ตอนพิเศษ วันรวมผี
วันสิ้นเดือนตุลาคมแม้จะเป็นวันสุดท้ายของเดือนที่หลายคนกำลังหาเลขเด็ด ยังมีอีกเทศกาลหนึ่งที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับคนไทย แต่คนไทยก็อยากมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างเช่นพวกผมตอนนี้
พี่จอมเกิดคึกอยากจัดงานวันฮาโลวีน เลยนัดรวมเพื่อนพี่น้องทุกคนที่ห้อง โดยมีชื่อคอนเซ็ปว่าวันรวมผี ทุกอย่างดูราบรื่นและเป็นที่ถูกใจของทุกคน ยกเว้นผม
“ทำไมพี่ไม่ซื้อวะ ไม่ก็สั่งก็ได้” บ่นไป มือก็ทอดเฟรนช์ฟรายส์ (ที่เจ้าของห้องอยากกิน) ไป ละสายตาก็ไม่ได้เดี๋ยวไหม้ แถมคนอยากกินก็สั่งนู้นสั่งนี่มาตั้งแต่เช้า
แล้วทำไมผมถึงบ่นเหรอ ก็เพราะผมถูกหิ้วมาจากห้องทั้งที่ยังตื่นไม่เต็มตาด้วยซ้ำ แม้พี่โชจะโวยวายด่ากราดยังไง พี่จอมก็ไม่สนใจ จนสุดท้าย ไอ้กลอยคนนี้ก็ต้องมายืนหน้ามันเยิ้มให้เขาใช้งาน
มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของไอ้กลอยเนี่ย
“ก็สั่งไปมันไม่อร่อยเหมือนมึงทำไง” ดูเหมือนเป็นคำชมใช่ไหมครับ แต่คนพูดไม่ได้ใส่ใจในประโยคนั้นสักเท่าไหร่ สิ่งที่สนใจคือแท่งมันฝรั่งที่เพิ่งทอดสุกนี่ต่างหาก “เอาจุ่มชีสคงอร่อย เออใช่ กูให้ไอ้ซันไปซื้อดีกว่า” หลังจากกินไปอันหนึ่ง พี่จอมก็เดินไปหาแฟนตัวเองที่นั่งต่อสายไฟหน้าทีวี
นับถือพี่ซันโคตรๆ คบกับพี่จอมมาได้จนป่านนี้
ผมถูกสั่งให้ทำกับข้าวและกับแกล้มสำหรับค่ำคืนวันรวมผี จากเช้าถึงบ่าย พี่โชก็มารับครับ คนนี้ก็กว่าจะมา ไอ้กลอยเกือบจะเป็นทาสรับใช้อยู่แล้ว
“ทำไมเพิ่งมา” หน้างอใส่สักหน่อย ให้รู้ว่างอน แต่พี่โชไม่ตอบ เพราะมัวแต่เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ผมอยู่ เช็ดจนจะลอกหนังหน้าอยู่แล้วเนี่ย ถูจนแสบ “ทำไมเพิ่งมา กลอยรอตั้งนาน”
“พี่ก็มัวไปซื้อของที่ไอ้จอมบอก” ก็คงอย่างนั้น เพราะตอนพี่โชเข้าห้องมา พี่จอมก็ปรี่เข้าไปหา พร้อมแย่งถุงในมือไปค้น “ของแต่ละอย่างอยู่คนละที่เลย เหนื่อยไหม”
“มาก” ขออ้อนหน่อยเถอะ ผมเอนตัวเอาหน้าผากซบกับอกของพี่โช ได้ยินเสียงขำน้อยๆ จากคนที่ผมซบอยู่ “กลับไหม อยากอาบน้ำมาก”
“ครับ กลับก็กลับ” นี่แหละคือแฟนของผมเอง น่ารักเสมอ
พี่โชเดินไปหา แล้วเอาเท้าสะกิดเจ้าของห้องที่มัวแต่สนใจของ พี่จอมไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักหน้ารับรู้ พอผมกับพี่โชเดินออกมาก็สวนกับพี่ซันที่หิ้วถุงชีสเต็มไปหมด
“กลับแล้วเหรอวะ” พี่ซันถามเสียงเนือยๆ
“เออ” ไม่ใช่ผมที่ตอบนะ แต่เป็นคนพี่โช “มึงอย่าตามใจไอ้จอมมันมาก พวกกูเหนื่อย” พี่ซันได้ยินก็หัวเราะออกมา
