ตอนที่ 18
ในร้านโออิชิบุฟเฟต์ มีอาหารญี่ปุ่นมากมากหลากหลาย
แม้ผมจะอยู่กรุงเทพมาหลายปี แต่ไม่เคยมากินที่นี้เลยครับ เพราะผมคงไม่มีปัญญากินของพวกนี้
หรูสุดก็พวกฟูจิ เอ็มเคสุกี้ ไม่ก็ซิสเลอร์ (ยกเว้นอาหารที่โรมแรมที่ผมไปกินงานแต่งงาน กับงานบายเนียร์ อันนั้นกินฟรีไม่เสียตังค์)
“ได้กินสักที ต้องกินให้คุ้ม” แล้วไอ้โน้ตก็สวาปามของกินที่อยู่ตรงหน้า
ผมพอเข้าใจครับว่าเด็กบ้านนอกเข้ากรุงเทพมันเป็นยังไง เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน
แต่การที่มันมากินร้านที่หรูๆอย่างนี้มันจะเกินไปหน่อย แต่เพราะย่ามันสร้างความแค้นไว้ให้ผม ผมเลยปล่อยให้มันทำตามใจ
ไม่หรอกผมเองก็อยากกินด้วยแหล่ะ เพราะยังไงมันก็เลี้ยงอยู่แล้ว
“อาบั้มพ์ทำไมไม่กลับไปทำงานแถวบ้านล่ะ” โน้ตชวนคุย
ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่า เพราะย่ามึงนั้นแหล่ะ ถ้าย่ามึงช่วยเหลือครอบครัวกูสักนิดกูก็ไม่ต้องมานั่งลำบากทำงานที่กรุงเทพหรอก
“โน้ตก็รู้นี้ ว่าที่บ้านของอาต้องใช้หนี้ค่าบ้าน งานที่กรุงเทพก็ให้เงินเยอะกว่างานที่บ้านเรา”
“เหรอครับ แล้วอาไม่เหงาบ้างเหรอ อยู่กรุงเทพคนเดียว ไม่มีแฟนอีก” จะว่ากูไม่มีปัญญาหาแฟนหรือไงฟ่ะ
“ไม่หรอก อามีเพื่อน มีคนรู้จักเยอะ อีกอย่าง ที่อายังไม่มีแฟน เพราะคิดว่า อายังไม่มีความันรับผิดชอบพอจะดูแลใครตอนนี้ เพราะตัวเองยังเอาไม่รอดเลย” กลายเป็นว่าผมบ่นชีวิตอันรันทดให้มันฟัง
“มีแฟนนี้ต้องรับผิดชอบด้วยเหรอ” มันถามอย่างงงง
“อ้าว ก็ต้องมีดิ เราเป็นผู้ชายนะ เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงดิว่ะ”
“แค่แฟนเอง ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย ไม่ได้เป็นเมียสักหน่อย” มันตอบได้กวนมากครับ
“ก็เพราะคนเรามักคิดแบบนี้ ตอนเป็นแฟนทำอย่างนี้ แต่พอแต่งงานก็ทำอีกอย่าง ชีวิตคู่มันเลยไปไม่รอด ถ้าเรารักเขา ก้ต้องให้ความสำคัญกับเขา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน” ผมตอบดีมากครับผม
มันพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหร้อมเอาตะเกียบคีบเนื้อหมูเข้าปาก
“แล้วแกมีแฟนยังล่ะ” ผมถาม เพราะคิดว่าถ้ามันมี แต่มันยังคิดได้แบบนี้สงสารแฟนมันว่ะ
“ยังครับ ผมยังไม่สนเรื่องนี้” เหมือนมันไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้ เพราะมันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
พอผมรู้สึกว่าตัวเองฟาดทุกอย่างจนกระเพราะเกินจะรับได้ ก็บอกให้โน้ตกลับ โน้ตเองก็พอๆกับผม เดินแทบจะไม่ไหวทั้งคู่
ตอนไปจ่ายตังค์ ผมตาโตตกใจกับราคาเพราะกินแค่สองคนก็ล่อไปเกือบพัน
แต่ไอ้โน้ตควักตังค์จ่ายหน้าตาเฉยเลยครับ ตอนมันมันควักแบงค์ออกมาจากกระเป๋าตังค์ เห็นแบงค์พันเป็นฟ่อนเลยครับ
ย่ามันเอาเงินที่ไหนมาให้ว่ะเนี้ย ก็พอรู้ว่าทำร้านอาหาร แต่รวยขนาดนี้เลยเหรอว่ะ
พอออกมาจากร้าน โน้ตหันมาบอกผม “อาบั้มพ์ เดี๋ยวไปซื้อของกับผมด้วยนะ”
แล้วมันก็เรียกแท็กซี่ ลากผมไปบนรถด้วย
มันบอกคนขับรถว่า “ไปสยามพารากอนครับ”
************************************************************************************************
โน้ตเดินซื้อของทั่วสยามพารากอน ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ซีดี ร้องเท้า กางเกงในด้วยครับ
