บทที่ 7 หวั่นไหว
Yonah Say
“หายหัวไปไหนมาวะ” ไอ้ข้าวถามขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินเข้าห้องประชุมวันนี้เป็นวิชาจิตวิทยาเป็นวิชาเลือกครับ เรียนรวมกับคณะอื่น
“เมาแฮงค์ ไข้แดก” ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมัน เห็นไอ้ธีรมันไปนั่งกลับกลุ่มเพื่อนอีกฟากนึงของห้อง สงสัยจะหลบหน้าผม ดีเหมือนกันผมก็ยังไม่อยากคุยกับมัน
“จารย์สั่งงานไรมั้ย เมื่อวาน” ไอ้ข้าวส่ายหัว ก็ดีชีวิตมหาลัยแม่งเขี้ยว ขาดเรียนบ่อยลงเรียนใหม่เลย
“เรื่องไอ้ธีร....”
“ไว้ก่อนเหอะ กูเป็นคนมีเหตุผลพอ” ผมเบรกมัน “ให้เวลากูหน่อย”
ผมมานั่งทบทวนดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ฟาว่า ผมติดเพื่อน ติดเกมส์ แต่ผมกลับไม่มีเวลาให้เธอเลย แต่ถึงฟาจะบอกเลิกผมจริง มันก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ เพียงแต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้ก็คือไอ้ธีรเป็นคนแย่งแฟนผมนี่ละ มันรู้สึกเหมือนตัวเองโง่ โดนคนใกล้ตัวหักหลัง
“เฮ้ยนั่นรุ่นพี่ที่มากับมึงวันนั้นนิ” ผมมองตามสายตาไอ้ข้าว ก็เจอรอทเดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อนวิศวะของมัน เมื่อเช้าผมมากับมันนั่นละครับแต่ไม่เห็นบอกเลย ว่ามีเรียนคลาสเดียวกัน
“ชื่ออะไรวะ...” ข้าวถาม “ไปรู้จักได้ไง?...หน้าฝรั่งแต่พี่แกพูดไทยอย่างชัด!”
“ชื่อรอท...พี่ในเกมอะ” ผมแถ เอาจริงๆ ตั้งแต่มีเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนั้นเข้ามาผมแทบจะไม่ได้เตะคอมเลย เหมือนรอทจะเห็นผมแล้วครับ มันกับกลุ่มเพื่อนอีก 4-5 คน เดินมาก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆ พวกผม
“มีคนนั่งมั้ย” รอทถามพอเป็นพีธีแต่นั่งแล้ว ถามเพื่อ!? ผมเลยได้แต่ยักไหล่ก่อนจะหยิบสมุดแลคเชอร์ที่จดบ้างวาดรูปเล่นบ้างขึ้นมาเพราะอาจารย์เข้าห้องมาแล้วครับ
การที่ต้องมานั่งเรียนวิชาบรรยายแต่เช้ามันเป็นอะไรที่นรกมาก ยิ่งพึ่งสร่างไข้ด้วยยิ่งแย่หนักไปใหญ่เลยครับ หัวมันหนักๆแถมยังปวดหนึบ ผมเหม่อมองดูไสลด์ที่อาจารย์สอนมันไม่มีอะไรซึมเข้าสมองเลยให้ตายสิเพราะตอนนี้ทั้งเรื่องฟากับไอ้ธีร เรื่องพวกบีส รวมไปถึงเรื่องไอ้แวมไพร์ข้างๆ ผมมันตีกันเละอยู่ในหัว จนท้ายที่สุดผมก็ฟุบหน้าลงไปคุยกับโต๊ะเลยครับ...ไม่ไหวละ
“เฮ้ย โย! เป็นไรวะ” ไอ้ข้าวตูตกใจหน่อยๆ ที่ผมจู่ๆ ก็ฟุบไป “เชี่ย นี่มึงยังไม่หายไข้หรอวะ” มันเอามือมาเตะข้างแก้มผมดูครับ ผมส่ายหัวทั้งที่ยังฟุบอยู่แบบนั้น
“เมื่อเช้าได้กินยาหรือเปล่า...” รอทที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น
“ลืม...!”
