[ACT 10]
"อร่อยจัง ขอเติมอีกครับ"
เสียงใสดังจากเด็กหนุ่มร่างเล็กผู้มีสถานะเป็นน้องชายของเด็กอีกคนที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ร่วมกันกับเขา ราเมศ เจ้าของตำแหน่งพระเอกอันดับหนึ่งแห่งวงการหนังอย่างว่า
"คุณฝีมือทำอาหารใช้ได้เลยนะเนี่ย ผมไม่ได้ทานอะไรอร่อยแบบนี้มานานแล้ว"
"ขอบใจนะ"
ราเมศเอ่ยพร้อมยิ้มน้อย ๆ ทั้งที่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีสดใสแตกต่างจากตอนแรกที่พบเจอเป็นล้นพ้น ขณะปรายสายตามองไปทางเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
รายนี้ก็แปลกเหมือนกัน ปกติเจริญอาหารจนเขาหวั่นใจว่ากระเพาะจะครากเมื่อไหร่ แต่วันนี้กลับนั่งนิ่ง เขี่ยส้อมพันกับเส้นสปาเก็ตตีอยู่ร่วมสิบนาที ไม่แตะต้องอาหารเลยสักนิด
"ปรานต์.. ไม่หิวเหรอ?"
เจ้าของนามแลดูตกใจที่ถูกเอ่ยเรียก จึงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าสบตาจนร่างสูงอดใจเต้นไม่ได้
"อ๋อ... วันนี้ผมรู้สึกเพลีย ๆ น่ะครับ เลยไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่"
"เพลียเหรอ ไม่สบายรึเปล่า?" ราเมศรีบเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาแนบหลังมือลงบนหน้าผากมนเพื่อวัดอุณหภูมิ "ตัวรุม ๆ นะ ไปทำอะไรมา? ทำไมจู่ ๆ ถึงไม่สบายได้?"
"อืม... ไม่เป็นไรหรอกครับ ร่างกายคงแสดงอาการมากไปเอง ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย"
"ไม่ได้นะ ปล่อยไว้อาจอาการหนักขึ้นได้ นายพยายามกินๆเข้าไปหน่อย จะได้กินยาได้"
ปรานต์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เขาใช้ส้อมพันเส้นสปาเก็ตตีฝีมือชายหนุ่มแล้วละเลียดทานเข้าไป ในใจพะวงแต่เรื่องน้องชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียจนไม่รับรู้รสชาติอาหารใด ๆ
ดวงตาสีน้ำตาลสวยสังเกตเห็นว่ารชตแอบเหล่สายตามองในตอนที่ราเมศเอามืออังหน้าผากเขา ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่การที่น้องชายของเขาจู่ ๆ เข้ามาตีสนิทแบบนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เป็นเรื่องดี
ราเมศรู้สึกยอกในอกเมื่อมองเห็นดวงตาคู่สวยฉายแววเศร้าโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนพบรชต เด็กน้อยของเขาก็หงอยไปโดยถนัดตา ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกัน
แต่เท่าที่ดู รชตก็ดูเป็นเด็กร่าเริงดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร เขาเองก็ไม่คิดอะไรถึงได้ชวนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน เพราะขืนปล่อยไป เด็กตัวแค่นี้จะต้องไปอยู่ที่ไหนก็ไปรู้ ยังไงเสียเขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดทนให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องไปใช้ม้านั่งในสวนสาธารณะเป็นที่ซุกหัวนอนหรอก
แต่เป็นเพราะอะไรกันนะ ถึงทำให้ดวงตาคู่โตสวยดูเศร้าสร้อยลงไปถนัดตาเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็เห็นว่าปรานต์ดูสดใสขึ้นมากในหลายวันที่ผ่านมาแท้ๆ
"พี่รามครับ"
เสียงใสร้องเรียกในระยะประชิด ไม่รู้ว่าชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาใกล้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำเอาเจ้าของร่างหนาแทบสะดุ้ง สลัดความคิดที่อยู่ในสมองไปในพริบตา
"ผมง่วงแล้ว วันนี้ขอพักที่นี่ด้วยคนได้ไหมครับ" เอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวาน ส่งสายตาน่ารักน่าสงสารมาทางร่างสูงที่เจอสายตาแบบนี้จนชิน แต่บังเอิญว่าเขาก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
"อืม นี่ก็ดึกแล้ว วันนี้ค้างที่นี่ก่อนก็ได้"
"เย้ พี่รามใจดีที่สุดเลย!!"
