- 20 -
“มาอีกละ” ปกป้องบ่นลอยๆ ผมหยุดเดิน หันไปมองทางเข้าร้านทันที
ไอ้โท...
ช่วงนี้มากินข้าวที่ร้านกุ้งเต้นบ่อยผิดปกติ แน่นอนว่าผมจะไม่เฉียดใกล้บริเวณโต๊ะที่มันนั่งเลยสักนิดถ้าหากไม่ใช่คำสั่งของเฮียโกวเจ้าของร้าน
‘เพื่อนเอ็งไม่ใช่เรอะ ไปๆ ไปรับออเดอร์ มาเกะกะอะไรแถวนี้’
ผมเลยต้องจำใจไปบริการโต๊ะมันอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอเฮียโกวเผลอผมจะให้คนอื่นไปเสิร์ฟแทน ส่วนใหญ่ก็เป็นสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งนั้น ปกป้องเห็นท่าทีของเพื่อนๆ พี่ๆ พนักงานที่ช่วงแรกๆ เห่อเขาถึงกับทำหน้าเบื่อหน่าย
‘ผู้หญิงนี่เห็นคนหล่อกว่าก็รีบไปหาเลยนะ’
‘โอ๋ๆ น้องปกป้อง ไม่งอนนะ ยังไงน้องปกป้องก็เบอร์หนึ่งในใจพี่ พี่แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง’
ยังดีว่ามันไม่มายุ่งย่ามอะไรกับผมเลย ผมเลือกไปเสิร์ฟโซนอื่นที่ห่างไกลจากโต๊ะมัน มันก็ไม่ได้ย้ายโต๊ะตามมาแต่อย่างใด
‘เพื่อนน้องโมเป็นเดือนคณะรึเปล่า หล่อจังเลย...มีแฟนรึยังเนี่ย?’ พี่ปลา หญิงสาวอายุ 26 ชาวพม่าถามผม
‘ไม่รู้สิครับ’
‘คงไม่มั้ง ถ้ามีน่าจะพามากินด้วยแล้ว แต่เอ...มาวันแรกๆ นี่สั่งซะเยอะ พอหลังมานี่สั่งแค่ไม่กี่อย่าง แถมเหลือเต็มเลย กินไม่เคยหมด หรือว่าผีมือพี่น้อยไม่ถูกปากเพื่อนน้องโม’
ผมไม่รู้รายละเอียดหรอกว่าแต่ละครั้งที่มันมามันสั่งอะไร กินหมดรึเปล่า ผมรู้แต่เวลากลับของมันคือ 5 ทุ่ม ซึ่งดีกับผมเป็นอย่างมาก ที่ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่ามันจะดักอยู่ตรงไหน อีกอย่างมีปกป้องมานอนที่หอด้วยเหมือนเดิม ผมจึงเบาใจได้
“จะมาบ่อยทำไมนักหนา เห็นหน้าแล้วหมดอารมณ์” ขณะนี้เรากำลังนั่งพักอยู่ในห้องแช่เนื้อสัตว์ ผักสดต่างๆ ผมหันไปมองหน้าคนพูดที่ทำหน้าเบื่อหน่าย
“ก็ไม่ต้องไปมองหน้า”
“โม ผมถามจริงๆ นะ ไอ้นั่นมันมีปัญหาอะไรกับโมรึเปล่า” สายตาจริงจัง บวกกับน้ำเสียงของคนถาม ทำให้ผมถอนหายใจ
“ใช่ ไอ้โทมันเคยเป็นเพื่อนพี่ แต่ตอนนี้เลิกคบแล้ว” ผมตอบแบบเลี่ยงๆ “มันทำเรื่องที่พี่ไม่สามารถให้อภัยมันได้”
คนฟังครุ่นคิด ส่วนผมไม่พร้อมจะบอกอะไรไปมากกว่านี้
“งั้นที่ตามๆ อยู่นี่ เหมือนไอ้นั่นจะมาง้อโมสินะ” ปกป้องสรุปจากสิ่งที่เห็น อันที่จริงใครได้มาเห็นพฤติกรรมแบบนี้ก็ต้องเข้าใจแบบปกป้องนั่นแหละ เพียงแต่ผมไม่อยากยอมรับ
