บทที่ 36
..กาลครั้งหนึ่งของ..ราณี
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือของคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ตบกระทบลงบนใบหน้าฉันอย่างแรง จนใบหน้าของฉันหันไปตามแรงมือ และมันก็แรงพอที่จะทำให้ฉันเสียการทรงตัวล้มลงไปนั่งกับพื้น ฉันยกมือขึ้นมาลูบที่มุมปากของตัวเองเพราะรู้สึกถึงความเหนอะหนะของเลือดที่ไหลออกมา และเนื่องจากฉันไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เมื่อวาน มีเพียงน้ำเปล่าและกล้วยหอมเพียงลูกเดียวที่แม่ให้กินเป็นการลงโทษที่ฉันไม่ยอมทำตามสิ่งที่แม่ขอ เลยทำให้ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นมายืน
“จำเอาไว้นะ อย่าใจอ่อน มันแย่งชิงทุกสิ่งที่เป็นของแกไป ทุกอย่างมันควรเป็นของแก แม่มันกับมันทำให้เราสองแม่ลูกต้องลำบาก พ่อแกก็ไม่เคยจะมาตามหาเรา แกอยากให้แม่ลำบากจนตายรึไง”
“ในเมื่อพ่อไม่รักเรา ทำไมเราไม่ทิ้งความทรงจำแย่ๆ ไปละแม่ เราไปเริ่มต้นกันใหม่ก็ได้นี่จ๊ะ” ฉันถามแม่ รู้ดีว่าคำถามของฉันคงทำให้แม่โกรธเหมือนทุกครั้ง
“ทำไมแกมันโง่แบบนี้ แกจะทิ้งสิ่งที่ควรเป็นของแกไปได้ยังไงกัน แกต้องทำตามที่แม่บอก จำเอาไว้นะ ถึงเวลาที่แกควรจะลุกขึ้นมาทวงของๆ แกกับฉันคืน แกควรตอบแทนบุญคุณฉันเสียทีที่เลี้ยงแกมาจนโต”
แม่ของฉันพูดจบก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูกระแทกดังปัง ด้วยความที่ประตูมันเก่ามาก เมื่อโดนกระแทกแรงๆ บานพับด้านบนสุดเลยหลุด ส่งผลให้ประตูเอียงหลุดออกมาจากกรอบ ฉันแอบมองลอดผ่านรอยโหว่ของประตู แม่ของฉันกำลังคุยอยู่กับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นฉันไม่รู้จัก แต่แม่เรียกเขาว่า ‘คุณปรัช’ ส่วนอีกคนทำให้ฉันต้องรีบขยับตัวไปใกล้ๆ ประตูเพื่อขอดูให้ชัดๆ ว่าตาของตัวเองไม่ได้ฝาดไป ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับแผนการณ์เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย เขาคนนั้นก็คือ 'เจ้าชายโมนัฟ' บุตรชายคนที่สองแห่งองค์เหนือหัวสเตฟาน
แล้วฉันก็ย้อนนึกกลับไปถึงเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังตั้งแต่จำความได้
‘ราณี ลูกเป็นคนไทย พ่อของลูกเป็นคนไทย เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมาก แต่เขาเป็นคนไม่ดีเพราะเขาทิ้งแม่ที่เป็นเมียแต่งไปหาผู้หญิงสารเลว เขาหลอกลวงแม่ หลอกให้แม่แต่งงานกับเขาทั้งที่เขามีเมียเก็บเอาไว้แล้ว หลอกให้แม่รักแต่สุดท้ายก็เลือกผู้หญิงคนนั้นกับลูกของมัน แม่บอกพ่อว่าตั้งท้องลูก แต่พ่อเขาไม่ยอมรับรู้การมีตัวตนของลูก เขารังเกียจเราสองแม่ลูก แม่ไม่เหลืออะไรเลย คุณตาก็ล้มละลายและปล่อยเราสองคนลอยแพ จนกระทั่งมีผู้มีพระคุณคนหนึ่งส่งแม่มาอยู่ที่นี่ หาที่อยู่และคอยส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ เขาให้สัญญากับแม่ว่าจะทวงทุกอย่างคืนให้แม่และลูก เราแค่รอเวลา และเมื่อถึงเวลานั้น ลูกต้องเอาทุกอย่างของเราคืนมา จำเอาไว้นะลูก ทุกอย่างควรเป็นของเรา’
