ความเดิมตอนที่แล้ว...
หลังจากต่ายไปสนามกีฬา ต่ายก็เป็นลม จากนั้นเบสก็ไปซื้อข้าวกับยาให้กิน
พอตอนกลับบ้าน ซึ่งตอนมาต่ายมากับพี่ซัน แต่พอตอนกลับความรู้สึกของต่ายคืออยากไปกับเบส
แต่ต่ายสุดท้ายต่ายก็ต้องไปกับพี่ซัน พี่ซันไม่ได้พาได้กลับบ้าน แต่พาไปซื้อกับข้าว
เพื่อกลับไปกินที่บ้าน พี่ซันพาต่ายมาบ้านตัวเอง จากนั้นก็แกะกับข้าวทานกับนโต๊ะ สองคน…ตอนที่ ตอนที่ 37 สิ่งสุดท้าย
“อร่อยมั้ยครับ ทานเยอะน่ะๆ”
พี่ซันพูดกับผมระหว่างที่เราสองคนนั่งกินข้าวอยู่ในครัว
กับข้าวเต็มโต๊ะ แต่พี่แกไม่ให้ผมตักอะไรเลยครับ
เพราะพี่แกตักให้ผมทุกอย่าง จนตอนนี้กับข้าวปนกัน
จนแทบจะเป็นอาหารหมาแล้วครับ
“หึหึ พอก่อนดีกว่าครับ เดียวผมทานไม่หมด ”
“ครับ อิ่มเมื่อไรบอกได้น่ะครับ ไม่ต้องฝืน เพราะเดียวเราค่อยไปนั่งเล่นกันบนห้องพี่ เพื่อให้อาหารย่อย”
เหอ....ผมหายใจทิ้งไปแทบทุกวินาที
เพราะเมื่อไรที่พี่ซันแกพูดถึงห้องนอน ผมก็ต้องนึกภาพไอ้เบสหน้าโหดทุกทีจริงๆ
“อืม....ยังเลยครับ ยังไม่อิ่ม”
ผมไม่แน่ใจว่าตัวจะยืดเวลาได้นานแค่ไหน
เพราะกระเพาะผมก็เริ่มอืดแล้วครับ
แล้วมันก็อยากจะอ้วกออกมาทุกครั้งที่ต้องฝืนกินข้าว
ฝนที่ตกแรงอย่างกับพายุเข้า และไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
มันทำให้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องอันตรายเข้าตัวครับ
และหากผมขอไม่ให้ไอ้เบสไปบ้านผมตอนนี้
จะทันหรือเปล่าครับ เพราะไอ้นี่มันเจ้าอารมณ์อยู่ด้วย
แล้วหากผมมาบ้านพี่ซัน แล้วไปอยู่บนห้องกับพี่ซันนกันสองต่อสอง
แบบนี่ไอ้เบสมันต้องฆ่าผมแน่ๆ
“พี่อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวพี่ไปจัดห้องรอน่ะครับ”
เกร๊ง......ช้อนในมือผมหลุดอย่างไม่รู้ตัว
“เหะๆ ครับ แต่ผมยังไม่อิ่มเลย พี่เบสขึ้นไปก่อนเหะๆครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปจัดห้องก่อนน่ะครับ” พี่ซันยิ้มให้ผม
“ครับ”
อึก....ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้น่ะครับ
อย่าให้กระเพาะผมเท่าปลาวาฬจริงๆเลย
จะได้กินไปถึงพรุ่งนี้ เหะๆ
(ฮื่อๆๆ ไอ้เหี้ยเบส ทีกูต้องการเมิงทำไมไม่มา
แล้วแบบนี้กูจะทำไงดีว่ะ)
พี่ซันเดินขึ้นห้องไปแล้ว ผมจึงต้องใช้ความคิด
ที่ในหัวมีเรื่องไร้สาระอัดแน่นเต็มไปหมด
แต่คำตอบที่ได้คือ เมิงไม่รอด...เมิงไม่รอด...เมิงไม่รอด
ผมหันมองโทรศัพทืที่คิดว่าเป็นทางรอดสุดท้าย
เลยตัดสินใจ กดโทรหาไอ้เบส แต่ก็...
