ตอนที่ 7 คนพิเศษวันอาทิตย์ของสัปดาห์แรกน่าจะดูไม่ค่อยแตกต่างจากวันอื่นๆ เท่าไหร่ ธันตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดตามปกตินิสัย เพราะต้องเป็นคนไปขนผักจากรถขายส่งที่จะมาส่งท้ายตลาดตอนหัวรุ่ง เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเป็นห่วงคนข้างหลัง หญิงวัยกลางคนที่เขารักป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่ เขาหันไปมองต้นกำเนิดเสียงที่กำลังกรนอย่างเมามันส์ กว่ามันจะตื่นก็น่าจะซักเก้าโมง ถ้าเขาออกไปช่วยแม่ขนผักกับจัดแผงซักหน่อยกลับมาก็น่าจะทัน เขาดันตัวขึ้นจากที่นอนอย่างระวังแล้วเดินไปล้างหน้า แล้วเดินไปที่ตลาดทันที
จะว่าไกลมันก็ไกล จะว่าใกล้มันก็ใกล้ ใช้เวลาเดินลัดเลาะตามซอยประมาณเกือบสี่สิบนาทีก็ถึงท้ายตลาด เขาเห็นแม่กำลังยกลังถั่วฝักยาวลงจากรถมาใส่รถเข็นอย่างทุลักทุเล ไอ้ลังถั่วฝักยาวที่เขาเคยยกมันสิบกว่าโลนะ แล้วไอ้พวกที่มากับรถขนผักแมร่งยืนกันนิ่งไม่คิดจะช่วยอะไร เขารีบเร่งเท้าเข้าฉวยลังคามือแม่ทั้งแบบนั้น ธันไม่พูดพล่ามทำเพลง เขารีบยกที่เหลือจนเสร็จในเวลาไม่นาน
ฟ้าเริ่มสางแล้ว แม่เข็นรถเข็นขายของโดยมีธันเข็นรถเข็นสองล้อจุตระกร้าสานไม้ไผ่แบบหยาบใช้ขนผักตามมาติดๆ แม่พูดกับเขาโดยที่ไม่ได้หันมาถาม "หน้าไปโดนอะไรมาอีกแล้วล่ะ"
"..." ธันไม่ตอบเพราะรู้ว่าแม่คงรู้อยู่แล้ว เขาเลยเข็นไปเงียบๆ จนถึงแผงขายผัก แม่พยายามจะจับหน้าเขาดูรอยช้ำพวกนั้นแต่เขาก็บ่ายเบี่ยงโยกหน้าหนีจนกระทั่งแม่เลิกตื้อจะดูนั่นแหละ เขาช่วยแม่จัดแผงเงียบๆ ไม่พูดไม่จากระทั่งจัดแผงเสร็จ
"ธันกลับแล้วนะ" เขาพูดกับแม่ แต่กลับมองไปรอบๆ แผงดูความเรียบร้อยแทน แม่มองมาที่เขา ในแววตานั้นมีรอยยิ้มเจืออยู่ด้วยก่อนที่แม่จะหยิบเงินในกระเป๋าเอี้ยมขายของส่งมาให้เขา ธันยกมือไหว้แล้วรับเงินสำหรับค่าอาหารอาทิตย์นี้ "ถ้ามีเวลาจะมาช่วยนะแม่" ธันสบตาแม่หน่อยนึงก่อนจะหลบตาแล้วหันหลังเดินออกมาเลย
พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่านั้น แม่ได้แต่ระบายยิ้มแล้วส่ายหน้ามองตามหลังลูก
***
ติวละเมอตื่นขึ้นมาฉี่ พอจะเดินกลับมานอนต่อพอไม่เห็นธันถึงกับตาสว่าง นาฬิกาบอกเวลาตอนนั้นช่วงตีห้ากว่าๆ เขาขมวดคิ้วค่อยๆ นึกว่ามันหายไปไหนแต่เช้า แต่ก็ยังไม่ทำให้เขาว้าวุ่นเท่ามันหายไปตอนกลางวันเลยไม่ได้รีบร้อนจะหาตัวมันเท่าไหร่ ติวทิ้งตัวลงจะนอนต่อ แต่หลับตายังไม่ถึงนับหนึ่งถึงสิบเขาก็ลืมตาอีกครั้งพร้อมกับดีดตัวขึ้นไปล้างหน้าอย่างลวกๆ แล้วเดินไปที่รถทันที
