ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
“โอโห สุดยอดไปเลยพี่ไม้ ได้ห้องดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พวกผมนี่เกรงใจเลย” กล้าร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อเปิดม่านของห้องพักแล้วพบกับวิวทะเล ที่สวยสบายตาตรงหน้า ห้องชุดที่พี่ชายเขาจัดการให้นี่มันสุดยอดมาก มีสองห้องนอน มีห้องนั่งเล่นรวม แถมยังมีทีวีจอใหญ่พร้อมเครื่องเกมส์รุ่นใหม่อีก นี่แหละ เหมาะแก่การผ่อนคลายสมองหลังสอบที่สุด
“อย่ามาพูดว่าเกรงใจ แกเป็นคนรีเควสห้องนี้เองแท้ ๆ” ไม้ส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มเอือมให้น้องชายตัวเอง หลังจากสอบปลายภาค เด็กพวกนี้ก็อยากจะไปเที่ยวพักผ่อนกัน น้องชายก็เลยขอมาพักที่รีสอร์ททางทะเลใต้ที่เขากับเพื่อนรวมทุนกันสร้างไว้ เขาเองก็เห็นว่าน้องชายและเพื่อนเครียดกับการสอบมากจริง ๆ เลยอนุญาตให้ใช้ห้องที่ดีขนาดนี้ได้
“มีสองห้องเหรอ พอดีเลย แฝดก็นอนด้วยกัน เดี่ยวกูนอนกับแบงก์ โอเคมั้ย?” กล้าจัดแจงแบ่งห้อง แล้วก็เดินเข้าห้องทางด้านซ้ายเพื่อนำกระเป๋าไปเก็บ โดยมีแบงก์เดินตามเข้าไป เห็นแบบนั้น พีชก็เดินเข้าห้องทางขวา ตอนนี้ห้องนั่งเล่นจึงเหลือเพียงพลับและไม้เท่านั้น
“อ...เอ่อ แล้วพี่ไม้นอนไหนเหรอครับ พวกเรายึดห้องกันหมดเลย” พลับถาม แววตาใสรอคอยคำตอบ อยากรู้ว่าพี่ไม้จะนอนที่ไหน ไม่ได้หวังว่าจะย่องไปทำมิดีมิร้ายตอนกลางคืน แค่อยากรู้ไว้ว่าจะได้นอนใกล้กันรึเปล่า
“พี่มีห้องที่พักประจำของพี่อยู่แล้ว พี่นอนกับพวกเราไม่ได้หรอก แฟนพี่จะตามมาเย็นนี้” ไม้พูดแล้วก็ยิ้มบาง เขาดีใจเล็กน้อยที่รู้ว่าเย็นนี้จะได้พบกับแฟนสาวที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบครึ่งปี แฟนเขาทำงานเป็นแอร์โฮสเตส นาน ๆ เจอกันที วันหยุดก็ไม่ตรงกัน แถมช่วงหลังมานี้ เขาและแฟนทะเลาะกันบ่อยและรุนแรงขึ้นเพราะไม่มีเวลาให้กัน การได้มีโอกาสมาเจอกันต่อหน้านี่ ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาแล้ว
“อย่างงั้นเหรอครับ” พลับหลุบตาลง แววตาอ่อนแสง เมื่อได้ฟังเหตุผลและเห็นความดีใจเล็ก ๆ ของพี่ไม้ พลับรู้ดีว่าไม้มีแฟนสาวอยู่แล้ว พวกเขาคบกันมานาน เท่าที่เคยถามกล้า ก็พอรู้ว่าคบกันตั้งแต่พี่ไม้เรียนมหาวิทยาลัย ไม่เห็นทางที่จะเข้าไปแทรกได้เลย แต่พลับก็ไม่คิดจะเข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์นั้นอยู่แล้ว พลับรู้ดีว่าควรยืนอยู่จุดไหนถึงจะดีต่อหัวใจของเขาที่สุด
“เดินทางกันมานาน เข้าไปพักผ่อนเถอะ ตอนเย็นเดี๋ยวพี่มาเรียกกินซีฟู้ดที่ชายหาด” ไม้ตบใหล่พลับเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
“ครับผม” พลับตอบเสียงเบา มองตามแผ่นหลังกว้างของไม้จนออกจากห้องไป แล้วก็หลับตาลง บอกกับหัวใจตัวเองไว้ว่าอยู่ในที่ของเองนั้นดีแล้ว อย่าไปคิดก้าวก่ายอะไรมาก ได้อยู่ใกล้ไม้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยเขาก็เห็นเราเป็นน้องชาย
พลับยืนอยู่อย่างสักพัก จนพีชเดินออกมาตาม พลับถึงเดินตามพี่ชายเข้าห้องพัก
‘เป็นอะไรรึเปล่า’
พีชสะกิดให้น้องชายหันมามองแล้วถามด้วยภาษามือ พลับหันไปยิ้มตอบกลับไปว่าไม่ได้เป็นอะไรแต่พีชรู้ว่าน้องชายของตนนั้นคงรู้สึกไม่ดี เขาแอบอ่านปากพี่ไม้ก็ได้รู้ว่าเย็นนี้แฟนของพี่ไม้จะมาที่นี่ พีชเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องของพลับ เพราะการเป็นแอบรักคนมีเจ้าของมันเป็นเรื่องที่ต้องหักห้ามและทำใจ
“พีชทำหน้าเศร้าทำไม เราไม่ได้เป็นอะไร แค่เพลียเพราะเดินทางนานน่ะ อยากพักผ่อนมั้ย หรืออยากไปเล่นน้ำทะเล”
‘ทะเล!’
