ตอนที่ 2 แพ้เชิงคุณชาย
ครั้งหนึ่งเมขลาได้ขโมยดวงแก้ววิเศษของพระอิศวร ไป ราหูผู้มีครึ่งตัวเพราะถูกจักรพระนารายณ์เมื่อครั้งแปลงเป็นเทวดาไปดื่มน้ำอมฤต ได้อาสาไปจับเมขลา และได้ชวนรามสูรผู้เพื่อนไปด้วย รามสูรได้ขว้างขวานจนกลายเป็นฟ้าลั่นเปรี้ยงๆ
๏ เมขลาแกล้วกล้า ล่อแก้วแววไว
โยนสว่างเหมือนอย่างไฟ ปลาบไนยเนตรมาร
๏ หน้ามืดฮืดฮาด เกรี้ยวกราดโกรธทยาน
แค้นนางขว้างขวาน เปรี้ยงสท้านโลกา
๏ ฤทธิ์แก้วแคล้วคลาศ ยิ่งกริ้วกราดโกรธา
โลดไล่ไขว่คว้า เมขลาล่อเวียน
๏ ยักษ์โถมโจมโจน นางก็โยนวิเชียร
หลีกลัดฉวัดเฉวียน ล่อเวียนวงวล
๏ เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงขวาน ก้องสท้านสากล
ไล่นางกลางฝน มืดมนท์ในเมฆา
๏ นวลนางนั้นช่างล่อ รั้งรอร่อนรา
เวียนรไวไปมา ในจักรราศีเอย ๚ *เห่เรื่อง "จับระบำ"(เมขลา, สุนทรภู่) “อ๊ากกก เฮือก”ผมสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหงื่อแตกพลั่กๆ นี่ผมฝันอะไรกันเมขลาล่อแก้วงั้นหรือ บ้าบอคอแตกสิ้นดี ผมหอบหายใจแรงก่อนจะตั้งสติแล้วเหลือบมองร่างเปล่าเปลือยของไอ้คุณชายที่นอนเป็นตายอยู่ข้างๆ
ให้ตายสิ นี่มันผิดพลาดผิดมหันต์ไปหมด ผมผลักตัวไอ้คุณชายออกไปไกลๆเพราะอึดอัดจะเอาเนื้อมาแนบเนื้อทำไม ผมคงได้แต่ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะลุกเดินโซเซไปยังห้องน้ำ แต่พอก้าวขาลงเตียงสัมผัสพื้นเท่านั้นแหละ
“อุก...”ผมตัวงอเพราะจุกแปลกๆ เป็นอะไรไปเนี่ย ผมกุมท้องไว้ก่อนจะเดินหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเข้าห้องน้ำ
“จะทำยังไงดีเนี่ย”ผมคิดอย่างกังวลนิดหน่อย มองร่างเปลือยของตัวเองอยู่ในกระจกที่ห้องน้ำ มีรอยดูดเต็มคอผมเลย ฮึ่ยยย ไอ้คุณชายยยยย
แล้วแบบนี้จะเข้าหน้าไอ้คุณชายนั่นได้ไหมเนี่ย ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงเด่นชัดในหัว คิดแล้ว ขนก็ลุกขึ้นมาดื้อๆ ไม่เชิงว่ารังเกียจแต่ก็ไม่อยากยอมรับว่าชอบ เรื่องแบบนี้ น่าอายจะตาย
หน้าผมร้อนขึ้นมาทันที เมื่อคืนไอ้คุณชายโฉดนั่นไม่ได้ใส่ถุงยางด้วย โอ้ พระเจ้า! คุณชายนั่นคงไม่เผื่อแผ่เชื้อโรคมาให้ผมหรอกนะ คิดได้ก็สยองขึ้นมา ก่อนจะเจ็บแปล๊บที่ช่องท้องวูบนึง
“โอ้ยยย ท้องกู”ผมทรุดลงไปนั่งแล้วกุมท้องไว้ ทำไมถึงเจ็บแบบนี้ได้ คงไม่ใช่เพราะทำรุนแรงหรอกมั้ง ตลกแล้ว ความเจ็บหายไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนลืมไปว่าลืมปิดประตู
“กี้ครับ…”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงคุณชายดังอยู่หน้าประตู ผมนิ่วหน้าทันที ยังจะตามมาอีก