หมายที่ท่านเรียกไม่สามารถ บร้าๆๆๆ
ผมกดหาอีกสี่ห้าครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม
แล้วชื่อของบูมก็แวบเข้ามาในหัว
ผมเลยโทรหาบูม ที่คิดว่าน่าจะช่วยผมได้บ้าง
และหลังจากที่ผมรอสายอยู่สักพัก บูมก็รับสาย....(พระเจ้าเข้าข้างลูกแล้ว)
“โหลบูม เบสอยู่กับนายหรือเปล่า”
“เปล่าน่ะ ทำไมเหรอ” บูมตอบ
“หากเจอเบสช่วยบอกมันหน่อยว่าเราอยู่บ้านพี่ซัน ให้มาช่วยรับหน่อย”
“อ่าวไปอยู่บ้านไอ้ซันได้ไง”
“เรื่องยาว เดียวเราค่อยเล่าให้ฟัง”
ผมรีบตัดบท เพราะหาเล่าเรื่องนี้ในบ้านพี่ซัน
ท่าจะไม่ปลอดภัยต่อผมเท่าไร
“อืมๆ ได้”
“โอเค ขอบใจมาก”
ผมกดวางไป และได้แต่สาธุให้ไอ้เบสมารับผมไวๆเถอะครับ
แต่ดูจากฝนตกแรงขนาดนี้โอกาสที่มันจะมา แทบเป็นไม่ได้เลย
แล้วที่ผมจะให้มันพยายามเพื่อผมขนาดนี้
หากมันถามว่าผมกับมันเป็นอะไรกัน
แล้วผมจะตอบมันว่ายังไง…
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังมีหวังอยู่
“ต่ายครับ อิ่มหรือยังครับ พี่จัดห้องเสร็จแล้วน่ะครับ”
พี่ซันเดินลงจากบันไดด้วยสภาพกางเกงขาสั้นตัวเดียว
ส่วนด้านบนตั้งแต่เอวขึ้นไป ก็ไม่มีอะไรปกปิด
กล้ามหน้าท้อง กับผิวขาวๆของพี่แก แทบทำให้ผมคุมอารมณ์ตกใจไม่อยู่
“เมื่อกี่คุยกับใคร เหรอครับ”
“ห๋า...อ่ะ เอ่อ เพื่อนโทรมาครับ”
ผมหายใจแทบไม่ออก กว่าจะตอบคำถามนี้ได้
แล้วพี่ซันเขาไปได้ยินตอนไหนล่ะเนี่ย หึหึ หูดีจริงๆ เนอะพี่
“อืมครับ แล้วน้องต่ายอิ่มยังครับ พี่จัดห้องเรียบร้อยแล้ว”พี่ซันถามผมหน้าตายิ้มแย้ม
“อืม....ครับอิ่มแล้ว” จะให้กินต่อก็คงต้องอ้วกแน่ๆ
“งั้นเดี๋ยวเก็บจาน แล้วขึ้นบนห้องกันเลยน่ะ”
พี่แกไม่รอคำตอบจากผม แล้วก็เดินไปเก็บจานข้าวที่วางอยู่
ผมก็ไม่รู้จะทำไงต่อ เลยต้องไปช่วยพี่แกเก็บจาน แล้วเอาไปล้าง
ตอนแรกพี่ซันจะไม่ให้ผมล้างหรอกครับ
แต่คงทนสายตาออดอ้อนของผมไม่ไหว
เลยยอมให้ล้าง แล้วมีพี่แกยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
สายตาพี่ซันที่มองผม มันทำให้ผมรู้สึกประหม่า
เพราะทุกการเคลื่อนไหวของผม พี่แกก็จะมองแล้วยิ้ม
เหมือนพี่เขากำลังคิดอะไรอยู่โดยที่ผมมรู้
แล้วสุดท้ายช่วงเวลาที่ผมพยายามหลีกเลี่ยง
มันก็มาถึงจนได้ ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนห้องพี่ซัน
ที่ดูเรียบร้อย สะอาดตา เหมาะกับหน้าตาของพี่เขามากๆ
“เออ ห้องพี่ซันสะอาดดีน่ะครับ”
ผมพูดตามความจริง เมื่อมองดูรอบๆ
ก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่ไม่ถูกระเบียบ
แม้แต่ตะกร้าเสื้อผ้า พี่ซันก็จัดเข้ามมุมห้องอย่างเรียบร้อย
และในห้องพี่แกก็มีห้องน้ำในตัว
รวมถึงระเบียงที่ยื่นออกไปด้านนอกด้วย
“ขอบคุณครับ แล้วน้องต่ายชอบฟังเพลงหรือเปล่า”