พีชคิดว่าอยู่ห้อง พลับต้องคิดจนหดหู่แน่ ๆ ออกไปเล่นน้ำกันดีกว่า มาเที่ยวทั้งที มัวแต่อยู่ในนี้ เสียเที่ยวหมด
“โอเค เปลี่ยนชุดกันก่อนนะ” พลับพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทำเป็นยิ้มแล้วชูมือขึ้น ทำท่าน่าสนุกให้พีชได้เห็น เขาน่ะกลัวสายตาของพีชที่สุดเลย พีชสังเกตคนอื่นเก่ง ถึงแม้ว่าหูจะหนวก แต่สายตาเฉียบแหลมมาก วลาที่โกหกหรือมีพิรุธอะไร พีชมักจะดูเขาออกเสมอ แต่ขออย่าให้พีชดูเขาออกในเรื่องพี่ไม้เลย มันไม่สมควรจริง ๆ กับการไปรักคนมีเจ้าของ
“พีชใส่เสื้อตัวนั้นเหรอ เราเอามาเหมือนกัน ใส่ด้วยดีกว่า” พลับเห็นเห็นว่าพีชใส่เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำ ก็เลยคิดว่าจะใส่เหมือนกัน เพราะคิดว่าเป็นชุดที่เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลที่สุดแล้ว สองแฝดใส่ชุดเหมือนกัน พีชก็ถอดเครื่องช่วยฟังออกเตรียมพร้อมเล่นน้ำ ทำให้ทั้งสองคนเหมือนกันมาก แทบจะไม่มีจุดที่ดูแตกต่างกันเลย
“เราลืมพกเงินลงมาน่ะ พีชรออยู่ตรงนี้นะ” เมื่อจะเช่าห่วงยาง ถึงได้รู้ว่าลืมเอาเงินลงมาด้วย พีชจึงยืนรอบริเวณนั้น คล้อยหลังพลับไปแค่ครู่เดียว กล้าก็วิ่งเข้ามาจากอีกทาง พีชมองไปทางอื่นเล็กน้อย แล้วเม้มปาก ตอนนี้กล้าไม่ได้ใส่เสื้อ ทั้งตัวมีเพียงกางเกงว่ายน้ำ พอเห็นร่างกายที่มีกล้ามเนื้อพอดีของคนที่แอบชอบ มันก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมา
“พลับ ลงมาเล่นน้ำทำไมไม่บอกจะได้ลงมาด้วยกัน” กล้าถามขณะที่วิ่งเข้ามาหา พีชทำได้แค่ยิ้มให้ กล้ากำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือพลับ คนตัวเล็กส่ายหน้า ยกมือปฏิเสธจะบอกว่าเขาไม่ใช่พลับ แต่กล้าไม่เข้าใจภาษามือ เขาเอาแต่มองหน้าแล้วก็ยิ้ม ไม่ได้เอะใจว่าพีชต้องการสื่อสารอะไร
“จะเช่าห่วงยางเหรอ เดี๋ยวเราจัดการเอง” พูดเสร็จก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับพนักงาน แล้วเขาก็ให้ห่วงยางวงใหญ่มาหนึ่งวงโดยที่กล้าไม่ต้องจ่ายเงินเลย พีชมองอย่างไม่เข้าใจ กล้าเห็นท่าทางนั้นแล้วก็ยิ้ม กอดคอพีชเดินไปที่ทะเล
“5555 บอกชื่อพี่ไม้ไปน่ะ ให้เขาไปเก็บที่พี่แกเลย พลับอยากกินอะไรในรีสอร์ทก็เลือกได้เลย เดี๋ยวพี่ไม้เขามาตามจ่ายเอง” พีชอ่านปากกล้าอย่างตั้งใจ กล้าเข้าใจว่าเขาคือพลับ พีชเองก็ขี้เกียจจะแก้แล้ว บอกไปกล้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เดี๋ยวเล่นด้วยกันสักพักกล้าคงจะรู้เองแหละว่าไม่ใช่พลับ เพราะพลับไม่เงียบนานขนาดนี้แน่ ๆ พลับน่ะพูดเก่งจะตาย
พีชตกใจนิดหน่อยเมื่อปลายเท้าได้สัมผัสกับความเย็นสดชื่นของน้ำทะเลโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะไม่มีเครื่องช่วยฟัง เลยไม่ได้ยินเสียงลม เสียงน้ำ เสียงทะเล การได้ยินของพีชในในตอนนี้คือเกือบเท่ากับศูนย์ แทบไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงอื้ออึงของระบบการทำงานในร่างกายตัวเอง
กล้าพาพีชเดินลงในน้ำจนถึงระดับหน้าอก น้ำเย็นทำให้พีชสบายตัว และสดชื่น อีกทั้งความรู้สึก ดีใจ สบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้กล้า พีชใช้ฝ่ามือตีน้ำไปมา สองเท้าก็ไล้ทรายนุ่มใต้น้ำ เงยหน้ารับแสงแดดและยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ
กล้ามองแล้วก็ยิ้มตาม หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น มองแก้มขาวที่แดงระเรื่อเพราะแสงแดด อยากจะฝังจมูกลงไป อยากรู้ว่าแก้มนั้นจะนุ่มขนาดไหน เขาชอบพลับ ไม่รู้ว่าชอบมากขนาดไหน แต่มีความสุขเกินจะบรรยายทุกครั้งที่ได้คุยได้มอง ได้อยู่ใกล้แบบนี้
กล้ามองดูคนตรงหน้าที่กระโดดดึ๋ง ๆ เข้าหาคลื่นที่โถมเข้าใส่เป็นลูกๆ จนมาถึงคลื่นลูกล่าสุดที่เจ้าตัวกระโดดผิดจังหวะไปหน่อย ทำให้คลื่นนั้นซัดเข้าหน้าไปเต็ม ๆ เลย กล้าหัวเราะ ดึงมือคนตรงหน้าให้เกาะห่วงยางไว้เพื่อหลบคลื่นที่กำลังจะซัดเข้ามาที่ลูก แต่ก็ไม่รอด เพราะพลับจัดเป็นผู้ชายที่เรียกว่าตัวเล็กหรือจะเรียกว่าเตี้ยก็ได้ น้ำระดับหน้าอกของเขาเท่ากับระดับคอของพลับเลยทีเดียว คลื่นซัดมาทีก็เลยท่วมหัวพลับไปหมด คนมองดูคนตรงหน้าใช้มือลูบหน้า สำลักน้ำทะเลค่อกแค่กแล้วก็หัวเราะออกมา
“พลับขึ้นไปนอนบนห่วงยางมั้ย เดี่ยวเราอุ้มให้ น้ำจะได้ไม่เข้าปากแบบนี้”
พีชมองกล้าที่ยิ้มกว้างแล้วพูดอะไรบางอย่างเป็นเหมือนคำถาม พีชไม่สามารถอ่านปากได้ เพราะกล้ายิ้มกว้างมาก เวลาพูดทำให้อ่านปากได้ยาก แต่พีชก็เต็มใจจะพยักหน้า ถึงแม้ไม่รู้ว่ากล้าหันมาถามอะไร
“อ๋า!” พีชหลุดเสียงแปลก ๆ ออกไป เพราะจู่ ๆ เขาก็โดนกล้าโอบเอวแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งบนห่วงยาง โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว จนต้องผวากอดคอกล้าเอาไว้แน่น
ในตอนนี้ทั้งกล้าทั้งพีชต่างก็ชะงักกันไปทั้งคู่ เพราะใบหน้านั้นอยู่ใกล้กันมาก ทั้งคู่แทบจะหยุดหายใจกับความใกล้นี้ ทั้งที่ควรจะผละออกจากกัน แต่พวกเขาทั้งคู่กลับอยู่นิ่ง ๆ มองหน้าของอีกฝ่ายไว้
กล้าอยากจะมองหน้าพลับใกล้ ๆ แบบนี้ อยากอยู่ใกล้ อยากสัมผัส อยากดูแล อยากทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกัน อยากเป็นแฟนของพลับ แต่เพราะกล้าไม่กล้าบอกไป พลับน่ารักก็จริง แต่ถึงยังไงพลับก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าครอบครัวจะรับได้แค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่รู้ว่าพลับคิดอย่างไรกับตัวเขา อยากจะลองสารภาพดูสักครั้ง จะได้รู้ ๆ กันไปเลยว่า เขาสมหวังหรือไม่ แต่ความจริงมันมีอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าได้สมหวังกับพลับ มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าผิดหวังล่ะ...ผิดหวังแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ เขาก็พร้อมที่จะยอมรับ แต่ถ้าผิดหวัง...แล้วพลับตีตัวออกห่าง ถ้าพลับรับไม่ได้ที่มีเพื่อนคิดไม่ซื่อด้วยแบบนี้ เขาคง...ไม่บอกไปดีกว่า
แต่ตอนนี้ ตอนที่ใบหน้าทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก แล้วเหมือนจะมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทำให้กล้าขยับใบหน้าเข้าไปหาพลับมากยิ่งขึ้น ยิ่งอีกฝ่ายไม่ขยับหนี เขาก็ยิ่งได้ใจ ขยับเข้าไปจนปลายจมูกทั้งสองชนกัน ถึงแม้ว่าสมองจะสั่งให้เขาขยับออก อย่างเพิ่งทำอะไรวู่วามตามอารมณ์ แต่ลึก ๆ มันก็คิดว่าที่คนตรงหน้าเขาไม่ขยับหนี นั่นก็แปลว่าพลับรอสัมผัสจากเขาเหมือนกันรึเปล่า...