รูปของพ่อและเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกส่งมาให้ฉันดู แม่บอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพี่ชายของฉัน เป็นลูกของหญิงสารเลวที่มาแย่งทุกอย่างของฉันไป เป็นลูกของพ่อกับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น แต่เชื่อไหม ตั้งแต่ฉันได้เห็นรูปพี่ชายของตัวเอง ฉันไม่เคยนึกโกรธหรือเกลียดเขาเลย กลับกัน ฉันเฝ้าติดตามเฝ้าดูเขาผ่านทางโทรทัศน์ของคนข้างบ้านที่ซื้อละครของพี่นาวจากเมืองไทยมาดู ฉันแอบขโมยรูปของเขาจากหนังสือนิตยสารต่างๆ ที่ได้มาจากร้านค้าเอามาเก็บเอาไว้ พี่ชายฉันเป็นดารา เขาดูดีมาก เขาคนนี้เป็นคนที่ฉันอยากเจอที่สุด
ตั้งแต่เด็กๆ ฉันถูกส่งไปฝึกเรียนรู้เรื่องการวางยา การใช้อาวุธปลิดชีวิตอย่างมืออาชีพในฐานทัพลับแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขาลีทัน ยอดเขาลีทันคือยอดเขาที่ชาวบัณตราคิดว่ามีผีป่าสถิตอยู่ ทุกๆ ปีต้องมีการนำคน ทองคำและอาวุธมาสังเวยให้ผีป่า ถ้าผู้ใดไม่ศรัทธาก็จะถูกแอบลอบทำร้ายจนตายด้วยยาพิษ เป็นพิษที่ไม่ทิ้งหลักฐาน ไม่สามารถพิสูจน์หาสาเหตุการตายได้จนเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน ทุกคนคิดว่าเกิดจากอำนาจของผีป่า ไม่มีใครกล้าลบหลู่และเชื่ออย่างสนิทใจว่าผีป่ามีจริง แต่ผีป่าไม่มีจริง มีแต่คนเลวทั้งนั้นที่อยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นแหล่งค้าอาวุธของท่านโมนัฟโดยมีคนไทยคนหนึ่งที่เป็นหุ้นส่วนด้วย แม่บอกว่า คนๆ นั้นเป็นอาแท้ๆ ของฉัน เป็นน้องชายของพ่อ เขาคือ ‘ปรัช อังควัตทานนท์’ คนๆ นี้คือผู้มีพระคุณที่ส่งเสียฉันมาตั้งแต่ฉันเกิด
ฉันได้ยินอาปรัชคุยกับแม่ว่า ถ้าพี่นาวและคุณปริณตาย สมบัติของคุณปริณจะเป็นของอาปรัช เมื่อนั้นอาปรัชจะแบ่งสมบัตินั้นให้แม่ครึ่งหนึ่ง และหลังจากที่คุณปริณและพี่นาวเสียชีวิต อาปรัชก็จะลอบฆ่าเจ้าชายธีมัสเช่นกัน แต่จะทำให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายเพราะเสียใจที่เสียคนรักไป ท่านโมนัฟก็จะเป็นผู้ที่ขึ้นครองราชย์แทนองค์รัชทายาทธีมัส ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลตอบแทนจากการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
อาปรัชพยายามลอบฆ่าพี่ชายของฉันหลายครั้งที่เมืองไทยแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะฉันแอบส่งข่าวนี้ให้กับใครคนหนึ่งได้รู้ เขาคนนั้นเป็นคนสำคัญของฉันเอง คนที่ฉันมอบหัวใจให้เขาไป เป็นคนที่ฉันรักอย่างสุดหัวใจ เขาช่วยส่งคนไปแอบคุ้มครองพี่นาว รวมถึงคุ้มครองเจ้าชายธีมัสซึ่งเป็นองค์รัชทายาทตัวจริงอย่างลับๆ มาเป็นเวลาหลายปี เขาก็แฝงตัวอยู่กับท่านโมนัฟมานานเพื่อเป็นสายลับให้กับเจ้าชายแอชตันโดยที่ท่านโมนัฟก็ไม่ได้เอะใจ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อแม่ที่คอยส่งข่าวแผนการทั้งหมดเพื่อให้เขาช่วยพี่นาวได้ทันท่วงที ถึงจะรู้สึกผิดแต่ฉันไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของแม่ด้วยการทำร้ายพี่ชายของตัวเองได้จริงๆ