พี่ซันยกกีต้า ขึ้นตั้งบนตัก แล้วหันมายิ้มให้ผม
“ครับชอบ”
“แล้วอยากฟังเพลงอะไรล่ะ พี่จะร้องให้ฟัง”พี่ซันบอกผมหน้าตาจริงจัง
“อืม เพลงอะไรก็ได้ครับ ผมฟังได้หมด”
ผมไม่กล้าเลือกเพลงหรอกครับ เพราะกลัวพี่เขาร้องไม่เป็น
เพราะเพลงที่ผมชอบส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเก่าๆ
รุ่นตอนที่ผมยังอยู่ประถมอยู่เลย
“งั้น ลองฟังเพลงนี้แล้วกันน่ะครับ ไม่รู้ชอบหรือเปล่า”
พี่ซันยิ้มให้ผม จนผมชักรู้สึกชอบร้อยยิ้มพี่ซันแล้วซิครับ
รอยยิ้มพี่เขาดูอ่อนหวาน จริงใจ และทำให้ผมรู้สึกดีด้วย
พี่ซันเริ่มดีดกีต้า โดยไม่ดูเนื้อร้อง
แล้วสายตาพี่แกก็มองมายังผม ด้วความจริงจัง
แม้ว่าลมจะเปลี่ยนทิศไป เมฆที่ลอยจะเปลี่ยนสีไป
ฉันก็ยังไม่เปลี่ยนหัวใจที่มีให้เธอ
แม้ตะวันจะเลือนลับไป ฝนจะซาจะหยุดหายไป
ฉันก็ยังไม่หยุดหัวใจที่ยังรอเธอ
วันนั้นวันนี้พรุ่งนี้วันที่เท่าไหร่
วันไหนวันนั้นแต่ฉันก็ยังรอเธอ
วันนั้นที่เคยได้รอตั้งแต่แรกเจอ
พรุ่งนี้ก็ยังจะรอแต่เธอเรื่อยไป
ฟ้าอาจเบื่อที่อยู่ข้างบน โลกอาจเบื่อที่มันต้องกลม
แต่ฉันไม่เบื่อที่ยังมั่นคงโปรดจงเข้าใจ
แม้ว่าใครจะยังรักเธอ แม้ว่าเธอจะยังรักใคร
ฉันก็ยังจะมีหัวใจให้เพียงแค่เธอ
ฉันไม่มีเหตุผลที่เป็นอย่างนี้มันเพราะอะไร
ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นแค่กับเธอ
รู้แค่เพียงว่าใจ บอกฉันทุกวันว่าฉันรักเธอ
รู้แค่เพียงว่าใจสั่งให้ฉันรอ
รอเธอ วันนั้นวันนี้พรุ่งนี้วันที่เท่าไหร่
วันไหนวันนั้นแต่ฉันก็ยังรอเธอ
วันนั้นที่เคยได้รอตั้งแต่แรกเจอ
พรุ่งนี้ก็ยังจะรอแต่เธอเรื่อยไปเพลงจบลง พร้อมกับร้อยยิ้มพี่ซันที่มอบให้ผม
ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงพี่แกโดยไม่รู้ตัว
สงสัยเพราะอาการหนาวๆตอนฝนตก
กับเสียงเพลงเพราะๆ เลยทำให้ผมเคลิ้มไป
“เพราะเปล่าครับ”
พี่ซันวางกีต้าไว้ข้างเตียง แล้วล้มลงมานอนข้างผม
“ครับ เพราะมากเลยครับ”
ผมเห็นสายตาพี่ซันที่จ้องผมอยู่ ก็แทบละลาย
ผมพยายามหลบหน้าพี่เขาน่ะครับ
แต่พี่เขาก็เอามือมาจับหน้าผม ให้มองอยู่ที่หน้าพี่เขาเหมือนเดิม
“เป็นอะไรไรครับ ทำไมต้องหลบตาด้วย”พี่ซันนถามผมด้วยร้อยยิ้ม
“เออ-- เหะๆ ไม่รู้ดิครับ”
ใครจะไปตอบได้ละครับ เล่นถามกันตรงๆอย่างนี้
ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาจะขยับมาใกล้ผมมากขึ้น
แล้วหน้าของผมกับพี่เขา ก็แทบติดกันอยู่แล้ว
แต่ผมก็ยังพอมีสติ ที่ไม่เคลิ้มไปกับร้อยยิ้มของพี่เขาน่ะครับ
เพราะหลังจากนั้น ผมก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้
“เป็นอะไรเปล่าครับ”พี่ซันถามผม
“เปล่าครับ ผมว่าเราไปนั่งเล่นกันด้านล่างดีกว่าน่ะครับ” ผมพูดไปโดยไม่มองหน้าพี่ซัน
