เอาอีกฉากของดราม่ามาให้อ่านครับ คิดถึงจัง
....................................................
ตอนที่ 41 ความหลังของความรัก“วัดเจดีย์หลวง” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยพระยาแสนเมืองมา แห่งราชวงศ์ มังราย มีอายุกว่า หกร้อยปี ตั้งอยู่กลางเมือง ถ้าใครไปเชียงใหม่ตอนนี้ และมีโอกาสที่ได้ไปเดินซื้อของที่ถนนคนเดินในวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เดินจากประตูท่าแพไปตามถนนราชดำเนิน ตรงไปที่วัดพระสิงห์ จนมาถึงจุดตัดระหว่างถนนราชดำเนินกับถนนพระปกเกล้า เลี้ยวซ้ายนิดนึง ผ่านหน้าวัดพันเตา ที่มีหน้าบัน เป็นรูปนกยูงแกะสลักสวยงาม... วัดเจดีย์หลวงจะอยู่ประตูถัดไป
ผมจอดรถไว้ที่ๆ วัดจัดไว้ เดินไปที่หลังโบสถ์ อันเป็นที่ตั้งของเจดีย์ใหญ่ที่มีรอยปรักหักพัง... ทางกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะองค์เจดีย์จนดูเรียบร้อยขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คงสภาพเหมือนกับเจดีย์หักองค์ใหญ่ ธรรมดาๆ ผมนั่งคุกเข่าลงกราบองค์พระที่ประดิษฐานอยู่ ก่อนจะถอยออกมานั่งที่ม้านั่งไม่ไกล
ช่องเกลที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ที่อัญเชิญมาจากเมืองลำปาง (ก่อนจะถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่ลาว จนถึงสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช) ยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกบูรณะจนดูสะอาดสะอ้าน... ความคิดของผมย้อนกลับไปถึงเรื่องราวเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ที่ผมมานั่งที่นี่ สองครั้ง ครั้งแรกมากับผู้หญิงคนนึง ที่ผมเคยรักมากที่สุด ผมนั่งอยู่ตรงหน้าพระแห่งนี้คู่กับน้องเค้า พร้อมกับคำอธิษฐาน
“...ขอให้ผมหลุดพ้นจากบ่วงกรรม อันนี้ให้เร็วที่สุด ผมขอจองเป็นคู่กับผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่าได้มีอุปสรรคใดๆ มาแผ้วพานต่อการครองคู่ของเรา...”
ครั้งนั้นความรักยังเต็มไปด้วยความหวานชื่นและความหวัง... ผมหวังว่าผมจะสามารถครองคู่อยู่กับน้องเค้า ดูแลน้องเค้าตลอดไป... ความรักในครั้งนั้น ผมทุ่มจนหมดใจ ไม่เหลือทางถอยให้กับตัวเองเลยสักนิด... จนกระทั่ง...วันที่ผมมาซมซานตามหาน้องษาที่เชียงใหม่ กว่าจะได้รู้ความจริงว่า น้องเค้าไม่รักผมแล้ว
วันที่ผมรู้ และเห็นกับตาตัวเอง หลังจากนั้น...ผมก็พบว่า ผมมานั่งอยู่ที่หน้าเจดีย์แห่งนี้พร้อมกับไอ้ชล...
………………………………………….
... “ที่ไหนวะ ชล” ผมถามไอ้ชลเสียงแหบหลังจากที่มันพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์จากไนท์บาซาร์ ขับวนเวียนมาถึงวัดเจดีย์หลวงอีกครั้ง...
“กูไม่รู้เหมือนกัน....” ไอ้ชลส่ายหน้าเพราะมันก็ไม่รู้จักทาง...
ผมมองไปรอบๆ... เจดีย์สูงๆ มีรอยถล่มอยู่บ้าง บันไดสูงทอดขึ้นไปสู่ช่องเกล... ดูเหมือนเป็นที่ประดิษฐานอะไรสักอย่าง...
“วัดเจดีย์หลวง” ผมบอกเบาๆ...
“มึงรู้เหรอ...
“อือ... กูเคยพาน้องษา มาไหว้พระที่นี่” ผมบอกเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าเจดีย์ นั่งคุกเข่าลงพนมมือ... ไหว้องค์เจดีย์ใหญ่ ไอ้ชลมันมานั่งคุกเข่าข้างๆ พนมมือตาม...
ผมไม่รู้ว่ามันอธิษฐานอะไร แต่ผมพึมพำอธิษฐานในใจ “ผมมากราบด้วยใจอันร้อนรุ่ม... ขอพรให้ผมได้หลุดพ้นจากความรุ่มร้อนด้วยเถิด”
ก้มลงกราบสามครั้ง ก่อนจะลุกเดินออกมา ไอ้ชลเดินตามมาโอบใหล่ผม... “เข้มแข็งนะ ดิน”
ผมหันหน้ามามองมันเศร้าๆ “กูเข้มแข็งเสมอ ชล... ให้กูรู้เท่านั้นเอง ว่า...น้องเค้าไม่รักกูแล้ว...”
