[END] Twins Love รักของฝาแฝด l ตอนที่ 24 หัวใจ l 07-08-62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Twins Love รักของฝาแฝด l ตอนที่ 24 หัวใจ l 07-08-62  (อ่าน 17016 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 9 หวงเพื่อน
“พีช เราเดินไปส่งที่ห้องมั้ย” กล้าหันไปถามเพื่อนตัวเล็กของเขาที่นั่งชันเข่าทำตาปรืออยู่ข้างๆ พีชส่ายหน้าแล้วพยายามถ่างตาตัวเองขึ้นเป็นการบอกว่าไม่ง่วงแล้ว แต่กล้ารู้ว่าพีชง่วงมาก ตากลมนั้นเยิ้มแดงและปรือจะหลับตลอด แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วแต่พลับยังไม่มารับพีชสักที อาจเป็นเพราะฝนตกหนักเลยทำให้พี่ชายของเขามาส่งพลับช้ากว่าปกติ
พอเห็นว่าพช ปฏิเสธพร้อมเด้งตัวนั่งหลังตรงอีกทั้งยังทำชูไม้ชูมือเหมือนจะให้เขารู้ว่าไม่ง่วงแบบนั้นกล้าก็หัวเราะออกมาพยักหน้ารับรู้แล้วหันกลับมาเล่นเกมต่อ
“นี่เหรอคนไม่ง่วง หลับตัวเอียงเชียว”
แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งกล้าหันไปมองอีกก็เห็นว่าคนที่ทำเป็นไม่ง่วงนั้นหลับ ตัวเล็กๆ นั้นเอียงลงจนหัวจะโขกพื้นอยู่แล้ว กล้ายิ้มขำขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ให้พีชที่หลับตัวเอียงอยู่นั้นพิงเขาแทน จับหัวเล็กซบลงที่ต้นแขนแล้วกล้าก็หันกลับมาเล่นเกมต่อ
ระหว่างที่เล่นเกมอยู่นั้นตัวของพีชก็ไถลลงเรื่อยๆ จากที่ขดตัวก็เปลี่ยนเป็นนอนแผ่กับพื้น หัวที่พิงอยู่ตรงต้นแขนก็ไถลลงมาหนุนอยู่ที่ต้นขาของกล้าแทน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่กล้าหยุดเล่นเกมแล้วเปลี่ยนมานั่งมองหน้าของพีชแทน ดวงตาคมมองตามแก้มขาว ไล้มาที่ดวงตาหลับสนิท มองแพขนตายาวและตรงที่แนบไปกับผิวเนียน ปลายนิ้วที่เคยอยู่ที่จอยเกมก็เปลี่ยนมาเกลี่ยไรผมนุ่ม ทำไมรู้สึกดีจัง แค่มองหน้าพีชทำไมกล้าต้องรู้สึกดีแบบนี้ แล้วทำไมหัวใจเขาต้องพองโตขนาดนี้ด้วย
คนที่นอนหนุนตักเขาอยู่คือพีชนะ กล้าบอกตัวเองแบบนั้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิดเอาพลับมาแทนอีกรึเปล่า แต่มันก็ไม่ใช่ กล้ารู้อยู่เต็มอกว่าคนที่นอนให้เขาแอบลูบแก้มอยู่นี่คือพีชและเพราะรู้ว่าเป็นพีชไง...กล้าถึงรู้สึกดีขนาดนี้
นั่งมองหน้าพีชสักพักกล้าก็คิดว่าควรปลุกให้พีชไปลงไปนอนที่ห้องตัวเองได้แล้ว มานอนหนุนตักเขาแบบนี้เดี๋ยวจะปวดตัวเอา
“พีช กลับไปนอนที่ห้องมั้ย เดี๋ยวเราไปส่ง” พูดพร้อมเขย่าตัว ถึงพีชจะไม่ได้ยินแต่ก็รับรู้ถึงแรงเขย่าตรงหัวไหล่ เขาเห็นคนตัวเล็กปรือตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาตัวของกล้า ยิ่งเขย่าตัวพีชก็ยิ่งซุกตัวเข้าหาหน้าท้องเขาจนกล้ารู้สึกขนลุกแล้วหยุดปลุกคนขี้เซา การที่พีชมานอนซุกหน้าท้องเขาแบบนี้มันเป็นภาพที่ทำให้กล้าคิดดีไม่ได้เลย กล้าเม้มปากยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองไล่ความคิดไม่ดีๆ ออกไปจากหัว ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวพีชออกใช้สองมืออุ้มตัวพีชขึ้นแล้ววางลงบนฟูก ดึงหมอนมาหนุนคอแล้วจัดท่าให้นอนดีๆ แล้วคลุมผ้าห่มให้ กล้าเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเอง เพื่อจะบอกพลับว่าพีชหลับอยู่ที่ห้องเขา แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมก็แบตหมดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ กล้าเลยต้องใช้โทรศัพท์ของพีชแทน
ลับหลังกล้าที่ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่ปลายฟูกนอน คนที่นอนหลับตามาตลอดก็แอบหรี่ตามองเล็กน้อย เม้มปากพยายามกลั้นยิ้มแล้วหลับตาลงเหมือนเดิมเมื่อกล้าขยับกลับมานั่งที่เดิม พีชไม่ได้ตั้งใจหลอกกล้านะ คือก่อนหน้านี้ก็เผลอหลับไปจริงๆ นั่นแหละ แต่เพิ่งมาตื่นตอนที่กล้าอุ้มพีชขึ้น ตอนนั้นกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ แอบหลุดยิ้มไปนิดหนึ่งด้วยแต่ดีที่กล้าไม่ได้สังเกตเห็น
“ขออนุญาตนะพีช” กล้าจับมือของพีชมาสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ และเมื่อปลดล็อกโทรศัพท์สำเร็จ ตัวเครื่องเปิดให้เห็นตัวแอปพลิเคชันที่เจ้าของเครื่องเข้าแล้วไม่ได้กดออกไว้ก่อนหน้านี้ มันคือหน้าแชทของพลับ ทำให้กล้าได้เห็นบทสนทนาที่สองพี่น้องคุยกันก่อนหน้านี้
“อา!”
“เฮ้ยพีช” กล้าตกใจจนร้องออกมาเมื่อพีชที่นอนหลับอยู่นั้นลุกขึ้นนั่งและแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเขาอย่างรวดเร็ว พีชรีบกดออกจากหน้าแชทนั้นแล้วเงยหน้ามองกล้าอีกทั้งยังขยับตัวเขามากอดกล้าพร้อมทั้งลูบหลังปลอบใจ กล้าที่ยังงงกับสถานการณ์นั้นก็นั่งนิ่งให้พีชลูบหลัง
‘กล้าไม่ต้องเสียใจนะ อย่าคิดมาก’
พีชผละออก รัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์แล้วส่งให้กล้าอ่าน พีชตกใจมากเลย ตอนที่หรี่ตาจะแอบมองแล้วดันเห็นว่ากล้ากำลังอ่านแชทนั้นอยู่พอดี พีชไม่อยากให้กล้าอ่านเลยเพราะหากรู้ว่าคืนนี้พลับไม่กลับ กล้าต้องกลับไปเศร้าอีกแน่ๆ แต่ห้ามก็คงไม่ทันแล้วกล้าได้เห็นไปแล้ว พีชก็เลยต้องปลอบแทน
“หึหึ เป็นห่วงเราเหรอ”
พีชอ่านปากแล้วพยักหน้า มือก็ลูบไหล่ปลอบไม่หยุด หากกล้าร้องไห้แบบวันนั้นอีกพีชคงจะร้องไห้ตามแน่
กล้ายิ้มบางๆ มองหน้าพีชที่ทำหน้าเสียใจแทนเขา มองมือน้อยๆ ที่ลูบไหล่ปลอบใจเขา ตอนนี้เขาควรจะเสียใจใช่มั้ย ควรจะรู้สึกแย่รึเปล่า แต่กล้ากลับไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยและกล้าก็รู้ด้วยว่าเป็นเพราะอะไร...เพราะคนตรงหน้าเขานี่ไง
“งั้น...ปลอบเราหน่อยนะ”
กล้าแกล้งทำหน้าเศร้าแล้วอ้าแขนออก เท่านั้นพีชก็โผเข้ามากอดเขาแล้ว ทั้งลูบหลังทั้งทำส่งเสียงอืออาเหมือนพูดปลอบเขานี่อีก น่ารักมากเลย กล้าลอบยิ้มซบหน้าลงกับหัวไหล่บอบบางเพื่อดมกลิ่นลูกพีชหอมๆ ที่ให้กอดเนี่ยไม่ใช่ว่ากล้ารู้สึกเสียใจนะ แค่อยากโดนคนใจดีคนนี้กอดเฉยๆ
“ขอบใจนะ เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ถ้าเราเสียใจอีกพีชต้องกอดเราแบบนี้นะเราจะหายเศร้าทันทีเลย” กล้าบอกช้าๆ ให้พีชอ่านปากได้ คนตัวเล็กก็พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เรื่องอะไรที่พีชทำแล้วกล้าจะหายเศร้านะ บอกพีชมาได้เลย เขายอมทำหมด ยิ่งถ้าให้กอดแบบนี้นะพีชยิ่งอยากทำให้บ่อยๆ หรือต่อให้กล้าไม่เสียใจพีชก็อยากจะทำ ได้กอดคนที่ชอบแบบนี้ถือเป็นกำไรหัวใจของพีชมาก
“ตื่นแล้วนี่ จะกลับห้องมั้ยเดี๋ยวเราไปส่ง”
มือที่ลูบไหล่กล้าอยู่นั้นหยุดทันที ก่อนหน้านี้แกล้งหลับต่อเพราะพีชจะเนียนนอนที่ห้องกล้าไง แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็แกล้งหลับต่อไม่ได้แล้วล่ะสิ ต้องกลับไปนอนคนเดียวจริงๆ เหรอ พีชไม่ชินกับการที่ต้องนอนคนเดียวเลย ตั้งแต่จำความได้ก็นอนกับพลับมาตลอด พอคิดว่าต้องนอนคนเดียวใจมันก็หวิวๆ กลัวๆ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากกลับห้องตัวเองเหรอ”
พีชอ่านปากแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ ไม่ใช่ไม่อยากกลับห้องตัวเองหรอก ไม่อยากนอนคนเดียวมากกว่า แต่จะทำยังไงให้ได้นอนห้องนี้ล่ะ ก็คงต้องทำเป็นง่วงจนเดินไม่ไหวไง พอคิดไปพีชก็อ้าปากหาวแล้วทำหน้างัวเงียเหมือนง่วงมากมายขึ้นมาทันที ทิ้งตัวนอนลงไปบนฟูกแล้วหลับตา กล้ามาสะกิดพีชก็ไม่ลืมตาดูเลยนอนนิ่งเหมือนคนที่หลับไปแล้วจริงๆ หากกล้าอยากให้เขากลับไปนอนที่ห้องก็คงต้องอุ้มไปแล้วแหละ
เห็นพีชทำท่าทางแบบนั้นกล้าก็หลุดหัวเราะออกมา ทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร กล้าเขย่าตัวพีชเท่าไรก็ไม่ยอมลุกมาเนี่ยคือจะนอนห้องเขาใช่ไหม กล้ายิ้มแล้วส่ายหน้ามองคนที่แอบหรี่ตามองแล้วพอเห็นว่าเขามองอยู่ก็รีบหลับตาลงตามเดิม มันน่าจับขยำจริงๆ เลย สุดท้ายกล้าก็ต้องยอมให้พีชนอนด้วย กล้าลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วมายืนใส่แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า เหลือบตามองคนที่ทำเป็นหลับแล้วยิ้มขำ คนหลับที่ไหนลืมตาแป๋วจ้องกล้ามเขาแบบนี้ล่ะ
พีชที่แอบมองอยู่นั้นเสียดายเล็กน้อย ปกติกล้าจะใส่แค่กางเกงตัวเดียวไม่ใช่เหรอแล้วทำไมคืนนี้กล้าดันใส่เสื้อนอนล่ะ เพราะมีเขามานอนด้วยเหรอ พีชอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องเกรงใจเขาก็ได้ จะถอดเสื้อนอนตามปกติที่กล้าชอบทำพีชก็ไม่มีปัญหาเลย เพราะพีชอยากมอง...ไม่ใช่สิ เพราะพีชอยากให้กล้านอนได้สบายๆ ตังหากเล่า
“ไหนบอกง่วงไง ทำไมไม่นอนล่ะ”
กล้าแกล้งเย้า พีชอ่านปากแล้วก็รีบหลับตาปี๋ทันที มัวแต่จ้องกล้ามหน้าท้องของกล้าจนลืมแกล้งหลับไปเลย ลืมตาขึ้นมาอีกทีกล้าก็ปิดไฟแล้วมาล้มตัวนอนข้างๆ เขาแล้ว ห้องกล้ามีผ้าห่มแค่ผืนเดียวเลยต้องแบ่งกันห่ม พีชเลยจำเป็นต้องขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ ให้ผ้าห่มคลุมได้ทั้งทั้งสองคน กล้าเองก็ขยับเข้ามาพอดีทำให้แขนของทั้งสองคนสัมผัสกันเล็กน้อย พีชแอบยิ้มชอบเวลาที่กล้ามาโดนตัวเขามากที่สุด ตัวของกล้าอุ่นพีชอยู่ใกล้แล้วก็รู้สึกอุ่นตาม
ผ่านครึ่งคืนในตอนที่ทั้งสองคนหลับสนิทแล้ว พีชที่เป็นคนนอนติดกอดก็กลิ้งตัวเข้าไปเบียดกล้าซุกหน้าเข้ากับต้นแขนอุ่นแล้วตวัดขาก่ายคนตัวใหญ่เอาไว้ตามความเคยชินที่ชอบทำกับน้องชายตัวเอง ส่วนกล้าพอมีอะไรนิ่มๆ หอมๆ เข้ามาซุกก็เผลอดึงเข้ากอดเอาไว้เหมือนกอดตุ๊กตาที่มีขนาดพอดีกับอ้อมแขนของเขา
ในตอนเช้ากล้าเริ่มรู้สึกตัวตื่น แต่อาการสะลึมสะลือก็เล่นงานจนลืมตาไม่ขึ้น รู้สึกได้ว่าตุ๊กตานุ่มนิ่มที่อยู่ข้างตัวนี้กำลังขยับออก เขาก็เลยใช้สองมือดึงมากอดไว้เหมือนเดิม ปลายจมูกโด่งคลอเคลียกับ เส้นไหมนุ่มที่มีกลิ่นหอมของลูกพีช
พีชนอนตัวแข็งทื่อ ก่อนหน้านี้พีชตื่นมาก็พบว่าตัวเองมานอนก่ายกล้าอยู่ตามความเคยชินที่ชอบนอนก่ายพลับ เลยค่อยๆ ยกขาออกจากสะโพกของเพื่อนแล้วดันตัวเองออกอย่างช้าๆ แต่ก็โดนดึงไปกอดใหม่ เท่านั้นยังไม่พอกล้ายังมาหอมหัวเขาอีก หัวใจดวงน้อยเต้นรัวและดังเหมือนเสียงกลองไม่กล้าขยับตัวออกได้แต่ซุกหน้าเข้ากับแผงอกล่ำๆ แล้วนอนยิ้ม วันนี้ต้องวันที่ดีของพีชแน่นอนเพราะตื่นมาก็เจอเรื่องที่ทำให้ยิ้มไม่หุบแบบนี้แล้ว พีชอยากย้ายมานอนกับกล้าทุกคืนเลย
“อะ…”
พีชนอนนิ่งๆ ให้กล้ากอด สักพักก็รู้สึกได้ว่าฝ่ามือที่กอดเอวเขาอยู่นั่นเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบขึ้นลงแล้วสอดเข้าไปใต้ไล้ผิวของเขา พีชเงยหน้ามองเพราะคิดว่ากล้าตื่นแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่กล้ายังหลับตาเหมือนเดิมไม่ได้มีท่าทีว่าเป็นคนตื่นแล้วเลย กล้าสอดมือเข้ามาลึกขึ้นพีชก็ตกใจส่งเสียงร้องออกไปแล้วดันตัวออกเพราะตกใจ ใบหน้าแดงขึ้นมา พร้อมทั้งพยายามส่งเสียงเรียกคนที่หลับอยู่ โดยที่พีชไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงที่ตัวเองเปล่งออกไปนั้นมันแผ่วเบาและยั่วเย้าคนที่กำลังนอนละเมออยู่ขนาดไหน
“อา อะ”
เสียงแผ่วที่ดังอยู่ใกล้หูนั้นปลุกอารมณ์กล้าไม่น้อยเลย แล้วยิ่งช่วงเช้าแบบนี้เป็นอะไรๆ ของเขาก็ตื่นง่ายมาก ตื่นเต็มที่ก่อนที่เจ้าของจะลืมตาเสียอีก กล้าไล้ฝ่ามือตัวเองไปตามผิวนุ่มๆ ทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้นแต่ก็เริ่มเอะใจว่าตุ๊กตาส่งเสียงร้องได้ด้วยเหรอ ตุ๊กตามีผิวสัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลูบเพลินมือแบบนี้เหรอ และที่สำคัญคือเขามีตุ๊กตาที่มีกลิ่นหอมแบบนี้ด้วยเหรอ ปลายจมูกซุกไซ้หาที่มาของกลิ่นหอมแล้วก็เจอตรงส่วนที่มีกลิ่นชัดเจนที่สุด กลิ่นหอมๆ นี้ กล้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เป็นกลิ่นหวานละมุนเหมือน...ลูกพีช
พีช!
กล้าลืมตาตัวเองขึ้นทันที เมื่อนึกชื่อของใครคนหนึ่งออกและจำได้ว่าคนคนนั้นได้มานอนกับเขาเมื่อคืนนี้ และนั้นทำให้กล้ารู้ทันทีว่าตุ๊กตาตัวที่เขากอดอยู่นี่คือพีชตังหาก
กล้าเด้งตัวออกลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จนคนที่โดนกอดนั้นก็ตกใจตามรีบลุกขึ้นนั่งมองกล้าที่กระถดตัวออกห่างพร้อมรัวคำพูดอะไรบางอย่างซึ่งพีชอ่านปากไม่ทัน และกล้าก็ไม่พูดซ้ำ เขามองกล้าที่รีบลุกขึ้นแล้วเข้าห้องน้ำไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงแต่พีชก็อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อเห็นประตูห้องน้ำถูกเหวี่ยงอย่างแรง เดาได้เลยว่าคงจะเสียงดังมากแน่ ๆ
“ฉิบหาย ฉิบหาย ฉิบหายแล้ว!” ทันทีที่เข้าห้องน้ำมากล้าก็พูดคำเดิมซ้ำๆ ยกมือขึ้นทึ้งเส้นผมตัวเอง กล้าเข้าใจว่าพีชเป็นตุ๊กตาก็เลยขยำไปเสียเต็มไม้เต็มมือเลย เขาคิดแบบนั้นไปได้อย่างไรทั้งที่ในห้องเขาไม่เคยมีตุ๊กตาอยู่เลย อยากจะตบหัวตัวเองนัก แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่าเจ้าน้องชายของเขาดันตื่นตัวเสียได้ กล้าก้มมองตรงส่วนนั้นที่มันตั้งลำจนดันกางเกงนอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด กล้าถอนหายใจแล้วภาวนาว่าขออย่าให้พีชเห็นเลย ไม่งั้นกล้าคงเข้าหน้าไม่ติดแน่ ๆ
ทางฝั่งของพีชหลังจากที่กล้าเข้าห้องน้ำไปแล้ว พีชก็งอตัวและซุกหน้าลงบนเตียงของกล้า สองมือกอบกุมไปตรงส่วนอ่อนไหวของตัวเอง ในหัวมีแต่คำว่า ‘แย่แล้ว แย่แล้ว’ เต็มไปหมด กลัวว่าสาเหตุที่ทำให้กล้าเด้งตัวออกแบบนั้นเป็นอาการตื่นตัวของพีช เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่โดนคนที่ชอบมากอดมาลูบใครมันจะไม่เกิดอารมณ์บ้างล่ะ แล้วพีชก็ชอบกล้ามากๆ ก็เลยทำให้มีอารมณ์มากๆ ตามไปด้วย พีชถูไถแก้มแดงตัวเองกับฟูกนอนพยายามไม่คิดอะไรเพื่อสงบสติและอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของตัวเองไว้ ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้กล้าสังเกตเห็นเลย เพราะพีชก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร
“พีช...ไม่ไปอาบเหรอ” กล้าที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ สะกิดพีชที่นอนงอตัวอยู่ให้เงยหน้าขึ้นมามอง พีชมองกล้านิ่งๆ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ ระหว่างนั้นกล้าก็มองแล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำ กลัวว่าประโยคที่พีชกำลังพิมพ์อยู่นั้นเป็นคำถามที่เขาไม่อยากตอบ
‘เมื่อกี้นี้กล้าเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมจู่ๆ ก็วิ่งเข้าห้องน้ำ’
“อ่า...ปวดฉี่น่ะ จะราดแล้วก็เลยต้องรีบ” กล้าโกหกไปคำโต คำถามที่พีชถามาทำให้เขารู้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แล้วก็โล่งใจมากขึ้นเมื่อพีชอ่านปากแล้วยิ้มแย้มออกมาหลังรู้คำตอบของเขา ท่าทางแบบนั้นแสดงว่าไม่รู้สินะว่าเขาเป็นอะไร
ไม่ใช่แค่กล้าที่โล่งใจ พีชก็โล่งใจมากเมื่อกล้าตอบมาแบบนั้น ดีแล้วแหละที่กล้าไม่รู้ พีชยิ้มกว้างค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเมื่อมั่นใจว่าเจ้าน้องน้อยของตัวเองนั้นสงบลงแล้ว เดินกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน
ระหว่างที่เดินไปเรียนกล้าก็เห็นว่ายังมีเวลาเหลือเยอะ ก็เลยพาพีชไม่นั่งกินข้าวที่โรงอาหาร ทั้งคู่แยกกันไปซื้อข้าวและน้ำ จากนั้นก็กลับมานั่งด้วยกันที่โต๊ะ
“ไอ้กล้า เห้ย...ไม่ได้เจอกันโคตรนาน นี่ขนาดอยู่มหา’ ลัยเดียวกันนะเนี่ย” กล้าหันไปตามเสียงแล้วก็เจอกับเฟมเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันหรอกแต่รู้จักกันก็เพราะไปเล่นยิมที่เดียวกัน เวลาไปยิมก็จะได้เล่นด้วยกันบ่อยๆ เลยสนิทกันขึ้นมา
“โห กล้ามมึงโคตรแน่น ต่างกับไอ้กุ้งแห้งตอนมอปลายลิบลับเลยนะมึง” กล้าชมตีเข้าที่หัวไหล่ของเพื่อน เฟมก็หัวเราะแล้วอวดกล้ามตัวเองที่ขยันปั้นอย่างสม่ำเสมอ
“มึงก็เหมือนกันแหละ หนุ่มตุ้ยนุ้ยคนนั้นหายไปไหนแล้ววะ”
“นั่นมันเป็นอดีตเว้ย รีบไปไหนรึเปล่า นั่งกินข้าวด้วยกันก่อนดิ”
พอกล้าชวนเฟมก็นั่งลงแล้วพูดกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานาน พีชที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ตั้งอกตั้งใจอ่านปาก ยิ่งได้รู้ว่าคนนี้คือเพื่อนของกล้าก็รีบส่งยิ้มให้แล้วคอยมองปากว่าทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกัน พีชอยากรู้เรื่องของกล้าเยอะๆ อยากรู้ว่าก่อนที่จะรู้จักกันกล้าเป็นคนแบบไหนมาก่อน
“นี่เพื่อนมึงป่ะวะ นั่งเงียบเชียว”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
พีชที่คอยอ่านปากอยู่ก็ยิ้มกว้างพยักหน้าบอกว่าเป็นเพื่อนของกล้า ส่วนกล้าที่กำลังจะหันไปแนะนำแต่พอเห็นพีชกำลังฉีกยิ้มสวยๆ ให้เฟมแล้วเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อยขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมพีชต้องยิ้มกว้างขนาดนั้น ไปถูกใจอะไรเฟมเข้ารึเปล่า แล้วกล้าก็นึกขึ้นได้ว่าพีชเป็นคนชอบกล้ามเนื้อ แล้วกล้ามไอเฟมเนี่ย สวยและแน่นกว่ากล้ามเขาเสียอีก พีชคงจะชอบมากแน่ๆ แค่คิดกล้าก็หงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิมทันที คิดกับตัวเองในใจว่าต้องใช้เวลานานกว่าเดิมในฟิตเนสเสียแล้ว
ส่วนพีชก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้ใครบางคนไม่พอใจอยู่ ที่พีชยิ้มแบบนี้ก็เพราะอยากให้กล้าเห็นว่าพีชเข้ากับเพื่อนของกล้าได้ดี อยากทำตัวดีๆ ให้กล้าได้เห็นก็แค่นั้น โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มของตัวเองไปถูกใจใครบางคนแถวนั้นด้วยเหมือนกัน
“เออ...เพื่อนกูเอง ชื่อพีช มึงอ่ะไปได้แล้วมั้ง มัวแต่คุยกับมึงกูไม่ได้กินข้าวเสียที” กล้าตอบเสียงแข็ง เริ่มไล่เพื่อนตัวเองไปด้วยหาข้ออ้างอื่นมา เฟมงงแต่ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี เพราะว่าเขาก็มีธุระที่ต้องไปทำเช่นกันแต่ก่อนที่เดินจากไปนอกจากจะโบกมือลาเพื่อนตัวเองแล้วก็หันไปโบกมือลาพีชแล้วยิ้มให้อีกตังหาก พีชเองก็ดันไปโบกมือหย็อยๆ กลับไปทำให้กล้ารู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
ทั้งคู่นั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารพร้อมทั้งนั่งแบงก์และพลับอยู่ที่นั่นด้วย พีชเริ่มรู้สึกตัวว่ากล้าอารมณ์ไม่ดี เพราะว่าแบงก์พูดอะไรไป กล้าก็หันไปทำหน้าตาน่ากลัวใส่แถมชอบมองมาทางพีชด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเล็กน้อย เท่านั้นพีชก็รู้แล้วว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้กล้าหงุดหงิด ช่วงเช้าที่เรียนพีชก็เลยนั่งทบทวนว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้กล้าไม่พอใจตอนไหน จะคิดว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนตื่นนอนก็ไม่ใช่เพราะหลังจากนั้นกล้ายังดูอารมณ์ดีอยู่เลย เพิ่งจะมาอารมณ์ไม่ดีตอนที่เจอเพื่อนที่ชื่อเฟมนี่เอง แต่คิดเท่าไรพีชก็ไม่รู้ว่าไปทำตัวไม่ดีตอนไหน แต่พีชก็คิดว่าขอโทษไว้ก่อนดีกว่า เผื่อกล้าจะได้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง
‘เราทำอะไรให้กล้าไม่พอใจหรือเปล่า ขอโทษนะ’
กล้ามองสมุดโน๊ตที่พีชส่งมาให้อ่านแล้วก็มองตากลมที่มีแววไม่สบายใจอยู่ กล้าถอนหายใจอยากจะต่อยตัวเอง เขาไม่ได้อยากให้พีชรู้สึกไม่สบายใจหรือแสดงอาการหงอยๆ แบบนี้ พีชไม่ผิดอะไรเลย พีชก็แค่ยิ้มให้เพื่อนเขาแค่นั้น กล้าก็แค่หงุดหงิด ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องไม่สบอารมณ์แบบนี้
‘ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เมื่อกี้ปวดหัวนิดหน่อย’ กล้าเขียนตอบเลือกที่จะโกหกออกไป ปัดเรื่องน่าหงุดหงิดนั้นออกจากหัวมองพีชที่รีบเขียนตอบกลับมา เพราะกังวลว่ากล้าจะติดไข้พีชรึเปล่า กล้ามองดูแล้วก็ยิ้มพลางเอื้อมมือไปลูบหัวของพีช ขยี้เส้นผมนุ่มจนฟูไม่เป็นทรงแล้วก็ยิ้มให้ พีชเองก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน กล้าอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อเห็นแบบนั้น ก็รอยยิ้มที่พีชยิ้มให้เขาน่ะ มันหวานกว่าที่ยิ้มให้เฟมเสียอีก
‘เราก็นึกว่า เราทำอะไรให้กล้าไม่พอเสียอีก ตกใจหมดเลย’
“แฮะ แฮะ แฮะๆ”
พีชรีบเขียนแล้วยื่นให้อีกคนหนึ่งอ่าน ทำท่าหัวเราะออกมาเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเปล่งเสียงออกไปด้วย พลับที่นั่งก้มหน้าวาดภาพอยู่หันไปมองตั้งใจว่าจะเตือนพี่ชายตัวเอง แต่กล้าก็ห้ามไว้แล้วปล่อยให้พีชหัวเราะไป ยกมือขึ้นจิ้มแก้มกลมๆ นั้น แล้วหัวเราะตาม พีชหัวเราะได้น่ารักขนาดนี้กล้าจะไปโกรธลงไปยังไงล่ะ
แต่คนที่ทำให้กล้าโกรธน่ะคือเฟมตังหาก ในตอนเย็นกล้าก็พอพีชลงมากินข้าวตามปกติ แต่วันนี้มันบังเอิญเกินไป นั่งรอข้าวอยู่ดีๆ ไอเพื่อนตัวดีมันก็เดินหน้าระรื่นเข้ามาทักทาย กล้าทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เพื่อนตัวเอง เฟมก็ไม่รู้เรื่องหันไปยิ้มให้พีช จนกล้าขุ่นข้องหมองใจขึ้นมา แถมยังถือวิสาสะดึงเก้าอี้จากโต๊ะอื่นมานั่งข้างพีชอีกตังหาก
“บ้านมึงอยู่แถวนี้ไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่กลับไปกินข้าวบ้านวะ”
“กูต้องอยู่ทำงานกลุ่มอ่ะดิ คิดว่าคงกลับดึกเลยออกมาหาอะไรกินก่อน ขอนั่งกินด้วยนะครับ”
ท้ายประโยคเฟมหันไปพูดกับพีช เพื่อนตัวเล็กของเขาก็พยักหน้าหงึกหงักขยับที่ให้อย่างกระตือรือร้น กล้าขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นกอดอกมองเฟมที่พูดกับพีชอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเงียบจัง ไม่อยากพูดกับเราเหรอ”
พีชอ่านปากแล้วรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดนะแต่พูดไม่ได้ตังหาก พีชมองกล้าเล็กน้อยเห็นว่าคนตัวสูงทำสีหน้าไม่พอใจเท่าไร ก็เลยนึกว่ากล้าคงไม่พอใจที่เขาไม่ยอมตอบเพื่อนเขาดีๆ เลยรีบหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาเขียนอธิบายสั้นๆ ให้เฟมได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง ก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้ เพราะกลัวว่าเฟมจะรู้สึกไม่ดีที่มารู้จักคนพิการแบบเขา
‘เราหูตึง ไม่ได้ยิน เลยพูดไม่ได้’
พีชมองเฟมที่นิ่งไป หันไปขอความช่วยเหลือจากกล้า ให้อธิบายให้หน่อยเพราะถึงแม้จะพูดไม่ได้แต่ก็สื่อสารทางอื่นได้ กล้ามองแล้วก็ถอนหายใจ วานให้พีชไปซื้อน้ำให้หน่อยแล้วเขาจะคุยให้ พีชพยักหน้ายอมลุกไปแต่โดยดี ในใจก็นึกหวั่น พีชเห็นว่ากล้าทำหน้าไม่พอใจเท่าไร คงเป็นเพราะพีชไปทำให้เพื่อนของกล้ารู้สึกไม่ดีแน่ๆ
“มึงจะอึ้งอะไรขนาดนั้นวะ พีชเสียใจหมด” กล้าไม่ชอบใจเลยที่เฟมแสดงท่าทีแบบนี้ ก็แค่ไม่ได้ยิน แต่พีชของเขาก็ยังสื่อสารทางอื่นได้ ไอ้เฟมมันก็ทำท่าตกใจเว่อเกินไป
“กูคิดว่าจะจีบเขา แต่เป็นแบบนี้แล้วจะคุยกันยังไงให้รู้เรื่องวะ” กล้าคิ้วกระตุก เมื่อครู่นี้เพื่อนของเขาบอกว่าอะไรนะ จะจีบพีชเหรอ ไอ้เฟมมันเป็นพวกกะล่อนแล้วก็เป็นไบด้วย ตอนนี้อาจชอบพีชแต่พอมันเจอคนที่ถูกใจคนใหม่ มันต้องทิ้งพีชแน่ๆ กล้าไม่ให้จีบหรอกเว้ย!
“เออ มึงจีบไม่ได้หรอก ตัดใจไปเถอะ”
“แต่น่าเสียดายนะ ขาวๆ นิ่งๆ แบบนั้นเสป๊กกูเลย...ปกติพวกมึงคุยกันยังไงวะ”
“ไอโง่ ก็สมุดในมือมึงนั่นไง พีชแค่ไม่ได้ยินไม่ได้เป็นง่อย เขาเขียนได้”
เฟมดูสมุดแล้วชะงักไปเล็กน้อย ถึงจะแอบเสียดายในใจเพราะคนที่เขาถูกใจตั้งแต่เห็นครั้งแรกดันกลายเป็นคนพิการไปเสียได้แบบนี้คงคุยกันลำบาก เกือบคิดว่าจะถอดใจเสียแล้ว แต่เห็นรอยยิ้มบางๆ ของพีชก็ทำให้เฟมกลับใจอีกครั้ง เขาถูกใจหน้าตาของพีชจริงๆ ยิ่งเห็นยิ้มแบบนั้นก็ยิ่งน่ารัก ในตอนนี้เฟมคิดว่าพิการก็ไม่เป็นไร เฟมมั่นใจว่าตัวเองปรับตัวได้
ส่วนกล้าก็รู้ว่าตัวเองพลาดไปเสียแล้ว เขาไม่น่าไปบอกช่องทางการคุยกับพีชให้ไอ้เฟมได้รู้เลย ให้มันเข้าใจไปว่าคุยกับพีชไม่ได้ก็จีบไม่ได้ มันจะได้ล้มเลิกความตั้งใจไป กล้ายกมือขึ้นกอดอกในหัวก็คิดว่าทำยังไงให้เฟมถอดใจดี
พีชวางยื่นน้ำปั่นให้กล้า แล้วนั่งลงช้าๆ ส่งสายตาถามว่าคุยกันเรียบร้อยแล้วรึยัง แต่กล้าก็หันหน้าหนี ท่าทางแบบนั้นหมายความว่าอะไร พีชไม่สบายใจเลย พีชหันมามองหน้าเฟมแล้วยิ้มให้ โค้งหัวลงเล็กน้อยเพื่อบอกขอโทษ...ขอโทษที่พิการ
‘เราเข้าใจ เขียนคุยกันแบบนี้ก็ได้’
เฟมมองหน้าพีชยกมือขึ้นลูบไหล่อย่างเข้าใจแล้วเขียนตอบกลับไป พีชอ่านแล้วก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันที กล้าที่มองอยู่เงียบๆ ก็ทนไม่ไหวต้องเหลือบตามองว่าทั้งสองนั้นคุยอะไรกัน พอจับใจความเรื่องที่คุยได้กล้าก็แทบจะทุบโต๊ะ เจอกันไม่ทันไรสองคนนี้ก็แลกช่องทางการติดต่อกันเสียแล้ว
‘อันนี้ร้านน้องสาวเรานะ พีชเลือกได้เลย กี่เล่มก็ได้’
เฟมแนะนำร้านเครื่องเขียนออนไลน์ของน้องสาว เขาเห็นว่าพีชเลือกใช้สมุดโน๊ตแทบการพิมพ์ในโทรศัพท์ที่คิดว่าสะดวกกว่า แต่พอพีชอธิบายว่าชอบสมุดเล่มเล็กๆ เฟมก็เห็นช่องทางตีสนิทก็เลยแนะนำร้านให้ แถมยังทำใจป๋าให้พีชเลือกสมุดได้เท่าที่ต้องการโดยที่เฟมไม่คิดจะเก็บเงินเลยด้วย
‘เราอ่านปากได้ เฟมจะได้ไม่ต้องลำบากเขียน’ พีชบอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนของกล้าเขียนยิกๆ จนพีชอ่านแทบไม่ออก เฟมหัวเราะแล้วก็เปลี่ยนไปพูดแทนพร้อมทั้งแนะนำร้านเครื่องเขียนออนไลน์ที่น้องสาวของเฟมทำเป็นอาชีพเสริมอยู่ คราวนี้เฟมก็ดันพูดรัวเกินไปจนพีชอ่านปากไม่ทันอีกทั้งยังก้มหน้าพูดแบบนี้ พีชยิ่งไม่รู้เรื่องไปใหญ่
“ไอ้เชี่ยเฟม พูดช้าๆ ให้พีชเห็นปากมึงชัดๆ หน่อย แล้วก็พูดให้จบก่อนแล้วค่อยให้พีชดู”
กล้าตบหัวเพื่อนตัวเองแล้วแนะนำ เขาเห็นพีชก้มๆ เงยๆ อ่านปากเฟมไปพร้อมกับการดูของในหน้าจอโทรศัพท์ เห็นพีชทำหน้าเอ๋อแบบนั้นก็ดูรู้แล้วว่าคงอ่านปากไม่ทัน กล้าไม่พอใจหรอกที่ที่จะจีบพีชแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากขัดเพราะรู้ว่าพีชชอบสมุดแบบนั้น เลยปล่อยให้ดูไปทั้งใจของเขามันขุ่นมัวอย่างมาก
พีชเหลือบตามองกล้าเป็นระยะ เห็นอย่างชัดเจนเลยว่ากล้าไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่ พีชชวนดูสมุดด้วยกล้าก็ไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว
“ไปก่อนนะพีช เดี๋ยวจะรีบเอาสมุดมาให้เลย”
พีชยิ้มบางๆ แล้วโบกลาเฟม ดูอีกฝ่ายที่เดินถอยหลังพลางโบกมือให้เขาจนพีชกลัวว่าเดี๋ยวจะไปเดินชนใครเข้า
กล้ามองหน้าระรื่นของเฟมที่เดินถอยหลังพลางยิ้มให้พีชของเขา แล้วก็รู้สึกว่าอยากแช่งให้ไปเดินเหยียบเท้านักเลงแล้วโดนกระทืบสักทีเถอะ นี่ก็อีกคนจะยืนโบกมือให้มันไปถึงไหน กล้าอยากกลับห้องจะแย่แล้วเนี่ย อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์
กล้ากระตุกมือพีชให้หันมาหา แล้วก็ขมวดคิ้วทันทีที่เห็ชว่าพีชทำหน้าหงอยใส่เขา เมื่อกี้พีชยังยิ้มให้ไอเฟมอยู่เลยแล้วทำไมกับเขาไม่ยิ้มให้แบบนั้นบ้างล่ะ พีชชอบเฟมจริงๆ ด้วยสินะ
กล้าเป่าลมออกจากปากอย่างอึดอัดใจ ดึงมือพีชข้ามถนนแล้วเดินขึ้นหอพัก ระหว่างที่เดินไปส่งพีชที่ห้อง กล้าก็รับรู้ตลอดว่าคนด้านหลังกระตุกเสื้อเขาเป็นพักๆ พอกล้าไม่ยอมหันไปก็เปลี่ยนเป็นส่งเสียงเรียกแทน
“อา อา…”
พีชตะเบ็งเสียงดังขึ้นแล้วกระตุกเสื้อกล้าแรงๆ จนต้องหันไปมอง ภาพตรงหน้าทำให้กล้ารู้สึกอึกอัดใจมากกว่าเดิม พีชทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย ริมฝีปากบางสีระเรื่อนั้นเบะลงเล็กน้อย ดวงตากลมก็คลอหยาดน้ำใสบางๆ
‘กล้าโกรธเราเรื่องอะไร เราขอโทษ อย่าโกรธเรานะ’
อารมณ์ไม่พอใจก่อนหน้านี้เริ่มจางไปแต่แทนที่ด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่ได้อยากให้พีชรู้สึกแย่ พีชยอมขอโทษทั้งที่ยังไม่รู้ว่าโดนโกรธเรื่องอะไร กล้ามองใบหน้าจ๋อยสนิทของพีช ในใจของเขามันสับสนไปหมด ว้าวุ่นจนต้องยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง ทิ้งตั้งนั่งยองๆ ตรงทางเดินในหอพักนั้นแล้วก็เงยหน้ามองพีช พีชค่อยๆ ขยับนั่งลงตามเขา ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วช้อนตามองกล้าที่ยกมือขึ้นปิดตาตัวเองอยู่
กล้ากำลังสับสนและคิดหนัก เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองจะจีบพีช และหงุดหงิดใจเอามากๆ ตอนที่เห็นว่าพีชก็ดูถูกใจเพื่อนเขา กล้ารู้ว่าอาการเหล่านี้มันคืออะไร และนั่นแหละที่ทำให้สับสนอย่างหนัก หัวใจของเขามันแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกบอกกับกล้าว่าที่หึงพีชแบบนี้ก็เพราะเห็นภาพพลับซ้อนทับอยู่ พอมีผู้ชายมาจีบก็เลยไม่พอใจ แต่ใจอีกส่วนของกล้าก็บอกอย่างหนักแน่นว่าไม่ใช่ เขารู้อยู่เต็มอกว่าคนนี้คือพีช และเพราะเห็นว่าพีชไปส่งยิ้มน่ารักๆ ให้คนอื่นแบบนี้ก็เลยหงุดหงิดขึ้นมาไง กล้าถอนหายใจแล้วหลับตาลงบอกตัวเองว่าควรที่จะมั่นใจในความรู้สึกตัวเองได้แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วจนกล้ารู้สึกว่าตัวเองใจง่ายเหมือนกัน ผ่านมาไม่ทันไรก็ตัดใจมาชอบคนใหม่ได้แล้ว
‘กล้าเป็นอะไร บอกเราสิ เราจะปรับปรุงตัว’
พีชค่อยๆ ยืนสมุดโน๊ตมาให้อ่าน เขาเงยหน้ามองพีชที่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ กล้าถอนหายใจลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงพีชให้ยืนตามจากนั้นก็ดึงเข้ามากอด สิ่งเดียวที่พีชต้องปรับปรุงคือ อย่าไปยิ้มให้เฟมอีก และหากเป็นไปได้จริงๆ คืออย่าไปยิ้มแบบนั้นให้คนอื่นได้เห็นเลย เพราะกล้ารู้สึก...
“หวงพีช”
“อะ อา” พีชงง ส่งเสียงเพื่อถามว่ากล้าเป็นอะไร ไม่ได้โกรธพีชแล้วเหรอ ทำไมจู่ๆ ก็เข้ากอดแบบนี้ และพีชได้ยินเสียงแว่วข้างหูว่ากล้ากำลังพูดอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่ได้อ่านรูปปากพีชก็ไม่รู้หรอกว่าเสียงที่ได้ยินนั้นกล้าพูดอะไรออกมา เขาดีใจนะที่กล้าเป็นฝ่ายเข้ามากอดก่อน แต่ก็อยากรู้อยู่ว่ากล้าพูดอะไรกับเขา
กล้าถือวิสาสะกอดพีชแน่นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าคนในอ้อมแขนจะไม่ได้ขัดขืนหรือดันตัวออกเลยก็ตาม พีชน่ารักยืนนิ่งๆ ให้เขากอดแต่โดยดี กล้าก็ได้ใจวางปลายคางลงบนศีรษะแล้วยกมือขึ้นลูบหัวทุยนั้น ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกเคืองคนตัวเล็กขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมถึงยืนนิ่งๆ ให้คนอื่นกอดแบบนี้ ถ้าเป็นไอเฟมมากอดจะยืนให้มันกอดแบบนี้ด้วยเหรอ กล้าไม่ชอบเลย แค่คิดกล้าก็รู้สึก...
“หึงด้วย”
รู้สึกชัดขนาดนี้กล้าก็ต้องยอมรับกับตัวเองแล้วแหละว่าเขาเปลี่ยนใจมาชอบแฝดคนพี่แล้ว ไม่ได้เห็นเป็นตัวแทนของพลับด้วย ชอบพีชจริงๆ แต่มามั่นใจเอาตอนนี้กล้าก็เริ่มหวั่นว่าจะตามจีบทันไหม เพราะไอเฟมมันก็จ้องจะงาบพีชอยู่เช่นกัน และที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือพีชดูท่าจะถูกใจไอเฟมเสียด้วย ก็มันกล้ามใหญ่กว่าเขานี่ เห็นทีพรุ่งนี้กล้าต้องกลับไปเข้ายิมอย่างเข้มงวดเพื่อปั้นกล้ามให้สวยกว่าเดิมเสียแล้ว กล้ามนี้เพื่อพีชเลย

สวัสดีวันหยุดนะคะ เมื่อวานมาหย่อนตัวอย่างเอาไว้ ก็กะว่าจะอัพเมื่อวานตอนดึกๆ นั่นแหละ แต่เน็ตดันมาล่มเสียก่อน แล้วมาวันนี้พอเน็ตกลับมาเล่นได้ก็รีบอัพให้ทันทีเลยค่ะ
ตอนนี้กล้ารู้ใจตัวเองแล้วนะ ทำไมแต่งมาเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าคู่นี้มีแววจะไปได้เร็วกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 10 สร้างความประทับใจ

พีชมองดูอาหารข้าวกล่องของกล้าที่สั่งทำเป็นเมนูพิเศษสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมากล้ากลับมากินอาหารคลีนเหมือนช่วงเฟรชชีอีกครั้งรวมไปถึงเข้าฟิตเนสนานกว่าเดิมด้วย ที่พีชรู้ก็เพราะว่าเขาขอตามไปดูกล้าเล่นบ้างเป็นบางวัน ท่วงท่าเวลากล้าวิ่งหรือออกกำลังกายถือว่าเป็นอาหารตาชั้นดีของพีชเชียวล่ะ
“มองอะไร อยากลองชิมเหรอ”
พีชอ่านปากกล้าแล้วอยากจะส่ายหน้าทันทีเพราะข้างในกล่องของกล้าน่ะดูไม่มีความน่ากินเลยแม่แต่น้อย เป็นข้าวสีม่วงแปลกๆ ที่กล้าเรียกว่าข้าวไรซ์เบอรี่ อกไก่และผักต้มจำนวนมาก แต่กล้าดันใจดีตักข้าวพอดีคำมาให้พีชลองชิมจริงๆ พีชเองก็ไม่อยากปฏิเสธเพราะกล้าเล่นป้อนถึงปากแบบนี้ มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ ยอมอ้าปากงับช้อนรับอกไก่แห้งๆ นั้นมา
“เป็นไงบ้าง รสชาติมันก็ไม่ได้แย่เหมือนหน้าตาที่เห็นเนอะ” กล้าพูดกลั้วหัวเราะ พีชลองเคี้ยวดูก็พบว่าจริงอย่างที่กล้าพูดแต่พีชก็รู้สึกไม่ชอบอยู่ดี พีชกลืนข้าวของกล้าลงคอแล้วหยิบน่องไก่ชิ้นโตในกล่องข้างของตัวเองขึ้นมากัด ความชุ่มฉ่ำของเนื้อส่วนน่องเข้าไปแทนที่ความแห้งแข็งของอกไก่ทันที และนั่นทำให้พีชต้องเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง ถึงรสชาติมันไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็อร่อยสู้น่องไก่ทอดของเขาไม่ได้เลยจริงๆ
กล้าหัวเราะมองปากจิ้มลิ้มเป็นมันวาวจากน่องไก่นั้นขยับเคี้ยวขมุบขมิบพลางเบ้หน้าใส่อาหารคลีนของเขา พีชไม่เคยกินก็ไม่แปลกที่จะไม่ชอบเพราะรสชาติมันจืดกว่าอาหารที่กินอยู่ทั่วไปมาก ส่วนเขานั้นกินจนชินแล้วเลยไม่ได้รู้สึกแย่อะไร อาหารคลีนอร่อยๆ ก็มีเยอะแยะ แต่อันนี้กล้าเลือกที่จะสั่งจากร้านเป็นรายอาทิตย์ เอามาแช่ตู้เย็นไว้พอจะกินก็เอาออกมาอุ่นใส่ไมโครเวฟ สีสันและรสชาติมันเลยไม่สดใหม่ดูไม่น่ากินเท่าไร แต่กล้าก็ต้องอดทนแหละ เพื่อกล้ามเนื้อสวยๆ กล้ายอมทน
“แล้วเย็นนี้จะตามเราไปออกกำลังกายรึเปล่า นอนรออยู่ห้องก็ได้ พอเราเสร็จแล้วค่อยมากินข้าวเย็นพร้อมกันนะ”
พีชมองกล้าพูดตาแป๋วแล้วส่ายหน้า เขียนในสมุดโน้ตตัวเองกลับมาว่าจะตามไปออกกำลังกายด้วย กล้าไม่เห็นว่าพีชจะออกกำลังกายสักเท่าไรเลย แต่ไปนั่งปั่นจักรยานรอเขาเพียงเท่านั้น กล้าไม่อยากให้พีชไปที่ฟิตเนสกับเขาเท่าไรนัก เพราะที่นั่นมีคนไปออกกำลังกายเยอะ แต่ละคนก็มีรูปร่างดี กล้ามสวยทั้งนั้น กล้ากลัวว่าพีชจะไปติดใจคนอื่นเข้าอีก แค่ไอ้เฟมคนเดียวกล้าก็กลัวว่าจะสู้ไม่ได้แล้ว
“ทำไมถึงอยากไปนักนะ ตัวเองไปก็เอาแต่นั่งถีบจักรยาน ให้ไปวิ่งหน่อยเดียวก็หอบจนลิ้นห้อย เข้าไปให้เปลืองเงินทำไม หืม?” กล้าถามพลางส่ายหน้า พีชมองดูไม่เข้าใจที่เขาพูด ก็พูดซ้ำช้าๆ ให้พีชอ่านปากเขาใหม่ตั้งแต่ต้น
พอพีชอ่านปากอีกครั้งแล้วก็ทำท่าหัวเราะคิกคักออกมา พีชไม่ได้ไปบ่อยเลยไม่ได้สมัครฟิตเนสรายเดือนไว้แบบกล้า แต่จ่ายเป็นครั้งๆ ก่อนเข้าไป แต่ก็ไม่ได้แพงมากนักเป็นราคานักศึกษา แต่ถ้าหากเอามารวมกันจนครบเดือนก็แพงกว่าจะราคาสมาชิกเล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ที่พีชตามกล้าไปฟิตเนส เขาพยายามวิ่งและออกกำลังตาม แต่ต้องบอกเลยว่าล้มเหลวมาก เพราะวิ่งไม่ถึงสิบนาทีพีชก็แทบจะเป็นลม เหงื่อออกหอบจนลิ้นห้อยไปหมด สุดท้ายเลยได้แต่เล่นอะไรเบาๆ มองกล้าออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ดูไม่น่าคุ้มกับตังค์ที่จ่ายไปแต่พีชอยากจะบอกว่า แค่ได้เข้าไปดูกล้าออกกำลังกายก็คุ้มแล้ว พีชชอบตอนที่กล้ายกเวทมากและโหนบาร์มาก เพราะจะทำให้เห็นกล้ามของกล้าขึ้นมาเป็นลูกๆ อย่างสวยงาม แถมตอนที่กล้าโหนบาร์ก็แอบเห็นลอนกล้ามหน้าท้องวับแวมๆ เพียงเท่านั้นก็คุ้มมากแล้วสำหรับพีช
ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนทั้งสองก็กลับมาเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้วก็ออกไปฟิตเนสพร้อมกัน ปกติกล้าจะมีสมาธิมุ่งมั่นกับการออกกำลังกายมาก เพราะอยากให้กล้ามชัดเร็วๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คืออยากให้พีชได้เห็นความมุ่งมั่นของเขา แต่วันนี้สมาธิทั้งหมดของกล้าแทบทั้งหมดนั้นดันไปจดจ่ออยู่ที่ขาขาวๆ ของพีชอย่างเดียวเลย ที่ผ่านมาพีชจะใส่กางเกงวอร์มขายาวมาฟิตเนสตลอด แต่วันนี้คนตัวเล็กคิดอะไรก็ไม่รู้ดันเปลี่ยนมาใส่กางเกงบอลขาสั้นเสียอย่างงั้น หากแต่ขาสั้นธรรมดากล้าก็คงไม่คิดมาก แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันกางเกงบอลนั้นขากว้าง เวลายกขาถีบจักรยานที่คนที่อยู่ด้านหน้าก็เห็นเข้าไปถึงขาอ่อน กล้าเลยไม่อยากขยับไปเล่นเครื่องอื่นเลย ไม่ใช่ว่ากล้าเป็นพวกโรคจิตคอยมองขาของพีชหรอกนะ แต่กล้ากลัวว่าหากเขาลุกออกไปแล้วมีคนมาเล่นเครื่องนี้ก็เห็นขาอ่อนของพีชน่ะสิ กล้าจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
พีชส่งยิ้มงงๆ ให้กล้าที่นั่งยกดัมเบลสลับกับแพลงค์อยู่ด้านหน้าเขามาเกือบจะชั่วโมงแล้ว มีลุกไปโหนบาร์บ้างเล็กน้อยแต่ก็จะรีบกลับมานั่งอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่ากำลังมีคนอื่นเดินเข้ามาเล่นดัมเบล ถึงจะไม่เข้าใจการกระทำของกล้า แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเพราะพีชได้เห็นหน้าของกล้าตลอดเลย ไม่ต้องคอยหันไปแอบมองให้เมื่อยคอเวลากล้าไปเล่นเครื่องอื่น
“วันนี้พอแล้ว กลับกันดีกว่า”
พีชอ่านปากแล้วมองมาอย่างแปลกใจ ก็ไม่แปลกนักหรอกที่คนตัวเล็กจะแสดงท่าทางแบบนั้นเพราะปกติกล้าจะอยู่ในฟิตเนสนี้ชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างน้อย แต่นี่ยังไม่ครบหนึ่งชั่วโมงดีเลยเขาก็ชวนกลับ ก็เขาไม่มีกะจิตกะใจจะออกกำลังกายเพราะกางเกงของพีชนี่แหละ
‘ทำไมวันนี้รีบกลับล่ะ มีธุระที่ไหนเหรอ’
กล้ามองหน้าคนตัวเล็ก แล้วมองกางเกงขาสั้นของอีกฝ่ายก่อนจะดึงสมุดโน้ตมาเขียนอะไรบางอย่างแล้วยื่นกลับไปให้อ่าน
‘ฟิตเนสที่นี่เขาห้ามใส่กางเกงขากว้างแบบนี้ วันหลังห้ามใส่มานะ’
กล้าโกหกไป กฎแบบนั้นมีเสียที่ไหนล่ะ แต่เขาไม่อยากให้พีชใส่อีกนี่นา หากพรุ่งนี้พีชยังใส่กางเกงขากว้างแบบนี้มาฟิตเนสอีกล่ะก็ เขาจะไม่ให้มาแล้ว
คนตัวเล็กอ่านแล้วก็เงยหน้ามองกล้าที่ทำหน้าจริงจังอยู่ พีชเพิ่งรู้ว่าฟิตเนสที่นี่กฎแบบนี้ด้วย ถึงแม้จะไม่มีเขียนในกฎการใช้ฟิตเนสที่แปะอยู่หน้าประตู แต่พีชคิดว่าเขาควรเชื่อกล้าที่มาบ่อยๆ บวกกับพอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครใส่กางเกงบอลแบบเขาเลย ถึงใส่ก็จะมีเลกกิ้งแนบเนื้ออยู่ด้านในอีกตัว ปกติพีชจะใส่กางเกงวอร์มมาแต่วันนี้กางเกงขายาวหมดและซักไม่ทัน ของพลับเขาก็แย่งมาใส่จนไม่เหลือแล้ว และเห็นว่าเป็นกางเกงกีฬาเหมือนกันเลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยใส่มา พีชก้มมองกางเกงของตัวเองแล้วก็เงยหน้ายิ้มกว้างพลางพยักหน้าหงึกหงักให้กล้า
กล้ามองท่าทางน่ารักๆ นั้นแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา พีชยิ้มจนตาหยี เป็นภาพที่น่ารักมากสำหรับกล้า ไหนจะท่าทางพยักหน้าแบบนั้นอีก เป็นท่าทางที่น่าเอ็นดูมากจนกล้าอดใจไม่ไหวยื่นมือไปขยี้เส้นผมนุ่มๆ นั้น
“อะ…” พีชส่งเสียงออกมาแล้วหยุดโยกหัวช้อนตามองฝ่ามือใหญ่ที่ขยี้เส้นผมตัวเองอยู่ พีชรู้สึกตกใจเล็กน้อยตอนที่มือใหญ่ขยี้เส้นผมของเขา แต่มุมปากของพีชก็อมยิ้มสองมือยกขึ้นมาขยำเสื้อตัวเองโดยอัตโนมัติแล้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนตัวสูง หัวใจของพีชพองฟูจนเต็มอก และแน่นอนพีชจะต้องคิดว่าโอกาสดีๆ แบบนี้คงมีมาไม่บ่อยก็เลยเต็มใจยืนนิ่งๆ พร้อมเอียงหัวให้กล้าลูบไปได้อย่างเต็มที่
ส่วนหัวใจของกล้านนั้นก็พองฟูไม่แพ้กันเลย ตอนที่พีชนิ่งไป เขาคิดว่าคนตัวเล็กจะขยับหนี แต่ที่ไหนได้ดันมาเอียงหัวให้เขาลูบแบบนี้ น่ารักแบบนี้กล้าก็ยิ่งแย่น่ะสิ
พีชชอบมากที่ช่วงนี้กล้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แล้วก็ใจดีกับพีชมากๆ เลย แถมเวลาเจอพลับอยู่กับพี่ไม้ กล้าก็ไม่มีอาการเศร้าใจหรืออาการอกหักให้เห็นอีกแล้ว แถมดูยิ้มบ่อยและร่าเริงกว่าแต่ก่อนเสียอีก ทำให้พีชคิดว่าอาจเป็นเพราะการออกกำลังกายทุกวันทำให้กล้าอารมณ์ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าต้นเหตุความสุขของกล้านนั้นก็คือตัวพีชเองนั่นแหละ
“พรุ่งนี้วันหยุด ไปกินขนมหวานกันมั้ย ตั้งแต่เราเข้าฟิตเนสก็ไม่ค่อยได้ไปกินขนมกับพีชเลยนี่”
กล้าชวนคนตัวเล็กที่อ่านปากอย่างตั้งใจพอจับใจความได้ก็ยิ้มหวานพลางพยักหน้าอย่างแรง กล้ารู้ว่าพีชชอบกินของหวานเหมือนพลับ สังเกตได้จากเวลาชวนไปกินขนมคนตัวเล็กจะดีใจเป็นพิเศษ แต่เพราะช่วงนี้กล้าต้องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามและลีนไขมันออก ทำให้ไม่ค่อยได้กินขนมหวานเท่าไร พีชก็เลยไม่ได้กินไปด้วย
‘จะไม่ออกกำลังกายแล้วเหรอ’
‘cheat day’ กล้าเขียนสั้นๆ แต่พีชก็เข้าใจว่าชีทเดย์คืออะไร เขาเงยหน้ามองกล้าที่ยิ้มกว้างทำท่าหัวเราะกับท่าทางดีอกดีใจของพีชอยู่ แต่ท่าทางอารมณ์ดีของกล้าก็หายไปทันทีที่หันเป็นเห็นว่าเฟมกำลังเดินตรงเข้ามาหา
“สวัสดีครับพีช เราเอาสมุดมาให้แน่ะ มีลายใหม่เข้ามาพอดีก็เลยเอามาให้เลย” เฟมหันมายักคิ้วยกมือทักทายกล้าเล็กน้อยก่อนวางสมุดโน้ตเล่มเล็กหลากหลายสีสันลงบนโต๊ะให้พีชได้ดู กล้ามองเฟมตาขวางเลยทีเดียวก็เฟมเล่นยิ้มหน้าแป้นแล้วนั่งลงข้างกับพีชของเขาอย่างถือวิสาสะ
“เห้ยมึง นั่นมันที่เพื่อนกู เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว มึงไปนั่งที่อื่นดิ”
“เออน่า นั่งไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ไปแล้ว” พูดแล้วก็หันไปยิ้มให้พีช กล้าคิ้วกระตุก เขย่าขาตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เห็นสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของเฟมที่มองไปยังพีชแล้วเขาหมันไส้ พีชก็อีกยิ้มหวานเหลือเกินนะ เขาไม่แน่ใจเลยว่ายิ้มเพราะถูกใจสมุดโน้ตหรือถูกใจไอ้เฟมกันแน่ แต่ไม่ว่าพีชจะถูกใจอะไร กล้าก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ยิ่งเห็นเฟมขยับตัวเบียดพีชจนหัวไหล่ชนกันแบบนั้นกล้าก็ยิ่งไม่ชอบ อยากจะดึงพีชออกห่างให้ได้ ก็เขาหวง...หวงพีชนั่นแหละ รู้ว่ายังไม่มีสิทธิ์ แต่ก็กำลังคิดจะจีบอยู่นี่ไง ขอหวงไว้ก่อนไม่ได้เหรอ
กล้าสอดส่องสายตาหาพลับที่เดินไปซื้อขนมที่ไหนก็ไม่รู้ อยากให้พลับกลับมาทวงที่นั่งตัวเองเร็วๆ ไอ้เฟมจะได้ไปเสียที แต่ชะเง้อมองจนคอยืดคอยาว แบงค์และพลับก็ไม่กลับมาเสียที พอหันมาเจอเฟมที่กำลังจะยกมือขึ้นทำท่าจะลูบหัวพีช ก็ยิ่งทำให้กล้าหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ไอ้เฟมมึงจะทำอะไร เก็บมือมึงลงไปที่เดิมเดี๋ยวนี้”
“อะไรของมึงวะ ใบไม้ติดผมของพีช กุจะเอาออกให้” เฟมขมวดคิ้วใส่ เขาก็พอดูออกแหละว่ากล้าอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาลงที่เขา เฟมคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายโกรธในก่อนหน้านี้นะ จู่ๆ มาหงุดหงิดใส่เขาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ เฟมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“ไม่ต้อง...กูเอาออกเอง”
พีชเห็นกล้าทำตาขวางใส่เฟมแล้วขวักมือเรียกให้พีชขยับเข้าไปหา พีชเองก็เอียงหัวให้กล้าเอาเศษใบไม้ออกให้ ดวงตากลมช้อนมองเพื่อนที่ยังคงทำหน้าบูด ดูอารมณ์ไม่ดีมากๆ พอขยับออกก็เลยยิ้มกว้างจนตาหยีพร้อมผงกหัวเพื่อขอบคุณ เมื่อครู่นี้ตอนที่จู่ๆ เฟมก็หยุดพูดแล้วมองหน้าเขานิ่งๆ พร้อมยกมือขึ้นมา พีชก็คิดว่าอีกฝ่ายจะลูบหัวเขาเลยเผลอเกร็งไปเล็กน้อย พีชไม่ได้รังเกียจเวลามีคนมาลูบผมหรือเล่นหัวอะไร แต่พีชแค่คิดว่า ตัวเขาและเฟมนั้นยังไม่สนิทกันถึงขึ้นเล่นหัวกันได้ แต่จะให้ขยับหนีก็เกรงว่าจะดูเสียมารยาท พีชเลยรู้สึกว่าโชคดีที่กล้าหันมาห้ามพอดี
แต่ถึงแม้จะได้เห็นรอยยิ้มหวานของพีช กล้าก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเมื่อเฟมยังคงที่จะพยายามขยับตัวเข้าหาพีช
“ไอเฟม มึงได้เวลาลุกละ เจ้าของที่เขามานู้นแล้ว” และแล้วเวลาที่กล้ารอคอยก็มาถึง เมื่อแบงก์และพลับกลับมาพร้อมขนมถุงใหญ่ เขาไม่ได้สนใจขนมอะไรนั่นหรอก เขาดีใจที่พลับกลับมาเสียที
“เอ๊ะ! นั่น ฝาแฝดเหรอเนี่ย” เฟมหันไปมองตามเพื่อนแล้วพึมพำออกมาอย่างตกใจ ก็เจอคนที่หน้าตาเหมือนพีชอย่างกับแกะ เหมือนกันมากๆ หน้าตา ทรงผม การแต่งตัว เหมือนราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกันจริงๆ แถมยิ้มสวยเหมือนกันอีก เฟมไม่คิดมาก่อนเลยว่าพีชจะมีฝาแฝดด้วย
พลับยิ้มแย้มและทักทายบอกให้เฟมนั่งต่อได้ พอกล้าได้ยินแบบนั้นก็แทบจะโวยวายขึ้นมา เขารอพลับก็เพื่อจะไล่ไอ้เฟมออกไป ไม่ใช่ให้พลับมาชวนมันนั่งต่อแบบนี้ กล้าเป่าลมหายใจออกอย่างแรงจนสองคนที่มาใหม่หันไปมองเป็นตาเดียวกัน สงสัยว่าเพื่อนเขานนั้นไปกินรังแตนที่ไหนมาอีก หน้าตานี่ทะมึนตึงได้ที่เลยทีเดียว
ส่วนทางด้านของเฟมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของพลับ เขานึกว่าเป็นฝาแฝดกัน ก็จะพิการเหมือนกันเสียอีก เฟมก็อยากจะนั่งต้ออีกซักหน่อยล่ะนะ แต่ว่าไอ้กล้าเพื่อนของเขาดูไม่ค่อยต้อนรับเท่าไรเลย ทำท่าจะไล่เขาตลอด แถมเวลาเขาหันไปหัวเราะหรือพูดหยอกกับพีช กล้าก็จะพูดขัดตลอด นั่งอยู่แบบนี้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดเพื่อนตัวเองขึ้นมาเลยขอตัวเดินออกมาดีกว่า รอโอกาสที่พีชอยู่คนเดียวแล้วเข้ามาจีบใหม่
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยววันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้...เราไปก่อนนะพีช อย่าลืมใช้สมุดด้วยนะ หากอยากได้เล่มใหม่ก็บอกเราได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
พีชยิ้มและพยักหน้าขอบคุณโบกมือลาเฟมเล็กน้อย แล้วหันกลับมา แต่ก็ต้องทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอกล้าที่จ้องเขม็งมาอยู่ คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้น แล้วมองคนอื่นๆ ในโต๊ะ เป็นการถามว่ากล้าเป็นอะไรไป แต่ทั้งพลับและแบงก์ต่างก็ส่ายหน้า ขนาดพีชนั่งอยู่ที่โต๊ะตลอดยังไม่รู้เลยว่ากล้าหงุดหงิดเรื่องอะไร แล้วเขาสองคนที่เพิ่งกลับมาจะไปรู้ได้ยังไงเล่า
อาการหงุดหงิดในช่วงบ่ายยังไม่ทันที่จะจางไป ในตอนเย็นก็มีเรื่องที่ทำให้โคตรหงุดหงิดมากกว่าเดิม เมื่อเจอไอ้เฟมเดินยิ้มทะเล้นเข้ามาในฟิตเนส แถมเดินตรงเข้าไปหาพีชก่อนที่จะเข้ามาทักทายเขาเสียด้วย
“มึงมาเล่นอะไรที่นี่วะ”
“อ้าวมึง อยู่ด้วยเหรอวะ” เฟมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจใส่กล้าที่เดินทะมึนเข้ามาหา ปกติเขาไม่ได้ออกกำลังกายที่นี่หรอก แต่เผอิญก่อนหน้านี้เขาเห็นพีชเดินเข้ามาในนี้แล้วไม่เห็นว่ากล้าอยู่ใกล้ๆ ก็คิดว่าทางคงสะดวกเลยเข้ามาหาเสียหน่อย แต่คงเป็นเพราะว่าเขาคงดูไม่ดีเอง พอเข้ามายังไม่ทันจะได้ทักทานคนคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มอยู่นี่ก็เจอพ่อเสือหวงเพื่อนรีบดิ่งเข้ามาดักทางทันที
“ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มึงเถอะ...กลับมาอัพกล้ามเหรอ เห็นหยุดไปนานเลยนี่ จะได้เรื่องเหรอวะ”
“เรื่องของกูเถอะน่า”
“เอาให้ได้เท่ากูนะมึง”
พีชอ่านปากแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยะ เขาไม่แน่ใจว่าปกติทั้งสองคนนี้พูดจากันแบบนี้รึเปล่า แต่พีชทำหน้าไม่ถูกเลยตอนที่เฟมหันมายิ้มให้พร้อมยกแขนขึ้นมาเกร็งกล้ามโชว์ และอดที่จะตกใจไม่ได้เมื่อเห็นว่ากล้ามของเฟมนั้นขึ้นเป็นลูกจนแขนเสื้อนักศึกษานั้นตึงเปรี๊ยะจนน่ากลัวว่ามันจะขาด และยิ่งทำหน้าไม่ถูกเข้าไปใหญ่เมื่อหันมาเจอกับสายตาดุๆ ของกล้าที่มองมา
กล้าหันหลังกลับเดินตรงดิ่งไปยังเครื่องออกกำลังกายที่เล่นค้างไว้ก่อนหน้านี้ก่อนจะเริ่มต้นเล่นอีกครั้ง อย่างหนักหน่วงกว่าเดิม กล้าเพิ่มจำนวนลูกเล็กเข้าไปมากกว่าเดิมสองลูกเพื่อเพิ่มน้ำหนัก เวลาที่ปล่อยลูกเหล็กลงก็จะได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดังไปทั้งยิม ขนาดพีชไม่ได้ยินเสียงอะไร ยังรู้สึกได้เลยว่าเวลากระทบกันมันจะเสียงดังขนาดไหน ก็เพราะสายตาของคนทั้งยิมจะจ้องไปที่กล้าทุกคนเลย
และจากการหักโหมออกกำลังของกล้าในตอนเย็นนั้น ส่งผลให้เช้าวันถัดมาเขาเกิดอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงหัวไหล่ที่แทบขยับไม่ได้เลย แต่จะโทษใครได้ล่ะ กล้าหักโหมและฝืนตัวเองเกินความจำเป็น เพราะเมื่อวานนี้เฟมดันมาเย้ยถึงที่ แถมยังดึงตัวพีชให้อยู่กับตัวเองตลอด กล้าที่อารมณ์เสียจัด ไประบายทางไหนไม่ได้ก็เลยลงกับการออกกำลังกายจนเจ็บแบบนี้นี่แหละ เขารู้ว่าไม่ควรทำ เพราะเสี่ยงที่กล้ามเนื้อจะอักเสบได้ แต่พอเห็นเฟมอวดกล้ามให้พีชดูแล้วหน้ามืดไปหน่อย