“อืม แล้วแต่น้องต่ายครับ”
พี่ซันกับผมลงมานั่งคุยที่ที่เราเคยนั่งกินข้าวกันก่อนหน้านี้อ่ะครับ
พี่ซันชวนผมคุยเรื่องพ่อแม่พี่ซันที่ไปทำงาน แล้วพี่ซันก็ต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ
ผมเลยถามไปถึงแฟนพี่เขา พี่เขาบอกว่ายังไม่มี หาคนจริงใจยาก
ดูสายตาพี่เขาตอนที่ตอบ เหมือนพี่เขาเคยอกหักกับเรื่องความรักมานับสิบ
ผมเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องเพื่อนๆพี่เขาที่ไปเล่นฟุตบอลด้วยกัน
แล้วมันก็เขาสู่เรื่องไอ้เบสจนได้ พี่เขาเล่าว่ารู้จักไอ้เบสตั้งแต่ตอนที่อยู่บ้านไกลกัน
แล้วพอไอ้เบสย้ายบ้านก็ยังพอติดต่ออยู่บ้าง จนพี่ซันพูดมาถึงแฟนไอ้เบสนี่แหละ
ผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นคนตามใจแฟนมันทุกอย่าง รักแฟนตัวเองมาก รักจนพี่เขาบอกว่าไม่สนอะไร
พี่ซันเล่าต่อว่า แฟนมันเคยโทรหาพี่เขาบ่อยๆ จนเขาเองก็พอรู้ตัวว่าทำไม…
เขาเลยเลี่ยงๆไป แล้วแฟนไอ้เบสก็เลิกยุ่งไป แต่พอหลังจากนั้น
ดูเหมือนแฟนไอ้เบสจะเป็นคนบอกเลิกมันเอง(เหมือนที่บูมบอกผมเลย)
ไอ้เบสมันเป็นบ้าไปเลย มันประชดแฟนมันที่เขาไม่สนใจ
แต่ล่าสุด พี่ซันบอกว่าแฟนมันมาขอคืนดี
ไอ้เบสที่รักแฟนมันอยู่ เลยกลับไปคบกันต่อ
ผมแทบไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนอย่างไอ้เบสจะรักคนอื่นเป็นด้วย
แล้วพักหลังๆมานี่มันก็ขึ้นไปกรุงเทพบ่อยๆ
เพื่อจะขึ้นไปหาแฟนมัน(พยายามสูงเนอะ) พอพี่ซันบอกว่ามันขึ้นไปกรุงเทพ
ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจ ว่าที่มันหายไปโดยไม่มาหาผมเลย
อันนี้มันเอาเวลาไปอยู่กับแฟนมันที่กรุงเทพหรือเปล่า
ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาดื่อๆ กับเรื่องไอ้เบส
ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกเสียใจกับเรื่องไอ้เบสไปหาแฟนมันด้วย
เพราะมันกับผม เราก็ตกลงกันเรื่องนี่แล้ว ว่าแค่เล่นสนุกๆ
แต่ความรู้สึกของผมล่ะ ที่เคยบอกตัวเองว่าไม่รักไอ้เบส
แล้วนี่ มันทำไม...
ฝนหยุดตกแล้วครับ แล้วมันก็ดึกมากแล้วด้วย
จนตอนนี้ผมลืมไปเลยว่ากำลังรอไอ้เบสอยู่
“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พี่ว่าน้องต่ายนอนบ้านพี่เลยดีกว่า”พี่ซันบอกผม ผมมองไปที่นาฬิกา ที่ตอนนี้ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ
“เออ-- เดียวผมบอกให้แม่มารับดีกว่าครับ รบกวนพี่เปล่าๆ”ผมพูดด้วยความเกรงใจ ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรพี่เขาเหมือนตอนเย็นหรอกครับ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ไปส่งเอง”
“เออ- - เสื้อผ้าผมก็ไม่ได้เอามา ผมว่า..”