รชตลุกจากที่นั่งแล้วพุ่งมากอดร่างหนาที่นั่งตัวแข็งด้วยอาการตกตะลึงอยู่กับที่ ราเมศพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากร่างบอบบางที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เจ้าของร่างงดงามกลับเพียงแค่ถอนหายใจออกมายาวราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ
ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กน้อยของเขาคนนี้อย่างแน่นอน
"RRRRR"
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นส่งผลให้ชายหนุ่มรีบลุกจากที่ไปรับโทรศัพท์ในห้องรับแขก ทิ้งไว้เพียงร่างเล็กทั้งสองที่นั่งติดกันอยู่เงียบ ๆ
"นี่ ไม่กินเหรอ? ผมว่าฝีมือของตาคนนี้ก็ไม่เลวหรอกนะ แต่ฝีมือพี่ดีกว่าเยอะ ว่าไหม?"
"พูดจาให้มันดีๆหน่อย"
ปรานต์เอ่ยเสียงเรียบ ขณะเพ่งความสนใจไปที่จานอาหาร สายตาปรายมองด้านหลังของร่างสูงที่อยู่ในห้องถัดไป ดูเหมือนว่าจะมีคนจากที่ทำงานโทรมาคุยอะไรบางอย่างที่ดูเคร่งเครียด เพราะราเมศลดเสียงลงราวกับไม่ต้องการให้พวกเขาได้ยินว่ากำลังคุยอะไรกัน
"พรุ่งนี้ก็รีบ ๆ กลับบ้านไปได้แล้ว"
"ทำไม? กลัวเขาหลงรักผมเหรอ?"
"... เปล่า"
"งั้นก็ไม่เห็นจะต้องรีบกลับก็ได้นี่นา ผมยังอยากเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชายสุดที่รักอีกสักพัก"
รชตยิ้มหวาน พลางตักอาหารเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ราวกับบทสนทนานี้ชวนให้เจริญอาหารมากขึ้น
"ไหน ๆ พ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ถ้าผมจะมาช่วยตรวจสอบให้ ก็คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม"
"เมื่อไหร่นายจะเลิกงี่เง่าซะที นายต้องการอะไรกันแน่ อยู่แบบนี้ไปนายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า"
"ทำไมจะไม่มี ทำให้คนอย่างพี่ร้อนใจแบบนี้ได้น่ะ สนุกที่สุดเลย ไม่แน่นะ ถ้าเกิดหมอนั่นหลงรักผมขึ้นมาจริง ๆ ..... หึ อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไง"
"พี่รามน่ะมีคนรักที่เขารักมากอยู่แล้ว!! นายรีบๆออกไปซะที! ไม่มีประโยชน์หรอกน่า!"
"... งั้นก็กลับไปกับผมสิ"
"ไม่มีทาง"
"...................."
ทั้งสองจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่ปรานต์จะลุกจากโต๊ะแล้วเก็บจานไปล้างในครัวเนื่องจากไม่อยากจะต่อล้อต่อคำกับผู้เป็นน้องชายอีกต่อไป
เพียงไม่นานราเมศก็เดินกลับมาพร้อมกับหันมาทางรชตที่เงยหน้ามองด้วยสายตาใสบริสุทธิ์ ไม่แตกต่างจากเทวดาตัวน้อยน่ารักแสนซน เขาไม่พูดอะไร กลับพยักพเยิดไปทางห้องรับแขก
"ทนนอนคืนนี้ที่นี่ละกันนะ แต่โซฟาก็ตัวใหญ่ดีอยู่... พี่ว่าคงพอทน ๆ ได้ นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เป็นเด็กเป็นเล็กต้องรีบนอน เข้าใจไหม?"