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
‘ไปหาหมอมั้ย’
กล้าอ่านสมุดโน้ตที่พีชยื่นมาให้ก่อนจะส่ายหน้า แล้วยิ้มอย่างสำนึกผิดไปให้ วันนี้เขานักพีชไปกินขนมกันแท้ๆ แต่แผนก็ดันมาล่มเสียได้ พีชอุตส่าห์แต่งตัวมาตามยันห้อง ดูก็รู้ว่าคงอยากไปกินขนมจะแย่ แต่เขาดันลุกไม่ขึ้นเสียนี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก พักซักวัน สองวันเดี๋ยวก็หาย...อ โอ๊ย”
กล้าขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ต้องล้มตัวลงไปนอนเหยียดอยู่ที่เดิม เพราะเกร็งหน้าท้องแล้วรู้สึกระบมขึ้นมาทันทีเลย พีชที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รีบถลาเข้ามาพยุงคนตัวสูงให้ลงไปนอนดีๆ พลางบุ้ยปากใส่ ข้อหาทำให้เป็นห่วงและอดไปกินขนมด้วยกัน พีชไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกล้าต้องจริงจังขนาดนี้ เมื่อวานตอนที่เห็นกล้าโหนบาร์ และซิทอัพหนักๆ ก็อดตกใจไม่ได้ แถมใช้เวลาในฟิตเนสนานกว่าปกติไปหลายชั่วโมงเลยด้วย
‘ทำไมต้องหักโหมขนาดนั้นล่ะ ค่อยๆ ทำก็ได้นี่’
“ก็อยากจะรีบลีนไขมันออก กล้ามจะได้ขึ้นเร็วๆ ดูสิไขมันยังเป็นก้อนอยู่เลย” กล้าอธิบายพร้อมทั้งถกเสื้อขึ้นแล้วใช้มือบีบเนื้อตรงหน้าท้องให้พีชดูไขมันส่วนเกินของตัวเอง พีชมองแล้วก็งับปากตัวเอง เขาไม่เห็นไขมันเลยสักนิด ที่เห็นกระแทกตาอยู่นี่มีแต่ลอนซิกแพคทั้งนั้นเลย
พีชส่ายหน้าเพื่อบอกกล้าว่าเขาไม่เห็นไขมันเลยซักนิด และหลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะอ่านปากของกล้าแล้ว เพราะสายตาเอามองอยู่ที่ลอนกล้าม เห็นมือเรียวขยับไปมาตรงหน้าแกร่ง พีชก็รู้สึกอยากจะสัมผัสขึ้นมาบ้าง คิดปุ๊บก็ยื่นนิ้วออกไปจิ้มตรงลอนหน้าท้องนั้นเบาๆ แล้วก็ทำปากจู๋ ส่งเสียงอู้วหูวอยู่ในใจ เพราะหน้าท้องของกล้านั้นแข็งปั๊กเลย
“พีททำอะไรน่ะ จิ้มแบบนั้นมันจั๊กจี้นะ” กล้าพูดเสียงเบามองใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย แล้วละสายตามามองนิ้วเล็กที่จิ้มๆ ไปมาตามหน้าท้องของเขา ทำให้ทั้งจั๊กจี้ทั้งขนลุกปนกันไป
“พีช...ไม่ควรทำแบบนั้นนะ” กล้าเปล่งเสียงที่เริ่มแหบพร่าบอกคนตัวเล็กที่เปลี่ยนจากจิ้มมาเป็นลากนิ้วไปตามร่องกล้ามเขาแทน พยายามขยับแขนที่กล้ามเนื้อระบมไปหยุดมือเล็กนั้น ก่อนที่อะไรๆ ของเขาจะตื่นขึ้นมาจนกู่ไม่กลับ
“อะ!” พีชส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ เมื่อโดนฝ่ามือใหญ่นั้นตะครุบมือเอาไว้ พีชเริ่มรู้สึกตัวก็เม้มปาก แก้มขาวเห่อร้อน ทำหน้าไม่ถูก เมื่อเผลอแสดงด้านหื่นๆ ออกไป เมื่อครู่นี้พีชไม่ได้ตั้งใจนะ ใครใช้ให้กล้ามาโชว์กล้ามแบบนี้ เจอคนมาที่ชอบมาเปิดซิกแพคต่อหน้าแบนี้ เป็นใครก็อยากลูบอยากจับกันทั้งนั้นแหละ
‘ไม่เห็นมีไขมันอะไรเลย แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ’ พีชคว้าสมุดขึ้นมาเขียนแก้เขิน ทำทีเป็นว่าที่จับๆ ลูบๆ ไปเมื่อครู่นี้เพื่อวัดไขมันทั้งนั้น ไม่ได้จะลวนลามกล้าเลยนะ
“หืม? ดีอยู่แล้วเหรอ”
ส่วนกล้านั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ชี้นิ้วไปที่หน้าท้องตัวเอง เมื่อเห็นพีชบอกว่า ‘แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว’ มองหน้าคนตัวเล็กที่พยักหน้ารัว พร้อมทั้งยกนิ้วโป้งเป็นการยืนยันคำพูดตัวเอง
‘ยอดเยี่ยมที่สุด!’
“งั้น...กล้าเรากับกล้ามไปเฟม พีชชอบของใครมากกว่ากัน
พีชยิ้มหวานแล้วชี้ไปที่กล้าทันที เขาเลือกโดยที่ไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ สำหรับพีชน่ะ ต้องเป็นกล้าอยู่แล้ว ต่อให้กล้าไม่มีกล้ามเลย หุ่นเป็นกุ้งแห้งหรืออ้วนท้วม พีชก็ยังคงเลือกกล้าอยู่ดีนั่นแหละ
แต่ถ้าหากคิดแบบมีเหตุผล พีชก็ยังเลือกกล้าอยู่ดี เพราะเขาคิดว่ากล้ามแบบเฟมนั้นใหญ่เกินไป เวลามองแล้วพีชรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันดูใหญ่ไปหมด ยิ่งเมื่อวานนี้ที่เฟมเกร็งกล้ามจนแขนเสื้อแทบแตก พีชเห็นแล้วยิ่งรู้สึกอึดอัดแปลกๆ เพราะฉะนั้นของกล้านี่แหละ สวยงามกำลังดีถูกใจพีชที่สุดแล้ว
กล้าเห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้างจนตาปิด หากพีชชอบแบบนี้มากกว่า แล้วเขาจะเพิ่มกล้ามให้เท่าไอเฟมไปเพื่ออะไรล่ะ ทำไปแล้วไม่ถูกใจพีชมันก็เปล่าประโยชน์ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นกล้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หากพีชชอบแบบเขามากกว่า แล้วทำไมที่เฟมโชว์กล้ามเมื่อวาน พีชต้องทำท่าทางถูกใจและตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยเล่า
“ถ้าชอบของเรามากกว่า แล้วเมื่อวานไปทำตาโต ถูกอกถูกใจใส่กล้ามไอเฟมมันทำไม หึ?”
พีชอ่านปากแล้วก็ยกมือขึ้นชี้เข้าหาตัวเอง จำไม่ได้ตัวเองไปทำตาโตกล้ามของเฟมตอนไหน กล้ามเดียวที่ทำให้พีชตาลุกวาวได้ก็มีแต่กล้ามของกล้าทั้งนั้นแหละ คนตัวเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าผากตัวเองเหมือนใช้ความคิด ถึงแม้ว่าจะยังนึกไม่ออกว่าไปทำท่าทางแบบนั้นตอนไหน แต่ก็คิดว่าคงทำไปเพราะตกใจว่าแขนเสื้อจะปริมากกว่า ไม่ใช่ท่าทางถูกอกถูกใจอย่างที่กล้าคิดแน่ๆ
‘เราไม่เคยชอบกล้ามเฟมนะ ชอบกล้าคนเดียว’
รีบเขียนแล้วก็รีบยื่นให้กล้าอ่าน ไม่ทันได้รู้ว่าตัวเองเขียนคำว่า ‘กล้าม’ ของกล้าตกไป ทางด้านคนตัวสูงพอได้อ่านแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย มองหน้าพีชที่ยิ้มกว้างจนตาหยี ในใจของกล้าก็พอจะเดาออกว่าเพื่อนของเขาคงรีบจนเขียนผิดแต่ไอ้อาการดีใจก็ตีขึ้นมาจนหุบยิ้มตัวเองไม่ได้แล้ว
พีชนั่งวาดรูปเล่นอยู่กับกล้าทั้งวัน ระหว่างที่กล้าหลับเขาก็แอบกลับห้องไปเอาสเก็ตช์มาวาดรูปของกล้าตอนที่หลับอย่างสบายใจ พีชเปิดรูปที่ตัวเองวาดไว้ทีละหน้าๆ แล้วก็ยิ้ม ทั้งเล่มนี้มีแต่รูปสเก็ตช์ของกล้าทั้งนั้นแหละ เวลาที่พีชว่างๆ หรือเวลาที่กล้าเผลอ เขามักจะหยิบขึ้นมาวาดตลอด แต่ก็ต้องคอยระวังไม่ให้คนอื่นมาเห็น เพราะพีชกลัวว่าความลับแตกว่าเขาแอบรักเพื่อนตัวเองอยู่
“วาดอะไรอยู่ล่ะนั้น ทำหน้าตาน่ารักเชียว”
กล้าพึมพำเบาๆ กับตัวเอง หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นพีชนั่งก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่สมุดเล่มนี้ไม่ใช่เล่มที่พีชเอาสเก็ตช์งานประจำ เป็นเล่มที่กล้าไม่เคยเห็นมาก่อน หรือจะเป็นเล่มใหม่ แต่จากสภาพที่เห็นก็ดูเหมือนจะใช้มานานแล้วนะ แถมบนหน้าปกนั้นยังมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดเอาไว้เสียด้วย
กล้ามองสมุดอย่างสนใจก่อนจะละสายตาขึ้นมามองใบหน้าคนตัวเล็ก มุมปากของพีชอมยิ้มเล็กๆ ชวนให้คนแอบมองต้องอมยิ้มตาม กล้าพยายามขยับแขนเพื่อหยิบโทรศัพท์มาแอบถ่ายรูปพีชเก็บเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะยังระบมและปวดอยู่แต่พอกินยาแล้วได้นอนพักก็ดีขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ขยับยกไม่ได้ดั่งที่ใจต้องการ ในขณะที่เขากำลังพยายามขยับยกแขนขึ้นเพื่อหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเตี้ยหัวเตียง แต่คนที่นั่งก้มหน้าก็รู้ตัวเสียก่อน
“อา…” พีชส่งเสียงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมทำภาษามือ กล้าที่ไม่เข้าใจก็ได้แต่ทำหน้างงก่อนที่พีชจะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ พีชทำท่าหัวเราะแล้วหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาเขียน
‘ตื่นนานแล้วเหรอ กล้าจะเอาอะไร เดี๋ยวเราหยิบให้’
“จะหยิบโทรศัพท์น่ะ ขอบคุณนะ...แล้วนั่นวาดอะไรอยู่” กล้าวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วก็ถามสิ่งที่พีชวาด อยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้พีชวาดไปยิ้มไปแบบนั้น แต่คนตัวเล็กอ่านปากแล้วยิ้ม ทำท่าหัวเราะเล็กน้อย แต่ไม่ยอมบอกว่าวาดอะไรอยู่
“ขอเราดูได้มั้ย อยากเห็นดูสเก็ตช์ของพีช”
กล้ายื่นมือมาเพื่อขอดูสมุด แต่พีชก็ยิ้มจนตาหยีดึงสมุดเข้าไปกอดแนบอกพร้อมทั้งส่ายหน้าจนผมกระจาย พอกล้าพยายามขยับแขนเข้าไปใกล้อีก คนตัวเล็กก็ดันมือเขาออกแล้วเบี่ยงตัวหนี แก้มกลมขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู สีหน้าท่าทางแบบนั้นทำให้กล้าอยากรู้ใจจะขาดว่า อะไรที่อยู่ในสมุดสเก็ตช์ของพีชกันแน่ หากเป็นแค่รูปธรรมดาทั่วไป เจ้าตัวคงไม่หวงขนาดนี้หรอก
“อะไรกัน ที่ไม่อยากให้ดูเพราะแอบวาดอะไรไม่ดีรึเปล่า” กล้าหยอก พีชอ้าปากแล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง ยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นการปฏิเสธ กล้าเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำแต่ไม่ได้คะยั้นคะยอขอดูต่อ ถึงแม้ว่าจะอยากรู้มาก แต่หากพีชไม่อยากให้ดู กล้าก็ไม่อยากเซ้าซี้มาก เดี๋ยวพีชรำคาญฯ เขาขึ้นมาล่ะยุ่งเลย
ในช่วงเย็นนั้นกล้าชวนพีชดูหนังด้วยกันในห้อง เป็นหนังไตรภาคที่ดูด้วยกันสนุกๆ พีชไม่มีปัญหากับการดูหนังเลย ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็สามารถอ่านซับได้ หากโชคดีหน่อยก็จะเลือกรับชมในระบบของผู้พิการทางการได้ยิน ที่จะมีการบรรยายเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังและกล้าก็ใจดี กดดูในระบบนั้นให้พีช ถึงแม้จะมีซับคำบรรยายขึ้นมาเยอะจนรำคาญตา
‘เปิดแค่ซับคำพูดก็ได้นะ เราดูได้’
“ไม่เป็นไรน่า เราจะได้ดูเพลินๆ ไปด้วยกันไง” พีชยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าหันไปมองดูหนังที่เริ่มเล่น กล้ามองคนตัวเล็กที่ตั้งใจอ่านคำบรรยายแล้วก็อมยิ้มเล็ก ตอนนี้เขาไม่ได้เปิดเสียงอะไรเลย เขานั่งเงียบๆ อ่านซับบรรยายในหนังที่ไม่มีเสียงเพราะอยากจะรู้ว่า ในโลกเงียบๆ ของพีชนั้นจะดูหนังสนุกมากแค่ไหน ดูโดยที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยมันจะให้ความรู้สึกแบบไหนกันนะ กล้าอยากจะรับรู้ในจุดนั้นเพราะเขาอยากจะเข้าใจพีชมากขึ้น
พีชและกล้านั่งดูหนังด้วยจนดึก พลับที่กลับมาแล้วไม่เจอพี่ชายตัวเองอยู่ในห้อง ก็รู้ทันทีว่าคงไปอยู่ห้องกล้าอีกแน่นอน เลยจะไปตามมานอนได้แล้ว
“ให้พีชดูหนังให้จบก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ เหลืออีกนิดเดียวเอง”
“ก็ได้ แต่กล้าเปิดเสียงก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องดูแบบนี้ตามพีชก็ได้”
กล้าส่ายหน้าและหัวเราะเล็กน้อยหันไปดึงผ้าห่มขึ้นให้คลุมไหล่พีชอย่างพอดีก่อนจะกลับไปสนใจหนังต่อ ตอนที่พลับเข้ามาในทีแรก เขาก็งงว่าทำไมห้องเงียบผิดปกติทั้งที่ทั้งสองคนก็ดูหนังกันอยู่ พลับหลี่ตามองอย่างพิจารณา ช่วงหลังมานี้เขาคอยสังเกตการกระทำของกล้าตลอด เพื่อนของเขาดูเหมือนว่าจะใส่ใจเรื่องของพีชเป็นพิเศษ พลับจะไม่เซ้าซี้ถามตรงๆ แต่ใช้วิธีสังเกตไปเรื่อย ถึงแม้จะยังไม่แน่ชัด แต่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายแปลกๆ จากสองคนนี้ โดยเฉพาะกล้า
พลับค่อยนั่งลงข้างๆ พี่ชายตัวเองแล้วดูหนังไปด้วย แต่ดูแบบเงียบเชียบแบบนี้ มันไม่มีความสนุกเอาเสียเลย พลับก็เลยคิดว่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับพี่ไม้ดีกว่า แต่ก็บังเอิญไปเห็นสิ่งน่าสนใจที่วางอยู่ข้างตัวของพีช
มันคือสมุดสเก็ตช์ และไม่ใช่เล่มที่พี่ชายเขาใช้ประจำเวลาสเก็ตช์งานเสียด้วย พลับจำได้ว่าพีชหวงเล่มนี้มาก แม้แต่เขาที่เป็นน้องชาย พีชก็ไม่ยอมให้จับเลย เขาพยายามจะแอบดูหลายครั้งแล้ว แต่พีชก็จะไหวตัวทันมาแย่งไปซ่อนที่ใหม่เสียทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่ชายเขามัวแต่สนใจหนังในจอ จนลืมดูไปว่าพลับค่อยๆ ขยับตัวออกแล้วหยิบสมุดมาเปิดดูภาพที่อยู่ข้างในไปทีละหน้าๆ
“นี่มัน…” พลับดูเส้นสเก็ตช์นั้นแล้วก็อ้าปากออกเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ได้เหมือนมาก แต่พลับก็ดูออกว่าคนในรูปสเก็ตช์นี่คือกล้า
พีชชอบกล้าเหรอ?
จะบอกว่าเพื่อนวาดรูปเพื่อนเฉยๆ ก็ไม่ใช่ เพราะมีหัวใจอยู่ทุกรูปเลย พอลองเอาเรื่องต่างๆ ที่พลับสังเกตดูในช่วงหลังนี้มาประกอบกัน พลับก็มั่นใจขึ้นมาทันทีเลยว่า พี่ชายของเขาอาจชอบเพื่อนตัวเองอยู่แน่นอน พลับเงยหน้ามองพี่ชายตัวเองที่ยังสนใจอยู่กับหนังแล้วก้มมองสมุดอีกครั้ง สิ่งที่รับรู้นี้ทำให้พลับตกใจไม่น้อยเลย เขาคองจับผิดและสังเกตแต่กล้า ไม่ได้สนใจท่าทีของพีชเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่คิดว่าพีชจะชอบผู้ชายด้วยกันเอง...เหมือนกับเขา
“อา!!”
พลับสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองพี่ชายที่ส่งเสียงดังแล้วพุ่งเข้ามาดึงสมุดในมือออกไปกอดไว้แนบอก ทางกล้าเองก็ตกใจที่จู่ๆ พีชตะโกนออกมาลั่นห้อง
“พีชเป็นอะไรไปน่ะ”
กล้าถามอย่างสงสัย มองใบหน้าเลิ่กลั่กและท่าทางล่อกแล่กของพีชของพีช พลับหันไปมองกล้าก่อนจะถอนหายใจออกแล้วเริ่มคุยกับพี่ชายตัวเองด้วยภาษามือ
‘พีชชอบกล้าเหรอ? ไม่ต้องกลัวหรอก บอกมาเถอะ เราเห็นรูปในสมุดนั้นหมดแล้ว’
พีชมองแล้วเงียบไปหลายอึดใจก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เม้มปากแน่นแล้วเงยหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นมองพี่ชายตัวเอง กับพลับน่ะ เขาไม่รู้สึกกลัวหรอกแต่อายมากกว่า แบบนี้พลับก็เดาออกหมดน่ะสิ ว่าที่ผ่านมาเขาหาเรื่องมาอยู่ใกล้กล้าก็เพราะแบบนี้
‘พลับห้ามบอกใครนะ พี่ไม้ก็ห้ามบอก’ พีชขยับเข้าไปนั่งชิดพลับ แล้วเขย่าแขนขอร้อง ที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ ก็เพราะว่ากลัวเรื่องมันจะยุ่งยาก ความลับมันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป พลับมองตาพีชก่อนจะเหลือบตามองกล้าเล็กน้อยแล้วหันมายิ้มกริ่มให้พี่ชายตัวเอง
‘บอกกล้าได้มั้ย?’
‘ไม่ได้เด็ดขาด!’ พีชทำหน้าขึงขัง กำมือแน่นตอนที่ทำสัญลักษณ์เน้นคำว่าเด็ดขาด พลับเห็นแล้วก็ยิ้มขำกับท่าทางนั้นของพีช แล้วหันไปมองกล้าที่นั่งงงๆ มองสองพี่น้องที่กำลังเจรจากันด้วยภาษามือ
‘ทำไมล่ะ ลองบอกไปสิ เผื่อสมหวัง’
พีชมองมือแล้วก็ส่ายหน้าหวือ แก้มสีระเรื่อนั้นแดงกว่าเดิมเมื่อหันไปสบตากับกล้าพอดี พีชบอกตัวเองในใจว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก็กล้าเพิ่งอกหักจากพลับมานี่นา หากยอมสารภาพออกไปตอนนี้ ก็คงไม่สมหวังแน่ ดีไม่ดีอาจจะเสียเพื่อนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นพีชจะไม่เสี่ยงเด็ดขาด
‘ไม่มีทาง พลับห้ามบอกนะ ขอร้องนะ หากพลับพูด...เราจะงอนเลย งอนจริงๆ ด้วย’
พลับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพีช เขาเข้าใจว่าทำไมพีชถึงไม่อยากบอกออกไป เพราะว่าพี่ชายเขากลัวไง กลัวว่าจะผิดหวัง...แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่พลับหันไปมองกล้า ในใจของเขากลับรู้สึกว่า หากพีชยอมบอกก็คงไม่ผิดหวังหรอก มันเป็นเซนส์น่ะ
‘แล้วจะแอบชอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ จนทนไหวเหรอ จะคอยดูอยู่เฉยๆ ตอนที่กล้าไปชอบคนอื่นเหรอไง’
‘ไม่ต้องมาห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า เราจัดการได้’ พีชเถียงกลับทันที ทำหน้าตารำคาญใจใส่พลับอีกด้วย เรื่องที่กล้าไปชอบคนอื่นน่ะ พีชเตรียมใจไว้แล้วแหละ สักวันมันต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน พีชมั่นใจว่าตัวเขาคงทนได้ เพราะขนาดตอนที่กล้าคนที่หน้าตาเหมือนเขา พีชยังทนได้เลย
กล้ามองสองแฝดขยับมือคุยกันเป็นพัลวันแล้วก็ตาลายขึ้นมา เขามีความรู้สึกว่าฝาแฝดคู่นี้กำลังคุยเรื่องของเขาแน่นอน เพราะทั้งพีชและพลับนั้นต่างหันมามองเขากันหลายครั้งแล้ว กล้ารู้สึกอยากเรียนภาษาที่เขาไม่เข้าใจนี้ขึ้นมา อยากเข้าใจพีชมากขึ้น อยากจะสื่อสารกับพีชได้สะดวกกว่านี้เพราะมัวแต่เขียนตอบและอ่านปากกันมันไม่พอสำหรับกล้าแล้ว แล้วอีกอย่างกล้ารู้สึกว่าหากเขาได้เรียนรู้ภาษาของพีช อาจทำให้พีชประทับในตัวเขาและเพิ่มโอกาสในการจีบพีชได้ด้วย มีแต่ได้กับได้
ระหว่างที่สองแฝดกำลังเจรจากันอยู่นั้นกล้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ขั้นแรกที่เขาต้องทำคือหาซื้อหนังสือสอนภาษามือเบื้องต้นซะ กดสั่งทุกเล่มที่รีวิวเขียนว่าดี อีกทั้งยังหาข้อมูลคอร์สเรียนออนไลน์เผื่อเอาไว้ด้วย
คนตัวโตยิ้มออกมาเมื่อกดชำระเงินค่าหนังสือเสร็จสิ้น พีชจะต้องประทับใจแน่นอน...


ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 11 เจ้านุ่ม เจ้านิ่ม
ไม้ยืนพิงรถพลางยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้ง ทั้งที่ห้านาทีก่อนหน้านี้เขาก็ยกขึ้นมาดูไปแล้ว ไม้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจว่าจะโทรตามเด็กเสียหน่อย แต่ก็พบกับข้อความที่เขายังไม่ได้เปิดอ่าน เป็นข้อความที่ส่งมาจากพลับเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว
‘วันนี้อาจารย์ขอปล่อยเลทประมาณครึ่งชั่วโมง พี่ไม้รอผมหน่อยนะครับ จารย์ปล่อยแล้วผมจะรีบไปหาเลย’
ไม้อ่านขอความแล้วดูรูปภาพที่แนบมา เป็นรูปของพลับที่ทำตาปรือเบะปากใส่ชีทเรียนเหมือนกับว่าเบื่อเสียเต็มประดาแล้ว
“ดูทำหน้าเข้า เป็นนักศึกษาที่ใช้ไม่ได้เลย” ไม้พึมพำเหมือนตำหนิแต่มุมปากนั้นกลับอมยิ้ม อีกทั้งยังกดเซฟรูปของนักศึกษาไม่ได้เรื่องคนนั้นเก็บไว้ในเครื่องอีกด้วย เลิกเรียนช้าแบบนี้แล้วกว่าจะถึงร้านอาหารก็ต้องเจอรถติดอีก เจ้าเด็กพลับต้องหิวแน่นอน คิดแบบนั้นก็เลยตัดสินใจเดินไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกใกล้ๆ เอาไว้ให้เด็กกินรองท้องตอนอยู่บนรถ จะได้ไม่มางอแงบ่นว่าหิวๆ ตลอดทาง
“พี่ไม้ ผมมาแล้วครับ” พลับเรียกคนตัวสูงที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่พลางเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปหาจนเกือบสะดุดทางต่างระดับล้ม แต่ดีที่ทรงตัวได้ทัน
ไม้มองแก้มขาวที่แดงระเรื่อจากเลือดฝาด เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมแล้วไหลลงมาตามแนวกรอบหน้าจนเขาต้องล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นไปให้ พลับช้อนตามองก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการขอบคุณแล้วรับผ้านั้นไปซับเหงื่อของตัวเอง ในตอนแรกเขานั้นคิดว่าอยากจะเป็นฝ่ายซับให้เองแต่ก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะตอนนี้เขาทั้งคู่ยังอยู่ในเขตของมหาวิทยาลัยอยู่
“ไม่ต้องรีบวิ่งมาก็ได้ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
“ผมไม่อยากให้พี่รอนานไงครับ”
“พี่รอได้ ทีหลังไม่ต้องวิ่งนะ” ไม้กอดอกทำทีเป็นดุเสียงจริงจัง เมื่อครู่นี้เขาเห็นว่าพลับเกือบจะล้มหน้าคะมำเสียแล้ว ถึงแม้ว่าพลับจะบอกว่าไม่อยากให้เขารอแต่หากล้มไปแล้วได้แผลมามันก็ไม่คุ้มกัน ไม้ไม่อยากให้พลับบาดเจ็บเพราะเขา
“อย่าดุผมสิ” พลับทำปากยื่นหน้าจ๋อยใส่ผู้ใหญ่ตรงหน้าที่วางมาดเหมือนคุณครูที่กำลังดุเด็กนักเรียน
“งั้นทีหลังก็อย่าวิ่งนะ รีบอะไรขนาดนั้น”
“...แล้วถ้าผมบอกว่าคิดถึง จึงรีบมาหาล่ะครับ” 
คนตัวสูงฟังคำพูดของเด็กแล้วก็แอบยิ้มมุมปาก คำพูดคำจาน่ารักทำให้เขาดุต่อไม่ลงเลย ไม้ไม่ได้พูดอะไรกลับไป แค่หันไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้แล้ววางถุงขนมที่ซื้อมาไว้บนตักของพลับ เด็กก็ส่งยิ้มหวานให้เป็นการขอบคุณ
วันนี้ไม้จะพาคนตัวเล็กไปทานข้าวเย็นที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมือง ไม่ใช่ห้างที่อยู่ใกล้มหา’ลัยเหมือนที่ที่พลับเคยไปประจำ ระยะทางจากมหาวิทยาลัยมาห้างนั้นค่อนข้างไกลบวกกับการจราจรที่ติดขัดในช่วงเย็นนั้นทำให้ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเดินทาง แต่ไม้ไม่ได้รู้สึกว่าหิวมากมายนัก เพราะพลับคอยป้อนขนมให้ตลอด เขายังเคี้ยวไม่หมดปาก มือเล็กๆ ก็ยื่นขนมปังคำโตมาจ่อปากเขาเสียแล้ว
“พี่ไม้จะมาซื้ออะไรที่นี่เหรอครับ”
พลับสงสัย ปกติไม้ไม่ค่อยพามาทานข้าวที่นี่ เพราะค่อนข้างไกล คนเยอะและหาที่จอดรถลำบาก 
“ปากกาแท่งใหม่น่ะ พี่ทำแท่งนี้หล่นหัวปากกามันเลยพัง แต่ร้านของแบรนด์นี้มันมีแค่ที่นี่เท่านั้น”
พลับพยักหน้าเดินตามไม้เข้าร้านเครื่องเขียนขนาดใหญ่ที่ใหญ่มากจริงๆ พลับคาดว่าคงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนต้องการแน่นอน คนตัวเล็กกวาดสายตาไปรอบร้านแล้วก็ไปสะดุดอยู่ฝั่งหนึ่ง เป็นฝั่งของสีน้ำยี่ห้อต่างๆ มีหลายสีหลายโทนให้เลือกตามที่ต้องการเลย
“งั้นผมขอแยกไปดูสีตรงนั้นได้ไหมครับ” ไม้มองตามนิ้วเล็กไปยังอีกฝั่งของร้าน เป็นโซนเครื่องเขียนที่มีแผงตั้งไว้อย่างละลานตา ไม้มองหน้าคนตัวเล็กที่มองไปยังโซนนั้นตาเป็นประกาย เห็นแล้วก็อยากจะตามไปดูด้วยว่าตรงนั้นมันมีอะไรที่ทำให้เด็กของเขาตาวาวได้ขนาดนี้
“ไปดูสีของพลับก่อนก็ได้” ไม้พูดแล้วก็เดินจูงมือพลับไปยังอีกฝั่ง พลับบอกว่าแยกกันดูก็ได้เพราะว่าเขาต้องเลือกสีนานแน่นอน พลับไม่อยากให้พี่ไม้มายืนคอยอยู่ แต่ไม้ก็ยังยืนว่าไม่เป็นไรยืนมองพลับเลือกหลอดสีต่างๆ เขาเป็นคนสายวิทย์ มองสีพวกนี้ไม่ออกหรอก ที่เห็นๆ พลับเลือกอยู่มันก็เป็นสีฟ้าเหมือนกันหมด แต่พลับดันบอกว่า สีฟ้าเหมือนกันแต่ก็มีแยกไปอีกว่าสีฟ้าแบบไหน บอกเลยว่าไม้ดูไม่ออกจริงๆ
“นี่ไงครับมันไม่เหมือนกัน สีฟ้าอันนี้มันจะเข้มกว่านิดหน่อย ส่วนอันนี้มันจะดูพาสเทลกว่า ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าซื้อหลอดไหนดี”
ไม้มองใบหน้าของพลับที่เพ่งมองหลอดสีในมือด้วยใบหน้าที่จริงจัง พิจารณาไปยังส่วนประกอบของสีเพื่อตัดสินใจ หยิบชาร์ตสีมาดูแล้วดูอีกไม่รู้กี่รอบ คนตัวเล็กก็ยังตัดสินจไม่ได้ เพราะพลับคิดว่ามันก็สวยทั้งสองสีเลย สีที่ชื่อว่า cerulean ก็สวย ลงงานแล้วทำให้งานดูซอฟต์ลง แต่สีที่ชื่อ sky ก็ทำให้ดูสดใส คิดไปคิดมาก็เลือกไม่ถูกเลย
“แค่เลือกสีทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นล่ะหืม? ถ้าเลือกไม่ถูกก็เอาไปทั้งสองสีเลยสิ”
ไม้เห็นว่าเลือกไม่ได้เสียทีก็เลยเสนอทางออกให้ แต่คนตัวเล็กดันหันมาทำหน้าตาเครียดกว่าเดิมแล้วส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ ผมต้องเลือกแค่หลอดเดียว”
พูดแล้วก็กลับไปทำคิ้วขมวดใส่สีในมือ นั่นยิ่งทำให้ไม้ไม่เข้าใจไปใหญ่ จนกระทั่งมองไปที่ราคาของสีก็ทำเอาไม้ประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย สีหลอดเล็กเท่านี้แต่ราคานี่ไม่ธรรมดาเลย เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพลับถึงได้ต้องเลือกแค่หลอดเดียว และเข้าใจด้วยว่าทำไมเจ้ากล้าน้องชายของเขาถึงชอบมาไถเงินเขาไปซื้อสี ถึงมันจะไม่ได้แพงมากสำหรับเขาแต่สำหรับนักศึกษาที่ต้องซื้อของเหล่านี่ตลอดก็ถือว่าราคาไม่เบาเลยทีเดียว
“งั้นเอาสีนี้...งื้อ แต่สีนี้มันก็สวยนะ” พลับวางสีในมือลงหนึ่งสี แต่ก็ยังหยิบขึ้นมาอีกเหมือนกับว่ายังตัดใจไม่ได้ ไม้มองเด็กตรงหน้าแล้วก็เอ็นดูขึ้นมา สุดท้ายเขาเลยหยิบสีในมือของพลับมาใส่ตะกร้าทั้งสองหลอดเลย พลับอ้าปากหวอรีบยื้อตระกร้านั้นคืนมา พลางโวยวายหงุงหงิงว่าซื้อพร้อมกันสองหลอดไม่ได้จริงๆ
“เดี๋ยวพี่จ่ายให้ครับ ขืนยังปล่อยให้พลับเลือกแบบนี้ ร้านปิดพี่ก็คงไม่ได้ซื้อปากกาของพี่ซักที” ไม้พูดหยอกพลางยกมือขึ้นขยี้เส้นผมจนฟูแล้วเดินจูงมือนำไปทางตู้ปากกา
ไม้บอกรุ่นของปากกาหมึกซึมที่ใช้ประจำกับทางพนักงาน แต่เพราะว่ารุ่นนั้นหมดพอดี พนักงานก็เลยแนะนำปากการุ่นใหม่ให้ ทำให้ไม้ต้องใช้เวลาในการเลือกซักเล็กน้อย
“พี่ว่าผมเลือกสีนาน พี่ไม้ก็เลือกปากกานานเหมือนกันนะครับ”
พอได้ที เด็กที่ยืนข้างๆ ก็ยื่นหน้าเข้ามาล้อเลียนเขาใหญ่ เห็นรอยยิ้มทะเล้นแล้วไม้ก็มันเขี้ยวยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มให้ฟูไม่เป็นทรงอีกครั้งแล้วหันกลับมาเลือกปากกาต่อ
หลังจากเลือกปากกาเสร็จ ไม้ก็พาพลับไปทานข้าว เด็กของเขายังคงกินจุเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะกินขนมปังรองท้องมาแล้วก็เถอะ
“ไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้นะครับ”
“ผม...อิ่มแล้วครับ”
ไม้อมยิ้ม คนตัวเล็กบอกว่าอิ่มแต่ก็ยังมีสีหน้าลังเลท่าทางเกรงใจเขาอยู่ แถมตากลมก็จ้องไปที่เมนูของหวานตาวาว มองจากนอกโลกไม้ยังดูออกเลยว่า เจ้าเด็กคนนี้ยังไม่อิ่มและยังอยากกินของหวานเพิ่ม
“อิ่มแล้วเหรอ พี่กะว่าจะสั่งขนมมากินตบท้ายเสียหน่อย เสียดายจัง”
“อ๊ะ งั้นผมช่วยพี่ไม้กินก็ได้ครับ”
ไม้หลุดขำแล้วเรียกพนักงานมาสั่งของหวานเพิ่ม ขนมที่สั่งมาเพิ่มเขากินไปแค่ไม่กี่คำเพราะจุกจนกินต่อไม่ไหวแล้ว ขนมส่วนที่เหลือก็โดนเจ้าเด็กพลับจัดการจนเกลี้ยง ไม้นั่งมองพลับตักขนมเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างเพลินตา เป็นเด็กที่กินได้น่าอร่อยจริงๆ เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มกลมตุ่ยออกมาทั้งสองข้างเลย
“สั่งเพิ่มอีกมั้ย” ไม่ลองถามอีกครั้งเพราะเห็นขนมหวานถ้วยนี้ใกล้หมแล้ว แต่พลับก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะอิ่มแต่อย่างใด คนตัวเล็กรีบเงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธ หากไม้สั่งมาอีกพลับคงต้องยอมปล่อยให้เหลือแล้วแหละ เพราะตัวเขาเองก็เริ่มจุกแล้วด้วย และที่สำคัญเลย ช่วงนี้พลับรู้สึกว่าตัวเองกินเยอะเกินไปมาก กำลังกายก็ไม่ค่อยไปออก เพราะขลุกอยู่กับไม้ตลอด ทำให้หน้าท้องเริ่มป่องมีพุงขึ้นมันมานิดหน่อย
“พอแล้วครับ สั่งมาพี่ก็ไม่กิน ปล่อยให้ผมกินคนเดียวตลอดเลย ช่วงนี้ไม่ได้ไปวิ่งด้วย พุงเริ่มจะออกแล้ว เห็นมั้ยครับ” บ่นแล้วก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ แต่อีกมือหนึ่งก็ยังคงถือช้อนตักขนมขึ้นกินอยู่ไม่ขาดปาก 
“งั้นพรุ่งนี้ไปว่ายน้ำออกกำลังกายด้วยกันมั้ยครับ สระน้ำคอนโดใหญ่อยู่นะ คนไม่เยอะด้วย”
“ไปครับ ไปๆ” พอได้ยินคำว่าด้วยกัน พลับก็หูผึ่งรับพยักหน้าตกลงอย่างไม่ต้องคิดเลย พรุ่งนี้เป็นวันหยุดก็จริงแต่พลับก็มีการบ้านต้องทำ คนตัวเล็กคิดว่าค่อยกลับมาทำตอนเย็นก็ได้ การบ้านน่ะทำตอนไหนก็ได้ แต่จะได้ไปว่ายน้ำกับไม้น่ะคงไม่ได้มีโอกาสบ่อยๆ แน่นอน
“เอ๊ะ ขอโทษด้วยครับ พี่ลืมไปเลยว่ามีงานค้างต้องเคลียในวันหยุดพรุ่งนี้”
“อ่า...งั้นไม่เป็นไรครับ”
เดิมทีพรุ่งนี้ไม้วางแผนไว้ว่าจะตรวจงานนักศึกษาให้เสร็จแล้วจะได้กรอกคะแนนเสียที แต่พอพูดไปแบบนั้น อาการดีใจของพลับก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นท่าทางไหล่ตกหงอยๆ แต่ก็ยังคงบอกเขาว่าไม่เป็นไร ไม้เห็นแล้วก็รู้สึกขำในใจ แล้วอยากแกล้งเล่นขึ้นมา
“แต่พี่จะรีบทำให้เสร็จภายในคืนนี้ก็ได้ครับ”
“อ๊ะ…”
“แต่ถ้าทำไม่ทัน ว่ายน้ำพรุ่งนี้พี่ก็ต้องขอเลื่อนไปก่อนนะครับ”
“อ่า...ก็ได้ครับ”
พลับมองอาการดีอกดีใจจนไหล่ตั้งสลับกับท่าทางเสียดายไหล่ตกของคนตัวเล็กแล้วก็ลอบยิ้ม เวลาพลับรู้สึกอะไรก็จะแสดงออกมาตรงๆ ต่างกับเขาที่ดีใจอยู่ก็ต้องพยายามรักษามาดเอาไว้ อาจเป็นเพราะอายุของเขาและหน้าที่การงาน เวลาทำอะไรก็ต้องไว้มาดสุขุมจนเคยชิน แต่ตอนนี้ไม้รู้สึกว่าอยากจะปล่อยตัวปล่อยใจตัวเองมากขึ้น ดีใจก็อยากให้รู้ว่าดีใจ อยากเจอก็แสดงออกไปให้พลับได้รู้ว่าอยากเจอ
“หึหึ อย่าทำหน้าจ๋อยแบบนั้นสิครับ พี่จะพยายามทำให้เสร็จคืนนี้แหละ พรุ่งนี้จะได้พาเด็กไปเล่นน้ำทั้งวันเลย”
ไม้ยกมือขึ้นจิ้มแก้มนุ่มแล้วกอดคอพาเดินออกจากร้านอาหารหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เจ้าของแก้มก็หายจ๋อยขึ้นมาทันทีถึงแม้ในใจจะแอบเถียงว่าจะไปออกกำลังกายไม่ใช่ไปเล่นน้ำเหมือนเด็กซักหน่อย แต่ก็นั่นแหละต่อให้ไม้มองเขาเป็นเด็กก็ไม่โกรธหรอก พลับยอมเป็นเด็กของพี่ไม้คนเดียว