“มีอะไร”ผมตอบเสียงห้วน ไม่สนใจทำเป็นหยิบโฟมล้างหน้ามาดูแทน คนข้างนอกเงียบเสียงไปนาน เอ้า เงียบทำไมอีก ทำให้ผมต้องหันไปมอง
“…นี่ คุณชายครับ มีอะไรไม่ทราบ”ผมถาม ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืนมองผมอยู่
“…กี้ กี้ ไม่โกรธผมน่ะครับ”ทันทีที่พูดจบผมก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว นั่นล่ะ ปัญหา ผมจะโกรธไอ้คุณชายบ้านี่ดีไหมนะ ถ้าผมโกรธเขาจะได้รู้ไงว่าไม่ได้ชอบในสิ่งที่เขาทำ
“ว่าไงครับกี้”อย่ามาพูดกับกูด้วยน้ำเสียงแบบนี้นะเว้ย น้ำเสียงที่ทอดหวานเหมือนคาดหวังคำตอบที่ดีจากผม
“เอ่อ ก็ไม่นี่ ผมไม่เก็บมาคิดให้รกสมองหรอก”เหมือนเมื่อก่อนไง เดี๋ยวก็ลืมๆไป ผมบอกแล้วถอยห่างออกจากคุณชาย
“อย่าประชดสิครับ…ถ้าไม่โกรธ กี้ก็ทำหน้าดีๆหน่อย ยิ้มสิครับ”เรื่องอะไรจะยิ้มให้ บ้าไปแล้ว ผมเบ้ปาก
“ผมจะอาบน้ำแล้ว”ผมบอกแล้วจะปิดประตูห้องน้ำแต่คุณชายเข้ามาขวางไว้ ไอ้ผมก็ไม่กล้าปิดประตูใส่เขาหรอกครับ
“กี้ โกรธผมจริงๆด้วย ที่จริงผมไม่อยากทำฉวยโอกาสแบบนั้นกับกี้เลยนะครับ”น้ำเสียงคุณชายดูสื่อไม่ถึงคำพูดนี้เลยนะ ออกจะติดทะเล้นนิดๆ ยังมาทำระรื่นใส่อีก
“แล้วทำ ทำไมล่ะ”ผมถามเสียงห้วน ร่องรอยมันยังอยู่ คามเจ็บก็ยังอยู่ ลองมาโดนเองไหมล่ะ
“ก็เพาะว่ารักไงครับกี้”โถ่ๆๆ เชื่อได้ไหมเนี่ย ผมเบ้ปากทันที เชื่อก็บ้า ไอ้คุณชายทำหน้าเศร้า
“หึ ตลกแหละ”ผมหัวเราะเหมือนได้ยินเรื่องโจ๊กฮาๆ
“กี้ยอมเป็นเมียหลวงของผมแล้วใช่ไหมครับ”ถามแบบนี้ ตบหน้าผมเลยเหอะ ผมมองนิ่งๆ คุณชายแค่มองหน้าผมอย่างเดียว มีอะไรติดหน้าผมหรอไง หากากหาเกลื้อนรึไงไม่ทราบ
“ใครบอก นี่คุณเลิกพูดเองเออเองสักทีเถอะครับ แค่ไม่อยากให้พลอยต้องมาเป็นเมียเกย์แบบคุณ”
“กี้ใจบุญนะครับ ยอมเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้ เฮ้อ ยอมเป็นเมียเกย์แบบนี้ พลอยรู้คงซึ้งใจ”พูดจาได้น่าถีบ สีหน้าแช่มชื่น หัวเราะอารมณ์ดี
“ไอ้…”ผมเม้มปากแน่นเถียงกลับไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงนะกี้ ผมจะทำหน้าที่สามีให้เต็มความสามารถ ไม่ต้องห่วงเรื่องบ้านเล็กบ้านน้อยนะกี้ ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้”ฟังดูแล้วตงิดๆนะ ไม่เชื่อน้ำหน้าของไอ้คุณชายสักเท่าไหร่ ทำเหมือนว่านี้เป็นหนังคอมเมดี้เอาฮาหรือไง
“พอเหอะ จะอ้วก”พูดมาได้ไม่อายปาก ผมชักรังเกียจเขาเข้าไปทุกทีคนอะไร
“อะไรกัน แพ้ท้องแล้วหรอเนี่ย เพิ่งเสร็จไปเมื่อกี้ หรือว่าค้างมาจากเมื่อปีก่อน”คุณชายหัวเราะ คิดว่าตลกหรือไง ผมทำหน้ารำคาญ ไอ้คุณชายยิ้มแล้วเข้ามาหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว ผมชักสีหน้าขมวดคิ้วใส่
“นี่คุณ!!”