ผมนั่งมองเจดีย์ที่เป็นทั้งพยานความรัก และความผิดหวังของผมกับน้องษา... วันที่ผมมีความสุขมีน้องเค้าอยู่เคียงข้าง ไม่นานมานี้ ผมก็นั่งอยู่ตรงนี้ แต่เหตุการณ์ที่พลิกผัน ทำให้ผมกลับมานั่งตรงนี้อีกครั้ง พร้อมๆ กับหัวใจที่แหลกสลาย คงมีแต่เพื่อนคนเดียวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมคอยปลอบโยนห่วงใย อย่างไอ้ชลนี่เอง...
………………………………………….
เหตุการณ์ที่ทำให้ผมกับน้องษา มีอันต้องแยกจากกัน ความผิดหวังในครั้งนั้น เป็นส่วนหนึ่งของพลังขับเคลื่อนในตัวผมที่บอกตัวเองว่า ผมมันไม่ดีพอที่น้องเค้าจะฝากความหวัง ชีวิต และอนาคตให้ผมดูแลได้
ความผิดหวังทำให้ผมฮึดสู้... ดีดตัวเองจากเด็กบ้านนอก มาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางค่อนไปทางจน... ไขว่คว้าหาความรู้ และโอกาส จนกระทั่งเป็นวันนี้...วันที่ผมบอกได้ว่า ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนหนึ่งนั้นมาจากเหตุการณ์แห่งความหลังนั่นเอง...
ผมเหลียวมองไปรอบๆ... บรรยากาศเปลี่ยนไปเยอะ แต่ยังคงเค้าเดิมๆ อยู่บ้าง ก่อนจะเดินกลับมาที่รถ... ขับออกมา...
จากวัดเจดีย์หลวง... ผมมาจอดรถที่วัดพระสิงห์ วัดที่สามารถมองเห็นเป็นสง่าอยู่แต่ไกลจากประตูท่าแพ... ผมเดินไปซื้อดอกไม้จากแม่ค้า เพื่อนำมาสักการะพระประธานในอุโบสถ อันเป็นที่เคารพสักการะของคนเชียงใหม่
“ผมมีโอกาส กลับมาที่เชียงใหม่อีกครั้ง ผมมาสักการะด้วยใจอันบริสุทธิ์ ขอให้ผลบุญนี้ดลบันดาลให้ผมพบแต่ความสุขความเจริญด้วยเถิด...”
กราบพระในอุโบสถ ผมก็เดินไปที่พระวิหารลายคำ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ คู่บ้านคู่เมืองของคนเชียงใหม่ ทุกๆ ปีในช่วงวันสงกรานต์ ทางวัดจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ออกมาให้คนทั่วไปสรงน้ำ พร้อมกับมีมหรสพ สมโภชน์ทุกๆ ปี
กำลังจะเดินมาที่รถ...
“พี่ดิน... พี่ดินหรือเปล่าคะ”
เสียงทักทายมาทางหนึ่ง ทำให้ผมต้องหันไปมองแล้วผมก็ต้องแปลกใจว่า เหตุการณ์มันช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ เพราะ คนที่ส่งเสียงทักทายผมก็คือ... น้องษานั่นเอง... มากับผู้ชายผิวขาวค่อนข้างท้วม...
“พี่ดินสบายดีหรือเปล่าคะ แล้วมาเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไร อยู่กี่วันคะ”
น้องษายังคงมีแววของความน่ารักในอดีต... หน้ารูปใข่ตาโต หากแต่วันนี้ ด้วยวัยที่มากขึ้น ทำให้รูปร่างที่เคยเล็กๆ บางๆ กลายเป็นหญิงสาววัยสี่สิบต้นๆ รูปร่างห่างจากคำว่าบางไปมากแล้ว
“อือมมมม พี่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ อีกสองสามวันก็กลับแล้ว”
ผมยิ้มให้น้องษา มองเลยไปที่ผู้ชายที่มากับน้องเค้า
“น้องษา สบายดีเหรอครับ”
“ค่ะ ก็เรื่อยๆ... พี่ดินคะ นี่พี่ราชัน แฟนษา พี่ราชันคะ... นี่พี่ดินรุ่นพี่ที่ษาเคยรู้จักตอนเรียนมัธยม”
น้องษาแนะนำเราทั้งสองคน... ผมมองสบตา กับ “แฟน” ของน้องษา ก่อนจะยิ้มให้ พยักหน้านิดนึงเหมือนกับเป็นการทักทาย...
“พี่ดินมาทำอะไรที่นี่คะ” น้องษาถามผม... ลึกๆ แล้ว ผมก็ยังมองเห็นแววตาของน้องษาคนเดิมอยู่ หากแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะหวนคืนอีกแล้ว...
“ก็พอดีมาหุ้นกับเพื่อนเปิดเกสต์เฮาส์เล็กๆ อยู่แถว... นี้แหละครับ... แล้วษาล่ะ มาทำอะไรที่เชียงใหม่”
“มาเป็นเพื่อนพี่ราชัน... เอ่อ... มาหาหมอที่โรงพยาบาลสวนดอกค่ะ แล้วมีเวลาก็เลยมาไหว้พระ...”