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ระหว่างที่เดินกลับไปที่ลานจอดรถ ทั้งสองก็เดินผ่านฮอลล์ขนาดใหญ่กลางในห้าง ด้านในมีการจัดงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงอยู่ ไม้เห็นเด็กข้างๆ มองเข้าไปในงานอย่างสนอกสนใจก็เลยจูงมือเปลี่ยนทิศทางจากลานจอดรถเป็นเดินเข้าไปในงานนั้นแทน
“ยังไม่ดึกมาก ออกไปตอนนี้รถก็ติด เราเข้าเดินเล่นในนี้กันก่อนดีกว่านะ”
ไม้ทำทีเป็นชวน เด็กของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปมองสัตว์ต่างๆ ที่นำมาโชว์และขายในงานอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะโซนสัตว์ตัวเล็กอย่างหนูและกระต่ายสายพันธุ์ต่างๆ
“พี่ไม้ไม่ชอบสัตว์เหรอครับ?” พลับถามเมื่อมีกระต่ายตัวอ้วนวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาดมรองเท้าแล้วไม้ก็ขยับหนีทันที อีทั้งก่อนหน้านี้พลับเห็นไม้เอาแต่ยืนดูอยู่เฉย ไม่ได้ยื่นมือออกมาลูบตัวสัตว์น่ารักๆ เหมือนที่คนอื่นทำ
“รู้สึกเฉยๆ ครับ ก็เห็นว่ามันน่ารักดี”
“ผมนึกว่าพี่ไม่ชอบเสียอีก เห็นเมื่อกี้ขยับตัวหนีเจ้านี่ใหญ่เลย” พลับอุ้มกระต่ายขึ้นมาให้ทำเป็นยื่นไปทางไม้ คนตัวสูงก็รับไปอุ้ม ไม่ได้รังเกียจอะไร แถมประคองก้นอุ้มอย่างถูกวิธีเสียด้วย
“พี่ไม่ได้ไม่ชอบครับ เคยเลี้ยงด้วยซ้ำ”
“หืม พี่เคยเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอ จริงเหรอครับ?” พลับตาโตมองผู้ใหญ่ตรงหน้า นึกภาพไม้ตอนที่เลี้ยงกระต่ายไม่ออกจริงๆ ไม้เองพอเห็นท่าทางตกใจก็พลับก็หัวเราะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้ดู เป็นหลักฐานว่าเขาเคยเลี้ยงเจ้าสัตว์ขนปุยชนิดนี้จริงๆ
“เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกน่ะ เคยช่วยกันเลี้ยงกับกล้าครับแต่ตอนนั้นยังเด็ก แต่เพราะเห่อเกินไปมั้ง จับอุ้ม จับเขย่าตลอดเลย เลี้ยงไม่ถึงอาทิตย์ก็เฉามือตาย ดูกล้าสิร้องไห้ใหญ่เลย” พลับดูรูปในโทรศัพท์แล้วก็ยิ้ม เป็นรูปเด็กผู้ชายอายุประมาณ 5-6 ขวบคนหนึ่งที่อุ้มกระต่ายไว้แนบอกแล้วหันมาร้องไห้จนขี้มูกโป่งกับกล้อง น้ำตาไหลเลอะหน้าตาดูมอมแมมอีกทั้งอวบอ้วนเจ้าเนื้อจนพลับดูไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กคนนี้คือกล้า
“เด็กอ้วนคนนี้คือกล้าเหรอครับ” พลับคืนกระต่ายในมือให้กับพนักงานประจำบูท จากนั้นก็หันมาสนใจรูปในโทรศัพท์ของไม้
“ใช่ ตอนเด็กกล้าตุ้ยนุ้ยน่ารัก ดูรูปนี้สิครับเจ้าเนื้อมากเลย” ไม้พูดไปยิ้มไป เปิดรูปน้องชายตัวเองในวัยเด็กให้พลับดูใหญ่ พลับเองที่เพิ่งรู้ว่ากล้าเคยอ้วนขนาดนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ออกกำลังกายเกือบตลอดในวันนี้จะเคยเป็นเด็กอ้วนมาก่อน และที่น่าเอ็นดูมากที่สุดก็คือไม้นี่แหละ ไม้เก็บรูปตอนเด็กของกล้าไว้เยอะมาก พลับเดาเอาเองว่าไม้คงจะหลงน้องชายน่าดูแต่ตอนนี้น้องโตแล้วคงหลงมากไม่ได้
“โอโห รูปนี้นี่สุดๆ ไปเลย พี่ไม้ส่งรูปนี้ให้ผมได้มั้ยครับ ผมอยากส่งให้พีชดู” พลับหัวเราะจนตาหยี รูปที่ไม้ให้ดูล่าสุดนี้ คือเด็กชายกล้าในวัยประมาณสามขวบที่ยืนโป๊ไม่ใส่เสื้อผ้าเลย อีกทั้งยังแอคท่าเท่เสียเหลือเกินทำเป็นยกมือขึ้นแตะคางกลมๆ แล้วยิ้มหน้าเหยเกจนเห็นฟันหลอสองซี่ เป็นรูปที่น่าเอ็นดูมาก แต่จุดประสงค์หลักที่พลับขอไปก็คืออยากจะเอาไปล้อกล้าน่ะ
“อยากได้แต่รูปกล้า ไม่อยากได้รูปพี่ไปเก็บไว้บ้างเหรอครับ ช่วงวัยรุ่นพี่หล่อมากๆ เลยนะ”
พลับเลิกคิ้วเงยหน้ามองคนพูดเล็กน้อยแล้วก้มมองดูรูปในโทรศัพท์นั้น เด็กผู้ชายวัยรุ่นประมาณมัธยมต้น อมยิ้มนิดๆ แล้วมองกล้อง ไม้ตอนวัยละอ่อนนั้นหล่อมากจริงๆ นั้นแหละ คงป๊อปปูล่าน่าดู พลับดูรูปแล้วอมยิ้มพลางเงยหน้ามองไม้ในวัยยี่สิบแปดปี จ้องใบหน้านั้นเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มกว้างเพราะว่าตอนนี้พี่ไม้ก็หล่อ
“หล่อมากจริงๆ ด้วยครับ...แต่ตอนนี้ก็หล่อ”
ไม้ฟังแล้วก็หันหนีไปทางอื่นเพราะรู้สึกแก้มเขามันร้อนขึ้นเล็กน้อย เขินเพราะโดนเด็กชมว่าหล่อนี่แหละ คนที่เอ่ยปากชมก็เขินตาม ยกมือขึ้นกุมแก้มอุ่นของตัวเองแล้วก็หมุนตัวออกไปอีกทาง
“แล้วพลับชอบพี่ตอนไหนมากกว่ากันครับ ตอนวัยรุ่นหรือตอนนี้”
“...ตอนนี้ครับ”
คนตัวเล็กตอบเสียงเบา ช้อนตามองไม้แล้วก็หลุบตาลงแล้วเดินหนีไปทางกรงกระต่ายที่อยู่อีกฝั่งของบูทนี้ ไม้หัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ร้อนวูบวาบของตัวเองพร้อมมองแก้มกลมที่แดงเรื่อของพลับไปด้วย ถ้าคนไม่เยอะเขาคงยกมือขึ้นบีบแก้มนั้นให้หายมันเขี้ยวไปแล้ว
“ดูตัวนี้สิครับ ตัวอื่นเขานอนกันนิ่งๆ มีตัวนี้เคี้ยวมุบมิบอยู่ตัวเดียวเลย น่ารักจัง” พลับหัวเราะคิกคัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปลูกกระต่ายตัวน้อยเอาไว้ จากนั้นก็หยิบใบหญ้าแห้งมาวางไว้ข้างๆ เจ้ากระต่ายขนสีเทานั้นแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว
“พลับชอบกระต่ายเหรอ ซื้อกลับไปเลี้ยวซักตัวสิ” ไม้เห็นว่าพลับดูสนใจกระต่ายก็เลยแนะนำ แต่คนตัวเล็กหัวเราะออกมาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ก็อยากเลี้ยงอยู่หรอกครับ แต่ว่าค่าใช้จ่ายมันเยอะ ผมจ่ายไม่ไหว”
“แล้วอยากเลี้ยงมั้ยครับ”
“ถึงบอกว่าอยากก็เลี้ยงไม่ได้ พีชอาจแพ้ขนกระต่ายหรือฝุ่นจากหญ้าแห้งพวกนี้ก็ได้ครับ” พลับยังคงปฏิเสธ ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังกระต่ายตัวจ้อยที่เคี้ยวหญ้าใบยาวไม่หยุดปาก ความจริงพลับชอบสัตว์ อยากจะเลี้ยงแต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะกลัวว่าพีชจะแพ้ขนพวกมัน พีชค่อนข้างแพ้ง่าย และเวลาแพ้อะไรทีก็จะเป็นหนัก ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าแพ้ขนกระต่ายหรือเปล่าแต่พลับก็ไม่อยากเสี่ยง ดูความน่ารักจากในคลิปตามอินเตอร์เน็ตก็เพียงพอแล้ว
ไม้มองแววตาพลับ มองตามนิ้วมือที่จิ้มๆ จับๆ ไปที่ขนนุ่มฟูของกระต่ายแล้วยิ้มออกมา ดูก็รู้ว่าคงอยากเลี้ยง เขาเองก็มีความรู้สึกว่าอยากซื้อเจ้ากระต่ายนี้ให้ เขาอยากเห็นพลับดีใจ อยากเห็นแววตาและสีหน้าที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้
“ขอโทษนะครับ ผมขอจะซื้อกระต่ายตัวนี้ แล้วก็ช่วยจัดอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดให้ด้วยนะครับ” ไวกว่าสมองก็ใจของไม้นี่แหละ เห็นแววตาเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นของพลับไม่ทันไรก็จัดการซื้อให้เสียแล้ว หันไปสั่งพนักงานประจำบูทเสร็จแล้วก็หันมามายิ้มให้เด็กที่ยืนหน้าตื่นอยู่ข้างๆ อา... ไม้อยากเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจ มากกว่าท่าทางตื่นตะหนกแบบนี้นะ
“พี่ไม้ ผมเลี้ยงไม่ได้จริงๆ ครับ หอผมเล็กนิดเดียวเลี้ยงไม่ได้ด้วยครับ ละ...แล้วก็พีชอาจจะแพ้ ถ้าแพ้แล้วผื่นต้องขึ้นแน่เลย” พลับรีบปฏิเสธ โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน เพราะกลัวว่าเอากลับห้องไปแล้วพีชจะแพ้ พลับจำได้ไม่ลืมว่าในตอนเด็กนั้นพีชแพ้ขนสัตว์อะไรซักอย่างหลังจากที่ไปเที่ยวสวนสัตว์พอกลับบ้านไป ผื่นขึ้นและแดงไปทั้งตัวเลย พลับกลัวว่าพีชจะเป็นแบบนั้นอีก
“ใจเย็นๆ ให้อยู่ที่ห้องพี่ก็ได้ครับ พื้นที่เยอะแยะ ค่าใช้จ่ายอะไรพี่จะรับผิดชอบเอง”
ไม้พูดอย่างใจเย็น พลับคิดตามแล้วก็ดูว่าคงไม่มีปัญหาอะไร จะกลัวก็แต่เจ้ากระต่ายนี่จะไปเป็นภาระของไม้รึเปล่าแค่นั้นเอง แต่ถึงกลัวว่าเป็นภาระยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะซื้อมาแล้ว อีกอย่างกระต่ายตัวนี้ก็ถูกใจพลับเสียด้วย
พอมาถึงคอนโด พลับก็ช่วยจัดแจงพื้นที่วางกรงและอุปกรณ์ต่างๆ ลงในห้องนั่งเล่นของไม้ เขามองดูเจ้ากระต่ายที่ยังคงเอาแต่กินไม่หยุดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเอาไว้ ส่วนไม้ก็นั่งอ่านคู่มือการเลี้ยงอยู่ใกล้ๆ กัน
“คนขายบอกว่า กระต่ายย้ายที่ใหม่ๆ อาจมีซึมบ้างเล็กน้อย แต่ผมไม่เห็นเจ้านี่จะซึมอะไรเลย กินเอาๆ” พูดแล้วก็ถอยออกมานั่งข้างไม้พร้อมเขย่ากระปุกผลไม้อบแห้งสำหรับสัตว์ เจ้าตัวจิ๋วก็รีบวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาทันที
“เหมือนพลับเลยนะครับ”
“เหมือนยังไงเหรอครับ....” พลับหันไปยิ้ม กำลังจะหยอกว่าน่ารักเหมือนกันรึเปล่า แต่ไม้ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน จนคนตัวเล็กยู่ปากใส่
“กินจุเหมือนกัน ดูสิ ป้อนเท่าไรก็ไม่อิ่ม พี่คิดว่าในท้องตองมีหลุมดำเหมือนกันแน่เลย” ไม้พูดกก็แล้วยิ้ม เห็นสีหน้าที่พลับทำก็หัวเราะออกมา ยกมือขึ้นขยี้หัวทุยอย่างมันเขี้ยว “เราจะตั้งชื่อว่าอะไรดีครับ”
“พี่ไม้เป็นคนตั้งดีกว่าครับ พี่ซื้อมานะ” พลับคิดว่าให้คนออกตังค์เป็นคนตังชื่อดีกว่า ไม้มองและยื่นมือไปเขี่ยขนนุ่มฟูของเจ้ากระต่ายที่ยังคงยัดใบหญ้าเข้าปากตัวเองแล้วก็หันมามองพลับที่ทำแก้มป่องจ้องมาที่เขารอฟังชื่ออย่างใจจดใจจ่อ ไม้อมยิ้มแล้วก็บอกชื่อที่อยู่ในใจออกไป
“เจ้านิ่ม...”
“หมายถึงกระต่ายใช่มั้ยครับ….” พลับถามอย่างไม่แน่ใจ ไม้ตั้งชื่อกระต่ายแต่ตากลับจ้องมาเขาจนพลับเริ่มเขิน ยกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเองเล็กน้อย เพราะคิดว่าอาจจะมีอะไรติดหน้าจนทำให้ไม้จ้องไม่วางตาแบบนี้ก็ได้ ไม้พยักหน้าแล้วยิ้มมองเด็กแก้มแดงตรงหน้าแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ในใจก็ผุดประโยคหนึ่งขึ้นมา เป็นประโยคที่ไม้คิดว่าหากพูดออกไปมันคงแปลกพิลึกดูไม่เข้ากับคนอย่างเขา ไม่พูดคงจะดีกว่า แต่ไม้ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านี้เขาบอกตัวเองว่าเวลาอยู่กับพลับจะพยายามทำอะไรตามใจไม่รักษามาดสุขุมดูบ้าง แล้วคำพูดที่ผุดขึ้นมานี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีด้วย
“...เจ้ากระต่ายน่ะขนนิ่ม แต่เจ้าเด็กคนนี้น่ะแก้มนุ่ม” พูดเสียงนุ่มที่ติดสั่นเล็กน้อยเพราะรู้สึกกระดากเขิน แต่พอเห็นแก้มนวลนั้นแดงเถือกขึ้นมา ไม้ก็ยิ้มกว้างอดใจไม่ไหวที่จะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มคนตรงหน้า ก่อนจะโน้มตัวลงไปหอมแก้มนั้นเบาๆ แล้วผละออก มองหน้าพลับอีกเล็กน้อยแล้วก็ก้มลงไปหอมแก้มอุ่นอีกข้างหนึ่งไม่ให้น้อยหน้ากัน
“ผมเขิน” พลับพูดสั้นๆ แล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง ไม้หัวเราะพยายามจะเชยคางเด็กขึ้นให้มองหน้าเขา ไม้เองก็เขินตั้งแต่คำพูดหวานเลี่ยน อย่างเจ้าแก้มนุ่มอะไรนั่นแล้ว แต่เพราะเห็นว่าพลับเขินหนักจนแดงไปทั้งใบหน้า ใบหู อารมณ์อยากแกล้งอยากเย้าก็เลยมีมากกว่าอารมณ์เขิน
“แค่หอมแก้มยังเขินจนมุดหน้าหนีขนาดนี้ แล้วเมื่อไรพี่จะได้อะไรที่มากกว่าแค่หอมแก้มล่ะครับ”
“ผมเขิน...แต่ก็ทำได้ครับ”
ไม่แทบจะหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเด็กที่อายจนมุดหนี ยอมเงยหน้ามองเขาแถมยังมองมาด้วยแววตาที่รอคอยเสียด้วย ไม้เองก็คิดว่าเป็นแฟนกันแล้วเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แถมตอนนี้ไม้เริ่มมั่นใจในความรู้สึกเขามากกว่าเดิม ไม้ยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเขาชอบพลับ แล้วไอ้ความรู้สึกชอบของเขานี้กำลังพัฒนาไปเป็นรักในไม่ช้านี้แน่นอน
 “รู้เหรอว่าพี่จะทำอะไร” ไม้พูดเสียงเบา สองมือที่บีบแก้มนั้นก็เปลี่ยนมาประคองใบหน้าไว้แทน พลับมองตาไม้ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แล้วเม้มปาก
“จูบ…” พูดออกไปทั้งที่อายมาก และถึงแม้ว่าจะอายขนาดไหนพลับก็อยากจูบ อยากสนิทกับไม้แบบคนรักมากกว่าเดิมไปอีกขั้นหนึ่ง
ไม้ยิ้มค่อยขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เด็กตรงหน้าเขาค่อยหลับตาลงช้าแล้วเผยอปากขึ้น ก่อนหน้านี้แค่ตั้งใจว่าจะแกล้งพูดเล่นแท้ๆ แต่เห็นเด็กทำหน้าแบบนี้ใส่ ไม้ก็ไม่อยากให้พลับต้องคอยเก้อ
ไม้หลับตาลงแล้วประทับริมฝีปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากนุ่มชุ่มชื่นของพลับอย่างช้าๆ นี่ไม่ใช่จูบแรกของไม้แต่มันก็ทำให้ใจของเขาเต้นระรัวได้อีกครั้ง ไม้รู้สึกได้ถึงอาการใจหวิวของตัวเอง สองมือที่ประคองแก้มนั้นขยับจับให้พลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พอได้องศาที่พอเหมาะไม้ก็ขบเม้มปากเล็กนั้นเบาๆ อย่างอ่อนโยน
นี่ไม่ใช่จูบแรกของพลับแต่ก็มาจากผู้ชายคนแรกที่พลับได้จูบ และมันยังคงทำให้พลับใจเต้นระรัวคุมจังหวะไม่อยู่เหมือนครั้งนั้น มันหวิวๆ จนเหมือนกับว่าหัวใจของเขามันลอยออกมาอยู่กลางอากาศ พลับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยตามที่ไม้ต้องการแล้วก็เผลอครางอืออาในลำคออย่างไม่รู้ตัวเมื่อริมฝีปากโดนขบเม้มอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน ไม่ได้รุนแรงและบุ่มบ่ามเหมือนคืนนั้น ไม้ผละออกช้าๆ คนตัวเล็กลืมตาแล้วเม้มปาก ไม้ส่งยิ้มให้พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากฉ่ำ มองดูแล้วก็ต้องก้มลงไปจุ๊บเบาๆ อีกครั้ง
พลับมองตาไม้แล้วยิ้มหวานขอบคุณไม้ผ่านทางสายตา ขอบคุณสำหรับความอ่อนโยนที่ได้รับ
ไม้มองรอยยิ้มหวานจ๋อยนั้น แล้วอยากจะบอกพลับเหลือเกินว่าหยุดทำแบบนั้นได้แล้ว หยุดส่งยิ้มที่ทำให้ใจเขาสั่นแบบนี้เสียที เขาตั้งตัวไม่ทัน กลัวว่าจะตกหลุมรักเร็วเกินไป
“ผมชอบพี่ไม้นะครับ” บอกเสียงแผ่วแล้ว ส่งยิ้มหวานมาให้แล้วซบหน้าลงกับไหล่ของไม้อย่างเขินอาย พลับเขินมาก แต่ก็อยากบอกให้ไม้รู้ว่าใจพลับรู้สึกอย่างไร
ไม้ได้ฟังแล้วก็ยิ้ม ยกสองมือขึ้นลูบแผ่นหลังบาง ก้มหน้าลงฝังปลายจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่ม...ไม้คิดว่าเขาคงไม่ต้องกลัวว่าจะตกหลุมรักเร็วเกินไปแล้วล่ะ เพราะมันคงไม่ทันเสียแล้ว...

มาแล้ว พี่ไม้มาแล้วววว~ อยากจะบอกพลับว่า หลังจากนี้หนูจะก้าวไปอีกหลายขั้นเลยลูกกก 55555
ไม่อยากจะสปอยล์ตอนหน้าเลย แต่ก็บั่บบ...เตรียมทิชชู่มากันด้วยนะคะ มีกรุบกริบๆ นิดนุงนะ >///<

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 12 ใจพร้อม อุปกรณ์ไม่พร้อม
หลังจากที่จุ๊บกันพอให้ใจหวิวนิดๆ หน่อยๆ ไม้ก็มาขับรถมาส่งพลับที่คอนโด แต่พอถึงที่หมายคนตัวเล็กเอานั่งหน้าแดงมองหน้าเขาไม่ยอมลงรถไป แถมทำหน้าตาเหมือนว่ารอคอยอะไรบางอย่างจากเขา และไม้รู้ว่าพลับรออะไร
เขาโน้มตัวลงไปหอมแก้มนุ่มสองครั้งแล้วผละออก แล้วก็รู้สึกขำในใจเพราะหน้าตาเจ้านิ่มของเขานั้นดูผิดหวังจนเห็นได้ชัดเชียวล่ะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากให้พี่หอมแก้มเหรอครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้น...” พลับส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าไม่ยอากให้ไม้หอมแก้ม แต่แค่อยากให้ทำอย่างอื่น ไหนๆ ก็มาถึงขั้นจุ๊บกันแล้ว เขาก็เลยอยากได้จุ๊บลาจากแฟน แต่ก็รู้สึกเขินจนพูดไม่ออก ยิ่งนั่งต่อไปก็ยิ่งเขินมากกว่าเดิม เพราะคนข้างๆ เอาแต่อมยิ้มอยู่ตลอด พลับคิดว่าไม้รู้ว่าตัวเขานั้นต้องการอะไร แต่พลับโดนแกล้งอยู่แน่ๆ “ผมไปดีกว่า เดี๋ยวพี่กลับดึกไปมากกว่านี้”
ไม้หัวเราะในลำคอ สอดส่ายสายตามมองดูรอบๆ จนมั่นใจว่าไม่มีนักศึกษาคนอื่นอยู่แถวนี้ ก็ดึงแขนเด็กที่กำลังเปิดประตูให้หันกลับมา แล้วโน้มตัวลงไปหา ริมฝีปากทั้งคู่แตะกันเล็กน้อยแล้วไม้ก็ผละออก ถึงแม้ว่าจะยังอยากจูบต่ออีกซักหน่อย แต่ที่นี่มันก็ย่านหอพักนักศึกษา หากมีคนบังเอิญมาเห็นแล้วจำเขาได้ มันก็ดูไม่ดี แต่ไม้มั่นใจว่าแค่จุ๊บเบาๆ เมื่อครู่นี้ทำให้พลับพอใจแล้ว เพราะเด็กของเขานั้นแย้มยิ้มหวานจนตาหยี น่ารักน่าเอ็นดูจนต้องบีบแก้มนิ่มนั้นให้หายมันเขี้ยว
“รีบขึ้นห้องได้แล้วครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับไปว่ายน้ำนะ”
“หากงานพี่ไม้ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรครับ ไว้ครั้งหน้าก็ได้” พลับไม่อยากให้ไม่หักโหมเท่าไร เขาไม่รู้ว่างานที่ไม้ต้องทำมันเยอะขนาดไหน หากคืนนี้ไม่เสร็จก็ไม่อยากให้ฝืนทำจนอดหลับอดนอนเพื่อมาว่ายน้ำกับเขา พลับกลัวว่าไม้จะไม่สบาย
“หากไม่ได้ว่าย พี่ก็จะมารับไปนอนเล่นห้องพี่ พลับไม่อยากไปเหรอ”
“อยากไปสิครับ”
พูดแล้วพยักหน้ารัว ไม้หัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วโบกมือลาก่อนจะเคลื่อนรถออกมา สายตานั้นก็จ้องมองอยู่ที่กระจกหลัง มองดูพลับที่ยังคงยืนยิ้มอยู่หน้าหอพักไม่ขยับไปไหน คงจะยืนรอจนรถเขาลับสายตานั้นแหละ เจ้านิ่มถึงได้ขึ้นห้องไป
หลังจากที่ยืนยิ้มมองดูจนไฟท้ายรถของไม้นั้นลับสายตาไปแล้ว พลับก็รีบเดินขึ้นห้องเพราะอยากอวดเจ้ากระต่ายให้พีชดู แต่พลับก็บังเอิญได้รู้ความลับของพีชเสียก่อน...พี่ชายของเขานั้นกำลังแอบชอบกล้าอยู่ เขาเดาว่าพีชคงแอบชอบกล้ามานานระยะหนึ่งแล้ว เพราะสมุดต้องห้ามนั้นของพีชนั่นน่ะ พลับเห็นพีชใช้มานานแล้วเหมือนกัน 
หลังจากที่พลับได้รู้ความลับนั้น พีชก็เกาะเขาแจ คอยสะกิดให้หันไปมองแล้วก็บอกอยู่แต่บอกประโยคเดิมๆ ว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด จากที่ตลกกับท่าทางของพี่ชายก็กลายเป็นหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
 ‘ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นนะ พี่ไม้ก็ห้ามบอก หากมีคนอื่นรู้ เราจะไม่คุยกับพลับ’
“รู้แล้วน่า พีชย้ำคำนี้มาร้อยรอบแล้วมั้ง ตั้งแต่ออกจากห้องกล้า มาอาบน้ำ จนจะเข้านอนอยู่แล้วเนี่ย” พลับถอนหายใจก่อนจะออกเสียงให้พีชอ่านปากเอง เพราะเขาเมื่อยมือที่จะสื่อสารแล้ว
‘ก็ต้องย้ำเยอะๆ ไง พลับจะได้ไม่เอาไปบอกคนอื่น อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ’ พีชเป่าลมหายใจใส่น้องชายตัวเองอย่างไม่พอใจ ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมทำสีหน้าจริงจัง หากพีชไม่ย้ำ พลับต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ไม้แน่ๆ   
“หากพูดอีกที จะแปะป้ายกระกาศให้ทั่วมหา’ลัยเลย”
‘พลับนิสัยไม่ดีเลย’ พีชจิ้มนิ้วใส่แก้มพลับรัวๆ จนอีกฝ่ายปัดนิ้วเขาอย่างไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ที่พลับไม่สบอารมณ์ก็เพราะว่าเขาเคยบอกพีชไปแล้วว่าอย่ามายุ่งกับแก้มเขา แก้มนี้น่ะ เป็นของพี่ไม้ไปแล้ว พลับเก็บไว้ให้พี่ไม้จับได้คนเดียว
“ก็พีชอ่า...กลัวอะไรนักหนา บอกกล้าไปมันก็คงไม่โกรธหรอก”
‘บอกไม่ได้...อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้’
พีชรีบส่ายหน้า พลับก็บุ้ยปากใส่ ตั้งแต่กลับมาจากห้องกล้า เขาก็ยุให้ลองสารภาพดูหลายครั้งแล้ว เพราะกล้าคงไม่เกลียดพีชแน่ๆ แต่พีชก็จะเอาส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดิมตลอด จนพลับสงสัยว่าทำไมพีชถึงไม่ยอมบอกออกไป เป็นเพราะว่าอายอย่างเดียวแน่เหรอ พลับนิ่งคิด หาสาเหตุที่ทำให้พี่ชายเขาสารภาพออกไปไม่ได้ เพราะตอนที่พลับแอบชอบพี่ไม้ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่กล้าสารภาพออกไปก็คือ อีกฝ่ายมีคนในใจอยู่แล้ว
“ที่ไม่อยากบอก...เพราะมันมีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ”
พีชอ่านปากแล้วนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วทำหน้าเศร้าอย่างช่วยไม่ได้ ไหล่เล็กห่อลง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงก่อนจะเบะออกเล็กน้อยแล้วมองตรงมาที่พลับ ท่าทางแบบนั้นของพี่ชายทำให้พลับรู้สึกจ๋อยตาม เขาเข้าใจดีว่าพีชรู้สึกยังไง ไปชอบคนที่เขาชอบคนอื่นอยู่แล้วเนี่ย ทรมานใจที่สุด พลับรู้ พลับเคยผ่านมันมาแล้ว คิดแล้วก็ขยับเข้าไปกอดไหล่ ลูบหลังฝาแฝดตัวเองเป็นการปลอบใจและให้กำลังใจ
“น่าสงสารจัง กล้าชอบใครอยู่เหรอ เดี๋ยวเราจัดการเขี่ยทิ้งให้” พลับก็บอกด้วยความหวังดีทำท่าดีดนิ้วออก แต่ก็ไม่ได้พูดจริงจังอะไร แค่อยากทำท่างตลกๆ ให้พีชหายเศร้าแค่นั้น แต่พี่ชายของเขานั้นดันเกิดหงุดหงิดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ตะเบ็งเสียงใส่เขาแล้วตีต้นแขนพลับอีกตังหาก
“อา!”
“อะไรอ่า...จะตีทำไมล่ะ นี่อยากจะช่วยให้สมหวังนะ”
พีชทำหน้าดุใส่พลับ อยากจะดึงแก้มนั้นให้ย้วยลงไปจนถึงพื้นเลย ไม่รู้อะไรแล้วยังจะพูด หากรู้ว่ากล้าชอบใครอยู่แล้วจะอึ้ง ก็ตัวพลับเองนั้นแหละ เขี่ยตัวเองทิ้งได้มั้ยล่ะ พีชคิดแล้วก็หงุดหงิด หมันไส้น้องชายตัวเองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยากจะขยำๆ ให้หายมันเขี้ยวนัก
‘ไม่ต้องมายุ่งจะดีที่สุด นอน! คืนนี้ห้ามดิ้นนะ หากดิ้นจะดันลงไปนอนบนพื้น’ พีชตีมือลงบนหมอน กดตัวพลับให้นอนลงแล้วก็ตลบผ้าห่มมาคลุมให้อย่างมิดชิด พลับก็อยากจะดันผ้านวมออกเล็กน้อย เพราะมันคลุมหน้าคลุมหัวจนพลับอึดอัด แต่พี่ชายตัวดีของเขาก็ไม่ยอม ตวัดแขนขามาทับตัวพลับไม่ให้ขยับไปไหนได้
“พีชอ่า อย่ารัดแน่นนักสิ มันอึดอัดนะ ฮื่อ!”
พลับบ่นพ่นลมหายใจออกแรงๆ แล้วพยายามดันแขนพี่ชายออก พลับคิดว่าพีชเป็นคนที่นอนแล้วติดกอดขนาดหนัก เพราะตื่นมาทีไรก็ต้องโดนพีชรัดจนขยับไม่ได้เกือบทุกเช้า เคยเอาหมอนข้างหรือตุ๊กตาให้กอดแล้ว แต่ตื่นเข้ามาเขาก็ยังคงโดนแฝดคนพี่กอดอยู่เหมือนเดิม จนพลับจนปัญญาที่จะห้าม
ทางฝั่งของพีชที่ผงกหัวขึ้นมาอ่านปากแล้วก็อยากจะดีดแก้มน้องชายตัวเองนัก เพราะพลับนั้นแหละที่ทำให้เขาเป็นคนติดกอดติดก่ายแบบนี้ ตอนนอนพลับนั้นดิ้นหนักมากจนเขาต้องรัดเอาไว้ ไม่งั้นก็โดนฟาดแขนฟาดขาใส่จนเขียวไปทั้งตัว พอบอกพลับไปว่าตัวเองนอนดิ้นขนาดไหน เจ้าน้องชายตัวดีก็ไม่เชื่ออีก พีชล่ะอยากจะตั้งกล้องถ่ายไว้ แล้วเอามาให้ดูจริงๆ เลย จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวปัญหาน่ะ
สองแฝดดันกันไปดันกันมาอยู่พักหนึ่งก็เริ่มเหนื่อย พีชคายอ้อมกอดออกเล็กน้อย ส่วนพลับก็หยุดดิ้น นอนหายใจนิ่งๆ จนสองแฝดเริ่มจะเคลิ้มหลับ แต่โทรศัพท์ของพลับก็ส่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน เป็นเสียงข้อความเข้า เขารีบเอื้อมมือไปหยิบมาดู พอเห็นว่าไม้เป็นคนส่งมาก็ยิ้มจนแก้มปริรีบกดเขาไปอ่าน
‘พลับหลับไปรึยังครับ?’
‘ยังครับ พี่ไม้มีอะไรรึเปล่า’
‘ไม่มีอะไร พี่แค่อยากบอกว่า ฝันดีครับ’
พลับมุดหน้าเข้ากับหมอนแล้วยิ้ม ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่ายิ้มจนตาปิดอยู่แน่ๆ
‘พี่ไม้ก็ฝันดีเหมือนกันนะ’
‘ครับผม พลับไปนอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว’
พลับอ่านข้อความนั้นแล้วก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขายังไม่อยากนอน ยังอยากคุยกับไม้ต่ออีกนิด ก็เลยตั้งใจยกเรื่องเจ้ากระต่ายสีเทามาคุยต่อ
‘เจ้านุ่มมีอาการซึมบ้างรึเปล่าครับ’
‘ไม่มีอาการเลย ยังคงเอาแต่กินเหมือนเดิม’
พลับอ่านข้อความแล้วดูรูปภาพที่ไม้แนบมาพร้อมกัน เป็นภาพที่เจ้ากระต่ายยังคงนั่งกินหญ้าแห้งอยู่ที่เดิม พลับดูแล้วขำ ไม่รู้ว่าเจ้ากระต่ายนี่ไปอดอยากมาจากไหน กินตลอดเลย ตัวเล็กนิดเดียวแต่ก็กินไม่หยุดปาก
‘555 เมื่อตอนเย็นหญ้ายังเต็มถ้วยอยู่เลย ตอนนี้อยู่อยู่ไม่ถึงครึ่งแล้ว’
‘ส่งรูปเจ้านุ่มไปแล้ว เจ้านิ่มก็ส่งรูปมาให้พี่ดูบ้างสิครับ’
พลับอ่านแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ เพื่อไปถ่ายรูปในห้องน้ำ เพราะเขากำลังจะเข้านอนเลยปิดไฟไปแล้วและไม่อยากรบกวนพีชที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย  พอเข้ามาในห้องน้ำพลับก็ชูสองนิ้ว ยิ้มยิงฟันใส่โทรศัพท์แล้วส่งไปให้อีกคนที่รอรูปอยู่
ไม้มองรูป ยิ้มตามโดยที่ไม่รู้ตัวและกดเซฟรูปลงเครื่องตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกครู่เดียว ไม้ก็ปล่อยให้พลับไปนอน ถึงแม้ว่าพลับยังอยากคุยต่ออีกแต่ว่าก็ไม่อยากรบกวนไม้แล้ว เพราะอีกฝ่ายนั้นต้องรีบทำงาน หากพลับมัวแต่กวน ไม้อาจจะนอนดึกไปมากกว่านี้

เช้าวันถัดมา ไม้มารับพลับไปที่คอนโด ตั้งใจชวนสองแฝดไปกินเช้าด้วยกันก่อน ไม่ลืมที่จะแวะขึ้นไปปลุกกล้ามากินด้วยกัน แต่น้องชายตัวแสบของเขาก็ดันงัวเงียไม่ยอมตื่น แถมยังดึงตัวพีชเอาไว้ไม่ให้มากับพวกเขาอีกตังหาก
“ผมขอซื้อขึ้นไปฝากพีชได้มั้ยครับ กว่าจะรอกล้าตื่นคงหิวจนท้องกิ่วแน่ๆ” ไม้พยักหน้า ชิงจ่ายเงินค่าข้าวก่อนในขณะที่เด็กตรงหน้ากำลังหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา พลับโวยวายใหญ่เพราะนี่คือส่วนที่เขาจะซื้อขึ้นไปฝากพีช จะให้ไม้มาจ่ายให้มันก็เกินไป คนตัวสูงยิ้มหน้ามึนไม่ได้ตอบโต้อะไร แถมไม่รับเงินที่พลับยื่นไปให้ด้วย
ไม้และพลับเดินขึ้นหอกันอีกครั้ง ยืนเคาะห้องกล้าอยู่สักพักหนึ่งก็ไม่มีคนมาเปิด ก็ปรึกษากันว่าจะแขวนข้าวเปล่าและเกาเหลาไว้ที่หน้าประตู ไม้ส่งข้อความน้องชายตัวเองไว้แล้วเดินจากไป
กล้าที่นอนมองประตูอยู่ พอเห็นว่าเสียงเคาะและคุยกันหน้าห้องนั้นเงียบลงก็ยิ้มออกมา มองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปนอนใกล้ๆ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนหน้านี้พีชคงไม่ได้ตั้งใจจะหลับหรอก แต่กล้าทำเนียนดึงเพื่อนตัวเล็กลงมานอนด้วย แกล้งละเมอทำเป็นกอดก่ายเล็กน้อย พีชเองก็ยอมนอนนิ่งให้กอด พอเห็นท่าทางว่าง่ายแบบนั้นก็แอบยิ้มถึงแม้ว่าในใจลึกๆ ของกล้าก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าทำไมพีชยอมให้กอดง่ายขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นก็จะยอมให้ทำแบบนี้โดยไม่ขัดขืนเหมือนกันรึเปล่า พอคิดว่าจะมีคนอื่นมาทำแบบเขาก็เลยเคืองใจขึ้นมา แล้วนี่เตียงของเขามันสบายมากหรืออย่างไร แค่ไม่กี่นาที่ที่กล้าดึงลงมานอนด้วย พีชก็หลับเสียแล้ว แถมยังกลิ้งตัวเข้ามาซุกแขนเขาเสียด้วย กล้าเลยได้แต่ดีใจและเคืองใจไปพร้อมกันๆ
 
“เจ้านุ่ม กินอีกแล้ว หยุดกินบ้างมั้ยเนี่ย”
พอเข้ามาในห้องได้ พลับก็วิ่งไปหาเจ้านุ่มทันที ก้มหน้าพูดเสียงเล็กใส่เจ้ากระต่ายที่ยัดหญ้าเข้ากระพุ้งแก้มไม่หยุดหย่อน พอโดนนิ้วเล็กๆ ของพลับจิ้มเข้าที่แก้ม กระต่ายตัวกลมขนสีเทาควันบุหรี่ก็ขยับหันไปหนีไปอีกทาง เด็กของเขาก็ไม่ลดละความพยายามขยับตามไปแกล้งกระต่ายแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา
ไม้มองเจ้านุ่มและเจ้านิ่มเล่นกันแล้วก็อยากจะถ่ายรูปเอาไว้ แต่สองมือเขานั้นก็เต็มไปด้วยของของพลับ ทั้งกระดานวาดภาพและกล่องดินสออีอี
“พลับจะให้พี่วางของไว้ตรงไหนครับ”
“ขอโทษครับ วางตรงนี้เลยก็ได้” เพราะมัวแต่สนใจเจ้านุ่มก็เลยลืมไปว่าตัวเองมีของมาด้วย พลับตีพื้นที่ว่างข้างตัวให้ไม้วางของลงตรงนั้นโดยที่ไม่ได้มองหน้าไม้เลย เอาแต่เล่นกับเจ้ากระต่ายตลอด
ไม้มองเจ้านิ่มของเขาที่เอาแต่สนใจเจ้ากระต่ายตัวอ้วน ยกขึ้นมาวางบนตักแล้วป้อนขนมทีละชิ้นๆ พูดเสียงเสียงเล็กเสียงน้อยใส่แล้วหัวเราะคิกคักอย่างน่ารัก ไม้นั่งลงข้างกันๆ ดึงกระต่ายลงจากตักของอีกคน ทำให้พลับเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ
“ไปว่ายน้ำกันเลยมั้ยครับ”
“หืม ตอนนี้เหรอครับ แล้วงานของพี่ล่ะ”
“เดี๋ยวค่อยทำตอนบ่ายก็ได้ ตอนเช้าๆ แบบนี้ สระน้ำไม่มีคนครับ เราจะได้ว่ายได้อย่างเต็มที่”
ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ไม้ถึงเปลี่ยนใจ แต่พลับก็ไม่ขัด รีบเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่เตรียมมา พอลงมาถึงสระพลับก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ สระว่ายน้ำของทางคอนโดเป็นสระยาวและจัดพื้นที่อย่างสวยงาม
“โหว สระใหญ่ดีจัง ผมว่ายแค่รอบเดียวก็เหนื่อยแล้วมั้งครับ”
พลับกระโดดไปตามขอบสระอย่างตื่นเต้น ไม้หัวเราะเรียกเด็กไปล้างตัวใต้ฝักบัวที่เปิดน้ำรอเรียบร้อย คนโดนเรียกนั้นพอหันไปเห็นไม้ที่ถอดเสื้อคลุมออกจนเหลือแค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวแล้วก็แก้มแดงขึ้นมา ไม้นั้นไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดใหญ่อลังการแบบกล้า แต่เท่าที่เห็นก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายหุ่นดีคนหนึ่งเลย ต้นแขนมีกล้าม หน้าท้องมีซิกแพคจางๆ ถึงแม้ไม่ได้เห็นเป็นลูกแน่นๆ เหมือนของกล้า แต่แบบนี้พลับกลับคิดว่าก็เซกซี่ดี
“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“พี่ไม้หุ่นดีนะครับ มีซิกแพ็คด้วย”
ไม้ฟังแอบยิ้ม ไม่เสียแรงที่แอบซิทอัพและวิดพื้นจนเกือบหน้ามืดระหว่างที่เด็กเข้าไปเปลี่ยนชุด ความจริงกล้ามหน้าท้องเขาไม่ค่อยขึ้นเท่าไร เพราะไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอนัก มีเวลาว่างถึงจะไปที แต่ตอนเปลี่ยนชุดเขาดันคิดอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็อยากมีกล้ามขึ้นมา เลยต้องใช้วิชาเรียกกล้ามแบบเร่งด่วนและมันก็ได้ผลเสียด้วย ต้องขอบคุณเจ้ากล้าน้องชายของเขานั้นแหละที่เคยบอกเคล็ดลับนี้ไว้
สระว่ายน้ำของทางคอนโดนั้นไล่ระดับความจากน้ำตื้นไปน้ำลึก พลับที่มั่นใจว่าตัวเองว่ายน้ำเก่งเพราะเคยเป็นนักกีฬโรงเรียนอยู่ช่วงหนึ่งก็ชวนไม้ว่ายน้ำแข่งกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าไม้นั้นเคยนักกีฬาว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัย
“แน่ใจนะครับว่าจะว่ายแข่งกัน ไม่ใช่ว่าแพ้พี่แล้วมาโวยวายก้าวร้าวใส่พี่อีกนะ”
“ผมไม่แพ้แน่นอนครับ ผมมั่นใจเรื่องว่ายน้ำ”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
เห็นเด็กมั่นใจแบบนั้นไม้ก็ไม่ขัด อยากจะเห็นเด็กก้าวร้าวซักรอบเหมือนกัน พอถึงเวลาแข่งไม้ก็จ้วงเต็มแขนไม่มีออมแรงกันเลยทีเดียว พลับที่ตกใจกับระยะที่ทิ้งห่างทำให้เสียจังหวะไปบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมแพ้เพราะกลัวเสียหน้า เลยรีบจ้วงแขนว่ายตามไป รอบแรกแพ้ก็ขอแข่งไปเรื่อยๆ  จนหายใจไม่ทันสำลักน้ำไปหลายอึก
“เหนื่อยก็พักก่อนก็ได้ครับ แข่งกับพี่ตอนนี้ก็ไม่ชนะอยู่ดี”
“ไม่เอา รอบนี้ผมชนะแน่ๆ”
ไม้มองแววตามุ่งมั่นของพลับแล้วก็ยิ้ม วิญญาณนักสู้เข้าสิงอีกแล้วสิท่า ดูท่าแล้วหากเขาไม่ยอมแพ้ให้เจ้าเด็กคนนี้ก็คงจะท้าต่อไปเรื่อยจนตัวเองชนะนั้นแหละ คนแบบนี้แหละแกล้งสนุกนัก ไม้แกล้งทำเป็นย่นระยะห่าง ปล่อยให้พลับแซงหน้าไปเล็กน้อยพอให้ได้ใจนิดหน่อย จากนั้นก็เร่งเครื่องกลับมาชนะในวินาทีสุดท้าย พอเงยหน้าพ้นน้ำมาก็เจอเด็กโวยวายกำลังสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง
“พี่ไม้ขี้โกง แค่กๆ” พลับตีน้ำ มองหน้าคนตรงหน้าที่เสยผมเท่ มองมาทางเขาเหมือนยิ้มเยาะ พลับมั่นใจว่าเมื่อกี้ตัวเองกำลังจะชนะ แต่ไหงถึงโดนแซงได้ ต้องโดนโกงอยู่แน่ๆ พี่ไม้ต้องโกงเขาอยู่แน่นอน
“เอ้า พี่โกงตรงไหน บอกพี่มาสิครับ” ไม้ว่ายเข้าไปหา จับเอวพลับแล้วยกขึ้นไปนั่งบนขอบสระพลางลูบหลังตบอกให้ค่อยๆ หายใจ ใบหน้าก็ยิ้มขำให้กับเด็กที่เริ่มก้าวร้าว
“แค่กๆ ม...ไม่รู้ แต่พี่โกงผมอยู่แน่ๆ ผมจะแพ้ได้ยังไง ผมเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ” เถียงไปข้างๆ คูๆ ไม่รู้ว่าโกงตรงไหน แต่พลับรู้สึกว่าไม้นั้นโกงแน่นอน ไม่งั้นจะชนะเขารัวๆ แบบนี้ได้อย่างไร เขาเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียนเชียวนะ ถึงแม้ว่าจะเคยแข่งประจำแค่ในกีฬาสีโรงเรียนอยย่างเดียวก็เถอะ แต่ก็ชนะทุกครั้งที่แข่งไม่มีทางแพ้รวดแบบนี้แน่นอน
ไม้มองหน้าตาเด็กดื้อที่ขมวดคิ้ว ท่าทางดื้อดึง เชื่อมั่นเต็มร้อยว่าตัวเขานั้นโกงแน่นอน ก่อนจะหัวเราะออกมาชุดใหญ่ มองหน้ามุ่ยๆ ที่ทำตาดุใส่เขา อยากจะบอกเหลือเกินว่าทำไปมันก็ไม่ได้น่ากลัวหรอก กลับดูน่ารักน่าแกล้งมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ยิ่งหัวเราะออกไปเจ้านิ่มของเขาก็ยิ่งโวยวายใช้ขาตีน้ำจนกระเด็นเข้าหน้าเข้าปากเขาเต็มๆ เจ้าเด็กหัวร้อนนี่ มันน่าจับมาตีก้น
“เดี๋ยวเถอะนะ ใหนบอกว่าจะไม่ก้าวร้าวไงครับ”
“ผมไม่ได้ก้าวร้าวซักหน่อย” พลับตีขาจนน้ำกระเเด็นมากกว่าเดิม ยิ่งไม้หัวเราะพลับก็ยิ่งตีขา โมโหจนหน้าแดงตาแดงไปหมด ไม้เอาน้ำเย็นเข้าลูบโดยการดึงตัวเด็กลงมายืนในน้ำแล้วก็สองมือโอบเอวเล็กเอาไว้ สอดส่องสายตามองรอบๆ ให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครแอบมองเขาจากระเบียง แล้วก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มซ้ายและขวาเอาใจคนหัวร้อนแห่งปี
“พี่เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหมือนกันครับ ระดับมหาวิทยาลัย...”
“ง่า.... นี่ไงที่พี่โกงผมน่ะ”
นี่ไงที่โกง โกงตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกก่อนว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหมือนกัน แถมระดับมหาวิทยาลัยเสียด้วยย แบบนี้แข่งไปพลับก็ไม่มีทางชนะหรอก เด็กก้าวร้าวที่กำลังหัวร้อนคิดอยู่เต็มอกว่าคนตรงหน้าจงใจโกงเขาแน่ๆ ถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก
“หืม พี่โกงตรงไหนครับ”
“ก็ตรงที่พี่ไม่บอกก่อนไงเล่า”
ไม้หัวเราะกับเหตุผลของอีกฝ่าย นี่จะให้เขาเป็นคนขี้โกงให้ได้เลยใช่มั้ย แล้วไอ้ท่าทางอมลมแก้มพองนี่มันคืออะไร ไม่ยอมสบตาเขาอีกตังหาก ไม้คิดว่าตัวเองโดนเด็กหัวร้อนงอนแน่ๆ เลย
“อะไรกัน งอนพี่แล้วเหรอครับ”
“ไม่ได้งอนครับ แค่ไม่พอใจเฉยๆ” พลับหันหน้าหนี หลุบตาลง ไม่มองตาอีกฝ่ายที่แวววาวทะเล้น ไม่เหลือลายพี่ไม้แสนสุขุมอย่างที่เขาชอบเลยซักนิด ไม่ใช่ว่าแบบนี้พลับไม่ชอบนะ ก็ชอบเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชอบแบบสุขุมากกว่า ใครก็ได้เอาพี่ไม้ที่ขี้แกล้งขี้โกงแบบนี้ไปเก็บที
ไม้ยิ้มเอาใจ เชยคางพลับขึ้นมาให้สบตากันแล้วก็จุ๊บไปที่ริมฝีปากชุ่มชื่นสีระเรื่อ จนคนที่โดนจูบอย่างไม่ทันตั้งตัวทำตาโตใส่ ไม่หัวเราะแล้วยื่นหน้าเข้าจุ๊บอีกที
“หายงอนนะครับ”
“ผมไม่ได้งอน”
ไม้เลิกคิ้วขึ้น ยังจะปากแข็งว่าไม่ได้งอนอีก กอดขนาดนี้ จุ๊บขนาดนี้ หากเป็นปกติพลับต้องเขินจนตัวแดงไปแล้ว แต่นี่ยังไม่ยอมมองหน้าตรงๆ เลย ไม้ก็เลยจุ๊บไปอีกที แถมด้วยการฟัดแก้มให้หายมันเขี้ยวไปอีกด้วย
“หายงอนรึยัง หืม?”
“หายแล้วครับ”
พลับบอกเสียงเบา แต่ก็ยังคงเอียงแก้มให้ไม้หอมอยู่ เขาก็เลยจัดการกดจมูกลงบนแก้มนิ่มทั้งสองข้างแล้วผละออกดึงตัวพลับขึ้นขี่หลังแล้วพาว่ายไปพร้อมๆ กัน
“ไปพร้อมๆ กันเนอะ จะได้ไม่มีใครแพ้”
พลับพยักหน้าแล้วอมยิ้ม เมื่อเริ่มตั้งสติได้ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา เมื่อกี้นี้เขาทำตัวก้าวร้าวแบบที่พี่ไม้พูดจริงๆ นั้นแหละ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลาแข่งขันอะไร จะชอบเป็นคนหัวร้อนแบบนี้ทุกทีเลย พลับก็ไม่ชอบตัวเองเวลาเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่เลือดมันขึ้นมา ห้ามตัวเองไม่ได้
“ผมขอโทษครับ” พูดแล้วก็เกาะไหล่ไม้แน่นกว่าเดิมพร้อมขยับตัวเข้าหา จูบไปที่ข้างแก้มของไม้เป็นการขอโทษ
“เรื่องอะไรครับ”
“ผมเป็นเด็กก้าวร้าว”
“นานๆ เป็นทีก็น่ารักดีครับ แต่อย่าเป็นบ่อยนะ ไม่งั้นพี่จะจับมาฟาดให้ก้นลายเลย”
    พลับฟังแล้วก็หัวเราะ กอดคอไม้แน่นกว่าเดิมพร้อมให้คำสัญญาว่า หากก้าวร้าวหรือทำนิสัยไม่ดีอีก ให้ไม้ฟาดได้เต็มที่เลย ไม้ยิ้มพาเด็กที่กำลังสำนึกผิดว่ายไปทั่ว พาดำลงไปก้นสระบ้าง เล่นจนหนำใจก็ขึ้นมาอาบน้ำแล้วกลับห้องมาทำงานที่ค้างไว้ โดยมีพลับที่นั่งวาดภาพทำการของบ้านตัวเองอยู่ข้างๆ กรงกระต่าย
   บ่ายแก่ๆ งานของไม้ก็เสร็จเรียบร้อย เขาตั้งใจว่าจะชวนพลับไปหาอะไรทานแถวๆ คอนโด แต่พอมองไปก็เห็นทั้งเจ้านุ่มและเจ้านิ่มของเขานอนอิงกันอยู่บนพื้น ไม้เดินเข้าไปดูแล้วถ่ายภาพน่ารักนั้นเก็บไว้ก่อนจะนั่งลงเพื่อปลุก แต่เห็นเด็กหลับตาพริ้มก็เปลี่ยนใจล้มตัวลงนอนบนพื้นข้างกันแล้วดึงตัวพลับเข้ามาใกล้ๆ จับให้หัวกลมนั้นหนุนแขนเขาไว้
   “พี่ไม้” ไม้ส่งยิ้มให้เด็กที่หรี่ตามามองเล็กน้อย พลับที่ยังมีอาการงัวเงียแต่ก็อมยิ้มขยับตัวเข้ามาจนชิดแล้วสอดแขนกอดเอวเขาไว้ ไม้ลูบแก้มเนียนสบตากับเจ้านิ่มที่ปรือตามองเขาอยู่
ไม้แค่อยากลงมานอนเล่นด้วยแค่นั้น แต่มันเหมือนที่เส้นด้ายที่มองไม่เห็นดึงใบหน้าของไม้ให้ขยับเข้าไปหาใบหน้าของอีกฝ่าย ปลายจมูกโด่งของเขาคลอเคลียกับกับปลายจมูกมนก่อนที่ริมฝีปากจะแตะกันอย่างแผ่วเบา
ในช่วงแรกนั้นเขาเพียงแค่ขบเม้มแค่ภายนอก แต่ความหวานนุ่มจากริมฝีปากของพลับทำให้เขาส่งเรียวลิ้นออกมาปาดเลียไปตามร่องปาก ไม้ไม่ได้หวังจะล่วงล้ำเข้าไปด้านในแต่เจ้าเด็กพลับดันเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างว่าง่ายทำให้เขาห้ามใจไม่ได้ที่จะลิ้มรสหวานให้ล้ำลึกกว่าเดิม
“อืม…”
พลับครางหวิวตอนที่ไม้พลิกตัวขึ้นทับพร้อมกับรั้งเอวของเด็กขึ้นหา ไม้ใจสั่นตอนที่เจ้านิ่มของเขาขยับปากตอบโต้ เด็กคนนี้ไม่ได้จูบเก่งอะไรเลยแค่ขยับลิ้นตามเขาอย่างเดียว แต่เรียวลิ้นนุ่มของพลับนั้นทำให้ไม้เริ่มรู้สึกอึดอัดตรงส่วนสำคัญกลางกาย
ไม้ขยับตัวออก มองดูเด็กใต้ร่างที่หอบหายใจแผ่ว ดวงตาฉ่ำเยิ้มพร้อมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเรื่อของตัวเอง ไม่รู้ว่าพลับละเมอหรืออย่างไรถึงได้โอบแขนรอบลำคอเขาแล้วดึงลงไปหาอีก ไม้เองก็ไม่อยากขัดใจ ก้มลงไปประกบปากอีกครั้ง
“ไปที่เตียงกันนะครับ”
“ไกลไป…” ที่บอกว่าไกลไปไม่ใช่อะไร เขากลัวว่าไม้จะหนัก เพราะต้องอุ้มพลับแล้วเดินไกล แต่อีกฝ่ายกลับคิดไปแล้วว่าเด็กคนนี้ใจร้อน
“หึหึ งั้นโซฟาเนอะ”
ไม้เย้าเสียงพร่าแล้วอุ้มพลับเดินดุ่มๆ ไปที่โซฟา พลับเองก็กอดคอคนตัวสูงไว้แน่น ยังไม่ทันที่หลังจะแตะโซฟาเด็กใจร้อนก็ดึงคอของไม้ลงมาประกบปากอีกรอบ หลังจากจูบกันจนหนำใจไม้ก็เงยหน้าขึ้นซุกปลายจมูกไปตามแก้มและลำคอ ดอมดมกลิ่นหอมจากตัวเด็ก 
มือของไม้ก็บีบคลึงแผ่นอกไปตามสัญชาติญาณ มีความรู้สึกไม่คุ้นมือบ้างเล็กน้อยเพราะมันแบนราบ อีกทั้งเนื้อตัวที่ลูบไล้อยู่นี้ก็ไม่ได้นุ่มหยุ่นเท่าผู้หญิง แต่พอบีบขยำแล้วกลับรู้สึกกระชับมือกว่า สัมผัสดูแล้วก็รู้สึกดีไปอีกแบบ
“รู้สึกดีเหรอครับ?”
ไม้ถามเมื่อคนตรงหน้าครางระงมตอนที่เขาเขี่ยยอดอกเม็ดเล็กผ่านเสื้อ พลับพยักหน้ารัว หอบครางจงใจยกสะโพกขึ้นให้เสียดสีกันพลางเงยหน้าไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วแอ่นหน้าอกขึ้นให้ไม้ได้เห็นยอดอกที่เข็งตัวเป็นเม็ดดันเสื้อออกมา ไม้มองแล้วก็เกิดความสนใจดันเสื้อยืดของพลับขึ้นไปกองบนอกแล้วใช้ปลายนิ้วขยี้เบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยปลายลิ้น พลับตัวสั่นเหมือนจะพลิกตัวหนี แต่ก็แอ่นตัวขึ้นสู้อยู่ในที
“อ๊ะ อา” พลับตัวสั่นสองมือขยำปลายเสื้อตัวเองที่กองอยู่บริเวณเหนือหน้าอก พลางผงกหัวขึ้นมองปลายลิ้นฉ่ำของไม้ที่กำลังวนเลียอยู่ที่ยอดอกของตัวเอง ยิ่งมองก็ยิ่งเกิดอารมณ์จนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่หยัดสะโพกขึ้นเสียดสีกับของๆ ไม้
ไม้ลากฝ่ามืออุ่นลงไปเคล้นคลึงที่กลางกายของพลับ พลางโน้มตังลงมาจูบปากคนตัวเล็กพร้อมกับที่ดันกางเกงและชั้นในของอีกฝ่ายออกไปด้วย เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นส่วนนั้นของพลับอย่างเต็มตาแต่ก็ไม่หยุดมือที่ชักรูดให้ ไม้ลืมตัว ลืมนึกไปว่าพลับเองก็เป็นผู้ชายจึงมีอะไรเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้รังเกียจพลับนะ ไม้เองก็รู้สึกดีจนเป้ากางเกงแทบแตกตอนที่เห็นเจ้านิ่มตัวสั่น ครางเสียงเครือเพราะฝีมือเขาอยู่อย่างนี้
พลับเม้มปาก มองฝ่ามือใหญ่ที่จับลูกพลับน้อยของตัวเองไว้แล้วก็เขินจนแดงไปทั้งตัว ความหวาดหวั่นเริ่มครอบงำเมื่อไม้ไล้มือลงไปด้านหลัง ความทรงจำคืนนั้นกำลังผุดขึ้นมาในหัว ไม่ใช่คืนนั้นมันไม่ดี พลับมีความสุข แต่เขายังจำฝังใจไม่มีลืมในตอนที่ไม้สอดใส่เข้ามาครั้งแรก มันเจ็บมากจนพลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหลังจากความเจ็บผ่านไปแล้วมันจะมีความรู้สึกที่ดีมากตามมาก็เถอะ แต่พลับก็หวั่นใจอยู่ดี
ไม้เริ่มเหงื่อแตก รับรู้ได้ว่าเด็กใต้ร่างเริ่มมีอาการเกร็งตอนที่พยายามสอดนิ้วเข้าไปตรงช่องทางนี้ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองควรทำอย่างไรให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น ยอมรับว่าคืนนั้นที่ทำได้เพราะว่าเมา ตื่นมาจำอะไรแทบไม่ได้อยู่ดี ถึงรู้คร่าวๆ ว่าผู้ชายด้วยกันเขาทำกันอย่างไร แต่ก็ไม่มั่นใจว่าที่ทำอยู่นี้มันจะดีรึเปล่า
ไม้ดันนิ้วเข้าไปช้าๆ ช่องทางนี้เกร็งแน่นจนเขาขยับไม่ได้ แต่เมื่อไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อก็เลยฝืนดันเข้าไปเรื่อยจนพลับสะดุ้ง มองตาเขาเลิ่กลั่ก เหงื่อแตกเต็มหน้าไปหมด
“อึก...เจ็บครับ”
“พี่ขอโทษ”
บอกอย่างรู้สึกผิด พลับบอกว่าเจ็บแต่ไม่ได้ดิ้นหนีหรือขัดขืน กลับนอนนิ่งแยกขาออกกว้างให้เขาทำต่อ ไม้ลองขยับนิ้วแต่มันก็รู้สึกได้ว่ามันคับแน่นและฝืดเกินไป ยิ่งทำยิ่งเห็นว่าพลับเจ็บ มันไม่มีน้ำหล่อลื่นออกมาเหมือนของผู้หญิงและเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้มี  ยิ่งทำไปพลับก็ดูฝืนกัดริมผีปาก หลับตาปี๋จนไม้ยอมแพ้ดึงนิ้วออก ก้มลงไปจูบปากและหอมแก้มเด็กของเขาเป็นการปลอบใจและขอโทษที่ทำให้เจ็บ
“พี่ทำต่อก็ได้นะครับ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง”
“ไม่ครับ กว่าจะรอให้ดีขึ้น พลับก็ต้องทนเจ็บก่อนเหรอ”
“ผมทนได้...”
“มันฝืดเกินไป พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไว้วันหลังเรามาลองกันใหม่นะครับ”
พลับอึกอัก ความจริงแล้วเขาอยู่ว่าควรทำยังไง แต่ก็เขินที่จะต้องพูดออกไป ไม้เองก็รู้ว่าเด็กมีอะไรจะพูด ก็เลยจ้องหน้านิ่งๆ รอคอยคำตอบอีกทั้งยังหยุดมือที่เคล้นคลึงลูกพลับน้อยไปด้วยจนเจ้าเด็กพลับรู้สึกอึดอัด
“ต... ต้องใช้เจลหล่อลื่น”
“งั้นเดี๋ยววันหน้าพี่จะเตรียมไว้นะครับ”
“วันไหนครับ” ไม้มองเด็กตรงหน้าขำๆ ส่วนพลับพอรู้ตัวว่าพูดอะไรไปก็ตะครุบปากตัวเองไว้ ที่พลับถามว่าวันไหนเพราะอยากจะเตรียมตัวเตรียมใจตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าอยากเร่งเร้าอะไรซักหน่อย พี่ไม้น่ะเข้าใจผิดไปเอง
“พรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ”
“ตกลงครับ”
เด็กที่บอกว่าไม่ได้เร่งเร้ารีบตอบตกลงทันที แถมในใจยังคิดอยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ อีกด้วย

กรุบกริบเบาๆ เนอะ พี่แกยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อยู่ ให้เวลาพี่แกอีกนิสนุงเนอะ อีกไม่นานเกินรอหรอก ลูกพลับโดนกินแน่นอนค่ะ

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ enas290843

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อรุ่มมมมเลยค่ะ มีวันหน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 13 คนใจดี


กล้ามองหน้าพีชที่นอนหลับหนุนแขนและกอดเอวเขาไว้อยู่ กล้ารู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่หวงพีชทั้งที่ยังไม่มีสิทธิ์แบบนี้  เห็นทีต้องรีบจีบพีชไวๆ เสียแล้ว ไม่งั้นโดนฉกไปแน่ๆ

“ขอร้องอย่าไปทำตัวน่ารักแบบนี้กับใครเขาไปทั่วเลยนะ หากมีคนมาแย่งไปเราจะทำไง เราไม่อยากอกหักอีกนะ”

ปลายนิ้วไล้ไปตามแก้มเนียน ปัดปอยผมยาวผมที่หล่นลงมาปรกแก้มขึ้นไปทัดหู ทำให้กล้าได้เห็นเครื่องช่วยฟังแบบชัดๆ เป็นครั้งแรก ปกติพีชมักจะใช้ผมบังไว้ตลอด ไม่ยอมที่จะให้คนอื่นได้แตะบริเวณใบหูของตัวเองเลย กล้าก็หวังดีอยากให้พีชได้นอนสบายๆ เลยถอดเครื่องช่วยฟังออกแล้วนำไปวางไว้ข้างฝูกนอนให้

“งือ…”

 กล้าขยับมือที่กำลังคลึงติ่งหูออกแทบจะทันทีที่พีชส่งเสียงออกมา เขามองพีชที่คิดว่าคงตื่นแล้ว แต่ไม่ใช่ ยังคงมีเสียงกรนเบาๆ จากคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาอยู่ กล้ายิ้มขำ ขนาดหลับอยู่ก็ยังคงไม่ยอมให้ใครจับหูง่ายๆ อีกนะ

เมื่อจับใบหูไม่ได้ กล้าก็หันไปสนใจกับส่วนอื่น ปลายนิ้วแตะเบาๆ ไปที่เปลือกตาบาง ลากนิ้วลงมาตามสันจมูกจนมาถึงปลายจมูกมนรั้นและริมฝีปากสีอ่อน กล้าเม้มปากตอนที่พีชเผยอปากขึ้นแล้วขยับมุบมิบคล้ายกับดูดปลายนิ้วเล็กน้อย ปากนุ่มๆ นี้ กล้าเคยลิ้มรสมาแล้วครั้งหนึ่ง อาจเลือนลางจนจำแทบไม่ได้ แต่ครั้งนี้เขาจะจำมันให้ดี ยังไม่ทันที่จะคิดอะไร ร่างกายเขาก็ขยับเข้าหาโน้มหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของพีชแล้วขยับออกมานอนมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ถึงแม้ท่าทีภายนอกของกล้าจะไม่แสดงออกอะไรมาก แต่ในใจมันเต้นระรัวจนกลัวว่าหัวใจจะวายตายขึ้นมา

ไม่ได้ กล้าคิดว่าจะตายตอนนี้ไม่ได้ เขายังไม่ได้เป็นแฟนพีชเลย ยังตายไม่ได้เด็ดขาด ขอเขาสมหวังสักครั้งก่อนเถอะ เขาถึงจะตายตาหลับ

“อะ!” พีชตกใจเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าของกล้าอยู่ใกล้ขนาดนี้ และเด้งตัวลุกทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าบริเวณใบหูตัวเองนั้นมันโล่งแปลกๆ พอรู้ไม่มีเครื่องช่วยฟังติดหูอยู่ มือขาวควานหาไปตามผ้าห่ม เพราะกลัวว่ามันจะหลุดออกจากหูแล้วเผลอไปนอนทับ

“พีชหานี่อยู่เหรอ” กล้าลุกขึ้นตาม ยื่นเครื่องช่วยฟังไปให้พีช เพื่อตัวเล็กรีบคว้ามันไปเหน็บไว้ที่หูแล้วจัดทรงผมให้ลงมาบังตัวเครื่องไว้ แต่สายเครื่องที่อ้อมไปทางด้านหลังกกหูก็ยังโผล่ออกมาให้เห็นอยู่ดี กล้าเข้าใจว่าพีชคงไม่ชอบให้คนอื่นมอง ก็เลยเอื้อมมือไปจัดเส้นผมให้ปิดสายเครื่องได้ทั้งหมดอย่างเต็มใจ

“อา อา” พีชผงกหัวขอบคุณอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะรู้สึกเขินอายขึ้นมาเมื่อมองหน้ากล้าแล้วทำให้เขานึกถึงความฝันก่อนหน้านี้... พีชฝันว่าได้จุ๊บกับกล้าด้วย เป็นฝันที่ดีมากๆ เวลานอนห้องกล้าทีไร พีชจะฝันดีแบบนี้ทุกครั้งเลย ต้องหาเรื่องมาขอนอนด้วยบ่อยๆ เสียแล้วแหละ 

พีชอมยิ้มแล้วมองมาที่กล้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก กล้าเห็นแล้วก็แปลกใจ จะคิดว่าพีชโกรธที่ถือวิสาสะไปถอดเครื่องออกก็ไม่ใช่ เพราะพีชก็อมยิ้มอยู่

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น...หิวรึยัง”

พีชอ่านปาก จับท้องตัวเองแล้วทำหน้าคิด เขาเพิ่งตื่นเลยไม่รู้ว่าตัวเองหิวอยู่รึเปล่า มันอึนๆ มึนๆ อยู่ แต่ไปรู้สึกได้ว่าท้องตัวเองส่งเสียงครืดคราดก็เลยพยักหน้าออกไป กล้ามองท่าทางตลกๆ แล้วก็หัวเราะออกมา

กล้าเปิดประตูห้องไปก็เจอกับถุงข้าวที่พี่ชายแขวนไว้ให้ ระหว่างที่กำลังเทเกาเหลาและข้าวลงชาม กล้าก็เห็นว่าพีชเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จับปากตัวเองอยู่ตลอดเลยแถมฮึมฮัมเสียงแปลกๆ ออกมาตลอดด้วย เขาไม่รู้ว่าเสียงที่พีชทำออกมามันหมายความว่าอะไร แต่ท่าทางที่เห็นอยู่นี้ เขาก็พอรู้ว่าเพื่อนตัวเล็กของเขากำลังอารมณ์ดีมากๆ อยู่แน่นอน

“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น หืม?”