“กูก็ไม่ได้ตามใจอะไรเลย” ตาผมแทบถลนออกมาจากเบ้า เมื่อได้ยินแฟนคนเอาแต่ใจบอก ขนาดไม่ตามใจยังขนาดนี้นะครับท่านผู้ชม “ขอบคุณนะกลอย เหนื่อยมาตั้งแต่เช้า”
“เฟรนช์ฟรายส์ที่เหลือ ตอนเย็นค่อยทอดนะครับ” ผมฉีกยิ้มตอบไป พี่ซันเป็นผู้ชายที่ยิ้มสวยมาก สวยจนคนข้างๆ ผมอิจฉาถึงกับเอามือปิดปากเพื่อนตัวเอง
คนขี้อิจฉาก็งี้แหละ
พี่โชพาผมกลับห้องก็ไม่ได้คิดจะนอนพักเอาแรงอะไร เพราะต้องมานั่งคิดว่าจะแต่งเป็นผีอะไรดี ขืนแต่งเป็นผีแคสเปอร์หน้าขาวอีกโดนล้อแหงๆ จะให้ออกไปซื้อของก็เสียเวลา ผมเลยต้องเดินหาแรงบันดาลใจในการเป็นผีสักหน่อย เดินวนไปรอบห้อง เห็นเศษผ้าสีดำที่เคยซื้อมาทำงานก็นึกออก ผีนี้แหละ เหมาะกับไอ้กลอยที่สุด ว่าแต่ พี่โชล่ะ จะเป็นผีอะไรดี
“มองหน้าพี่ทำไม” ดูเหมือนเหยื่อจะรู้ตัวครับ ผมแสยะยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปหา พี่โชก็รีบขยับตัวหนีทั้งที่นั่งชิดกับที่วางแขนโซฟาแล้ว “คิดอะไรแปลกๆ อยู่ใช่ไหม”
“แปลกที่ไหน พี่โชไม่อยากรู้เหรอว่าจะแต่งเป็นผีอะไร” ยิ้มปากจะฉีกถึงรูหู แต่ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ดันหน้าจนหงายหลัง
“อย่าคิดทำอะไรกับพี่แบบนั้น”
*******
เวลาเกือบบ่ายสี่ ผมกับพี่โชก็เริ่มเดินทางไปจุดนัดพบ ไม่รู้คนอื่นจะแต่งเป็นผีอะไรกัน แต่แอบเห็นของพี่จอมเป็นชุดผีดิบจีน ใส่แล้วคงกระโดดดึ๋งๆ ทั้งงานแน่
รถของพี่โชถอยเข้าจอดข้างรถของพี่ซัน ดูเหมือนคนอื่นๆ จะยังไม่มากัน เพราะถ้าหากมาละก็ โซนที่จอดรถนั้น จะเหมือนโชว์รูมขายรถหรูเลยทีเดียว ก็น่าอิจฉาอยู่หน่อยๆ แต่ถ้าเกิดเสียหรือเฉี่ยวชนละก็ ซ่อมกระเป๋าฉีกแน่นอน พอจอดรถเสร็จผมก็เดินตามพี่โชขึ้นไป พอมองคนตัวสูงด้านหลังแบบนี้ก็อดที่จะขำไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจว่าขำออกเสียงไม่ได้เลยได้แต่ปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ โคตรทรมาน
พอมาถึง ห้องพี่จอมกลายเป็นห้องโล่งๆ โซฟาโดนขยับไปชิดผนัง ดูแล้วคงจะเป็นฝีมือพี่ซันแน่นอน หากพี่จอมทำละก็ คงไม่เดินเอ้อระเหยเป็นผีดิบครึ่งท่อนแบบนี้
“อ่าวพวกมึงมาก็ดีละ โอ้ว” พี่จอมมัวแต่ชี้นิ้วสั่งแฟนตัวเอง พอหันมาเห็นก็ถึงกับร้องเลยทีเดียว ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ไอ้โช มึงเป็นคนแบบนี้เหรอวะ” ว่าแล้วก็ไปเรียกพี่ซันที่นอนหมดแรงให้ลุกขึ้นมาดู และแน่นอนว่าต้องหัวเราะเหมือนกัน
พี่โชไม่ตอบ แต่เหล่ตามองผมแบบเคืองๆ อะไรกัน อุตส่าห์ช่วยคิดช่วยทำ แต่งเป็นผีที่หล่อขนาดนี้จะเอาอะไรอีกครับพี่ครับ
