ตอนที่15
เนื่องจากนอนแบบหลับๆตื่นเพราะระแวง คืนนั้นทั้งคืนผมถึงได้รู้ว่าการเลี้ยงเด็กมันลำบากขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมลืมตากลางดึกผมจะเห็นเจ้าชายนาดีลลุกขึ้นมาคอยกล่อมให้ลีโอตัวน้อยหยุดร้องไห้
"นาดีล เจ้าไม่ง่วงนอนหรือ ถ้ายังไงเดี๋ยวข้าดูลีโอให้แทนเองเจ้าไปนอนเถอะ"
"สบายมาก เจ้านอนเถอะฟีล่า" เห็นเขาตั้งใจดูแลเด็กทารกขนาดนี้ ตัวผมก็รู้สึกผิดที่เอาแต่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสลวนลามยามค่ำคืน
"ฟีล่าหากว่าเจ้ายังไม่ยอมนอนล่ะก็หลังจากข้ากล่อมลีโอจนหลับแล้ว เรามาสนุกกันหน่อยดีไหมล่ะ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้กับรอยยิ้มทะลึ่งตึงตังของเจ้าชายนาดีล แสดงความต้องการด้านมืดชัดเจนมาขนาดนี้ผมเลยรีบข่มตานอนหลับด้วยกลัวว่านาดีลจะชวนเล่นบ้าๆยามค่ำคืน ซึ่งผมเดาว่าคนบ้ากามอย่างเขาต้องชวนเล่นทะลึ่งๆแน่ๆ
"ฟีล่าตื่นเถอะ" ผมถูกเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน แต่เพราะยังรู้สึกว่านอนไม่พอเลยยังดื้อด้านที่จะนอนต่อ
"หากเจ้าไม่ลุกข้าจะถือว่าเจ้าอนุญาตให้ข้าทำอะไรก็ได้นะ"
ให้ตายสิทำอะไรก็ได้มันกว้างและน่าหวาดเสียวเกินไป ผมรีบลุกขึ้นทันทีโดยไม่ต้องให้เขาพูดซ้ำสอง
"รีบทานข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักเราจะเดินทาง" ดังนั้นผมจึงไปล้างหน้าล้างตาและแปรงฟันก่อนจะกลับมายังโต๊ะทานอาหาร ที่ฝั่งตรงข้ามเจ้าชายนาดีลง่วนอยู่กับการป้อนนมให้ลีโอ
ให้ตายสิ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาดูกระปรี้กระเปร่านัก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมงแต่เจ้าชายนาดีลไม่ดูอิดโรยหรืออารมณ์เสียตามประสาคนอดนอน
"นาดีลเจ้าได้นอนบ้างหรือเปล่า"
"ได้นอนซี้ ประมาณสามสี่ชั่วโมงได้"
น้อย เขานอนน้อยเกินไปจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดเอามากๆที่ปล่อยให้เจ้าชายนาดีลดูแลลีโอเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ผมเป็นคนนำลีโอกลับมาแท้ๆ
"นาดีลครั้งต่อไปให้ข้าดูแลลีโอเองเถอะนะ"
"จะดีรึ" นาดีลทำเสียงเหมือนกำลังเย้าแหย่
"ดีสิ ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้า" เจ้าชายนาดีลได้แต่อมยิ้มเขาไม่พูดอะไรต่อ พอเห็นผมทานอาหารอิ่มแล้วเขาก็ส่งลีโอมาให้ผมอุ้มแล้วเริ่มทานอาหารในส่วนของเขา
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เตรียมตัวออกเดินทาง เนื่องจากมีเด็กไปด้วยเราจึงต้องเตรียมพร้อมหลายอย่างในส่วนของจำเป็นเกี่ยวกับลีโอ