เขารู้ว่าธันต้องมาช่วยแม่แต่เช้าแน่ๆ แล้วก็เป็นไปอย่างที่สันนิษฐานไว้ ติวขับรถเข้ามาทางท้ายตลาดก็เห็นมันกับแม่กำลังยกของกันอยู่พอดี เขาไม่ได้ลงไปแต่กลับดูลาดเลาคอยสังเกตุพฤติกรรมไปพลาง มันยกของลงจากรถไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เข็นรถเข็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปที่แผงแล้ววิ่งเข็นออกมาขนผักไปอีกอย่างขยันขันแข็ง ส่วนแม่มันก็คอยเช็คของ แล้วจ่ายเงินกับคนขาย ติวนั่งมองจนผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นหลังมันไหวๆ วิ่งข้ามถนนเส้นตรงหน้าเขาไป ติวรีบสตาร์ทรถขับตามไปจี้ตูดแล้วบีบแตรใส่
ปริ๊นนนนนน ปริ๊นนนนนนนติวกดลากเสียงกวนประสาทธัน นึกว่ามันจะสะดุ้ง แต่เปล่าเลย มันเหล่มองนิดหน่อยก่อนจะเดินหลบขึ้นฟุตบาท คงเพราะโดนแบบนี้บ่อยอย่างไม่ต้องสงสัย ติวขับรถไปขนาบข้างแล้วเปิดกระจกเรียกมันขึ้นรถ
ธันหันหน้ามามองนิ่งๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ "เหี้ยนี่แมร่งทำตัวเป็นเหาบนหัวกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" ธันพูดสบถแบบจงใจให้ไอ้ติวได้ยิน ติวเหล่มองก่อนจะตอบแบบลอยหน้าลอยตา
"เออ ไปไหนไม่บอก
กูจะตามแมร่งให้ยิ่งกว่าผัวมึงอีก คอยดู"
พอได้ยินแบบนั้น ธันถึงกับต่อปากต่อคำไม่เป็นไปอึดใจ "ผัวบ้านพ่อมึงสิ ไอ้เหี้ย" ติวหัวเราะครืดในคอ
ระหว่างทางที่ติวขับมาถึงทางแยก เขาเลี้ยวไปอีกทาง "เดี๋ยวกูแวะไปเอาของที่บ้านกูแปบนึงแล้วกัน มึงกินไรยัง" ติวถามขณะที่กำลังขับรถผ่านเข้ารั้วทางเข้าบ้านตัวเอง
"กูไม่กินข้าวเช้า" ธันตอบตาพลางมองลอดประตูบ้านเห็นหญิงวัยกลางคนยืนชะเง้อมองมาที่รถ ติวดับเครื่องปลดล็อกเบลท์ หันมาจ้องธัน "งั้นเดี๋ยวไปกินกัน รออยู่ในนี้แปบ"
"แล้วมึงจะถามกูทำเหี้ยอะไรวะ" ติวไม่รอฟังคำด่า รีบลงจากรถเดินจ้ำๆ เข้าบ้านแทบจะเดินผ่านคนในครอบครัวแทบเป็นธาตุอากาศ จากที่ธันหงุดหงิดได้ครู่เดียวแต่พอสังเกตุปฏิกิริยาของติวกับคนผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแม่ของมันก็อดสงสัยไม่ได้
ติวเดินขึ้นมาบนห้องของตัวเองหยิบเสื้อผ้าสองสามชุดไปทั้งไม้แขวน หยิบแหวนรุ่นที่เป็นลายสัญลักษณ์แทนตัวเขากลับมาสวมที่นิ้วชี้ตามเดิมหลังจากที่ถอดลืมไว้ที่บ้านหลายวัน จังหวะที่เขาถือของกำลังจะเดินออกจากห้องนอนไอ้โทรศัพท์ก็สั่นแทรกขึ้นมาทันที ที่หน้าจอโชว์เป็นชื่อไอ้ดำ