พีชอ่านปาก ก่อนส่ายหน้าทำเป็นว่าบอกไม่ได้ แล้วทำท่าหัวเราะโดยการทำไหล่สั่นแล้วยกมือขึ้นป้องปาก เป็นการหัวเราะแบบไม่มีเสียงที่น่ามันเขี้ยวและน่ารักไปพร้อมๆ กัน   

“บอกเราไม่ได้เหรอ บอกหน่อยสิ อยากรู้ว่าอะไรทำให้พีชอารมณ์ดี”

พีชยังคงทำท่าหัวเราะเหมือนเดิมก่อนจะเอียงคอซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังคิดว่าจะบอกกล้าดีมั้ย กล้าทำหน้าทะเล้นตามเลิกคิ้วขึ้น ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เหมือนกำลังรอคอยคำตอบอยู่นะ พีชก็เลยเขียนลงสมุดโน๊ตแล้วยื่นไปให้กล้า

‘ฝันดีมากๆ’

กล้าอ่านคำสั้นๆ นั้นแล้วก็มองรอยยิ้มสดใสและแก้มแดงๆ ของอีกฝ่าย มีความอยากรู้ขึ้นมาว่าฝันแบบไหนที่ทำให้ลูกพีชมีความสุขได้ขนาดนี้

“หืม ฝันเรื่องอะไร บอกเราได้มั้ย?”

พีชอ่านปากแล้วหลับตาปี๋สะบัดหน้าปฏิเสธทันที บอกไม่ได้หรอก ฝันว่าโดนกล้าจุ๊บเนี่ย พีชบอกใครไปไม่ได้เด็ดขาดเลย น่าอายจะตาย พีชคิดว่าต้องหมกมุ่นขนาดไหนกัน ถึงได้ฝันอะไรแบบนั้น



ในช่วงค่ำ สองแฝดกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว พลับเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ชายตัวเองนั่งอยู่ปลายเตียงเอาแต่ยิ้มจับแก้มจับปากตัวเองไม่หยุด เห็นแล้วรู้สึกมันเขี้ยวจนต้องเดินเข้าไปผลักหัวแล้วถาม

‘พีชเป็นอะไร ยิ้มเป็นคนบ้าเลย’

พีชหันมองน้องชายตัวเองแล้วหรี่ตาใส่ ยกมือขึ้นไปบีบแก้มกลมก่อนจะถามกลับ

‘แล้วตัวเองล่ะเป็นอะไร หน้าบานเป็นกระด้งเชียว’

‘ไม่บอกหรอก บอกไปเดี๋ยวพีชอิจฉา’

‘แหวะ จะไม่อิจฉาเลยซักนิด จะหมันไส้มากกว่า’

พีชบุ้ยปาก ทำหน้าทำตาใส่พี่ชายระหว่างที่ทำภาษามือไปด้วย พลับเห็นแล้วก็หัวเราะ ต่างคนต่างมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็พากันยิ้ม วันนี้สองแฝดต่างก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเหมือนกันทั้งคู่เลย พลับที่มีความสุขอยู่แล้ว เห็นพี่ชายยิ้มแบบนี้ก็มีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก พลับเดาได้ไม่ยากหรอกว่าอะไรที่ทำให้พลับอารมณ์ดีแบบนี้ คงเป็นเรื่องของกล้าแน่ๆ แต่เขาจะไม่เซ้าซี้ถาม เขาแค่คอยเอาใจช่วยอยู่ตรงนี้ก็พอ ตราบใดที่กล้าไม่ทำให้พีชเสียใจพลับก็จะไม่เข้าไปยุ่ง

“โอ๊ย พีชอย่ากระโดดใส่แบบนี้สิ ตกใจหมดเลย”

พลับอุทานปนบ่นเพราะพีชที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำกระโดดทับ พีชไม่ได้ทำพลับเจ็บ แค่ตกใจเฉยๆ เพราะมัวแต่คุยแชทกับไม้อยู่เลยไม่ได้มองว่าพีชออกจากห้องน้ำมาตอนไหน 

พีชยิ้มไม่ได้สนใจอ่านปากพี่ชายเพราะมัวแต่สนใจคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ของพลับ ก่อนหน้านี้เห็นพลับคุยกับพี่ไม้อยู่ก็ตั้งใจว่าจะไม่รบกวน แต่หันมาอีกทีเห็นพลับดูคลิปเจ้ากระต่ายสีเทาที่กำลังปีนขาของพี่ไม้ ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

‘กระต่ายน่ารัก’

“กระต่ายเราเอง ชื่อเจ้านุ่ม”

‘กระต่ายอยู่กับพี่ไม้ มันจะเป็นของพลับได้ไงเล่า พลับมั่ว’

“ไม่มั่ว พี่ไม้ซื้อให้”

พอบอกไปแบบนั้น พีชก็ทำหน้าหมันไส้ใส่จนพลับหลุดหัวเราะออกมา พอหมันไส้เสร็จพีชก็งอแง บอกให้เอาเจ้านุ่มมาเล่นที่ห้องนี่บ้าง แถมพอเขาไม่ให้พีชก็ทำท่าจะโกรธ หาว่าเขางี้งกอีกตังหาก ไม่ใช่ขี้งกซักหนอยก็กลัวพีชผื่นขึ้นน่ะ พลับไม่กล้าเสี่ยงให้พี่ชายป่วยอีก

‘นี่อย่าทำแบบนี้สิ อยากมีผื่นตัวทั้งตัวแบบตอนนั้นเหรอ มันทรมานมากเลยไม่ใช่เหรอ’

พลับพูดถึงตอนที่ไปสวนสัตว์แล้วมีผื่นคันขึ้น พีชยังจำความทรมานนั้นได้ แต่นั้นเขาแพ้ขนของอะไรก็ไม่รู้ อาจจะไม่ใช่กระต่ายก็ได้นี่นา

‘ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้โตแล้ว แข็งแรงแล้ว หากเราแพ้ แค่ขนกระต่ายที่ติดตามเสื้อผ้าของพลับมาก็ทำให้เราแพ้ได้ แต่นี่เราไม่เป็นอะไรเลย’

พีชเถียงกลับหน้าจริงจัง เขาไม่ชอบเลยตอนที่พลับทำเหมือนว่าเขานั้นยังคงอ่อนแอขี้โรคอยู่ ถึงแม้ตอนเด็กอาจเป็นแบบนั้น รู้ดีว่าพลับเป็นห่วงแต่ตอนนี้เขาโตแล้วนะ แข็งแรงขึ้นตั้งเยอะ พีชอยากให้พลับคลายกังวลเรื่องนี้ลงบ้าง เกิดทีหลังเขาตั้งสองนาที แต่บ่นหนักอย่างกับว่าเกิดก่อนมายี่สิบปีงั้นแหละ

“พีชอ่า อย่างอนสิ ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงนะ”

พลับถอนหายใจ อยากจะขยำพี่ชายขี้งอนของตัวเองนัก มันไม่มีขนติดเสื้อเขามาหรอก เพราะพลับกลัวพีชแพ้ ก่อนออกจากห้องพี่ไม้เขาเลยใช้ลูกกลิ้งแท็บขนที่ติดตามเสื้อออกจนหมดก่อนที่จะกลับมาน่ะสิ แล้วจะทำยังให้พีชหายงอนล่ะทีนี้ พลับกลั้นขำมองพี่ชายที่นั่งหน้าคว่ำทำตาค้อนใส่

‘หัวเราะอะไร นี่โกรธอยู่นะ’

‘ก็พีชทำหน้าเหมือนปลาทูเลย หน้างอคอหักน่ะ’ พีชหน้างอกว่าเดิม มาหาหน้าเขาหน้าเหมือนปลาทูอีก ตัวเองก็หน้าเดียวกัน เป็นแฝดกันก็หน้าเหมือนปลาทูด้วยกันนี่แหละ

‘เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย จะมางอนเราทำไม’

‘ก็พลับขี้งก เก็บกระต่ายไว้เล่นคนเดียว จำที่แม่บอกไม่ได้เหรอ มีอะไรให้แบ่งกันอ่ะ’

แน๊ เอาคำพูดแม่มาขู่อีก พี่ชายเขานี่ไม่ได้เรื่องเลย พลับหัวเราะหยิบโทรศัพท์เลื่อนหารูปที่คิดว่าหากพีชเห็นต้องอารมณ์ดีขึ้นมาแน่ๆ พอเจอก็ยื่นไปให้พีชดู พี่ชายหน้างอของเขาเพ่งมองรูปในโทรศัพท์แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้ว สงสัยว่าพลับเอารูปเด็กโป๊ที่ไหนมาให้ดู

‘ใครน่ะ น่ารักดี เหมือนเด็กที่อยู่ในฉลากซีอิ๊วตราเด็กสมบูรณ์เลย’

“เด็กสมบูรณ์ โอ๊ย พีชอ่า ฮ่าฮ่าฮ่า” พลับหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปกับคำพูดของพี่ชาย หากรู้ว่าเด็กสมบูรณ์ในรูปนี่คือกล้าจะทำหน้าแบบไหน

‘สรุปเด็กนี่คือใคร พี่ไม้ตอนเด็กเหรอ’

‘ไม่ใช่ น้องชายพี่ไม้ตังหาก’

พีชนิ่งไปครู่หนึ่ง กำลังคิดว่าพี่ไม่มีน้องเล็กขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมกล้าไม่เคยบอก พอเพ่งรูปดีๆ แล้วก็เห็นว่ารูปนี้มันดูเก่าอยู่พอตัว น่าจะถ่ายไว้นานมากๆ แล้ว บวกกับเค้าโครงหน้าตาและรอยยิ้มทะเล้นนี่ก็ดูคุ้นเหลือเกิน พีชก็เลยคิดได้ว่าเจ้าเด็กสมบูรณ์ที่ยืนโป๊อยู่นี่คือใคร

‘...กล้า!’

“ฮ่าฮ่าฮ่า เก่งนะดูออกด้วย”

“อะ อะ อะ อะ” พีชแย่งโทรศัพท์มาดูรูปชัดๆ พลางหัวเราะแล้วตบเตียง แม้ว่าเสียงที่พีชเปล่งออกมาจะแปลกแต่พลับก็ไม่ได้ห้าม เพราะตอนนี้เขาอยู่กันแค่สองคน ปล่อยให้พี่ชายเขาหัวเราะสุดเสียงบ้างก็ไม่มีใครว่า

“ดูนี่สิ จุ๊ดจู๋น้อยๆ”

แฝดคนน้องชี้ไปที่ติ่งเนื้อเล็กๆ ที่ยื่นออกมา แฝดคนพี่ก็หันมาตีไหล่พลับเป็นการปรามไม่ให้ล้อคนอื่นแต่ตัวเองก็หัวเราะตามน้องชายไปด้วย แถมยังยกนิ้วก้อยขึ้นกระดิกยิกๆ จนพลับหัวเราะหน้าดำหน้าแดงไปหมด



“ฮั๊ดเช่ย!” กล้าที่กำลังใส่เสื้ออยู่จามออกมายกใหญ่ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เขาจามแบบนี้ จะคิดว่าเป็นหวัดก็ไม่ใช่ เขาไม่มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอะไร หรือเป็นเพราะว่าห้องเขาฝุ่นเยอะ กล้าคิดว่าควรต้องทำความสะอาดบ้างแล้ว เพราะกลัวว่าพีชที่ช่วงนี้มาห้องเขาบ่อยจะแพ้ฝุ่นขึ้นมา

หลังจากแต่งตัวเสร็จกล้าก็ออกจากห้อง ลงไปหาฝาแฝดที่รออยู่หน้าหอพัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้กล่าวทักทายอะไรสองแฝดต่างหันมามองเขาพร้อมกันแล้วก็หันกลับไปพากันหัวเราะคิกคัก

“หัวเราะอะไรกัน”

“กิ๊วๆ”

นอกจากไม่ตอบแล้ว แฝดยังยกนิ้วก้อยขึ้นมากระดิกใส่เขาอีกตังหาก ท่าทางแบบนี้มันหมายความว่าอะไรกัน กล้าหันไปยิ้มให้พีชแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่ลูกพีชก็ดันทำหน้าทะเล้นใส่แล้วทำท่าเล็งนิ้วก้อยใส่เขาใหญ่เลย

“หัวเราะเราเรื่องอะไร พีชบอกเราหน่อยสิ” กล้าโน้มหน้าเข้าไปหาแล้วส่งยิ้มให้ พีชทำท่าวเราะถูกใจจนไหล่สั่น แต่ก็ส่ายหน้า ถึงแม้จะโดนกล้ากระพริบตาปริบๆ ใส่เพื่อขอคำตอบ แต่เขาไม่ยอมบอกอีกฝ่ายง่ายๆ เลือกที่จะเดินตามหลังน้องชายไปเรียน

พอถึงมอฝาแฝดก็เรียกแบงก์ไปดูอะไรบางอย่างในมือถือแล้วซุบซิบกันอยู่แค่สามคน ไม่ยอมให้กล้าดูด้วย

“ดูอะไรกันน่ะ ขอเราดูบ้างไม่ได้เหรอพลับ”

พลับส่ายหน้าแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แบงก์เองก็ทำหน้าเศร้าเดินมากอดคอกล้า

“กล้า...ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไง ขนาดเท่าไรมึงก็เพื่อนกุนะเว้ย แต่มันกิ๊ว ๆ มากเลยหวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

แบงก์ยกมือตบไหล่คนตัวสูงแล้วทำหน้าเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะหลุบตามองลงไปที่เป้ากางเกงแล้วก็หัวเราะออกมาอีกทั้งยังทำเสียงแซวตามฝาแฝดด้วย

“เป็นบ้าอะไรของมึงวะ”

เขาหันไปขอคำตอบจากใคร ก็ไม่มีใครตอบ ทุกคนเอาแต่หัวเราะแล้วทำท่าแปลกๆ ใส่เขา กล้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย  ไอ้ท่ากระดิกนิ้วก้อยนี่นะ เขารู้สึกไม่ชอบมันเลย เห็นแล้วรู้สึกว่ากำลังโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เถอะ จะให้ทนข้องใจแบบนี้ไปทั้งวันก็ไม่ไหว กล้าจึงใช้กำลังดึงคอแบงก์มารัดจนหายใจไม่ออก เพื่อเค้นคำตอบ

“โอย มึง ใจเย็นๆ เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเว้ย”

“มึงบอกมา ไม่งั้นกุหักคอมึงนะ”

“เห้ย อย่าๆ อย่าทำกู แฝดอย่าเอาแต่หัวเราะดิ มันหักคอเราได้จริงๆ นะ ดูกล้ามมันสิ แค่กๆ” แบงก์โวยวายตีแขนกล้ารัวๆ ไม่ได้อายนักศึกษาคนอื่นที่เดินผ่านไปมาหน้าตึกคณะ

“นับหนึ่งถึงสาม ไม่บอกก็ไปเจอกันโลกหน้านะ 1! 2!”

“โอ๊ยๆ จู๋มึงเล็ก!” แบงก์ลนลานบอกความจริงออกไป เมื่อกล้าเริ่มนับไปพร้อมๆ กับเพิ่มแรงแขนที่รัดคอเขาอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่ากล้าไม่มีทางฆ่าเขาจริงๆ หรอก แต่แรงแขนที่เพิ่มขึ้นน่ากลัวนี้ก็ทำให้แบงก์ขนลุกหวั่นใจกลัวว่าเพื่อนจะหน้ามืดพลั้งมือขึ้นมาจริงๆ

“หะ! พูดอะไรของมึง” กล้าคลายวงแขนแต่ยังไม่ยอมปล่อยคอเพื่อนออก ยังคงกักไว้เป็นตัวประกันอยู่ มองไปที่ฝาแฝดที่กลั้นยิ้มกลั้นขำกันจนหน้าแดง ไอ้ที่พากันเล็งนิ้วก้อยใส่เขานี่เพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ ตอนนี้กล้าทั้งอายทั้งโกรธ มันไปเอามาจากไหนว่าจู๋เขาเล็กวะ ผู้ชายน่ะ ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้นะ

พลับอมยิ้มขำแล้วยื่นโทรศัพท์ให้กล้าดูรูปต้นเหตุ พอได้เห็นกล้าก็อ้าปากค้าง นั่นมันรูปเขาตอนเป็นเด็กอ้วน รูปแห่งความลับนี่พลับไปเอามาจากไหน กล้าคิดว่าเอามาจากไม้แน่นอน เพราะพี่ชายของเขาชอบเก็บรูปตลกๆ ของกล้าเอาไว้แบล็คเมล์

“ไม่เป็นอะไรหรอกเพื่อน เขาไม่ได้วัดกันที่ขนาด เขาวัดกันที่ลีลา...แค่กๆ”

“มึงหยุดพูดเลยนะ ตอนนั้นกูอ้วน เนื้อมันเยอะจนบังหมดก็เลยเห็นแค่นั้นหรอก แต่ความจริงไม่เล็กนะ”

ยิ่งอธิบายกล้าก็ยิ่งอาย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาตะโกนอธิบายอะไรแบบนี้ด้วย แถมพูดไปเพื่อนเขาก็ไม่มีท่าทางจะเชื่อ กลับเอาแต่หัวเราะกับท่าทางตีโพยตีพายของอีกกล้าอีกตังหาก

“ไม่เล็กจริงเหรอ มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา มาเดี๋ยวกูพิสูจน์ให้” ถึงแม้ว่าตัวเองยังเสี่ยงที่จะโดนหักคอ แต่แบงก์ก็ยังปากสุนัขเหมือนเดิม เขาพูดหน้าทะเล้นเหลือบตามองเป้ากางเกงพร้อมกับตะปบฝ่ามือลงไปบนนั้นจนกล้าโยกเอวหลบแทบไม่ทัน

“หยุดหัวเราะกันได้แล้ว มันไม่เล็กจริงๆ นะ ไม่เชื่อถามพีชสิวะ พีชเคยเห็น” พีชก็อีกคนเคยเห็นของจริงแล้วแท้ๆ ว่ามันไม่ได้เล็กแบบในรูป แต่ยังจะมาร่วมวงหัวเราะหาว่าเขาเล็กได้ยังไง กล้าคิดและพูดออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรองให้ดี ผลที่ได้คือทุกคนหยุดหัวเราะจริงๆ โดยเฉพาะพลับที่หูพึ่งมองไปที่พีชตาเขม็ง คราวนี้พอกล้าได้สติว่าพูดอะไรออกไปก็แทบจะทึ้งหัวตัวเอง

‘อะไรเหรอ’ พีชที่ไม่ทันได้อ่านปากกล้าเพราะมัวแต่หัวเราะ พอทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวก็งง ยกมือถามพลับที่กำลังทำตาดุใส่

‘เคยเห็นจู๋กล้าเหรอ ไปเห็นของมันได้ยังไง’ พลับถามเป็นภาษามือ มองพี่ชายที่กำลังตกใจ ทำตาค้างแล้วนิ่งไปก่อนจะตะโกนส่งเสียงดังออกมา

“อ๋า! อา อา! อา!” พีชตาโตอ้าปากค้างหน้าแดงคอแดง ยกไม้ยกมือสลับกับส่งเสียงปฏิเสธยกใหญ่

“ที่มึงพูดเนี่ย หมายความว่าไงวะ เพ้อเจ้ออะไรของมึง”

“อ...เออ กูก็พูดไปเรื่อยให้มึงหยุดหัวเราะเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ไปเรียนได้แล้ว ไปๆ”

กล้ายกมือปฏิเสธแบงก์ที่หันมาถาม ทำเหมือนว่าที่พูดออกไปนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝงจริงๆ ทำเป็นมองนาฬิกาแล้วเดินนำเพื่อนเข้าตึกเรียน แบงก์ที่ปกติไม่ใช่คนที่คิดมากอยู่แล้ว ก็เลยยักไหล่แล้วเดินตามกล้าเข้าตึกไป สองแฝดก็เดินตามไปที่หลัง โดยที่พลับยังคงจ้องพีชอยู่ตลอด พีชเลยต้องหันไปผลักไหล่น้องชายให้เลิกมองได้แล้ว

และเพราะใกล้ถึงเวลาขึ้นเรียนแล้ว นักศึกษาก็เลยรอขึ้นลิฟต์กันเยอะมาก ลิฟต์มาแต่ละเที่ยวก็ต้องเบียดเข้าไปจนแน่น บางคนรอไม่ไหวก็ตัดใจเดินขึ้นบรรไดไป แต่วิชาที่ฝาแฝดเรียนนั้นอยู่ชั้นสิบ จะให้เดินขึ้นก็คงจะเป็นลมกันเสียก่อนเลยต้องยอมยืนรอ พอลิฟต์มาก็ต้องเข้าไปเบียดกับคนอื่น

“อะ....”

 พีชเงยหน้าขึ้นขอโทษกล้าที่เบียดเข้าไปชนแผ่นอกอีกฝ่าย กล้าเองก็เข้าใจเลยส่งยิ้มกลับไปให้ ก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่หันหน้าเข้าหาเขา พีชน่ะสูงแค่หัวไหล่เขาเอง เวลามีคนขยับมาชนแก้มกลมก็จะมาซบหน้าอกเขาบ้างเป็นบางครั้ง โดนคนอื่นเบียดเข้ามาทีก็เบียดเขาที ตอนแรกพีชก็พยายามเงยหน้าขึ้นไม่ให้แก้มเบียดเขา แต่กล้าเองก็รอจังหวะจงใจขยับเข้าหา จนแผ่นอกของเขาแนบอยู่กับแก้มยุ้ยของอีกฝ่าย

พีชเม้มปากทำเนียนว่าโดนคนอื่นเบียดเข้ามาแล้วจะซบหน้าลงกับแผ่นอกของกล้า แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบก็เลยช้อนตามองคนตัวสูงเล็กน้อย พีชเห็นว่ากล้าไม่ได้สนใจอะไรก็เลยค่อยๆ เอียงแก้มซบลงไปแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว

ทางฝั่งของกล้าเองก็อมยิ้ม พยายามที่จะเก็บอาการแล้วแต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก หากมีคนอื่นมองอยู่คงหาว่าเขาบ้าที่ยืนยิ้มในลิฟต์ที่แออัดแบบนี้ ปกติกล้าคงหงุดหงิดไปแล้วที่โดนเบียดจนติดมุมลิฟต์แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน มีพีชมายืนซบอกอยู่แบบนี้ใครจะไปหงุดหงิดลง เขาก้มมองกลุ่มผมของพีชที่คลอเคลียอยู่ใต้คางเขา ได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ จนอยากจะก้มลงไปหอมหัวให้ชื่นใจ คิดแล้วก็ก้มลงไปหาช้าๆ จนปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่กลางกระหม่อม แต่ยังไม่ทันที่จะชื่นใจกล้าก็ต้องยืดตัวขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ต้องลงพอดี

พีชเงยหน้าส่งยิ้มหวานตาหยีให้และเดินออกจาลิฟต์ไปพร้อมๆ กับพลับ ปล่อยให้เขายืนกุมหัวใจที่เต้นรัวอยู่มุมเดิมจนแบงก์ต้องดึงแขนเขาออกจากลิฟต์

ทางฝั่งของคนที่เดินออกมาก่อนนั้นใจก็เต้นไม่แพ้กัน แก้มเนียนแดงปลั่ง รอยยิ้มยังคงไม่จางไปจากใบหน้าง่ายๆ พลับที่บังเอิญยืนดูเหตุการณ์ในลิฟต์มาตลอดเห็นพี่ชายตัวเองยิ้มไม่หุบก็เลยเดินไปกระทบไหล่แซวไปหนึ่งที

“ฝาแฝดอย่าทะเลาะกันสิ” แบงก์เห็นแฝดกระแทกไหล่กันไปมา ก็คิดว่าคงจะเถียงอะไรกันอยู่ เขาเลยเดินเข้ามาแทรกแล้วกอดคอเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคนเอาไว้ ทั้งพีชและพลับต่างโดนแบงก์ดึงคอเข้าไปหาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เซจนเกือบจะล้มไปทั้งคู่ โดยเฉพาะพีชทีเสียหลักจนเกือบล้มจริงๆ ดีที่กล้าเดินเข้ามาดึงแขนพีชไว้ได้ก่อนที่จะพากันหน้าคะมำลงไปทั้งสามคน

“มึงอย่าเหนี่ยวคอพีชแรงแบบนั้นสิวะ เดี๋ยวพีชก็เจ็บหรอก”

กล้าตบหัวและยกแขนแบงก์ออกจากคอพีชแล้วดึงคนตัวเล็กให้ขยับมาเดินอีกฝั่งหนึ่ง แบงก์หันไปมองกล้าตาขวาง หันมาขอความเห็นใจจากแฝดคนน้อง แต่พลับก็เอาแต่หัวเราะแล้วแกะมือเขาออกจากไหล่ กับฝาแฝดน่ะเพื่อนเขาจะใจดีด้วยมาก แต่หากเป็นเขาล่ะก็ตบแบบไม่มีถนอมมือกันเลย แบงก์ก็คิดว่าอยากจะตบคืนบ้าน แต่ก็เกรงใจกล้ามแขนของกล้า กลัวว่าตบไปแล้วมันฟาดกลับทีเดียว เขาได้ลาโลกแน่ๆ

ช่วงเช้าเป็นวิชาดรออิ้ง แต่วันนี้อาจารย์พามาเรียนนอกห้องเรียน เนื่องจากเป็นบทเรียนการวาดภาพ landscape ต้นชั่วโมงอาจารย์ก็สอนการตีเปอร์สเปคทีฟให้พอเข้าใจ ก่อนจะสั่งงานและให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปวาดภาพตามตึกต่างๆ ในบริเวณมหาวิทยาลัย

“อ๊ะ พี่….เอ่อ อาจารย์!” กลุ่มของฝาแฝดนั้นเลือกสถานที่วาดเป็นตึกเรียนของภาควิทย์ พลับก็เลยได้เจอไม้โดยบังเอิญ แต่เพราะอยู่ในเขตมหา’ลัยจะมาตะโกนเรียกพี่ไม้ตามความเคยชินก็ไม่ได้ ไม้เดินเข้ามาหาเด็กแล้วก็ส่งยิ้มให้ ทั้งสองพากันยิ้มและพูดคุยกัน

กล้ามองพี่ชายตัวเองที่คุย ยิ้มและหัวเราะไปกับพลับแล้วขมวดคิ้ว พีชเองที่คอยมองกล้าอยู่ก็ร้อนใจเพราะคิดว่ากล้าคงโมโหขึ้นมาอีกแน่เลย และห่วงว่ากล้าจะเศร้าขึ้นมาด้วย พีชไม่รู้ว่าตอนนี้กล้าทำใจได้ขนาดไหนแล้ว แต่โดนหนามตำใจในระยะเผาขนแบบนี้ เป็นพีชคงเศร้าแย่

‘กล้า เป็นอะไรรึเปล่า’

“หืม เป็นอะไร…”

กล้ามองสมุดโน๊ตของพีช เขาเป็นอะไรเหรอ ตัวกล้าเองยังไม่รู้เลย พีชเห็นหน้านิ่งๆ ของกล้าก็คิดว่ากล้าคงเสียใจมากแน่ๆ ก็เลยดึงสมุดกลับมาเขียนแล้วส่งไปให้อ่านใหม่

‘อยากย้ายไปวาดตึกอื่นมั้ย เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน’

“...อ๋อ ไม่ต้องย้ายหรอก เราโอเค แต่...อยากได้คนปลอบใจน่ะ” พีชวางสมุดลงแล้วอ้าแขนออก ดึงไหล่กล้าเข้าไปกอดแล้วลูบหลังเหมือนเขาเป็นเด็กอีกตังหาก กล้ารอบยิ้มและหัวเราะกับตัวเอง เขาไม่ได้เศร้าเลย ที่จ้องพี่ชายก็เพราะเคืองที่ไม้เอารูปสมัยเด็กของเขาไปให้พลับดู แล้วเขาก็เคืองพลับด้วยที่เอามาให้พีชดูต่ออีกที กล้าไม่อยากให้พีชเห็นเลยเพราะตอนนั้นเขาอ้วน ยืนโป๊ ทำท่าตลกๆ แถมไม่หล่อเลยซักนิด

‘ดีขึ้นบ้างมั้ย’

“ดีขึ้นแล้วแหละ แต่พีชปลอบต่ออีกนิดนะ” คนใจดีก็ยังใจดีอยู่เสมอ กล้าปลื้มใจกับการกระทำของคนตัวเล็กที่นั่งยิ้มน่ารักตรงหน้านี้ พีชลูบแขนส่งเสียงอืออาในลำคอเหมือนพูดปลอบใจเขา ส่วนกล้าก็ฉวยโอกาสนี้เอียงหัวซบไหล่เล็ก ดมกลิ่นหอมละมุนจากลูกพีช พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยยิ้มให้กำลังใจที่อีกฝ่ายส่งมาให้เสมอ

“ถ้าไม่มีพีชเราจะทำยังไงเนี่ย คงเศร้าตายเลย”

‘ไม่หรอก เวลาจะรักษากล้าเองแหละ’

“แต่พีชทำให้เราหายเศร้าได้เร็วกว่าเวลานะ”

‘เราเก่ง’

พีชทำท่าหัวเราะ กล้าเห็นท่าทางแบบนั้นก็เอ็นดู ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมนุ่มพร้อมทั้งโยกไปมา มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอบอุ่น

“ใช่พีชเก่ง เพราะงั้น…” กล้าหยุดพูด แล้วดึงสมุดในมือพีชมาเขียนต่อ จากนั้นก็ยื่นให้คนตัวเล็กอ่าน รอคอยคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ประโยคที่เขาเขียนไปมันอาจมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่กล้าแค่อยากมั่นใจว่า ไม่ว่ายังไง พีชก็จะไม่ทิ้งเขาไปหาใครคนอื่น อย่างน้อยก็ในตอนที่เขากำลังพยายามจีบอีกฝ่ายอยู่

‘อย่าหนีเราไปหาคนอื่น ต่อให้เราหายเศร้าแล้วพีชก็ต้องอยู่กับเรานะ’

พีชอ่านแล้วยิ้มบางๆ สบตากับคนตรงหน้าแล้วพยักหน้าช้าๆ แต่หนักแน่น พีชไม่หนีกล้าไปไหนหรอก เพราะหนีไม่ได้ หนีไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว ต่อให้กล้าอกหักจากคนอื่นมาอีกกี่คน พีชก็จะอยู่ข้างๆ กล้าตรงนี้ คอยปลอบกล้าไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ

‘เราหนีไปหาคนอื่นไม่ได้หรอกกล้า’


ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 14 คำที่รอคอย

   ‘อย่าทำหน้าบึ้งสิ งานเสร็จแล้วค่อยไปหาพี่ไม้ก็ได้ พี่เขาไม่หนีไปไหนหรอก’

พีชปลอบใจน้องชายที่นั่งหน้างอเป็นปลาทูอยู่ข้างๆ กัน แต่ก็โดนถอนหายใจใส่ พีชรู้ว่าวันนี้พลับนัดกับไม้ไว้ ความจริงก็นัดเจอกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว พีชเลยไม่เข้าใจน้องชายตัวเองว่าจะทำหน้าเสียดายขนาดนี้ไปทำไม วันนี้ไม่ได้เจอ พรุ่งนี้ก็ต้องได้เจออยู่แล้ว พีชคิดแบบนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่าการนัดเจอกันวันนี้ของพลับและไม้นั้นมันไม่เหมือนวันที่ผ่านมา

วันนี้ควรจะเป็นวันพิเศษที่พลับและไม้นั้นจะได้… เพียงแค่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากเขาได้ไปหาไม้ แฝดคนน้องก็เกิดอาการเขินจนตัวงอ ซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วกุมแก้มร้อนๆ ของตัวเองไว้ พลับอุตส่าห์เตรียมใจไว้อย่างดีแล้วเชียว แต่ก็ต้องมาล่มเพราะว่าอาจารย์เลื่อนส่งงานขึ้นมากะทันหัน รายงานกลุ่มที่ควรจะส่งอาทิตย์หน้าดันเลื่อนเข้ามาให้ส่งภายในพรุ่งนี้ตอนเย็น

‘วันนี้มันไม่เหมือนวันอื่น พีชไม่เข้าใจหรอก’

‘ถ้าอยากให้เราเข้าใจก็บอกมาสิว่าวันนี้มันต่างจากวันอื่นตรงไหน’

พลับนั่งนิ่ง ทำแก้มป่องจ้องตาพี่ชายตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ จะให้พลับไปพูดเรื่องแบบนี้กับคนอื่นได้ยังไง ถึงจะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาอย่างกระชั้นชิดแบบพีชก็เถอะ ยังไงพลับก็คิดว่ามันก็น่าอายอยู่ดี

กล้าที่นั่งอยู่อีกฝั่ง มองไปที่พีชที่ทำหน้ายุ่ง ปากยื่นใส่แฝดคนน้อง เขาเพิ่งสังเกตว่าเวลาที่ฝาแฝดคุยกันด้วยภาษามือนั้น จะใส่อารมณ์ทางสีหน้าไปด้วย ทั้งปากทั้งคิ้ว ขยับไปหมดทุกส่วนเลย แถมมือและแขนก็ขยับไม่หยุด หนังสือที่กล้าสั่งไปเมื่อวานก่อนนั้นมาส่งแล้ว แต่กล้ามีโอกาสเปิดดูได้แค่สองสามหน้าก็ต้องซุกใต้หมอนไว้ก่อน เพราะพีชมาทำงานที่ห้อง เขายังไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองกำลังจะเริ่มเรียนภาษามือ กล้าอยากคุยกับพีชตอนที่ตัวเองนั้นสื่อสารได้จริงๆ แล้ว เขาอยากทำให้พีชประหลาดใจ

“แฝด หยุดทะเลาะกันก่อนได้มั้ย เอาข้อมูลพวกนี้ไปสรุป”

แบงก์ห้ามแฝดที่เริ่มลงไม้ลงมือตีไหล่กันไปมา ส่งข้อมูลไปให้ฝาแฝดสรุปและพิมพ์ลงรายงาน ปกติแบงก์ไม่ใช่พวกที่จะตั้งใจทำงานอะไรแบบนี้เท่าไรนัก แต่เห็นฝาแฝดไม่ยอมทำงาน แถมไอกล้าเพื่อนเขาก็เอาแต่นั่งยิ้มมองแฝดทะเลาะกันไม่จับงานเสียที แบงก์ก็เลยจำเป็นต้องตั้งตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราว

พอฝาแฝดตั้งใจทำงาน กล้าก็ก้มหน้าหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ต่อ พอเหนื่อยก็เงยหน้ามาหวังจะมองหน้าพีชเป็นกำลังใจให้หายเหนื่อยแต่ก็เจอพลับที่กำลังดึงสันหนังสือที่โผล่ออกมาจากหมอนมาดู

“เห้ย พลับ!” กล้าเอื้อมตัวไปแย่งหนังสือในมือพลับ ดันหนังสือเหล่านั้นซ่อนไว้ใต้หมอนเหมือนเดิมตามด้วยคลุมผ้าห่มทับ ไม่ให้ฝาแฝดรู้ว่ามันคือหนังสืออะไร

“ตกใจหมดเลยกล้า” พลับกุมหน้าอก เพราะตกใจจริงๆ จู่ๆ กล้าก็พุ่งเข้ามาหาแถมทำเสียงดังใส่อีก ขนาดพีชที่นั่งอยู่ข้างๆ กันยังสะดุ้งเลย

“เออ กูก็ตกใจ ทำไม...มึงยัดหนังสือโป๊ไว้ใต้หมอนเหรอ เด็ดป่ะวะ เอามาแบ่งปันกันบ้างสิ ไม่ต้องอายหรอก ผู้ชายเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” แบงก์แซวขำขัน ยื่นหน้าเขาไปกระแหนะกระแหน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะผลักหัวเขาออกแล้วปฏิเสธว่าไม่ใช่หนังสือแบบนั้น แบงก์ก็ไม่เชื่อหรอก หากเป็นหนังสือธรรมดาจะแอบทำไม แบงก์รู้ แบงก์เข้าใจ แบงก์ดูออก

“หนังสือโป๊บ้านมึงสิ แค่หนังสืออ่านเล่น”

“ภาษามือเบื้องต้นคือหนังสืออ่านเล่นเหรอ” พลับถามอย่างสงสัย พีชที่คอยอ่านปากอยู่ก็หันมามองอย่างสนใจ ทางด้านของกล้านั้นก็ชะงักไป ไม่คิดว่าพลับจะทันเห็นชื่อหนังสือ ไหนจะสายตาของพีชที่จ้องมาอีก ทำเอากล้าเริ่มเหงื่อตก หาข้อแก้ตัวต่างๆ

“พลับดูผิดแล้ว มันแค่หนังสืออ่านเล่นทั่วไปเฉยๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

กล้าโบกมือไปมาปฏิเสธ ก้มหน้าทำเป็นพิมพ์หาข้อมูลแล้วหัวเราะเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องที่พลับพูด ทำเป็นมองข้ามสายตาจับผิดของพลับไป แฝดคนน้องหรี่ตามองเพื่อนตัวเอง พลับมั่นใจว่าตัวเองดูไม่ผิด เขาเห็นสันหนังสือแลบออกมาจากใต้หมอนของเพื่อน และเพราะอ่านชื่อหนังสือว่ามันคือภาษามือเบื้องตนจริงๆ ก็เลยสนใจเลยหยิบออกมาดูแค่นั้น พลับไม่ได้จะว่าอะไรเสียหน่อย

ผ่านไปครู่หนึ่งพลับก็เลิกสนใจกล้า ถึงแม้ว่าจะยังสงสัยอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร หลังจากที่กล้านั่งเกร็งมานานก็เริ่มผ่อนคลาย เงยหน้ามองแฝดคนพี่ที่ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์รายงาน ใบหน้าขาวหันไปมามองสลับหน้าจอแลปทอปและกระดาษ มองมือเล็กที่ยกขึ้นมาบีบไปตามต้นคอของตัวเอง กล้าคิดว่าหันไปหันมาแบบนั้นคงเมื่อยต้นคอคอน่าดู อีกทั้งยังเห็นว่าพีชลูบท้องตัวแล้วหันไปพูดกับพลับ ไม่จำเป็นที่กล้าต้องเข้าใจภาษามือ เขาก็ดูออกว่าพีชนั้นหิวแล้ว

“เย็นแล้ว พักกินข้าวกันก่อนดีมั้ย”

กล้าเสนอ พลับก็รีบหันไปบอกพี่ชาย จากนั้นกล้าก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างและท่าทางลูบวนที่ท้องตัวเองเป็นการบอกกล้าว่าตัวเองก็หิวเหมือนกัน ความจริงกล้าไม่ได้หิวเสียหน่อย แค่อยากให้พีชได้พักมากกว่า

“ทำบทนี้ให้เสร็จก่อนไม่ได้เหรอวะ มันค้างคา” แบงก์พูดทั้งที่มือยังรัวแป้นพิมพ์อยู่ เพิ่งจะเริ่มทำรายงานกันอย่างจริงจังไม่เท่าไร เพื่อนตัวใหญ่ก็ชวนอู้ไปกินข้าวเสียแล้ว แล้วแบบนี้เมื่อไรจะเสร็จ แบงก์อยากกลับบ้าน แบงก์อยากคุยกับแฟนเสียที

“ทำไมวันนี้ขยันผิดปกติ เดี๋ยวค่อยขึ้นมาทำก็ได้ คนอื่นเขาหิวกัน” พลับพูด ในเมื่อทุกคนดูเห็นดีเห็นชอบ แบงก์ก็ไม่ขัด จัดการเซฟงานแล้วลงไปด้านล่าง

ยังเดินไม่ถึงชั้นหนึ่งดีก็เจอไม้ที่เดินสวนขึ้นมา พลับที่ดูท่าว่าจะดีใจที่สุดที่ได้เจอไม้ รีบวิ่งเข้าไปหาส่งยิ้มหวานให้ จนไม้เอ็นดูยกมือขึ้นบีบแก้มยุ้ย ลืมดูไปว่ามีคนอื่นอีกสามคนที่ยืนยิ้มแห้งๆ อยู่ไม่ไกล

“พี่มาทำอะไรอ่ะ ห้ามพาพลับไปไหนนะ ต้องทำงานกลุ่มกัน” กล้าพูดบอกพี่ชายตัวเองไว้ก่อน กล้าแค่กลัวว่าไม้จะมาพาพลับไปอู้งานแค่นั้น แต่แฝดคนพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยตั้งอกตั้งใจอ่านปากอยู่กลับไม่คิดแบบนั้น

“ไม่ได้จะพาไปไหน แค่จะมาชวนไปกินข้าวด้วยกัน พี่เลี้ยงเอง”

พูดแล้วก็หันไปโยกหัวเด็กพลับ พาเดินนำออกไปหาร้านข้าว แบงก์ที่รู้ว่าจะได้กินฟรีก็เฮใหญ่เดินตามไปติด พูดขอบคุณไม้ยกใหญ่ ต่างจากกล้าที่เดินทิ้งระยะตามไปเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา พีชที่คอยสังเกตอยู่ก็เดาไปว่า กล้าคงรู้สึกไม่ดีอีกแล้วแน่ๆ แล้วที่ทิ้งระยะห่างแบบนี้นแสดงว่าทนดูภาพบาดตาบาดใจไม่ไหวแน่นอน พีชที่คิดเองเออเองรีบเข้าไปปลอบ

‘กล้าโอเคมั้ย’

กล้าอ่านคำในสมุดโน๊ตที่คนตัวเล็กถามมา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะไม่โอเคเรื่องอะไร จนมองตามสายตาของอีกฝ่ายมองไปที่พี่ชายตัวเองและพลับที่เดินเกี่ยวนิ้วกันอยู่ กล้าหลุดยิ้มออกมา มองหน้าพีชที่ทำสีหน้าเป็นห่วงเป็นเป็นใยเขาอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก ก็เรามีพีชอยู่ใกล้ๆ นี่นา” พูดแล้วก็ดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้อย่างเนียนๆ พีชที่คิดว่ากล้าต้องการกำลังใจก็กระชับมือใหญ่ไว้แน่น แล้วส่งยิ้มหวานให้ กล้าเห็นแล้วก็ยิ้มตาม เดินช้าๆ ทิ้งระยะห่างจากลุ่มข้างหน้า สาเหตุที่ต้องเดินห่างขนาดนี้เพราะอยากเดินกับพีชแค่สองคนตังหาก กล้ารู้สึกดีมาก รับรู้ได้ว่าหัวใจของเขามันฟูเต็มอกกับการที่เดินช้าๆ แล้วกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ ไม่ได้รู้สึกเฮิร์ทที่เห็นพี่ชายและเพื่อนของตัวเองเกี่ยวมืออะไรกันเลยซักนิด

หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกคนที่เห็นมีเจ้ามือจ่ายเงินให้ ก็พากันไปต่อที่ร้านขนมหวาน ดูท่าแล้วจะถูกใจฝาแฝดที่สุด เพราะชอบของหวานกันทั้งคู่ ส่วนแบงก์นั้นไม่ได้ชอบของหวานเท่าไร แต่เห็นว่าไม่เสียเงินก็จัดการสั่งเซ็ตใหญ่มากิน ส่วนสองพี่น้องกล้าและไม้นั้นไม่ได้ชอบของหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลยนั่งเฉยๆ มองคู่แฝดของตัวเองพากันสามัคคีตักขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย 

“พี่ไม้ไม่กินเหรอครับ อร่อยนะ ไม่หวานมาก”

พูดทั้งที่แก้มยังอมสตอรี่เบอรี่ไว้ในปาก แล้วยังจิ้มขนมปังมาเขาอีกด้วย ไม้ชะงักเล็กน้อยแล้วมองมองขนมปังเยิ้มน้ำเชื่อมที่เด็กยื่นมาจ่อปาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบที่เด็กป้อนแบบนี้ แต่ว่านี้คือที่สาธารณะแถมยังมีนักศึกษาเยอะอีกตังหาก หากมีเด็กในคณะเขามาเห็นเข้าล่ะก็ คงเอาไปพูดกันทั่วว่าเขาคั่วเด็กในมหาลัยอยู่ แต่พลับจิ้มขนมมาให้อีกทั้งยังยิ้มให้อีก ไม้ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายป้อนเก้อเลยมองไปรอบๆ ร้าน พอเห็นว่าไม่มีใครที่สนใจมองอยู่ก็รีบอ้าปากรับขนมปังหวานๆ นั้นเข้าไป

“ขอบคุณครับ”

“อร่อยเนอะ ผมชอบ” ไม้ยิ้มมองพลับที่อ้าปากงับขนมปังคำใหญ่ คราบน้ำเชื่อมเปื้อนที่ข้างปากเลยส่งกระดาษทิชชู่ไปเช็ดให้

“พี่ก็ชอบ” ที่พูดไปน่ะ ไม่ได้หมายถึงขนมปังเลยซักนิด สายตาของไม้นั้นบ่งบอกชัดเจนว่าสิ่งที่เขาชอบคืออะไร ทางด้านของคนที่โดนบอกชอบต่อหน้าเพื่อนก็เขินจนแก้มร้อน นั่งนิ่งส่งยิ้มให้ไม้ จนเพื่อนร่วมโต๊ะได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเลี่ยนนี้

“แหม พี่ชายมึงนี่ เสี่ยวใช้ได้เหมือนกันนะ” แบงก์เอียงตัวมาพูดด้วย ไม่ได้พูดเสียงดังมาก แต่ด้วยความที่โต๊ะไม่ได้ใหญ่อะไร ทำให้ทุกคนได้ยินกันทั่ว พลับก็เลยเอื้อมมือดีดหูเพื่อนปากสุนัขที่บังอาจมาแซวแฟนของตัวเอง 

กล้าเบ้ปาก มองพี่ชายตัวเองส่งยิ้มยิงตาให้กับพลับ รู้สึกหมันไส้พี่ชายตัวเองตอนนี้มาก ทำตัวเป็นตาลุงหน้าใหญ่ใจดี พาพลับไปเที่ยวนู้น ไปเที่ยวนี่บ่อยๆ คนอื่นทำอาจจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่สิ่งที่กล้าเห็นน่ะไม้ก็คือตาลุงขี้บ่น นิสัยไม่ดีเพราะชอบขัดขาเขา แถมชอบพูดเรื่องสมัยเด็กให้คนอื่นฟังจนเขาขายขี้หน้ามาไม่รู้กี่ครั้ง กล้ายังไม่หายเคืองที่ไม้เอารูปยุคมืดของเขาให้พลับดูด้วย  เขาขมวดคิ้วมองพลับที่หัวเราะคิกคักกับพี่ชายตัวเอง ไม่เข้าใจทำไมพลับถึงไม่ชอบตาลุงเจ้าเล่ห์แบบนี้ได้ ภาพที่กล้าเห็นตรงหน้าน่ะ ไม้ก็เป็นเพียงตาลุงที่กำลังคั่วเด็กนักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีมาดอาจารย์มหา’ลัยเลยซักนิด

“พีช…” กล้าตกใจเล็กน้อย เพราะค่อนขอดพี่ชายในใจอยู่ดีๆ ก็รู้สึกได้ว่า มีมือเล็กมาวางทับที่หน้าขาพร้อมตีเบาๆ พอหันไปก็เจอรอยยิ้มหวานของพีช กล้ายิ้มขยับมือไปใต้โต๊ะแล้ววางทับบนมือของพีช  พีชคงคิดว่าเขาเศร้าอีกแล้ว กล้าหัวเราะเบา ๆ เกี่ยวนิ้วกับนิ้วก้อยของอีกฝ่ายเอาไว้ สบตากับอีกฝ่ายส่งคำขอบคุณและความรู้สึกพิเศษที่มีต่อพีชผ่านดวงตา

แน่นอนว่าความรู้สึกเหล่านั้นส่งไปถึงพีชแน่นอน คนตัวเล็กเม้มปากก้มหน้าลงแล้วอมยิ้มอยู่กับตัวเอง ไม่เข้าใจว่ากล้ามองแบบนั้นทำไม แววตานั้นน่ะมันทำให้พีชเขินมาก ไหนจะนิ้วที่เกี่ยวกันอยู่ใต้โต๊ะนี่อีก มันทำให้หัวใจของพีชเต้นแรงพองโตและทำให้คิดหลงตัวเองว่ากล้าอาจจะชอบเขาขึ้นมาซักนิดแล้ว

หลังจากทานของหวานเสร็จ ไม้ก็ขอตัวกลับคอนโด ส่วนคนอื่นก็กลับขึ้นมาทำรายงานต่อ คราวนี้กล้าขอเปลี่ยนหน้าที่ เป็นคนสรุปเนื้อหาให้พีชพิมพ์แทนพลับที่ทำหน้าที่นั้นอยู่ก่อนแล้ว เพราะกล้าอยากจะเขามานั่งใกล้ๆ แฝดคนพี่ พลับเองก็แปลกใจแต่ไม่ได้ท้วงอะไร เพราะการสรุปเนื้อหาให้กระชับนั้นค่อนข้างน่าปวดหัว กล้าอาสามาทำแทนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

นั่งทำกันจนดึกดื่น ทางฝั่งที่หาข้อมูลจนครบแล้วก็ขยับเข้ามาช่วยกันสรุปเนื้อหา ผ่านไปจนเกือบตีสองก็เริ่มหลับไปทีละคน จนเหลือแค่กล้าและพีชที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่ กล้านั้นเหลือสรุปแค่หัวข้อเดียว ส่วนพีชนั้นยังเหลือสิ่งที่ต้องพิมพ์อีกหลายหัวข้อเลย เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินจึงส่งผลทำให้ทำรายงานแบบนี้ได้ช้า มันมีคำที่พีชไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นและอ่านไม่ออกเต็มไปหมด พีชเลยต้องนั่งพิมพ์ตามทีละตัวจนช้าแบบนี้

พีชพิมพ์ได้ เขียนได้ อ่านออกก็จริง แต่ก็เป็นคำที่เห็นบ่อยๆ หรือคำทั่วไป พีชรู้ว่าตัวเองเป็นคนพิการ ภาษาของเขาคือภาษามือ ที่อ่านออกเขียนได้ก็เพราะเรียนมาจากโรงเรียนเฉพาะทาง แต่หากเจอศัพท์แสลงหรือคำแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น พีชก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร มันก็เหมือนเวลาที่คนทั่วไปเห็นภาษาแปลกๆ ที่ไม่รู้จักแล้วอ่านไม่ออกนั้นแหละ

“พีชไปพักเถอะ เดี๋ยวเราพิมพ์เอง” กล้าสะกิดให้พีชหันมาอ่านปาก แต่คนตัวเล็กก็ส่ายหน้า งานในส่วนของเขายังไม่เสร็จเลยจะไปนอนได้ยังไง เวลาทำรายงานวิชาการแบบนี้ทีไรพีชจะรู้สึกไม่ดีเกือบทุกครั้งเลย เพราะคิดว่าตัวเองมักเป็นตัวถ่วงทำให้งานช้า

กล้าที่ดูออกว่าพีชคิดอะไรก็เลยไม่เซ้าซี้ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำงานไป ส่วนตัวเขาก็นั่งมองอยู่ข้าง จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง พีชก็ยืดตัวขึ้นสะบัดคอตัวเองไปมาเพื่อไล่ความเมื่อย งานไม่คืบหน้าเลยเพราะมันมีคำที่พีชไม่รู้จักเยอะมาก

“อะ....”

เพราะจู่ๆ กล้าก็ยื่นมือเข้าไปบีบคลึงต้นคอให้ พีชก็ไม่ทันตั้งตัวขอตามท่อนแขนพากันลุกเป็นเกลียว มืออุ่นที่นวดคลึงอยู่นั้นทำให้พีชวูบวาบจั๊กจี๋ขึ้นมาเล็กน้อย แต่พีชก็ไม่ได้ขยับออก เพราะแรงบีบนวดจากฝ่ามือใหญ่นั้นทำให้อาการปวดต้นคอทุเลาลงไปมากเลยทีเดียว

“ให้เราพิมพ์ให้เถอะนะ...จะได้ไปนอนกันเร็วๆ ไง”

กล้าดึงแลปทอปมาเพื่อพิมพ์งานเอง ในตอนแรกพีชก็ทำท่าจะไม่ยอมแต่กล้าก็ลงมือรัวแป้นพิมพ์ ไม่นานนักหัวข้อย่อยที่พีชใช้เวลานานมากก็เสร็จไปอีกหนึ่งหัวข้อ พีชเลยยอมให้กล้าช่วยโดยที่ตัวเองก็นั่งคอยอยู่ข้างๆ ให้กล้าพิมพ์แปปเดียวก็คงเสร็จ แต่หากพีชยังดื้อจะทำเอง คงไม่ได้นอน และกล้าที่คอยนั่งเป็นเพื่อนก็คงไม่ได้นอนไปด้วย

“ถ้าง่วงก็นอนก่อนก็ได้นะ”

กล้าหันไปพูดด้วยเพราะเห็นว่าพีชเริ่มตาปรือ พีชส่ายหน้ากระพริบตารัวๆ ไล่ความง่วงและส่งยิ้มคนตัวสูง กล้าหันมาทำงานต่อ ผ่านไปแค่อึดใจเดียวหันไปอีกทีคนตัวเล็กที่ก็สัปหงกจนหัวจะโขกพื้นอยู่แล้ว กล้าก็กะว่าจะให้พีชไปนอนดีๆ แต่หันไปก็เจอแบงก์และพลับนอนเบียดกันบนฟูก แต่หากให้อธิบายแบบละเอียดคงต้องบอกว่า แบงก์นอนขดจนแทบหล่นมานอนบนพื้นส่วนพลับนั้นกางแขนกางขาขวางฟูกไปหมด ไม่มีพื้นที่ให้พีชนอนได้อีก

กล้าขยับเข้าไปนั่งชิดพีชแล้ว แล้วจับหัวเล็กๆ ที่โยกไปโยกมาให้พิงไหล่ตัวเองไว้ หลังจากนั้นก็หันกลับมาทำงานต่อ ทำไปก็หันมามองหน้าพีชไป ยิ่งพีชถูแก้มกับหัวไหล่เพื่อหามุมสบายให้ตัวเองกล้าก็ยิ่งสุขใจ ลูบปลายนิ้วไปตามปลายจมูกแล้วจิ้มเข้าที่แก้มขาว กลิ่นหอมจากเส้นผมก็ช่างดึงดูดให้เขาก้มลงจรดปลายจมูกลงบนกลุ่มหอมละมุน

“อะแฮ่มๆ”

กล้าสะดุ้งเงยหน้าจากพีชแล้วค่อย ชำเลืองตามองที่มาของเสียง พอมองไปอีกฝั่งก็เจอพลับที่ตื่นขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้จ้องมองมา กล้ายิ้มแหย ค่อยๆ ดันตัวพีชลงนอนบนพื้นแล้วหยิบหมอนมารองคอให้ พอเงยหน้ามองก็เจอแฝดคนน้องที่กอดอกเอียงหน้ามองด้วยสายตานิ่งพร้อมทั้งยักคิ้วจึกๆ กล้ากลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเก้อเขินจนต้องหนีสายตาของพลับโดยการลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็น แต่ก็ยังไม่พ้นเมื่อพลับลุกขึ้นเดินตามมา

“จะกินน้ำ” พลับพูดเสียงเรียบ แต่สายตาที่ตวัดมองกล้านั้นทำเอาคนที่กระดกน้ำอยู่รีบถอยหลบอย่างไว เขารู้สึกหายใจสะดวกขึ้นเมื่อพลับละสายตาไปจากเขาแล้ว แต่ก็เกือบพ่นน้ำออกจากปาก เมื่ออีกคนที่กำลังรินน้ำอยู่ตวัดตามองมาอีกที

“...”

“ชอบพีชเหรอ”

“อึก…” กล้าแทบสำลัก เมื่อเจอคำถามตรงๆ เขาเลือกที่ไม่ตอบอะไร  จู่ๆ กล้าก็รู้สึกกลัวคนตัวเล็กตรงหน้านี้ เพราะเขารู้ว่าพลับน่ะหวงพีชมากแค่ไหน กลัวว่าหากบอกออกไปว่าชอบอยู่แล้วพลับจะมีปฏิกิริยายังไง จะกันเขาออกจากพีชรึเปล่า กล้าหลบสายตาอีกฝ่ายที่ยังคงมองมาอย่างคาดคั้น และเงียบดื่มน้ำไปเรื่อยๆ จนจุก น้ำขวดลิตรหมดนั่นแหละถึงได้หยุดดื่ม

พลับที่ยังคงมองเพื่อนตัวใหญ่อยู่ เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง คนที่กล้าชอบอยู่ก็คือพีชนี่เอง แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้เข้าใจผิดว่ากล้าไปชอบคนอื่นเสียได้ หรือว่ากล้าไปทำเจ้าชู้ใส่คนอื่นให้พีชเห็น คิดแบบนั้นก็ทำตาดุมองคนตัวสูง ทางฝั่งกล้าเห็นเพื่อนทำหน้าไม่พอใจก็สะดุ้ง หลุบตามองปลายเท้าตัวเอง

พลับส่ายหน้ากับตัวเอง เห็นคนที่ยืนตัวตรงแล้วก็รู้สึกขำ เป็นไปไม่ได้หรอกที่กล้าจะเจ้าชู้ เพื่อนเขาดูไม่เป็นคนแบบนั้นเลย ตั้งแต่รู้จักมา พลับก็ไม่เคยเห็นกล้ามีแฟนหรือไปจีบใครซักคน จะมีก็แต่แบงก์ที่ทำหน้าม่อใส่ผู้หญิงไปทั่วอยู่คนเดียว

“ตกลงชอบพีชรึเปล่าเนี่ย” พลับถามย้ำ ระหว่างที่รอคำตอบก็ลุ้นแทนพีช อยากรู้ว่ากล้านั้นรู้สึกยังไงกับพี่ชายของเขากันแน่ หากไม่ชอบจะมาทำแบบนั้นทำไม รู้ว่ากล้ามักใจดีกับพีชเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไอ้หอมหัวกับลูบแก้มนั่นน่ะ เพื่อนเขาไม่ทำกันหรอก!