ด้วยความที่มาเช้ากะจะมานั่งกินขนมเล่น กลายเป็นว่าถูกใช้งานเฉย ยังจำเฟรนช์ฟรายส์ได้ใช่ไหม ตอนนี้ผมได้มาทอดอีกแล้ว นี่แต่งเป็นผีมาแล้วไง อิดออดนิดหน่อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้แบบนี้มาดึกๆ ก็ดี
“ไอ้เกรียน มึงทอดแบบเมื่อเช้านะ ไอ้ซันแม่งทอดโคตรแข็ง” ตวัดสายตามองคนบอก ถ้าพี่อยากกินแบบถูกใจก็ทอดเองสิครับพี่ นี่แค่คิดนะครับ แต่ไม่ได้พูด ขืนพูด หน้าผมได้จุ่มน้ำมันแทนมันฝรั่งแท่งแน่
“พี่ซื้อฝักทองมาเหรอ” ระหว่างทอดผมก็ถาม ตอนเข้ามาว่าจะถามแต่ก็ลืม ในห้องมีฝักทองแกะเป็นรูปหน้าผี มีเทียนเล็กๆ วางอยู่ด้วย ถ้าปิดไฟแล้วจุดเทียน คงจะสวย
“เปล่า” คำปฏิเสธแบบเอื่อยๆ “กูให้ไอ้ซันแกะ”
“พี่ซันแกะ” ตาแทบถลนแล้วผม “พี่ซันแกะเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นดิ่” พี่จอมมองหน้าผมนิ่ง “กูเปิดคลิปให้มันแกะตาม”
นั่นไง เพราะพี่จอมต้องการไง ไหนบอกไม่ตามใจไงวะ แม่งขี้จุ๊ว่ะ
ตอนนี้ทั้งพี่โช พี่ซันช่วยกันจัดห้อง ไฟกระพริบดวงเล็กๆ ถูกติดที่ผนัง มีตัวหนังสือแปะด้วย แถมยังมีรูปผีติดอีก ดีที่เป็นตัวการ์ตูน ถ้าเป็นรูปผีจริงๆ ผมขอตัวกลับก่อน ไม่ก็ดึงทิ้งแน่
จากการทอดเฟรนช์ฟรายส์เริ่มมีอย่างอื่นมาเพิ่มอีกแล้วครับ
“กูซื้อปูมาแล้ว ผัดให้อร่อยๆ นะ” คนสั่งพูดจบก็เดินไปสั่งคนอื่นต่อ คือพี่จอมครับ เกิดมาเพื่อเป็นคนสั่งใช่ไหมครับ แล้วไอ้กลอยเกิดมาเพื่อเป็นคนใช้ ไม่ยุติธรรม แบบนี้ต้องไปฟ้องท่านเปาปุ้นจิ้น ขอซาวน์เพลงด้วยครับ อ้อ มุกแป้ก ไม่ขำ
จากบ่ายแก่ๆ ก็เริ่มมืด ผมยังสาละวนอยู่ในครัวอยู่เลย เจ้าของห้องสองคนหายไปในห้องเพื่อแต่งตัว แล้วผมละครับพี่ครับ หน้ามันจนจะใช้ทอดไข่ได้แล้วเนี่ย
“ไปล้างหน้าไป” พี่โชเดินมาหา มือก็หยิบเฟรนช์ฟรายส์จุ่มชีสกิน ยังดีที่ป้อนผมด้วย
“เหลือยำวุ้นเส้น” ตอบไปอย่างเซ็งๆ “พี่โชยกไปที่โต๊ะนั้นให้หน่อย” มาแล้วก็ต้องใช้ครับ คนโดนใช้ก็หัวเราะแต่ก็ช่วย
พอดีกับประตูห้องถูกเคาะเรียก คนมาใหม่ ไม่สิ ต้องเรียกผีที่มาคือ
“ไอ้เชี่ย” พี่โชโวยวายอย่างตกใจแล้ววิ่งเข้ามายืนกลางห้องเลยครับ ผมรีบเงยหน้าดูว่าเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าใครเดินเข้ามาก็เข้าใจ “มึงเล่นใหญ่เกินไปไอ้เชี่ยเบ”
พี่เบนั่นเองครับ แต่งเป็นผีกระหัง แขนสองข้างมีกระด้งอันใหญ่กระพือไปมาคล้ายกับจะบิน สวมเสื้อยืดสีขาว โจงกระเบนสีแดงที่น่าจะเป็นแบบสำเร็จรูป คนเดินเข้ามาด้านหลังคือเพื่อนผมเอง ไอ้ทู ที่แต่งตัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน มันแต่งเป็นผีกระสือ เสื้อยืดสีดำเอาไฟกระพริบห้อยคอลงมาแปะที่ท้อง พอเข้าห้องมา มันก็เปิดไฟกระพริบ โคตรตลก