"Kกระดกฟาดหน้ามึงรึไงถึงตื่นมาโทรหากูแต่เช้าเนี่ย" เขากรอกเสียงตอบราวกับเรื่องเมื่อคืนไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน เสียงปลายสายตอบกลับมา "พ่อกูใช้ไปเก็บดอก" มันพูดไปหาวไป
"ว่าแต่กู แล้วมึงอ่ะ ตื่นมาอมKจงอางแต่เช้าเลยนะ" ติวจิ๊ปากหมั่นไส้เพื่อน แมร่งทำไมมีแต่คนหาเรื่องเขาแต่เช้าเลยวะ ตะกี้ก็ไอ้ธันทีนึงละ ไอ้ดำเข้าเรื่องถาม "วันนี้มึงจะไปสโมสรพ่อมึงกับพวกกูมั้ย" ติวยิ้ม "แมร่งจงใจเน้นคำนั้นจังเลยนะไอ้สัส" ปลายสายหัวเราะร่วน "งั้นตามมาแล้วกัน ซักบ่ายสอง แล้วเย็นๆ ไปต่อร้านเหล้าปั่น โอเค ตามนี้"
"ได้ ว่าแต่ไอ้สโมสรพ่อกูเนี่ย เอาสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้มั้ยวะ" ติวแกล้งถามเพื่อน ไอ้ดำรู้ทัน "ถ้าหมายถึงหมาในปากมึงก็นะ กูว่าแมร่งแค่เดินผ่านก็หมดสิทธิ์ละ" ไอ้ดำหัวเราะยาวเลยทีนี้
"กูหมายถึง งู เว้ยยยยยยยย"
ติวพูดด้วยท่าทางและน้ำเสียงอารมณ์ดีสุดๆ ไอ้ดำเริ่มหัวเราะฝืดๆ "โห ถ้ามึงพามันมาด้วย คอยกันพวกกูไม่ให้รังแกสัตว์เลี้ยงมึงเองแล้วกัน" ติวเดินไปเปิดตู้หยิบกางเกงว่ายน้ำออกมาสองตัวโยนไปวางกับกองเดียวกับผ้าที่จะขนไปด้วย "กูเอาอยู่แล้วกัน" ติวว่า
จบการสนทนาแค่นั้น ติวเก็บมือถือแล้วขนของลงไปชั้นล่าง เขาเห็นแม่กำลังจัดโต๊ะอาหาร เลยทำเป็นมองผ่านไป
"น้องสอบติดโรงเรียนจังหวัดแล้ว เย็นนี้กลับบ้านมาฉลองให้น้องหน่อยนะ"
เสียงแม่พูดกับเขา ติวไม่แม้แต่จะหยุดฟัง ประจวบเหมาะกับที่ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามหน้าตาดุดันในชุดไปรเวทกำลังเดินเข้ามา เขาเดินสวนออกไปอย่างไม่ยี่หระ
ติวพาธันออกไปกินไข่กระทะเจ้าเก่ากับน้ำเต้าหู้ ทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจจะกินเท่าไหร่ แต่ก็ยอมกินเงียบๆ ระหว่างรอจนกว่าจะถึงเวลานัด ติวขับรถกลับมาที่ตลาดให้ไอ้ธันอยู่ช่วยแม่ ส่วนเขาก็นั่งอยู่ในแผงนั่นด้วยเพราะไม่รู้จะไปไหน
"ไอ้ธัน" ติวที่กำลังกดเล่นเกมส์ในมือถือเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง
เขารู้สึกไม่ชอบหน้ามันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ามัน อาจจะเคยเจอกันบ้างแต่ยิ่งมาเจอกันตรงๆ ยิ่งมองยิ่งเกลียดขี้หน้า ธันที่กำลังทอนเงินลูกค้าหันไปมองคนเรียก "อ้าว ไอ้เติร์ก" ติวหันไปมองธัน เห็นแววตามันวาววับดีใจที่ได้เจอไอ้เหี้ยนั่น ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก
เหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาอาฆาตจ้องมา ไอ้เติร์กเลยเหล่ไปสบตาตอบ.. อ้อ ไอ้เหี้ยเกียร์
(GEAR = ฟันฟือง) เขารู้จักมันในชื่อนี้แล้วพอจะรู้ด้วยว่ามันเป็นคนคุมประพฤติไอ้ธันเพื่อนสนิทเขา แล้วเติร์กก็ไม่ได้สนใจมันอีก เขาเดินไปสวัสดีแม่ แล้วเรียกไอ้ธันออกไปคุยส่วนตัวนอกร้าน "มึงออกมากะกูแปบดิ" เขาหันไปหาแม่ธัน "แม่ๆ ยืมตัวธันซักแปบนะแม่" พูดห้วนๆ กับแม่ตามประสา
ยิ่งเห็นยิ่งรกอกเขาแปลกๆ ยังไงไม่รู้พิกล ติวมองไอ้ธันที่ดูกระตื้อรือร้นจะออกไปคุยกับไอ้ห่านั่น แมร่งดูดีใจจนเนื้อเต้นแล้วล่ะมั้งน่ะ ถึงหน้าตามันไม่ได้แสดงออกชัด แต่การกระทำนี่แมร่งโคตรชัดเลยสัส ทำท่าเหมือนหมาวิ่งกระดิกหางตามตูดไอ้เหี้ยเติร์กไปติดๆ
"ทำเป็นระริกระรี้! จะติดเป้งเหรอสัส" เขาบ่นอุบเบาๆ แต่แม่ก็ยังได้ยินแถมยังแอบหัวเราะกับคำพูดเขา ติวสะดุ้งหันไปมองแม่ธัน เขาตกใจที่แม่ได้ยิน นี่เขากำลังด่าลูกต่อหน้าแม่อยู่นะ
แม่สบตากลับด้วยสายตาอ่อนโยน "แม่ไม่รู้หรอกนะ ว่าโรงเรียนของเราน่ะเป็นยังไง" แม่พูดพร้อมกับหันทำอย่างอื่นไปด้วย "แม่รู้แต่โรงเรียนเรากับธันไม่ถูกกัน" ติวฟังแม่พูดเงียบๆ "ศักดิ์ศรีเหนือทุกอย่าง ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่" จนกระทั่งแม่หันมาสบตาเขาอีกครั้ง
"ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว
ทำไมถึงได้คอยมาดูแลคนของฝั่งตรงข้ามอย่างธันล่ะ" ติวสบตาแม่ธัน ตอบอย่างไม่ต้องคิด "ไอ้พวกหะ.. สถาบันเค้าให้ผมคอยดูมัน มันอยู่ในความรับผิดชอบของผม"
แม่ธันหัวเราะเบาๆ "ศักดิ์ศรี .. เหนือทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ยอมง่ายจัง" แม่ย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"แลกกับข้อตกลงบางอย่างที่ผมจะได้มั้งครับ" ติวตอบเสียงเนิบ แม่พยักหน้าคิดตาม
"งั้นแสดงว่าเราก็คงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก" ติวรู้สึกเหมือนแม่กำลังจะหลอกด่าเขาอยู่ยังไงชอบกล
แม่ยิ้มกรุ้มกริ่มมองติวอย่างไม่เชื่อ เธอรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้ตั้งใจดูแลลูกเขามากกว่าหน้าที่เสียอีก เลยเริ่มลดระยะห่าง "ธันน่ะ เป็นคนไม่ค่อยชอบพูด แต่สีหน้าเค้าแทบจะเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างได้เลยล่ะ"