“ถ้า...บอกว่าชอบล่ะ จะเป็นไรมั้ย?” พูดแล้วก็เกาแก้มตัวเอง พูดคำว่าชอบไปแล้วก็รู้สึกเขิน ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่พีช แต่หน้าตาก็เหมือนกันอย่างกับแกะ ถ้าหากยืนนิ่งๆ และส่งยิ้มหวานกว่านี้ซักหน่อย ก็คือลูกพีชของเขาเลยล่ะ แต่นี่ดันทำตาดุคิ้วขมวดอยู่ไง กล้าเลยมีความรู้สึกเกร็งๆ มากกว่าเขินอาย

พลับพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ พีชชอบกล้า กล้าเองก็ชอบพีช แต่ติดปัญหาตรงที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ใจกัน เลยทำให้ไม่กล้าสารภาพออกไป เขาลองคะยั้นคะยอพี่ชายตัวเองหลายครั้ง แต่พีชก็ไม่ยอม พลับคิดว่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนมาเสี้ยมกล้าแทนคงได้ผลเร็วกว่า

“ถ้าชอบเขา แล้วทำไมไมบอกเขาไปล่ะ”

“...กำลังจีบอยู่น่า” กล้าอ้อมแอ้มตอบ

“จีบทำไมเสียเวลา ลองบอกไปเลยสิ สารภาพไปเลย”

“บ้าน่า ใครจะไปกล้าทำแบบนั้น หากพีชไม่ชอบขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ เดี๋ยวเสียเพื่อนอีก”

 คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ คำตอบเหมือนพี่ชายเขาเปี๊ยบ แต่พลับก็เข้าใจ คนตัวเล็กขยับปากมุบมิบอยากจะบอกเหลือเกินว่าพีชชอบแน่นอน แต่พลับก็ไม่อยากก้าวก่ายมากนัก คิดว่าไหนๆ กล้าก็จะจีบพีชอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้จีบไปจนพีชรู้เองดีกว่า พี่ชายของเขาจะได้มีความสุขที่โดนคนที่ตัวเองชอบจีบด้วย แค่คิดว่าพีชคงยิ้มจนแก้มปริพลับก็มีความสุขแล้ว

“ยิ้มอะไร ไม่ห้ามใช่มั้ยที่เราจีบพีช” กล้าถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่ถึงพลับจะบอกว่าห้ามจีบยังไง เขาก็คงไม่ฟังหรอก ยังไงก็จะทำให้พีชเป็นลูกพีชของเขาแน่นอน

 พี่ชายเขากำลังจะสมหวังจะไปห้ามทำไม พลับส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มก่อนจะทำหน้าจริงจังแล้วชูกำปั้นขึ้นมาชี้ไปที่กล้า

“ไม่ห้ามหรอก...แต่หากทำพีชร้องไห้ล่ะน่าดู!”



พอได้ไฟเขียวจากแฝดคนน้อง กล้าก็เริ่มที่จะเปิดเผยมากขึ้น เวลาทำอะไรให้พีชก็จะไม่เกร็งกับสายตาของพลับอีกต่อไป

“พีช เดี๋ยวเราถือกระดานให้นะ”

พูดแล้วก็รวบกระดานวาดภาพของพีชมารวมกับของตัวเอง แล้วเดินเคียงพีชไปที่ตึกคณะ ช่วงนี้พีชรู้สึกได้ว่ากล้าใจดีกับตัวเองมากๆ แถมแต่ละเรื่องที่ทำก็ส่งผลให้หัวใจของพีชเต้นผิดจังหวะตลอดอย่างเช่นตอนนี้  เวลาข้ามถนนอย่างมากพีชก็แค่จับชายเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ แต่ช่วงหลังมานี้กล้ามักดึงมือเขาไปจับแล้วพาเดินข้ามตลอด ยิ่งวันนี้ก็ยิ่งทำให้พีชกลั้นยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อข้ามถนนมาไกลแล้ว กล้าก็ยังกุมมือพีชไว้อยู่เลย เขาคิดว่าคนตัวสูงคงลืมก็เลยเนียนเดินอมลมให้อีกฝ่ายกุมมือเอาไว้แล้วก็มาแอบยิ้มอยู่คนเดียว

กล้าเหลือบตามองคนตัวเล็กที่หันไปมองอย่างอื่น รอคอยว่าพีชจะดึงมือออกตอนไหนรึเปล่า เดินมาเรื่อยและเมื่อมั่นใจว่าพีชไม่ดึงมือออกก็หันไปรอบยิ้มอีกทาง กระชับฝ่ามือเล็กไว้มั่นพร้อมทั้งดึงแขนเข้าหาตัวให้พีชเข้ามาเดินใกล้ๆ เขาไม่ได้ลืมปล่อยมือ กล้าตั้งใจจับมือพีชเอาไว้ตังหาก

มีอีกหลายเรื่องที่กล้าทำให้พีชหวั่นไหวมากกกว่าเดิม ทั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างคอยซื้อน้ำมาให้เวลาทานข้าว ซื้อขนมอร่อยมาฝากเสมอ เดินจับมือ บางครั้งเวลาที่พีชอ่านปากไม่ทัน กล้าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดใหม่ช้าๆ ชัดๆ ไหนจะเรื่องยิบย่อยอื่นอีกมากมายที่แสดงให้พีชรู้สึกว่ากล้ากำลังใส่ใจเขาอยู่ กล้าทำแบบนั้นจนพีชคิดเข้าข้างตัวเองว่ากล้ากำลังมีใจให้…

“พีช เหม่ออะไรน่ะ เลิกเรียนแล้ว พลับกับแบงก์ไปเข้าห้องน้ำ มันให้เราไปเจอที่หน้าตึกเลย” กล้าเรียกคนที่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเก็บของทั้งที่คนอื่นๆ พากันออกจาห้องเรียนไปกันหมดแล้ว กล้าขยับเข้าไปเรียก โบกมือไปมาตรงหน้า พีชก็ยังคงเหม่อ จนเขาต้องเขย่าไหล่บางเพื่อเรียกสติ

“อะ...อ๋า! ”

พีชสะดุ้ง เมื่อกล้าจับเข้าที่หัวไหล่ คนที่นั่งเหม่ออยู่ตกใจและหันไปหาทันที ไม่ได้ดูว่ากล้านั้นขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เหมือนกัน ผลที่เกิดขึ้นคือแก้มเนียนของคนตัวเล็กเฉี่ยวเข้ากับปลายจมูกของกล้าอย่างพอดิบพอดี ทั้งคู่ต่างชะงัก แต่ถึงจะชะกงักหรือตกใจอย่างไรกล้าก็ไม่ลืมที่จะฉวยโอกาสนนี้หอมแก้มเนียนสูดกลิ่นละมุนเอาไว้จนเต็มปอดและก่อนที่พีชจะผงะดันตัวเองออกนั้น กล้าก็รั้งหัวไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ เพราะดูท่าเหมือนพีชกำลังจะผลักตัวเองออกจนเขากลัวว่าจะหล่นเก้าอี้ไป

“เหม่ออะไรอยู่ ทำไมตกใจขนาดนั้น”

กล้าพูดบอก พีชมองปากของกล้าอยู่แท้ๆ แต่กลับไม่มีสมาธิที่จะดูเลยว่ากล้าพูดคำว่าอะไรออกมาบ้าง  พีชเม้มปากแล้วสบตากับอีกฝ่าย แล้วหัวใจเต้นตึกตักไปกับแววตาอบอุ่นของอีกฝ่ายที่มองมา อีกทั้งพอนึกถึงการกระทำก่อนหน้านี้ก็ยิ่งทำให้พีชใจเต็นแรง แก้มขาวแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเพราะพยายามกลั้นยิ้มอยู่ มือไม้ที่วางอยู่หน้าตักก็บีบเข้าหากันแน่น พีชเขิน กล้ามองมาด้วยสายตาแบบนั้นทำให้พีชหวั่นไหวและเขินมาก

“ทำแบบนั้นอีกแล้ว ทำไมชอบทำหน้าแบบนั้น รู้มั้ยว่ามันน่ารัก” กล้าหันไปพูดทางอื่น ส่ายหน้าน้อยๆ กับท่าทางของคนตัวเล็ก เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมพีชถึงชอบทำแก้มป่องๆ แล้วเม้มปากแบบนั้น แต่มันทำให้พีชดูน่ารักน่าบีบมากกว่าเดิมเยอะเลย  เห็นแก้มเนียนป่องๆ แบบนั้นแล้วเขาอยากจะหอมซ้ายหอมขวา กล้าสัญญากับตัวเองในใจว่า หากจีบคนตัวเล็กติดเมื่อไร เขาจะจับฟัดให้หายมันเขี้ยวเลย คอยดู

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ช่วงนี้เป็นช่วงสอบมิดเทอม นักศึกษาต่างก็พากันอ่านหนังสือสอบกันอย่างหัวหมุน คณะที่ฝาแฝดเรียนไม่มีการสอบข้อเขียน จะมีก็แต่วิชานอกคณะที่ลงเรียนเพื่อเก็บหน่วยกิตแค่นั้น ซึ่งมีแค่ไม่กี่วิชาจึงไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ อีกทั้งระหว่างที่คณะอื่นสอบนนั้น มหาลัยก็ไม่มีการเรียนการสอนเกือบสองอาทิตย์อีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะว่างกัน เพราะเหล่าอาจารย์คณะเขานั้นใช้เวลาว่างสองอาทิตย์นี้สั่งทำโปรเจคต่างๆ เป็นการเก็บคะแนนมิดเทอมนั่นเอง

และการทำโปรเจคนี้ใช่ว่าจะมีเพียงแค่วิชาเดียว เทอมนี้พวกเขาลงวิชาในคณะมาสี่ตัว คร่าวๆ ก็คือวิชาละโปรเจคนั้นแหละ ดีหน่อยตรงที่เป็นงานกลุ่มไปสองโปรเจคแล้ว จึงช่วยกันกันทำได้บ้าง

“กล้า แบงก์ตื่นๆ ลุกขึ้นมาทำงานกันต่อได้แล้ว เอ้านี่ น้ำเต้าหู้พี่ไม้ฝากมาให้”

พลับตะโกนปลุกเพื่อนสองคนที่นอนคลุมโปรงอยู่บนเตียงคนนึง อยู่บนพื้นคนนึง เมื่อคืนพวกเขานอนกันดึกมากๆ เพราะทำนั่งทำโปรเจคกันเพลิน เช้ามาก็เลยตื่นกันไม่ไหว แต่เมื่อเช้าไม้โทรมาชวนไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ถึงง่วงขนาดไหนพลับก็ยอมตื่น เขาปลุกสองคนนี้แล้วแค่ไม่มีใครลุกซักคน พลับก็เลยชวนพีชไปคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นไม้ก็ก็ยังมีน้ำใจซื้อน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋มาฝากน้องชายตัวเองและแบงก์

เพราะตะโกนเรียกเท่าไรก็ไม่มีใครลุกพลับก็เล่นบทโหดเอาถุงน้ำเต้าหู้อุ่นค่อนไปทางร้อนทาบไปที่หน้าแข้งของคนที่นอนพื้นจนแบงก์ร้องโวยวาย ลุกขึ้นมานั่งทำหน้ายุ่งใส่แฝดคนน้อง พีชที่กลัวว่ากล้าจะโดนแบบนั้นด้วยก็เลย รีบเดินไปเขย่าตัว ปลุกคนที่นอนบนฟูกให้รีบตื่นก่อนที่จะเจ็บตัวไปอีกคน

“อือ...พีชเหรอ”

“อาๆ”  พีชปลุกอีกครั้งแล้วพยายามส่งเสียงช่วย กล้าปรือตาขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังจะหลับต่ออีก หากไม่รีบตื่นละก็โดนพลับเล่นงานแน่ๆ พีชหันไปมองน้องชายตัวเองเท้าสะเอวไล่แบงก์ให้ไปล้างหน้าล้างตา  พีชหันกลับมาเขย่าแขนกล้าอีกแต่ก็โดนอีกฝ่ายดึงแขนหวังจะให้ลงไปนอนด้วยเหมือนคราวก่อนๆ แต่พีชก็ขืนตัวเอาไว้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากลงไปนอนกับกล้านะ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่กันแค่สองคนซักหน่อย พลับก็คอยมองอยู่เนี่ย

พอพีชไม่ยอมลงมานอนด้วยกล้าก็เลยปรือตามองอีกครั้ง พอเห็นว่าพลับกำลังอาละวาดแบงก์อยู่เลยยอมลุกขึ้นเตรียมตัวเข้าห้องน้ำแต่โดยดี

“ขอบใจนะที่ปลุก ไม่งั้นโดน...” กล้าพูดแล้วทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเอง พีชเห็นก็หัวเราะคิกคัก กล้าอมยิ้มยกมือขึ้นบีบแก้มอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พีชกุมแก้มตัวเองข้างที่โดนบีบ แล้วเดินไปแย่งถุงน้ำเต้าหู้จากมือพลับก่อนที่น้องชายเขาจะเอามันราดหน้าแบงก์เพราะไม่ยอมตื่นเสียที

พีชเตรียมแก้วออกมาสี่ใบไว้ให้เพื่อนๆ แล้วก็เทในส่วนของตัวเองกินก่อน ไม่ลืมที่จะเทไว้ให้กล้าด้วย พอคนตัวสูงออกมาจากห้องน้ำก็เรียกให้มานั่งกินด้วยกันแล้วยื่นแก้วน้ำเต้าหู้ไปให้ กล้ายิ้มมองอีกฝ่ายที่อมน้ำเต้าหู้ไว้เต็มแก้มอย่างเอ็นดู

“อร่อยมั้ย?”

พีชพยักหน้า ซดน้ำเต้าหู้แล้วชูนิ้วดป้งขึ้นให้ดูเป็นการยืนยันว่าอร่อยจริงๆ พร้อมทั้งยื่นอีกแก้วหนึ่งไปให้กล้า คนตัวสูงอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ยื่นมือออกไปแต่แทนที่จะรับแก้วที่พีชส่งให้ กล้ากลับกุมมือของพีชที่ถือแก้วเอาไว้แล้วดึงมาป้อนให้ตัวเอง พร้อมมองหน้าพีชตาไม่กระพริบเลย กล้ามองแก้มขาวที่ค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ เห็นริมฝีปากชุ่มชื่นที่ค่อยเม้มเข้ากัน และดวงตาสีน้ำตาลสดใสที่มองมาที่เขาอย่างเขินอาย

พอดื่มจนหมดไปค่อนแก้ว กล้าก็ปล่อยมือ หัวเราะเล็กน้อยกับหน้าตาเหลอหลาของลูกพีช แล้วแย่งอีกแก้วนึงขึ้นมาจิบพร้อมทำหน้าตาครุ่นคิด พีชมองกระกระทำเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ จนกล้ายัดแก้วของตัวเองใส่มือเขา แล้วแย่งแก้วของพีชไปดื่มอีกครั้ง

“อ๋า…”

“อร่อยมาก”

กล้ายิ้ม กระดกน้ำเต้าหู้แก้วนั้นจนหมด แล้วหันมาเริ่มทำงานเหมือนเรื่องที่เมื่อครู่นี้มันเป็นเรื่องปกติ ชำเลืองตามองพีชที่ยังนั่งนิ่งอมลมแล้วเม้มปากมองแก้วน้ำเต้าหู้ของตัวเอง กล้าแอบหัวเราะกับท่าทางน่าเอ็นดูทีอีกฝ่ายแสดงออก กล้ารู้สึกดีที่ทำให้พีชเขินได้ เพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังหวั่นไหวกับการกระทำของเขาอยู่ กล้าถือคติว่ายิ่งหวั่นไหวก็ยิ่งมีใจให้

พีชอมยิ้มนั่งดื่มน้ำเต้าหู้เงียบๆ มองอีกฝ่ายไปพลาง พอคิดถึงเรื่องที่กล้าทำเมื่อครู่นี้ก็รู้สึกเขินขึ้นมาที พีชชอบกล้าในช่วงนี้ที่สุดเลย ชอบที่กล้าทำเมื่อครู่นี้มาก มันเหมือนกับว่าตัวเขากำลังป้อนน้ำเต้าหู้ให้อีกฝ่ายอยู่เลย พีชอยากทำอีก มันเป็นการกระทำที่เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นแฟนกันอยู่

“อา...”

กล้าหันไปมองตาเสียง เห็นพีชกำลังยื่นแก้วน้ำเต้าหู้ที่เหลือมาให้

“พีชไม่กินแล้วเหรอ” พีชเอียงคออย่างเอียงอายแล้วส่ายหน้า กล้ายิ้มกำลังยื่นมือมารับแก้วน้ำเต้าหู้ แต่พีชก็ดึงแก้วหนีแล้วนำไปจ่อปากให้ กล้าหัวเราะแล้วดื่มน้ำเต้าหู้ที่อีกฝ่ายป้อนให้จนหมดแก้ว ยิ่งพีชทำแบบนี้กล้าก็ยิ่งดีใจ เริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าอีกฝ่ายนั้นคงมีใจให้ตัวเองแล้วไม่มากก็น้อย

“ป้อนทำไมเรากินเองก็ได้”

‘กล้าทำงานอยู่ แต่เราว่างเลยป้อน’

พีชเขียนอธิบาย กล้าอ่านแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น ตวัดสายตามองหน้าอีกฝ่าย พีชไม่ยอมสบตากล้าหันหนีไปทางอื่นเพราะกลัวว่ากล้าจะรู้ทัน กล้ามองพีชที่หันหนีไปทางอื่น เห็นแก้มนวลแดงปลั่งอยู่ลิบๆ จึงยื่นหน้าเขาไปหาเพื่อนที่จะจ้องตาให้อีกฝ่ายรู้สึกเขินเขามากกว่านี้

“จริงเหรอ ไม่ใช่ว่าพีชอยากป้อนเราเหรอ หืม?”

“อา!” พีชส่งเสียงเสียงท้วงแล้วเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้ เห็นว่ากล้ายิ้มขำแบบนั้นก็รู้ตัวว่าโดนแกล้งเลยฟาดมือเข้าที่หัวไหล่ของกล้า แต่ก็ไม่ได้ใส่แรงมากนักเพราะกลัวว่าคนตัวสูงจะเจ็บ กล้าหัวเราะจับแก้มของพีชอย่างมันเขี้ยวแล้วถอยออกมานั่งที่เดิม แต่สายตาก็ยังไม่ละออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย

คนตัวเล็กที่โดนจ้องก็อมยิ้มก้มหน้ามองพื้น เหลือบตามองกล้าบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็กลับมามองพื้นเหมือนเดิม พีชชอบที่โดนกล้ามองด้วยสายตาแบบนั้น แต่มันก็ทำให้เขาเขินมากเช่นกัน พีชดันหน้าของกล้าให้หันไปทางอื่นได้แล้ว กล้าก็หัวเราะดึงสมุดโน๊ตของพีชมาเขียน

‘เสร็จโปรเจ็คมิดเทอมแล้วเราไปเที่ยวกัน’

พีชแล้วก็เงยหน้ามายิ้มพยักหน้ารัว ทำท่าจะหันไปบอกพลับที่นั่งอยู่อีกฝั่งของห้อง แต่กล้าก็ดึงแขนไว้ พีชหันมามองอย่างสงสัย แต่กล้านั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งจนพีชคิดว่ากล้าอาจเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว เพราะกล้ามีประสบการณ์ที่ไม่ดีเท่าไรกับการไปเที่ยวครั้งที่แล้ว

‘ไม่เป็นไรนะ รอกล้าทำใจได้ก่อนแล้วค่อยไปก็ได้’

‘ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่ไปกันสองคนได้มั้ย? แค่พีชกับเรา’

กล้ารอคอยคำตอบ และแน่นอนว่าพีชไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว การได้ออกไปเที่ยวกับกล้าแค่สองคน เป็นสิ่งที่พีชอยากทำ ตั้งแต่วันที่ตกลงกัน ทั้งพีชและกล้าต่างก็เร่งมือกันทำโปรเจคทั้งงานกลุ่มและงานเดี่ยว เพราะอยากให้เสร็จเร็วๆ แต่ถึงจะรีบยังไงก็ใช้เวลา แต่หลังจากผ่านไปสิบวัน งานทั้งหมดก็เสร็จ แถมยังมีวันหยุดเหลืออีก 4 วันด้วย

เช้าแรกของวันที่ว่างนั้น พลับอ้อนให้ไม้มารับตั้งแต่เช้า ส่วนแบงก์ก็รีบไปหาแฟนของตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัด กล้าและพีชก็เตรียมตัวไปเที่ยว จะเรียกว่าไปเที่ยวก็ไม่ถูกนัก กล้าตั้งใจจะพาพีชไปพักผ่อนหลังจากที่เร่งรับปั่นโปรเจคกันมาหลายวัน เขาอยากพาพีชไปสวนกลางกรุง มันเงียบและปั่นจักรยานเล่นได้ ตั้งใจจะชวนไปปิคนิคนั่นแหละ

“นั่งได้มั้ย? กลัวรึเปล่า? ถ้ากลัวเรานั่งรถโดยสารไปกันก็ได้” 

พีชส่ายหน้าแล้วรับหมวกกันน็อคของกล้ามาใส่ กล้าขยับเข้าไปปรับสายให้กระชับกับใบหน้าเล็กพอเสร็จแล้วก็พาพีชขึ้นซ้อนท้าย พีชเอนตัวไปด้านหน้าเกาะไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ โอกาสดีที่จะได้เกาะกล้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว จะไปนั่งรถโดยสารทำไมล่ะ ซ้อนหลังกล้าแบบนี้ดีกว่าเห็นๆ พีชยิ้มแล้วขยับตัวไปด้านหน้าเกาะไหล่กล้ามั่น นั่งรอตั้งท่าอยู่ครู่หนึ่งกล้าก็ไม่ออกรถเสียทีจนต้องเอียงคอมอง กล้าดึงมือพีชที่เกาะไหล่ตัวเองออก เปลี่ยนให้มากอดเอวเขาเอาไว้แทน

“ต้องกอดแบบนี้เราถึงจะมั่นใจว่าพีชไม่หล่นหายกลางทางแน่นอน ต้องกอดแน่นๆ นะ เราขับเร็ว” กล้าขู่ แล้วก็หัวเราะ

พีชก็หัวเราะตาม ไม่รู้หรอกว่ากล้าพูดอะไรบ้างเพราะหมวกมันบังอยู่ แต่เห็นคนตัวสูงหัวเราะก็เลยอยากหัวเราะตาม อีกทั้งได้กอดเอวแบบนี้ดีกว่าเกาะไหล่เห็นๆ พีชเงยหน้ามองท้องฟ้าใส พอกล้าเริ่มออกรถลมเย็นก็พัดผ่านชวนให้รู้สึกสดชื่น พีชกระชับอ้อมกอดค่อยๆ เกยคางไว้กับไหล่ของกล้ารอดูท่าทีซักเล็กน้อยว่ากล้าจะว่าอะไรรึเปล่า แต่กล้าก็แค่เฉยๆ ขี่รถต่อไปเรื่อยๆ พีชแอบยิ้ม คิดว่าเริ่มต้นวันมาก็เจอเรื่องดีๆ เลย

พอมาถึงสวนกล้าก็จอดรถแล้วเดินเข้าไปเช่าเสื่อผืนใหญ่หนึ่งผืนและจักรยานสองคัน ซื้อขนม น้ำ และแซนวิชสำหรับสองคน

“ดีที่เรามากันวันนี้ ไม่ค่อยมีคนเลย” กล้ามองไปรอบ ก้าวขาคร่อมจักรยานเตรียมออกตัว แต่พอหันไปหาอีกคนที่พามาด้วย ก็เห็นว่าลูกพีชยิ้มแหยๆ ทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมเดินจูงจักรยานอยู่

“ทำไมพีชไม่ขี่ล่ะ เดินจูงมันทำไม...อย่าบอกนะว่าขี่ไม่เป็นน่ะ”

พีชอ่านปากแล้วก็หัวเราะแหะๆ กล้าส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ หากขี่ไม่เป็นแล้วทำไมลูกพีชไม่บอกเขาล่ะ จะปล่อยให้เช่ามาทำไม ก่อนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เช่าพีชกำลังพยายามบอกอะไรกับเขาอยู่ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจมากนักเพราะมัวแต่ยุ่งกับการเซ็นชื่อเช่าจักรยานนี่ กล้าหัวเราะออกมายกใหญ่กับความซื่อบื้อของตัวเอง

จะให้พีชซ้อนไปด้วยกันก็ไม่ได้ เพราะจักรยานที่นี่มันมีแค่เบาะเดียว กล้าก็เลยต้องเดินเอาจักรยานทั้งสองคันไปคืน

“เดินไปก็ได้ คิดเสียว่าเดินเล่นเนอะ ปะ!”

“อะ!”

พีชชูมือขึ้นแล้วส่งเสียงตาม เดินยิ้มไปตามทาง กล้ามองคนตัวเล็กที่ทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างสุขใจ ที่นี่คือสวนกลางเมืองที่กว้างมาก ปกติจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายที่นี่เยอะ แต่วันนี้เป็นวันทำงานคนเลยน้อย อาจก็มีบ้างประปรายแต่กล้ารู้ว่าควรไปที่ไหนถึงจะไม่ค่อยมีคนรบกวน

กล้าพาพีชเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนมาถึงเวิ้งสนามหญ้ากว้าง เดินลัดสนามไปก็จะมีต้นไม้ใหญ่กับสระน้ำ กล้าเลือกที่จะปูเสื่อนั่งเล่นกันตรงนั้น มันไม่ร้อนจนเกินไปเพราะร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่และลมเย็นที่พัดมาตลอด

“หือ พกสมุดเสก็ตมาด้วยเหรอ เห็นพกเล่มนั้นตลอดเลยนะ”

เพราะพีชหยิบของออกจากระเป๋า ทำให้กล้าได้เห็นว่าพีชพกสมุกเสก็ตชมาด้วย สมุดเล่มนั้นเขาไม่เคยได้ดูข้างในเลย ขอเท่าไรพีชก็ไม่ยอม เอาแต่กอดไว้แล้วส่ายหน้า

‘เล่มสำคัญน่ะ เลยอยากติดตัวเอาไว้’

“ยิ่งพีชหวง ยิ่งทำให้อยากรู้นะ ข้างในวาดรูปอะไรไว้กันแน่ ไม่ใช่ว่าแอบวาดรูปนู๊ดไว้จริงๆนะ”

พีชหัวเราะกับข้อสันนิฐานของกล้าแล้วเก็บสมุดเข้ากระเป๋า ล้มตัวลงนอนตามคนตัวสูง ลืมตามองท้องฟ้าใสที่มีก้อนเมฆปุยเล็กลอยตามลมไปอย่างช้าๆ

“ทำไมรู้สึกว่าวันนี้ท้องฟ้าสวยเป็นพิเศษเลยนะ” กล้าพูดออกมา หันหน้าหาคนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างกัน พีชหลับตาพริ้ม กล้านอนมองใบหน้าด้านข้างของพีชอยู่ครู่หนึ่ง ลมพัดโชยๆ พากลิ่นหอมละมุนจากคนที่นอนอยู่ต้นลมลอยมาเข้าจมูกเขา กล้าขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้เบียดจนเกินไป ค่อยๆ ขยับนิ้วเกี่ยวกับนิ้วก้อยของพีชเอาไว้

พีชลืมตาขึ้น รู้สึกได้ว่านิ้วตัวเองกำลังเกี่ยวเข้ากับนิ้วใหญ่ของอีกคนอยู่ พีชนอนมองท้องฟ้า ค่อยๆ ขยับมือเข้าหาอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน จากนิ้วก้อยก็มานิ้วนาง นิ้วกลาง นิ้วชี้ และขยับฝ่ามืออุ่นที่กอบกุมกันเอาไว้อย่างเงียบๆ  ต่างคนต่างก็ยิ้มออกมามองสีเขียวของใบไม้ที่ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าอย่างสุขใจ และพากันเคลิ้มหลับไปด้วยกันในช่วงสายของวันที่อากาศดีที่สุดในรอบปี

ช่วงเที่ยง    ทั้งคู่ก็ตื่นมากินขนมและแซนวิชด้วยกัน พออิ่มก็นอนเล่นกันอยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนจะชวนกันกลับ

“เดี๋ยวเราขอเก็บเสื่อก่อนนะ”

พีชลุกขึ้นออกจากเสื่อ หอบข้าวของทั้งหมดขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินไปที่ริมน้ำ ยืนดูปลาตัวจ้อยที่ผุดขึ้นมากินแมลง มองดูวิวรอบๆ อีกครั้งก็เลยคิดว่าอยากจะถ่ายภาพเก็บเอาไว้ เลยวางของในมือลงแล้วคว้ากระเป๋าสะพายหลังมาหยิบโทรศัพท์ แต่พีชก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้รูดซิปกระเป๋าและสมุดเสก็ตที่ควรอยู่ในกระเป๋าเป้ตัวเองนั้นหายไป มีเพียงโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์เท่านั้น

พีชจำได้ว่าแอบเอาออกมาสเก็ตรูปกล้าตอนที่อีกฝ่ายหลับ แต่ก็คิดว่าเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ใจพีชตกไปอยู่ตาตุ่มคิดว่ามันคงไหลออกจากระเป๋าตอนที่เก็บของแน่นอน

“อา!”

พีชส่งเสียงห้ามเมื่อหันไปก็เจอกล้าที่กำลังเปิดดูสมุดเขาไปทีละหน้าๆ พีชวิ่งเข้าไปหาแล้วดึงสมุดออกมามือกล้ามากอดเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ทันแล้ว กล้าเห็นไปแล้ว พีชใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ก้มหน้ามองแขนตัวเองไม่กล้ามองอีกฝ่ายว่าจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน

“พีช…” เพราะเห็นคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตา สะกิดให้เงยหน้าพีชก็ไม่ยอม กล้าเลยต้องเป็นฝ่ายนั่งยองแล้วช้อนหน้ามองอีกฝ่ายแทน

“ทำไมในนั้นถึงมีรูปเราอยู่เต็มไปหมดเลย”

กล้าถามหน้านิ่ง รูปที่พีชเสก็ตมันไม่ได้เหมือนเขาร้อยเปอร์เซ็นหรอก แต่มันก็ออกว่านั้นคือเขา แถมมีเขียนชื่อและข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ไว้มากมาย ชื่อวันเกิด ทั้งอาหารที่ชอบ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ารู้ละเอียดมากจนกล้าตกใจเลยล่ะ

พีชกัดปากตัวเองแล้วขมวดคิ้วไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น รออยู่นานพีชก็ไม่ตอบอะไรจนกล้าเมื่อยคอ ดึงคนตัวเล็กลงมานั่งด้วยกัน พีชขืนตัวเล็กน้อยแต่เพราะสู้แรงไม่ไหวก็เลยต้องล้มลงไปนั่งด้วยอยู่ดี พยายามที่จะเชยคางอีกฝ่ายขึ้นให้มาอ่านปากเขาอีกครั้งแต่พีชก็ขืนเอาไว้ ไม่ยอมเงยง่ายๆเลย กล้าเลยดึงสมุดโน๊ตของพีชมาเขียนแทน

‘พีชชอบเราเหรอ’

พีชอ่านแล้วก็เม้มปากตัดสินใจที่จะพยักหน้าน้อย กอดสมุดไว้แน่นจนตัวสั่น พีชไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่กันแน่ มันทั้งตื่นเต้นและกลัวไปพร้อมๆ กัน คือก่อนหน้านี้ที่กล้าใจดีกับพีชมากๆ เขาก็แอบหลงตัวเองว่ากล้าอาจมีใจให้แน่ๆ แต่มันก็กลัวว่าหากไม่ใช่อย่างที่ตัวเองคิดแล้วกล้ามารู้แบบนี้ กล้าจะเสียใจรึเปล่า จะเสียเพื่อนมั้ย

กล้ารู้สึกได้ว่าพีชตัวสั่นน้อยๆ เขาโอบไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ช้อนตัวพีชขึ้นมานั่งตักแล้วก็ลูบเส้นผมนุ่ม เขียนคำสำคัญลงไปแล้วยื่นให้อีกฝ่ายอ่านแล้วกดปลายจมูกโด่งบนแก้มนวล

‘ใจตรงกันเลย’

พอได้อ่านพีชก็เงยหน้ามองอีกฝ่าย กล้าหัวเราะมองนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มที่คลอหยาดน้ำใสเล็กน้อย เขาคิดว่าพีชเพียงแค่เริ่มมีใจให้กับเขา ไม่ได้คิดว่าจะชอบมานานมากขนาดนี้ ชอบถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะชอบคนอื่นอยู่ กล้าไม่อยากจะคิดเลยว่าพีชต้องอดทนและเจ็บปวดมากขนาดไหน เขาอยากจะขอบคุณในความอดทนของคนตรงหน้า ขอบคุณที่ยังคงคอยเคียงข้างเขาถึงแม้ว่ากล้าจะเคยทำสิ่งแย่ๆ กับพีชเอาไว้ และขอบคุณที่ทำให้เขากลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็ว อยากขอบคุณที่ทำให้เขาได้เจอกับความสุขจากการสมหวังแบบนี้ด้วย

พีชสบตากับกล้า สัมผัสได้ว่าในนั้นมันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างเต็มไปหมด พีชเม้มปากแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ เมื่อกล้าเชยคางเขาขึ้นแล้วประทับจูบลงอย่าง...แผ่วเบาและชวนให้ใจสั่นไหว พอผละออกก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ อีกทั้งคำพูดธรรมดาๆ ที่ทำให้พีชกลั้นน้ำตาไม่อยู่  คำที่พีชอยากเห็นกล้าพูดกับตัวเองซักครั้ง…

“เราชอบพีชนะ”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 15 เด็กดี

‘งานถึงไหนแล้วครับ พอจะออกมากินข้าวเช้าด้วยกันได้ไหม’

‘เสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ วันนี้ผมว่าง’

‘งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ’

หลังจากประโยคนั้นประมาณสามสิบนาที พลับก็มานั่งหน้าบานอยู่บนรถของไม้แล้ว พลับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วหันหน้ามองออกนอกรถ มองท้องฟ้าสีสวยแล้วฮัมเพลงในลำคอคลอไปกับเพลงในวิทยุ ไม้มองคนตัวเล็กที่โยกหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี ดูน่าเอ็นดูจนต้องยื่นมือไปขยี้หัวทุย หวังไว้ว่าอีกฝ่ายคงหันมาบ่นที่ไปทำให้ผมยุ่ง

แต่กลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เมื่อเจ้านิ่มดันหันมามอง ดึงมือเขาไปอังแก้มตัวเอง แล้วถูแก้มยุ้ยกับหลังมือเขาเสียอย่างงั้น น่ารักเสียจนไม้อยากจะจอดรถแล้วจับฟัดกลางทาง

“ทำแบบนั้นพี่ก็แย่สิ”

“แย่ยังไงครับ” พลับถามอย่างไม่รู้ มองไม้ที่ส่ายหน้าน้อยๆ พลับไม่รู้ไม้จะแย่ตรงไหน พลับแค่รู้สึกว่าอยากอ้อน พอดีกับที่ไม้ลูบหัวพอดี เลยดึงมือมาถูแก้มก็แค่นั้น

“หึหึ แล้วนี่หิวรึยัง”

“ก็...นิดหน่อยครับ”

“ดีเลย เดี๋ยวพี่ทำมื้อเช้าให้กินนะครับ”

“หืม! พี่ไม้ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”

“อย่าดูถูกพี่นะ อยู่คอนโดคนเดียวมาตั้งหลายปี พวกอาหารง่ายๆ พี่ทำกินเองเป็นประจำ”

ได้ยินอีกฝ่ายพูดอวดตัวเองแบบนั้นพลับก็รอคอย อยากรู้ว่าไม้จะทำอะไรให้กินเป็นมื้อเข้า แต่พอขึ้นห้องไปเจอเมนูเข้าก็ทำเอาคนตัวเล็กหัวเราะจนตาปิด

“การปิ้งขนมปังและชงกาแฟนี้คือการทำอาหารเหรอครับพี่ไม้”

“ขนมปังปิ้งเป็นอาหาร พี่เป็นคนปิ้งขนมปังเอง ก็เท่ากับพี่เป็นคนทำอาหาร ผิดตรงไหนครับ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ผิดก็ได้” ไม้มองเด็กตรงหน้าหัวเราะ เคี้ยวขนมปังปิ้งจนแก้มตุ่ย เขาปิ้งเพิ่มอีกสองแผ่น ทาเนยและแยมให้เรียบร้อยแล้วส่งให้เด็กที่นั่งตาแป๋วรอรับขนมจากเขา

“เอากาแฟเพิ่มมั้ยครับ”

“ครับ แต่ขอน้ำตาลเพิ่มด้วยนะครับ แก้วนี้ขมไปหน่อย”

ไม้เลิกคิ้วมองเด็กตรงหน้า ยั้งมือที่กำลังเทกาแฟดำลงแก้ว รอบแรกเขาว่าตัวเองก็ใส่น้ำตาลให้เยอะแล้วนะ เขาถามแล้วว่าเด็กกินกาแฟได้มั้ย แต่พลับก็บอกว่ากินได้ ขอเพียงแค่ใส่น้ำตาลและครีมเยอะๆ ห้องเขามีน้ำตาลแต่ไม่มีครีมเลย ปกติไม้จะกินแค่กาแฟดำ พวกครีมเทียมที่ใส่ในกาแฟเลยไม่จำเป็น

“ยังขมไปอีกเหรอ” พลับพยักหน้า ไม้หัวเราะเบาๆ ฉีกซองน้ำตาลเพิ่ม ตัดสินใจเทนมสดที่มีในตู้เย็นลงไปให้แทนครีมเทียมจนกาแฟสีน้ำตาลเข้มแปลเปลี่ยนเป็นกาแฟสีน้ำตาลอ่อนๆ ทั้งน้ำตาลทั้งนมแบบนี้คงไม่ขมแล้วล่ะ

“ขอบคุณฮับ” พูดทั้งที่ปากยังคาบขนมปังปิ้งอยู่ ไม้ยิ้มมองแก้มกลมเคี้ยวหงับพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

“ยังขมอยู่อีกมั้ย”

“อย่อยแล้วฮับ” เพราะยังเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปากเลยทำให้พูดได้ไม่ชัดเท่าไร ไม้อมยิ้ม หันมาปิ้งขนมปังให้เด็กที่ดูท่าว่าคงจะยังไม่อิ่มง่ายๆ เขาน่ะอิ่มตั้งแต่สองแผ่นแรกแล้ว แต่เด็กนี่น่ะกินขนมปังจนเกือบจะหมดถุงถึงจะอิ่มได้

“พี่ไม้ครับ ให้ผมล้างเถอะนะ”

“เดี๋ยวพี่ล้างเองครับ แค่จานกับแก้วไม่กี่ใบเอง”

“ผมเกรงใจ ผม…”

พลับวนเวียนอยู่รอบตัว ไม่ยอมไปไหน เกาะแกะจะช่วยล้างให้ได้ ไม้รู้ว่าเด็กคงอยากจะช่วยทำอะไรบ้าง แต่แค่ล้างจานเอง ไม้ทำเองดีกว่า

“อย่าดื้อกับพี่สิครับ”

 “ครับ...ไม่ดื้อแล้วครับ”

“เด็กดี”

ไม้พูดเสียงนุ่มแล้วส่งยิ้มบางๆ พลับได้ยินแล้วก็ดื้อไม่ออก ยอมยืนดูเฉยๆ คำพูดที่เหมือนจะดุแต่ไม่ดุทำให้พลับใจสั่น ยืนเขินไม่ดื้อกับผู้ใหญ่ตรงหน้าแล้ว

 พอไม้ล้างจานเสร็จ พลับก็เดินมานั่งเล่นกับเจ้ากระต่ายที่ตัวอ้วน โรยอาหารเป็นทาง มองดูเจ้านุ่มวิ่งดุ๊กดิ๊กตามอาหารเม็ดไปเรื่อย

“พลับครับ พี่ลืมไปว่า วันนี้พี่ยังต้องเข้ามหา’ลัยอยู่”

ไม้ที่หายเข้าไปในห้องนอนซักพักเดินออกมาบอก เขาเพิ่งนึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุด เขาที่เป็นอาจารย์ยังต้องเข้าไปทำงานอยู่ เมื่อเช้าเขาก็กำลังเตรียมตัวไปทำงาน แต่พอได้คุยกับเด็กเข้าหน่อยก็ลืมไปเสียหมด รีบไปรับพลับจนลืมว่าตัวเองไม่ได้หยุดด้วย

“ขอโทษครับ ผมเองลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันธรรมดา ”

“แล้วพลับจะทำยังไงครับ ให้พี่กลับไปส่งที่หอมั้ย หรือจะนอนเล่นกับเจ้านุ่มอยู่ที่ห้องพี่”

“อยู่ที่นี่ครับ” ตอบโดยที่ไม่ต้องคิดเลย พลับไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของพี่ชายและเพื่อน กลับไปก็คงอยู่คนเดียว นอนเล่นอยู่ห้องของไม้ยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็มีเจ้านุ่มให้เล่นด้วย

เมื่อตกลงกันได้ ไม่ก็เดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวพอเดินออกมาก็เจอเด็กนั่งจ๋อง มองตามเขาอยู่บนโซฟาไม้เดินเข้าไปหา ยื่นเงินและคีย์การ์ดไปให้ พลับมองตาอย่างไม่เข้าใจจนเขาต้องอธิบาย

“เก็บไว้ เผื่อลงไปซื้อขนมกินด้านล่างนะครับ”

“พี่ไม้ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ จะเอาเงินไปซื้อขนมอะไรล่ะ” พลับโวยวายไม่ยอมรับเงินเขา ไม้หัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่าย วางเงินลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้าโซฟา แล้วลูบหัวของพลับอย่างเอ็นดู

“ก็เด็กกว่าพี่ล่ะนะ”

คนตัวสูงเดินออกมาใส่รองเท้า หันไปมองพลับอีกก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เด็กทำหน้าเหมือนกับว่าไม่อยากให้เขาไป ไม้เองก็เข้าใจ เพราะเขาก็มีความรู้สึกว่าขี้เกียจไปทำงานเสียแล้ว อยากจะลาหยุดซักวันหนึ่ง แต่บอกกะทันหันแบบนี้คงไม่ได้ ไม้ถอนหายใจถอดรองเท้าออกแล้วเดินกลับเข้าไปหาพลับ

“พี่จะไปแล้วนะครับ”

“ครับ...ผมอยู่ได้” อยู่คนเดียวได้ แต่อยากอยู่กับพี่ไม้มากกว่า นั้นคือสิ่งที่พลับคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะมันดูเด็กมาก ไม้มีหน้าที่ที่ต้องทำ พลับเข้าใจว่าจะมาอ้อนไม่รู้เวลาไม่ได้

ไม้ดูออกว่าพลับคิดอะไร เขาน่ะโตกว่าพลับเกือบสิบปี ท่าทางหงอยๆ แบบนั้นปิดเขาไม่มิดหรอก

“วันนี้แค่ไปเรียงข้อสอบเข้าเครื่องตรวจ เดี๋ยวบ่ายๆ พี่ก็กลับมาแล้วครับ”

พลับพยักหน้าแล้วยิ้มให้ แต่ไม้ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนพลับเอียงคอสงสัย ไม้เดินเข้ามาใกล้ๆ ใช้มือเสยผมหน้าม้าเขาขึ้นแล้วจุ๊บลงมาที่หัวเหม่ง ก่อนจะผละออกไปหัวเราะน้อยๆ

พลับเม้มปากนั่งลูบเหม่งตัวเองป้อยๆ มองคนที่เดินออกจากห้องไป ไม้เก่งจริงๆ เรื่องทำให้พลับเขินเนี่ย

หลังจากที่ไม้ไปแล้ว พลับก็ไถลตัวลงมานอนกับกระต่าย กลิ้งไปกลิ้งมาจนเบื่อก็ลุกขึ้นมานั่งเล่นเกม เวลาผ่านไปจนใกล้บ่ายโมงพลับก็เริ่มหิว แต่ห้องของไม้นั้นไม่ค่อยมีอะไรให้กิน ในตู้เย็นมีแค่น้ำ นมและขนมปังที่กินเมื่อเช้าก็เหลืออยู่แค่สามแผ่น และไข่ไก่อีกฟองเดียว แค่นั้นพลับกินไม่อิ่มหรอก ก็เลยต้องลงไปที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่าง ใช้เงินที่ไม้ให้เอาไว้ซื้อของกินและขนมขึ้นมาถุงใหญ่

หลังจากท้องอิ่มแล้วพลับก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เล่นเกมก็เบื่อแล้ว จะเล่นกับกระต่าย กระต่ายก็หลับอีก เขาเกิดความคิดซนๆ อยากเข้าไปในห้องนอน ไม่ได้จะไปทำอะไรที่ไม่ได้ แค่อยากแอบดมกลิ่นของไม้บนหมอนเท่านั้น พลับค่อยๆ ย่องเข้าไปทั้งที่ความจริงไม่ต้องย่องก็ได้เพราะตอนนี้เขาอยู่คนเดียว

“อือ...กลิ่นพี่ไม้” พลับกระโดลงบนเตียงซุกหน้าเข้ากับหมอน ดมกลิ่นของไม้เต็มปอด ไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นแชมพุหรือกลิ่นสบู่อะไร แต่พอได้กลิ่นแบบนี้ทีไร พลับจะนึกถึงพี่ไม้เสมอ และพลับชอบกลิ่นนี้

พอได้ดมจนพอใจ พลับก็จัดหมอนไว้ที่เดิมอย่างดี ในจังหวะที่กำลังลุกออกจากเตียง สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับของสองสิ่งที่วางไว้บนหัวเตียง

“ถ...ถุงยาง”

พลับหน้าแดง มองกล่องถุงยางและหลอดเจล ไม่ใช่ว่าพลับลืมเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าไม้จะจำได้แล้วเตรียมของเอาไว้จริงๆ พลับเม้มปากเผลอจินตนาการไปว่า เย็นนี้พอไม้กลับมา พวกเขาคงได้… พลับซุกหน้าลงกับหมอนพยายามไม่คิดต่อ แต่มันก็ฟุ้งซ่านเอาแต่จินตนาการถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้น

พลับอยากหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเลยเดินออกมาที่ชั้นหนังสือ ตั้งใจว่าจะหาหนังสือที่น่าสนใจมาอ่านซักเล่ม พอได้เล่มที่ถูกใจก็มานอนอ่านที่โซฟา หนังสือที่ให้พลับหยุดฟุ้งซ่านได้ก็จริงๆ แต่พลับไม่ใช่พวกที่อ่านหนังสือเก่งมากนัก พอเจอตัวหนังสือติดกันเป็นพืดหลายหน้าเข้าก็เริ่มเบื่อ อีกทั้งลมเอื่อยๆ เย็นสบายที่พัดเข้ามาทางระเบียงทำให้หนังตาเริ่มหนัก และเคลิ้มหลับไปในที่สุด



พลับตื่นมาตอนที่โดนใครบางคนกอดเข้าที่เอว พอลืมตาก็เห็นว่าไม้นอนหลับกอดตัวเองอยู่ อีกทั้งยังตกใจที่ตัวเองมานอนอยู่บนเตียงด้วย พอเดาว่าคนที่นอนอยู่ข้างนี่อุ้มมาแน่นอน

พลับก็อมยิ้มซุกหน้าเขากับต้นแขน พอโดนซุกไม้ก็รู้สึกตัวตื่น เขายิ้มให้เด็กพลิกตัวนอนหงายแล้วดึงเด็กให้ขยับเข้ามานอนหนุนหัวไหล่ตัวเองแทน 

“พี่กลับมานานแล้วเหรอครับ”

ไม้ยกนาฬิกาขึ้นดู ทำให้พลับได้เห็นว่าตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว เขาหลับไปตั้งแต่เกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว

“ประมาณสองชั่วโมงได้แล้วครับ เห็นเราหลับสบายพี่เลยหลับตาม” เขากลับมาตอนบ่ายสอง เห็นเด็กนอนหลับอยู่บนพื้นหน้าโซฟา เดาได้ว่าคงดิ้นจนหล่น ก็เลยอุ้มเข้ามานอนที่เตียงกว้างๆ

พลับช้อนตายิ้มให้ไม้ แล้วก็มองเลยไปที่หัวเตียง แต่ของเหล่านั้นดันไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว

“หาอะไรอยู่เหรอครับ”

“ไม่มีอะไรครับ” พลับส่ายหน้า ไม้เห็นก็หัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าเด็กหาอะไร เขาไม่ได้เอาของพวกนั้นไปไว้ไหนไกลหรอก แค่เอาลงมาวางไว้ด้านล่างเพราะกลัวว่าเด็กจะเขิน ที่ไหนได้ดันเห็นเสียแล้ว แล้วแอบเข้ามาเห็นตอนไหนล่ะเนี่ย

ไม้มองพลับที่นอนนิ่งๆ ให้เขาลูบแขน นึกขำที่ลูบไปคนในอ้อมกอดก็ขนลุกไป เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็อยากแกล้งเลยทำเป็นขยับเข้ามาลูบที่ลูบที่หน้าท้อง ปลายนิ้วหยอกเย้าไล่เกลี่ยไปตามขอบเสื้อยืด

พลับเกร็งตัวแต่ไม่ขยับหนี พอไม้สอดมือเข้ามาในเสื้อ พลับก็เงยหน้ามองตาแป๋ว แก้มนวลแดงแปร๊ด ไม้ตั้งว่าจะแค่แกล้งเล่น แต่ดูสายตาที่พลับมองมาสิ ไม้รู้ว่าตัวเองอดใจไม่ไหวหรอก

“อย่ามองพี่แบบนั้นสิ มันไม่ดีนะ”

“ไม่ดียังไงครับ”

“เพราะจะทำให้พี่ไม่อยากหยุดแค่ลูบเราน่ะสิ”

“...ผมก็ไม่อยากให้พี่หยุดแค่ลูบ”

ไม้หลับตา คำพูดคำจาของเด็กคนนี้ทำเอาไม้ทนไม่ไหว เขาพลิกตัวพลับลงไปนอนราบกับที่นอน ส่วนตัวเองก็ทาบทับลงไปประกบปากจูบ 

พลับเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อไม้สอดลิ้นเข้ามาหา ลำตัวก็โดนอีกฝ่ายรั้งขึ้นไปแนบชิด พลับหอบครางเมื่อโดนปลายลิ้นอีกฝ่ายไล้เลียไปที่เพดานปาก มันจั๊กจี้ แต่ก็ปลุกอารมณ์ของพลับได้ดีที่เดียว อีกทั้งฝ่ามืออุ่นที่ไล้เข้ามาใต้เสื้อ ลูบไปตามช่วงเอวและแผ่นอก

“คราวนี้พี่จะไม่หยุดแล้วจริงๆ นะครับ” เขาย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ คราวที่แล้ว พลับยังมีอาการตื่นกลัวเล็กน้อยอีกทั้งอุปกรณ์ไม่พร้อมเขาเลยยอมหยุด แต่ในระหว่างที่ไม่ได้เจอกันนั้น ไม้เตรียมตัวมาอย่างดี เขาไปหาข้อมูลมาว่าควรทำอย่างไรให้อีกฝ่ายรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน และตอนนี้ไม้มีข้อมูลอยู่เต็มหัว อยากจะนำมาใช้กับเด็กคนนี้ใจจะขาด

“ผมก็ไม่อยากให้พี่หยุดจริงๆ ครับ”

พอได้ยินว่าเด็กพร้อมขนาดนั้น ไม้ก็ยิ้ม ก้มลงหอมแก้มและจูบปาก มือก็ไม่อยุ่สุขค่อยๆ ลูบไปที่จะจุด ปลายนิ้วกดไปตามผิวเนียนกระชับเป็นการกระตุ้นอารมณ์ ชักชวนให้คนใต้ร่างรู้สึกวูบวาบ ร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย ยิ่งเข้าใกล้จุดอ่อนไหวที่ชูชันดันเสื้อขึ้นเป็นเม็ดพลับก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบ

“ทำแบบนี้ ดีมั้ยครับ” ไม้ถามเสียงพร่า ปลายนิ้วลูบวนไปมาอยู่ที่ยอดออกที่ชูชันสู้นิ้วผ่านเสื้อยืดเนื้อบาง มองเด็กตรงหน้าที่พยักหน้าแล้วอ้าปากครางแผ่วตอนที่เขาใช้ปลายนิ้วบีบส่วนยอดเบาๆ

“อือ อึก…แบบนี้” พลับพูดเสียงสั่น สองมือดึงเสื้อตัวเองขึ้นจน ปลายนิ้วของไม้สัมผัสกับผิวเนื้อโดยตรง ไม้อมยิ้มมองยอดอกสีระเรื่อ มันชูชันราวกับเรียกร้องให้เขาก้มลงไปหาแล้วอ้าปากครอบครองไว้

พลับกระตุกแล้วแอ่นอกขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลใสก็จ้องมองปลายลิ้นสีชมพูดสดของอีกคนที่กำลังไล้เลียยอดอกไปมา ยิ่งคนตัวสูงละเลงลิ้น พลับก็ยิ่งครางหนัก ส่วนไม้นั้นพอเห็นอีกคนครางดัง ก็ยิ่งรัวเรียวลิ้น เพราะอยากให้เด็กคนนี้รู้สึกดีมากขึ้น เขาพอใจมากเมื่อรู้สึกได้ว่าพลับคงรู้สึกดีจนเด้งสะโพกเล็กเข้าหาเขาเป็นบางครั้งบางครา

ไม้จับสะโพกพลับเอาไว้มั่น ค่อยๆ ดึงกางเกงลงไปตามเรียวขาแล้วโยนพาดไว้ที่ปลายเตียง ผละตัวออกเล็กน้อยแล้วมองดูภาพตรงหน้า พลับเป็นเด็กที่มีผิวขาว และตอนนี้ก็อมชมพูไปทั้งตัว ไม้แยกขาออกแทรกตัวลงไป จูบพร้อมสูดดมไปตามลำคอและกกหู

“วันนี้พี่จะไม่ทำให้พลับเจ็บ”

พอได้ยินไม้พูดแบบนั้น พลับก็ยิ้ม ดึงคออีกฝ่ายลงมาจูบ สองขาเกี่ยวเอวอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมๆ กับกระดกสะโพกขึ้นถูไถกับเป้ากางเกงของคนด้านบน

“ทำไมพี่ไม่ถอดกางเกงล่ะครับ ผมโป๊อยู่คนเดียวเลย” พูดพร้อมๆ กับลุกขึ้นนั่งถอดเสื้อยืดตัวเองออกไป  แล้วเริ่มปลดกระดุมให้อีกฝ่าย ไม้ก็นั่งนิ่งให้อีกคนปลดกระดุม ปลดเข็มขัดและรูดซิปออกให้ แต่พอถึงจุดหนึ่ง เด็กตรงหน้าก็เม้มปากแล้วหยุดมือ เพราะพอรูดซิปกางเกงเขาลง ส่วนนั้นก็ของเขาก็ดันกางเกงในออกมาเป็นรูปร่างชัดเจน

“หยุดทำไมล่ะครับ ทำต่อสิ” ไม้แกล้งหยอกพลางหัวเราะเบาๆ พลับเม้มปากทำเป็นหันไปมองทางอื่นแต่ก็โดนไม้จับคางให้หันมาทางเดิม ตามด้วยจูบหวานๆ

ไม้ถอดกางเกงตัวเองออก ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหยิบของสองสิ่งที่เตรียมไว้ พลับเองก็มองตามหน้าแดง ไม้ส่งยิ้มให้พลางช้อนสะโพกเล็กขึ้นวางบนตักตัวเองแล้วแยกขาของพลับออกกว้าง เขารู้ว่าพลับอายมาก เพราะเจ้าตัวดึงหมอนมากอดแล้วซุกใบหน้าตัวเองซ่อนจากสายตาของเขาเอาไว้

“ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะครับ พี่จะได้เบามือลง”

พลับพยักหน้า กดหมอนเข้ากับใบหน้าตัวเอง ไม้ใช้อุ้งมือชักรูดให้กับเด็กเป็นการปลุกอารมณ์เพิ่มเติม มือข้างที่ว่างก็เปิดฝาหลอดเจลออกแล้วเทใส่มือตัวเอง เขาค่อยไล้ปลายนิ้วลื่นเจลไปที่ช่องทางด้านหลัง แล้วกดนิ้วสอดเข้าไปช้าๆ เขารับรู้ได้ถึงอาการเกร็งของเด็กตรงหน้านี้ขึ้นมาทันที

ไม้นึกว่าเด็กตรงหน้าคงเจ็บก็เลยเร่งมือที่รูดรั้งเป็นการเบียงความสนใจ ไม่ให้พลับมาจดจ่อกับความรู้สึกเจ็บมากเกินไป

“พี่ไม้ อึก...”