“งั้นก็นอนไป หมดคาบเดี๋ยวผมปลุก” ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกว่ามือใครซักคนที่ลูบหัวผมเบาๆ กลิ่นไอคุ้นเคยแบบนี้ เหอะ...ผมไม่ได้โวยวายอะไร ปล่อยให้ไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นลูบหัวผมต่อ ไม่รู้สิมันเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นนะ อะไรที่ฟุ้งซ่านมันเหมือนสงบลง งีบซักนิดดีกว่าเรา (หนูหวั่นไหวหรอลูก/me)
...............................................
“กูไม่ยักรู้ ว่ามึงกับพี่เขาเป็นรูมเมทกัน” ข้าวถามขึ้นขณะที่เรานั่งอยู่เบาะหลังของรถไอ้คุณรอท มันมาส่งผมที่คอนโดมันครับเอากุญแจห้องให้ผมก่อนจะกลับไปเรียนต่อเพราะมีเรียนคาบบ่าย ข้าวหอมขอตามมาด้วย มันบอกช่วงนี้ผมหายหน้าหายตาอยากมาดูว่าผมเป็นอยู่ยังไง มันบอกเผื่อผมชอคตายจะได้มีคนเก็บศพ
“บางวันก็นอนหอกูแหละ นอนห้องมันคิดซะว่าประหยัดไฟ” ผมอธิบายพลางไขกุญแจเข้าไปในห้อง
“โหห้องแม่งอย่างเจ๋ง!...” ไอ้เพื่อนตัวดีว่าพลางโยนกระเป๋าลงบนโซฟาหนังสีดำก่อนจะลงไปนอนกลิ้ง เออ...คิดซะว่าห้องมึงละกัน สัส !
“มึงรู้จักพี่เค้านานยังวะ”
“ไม่น่าจะถึงเดือนหรอกมั้ง” ผมว่า จำไมค่อยได้แฮะ
“แต่ถึงขนาดให้มึงมาอยู่คอนโดเนี่ยนะ” มันมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย “เฮ้ย กูเห็นนะ ในคาบอะ เป็นห่วงเป็นใยมึงซะขนาดนั้น ไม่ใช่อกหักละหันไปชอบผู้ชายนะมึง” มันแซวครับ
“สัส จะลองกับกูก็ได้นะ” ผมว่าแก้เขิน...เขิน!? ละทำไมผมต้องเขินวะ
“มึงลุกเลย ทำอะไรให้กูกินหน่อย หิว” ผมว่าพลางลากมันลงจากโซฟา
“ใช้กูเลยนะ” มันทำบ่นไปงั้นละครับแต่ก็ลุกไปทำให้ผมอยู่ดี ในตู้เย็นพอมีของสดอยู่บ้าง กุ้ง กับหมู กับผักอีก 3-4 อย่าง คือผมเริ่มสงสัยแล้ว ว่าแวมไพร์แม่งกินเลือดเป็นหลักจริงปะ ดูอุปกรณ์ทำครัวมันสิจริงจังกว่าห้องผมอีก
ไอ้ข้าวหอมทำยำมาม่าให้ผมกินครับ มันบอกขี้เกียจหุงข้าว จริงๆ มันทำกับข้าวอร่อยมากบ้านเปิดภัตรคารมีสกิลติดตัวสูง กินข้าวเสร็จผมกับมันก็นั่งคุยกันไปดูหนังไป เหมือนมันจะพยายามพูดเรื่องไอ้ธีรหลายครั้งแต่ผมไม่เบรกก็เปลี่ยนเรื่องตลอด มันคงรู้เรื่องอะไรอยู่บ้างแหละแต่ผมแค่ยังไม่พร้อมฟัง จนเวลาล่วงเลยมาหนึ่งทุ่มมันเลยขอตัวกลับ
........................................................................