“ต่ายไม่ต้องกลัวพี่จะทำอะไรหรอกครับ เพราะหากจะทำ พี่คงทำตั้งแต่ตอนนอนเล่นบนห้องแล้ว และหากต่ายยังไม่เชื่อใจพี่ คืนนี้พี่มานอนข้างล่างก็ได้ครับ ส่วนต่ายนอนด้านบนห้อง”
พี่ซันพูดมีเหตุผล และน้ำเสียงจริงจังของพี่เขา ก็ทำให้ผมยากที่จะปฏิเสธ
ผมเลยตอบตกลงพี่เขา พี่ซันเลยโทรไปคุยกับแม่ผมให้ ตอนแรกผมว่าจะคุยเอง
แต่พี่ซันบอกว่าพี่เขาจะรับผิดชอบผมเอง (พูดอย่างกับผมได้เสียแล้วนั้นแหละ)
หลังจากวางสาย พี่ซันก็บอกเรื่องที่ทำให้ผมแทบเป็นลม
ก็ไอ้เบสไงครับ มันมานั่งรออยู่ที่บ้านผม
แต่พี่ซันบอกว่าไม่มีปัญหาแล้ว เพราะมันจะมาหาใหม่วันหลัง
พี่ซันดูท่าทางสบายใจน่ะครับ แต่ผมแทบนั่งๆไม่ติด เพราะรู้นิสัยไอ้นี่ดี
แล้วตอนนี้มันก็น่าจะกำลังมาบ้านพี่ซันแล้วด้วย (ตายห่าแน่กู)
พี่ซันบอกให้ผมขึ้นไปอาบน้ำบนห้องก่อน
เดี๋ยวพี่แกจะเตรียมเสื้อผ้าตั้งรอไว้ให้
พอพี่แกส่งผ้าขนหนูให้ผม ผมก็เข้าห้องน้ำอย่างร้อนใจ
ระหว่างอาบน้ำ ผมก็พยายามมองโลกในแง่ดี
ว่าไอ้เบสมันคงไม่ใส่ใจอะไรอย่างนี้หรอก
แล้วมันก็คงไม่มาหาผมถึงบ้านพี่ซันหรอก
เหอ...ทำไมมันเหมือนปลอบใจตัวเองก็ไม่รู้
ผมอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่น ก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปิดส่วนล่างอยู่
ตอนแรกผมคิดว่าพี่เขาจะเอาเสื้อผ้าตั้งไว้ให้แล้ว แต่มัน...ไม่มี
ผมเลยมองหาจนทั่วห้องอีกครั้ง ก็ไม่เจอ เลยเดินลงไปหาพี่แกด้านล่าง
แต่พอเห็นหน้าพี่แกก็แทบตะร้องกรี้ด ไม่ได้กรี้ดพี่เขาน่ะครับ
แต่กรี้ดตกใจไอ้เบส ทำไมมันมาไวแบบนี้
แล้วสายตาเคืองแค้นที่มันมองผม มันคืออะไร?
มันไปโกรธกับใครมาหรือเปล่า หึหึ กูตายแน่ๆ
“เดี่ยวพี่ไปเอาเสื้อผ้าให้ครับ” พี่ซันบอกผม
ผมเลยเดินขึ้นไปนั่งรอบนห้องตัวสั่น
ที่สั่นเพราะอะไรคงรู้ดีน่ะครับ.....ไอ้เบส
พี่เขายิบเสื้อผ้าที่ดูดีอย่างกับไปเที่ยวให้ผมชุดหนึ่ง
ตอนแรกพี่เขาให้กางเกงในมาด้วย (ที่ยังไม่ใช้น่ะครับ)
แต่ผมบอกว่าใส่ตัวเก่าก็ได้ หึหึ สกปรกจริงๆกู
แต่จริงๆเพราะผมต้องกลับบ้านอยู่แล้วล่ะครับ
เพราะพี่ซันบอกว่า แม่ให้ไอ้เบสมารับผม
พี่เขาดูหน้างงๆน่ะครับ
แต่ผมไม่งงหรอก เพราะรู้ว่าไอ้เบสมันตอแหล
ไอ้เบสดึงผมจนแทบลากไปกับพื้นตอนออกจากบ้านพี่ซัน
ผมไม่ทันจะลาพี่เขา ตอนที่พี่เขามาส่งหน้าบ้าน
ไอ้เบสมันสตาร์สรถแล้วขับออกไปอย่างเร็วจนผมแทบกรี้ด
ฮื่อๆๆ หากกูตกรถแล้วตายไป กูจะมาหลอกเมิง
คำด่าที่ผมเคยได้ยินจากปากไอ้เบสเวลามันโมโห
ไม่มีเลยครับ...เงียบ...แต่มันก็ไม่เงียบเท่าหรอกครับ