“ไม่เจ็บนะครับ”

“ม...ไม่เลย”

พลับแยกขาออกกว้าง เมื่ออีกคนเริ่มขยับนิ้วไปมาภายใน เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย มันลื่นและแปลกๆ แต่มันก็ดีอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งฝ่ามืออุ่นที่ยังคงชักรูดท่อนเนื้อเล็กให้พลับอยู่เกือบตลอดเวลานี่ด้วย

ไม้มองช่องทางสีสดที่กลืนกินนิ้วของตัวเอง สลับกับมองเด็กที่กอดหมอนแน่น อีกฝ่ายครางแผ่วแล้วลดอาการเกร็งลง 

“พี่ใส่เข้าไปสองนิ้วแล้วนะครับ ดูเหมือนถ้าเพิ่มอีกนิ้วหนึ่ง คงไม่เป็นไร…”

“อ๊ะๆ อื้อ”

พลับดันหมอนออก แล้วสูดอากาศเข้าปอด สองมือเลื่อนลงไปจับมือของไม้เอาไว้อย่างหาที่ยึดเหนี่ยว รู้สึกได้ว่าภายในตัวมันอึดอัดคับแน่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรเลย ยิ่งตอนที่ไม้ขยับนิ้วเข้าออกเร็วขึ้น พลับก็ส่ายหน้าบิดเอว เหมือนจะหนี แต่ก็เด้งสะโพกตามมือของไม้อยู่ในที

“รัดนิ้วพี่แน่นเลยนะ”

“อื้อ อย่า อ๊ะ!” พลับอายที่ไม้คอยพูดบอกว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างกำลังจะบอกว่าให้หยุดพูดก็สะดุ้งวาบขึ้นมาอย่างไม่ทัน ตั้งตัวเมื่อปลายนิ้วของไม้โดนตรงจุดหนึ่ง

“โอ้ ตรงนี้เหรอครับ” ไม้ย้ำไปตรงจุดเดิม เด็กใต้ร่างก็ออกอาการดิ้นพร้อมกับหวีดคราง สองขาบีบเข้าหากันแน่น อีกทั้งช่องทางภายในก็รัดนิ้วเขาแน่นกว่าเดิม ไม้เริ่มเข้าใจว่าเขาไปสัมผัสโดนจุดไหนเข้า ตอนที่อ่านในอินเตอร์เน็ตเขาไม่เข้าใจมากนักว่ามันคืออะไร แล้วจะหาได้อย่างไร แต่พอเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ไม้ก็ชักสนใจจุดนี้เสียแล้ว 

“ฮะ พี่...อย่า อื้อ”

พลับร้องห้าม แต่ไม่มีทางที่ไม้จะหยุด พลับรู้สึกได้ว่า ไม้เอาแต่เคล้าคลึงแน้นย้ำตรงจุดนั้นในร่างกายเขา มันทำให้พลับใจหวิว วูบวาบไปทั้งหน้าท้อง หนาวๆร้อนๆ จนนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ยิ่งอีกฝ่ายรูดรั้งลูกพลับน้อยเร็วขึ้นพลับก็หวีดคราง เกร็งตัว แล้วปลดปล่อยออกมาในที่สุด

“น่ารักมากครับ” ไม้ยิ้มแล้วเอ่ยชม มองคราบขาวขุ่นของพลับที่เลอะไปทั่วอุ้งมือตัวเอง พลับหน้าแดงจนแทบไหม้ มองดูอีกฝ่ายที่ขยับตัวออกเพื่อใส่ถุงยางอนามัย จากนั้นไม่นานก็ขยับตัวเข้ามาแนบชิด

“พี่ไม้…”

“พี่จะทำเบาๆ ไม่ให้เราเจ็บนะครับ” ไม้พูดบอก เทเจลหล่อลื่นเพิ่มแล้วค่อยกดตัวเข้าไปช้าๆ เจ้าเด็กพลับหลับตาปี๋ แยกขาออกกว้าง สองมือกำแน่นจนไม้ต้องกุมมือเอาไว้

“อื้อ อือ ผม...แน่น”

พลับครางฮือ ส่ายหน้าจนผมยุ่ง ไม้เองก็แย่ เขาสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เด็กรัดเขาแน่นมากเหมือนกับว่าไม่ยอมให้เขาเข้าไปง่ายๆ แต่พอจะดึงออกก็ไม่ยอมให้ออกเช่นกัน

“พลับครับ หนูผ่อนแรงให้พี่หน่อย”

“อ๊ะ อือ”

พลับกดหน้าท้องตัวเองไว้ พยายามไม่เกร็งทำตัวตามสบายแบบที่ไม้บอก เขาไม่รู้สึกเจ็บ แต่มันแน่นและอึดอัด ทั้งเสียดและจุก แต่มันก็มีความรู้สึกสุขสมอยู่ลึกๆ 

“อดทนอีกนิดนะครับ จะเข้าไปหมดแล้ว อีกนิดเดียว…”

ไม้พูดไม่หยุดปากในขณะที่กดตัวเข้ามาช้าๆ พลับฟังแล้วก็เขินจนตัวแทบไหม้ แต่ก็ลืมตามองตรงส่วนที่เชื่อมต่อกัน มองดูตรงส่วนนั้นของไม้ที่ค่อยๆ หายเข้ามาในตัวของตัวเองจนหมด

“เข้าไปหมดแล้วครับ”

“อื้อ พี่อย่าพูด ฮะ อะ”

“พี่ทำพลับเจ็บรึเปล่า”

“ม...ไม่ครับ แต่พี่... อือ แน่น อ๊ะๆ”

พลับส่ายหน้าบิดตัว แอ่นสะโพกขึ้นหาไม้ โอบขารอบสะโพกสอบ สองมือเกาะไหล่บีบต้นแขนไม้แน่น ตอนนี้พลับไม่เจ็บเลย แต่มันรู้สึกแปลก อยากให้อีกฝ่ายเริ่มขยับได้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง

ไม้รู้ว่าพลับต้องการอะไร เขาก้มลงไปหอมแก้มนวล ไล้จมูกลงมาที่ซอกคอหอมเหงื่อ แล้วเริ่มต้นขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ เนิบนาบให้เด็กของเขาปรับตัวกับจังหวะของเขาให้ได้เสียก่อน

“พี่ขยับแบบนี้ชอบมั้ยครับ”

“อะ อ๊ะๆ ….ชอบครับ”

พลับเงยหน้า ไม้ก็จูบที่ปลายคางมน เร่งสะโพกเล็กน้อย พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะเจ็บอะไร ก็เร่งจังหวะจนคนใต้ร่างตัวสั่นครางเสียงดัง ไม้ไม่รู้ว่าห้องของเขาเก็บเสียงได้มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะให้พลับเบาเสียงลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งอีกฝ่ายครางดังเท่าไร ไม้ก็รู้สึกดีที่ทำให้พลับสุขสมได้ขนาดนี้

พลับไม่รู้ว่าตัวเองครางเสียงดังขนาดไหน แต่ตอนนี้เขาไม่มีสติที่จะมาสนใจแล้ว สองมือโอบคอคนด้านบนลงมาประกบปากจูบ ในขณะที่สะโพกก็แอ่นให้ไม้ขยับเข้ามาอย่างลึกล้ำมากยิ่งขึ้น ปากก็ร้องขอให้อีกฝ่ายขยับเร็วกว่าเดิม

“เร็วๆ….ค ครับ อะ”

พอได้ยินคนตัวเล็กร้องขอ ไม้ก็ไม่ขัดใจ จัดให้ตามที่เด็กขอ เขาจับเรียวขาขาวพาดบ่า เท้าแขนลงกับเตียงทั้งสองข้างแล้วกดสะโพกเข้าหา เด็กใต้ร่างเขาก็ตัวสั่นโยกไหวไปตามจังหวะที่เขาส่งให้ ในตอนแรกไม้ตั้งใจว่าจะทำอย่างช้า ๆ ให้เด็กค่อยๆ ปรับตัวไป แต่พลับนั้นปรับตัวได้เร็วมาก อีกทั้งยังกล้าที่จะเรียกร้องแล้วตอบสนองเขาอย่างน่ารัก

“เด็กดีๆ”

ไม้พูดคำเดิมซ้ำๆ มือหนึ่งเหนี่ยวสะโพกนุ่มเข้าหาตัว อีกมือก็ปรนเปรอท่อนเนื้อขนาดพอดีมือของพลับจนคนใต้ล่างร้องเสียงหลง เขารู้ว่าพลับนั้นรู้สึกดีมากขนาดไหน เพราะภายในตัวของพลับก็บีบรัดเขาอย่างบ้าคลั่งจนเขารู้สึกดีตาม ยิ่งอีกฝ่ายร้องแล้วบีบไหล่เขาแน่น ไม้ก็รู้ได้ว่าพลับใกล้จะถึงฝั่งฝันแล้ว

ไม้เร่งจังหวะ พลับบิดตัวแล้วอ้าขาออกกว้างเท่าที่จะทำได้ ไม่นานก็เกร็งตัวแล้วกระตุกปลดปล่อยออกมาเลอะฝ่ามือของไม้และหน้าท้องตัวเอง และเพราะเนื้อตัวของพลับนั้นกระตุกรัดอย่างรุนแรงทำให้ไม้ทนไม่ไหวปลดปล่อยตามอีกคน

“อือ หนู…”

 ไม้ขยับสะโพกเข้าออกหนักๆ อีกเพียงสองสามทีแล้วก็หยุด ทิ้งตัวลงไปทับพลับแต่ก็พยายามยั้งตัวเองไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกหนักเกินไป ไม้หอบหายใจนอนนิ่งๆ ยังคงรับรู้ได้ถึงอาการบีบรัดจากเด็กใต้ร่าง จนผ่านไปสักพักก็ลุกขึ้นแล้วค่อยดึงตัวออกช้าๆ

“อ๋า...อย่ามอง”

พลับจะพลิกตัวหนี แต่ไม้ก็จับขาเอาไว้ให้ลูกพลับของเขานอนแยกขาอยู่ท่าเดิม ตาคมจ้องมองไปยังช่องทางนิ่มสีระเรื่อที่ยังคงเต้นตุบๆ อยู่ พลับทำได้แค่ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาตัวเองหนีความความเขินอายนี้

ไม้ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย เขาขยับตัวออกเพื่อถอดถุงยางแล้วขยับกลับมาล้มตัวลงนอนพร้อมทั้งดึงเด็กเข้ามาให้นอนหนุนหัวไหล่ตัวเอง

“พี่ไม้...”

“รักนะครับ”

พูดแล้วก็จูบไปที่หน้าผากชื้นเหงื่อ สบตากับพลับที่ช้อนตามอง ใบหน้าขาวยังคงแดงก่ำ ไม้ก็เลยยกมือขึ้นลูบแก้มใส พลับเอียงแก้มใส่มือเขาเป็นท่าทางน่าเอ็นดูจนต้องขยับลงไปจุ๊บปากอีกที แล้วไม้ก็ได้รับบคำพูดคำจาน่ารักกลับมาเป็นรางวัล

“รักเหมือนกันนะครับ”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 16 เด็กดี 2

“รักเหมือนกันนะครับ”

พลับบอกออกไปแล้วพลิกตัวหันหลังให้ไม้ ซบใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองลงกับหมอน แค่บอกรักน่ะไม่ทำให้พลับเขินเท่าไรหรอก แต่สายตาที่ไม้มองมาตังหากที่ทำให้พลับหวั่นไหว

ไม้ยิ้มขยับตัวเข้าไปแนบชิด แผ่นอกแนบไปกับแผ่นหลังเนียนของอีกฝ่าย แขนยาวก็สอดเข้าไปกอดเอวพร้อมทั้งกดริมฝีปากลงไปที่แก้มใส ลากลงมาตามลำคอแล้วนอนเล็มหัวไหล่เนียนของอีกฝ่ายไปเพลินๆ มองดูเจ้าเด็กพลับนอนเขินซุกใบหน้าลงกับหมอน

“เป็นอะไรครับ” ไม้ถามพลางกลั้วหัวเราะ เจ้าเด็กพลับทำหน้าตาให้เขาอยากแกล้งขึ้นมาอีกแล้ว “ซุกหมอนทำไม ไม่อยากมองหน้าพี่แล้วเหรอ หรือพี่ทำไม่ถูกใจ”

“งื้อ ไม่ใช่…” เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด พลับก็เลยรีบปฏิเสธแต่พอหันไปก็เจอใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์จึงรู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว พลับบุ้ยปาก กำลังจะหับกลับมาซบหมอนก็โดนไม้ล็อคคางแล้วจูบปากเข้าให้

ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์บดเบียดกลีบปากอวบอิ่มสลับขบเม้ม พอเด็กเผยอปากออกก็สอดเรียวลิ้นเข้าหยอกล้อในโพรงปากของอีกฝ่าย ปลายลิ้นที่ไล้เลียเกี่ยวรัดนั้นทำให้พลับใจหวิวขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเยิ้มปรือฉ่ำพลางเปล่งเสียงครางเครือในลำคอ ไม้เก็บเกี่ยวความหวานจนพอใจก็ผละออก แต่ก็ใช่ว่าพลับจะหยุดด้วย คนตัวเล็กดูท่าทางจะติดลม เพราะจัดการเปลี่ยนท่า พลิกตัวเข้าหาพร้อมทั้งขยับขึ้นมานอนบนตัวไม้แล้วเป็นฝ่ายประกบจูบลงมาเอง

คราวนี้คนพลับเป็นฝ่ายนำเกม บดเบียดริมฝีปากนุ่มเข้าหา ลากปลายลิ้นไปทั้วริมฝีปากสลับกับดูดดุนจนปากของไม้นั้นบวมเจ่อเหมือนกับของตัวเอง ผละออกเล็กน้อยเพื่อเก็บเกี่ยวลมหายใจแล้วทาบทับลงไปใหม่ ลิ้นเล็กสอดเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นของอีกฝ่าย พลิกซ้ายและขวาหยอกเย้าคนตัวสูงที่กำลังพึงพอใจกับรสจูบของคนเจ้าเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก

“จูบเก่งเหมือนนะเรา ทำเอาพี่เคลิ้มเลย”  ไม้ชมคนเก่งที่ยั่งนิ้มเขิน ขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงไม่ลืมที่จะดึงพลับเข้ามานั่งซ้อนตัก

“พี่เป็นคนสอนผมเอง”

“หืม? พี่ไปสอนตอนไหน”

พอถามไป แก้มของเจ้านิ่มก็แดงกว่าเดิม พลับเม้มปากหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วช้อนมองขึ้นมาใหม่ ท่าทางน่ารักน่าใคร่ที่ได้เห็น ทำให้ไม้ต้องกดจูบลงไปที่ต้นคอขาวอย่างมันเขี้ยว ถูปลายจมูกเย้าตรงซอกคอ เป่าลมหายใจร้อนรดผิวบางให้พลับจั๊กจี้จนหลุดหัวเราะออกมา

“คืนนั้นไงครับ ที่ทะเล…”

พอได้ฟังคำตอบไม้ก็รู้สึกผิด เขารู้สึกผิดเสมอเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เขาไม่รู้ว่ารุนแรงกับอีกฝ่ายไปมากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนั้นน่ะพลับมีรอยแดงไปทั้งตัวเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้มีวันนี้ได้มันเป็นสิ่งที่ดี

“คืนนั้นพี่ไม่ได้ทำเราเจ็บมากใช่มั้ย”

พลับเห็นความรู้สึกไม่สบายใจในแววตาของอีกฝ่ายก็เลยดึงใบหน้าของไม้เข้ามาหอมแก้ม จุ๊บปากเบาๆแล้วส่งยิ้มหวานให้

“ช่วงแรกมันก็มีเจ็บบ้าง แต่พี่ทำให้ผมมีความสุขมากเลยครับ สอนอะไรๆ ให้ผมเยอะแยะไปหมด”

“พี่สอนอะไรไปบ้างครับ”

ถามแล้วก็ลูบแก้มนิ่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ริมผีปากชุ่มชื่นที่บวมเจ่อก็ขบกัดไปมาอย่างเขินอาย ยิ่งเรียกให้ไม้สนใจใคร่รู้ว่าคืนนั้นไปสอนอะไรเด็กคนนี้เข้า

พลับอายเมื่อคิดถึงเรื่องที่ไม้สอน ปากเล็กขบกันไปมาเพราะไม่รู้จะบอกอีกฝ่ายยังไง เลยตัดสินใจที่จะทำให้ดูเลยดีกว่า

ไม้กอดเอวเล็กไว้เมื่อพลับขยับเข้ามาจูบเขาอีกครั้ง เพียงครู่เดียวก็ละริมฝีออกแล้วจูบซับลงไปตามลำคอ แผ่นอก และหน้าท้องของเขา ไม้มองปากเล็กที่แตะแต้มไปทั่วอย่างพึงพอใจ หลับตาแล้วนอนนิ่งๆ ให้พลับพรมจูบไปทั่วหน้าท้องแบบนั้น แต่ก็ต้องสะดุ้งดันไหล่อีกฝ่ายออกแทบไม่ทัน เมื่อสัมผัสได้ว่าริมฝีปากชุ่มชื่นนั้นจูบลงตรงส่วนนั้นของเขา

“พลับจะทำอะไรครับ”

“พี่สอนผมแบบนี้”

ไม่พูดเปล่า มือนุ่มดันจับไปตรงส่วนนั้น ปลุกเร้าส่วนที่อ่อนไหวให้เริ่มตื่นตัวและขยายใหญ่จนเต็มผ่ามือ ไม้อ้าปากหวอมองสิ่งใหญ่โตของตัวเองกำลังโดนโอบอุ้มด้วยฝ่ามือขาว ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองไปสอนให้เด็กทำอะไรแบบนี้จริงๆ และในระหว่างที่กำลังตกตะลึงนั้น พลับก็ก้มหน้าลงจรดริมฝีปากฉ่ำลงบนส่วนปลายสีเข้ม แล้วดูดดุนเบาๆ

“อืม หนูพลับ…”

ไม้กัดกราม รู้สึกได้ถึงความนุ่มที่ปัดป่ายขยี้ตรงส่วนปลาย เขาค่อยๆ เอนตัวกลับมานั่งพิงหัวเตียง แล้วมองภาพตรงหน้าพาให้ใจสั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะสอนอะไรแบบนี้ให้กับเด็กตรงหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าพลับคงไม่ได้โกหก เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำนี้ล้วนเป็นแบบที่เขาชอบทั้งนั้น

“ดีมั้ยฮับ?”

“ฮึม พลับ หนูอย่า…” ไม้กัดปาก อยากจะบอกเด็กว่า อย่าพูดทั้งที่มีของอยู่เต็มปากแบบนั้น ฟันคมที่ขบมาโดนทำเอาไม้ทั้งเจ็บทั้งเสียวไปพร้อมๆ กัน

พลับมองอาการของคนด้านบนก็แอบยิ้ม เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบนั้นก็รู้สึกมีกำลังใจ ขยับปากขยับลิ้นอย่างเต็มที่เอาใจคนตัวสูงที่กำลังกัดกรามแน่นพร้อมทั้งพยายามดันไหล่เขาออก แต่พลับก็ดื้อขืนตัวเอาไว้ ห่อริมฝีปากโอบรัดแก่นกายที่กำลังสั่นและกระตุกเกร็ง จนในที่สุดไม้ก็ทนไม่ไหวปล่อยหยาดน้ำขาวขุ่นสู่โพรงปากน้อยๆ

“พลับ!” ของเก่ายังไม่ทันที่ไม้จะหายใจตกใจ พลับก็ทำให้ผู้ใหญ่อ้าปากค้างอีกรอบ เพราะค่อยๆ กลืนของเหลวของเขาลงคอไป

ไม้ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง ทั้งอยากด่าและขอบคุณตัวเองที่ไปสอนอะไรแบบนี้ให้เด็ก  พอพลับยืดตัวขึ้นไม้ก็เห็นว่าพลับเองก็ตื่นตัวเช่นกัน จึงดึงเอวพลับเข้าหาแล้วก้มหน้าลงไป ตั้งใจว่าจะทำให้พลับบ้าง แต่คนตัวเล็กก็บิดเอวหนีแล้วหุบขาเข้าไม่ยอมให้เขาทำได้โดยง่าย

“ผมยังทำให้ดูไม่ครบเลย”

พูดเสียงแผ่ว แก้มนวลแดงก่ำ ร้อนผ่าวจนแทบไหม้ แต่ใจกล้าเป็นฝ่ายใส่ถุงยางให้คนตัวสูง พลับยังคงทำให้ไม้ประหลาดใจได้อีกเรื่อยๆ ถึงแม้จะตกใจแต่ก็มีความอยากรู้ว่าตัวเองบ้าสอนอะไรอีกฝ่ายไปบ้าง

“พี่สอนแบบนี้จริงๆ เหรอ”

พลับพยักหน้า กอดคอซบหน้าลงกับบ่าของอีกฝ่าย ก่อนจะจับแก่นกายของไม้ไว้มั่นแล้วค่อยๆ กดตัวนั่งทับลงไป ได้ยินเสียงทุ้มคำรามในลำคอพลับก็พอใจ ค่อยกดตัวลงช้าๆ คราวนี้ไม่มีความรู้สึกจุกเสียดมากนักเพราะรอบที่แล้วยังคงทำให้ช่องทางภายในของพลับนั้นลื่นและอ่อนนุ่มอยู่

พอเข้าไปจนสุด พลับก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มต้นขยับตัวช้าๆ นึกถึงคำแนะนำในคืนนั้นว่าควรทำแบบไหนให้อีกฝ่ายรู้สึกดีที่สุด

“พี่สอนให้ผมขยับแบบนี้ แล้วพี่ก็ชมว่าผมทำได้ดี”

ไม้กลืนน้ำลายก้มหน้าลงซุกซอกคอเล็กสูดดมกลิ่นกายหอม เขาชอบจังหวะที่พลับขยับแบบนี้ เห็นลีลาที่เจ้านิ่มขยับสะโพกแล้วก็อดชมตัวเองไม่ได้สอนได้ดีเหลือเกิน

“อืม ทำได้ดีมาก”

พอได้รับคำชม พลับก็ยิ่งขยับตัวแรงขึ้น ภายในก็ตอดรัดมากขึ้น ไม้นิ่วหน้าพยายามกลั้นอารมณ์ที่เหมือนว่าจะพุ่งขึ้นมามากเกินไป แล้วช่วยประคองเอวอีกฝ่ายไว้มั่นแล้วช่วยออกแรงดึงเข้าหาตัว บ้างก็ลูบลงไปเคล้นคลึงเนื้อนิ่มที่กระทบกับหน้าขาของเขาจนเกิดเสียงน่าอาย

“เก่งมากเลย เด็กดี”

“อื้อ อะ”

“รัดพี่แน่นเชียว ชอบให้พี่ชมเหรอครับ”

 ยิ่มชมพลับก็ยิ่งรัด จนไม้อดปากที่จะพูดไม่ได้ พลับครางเครืออยู่ข้างหูก็พยักหน้า ผละออกมาเล็กน้อยเพื่อจูบปากคนที่รัก อายก็อาย แต่ก็ชอบที่เห็นไม้สุขสมเพราะตัวเองทำแบบนี้

เจ้านิ่มกัดปาก แหงนใบหน้าขึ้นสูดปากแล้วขยับตัวขึ้นลง หน้าอกที่อยู่ในระดับใบหน้าของไม้นั้นล่อตาล่อใจให้ไม้แลบลิ้นออกมาดูดดึงยอดอกสีระเรื่อที่ตั้งชัน

“อ๊ะ พี่ครับ”

ไม่ใช่แค่ยอดอกที่ถูกครอบครอง ส่วนอ่อนไหวก็โดนฝ่ามืออุ่นกอบกุมเอาไว้ พลับส่ายหน้าหวีดเสียงครางพร้อมๆกับสะโพกบดเบียดเข้าหาอีกฝ่ายหนักกว่าเดิม และเมื่อโดนกระตุ้นทุกช่องทางไปพร้อมๆ กันแบบบนี้ เด็กที่ค่อนข้างอ่อนประการณ์ก็ทนต่อไปไม่ไหว ร่างกายกระตุกเกร็งบดเบียดสะโพกเข้าอีกฝ่ายเป็นครั้งท้าย ปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาจนเปรอะเปรื้อนไปทั่วหน้าท้องแถมยังกระเด็นขึ้นมาถึงปลายคางอีกฝ่าย

“อ่ะ ผม..ขอโทษครับ”

พอเห็นหยาดน้ำของตัวเองอยู่บนใบหน้าของไม้ ก็รีบคว้าเสื้อตัวเองหวังจะเช็ดออกให้ แต่ยังไม่ทันที่จะเช็ดออกจนหมด ไม้ที่ยังไม่ถึงจุดก็กอดเอวคนตัวเล็กไว้มั่น พลิกตัวพลับให้ลงไปนานราบกับเตียงส่วนตัวเขานั้นอยู่ด้านบน เป็นฝ่ายขยับสะโพกเสียเอง

“พี่จะขยับเองนะ หนูจะได้ไม่เหนื่อย”

“อ๊ะ พี่ไม้ อือ”

กำหนัดเก่ายังคุกรุ่นไม่ทันจาง คลื่นอารมณ์ระลอกใหม่ก็ซัดเข้ามาติดๆ แก่นกายที่อ่อนตัวลงแล้วก็กลับมาตั้งตรงอย่างรวดเร็วเมื่อโดนอุ้งมือร้อนของไม้กระตุ้น

พลับปรือตามองคนด้านบน จูบเบาๆที่กกหู สองมือเกาะเกี่ยวอยู่ที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย เสียงหวานของเจ้านิ่มครางอยู่ข้างหูยิ่งเร้งเร้าให้ไม้อยากปลดปล่อย ท่อนแขนใหญ่สอดเข้าไต้ขอพลับแล้วดันขึ้นจนปลายเท้าน้อยๆ ชี้ขึ้นฟ้า พออยู่ในท่าทางที่ถนัด ไม้ก็จัดการรัวเอวจนคนใต้ร่างบิดเอวแอ่นสะโพกเข้าหา มือที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงแผ่นหลังเริ่มจิกและข่วนระบายความซาบซ่านอย่างไม่ตั้งใจ

“ชอบให้พี่ขยับแบบนี้เหรอครับ หืม?” ถามพลางก้มลงจูบซับเม็ดเหงื่อที่ไหล่มาตามผิวขาว ดูดดึงจนเกิดรอยแดงที่ที่ลำคอ สะโพกยังคงขยับเข้าออกไม่หยุด รู้สึกได้ว่ายิ่งพูดเด็กใต้ร่างก็ยิ่งรัดแน่น เป็นการตอบคำถามที่ดีว่าชอบหรือไม่ชอบ

“อา อื้อ” พลับพยายามกัดปาก กลั้นเสียงคราง รู้ตัวว่าตัวเองครางดังมากแต่ไม่สามารถที่จะกลั้นเสียงได้ เขาไม่รู้ว่าห้องของไม้นั้นกันเสียงได้ดีขนาดไหน แต่หากพรุ่งนี้มีโน๊ตมาแปะหน้าประตูห้องต่อว่าเรื่องเสียงดัง พลับคงไม่กล้ามาห้องของไม่ไปพักหนึ่งแน่ๆ

“พี่ไม้ ผมจะ...จะ อื้อ”

“ปล่อยมาเลยครับ” พลับส่ายหน้า แค่บอกว่าจะเสร็จ ไม้ก็หวังดีขยับมือมาช่วยรูดรั้งให้แก่นกายน้อยกระตุกแล้วปลดปล่อยของเหลวออกมาอีกครั้ง

“อื้อ!”

“หนู....รัดพี่แน่นอีกแล้ว”

เมื่อคนตัวเล็กปลดปล่อยออกมาอีกระลอกในร่างกายอีกฝ่ายก็กระตุกรัดเป็นจังหวะ บีบรัดคนตัวใหญ่รุนแรงกว่าเดิมจนไม้ทนไม่ไหวปลดปล่อยออกมาแล้วโน้มตัวลงไปซุกซอกคอของพลับเผลอตัวฝากรอยกัดเอาไว้ที่ไหล่ซ้าย

พอทุกอย่างสงบลง ไม้ก็ขยับตัวออกจัดการดึงถุงยางโยนลงถังขยะแล้วขยับตัวเข้ามานอนซ้อนหลังเด็กที่ซุกหน้าเข้ากับหมอนอีกครั้ง

“ทำไมซุกหน้ากับหมอนอีกแล้ว พี่ทำไม่ถูกใจอีกเหรอ” ไม้พูดเย้าเสียงนุ่ม จูบซับไปตามหัวไหล่เนียน เน้นหนักตรงรอยกัดที่ตัวเองทิ้งเอาไว้ เขาไม่ได้กัดแรงจนเลือดออก แต่มันก็เป็นรอยฟันเขาชัดเจน ไม้มักเผลอทำแบบนี้เสมอเวลาที่เขารู้สึกดีจนทนไม่ไหว มันเป็นนิสัยที่เขาแก้ไม่ได้เสียที

“หนูทำให้พี่รู้สึกดีมาก พลับน่ารักมากเลยนะ”

พลับหรี่ตาลง เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายจุบลงมาที่เปลือกตา ไล้ลงมาที่ข้างแก้มและริมฝีปากนุ่ม พอละจากจากริมฝีปากคนตัวสูงก็ประทับรอยจูบไปทั่วลำคอและหัวไหล่ไม่หยุดหย่อน

“...ทำไมพี่ชอบพูดให้ผมเขิน”

“เพราะหนูเขินแล้วน่ารักไงครับ”

พลับเม้มปาก นอนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายเล็มผิวไปเรื่อยๆ ทั้งเขินทั้งรู้สึกดีกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่เขินกว่าอะไรทั้งหมดก็ตอนที่ไม้มองมาด้วยแววตาอบอุ่นแล้วเรียกเขาว่าหนูนี่แหละ จะละลายเอาให้ได้เลย



หลังจากนอนเล่นกันไปซักพัก เด็กที่นอนอยู่ข้างๆ ก็บ่นขึ้นมาว่าหิว แต่ตอนนี้มันก็ค่อนข้างดึกพวกร้านอาหารที่อยู่ใกล้คอนโดจึงปิดแล้วแน่นอน พวกเขามัวแต่เล่นกันจนลืมดูเวลา

“กินแค่นมแก้วเดียวก็พอครับ ผมไม่ได้หิวมาก” พลับขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เตรียมคว้าเสื้อผ้ามาใส่ แต่ก็พบว่าชุดของตัวเองนั้นเปื้อนไปหมด “เสื้อผมเปื้อนหมดเลย”

“เดี๋ยวพี่เอาไปซักให้  ใส่เสื้อพี่ไปก่อนแล้วกัน” ไม้ใส่เสื้อเชิ้ตของเองให้ กลัดกระดุมจนเรียบร้อย แต่ไม้กลับรู้สึกว่าตัวเองอาจคิดผิดที่ให้พลับใส่เสื้อของเขา เพราะเนื้อตัวขาวนวลในเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวที่เเป็นเสื้อของเขาแบบนี้ ทำให้อีกฝ่ายน่าฟัดขึ้นเป็นกอง

“ผมไม่มีกางเกง มันเเปื้อนไปหมดเลย”

“...ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ แบบนี้ก็ดี” พูดเสียงแผ่ว มองไปที่ต้นขากลมกลึงที่พ้นชายเสื้อออกมา ก่อนจะทำเป็นกระแอมไอเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป

พลับที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็หัวเราะ ไม้ตอนนี้ทำท่าทางเหมือนตาลุงที่กำลังหลอกแต๊ะอั๋งเด็กไม่มีผิด แต่พลับก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก หากไม้อยากดู พลับก็เต็มใจโชว์ให้ดู ถึงมันจะน่าอายก็เถอะ

พลับขยับลงจากเตียงช้าๆ พยายามเดินไปที่ห้องครัว แต่เพราะเพิ่งผ่านกิจกรรมเร่าร้อนกันมาทำให้ขาเรียวนั่นสั่นระริก ท่าทางการเดินของพลับจึงแปลกประหลาด ไม้มองแล้วก็อมยิ้ม ประคองสะโพกเล็กเอาไว้แต่ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“อย่าหัวเราะ ผมเขิน”

“เดี๋ยวพี่อุ้มนะ”

“ไม่...หวา!”

ไม่ฟังคำปฏิเสธของอีกฝ่าย ไม้ก็ยกตัวพลับขึ้นอุ้มเข้าเอวเดินมาที่ห้องครัว พลับเองที่โดนอุ้มในท่าทางเหมือนแม่อุ้มลูกแบบนี้ก็เขินจนต้องมุดหน้าเข้ากับบหัวไหล่อีกฝ่ายแล้วบ่นหงุงหงิง เรียกเสียงหัวเราะจากไม้ได้ดี

“อุ้มเหมือนว่าผมเป็นลูกพี่เลยนะ พี่ควรจะอุ้มผมแบบพระเอกอุ้มนางเอกสิ”

ไม้อมยิ้มอุ้มคนตัวเล็กมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว พอเปิดตู้เย็นก็เจอขนมอยู่เต็มตู้เลยอดไม่ได้ที่จะหันมาแซวคนที่ที่ยิ้มแหยๆ อยู่

“ไหนใครบอกว่าพี่ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ไม่กินขนมหรอก”

“ก็ซื้อมาเก็บไว้ให้พี่กินนั่นแหละครับ ตู้เย็นพี่แห้งแล้งมาก ผมกลัวว่าพี่จะหิว” ไม้หัวเราะ หยิบนมออกมาเทลงแก้วแล้วหยิบคุกกี้ออกมาให้เด็กกินคู่กับนม 

“พี่หยุดมองผมก่อน” เพราะว่าไม้นั่นจ้องจนพลับไม่กล้ากิน ไม้อมยิ้มอดไม่ได้ที่จะแกล้งพลับ เลยทำเป็นเดินเข้ามาใกล้ เด็กไม่ได้ดันเขาออกแต่ก็หลบตาเขาทำเป็นมองแก้มนมที่อยู่ในมือตัวเองแทน

“ทำไมไม่สบตาพี่เลยครับ”

“ผมจะกินนม”

พลับเปลี่ยนเรื่อง ยกแก้วนมขึ้นมาจิบ แต่ก็โดนผู้ใหญ่ดึงแก้วออก มือใหญ่จับเข่าคนที่นั่งบนเคาน์เตอร์แยกออกเล็กน้อยแล้วตัวเองก็เข้าไปยืนแทรกตรงกลาง

“ผมเหนื่อย…ต แต่หากพี่ไม้อยากทำอีก ผมก็ไม่ว่า”

ไม้หัวเราะ ใช่ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่ม ค่อยๆ ลูบลงมาที่รอยกัด

“เจ็บมั้ยครับ พี่ติดเป็นนิสัยชอบกัดตรงนี้”

พลับส่ายหน้า ดึงใบหน้าไม้เข้ามาจุ๊บปากเบาแล้วผละออกส่งยิ้มหวานให้ พลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย หากพูดตามตรงต้องบอกว่าชอบด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายฝากรอยเขี้ยวไว้ พลับชอบที่ไม้ทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้บนตัวเขาแบบนี้

ไม้ประทับจูบ ปาดลิ้นเลียเบาๆ ไปรอบรอยฟัน และดันเองออกเพราะกลัวว่ามันจะเลยเถิดไปกันใหญ่ นี่คือคืนแรก เขาไม่ควรที่จะหักโหมกับเด็กมากนัก หากพลับเหนื่อยเกินไปแล้วกลัวที่จะมานอนกับเขาอีก ไม้คงแย่ คิดเสียว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า

ไม้ขยับออกปล่อยให้เด็กกินนมและคุกกี้จนหมด

“จะอาบน้ำมั้ยครับ”

“อาบครับ...พี่ไม้ ผมเดินเองได้” ถึงแม้จะบอกว่าเดินเองได้ แต่ก็กอดคออีกฝ่ายไว้แน่น ก็ไม้นั่นสูงน้อยเสียเมื่อไร หล่นลงไปก็เจ็บเหมือนกัน

“เดินท่าแปลกๆ นั่นน่ะเหรอ”

“อย่าหัวเราะ เป็นเพราะพี่นั่นแหละทำผม”

“พี่ทำอะไรครับ เอ...ไปทำยังไงให้เราเดินท่าแบบนั้นได้นะ”

ไม้พูดกลั้วหัวเราะ พลับฟังพลางนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เดินแบบนั้นแล้วก็ตีเข้าที่หัวไหล่อีกฝ่าย ไม้เอียงหน้ามองกดปลายจมูกลงบนแก้มนิ่มสูดลมหายใจเข้าฟอดใหญ่จนชื่นใจ พลับเองเม้มปากแต่ก็เอียงแก้มอีกข้างให้ไม้หอมอย่างเท่าเทียมกัน ถึงจะอายแต่ก็กอดคออีกฝ่ายเอาไว้มั่น ซบหน้าลงกับบ่ากว้างอมยิ้มอย่างมีความสุข

“ทำไมหันหน้าเข้ากำแพงแบบนั้นล่ะครับ ไหนใครเคยบอกว่าอยากอาบน้ำกับพี่”

“พี่อย่าแกล้งผม”

พลับกัดปากตัวเอง ยืนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายถูสบู่ให้ ก็อยากอาบน้ำด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากให้อีกฝ่ายมาถูตัวให้แบบนี้ พลับอายจนแทบจะมุดหน้าเข้ากำแพงอยู่แล้ว แต่คนแกล้งก็ยังไม่หยุดหัวเราะ

ไม้ยิ้มอย่างชอบใจชอบใจเขาไม่ได้ตั้งใจแกล้งแบบนี้เลย แต่เด็กเอาแต่เขินไม่ยอมถูสบู่ด้วยตัวเอง เขาก็เลยอาสาถูให้ไง แต่ดันทำเจ้านิ่มเขินกว่าเดิมเสียได้ ไม้ราดน้ำล้างฟองสบู่ออกจนเกลี้ยง ผิวขาวใสกระจ่างเต็มตาอยู่ตรงหน้า จนต้องรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวเอาไว้จนพลับกลายเป็นดักแด้

ออกมาก็ให้เด็กใส่ชุดนอนของตัวเอง ขึ้นเตียงได้ไม่เท่าไรพลับก็หลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อยและเพลีย ส่วนไม้นั้นต้องเก็บผ้าที่เปื้อนของเด็กไปเข้าเครื่องไว้ก่อน พรุ่งนี้พลับจะได้มีใส่ พอตั้งโปรแกรมเครื่องเสร็จก็กลับมาเตรียมที่จะเข้านอน

ไม้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเล็กน้อย เพราะจำได้ว่ามีคนทักมาตอนที่เขาและพลับกำลังยุ่งกันอยู่ เป็นกล้านั้นเองที่ทักมาถามว่า พลับจะกลับรึเปล่าเพราะพีชนั้นรออยู่ ไม้ถ่ายรูปพลับตอนที่หลับปุ๋ยส่งไปให้ดู ตอบกลับน้องชายไปว่าพลับค้างกับเขาคืนนี้ แล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

ไม้หันไปมองเด็กที่นอนนิ่งเรียบร้อยผิดปกติ ก่อนนอนพลับนอนท่าไหนตอนนี้ก็ยังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม ทั้งที่ปกติจะหมุนรอบเตียงไปแล้ว

“ทำไมวันนี้ไม่ดิ้นเลย แบบนี้พี่ก็อดกอดน่ะสิ หืม?”

กดปลายจมูกลงบนหน้าผากมน แล้วก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ จากอีกฝ่าย ไม้หัวเราะออกมาล้มตัวลงนอนข้างๆ สอดมือกอดเอวไว้ ไม้นึกถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้านิ่มไม่นอนดิ้น พอเดาได้ก็แอบยิ้มกับตัวเอง กดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่มอีกครั้งอย่างหลงไหล

“เพราะพี่ทำให้เหนื่อยจนดิ้นต่อไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ เด็กดี”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 17 ชอบคนนี้

พีชและกล้ากลับมาถึงห้องนานแล้วเขา นั่งดูหนังรอพลับกลับมาจนจบไปสองเรื่องแล้ว จนตอนนี้ดึกดื่นพลับก็ยังไม่กลับมา พีชส่งข้อความไปหลายครั้งพลับก็ไม่ตอบ กล้าเลยลองส่งข้อความไปหาพี่ชายตัวเอง ฝั่งนั้นก็ไม่ตอบเช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะติดต่อไม้และพลับไม่ได้ แต่พีชก็ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนใจเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นหลังจากที่กลับมาจากสวนนั่น พีชก็เอาแต่ลอบมองกล้าอยู่บ่อยๆ ตอนดูหนังพีชก็มอง ตอนกินข้าวพีชก็มอง แล้วถามคำถามเดิมซ้ำไปมา

‘กล้าชอบเราจริงๆ ใช่มั้ย?’

“ชอบจริงๆ ชอบมากด้วย”

นี่คือคำถามที่พีชเฝ้าถามเขามาตลอดสี่ชั่วโมง กล้าหัวเราะและตอบอย่างใจเย็น พีชอ่านปากแล้วก็ยิ้มกว้างจนตาหยี เขาดีใจมากๆ หัวใจมันฟูมีความสุขทุกครั้งที่เห็นกล้าตอบมาแบบนั้น พีชชอบ พีชเลยอยากถามเพื่อให้กล้าพูดอีกบ่อยๆ

‘กล้าชอบเราใช่มั้ย?’

คำถามเดิมถูกเขียนลงในสมุดโน๊ตและส่งมาให้กล้าอ่านอีกครั้ง เขาตอบคำถามนี้นับไม่ถ้วน กล้าหันไปมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจแล้วก็เจอแววตาที่คาดหวังกับคำตอบและรอยยิ้มหวานของพีช ที่พอเห็นแล้วเขาก็ทำใจดุไม่ลง แต่กล้าต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ไม่งั้นเจ้าลูกพีชคงถามแบบนี้มาอีกร้อยรอบ

“อะ!”

กล้าดึงเอวคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ๆ กดปลายจมูกลงผมแก้มนุ่มหลายครั้งอย่ามันเขี้ยว แกล้งถูปลายคางไปมาให้พีชส่งเสียงคิกคักเพราะรู้สึกจั๊กจี้ พอกล้าผละออกก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ ขยับปากช้าๆ ให้อีกฝ่ายอ่านปากเขาได้อย่างชัดเจน

“ถ้ายังถามไม่เลิก จะโดนดีนะ”

กล้าขู่พร้อมเกลี่ยปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากสีอ่อน ลูบวนอยู่แบบนั้นแล้วก็จ้องมอง พีชกลืนน้ำลายแล้วกัดปากตัวเอง แก้มนวลแดงระเรื่อแต่ดวงตากลมโตกลับวาววับเมื่อรู้กล้าพูดแบบนั้น และพีชอยากโดนดี…

พออีกฝ่ายปล่อยตัวก็รีบคว้าสมุดขึ้นมาแล้วส่งให้กล้าดูความถามเดิมอีกครั้ง

กล้าหัวเราะมองพีชด้วยความมันเขี้ยว เพราะคิดว่าพีชกำลังกวนประสาทเขาก็ตั้งใจจะยกมือขึ้นมาบีบแก้ม แต่เจ้าลูกพีชดันหลับตาพริ้มพร้อมเงยหน้าขึ้นหา กล้าเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร พอเข้าใจแล้วเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดที่จะแกล้งอีกไม่ได้

กล้าจับปลายคางอีกฝ่ายแล้วโน้มตัวลงไปหาอย่างอ้อยอิ่ง ระหว่างนั้นก็ใช้ปลายนิ้วลูบไล้กลีบปากนุ่มไปมา พีชกลืนน้ำลายลงคอพยายามที่จะเชิดหน้าขึ้นรอรับสัมผัสจากอีกฝ่าย แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อกล้ากดริมฝีปากลงที่แก้มขวา ไม่ได้จูบลงมาตามที่พีชหวังไว้

คนตัวเล็กอ้าปากเล็กน้อย มองหน้าคนขี้แกล้งที่หัวเราะจนไหล่สั่น ไม่จำเป็นต้องได้ยินเสียงก็รู้ว่ากล้ากำลังหัวเราะเสียงดังแค่ไหน พีชส่งเสียงท้วง รีบคว้าสมุดมาส่งให้กล้าอ่านคำถามเดิมอีกรอบ แล้วเชิดหน้ารอ ยังไงพีชก็ต้องได้จูบ! ถึงแม้จะว่าจะเขินจนแก้มแทบไหม้ แต่พีชอยากจูบกับกล้าอีก เพราะจูบจากกล้านั้นทำให้พีชรู้สึกดีมากๆ

แต่อีกฝ่ายก็ยังแกล้งไม่เลิก คราวนี้กล้าหอมแก้มพีชทั้งสองข้าง เฉียดริมฝีปากพีชไปนิดเดียว พอขยับออกก็เจอสีหน้าของคนที่ทั้งเขินทั้งขัดใจ แก้มแดงน่ารักและคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ช่างดูน่ารักน่าแกล้งมากสำหรับกล้า

“อา!”

พีชส่งเสียงท้วงอีกครั้งแล้วดึงแขนกล้าไว้  รีบก้มลงเขียนคำถามเดิมลงสมุด เขาตั้งใจว่าจะเขียนคำถามเดิมจนเต็มหน้ากระดาษ ถามเยอะขนาดนี้พีชต้องโดนดีได้แล้ว

กล้ามองแล้วก็หยุดหัวเราะไม่ได้ เขาดึงสมุดและปากกาออกให้พีชส่งเสียงท้วง พอเงยหน้าขึ้นมากล้าก็จัดการดันคางเล็กนั้นขึ้นแล้วประกบจูบลงไปแล้วทาบไว้นิ่งๆ คนที่มีท่าทีโวยวายในก่อนหน้านี้สงบลงทันที

พีชขยับฝ่ามือวางไว้ที่ต้นแขนของกล้าแล้วหลับตาลงอย่างสุขใจ กล้าทำท่าจะผละออก พีชก็รั้งแขนกล้าเอาไว้แล้วเชิดหน้าขึ้นจูบริมฝีปากของกล้าอีกครั้ง พีชอมยิ้มซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ในหัวใจ การได้ความรักตอบมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ทั้งสองขยับออกจากกันเพียงเล็กน้อย กล้ามองหน้าของพีช เขาดูออกว่าอีกฝ่ายมีความสุขมากแค่ไหน กล้ายกมือขึ้นลูบแก้มเนียนและเกลี่ยปอยผมเล่น พีชอมยิ้มแล้วมอง กลั้นใจระงับความอายแล้วยืดตัวขึ้นจุ๊บที่ริมฝีกปากของกล้าอีกครั้ง จากนั้นก็ผละออกแล้วทำภาษามือให้กล้าดู

‘เราชอบกล้านะ’

พีชรู้ดีว่าทำไปกล้าก็ไม่เข้าใจ แต่พีชแค่อยากบอกชอบกล้าในภาษาของพีชเอง

พอทำเสร็จก็ทำท่าหัวเราะคิกคักเหมือนที่เคยเห็นพลับทำ เอียงคอมองกล้าที่กำลังส่งยิ้มมาให้ กล้ายิ้มเหมือนเข้าใจว่าพีชบอกอะไรไป แต่พีชรู้เป็นไปไม่ได้หรอก ก็กล้าไม่รู้ภาษาของเขานี่

 กล้ามองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู เขาเพิ่งเริ่มเรียนภาษามือได้ไม่นาน เพิ่งอยู่ในขั้นพื้นฐานก็จริง แต่ไอ้คำบอกรักบอกชอบนั่นน่ะ คือคำแรกๆ ที่กล้าเลือกเรียนเพราะอยากบอกคำนั้นด้วยภาษาของพีช เขาฝึกทำมือและนิ้วสะกดคำนั้นอยู่เกือบทุกคืนเพราะฉะนั้นเขาเข้าใจสิ่งที่พีชบอกเมื่อครู่นี้แน่นอน

“เราก็ชอบพีชเหมือนกัน”

กล้าบอกออกไป และได้เห็นสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายก่อนที่พีชจะรัวภาษามือชุดใหญ่ใส่เขา แน่นอนว่ารัวมาเป็นชุดแบบนี้กล้ามองไม่ทันหรอกว่ามีคำไหนบ้าง แต่ก็หัวเราะกับท่าทางตกอกตกใจของคนตัวเล็ก

ทางพีชก็กำลังถามว่ากล้ารู้ภาษามือเหรอ ไปเรียนมาจากไหน แต่คนตัวสูงก็หัวเราะแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ พีชเลยสรุปกับตัวเองว่ากล้าคงเดาเอาแน่ๆ

“อา”

พีชส่งเสียงในลำคอเบาๆ แล้วขยับเข้าไปนั่งพิงกล้า ทำเป็นเอียงหัวพิงไหล่อีกฝ่าย พอเห็นว่ากล้าไม่ว่าอะไรแถมยังตวัดแขนโอบไหล่พีชเอาไว้ด้วย พีชก็หลุดยิ้มกว้างอยากดีใจ

“ยิ้มอะไรนักหนา หืม? นี่ยิ้มตามจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้วนะ”

กล้าทำเป็นบ่นแล้วจิ้มแก้มกลมๆ ของลูกพีช วันนี้พีชยิ้มและหัวเราะทั้งวันเลย แถมยังยิ้มน่ารักมากเสียด้วย กล้ามองทีไรเป็นต้องยิ้มตามทุกทีจนเขาเมื่อยหน้าไปหมด

พีชอ่านปากแล้วทำท่าหัวเราะ เอนหัวซบไหล่กล้าอีกครั้งแล้วก็มองใบหน้านั้น หัวในดวงน้อยพองฟูจนเต็มอกไปหมด มีความสุขมากเมื่อได้รับรู้ว่าตัวเองกับกล้านั้นใจตรงกัน

คืนนี้พีชไม่อยากให้พลับกลับมาห้องเลย หากคืนนี้พลับคิดจะค้างที่คอนโดพี่ไม้ พีชก็จะไม่ว่าไม่บ่นอะไรทั้งนั้น พีชอยากอยู่กับกล้าทั้งคืน อยากอยู่กับกล้านานๆ



“เอ่อ...พีช”

และเหมือนว่าคืนนี้พลับจะนอนที่ห้งอของไม้จริงๆ พีชมองภาพในโทรศัพท์ของกล้าแล้วก็เม้มปาก แก้มขึ้นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้เพราะเข้าใจดีว่าทำไมน้องชายตัวเองถึงได้ไปใส่เสื้อพี่ไม้และนอนอยู่แบบนั้นได้ และคืนนี้พลับคงไม่กลับมานอนที่หอแน่นอน

กล้ายิ้มปนหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเขินอาย ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมโตก็ช้อนมองเขาเหมือนต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งกล้าคิดว่าตัวเองรู้ว่าพีชต้องการจะพูดอะไร

“พีชจะกลับห้องรึยังเดี๋ยวเราเดินไปส่ง” เขาแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีและก็ได้เห็นท่าทางน่ารักๆ จากอีกฝ่าย พีชเอียงคอซ้ายทีขวาที สองมือถูกันไปมาเหมือนจะอยากปฏิเสธแต่ก็คงจะเกรงใจเขา กล้าเดาออกว่าคืนที่พลับไม่กลับมาแบบนี้พีชคงอยากจะขอนอนค้างที่ห้องเขาแน่ๆ

“ว่าไง จะกลับตอนไหน นี่ก็ดึกมากแล้วนะ”

พีชส่งเสียงอึกอักในลำคอแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนบางอย่างลงสมุดโน๊ต จากนั้นก็ยื่นช้าๆ มาให้กล้าอ่าน

‘นอนกับกล้าได้มั้ย’

กล้าหัวเราะแล้วทำเป็นคิด มองอีกฝ่ายที่ทำตาแป๋วรอคอยคำตอบ พอเขาพยักหน้าลูกพีชก็ยิ้มกว้างยกมือขึ้นทำท่าทางดีอกดีใจ กล้าก็ตั้งใจจะชวนพีชนอนกันตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่อยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นเฉยๆ เท่านั้น



ทั้งคู่รู้ว่าใจตรงกัน พีชมีความสุขมาก ส่วนกล้าก็ดูแลพีชได้อย่างเปิดเผย พลับนั้นพอใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่ากล้าทำให้พีชมีความสุขได้ขนาดนั้น พลับเข้าใจและรู้ดีว่าการได้ความรักตอบหลังจากที่เก็บงำและอดทนมานานก็ถือเป็นความสุขที่หาอะไรเทียบได้ยาก

และถึงแม้ว่ากล้าและพีชจะไม่มีใครพูดหรือถามถึงสถานะที่ชัดเจน แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้ใจกันดีว่าพวกเขานั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่าจะเป็นเพื่อนกันแล้ว

“ชอบมั้ย?” กล้าถามหลังจากขยับใบหน้าออก มองคนตัวเล็กที่ปรือตาขึ้นช้าๆ แก้มนวลขึ้นสีอย่างน่าดู ริมฝีปากบางก็ชุ่มฉ่ำแดงระเรื่อ พีชในตอนนี้ดูเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก

กล้าเชยคางมนขึ้นอีกครั้งแล้วก้มหน้าลงไปจูบ ไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย

“อือ” พีชส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดกับลิ้นของตัวเอง พีชเอนตัวพิงหมอนสองมือกำแน่นตรงต้นแขนของกล้า เผลอขยำกล้ามเนื่อแน่นบ้างเป็นบางครั้งเมื่อโดนอีกฝ่ายทำให้รู้สึกวูบวาบอย่างต่อเนื่อง

“สรุปว่าชอบมั้ย? จูบเราดีรึเปล่า?” พีชพยักหน้าช้าๆ แล้วอมยิ้ม พอมองริมฝีปากของกล้าขยับไปมาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย พอกล้าจะขยับออกพีชก็รีบดึงไหล่หนาเอาไว้ 

คราวนี้ลูกพีชน้อยเป็นฝ่ายโอบลำคอของกล้าเอาไว้แล้วยืดตัวขึ้นประกบจูบเอง โชว์ลีลาการขยับลิ้น เลียนแบบสิ่งที่กล้าทำกับตัวเองก่อนหน้านี้บวกกับเรียนรู้เอาเองในจินตนาการ จนกล้าเป็นฝ่ายเผลอครางเสียงทุ้มในลำคออย่างพึงพอใจเพราะพีชลูกนี้จูบอร่อยอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

พีชใจเต้นรัวเมื่อกล้าดันเขานอนลงกับเตียง ฝ่ามือใหญ่ก็สอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้ไปมาอยู่ตรงสีข้างและสูงขึ้นมาเรื่อยจนถึงแผ่นอก พีชเองก็ไม่ได้ห้ามแถมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจูบตอบทั้งเอียงตัวให้กล้าลูบได้อย่างสะดวก แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งกล้ากลับหยุด หอมแก้มเขาทั้งสองข้าง ลูบหัวอีกเล็กน้อยแล้วก็ขยับออกไป

พีชลุกขึ้นนั่ง มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เขาสองคนที่ท่าทีว่าจะเกินเลยมากกว่าจูบกันตั้งหลายครั้ง แต่กล้าก็หยุดก่อนแบบนี้ตลอด พีชนั้นไม่มีปัญหาเลยหากอีกฝ่ายอยากทำขึ้นมาจริงๆ เพราะสำหรับกล้าแล้วพีชนั้นพร้อมเสมอ

“อา...”

กล้าหันไปตามเสียง มองคนตัวเล็กที่นั่งหัวฟูอยู่ที่เดิม เห็นแล้วก็ส่งยิ้มให้อีกที ยกมือขึ้นจัดทรงผมของพีชให้เข้าที่เข้าทาง พีชนั้นมีท่าทีอึกอัก ทำท่าเหมือนจะเขียนอะไรบางอย่างลงสมุด แต่ก็ไม่ได้เขียนแค่ขยับเข้ามากอดเอวกล้าไว้แล้วซบใบหน้าลงที่แผ่นอกเขา

“อ้อนอีกแล้ว เราจะแย่เอานะพีช”

กล้าพึมพำ ก้มหน้ามองคนที่หลับตาพริ้มอยู่บนอกเขา หลังจากที่พวกเขารู้ว่าใจตรงกันพีชก็ทำตัวน่ารักมากกว่าเก่า ทั้งชอบเอาใจและขี้อ้อน เดี๋ยวก็มาขอกอด เดี๋ยวมาขอจูบ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายเขินจนแก้มแดงทุกครั้งที่ทำก็เถอะ

พีชชอบมานัวเนียทำเขาเสียสมาธิวันละหลายรอบ กล้ามีความสุขมากแต่มันก็เหมือนดาบสองคม บางครั้งเขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวจนเกือบเลยเถิด

กล้าไม่รู้ว่าพีชพร้อมแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่กล้าเริ่มกอด คนตัวเล็กจะมีอาการสั่นเล็กน้อย อีกทั้งยังส่งเสียงอึกอักในลำคอเหมือนว่ากำลังอึดอัด อาการเหล่านั้นของพีชทำให้กล้าคิดไปเองลูกพีชยังไม่พร้อมให้เขากอด ทั้งที่ความจริงแล้วพีชเพียงแค่ตื่นเต้นเท่านั้น

“อยากดูหนังด้วยกันอีกมั้ย เน็ตฟลิกมีหนังมาใหม่นะ” กล้าถามเมื่อพีชเงยหน้ามอง อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมากับแผ่นอกกว้าง พีชหลุบตาลงก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขียนอะไรบางอย่างลงสมุดแล้วส่งให้กล้าอ่าน

‘ไม่อยากมีเซ็กส์กับเราเหรอ หรือกล้าไม่มีอารมณ์กับเรา’

กล้าอ่านแล้วเงียบเพราะอึ้งกับคำถามที่ตรงไปตรงมาของคนตัวเล็ก แต่พีชกลับคิดไปอีกแบบหนึ่ง พอกล้าเงียบ พีชก็สรุปกับตัวเองว่ากล้าไม่อยากทำเรื่องนั้นกับตัวเอง คิดแบบนั้นก็เบะปาก ดวงตากลมโตคลอน้ำตาขึ้นมาบางๆ พาให้กล้าตกใจรีบอธิบายทุกอย่าง

“ไม่ใช่ไม่อยาก...เราแค่คิดว่าพีชยังไม่พร้อม และเราเพิ่งจะรู้ใจตรงกันก็เลยคิดว่าให้เวลากันและกันซักหน่อย ไม่อยากจะเร่งให้มันเกิดขึ้นแบบทันทีที่คบกัน...เราไม่อยากเร่งรัดเรื่องนั้นกับพีช”

“อา”

“เรารู้ว่าพีชกลัว เรื่องที่เราล่วงเกินไปคืนนั้นอาจฝังใจพีช...เราไม่โกรธนะที่พีชจะกลัวเราแบบนั้น และเพราะเราเข้าใจเลยอยากให้พีชทำใจไว้ก่อนไง”

กล้าพูดช้าๆ ให้พีชอ่านปากได้อย่างสะดวกและเข้าใจในทุกคำที่เขาพูด พูดไปก็ลูบแก้มลูบหัวอีกฝ่ายไปด้วย พีชมองที่พูดแล้วก็คิด เขาไม่เคยกลัวกล้าเลยแม้แต่น้อย

“อา!”