'นี่ขนาดไม่ค่อยพูดนะเนี่ย ต่อปากต่อคำทีนี่เก่งฉิบ' เขาคิดในใจ
"คนที่ทำให้ธันระเบิดได้ แม่นับถือเลยล่ะ เพราะมันไม่ใช่นิสัยเขาเลย"
ประโยคนั้นทำให้ติวนึกย้อนไปถึงเมื่อหลายวันก่อนที่มันมีเรื่องกับไอ้กายรอบสอง ตอนที่ธันผลักอกตะโกนใส่แล้วชี้หน้าเขา
'มึงนั่นแหละมาเสือกอะไรด้วย! มึงเป็นพ่อกูเหรอสัส นี่เรื่องของกู! มันต่อยกู ไม่ได้ต่อยแม่มึง ไม่ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทน!!' "ถึงธันจะหัวแข็ง แต่เขาเป็นเด็กที่เรียบร้อยสำหรับแม่ ถึงเขาจะโตขึ้น แต่เขาไม่เปลี่ยนไปจากตอนเด็กเลย" แม่พูดไปยิ้มไป ติวคิดตาม สิ่งที่แม่กำลังบอกเขา คงจะหมายถึง เขาไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไป ที่ก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ
'แบบตัวเขา'"จริงๆ ผมก็ไม่ได้อะไรกับเขาหรอก อ่า..แม่" ติวเรียกไม่เต็มปาก "มีแต่มันนั่นแหละ ตั้งแง่เป็นศัตรูกับผมลูกเดียวเลย" ..แถมเขายังเคอะเขิน ไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรแทนไอ้ธันดี ที่ติวตอบกับแม่แบบนั้นหมายถึงที่รู้สึกตอนนี้ แม้ว่าตอนแรกจะอยากกระทืบหน้ามันที่ทำไอ้กายเพื่อนเขาโคม่าก็เถอะ
"ปกติธันไม่ไว้ใจคนง่ายๆ .." แม่สบตาเขาแล้วระบายยิ้มออกมากว้างๆ ก่อนจะพูดต่อ
"..งั้นเขาคงไม่ปล่อยแม่ไว้กับศัตรูหรอก จริงมั้ย?" แม่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เหมือนได้ระบายเรื่องที่อยากพูดกับใครซักคนมานาน "ธันน่ะ เค้าไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขามาก เขาแยกห้องนอนกับแม่ตั้งแต่จำความได้ แม้แต่เพื่อน สนิทกันยังไงก็ยังต้องมีช่องว่างให้เขาเลย"
นี่แม่กำลังจะว่าเขาเรื่องที่ตามติดชีวิตลูกชายเขาเกินไปแบบตอนแรกสินะ?
"แต่ถ้าคนไหนที่ทั้งทนเขาได้และเขาทนอยู่ด้วยได้ตลอดเวลา แม่คิดว่า..""..."
" ..คนนั้นคงจะเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ธันยอมรับ""..."
'คนพิเศษ' กับ
'คนที่มันยอมรับ'ติวรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของแม่และทำให้เขารู้สึกสงบลงจนลืมว่ากำลังหงุดหงิด นั่นด้วยสาเหตุอะไรเขาก็ไม่รู้ แต่การที่เป็นเรากลายคนพิเศษและเป็นที่ยอมรับของคนที่โลกหมุนรอบตัวเองจัดเหมือนไอ้ธันนี่มัน...