เพราะเสียงลมที่ผ่านผมไป
ก็พอจะรู้ว่า มันขับรถจนเห็นนรกอยู่ปลายทาง
ไอ้เบสขับเลยทางบ้านผม แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกตกใจหรอกครับ
เพราะเตรียมใจมาล่วงหน้าแล้ว ว่ามันคงไม่พาผมกลับบ้านแน่ๆ
ตอนนี้ไอ้เบสเริ่มลดความเร็วเมื่อเขาสู่ตัวเมือง
ที่ผมแทบไม่เห็นรถเลย คงเพราะดึกมากแล้วด้วยล่ะครับ
ไอ้เบสขับรถเลี้ยวเขาซอยตรงบริเวรร้านน้ำสมุนไพรที่ผมชอบกิน
เพราะอยู่ใกล้โรงเรียนชายล้วนด้วยมั้งครับ เลยเป็นอาหารตาไปด้วย หึหึ
ไอ้เบสหยุดรถหน้าร้านอาหารตามสั่ง คนนั่งกันเต็มร้านเลยครับ
แล้วมันก็มองผมที่กำลังนั่งกอดถุงเสื้อผ้าตัวเองที่เอามาจากบ้านพี่ซัน
ผมทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่ามันมองแล้วหมายถึงอะไร
(กูไม่ใช่หมอดูน่ะโว้ย จะได้อ่านใจเมิงออก)
“ไม่แดกอะไรใช่ไหม”ฮื่อๆ มันพูดไม่สุภาพครับ เล่นเอาผมสะดุ้งโย้ง
“กะ---ก็แล้วแต่”ผมพูดกล้าๆกลัวๆ
“เออดี งั้นก็ไม่ต้องกิน”
ไอ้เบสหันไปสั่งอาหารของมันคนเดียว แล้วไม่สนใจผมอีก
ผมก็ไม่ได้โวยวายอะไรครับ ไม่คิดว่ามันใจร้ายขนาดนี้ แต่ไม่สิ...
แค่นี้เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว
ผมยืนมองแม่ค้าทำอาหาร ส่วนไอ้เบสมันเหมือนกำลังจ้องผมอยู่
ตอนแรกไม่กล้าหันไปมอง คิดว่าตาฝาด
แต่พอหันไปเจอสายตาพิฆาตมัน แทนที่มันจะตกใจ
กลับเป็นผมที่ต้องหลบสายตามัน
ผมปล่อยให้มันมองไป สักพักมันก็ได้ข้าวที่สั่งไป
รู้สึกจะเป็นคะน้าหมูกรอบ อืม...จำไว้คนหล่อเขาชอบกิน หึหึ
ไอ้เบสรับข้าวจ่ายตั้ง สตาร์สรถอย่างรวดเร็ว จนผมแทบตกรถ
ผมไม่กล้ากอดเอวไอ้เบสหรอกครับ แต่พอมันแบรกตอนไฟแดงนี้สิ
ผมโผลเข้าไปกอดมันเต็มๆ
“อู๊ยยย เจ็บ ขับรถอะไรว่ะ”ผมบ่นแต่ไอ้เบสไม่หันมามองเลยครับ
มันยังทำหน้าเหี้ยเหมือนเดิม
มันขับรถผ่านซอยจนผมงงตึบไปหมด
เพราะเหมือนมันจะขับวน แล้วสักพักมันก็มาจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่
ที่คิดว่ายังไงก็ไม่น่าจะใช่ของมันแน่ๆ แต่แป๋ว...
“เอาไปเปิดประตูเร็วๆ”ไอ้เบสสั่งผมแล้วยื่นกุญแจให้
ผมรับมาแล้วเดินไปไขกุญแจประตูเหล็กหน้าบ้านมัน
มันขับรถเข้าบ้าน ผมก็ล็อกประตูเรียบร้อยอย่างรู้งาน
ในบ้านไอ้เบสมีรถเก๋งจอดอยู่คันหนึ่งคลุมผ้าอยู่
แล้วก็รถมอไซค์ของมัน มันเหมือนจะรอให้ผมไปเปิดประตูบ้านให้
ผมก็รีบเดินไปเปิดให้ กลัวไม่ถูกใจมัน กว่าจะหาดอกกุญแจเจอก็ช้านิดหน่อย
แต่ไม่เห็นว่ามันจะโว้ยวาย
พอเข้ามาในบ้านมัน มืดมากๆครับ ไม่เปิดไฟสักดวง
ไอ้เบสหายไปในความมืด แล้วสักพัก ไฟก็เปิดจนทั่วบ้าน
โห้.......