พีชปฏิเสธ ทำท่าทางเพื่อบอกว่าตัวเขานั้นไม่ได้กลัวกล้าเลย พร้อมทั้งกอดเอวกล้าเอาไว้ด้วย

“ไม่กลัวแล้วทำไมตัวสั่น ยิ่งเราทำพีชยิ่งสั่น ไม่รู้ตัวเลยเหรอ”

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
กล้ามองสีหน้างงๆ ของอีกฝ่าย พีชเองก็คิดว่าเขาไปสั่นตอนไหน พีชไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่าสั่นตอนที่โดนกล้ากอด 

“และอีกอย่างนะ ไม่มีทางเลยที่เราจะไม่มีอารมณ์กับพีช แค่จูบกัน อารมณ์ของเรามันก็พลุ่งพล่านไปหมด เพราะฉะนั้นเราถึงต้องรีบหยุดก่อนที่เราจะหยุดไม่ได้ไง

“อ๋า~”

พีชลากเสียงยาว แล้วส่ายหน้าไปมาจนผมกระจาย รีบโถมตัวกอดคอกล้าเอาไว้ พีชไม่อยากให้กล้าหยุด อารมณ์พลุ่งพล่านขนาดไหนก็มาลงที่พีชได้เลย พีชมั่นใจว่าตัวเองรับได้แน่นอน

พีชเม้มปาก แววตาใสส่อแววซุกซนก่อนจะเงยหน้าจูบปากกล้าเบาๆ จรดริมฝีปากไปทั่วแก้มและใบหน้าของกล้า ส่งยิ้มหวานและแววตาออดอ้อนจนกล้าติดกับดัก จูบตอบคนตัวเล็กกลับไป

“เดี๋ยวเถอะนะพีช ที่เราพูดไปเมื่อกี้นี้เข้าใจบ้างมั้ย”

กล้าพูดดุแต่ไม่จริงจัง เสียงของเขามันแหบพร่าและแผ่วเบาลงทุกทีที่ริมฝีปากนุ่มประทับจูบลงมาที่แก้มเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไหนจะลอยยิ้มน่ารักปนเจ้าเล่ห์น่าเอ็นดูนี่อีก กล้ารู้สึกได้ถึงอาการใจเหลวของตัวเองเลย

พีชยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า เอนตัวลงนอนบนฟูกพร้อมกับโอบลำคอให้กล้าตามมาด้วย พีชเข้าใจที่กล้าพูดทุกอย่าง ก็เลยอยากจะพิสูจน์ให้กล้าเห็นไงว่า ตัวเขาไม่ได้กลัวกล้าเลยซักนิด

“อะ อือ” พีชครางในละคอ อ้าปากขยับเรียวลิ้นตอบรับรสจูบของกล้า บิดเอวไปมาเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคนด้านบนลูบไล้ตรงช่วงเอว ขนอ่อนลุกชันไปทั่งตัวเมื่อกล้าลูบสูงขึ้นเรื่อยๆ

“นี่ไง ตัวสั่นอีกแล้ว ลูบแค่นี้พีชยังสั่นเลยนะ แน่ใจเหรอว่าไม่ได้กลัวเราน่ะ”

กล้าขยับออกเล็กน้อย เขาพูดทั้งที่มือยังคงลูบอยู่ที่เดิม วนเวียนไปมาอยู่ใต้เสื้อเฉียดกับแผ่นอกของพีชไปมา คนตัวเล็กกลืนน้ำลาย เขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองสั่นและสั่นมากกว่าเดิมเมื่อโดนปลายนิ้วอุ่นเคล้นคลึงยอดอกอย่างช้าๆ

“กลัวเราใช่มั้ย?” กล้าหยุดมือ เพราะพีชตัวสั่นมากกว่าเดิม กล้าโอบกอดลำตัวบางเอาไว้ หอมแก้มทั้งสองข้างแล้วลูบเส้นผมนุ่มอย่างปลอบโยน

“อา…” พีชไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงสั่นแบบนี้ แต่พีชกลัวว่ากล้าจะผละออกไปอีก เลยดึงกล้าลงมาจูบอีกครั้ง ส่งลิ้นนุ่มตวัดเลียไปทั่วริมฝีปากของคนด้านบน ทั้งส่งสายตาเว้าวอนทั้งแอ่นตัวขึ้นหาสัมผัสของอีกฝ่าย ท่าทางเหล่านั้นของลูกพีชน้อยทำให้กล้าหมดความอดทน ต่อจากนี้กล้าหยุดไม่ได้แล้ว…

“อ๊ะ อือ” พีชแอ่นหน้าอกขึ้น เพราะกล้าถกเสื้อของลูกพีชขึ้นแล้วก้มลงมาจุมพิตไปทั่วหน้าอก เน้นย้ำตรงส่วนอ่อนไหวที่กำลังชูชัน กล้าสอดมือรองแผ่นหลังของพีชเอาไว้แล้วดันขึ้นส่งยอดอกสีระเรื่อเข้าโพรงปาก

พีชแอ่นตัวขึ้น สองขาแยกออกว้างให้ลำตัวของกล้าแรกเข้ามาตรงหว่างขา ตัวบางสั่นไหวหนักกว่าเก่าเมื่อรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ดุนดันเข้าหากัน พีชอายแต่ก็หยัดสะโพกขึ้นหา เสียดสีส่วนนั้นของตัวเองกับของคนด้านบน ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกดี

“ถอดเสื้อนะ” กล้าพูดเสียงนุ่ม ไม่รู้ว่าพีชจะอ่านปากทันรึเปล่า แต่เขาก็ถอดเสื้อผ้าของพีชออกอย่างช้าๆ ใช้สายตาละเลียดมองผิวขาวเนียนไปทีละส่วน พรมจูบไปทั่วหัวไหล่เนียน ไล่ลงมาตามแผ่นอกบาง วนเวียนหยอกเย้ากับสองจุดเล็กๆ น่ารักอีกครั้งจากนั้นก็จูบไปรอบๆ หน้าท้องนิ่ม

พีชมีหน้าท้องเล็กน้อย ไม่ได้ยื่นออกมาเหมือนคนมีน้ำหนักเยอะ แต่เวลางอตัวก็จะขึ้นชั้นอย่างน่ารัก กล้าบีบคลึงพุงนุ่มพร้อมแตะแต้มริมฝีปากไปทั่วจนมาถึงขอบกางเกง

 พีชสั่นมากกว่าเดิม ขณะที่กล้าค่อยๆ ดึงกางเกงพร้อมชั้นในลงไปอย่างช้าๆ ระหว่างที่ดึงกล้าก็จุมพิตลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สะโพกกลมไปจนถึงปลายนิ้วเท้า

“อะ อือ อือ”

พีชครางฮือในลำคอ ยกสองมือขึ้นมาปิดแก้มตัวเองไว้ พีชอายแต่พีชก็มีความสุขเขาอยากจะงอตัวหนีเพราะกล้ามองมาตาไม่กระพริบเลย แต่ก็ต้องอดทนข่มความอายเอาไว้ เพราะพีชเห็นแววความพึงพอใจในสายตาคู่นั้น

หากกล้าอยากดู พีชก็จะให้ดูอย่างเต็มที่

“น่ารักที่สุดเลยลูกพีช”

พีชกัดนิ้วตัวเอง เพื่อข่มอาการสั่นและความอาย มองกล้าที่ก้มตัวลง จูบไปที่หัวเข่าทั้งสองข้างของพีช ต้นขา สะโพก ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงริมฝีปาก

“กัดนิ้วตัวเองทำไม หืม?” กล้าถามเสียงแผ่ว มองลูกพีชที่เขินจนแดงไปทั้วตัว ลูกพีชที่เคยขาวราวหยวกกล้วย ในตอนนี้กลับอมชมพูไปทั้งตัว สีเหมือนลูกพีชจริงๆ

กล้ายิ้ม จูบลงที่มือของพีช จูบลงไปซ้ำ หลายครั้งจนลูกพีชยอมปล่อยนิ้ว พีชกัดนิ้วตัวเองไม่ได้แล้วเพราะกำลังโดนใครบางคนกัดปากอยู่

กล้าขบเม้มริมฝีปากนิ่ม ใช้ฟันขบเบาๆ แต่ระวังไม่ให้เจ็บ แค่ให้ปากของพีชเจ่อขึ้นเพียงเล็กน้อย...นี่เป็นวิธีการกัดปากที่พีชชอบที่สุดเลย

“อา อา”

คนตัวเล็กส่งเสียงท้วงพร้อมทั้งพยายามถอดเสื้อเสื้อของกล้าออก พีชไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยซักชิ้นเดียว แต่กล้ายังอยู่ครบแบบนี้ พีชร้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เขาโดนกล้าเห็นมาทั้งตัวแล้ว พีชเองก็อยากเห็นกล้าทั้งตัวเหมือนกัน

“โอ๊ะ…ทำอะไรน่ะ”

กล้าส่งเสียงทัก เพราะตอนที่กำลังกำลังดึงเสื้อออกทางหัว เขาก็รู้สึกได้ว่ากำลังโดนใครบางคนใช่ริมฝีปากเล็กๆ มาจุ๊บไปทั่วหน้าท้องเขา พอโดนทักพีชก็เอียงคอยิ้มด้วยใบหน้าแกงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจะยื่นหน้าเข้ามาประทับจูบลงบนกล้ามเนื้อหน้าท้องทั้งหกลูกของเขาอย่างเท่าเทียมกัน

“อา”

 พีชส่งเสียงเหมือนเป็นการชมพร้อมทั้งลากปลายนิ้วไปมาตามร่องกล้าม ทำให้กล้าจั๊กจี้จนขนอ่อนตามร่างกายพากันลุกชันไปหมด และไม่ได้มีแต่ขนอ่อนเท่านั้นที่ลุก…

พีชเม้มปาก กลืนนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองมือของกล้าที่แปะอยู่ตรงขอบกางเกงแล้วค่อยๆ ดันลงอย่างช้าๆ และในที่สุดทั้งคู่ก็เปลือยเปล่าเหมือนกัน

พีชเม้มปากที่แห้งผากแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองแต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ร่างกายของกล้า เขาพยายามควบคุมอาการสั่นนี้แต่ไม่เป็นผลนัก พีชมองไปตรงส่วนนั้นและเริ่มเข้าใจแล้วว่าตัวเองสั่นเพราะอะไร พีชไม่ได้กลัว...แค่กำลังตื่นเต้น

“อะ อื้อ”

พีชล้มตัวนอนบนเตียงเมื่อกล้าพลักให้นอนราบลงไป เรือนกายอุ่นหน้าขยับเข้าทาบทับ พีชรู้สึกได้ว่าตัวของกล้าอุ่นมาก โดยเฉพาะตรงนั้น...ที่มันกำลังดุนดันอยู่ตรงก้นของพีช มันอุ่นจนร้อนเลยล่ะ

“ต้องทำยังไงพีชถึงจะหยุดสั่น เหมือนเรากำลังรังแกพีชอยู่เลยนะเนี่ย”

กล้าพึมพำ พยายามทั้งลูบทั้งจูบปลอบประโลมอีกฝ่าย พีชส่ายหน้าพร้อมทำภาษามือบอกว่าไม่ได้กลัว เขากำลังตื่นเต้นตังหาก กล้าเข้าใจคำที่พีชต้องการจะสื่อเลยยิ้ม ก้มลงพรมจูบไปทั่วหน้าท้อง ลากปลายลิ้นลงมาตรงแก่นกายน่ารัก

“อ๋า!”

ลูกพีชเสียงหลง รีบงอเข้าเข้าหากัน เมื่อน้องน้อยของตัวเองเข้าไปอยู่ในโพรงปากอุ่น พีชไม่เคยจินตนาการถึงอะไรแบบนี้ สิ่งที่กล้ากำลังทำมันทำให้พีชเขินมากกว่าเดิม แก้มร้อนจนแทบจะระเบิดแต่ก็รู้สึกดีมากๆ เช่นกัน

พีชทำท่าทางคล้ายคนกำลังคลุ้มคลั้ง บิดตัวไปมา สองมือพะวักพวงอยู่หน้าท้องตัวเองกับศีรษะของกล้า บางก็ขยำเส้นผม บ้างก็ละมาจิกหน้าขาตัวเองอีกทั้งยังส่งเสียงครางไม่ขาดปาก

กล้าเหลือบตามองใบหน้าของอีกฝ่าย กล้ามองออกว่าพีชกำลังรู้สึกดีก็เลยรัวปลายลิ้นไปตรงส่วนปลาย ชิมรสน้ำสีใสที่ทะลักออกมาไม่หยุด สองมือก็ประคองสะโพกนุ่มเอาไว้ ลูบไล้สลับกับบีบคลึงไปมา

“อือ อ๊า”

กล้าเหลือบตามองลูกพีช คนตัวเล็กหลังตาปี๋ สองมือจิกอยู่ตรงหน้าท้องตัวเองแล้วกระดกสะโพกขึ้น พร้อมกับปลดปล่อยออก พีชหน้าตื่น รีบขยับตัวลุกขึ้นนนั่งรองฝ่ามือไว้ที่ริมฝีปากของกล้าส่งเสียงให้อีกฝ่ายรีบคายน้ำนั่นออกมาเดี๋ยวนี้

กล้าก็มีความคิดที่จะกลืนลงไปอยู่หรอก แต่เขาจำเป็นต้องใช้น้ำสีขุ่นของพีชนี้แทนตัวหล่อลื่น กล้ายิ้มขำกดคนตัวเล็กให้นอนลงท่าเดิมแล้วแยกขาของพีชออกกว้าง เผยช่องทางให้กล้าเห็นอย่างเต็มตา

พีชได้แต่ส่งเสียงอึกอักในลำคอตอนที่โดนปลายนิ้วร้อนลูบไล้ไปทั่วช่องทางนั้น ไหนจะสัมผัสเปียกลื่นนี่อีก พีชอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว นี่ขนาดคิดว่าตัวเองเตรียมใจมาดีแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไม พีชคิดว่าครั้งนี้มันน่าอายกว่าครั้งนั้นเยอะเลย

ก็ครั้งนั้นกล้าไม่ได้ใช้ปากให้เขานี่ ไม่ได้เล้าโลมนานขนาดนี้ และไม่ได้มีตากรุ้มกริ้มชวนใจเต้นแบบนี้ด้วย

“เจ็บก็บอกนะ”

“อึก อือ อือ”

กล้ามองอีกคนที่ส่งเสียงอึกอักขณะที่สอดนิ้วเข้าไป ทำไปเรื่อยๆ จนมันนิ่มขึ้นก็เพิ่มจำนวน เขาจงใจกดปลายนิ้วไปที่จุดกระตุ้นอารมณ์ด้านใน สัมผัสถูไถเน้นย้ำจุดเดิมจนพีชบิดตัวหอบครางอย่างเหนื่อยอ่อน ใจของพีชมันเต้นรัวไม่หยุด พีชไม่ได้ยินเสียงครางของตัวเองเท่าไร เขาไม่รู้ว่าตัวเองส่งดังมากขนาดไหน แต่ตอนนี้พีชรู้สึกว่าลำคอเขามันแหบแห้งไปหมดแล้ว

“อา อา”

พีชครางตามจังหวะที่กล้าขยับนิ้ว และแยกขาออกกว้างเมื่อกล้ากำลังเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่น เขากดตัวลงไปช้าๆ พร้อมกับมองสีหน้ามองลูกพีชไปด้วย พอเห็นว่าอีกฝ่ายกัดปากตัวเอง กล้าก็โน้มตัวลงไปประทับจูบ ปาดเลียไปทั่วกลีบปากนุ่ม จุมพิตหนักที่กลีบปากหลายครั้งติดกัน มือหนึ่งเท้าลงบนเตียงเพื่อตั้งหลัก ส่วนอีกมือก็โอบสะโพกนุ่มให้แอ่นรับตัวตนของเขา

“พีชเจ็บมั้ย?”

กล้าถามเสียงสั่นเมื่อเข้าไปจนหมด เขาพยายามหยุดตัวเองอดใจไม่ให้รีบขยับ ลูบผ่ามือไปตามผิวเนียน ก้มลงจูบไปทั่วลำคอและหัวไหล่อย่างทะนุถนอม พีชส่ายหน้าแล้วไหล่กอดกล้าไว้แน่น พีชรู้สึกจุกเสียด แต่มันก็รู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน รู้สึกดีทั้งกายและใจ

“พีช อืม...ข้างในดีมากเลย อือ”

ครั้งนี้กล้าเรียกชื่อพีชแล้ว คราวนี้พีชคือคนที่กล้าต้องการจริงๆ แล้ว ยิ่งคิดแบบนั้นพีชยิ่งมีความสุข

พีชเอียงใบหน้าประกบจูบกับคนด้านบน ส่งยิ้มให้และหลับตาซุกใบหน้าเข้ากับไหล่หนาเมื่อกล้าเริ่มขยับตัว

“อือ อึก อะอะ”

กล้ายืดตัวขึ้นแล้วแยกขาของพีชออกกว้าง จับข้อเท้าข้างหนึ่งพาดบ่าตัวเองเอาไว้แล้วก็เร่งจังหวะการขยับ พีชแอ่นตัวเข้าหา จนหลังแทบไม่ติดเตียง ยอดอกที่ชูชันเป็นเม็ดก็โดนปลายนิ้วสะกิดเขี่ยไม่หยุด

“อืม พีช...พีช”

กล้าพร่ำเรียกชื่อเสียงเครือ ซุกซอกคอขาวเนียนดมกลิ่นหอมลูกพีชจนเต็มปอด ขณะเดียวกันนั้นก็ขยับสะโพกไม่หยุด โอบเอวบางที่กำลังบิดเร้า มองใบหน้าหวานที่กำลังเหยเก ภายนอกอาจดูเหมือนว่าพีชกำลังทรมาน แต่ความจริงแล้วลูกพีชกำลังรู้สึกดีจนแทบขาดใจ

“อือ อ๊ะๆ อ๊า อือ อึก อื้ออ”

พีชกัดปากสูดอากาศหายใจพร้อมส่งเสียงครางไม่หยุด อีกทั้งเผลอจิกและข่วนปลายเล็บลงบนผิวของกล้า ยิ่งกล้าเร้งเร้าพีชยิ่งสติแตก แยกขาออกกว้างและปลดปล่อยออกมา พีชหวีดครางลากเสียงยาว เกร็งตัวแล้วกอดกล้าเอาไว้แน่นๆ คนตัวสูงขยับมือรูดรั้งแก่นกายพีชเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น และเมื่อลูกพีชทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเขาก็หยุดขยับครู่หนึ่งแต่ยังคงพรมจูบและเคล้าเคลียใบหน้าเนียนไม่ห่าง กล้าปล่อยให้อีกคนพักหายใจเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ปลุกอารมณ์ลูกพีชขึ้นมาใหม่

“หืม...พีชร้องไห้ทำไม ไม่อยากทำต่อแล้วเหรอ หรือเราทำให้เจ็บ งั้นวันนี้เราหยุด...อือ”

กล้าหยุดมือที่กำลังปลุกเร้า จูบแก้มนวลทั้งสองข้าง ขยับปากถามช้าๆ ถามพลางเช็ดน้ำตาออกให้แต่พูดไม่ทันจบประโยชน์ก็โดนอีกคนเหนี่ยวคอลงไปประกบจูบ พีชอมยิ้มพยุงตัวจูบปากคนรักเอาไว้อีกครั้งแล้วตวัดขาโอบสะโพกกล้า

‘กำลังมีความสุขมากตังหาก’

พีชทำภาษามือบอก กล้าไม่ได้ทำพีชเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่พีชมีความสุขตังหาก สุขเกินไปจนน้ำตาไหลเลย

“อะ อา อา” พีชส่งเสียงพลางโอบสองมือกอดรอบเอวกล้า ดึงเข้าหาตัวเองเป็นการบอกให้กล้าขยับต่อได้เลย กล้าเองพอมั่นใจว่าไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บก็ขยับกายต่อ ส่งตัวเองและเจ้าลูกพีชให้สุขสมกันไปอีกรอบ



“นอนได้แล้ว เหนื่อยไม่ใช่เหรอ”

กล้าบอกขณะที่กำลังเช็ดคราบเหงื่อและน้ำต่างๆ ออกจากร่างกายพีช เขาดูออกว่าพีชนั่นเหนื่อยและง่วงจนลืมตาแทบไม่ไหว แต่ก็ฝืนมานั่งส่งยิ้มน่ารักให้เขาอีก

กล้าจัดการหยิบเสื้อผ้ามาให้พีชใส่ จากนั้นก็ห่มผ้าให้แล้วเตรียมเดินไปปิดไฟ แต่ก็โดนพีชดึงแขนเอาไว้แล้วส่งสมุดโน๊ตมาให้อ่าน

‘กล้าชอบเราจริงๆ ใช่มั้ย’

นี่คือคำถามเก่าที่พีชเคยเขียนเอาไว้ในวันแรกที่รู้ใจกัน กล้าอ่านแล้วยิ้มขำ มองหน้าคนตัวเล็กแล้วก้มลงจูบปาก ผละออกเพื่อนมองหน้าแล้วก็ก้มลงจูบอีก เล็มริมฝีปากนุ่มจนพอใจก็สอดลิ้นเข้าไปริ้มรสความหวานของลูกพีช

พีชยิ้มหว้างจาตาหยี แต่ไหล่หน่าเพื่อทวงคำตอบ กล้าก็บีบแก้มแีกคนอย่างมันเขี้ยว ประคองใบหน้าของพีชเอาไว้แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ให้พีชดู

“ชอบจริงๆ ครับ ต่อให้ถามอีกร้อยรอบก็จะตอบว่า ชอบคนนี้ครับ ชอบลูกพีช รักลูกพีช” 

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 18 ภาษาของพีช
“สองคนนี้นี่มันยังไงกันเนี่ย เพื่อนกันดูแลกันแบบนี้เหรอวะ”

แบงก์ออกปากถาม สายตามองไปทางกล้าและพีชอย่างจับผิด ไม่มีใครตอบอะไรออกมา พีชเอาแต่ยิ้ม ส่วนกล้าก็ยักไหล่แล้วคีบลูกชิ้นในชามตัวเองส่งไปให้พีช โดยที่ไม่สนใจเขาเลย แบงก์เลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่แฝดคนน้องแทน

“ยังไงวะพลับ กล้ากับพีชนี่…”

“ไม่รู้ ก็ไปถามเจ้าตัวเอาเองซี่” พลับโบกมือแล้วตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ ทำให้แบงก์ต้องหันกลับมาหากล้าเพื่อเค้นคำตอบ

“ยังไงเนี่ย มึงช่วยตอบกุหน่อยได้มั้ย ทำไมดูมีกูที่สงสัยอยู่คนเดียววะ” แบงก์แสร้งทำเป็นตัดพ้อด้วยสีหน้าน่าหมันไส้ จนกล้าต้องวางตะเกียบลงแล้วหันไปตบหัวเพื่อน

“มึงนี่มัน...ขี้เสือกจริงๆ อยากรู้มากก็ลองถามพีชดูเอง”

“อะไรของพวกมึงวะ มึงตอบแค่ตอบกูมาจบแล้วเนี่ย โบ้ยให้ไปถามคนอื่นอยู่ได้ โว๊ะ!” แบงก์ชักจะหงุดหงิดเมื่อไม่ได้รับคำตอบเสียที การจะเสือกเรื่องของเพื่อนนี่มันต้องทำให้แบงก์ลำบากขนาดนี้เลยเหรอไงกัน

“พีชอ่ะเป็นแฟนกูแล้ว แต่ก็อยากรู้ว่ากูเป็นแฟนพีชแล้วรึยัง?” กล้าพูดแล้วมองตรงไปยังแฝดคนพี่ที่กำลังนั่งหน้าแดงเม้มปากอยู่ 

ลูกพีชทำท่าย่นจมูก เอียงคอไปมาตาก็มองกลับไปที่กล้าแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองอย่างเขินอาย พอเห็นว่าคนเจ้าแผนการมีแววตาและสีหน้าพึงพอใจก็ยิ่งเขิน ทำอะไรต่อมิอะไรกันไปก็แล้วกล้ายังจะมาถามให้เขินอีก

“เป็นแฟนของกันและกันแล้วเนอะ”

 กล้ายิ้มกว้างจนตาหยี คีบลูกชิ้นในชามมาให้พีชอีกหนึ่งลูก หากอยู่กันสองคนพีชคงจะอ้อนให้กล้าป้อนไปแล้ว แต่นี้มีพลับและแบงก์อยู่ด้วย พีชเลยได้แต่ส่งยิ้มให้แล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้แฟนตัวเอง

แบงก์มองแล้วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เขาได้คำตอบสมใจ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอเพื่อนกับเพื่อนมาจีบกันต่อหน้าแบบนี้

“พวกมึงนี่นะ...น่าหมันไส้จริงๆ” แบงก์บ่นมุบมิบหันไปหาพลับอีกครั้งเพราะต้องการเพื่อนร่วมหมันไส้ แต่ก็ต้องคอตกหันกลับมากินข้าวเงียบๆ คนเดียว เพราะพลับนั้นนั่งอมยิ้มไปกินไปมองพี่ชายตัวเองที่กำลังมีความสุขกับความรักอยู่

แต่กล้าและพีชก็หวานกันจนพลับรู้สึกหมันไส้ขึ้นมาในบางครั้ง เมื่อก่อนพีชจะติดเขาแจเลย ไปไหนพีชก็จะขอไปด้วย แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกล้าแทนแล้ว กล้าไปไหนพีชจะไปด้วยตลอด ติดแฟนยิ่งกว่าอะไรดี

‘พลับ คืนนี้จะค้างที่คอนโดพี่ไม้รึเปล่า’

“ไม่แน่ใจ ทำไมอ่ะ จะฝากซื้อขนม?”

พลับพูดออกเสียงพร้อมทำภาษามือควบคู่ไปด้วย แต่ก็โดนพี่ชายตัวเองทำหน้าทำตาบอกว่าไม่ให้ส่งเสียงเหมือนกับว่าเรื่องที่คุยนี้จะเป็นความลับ

พีชมองหน้ากล้าแล้วส่งยิ้มโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังฝึกภาษามืออยู่นั้นกำลังจับสังเกตอยู่ ถึงแม้ว่ากล้าจะไม่เข้าใจทุกคำ แต่ก็พอจับคีย์เวิร์ดจากท่าทางได้

‘ไม่ใช่ๆ เราจะบอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไม่ต้องกลับก็ได้ พี่ไม้จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาส่งไง’

‘แหม จะไปนอนห้องกล้าอีกล่ะสิ ไปอยู่กับมันตลอดเลย ไปรบกวนมากๆ ระวังมันเบื่อเอานะ’

‘อย่ามาทำเป็นสั่งสอนนะ ทีพลับยังไปนอนห้องพี่ไม้บ่อยๆ ได้เลย’

‘พี่ไม้ไม่เบื่อหรอก พี่ไม้เขารักเรา’

‘กล้าก็รักเราเหมือนกัน!’

“หึหึ” เห็นสีหน้าท่าทางการเถียงเอาจริงเอาจังของสองแฝดแล้วกล้าหลุดขำออกมา ไหนจะไอ้ท่าทางสุดท้ายของพีชนี่อีก พวกประโยคก่อนหน้านั้นกล้าจับใจความได้ไม่ดีเท่าไร ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจแต่ไอ้คำว่ารักเนี่ย กล้าเห็นเต็มสองตาเลย

“อา?”

“ขำอะไรเหรอกล้า”

ทั้งพลับและพีชนั้นส่งเสียงถามกลับมาพร้อมกันจนกล้านั้นหัวเราะออกมาอีกรอบ เพราะสองแฝดดันขมวดคิ้วเหมือนกันและหันมาถามเขาพร้อมกันอีก เป็นภาพที่น่าขบขันไม่น้อยเลย

“หืม? ไม่มีอะไรหรอก พีชทำหน้าตาน่ารักน่ะ เลยเอ็นดู”

กล้วแก้ตัวหันไปส่งยิ้มให้ลูกพีช แต่พลับนั้นส่ายหน้า กรอกตาไปมากับคำตอบของเพื่อน ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วสะกิดให้พี่ชายหันมามองกลับมาคุยกันต่อ

‘จะไปนอนห้องเขาน่ะ ขอเจ้าตัวแล้วรึยัง’

‘ยังเลย’

‘พีช ควรขอกล้าก่อนสิหรือไม่ก็รอให้กล้าชวนก่อนระวังเขาไม่ให้นอนด้วยนะ’

พลับเตือนเพราะหวังดี ไม่อยากให้พี่ชายเสียใจในภายหลัง ถึงแม้จะเป็นแฟนกัน แต่หากใกล้ชิดกันเกินไปไม่เว้นช่องให้หายใจซึ่งกันและกันก็มักจะต้องมีความอึดอัด พลับไม่อยากให้กล้ารู้สึกรำคาญหรืออึดอัดกับพี่ชายตัวเอง เขาอยากให้พีชมีความสุขกับรักครั้งแรกนี้ไปนานๆ

พลับนั้นเข้าใจดีว่าคนที่มีความบกพร่องแบบพีชนั้นมักมีความรู้สึกที่พิเศษในหัวใจ หากไม่ชอบก็จะแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างชัดเจน แต่หากรักหรือชอบใครแล้วก็จะให้ทุกอย่างจนสุดใจ เกาะติดแจ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากพูดอยากคุย จนบางครั้งอาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจโดยที่พีชไม่รู้ตัว 

‘แต่กล้าต้องให้เรานอนด้วยอยู่แล้ว’

‘ยังจำเรื่องพี่ฟางได้มั้ย’

“อ๋า…”

พีชหลุดส่งเสียงและมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวของพี่สาวข้างบ้านในวัยเด็ก เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ทำให้พีชเสียใจ

พี่สาวข้างบ้านที่ใจดีด้วยในช่วงแรก พีชจำได้ว่าตัวเองชอบพี่เขาเอามากๆ คอยเอาตัวไปติดกับพี่เขาเกือบทั้งวัน บางครั้งก็เกินเลยเป็นก้าวก่ายชีวิตพี่เขาโดยไม่ตั้งใจ จนพี่เขารำคาญไปฟ้องแม่ของฝาแฝดและไม่ค่อยอยากมาเล่นด้วย มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กแต่ก็ทำให้ฝาแฝดรู้สึกเสียใจ

‘กล้าไม่เป็นแบบนั้นหรอก และถ้ากล้าไม่ให้เราก็จะอ้อน’ แต่ในตอนนี้คำเตือนของน้องชายนั้นดันไม่เข้าหูพีชเลยแม้แต่น้อย  แฝดพี่ย่นคิ้ว ทำหน้าทำตาแล้วบอกพลับไปด้วยท่าทางที่ฉะฉาน

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

กล้าที่คอยตั้งใจดูอยู่หลุดหัวเราะก่อนที่จะยืดตัวตรงแล้วทำเหมือนไม่มีอะไร เพราะสองแฝดหันมามองเขาอีกครั้ง เป็นภาพที่น่าขบขันเหมือนเดิม

พลับมองพี่ชายตัวเองอย่างอ่อนใจ พูดไปตอนนี้พีชคงยังไม่ฟังเขาเท่าไร ปล่อยให้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ไปก่อนก็ได้แล้วค่อยคอยเตือนอยู่เรื่อยๆ พลับหันมองกล้าเล็กน้อย เขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ของเขาเป็นคนดี รู้ว่ากล้ารักพีช ดูได้จากการกระทำที่ผ่านมา อีกทั้งรอยยิ้มและสายตาที่คอยมองพี่ชายเขาก็ทำให้เบาใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องขอให้กล้าเป็นแบบนี้ไปอีกนานๆ อย่าทำให้พี่ชายของเขาเสียใจอีกเลย

ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนกันแล้ว พลับอดไม่ได้ที่จะเตือนพีชอีกครั้งก่อนก็รีบวิ่งไปหาไม้ตามที่ที่นัดหมายกันเอาไว้ ส่วนแบงก์ก็แยกตัวกลับไปหาแฟนเช่นกัน เหลือกล้าและพีชเดินกลับหอกันสองคนคน พอถึงหอก็ควรที่จะแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมันเหมือนเมื่อก่อน แต่พีชกลับเนียนเดินตามกล้าขึ้นไปที่ห้องด้วย คนตัวสูงหันมามองอย่างขบขันแล้วก็แกล้งเลิกคิ้วถาม

“เดินตามเราขึ้นมาทำไม ห้องพีชอยู่ชั้นสองนะ”

‘คืนนี้พลับไม่กลับห้องอีกแล้ว’

พีชรีบส่งสมุดโน๊ตที่เขียนเอาไว้แล้วไปให้อีกคนดู พลางลุ้นไปด้วยว่ากล้าจะมีสีหน้าอย่างไร คนตัวเล็กคิดในใจว่ากล้าคงจะชวนเขาไปนอนด้วยแน่ๆ แต่สีหน้าที่ได้เห็นกลับไปใช่แบบที่คิดเอาไว้ อีกฝ่ายแค่อ่านแล้วทำหน้าเรียบๆ แล้วเงียบไปหลายอึดใจ ระหว่างที่กล้าเงียบนั้นคำเตือนของพลับก็ผุดขึ้นมาในหัวพีชทันที

ถึงจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่พอเอาคำที่พลับพูดไว้มาคิดดูดีๆ พีชก็หวั่นใจขึ้นมาเหมือนกันและเริ่มคิดได้ว่าหากไปรบกวนกล้าบ่อยๆ แบบนี้ สักวันอีกฝ่ายอาจจะเบื่อเขาขึ้นมาก็ได้ ยิ่งไปวุ่นวายเยอะก็จะยิ่งเบื่อเร็ว พีชตระหนักได้แล้วว่าถึงจะชอบหรือรักกันมากแค่ไหนแต่ทุกคนย่อมต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง

พีชรู้สึกว่าตัวเองรบกวนกล้าเกินไปจริงๆ… เขามาอยู่กับกล้าทุกเย็นเลย ตอนเรียนก็เกาะแจไม่ห่าง วันหยุดก็ขลุกตัวอยู่ห้องของกล้าทั้งวัน วันไหนพลับไม่อยู่ก็มานอนที่ห้องของกล้าอีก เขาริดรอนความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวมาตลอด คล้ายๆ ตอนที่เขาทำกับพี่สาวข้างบ้านเลย

“แล้ว...คืนนี้ก็เลยจะมานอนห้องเรา?” กล้าที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายและยังคงแกล้งพูดหยั่งเชิง ผิดกับพีชที่คอยอ่านปากอยู่นั้นก็ยิ้มค้างแล้วนิ่งไป ก่อนจะตัดสินใจส่ายหน้าแล้วคิดหาเหตุผลใหม่ ดึงสมุดมาเขียนแล้วส่งให้กล้าอ่านอีกครั้ง

‘แค่อยากขึ้นมาเล่นเกมด้วย เดี๋ยวเรากลับมานอนที่ห้องเราเอง’

พีชยิ้มกว้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตากับกล้า ท่าทางแบบนั้นทำให้อีกคนเริ่มจับสังเกตได้ กล้าเอียงคอคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปรึเปล่า พีชอาจเข้าใจผิดไปว่ากล้าไม่อยากให้มานอนด้วย แต่ไม่ใช่เลย...กล้าแค่อยากให้พีชอ้อน เขาพูดออกไปแบบนั้น พีชก็ควรจะทำเหมือนที่ลูกพีชเคยบอกกับพลับไว้ก่อนหน้านี้สิ

ใครกันที่บอกว่าจะอ้อนจนกว่าเขาจะให้ หรือกล้าดูภาษามือของพีชผิดไป มาถึงตรงนี้เข้าก็ไม่แน่ใจแล้ว ภาษามือเป็นภาษาที่รายละเอียดเยอะมากสำหรับเขา ทั้งสีหน้า ตำแหน่งของมือและฝ่ามือ ผิดไปเล็กน้อยความหมายก็เปลี่ยนได้แล้ว

“พีชครับ...เป็นอะไร” กล้าย่อตัวลงต่ำ ให้พีชที่ก้มหน้าอยู่นั้นสามารถอ่านปากตัวเองได้ คนตัวเล็กส่ายหน้าแล้วยิ้ม ทำท่าดันตัวอีกฝ่ายให้เดินต่อ กล้ามองแฟนตัวเองอย่างเป็นห่วง นึกโทษตัวเองที่พูดแกล้งอีกฝ่ายไปแบบนั้น เขาพลาดเอง ตอนพูดเขาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล้นก็จริง แต่พีชไม่ได้ยิน...คำพูดของเขาไม่มีน้ำเสียงสำหรับพีช

พอเข้ามาในห้อง พีชก็วางกระเป๋าแล้วขยับตัวนั่งหน้าทีวี หยิบจอยเกมขึ้นมาส่งให้กล้าแล้วยิ้มให้ กล้ารับรับจอยเกมมาแล้ววางลง ดึงตัวอีกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหากัน

“อา?”

“เรามาคุยให้รู้เรื่องกันก่อนดีกว่าเนอะ”

 เขาต้องพูดกับพีชให้รู้เรื่องก่อน สำหรับคู่รักการสื่อสารให้เข้าใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญ และยิ่งพวกเขาด้วยแล้วยิ่งสำคัญเป็นพิเศษ

พีชนั่งนิ่งมองหน้ากล้าแล้วยิ้มให้ พีชยิ้มให้กล้าเสมอ แม้กระทั้งตอนที่ตัวพีชมีเรื่องไม่สบายใจ เขาแค่ไม่อยากให้เรื่องของตัวเองไปทำให้กล้ารู้สึกไม่ดี พีชอยากให้กล้ามีแต่ความสุขและสบายใจเมื่ออยู่ด้วยกัน ซึ่งทางฝั่งของกล้าก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาถึงต้องคุยกันให้รู้เรื่องไง

“พีช มีอะไรอยากบอกเรารึเปล่า...อยากพูดอยากขออะไรก็บอกมาได้เลย เรารับฟังเสมอ”

กล้าถามช้าๆ มองตาพลางจับสองมือของพีชมาวางไว้บนเข่าของตัวเอง ลูกพีชลังเล เขาอยากบอกแต่ก็อย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ เขากลัวว่ามันจะรบกวนกล้า กลัวว่าตัวเองจะเอาแต่ใจจนเกินไป

แต่กล้าก็รอคอยอย่างใจเย็น ไม่ได้เซ้าซี้ถามซ้ำ ลูบปลายนิ้วไปทั่วหลังมือขาวและยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเมื่อพีชเงยหน้ามองมา สิ่งที่กล้าทำได้ในตอนนี้คือรอ...ให้พีชเชื่อใจว่าเขารับฟังได้จริงๆ

ในท้ายที่สุดพีชก็พยักหน้า ค่อยๆ ดึงมือออกเพื่อหยิบสมุดขึ้นมาเขียน

‘เรากลัวว่าจะทำให้กล้ารำคาญ’

“หืม? ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

‘พลับบอกว่าเราติดกล้าเกินไป เราทำให้กล้าไม่มีเวลาส่วนตัวบ้าง’

นี่เองสาเหตุที่ทำให้ลูกพีชเปลี่ยนใจ เพราะคำพูดของพลับนี่เอง เขาไม่ได้โกรธพลับนะกล้าเข้าใจว่าทำไมพลับถึงพูดแบบนั้น เพราะความเป็นห่วงของน้องชายที่มีต่อพี่ชายล้วนๆ เลย

กล้าเงยหน้าขึ้นยิ้มบางๆ พลางขยับเข้าไปหาคนตัวเล็กก้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายและขวา เรียกเลือดฝาดจนเห็นแก้มกลมขึ้นสีชมพูอย่างน่ารัก

“อย่าคิดมากนะ ที่พลับพูดแบบนั้นเพราะเขาหวังดีกับพีช แต่เราหาเวลาส่วนตัวของเราเองได้ พีชไม่ได้มานอนกับเราทุกวันเสียหน่อย”

“...”

พีชนั่งอ่านปาก คิ้วยังคงขมวดอยู่จนกล้าต้องใช้ปลายนิ้มจิ้มเบาๆ ตรงรอยย่นตรงหัวคิ้วนั่น เขาเข้าใจว่าทำไมพีชถึงคิดมากเรื่องนี้เพราะกล้าเองก็คิดว่าพีชติดเขามากจริงๆ แต่นั่นทำให้กล้ามีความสุขมากนะ เพราะมันหมายความว่าพีชชอบตัวเขาเอามากๆ เลยไง

“พลับจะไปนอนกับพี่ไม้แค่ช่วงวันหยุด แค่อาทิตย์ละคืนสองคืนเองนะ ช่วงที่เรามีโอกาสอยู่กันสองต่อสองแบบนี้ เราก็ต้องรีบตักตวงสิ จริงมั้ย?”

“...” พีชพยักหน้าตามช้าๆ เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่กล้าพูดทุกคำ

“แล้วคืนนี้พลับไม่กลับ...พีชอยากค้างที่ห้องเรามั้ยล่ะ?”

เห็นกล้าพูดแบบนั้นลูกพีชเตรียมจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ก่อน เขาเม้มปากหุบยิ้ม หยิบสมุดเล่มเล็กมาเขียนอีกครั้ง

‘เราไม่รบกวนกล้าเกินไปใช่มั้ย ถ้าหากเราเผลอทำตัวไม่ดีให้กล้าอึดอัด บอกเราได้นะ เราจะได้ยั้งตัวเอง’ ตอนนี้เขากลัวว่าตัวเองจะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว กล้าชอบตามใจพีชตลอด หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ พีชกลัวว่าตัวเองจะเสียคนในซักวันแบบที่พลับเตือน

“ไม่รบกวนเลย อ้อนเราเยอะเลยเราชอบ ติดเราเยอะ ๆ เลยก็ได้”

พีชมองหน้าคนที่ยิ้มกว้าง ก่อนโผตัวเข้ากอดคอกล้าเอาไว้แน่นจนอีกฝ่ายตั้งหลักแทบไม่ทัน พีชผละออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้ากล้า เห็นฝ่ายทำไหล่สั่นเหมือนกำลังหัวเราะอยู่พีชก็ทำตาม

‘ถ้าเรานั่งติดกล้าขนาดนี้ กล้าจะรำคาญเรามั้ย’ พีชถามทำสีหน้าทะเล้นน่ารัก พลางขยับเข้าไปนั่งชิดเบียดอีกฝ่าย กล้าหัวเราะดึงเอวของลูกพีชขึ้นมานั่งบนตัก

“ไม่หรอก ต่อให้พีชนั่งบนตักเราก็ไม่รำคาญ ลองดูมั้ยล่ะ”

“อะอะอะ อ๋า อะอะ” พีชหัวเราะออกเสียงและหวีดร้องโดยไม่รู้ตัวเมื่อโดนกล้าดึงเอวให้ขึ้นไปนั่งหน้าตัก พีชส่ายหน้าจนผมกระจาย ยิ้มและหัวเราะจนตาหยีขณะที่พยายามจะขยับตัวลงมานั่งที่เดิม กล้าเห็นท่าทางนั้นแล้วมันเขี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฟัดแก้มอีกฝ่ายเล่น เรียกเสียงหัวเราะจากพีชได้ชุดใหญ่เลย

พีชหัวเราะดังมากแต่กล้าไม่คิดจะห้าม นานทีๆ เขาจะได้ยินเสียงแบบนี้ คนอื่นอาจคิดว่าเสียงนั้นมันตลก แต่สำหรับเขามันดูน่ารัก ต้องมีความสุขขนาดไหนนะ เจ้าลูกพีชถึงได้ออกเสียงหัวเราะมาแบบนั้น กล้าภูมิใจไม่น้อยเลยที่ทำให้คนรักของเขาหัวเราะออกมาได้

หลังจากที่คุยกันรู้เรื่องแล้วพีชและกล้าก็นั่งเล่นเกมด้วยกัน กล้านั้นเล่นเกมเก่งกว่าพีชเยอะ อีกฝ่ายก็เลยแพ้รัวๆ แต่พีชก็แค่ส่งเสียงออกมาบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงหลังๆ กล้าก็เลยยอมแพ้ให้อีกฝ่ายชนะบ้าง ได้เห็นเจ้าลูกพีชยกไม้ยกมือทำท่าดีใจ ไหนจะไอ้ท่าทำไหล่สั่นเหมือนคนหัวเราะนี่อีก น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“พักกันก่อนเนอะ ขอเราไปเข้าห้องน้ำก่อน”

กล้าวางจอยเกมแล้วลุกขึ้นเดินออกไป พีชก็เลยก็เอนตัวนอนลงบนฟูก กลิ้งไปกลิ้งมาจนฝ่ามือไปสัมผัสกับหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ใต้หมอน

“อะ!”

พอดึงออกมาดูหน้าปก พีชก็หลุดเสียงร้องอย่างตกใจแล้วเม้มปากแน่นในอกก็ตื้นเต้นตื้นตันไปหมด พีชมองคนที่อยู่ในห้องน้ำแล้วก้มมองหนังสือ มันคือหนังสือสอนภาษามือ มีแผ่นเทปและที่คั่นแปะเน้นข้อความและหัวข้อสำคัญไว้ตามหน้าต่างๆ อยู่หลายหน้าเลย

 เขาเปิดดูทีละหน้าๆ ยิ่งดูก็ยิ่งดีใจ ยิ่งเห็นข้อความต่างๆ ที่กล้าเขียนเน้นเอาไว้ตามหน้าหนังสือก็ยิ่งทำให้หลงรักกล้ามากขึ้นไปอีก พีชรู้ว่าภาษามือนั้นถือว่ายากมากสำหรับคนทั่วไป กล้าไม่ใช่คนในครอบครัว แถมพีชก็สื่อสารด้วยวิธีอื่นๆ กับอีกฝ่ายได้ กล้าไม่จำเป็นต้องเรียนอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ

“อ๋า!” นั่งซึ้งใจอยู่ได้ไม่เท่าไร พีชก็นึกขึ้นมาได้ตัวเองใช้ภาษามือนี้ทำอะไรต่อมิอะไรไว้เยอะเลย แอบนินทา แอบพูดอะไรน่าอายๆ ถึงแม้ว่าดูจากหนังสือแล้วกล้ายังคงศึกษาได้ไม่เยอะเท่าไร แต่ก็มากพอที่จะจับท่าทางบางคำหรือประโยคที่ง่ายๆ ได้แน่ พีชปิดหนังสือแล้ววางไว้บนฟูก ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง กล้ายอมเรียนภาษาของเขาแบบนี้ ต่อไปนี้พีชคงแอบนินทากล้าไม่ได้แล้ว 

“ทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หืม?”

กล้านั่งลงข้างๆ พีช มองหน้าคนที่จ้องหน้าตัวเองเขม็งจนไม่ได้สังเกตหนังสือที่วางอยู่ฟูกนอน

“อา~”

“หวา! อะไรเนี่ย อื้ม! เกิดอะไรขึ้น” กล้าร้องอย่างตกใจ แทบจะหงายหลังเมื่อเจอลูกพีชโผเข้ามากอดคออีกครั้ง แถมคราวนี้ยังใจกล้านั่งคร่อมตักเขาอีก นอกนั้นยังไม่พอ จับหน้าของเขาหันไปหันมาเพื่อหอมแก้มไม่หยุดหย่อน

“อา”

“ทำไม เป็นอะไร ยิ้มน่ารักเชียวนะ” กล้าลูบแก้มอีกฝ่าย มองคนตัวเล้กที่ลากเสียงยาว เอียงคอแล้วยิ้มหวานให้เขา พีชหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา กล้านึกว่าอีกคนจะเขียนอธิบายแต่พีชกลับวางมันลงแล้วขยับมือไปมาแทน

“เอ๊ะ!”

‘ขอบคุณนะที่ทำอะไรหลายๆ อย่างให้เรา ขอบคุณมากๆ เลย’

กล้าดูท่าทางของพีช เห็นอีกคนทำท่าเดิมวนๆ ซ้ำๆ ไปมาจนกล้าจับประโยคได้ พลันสายตาก็หันไปเห็นหนังสือของตัวเองที่วางอยู่บนฟูก กล้าหัวเราะออกมายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแล้วมองหน้าของลูกพีช

“โธ่ มารู้ก่อนแบบนี้เราก็แย่สิ เรายังเรียนไม่ถึงไหนเลย”

กล้าส่ายหน้าให้กับความทึ่มของตัวเอง เมื่อคืนเขาเอาหนังสือออกมาอ่านแล้วยัดไว้ใต้หมอน ลืมเอาเก็บเข้าชั้น พีชเลยมาเห็นก่อนที่เขาจะได้เซอร์ไพรส์เลย กล้าวางแผนเอาไว้ว่าให้ตัวเองศึกษาภาษามือจนคล่องดีก่อนแล้วค่อยบอกพีช

ตอนนี้เขาเรียนได้แต่ส่วนน้อย เพราะภาษามือยากมากจริงๆ ไวยากรณ์ที่ต่างจากภาษาพูด การเรียงคำที่กล้าไม่เข้าใจ สีหน้าอีก กล้าไม่มั่นใจเลยว่าคำไหนต้องแสดงสีหน้ายังไง ไหนจะตำแหน่งมือ รากศัพท์และจังหวะของภาษามือที่กล้าเพิ่งจะรู้ว่ามันสำคัญมากๆ

‘เดี๋ยวเราช่วยสอนให้นะ’

พีชยิ้ม ขยับตัวนั่งดีๆ อันดับแรกคือพีชต้องรู้ก่อนว่ากล้าเรียนได้ถึงไหนแล้ว เขาให้กล้าไล่ทำตัวตัวอักษรหรือพวกตัวอัลฟ่าเบทต่างๆ ที่รู้ให้ดู รวมไปถึงคำศัพท์ที่กล้าพอจะรู้ พีชคิดว่ากล้าก็ทำได้หลายคำ แค่เจ้าตัวไม่กล้าแสดงสีหน้าหรือมีบางคำที่วางตำแหน่งฝ่ามือผิด พีชก็ปรับให้

“อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้องเหรอพีช”

กล้าทำท่าเดิมอีกครั้ง โดยการวางมือซ้ายทับมือขวาไว้บริเวณหน้าอกด้านซ้าย คำนี้แปลว่า รัก กล้ามั่นใจว่าตัวเองฝึกทำคำนี้มาดีมาก แต่พีชก็เอาแต่ส่ายหน้าบอกว่าเขาทำผิด ความมั่นใจที่เคยมีก็พากันหดหายไป เขาสลับมือเปลี่ยนตำแหน่งไปมา พีชก็เอาแต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ถูกต้อง

“งั้นพีชบอกเราหน่อย คำว่า รัก ต้องทำมือยังไงถึงจะถูก”

กล้ายอมแพ้ เพราะจนปัญญาจริงๆ จะหยิบหนังสือมาเปิดดูเจ้าตัวดีก็ไม่ยอม พีชยิ้มอย่างมีแผนการ มองกล้าที่กำลังมองมา ชูมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วก็ขยับเข้ามาโอบรอคอของกล้า เอียงใบหน้าหอมแก้มทั้งสองข้างเท่านนั้นยังไม่พอ เจ้าลูกพีชยังจุ๊บเบาๆ ไปที่ริมฝีปาก ก่อนจะผละออกมาทำหน้าตาทะเล้น ยกไหล่ขึ้นลงให้สั่นๆ เหมือนกำลังหัวเราะ

“เดี๋ยวเถอะนะ...แล้วนี่เหรอคำว่ารัก เขาทำกันแบบนี้เหรอ”

“อา~” พีชที่เขินจนแก้มแดง พยักหน้าเล็กน้อยก้มหน้าลง

“งั้นเราทำมั้งนะ”

“อะอะอะ”

กล้าเชยคางอีกคนขึ้น กดปลายจมูกลงลงแก้มเนียน สูดกลิ่นหอมเข้าจนเต็มปอดก็เปลี่ยนข้าง อีกทั้งยังไม่ลืมจุ๊บที่ริมฝีปากด้วย แต่คำว่ารักของกล้านั้นลึกซึ้งกว่าของพีชเล็กน้อย เพราะแทนที่จะหยุดแค่จุ๊บ คนตัวสูงดันสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของพีช หยอกล้อกันเรียวลิ้นนุ่มพร้อมกับเหนี่ยวเอวของพีชให้ขยับขึ้นมานั่งบนตักเขาอีกครั้ง

“ได้มั้ย?” ขยับออกเพื่อถาม มองดวงตากลมโตที่เริ่มหวานเยิ้ม นิ้วมือเรียวยาวก็สอดเข้าใต้เสื้อ เกลี่ยไปตามผิวเนียน จนพีชขนลุกเป็นช่วงๆ

“อา~” แต่มีหรือที่พีชจะปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่พีชหวังไว้แต่แรกอยู่แล้วหากได้นอนค้างห้องกล้า เจ้าลูกพีชยืดตัวขึ้นพร้อมเอียงใบหน้าเพื่อจูบตอบ ฝ่ามือก็ลูบอยู่บริเวณท้ายทอยขยำเบาๆ ไปตามกลุ่มผมหนาของกล้า

กล้ากดสะโพกของพีชให้เบียดเข้ามา มือก็ไล่ปลดกระดุมนึกศึกษาออกทีละเม็ด มองผิวขาวเนียนของลูกพีชไม่วางตา

พีชหอบหายใจ แอ่นหน้าอกขึ้นมาเมื่อโพรงปากร้อนชื้นครอบครองยอดอกเม็ดเล็ก อีกทั้งฝ่ามือทั้งสองข้างของกล้าก็บีบเคล้นสะโพก จงใจกดลงให้พีชรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ใต้ก้นของตัวเอง

กล้าเคล้นสะโพกอย่างมันมือ จับตัวพีชให้ขยับขึ้นลง พีชเองก็ช่วยขยับสะโพกอย่างรู้งาน กล้าถึงละฝ่ามือมาดึงเสื้อของพีชออก ลูบไล้ไปตามผิวเนียนกระชับ ลากขึ้นมาที่ลำคอและ...

“อ๋า!”

พีชส่งเสียงดัง แทบจะเด้งตัวออกจากตักกล้า รีบยกมือขึ้นกุมใบหูทั้งสองข้างของตัวเอง กล้ามองลูกพีชอย่างตกใจ เขาแค่แตะเบาๆ ที่ติ่งหูเพียงแค่นั้นเอง

“เราจะถอดออกให้ไง พีชจะได้ไม่นอนทับเหมือนครั้งที่แล้ว” กล้าส่งยิ้มแล้วพูดช้าๆ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขารู้ดีว่าใบหูเป็นอวัยวะหวงห้ามของพีช คนตัวเล็กเม้มปากมองรอยยิ้มอ่อนโยนของกล้า ฝ่ามือยังคงกุมใบหูของตัวเองอยู่ กล้ากอดพีชเอาไว้ ลูบแผ่นหลังลูบไหล่ ริมฝีปากก็ไล่จูบตั้งแต่สันกราม ปลายจมูก แก้ม และฝ่ามือของพีชที่ยังคงกุมใบหูอยู่

“อา…”

พีชส่งเสียงจะห้ามแต่เสียงนั้นเบาหวิว เวลาที่กล้าจูบมาที่ไรผมบริเวณใบหูทีไร ใจพีชมันจะหวิวๆ กว่าปกติทุกที ยิ่งกล้าจูบย้ำตรงที่เดิม พีชก็มือไม้อ่อน รู้ตัวอีกทีมือที่ควรจะปิดหูไว้ ก็มาวางอยู่บนหัวไหล่ทั้งสองข้างของกล้าเสียแล้ว

“อ๊ะ อือ” พีชเอียงคอเมื่อกล้าค่อยถอดเครื่องช่วงฟังออก พอถอดได้ก็จูบสลับขบเม้มจนคนบนตักตัวอ่อน ทิ้งตัวพิงกล้า เกยคางกับไหล่ของเขาเหมือนคนหมดแรง

“พีชครับ” กล้ากระซิบข้างใบหู ขบเม้มเบาๆ ไปตามใบหู ลูกพีชตัวสั่นขึ้นมาพรางส่งเสียงอึกอักในลำคอเหมือนครั้งแรกนั้น

พีชปรือตาขึ้น กอดไหล่กล้าไว้แน่น ในขณะที่ตัวเองก็พยายามที่จะยันขาขยับให้ตัวเองเสียดสีกับผิวร้อนๆ ของกล้า ลูกพีชส่งเสียงกัดริมฝีปาก มองขนอ่อนตามท่อนแขนตัวเองที่พากันลุกเมื่อโดนลิ้นร้อนชื่นปาดเลียที่ใบหูซ้ำไปซ้ำมา

กล้าขยับยกตัวลูกพีชขึ้นเล็กน้อยเพื่อถอดกางเกงออก จัดการเตรียมช่องทางให้อ่อนนุ่มพร้อมสำหรับเขา หยิบเจลและถุงยางที่เตรียมเอาไว้มาช่วย ก่อนจะกดตัวลูกพีชให้นั่งลงช้าๆ จนแก่นกายของเขาเข้าไปในตัวตัวพีชจนหมด

“อือ พีช…ขยับหน่อย” กล้ากัดฟัน บีบสะโพกของพีชเอาไว้ บังคับให้อีกคนเป็นฝ่ายขยับตัวขึ้นลง พีชนั้นจิกเล็บลงบนบ่ากว้าง ชันขาขึ้นแล้วเริ่มขยับตามที่กล้าสอน ไม่นานพีชก็ขยับได้เองโดยที่มีฝ่ามือของกล้าประคองเอวเอาไว้

“อะ อา อะ อะ” พีชส่งเสียงร้องเป็นจังหวะ หวีดครางเสียงเมื่อกล้าจับเข้าที่แก่นกายของลูกพีชพร้อมๆ กับเด้งตัวขึ้นหา

“พีช..พีช อือ” กล้าจับร่างกายขาวนวลให้หงายท้องนอนลงบนฟูก ส่วนตัวเองก็คุกเข่ากับพื้นแล้วขยับตัวหาด้วยจังหวะกระชั้นถี่ เรียกเสียงครวญครางจากลูกพีชดังไปทั่วห้อง

“อืม อื้อ” ลูกพีชงอตัว แยกขาออกกว้าง สองมือจิกเข้าที่แขนของกล้าเต็มแรงเมื่อปลดปล่อยออดมา ปรือตามองใบหน้าของกล้าที่กัดฟันใบหน้าเคร่งเครียด กล้าเท่าแขนลงกับเตียง ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของพีชแล้วปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลียกัน

“อา อือ อือ”

พีชครางในลำคอตอนที่กล้าพรมจูบไปทั่วใบหน้าแล้วขยับตัวออก อ้อมกอดอบอุ่นหายไปเหลือแค่ความวูบโหวงและลมเย็นๆ จนพีชต้องงอตัวเข้าหากัน พอหายใจหายคอทันพีชก็ประคองตัวขึ้นนั่งมองกล้าที่กำลังถอดถุงยางออก

“อา…”

กล้าเลิกคิ้วมองพีชที่กำลังทำภาษามืออยู่ แต่กล้านั้นดูไม่ออก คำที่พีชกำลังเหมือนว่าจะเป็นท่าทางที่เขาไม่รู้จัก ก็เลยขยับตัวส่งสมุดเล่มเล็กไปให้พีชเขียนแทน

‘ทำไมครั้งนี้ถึงใส่อันนั้น เราไม่เคยมีใครนะ กล้าเป็นคนแรกของเรา’

พีชยื่นให้กล้าอ่าน แล้วก็ชี้ไปที่ถุงยางที่กล้าเพิ่งจะถอดทิ้งไปเมื่อครู่นี้ กล้าอ้าปากค้างมองหน้าลูกพีชตาโต

“ก...ก็พีชจะได้ไม่ลำบากเวลาที่ต้องทำความสะอาดไง”

พีชอ่านปากแล้วก็ก้มหน้าลง ถุงยางมีประโยชน์อย่างนั้นเองเหรอ แต่พีชก็คิดว่าครั้งที่แล้วที่เขาทำความสะอาด...มันก็ไม่ได้ลำบากมาก แถมตอนที่ทำกันพีชรู้สึกว่า ไม่มีถุงยางมันก็...รู้สึกดีกว่า

“ม ไม่ชอบเหรอ ไม่อยากให้ใช้อันนั้นเหรอ” กล้าถามเสียงเบา มองลูกพีชที่นั่งตัวแดงอยู่บนฟูก พีชเม้มปาก ก้มหน้าลงแล้วพยักหน้าช้า กล้ารู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย ลูกพีชลูกนี้นี่...ทำให้เขามีอาการใจเหลวอีกแล้ว

“นี่ยั่วกันเหรอ...เดี๋ยวเถอะนะ” กล้าดุเสียงเบาหวิวขยับขึ้นไปหอมแก้มลูกพีช คนตัวเล็กก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ให้ความร่วมมือเอียงแก้มให้หอม แถมยังทำท่าจะเหนี่ยวคอเขาลงไปอีกด้วย

“อา...อา” พีชส่งเสียงเรียกจับฝ่ามือของกล้าให้โอบสะโพกตัวเองไว้ จากนั้นก็ก้มหน้าลงซุกไหล่หนาของกล้า คนตัวสูงเอ็นดู มองพีชที่ยั่วเองแล้วก็เขินเอง บีบแก้มนิ่มแล้วเชยคางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

“ทำอีก? จะไหวเหรอ เดี๋ยวก็เหนื่อยจนหลับอีก”

“อื้อ”

พีชมองตากล้า จุ๊บไปที่ริมฝีปากอย่างน่ารัก ก่อนจะผละออกมาเม้มปาก ใบหูและแก้มแดงก่ำ โอบลำคอของกล้าเอาไว้แล้งเงยหน้าขึ้นจูบอีกครั้ง

“ยั่วกันขนาดนี้ เราคงไม่หยุดง่ายๆ แน่ลูกพีช”

กล้าพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันก้มลงฟัดแก้มกลมอย่าให้มันเขี้ยว พีชยิ้มเขินไม่ได้สนใจคำเตือนของกล้าเลย พีชจะเหนื่อยแค่ไหนก็ได้ เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน…

 กล้าปล่อยให้ลูกพีชทำตามใจตัวเองพักหนึ่ง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายขยับตัวขึ้นทาบทับร่างเล็ก จับท่อนขาพาดบ่าแล้วสอดแก่นกายเข้าไปโดยไม่ได้ใส่ถุงยางตามที่ลูกพีชต้องการ...

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 19 ลูกอ้อนของพี่ไม้


“เบื่อรึเปล่าครับ พี่รับมา ก็อยู่แต่ที่ห้องแบบนี้”

   ไม้ละมือจากงานที่ทำ หันมาดูเด็กพลับที่นอนเล่นกับเจ้ากระต่ายขนนิ่มอยู่หน้ากรงกระต่าย วันนี้เป็นวันอาทิตย์แต่ไม้นั้นไปรับพลับมานอนด้วยตั้งแต่เย็นวันศุกร์แล้ว เขาคิดว่าควรที่จะพาเด็กออกไปเที่ยวบ้าง ไม่ใช่พามาขลุกอยู่แต่ที่ห้องแบบนี้

   แต่เนื่องจากมันเป็นหยุด จะไปที่ไหนรถก็ติดจนน่าหงุดหงิดไปหมด ไม้ไม่มีปัญหาอะไรกับการอยู่ห้องติดต่อกันหลายวัน จะห่วงก็แต่เด็กตรงหน้านี้เท่านั้น เขาไม่อยากให้พลับเบื่อ 

   “ไม่เบื่อเลยครับ ได้เล่นกับเจ้านิ่มด้วย”

   “...นึกว่าไม่เบื่อเพราะมีพี่อยู่ด้วยเสียอีก”

   พลับนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนั้นจากปากของอีกฝ่าย แต่มองใบหน้านิ่งๆ คล้ายคนกำลังน้อยใจของไม้ ก็ทำให้พลับอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ไม้ยิ้มออกมาเล็กน้อย มองพลับที่หัวเราะคิกคักอยู่กับกระต่ายตัวอ้วน

   เขาหันกลับมาทำงานต่อ แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองเด็กและกระต่ายเป็นระยะก่อนจะหยิบโทรศัพท์หวังจะถ่ายภาพของเจ้านุ่มและเจ้านิ่มเก็บเอาไว้ แต่ในระหว่างนั้นพลับดันดึงชายเสื้อยืดขึ้น จงใจทำให้คล้ายๆ เป็นโพรงให้เจ้ากระต่ายตัวดีมุดเข้ามา ไม้ขมวดคิ้วแล้วเผลอส่งเดียงดุออกไป

   “ทำอะไรกันครับ!”