ตึ๊ง!...เสียงไลน์ดังผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน ไอ้คุณรอทครับ
/กลับดึกนะ ผมมีงานด่วน แล้วก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่แต่ในห้องนั่นละ/ สั่งจัง เป็นพ่อกูหรือไง (พ่อทูนหัวไง) ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงแบบเซ็งๆ ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำ
เฮ้อทำไรดีวะ จะโทรหาแม่ก็ไม่มีเบอร์ จะโทรหาแฟนก็ไม่มีแล้วนี่หว่า การบ้านก็ไม่มีให้ทำ ว่างครับชีวิตมันว่าง สุดท้ายผมก็มาสิงสถิตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของรอท ว่าจะโหลดเกมส์มาเล่นซักหน่อย ระหว่างรอดาวโหลดผมก็ถือวิสาสะค้นนั่นดูนี่ในคอมมันไป เห็นตื่นมาวันไหนอยู่แต่หน้าคอมดูซิมีอะไรดีๆ ผมคลิกเข้าไปในโฟลเดอร์ที่เขียนว่า “Security Council of Eternal Clan” เดาว่าน่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่หมอนั่นเรียกว่าสภากลาง ถึงมันจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมก็พออ่านออกบ้าง
ผมไล่อ่านนั่นอ่านนี่ในโฟลเดอร์ไปเรื่อยจนพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าไอ้สภากลางเนี่ยก็เหมือนกับองค์กรที่คอบควบคุมดูและพวกอมนุษย์ มีกฎและผู้คุมกฎใครทำผิดก็ถูกขังไม่ก็ประหารเหมือนกับตำรวจบ้านเรานี่ละมั้ง ส่วนแฟ้มคดีก็มีพวกเป้าหมายที่ต้องกำจัดซึ่งหลายๆรายไอ้รอทมันก็เอาผมไปล่อตีนนี่ละพอจำได้ แต่ที่น่าสนใจคงเป็นคดีที่ฆ่านักล่าของสภา 2 คนนี่หละครับ ผมเพิ่งรู้นะว่านักล่าของสภาเป็นมนุษย์ก็ได้ 2 คนที่ตายเป็นมนุษย์ จากประวัติเหมือนว่าจะเป็นพวกมีสัมผัสที่หกและพอจะรับรู้ตัวตนของพวกอมนุษย์ได้ คล้ายผมเลยแฮะ ทั้งคู่โดนจับบูชายันต์เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีวงเวทย์และอุปกรณ์ประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า Vigorous รายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งคนรับผิดชอบคดีไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ รอท ราฟาเอลโล ซานซีโอ ก็ไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นละครับ
ผมได้ยินเสียงไขประตูห้องสงสัยรอทกลับมาแล้วครับ เลยรีบปิดเอกสารที่อ่านอยู่ก่อนรันหน้าต่างเกมส์ขึ้นมาแทน อ้าว!...เที่ยงคืนตั้งแต่เมื่อไหร่อ่านเพลินเลยผม
“นายยังไม่นอนอีกหรอ” รอทถามทันทีเห็นผม “หายสนิทแล้วสิ”
“ก็ดีขึ้นแล้ว” ผมตอบ “เล่นเพลินไปหน่อย แต่ว่าจะนอนแล้วละ”
“อืม...” มันว่าพลางวางกะเป๋าลงข้างเตียง
