แค่อยากจะแกล้งแหย่นาย แต่....ช่วยเชื่อฉันเถอะ ว่ามันเพราะฉันอยากรู้จักนายมากขึ้น ฉันอยากคุยกับนาย ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ...."
" เราแทบจะเรียกว่ารู้จักกันแค่ชื่อด้วยซ้ำมาร์คัส ....โอเคเรื่องเมื่อวานฉันเองก็เผลอตัวไปเองด้วยไม่ใช่แค่เพราะนายเข้ามาล็อคฉันไว้เฉยๆ แต่สำหรับฉัน ยังไงเรื่องแบบนี้มันควรจะเกิดขึ้นเพราะความรัก ไม่ใช่แค่ความต้องการ "
" ................... " มาร์คัสเงียบไปเมื่อเห็นภีมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งด้วยดวงตาและจมูกรั้นที่แดงระเรื่อ มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผิดอย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้ " ภีม ฉัน..........."
" ฉันจะไปจุดไฟให้ มือนายเจ็บอยู่ ส่งไฟแช็กมาสิ " ภีมพูดแทรกขึ้นตัดบทแล้วลุกขึ้นยืนยังพยายามหลบตาจากดวงตาของอีกฝ่าย มาร์คัสที่อยากจะพูดต่อแต่ดูอีกคนที่ไม่อยากจะฟังเท่าไหร่จึงได้แต่หยิบไฟแช็กส่งไปให้ ภีมเดินห่างออกไปนั่งจุดไฟเงียบๆ ไม่นานนักไฟก็เริ่มลามจากไม้ท่อนหนึ่งไปอีกท่อน และลามไปเรื่อยๆจนกลายเป็นกองไฟที่ใหญ่ขึ้นมาจากเศษไม้ที่เขาขนมากองไว้
___________________________________________
ตัดจบชึ่บ! ยังค่ะ ยังไม่จบ ^^"
แต่สำหรับตอนนี้จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกบวกเป็ด ทุกคอมเม้นต์ นะคะ
จะพยายามปั่นลงให้จบไวๆ
กำลังคิดว่าถ้ามีเรื่องต่อไป จะแต่งแบบเป็นครอบครัว จะดีรึเปล่าคะ^^
มีเด็กน้อยตัวเล็กๆเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ น่ารักดีจัง~~~
เอาล่ะค่ะ ยังไงก็ขอฝากไว้เหมือนเดิมนะคะ
มีคำติชมคอมเม้นต์ได้เสมอค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะ
วันนี้ไปแล้วค่ะ บ้ายบาย~~~