จากนั้นเราไม่สามารถเดินกลางแดดจ้าได้เหมือนทุกครั้งเพราะมีลีโอติดมาด้วย การเดินทางจึงล้าช้ากว่าที่เคย พอใกล้เวลาเที่ยงเราก็จะพักการเดินทางหาที่พักผ่อนซึ่งตามปกติเราจะพักกันสั้นๆแค่เวลาบ่ายคล้อยๆแล้วเดินทางต่ออีกนิดจึงจะเริ่มหาที่พัก แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเดินทางอย่างเร่งรีบได้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของลีโอ
ตอนนี้เราเดินทางมากับลีโอมาได้ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วและกำลังหาที่พักหลบแดด บังเอิญเจอร้านขายอาหารเล็กๆริมทาง พวกเราจึงเข้าไปพัก
"ยินดีต้อนรับค่ะ" หญิงสูงอายุร่างอวบเดินออกมาต้อนรับ ตอนนี้ภายในร้านยังคงไม่มีลูกค้าดูท่าว่าพวกผมจะเป็นลูกค้ารายเดียวของเที่ยงวันนี้
"รับอะไรดีคะ"
"ขอเนื้อวัว ซุปหัวหอมอย่างละสอง แล้วก็นมวัวอุ่นด้วยนะ" เจ้าชายนาดีลสั่งอาหารกับหญิงร่างอวบซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
"อุ้ยตายจริงท่านจะเอานมวัวให้เด็กทานหรือคะ" หญิงเจ้าของร้านทำตาโตเจ้าหล่อนจ้องมาที่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อ้า....จริงสิแม่ของเด็กยังอายุน้อยและผอมมาก คงจะไม่มีน้ำนมพอแน่ๆ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้ขอสันนิษฐานของเจ้าของร้าน
"มารีน มารีนมานี่หน่อยเร็ว" เจ้าของร้านส่งเสียงเรียกใครซักคนผมเดาว่าน่าจะเป็นผู้หญิงไม่นานนักเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากด้านใน
"อะไรคะท่านแม่" เจ้าของชื่อมารีนออกมาพร้อมกับอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน ผมเริ่มงงนิดๆว่าจะเรียกเธอมาทำไม
"มารีนช่วยให้นมทารกของลูกค้าหน่อยสิ แม่ของเด็กยังอายุน้อยและมีน้ำนมไม่พอ"
"ได้สิคะท่านแม่" มารีนยื่นทารกให้เจ้าของร้านไปอุ้ม เจ้าของร้านหายไปยังหลังร้านพร้อมลูกของมารีน หลังจากนั้นผมก็ยื่นส่งลีโอให้มารีนแบบงงๆ
"ลูกของพวกท่านน่ารักจังเลยนะคะ" มารีนหันมาพูดคุยกับผมขณะเปิดเสื้อเผยให้เห็นทรวงอกเพื่อป้อนนมให้ลีโอต่อหน้าผมและเจ้าชายนาดีล ผมอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆมารีนก็เปิดอกโชว์ แต่สำนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองปลอมตัวเป็นผู้หญิงจึงพยายามทำท่าทางให้ปกติไม่ตื่นเต้นมากเกินไป
"พวกท่านจะไปที่ไหนหรือคะ อ้าจริงสิ ถ้ามาพักทานอาหารที่ร้านเรา ก็น่าจะไปที่เมืองมูนไลท์ข้าไม่น่าถามเลย" มารีนหัวเราะน้อยๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยกันสัพเพเหระกันนิดหน่อยและผมไม่ลืมถามถึงพ่อของเด็ก
"อา....ท่านหมายถึงท่านไรอันแห่งมูนไลท์หรือเปล่าคะ ท่านเป็นมหาเศรษฐีประจำเมืองค่ะมีอิทธิพลมากทีเดียว" ผมหันไปพยักหน้ากับนาดีล พอจะรู้เป้าหมายที่ต้องไปแล้ว จังหวะนั้นเจ้าของร้านร่างอวบก็นำอาหารที่เราสั่งมาวางบนโต๊ะ