“นายไปไหนมา” ผมถามเมื่อเห็นรอทเอาปืนที่แหนบเอวอยู่ด้านหลังมาวางบนโต๊ะ ปกติเวลาล่าพวกบีส มันใช้แต่มีดครับ มันบอกว่าจะได้ไม่เสียงดังเดี๋ยวคนแตกตื่น
“ไปทลายพวกโบสถ์ที่มีประกอบพิธีกรรมเถื่อน”
“ยังไงอะ!? ”
“ก็...พิธีกรรมที่เปลี่ยนมนุษย์เป็นพวกผมไง จริงๆ มันยุ่งยากต้องผ่านการอนุมัติของสภากลาง เช่น นายแต่งงาน หรือถูกรับเป็นบุตร คนที่รับรองนายเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็เปลี่ยนเป็นแบบนั้น เปลี่ยนเสร็จก็ต้องอยู่ในความดูแลต่อซักพักเพื่อแน่ใจว่านายควบคุมตัวเองได้ถึงปล่อยไป” รอทอธิบายพลางจัดแจงถอดเสื้อนอกออก
“แล้วทีนี้ก็เลยมีพวกอมนุษย์บางตัวที่มันเห็นแกเงิน รับทำพิธีนี้ให้กับมนุษย์ที่ต้องการชีวิตอมตะ มันก็เลยเกิดปัญหาพวกที่ควบคุมสัญชาตญาณไม่ได้แล้วกลายเป็นบีส เพราะไม่ว่าจะอมนุษย์หรือมนุษย์สมัยนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้นละ” ผมพยักหน้ารับ นานๆ หมอนี่จะอธิบายอะไรที่มันมีสาระซักที
“เฮ้ย!...นายโดนยิงนิ” ผมร้องอย่างตกใจ ไม่ใช่เพราะซิกแพคชวนหมั่นไส้นั่นแต่เป็นรอยกระสุนที่ท้องด้านขวาต่างหาก เสื้อยืดสีดำที่หมอนั่นพึ่งถอดออกไปทำให้มองไม่เห็นเลือดที่ไหลออกมา
“อ่า...ผมลืมไปเลย” รอทก้มดูแผลพลางยักไหล่ “พวกผมแพ้กระสุนเงินน่ะ...มันทำให้แผลไม่สมานตัวคงต้องเอาออกก่อน” มันตอบชิวมากเลยครับ ไม่เจ็บบ้างหรือไง “ช่วยหน่อยสิ!”
“นายจะทำอะไร” ผมว่าเมื่อจู่ๆ รอทก็ดึงมีดพกออกมาแล้วยื่นให้ผม
“เปิดปากแผลแล้วเอาหัวกระสุนออกมา” รอทอธิบายพลางนั่งลงบนขอบเตียง
“นายจะบ้าหรอ!” ผมไม่ใช่หมอนะเว้ย อีกอย่างถึงผมจะไม่ได้กลัวเลือดแต่ที่ไหลออกมาเยอะๆ แบบนั้นก็อดสยองไม่ได้
“เหอะน่า...ผมไม่เป็นไรหรอก” ผมสบตาสีฟ้าคู่นั้นแบบไม่แน่ใจ หมอนั่นพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ผม แต่รอยยิ้มนั้นดูเหนื่อยๆ คงฝืนตัวเองอยู่ ผมคงต้องรีบแล้วละ
“ลึกแค่ไหน !?” ผมถามพลางจ่อคมมีดลงไปที่แผลนั่นด้วยมือที่สั่นเทา
“ประมาณ 2 นิ้ว” รอทบอก ผมกรีดมีดลงไปตามที่หมอนั่นบอกรู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งๆ ที่กระทบปลายมีด “ตรงนั้นละ เอามือล้วงมันออกมา”
ถึงหมอนั่นจะไม่ร้องโวยวายแต่ด้วยลมหายใจหนักหน่วงกับเสียงสั่นๆ พอจะเดาได้ว่าคงเจ็บเอาการ พาลให้ผมรู้สึกกดดันไปด้วย ผมกลั้นใจล้วงเข้าไปในแผลนั่นก่อนจะใช้สองนิ้วคีบหัวกระสุนออกมา...ผมมองก้อนโลหะบนมือที่โชคเลือดก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ ใครจะคิดละครับว่าชีวิตต้องมาทำอะไรแบบนี้ แผลรอทเริ่มสมานตัวแล้วครับเหลือไว้แค่รอยแดงๆ คน(เคย)เจ็บทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะหลับตาลงนิ่งๆ สงสัยต้องการพัก
