ตอนที่ 43 ลาก่อน(อะไรของมัน)*2
“นายว่าสองต้นนี้ ต้นไหนสวยกว่า”ผมยิบต้นไม้ทั้งสองต้นขึ้นมาเปรียบเทียบ เพื่อให้ไอ้เบสช่วยตัดสิน
“มันก็สวยทั้งสองต้นนั้นแหละ กูเลือกไม่ถูก”
“อ่าว....เราก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน”
“แล้วทำไมเมิงไม่ซื้อทั้งสองต้น”ไอ้เบสขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
“ก็มันเหมือนกันสองต้น เราจะซื้อแค่ต้นเดียว”
“งั้นต้นหนึ่งกูเอาเอง”
ไอ้เบสจ่ายเงินแล้วส่งต้นไม้ที่ซื้อให้เจ้าของร้านห่อถุงให้ จากนั้นมันก็จับมือผมลากให้ตามมันเข้าไปในซอยที่มีคนเดินกันแน่นจนหายใจแทบไม่ออก...
วันนี้เป็นวันศุกร์ ผมเลยลากไอ้เบสให้พามาเดินเที่ยวที่ตลาดเปิดท้ายอาเซี่ยนเทรด ปกติทุกวันผมกับมันก็จะออกไปซื้อกับข้าวมากินกันที่บ้านหรือบางทีก็ไปซื้อของสดมาทำกินกันเอง วันนี้เลยอยากลองไปเดินเที่ยวแถมหาอะไรใส่ท้องด้วย เมื่อตอนมาถึงผมเจอร้านต้นไม้ที่ลานจอดรถเลยเดินเข้าไปดูเล่น ซึ่งมันก็ดูสดชื่นดีครับ
ผมดูไปดูมาก็มาติดใจที่ต้นไม้พุ่มเล็กๆ ซึ่งแม่ผมก็ชอบปลูกต้นไม้ด้วยแหละ มันเลยพลอยมาถึงผม(มันเกี่ยวกันเหรอว่ะ -*-) ผมยืนเลือกไอ้ต้นเนี่ยอยู่ซักพัก เลยบอกให้ไอ้เบสช่วยเลือก แต่มันบอกว่าให้ผมเอาทั้งสองต้น แต่ผมไม่รู้จะเอาไปทำไมทั้งสองต้นเพราะมันเหมือนกัน สงสัยไอ้เบสมันคงตัดปัญหามั้งครับ เลยบอกว่าอีกต้นเหนึ่งมันจะเอาเอง ท่าทางไอ้เบสดูมันหงุดหงิดหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ....
เมื่อเข้ามาในซอย ผมก็ต้องเบียดกับคนอื่นที่หยุดซื้อของกินที่วางขายเต็มสองข้างทางแคบๆ เลยทำให้ไอ้เบสต้องจับมือผมไว้ (สงสัยกลัวหลง) จนเดินไปอีกสักระยะหนึ่ง เราสองคนก็หลุดออกมายืนบนทางเดินที่คนบางตาลงหน่อย
“กินร้านนี้มั้ย ”มันหันมาถามโดยที่มือยังคงจับมือผมไว้อยู่
“ได้ทั้งนั้น”ผมตอบโดยไม่มองหน้าไอ้เบส
เราสองคนเข้ามานั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวที่ด้านในยังพอมีที่ว่างอยู่ (แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีนั้นแหละ) สายตาผู้หญิงกลุ่มหนึ่งหันมามองผมกับไอ้เบส แล้วหันกลับไปคุยกันเองในกลุ่ม ซึ่งสัญชาตญาณผมมันบอกว่ากำลังถูกนินทา ผมหันกลับมามองที่มือของตัวเอง ที่ยังมีมือของไอ้เบสกุมไว้อยู่ และพอรู้ว่าสาเหตุคืออะไร…
ผมเดินหลบคนเข้ามานั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ และไอ้เบสก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือผมสักที....