ไอ้โทพยายามทำตัวให้อยู่ในสายตาผม ทั้งที่มหาลัย ที่ร้านกุ้งเต้น ไม่เห็นหัว ก็ขอให้ได้ยินเสียง ไม่ได้ยินเสียง ข่าวลือของมันก็ลอยตามมาข้างทาง เรื่องของมันฟุ้งเต็มไปหมด
ช่วงนี้อาจารย์เริ่มสั่งงานเยอะขึ้น เป็นงานยิบย่อย เพราะใกล้สอบไฟนอลของเทอมแรก หลังจากกลับมาจากทำงานพิเศษ ปกป้องก็ดูหนัง ดูซีรีย์ เกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงโทรมๆ ระหว่างที่ผมวุ่นกับงานที่อาจารย์พากันสั่ง
“โม”
“ว่า? “
“สอบเสร็จเมื่อไหร่”
“ปลายๆ เดือนมั้ง” ผมตอบ มือก็เขียนไปด้วย
“โอเค เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมกลับไปอยู่คอนโดกับพี่แป้งนะ จะได้ไม่กวนโมอ่านหนังสือด้วย”
“อือ”
“สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวกันไหม? “
ผมชะงัก
“เที่ยวไหน? พี่ไม่ค่อยมีเงินหรอกนะ” ฐานะทางบ้านผมไม่ค่อยดี นานๆ ทีถึงจะได้เที่ยวเล่นแบบเด็กวัยรุ่นคนอื่นเขา ปกป้องมันก็รู้นี่ แล้วจะมาถามทำไม
“ที่ไหนก็ได้ ไปแบบทริปประหยัด”
“อืม”
ก็ดีนะ ผมไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดนานมากแล้ว ตั้งแต่ไปกาญจนบุรีคราวนั้น ที่ไปกับพวกมันตั้งแต่ปี 1
“แล้วจะไปไหน? “ ผมไม่มีไอเดียหรอก วันๆ ทำแต่งาน ไม่เหมือนปกป้องที่มีเวลาดูซีรีย์ อ่านกระทู้ท่องเที่ยว คงเพราะอยู่ม.5 ไม่ใช่ม.6 ที่ต้องอ่านหนังสือและไล่ตระเวนสอบมหาวิทยาลัยทั่วราชอาณาจักรไทย
“ทะเล ดำน้ำ ปีนเขา ล่องแก่ง สวนน้ำ ไหว้พระ”
“โห ไปหมดนั่นเลยหรอ”
“ให้เลือกครับ ให้เลือก”
“ฮ่าๆๆ” ผมแกล้งกวนตีนไปงั้นแหละครับ “ค่อยคิดตอนสอบเสร็จละกัน”
“นายธนกฤต...นายธนกฤตมารึเปล่า? “ อาจารย์ผู้สอนเช็คชื่อท้ายคาบ และนั่นเป็นชื่อของไอ้หลามครับ วันนี้มันไม่มาอีกแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ผมโดนดักทำร้าย ผมก็ไม่ได้เห็นหน้ามันอีกเลย
“ใครเป็นเพื่อนนายธนกฤตฝากบอกด้วยว่าครั้งหน้าห้ามขาด ถ้าขาดอีกหมดสิทธิ์สอบวิชานี้นะคะ” แล้วอาจารย์ขานชื่อต่อไป
หากถามว่าตอนนี้ใครเป็นเพื่อนไอ้หลามน่ะหรอ...ไม่มีล่ะมั้ง ส่วนเพื่อนในภาคเดียวกันใครจะไปเตือนมันเรื่องการขาดเรียนก็ตามใจ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน
“นายพบธรรม หัวหน้าภาควิชาเซ็นเอกสารยื่นเรื่องการย้ายภาควิชาเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ ไปรับได้ที่เดิมเลยจ๊ะ” อาจารย์หันมาสบตากับผมโดยตรง
“ครับ”