เด็กหนุ่มร่างเล็กทำหน้ามุ่ย "ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ"
"ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ไม่ใช่เด็กแล้วจะเรียกว่าอะไร" มือใหญ่วางลงบนศีรษะทุยเบาๆ "อย่าดื้อ ไปอาบน้ำแล้วรีบนอนซะ พี่เองก็จะพักผ่อนเหมือนกัน เดี๋ยวเอาผ้าห่มมาให้"
"อืม เข้าใจแล้ว..."
ราเมศเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อไปหยิบผ้าห่มผืนใหม่มาให้ แต่เมื่อหันไปทางห้องครัว ร่างที่เขาคาดว่าจะพบกลับหายไปแล้ว นัยน์ตาคมกวาดไปทั่วเพื่อค้นหาร่างบางที่ดูอาการแปลก ๆ น่าเป็นห่วง แต่กลับไม่พบที่ไหน
"เทพ ปรานต์ไปไหน?"
"เมื่อกี้เห็นว่าปวดหัว เลยขอตัวไปนอนในห้องก่อน"
"อ้อ..."
"นี่ พี่ราม ทำไมให้ผมไปนอนกับพี่ไม่ได้ล่ะ? ผมคิดถึงพี่นะ"
ราเมศยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางติดพี่ของอีกฝ่าย มือเล็กที่เอื้อมมาดึงชายเสื้อของเขาเบา ๆ เหมือนลูกแมวขี้อ้อนและสายตาปิ๊งปิ๊งที่ส่งมาไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย
ก็ไม่รู้ทำไม เด็กคนนี้น่ารักไม่แตกต่างอะไรจากปรานต์เลยสักนิด ติดจะน่ารักและใสซื่อยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ในขณะที่ปรานต์ของเขานั้นไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้ไม่รู้จักโลกขนาดนั้น แต่แค่ปรานต์มองมาที่เขา เขาไม่เคยเอาชนะดวงตาคู่สวยคู่นั้นได้เสียที
"ไม่ได้ พูดตรงๆ ฉันเป็นคนหวงพื้นที่นะ ยอมให้นายมานอนบนโซฟาหลุยส์ของฉันก็ถือเป็นอภิสิทธิ์สุดๆแล้ว อ๊ะ แล้วอย่าเผลอทำน้ำลายหกใส่ล่ะ หนังเป็นรอยขึ้นมามันจะเสียหมด"
รชตอึ้งไป และยิ่งอึ้งหนักกว่าเก่าเมื่อราเมศโบกมือเป็นเชิงบอกราตรีสวัสดิ์อย่างไม่แม้แต่จะชายตามองอาการของเขาเลยสักนิด ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปแถมล็อคประตูตามหลังอีกต่างหาก นับว่าเป็นคนแรกที่ไม่ตกหลุมพรางของเขา
"... ตาแก่พิลึก"
ไม่รู้มีดีอะไร หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ดูเป็นคนแปลก ๆ แต่นั่นล่ะ ถ้าหากเป็นคนที่พี่ชายของเขาหนีออกจากบ้านมาอยู่ด้วยได้ล่ะก็ ต้องเป็นคนที่น่าสนใจในระดับหนึ่งเลยล่ะ
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันแน่ เพราะเขา จะไม่ยอมให้ปรานต์มีความสุขโดยทิ้งเขาไว้ตามลำพังเป็นอันขาด
*****
เสียงปิดประตูพร้อมลงกลอนส่งผลให้ร่างเล็กที่นอนขดอยู่บนเตียงกัดริมฝีปากน้อย ๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงเตียงที่ยวบลงตามน้ำหนักของร่างหนาที่ทาบทับลงมา เมื่อลืมตาขึ้นจึงพบว่า เขาถูกร่างกายกำยำคร่อมทับอยู่ ดวงตาคู่สวยปรือปรอยมองสบกับดวงตาคมที่เจือแววห่วงใย ก่อนที่มือใหญ่จะลูบผิวแก้มเนียนอย่างเบามือ
"ไม่เป็นไรนะ?"
"... ครับ"
"วันนี้ดูอาการไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า?"