ทางฝั่งของพีชนั้นก็กำลังสับสนอย่างหนัก สมองว่างเปล่าไปแล้ว แต่หัวใจยังคงเถียงกันอยู่ ว่าจะอยู่เฉย ๆ แบบนี้แล้วฉวยโอกาสจากกล้าที่กำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือพลับ หรือควรถอยหนี อย่างไหนมันดีกว่ากัน เขาสมควรเลือกทางไหน พีชเองก็ไม่ชอบนักหรอกที่กล้าทำไปเพราะเข้าใจผิด แต่พอคิดดูดี ๆ แล้ว โอกาสแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้วแน่ ๆ
สุดท้ายแล้วพีชก็ไม่ได้ขยับออก ริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา แล้วค้างไว้อย่างนั้น พีชหลับตาลงแล้วซึมซับความอุ่นตรงริมฝีปากนั่นไว้ เขาจะไม่มีทางลืมความรู้สึกแบบนี้เด็ดขาดเลย
ทางด้านของกล้า พอได้เห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้ขยับหนีแถมยังหลับตารับสัมผัสจากเขาอีก ก็ยิ่งได้ใจ ใช้สองมือกุมแก้มของอีกฝ่ายไว้ เขาหลับตาลงแล้วเริ่มขบเม้มริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่มเบา ๆ ไปมา ผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งสองก็ขยับออกจากกันช้า ๆ อยากจะก้มลงไปจูบอีกครั้งแต่ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นลมไปเสียก่อน เพราะตอนนี้หัวใจของเขาทำงานหนักมาก ยิ่งเห็นว่าพลับหน้าแดงแจ๋ ทางเขินอาย ไม่กล้าสบตาแบบนี้ ก็ยิ่งดูว่าน่ารัก ใจเขาก็แทบละลาย
ทั้งคู่เงียบกันไปนาน กล้ามองใบหน้าแดง ๆ นั้นแล้วก็ลูบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ เชยคางให้คนตรงหน้าเงยขึ้นมามองตาเขา
“พลับ พูดอะไรบ้างสิ”
พีชอ่านปาก พอรู้ว่ากล้าพูดอะไร เขาก็ส่ายหน้าหันหนีไปทางอื่น เห็นกล้าเรียกชื่อน้องชายตัวเองแล้วก็รู้สึกโหวงเหวงในใจ เขินก็ส่วนเขิน แต่ใจมันก็หน่วงอยู่ดี พีชเงยหน้ามองกล้า ทางนั้นก็หน้าแดงเหมือนกัน เขาคงเขินที่คิดว่าได้จูบกับพลับ พีชเม้มปากดันตัวออก ส่งยิ้มบางให้กับกล้า แล้วขยับตัวลงจากห่วงยาง รีบเดินกลับเข้าฝั่ง แล้วรีบวิ่งขึ้นห้องพักทันที
เขินเกินไป หากพีชมองหน้ากล้าอีกอาจจะระเบิดไปเลยก็ได้ ขอหนีขึ้นห้องดีกว่า
“พีช ไปไหนมา หาตั้งนาน บอกให้รอไง” ระหว่างที่กำลังวิ่งขึ้นห้องพัก ก็สวนกับพลับที่หน้าตาตื่นเพราะหาพีชไม่เจอ พีชโดนน้องชายเอ็ดเล็กน้อยเรื่องที่หายไป พีชรีบขอโทษแล้วส่งยิ้มให้
‘ไม่อยากเล่นแล้ว อยากนอนมากกว่า เพลียและง่วง” พีชโกหกไป พลับก็ดูไม่ติดใจอะไรมากนัก แค่สงสัยว่าทำไมพีชถึงตัวเปียก แต่พีชก็โกหกไปอีกว่า แอบหนีไปเล่นก่อน แต่สำลักคลื่นก็เลยไม่อยากเล่นแล้ว พลับจึงยอมเดินขึ้นห้องด้วย
“ไปเล่นน้ำที่ไหน ทำไมเราหาไม่เจอ เราเดินหาทั่วเลยนะพีช ทีหลังอย่าทำอีก เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้เอาไปนะ”