วันที่ฉันได้รู้ว่าพี่ชายของฉันกำลังเดินทางมาที่บัณตราพร้อมกับเจ้าชายธีมัส ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เจอเขา แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ให้ลึกสุดใจ ฉันจะให้แม่ อาปรัชหรือท่านโมนัฟรู้ไม่ได้ว่าในใจของฉันรู้สึกเช่นไร ฉันต้องทำตัวเชื่อฟังพวกเขาเพื่อที่จะได้ล่วงรู้แผนการของพวกเขาฉันจะได้ช่วยพี่ชายคนเดียวของฉันได้ พี่ชายที่ฉันภูมิใจในตัวเขาเหลือเกิน แล้วคนที่ฉันภูมิใจก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง เพราะในวันนั้น วันที่ฉันต้องเริ่มแผนการที่ทำให้พี่นาวได้เจอกับฉัน ฉันแกล้งวิ่งออกมาให้รถที่พี่นาวขับมาชน พี่นาวไม่รอช้า รีบเข้ามาช่วยเหลือและพาฉันไปที่วังเพื่อสอบถามเรื่องราวและให้ความช่วยเหลือทั้งที่ฉันเป็นแค่คนแปลกหน้า ทั้งที่เขตพระราชฐานนี้เป็นสถานที่ที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ แถมยังมีคนของเจ้าชายแอชตันคอยสังเกตการณ์อยู่ทุกที่ แต่ด้วยน้ำใจของพี่นาวทำให้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของแม่ เจ้าชายธีมัสตามใจพี่นาวอย่างที่อาปรัชบอก เมื่อพี่นาวเป็นคนสำคัญขององค์รัชทายาท คงจะไม่มีผู้ใดกล้าขัดใจ พี่ชายของฉันคนนี้ดูใสบริสุทธิ์ ฉันรู้ได้ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาของเขา เขามีน้ำใจและไม่คิดทอดทิ้งคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างฉันทั้งที่เพิ่งจะได้เจอกันครั้งแรก
แล้วไม่นาน ฉันก็ได้เข้าไปอยู่ในวังตามแผนที่อาปรัชและท่านโมนัฟวางเอาไว้โดยอาศัยความใจดีที่พี่นาวมี เมื่อเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ฉันได้เจอกับเจ้าชายมิคาเอลผู้ที่จะเป็นคนนำยาพิษมาให้ฉันใส่ในอาหารเพื่อให้พี่นาวทานตามคำสั่งของท่านโมนัฟ แต่ฉันแอบเปลี่ยนยาโดยใช้สมุนไพรที่ปรุงเอง ซึ่งสมุนไพรนี้เจ้าหญิงแฮแทนได้ปลูกเอาไว้หลังม่านน้ำตก คนรักของฉันเป็นผู้ที่นำสมุนไพรนี้มาให้ ยาสมุนไพรที่ฉันปรุงให้พี่นาวทานเป็นคล้ายยากล่อมประสาท จะทำให้เห็นภาพต่างๆ เสมือนเกิดขึ้นจริง ตัวยาจะไม่ทำอันตรายร่างกายส่วนอื่น แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความที่ท่านโมนัฟไม่ไว้ใจฉันเป็นทุนเดิม ท่านกลัวฉันจะพลาดและทำไม่สำเร็จเลยแอบให้คนของท่านใส่ยาพิษในอาหารเพื่อทำลายระบบการหายใจของพี่นาวอีกทาง โชคดีที่ฉันเรียนรู้เรื่องยาพิษมาจนเชี่ยวชาญถึงได้สังเกตเห็น ฉันแอบเทอาหารที่มียาพิษทิ้งแล้วเปลี่ยนให้ใหม่แทน ซึ่งวันนั้นเจ้าหญิงมิเชลมาเห็นฉันเทอาหารของพี่นาวทิ้งพอดี เธอพยายามจับผิดแต่ฉันก็เอาตัวรอดไปได้ หลังจากวันนั้นฉันก็รู้ว่าเจ้าหญิงมิเชลเริ่มไม่ไว้ใจและคอยจับตาดูฉันตลอดมา
อันที่จริงยังมีอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในฉันได้อยู่ใกล้ชิดพี่นาว คนๆ นั้นก็คือคนรักของพี่นาวนั่นเอง ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเจ้าชายธีมัสฟังตั้งแต่ตอนที่ได้เข้ามาอยู่ในวังเป็นวันแรก และขอให้ท่านยอมเชื่อใจและร่วมมือทำตามแผนของฉัน เจ้าชายฟังคำสารภาพของฉันแล้วพูดกับฉันว่า
“พี่จะเชื่อใจเธอเพราะนาวเชื่อใจเธอ พี่เชื่อว่าคนที่พี่รักมองคนไม่ผิด”
ฉันดีใจแทนพี่นาวที่พี่นาวมีคนที่พร้อมจะปกป้องเขาด้วยชีวิตและรักเขามากขนาดนี้ มันสมควรแล้วที่คนอย่างพี่นาวจะได้รับความรักแบบนั้น ส่วนตัวฉัน ฉันรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วถ้าท่านโมนัฟรู้ว่าฉันทรยศท่านฉันจะต้องถูกฆ่าตาย แต่อย่างน้อยฉันก็โล่งใจแล้วว่าเจ้าชายธีมัสคนนี้จะเป็นคนที่ปกป้องพี่ชายของฉันได้