ผมหันไปมองหน้า “แฟน” ของน้องษาอย่างสังเกตุอีกที มีร่องรอยของความอิดโรยอยู่จางๆ ซึ่งตอนแรกที่ไม่ได้สังเกตุเพราะคิดว่าเค้าเป็นคนเหนือ ผิวขาว บวกกับ ไม่ได้ทำงานหนักอะไร เลยดูปกติของคนวัยนี้ ไม่คิดว่าจะไม่สบาย...
จากหนุ่มเหนือหล่อเหลา เมื่อยี่สิบปีกว่าปีที่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นผู้ชายวัยเกือบห้าสิบปี... ดูท่าจะไม่ค่อยแข็งแรงนัก อาจจะเป็นเพราะการใช้ร่างกายในวัยหนุ่มที่หนักหน่วงสมบุกสมบันพอสมควร (เพื่อนษาบอกว่า เค้าค่อนข้างเที่ยวและดื่มหนัก ตามประสาลูกคนรวย)
“พี่ดินดูยังแข็งแรงนะคะ...” น้องษาบอก
“ก็ ตามประสาครับ ตอนนี้มีเวลามากหน่อย เลยได้ออกกำลังกาย ก่อนหน้านี้เรียนหนังสือก็ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไรนักหรอกครับ”
“พี่ดินเรียนอะไรคะ... ษาเคยเจอจุ๊... เห็นจุ๊บอกว่า พี่ดินไปเรียนต่อที่อเมริกา”
“ฮื่อ... ก็ เรียนโทใบที่สองครับ... ที่...... เพิ่งจบรับปริญญาไปไม่กี่เดือนนี่เอง”
“พี่ดินเก่งนะคะ... ษาเคยได้ยินว่า ที่พี่ดินเรียน ยากมาก...” น้องษาบอก
ผมยิ้ม... เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี ดูเหมือนในตอนนี้ทางชีวิตของน้องษากับผมค่อนข้างจะเป็นทางคู่ขนานที่จะแยกห่างกันออกไปเรื่อยๆ น้องษามีชีวิตแบบเรียบๆ ง่ายๆ ตามแบบของคนต่างจังหวัด ในขณะที่ชีวิตของผมค่อนข้างวุ่นวายตามประสาคนเมืองกรุง... ซึ่งบอกไม่ได้เหมือนกันว่าใครมีความสุขกว่าใคร...
เราคุยกันต่ออีกนิดหน่อย... ก่อนจากกัน...น้องษาบอกว่าถ้าผมมีเวลาแวะไปที่ลำปาง ก็เชิญไปที่บ้าน จะได้ต้อนรับบ้าง พร้อมกับให้เบอร์โทรติดต่อไว้ ซึ่งก็ให้เบอร์ผมไป...ก่อนจะแยกออกมา
... นึกๆ ดูก็แปลก... เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมขึ้นมาเชียงใหม่กับไอ้ชลเพื่อตามหาน้องษาแต่ก็ไม่ได้คุยจนวันสุดท้าย แต่ครั้งนี้ ขึ้นมาเชียงใหม่ไม่มีไอ้ชล... แต่กลับเจอน้องษาอย่างไม่ตั้งใจ...
ผมขับรถกลับ เพราะไม่มีอารมณ์ไปที่ไหนต่อแล้ว... จนกระทั่งกลับมานั่งที่เกสต์เฮาส์ ผมก็ยังคิดถึงเรื่องราวระหว่างผมกับน้องษา... ถามว่า ผมยังคิดอะไรกับน้องเค้าไม๊... ผมตอบได้เลยว่าความเจ็บปวดก็ยังมีอยู่... แต่ก็ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็อดอิจฉาผู้ชายคนนั้นไม่ได้ที่มีน้องเค้าดูแล แต่ผมกลับไม่มีใคร
แต่ ถ้าตอนนั้นไม่มีเรื่องเกิดขึ้นมา ชีวิตผมคงไม่ได้เป็นแบบนี้ อาจจะเปลี่ยนไปอีกอย่าง ซึ่งจะเป็นยังไงก็สุดที่ผมจะคาดเดา... ถึงยังไงก็แล้วแต่... ตอนนี้ผมก็ยินดีกับสถานะภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่... ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นรนกันไป... จริงไหมครับ...
เสียงเพลงจากเครื่อง สมาร์ทโฟนที่ผมเปิดวางไว้ข้างๆ ดังแว่วๆ จนผมต้องหันไปยิ้มเพราะมันตรงกับความคิดของผมตอนนี้ที่สุด
เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ
ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน
เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
สุขก็เตรียมไว้ ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล จะได้รับความจริงเมื่อต้องเจ็บปวดไหว
เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดเพลง: Live and Learn
แต่งโดย: คุณบอย โกสิยพงษ์
ขับร้องโดย: คุณกมลา สุโกศล
...........................................
เดี๋ยวไว้ตอนหน้าค่อยกลับมาบรรยากาศเดิมๆ นะครับ แหะๆๆ