11/1
จีบทำเมีย
ผ่านไปเจ็ดวันกับการเข้าสู่โหมดเป็นคนโดนจีบ
วันสองวันแรกมันก็ให้ความรู้เขินๆ อยู่หรอกกับการมีสิงห์ตัวโตมาวนเวียนอยู่ใกล้ตัว ส่วนเฮียน่ะเหรอเหมือนหายไปจากโลกนี้แบบที่คงกะยกผมให้อยู่ในการดูแลของพี่สิงห์ไปแล้ว
พอเข้าวันที่สี่เท่านั้นล่ะ เหมือนชีวิตเข้าสู่โหมดสถานกักกัน จากสถานะคนจีบ…พี่สิงห์เปลี่ยนโหมดเป็นผู้คุมเต็มขั้น ชนิดที่แค่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ดำที่เริ่มสนิทกันมาตั้งแต่วงยาดองไปแรดอยู่ในไร่ พี่สิงห์ก็ซิ่งกระบะมาปาดหน้ายืนกอดอกส่งสายตาพิฆาตให้
“ทำไมอยากเที่ยวไร่ไม่บอกพี่ หมวกกันน็อกก็ไม่ใส่ เกิดรถล้มหัวน็อกไปอีกรอบจะทำไง แล้วแดดร้อนจะตายเสื้อแขนยาวทำไมไม่หยิบมา”
แล้วผมก็โดนลากตัวขึ้นรถกระบะสี่ประตู ถูกขังอยู่ในแอร์เย็นเฉียบไปตลอดทั้งวันที่พี่สิงห์พาตระเวนเที่ยวไร่
คือนี่เรียกว่าเที่ยว?
และเพราะยังเที่ยวรับลมชมวิวไม่หน่ำใจ วันต่อมาผมเลยแอบส่องว่ารถพี่สิงห์ไปทางไหน ค่อยขอยืมรถดำแว๊นซ์ไปแรดฝั่งตรงข้ามแทน กะว่ายังไงก็ไม่เจอแน่ๆ
ผลสรุปคือเพิ่งเตะขาตั้งรถ กะจะลงไปดูเขาเก็บชา รถกระบะพี่สิงห์ก็ตะบึงมาจากไหนไม่รู้ สุดท้ายผมก็ถูกหิ้วตัวกลับขึ้นรถเหมือนเดิม
“ถ้าต่อไปยังจะขี่รถอีก คอยดูพี่จะขังไว้แต่ในห้อง ไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย ขับออกไปได้ยังไงหนังหุ้มเหล็ก ต่อไปเบื่อก็บอกพี่อยากไปไหนก็มาบอก พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้อีก”
โอเค ค่อยใกล้เคียงกับการพยายามจีบขึ้นมาหน่อย แต่อะไรคือจะไปไหนต้องบอก...แล้วบอกก็ใช่ว่าจะได้ไปไหม
“พี่สิงห์ผมอยากไปวงยาดอง”
เย็นๆ นั่งแกร่วอยู่ชานเรือน ได้ยินเสียงร้องเพลงของวงยาดองก็ชักอยากไปนั่งล้อมวงแก้เบื่อ แต่ก็นั่นล่ะ...
“ไม่อนุญาต เดี๋ยวเมาแล้วมายั่วพี่อีก พี่อดใจไม่ไหวจะหาว่าไม่เตือน”
ผมแค่บอกไม่ได้ขออนุญาต แต่ยังไม่ทันได้ชักสีหน้า พี่มันก็หยอดปิดท้าย หน้าแดงซิครับรออะไร จะเถียงออกไปสักคำยังอ้าปากไม่ออกเลย
สรุปคือนอกจากไปไหนมาไหนตัวติดกันเป็นปลิงกับพี่สิงห์ ผมก็แทบไม่ได้ไปไหนคนเดียวเลย
แต่แปลกที่ไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิด เพราะคำห้ามปรามมันมาพร้อมความห่วงใยและความใส่ใจล้วนๆ ชัดเจนซะจนหัวใจอุ่นไปหมด
แถมการถูกเกาะติด ยังทำให้ผมแทบไม่มีเวลากลับไปคิดถึงเรื่องเศร้าใจจากการอกหักแบบจริงจังสักครั้ง ได้แต่ปล่อยให้มันค่อยๆ ตกตะกอนไปพร้อมกับแผลตามตัวที่ใกล้ตกสะเก็ดเต็มที
“เมื่อเช้าเข้าไปดูงานในเมืองมา พี่เลยซื้อชุดกับขนมมาให้ เอาเข้าไปลองดูว่าใส่ได้พอดีไหม”
นี่ไง เพิ่งกินข้าวเที่ยงแล้วย่นก้นนั่งที่ระเบียงบ้าน พี่สิงห์ที่หายไปครึ่งวันก็หิ้วถุงพะรุงพะรังขึ้นมายื่นส่งให้
“ไว้ก่อนก็ได้ พี่กินข้าวมารึยัง ผมไปบอกป้าคำปันให้เตรียมให้ไหม”
“ดีใจน่ะเนี่ย” พี่มันไม่ตอบรับแต่ยิ้มมองผมตาพราว
“เรื่อง?” ได้ข่าวผมแค่ถามพี่ว่ากินข้าวมารึยังนะ
“ที่ห่วงพี่ไง แสดงว่าเริ่มใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว”
ก็เหมือนเดิม นอกจากช่วงนี้พี่สิงห์จะขยันหยอดแล้ว ยังขยันยิ้มซะจนหัวใจผมเต้นรัวหนักมาก
“คิดไปเอง แล้วตกลงกินข้าวมายัง”
“ยังเลย ต้มมาม่าให้กินหน่อย”
ยัง...ยังจะส่งสายตาอ้อนมาให้อีก
“ป้าคำปันทำกับข้าวไว้เพียบเลย จะมากินทำไมมาม่า สารอาหารไม่ครบ หม่า...”