หลังจากอาจารย์ออกไปแล้ว เพื่อนในเจอร์ก็มารุมถามผมกันใหญ่เรื่องขอย้ายภาค ซึ่งผมก็ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ เรียนไม่ไหวบ้าง เรียนไม่เข้าใจบ้าง ในขณะที่สาเหตุจริงๆ นั่งนิ่งอยู่หลังห้อง
“เชี่ยโม กูโกรธมึงจริงๆ นะ ไปทำเรื่องทำไมไม่บอกกูเลย” บูมพูดขณะเก็บชีทบนโต๊ะ “แบบนี้กูก็ย้ายไปกับมึงไม่ได้อะดิ” แล้วมันก็เดินหนีผมไปเลย
สงสัยคงจะโกรธจริง เห็นบอกว่าอยากย้ายตามผม ไม่คิดว่ามันจะจริงจัง
เดี๋ยวค่อยตามไปง้อมันก็แล้วกัน ตอนนี้ผมขอไปเอาเอกสารก่อน จะได้นำไปยื่นให้สำนักทะเบียนได้เลย
แต่เมื่อเดินมาถึงห้องหัวหน้าภาควิชา กลับกลายเป็นว่ามีใครบางคนยืนรออยู่ที่หน้าห้องเช่นกัน ผมไม่รู้ว่ามันมาทำอะไร ตั้งใจจะไปหยิบเอกสารแล้วเดินออกมา มันจะมาทำอะไรก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับผม
“จะย้ายจริงๆ ?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ขณะที่ผมหยิบเอกสารจากในตะกร้าแล้วหันไปสบตามัน ไอ้โทยืนล้วงกระเปา ส่วนมืออีกข้างเสยผมราวกับยุ่งยากใจ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“กูรู้นะว่ากูไม่มีสิทธิ์ไปห้ามมึง...แต่ถ้าสาเหตุการย้ายมันมาจากกู...ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” มันเงียบไปครู่หนึ่ง สายตาหลุบต่ำลงก่อนจะเงยขึ้นมาใหม่ “เดี๋ยวกูไปเอง”
“เหอะ ไม่ต้องมาเล่นบทพระเอก กูทำเรื่องอะไรเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ยื่นเอกสารนี่”
“มึงจะเรียนไหวหรอ ไม่เห็นรึไงว่าพวกภาคคอนโทรลได้เอฟกันเป็นว่าเล่น อีกอย่างมึงย้ายกลางปีแบบนี้ยังไงมึงก็เก็บวิชาภาคคอนโทรลไม่ครบหรอก จากที่จะจบใน4ปี อาจกลายเป็น5หรือ6ปีก็ได้นะ”
ปกติแล้วไอ้โทไม่เคยพูดมากแบบนี้ มันจะนิ่งๆ พูดน้อยต่อยหนัก แต่มีเรื่องเดียวที่มันจะยอมพูดกับเพื่อนแบบยาวๆ อธิบายปากเปียกปากแฉะจนกว่าพวกผมจะเข้าใจ นั่นก็คือ ‘เรื่องเรียน’
“มึงไม่จำเป็นต้องเอาการเรียนมาเกี่ยวข้อง กูรู้ตัวตลอดว่าตั้งแต่เกิดเรื่องสายตาที่มึงมองกูมันบอกทุกอย่างว่ากูกับมึงคงไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนที่ผ่านมา ... แต่ถือว่ากูขอร้องเถอะนะ มึงไม่จำเป็นต้องย้ายเจอร์เลยจริงๆ ไหนจะไอ้บูมอีก ไม่เห็นแก่มันหน่อยหรอ มันเป็นคนที่อยู่เคียงข้างมึงมาตลอด”
ที่คนตรงหน้าพูดมาก็มีส่วนที่ทำให้ผมไขว้เขวไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องไอ้บูม ผมคงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากถ้าทิ้งมันเพียงเพื่อความสบายใจของตัวเอง ทั้งๆ ที่มีมันคนเดียวที่ยอมทุ่มเท เข้าอกเข้าใจผมทุกอย่าง