ผมอ้าปากค้าง ไม่ใช่เพราะบ้านจัดอลังฯเหมือนบ้านพี่ซันหรอกครับ
แต่บ้านมันรกยังกับกรุเก็บขยะ
ผมมองไปทางไหนก็มีแต่กล่องวางซ้อนกัน แล้วก็ผ้าสีขาวคลุมฟอร์นิเจอร์เต็มไปหมด
แล้วฝุ่นก็จับหนายังกับดิน
ไอ้เบสดูจะไม่สนใจอะไร เพราะมันเดินขึ้นชั้นสองไปเลย
ส่วนผมยังไม่หายงงกับสภาพบ้าน เลยยืนอึ้งอยู่ที่ประตู
จนไอ้เบสมันตะโกรลงมานั้นแหละ
“ปิดประตู ปิดไฟ แล้วขึ้นมาด้านบน”
คำสั่งของมันที่ผมต้องทำตาม
ผมล็อกประตูเรียบร้อย ปิดไฟด้านล่างจนหมดทุกดวง
เหลือแต่ไฟด้านบนที่พอนำทางผมอยู่
ผมเดินขึ้นมาด้านบน สภาพไม่ต่างจากด้านล่างเลย
บนบ้านมันมีสองห้องนอน และห้องไปเบสก็อยู่ติดกับบันได
ในห้องมันมีของเต้มไปหมดครับ เสื้อผ้าเกลื่อนพื้น
ต่างจากห้องพี่ซันลึบลับ ผมยังแอบคิดเลยครับ
หากมันฆ่าคนแล้วเอามาหมกไว้ห้องของมัน
ผมว่าหาศพไม่เจอแน่ๆ หึหึ
“เอาน้ำให้หน่อย”ไอ้เบสสั่งผม
ผมมองหาขวดน้ำในห้องมัน ที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย
เพราะมันรกจนผมหาอะไรไม่เจอ
แต่แล้วก็เจอครับ ผมรินใส่แก้วยื่นให้มัน
ไอ้เบสกินน้ำเสร็จ มันก็ดูทีวีโดยไม่สนใจอะไรผมเลย
ผมยังงงครับ มันให้ผมมาเพื่ออะไร มาเป็นคนใช้ใช่มั้ย?
“ทำไมถึงพาเรามาที่บ้านนาย”ผมจ้องหน้ามัน
ไอ้เบสหันมามองผมด้วยสายตาเย็นชา
ก่อนจะหันไปสนใจทีวีต่อ
“กะจะมาเอาเมิง แต่ยังไม่มีอารมณ์”มันพูดหน้าตาเฉย
“พูดไรให้เกียรติหน่อยได้ไหม เราไม่ใช่คนขายตัวที่นึกจะเอาก็เอา”ผมพูดอารมณ์เริ่มเดือด
“หึหึ เกียรติ เกียรติเหี้ยไรเมิงอีก เมิงให้ไอ้ซันไปเอาถึงบ้าน แล้วนี้เมิงยัง...”ไอ้เบสพูดยังไม่จบ
ผมก็เอาถุงเสื้อผ้าที่ถืออยู่ (ถือทำบ้าไรตั้งนานแล้วว่ะกู)
ปาเข้าใส่หน้ามันเต็มแรง มันก็ไม่หลบน่ะครับ
แล้วมันก็หันมายิ้มเหมือนสะใจให้ผม
นั้นคงเพราะมันเริ่มเดือนขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่ดีแล้วล่ะครับเพราะสันดานอย่างไอ้เบส
เวลาพูดอะไรมันก็ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใครอยู่แล้ว
“หึหึ”
ไอ้เบสไม่พูด แต่เสียงในลำคอที่ดูน่ากลัวของมัน
ก็ทำให้ผมไม่ทันระวังตัว มันเลยลากผมขึ้นเตียง
โดยที่แรงมันยังกับควาย และผมก็ไม่สามารถสู้ได้เลย
“เห้ย....ปล่อยเบส ไม่เล่น”ผมพูดด้วยความตกใจ
“กลัวทำไม นึกว่าชินซะอีก”ไอ้เบสล็อกมือผมทั้งสองข้างไว้บนหัว
แล้วมันก็เอามือที่เหลือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดของมัน
ผมได้ทีเลยใช้เท้าถีบไปที่ท้องมันไม่แรงนัก
แต่พอให้มันกระเด็นห่างจากเตียงสักระยะ
“เราไม่เคยทำอะไรอย่างที่นายคิด แล้วเลิกพูดอย่างนี้สีกที”
ผมโกรธมันจนตัวสั่น แต่เกลียดที่ทำอะไรมันไม่ได้
ผมเลยเดินเลี่ยงมัน แต่ก็โดนมันกระชากกลับมาให้นอนอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม
ผมรีบลุกขึ้น แต่ไอ้เบสโหมตัวมันมาทับผมไว้ เลยทำให้ผมขัดขืนไม่ได้