อดใจเต้นไม่ได้เลยแฮะทั้งหมดที่แม่พูดถึงธันให้ฟัง ทำให้ติวคิดตามเงียบๆ แม่ต้องการจะบอกอะไรกับเขาผ่านประโยคบอกเล่าพวกนั้นกันแน่ "แล้วเอ่อ ..แม่ เล่าให้ผมฟังทำไม" เขาถามออกไปตรงๆ แม่หันมาสบตาเขาอย่างจริงจัง
"แม่ไว้ใจเราได้ใช่มั้ย"
ติวไม่แสดงท่าทางโต้ตอบอะไร แต่กลับถามด้วยประโยคที่อาจมีน้ำหนักพอจะทำให้แม่ไขว้เขวได้ "แล้วแม่จะไว้ใจผมที่เป็นคนในสถาบันศัตรูลูกชายตัวเองได้ไง" ติวพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยแอบซ่อนความรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูกนั้นไว้ลึกที่สุด
"แม่ว่าเราดูไม่เหมือนคนพวกนั้นเลยนะ" แม่พูดพร้อมกับหันไปพยักหน้าเรียกเขาให้มองตามสายตาแม่ไป เขามองตามกลุ่มนั้นที่กำลังเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ซึ่งเขารู้ดีว่าตรอกนั้น มีไว้สำหรับเข้าไปเล่นยาโดยเฉพาะ
เขาหันกลับมาจ้องนิ่งมองขนมหม้อแกงอย่างเหม่อลอย แม่ธันมีบางอย่างในสิ่งที่พ่อแม่เขาไม่มี ใช่ว่าเขาจะโหยหาหรืออยากจะได้อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ตลอดชีวิตที่ถูกตราหน้าไว้ว่าเลวนักหนา เดนนรกมาเกิด คนทั้งโลกรุ่มด่า ยังไม่เท่าคำนั้นที่หลุดมาจาก..
ติวน้ำตาตกใน เขาไม่สามารถปลดแอกเรื่องละเอียดอ่อนนั่นออกมาเป็นคำพูดแม้ซักนิดเดียว ทำได้เพียงแต่นิ่งยอมรับอย่างสุดทางหลีกหนี สิ่งเดียวที่แม่ธันมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ..อาจเป็นสิ่งเดียวที่เด็กมีปัญหาต้องการจากครอบครัวก็เป็นได้
'การยอมรับในตัวตน'"แม่ฝากธันด้วยนะลูก" ดูเหมือนว่าการคุยกับแม่ไอ้ธันครั้งนี้ ทั้งสมอง และหัวใจของเขาต้องใช้งานหนักทีเดียว
"ครับ"
..และนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างก็ได้***
หลังจากเติร์กเดินนำธันออกมาจากแผงผักมาไกลพอแล้ว เขาหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับเพื่อน "ไหนบอกกูมาดิ หมาตัวไหนมันทำหน้ามึงเป็นงี้" เติร์กพูดแล้วรอฟัง ข่มอารมณ์เดือดดาลไว้ลึกๆ อย่างอดทน
"มันอยู่โรงบาล หรือมึงจะตามไปซ้ำมันล่ะ" ธันพูดเสียงเรียบ พิงตัวกับผนังปูน
"แล้วไอ้เกียร์มันทำไรมึงรึเปล่า" เติร์กถามดีๆ เขาอารมณ์เย็นลงมากหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนส่งพวกเดนบดินเข้าโรงบาล พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาดูดแล้วพ่นควันตามลำดับ
ธันยักไหล่ "มันต่างหากเป็นตัวคอยห้าม" ธันหลุบตามองต่ำก่อนจะสบตาเติร์ก ที่เดินปรี่เข้ามาใกล้ "หมายความว่าไง"