“แก้มกี้ยังนุ่ม ยังหอมไม่เปลี่ยนเลยนะ น่ารักจัง”ขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย ผมส่ายหน้าแล้วเดินช้าๆไปเปิดประตูออกไป มีคุณชายเดินตามระยะประชิด
“เฮ้ยย คุณชาย”ผมร้องห้ามเมื่อคุณชายเข้ากอดผมจากด้านหลัง เขาแค่หัวเราะ “ปล่อย อย่ามาทำตัวน่าขยะแขยงหน่อยเลย แหวะ”ว่าแล้วก็ดันตัวคุณชายออก
“ก็นึกว่าชอบเลยทำไง”
“เงียบ แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วหายหัวไปซะ”ผมตัดบท เอาเป็นว่าผมจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีกแล้ว เรื่องพลอยก็ช่างแม่งเถอะครับ ยิ่งผมถลำตัวเข้ามามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งถอนตัวยากขึ้นเท่านั้นโดยเฉพาะกับไอ้คุณชายคนนี้
“ไม่ บอกแล้วไงว่าผมจะรับผิดชอบเอง”คุณชายยังคงดึงดันต่อไป ผมอยากจะเข้าไปสำรวจในสมองของเขาซะเหลือเกินมามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
“พอๆเลิกพูดเรื่องนี้สักที”
คุณชายก็เข้าไปอาบน้ำ สักพักเสียงริงโทนโทรศัพท์แปลกๆที่ไม่ใช่ขอผมก็ดังขึ้น ก็ของไอ้คุณชายนั่นแหละ ผมแต่งตัวเสร็จพอดี
“มีคนโทรมา”ผมตะโกนบอก ไม่ได้มองว่าใครโทรมา “รับแทนผมที ผมสระผมอยู่”
“เออๆ”วุ่นวายจริง พอผมดูที่หน้าจอปรากฏว่า ‘คุณแม่’ อ้าว แม่ของคุณชายบ้านั่นนี่ผมไม่ได้รับ เสียงริงโทนเงียบไป “แม่คุณโทรมา ออกมารับสิครับ”
“รับให้ผมหน่อยสิ ผมอาบน้ำอยู่บอกคุณแม่ไปแบบนั้นแหละครับ”
“สวัสดีครับ คุณชายอาบน้ำอยู่ครับ เสร็จแล้วจะโทรกลับ”ผมรับสายแล้วพูดตามที่คุณชายนั่นบอก
“.....เดี๋ยวนะ นั่นใครพูดน่ะ ลูกชายของฉันอยู่ไหน ไปให้เขามารับโทรศัพท์สิ”
“อาบน้ำอยู่ครับ”ผมเดินไปทุบประตูห้องน้ำ “แม่คุณอยากคุยด้วย มารับเร็วๆเข้า”
“ผมยังไม่อยากคุยกับคุณแม่ตอนนี้บอกไปว่าผมจะโทรกลับ”
“รู้แล้วว่าอาบน้ำ ให้เขามารับโทรศัพท์สิ”
“เขาบอกจะโทรกลับ ไม่อยากคุยกับคุณแม่ตอนนี้”
“ต๊าย นี่กล้าพูดนะ เธอพูดแทนตาชายใช่ไหม แล้วเธอเป็นใครกันแน่”
“เอ่อ คือว่าผมเป็นเพื่อนคุณชายน่ะครับ”
“เพื่อนตาชายงั้นเหรอ แล้วชื่อแซ่อะไรล่ะ”
“...เอ่อ...ผมชื่อกี้ครับ”ผมลังเลไม่อยากบอกชื่อ แต่ก็ต้องจำใจบอกไป