พลับอดเป็นห่วงพี่ชายตัวเองไม่ได้ เขาฝังใจเรื่องการพลัดหลงกับพีช ในตอนที่พวกเขายังเด็กกว่านี้มาก พีชเคยหลงกับเขา และตอนนั้นพีชก็ยังไม่มีเครื่องช่วยฟัง ใช้ภาษามือไม่ได้ และอ่านหนังสือไม่ออก หลงไปไกลขอความช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ เกือบโดนรถชนเพราะไม่ได้ยินเสียงรถที่พุ่งเข้ามา ทั้งพีชและพลับต่างขวัญเสียกันใหญ่ จนพ่อแม่ต้องกำชับกับพลับว่าถ้าพีชไม่ใส่เครื่องช่วยฟังให้ดูแลพี่ชายไว้ดี ๆ
พลับทำหน้าเสีย พีชเลยเดินเข้าไปหา ต่อยไหล่น้องชายเบา ๆ เป็นการหยอกล้อ แล้วบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร สบายดี ตอนนี้โตแล้ว ดูแลตัวเองได้ดีมาก
พีชเบ้ปากใส่พี่ชาย แล้วต่อยไหล่คืนไป สองพี่น้องเดินกอดคอกันกลับห้องพัก
พอถึงห้องพัก พีชก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และขึ้นไปนอนบนเตียงข้าง ๆ กับพลับที่หลับไปก่อนแล้ว พีชมองใบหน้าของน้องชายตัวเอง แล้วก็นึกถึงกล้า อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากตัวเองแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว พีชก็กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้ากล้ารู้ว่าคนที่เขาจูบด้วยไม่ใช่พลับ แล้วกล้าอาจจะรู้สึกแย่ แต่พีชห้ามหัวใจไม่อยู่ บอกให้ตัวเองหยุดยิ้มก็ทำไม่ได้ ปากกล้านุ่มมาก ปลายนิ้วของกล้าที่เกลี่ยอยู่ตรงแก้มก็ทำให้รู้สึกดี ได้เห็นหน้ากล้าใกล้ ๆ แบบนั้นมันเขินมากเลย
พีชยกมือขึ้นมาปิดหน้า นอนคุดตัวเขินอยู่กับตัวเอง ทั้งที่บอกกับพลับว่าจะขึ้นมานอนพักผ่อน แต่กลับหลับไม่ลงเลย ได้แต่นอนจับปากจับแก้มตัวเองจนถึงเวลาที่พี่ไม้มาตามลงไปกินอาหารเย็น
“พีช วันนี้ไม่ลงไปเล่นน้ำเลยเหรอ?” พอออกมาจากห้องพัก ก็เจอหน้ากล้าที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นทักทายทันที พีชตัวแข็งทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร ทำไมกล้ายังทักทายเขาได้ปกติล่ะ ไม่เขินบ้างเลยเหรอ เพราะตอนนี้พีชเขินมาก แต่ก็มานึกขึ้นได้ว่าทำไมกล้าไม่เกิดอาการเขินอายกับเขา ก็ตอนที่พลับเดินตามออกมาจากห้องนอน
“ม พลับ...ป เป็นยังไงบ้าง” กล้าเกิดอาการหน้าแดง และพูดติดอ่างทันทีที่เห็นพลับ
“เตียงนอนสบายมาก นี่หลับไปเต็มตื่นเลย คืนนี้อยู่ได้ยาวๆ” พลับพูดพร้อมบิดขี้เกียจแล้วเดินไปทิ้งตังลงโซฟาข้างกับที่กล้านั่ง กล้ามองพลับแล้วก็ยิ้ม หน้าแดงไปหมด พีชดูเหตุการณ์นั้นแล้วก็ก้มหน้าลง ถอนหายใจกับตัวเองแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยว มองกล้าที่เอาแต่หน้าแดง จ้องน้องชายของเขาอยู่ตลอดเวลา
พอแบงก์ออกมาจากห้องนอน ทั้งสี่คนก็พากันไปกินอาหารเย็นที่ชายหาด มื้อเย็นวันนี้พี่ไม้เตรียมอาหารซีฟู้ดไว้ให้ กุ้ง หอย ปู ปลา หลากหลายน่าอร่อย แถมกล้ายังแอบสั่งแอลกอฮอล์มาดื่มด้วย พี่ไม้มองตาดุนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก ขอแค่รับปากว่าจะกินให้พอดีกับลิมิตของตัวเอง อย่าไปเป็นภาระของคนอื่นตอนเมา