ผมเดินหนีออกมา ไม่อยากฟังไอ้โทพูดอะไรอีก ก้มมองเอกสารในมืออย่างเหม่อลอย
ระหว่างทางไปสำนักทะเบียนเพื่อยื่นเรื่อง ตึกอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่เท้ากลับเลี้ยวไปอีกเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังหอสมุด ผมไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ ไม่อยากจะยอมรับแต่ต้องบอกว่าสิ่งที่ไอ้โทพูดเมื่อกี้มีส่วนถูก
ยังไงผมก็ตามเก็บวิชาของภาคคอนโทรลไม่ทัน ต้องเสียเวลาไปอีกปี แถมค่าเทอมก็ไม่ใช่น้อยๆ กยศ.จะให้กู้ปี5ต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้
ช่วงนี้หอสมุดคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเข้าใกล้ฤดูกาลสอบไฟนอล พอแตะบัตรนักศึกษาแล้วมองหาที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
“ไอ้โม” เสียงเรียกมาแต่ไกล ผมหันตาม
พวกเพื่อนๆในเจอร์นั่นเอง มีประมาณ5-6คน รวมถึงไอ้บูมด้วย ผมเดินตรงไปหาพวกมัน
ถึงพวกผมจะดูดิบเถื่อนในสายตาคณะอื่นๆ แต่บอกเลยนะครับว่าการเรียนวิศวะไม่ใช่เรื่องง่าย ภายนอกพวกผมเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน คุยบ้าง หลับบ้าง เล่นโทรศัพท์บ้าง แต่ใครจะไปรู้ว่านอกเวลาเรียนพวกวิศวะจะมานั่งสุมกันอยู่ที่ห้องสมุด ไม่ใช่ร้านเหล้าแบบที่ใครๆ เข้าใจเสมอไป
“มาๆ นั่งนี่ พวกกูกำลังติวกันเองอยู่”
ผมนั่งลงตามที่กอล์ฟบอก ก่อนจะหักไปทักไอ้บูม
“รู้เรื่องหรอมึงน่ะ”
“ระดับนี้”
“...”
“รู้เรื่องก็เหี้ยแล้ว สัดเอ๊ย น้ำตาจะไหล”
“เอาน่า เดี๋ยวรอโทมาอธิบายเพิ่ม มึงโทรตามมันดิ๊บูม ว่าอยู่ไหนแล้ว” เหมียว สาวร่างใหญ่ใส่แว่นพูดขึ้น
“ไม่ต้อง มันมาโน่นแล้วไง” ไอ้เจษบอก ส่งสายตาไปยังทิศทางที่มันเดินมาพร้อมกับไอ้จ๊อบ
ผมถอนหายใจอย่างหน่ายๆ หนีแม่งไม่พ้นจริงๆ ขณะที่ผมจะลุกขึ้น ไอ้บูมดึงแขนผมไว้
“จะไปไหนวะ”
“กูอยากอ่านคนเดียวว่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ มึงเข้าใจเรื่องสแตติคแล้วหรอไง กูนี่จะสติแตกแล้วแม่มมมม”
ใช่ ไอ้โทมันอธิบายเก่ง เข้าใจง่าย สอบทีไรพวกผมก็พึ่งพามันตลอด และต้องยอมรับจริงๆ ว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง ความรู้ไม่มีอยู่ในหัวสมองผมเลย และวันมะรืนก็สอบแล้วด้วย
แค่นั่งฟังมันอธิบาย เพื่อนๆ ก็อยู่กันเยอะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...
