ขอบคุณน้องนิวค่ะ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง คาดว่าต้องกลับไปแก้ที่ตัวเองเขียนผิดมากมาย
วันนี้มีมาฝากอีก ที่มาจากเวบนี้
http://www.oknation.net/blog/nana/2007/11/08/entry-1พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคำเหล่านี้เอาไว้ดังนี้
"
พันธุ์ น.พวกพ้อง, พี่น้อง, วงศ์วาน. (ป., ส.) ; เทือกเถา, เหล่ากอ ; พืช. "
"
พรรณ์ น.สีของผิว ; ชนิด. "
"
พรรค์ น.หมู่คนที่เข้ารวมกันเป็นพวกเป็นฝ่าย. "
ดังนั้น เมื่อเราพูดว่า " คนพันธุ์นั้น " ก็ต้องหมายความว่า คนพวกนั้น
ถ้าเราพูดว่า " ของพรรณ์นี้ " ก็ต้องหมายความว่า ของชนิดนี้
ถ้าบอกว่า " ไอ้พวกพรรค์นี้ " ก็ต้องหมายถึง คนหมู่นี้ หรือฝ่ายนี้
ทั้งสามคำเป็นคำนามเหมือนกัน แต่ต้องใช้ให้ถูกชนิดในความหมายของคำ
................ ไม่อย่างนั้น ก็ถือว่าเขียนผิด ..................
เช่น ถ้าพูดว่า " ของพันธุ์นี้ " อย่างนี้ถือว่าผิด
หรือ " คนพรรณ์นี้ " นี่ก็ผิดอีกเหมือนกัน.
ซักไซ้ กับคำว่า ซักไซร้ คำไหนที่ควรใช้............... ดูจากรูปคำทั้งสองนี้แล้ว น่าจะนิยมเขียนคำว่า " ซักไซร้ " กันมากกว่า
เพราะความน่าจะเหมาะน่าจะควรกว่ากัน แต่แม้จะรูปสวยก็ถือว่าเขียนผิด
คำว่า " ไซร้ " คำเดียว เป็นคำวิเศษณ์ใช้เป็นคำสำหรับเน้นความหมายของคำหน้า
มีความหมายไปในทางว่า อย่างนั้น เช่นนั้น ทีเดียว
แต่คำว่า " ซักไซ้ " เป็นคำกริยา หมายถึง การไต่ถามไล่เลียงให้ถี่ถ้วน
เป็นลูกคำของคำว่า " ซัก " อีกทีหนึ่ง
" ซัก " เป็นคำกริยา คือ อาการที่ทำให้สะอาดด้วยน้ำ หรือไล่เลียงให้กระจ่างแจ้ง
มีลูกคำ เช่น " ซักซ้อม " เป็นคำกริยาเช่นกัน หมายถึง สอบให้แม่นยำ หรือ
สอบให้คล่อง หรือแนะกันเอาไว้ล่วงหน้า บางทีก็ใช้คำว่า " ซ้อมซัก " กลับกันก็ได้
ลูกคำอีกคำหนึ่ง คือ " ซักฟอก " ใช้เป็นคำกริยา คือ การชำระให้หมดมลทิน
หรือ ซักถามให้ได้ความจะแจ้ง บางทีก็ใช้กลับคำเป็น " ฟอกซัก " ก็มี
ลูกคำอีกคำคือ " ซักแห้ง " เป็นคำกริยาด้วย คือ การทำความสะอาดเสื้อผ้า
หรือสิ่งทอต่างๆด้วยวิธีพิเศษ เช่น ใช้สารเคมีโรยบนรอยเปื้อนแล้วปัดออก
หรือแช่ลงในสารละลายเคมี
และลูกคำสุดท้าย ก็คือ " ซักไซ้ " ใช้ ซ.โซ่สองตัวและไม่มี ร.เรือ
ฉับพลัน กับคำว่า เฉียบพลัน ต่างกันอย่างไร คำว่า " เฉียบพลัน" เดิมเป็นคำที่ใช้ในวงการแพทย์ มีความหมายว่า แรงมาก
ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Acute มีความรุนแรงยิ่งกว่าฉับพลัน
เนื่องจากเป็นคำใหม่และใช้กันในวงจำกัด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. 2493 จึงยังไม่มีการเก็บคำนี้ไว้ ภายหลังเมื่อมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
จึงได้เก็บคำนี้ไว้ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ดังนี้
เฉียบ ว.ยิ่งนัก, จัด เช่น เย็นเฉียบ, คมเฉียบ. เฉียบขาด ว.เด็ดขาด.
เฉียบพลัน ว.รุนแรงมาก. เฉียบแหลม ก.ฉลาดหลักแหลม.
ส่วนคำว่า " ฉับพลัน " พจนานุกรมให้ความหมายไว้ว่า
ฉับ, ฉับๆ ว.อาการที่พูดหรือฟันอย่างรวดเร็ว เช่น ฟันฉับๆ ; เสียงดัง
เช่นนั้น. ฉับพลันทันทีทันใด ทันทีทันควัน ฉับไว ว.รวดเร็ว
บัณฑิต กับคำว่า บัณฑิตย์ต่างกันตรง ย.ยักษ์การันต์เท่านั้น และคำทั้งสองก็ใช้เป็นคำนาม
เหมือนกันทั้งสองคำ แต่จะใช้ในความหมายที่ต่างกัน...
"บัณฑิต" อ่านว่า บัน-ดิด เป็นคำนามหมายถึง ผู้ทรงความรู้
ผู้มีปัญญา นักปราชญ์ เรียกผู้สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาซึ่งมี 3 ขั้น คือ
ปริญญาตรี ว่า บัณฑิต
ปริญญาโท ว่า มหาบัณฑิต
ปริญญาเอก ว่า ดุษฎีบัณฑิต
หรือเรียกผู้มีความสามารถเป็นพิเศษโดยกำเนิด
เช่น คนนี้เป็นบัณฑิตในทางเล่นดนตรี...
ส่วนคำว่า "บัณฑิตย์" ซึ่งก็อ่านว่า บัน-ดิด เหมือนกัน
เป็นคำนาม หมายถึง ความรอบรู้ การเรียน และความเป็นบัณฑิต...
สังเกตให้ดีว่า ความหมายไม่เหมือนกัน
อันหนึ่งหมายถึง ตัวคน
แต่อีกอันหนึ่งหมายถึง ตัวองค์ความรู้ การเรียนรู้...
ขอบคุณที่ติดตาม ภาษาไทยวันละนิด ค่ะ