ผมโยนหัวกระสุนนั้นลงถังขยะไป ก่อนจะเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก สีหน้าผมดูแย่ครับ หรือผมเป็นห่วงมัน?...บ้าน่าคนเราเห็นใครเจ็บต่อหน้าก็ต้องกังวลอยู่แล้วเปล่าวะ ผมไม่ลืมที่จะเอากะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้รอท ปล่อยนอนไปสภาพนั้นมันก็ดูใจร้ายไปเนอะ
หมับ!...ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนที่ผมคิดว่าหลับดึงแขนผมไว้ก่อนผมจะทันได้เอาของไปเก็บ
“หิว...” รอทว่าพร้อมพลิกตัวผมลงไปนอนราบกับเตียงแล้วคร่อมไว้ เหอๆ...แม่งจะงาบคอผมชัวร์
“เลือดถุงในตู้เย็นไง” มองหาทางรอดครับ
“มันไม่อร่อย” โถ...ไอ้เรื่องมาก ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธอะไรไอ้คุณรอทก็ฝังเขี้ยวลงบนคอผมแล้ว...เจ็บครับเจ็บ เค้าบอกให้บริจาคเลือด 1-2 เดือนครั้ง แต่นี่รอบที่ 2 ใน 3 วัน ผมจะตายก่อนไหม
ผมรับรู้ถึงเลือดทุกหยดที่ไหลออกจากร่าง รอทดูดผมแรงมากแม่งไปตายอดตายอยากจากไหนมาวะ เริ่มมึนๆ แล้วครับ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมสงสัยเสียเลือดไปเยอะ
“เชี่ย พอๆ” ผมว่าพลางผลักหัวมันออกก่อนที่ผมจะตายเสียก่อน
“โย...ขอนะ” รอทก้มลงกระซิบข้างหูผมทำเอาผมร้อนไปทั้งตัวเพราะรู้สึกถึงส่วนที่ตื่นตัวของคนข้างบนที่ดันต้นขาผมผ่านกางเกงนั่น...ซวยแล้วกู
“ไม่...อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธ ริมฝีปากก็ถูกคนข้างบนช่วงชิงไปแล้ว ผมพยายามผลักมันออกแต่แทบไม่ขยับเลย รอทละเลียดชิมริมผีปากผมอยู่ซักพักก่อนจะเม้มเบาๆเป็นเชิงขอแล้วสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นเย็นๆ รุกราน หลอกล่อให้ผมต้องโต้ตอบ จนกลายเป็นจูบตอบไปซะงั้น
“อือ...” เสียงใครครางวะ...เหมือนผมเลย จูบที่หลากรสบ้างดุดันเร่าร้อนบ้างอ่อนโยนละมุนละไม ทำเอาผมคล้อยตามอย่างห้ามไม่อยู่ ...ดีจัง รู้สึกตัวอีกทีมือผมก็วางทาบลงบนหน้าอกแกร่งนั้นไปแล้ว รอทละริมฝีปากออกเมื่อผมทำท่าจะขาดใจ ก่อนก้มลงไปซุกไซร์ซอกคอมผมแทน...มันจั๊กจี้เล่นเอาขนลุกไปทั้งตัว
“อ๊ะ...อย่า...ตรงนั้น!..” ผมร้องออกมาเมื่อมือหยาบๆนั้นบี้ลงบนยอดอกทั้งสองข้าง มันเย็นมากจนสั่นสะท้านไปทุกอณูที่ถูกสัมผัส รอทก้มลงดูดส่วนที่เริ่มแข็งเป็นไตทั้งสองสลับกัน มือข้างหนึ่งลูบวนที่แผ่นหลัง ส่วนอีข้างลูบไล้ตรงท้องน้อย ตัวผมกำลังสั่นอย่างคุมไม่อยู่ มือหยาบล้วงเข้าไปสัมผัสไอ้ลูกชายที่เริ่มจะตื่นตัวในกางเกงก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้วนส่วนหัวเบาๆ