ถ้ามีธูปผมจะวิ่งไปขอหวยแล้วครับผีคู่นี้
“นี่กูยังไม่แอดว๊านซ์จะมึง ยังไม่ได้แต่งหน้า” พี่เบทำหน้าเซ็งก่อนถอดกระด้งวาง
“ขืนพี่แต่งหน้ามา คนนั่งเก็บเงินทางด่วนคงช็อคตายพอดี” ไอ้ทูเหล่มองแฟนตัวเองแล้วขำออกมา “ว่าแต่ อะไรเกาะหลังพี่โชเหรอ” พอไอ้ทูถามปุ๊บ คนถูกถามก็หันมามองผมทันที พร้อมบุ้ยปากให้มาถามผมซึ่งเป็นคนแต่งให้ “มึงทำอะไรกับพี่โชวะ”
“กูไม่ได้ทำ ก็พี่โชไม่คิดไงว่าจะเป็นผีอะไร กูก็คิดให้” ว่าไปยิ้มไป
“แล้วมันเป็นผีอะไร” พี่เบถาม มือก็จับสิ่งที่เกาะอยู่ที่บ่าพี่โช
“ผี...พ่อลูกอ่อน”
ทั้งพี่เบกับไอ้ทูพากันหัวเราะแล้วจับตุ๊กตาคนที่ผมเอามาเกาะหลังพี่โช โดยเอาแขนตุ๊กตามามัดติดกันเพื่อให้มันเกาะอยู่ที่คอ เหมือนลูกน้อยห้อย ส่วนเสื้อผ้าก็ตามใจเจ้าของร่าง ขืนบังคับมากเดี๋ยวโดนถีบ
“มึงช่างคิดจริงๆ ว่ะ” ถูกพี่เบชมก็ต้องยิ้มหน้าบาน “คิดได้สมกับเป็นมึงจริงๆ”
“ขอบคุณที่ชม ผมรู้ ว่าผมฉลาด”
“กูหมายถึงปัญญาอ่อนไอ้กลอย” สิ้นคำชมของพี่เบ ทุกคนก็พากันหัวเราะ เอาเถอะ ปัญญาอ่อนก็จะถือเป็นคำชมเหมือนกัน ผมไม่ถือ ผมรับได้ “แล้วนี่ เจ้าของห้องอยู่ไหนวะ”
“ในห้อง”
ผมเลิกสนใจทุกคนเพราะต้องลงมือทำยำวุ้นเส้นตามคำสั่ง ไอ้ทูเดินแยกมานั่งตรงหน้า มือก็หยิบกินมันฝรั่งทอดไป แล้วก็จ้องหน้าผมไป
“อะไร” ถามเสียงแข็ง
“มึงเป็นผีอะไรวะ ผีหน้ามัน?” ว่าแล้วมันก็ขำ ไอ้นี่วอนถูกส้อมจิ้มตาแล้วไหมล่ะ
“กูแต่งเป็นผีแด๊กเว้ย” เสื้อผ้าที่ผมใส่เป็นเชิ๊ตขาว กางเกงยีนส์ดำ ที่จริงมีพร็อบผ้าคลุมสีดำด้วย แต่ต้องถอดออกก่อน ไม่งั้นเปื้อนแน่ แถมร้อนด้วย
“ผีแด๊ก? แด๊กคิวล่าอะเหรอ” ไอ้ทูคงงง มันชะโงกหน้ามองการแต่งตัวของผม แต่พอผมส่ายหน้ามันก็ตีหน้างงเหมือนหมาสงสัย “อ่าว ไม่ใช่แด๊กคิวล่าแล้วอะไรวะ”
“ผีแด๊ก...แด๊กตลอดงานไงไอ้ห่า” พูดจบก็ขำตัวเอง แม่งคิดได้ไงวะ โคตรฉลาด
“แด๊กของที่มึงทำเองเนี่ยนะ ไอ้ประสาท” พอได้ยินก็เหมือนเตือนสติ
เออว่ะ...ของทุกอย่างแม่งผมทำหมดเลย จะแดกตลอดงานได้ไง ไอ้กลอยขอเศร้าแปบ
หลังจากผีกระหังกับผีกระสือมาแล้ว ผีตัวต่อไปก็มาครับ คราวนี้เป็นผีมัมมี่พันผ้ามาทั้งตัว เห็นแล้วอึดอัดแทนจริงๆ ไอ้อัธก้าวขาช้าๆ มีไอ้ม่านประคองอยู่ข้างๆ
“ไอ้เชี่ยม่าน มึงเป็นผีอะไรวะ” คือมันแต่งตัวคล้ายกับพี่เบเลยครับ ติดอยู่ที่มันไม่มีกระด้ง แต่มีหม้อดินอยู่ในมือ
“พ่อมาก” ไอ้ม่านตอบไป ตาก็ยังต้องมองไอ้อัธ คือคงกลัวเพื่อนล้มนั่นแหละครับ อยากรู้ว่าใครพันตัวให้ไอ้อัธ “เชี่ยอัธ กูว่ามึงเอาผ้าออกเถอะ สงสารสังขารมึงบ้าง” ม่านคงเต็มทนแล้วจริงถึงพูดออกมา คนอื่นก็พากันขำ