หลังทานอาหารเสร็จเรานั่งพักในร้านพูดคุยกับมารีนและเจ้าของร้านอีกหน่อย เราทราบว่าเดินทางไปอีกนิดก็น่าจะถึงเมืองมูนไลท์ได้ก่อนเย็นดังนั้นเราจึงรีบเดินทางต่อจนถึงหน้าประตูเมือง
"เจ้ามาทำอะไรที่เมืองนี้ ไม่ใช่คนเมืองนี้นี่" ทหารที่หน้าประตูเมืองถามเรา เจ้าชายนาดีลตอบคำถามแทนผม
"เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เราพาลูกของเรามาเยี่ยมญาติที่นี่ครับ" ทหารที่เฝ้าประตูดูจะเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก่อนจะเข้าเมืองพวกทหารเรียกร้องเงินค่าผ่านทาง เจ้าชายนาดีลจึงต้องจ่ายเงินให้ตามธรรมเนียม
"ในที่สุดก็เข้ามาได้เสียที ตอนแรกข้านึกว่าเราจะถูกจับได้เสียแล้ว" ผมถอนหายใจโล่งอก เรื่องที่ผมกลัวก็คือท่านพี่อาจจะส่งหมายจับผมมาแถวที่เมืองนี้ก็เป็นได้
"อาจจะไม่ส่งหมายจับมาที่เมืองนี้ก็ได้ ก็ทางนี้เป็นเส้นทางอ้อมหากเราจะเดินทางไปอาณาจักรสไลม์" ผมพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้เราเข้าไปหาที่พักในเมืองด้วยกันพวกเราตัดสินใจว่าเอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางตามหาพ่อให้กับลีโอ
เช้าวันถัดมาพวกเราก็พากันลงมาที่ร้านอาหารชั้นล่างของโรงแรม พวกเราสั่งอาหารหลังจากสั่งเราก็ถามบริกรเกี่ยวกับมหาเศรษฐีไรอัน
"อา....ท่านไรอันหรือขอรับ ท่านอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนินกว้างทางเหนือขอรับ ว่าแต่ท่านมีธุระอะไรกับท่านเศรษฐีหรือครับ"
"เราเป็นญาติห่างๆของท่านเศรษฐีนะ มาเยี่ยมท่านเพราะมีเรี่องสำคัญ" เจ้าชายนาดีลโกหกหน้าตาย ผมได้แต่นิ่งเงียบทั้งที่ในใจกังวลอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีคนสงสัย
"เจ้าไปโกหกอย่างนั้นทำไม" ผมกระซิบถามเจ้าชายนาดีล
"มีคนแอบตามเราอยู่น่ะสิ เลยโกหกให้พวกมันสับสน" ผมตกใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่ามีคนตามผมเริ่มหันมองไปรอบๆข้างแล้วพบกับกลุ่มคนแปลกๆที่ลอบมองมาพลางซุบซิบอะไรบ้างอย่าง
"คงไม่ใช่เจ้าคนกลุ่มนั้นหรอกนะ" ผมกระซิบถาม
"ใช่หรือไม่ใช่พอเดินออกจากโรงแรมเดียวก็รู้" เราสองคนรีบทานอาหาร รู้สึกจิตใจไม่สงบเมื่อรู้ว่ามีผู้ไม่หวังดี คงไม่ใช่ว่าเป็นนักฆ่าของคาลอสหรอกนะ ให้ตายสิขนาดเราเดินทางอ้อมมาขนาดนี้ยังตามมาถูกอีกหรือ
เมื่อทานอาหารเสร็จเราสองคนก็ออกจากโรงแรม ตอนแรกเราเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนก่อนจะเริ่มเดินไปยังที่ที่มีผู้คนน้อยลง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะเดินไปยังคฤหาสน์ของเศรษฐีไรอัน
"หยุดนะพวกแก" ผมกับเจ้าชายนาดีลถูกคนกลุ่มหนี่งเรียกให้หยุดในทางเปลี่ยว กลุ่มคนประมาณเก้าถึงสิบคนเข้ามาล้อมพวกเราเอาไว้