“อ๊ะ...รอท...อา” ผิมบิดเร่าๆ ด้วยความเสียวเมื่อรอทขยับมือรูดของผม และเสียวยิ่งกว่าเมื่อจู่มันก็ก้มลงไปใช้ปากครอบครองส่วนนั้นไปกว่าครึ่ง ลิ้นเย็นดูดดุนส่วนกลางทำเอาผมแทบคลั่ง อารมณ์มันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็ถูกหยุดไว้แค่นั้น...อารมณ์ค้างสิงานนี้ ทรมานอยากปลดปล่อย แต่ไอ้คนข้างบนกลับกับรั้งมือผมที่กำลังจะช่วยตัวเองไว้ ผมเคืองมากและโกรธจัด ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตแค้นให้กับมัน
“ใจเย็นสิครับคนดี” รอทบอกผมยิ้มๆ ก่อนจัดแจงถอดเสื้อผ้าทั้งของผมและของมันแล้วโยนไปข้างเตียง ก่อนจะไปรื้อเอาขวดอะไรซักอย่างออกจากกระเป๋าก่อนหยิบขวดเจลออกมา
“ไปซื้อมาตอนไหน” ผมถามด้วยเสียงแหบพร่า เตรียมพร้อมจังเลยนะนี่กะมาฟันผมอยู่แล้วใช่มั้ยเนี่ย
รอทนั่งคุกเข่าลงตรงหว่างขา ใจผมเต้นแรงมาก ร้อนไปหมดทั้งตัว มันรู้สึกอายครับที่ได้มองร่างเปลือยเปล่านั่นเต็มตา หมอนี่หุ่นดีชะมัด เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูแข็งแรงแต่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ผมเห็นยังอิจฉาเลย ขาทั้งสองผมถูกยกขึ้นก่อนที่คนข้างบนจะเอาหมอนมารองใต้สะโพกให้ เจลใสถูกเทลงบนมือก่อนจะเอามันมาป้ายที่ช่องทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งเพราะความเย็น แล้วเอาอีกส่วนทาน้องชายที่ตั้งผงาดของของตัวเอง
“ไม่ไหวหรอก...” ผมบอกเสียงสั่น เมื่อเหลือบมองแก่นกายที่มาจ่อก้น อดผวากับขนาดของมันไม่ได้ ผมคงไม่วายเจ็บตัวแน่ๆ... ขัดขืนตอนนี้ยังทันมั้ยวะ (เอิ่ม ไม่ทันละมั้ง/me)
“นะ...ผม จะพยายามเบาๆ” รอทยิ้มให้กำลังใจผม ก่อนค่อยๆ กดสิ่งนั้นเข้ามา แค่ส่วนหัวก็เล่นเอาผมเจ็บจนน้ำตาซึม เจลไม่ได้ชวยเลยให้ตายสิ ผมพยายามกัดฟันทนจนมันเข้ามาได้ครึ่งลำ
“พ..พอ ฮึก...หยุด...ขอร้องละ” สุดท้ายผมก็ร้องไห้ออกมา ผมทั้งผลักทั้งทุบทั้งตีร่างหนานั่น ผมไม่เอาแล้ว มันเจ็บจริงๆ นะ เหมือนร่างจะฉีกออกจากกัน มันอึดอัด มันแน่นไปหมด ผมไม่เหลืออารมณ์อยากใดๆแล้ว แม้แต่โยน้อยยังสงบนิ่งลงไปเลยเพราะความเจ็บ
“โย...ผมขอโทษ” ดวงตาสีฟ้านั้นมองผมอย่างรู้สึกผิด ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงจูบผมราวกับปลอบประโลม ในขณะที่ผมเริ่มเคลิ้มกับรสจูบนั้นรอทก็ดันแก่นกายเข้ามาจนสุด ทั้งเจ็บทั้งจุกจนร้องไม่ออกเลยครับ รอทยังคงบดจูบอ้อยอิ่งและเนิ่นนานคล้ายจะพยายามดึงผมให้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างแต่ก็ไม่ทั้งหมด หมอนั่นพยายามเล้าโลมให้ผมมีอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ะ...