ผีสองชาติเข้ามาไม่นานประตูก็เปิดอีกรอบ คราวนี้ผีเต้นเบรกแด๊นซ์เข้ามาครับ พี่ตินสวมชุดที่มีลายเป็นโครงกระดูกสีขาว ผมเคยเห็นนะ ถ้าอยู่ในที่มืด ไอ้ลายโครงกระดูกจะเรืองแสง แต่ประตูที่ยังไม่ปิดก็เรียกความสนใจของผีตัวอื่นๆ ให้มอง รวมผมด้วย พี่ตินเต้นเสร็จก็ผายมือไปที่ประตู
“เชี่ย” คำอุทานนี้ออกจากปากทุกคนเมื่อเจอผีตัวใหม่
ผีจอมยุทธ์ร่ายรำกระบี่ไม้เหาะเข้ามา ที่เป็นแบบนั้นได้เพราะยืนอยู่บนสเก็ตบอร์ดที่ไถตั้งแต่หน้าประตูนั่นแหละครับ
“ไอ้แทม มึง...” พี่เบกำลังจะพูด แต่พี่แทมยกมือให้หยุดครับ ก่อนจะลงจากสเก็ตบอร์ดแล้วทรุดตัวนั่ง
“พวกมึง กู...” ผีจอมยุทธ์พูดคำสองคำก็กระอักเลือดออกมาแล้วล้มตัวลงนอน “แก้แค้นให้กูด้วย” พอแน่นิ่งปุ๊บ เท้าหลายขนาดก็ลงไปที่จอมยุทธ์จนต้องลุกขึ้นมาโวยวาย
คืออยากถามจริงๆ ว่าพี่จะเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์กันไปทำไมวะเนี่ย
ผีหลายตัวมากันครบแล้ว ก็เหลือแค่เจ้าของห้องที่ยังเก็บตัวเงียบ กับข้าว กับแกล้มทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมจะแปลงร่างเป็นผีแด๊กสักที คนอื่นแม่งจัดเต็มกันมาก เอาซะผมหมองเลยให้ตาย
รู้แบบนี้เป็นแคสเปอร์หน้าขาวอีกปีก็ดี
ด้านนอกมืดสนิทแล้ว แต่เจ้าของห้องก็ยังเงียบ ผมก็เอาผ้าขึ้นคลุมเป็นท่านแด๊กเต็มตัว ช่วงที่สาละวนชุดตุ๊กตาที่หลังพี่โช เสียงข้อความผมก็ดัง พอเปิดดูก็เจอคำสั่งให้ปิดไฟ ผมมองหน้าพี่โชงงๆ แต่ก็ยอมเดินไปทำตาม พวกที่กำลังเฮฮาถึงกับอุทานตกใจที่ไฟดับ
เสียงเปิดประตูห้องนอนมาพร้อมกับแสงไฟฉายที่ส่องจากด้านหลัง ผีดิบจีนแปะหน้าด้วยผ้ายันต์กระโดดออกมาดึ๋งๆ หากมองไม่ผิด คนออกมาคือพี่จอม ส่วนคนถือไฟฉายส่องให้คือพี่ซัน ที่จริงก็แต่งตัวเหมือนกัน แต่ถ้ากระโดดออกมาคู่ก็จะไม่มีไฟส่องด้านหลังให้เด่น
เล่นใหญ่ไม่แพ้คนอื่น
เมื่อวันรวมผีครบทุกตัวแล้ว ปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้น แสงไฟในห้องถูกปิด มีเพียงแสงเทียนที่อยู่ในฝักทองและไฟกระพริบดวงเล็กๆ ที่ติดรอบห้อง บรรยากาศก็ดีไปอีกแบบ แอบหลอนนิดๆ เมื่อหน้าผีดิบแต่งขาว แก้มกับปากแดงๆ เดินไปมา แต่ที่สร้างเสียงตลกคงเป็นผีจอมยุทธ์ที่แย่งกระด้งไปใส่
คือพี่ครับ ผีจีนมีกระด้ง จะเรียกอะไรดีครับพี่
ผมเดินไปหาไอ้ม่านที่นั่งกินเหล้าไปหัวเราะพวกรุ่นพี่เถียงกันไป พอมันเห็นผมก็ยิ้มๆ
“มึงไม่เอาไอ้เม่นมาด้วยล่ะ” ถามหารุ่นน้องในคณะที่กลายเป็นแฟนเพื่อนผม
“มันไปกับเพื่อน” ดูเพื่อนผมแล้วก็คงมีความสุขดี ติดตรงมันมีแฟนแล้วหาตัวยากนี่แหละ “เอ่อ เห็นมันไปยืนใบลาออกแล้วนะ”