“เบส...จับมือแบบนี้ไม่อายคนอื่นเหรอ”ถึงแม้ผมจะเคยได้ยินจากปากไอ้เบสมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทำไมผมถึงยังไม่แน่ใจ
“...........”มันไม่ตอบแต่แค่ยิ้มกวนๆ
ผมยิ้มกลับ.....และรู้ดีว่าร้อยยิ้มนั้นดูมั่นใจและจริงใจกับผมแค่ไหน
“สั่งอะไรดีครับ”พนักงานผู้ชายเดินมาถามที่โต๊ะ
“หมี่ต้มยำ.......”ไอ้เบสสั่งของมันเสร็จ ก็หันกลับมามองผมที่ยังคงคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี
เพราะผมเป็นคนไม่ชอบทานก๋วยเตี๋ยวครับ นานๆถึงจะกินสักครั้ง แล้ววันนี้ก็ไม่อยากกินด้วย
ผมเลยบอกว่าไม่เอา น้องเขาเลยเดินกลับไป โดนในมือก็มีแค่เมนูไอ้เบสเพียงคนเดียว
“ทำไมเมิงไม่กิน”ว่าแหละมันต้องถาม
“ไม่ชอบก๋วยเตี๋ยว”
“แล้วทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้ จะได้ไปทานอย่างอื่น”
“เบสกินเหอะไม่เป็นไร”
“เมิงจะกินอะไร เดี่ยวกูไปซื้อให้”ไอ้เบสลุกขึ้นเตรียมจะออกไปซื้อของกินให้ผม แต่ผมจับแขนให้มันกลับลงมานั่งอย่างเดิม
“เดี๋ยวเราไปซื้อเอง นายนั่งเหอะ”
“อ่าว กูเป็นผัวก็ต้องดูแลเมิงดิ หึหึ ”โอ้ยไอ้สัด พูดอะไรอย่างโจ่งแจ้งหนักได้มั้ย แล้วนี้หัวเราะอะไรของเมิง
“ไม่ต้องนั่งนี้แหละ เดี๋ยวเรากลับมา”ผมกำลังจะเดินออกไป แต่ไอ้เบสคว้ามือไว้ซะก่อน
“มีอะไร”ผมสงสัย
“รีบกลับมาน่ะ กูคิดถึง”
อ้วกกก...
ผมหลุดหัวเราะออกมา แล้วเดินออกมาจากร้านพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังติดอยู่บนหน้า
ไอ้เบสมันบ้าจริงๆน่ะครับ เล่นอะไรไม่อายคนอื่น (อิอิ เขิน)
ผมเดินไปซื้อลูกชินกับของกินอีกสองสามอย่าง เพราะที่นี้ของเยอะมากๆ เลือกไม่ถูกตาหลายไปหมด อันนั้นก็อยาก อันโน้นก็อยาก แต่พอมาก้มดูที่ถุง อ่าว...เยอะสัด พอๆ กลับได้แหละ
ผมเดินหันหลังกลับไปร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม แต่พอไปถึงหน้าร้านก็สะดุ้ง เพราะเห็นไอ้เบสนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะการแต่งตัวดูดี น่ารัก ผิวขาว ผมยาว แล้วท่าทางที่คุยกับไอ้เบสก็ดูสนิทกันเหมือนเจอมานานแล้ว ผมหยุดทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องหยุด ร่างกายมันเป็นไปเองครับ
ผมมองภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดไงไม่รู้ ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้ได้หึง แต่มันเหมือนตัวเองหน้าชา เหมือนกำลังจะเสียไอ้เบสไป ทั้งที่แค่ไอ้เบสนั่งคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสนิทกันมาก ซึ่งผมก็เห็นไม่บ่อยหนักเวลาไอ้เบสคุยแล้วมีความสุขแบบนี้ นอกจากอยู่กับเพื่อนของมัน และเวลาอยู่กับผมสองคน
“ต่าย.....”
ไอ้เบสเรียกสติผมกลับมา ผมยิ้มให้มันแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ ที่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม
“อ่ะ เอ่อ นี่....ใหม่.... เพื่อนกูเอง” ผมยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า เขาก็ยิ้มตอบกลับมา....(น่ารักว่ะ)
“ต่ายเหรอ....น่ารักกว่าที่คิดไว้อีก”ไหมหัวเราะกับเบสสองคน ซึ่งผมได้แต่งง
“แต่น่ารักสู่ใหม่ไม่ได้หรอก”เอ๊ะใครพูด........แต่พอเห็นใหม่ยิ้มให้ผมเขินๆ ก็รู้แหละว่ากูพูดเอง
พวกผม สามคน.... เดินไปตามทางเดินที่คนเริ่มมากขึ้น มันก็เป็นปกติอย่างนี้อยู่แล้วล่ะครับ ร้านแต่ละร้านที่ผมเดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า หรือร้านขายซีดี ผมก็จะหยุดดูแต่ไม่ได้ซื้อ เหะๆ ก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไรไงครับ แล้วยิ่งต้องเบียดไปมากับคนในร้าน ผมขอบายดีกว่า
ผมเดินดูดน้ำไปเรื่อยๆ ของกินในมือไอ้เบสถือเต็มจนไม่รูจะซื้ออะไรอีก ผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี่ โดยไอ้เบสกับใหม่ก็เดินคุยกันตามเข้ามาในร้าน ซึ่งผมเหมือนเป็นเด็กที่เขาสองคนพามาเที่ยวสนุก แล้วปล่อยให้สนุก
โดยไม่สนใจ…..