อาห์” ผมหลุดครางเมื่อหมอนั่นเริ่มขยับตัว ยังเจ็บครับแต่เสียวมากกว่า รอทดึงมือผมไปโอบไหล่ไว้ ก่อนจะกระแทกเข้ามาเป็นจังหวะเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ นำพาอารมณ์ของเราทั้งคู่ให้สูงตามความรู้สึก ซาบซ่านสะท้านไปทั้งร่าง ทรมานแต่ก็รู้สึกดี ดวงตาผมพร่าเบลอ ในหัวตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด ได้ยินเพียงเสียงทุ้มหอบครางของรอทดังก้องอยู่ข้างหู
“อา...ดีจัง โย” เสียงทุ้มครางต่ำอย่างพอใจ
“อื้อ...รอท...อ๊ะ ม..ไม่ไหวแล้ว...อ๊ะ” ผมจิกเล็บลงแผ่นหลังนั่นเพื่อระบายอารมณ์อย่างไม่เกรงใจ ราวกับร่างถูกพาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุด ผมเกร็งไปทั้งร่าง ท้องน้อยเสียววาบก่อนจะปลดปล่อยออกมา ราวกับร่างกำลังร่วงหล่นหากแต่รองรับด้วยปุยนุ่น รอทกระแทกหนักๆ เข้ามา 3-4 ทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักเข้ามาในตัวผม ใบหน้าคมก้มลงจูบที่หน้าผากผมก่อนจะนอนทับลงมาแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น
“เอาออกซะทีสิ...” ผมบอกคนข้างบนเพราะส่วนนั้นยังคาอยู่เลย รอทถอนแก่นกายออกอย่างว่าง่ายแต่มันไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อมันจับผมนอนคว่ำก่อนจะรั้งสะโพกขึ้นแล้วใส่เข้ามาอีกครั้ง
“ขออีกรอบนะ” รอทกระซิบข้างหูผมอย่างออดอ้อน
“เชี่ย!...อ๊ะ...อย่าพึ่ง...” ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายหมอนั่นก็เริ่มขยับอีกครั้งเลยได้ครางแทน
ผมต้องฝืนความง่วงเล่นกับไอ้แวมไพร์หื่นกามนั่นต่ออีกยกก่อนที่มันจะพาผมไปอาบน้ำล้างตัว ลูบกันไปถูกันมาเลยซวยโดนมันจัดในห้องน้ำไปอีกที กว่าผมจะได้นอนก็ยันเช้า บอกเลยว่าเพลียมาก หมดสภาพ หมดแรง ไม่เข้าใจว่ามันจะคึกไปไหน ไม่สนใจแม่งแล้วนอนดีกว่า โชคดีที่เป็นวันเสาร์ไม่มีเรียน ผมคงนอนสลบทั้งวันแน่...ฝากไว้ก่อนเถอะ
......................................................
Talk Talk
[/b]
-ขั้นแรกเราต้องขอประทานโทษที่มาอัพช้า เนื่องจากต้องปั่นงานอื่น
-เข้ามาเจอทุกคนเม้นให้กำลังใจบอกเลยว่าปลื้มมาก มันรู้สึกดี มีกำลังใจขึ้นมาเลย ขอบคุณทุกคนจริงๆ ติดตามและแยู่ด้วยกันนานๆ น้าา
-สำหรับคำผิด เราแก้ให้แล้วนะจ้ะ มีที่อื่นอีกก็บอกกันมาได้ คำไหนอ่านแล้วมันขัดๆ ก็แนะแนวแนะนำกันมา ยินดีรับคำติชมจ้า
-พาสนี้ไม่มีภาพปรากลอบเนื่องด้วยงานยุ่งมากก ไว้มีเวลามากๆ จะจัดรูปสวยๆ มาอวดกันเน้อ