“อย่าเล่นตัวดีกว่า เมิงอยากโดนกูทำแบบนี้อยู่นานแล้วใช่ไหมล่ะ”
ผมพยายามใช้มือผลักมันออก แต่ครั้งนี้ไอเบสมันไม่ปล่อยให้ผมหลุดไปได้แล้ว
เพราะมันก้ใช้เข็มขัดที่พึ่งถอดออก มามัดมือผมไว้
แล้วหน้ามันตอนนี้ก็ซุกกอยู่ที่คอผม
อารมณ์ผมไม่ได้รู้สึกถึงคนที่อยากมีเซ็กซ์
แต่มันรู้สึกกลัวแล้วก็โกรธ ผมอยากจะตะโกนให้ดัง
แต่เสียงก็ดังแค่ในลำคอ ไอ้เบสมันใช้ปากประกบปากผมแน่แทบหายใจไม่ออก
เสื้อผ้าที่เคยอยู่บนตัวผมก็ถูกมันกระชากจนขาดไปกองกับพื้น
กางเกงในที่เป็นสิ่งปกปิดอันสุดท้ายก็ยังโดนมันถอดทิ้งไปไกล
ตอนนี้สภาพผมที่นอนเปลือยเปล่า ก็โดนมือไอ้เบสมันสัมผัสทุกส่วน
เหมือนผมเป็นของเล่น มันจะกัดตรงไหนก็กัด โดยที่ผมพยายามกลั่นเสียงไว้
เพื่อไม่ให้มันได้ยิน ว่าผมเจ็บจากสิ่งที่มันทำมากแค่ไหน
น้ำตาไหลจนหยุดไหล ไอ้เบสมันก็เห็นว่าผมร้องไห้
แต่มันกลับไม่สนใจ และลุกขึ้นถอนเสื้อผ้ามันออกบ้าง
ตอนนี้ทุกส่วนของมันที่ผมเคยเห็นมาแล้ว
ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเขินอายเลย แต่มันกลับทำให้ผมกลัว
ไอ้เบสโถมตัวเข้าใส่ผมอย่างรุนแรง
และมันก็พยายามปลุกอารมณ์ของผม...จนสำเร็จ
“หึหึ เมิงก็อยากให้กูเอาเข้าใช่ไหมล่ะ”
คำพูดไอ้เบสไม่มีผลกับผมอีกต่อไป เมื่อความเจ็บเข้ามาแทนที
ไอ้เบสใส่ของมันเข้ามาในตัวผมรวดเดียว
ผมรู้สึกจุก และอยากร้องแต่ร้องไม่ออก
ทุกอย่างไอ้เบสมีความพึ่งใจมาก
ร่างกายของผมที่เป็นของมัน แต่ความรู้สึกที่ผมเคยมีให้มัน
ตอนนี้ได้ลอยหายไปพร้อมหยดน้ำตา...
คนเราเวลาถูกข่มขืนมันทรมานแบบนี้เลยเหรอครับ
ร่างกายที่แทบรับไม่ไหว กับสิ่งที่เข้าออกอยู่ทางด้านหลัง
มันทำให้ผมเจ็บ เจ็บจนชาไปทั้งตัว แล้วในที่สุด ก็ไม่เหลือความรู้สึกอะไรอีกเลย
ทุกวินาทีที่ไอ้เบสมันจูบปากผม
ครั้งหนึ่งที่ผมเคยรู้สึกชอบกับสัมผัสนี้มันหายไป
แล้วเนื้อตัวที่หอม และผิวที่ขาวเนียนของไอ้เบส
ที่ผมเขินอายทุกครั้งเวลามันแกล้งให้ผมสัมผัส
ตอนนี้ไม่เหลืออีกแล้ว มันหมดสิ้น
“อะ...อ่ะ......อ๊า”
ไอ้เบสขยับตัวอีกสองครั้งสามครั้ง หยาดหยดที่อุ่นร้อน
ก็เขามาอยู่ในตัวผมจนล้นทะลัก
ไอ้เบสมองผมด้วยสายตาประหลาดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ผมก็หลบหน้ามัน ไม่ใช่เพราะเขิน
แต่เพราะรังเกียจที่จะเห็นหน้ามันต่อแม้สักวินาทีเดียว
มันปล่อยร่างกายผมให้เป็นอิสระ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมนอนมองฝาพนังที่ว่างเปล่า เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้
และพยายามคิดถึงสิ่งที่ผมกับไอ้เบสเคยทำด้วยกัน
และความรัก ที่ผมเคยมีให้มัน ผมพยายามจดจำมันเอาไว้
เพราะสิ่งเหล่านี้ มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอ้เบสจะทำ....กับผม
................................................................................................