“ลาออก? อ๋อ ที่มันจะไปเรียนมหาลัยมึงอะเหรอ” ไอ้เม่นนี่รักจริง ถึงกับย้ายไปเรียนที่เดียวกับไอ้ม่าน พอเพื่อนผมพยักหน้า เลยอวยพรสักหน่อย แต่แก้วในมือถูกแย่งไปเฉย “พี่โช กลอยยังไม่ได้กินสักแก้วเลยนะ” ชื่อคนที่ผมเรียกนั่นแหละครับ แย่งไป
“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกิน” โหมดเผด็จการมาอีกแล้ว ไอ้ม่านหัวเราะเยาะเลย “ไม่กินข้าวพี่ไม่ให้กิน โอเค๊”
“ก็ได้ คุณผีพ่อลูกอ่อน” ตามใจเขานั่นดีที่สุดครับ
“เดี๋ยวจะโดน” ถูกนิ้วจิ้มหน้าผากซะหน้าหงาย
*****
ยิ่งดึกยิ่งมันส์ครับ คาราโอเกะก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้ และถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ ทั้งผีจีน ผีไทยแย่งไมค์กันจนมันหอนแสบแก้วหู
“อ่าวๆ ขอเสียงสายตื๊ด สายย่อหน่อยครับ” พี่แทมพูดออกไมค์ ก่อนทำนองเพลงที่เปิดในผับจะดังขึ้น ไมค์ที่แย่งกันก็ถูกทิ้งทันทีเมื่อคนชอบไมค์เดินมาเต้นกลางวง
ตอนนี้รู้แล้วครับ ทำไมถึงเอาโซฟาไปชิดกำแพง เพราะจะเปิดพื้นที่ให้สายแด๊นซ์นี่เอง
ยิ่งทำนองเพลงอัดแน่นเท่าไหร่ พวกที่กรึ่มๆ ก็ยิ่งเต้น พี่แทมกับพี่ตินยังเป็นผู้นำด้านนี้ เต้นจนไม่มีใครอยู่ใกล้ ทั้งวาดแขน ยกขา ใครอยู่ใกล้ก็เจ็บตัวแน่นอน
“โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่.....ฮิ้ว” มีโห่ด้วยนะ เหมาะแล้วที่เคยเป็นต้นเสียงของขบวนแห่นาคสมัยพี่เบบวช
ผมนั่งจิบเหล้าไปหัวเราะไป ดูแล้วโคตรตลก พวกพี่แกแม้จะเรียนจบแยกย้ายไปทำการทำงาน แต่พอได้รวมตัวกันอีก ความบ้าก็ยังบังเกิดอยู่ตลอด คงเพราะเก็บกด
“ไอ้โช อย่าเนียน มึงมาเต้นเลย ไอ้ผีพ่อลูกอ่อน แม่งปัญญาอ่อนมาก คิดได้ไง” ทำไมพี่ตินด่าพี่โช แล้วผมต้องรู้สึกเจ็บปวดวะ คงเพราะผมเป็นคนครีเอทผีนั้นให้ละมั้ง
และพอพี่โชเข้าไปรวมกลุ่มด้วยยิ่งตลก แม้จะถูกมอมเหล้ายังไงพี่โชก็ยังคงเต้นแบบนิ่งๆ เหมือนเพลงจังหวะช้าๆ ทั้งที่เสียงเบสแทบจะควักหัวใจของผมออกมาเต้นด้านนอกอยู่แล้ว
“อ่าว สายย่อมาๆ” ละสายตาจากพี่โชไปมองพี่แทมก็ยังคงมีเสียงหัวเราะ ชีวิตพี่เขาต้องกดดันแค่ไหนถึงได้ปลดปล่อยออกมาขนาดนี้ สงสารพี่เขานะครับ “สายย่อๆ”
ไอ้ทูหัวเราะจนหงายหลังเมื่อพี่แทมแข่งย่อกับพี่เบ ทั้งคู่ย่อซะก้นแทบจะติดพื้น พอพี่เบขยับขึ้น พี่แทมก็ยังย่อเหมือนเดิม
“อ่าวไอ้นี่ ข่มกูเหรอ” พี่เบหันไปมองเพื่อนตัวเองแล้วขยับย่อใหม่
“ไม่ใช่ไอ้เหี้ย” เสียงพี่แทมตะโกนแข่งกับเสียงเพลง
“อ่าว แล้วทำไมมึงไม่ขยับ นั่งย่อข่มกูแบบนี้คิดว่าเท่หรือไง” พี่เบเท้าเอวมองเพื่อนตัวเองที่นั่งย่อ