“กี้?... ตาชายไม่มีเพื่อนชื่อกี้ ฉันรู้จักเพื่อนตาชายทุกคนไม่มีใครชื่อมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวอะไรแบบนี้เลย ...บอกมาเธอเป็นใคร...ที่ตาชายไม่กลับไปนอนที่คอนโดเพราะแบบนี้ใช่ไหม เป็นผู้ชายแบบไหนกันหืมแม่หนูน้อย”เอ่อ ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู เสียงดังมากคุณแม่ แม่หนูน้อยนี่มันไม่ใช่สรรพนามเรียกผู้ชายไม่ใช่หรอ เรียกแบบนี้บั่นทอนความมั่นใจของผมลงไปโขเลย
“...พอดีว่าเกิดเรื่องนิดหน่อย คุณชายเลยต้องค้างกับผมน่ะครับ”
“งั้นเหรอ ว่าแต่เธอเป็นเพื่อนแบบไหนของตาชายกันล่ะ เพื่อนสนิท เพื่อนกินหรือเพื่อนนอนกัน”ผมสะดุ้งนิดหน่อยโดนจี้จุดแล้วมันพูดลำบาก
“เปล่าหรอกครับ เพื่อนเก่าน่ะครับ”ผมไม่ทันได้ฟังว่าคุณแม่ของคุณชายบ้าพูดอะไรต่อเพราะไม่ทันระวังเมื่อไอ้คุณชายเดินมาแย่งโทรศัพท์ในมือไปพูดเอง
“ครับผม นี่ลุกชายสุดเลิฟของคุณแม่เองครับ...อ๋อ...นั่นกี้เองครับ...เพื่อน? ....ใครบอกคุณแม่กันครับ ฮ่าๆ นั่นน่ะ...คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ กี้ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกคุณแม่...”ผมเดินไปใกล้ๆเพื่อฟังว่าคุณชายมันคุยอะไรกับคุณแม่เขากันแน่ ทำไมต้องมาอ้างชื่อผมแบบนั้นด้วย
ไอ้คุณชายเหลือบมองผมแล้วเดินหนีไปอีกทาง
“เรื่องพลอยผมบอกคุณแม่ไปแล้วนี่ครับว่าไม่ต้องการแบบนั้น ทำไมคุณแม่ไม่ฟังผมล่ะ ไม่รู้ล่ะครับ ผมไม่ยอมหรอก คุณแม่ได้คุยกับคุณพ่อหรือยังเนี่ย ผมพูดเรื่องจริง ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ ครับ ผมรับผิดชอบเองทั้งหมดนั่นแหละ...ครับ...บ๊ายบาย คุณแม่”ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นอกจากเสียงไอ้คุณชายที่ดูชื่นมื่นอารมณ์ดี เขาคุยเรื่องอะไรกันนะ
คุณชายหันมาส่งยิ้มให้ผม
“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณแม่ไม่ขัดขวางความรักของเราสองคนหรอก มันสมัยใหม่แล้วไม่ใช่สมัยอีแย้มไอ้ขุนมูลนายอะไรนั่น”คุณชายเดินไปแต่งตัว ผิวปากเหมือนอยู่ห้องของตัวเอง
ผมมองด้วยสายตาเอือมระอา ถ้าใครทำให้ไอ้ผู้ชายคนนี้เครียดได้ผมจะเดินไปคาราวะสักจอกสองจอกเลย
“คุณพูดอะไรเกี่ยวกับผมกัน”ผมชักกังวลว่าคุณชายอ้างชื่อผมในฐานะอะไรกันแน่ ฝ่ายคุณแม่ท่านนั้นดูเหมือนไม่เชื่อว่าผมเป็นเพื่อนกับคุณชายบ้าบอนี่
“ก็บอกว่ากี้จะเป็นสะใภ้บ้านผมไง”คุณชายหันมามองหน้าผมนิ่งๆ
“ว่าไงนะ!! เฮ้ย นี่คุณพูดเรื่องจริงหรอ บอกคุณแม่คุณไปแบบนั้นได้ยังไงกัน!!”ผมเดินตรงดิ่งไปหาเขาแล้วเขย่าตัวไอ้คุณชายประสาทกลับนี่ให้สมองเข้าที่เข้าทาง