แผนการต่อมาที่ฉันได้รับรู้ก็คือท่านโมนัฟต้องการให้คุณปริณเดินทางมาที่บัณตรา จากแผนการที่คุณปรัชวางเอาไว้คือการทำให้คุณปริณเสียชีวิตด้วยเครื่องบินส่วนตัวของคุณปริณเอง คุณปรัชจะทำให้เครื่องขัดข้องและร่วงลงสู่ท้องทะเล ทุกคนจะคิดว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุธรรมดา แต่การที่จะทำให้คุณปริณยอมเดินทางมาที่บัณตราแบบกะทันหันก็ต้องอาศัยพี่นาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นฉันต้องเป็นคนที่เข้าไปเป็นมือที่สามระหว่างพี่นาวและเจ้าชายธีมัส ฉันต้องทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับคนรัก พี่นาวจะเสียใจและโทรให้คุณปริณมารับที่บัณตรา
ในคืนนั้นวันที่ต้องลงมือ ฉันวางยากล่อมประสาทและยากระตุ้นอารมณ์ให้พี่นาวกิน เพื่อที่พี่เขาจะได้เห็นในสิ่งที่ฉันต้องการให้เห็น พี่นาวมีอะไรกับเจ้าชายธีมัสตามฤทธิ์ของยากระตุ้น แต่ฤทธิ์ของยากล่อมประสาท ทำในมโนภาพในสมองของพี่นาวนั้นเห็นว่าคนที่มีอะไรกับเจ้าชายธีมัสนั้นคือฉันเอง
‘ไอ้เด็กนั้นจะต้องเสียใจฟูมฟายโทรให้พ่อมันมารับ’ นั้นคือสิ่งที่ท่านโมนัส อาปรัชและแม่ต้องการให้เป็น แต่ความเป็นจริงคือ คุณปริณและคุณเมธาวี ได้เดินทางมาถึงบัณตราหลายวันแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองคนอยู่ไหน ในใจก็แอบหวังว่าก่อนตาย ฉันจะได้เจอหน้าคนๆ นั้นสักครั้ง คนที่แม่บอกว่า ‘เขาเป็นพ่อของฉัน’
ด้วยความที่ท่านโมนัฟไม่เคยไว้ใจฉัน ท่านส่งคนของท่านให้มาจับตาดูว่าฉันได้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้หรือเปล่า คนที่ท่านมอบหมายให้จับตาดูฉันก็คือลูกชายของท่านเอง ‘เจ้าชายมิคาเอล’
เจ้าชายมิคาเอลแอบลอบเข้ามาหาฉันที่ห้องก่อนจะรุ่งสาง เขาบอกกับฉันว่าเขารู้ว่าฉันหักหลังพ่อของเขามาโดยตลอด เขารู้ว่าฉันแอบเปลี่ยนยา แต่เขายื่นข้อเสนอให้ฉัน เขาขอให้ฉันทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ แลกกับการที่เขาจะเป็นคนปกป้องพี่นาวเอง เขาจะขอให้ท่านโมนัฟไว้ชีวิตพี่นาวเพราะเขาแอบหลงรักพี่นาวมานานแล้วและต้องการได้พี่นาวมาเป็นคู่ชีวิต แต่ฉันปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักพี่นาว เขาต้องการแค่ทรัพย์สมบัติของพี่นาวต่างหาก เขาเกลียดเจ้าชายธีมัส อยากจะแย่งทุกอย่างมาเป็นของตน ฉันยอมตายดีกว่าให้พี่นาวได้คนอย่างเขามาเป็นคู่ครอง แล้วในคืนนั้นเอง การที่ฉันไม่ตอบรับข้อเสนอของเขา ฉันก็ถูกเขาทำร้ายร่างกายและถูกเขาข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่มีใครรู้เลยแม้กระทั่งคนรักของฉัน แต่ไม่เป็นไร..ฉันถูกฝึกมาให้รองรับความรุนแรงอยู่แล้ว ฉันจะถือว่ามันเป็นบทลงโทษของลูกอกกตัญญูที่ทรยศต่อแม่บังเกิดเกล้า แม้ลึกๆ แล้ว หัวใจของฉันจะแตกสลายเพราะไม่สามารถรักษาตัวให้กับคนสำคัญของฉันได้