“ไม่ใช่กูไม่อยากขึ้น แต่ตะคริวกินขากู เชี่ย ลามไปที่ก้นกูแล้ว เอากูขึ้น” สีหน้าพี่แทมดูเจ็บปวดสุดๆ ต่างจากทุกคนที่ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง
ผมจะไม่ไหวกับพี่แทมแล้วนะครับเนี่ย หัวเราะปวดท้องหมดแล้วเว้ย
“คิดว่าเทพไอ้ห่า” พี่ตินยืนหัวเราะมองเพื่อนตัวเอง
“เทพแน่ โอ๊ยๆ ไอ้ซันกูเจ็บ” ยังจะเถียง แต่พี่ซันนวดให้เลยต้องหยุด “มึงๆ ตะคริวที่ก้นกู โอ๊ย เป็นก้อนแข็งเลย เจ็บๆ”
แล้วเทพสายย่อก็ต้องถอยครับเมื่อเจอตะคริวกินขา กินก้น
และผมก็เพิ่งมารู้ว่าทำไมทุกคนถึงแต่งตัวแบบจัดเต็ม ที่แท้มีประกวดชุดด้วย ทำไมไม่บอกกันบ้าง ปล่อยให้ผมกับพี่โชแต่งเหมือนไม่ได้แต่ง
“หน้างอทำไม” พี่โชเอนมากระซิบข้างหู
“ทำไมไม่บอกว่ามีประกวดชุด” ตอบแบบไม่มองหน้าคนถาม เคืองครับ แถมตอนนี้ยังมาขำอีก “พี่โชไม่อยากได้รางวัลเหรอ”
รางวัลคือเบียร์สี่ลังเลยนะครับ
“แค่เบียร์ อยากกินค่อยซื้อก็ได้” ดูคนรวยเขาพูดครับ...แค่เบียร์ ไม่อยากจะเชื่อ “แล้วคิดเหรอ ว่าคนอื่นจะได้ไป” ผมตีหน้างงใส่ ไม่เข้าใจความหมาย แต่พี่โชกลับยิ้มแล้วพยักพเยิดหน้าไปด้านหน้า “คอยดู”
กว่าจะเข้าใจก็ตอนที่พี่จอมประกาศชื่อคนที่แต่งตัวยอดเยี่ยม ตอนนี้พี่แทมเอากระบี่ที่ทำมาจากไม้กวัดแกว่งไปมาจนทุกคนต้องขยับหนี กลัวหัวแตกครับ พี่เบก็เอากระด้งมาใส่แขนแล้วกระพือ นี่ก็ไม่ต่าง คนก็ถอยห่างเหมือนกัน ผมว่าคู่นี้สู้กันคงจะตลกดี คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เล่นใหญ่ไปกว่านี้แล้ว
“คนที่ชนะได้แก่” ทุกคนตั้งใจฟังมาก “กูเอง”
เสียงโห่ดังทันทีที่พี่จอมประกาศ กระบี่ไม้ถึงกับถูกขว้างลงพื้นไปกองรวมกับกระด้ง
“ถ้าผลจะเป็นแบบนี้ มึงไม่ต้องบอกว่าจะประกวดไอ้ห่า กูอุตส่าห์จัดเต็ม” พี่แทมโวยวาย
“จริง กูอุตส่าห์ไปซื้อกระด้งที่ตลาด” พี่เบงอนครับ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด “เอาตังค์ค่ากระด้งกูคืนมาด้วย”
“ดีนะที่กูเอาชุดหลานมาใส่ ไม่เสียเงิน” พี่ตินยิ้มๆ อย่างผู้มีชัย ซึ่งก็รวมผมกับพี่โชด้วย ที่ไม่ได้แต่งอะไรที่เปลืองเงิน ส่วนไอ้อัธกับไอ้ม่านคู่นี้ก็เอาแต่หัวเราะ เพราะไม่ได้เสียเงินมากเหมือนกัน
ปาร์ตี้รวมผีสิ้นสุดก่อนเที่ยงคืน แม้งานจะจบ แต่ทุกคนก็ต้องช่วยกันเก็บห้องก่อนเพราะเจ้าของห้องทำคนเดียวไม่ไหว คือตอนทำก็ทำได้ พอเก็บกลับบอกว่าไม่ได้ ซึ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงถึงแยกย้าย ผมบอกลาเพื่อนๆ และรุ่นพี่มาขึ้นรถที่ตอนนี้พี่โชติดเครื่องรออยู่แล้ว
“ยังไม่เมาเลยอะ” ผมบ่นขณะรถติดไฟแดงอยู่ที่แยกสักแยก