“ทำไมจะบอกไม่ได้ ผมเคยเล่าเรื่องของกี้ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังด้วยนะครับ แต่ท่านคิดว่าผมแค่ว่างจัดอยากหาอะไรทำฆ่าเวลาเฉยๆแต่ทีจริงแล้วผมจริงจังนะ”
“โห เวรเอ้ย ไอ้ ไอ้”ไอ้ชาย ไอ้เชี่ยยยย ผมกุมขมับ ทำไมต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วย เพี้ยนจริงๆ
“ไม่คิดว่าผมพูดจริงบ้างหรือไงครับ ผมจริงจังกว่าที่กี้เห็นนะ”คุณชายยิ้มกว้างแล้วหันไปส่องกระจกเช็คความหล่อ แน่นอนว่าเขาใส่เสื้อเชิ้ตของผมที่ออกจะแน่นไปหน่อยเพราะคนล่ะไซน์ แต่ใส่กางเกงยีนส์ตัวเดิม
“อ๋อเหรอ ผมควรดีใจใช่ไหมที่ได้ยินแบบนี้น่ะ โคตรจะดีใจเลย”ผมแกล้งยิ้มหัวเราะเหมือนคนบ้า
“อย่าประชดผมสิ แบบนี้ไม่น่ารักเลย ไว้ดีใจตอนที่ได้เข้าบ้านผมจริงๆจะดีกว่า ผมไม่ห้ามกี้หรอกนะ”คุณชายมันหัวเราะชอบใจ ทำเอาผมยิ้มค้างแล้วเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น
“ผมลืมบอกกี้คุณแม่บอกว่าอยากเจอหน้ากี้น่ะ เลยชวนไปทานมื้อเย็นที่บ้าน ผมตอบตกลงไปแล้วด้วย”คุณชายเดินออกมาจากห้องนอน
“อ้าว ทำไมไม่ปรึกษาผมก่อน ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย สนิทก็ไม่สนิท”ผมโวยวาย
“เดี๋ยวก็สนิทไปเองแหละครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมบอกแล้วไงคุณแม่ผมไม่ดุ”คุณชายเดินมานั่งข้างๆผม
นั่นไม่ใช่ประเด็นเลยสักนิด
“ทำไมคุณชอบสร้างเรื่องให้ผมอยู่เรื่อย เจ้ากี้เจ้าการแถมยังหน้าด้านอีก”ผมด่าแล้วยังมีหน้ามายิ้มหัวเราะอีก
“หน้าด้านแล้วได้กี้มาเป็นเมีย ผมก็ยอมล่ะครับ”คุณชายสวนกลับ ผมเบ้ปาก ต่อปากต่อคำกับเขาจะทำให้ผมตีอกชกหัวตัวเองตายก่อนแน่ๆ
“โอ้โห ไอ้นี่ กล้าพูดนะคนเรา”หน้าด้านกว่านี้มีอีกไหม
“ทำไมกี้ชอบว่าผมจังครับ ผมทำอะไรผิด”คุณชายพูดเสียงเบาทำหน้าเศร้าให้ผมสงสาร แต่ไม่เลยสักนิดน่าตบแล้วกระทืบซ้ำมากกว่า
“ก็เพราะคุณสมควรโดนว่าแล้วน่ะสิ พิจารณาตัวเองด้วยนะครับขอบอก”
“กี้เคยดูละครแนวตบจูบไหมครับ”ผมมองเขางงๆ อยู่ก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน อย่าบอกนะว่าติดละคร คุณชายยิ้มก่อนจะขยับมาใกล้ๆ
“ทำไมล่ะครับ?”ผมถามเพื่อให้เขาตอบ เพราะคุณชายนั่นไม่ยอมปริปากพูดเหมือนรอให้ผมถาม กวนประสาท
“ก็ถ้ากี้ด่าผมว่าไอ้ หรือพูดคำหยาบใส่ผมล่ะก็…ผมจะทำแบบนี้ไง…..”ไม่บอกไม่กล่าวรั้งท้ายทอยผมเข้าหาแล้วกดจูบลงมาทันที
ผมตาโตทันที ไอ้ชายยยยยยยยยย!!!