"เพราะถ้ามีใครมาทำกู หรือว่ากูไปทำใคร มันจะเป็นคนโดนลงโทษไง" ประโยคนั้นทำให้เติร์กหัวเราะ แล้วตบบ่าเพื่อนอย่างแรง "งั้นสุดเหวี่ยงไปเลยมึง ดักอัดพวกเดนแมร่ง คนรับกรรมก็ตกอยู่กะพวกเดนด้วยกันเอง สะใจฉิบหาย!!!" เติร์กดูดบุหรี่เข้าอีกเต็มปอด
"กูไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น" ธันตอบเสียงนิ่ง เติร์กหยุดหัวเราะแล้วกลับมาจ้องเพื่อนสนิท "นี่มึงลืมเหรอ ไอ้พวกเหี้ยมันทำอะไรกับพวกเรามั่ง" เสียงไอ้เติร์กเริ่มแข็งขืนขึ้นเรื่อยๆ
ธันถอนหายใจเฮือกเหลืออด "กูไม่ได้ลืม แต่มันใช่เรื่องของกูมั้ย"
"งั้นที่ไอ้วัฒน์ตายก็ไม่ใช่เรื่องของมึงใช่มั้ย?! ปล่อยผ่านไป อโหสิให้มัน ทำไมไม่บวชให้พวกมันด้วยซะเลยล่ะ!!!" ประโยคนั้นทำเขากำหมัดแน่นจนมือเขียว "แล้วถ้ามันไม่เล่นยา มันจะตายห่ามั้ย ..บอกกูมาสิไอ้เหี้ยเติร์ก" ธันพูดเสียงต่ำในคออย่างเหลือดอด เขาจ้องไอ้เติร์กจนตาแดงก่ำ ดูเหมือนเรื่องนี้จะเฉียดจุดพีคของธันอยู่เหมือนกัน
"..." เติร์กตอบธันไม่ได้ เขาเดือดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขารู้ว่าเพื่อนเขาคิดอะไรที่ลึกมากกว่าแสดงอารมณ์โทสะออกมาแบบเขา เติร์กยื่นมือถือตัวเองส่งให้ธัน "มึงเอาของกูไปใช้ก่อน"
ธันมองไอโฟนห้า ไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับ เพราะมันก็จำเป็นจริงๆ นั่นแหละ ธันมองมือถือในมือตัวเองก่อนที่ไอ้เติร์กจะหยิบชาร์จเจอร์ออกมาจากกระเป๋าส่งมาให้เขาด้วย
"อ้อ แล้วก็ มึงอย่าไปไว้ใจพวกมันมากแล้วกัน ไอ้พวกเหี้ยนั่น หึ! ถ้าไอ้เกียร์มันพุ่งเข้ามาต่อยกูได้ มันคงพุ่งมาแล้ว"
"อย่างมันไม่ยุ่งกับใครก่อนหรอก มีแต่มึงนั่นแหละที่จะพุ่งไปต่อยมัน" เติร์กฟังเพื่อนสนิทแก้ต่างให้ศัตรูก็หัวเสียอีกรอบ "รู้จักมันดีแล้วเหรอ? นี่ตกลงมึงคบกูหรือคบมันเป็นเพื่อนอยู่กันแน่"
"นี่มึงเป็นเหี้ยอะไรมากปะ จะไปไหนก็ไปซะไป กูรำคาญแล้ว" ธันไล่เติร์กอย่างหมูอย่างหมา เพื่อนสนิทจ้องหน้าเขาก่อนจะหันหลังเดินหนี ธันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่มันไปได้ซักที
เติร์กที่กำลังเดินห่างออกมาเรื่อยๆ เอาแต่คิดว่าเพื่อนตัวเองกำลังจะเปลี่ยน ถ้ามันแปรพรรคเขาคงรู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลัง แล้วยิ่งตอนที่มันแก้ต่างไอ้เหี้ยเกียร์กับเขายิ่งรู้สึกเหมือน
ไอ้ธันเริ่มให้ความสำคัญกับมัน เขารู้สึกเหมือน
'กำลังจะถูกแย่งเพื่อน' เติร์กกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์อย่างที่สุดไม่ให้เดินกลับไปต่อยกับไอ้ฟันเฟืองนั่นตอนนี้
...
สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่รอเวลานั้นมาถึง
เขาต้องได้กระทืบไอ้เหี้ยนี่เร็วๆ นี้แน่!!TBC.
ตอนนั้นก็คิดว่าตอนนี้จะน่าเบื่อ พอย้อนมาอ่านเองรู้สึกอบอุ่นดี
เจอกันตอนหน้าจ้า