"อื้อ... ไม่เป็นไรครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเบา ๆ "เทพล่ะครับ?"
"อ๋อ พี่ให้นอนที่โซฟา ห้องนั้นอุ่น แถมเอาผ้าห่มไปให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ"
"........... อืม พี่ใจดีจังนะครับ"
"หืม? ทำไมเหรอ?"
"ก็..."
ดวงตาคู่งามฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกบังคับให้พูดในสิ่งที่เขาไม่อยากพูด ผิวแก้มเนียนแดงระเรื่อ ริมฝีปากคู่สวยเผยอตอบเสียงอุบอิบ
"ปกติพี่หวงของออกจะตายไปนี่นา ทีผมนอนยังโดนดุเลย แต่พอเป็นเทพพี่กลับให้นอนตรงนั้น... ขี้โกงนี่นา"
แล้วสีหน้างามกลับหมองลงเมื่อภาพของราเมศที่หัวเราะเล่นหัวกับรชตแว่บเข้ามาในโสตประสาท เขาพลิกตัวตะแคงโดยไม่สนใจร่างที่คร่อมทับเขาอยู่แล้วมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่มเพื่อซ่อนความอายที่เผลอหลุดคำพูดเอาแต่ใจออกไป
"เดี๋ยวสิ ออกมาคุยกันก่อน ปรานต์"
"ฮื้อ... ไม่เอาแล้ว"
ราเมศเหยียดยิ้มบาง ว่ากันตามตรง หัวใจของเขาพองโตเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอากัปกิริยาของเด็กคนนี้ถึงได้มีผลต่อหัวใจของเขานักหนา เขารู้แต่เพียงว่า เด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน จนเขาชักจะอดใจไม่ไหวจริง ๆ เข้าแล้ว
"ไม่เอาน่า คนดี ออกมาให้เห็นหน้าหน่อยเร็ว"
"ไม่เอา พี่ก็ไปดูหน้าเทพสิ เขาน่ารักไม่ใช่เหรอ"
มือใหญ่กระตุกดึงผ้าห่มจนได้ ไม่ว่ายังไงแรงของเขาก็ต้องมากกว่าแรงน้อยๆของคนใต้ร่างนี้แน่นอนอยู่แล้ว ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้างามที่พยายามเมินหนีอย่างหยอกเย้า แล้วช้อนใบหน้าใสให้เงยรับจูบอันแสนหวาน
ปรานต์ค่อย ๆ ปรือตาลงขณะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตน้ันอย่างเต็มใจ ในสมองลืมสิ้นทุกความขัดเคืองใจที่รบกวนจิตใจมาหลายชั่วโมง ตอนนี้เขารับรู้ได้เพียงสัมผัสอันอบอุ่นอ่อนหวานจากชายร่างสูงตรงหน้านี้เท่านั้น
"เทพน่ะน่ารัก... แต่ว่า 'พี่รามน่ะมีคนที่เขารักมากอยู่แล้ว' นี่นา"
เอ่ยพลางหัวเราะในลำคออย่างกลั้นไม่อยู่ ตอนแรกก็ว่าจะไม่แกล้งแล้วล่ะ แต่ตอนนี้เขาแทบจะรอดูปฏิกิริยาของร่างตรงหน้าไม่ไหว ก็เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูเสียขนาดนี้ ใครจะอดใจไม่แกล้งได้ไหวล่ะ
ใบหน้าสวยแดงวาบ ตัวชาไปถึงไขสันหลัง พูดอะไรไม่เป็นภาษา
"พะ พะ พี่พูด... พูด พูดเรื่องอะไร"
"ไม่รู้สิ พี่ก็แค่พูดไปตามที่ได้ยิน อยากรู้จังว่าคนพูดไปได้ยินมาจากไหนนะ"
ปรานต์ก้มหน้างุดกับผ้าห่มที่ถูกมือหนารั้งเอาไว้ ให้ตายเหอะ เขาอยากจะมุดดินหนีไปให้ถึงแก่นกลางของโลกไปเสียเดี๋ยวนี้เลยจริง ๆ
ทำไมราเมศถึงได้ยินได้ล่ะ คุยงานอยู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขาเผลอเสียงดัง งื้อออ ยังไงก็ความแตกแล้วอยู่ดี เขาทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
"ขอโทษครับ..."