"ได้ยินว่าเจ้าเป็นญาติของเจ้าไรอันอย่างนั้นหรือ ท่าทางจะมีเงินอยู่นะ ส่งเงินมาซะดีดี" โจรกระจอกเองหรอกหรือนี่ ผมโล่งอก ตอนนี้เจ้าฃายนาดีลแสยะยิ้มร้ายออกมา
"ลูกพี่ดูสิเด็กนั่นมันใช่เจ้าเด็กลูกของไรอันใช่หรือเปล่า" หนึ่งในกลุ่มโจรร้องถามโจรที่น่าจะเป็นหัวหน้า ผมรอว่าพวกมันจะเผยอะไรออกมาจากปากของพวกมันอีก
"เฮ้ยแก แกเอาเด็กทารกนี่มาจากไหน เด็กทารกนี่เป็นของพวกเรานะเว้ย" เจ้าชายนาดีลได้ฟังแล้วหัวเราะฮาฮา
"มีหลักฐานอะไรว่าเด็กเป็นของพวกเจ้า"
"ก็สร้อยคอประดับเหรียญทองนั่นไงวะ" พวกโจรตะโกนบอกพลางทำท่าคุกคาม แต่ก็นั่นแหละพวกผมไม่ได้กลัวซักนิด
"แต่ที่เหรียญนี่มันบอกชัดอยู่นาว่าพ่อของเด็กนี่น่าจะเป็นเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลทำเสียงยียวนไปพร้อมกับหัวเราะ ดูเหมือนว่าพวกโจรจะหมดความอดกลั้นจึงกรูกันเข้ามาหวังทำร้าย
"พวกแกทำอะไรน่ะ" เสียงตะคอกถามดังมาจากกลุ่มคนที่ควบม้ามาจากทางคฤหาสน์ พวกเขาหยุดม้าลง แต่พวกโจรดูจะไม่สนใจใครทั้งนั้นถึงจะเป็นกลุ่มคนมาใหม่พวกมันก็เข้าเล่นงานด้วยเหมือนกัน โชคร้ายกลุ่มคนที่มาใหม่มีกันแค่สี่คนมีจำนวนน้อยกว่าพวกโจร
"ฟีล่าเจ้าหลบไปข้างหลัง" เจ้าชายนาดีลสั่งผม ผมทำตามที่เขาสั่งเพราะกังวลกับลีโอที่หลับอยู่ในอ้อมแขน
ใช้เวลาไม่นานนักผู้มาใหม่กับเจ้าชายนาดีลก็จัดการกับพวกโจรได้หมด ผู้มาใหม่กับคนของเขามัดพวกโจรทั้งสิบคนเอาไว้
"พวกท่านสองคนคงไม่ใช่คนเมืองนี้สินะข้าไม่คุ้นหน้าเลย" ชายผู้เป็นหัวหน้าของคนกลุ่มใหม่ถามพวกผม
"ข้าชื่อดีน ส่วนนี้เดียน่าภรรยาของข้า" เจ้าชายนาดีลตอบ
"แล้วพวกท่านจะไปไหนกัน พวกท่านมาทางนี้คงไม่พ้นไปยังคฤหาสน์ของตระกูลสเฟลละมั้ง" ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มซักถาม
"ใช่แล้วข้าจะไปพบท่านเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลตอบเนือยๆ
"ท่านมีธุระอะไรกับท่านไรอันรึ
"อา...ข้าจะไม่อ้อมค้อมละนะยังไงพวกท่านก็คงมาจากคฤหาสน์อยู่แล้ว ข้านำบุตรชายของท่านไรอันมาคืน"
"ว่าอะไรนะ" ตอนนี้ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทำสีหน้าน่ากลัว เขาไม่รอช้าเดินเข้ามาหาผม ตอนแรกผมลังเลที่จะให้เขาเข้ามาใกล้เด็ก แต่พอเห็นว่าเขาต้องการหลักฐาน ผมจึงให้เขาดูสร้อยคอซึ่งเป็นหลักฐาน
"อา.....แล้วสาวใช้ที่ไปด้วยล่ะ"
"ข้าพบกับผู้หญิงที่นำเด็กมาด้วย แต่นางตายแล้วนางน่าจะมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มข้าจำได้แค่นี้" ผมตอบคำถามให้กับคนถาม ผมเริ่มเอะใจหรือว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของเด็กกันนะ
"นายท่านผู้หญิงผมน้ำตาลเข้มน่าจะเป็นลิลี่ไม่ผิดแน่ครับ" หนึ่งในผู้ติดตามพูดกับนายท่านของเขา
"ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเจ้าไม่ใช่โจรเรียกค่าไถ่" ถูกถามแบบนี้ทำให้ผมอดรู้สึกแย่ไม่ได้ เจ้าชายนาดีลได้แต่ยักไหล่ก่อนจะสั่งให้ผมคืนลีโอให้คนที่น่าจะเป็นพ่อของเด็ก
"พวกเราคืนเด็กให้เจ้าแล้วอย่างนั้นขอตัว" หลังจากคืนเด็กให้พวกเราก็ปลีกตัวจากมา ตอนนี้เรากลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง หดหู่ยังไงชอบกล ไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณก็จริง แต่ถูกมองในแง่ร้ายเช่นนี้ก็ทำใจได้ยาก
"พ่อของเด็กจะยอมรับลีโอว่าเป็นลูกไหมนะ ขนาดเราเอาเด็กมาส่งยังคิดว่าเราเป็นโจรเรียกค่าไถ่เลยนี่"
เจ้าชายนาดีลระบายลมหายใจยาวเหยียด เขาส่งยิ้มอ่อนใจมาให้ผม
"จะยอมรับเด็กหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิด ฟีล่าเราทำดีมากแล้วนะที่เอาเด็กมาส่งให้ถึงที่"
"แต่ว่า" ผมยังไม่ยอมเลิกคิดมากง่ายๆตอนนั้นเองจู่ๆเจ้าชายนาดีลก็งับฟันลงมาที่บ่าของผม
เจ็บ!!!
"ทำบ้าอะไรของเจ้า" ผมร้องโวยวายตอนนี้เขารวบเอาร่างของผมเข้าไปกอดแล้วงับลงมาบนแก้มของผม
"เจ้าบ้าเจ้าเป็นหมาหรือไงข้าเจ็บนะ" เจ้าชายนาดีลไม่ยอมหยุดง่ายๆเขางับลงมาบนท่อนแขนของผมอีกที
"ลงโทษไงล่ะ เจ้าอยากดื้อด้านไม่เชื่อฟังข้าทำไม" กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็กดผมลงบนเตียงขบกัดไปทั่วตามจุดต่างๆบนร่างกายของผม
ไอ้โหด!!!
ผมพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่สู้แรงเขาไม่ได้เลย
"พอ พอได้แล้ว"
"ถ้าเจ้ายอมเข้าใจที่ข้าพูดได้เมื่อไหร่ข้าจะพอ"
"เข้าใจเข้าใจแล้ว" ผมหอบหนักแล้วก็น่วมไปทั้งตัว การที่เขามาขบกัดตามร่างกายแบบนี้นอกจากจะเจ็บแล้วมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาด้วยดังนั้นจึงอยากให้เขาหยุดเสียที
"เข้าใจแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นนอนซะ" ผมพลิกตัวนอนตะแคงพยายามรีบหลับให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสี่ยงให้เจ้าชายนาดีลหาเรื่องทำร้ายร่างกายผมไปมากกว่านี้ ในที่สุดผมก็หลับลึกได้จริงๆ
เช้าวันถัดมาผมตื่นขึ้นมาโดยมีเจ้าชายนาดีลนอนกอดอยู่ พอผมขยับตัวยุกยิกเขาก็ลืมตาตื่นทันที
"อรุณสวัสดิ์" นาดีลพูดกับผม
"อรุนสวัสดิ์ นี่เจ้าปล่อยข้าเถอะข้าอยากลุกจากเตียงแล้ว" เจ้าชายนาดีลยิ้มกริ่ม ตอนแรกนึกว่าจะโดนแกล้งอะไรอีกแต่เขาก็ขยับออกจากตัวผมปล่อยผมให้เป็นอิสระ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะเรียกที่หน้าประตู
"นายท่านขอรับท่านไรอันสเฟลรอท่านอยู่ที่ด้านล่าง" ผมกับเจ้าชายนาดีลมองหน้ากัน แปลกใจนิดๆว่าหลังจากยัดเยียดตำแหน่งโจรให้เราแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก
"บอกท่านไรอันว่าอีกสิบห้านาทีเราจะลงไป" เจ้าชายนาดีลบอกกับคนของโรงแรม ไม่รอช้าเรารีบทำความสะอาดร่างกายแล้วแต่งตัวเสียใหม่