“พีชนั่งแกะปูไป เดี๋ยวเราเอากุ้งไปย่างให้” พลับส่งถาดปูนึ่งไปให้พีชแกะ ส่วนเขานั้นอาสาไปปิ้งอาหารให้ เพราะเห็นว่าพี่ไม้กำลังตั้งเตาอยู่ เลยอยากจะไปยืนอยู่แถว ๆ นั้นด้วย
“งั้นเดี๋ยวกูไปช่วยพลับ แบงก์มึงก็ช่วยพีชแกะปูบ้าง อย่าเอาแต่คุยกับแฟนมากนัก”
กล้ารีบอาสาจะไปช่วยพลับทันที แล้วก็หันมาว่าแบงก์ที่เอาแต่แชทคุยกับแฟนตลอดเวลา มันคุยกันทั้งวัน มือนี่ไม่ได้ห่างจากโทรศัพท์เลย แบงก์บ่นอุบอิบเล็กน้อย แต่ก็ยอมวางโทรศัพท์ลง เอาปูนึ่งมาแกะเนื้อออก
“พี่ไม้ตั้งเตาเสร็จยังครับ” พลับถามไปยิ้มไป มองหน้าพี่ไม้ที่ดำเป็นปื้นเพราะถ่าน เห็นแล้วมันดูน่าตลกและน่ารัก อยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้
“อื้ม เสร็จแล้วแหล่ะ รอถ่านมันแดงกว่านี้อีกหน่อยก็ลงกุ้งได้เลย” ไม้พูด เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์ดังขึ้นพอดี เขายกหน้าจอขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็เดินไปคุยทางอื่น พลับมองตามตาละห้อย เห็นว่าไม้กำลังคุยโทรศัพท์ไปยิ้มไป แล้วก็หน่วงใจ พี่ไม้คงคุยกันแฟนของเขาสิท่า
“คุยกับพี่แก้มแน่ ๆ ยิ้มกว้างเชียว ตาลุงเอ้ย” กล้าล้อพี่ชายตัวเอง เพราะว่าอายุค่อนข้างห่างกัน และกล้าก็คิดว่าไม้เป็นพี่ชายที่ขี้บ่น บางครั้งเรียกไม้ว่าลุง ซึ่งถ้าไม้ได้ยินเข้าล่ะก็ กล้าก็จะโดนเขกหัวทุกที
“พี่แก้มจะมาตอนไหนเหรอ” พลับถาม แต่สายตาก็ยังคอยมองไปที่ไม้อยู่เรื่อย ๆ
“ก็คงใกล้แล้วล่ะมั้ง ตาลุงนั่นยิ้มกว้างขนาดนั้น”
“เหรอ…” พลับกัดริมฝีปากตัวเอง มองรอยยิ้มของไม้ ปกติแล้วพี่ไม้ไม่ใช่คนที่ยิ้มเก่ง แต่เพราะคนรักของเขา ที่ทำให้พี่ไม้ยิ้มได้กว้างขนาดนั้น พลับยิ้มให้กำลังใจตัวเอง บอกตัวเองว่าพี่ไม้มีความสุขเขาก็จะมีความสุขไปด้วย คิดได้แบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา แล้วหันไปคุยเล่นกับกล้า
“เอ่อ...พลับ...คือเรื่องเมื่อกลางวันน่ะ พลับ...รู้สึกยังไงเหรอ” กล้าถามตะกุกตะกัก พลับหันไปมอง เห็นว่ากล้าหน้าแดงมาก แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะไอร้อนจากเตาถ่าน พลับไม่ได้คิดอะไรกับคำถามของกล้า เพราะไม่เข้าใจว่ากล้าถามถึงเรื่องอะไร
“รู้สึกอะไรเหรอ อืม...ก็ดีนะ เตียงใหญ่ นิ่มดีด้วย” กล้ามองหน้าด้านข้างของพลับอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คิดพลับอาจเข้าใจผิดว่าเขาถามถึงที่พัก จึงรวบรวมความกล้าถามออกไปอีกครั้ง
“ไม่ใช่ๆ เราหมายถึง...ร เรื่องที่ทะเลน่ะ พลับรู้สึกยังไง”
“เรื่องอะไรอ่ะกล้า เราไม่เข้าใจ กล้าละเมอเหรอ 5555” ยิ่งพูด พลับก็ยิ่งงง เขาก็เลยนึกว่ากล้าคงฝันแล้วละเมอช่วงนอนกลางวัน ต่างกับกล้าที่ใบหน้านิ่ง เข้าใจไปอีกอย่าง กล้าเข้าใจว่าพลับคงไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน เลยทำเป็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่พลับวิ่งหนีขึ้นห้องพักไม่ใช่เพราะอายเขา แต่อาจเป็นรู้สึกไม่ดีจนต้องวิ่งหนีไป