“ปะ ปล่อย”ผมผลักหน้าคุณชายโฉดได้สำเร็จ เขาแค่ยิ้มสะใจที่จูบผมได้อย่างถึงพริกถึงขิง
“ถ้ากี้ชอบให้ผมจูบก็ด่าผมบ่อยๆได้เลยนะครับ ผมพร้อมเสมอ”คุณชายมันหัวเราะแล้วขยับไปนั่งบนโซฟาอีกตัวตามเดิม แลบลิ้นเลียปากเยาะเย้ยผมด้วย ผมหน้าแดงก่ำ
“เหอะ โรคจิต”ผมส่งสายตาแค้นไปให้
“อ้ะ อ้ะ ว่าผมเหรอ สงสัยติดใจจูบผมแหง ชอบก็บอกดีๆสิกี้”ไอ้คุณชายทำท่าจะเข้ามาใกล้ แต่ผมลุกหนีได้ทันท่วงที อยู่ใกล้ไม่ได้เลย ไอ้คุณชายบ้าเอ้ย สงสัยรีบลุกหนีไอ้บ้าหื่นกามนั่นกะทันหันไปหน่อยเลยเอาจุกมวลท้องไปเลยทีเดียว ช่วงนี้ท้องไส้ผมไม่ค่อยดี เหมือนมีอะไรแปลกๆอยู่ พอกดๆดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนเจอกับไอ้คุณชายนี่ระบบขับถ่ายผมไม่ปกติเท่าไหร่ ร่างกายเลยเพลียๆไปบ้างแต่ก็กลับมาปกติเหมือนเดิม นี่ก็เพิ่งมาเป็นอีกรอบ สงสัยต้องไปตรวจช่องท้องหน่อยแล้วมั้ง
ผมเดินไปหยิบนิตยสารมาอ่าน ก่อนจะเหลือบไปมองบิลค่าโทรศัพท์ค่าไฟค่าน้ำและก็จดหมายอะไรอีกก็ไม่รู้ ไม่อยากเปิดดูคงเป็นจดหมายทวงหนี้นั่นแหละมั้ง สมัยนี้เขาไม่ส่งจดหมายหากันแล้วมั้ง ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก เวรกรรม ช่วงนี้เงินร่อยหลอไปเยอะ ผมเหล่ไปมองไอ้คุณชายที่เปิดทีวีดู บางทีนะ... ปลอกลอกไอ้คุณชายนั่นซะเลยดีไหม แล้วชิ่งหนีทีหลัง เฮอะ บ้าไปแล้ว ใครจะทำแบบนั้นกัน ผมรวมรวบจดหมาย และบิลพวกนั้นเก็บใส่ลิ้นชัก แล้วค่อยมาจัดการทีหลังแล้วกัน
ครืด ครืด ครืด
มีคนโทรเข้าโทรศัพท์ผม มันสั่นอยู่บนโต๊ะรับแขกตัวเตี้ยหน้าทีวี คุณชายนั่นหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเรียก
“ใครหรอ ไอ้ต้อย”ผมไม่ตอบรีบเดินไปแย่งจากมือเขามากดรับนั่นน่ะ เพื่อนผมเอง
“มีไรวะ”ผมทักทายไป นี่สุภาพสุดแล้วสำหรับเพื่อนซี้คนนี้ของผม คนปรายสายหัวเราะ
“ทักทายซะไพเราะ กูว่าจะบอกข่าวดีมึงไอ้เชี่ย แต่ตอนนี้กูไม่อยากบอกมึงแล้ว”อ้าว ก็ไม่รู้นี่หว่า
“เออ ข่าวดีแสดงว่าผ่านแล้วใช่ไหม”ผมตื่นเต้น หนังสือที่ผมเขียนจะถูกรีวิวโดยพี่บิ๊กบรรณาธิการนิตยสาร One day ชื่อดังเกี่ยวกับศิลปะสมัยใหม่ รวมไปถึงการแนะนำหนังสือวรรณกรรมอิงปรัชญา อะไรเทือกๆนั้น ไอ้ต้อยทำงานอยู่ฝ่ายศิลป์ของนิตยสาร
“เออดิ เดี๋ยวทางพี่บิ๊กเขาจะติดต่อมึงมานะ กูให้เบอร์มึงกับพี่เขาไว้แล้ว เผื่อจะต้องมานัดคุยกันเรื่องงานเขียนของมึง ดูพี่บิ๊กแกจะชอบแนวคิดมึงว่ะ”ไอ้ต้อยหัวเราะ ผมดีใจอย่างน้อยก็ประสบความสำเร็จไปส่วนหนึ่ง ผมเรียนจบมาได้หนึ่งปี สาขารัฐศาสตร์ครับ แต่ผมไม่อยากทำงานอยู่กรอบนัก ก็เลยหางานอิสระทำดีกว่า ผมเขียนงาน นวนิยายแทนซึ่งผมก็ทำได้ดี โชคดีที่ผมไม่ได้เป็นเสาหลักของบ้านน่ะครับเลยเกาะพ่อแม่พี่น้องไปก่อนได้ ฮ่าๆ
“เออ ดีๆ”