"ขอโทษทำไม?"
เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าหวาน ก่อนจะอุทานดังเมื่อเห็นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาของเด็กหนุ่ม
"ร้องไห้ทำไม?"
"ผม... โกหกเรื่องของพี่ไป ขอโทษนะครับ"
"พี่ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่นา"
ราเมศซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา พร้อมกับลูบเรือนผมนุ่มที่แผ่กระจายอยู่บนหมอน นับวันเขาชักจะติดใจสัมผัสนุ่มมือแบบนี้มากขึ้นทุกที จนตอนนี้เขาเองก็เริ่มหันมาสนใจเส้นผมของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะบำรุงยังไงก็ไม่นุ่มลื่นมือแบบผมของปรานต์เสียที
"อย่าร้องไห้ โตแล้วนะ"
"อื้มม... ก็เพราะพี่นั่นแหละ แกล้งผม"
"ใครแกล้ง ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าไปรู้มาจากใคร"
เขาเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากมนพร้อมยิ้มน้อย ๆ
"ทีนี้จะยอมบอกได้รึยังว่า 'คนรัก' ของพี่ที่นายหมายถึงคือใคร?"
เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง นึกอยากจะขยับหนีแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางหนีพ้น ลองราเมศมีสายตาวิบวับเจ้าชู้ประตูดินได้ขนาดนี้แล้วล่ะก็ ดวงตาคู่สวยช้อนมองใบหน้าคมแฝงแววทะเล้นอย่างลังเลเล็กน้อย พร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยออกไปเบา ๆ
ซึ่งเป็นคำพูดที่ราเมศอดคิดไม่ได้ว่า ตั้งแต่เขาเกิดมา มีแฟนมาก็หลายคน เล่นบทรักมาก็นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่านี่เป็นคำสารภาพรักที่น่ารักที่สุดในโลกเลยทีเดียว
"... ให้เป็นคนที่ชื่อ ปรานต์ ได้ไหมครับ?"
ราเมศรู้สึกเหมือนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ในหัวใจปรี่ไปด้วยความรุ้สึกยินดี ถามว่าทำไมเขาถึงได้ดีใจขนาดนี้? เรื่องนี้ตัวเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน ช่วงชีวิตที่ผ่านมา ใช่ว่าคนที่เขาคบจะไม่มีคนดี ๆ
แต่ไม่เคยมีใครเลยที่ --- น่ารัก --- น่ารักมาก มากเสียจนเขาหลงไม่ลืมหูลืมตา ในแบบที่ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจ
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
ราเมศยิ้มกว้าง เขาจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้ยิ้มแบบไม่แคร์ว่าตีนกาจะขึ้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในตอนนี้ เขาห้ามความสุขไม่ได้จริง ๆ
อ้อมแขนแกร่งกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่น ถ้าพาปรานต์บินขึ้นไปด้วยกันบนฟ้าได้คงทำไปแล้ว ในตอนนี้ต่อให้ยูเอฟโอบุกโลกเขาก็ไม่กลัว
--- เป็นความรู้สึกที่มั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะต้องพบเจออุปสรรคใด ๆ พวกเขาก็สามารถก้าวผ่านไปได้
ใบหน้าเยาว์แดงจนไม่รู้จะแดงยังไง เขาทั้งอาย ทั้งอึ้ง ทั้งดีใจ ไม่คาดฝันว่าจู่ ๆ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรแบบนี้ออกไป ไม่รู้ด้วยว่าราเมศจะตอบรับ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่านี่เขาฝันไปรึเปล่า
แต่ว่า เขาก็คิดอะไรมากไม่ได้ เมื่อใบหน้าคมค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามา
แล้วเขา --- ก็คิดอะไรไม่ออก นอกจากรับรู้ถึงสัมผัสอันแสนอ่อนโยนที่ชายหนุ่มคนนี้มอบให้ จวบจนถึงรุ่งเช้าของวันต่อมา
TBC.