“เดี๋ยวค่อยไปกินที่ห้อง วันนี้พี่จะให้ปล่อยผีสักวัน” ตาวาวเมื่อได้ยินคำอนุญาต ผมรีบหันไปเกาะแขนพี่โชทันทีพร้อมส่งตาหวาน จังหวะที่เกาะแขนหันไปมองเบาะด้านหลัง มีกล่องเบียร์สองกล่องวางอยู่ “ไอ้ซันเอามาให้ เป็นค่าที่กลอยช่วยงานทั้งวัน”
“จริงดิ่ เมื่อไหร่ทำไมกลอยไม่รู้” ตอนออกจากห้องมา พี่ซันก็ไม่ได้ลงมาด้วย
“ตอนหัวค่ำที่มันลงมา” ผมพยักหน้าเมื่อพี่โชบอก “ซึ่งสี่กล่องบนห้องของมัน มีสองกล่องที่เป็นกล่องเปล่า”
“ฮะ? จริงอะ” แบบนี้พี่ซันก็มีความเสี่ยงมากที่จะถูกด่า
“หรือกลอยจะให้พี่เอาไปคืน”
“ไม่คืน ของฟรีกลอยชอบจะตาย” ส่วนพี่ซันก็ขอให้ไม่เป็นอะไร “เมาแล้วดูแลกลอยด้วยนะ ที่จริงกลอยเมาเรียบร้อยจะตาย”
“เรียบร้อยจนตายต่างหาก” ยู่ปากทันทีที่ถูกว่า แค่ไม่กี่ครั้งเองที่ผมเมาแล้วเรื้อน โด่ว ทำมาเป็นว่า “แล้วจะซื้ออะไรก่อนเข้าห้องไหม”
“ซื้อกับแกล้ม เอาหมึกย่างอร่อยๆ แต่ไม่เอาร้านที่เคยซื้อนะ” มีครั้งนึงจำฝังใจมากว่าซื้อหมึกปิ้งมากิน พอกินไปสักสี่ถึงห้าไม้ท้องก็บิด ดีที่มีปั้มไม่งั้นผมได้ปล่อยบนรถแน่ ถ่ายท้องจนหมดไส้หมดพุง พี่โชบอกว่าน้ำจิ้มมีไข่แมลงวัน จากนั้นผมไม่เคยเหลียวมองร้านนั้นอีกเลย
“แล้วเอาอะไรอีก”
“เอาลูกชิ้นทอด หอยทอดด้วย เพิ่มผัดไทกุ้งสดด้วยก็ดี เอาเกี๊ยวปูอีกสักถุง แล้วก็...”
“ที่บอกมาทั้งหมดคือจะกินคืนนี้?”
“อืม นี่ใคร นี่กลอยประเกรียน วันนี้เป็นท่านแด๊ก”
“แด๊กให้หมด ถ้าไม่หมดท่านแด๊กจะถูกเตะ”
อยู่ๆ ผมก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินพี่โชพูดว่าท่านแด๊ก คือหน้าตาอะไรนี่เท่นะครับ แต่พอพูดแบบนี้แล้วตลกอะ ไม่รู้เพราะอะไร แต่มันตลก ผมจ้องหน้าครึ่งซีกของพี่โชนิ่งๆ รู้สึกสุขใจจริงๆ ฮาโลวีนปีหน้าและปีต่อๆ ไปไม่ขออะไร ขอแค่มีพี่โชอยู่ข้างๆ แบบนี้ก็พอ เป็นผีพ่อลูกอ่อนของผมตลอดไป
อ้อ ที่จริงผมคิดจะเป็นผีเด็กเกาะหลังพี่โชนะ แต่กลัวหลังพี่โชจะหัก เลยใช้ตุ๊กตาแทน ความดีของผมก็ยังมีนะครับเนี่ย พูดแล้วรู้สึกหล่อเลย
“ผีพ่อลูกอ่อน นั่นร้านลูกชิ้น จอดๆๆ”
“ตกลงจะซื้อหมดตามที่บอกจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“นี่วันปล่อยผีหรือปล่อยหมู”
“อย่าบ่น ปีศาจอย่าบ่น จอดๆ”
“เมียกูจะกลายเป็นหมูก็คราวนี้แหละวะ”
ถึงเป็นหมูก็เป็นหมูที่กอดอุ่นนะเออ อุ่นเสร็จพร้อมกินด้วย หมายถึงหมูทอด นั่นแหน่ะ คิดลามกกันล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะทุกคนเนี่ย ไอ้กลอยรับไม่ได้
......
สวัสดีวันฮาโลวีนค่าาา เรื่องนี้ตอนพิเศษอาจเยอะไป ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่อยากให้มีเสียงหัวเราะกัน แล้วกลอยประเกรียนกับพ้องเพื่อนก็เหมาะที่สุด
แล้วพบกันปีหน้าค่า กับเกรียน2 จุ๊บๆ