ใบหน้าหล่อกวาดมองรอบโต๊ะก่อนจะมาหยุดที่ผมแล้วยิ้มน้อยๆ
มันนั่งตรงข้าม ทักทายเพื่อนตามปกติ และเริ่มต้นติวเนื้อหาทั้งหมดที่จะออกสอบ ซึ่งมันไม่ได้มีแค่วิชาเดียว ปวดหัวก็ตรงนี้แหละ
“ไอ้พวกชื่อวิชาที่ขึ้นต้นด้วย Basic Intro General แม่งเชื่อถือไม่ได้ หลอกกู” ไอ้จ๊อบบ่นขณะมองชีทวิชาต่างๆ
“กูจดเหี้ยไรลงไปเนี่ย ไอ้โท ยืมชีทมึงอ่านหน่อย” ขนาดกอล์ฟผู้เป็นประธานเจอร์ยังต้องร้องขอไอ้โท
หลายครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นไปฟังมันแล้วสบตากันอย่างช่วยไม่ได้
และเป็นผมที่ต้องหลบตามันทุกครั้งไป...
“เดี๋ยวกูมา” ผมกระซิบบอกไอ้บูม “ไปหาหนังสือ” ขยายความต่ออีกหน่อย
รีบชิงหนีออกมาขณะที่มันกำลังคุยกับสาวสักคณะที่เดินเข้ามาทักมัน พวกเพื่อนๆแซวกันใหญ่ ในใจผมได้แต่นึกสงสารผู้หญิงที่หลงรูปร่างหน้าตาของมัน เมื่อก่อนก็อิจฉานะ แต่ตอนนี้ไม่อ่ะ ถ้าคิดว่าหน้าตาดีแล้วจะขืนใจใครก็ได้ผมยอมเป็นคนหน้าตาธรรมดาๆดีกว่า
ผมเดินหาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับค้นหาหนังสือ พอเสร็จแล้วก็จดหมายเลขรหัส และมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ขึ้นต้นด้วยรหัสนั้น ซึ่งต้องใช้เวลาสักหน่อยในการค้นหา
ปลายนิ้วไล่เรียงสันหนังสือแต่ละเล่ม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอ
หรือจะอยู่ชั้นบน ?
ผมเงยหน้า กวาดสายตาดูเลขรหัสที่สันเหมือนเดิม นั่นไงเจอแล้ว...เพียงแต่เอื้อมมือไม่ถึง เพราะอุปสรรคด้านความสูง ปลายนิ้วแตะโดนแล้วแท้ๆ
ขณะที่ผมกำลังเขย่งเพิ่มความสูงเท่าที่ทำได้ ก็มีคนมาซ้อนด้านหลังแล้วหยิบหนังสือเล่มที่ผมต้องการให้ ผมหันหลังกลับเพื่อจะขอบคุณ
ไอ้โท...อีกแล้ว
“ขอบ...”
ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ส่วนในมือก็รับหนังสือมา แล้วรีบเบี่ยงตัวหนีราวกับเชื้อโรค
นี่มันตามผมทำไม แค่จะมาหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม บอกตามตรงว่าผมกลัวมัน เหมือนคนโรคจิต สตอล์กเกอร์อะไรพวกนั้น และมันทำให้ผมระแวง
“จะตามกูมาทำไมวะ!”
“มาเอาเล่มนี้เพิ่ม” มันชูหนังสือในมืออีกเล่มให้ดู “ไอ้เจษมันไม่เข้าใจเรื่องไดนามิค”
แล้วมันก็เดินไปอีกล๊อคเพื่อหาหนังสือต่อ
เอ่อ...ใครก็ได้ช่วยเก็บเศษหน้าผมที่หล่นกระจายอยู่บนพื้นให้หน่อยครับ
ผมคงคิดมากไปเอง หนังสือเนื้อหาใกล้เคียงกันมักจะจัดให้อยู่ล๊อคเดียวกันอยู่แล้ว ไม่แปลกที่มันจะมาโผล่ล๊อคเดียวกับผม
บางทีผมควรเลิกจิตตก หันมาสนใจเนื้อหาที่จะออกสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้าดีกว่า
เวลา 23.45 น.