“กลับบ้านเลยมั้ย”ผมชักเริ่มเบื่อ เลยหันไปขอความคิดไอ้เบส
“ก็ได้ แล้วใหม่จะกลับเลยมั้ย”ไอ้เบสหันไปถามใหม่ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“อืม....เอางั้นก็ได้”
…
ผมยืนรอไอ้เบสที่เข้าไปเอารถบริเวณที่จอดรถด้านใน ไม่นานมันก็ออกมาพร้อมกับรถคลิกสีขาวของใหม่ที่ขับตามหลังมาด้วย
“ขับรถไปส่งใหม่ก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน...”ไอ้เบสหันมาบอก เมื่อผมขึ้นไปซ้อนท้ายมันเรียบร้อยแล้ว
“อืม....”เพราะพยักหน้าตอบรับ เพราะหากผมบอกว่าไม่ ไอ้เบสก็คงไปอยู่ดี หึหึ
เราสามคนออกจากเปิดท้ายฯ ขึ้นมาอยู่บนถนนใหญ่ที่รถเยอะมาพอสมควร ใหม่ขับนำหน้า ส่วนไอ้เบสขับตามหลัง ตอนนี้ผมเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องไอ้เบสกับใหม่ แต่คิดอยู่ได้ไม่นานไอ้เบสก็ถามผมขึ้นมา
“เมิงเป็นอะไรหรือเปล่า”ไอ้เบสตะโกนถามผม แข่งกับเสียงลม
“เปล่า...”ผมกระซิบตอบข้างหู
ไอ้เบสไม่ถามอะไรผมต่อ มันจัดการรวบมือผมให้ไปกอดเอวมันไว้เหมือนทุกครั้ง
และมือข้างหนึ่งของมัน ก็กุ้มมือผมไว้จนรู้สึกอุ่น พร้อมกับความคิดของผมที่เริ่มสงบ และเย็นลงเป็นปกติ...ไอ้เบสขับรถจนมาถึงบ้านของใหม่ ก่อนกลับเขาก็ขอเบอร์ไอ้เบสกับเบอร์ผมไป ผมก็บอกไปงงๆ จนเมื่อบอกลาอะไรกันเรียบร้อย ไอ้เบสก็บิดคันแร่งจนมาถึงบ้าน โดยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
หลังจากเข้ามาในบ้าน ผมก็เอาของกินเข้าไปเก็บในตู้เย็น ส่วนต้นไม้ที่ซื้อมาก็เอาขึ้นไปไว้หลังห้องนอนชั้นบน จากนั้นผมก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรกับไอ้เบสสักประโยคเดียว ผมยืนอยู่ในห้องน้ำ โดยเปิดให้น้ำไหลผ่านไป โดยในใจยังมีความสับสนและความกลัวตีกันจนไม่สามารถแยกกันออก และรู้สึกว่าตัวเอง เหมือนกลับมาอยู่คนเดียว
เหมือนที่ไม่เคยมีใคร…
เหมือนไม่เคยเหลือใคร....
ผมอาบน้ำเสร็จช้ากว่าทุกๆครั้ง และเมื่อผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอไอ้เบสยืนรออยู่แล้ว ผมก้าวโดยเบี่ยงตัวหลบไอ้เบส แต่มันก็รีบคว้าแขนผมให้ไปประจันหน้ากับมันตรงๆ
“เมิงเป็นอะไร”
“เปล่า” ผมพยายามมองหน้ามัน เพื่อไม่ให้มีพิรุธมากไปกว่านี้
“แต่กูว่ามี”
“.........”
“เรื่องใหม่ใช่มั้ย”
“.........”
“หากเมิงคิดว่ากูชอบใหม่ เมิงคิดถูก….”ผมหันไปมองหน้ามันทันที และต้องรีบหันกลับเมื่อเห็นรอยยิ้มของมัน
“แล้วแต่นาย”ผมพูดสั้นๆ และพยามแกะมือที่จับแขนผมอยู่
“กูยังพูดไม่จบ ที่กูบอกว่าชอบ ใช่กูชอบจริงๆแต่มันเมื่อก่อน ตอนที่กูเรียนกรุงเทพกับเขา กูกับเขาเคยเป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้ กูมีเมิง กูอยู่กับเมิง....”
“หากคิดว่าเป็นเพราะนายมีเราอยู่แล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก หากนายรักเขา.....นายก็กลับไปหาเขาเหอะ”
ผมพูดทั้งที่ใจสั่นๆ ขอบตาก็เริ่มร้อนขึ้นอีกแล้ว
อ่อนแอจริงๆกู........
TBC*