“เออ ไอ้กี้”ไอ้ต้อยทำเสียงซีเรียส
“มีอะไร”
“มึงไปปล้นหรือไปโกงใครมาเปล่าวะ เมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนมาถามหามึงอ่ะ มาขอเบอร์ติดต่อกับที่อยู่ กูกลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีเลยไม่ได้ให้ไว้”ไอ้ต้อยพูด ผมคิดตาม ใครกันที่อยากรู้ที่อยู่ผมน่ะ
“เออ ไม่ต้องให้นะเว้ย กูไม่เคยสร้างศัตรู แล้วหน้าตาท่าทางเป็นยังไงวะ”
“ก็ดูดีนะเว้ย น่าเชื่อถือใส่แว่นแต่งตัวดี ท่าทางมีฐานะเหมือนพวกนักวิชาการ หรือว่าจะมาติดต่อมึงเรื่องที่มึงเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวในหนังสือมึงอ่ะ”ไอ้ต้อยหัวเราะ
“ตลกแล้ว เออกูก็ไม่ได้กู้เงินนอกระบบนะเว้ย ไงก็ถ้ามาอีกก็ให้เบอร์กูไปเลย จะได้รู้ว่ามีธุระอะไร”ผมบอกไป จะได้เคลียร์ๆ ใครมันจะมาวุ่นวายกับชีวิตผมอีกเนี่ยแค่ไอ้คนประหลาดอย่างคุณชายก็พอแล้ว เหนื่อยโว้ยยย
“โอเคๆ แค่นี้นะเว้ย ว่างๆนัดเจอบ้างก็ดี มีเรื่องแปลกๆจะเล่าให้ฟัง”ไอ้ต้อยทิ้งท้ายไว้น่าสงสัยแต่ผมเป็นพวกไม่ค่อยเสือกเรื่องชาวบ้าน
“มีข่าวดีหรอครับ”คุณชายถาม ยุ่งไม่เข้าเรื่องผมกำลังจะด่ากลับ “อย่า ลืม นะ กี้ ด่าผม ผมจูบแน่ หรืออยากจูบก็บอก ไม่ต้องแอ๊บ”ผมย่นหน้า
“ไม่หรอก แค่เพื่อนโทรมา...แล้วนี่คุณไม่กลับบ้านกลับช่องไปก่อนหรอไง”ผมถาม นี่มันเพิ่งจะเก้าโมงเช้าเอง คุณชายทำหน้ามึน ไหวไหล่แล้วจับจ้องอยู่หน้าจอทีวี
“ไม่ล่ะครับ อยู่กับกี้ดีกว่า”
“โหยคุณ ว่างมากสินะ ไม่มีงานหรอครับ ทิ้งบริษัทมาได้ไง”ผมนึกขึ้นได้ คุณชายนั่นยกนาฬิกามาดูก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาโทรออก
“คุณฐิษาครับ วันนี้ผมไม่เข้าออฟฟิศนะ...ครับ...ผมมีธุระสำคัญน่ะครับ ขอบคุณมากครับ”คุณชายยิ้มแป้นแล้วนั่งไขว่ห้างมองผม
“ตอนนี้ผมว่างแล้วไง เข้าใจนะ”
“...เรื่องของคุณ”ผมไม่สนใจแล้วหันไปดูทีวีบ้าง คุณชายบ้านี่ดูอะไรเนี่ย
“ .....โดยดิฉันเชื่อว่าคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่ทราบหรอกว่าตัวเองตั้งครรภ์ มักจะมาทราบเอาก็ตอนประมาณเดือนที่สองหรือเดือนที่สามที่มีการแพ้ท้องเอามากๆนั้น แน่นอนว่าการกำเนิดลูกน้อยจำเป็นที่จะต้องมีตัวกลางสองสิ่งนั้นก็คือ ไข่ของคุณแม่ กับสเปิร์มของคุณพ่อ เมื่อทำการฟีเจอร์ริ่งกันแล้ว ทั้งสองก็จะมีการปฏิสนธิกันหลังจากนั้น 5-7 วันก็จะหาพื้นที่ที่เหมาะสม ..... ” เป็นรายการคุณแม่มือใหม่ แพทย์กำลังพูดเปิดรายการ
“น่ารักดีนะ อยากมีลูกบ้างจังนะครับว่าไหม”คุณชายอมยิ้มแล้วหันหน้ามามองผม
อะไร มองหน้าทำไม
“อยากมีก็ไปแต่งงานซะสิ ยากอะไร”ผมสวนกลับ เรื่องง่ายๆ
“หึๆ ถ้าผู้ชายมีลูกได้ก็ดีเหมือนกันนะ”ผมหูผึ่ง หือออ? นั่นพูดจริงเหรอไง