หอสมุดยังคงแน่นไปด้วยนิสิตนักศึกษาที่เข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทางมหาลัยอนุญาตให้เปิด 24 ชั่วโมงในฤดูกาลสอบ ผมหันไปมองรอบๆ บางคนเอาผ้าห่มมาห่ม เตรียมหมอนและของกินเข้ามาตั้งถิ่นฐาน กะอยู่ยาวยันเช้า ยิ่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำแบบนี้ความง่วงเริ่มครอบงำ สำหรับผมให้แหกตาอ่านต่อคงไม่ไหว ขอกลับไปนอนที่หอพักดีกว่า ถึงจะไม่มีแอร์ก็เถอะ ยังมีเวลาอ่านอีก 1 วัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่านที่หอสมุดใหม่
ช่วงนี้ผมขอลาหยุดอ่านหนังสือ แน่นอนว่าเฮียโกวเข้าใจ พอสอบเสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะกลับไปทำงานชดเชยให้ในช่วงปิดเทอม
“เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ”
“อ่าว นึกว่าจะอยู่ยันเช้าด้วยกัน” ไอ้กอล์ฟปรือตา คือมึงไม่ไหวก็นอนเถอะ
“กลับไงวะ” ไอ้บูมถาม
“เดิน...”
“เดี๋ยวไปส่ง” ยังไม่ทันตอบไอ้บูมก็มีคนพูดแทรกซะก่อน ผมหันไปมองไอ้โท
“ไม่ต้อง กูมีขา กลับเองได้”
แล้วผมก็คว้ากระเป๋าเดินออกมาโดยที่ไม่สนใจคนเสนอตัว ขืนอยู่ต่ออีกนิดพวกเพื่อนๆ ได้คะยั้นคะยอให้ผมรับความหวังดีของไอ้โทแน่
ข้างนอกมืดสนิท ไม่เหมือนข้างในหอสมุดที่สว่างจ้า มีเพียงแสงรำไรจากไฟข้างทาง ผมก้าวขาไปตามฟุตบาท ระยะห่างจากตรงนี้ถึงหอผมมันก็ไม่ได้ไกลมากนัก เดินประมาณ 20 นาทีก็ถึง
“นะโม!” เสียงทุ้มตะโกนเรียก ไม่ต้องหันหลังก็รู้ว่าใคร
โอเค ผมไม่ควรหวาดระแวง บางทีมันอาจไม่ได้ตามผมมา
“เดี๋ยวไปส่ง มาที่รถเถอะ” ไอ้โทพูดเสียงหอบเล็กน้อยเพราะมันวิ่งตามผมมา “นะ...ดึกแล้วมันอันตราย”
มึงนั่นแหละที่อันตราย
“ไม่ กูจะเดินกลับ” ผมยังยืนยันคำเดิม มุ่งหน้าเดินต่อไป
มันเดินตามหลังมา ผมรู้ ไอ้โทเว้นระยะห่าง แต่ก็ไม่มาก ขี้เกียจไล่มันแล้วครับ อีแบบนี้ไล่เท่าไหร่คงไม่ไป ก็ดีเหมือนกัน เดินในมหาลัยคนเดียวมันเปลี่ยวยังไงก็ไม่รู้
ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย แต่ก่อนที่ผมจะขึ้นบันได ผมเจอป้ายประกาศขนาด A4 แปะตัวเบอเร้อ
ประกาศจากทางหอพัก คร่าวๆ คือหอพักจะทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด ขอให้ย้ายออกภายใน 3 เดือน ระหว่างนี้ยังพักอาศัยอยู่ได้ และใครที่มัดจำค่าห้องล่วงหน้าไว้สามารถรับคืนได้เช่นกัน
ชิบหาย หอพักที่นี่ถูกสุดในย่านนี้แล้ว นอกนั้นก็ราคา4พันอัพหมด ทำไงดีวะเนี่ย ช่างมัน ค่อยคิดหลังสอบแล้วกัน
“ฝันดี”
มัวแต่อ่านประกาศจนลืมไปเลยว่าไอ้โทมันมันเดินตามมาห่างๆ ผมเหลือบไปมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เดินขึ้นห้องไป
Next Chapter >> - 21 -อินี่เป็นคราย ไม่ใช่แพรตัวจริงแน่ๆ ทำไมอัพนิยายเร็ว 555555