“หม่าม้าบอกว่า...มันไม่มีประโยชน์ใช่ไหม” พี่สิงห์รู้ทันล้อผมตาพราว แล้วก็เหมือนเดิมที่ไม่ลืมหยอดปิดท้าย “เด็กผู้ชายรักแม่...น่ารักดีอ่ะ แบบนี้ถ้าพี่จีบติด หลงคงต้องรักแล้วดูแลพี่ดีมากแน่ๆ”
“จีบให้มันติดก่อนเถอะ โม้อยู่นั่น ผมไปบอกป้าคำปันให้แล้วกัน”
เกลียดความขยันหยอดและอ่อยเบอร์แรงของพี่สิงห์ ใจบางๆ สั่นระริกๆ ไปหมดแล้ว ขืนไม่เดินหนีตอนนี้มีหวังตัวเหลวเป็นน้ำ
ผมวางถุงขนมไว้ที่โต๊ะแล้วหิ้วถุงเสื้อเดินหนี ตั้งใจว่าแวะไปบอกป้าคำปันแล้วจะเอาของไปเก็บ เผื่อเวลาให้ตัวเองได้สร้างภูมิคุ้มกันพี่สิงห์โหมดอ่อยสักแป๊บหนึ่ง
“อย่าไปนานนะ...คิดถึง”
“...” ถ้าพี่จะขยันหยอดมันตลอดเวลา หัวใจผมจะทนได้นานแค่ไหน
ยังดีที่เก็บของเสร็จแล้วเดินกลับมา พี่สิงห์ที่ท่าทางจะหิวจนตาลายก็ฟาดข้าวที่ป้าคำปันยกมาให้จนข้าวหมดจานแล้ว
“ไปนาน”
ข้าวยังคาปากแต่ยังงอแงใส่ได้ เชื่อเขาเลย
“ผมไปเปลี่ยนชุดมาน่ะ ลากเสื้อลากกางเกงพี่มาหลายวัน ใส่แบบนี้ค่อยพอดีหน่อย”
ไม่อยากจะถามเลยว่ารู้ไซส์ผมได้ไง ขนาดไซส์กางเกงในยังพอดีเป๊ะ กลัวเข้าตัว ไม่ถามดีกว่า
“ไม่รู้ว่าชอบใส่แบบไหน คิดว่าแบบนี้หลงใส่แล้วน่ารักดีเลยซื้อมา”
พี่สิงห์รวบช้อน ยกแก้วน้ำดื่มจนค่อนแก้วแต่มองผมที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวกับกางเกงผ้ายืดขายาวสีเขียวขี้ม้าไม่วางตา
“ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มหลบตา รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะคำชมจนไม่กล้ามองพี่สิงห์ตรงๆ
และเพื่อความปลอดภัยของหัวใจตัวเองที่ชักจะเขวๆ ผมเลยเปลี่ยนเรื่องแทน “บ่ายๆ ผมไปหาเฮียที่บ้านท้ายไร่นะ ยืมจักรยานดำไว้แล้ว”
“ไปทำไม” เสียงเข้มขึ้นมาเชียว
“ก็เฮียลืมผมทิ้งไว้กับพี่สิงห์เป็นอาทิตย์แล้ว ผมก็อยากคุยอะไรตามประสาหลานกับลุงรหัสมั้งสิ”
“งั้นไม่ต้องเอาจักรยานไป ถึงจะบ่ายแต่แดดก็ร้อน เดี๋ยวติดรถไปพร้อมกันเลย เย็นๆ กลับจากไร่พี่จะแวะไปรับ”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียง หน้าพี่สิงห์ไม่ดุเหมือนเดิมแล้ว ผมเลยยิ้มกว้างหลิ่วตารับคำ
“รับทราบ”
“โอ๊ยยยย” พี่สิงห์มองจ้องมาเขม็ง แล้วอยู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้น
“อะไรพี่สิงห์ อยู่ๆ ร้องซะตกใจ”
“ยิ้มน่ารักแบบนี้พี่ก็ตายดิ รู้งี้ไม่สัญญาไว้ก็ดี ตอนนี้อยากกอดอยาก...จะแย่” คนหื่นทำหน้ามันเขี้ยวแทนคำที่ไม่ได้พูดออกมา
จะทำเป็นไม่เข้าใจก็คงไม่ทันแล้ว หน้าผมคงแดงยิ่งกว่าก้นลิง พี่มันเลยยิ่งส่งสายตาละห้อยมาให้
แบบนี้จะไม่ให้ใจอ่อนยังไงไหว ก็เหมือนทุกครั้งที่พี่สิงห์ไม่ได้แตะตัวผมตามที่สัญญาไว้ แต่เป็นผมเองที่ยื่นแก้มเข้าไปใกล้ๆ