“ตลกแล้วคุณ ผู้หญิงผู้ชายแบ่งเส้นกันชัดเจนแล้ว เรื่องท้องเป็นเรื่องของผู้หญิง ผู้ชายมันท้องได้ที่ไหนกัน ผิดธรรมชาติแล้วครับ”ผมแย้งทันที
“อืม มันก็ใช่ ธรรมชาติขีดเส้นเพศสภาพเป็นหญิง-ชาย แต่วิทยาศาสตร์มักทำเรื่องที่ธรรมชาติเองก็ทำไม่ได้ ไม่เห็นต้องให้อะไรมากีดกันขีดเส้นตีกรอบเราเลยนี่ครับ ผมคิดว่างั้น สมัยนี้ก็เคยได้ยินบ่อยๆว่าผู้ชายสามารถท้องได้ ด้วยเทคโนโลยีและวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวไกล ในอีกสิบปี ยี่สิบปีอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่คิดแบบนั้นหรอกี้ ทำไมต้องเอาเพศสภาพมาตัดสินด้วยล่ะ สมัยนี้น่ะ ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ”
คุณชายร่ายยาว ผมฟังแล้วงงๆ สรุปคือต้องการให้ผู้ชายสามารถอุ้มท้องได้หรือครับ
“ช่างเถอะครับ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตผมอยู่แล้วนี่”ผมเอื้อมไปหยิบรีโมตเปลี่ยนช่องไปดูอย่างอื่นแทน
“ไม่ดีหรอครับ สมมติว่ากี้เกิดท้องกับผมขึ้นมากี้จะทำยังไง”คุณชายยื่นหน้ามาถาม
“จะถามในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แล้วผมจะตอบยังไง”ไอ้บ้านี่ก็...
“สมมติครับสมมติ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงซะหน่อย ตอบมาเถอะ”คุณชายหัวเราะกวนๆ
“...ไม่รู้... คงไม่หรอก นี่คุณจะบ้าหรือไง ...”ผมไม่ตอบ แต่คิดตามที่คุณชายถาม
อืม...... ผมคงร้องไห้งอแงถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ไม่ครับ ตายดีกว่า ว่าแล้วก็นึกสภาพตัวเองท้องโตใส่ชุดคลุมท้องหรือไง? ไม่
ไม่ ไม่ เด็ดขาด
เอ....เดี๋ยวนะ ผมถามในสิ่งที่สงสัย
“แล้วทำไมผมต้องเป็นฝ่ายท้องล่ะ ทำไมไม่เป็นคุณที่จะท้องบ้าง”
“อ้าว แล้วใครเป็นฝ่ายโดนล่ะ กี้ก็ต้องเป็นฝ่ายท้องสิ หน้าที่เมีย”
“โธ่เอ้ยคุณ ก็สลับกันสิ อารมณ์เสียจริงๆ”ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที
แล้วทำไมต้องมานั่งเถียงในสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นด้วยเนี่ย งี่เง่า ตกลงผมก็เพี้ยนไปตามไอ้คุณชายนี่แล้วหรือไง จะบ้าตาย เรื่องมันวุ่นวายเพราะไอ้คุณชายบ้านี่คนเดียว ไหนจะเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของเขาอีก ชีวิตผมจะมีอะไรที่เซอร์ไพร์กว่านี้อีกไหม
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มาต่อแล้วววว เรื่องอาจจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพื่อเห็นวิวัฒนาการความเป็นแม่ของกี้ ฮ่าๆ
เรื่องนี้ไม่มีมาม่าแน่นอน จะออกแนวสนุกเฮฮาซะมากกว่า อีกอย่างเรื่องนี้ค่อนข้างจะโอเวิร์เกินจริงไปนิดนึง
ขอขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกคนเลยค่ะ ทั้งคนที่เคยอ่าเวอร์ชั่นเก่ามาก่อนด้วย