“อืม เข้าใจแล้ว เราคงละเมอไปเอง” กล้าพูดเสียงสั่นเล็กน้อย คิดเสียใจในสิ่งที่ทำไป มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่อยากจำไว้ ในขณะที่คนข้างตัวเขาคงอยากจะลืม ๆ มันไป แต่แบบนี้มันก็คงดี เพราะพลับก็ยังทำตัวปกติกับเขา เป็นแฟนกันไม่ได้ แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้ แบบนี้ดีแล้ว ดีแล้วจริง ๆ
“กล้า เป็นอะไรรึเปล่า” เพราะน้ำเสียงของกล้า ทำให้พลับต้องหันไปมองอีกครั้ง ในตาของกล้ามีน้ำตาคลออยู่ ถึงจะไม่มากแต่ก็สังเกตุเห็นได้
“เราโอเค ไม่ต้องห่วง เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีแล้ว กุ้งนี่สุกหมดแล้ว เราเอาไปวางที่โต๊ะก่อนนะ” กล้าพูดพร้อมยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด คีบกุ้งตัวสีส้มใส่จานแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะ วางจานลงกลางวงแรง ๆ จนแบงก์ที่ยังมัวคุยกับแฟนสะดุ้งจนทำโทรศัพท์ตกมือ ไม่ได้ตั้งใจจะวางแรงขนาดนั้นหรอก แต่เหมือนมือไม้มันอ่อนแรงน่ะ พอวางจานได้เขาก็รีบเดินไปอีกทาง แต่ก็มีเสียงไอแบงก์เพื่อนตัวยุ่งตะโกนถาม
“อ้าว ไอกล้า มึงจะไปไหน ไม่กินเหรอวะ”
“เออ เดี๋ยวมากิน” พูดห้วน ๆ แค่นั้นก็รีบก้าวขาเดินออกมา กล้าขอเวลาทำใจซักหน่อย ยังตั้งตัวไม่ทันกับอาการอกหักในครั้งนี้ มันกะทันหันเกินไป ตั้งรับไม่ทันจริง ๆ เมื่อกลางวันนั้นยังเหมือนมีความหวังสุดๆ ไม่คิดเลยว่าผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ความหวังของเขามันจะสลายไปเร็วขนาดนี้
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของพีชตลอดเวลา พีชแอบอ่านปากของพวกเขาอีกแล้ว ถึงแม้มีบ้างที่บางคำ บางประโยคไม่สามารถอ่านได้ แต่พอเข้าใจว่าพลับและกล้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน พีชรู้สึกผิดที่ทำให้กล้าเสียใจ เรื่องเมื่อกลางวันพีชไม่น่าทำอย่างนั้นเลย คิดวนไปมาก็อึดอัดใจจนต้องถอนหายใจออกมา
“เป็นอะไร เบื่อเราเหรอพีช ไม่คุยล่ะ ๆ เราแกะกุ้งให้เองนะ มันร้อนเดี๋ยวลวกมือพีชหมด แหะแหะ” แบงก์รีบวางโทรศัพท์ เพราะได้ยินพีชถอนหายออกมาเฮือกใหญ่ ก็นึกว่าพีชเบื่อที่เขานั้นเอาแต่ตอบแชทของแฟนสาว พลางส่งยิ้มแห้งๆไปให้ พีชรีบส่ายหน้าและส่งภาษามือปฏิเสธ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่มีสมุดโน๊ตหรือพลับคอยเป็นล่ามให้ คนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เรื่องหรอกว่าเขาต้องการจะบอกอะไร
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง กุ้งและปูถูกแกะเอาเปลือกออกอย่างเรียบร้อย ปลาหมึกย่างถูกหั่นพอดีคำพร้อมกิน โต๊ะอาหารพร้อมแล้ว ทุกคนก็พร้อมหน้าพร้อมตา โดยเฉพาะแบงก์ที่พร้อมกิน ทำน้ำลายสอเมื่อเห็นอาหารละลานตา