แผนการดำเนินไป พี่นาวก็มีปากเสียงกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ ตอนที่ฉันเห็นน้ำตาของพี่นาว หัวใจของฉันก็เจ็บปวดตามไปด้วย ฉันเป็นคนทำให้พี่ชายของฉันเสียใจ ฉันรู้ว่าพี่นาวคงเสียใจมากที่โดนคนที่ไว้ใจหักหลัง ในตอนที่พี่นาวออกปากไล่ฉัน หัวใจของฉันก็เจ็บเจียนตายไม่แพ้กัน ‘ราณีขอโทษนะคะ แต่ราณีจำเป็นต้องทำแบบนั้น’ ฉันได้แต่พูดอยู่ในใจ ฉันยังไม่อยากให้ท่านโมนัฟส่งใครมาทำร้ายพี่นาวแทนฉัน อยากยืดเวลาให้ได้นานที่สุดก่อนที่จะถึงเวลาให้คนร้ายทุกคนได้แสดงตัวออกมา เจ้าชายแอชตันอยากได้หลักฐานที่จะสามารถมัดตัวคนร้ายทั้งหมดได้ในคราวเดียว ท่านต้องการกำจัดพวกค้าอาวุธให้สิ้นซาก ไม่มีละเว้นแม้คนๆ นั้นจะเป็นพ่อหรือพี่ชายของตัวเอง
หลังจากนั้นฉันก็ถูกส่งตัวไปพบกับแม่ของฉันอีกครั้งเพราะเจ้าชายมิคาเอลได้รายงานกับคุณปรัชว่าฉันไม่ยอมมีอะไรกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ ตามแผน ถึงแม้ว่าฉันจะทำให้พี่นาวจะทะเลาะกับเจ้าชายธีมัสได้จริงแต่มันก็แสดงให้เห็นว่าฉันใจอ่อน ฉันถูกแม่เฆี่ยนตีไปทั้งตัวที่ทรยศกับแม่ แม่ยื่นคำขาดว่าแผนสุดท้ายที่จะมาถึงนี้ ถ้าฉันไม่ฆ่าพี่นาว แม่จะเป็นฝ่ายฆ่าตัวตายแทน แม่ให้ฉันเลือกเอาระหว่างลมหายใจของพี่ชายที่แย่งทุกอย่างของพวกเราไปกับลมหายใจของแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูฉันมาจนโต แผนสุดท้ายก็ถูกวางเอาไว้โดยให้ฉันเป็นผู้ที่ลงมือ
‘ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต’ แม่บอกกับฉันอย่างนั้น
แผนการสุดท้ายได้เริ่มต้นในเช้าวันนี้ เจ้าชายมิคาเอลเริ่มเข้าหาพี่นาวด้วยตัวเอง ใช้อุบายช่วยชีวิตพี่นาวจากเจ้าเสือขาวเพื่อให้พี่นาวไว้ใจ ส่วนฉันมีหน้าที่ต้องทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับเจ้าชายธีมัสมากขึ้น เจ้าชายมิคาเอลฉวยโอกาสเข้ามาเป็นฝ่ายทำให้เจ้าชายธีมัสเข้าใจผิดพี่นาวซ้ำเข้าไปอีก พี่นาวโทรหาคุณปริณให้มารับตามที่อาปรัชคาดเอาไว้ไม่ผิด ส่วนฉันก็เตรียมไปตัวซ่อนอยู่ในวังขาว รอจนไม่เหลือใครแล้ว ฉันต้องปลิดชีวิตพี่นาวด้วยพิษร้ายแรงสุดที่ได้ฝึกมา พิษนั้นถูกฉาบอยู่ที่ริมฝีปากของฉันเอง ก่อนอื่นฉันจะต้องทำให้พี่นาวมีแผล แผลเล็กๆ ขอแค่ให้มีเลือดออกมาก็พอ ฉันจะต้องจุมพิตลงไปที่แผลนั้น พิษถึงจะถูกถ่ายไปสู่อีกคนในทันที แต่ถ้าฉันไม่ทำ พิษนั้นจะซึมเข้าสู่ตัวฉันเอง
นี่ต่างหาก ‘ชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิต’ แบบที่แม่บอก ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะพี่นาวและแม่สำคัญสำหรับฉันทั้งคู่ ฉันไม่อยากเสียใครไป
“ได้เวลาแล้ว” คนของท่านโมนัฟเตือนฉัน ฉันยังคงนั่งนิ่งๆ
“ราณี อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากทำร้ายคุณ” คนของท่านโมนัฟพยายามพูดกับฉันดีๆ
“นายไม่เห็นความดีของพี่นาวเลยใช่ไหม พี่เขาดีกับนายแค่ไหน ถ้านายทำร้ายพี่เขา นายจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตนะ..อลัน” ใช่แล้ว อลันคือคนของท่านโมนัฟที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ที่ตำหนักซ้าย พี่นาวไว้ใจอลันมาก มากจนฉันนึกสงสารพี่ชายของตัวเองที่รอบตัวมีแต่คนที่คอยจะหักหลัง
“ผมไม่มีทางเลือก” อลันตอบด้วยสีหน้าที่ดูหนักใจ
“มีสิ นายมีแต่นายไม่ทำ ถ้านายอยากฆ่าก็ฆ่าฉันก่อนเลย ฉันทำร้ายพี่ชายของตัวเองไม่ได้จริงๆ”