มันเข้าแทบทุกร้าน แต่ไม่ได้ซื้อทุกร้านหรอก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กบ้านนอกอย่างมัน ถึงรู้จักยี่ห้อแบรนด์เนมดังๆพวกนี้ได้ และถลุงได้เยอะขนาดนี้
ผมเดินตามตูดมันเหมือนคนใช้เลยครับ แถมช่วยมันถือของอีก
กว่ามันจะกลับหอได้ ก็ดึกแล้วครับ
“แกหมดตังค์ไปเท่าไหร่” ผมถามทันทีเมื่อถึงหอ
“ก็เกือบหมื่นกว่าๆ” มันตอบหน้าตาเฉยมาก
“ย่าแกให้เงินมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“อ๋อ ครับ ย่าเพิ่งเอาที่ไปขาย” มันตอบพร้อมเอาของที่ซื้อมาขึ้นมาดู
“ที่ เหรอ ที่ไหนว่ะ” ผมถาม
“ก็ที่นาเก่า ของย่าทวดปู่ทวดไง ที่มันอยู่ใกล้อำเถออ่ะ” มันตอบพร้อมเอาเสื้อเชิ้ตมาลองใส่
พอได้ยินโน้ตพูดถึงที่นาแห่งนั้น ผมโกรธมากเลยครับ เพราะมันเป็นที่นาของพ่อ แต่พอพ่อตาย ย่าของเจ้าโน้ตก็เอาไปเลยครับ ที่แม่ไม่โวยวายเพราะ ที่นาแห่งนั้นย่าของโน้ตเป้นคนดูแลมาตลอด ถึงเราจะเป็นเจ้าของ แต่เราก็ควรให้คนที่ดูแลมันไปดีกว่า
ผมพยายามเก็บอารมณ์ เพราะไอ้โน้ตคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
“แต่แกก็ไม่น่าจะใช้เงินเยอะขนาดนี้นะเว้ย แกยังหาเงินไม่เป็น น่าจะสงสารย่ากับพ่อแกที่ให้เงินมานะ กว่าพวกเขาจะหาเงินมาได้”
ขอทำหน้าที่อาที่ดีหน่อย ต้องสั่งสอนเยอะๆ เด็กสมัยนี้มันใช้เงินกันไม่เป็น
“ก็ย่ากับพ่อบอกเองว่าให้ซื้อของดีดี ของหรูหรู ของแพง เพราะเดี๋ยวมาเรียนกรุงเทพฯจะได้ไม่อายคนอื่นเขา”
เชื่อเลยว่ามันเป็นหลานย่า กับ ลูกของพี่เบิ้ม เพราะครอบครัวนี้ชอบมีนิสัยอวดรวย ต้องทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่น
“อาเองก็อยู่กรุงเทพมาหกเจ็ดปี ยังไม่เห็นต้องซื้อของแพงๆพวกนี้เลย”
“แล้วอาจะให้ผมเอาไปคืนเหรอ ไหนไหนก็ซื้อมาแล้วก็ช่างมันเถอะ” มันเถียงครับเถียง น่ากระโดดเตะปากมันจริงๆ
“เออ ถือว่าอาสอนแกก็แล้วกันจะใช้หรือไม่ใช้ก็เรื่องของแก” ผมเหนื่อยใจกับหลานตัวดีจริงๆ
มันก็พยักหน้ารับ แต่หน้าตาดูไม่สำนึกเอาเสียเลย
โน้ตมันก็ยังคงเอาเสื้อผ้ากางเกงมาลองหน้ากระจกอยู่ ผมเห็นว่าอีกนานมันคงจะอาบน้ำเลยไปเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อน
พอผมอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ตกใจที่เห็นมันใส่กางเกงในตัวเดียว ยืนหันไปหันมาที่หน้ากระจก
“แกทำอะไรนะ” ผมถาม ใจเต้นนิดๆ เพราะไอ้โน้ตมันหุ่นดี แถมตรงเป้ามันตุงมากครับ
“ก็ลองกางเกงในที่ซื้อมาใหม่ไง” แล้วมันก็เดินมาหาผม
“เท่ห์ป่าวอาบั้มพ์” มันยืนแอ่นอย่างภาคภูมิใจ
“เออ มัวแต่ทำบ้าอะไร ไปอาบน้ำไป๊ จะได้นอนสักที” ผมไล่ มันก็รับฟังแต่โดยดี คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมมองตัวเองหน้ากระจก แต่ภาพตรงหน้าผมไม่ใช้หน้าของผม แต่เป็นภาพของเจ้าโน้ตใส่กางเกงใน ภาพมันติดตามากเลยครับ
ไม่ได้ไม่ได้ มันหลานตัวเองนะเว้ย อย่าคิดทุเรศแบบนี้
ผมพยามเก็บอารมณ์ที่เริ่มปะทุขึ้น คิดแบบนี้กับหลานตัวเองได้ไง
แต่มันก็ไม่ใช้หลานแท้ๆสักหน่อย เป็นญาติห่างๆนี่หว่า
ความคิดของผมเริ่มขัดแย้งกันครับ จะเอาหรือไม่เอา
-----จบตอนที่18-----