“อืมหืม อาหารทะเลสดนี่มันแจ่มจริงครับพี่ไม้ กินฟรีแบบนี้เป็นพระคุณมากๆ เลยครับ” แบงก์ยัดทั้งกุ้งทั้งปลาหมึกเข้าปากแล้วก็เคี้ยว ความหวานของอาหารทะเลสด ๆ ซึมซาบในปาก เคี้ยวยังไม่ทันหมด เขาก็หันไปขอบคุณพี่ไม้ที่อยู่ด้านซ้ายมือของแบงก์
“อืม” พี่ไม้ตอบมาแค่นั้น แถมยังทำหน้าเครียด มองไปที่โทรศัพท์ตลอดเวลา จนแบงก์ได้แต่กลืนอาหารลงคออย่างฝืด ๆ แล้วยกแอลกอฮอล์ขึ้นซดตามให้ลื่นคอขึ้น พอได้รับความสดชื่นจากเบียร์เย็น ๆ แบงก์ก็คึกขึ้นมาใหม่ หันไปพูดกับกล้าที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของตัวเอง
“โอโหย เบียร์วุ้นนี่มันแจ่มมากเลยหวะกล้า มึงลอง ๆ เอ้าชน...” แบงก์ทำตัวสนุกสนานส่งแก้วไปชนกับกล้าที่มักจะเป็นลูกคู่ลูกรับให้เขาเสมอ แต่มาวันนี้กล้ากลับยื่นแก้มมาชนกับแบงก์เบาๆ แล้วยกดื่มเลย ไม่มีการส่งเสียง สร้างบรรยากาศเฮฮา จนแบงก็ตะโกนเก้ออยู่คนเดียว
“อ่ะ...เอ่อ ฝ แฝด กินมั้ย เบียร์วุ้นเย็น ๆ อร่อยนะ” แบงก์พูดเสียงอ่อนกับพีชและพลับ สองแฝดที่นั่งตรงข้ามกับแบงก์อย่างพอดิบพอดีได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วก็ส่งแก้วไปให้แบงก์เทเบียร์ให้
“รู้มั้ยว่าสองพี่น้องนี่เขาเป็นอะไรเหรอ ก่อนหน้านี้ยังเห็นดี ๆ อยู่เลยนะ” แบงก์กระซิบถามแฝด แต่ก็ตั้งใจให้กล้าและไม้ได้ยินด้วย แต่สองพี่น้องก็เงียบ คนน้องทำหน้าเศร้า คนพี่ทำหน้าเครียด แบงก์ที่นั่งอยู่ตรงกลางก็อยากจะทำหน้าร้องไห้ใส่ทั้งคู่เหมือนกัน
พีชยิ้มอ่อนให้แล้วก็หันไปมองกล้าที่เหม่อไปอีกทาง ส่วนพลับนั้นส่ายหน้า มองไปทางพี่ไม้ที่ยังคงจ้องโทรศัพท์อยู่ พลับรู้ว่าเพราะอะไรพี่ไม้ถึงได้มานั่งทำหน้าเครียดอยู่แบบนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่กล้าเดินไปแล้ว เขาก็ปิ้งปลาหมึกอยู่คนเดียว แล้วพี่ไม้ก็เดินยิ้มเข้ามาช่วย แต่ช่วยได้ไม่นาน พี่แก้มก็โทรมา ทั้งสองคนทะเลาะกัน และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จับใจความได้ว่า พี่แก้มจะไม่มาแล้วทั้งที่ไม่ได้เจอกันมานาน เนื่องจากขี้เกียจมาหาพี่ไม้ พอรู้แบบนั้น พี่แกก็เลยสติขาด เสียงดังกลับไป จนทะเลาะกันแล้วพี่แก้มก็ตัดสายใส่ พี่ไม้โทรกลับไปก็โดนบล็อคเบอร์ ใช้โทรศัพท์พลับโทรไป พอพี่แก้มรู้ว่าพี่ไม้เป็นคนโทร พี่แก้มก็บล็อคเบอร์เขาอีก พี่ไม้เลยมานั่งทะมึนอยู่อย่างนี้
“เอ้า เป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย คนหล่องงครับ คนหล่อไม่สนใจล่ะ คนหล่อขอกินก่อนล่ะกันนะครับ” แบงก์ส่ายหน้า ถึงทุกคนจะไม่รู้สึกเฮฮาไปกับเขา แต่เขาก็อาสาทำหน้าที่เป็นคนรินเบียร์ใส่แก้วให้ทุกคน รินให้บ่อยสุดก็คงเป็นกล้า เพราะรายนั้นพอแบงก์เทปุ๊บ กล้าก็ยกดื่มจนหายไปค่อนแก้วเลย แต่มีหรือที่แบงก์จะห้าม เพราะคิดว่าถ้ากล้าเมา กล้าอาจจะลุกขึ้นมาเฮฮากับเขาก็ได้ คิดได้แบบนั้นก็เลยรินให้ไม่ขาดสายเลย