“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก ถึงอย่างไรคุณก็ต้องตายด้วยพิษนั่นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณไม่ทำ ผมคงต้องลงมือฆ่าคุณนาวเอง”
“อลัน ฉันขอร้อง กลับตัวกลับใจเถอะนะ นายเคยบอกว่าน่าเสียดายหากเจ้าของรอยยิ้มที่ดูสดใสต้องตาย นายเลือกได้นะ อลัน ได้โปรด” ฉันอ้อนวอนขอ อลันดูลังเล
แต่สุดท้ายแล้ว อลันก็ไม่ฟังคำอ้อนวอนของฉัน เขากำลังจะเดินออกจากห้องไป ฉันรีบกอดขาอลันเอาไว้ แต่ก็โดนอลันสะบัดออก ฉันยังคงดึงรั้งยื้อเขาเอาไว้ จนกระทั่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง จิกหัวฉันและตบอย่างแรงจนฉันหน้าหงายหลังล้มไป ฉันถูกตบหน้าจนเลือดกบปาก ท่านโมนัฟกับอาปรัชแสยะยิ้มให้ฉันก่อนที่อาปรัชจะตบฉันซ้ำอีกครั้ง แม่รีบวิ่งเข้ามากอดฉัน
“ทำไมทำร้ายหลานอย่างนี้คุณปรัช ราณีมันเป็นผู้หญิงนะ เด็กมันแค่สับสน” นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ปกป้องฉัน มันทำให้ฉันดีใจมาก
“มันไม่ใช่หลานฉัน” อาปรัชตะคอกใส่แม่
“ทำไมพูดแบบนั้นละ” แม่ผมหน้าเสีย
“พี่ปริณบอกว่าไม่เคยหลับนอนกับแก แกคิดว่าตัวเองฉลาดสินะที่มาหลอกคนอย่างฉัน ไอ้เด็กนี่มันเป็นลูกใครก็ไม่รู้ พวกแกมันโง่ที่เชื่อฉันเอง ฉันไม่มีทางให้ทั้งแกและอีพุดซ้อนได้สมบัติของพี่ชายฉันอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ” อาปรัชระเบิดหัวเราะก่อนจะทำหน้าเหยียดหยามผมกับแม่เต็มที่
“แกหลอกใช้ฉัน แกมันเลว แกมัน..โอ้ยย” แม่ของฉันถูกตบอย่างแรงหลายครั้งจนปากแตก ฉันรีบลุกมากอดแม่เอาไว้ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีแรง
“แกสองแม่ลูกไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยให้ตายเถอะ ไม่ได้เรื่อง! นี่ถ้าพวกเราไม่มาเอง เห็นทีวันนี้ไอ้เด็กนาวนั่นก็คงไม่ตาย อลัน..ไปจัดการให้เรื่องมันจบๆ ส่วนแกสองคน เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการ” ท่านโมนัฟต่อว่าฉันกับแม่ก่อนจะหันไปสั่งอลัน ผมใช้สายตาวิงวอนอลัน อลันสบตาฉันแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับท่านโมนัฟและอาปรัช โดยให้ทหารสองสามคนเฝ้าผมอยู่
“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก ฮือ” แม่กอดฉันพร้อมกับร้องไห้
“ไม่เป็นไรแม่ แม่จ๊ะ คุณปริณกำลังมา คุณปริณรับปากฉันว่าจะรับแม่ไปอยู่ด้วย จะดูแลแม่อย่างดี แม่อย่าทำผิดอีกเลยนะเรามาเริ่มต้นกันใหม่ หนูรักแม่นะ” ฉันกระซิบบอกแม่ ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มรู้สึกแสบร้อนที่มุมปาก แม่มองหน้าฉันด้วยแววตาสับสน แม่คงไม่คิดว่าคุณปริณจะยอมรับท่านง่ายๆ แต่แล้วท่านยิ้มให้ฉันและลูบใบหน้าฉันด้วยความอ่อนโยน ความอ่อนโยนที่ฉันเพิ่งจะเคยได้รับจากแม่
“เขาเป็นพ่อของลูกนะ อย่าไปฟังไอ้ปรัชมัน แม่ขอโทษนะที่ทำในสิ่งที่ผิดมาตลอด แม่จะเชื่อลูก แม่จะไม่ทำผิดอีกแล้ว” แม่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง
“หนูดีใจจัง แม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ แม่จ๋า พี่นาวเป็นคนดี พี่นาวจะรักและนับถือแม่เหมือนอย่างที่หนูรัก หนูเชื่ออย่างนั้น เริ่มต้นชีวิตใหม่นะจ๊ะ วางความโกรธเกลียดทิ้งไปนะจ๊ะแม่ หนูรักแม่นะ” ฉันบอกรักแม่อีกครั้งก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก ฉันรู้ว่าพิษที่ฉาบริมฝีปากของฉันกำลังออกฤทธิ์ มันแสบร้อนไปหมด แม่ยกมือขึ้นมาแตะปากตัวเองที่โดนตบจนเลือดไหล ทันใดนั้นแม่ก็คว้าคอฉันไปใกล้ๆ ก่อนจะออกแรงกดต้นคอของฉันเข้าหาตัวจนริมฝีปากฉันทาบกับบาดแผลที่มุมปากของท่าน ฉันตกใจพยายามจะผลักแม่ออก แต่แม่ก็กอดคอฉันเอาไว้แน่น สักพักใหญ่แม่ถึงยอมปล่อยมือ แผลที่ปากของแม่มีสีม่วงเข้มจัดก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นแผลปกติตามเดิม
“แม่จ๋า ฮือ ทำไมทำแบบนี้ แม่ ฮึก...แม่จ๋า แม่อย่าทำแบบนี้กับหนูสิ อย่าทิ้งหนูไป” ฉันร้องไห้เจียนขาดใจ แม่ยอมรับพิษไปจากฉัน ดวงตาของแม่เริ่มจะเลื่อนลอย ร่างกายกระตุกน้อยๆ ใบหน้าของแม่เริ่มมีสีม่วงคล้ำ ดวงตาขึ้นเส้นเลือดจนแดงกล่ำ
“จำเอาไว้ ลูกคือลูกของพ่อปริณ” นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่แม่พูดกับฉัน
“แม่ แม่!”
ฉันตะโกนเรียกแม่แต่แม่ก็ไม่ยอมตอบ ดวงตาของท่านยังมองฉันแต่ลมหายใจของท่านไม่มีแล้ว ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ฉันมองออกไปเห็นว่าทหารของท่านโมนัฟที่เฝ้าหน้าห้องถูกคุมตัวเอาไว้หมด เจ้าชายธีมัสและเจ้าชายแอชตันวิ่งเข้ามาหาฉัน ฉันรีบชี้บอกไปยังตำแหน่งห้องที่พี่นาวอยู่ เจ้าชายธีมัสและเจ้าชายแอชตันพร้อมทหารจำนวนหนึ่งวิ่งตามไปทางที่ฉันบอก ส่วนอีกคนที่วิ่งสวนเข้ามาหาฉันคือคนที่ฉันเฝ้ารอมานาน ท่านดูดีกว่าในรูปตั้งเยอะ ท่านมองจ้องฉันก่อนจะมองไปยังร่างที่ไร้ลมหายใจของแม่
‘คุณปริณ’ คนที่ฉันเคยเห็นเขาแต่ในรูปเป็นคนเอื้อมมือมาลูบปิดเปลือกตาให้แม่
“พ่อขอโทษนะที่มาไม่ทัน พ่อขอโทษ” เขาพูดกับฉัน คำว่าพ่อมันทำให้ฉันร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง แพทย์ทหารมาอุ้มร่างของแม่ออกไป คุณปริณเข้ามาโอบกอดฉันแทน ฉันยังไม่กล้ากอดตอบท่าน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันใช่ลูกแท้ๆ ของท่านหรือเปล่า แม่อาจจะบอกแบบนั้นเพื่อให้ฉันดีใจ
ทันใดนั้น..เสียงปืนก็ดังขึ้นจาด้านนอกหลายนัด คุณปริณรีบลุกไปปิดประตูและประคองฉันไปหลบอยู่ด้านใน จนกระทั่งเสียงปืนเงียบไป ประตูห้องที่ฉันอยู่ก็ถูกเปิดอีกครั้ง คนสำคัญของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับทำหน้าโล่งใจที่เห็นว่าฉันยังมีลมหายใจอยู่
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” พ่อถามคนสำคัญของฉัน
“ครับ จับตัวคนร้ายได้หมดแล้ว เคลียร์พื้นที่อยู่ครับ” เขาตอบพ่อ แต่สายตาเขาจ้องมองฉันอยู่ตลอด
“ฝากราณีด้วยนะ..มาคัส ผมขอไปดูนาวก่อน” พ่อบอกเขา ท่านลูบศีรษะของฉันก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความร้อนใจ คนสำคัญของฉันเดินเข้ามาแล้วรีบสวมกอดฉันเอาไว้
“ราณียังไม่ตาย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ” ฉันบอกกับเขา
“ขอบคุณนะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณ” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาของเขา
คนสำคัญที่ฉันพูดถึงบ่อยๆ ก็คือพี่มาคัส พี่มาคัสเป็นคนที่ฉันรักจนหมดหัวใจ ครั้งแรกที่เจอกัน พี่มาคัสดูเป็นคนเย็นชารักใครไม่เป็น แข็งกระด้างและดุดัน พี่เขาไม่ยิ้มตั้งแต่เจ้าหญิงแฮแทนซึ่งเป็นหญิงสาวที่เป็นรักแรกและรักข้างเดียวของพี่มาคัสสิ้นลมไป เขาเป็นแบบนั้นจนทุกคนคิดว่าเขาไม่มีหัวใจ ฉันเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้เจ็บปวดเป็น เขากระชับกอดฉันจนตัวฉันจมหายไปในอ้อมกอดของเขา ฉันดีใจที่เขาเปิดใจให้ฉันและยอมให้ฉันเข้าไปเยียวยาความเจ็บปวดในอดีตของเขา ไม่ต่างกัน เขาเองก็ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในใจให้ฉันเช่นกัน
“แม่เสียสละชีวิตแทนราณี” ฉันสะอื้นบอกกับเขา
“อย่าเสียใจเลย ท่านได้ทำหน้าที่ของแม่จนลมหายใจสุดท้าย จงภูมิใจว่าเนื้อแท้ท่านไม่ใช่คนเลวร้าย เพียงอำนาจแห่งความโกรธเกลียดที่ทำให้ท่านหลงผิด”
“ราณีไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่”
“มีสิ พี่ชายของราณียังไงละ”
“แล้ว..พี่นาวเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าชายธีมัสช่วยได้ทัน ตอนนี้ไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
“ดีจัง” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ส่วนมัน คนที่ทำร้ายราณีของพี่ มันจะต้องชดใช้”
“พี่อย่าฆ่าเขานะ ราณีไม่อยากให้พี่ฆ่าใคร” ฉันรีบบอก
“พี่ไม่ได้ฆ่าเขา แต่เจ้าชายแอชตันส่งตัวเขาไปอยู่ในกรงเสือขาว ซึ่งไอ้เสือตัวนั้นท่าทางคงจะกำลังหิวน่าดู”
“พี่...” ฉันหน้าซีด แค่คิดก็ขวัญแทบกระเจิงแล้ว ถึงเจ้าชายมิคาเอลจะข่มขืนและทำร้ายร่างกายของฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาตายน่าสยดสยองแบบนั้น
“หึ พี่ล้อเล่น แต่ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเขาแบบนั้น พี่ไม่ชอบ” พี่มาคัสหน้าบึ้ง ฉันเลยหอมแก้มของพี่เขาเป็นการง้อ เขาจะจูบฉันตอบ แต่ฉันหันหน้าหนี
“ให้เลยยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน ราณีกลัวว่าพิษจะยังอยู่”
“พี่ยอมตาย ดีกว่าต้องทนไม่ได้จูบเราอีกนะ ราณี”
ฉันไม่เคยห้ามเขาได้เลยจริงๆ แต่อันที่จริงพิษที่ริมฝีปากของฉันคงไม่เหลือแล้ว ฉันปล่อยให้พี่มาคัสได้จูบฉันตามที่เขาต้องการ เขายอมเสียสละความสุขของตัวเองมาคอยช่วยเหลือครอบครัวของฉัน ยอมปล่อยให้ฉันมาทำอะไรเสี่ยงๆ โดยไม่เคยพูดหรือห้ามให้ฉันลำบากใจ เขาไม่เคยเห็นแก่ตัวหรือกดดันให้ฉันต้องเลือกระหว่างเขากับภารกิจที่ฉันต้องทำ เขารู้ว่าฉันอยากช่วยครอบครัวด้วยตัวฉันเอง แต่ฉันได้ให้สัญญากับเขาว่า ถ้าจบเรื่องนี้แล้วฉันยังมีชีวิตมีอยู่ ฉันกับพี่มาคัสจะไปอยู่ด้วยกันตามลำพังที่หมู่บ้านบนเขา ส่วนพี่มาคัสก็ให้สัญญากับฉันว่า ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้ฉันตาย ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขารักไปตลอดกาล
นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน ฉันเคยคิดน้อยใจในโชคชะตาเสมอมา แต่วันนี้ฉันกลับได้รู้ว่าฉันมีแม่ที่หัวใจยิ่งใหญ่ ยอมสละลมหายใจเพื่อฉัน มีพี่ชายที่จิตใจสะอาดบริสุทธิ์แสนดี และฉันยังมีพี่มาคัสที่ช่วยทำให้ฉันได้รู้ว่า ลมหายใจของฉันมีค่าสำหรับเขาเหลือเกิน ฉันไม่น้อยใจในโชคชะตาตัวเองอีกแล้ว อยากขอบคุณโชคชะตาด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้มาเจอพวกเขา
โปรดติดตามตอนต่อไป