ที่ส่วนร้านอาหารของโรงแรม ไรอันพ่อของลีโอรอเราอยู่ที่นั่น น่าแปลกที่ร้านอาหารไม่มีคนอยู่เลยนอกจากพวกเรา ผมมองซ้ายทีขวาทีอย่างประหลาดใจ
"ไม่ต้องแปลกใจสาวน้อย ข้าจองชั้นล่างนี้ไว้หมดแล้ว" ผมเข้าใจในที่สุด ไรอันเรียกพวกเราให้ไปนั่งบนเก้าอี้ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เรา
"ต้องขอโทษด้วยที่ข้าเสียมารยาทกับท่านเมื่อวาน ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้ว ภรรยาที่หนีมาได้จากพวกโจรก่อนหน้านั้นชี้ตัวให้ข้ารู้ว่าพวกที่โจมตีพวกท่านคือคนร้ายที่แท้จริง" ผมโล่งใจที่ในที่สุดไรอันก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้เสียที
"แล้วที่ท่านมาครั้งนี้ล่ะมีธุระอะไรกับเรา" เจ้าชายนาดีลถาม
"ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะให้พวกท่านเดินทางออกจากหมู่บ้านเราโดยเร็ว" ผมมองดูเจ้าชายนาดีลทีไรอันทีบรรยากาศชักเริ่มกดดันแปลกๆ อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงพยายามไล่เราออกไปจากเมืองทั้งที่เข้าใจพวกเราแล้วแท้ๆ
"อา.....พวกท่านคงตกใจแต่จะไม่อ้อมค้อมล่ะ ทางการกำลังตามหาคนอยู่ ถึงแม้รายละเอียดมันจะไม่ใกล้เคียงกับท่านเท่าไหร่ แต่พวกท่านก็เป็นคนแปลกหน้า ข้าไม่อยากให้พวกท่านเดือดร้อนโดนกักตัวเอาไว้ เพราะบ่ายวันนี้จะมีการกักนักเดินทางแปลกหน้าเพื่อให้ท่านเจ้าเมืองสอบสวน"
ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยกับข้อเท็จจริงที่ไรอันบอกตอนนี้ผมมองดูว่าเจ้าชายนาดีลจะมีปฏิกริยาอย่างไร ทว่าเขานิ่งกว่าที่คิด
"แล้วท่านจะตอบแทนเราที่ช่วยท่านอย่างไร" เจ้าชายนาดีลถาม
"ข้าจะให้จดหมายผ่านทางกับท่านรับรองว่าท่านจะเดินทางผ่านเมืองต่างๆได้ง่ายๆในฐานะคนงานของข้า" ไรอันยื่นจดหมายที่มีตราสัญลักษณ์และข้อความด้านในมาให้ เจ้าชายนาดีลเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในเป็นจดหมายขอผ่านทางเพื่อไปทำการค้าไม่มีอะไรมากกว่านั้น
"อีกอย่างข้าเตรียมรถม้าบรรจุสินค้าให้ท่านใช้บังหน้า ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านจะใช่ผู้ร้ายที่ทางการต้องการหรือเปล่า แต่ก็ขอตอบแทนที่ท่านนำลูกข้ามาคืน" กล่าวจบไรอันก็ก้มหัวให้พวกผมเป็นการขอบคุณ
"ท่านอยู่ทานอาหารเสียหน่อยแล้วค่อยออกเดินทางเถอะ" กล่าวจบไรอันก็ขอตัวกลับ เราสองคนทานอาหารกันจนอิ่มก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยใช้รถม้าของไรอันเป็นพาหนะ
จะเอามาลงเรื่อยๆวันละตอนนะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาเม้นนะคะ
ดีใจค่ะที่ยังมีคนเม้นอยู่บ้าง เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