“น่ารักที่สุด”
พี่สิงห์ยิ้มกว้าง ยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ แล้วทำหน้าฟินซะจนใจผมแทบจะละลายติดมือไปด้วย
กว่าจะไปถึงบ้านเล็กท้ายไร่ของเฮียเสือ ช่วงเวลาที่ผมหวั่นไหวกับพี่สิงห์แทบจะนับครั้งไม่ถ้วน มันทำให้ผมรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเราเริ่มขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกที มากซะจนพี่สิงห์อาจไม่ต้องใช้เวลาในการจีบผมนาน
“หลง”
“ครับ” ก่อนผมจะลงจากรถ พี่สิงห์เรียกผมไว้พร้อมกับเอี้ยวตัวไปด้านหลังคว้าถุงกระดาษใบหนึ่งยื่นให้
“ของหลง เมื่อกี้พี่ลืมเอาขึ้นไปให้”
“พี่สิงห์ซื้อมาทำไมตั้งเยอะแยะ แค่ให้ที่อยู่ที่กินผมก็เกรงใจจะแย่” ผมบ่นอุบไม่กล้ารับของจากพี่สิงห์อีกแล้ว
“รับไปเถอะ พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริงๆ เห็นว่าไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาด้วย” มีความพยายามยัดเยียดของใส่มือ
จะไม่รับไว้ก็ทนสายตาวิ้งๆ ของพี่สิงห์ไม่ได้ และเพราะสีหน้าลุ้นของพี่แก ผมเลยต้องเปิดถุงกระดาษดูของข้างในที่เห็นว่าเป็นอะไรแล้วแทบจะยัดคืน
“รับแล้วส่งคืน คนตั้งใจเลือกให้เสียใจแย่” พี่สิงห์ดักคอ
“แต่มันแพงไป ผมจะรับไว้ได้ไง”
ไอโฟนสิครับจะอะไรซะอีก แถมเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย พี่จะป๋าเปย์ไปไหน แค่นี้ก็หวั่นไหวจะแย่แล้ว
“เพื่อว่าที่เมีย...น้อยกว่านี้ได้เหรอ”
ถ้าพี่ยังจะยิ้มใส่ตา ทำหน้าอ้อนใส่ไม่แคร์หัวใจบางๆ ของผม ผมจะบิดตัวซุกหายไปกับเบาะรถแล้วนะ
“เอาของมาล่อ เห็นผมเป็นคนยังไง”
อยู่ในพื้นที่จำกัดระหว่างเบาะรถ จะหนีก็หนีไม่ได้ ผมเลยได้แต่แกล้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนความเขิน
“ไม่ได้เอาของมาล่อ เอาหัวใจมาล่อต่างหาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เด็กใจแข็งแถวนี้จะใจอ่อนให้สักที”
อ้อนกันขนาดนี้ ผมอ่อนจนแทบละลายแล้วครับแค่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง
“ผม...ลงไปหาเฮียนะ ขอบคุณครับ” สู้ไม่ได้ก็ต้องหนีไปตั้งหลักก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยให้เฮียเสือช่วยส่งคืนให้ทีหลัง
ดูเหมือนพี่สิงห์จะพอใจที่ผมไม่ปฏิเสธอีก เลยปล่อยผมลงจากรถง่ายๆ ก่อนจะขับรถออกไปยังไม่ลืมลดกระจกลงมาบอก
“พี่เมมเบอร์พี่ไว้เป็นเบอร์แรกนะ ถ้าไม่อยากให้ตอนกลางคืนเดินไปเคาะห้องชวนคุยบ่อยๆ แล้วอดใจไม่ไหวเข้าไปลักหลับ ก็เก็บไว้ใช้เถอะ ถ้าวานให้นายเสือเอามาคืน พี่จะเอาปาหัวมันแทน”
บอกจบก็ขับรถออกไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มกว้างมองตามเหมือนคนบ้า