   ทั้งคนทั้งกระต่ายพากันสะดุ้งกับเสียงดุ เจ้านิ่มรีบดิ้นออกจากเสื้อของพลับวิ่งหนีมุดเข้ากรงไปทันที ส่วนพลับก็ลุกขึ้นนั่งมองมาที่ไม้หน้าตาตื่น

   “พี่เสียงดังทำไมครับ”

   ไม้มองไปที่พลับแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่ออกเสียงดุไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วให้ตัวเอง หาสาเหตุที่เสียงดังไปขนาดนั้น เจ้านิ่มนั่นเป็นกระต่ายตัวผู้ จะให้มามุดเสื้อแฟนคนอื่นเล่นแบบนั้นได้ไงเล่า คิดแล้วไม้ก็ส่ายหัวกับเหตุผลไร้สาระของตัวเอง เขาจะมาหวงแฟนกับกระต่ายไม่ได้!

   “โธ่ พี่ไม้ทำเจ้านิ่มกลัวจนไม่ออกจากกรงเลยครับ”

   “ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ” พลับลุกขึ้นหลังจากที่พยายามปลอบใจกระต่ายด้วยขนมแต่ก็ไม่ได้ผล เลยตั้งใจว่าจะไปนอนเล่นที่โซฟาแทน แต่ระหว่างทางก็โดนไม้ดึงมือเอาไว้แล้วจับให้นั่งลงบนตัก

   “พี่ไม้จะไม่ทำงานแล้วเหรอ”

   “ทำสิครับ นี่ไงพี่กำลังจะทำต่อ”

   พูดแล้วก็เอียงหน้าหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่จนชื่นใจแล้วก็กลับไปรัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์

   พลับอมยิ้มยอมนั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนผ่านไปซักพักก็ตัดสินใจว่าจะลุกออกเพราะดูท่าแล้วหากตัวเองยังคงนั่งทับขาอีกฝ่ายอยู่แบบนี้ตะคริวอาจจะกินขาพี่ไม้เอาได้ แต่พอจะขยับตัวออกก็โดนคนด้านหลังงับเบาๆ เข้าที่ต้นคอด้านซ้ายอีกทั้งยังใช้วงแขนโอบรอบเอวของพลับไม่ให้ขยับตัวลุกขึ้นได้อีก

   “ให้ผมนั่งตักแบบนี้ พี่ไม่เมื่อยเหรอครับ”

   “ไม่เลยครับ พลับตัวนิดเดียว”

   “ผมเนี่ยนะ” พลับเลิกคิ้วเอี้ยวคอมองคนด้านหลัง เขาอาจตัวนิดเดียวเมื่อเทียบกับไม้ แต่ไม่ได้ตัวเล็กน้ำหนักสิบกว่าโลเหมือนเด็กๆ เขาน่ะน้ำหนักเกือบครึ่งร้อยเลยนะ พลับคิดว่าหากตัวเองนั่งแบบนี้ไปสิบนาทีไม้อาจเดินไม่ได้ไปครึ่งวันเลยก็ได้นะ

   “ครับ ตัวนิดเดียว” ว่าแล้วก็กอดเด็กเอาไว้ นึกมันเขี้ยวก็ออกแรงกอดรักจนพลับร้องโอดโอยพลางหัวเราะร่วน พอคนบนตักกลับมาสงบ ไม้ก็กลับมาทำงานต่อแอบดมกลิ่นแชมพูหอมๆ จากพลับอย่างเพลินใจ

   นั่งทำงานมาเรื่อยจนเกือบเสร็จเขารู้สึกได้ว่าเด็กบนตักนั้นเริ่มที่เอนไปเอนมา พอก้มมองก็เห็นดวงตาปรือใกล้จะหลับเต็มที ไม้เลยจับพลับให้เอนหลังพิงตัวเขานอนได้อย่างเต็มที่ จากนั้นก็รีบเร่งมือทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยอุ้มพลับขึ้นหวังจะพาไปนอนดีๆ ที่เตียง

   แต่แค่ขยับตัวโอบเอวเล็กน้อย คนในอ้อมกอดก็ลืมตาขึ้นแล้วพยุงตัวลุกนั่งดีๆ

   “พี่ไม้จะทำอะไรครับ”

   “พี่จะพาพลับไปนอนที่เตียงไง จะได้หลับสบายๆ”

   “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมตื่นแล้ว”

   พลับส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้เขาไม่ได้ง่วงมากมายอะไร แค่นั่งดูไม้ทำงานเตรียมสไลด์สอนเพลินๆ ก็เลยเคลิ้มคิดว่าจะพักสายตาซักเล็กน้อย แต่กลายเป็นว่าเผลอหลับโดยไม่รู้ตัวไป ฝั่งไม้เองก็ไม่ได้เซ้าซี้เพราะเห็นว่าเด็กตรงหน้าไม่ได้มีอาการงัวเงียเหมือนคนง่วง ไม้หันกลับมาเซฟงานใส่แฟรชไดร์และปิดคอมฯ เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ ลูกพลับ

   “พี่ไม้ทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ?”พลับถาม เพราะก่อนที่ตัวเองจะหลับไปนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเหลืออยู่หลายสไลด์ที่ยังไม่เสร็จ พลับไม่แน่ใจว่าไม้ทำงานเร็วหรือว่าตัวเองหลับไปนานกันแน่

   “ทำเสร็จตอนที่เราตื่นพอดีนั่นแหละ ตักพี่นั่งสบายใช่มั้ยล่ะ วันหลังต้องมานั่งบ่อยๆ นะ”

   พลับหัวเราะเอนหัวพิงไหล่หนาแล้วหลับตาลง ลืมตาอีกทีก็ตอนที่โดนไม้หอมแก้มฟอดใหญ่ พลับอมยิ้มเขินขยับตัวหอมแก้มไม้กลับไปอย่างเท่าเทียมกัน

   “เย็นนี้พลับอยากกลับกี่โมงครับ กลับดึกได้มั้ย?”

   “อืม...วันนี้ผมอยากขอกลับเร็วหน่อยได้มั้ยครับ คือว่าผมยังทำการบ้านไม่เสร็จเลย กะว่าจะเอากลับไปทำกับพีช”

   “ยังไม่เสร็จเหรอ พี่เห็นว่าเรานั่งทำอยู่เมื่อวาน”

   “อันนั้นวิชาอื่นครับ ตอนนี้ผมเหลือแค่วาดภาพพอร์ทเทรต แต่ไม่รู้ว่าจะวาดนักแสดงคนไหนดี” พลับอธิบาย เขาลังเลเลือกไม่ถูกว่าจะวาดใครดี คิดจะวาดดาราที่ชอบก็กลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี วาดได้ไม่เหมือน พลับก็เลยอยากจะเอากลับไปทำพร้อมกับพีช หากเขาวาดเบี้ยวหรือลงเงาผิดพีชก็ช่วยแก้ให้ได้

   “วาดนักแสดงเหรอ?”

   “ความจริงจะวาดใครก็ได้ครับ แต่ผมอยากวาดธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า หรือไม่ก็กัปตันอเมริกาเท่ๆ ความจริงผมอยากวาดวันด้ามากๆ เลยครับ แต่โจทย์การบ้านเขาให้วาดเป็นเพศชายเท่านั้น”

   พลับพูดไปยิ้มไป เขาเพิ่งได้มีโอกาสไปดูภาพยนตร์ฮีโร่เหล่านนั้น ช่วงนี้ก็เลยอินกับฮีโร่เหล่านี้เป็นพิเศษ

   “...วาดพี่แทนไม่ได้เหรอครับ หรือพี่เท่ไม่พอ”

   พลับหยุดพูดแล้วมองอีกฝ่าย เห็นหน้าตาจริงจังของไม้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ความจริงพลับก็อยากวาดรูปของไม้เหมือนกัน แต่กลัวว่าตัวเองจะวาดได้ไม่ดีพอ กลัวว่าจะวาดออกมาไม่เหมือน ไม่อยากพี่ไม้ในรูปวาดดูเบี้ยวหรือไม่สวย

   “พี่ไม้เท่มากครับ แต่ผมกลัวว่าตัวเองจะวาดออกมาได้ไม่หล่อเท่าตัวจริงตังหาก”

   พลับยิ้มเขินยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองแล้วมองผู้ชายตรงหน้าที่ยิ้มกว้างพลางหัวเราะเล็กน้อย แล้วหลับตาลงเมื่อโดนฝ่ามือใหญ่ของไม้ขยี้เข้ามาที่เส้นผมจนยุ่งเยิงไปหมด

   “วาดพี่เถอะครับ เดี๋ยวพี่เป็นแบบให้”

   สุดท้ายพลับก็ยอมทำตามที่ไม้ต้องการ จัดการเตรียมดินสอกระดานและกระดาษวาดภาพ พอเตรียมของเสร็จก็คิดว่าจะถ่ายรูปเอาไว้ดีกว่า เพราะเขาไม่อยากให้ไม้นั่งท่าเดิมนานๆ แต่ไม้ก็บอกว่าไม่เป็นไรให้พลับวาดไปได้เลย

   “แต่ผมวาดรูปนานมากเลยนะครับ 3-4 ชั่วโมงเลยนะ ให้ผมวาดจากรูปถ่ายดีกว่าครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ พี่นั่งได้จริงๆ”

   แต่ไม้ก็ยังยืนยันคำเดิม พลับเลยให้อีกฝ่ายเลือกหนังสือมาอ่านซักเล่มแก้เบื่อไปพลางๆ แต่แทนที่ไม้จะอ่านหนังสือไปตามที่พลับคิดเอาไว้ อีกฝ่ายดันถือหนังหนังสือเอาไว้เฉยๆ แล้วจ้องมาที่พลับไม่วางตาเสียนี่ พลับที่ต้องคอยก้มๆ เงยๆ เพื่อกะสัดส่วนก็ต้องสบตาคมของไม้ทุกครั้งที่เงยหน้ามอง

   “เป็นอะไรไปครับ หยุดวาดทำไมล่ะ”

   “พ พี่ไม้ไม่ต้องเกร็งนะครับ อ่านหนังสือได้ตามสบายเลย ไม่ต้องมองมาที่ผมก็ได้”

   “พี่เกร็งเหรอ? โอเคๆ งั้นพี่จะอ่านหนังสือนะ”

   ไม้ยิ้มขำ เขาไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรเลยแม้แต่น้อย เจ้าเด็กพลับนั่นตังหากที่กำลังเกร็งอยู่ แต่ไม้ก็ยอมพยักหน้ารับ ทำเป็นเปิดอ่านหนังสืออ่านไป แต่ผ่านไปครู่เดียวก็เงยหน้ามองพลับที่น่าสนใจกว่าหนังสือในมือตัวเอง พอมีโอกาสสบตากับอีกฝ่ายไม้ก็จงใจส่งยิ้มไปให้

   “พี่ไม่ต้องมองมาที่ผมก็ได้ไงครับ พี่อยากมองอะไรก็มองไปเลย”

   “พี่ก็มองสิ่งที่อยากมองอยู่นี่ไงครับ”

   พูดแล้วก็ตั้งใจจ้องดวงตากลมโตของพลับพร้อมทั้งส่งยิ้มให้อีกครั้ง ทำให้พลับเม้มปากแล้วก้มหน้าลง ทั้งแก้มทั้งใบหูขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก เสียงเสียงหัวเราะพึงพอใจจากไม้ได้เป็นอย่างดี

   “แกล้งผมอีกแล้วนะครับ เดี๋ยวเถอะนะ รอให้ถึงทีของผมบ้างละกัน”

   เจ้าลูกพลับพึมพำคาดโทษทำใจให้ชินกับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา แล้วก็ตั้งใจก้มหน้าก้มตาวาดภาพต่อ

   หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง จนในที่สุดก็ร่างภาพและลงเงาคร่าวๆ โดยรวมของรูปเสร็จ พลับที่พยายามวาดอย่างสุดฝีมือก็ดูรูปภาพที่ตัวเองวาดอย่างพออกพอใจเพราะถือว่าวาดออกมาคล้ายตัวจริงอยู่

   “พี่ไม้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายได้เลยครับ”

   “เสร็จแล้วเหรอครับ ขอพี่ดูผลงานหน่อยได้มั้ย”

   “อ่า...อาจจะยังไม่เหมือนเท่าไร ขอผมเก็บพวกรายละเอียดแสงเงาอีกหน่อยนะครับ”

   “สวยแล้วครับ เก่งมาก” ไม้ลุกขึ้นแล้วบิดตัวไปมา เดินมาดูรูปภาพแล้วก็ยิ้ม ชมพูดให้กำลังใจอีกฝ่ายพลางลูบแก้มนุ่มเล่นไปด้วย

   “ขอบคุณครับ ดีใจนะที่พี่ชอบ”  พลับเองก็ดีใจยิ้มจนตาหยีพลางเอียงแก้มใส่ฝ่ามือไม้อย่างเต็มที่ และหัวเราะคิกคักเมื่อโดนคนตัวสูงดึงเข้าไปฟัดแก้มทั้งสองข้างจนอีกฝ่ายพอใจ

   “หลังจากให้เกรดแล้ว อาจารย์เขาจะคืนงานนี้มั้ยครับ”

   “ส่วนใหญ่ก็จะคืนช่วงปลายเทอมเลย ทำไมเหรอครับ”

   “พี่อยากขอเอาไปใส่กรอบไว้ครับ”

   “พี่ไม้~ ไปจ้างคนที่ฝีมือดีกว่าผมดีกว่ามั้ยครับ ได้งานที่สวยเนี๊ยบกว่า แล้วก็ไม่ต้องรอนานด้วย นี่ต้องรอจนหมดเทอมเลยนะครับ กว่าจะได้งานคืน”

   “ให้คนอื่นวาดมันจะไปมีความหมายอะไรครับ เขาไม่ใช่แฟนพี่ซักหน่อย...พี่อยากได้ภาพที่แฟนคนนี้วาดให้ครับ”

   พูดแล้วจิ้มนิ้วลงที่ปลายจมูกโด่งรั้นอย่างเอ็นดู แล้วก็โดนเด็กตรงหน้าดึงคอลงไปจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากแล้วกลับไปก้มหน้าวาดรูปต่อ ไม้ก็นั่งลงข้างๆ มองดูลูกพลับที่วาดรูปไปยิ้มไป



   “เสร็จแล้วเหรอครับ”

   “ใช่แล้วครับ สวยมั้ย” พลับโชว์ภาพที่ตัวเองวาดอย่างภูมิใจ ยิ่งวาด ยิ่งเก็บรายละเอียดก็ยิ่งดูเหมือน ถึงแม้ว่าพลับจะวาดออกมาไม่หล่อเท่าพี่ไม้ตัวจริงก็เถอะ

   “นี่เย็นมากแล้ว พลับหิวรึยังครับ?”

   พลับพยักหน้าแล้วเก็บข้าวของอุปกรณ์วาดภาพก่อนจะไปล้างมือ มื้อนี้พวกเขาตกลงกันว่าจะสั่งเข้ามากินที่คอนโด เพราะช่วงเย็นแบบนี้รถจะติดเป็นพิเศษ ไม้นั้นตามใจให้พลับสั่งอาหารที่ต้องการ แต่คนตัวเล็กก็เลือกสั้งมาแค่สองอย่าง ซึ่งไม้รู้ว่าแค่นั้นพลับไม่มีทางกินอิ่มได้แน่นอน

   “ทำไมสั่งแค่นี้ จะอิ่มเหรอ?”

   “อิ่มครับ” พลับตอบไม่เต็มเสียงมากนัก ถ้าเอาตามตรงก็ไม่อิ่มหรอก แต่อาหารร้านนี้แพงมาก บวกกับค่าส่งเข้าไป สั่งมาสองอย่างแค่นั้นยังล่อไปตั้งห้าร้อยกว่าบาทเลย

   “เกรงใจอะไรอีกครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ไม้ที่ดูออกว่าเด็กเสียดายเงินก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบโทรศัพท์มาเลือกเมนูสั่งเอง

   “ก็เพราะพี่เลี้ยงผมทุกมื้อไง ผมเลยยิ่งเกรงใจ”

   พลับบ่นอุบอิบ มองไม้ที่จิ้มเมนูอาหารจนราคาพุ่งสูงจนพลับตกใจ รีบปรามไม่ให้ไม้กดเพิ่มอีก

   “ถ้าเกรงใจก็ต้องกินให้เกลี้ยงเลยนะครับ จะได้ไม่เสียของ” หลังจากสั่งเรียบร้อยก็วางโทรศัพท์ลง นั่งรอได้ชั่วโมงกว่าอาหารมากมายก็มาส่ง

   “กินแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่กับพี่ไม้ สักวันผมต้องอ้วนแน่เลยครับ”

   พลับพูดเมื่อเห็นอาหารที่ละลานอยู่ตรงหน้ามือก็ลูบหน้าท้องตัวเองไปด้วย ไม้เองก็หัวเราะเพราะปากพูดบ่นแต่แววตานี่แวววาวบ่งบอกว่าถูกใจอาหารตรงหน้าไม่น้อยเลย ไม้นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับพลับแล้วใช้ส้อมจิ้มอาหารไปใส่จานอีกฝ่าย มองดูเด็กที่เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มกลมตุ่ยออกมาทั้งสองข้าง

   “อ้วนก็รักครับ ไม่ต้องกลัวพี่ทิ้งหรอก”

   “อืออ” พลับหยุดเคี้ยวแล้วส่งเสียงในลำคอ ตาก็มองมาที่ไม้พร้อมแก้มตุ่ยๆ ที่ขึ้นสีชมพูเพราะเขินที่จู่ๆ ก็โดนไม้บอกรักแบบนี้  พลับก้มหน้าลงพยายามกลืนอาหารในปากเพื่อที่จะได้บอกรักไม้กลับไปบ้าง แต่เพิ่งจะเคี้ยวหมดปากไปไม่ทันไร ก็มีอาหารชิ้นใหม่มาป้อนให้ถึงปาก

   “อันนี้ก็อร่อยดีครับ พลับลองชิมสิ” ไม่ตักอาการเข้าปากตัวเองบ้าง พอเห็นว่าอร่อยก็ตักไปป้อนเด็กนั่งตาหยีเคี้ยวตุ้ยๆ

   “อื้อ~” พลับอ้าปากรับ เคี้ยวแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มอย่างถูกอกถูกใจเพราะอาหารอร่อยถูกปาก พอเคี้ยวคำนี้หมด ก็หันไปดูดน้ำ หันกลับมาก็เจอคำใหม่ที่มารออยู่ตรงหน้าแล้ว เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนจนอาหารบนโต๊ะพร่องลงไปเกือบครึ่ง โดยที่ช้อนในมือของพลับนั้นแทบไม่เปื้อนคราบอาหารเลย

   ไม้อมยิ้มพลางป้อนตัวเองคำป้อนเด็กคำ สลับไปเรื่อยๆ เห็นคนตรงหน้ากินเก่งแบบนี้ก็ทำให้เขาเจริญอาหารขึ้นมาด้วย พลับเป็นคนที่กินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด ป้อนอะไรไปก็อ้าปากรับไปหมด

   “เลี้ยงง่ายจังเลยนะเรา” ไม้พูดแล้วหัวเราะ พลับได้ยินก็ทำตาค้อนให้แต่ก็ยังคงอ้าปากรับอาการที่ไม้ป้อนให้จนหมด

   เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จ พลับก็เตรียมเก็บของ นั่งกอดกระดานวาดภาพรอไม้ไปส่ง ในมือก็ถือโทรศัพท์คุยกับพี่ชายฝาแฝดที่ส่งข้อความมาถามว่าพลับจะกลับกี่โมง

   “พี่ไม้จะไปส่งผมกี่โมงครับ”

   “พลับทำการบ้านเสร็จหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

   “...” พลับพยักหน้ามองหน้าอีกฝ่าย เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ไม้พูด พลับถามเรื่องเวลาที่จะไปส่งแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการบ้านเขาล่ะ ไม้มองเด็กที่ไม่เข้าใจคำถามแล้วเดินมานั่งข้างๆ ยกแขนพาดโซฟาคล้ายๆ กำลังโอบไหล่อีกฝ่ายอยู่

   “ไม่ต้องรีบกลับไปให้พีชช่วยแล้วนี่ กลับดึกๆ หน่อยก็ได้ครับ”

   พูดไปก็ลูบผมอีกฝ่ายไปพลาง ไม้มีความรู็สึกว่ายังไม่อยากให้พลับกลับ เขาเคยชินและไม่เคยมีปัญหากับการอยู่คนเดียวเลย แต่พอมีพลับเข้ามา ไม้กลับรู้สึกเหงาขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งเวลาที่รู้ว่าพลับจะกลับหอแล้ว และจะพยายามเบี่ยงเบนหรือชักชวนให้เด็กอยู่ด้วยกันจนดึกดื่นตลอด

   พลับยิ้มแล้วเอียงหน้าเล็กน้อย เขาเองก็อยากอยู่กับไม้อีก แต่ก็เกรงใจไม่อยากให้ไม้ขับรถไป-กลับดึกดื่น

   “...แต่ผมไม่อยากให้พี่ไม้ขับรถตอนดึกๆ เลย”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ มานอนเล่นกันก่อนแล้วพี่จะขับรถไปส่ง...นะครับ อยู่ด้วยกันก่อนนะ”

    ไม้ดึงกระดานวาดภาพที่พลับกอดเอาไว้ออกไปข้างๆ โซฟา จากนั้นก็เอนตัวลงนอนหนุนตักของเด็ก พลับที่เพิ่งเคยโดนไม้หนุนแบบนี้ครั้งแรกก็ทำตัวไม่ถูก ไหนจะน้ำเสียงแววตาและทำพูดที่เหมือนกำลังอ้อนอยู่นี่อีก พลับเลือกไม่ถูกเลนว่าจะประหม่าเขินหรือดีใจ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน แต่สุดท้ายก็ขยับตัวให้ไม้นอนหนุนตักเขาได้สบายๆ

   “พี่ไม้...กินอิ่มแล้วมานอนเลยแบบนี้ เดี๋ยวปวดท้องนะครับ ลุกขึ้นมานั่งดีๆ เถอะ”

   พลับชอบที่โดนไม้หนุนตักแบบนี้ แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นกรดไหลย้อนเพราะเพิ่งกินอิ่มๆ มาเลยพูดเตือนในขณะที่กำลังคิดว่าจะเอาสองมือตัวเองไปวางไว้ที่ไหนดี จะวางไว้ที่ตักก็ไม่ได้แล้ว หรือจะวางไว้ข้างตัวก็ไม่ถนัด

   ไม้หัวเราะกุมมือเล็กที่ยกค้างไว้กลางอากาศนั้นมาวางไว้ที่หน้าอกของตัวเอง พลางลูบไปมาเบาๆ

   “พี่ไม่อยากลุกเลย ตักพลับนุ่มมาก”

   พลับหัวเราะมองคนที่ถูหน้าไปมากับขาอ่อนนุ่มนิ่ม แล้วสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อไม้ซบหน้าเข้ามาที่หน้าท้อง ใช้ปลายจมูกดุนชายเสื้อขึ้นจนปลายจมูกโด่งคลอเคลียไปมาอยู่ตรงท้องน้อยและแอ่งสะดือ

   “อ๊ะ พี่ไม้...”

   ไม้เอียงใบหน้าพรมจูบเบาๆ ไปทั่วหน้าท้องชวนให้เด็กพลับรู้สึกขนลุกไปทั่วสันหลัง ไม้พลิกตัวให้เด็กที่นั่งอยู่นั้นเอนตัวลงนอนส่วนตัวเองก็ขยับขึ้นไปทาบทับอยู่ด้านบนแทน  พลับไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ไม้จับให้นอนท่าไหนก็ทำตามด้วยความยินดี

   “หน้าท้องสวยจังเลยนะเรา” พูดแล้วลายฝ่ามือไปตามหน้าท้องแบนราบที่มีไลน์เลขสิบเอ็ดประดับอยู่ จากนั้นก็บรรจงจูบลงไปบนหน้าท้องขาว อ้าปากแล้วขบเม้มเนื้อนุ่มจงใจเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบสายตาเด็กพลับที่แก้มแดงระเรื่อเพราะอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ

   “อือ อึก พี่ครับ...”

   “คืนนี้ค้างกับพี่อีกซักคืนดีมั้ยครับ ค่อยกลับพรุ่งนี้”

   “ต แต่พีชรออยู่”

   พลับอ้างพีช ความจริงแล้วหากพลับนอนกับไม้คืนนี้ พี่ชายเขาคงไม่ว่าอะไรหรอก กลับดีใจด้วยซ้ำที่ตัวเองจะได้นอนกับกล้าอีกคืนหนึ่ง ความจริงพลับก็อยากอยู่กับไม้ต่อ แต่พรุ่งนี้เขาเรียนเช้า และกลัวตัวเองจะตื่นไม่ไหว...

   ไม้ฟังแล้วก็ก้มลงกดจูบพลางซุกไซร้หน้าท้องของพลับอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น ดึงเสื้อพลับลงแล้วพยุงขึ้นให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ พอเรียบร้อยก็ส่งยิ้มให้ก็อดไม่ได้ที่ผ่อนลมหายใจออกช้า เพื่อขับไล่อารมณ์หวามที่ก่อนตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้

   พลับอมยิ้มแล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ยืดตัวขึ้นหอมแก้มและเมื่อคนตัวสูงหันมามองก็ประทับจูบลงกลีบปาก เป็นการขอบคุณอีกฝ่ายที่ยอมหยุดให้

   “พลับ…” แต่การที่พลับเป็นฝ่ายจูบปากเองแบบนี้มันเหมือนเป็นการเติมฟืนให้ไม้ จากที่คิดว่าจะหยุดก็กลับกลายเป็นว่าไม้นั้นมีความอดทนไม่พอ

    เขารั้งลำคอของพลับเอาไว้ไม่ให้ขยับออก เป็นฝ่ายมอบจูบให้และเปลี่ยนจูบอันอ่อนโยนเป็นจูบที่เร่าร้อนตามความต้องการของใจตัวเอง

   ทางด้านของพลับก็ใช่ว่าจะห้าม เมื่อโดนดูดเบาๆ ที่ริมฝีปาก อีกทั้งทั้งเรียวลิ้นที่ขยับไปมาตามแนวฟันชวนให้จั๊กจี้ รวมไปถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ไปทั่วลำตัวชวนให้รู้สึกดีนี้อีก พลับโดนไม้ปลุกเร้าจนตัวอ่อน รู้สึกหมดแรงมากขึ้นทุกที

   “อะ อืม พี่ไม้ ผม...” พลับหลับตาลงและแยกขาออกเล็กน้อยเมื่อไม้ลากฝ่ามือลงมาที่ขาอ่อนพลางลูบวนไปมา เหมือนไม่จงใจลากปลายนิ้วผ่านส่วนกลางกายของลูกพลับที่ตั้งชั้นมาตามแรงอารมณ์

   พลับเม้มปาก ทั้งส่งเสียงคราง ทั้งแอ่นตัวเรียกร้องให้ไม้สัมผัสส่วนนั้นของตัวเองเสียที

   “ทำหน้าแบบนี้...พี่ไม่อยากหยุดเลยครับ”

   มาถึงขนาดนี้ พลับเองก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายหยุดแล้ว คนตัวเล็กโอบลำคอของไม้เอาไว้แล้วขยับตัวขึ้นจูบที่แก้มแล้วส่งยิ้มให้

   “ถ้างั้น...ขอผมส่งข้อความพีชว่าคืนนี้ไม่กลับหอก่อนนะครับ”

   พลับพูดอย่างเขินอาย รับโทรศัพท์ที่ไม้ส่งมาให้พิมพ์ข้อความบอกพี่ชายตัวเอง ส่วนเรื่องของพรุ่งนี้ วานมให้พีชเช็คชื่อให้ซักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง 

   


      สวัสดีค่า ตอนนี้หวานๆ น่ารัก ดูสองแฝดอ้อนมาเยอะแล้ว เปลี่ยนมาเห็นมุมอ้อนๆ ของพี่ไม้กันบ้างเนอะ

   ความจริงตอนนี้เราเขียนให้มี nc ด้วยตอนท้าย

   แต่สามสี่ตอนที่ผ่านมา ก็คือมีทุกตอนแล้ว  ก็เลยตัดออกดีกว่า 

   เพราะว่าหลังจากนี้ก็จะมี nc อีก เดี๋ยวนักอ่านจะเบื่อกันเสียก่อน 5555


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 20 ความสดใส



‘กล้ากลับไปก่อนก็ได้ พลับก็อยู่’

พีชเดินเข้ามาสะกิดคนตัวสูงแล้วส่งยิ้มให้ ตอนนี้เลิกเรียนแล้วแต่ว่าอาจารย์ขอคุยธุระกับพีชเล็กน้อย แต่เพราะว่ากลัวจะสื่อสารกันลำบาก อาจารย์ก็เลยขอให้พลับอยู่ด้วย

“อยากรอกลับพร้อมกัน”

กล้าพูดออกเสียงแล้วขยับมือไปมา ระยะหลังมานี้ภาษามือของเขาพัฒนาขึ้นมาก พีชแทบไม่ต้องใช้สมุดโน๊ตคุยกับเขาแล้ว เพราะมีพีชคอยช่วยสอน การได้ใช้ได้สื่อสารทุกวันทำให้กล้าเริ่มคล่องมากขึ้น เวลาแสดงสีหน้าอะไรก็ไม่มีอาการเขอะเขินเหมือนช่วงแรกๆ แต่ก็ต้องพูดออกเสียงให้พีชอ่านปากควบคู่กันไปด้วย

คนตัวเล็กมองฟ้าครึ้มเป็นห่วงกลัวว่าฝนจะลงเม็ด ก็เลยอยากให้กล้ากลับไปก่อน แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าแล้วนั่งรออยู่หน้าห้องพักอาจารย์ ฝาแฝดใช้เวลาคุยกับอาจารย์อยู่ไม่ถึงสิบนาที พอออกมาก็พบว่าฝนนั้นลงเม็ดเรียบร้อยแล้ว

“แฝดได้พกร่มกันมารึเปล่า”

พอกล้าถามออกไป ฝาแฝดก็พากันส่ายหน้า กล้าหันกลับไปมองฝนที่ดูเหมือนว่าจะลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ หากให้รอจนฝนซาแล้วค่อยกลับคงต้องรอจนดึกดื่น สุดท้ายกล้าเลยเสียสละเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ให้ฝาแฝดแบ่งกันคลุมหัว

“อา อ้า”

พีชส่งเสียงเรียกพลางกอดไหล่น้องชายตัวเองเอาไว้แล้วยกเสื้อที่คลุมหัวอยู่นั้นขึ้นสูง เพื่อให้มีที่พอสำหรับกล้า แต่คนตัวสูงก็หัวเราะแล้วส่ายหน้า จัดการดึงเสื้อลงให้คลุมหัวพีชและพลับไว้อย่างดี

“ไม่เข้ามาเหรอ เดี๋ยวเปียกฝนนะ”

“ไม่เป็นไร พีชจะได้คลุมได้มิดๆ ไง”

กล้าบอกกับลูกพลับแต่สายตาดันมองไปที่ลูกพีช พีชส่งยิ้มหว้างจนตาหยีแล้วดึงกระเป๋าของกล้ามากอดไว้ บอกว่าจะถือให้

“ถ้าจะจ้องกันขนาดนั้น จูบกันไปเลยก็ได้นะ เราไม่ว่า”

“ได้เหรอ เราจูบพีชต่อหน้าพลับได้เลยเหรอ” กล้าเลิกคิ้วขึ้น ดึงพีชเข้าหาตัวเองทำท่าจะก้มลงจูบจริงๆ จนพลับห้ามแทบไม่ทัน ลูกพลับยอมรับว่าเขานั้นเป็นน้องที่หวงพี่ชาย เพราะช่วยพ่อกับแม่ดูพี่พีชมาตั้งแต่จำความได้ ยอมให้กล้าจีบก็เพราะอยากให้พีชมีความสุข แต่จะให้มาพลอดรักถึงขั้นจูบกันต่อหน้าแบบนี้ พลับทนไม่ได้!

“ประชดมั้ยล่ะ! แล้วนี่ก็ยืนนิ่งให้เขาทำอีก วู้ว!”

พลับแกล้งโวยวายแกะมือกล้าที่โอบเอวพี่ชายฝาแฝดออก  กล้าหัวเราะระรื่น เห็นแบบนั้นพีชก็เลยทำท่าหัวเราะตาม จนพลับรู้สึกหมันไส้รีบยกเสื้อคลุมหัวพี่ชายเอาไว้อย่างมิดชิด

กล้าให้ฝาแฝดวิ่งอยู่ด้านหน้าส่วนตัวเองก็วิ่งตามหลัง คอยประคองพีชและดึงชายเสื้อยีนส์ไม่ให้เผยอขึ้น ดีหน่อยที่หอพักนั้นอยู่ไม่ไกลนัก วิ่งไม่นานก็ถึง

ฝาแฝดนั่นเปียกแค่ส่วนขาและลำตัวเล็กน้อย ต่างกับกล้าที่เปียกซกไปทั้งตัว พีชรีบบอกให้คนตัวสูงรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็ดูท่าว่าจะไม่ทัน เพราะคืนนั้นกล้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เช้าวันต่อมาก็เป็นหวัด ทั้งไอ ทั้งน้ำมูกไหล จนพลับไม่อยากให้พีชมาหา เพราะกลัวจะติดหวัดกัน

แต่พี่ชายเขาก็ไม่เคยฟัง ยังดื้อจนมาหากล้าจนได้ อ้างว่าจะเอาโจ๊กและยาไปให้ พลับก็ได้แต่เตือนให้พี่ชายตัวเองใส่หน้ากากป้องกันเอาไว้

“วันนี้ต้องไปช่วยงานอาจารย์ไม่ใช่เหรอ” กล้าเงยหน้าพูด พอพีชพยักหน้าก็ก้มลงตักโจ๊กอุ่นๆ เข้าปากเลยเงยหน้ามองพีชที่ทำภาษามือ และวันนี้พวกเขาไม่มีเรียนกล้าเลยได้นอนพักอยู่ที่ห้อง แต่พีชและพลับยังต้องไปเพราะอาจารย์วานให้พีชไปช่วยงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

‘ใช่ แต่อยากมาหาก่อน กล้าปวดหัวมากมั้ย’

 “เราไม่ได้ปวดหัว แค่เจ็บคอและคัดจมูกแค่นั้น” พูดแล้วก็จัดหน้ากากให้กระชับกับใบหน้าของพีช เวลาไอกล้าก็ยกผ้าขึ้นมาปิดปากแล้วหันไปไอทางอื่น

พีชยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย มีความสุขทุกครั้งที่กล้าใส่ใจตนเองแบบนี้ มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การกระทำของกล้าเติมหัวใจให้พีชได้มากเลยทีเดียว

คนตัวเล็กนั่งรอจนกล้ากินโจ๊กหมดชาม พีชอยากป้อนเหมือนที่กล้าเคยทำให้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เข้าใกล้เท่าไรเพราะกลัวว่าจะติดหวัด พีชเลยได้แต่นั่งห่างแล้วจัดการแกะยาและเตรียมน้ำให้ อีกทั้งยังล้างชามให้อีกด้วย

‘กล้าต้องพักผ่อนเยอะๆ นะ แต่ต้องลุกมากินข้าวและอย่าลืมกินยาด้วย จะได้หายเร็วๆ เราอยากกอดกล้าแล้ว’

“อ้อนเก่ง~” กล้าหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางของลูกพีช เขาไม่ใช่พวกกินยายาก แต่เป็นพวกที่ถ้าไม่สบายจะนอนทั้งวันจนลืมกินข้าวกินยาบ่อยๆ เลยทำให้หวัดที่ควรจะหายนั้นหายช้ากว่าเดิม

‘เราไปก่อนนะ ตอนเที่ยงจะให้พลับเอาข้าวมาให้’ พีชยังไม่วางใจ กล้าส่ายหน้าเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราตื่นมากินเอง”

‘เดี๋ยวตอนเย็นเราจะรีบมาหา’

กล้าโบกมือบ๊ายบายมองพีชที่เดินออกจากห้องไปแล้วล้มตัวลงนอน เขาไม่มีอาการปวดหัวแต่ก็รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย ทั้งคันคอ กลืนน้ำลายทีก็เจ็บไปหมด ไหนจะทรมารเพราะหายใจไม่ออกนี่อีก เขาอยากจะหลับๆ ไป จะไม่รู้สึกทรมานมาก


“พีช จะรีบไปไหน หอมันไม่วิ่งหนีหรอก ช้าๆ หน่อยก็ได้”

พลับปรามพี่ชายที่กำลังรีบเก็บของลงกระเป๋า กระดาษบรูฟก็ยับ พวกดินสอวาดรูปที่เขาเหลาไว้ให้อย่างดีพากันหักปลายไปหมดเพราะพี่ชายตัวดีของเขาโยนมันลงกระเป๋าผ้าโดยที่ไม่ได้เก็บใส่กล่องดีๆ พลับมองแล้วอยากฟาดสักทีสองที

“อา!” พีชอ่านปากแล้วก็ส่งเสียงท้วง เขาไม่ได้กลัวหอหนีเสียหน่อย แค่เป็นห่วงกล้า ตอนนี้เลยเที่ยงมาแล้ว พีชเดาว่ากล้าคงไม่ยอมลุกมากินข้าวกินยาแน่ๆ โชคดีที่วันนี้ช่วยงานอาจารย์เสร็จไวกว่าที่คิด พีชก็เลยจะซื้อข้าวเที่ยงไปให้กล้าเอง

‘เบาหน่อยพีช เสียงดังนะ’ พลับขมวดคิ้วรื้อดินสอออกมาใส่กล่องดีๆ ก่อนจะดุพี่ชาย

‘ขอโทษ ไม่ได้ตะคอกใส่พลับนะ เราไม่รู้ว่าเสียงดัง’ พีชส่ายหน้าแล้วขอโทษเพราะไม่ได้ตั้งใจเสียงดังใส่ เขากะความดังเสียงตัวเองไม่ถูกซึ่งพลับก็เข้าใจดีเลยยิ้มปลอบใจให้พี่ชายที่ยืนหน้าสลดอยู่

“เก็บของเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ” พลับใส่กระเป๋าให้พีชแล้วดึงแขนพี่ชายให้เดิน โดยไม่ลืมแวะร้านข้าวซื้อข้าวต้มไปให้คนป่วยที่ลูกพีชห่วงนักห่วงหนา

แต่ก็สมควรที่พีชเป็นห่วง เพราะพอพีชเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอกล้าที่ยังนอนอยู่บนเตียง ไม่มีล่องลอยว่าอีกฝ่ายนั้นลุกขึ้นกินข้าวหรือกินยาเลยแม่แต่น้อย

“อา~

พีชส่งเสียงเรียก วางข้าวต้มไว้ที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวีแล้ว เปิดกระเป๋าหยิบหน้ากากอนามัยออกมาใส่ แล้วเดินไปเขย่าตัวคนป่วยพร้อมส่งเสียงปลุก

“อา...อา อือ อือ”

กล้ารู้สึกตัวตื่นแล้วปรือตามองคนตัวเล็กพลางจับข้อมือให้หยุดเขย่าตัวเขาได้แล้ว เขามองอีกคนที่ส่งยิ้มพลางชี้ไปที่ข้าวต้ม  กล้าสะลึมสะลือลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ถุงข้าวและหันกลับมามองคนตรงหน้า คนป่วยที่สติยังไม่เข้าที่เข้าทางและไม่ทันดูอะไรให้ดีก็นึกแฝดที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้คือพลับ

“พลับ ขอบคุณนะ…”

กล้าพึมพำแล้วผงกหัวขอบคุณ พลันสายตาก็เห็นสายเครื่องช่วยฟังที่เหน็บไว้กับใบหู จากที่สะลืมสะลืออยู่ก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปแทบจะทันที เปลี่ยนเป็นความตระหนกตกใจเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือพีช

“พีช!!” เขาเรียกชื่อคนตัวเล็กอย่างตกใจ มองคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะคิดว่าพีชที่ควรจะอยู่ช่วยงานอาจารย์ก็ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ได้ 

ความทรงจำที่กระอักกระอ่วนในอดีตพุ่งขึ้นมาเป็นฉากๆ คนที่เคยมีชนักติดหลังในเรื่องนี้ก็ร้อนใจเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตที่ฉายแววเจ็บปวดในตอนที่เขาเอาพีชไปเป็นตัวแทนพลับ มันเป็นเรื่องที่กล้ากลับไปแก้ไขไม่ได้และมันก็ฝังใจเขามาตลอดเช่นกัน...ซึ่งกล้าก็ไม่อยากจะให้พีชกลับไปเจ็บปวดแบบนั้นอีก

กล้ากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เขาไม่รู้ว่าพีชแสดงสีหน้าแบบไหนเพราะหน้ากากที่ปิดไปเกือบครึ่ง แต่กล้าก็คิดเอาเองว่าพีชที่เคยกังวลเรื่องนี้คงไม่โอเคแน่ๆ

 ทางฝั่งของคนตัวเล็กที่อ่านปากทันก็นิ่งไปเล็กน้อยเมื่อกล้ามองมาที่ตัวเองแต่ดันพูดชื่อน้องชายเขาแทน แต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่ากล้าคงไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อเช้าเขาเป็นคนบอกกล้าเองว่า จะให้พลับเอาข้าวมาให้  มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนป่วยจะมองผิด แถมพีชมั่นใจแล้วว่ากล้ารักตัวเองมากแค่ไหน เรื่องที่กล้าเผลอเรียกผิดเมื่อครู่นี้เขาจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรเลย

“อา...”

พีชส่งเสียงแล้วเอียงคอ มองคนป่วยที่หน้าซีดเผือด กำลังจะขยับมือบอกว่าไม่เป็นไรก็โดนกล้าดึงตัวเข้าไปกอดแถมลูบหลังลูบหัวเขาไม่หยุด

“พีชฟังเราก่อนนะ เราไม่ได้เห็นพีชเป็นตัวแทนพลับแล้วนะ แค่เมื่อกี้นี้เราเข้าใจผิดเฉยๆ” กล้ารีบอธิบายทั้งคำพูดและภาษามือ พยายามสื่อสารให้พีชรู้

‘ไม่เป็นไรๆ เราเข้าใจ’

พีชบอกแล้วเดินไปหยิบชามมาเทข้าวต้มให้ พีชไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรออกมา แต่นั่นยิ่งทำให้กล้าที่กำลังคิดมากร้อนใจเพราะคิดไปเองอีกว่าพีชคงจะเก็บกดอดทนเอาใว้ในใจคนเดียวอีก

คนป่วยพยายามที่จะอธิบายแต่พีชก็บอกแค่ว่าไม่คิดอะไรมาก อีกทั้งพีชที่ใส่หน้ากากอนามัยอยู่นั้นทำให้กล้าไม่รู้ว่าพีชมีสีหน้าแบบไหนอยู่ กล้ากังวลในใจทำให้กินข้าวไม่ค่อยลง เอาแต่มองพีช คิดว่าคงตรงหน้าต้องไม่โอเคแน่ๆ

‘เรากลับห้องก่อนนะ ตอนเย็นจะมาหาใหม่’

“พ...พีช เอ่อ...จะกลับห้องเลยเหรอ”

และเมื่อกล้ากินข้าวกินยาเสร็จ พีชก็ขอตัวกลับห้องทันทีทั้งที่ปกติควรจะอ้อนขออยู่ต่อมากกว่า พีชมีท่าทีว่าง่ายแบบนั้นยิ่งทำให้กล้าไม่สบายใจมากกว่าเดิม เอาแต่คิดว่าพีชกำลังไม่พอใจตัวเองอยู่ สุดท้ายเลยจับพีชเข้ามานั่งหันหน้าคุยกัน

‘กล้าจะไม่นอนพักแล้วเหรอ’

“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ก่อนหน้านี้เราขอโทษจริงๆ เราแค่เพิ่งตื่นแล้วตามันพร่าก็เลยมองผิด เราไม่ได้เห็นพีชเป็นตัวแทนใครอีกแล้ว พีชเชื่อเรานะ ไม่ต้องคิดมากนะ เรารักพีชคนเดียว...”

พีชตั้งใจอ่านปากและดูมือ พอเข้าใจก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

‘กล้านั่นแหละไม่ต้องคิดมาก เราไม่ได้คิดอะไรเลย เราเข้าใจจริงๆ ไม่เศร้าๆ’ พีชยิ้มใต้หน้ากากมองกล้าที่ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด แล้วทำภาษามืออย่างช้าๆ ให้กล้าเข้าใจได้ทุกคำ พอจบประโยคก็กุมมือใหญ่เอาไว้ ลูบหลังมือไปมาให้กล้าใจเย็นลง

“เข้าใจจริงๆ ใช่มั้ย ตอนนี้เรารักพีชจริงๆ นะ” กล้าที่ยังไม่วางใจดีย้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง เขาอยากให้มั่นใจ ไม่อยากให้ลูกพีชคิดมากหรือเก็บไปเสียใจคนเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วคนที่คิดมาคือกล้าตังหาก ส่วนเจ้าลูกพีชนั้นพอโดนบอกรักก็หัวใจพองโตจนเต็มอกไปหมด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองคนรักอธิบาย

กล้ามองคนตรงหน้า ดูว่าอีกฝ่ายโอเคอย่างที่พูดจริงมั้ย แต่ก็เห็นแต่ดวงตาที่หยีน่ารัก เป็นแบบนี้เขาก็เลยเบาใจลง ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วกุมฝ่ามือเล็กเอาไว้แน่น เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำเอากล้าเหงื่อแตกไปหมด

‘เราก็รักกล้า พักผ่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นมาหา’ ลูกพีชยิ้มจนแก้มปริ จับมือกล้ามาทาบไว้ที่หน้าอกของตัวเองแล้ว แล้วบอกรักกลับไป

พีชก็อยากจะอยู่กับกล้า แต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน อีกอย่างคือไม่อยากโดนน้องชายบ่นที่เอาแต่มาคลุกคลีกับกล้าที่เป็นหวัดอยู่ มันไม่คุ้มหาพากันป่วยพร้อมกันสองคน


“บอกให้อยู่แค่แปปเดียว ล่อไปเกือบชั่วโมง ถ้าติดหวัดมันมานะ จะทุบซ้ำ”

พีชย่นปากใส่น้องชาย เข้าห้องมายังไม่ทันจะได้ปิดประตูก็โดนอีกฝ่ายบ่น พีชถอนหายใจแล้วหันหนีไม่ยอมสนใจอีกทั้งขยับปากบ่นล้อเลียนพลับ แต่ก็หยุดแทบไม่ทันเมื่อพลับเดินเข้าล็อคคอเขาเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว

“อะ อาอา” พีชหัวเราะเพราะโดนพลับจี้เอวอย่างมันเขี้ยว พอเห็นว่าอีกฝ่ายหอบเหนื่อยและยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก็ปล่อยตัวออก

“ไปตัดผมกันมั้ย ผมยาวแล้ว”

พีชจับปลายผมตัวเองและมองไปที่ผมของน้องชายที่ยาวละต้นคอก่อนจะพยักหน้า ทั้งพีชทั้งพลับนั้นไว้ผมทรงเดียวกัน เพราะพีชจำเป็นต้องไว้ผมยาวเพื่อผิดใบหูตัวเอง พลับที่ไม่อยากให้พี่ชายรู้สึกอายหากโดนคนอื่นล้อ ก็เลยขอให้แม่ตัดทรงเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก

และพอโตขึ้นส่วนใหญ่เวลาไปตัด พลับก็จะบอกช่างตัดผมว่าขอทรงเดิม แต่เล็มปลายผมให้สั้นพอปิดติ่งหูได้แค่นั้น แต่คราวนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมา เมื่อลูกพีชที่ไม่เคยสนใจผมทรงอื่น เลือกที่จะหยิบนิตยาสารตัวอย่างทรงผมขึ้นมาดูอย่างสนใจ

‘พีชอยากเปลี่ยนทรงเหรอ? เอาทรงไหนล่ะ’

พีชมองนายแบบทรงผมในหนังสือแล้วก็เงยหน้ามองน้องชายตัวเอง นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า แล้วชี้ทรงผมที่ตัวเองชอบให้พลับดู มันก็คล้ายกับทรงปัจจุบันของฝาแฝดแต่จุดเด่นคือการดัดให้หยักศกเล็กน้อย

“ผมหยักศกเหรอ...ก็ดูดีอยู่ เอาทรงนี้ก็ได้ถ้าพีชชอบ”

‘พลับมีทรงอื่นที่อยากตัดบ้างมั้ย?’

พีชถามกลับ และนั่นทำให้พลับเงียบไปครู่หนึ่ง พลับก็มีทรงที่อยากทำ เพียงแต่พีชคงไม่ชอบ พลับมองหน้าพี่ชายตัวเองที่รอคำตอบแล้วพยักหน้า

“...ก็มีแหละ แต่มันเป็นผมสั้นเปิดหู คล้ายๆ แบบนี้ แล้วก็อยากทำสีด้วย”

พีชมองผมทรงนั้นแล้วก็นิ่งไป และเงยหน้ามองตัวเองและน้องชายที่สะท้อนในกระจก ก่อนหน้านี้เขาไว้ทรงเดียวกันมาตลอดเพราะเหตุผลในตอนเด็ก แต่พอเข้ามหาลัยทรงผมมันเป็นเรื่องไม่จำเป็น ผู้ชายไว้ผมยาวกันเยอะแยะ โตๆ กันแล้ว ไม่มีใครมาล้อกัน แต่พีชก็ยังคงอยากไว้ทรงเดียวกับพลับ เขาอยากเหมือนพลับทุกอย่าง พลับทำอะไรพีชก็ทำตาม เหตุผลหลักคืออยากให้กล้าหันมามองตัวเองบ้าง พีชไม่รู้ว่ากล้าชอบพลับเพราะอะไร พีชก็เลยเลียนแบบน้องชาย อยากจะเป็นแบบพลับเพื่อให้กล้าสนใจตัวเอง

...แต่ตอนนี้พีชคิดว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

พีชมองหน้าพลับ แล้วตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง

‘งั้น...เราสองคนไม่จำเป็นต้องไว้ผมเหมือนแล้วก็ได้นะ’

พลับมองอย่างตกใจ มองหน้าพี่ชายตัวเองแล้วเลิกคิ้วขึ้นถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่พีชก็พยักหน้ารับอย่างจริงจังและอมยิ้ม บอกพลับอีกครั้งว่าต่อจากนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องตัดผมตามกันอีกต่อไปแล้ว

‘ถ้างั้นเราจะตัดผมสั้นเลยนะ’ พลับย้ำชี้ไปที่ทรงเดิมอีกครั้ง พีชก็พยักหน้าและชี้ไปยังทรงที่ตัวเองเลือกไว้เช่นกัน

เป็นครั้งแรกที่สองแฝดตัดผมไม่เหมือนกัน และนั่นทำให้ทั้งคู่ได้รู้ว่าแค่ทรงผมก็เปลี่ยนบุคลิกได้ ฝาแฝดที่เคยเหมือนกันมาก ในวันนี้มีความแตกต่างทั้งทรงผม นิสัยและบุคลิกภายนอกด้วย

พลับตัดผมสั้นเปิดใบหูและลองทำสีเป็นครั้งแรก จากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ ในตอนนี้ถูกย้อมเป็นเทาหม่น ขับให้ใบหน้าดูผ่องกว่าเดิม อีกทั้งบุคลิกก็เปลี่ยนให้ดูเป็นเด็กซุกซนขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ส่วนแฝดคนพี่นั้นตัดผมทรงเดิม ผมสีน้ำตาลเข้มที่เคยตรงถูกดัดให้หยักศก เพิ่มให้ผมมีวอลลุ่มรับกับใบหน้ารูปไข่และ ดูเป็นเด็กสดใส มีชีวิตชีวาขึ้น

ทั้งพีชและพลับยืนมองตัวเองในกระจก ยกมือจับทรงผมของตัวเองก่อนจะหันหน้ามามองกัน แล้วหัวเราะคิกคิกออกมา พวกเขากลายเป็นฝาแฝดที่ไม่คุ้นหน้ากันไปเสียแล้ว

หลังจากเสียเวลาไปเดือบสี่ชั่วโมงในร้านตัดผม คนแรกที่พวกเขาอยากอวดคือพ่อและแม่ พีชและพลับพากันถ่ายรูปส่งไปให้แม่ดู พ่อและแม่ของพวกเขานั้นตกใจกันมากเลยทีเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

ส่วนคนที่สองที่อยากให้เห็นก็คือคนรักของฝาแฝด พลับรีบส่งรูปให้ไม้ดู รอไม่นานฝั่งนั้นก็ตอบกลับ แต่ดูท่าแล้วคำตอบของไม้คงจะทำให้พลับผิดหวังเล็กน้อย เพราะพีชเห็นว่าน้องชายตัวเองถอนหายใจและย่นจมูกใส่โทรศัพท์

‘พี่ไม้ไม่ชอบผมทรงนี้เหรอ’

“ไม่รู้สิ ชอบแหละมั้ง พี่เขาก็ชมว่าน่ารักดีนะ”

พลับก้มหน้าทางข้าวไม่ได้พูดอะไรต่อ พีชก็เองก็รีบกิน เพราะว่าต้องรีบซื้อข้าวเย็นขึ้นไปฝากกล้าและที่สำคัญคือตั้งใจจะไปอวดทรงผมใหม่ด้วย พีชหวังจะให้เห็นแววตาและสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็ตามมาด้วยคำชมจากกล้า พีชหวังไว้กล้าต้องชอบแน่ๆ เพราะลูกพีชรู้ตัวว่าผมหยักศกนี้เข้ากับเขามากกว่าผมทรงเก่า


“พีช...”

‘กล้าชอบมั้ย? เราตัดผมมาใหม่ คนละทรงกับพลับเลยนะ ต่อไปนี้จะไม่เหมือนกันแล้ว’

“...”

พีชรัวภาษามืออย่างตื่นเต้น แต่รอยยิ้มของลูกพีชเจื่อนลงไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อกล้าไม่ได้มีปฏิกิริยาตามที่คาดหวังเอาไว้ ตอนแรกที่เขาเปิดประตูเข้ามากล้าก็ดูตกใจดูตื่นเต้นดี แต่แค่พริบตาเดียวอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้ว มีสีหน้าที่พีชคาดเดาไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบกันแน่

“พีช...ทำไมถึงเปลี่ยนทรงผมล่ะ”

‘กล้า ไม่ชอบเหรอ’ พีชหลุบตาลง ยกมือขึ้นจับปลายผมตัวเองแล้วก็ลูบท้ายทอยอย่างไม่มั่นใจ

“ชอบสิ ทรงนี้เหมาะกับพีช น่ารักมากๆ เลย” เพราะเห็นท่าทีไม่มั่นใจของลูกพีชกล้าก็เลยส่งยิ้มให้พลางลูบแก้มเนียน อีกทั้งยังพูดชมขจากใจจริง เขามองดูใบหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทรงนี้เข้ากับพีชจริงๆ ผมหยักศกทำให้อีกฝ่ายดูสดใสขึ้น กล้าชอบมากๆ แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตัดผมทรงไหน กล้าก็คงชอบมากๆ อยู่ดี

ฝั่งคนที่โดนชมก็โล่งใจ ยิ้มหวานจนตาหยี จูงมืออีกฝ่ายนั่งแล้วจัดเตรียมชามมาเทข้าวต้มให้

‘กินสิ กล้าไม่หิวเหรอ’ พีชดันชามข้ามต้มไปให้กล้า เขย่ามืออีกฝ่ายเบาๆ เพราะกล้าเอาแต่เหม่อมองมาที่พีช ทำให้คนตัวเล็กยกมือขึ้นลูบปลายผมตัวเองอีกครั้ง

กล้าบอกว่าน่ารัก แต่ทำไมมองด้วยสายตาแบบนั้น จ้องเขม็งเลยหรือว่าจะไม่ชอบทรงนี้จริงๆ

“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย...ที่เปลี่ยนทรงผมแบบนั้น มันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันรึเปล่า”

“อ๋า อ๋า!” พีชรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เขาแทบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วแต่กล้ายังคงคิดมากอยู่ คนตัวเล็กพยายามอธิบายพร้อมส่ายหน้า ‘เราไม่คิดมากเรื่องนั้นแล้ว เพราะเราเชื่อใจคำที่กล้าเคยบอก...”

“...” กล้ามองอีกฝ่าย ดูภาษามือที่พีชทำ พีชเม้มปากแก้มเนียนขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าดู แล้วกล้าก็แปลกใจเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนจากทำภาษามือมาเขียนลงในสมุดโน๊ตแล้วส่งให้เขาอ่านแทน

‘เราเชื่อว่า...กล้าชอบเราจริงๆ ชอบเราคนนี้ ชอบลูกพีช รักลูกพีช’

กล้าอ่านแล้วก็ยิ้ม รู้สึกเบาใจขึ้นมากๆ และพอเงยหน้ามองก็เจอลูกพีชชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คนป่วยหัวเราะออกมายกมือขึ้นบีบแก้มแดงระเรื่อของอีกฝ่าย ทั้งปลื้มทั้งรักที่เห็นว่าพีชจำคำพูดเขาได้ขนาดนี้

พีชยิ้มหวานให้คนรัก เอียงแก้มใส่ฝ่ามืออุ่น จงใจออดอ้อนโดยการถูไถแก้มนิ่มของตัวเองไปมาจนอีกฝ่ายอยากจะดึงตัวลูกพีชเข้ามาหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาให้ชื่นใจ

“หึหึ อยากหอมแก้มจัง…”

เห็นกล้าพูดแบบนั้นก็รีบขยับเข้านั่งใกล้แทบจะเกยตัก แล้วอมลมทำแก้มพองพร้อมทั้งเอียงแก้มให้กล้าหอมอย่างเต็มที่  แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายคว้าเอาหน้ากากอนามันมาใส่ให้แทน

“อา~”

“อย่านั่งใกล้เรามากนักเดี๋ยวติดหวัดแล้วจะเป็นเรื่อง อีกไม่กี่วันเราก็หายแล้ว แต่หากพีชติดหวัดเราไปนี่อาจต้องรอเป็นอาทิตย์เลยนะ อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า”

“อ๋า อะ” พีชเข้าใจสิ่งที่กล้าอธิบาย แต่ก็เสียดายเพราะไม่รู้ว่าอีกกี่วันกล้าถึงจะหายสนิท คนป่วยหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าเสียอกเสียดายของลูกพีช

“อดทนหน่อย ถ้าเราหายจะจับหอมจับจุ๊บไปทั้วตัวจนพีชพอใจเลย”

พีชอ่านปากแล้วทำตาโต ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วก็บิดตัวไปมา เจ้าลูกพีชนึกเขินเมื่อนึกภาพตามว่าจะให้กล้าจุ๊บไปตรงไหนบ้าง

‘กล้าต้องกินยาให้ครบนะ จะได้หายเร็วๆ ’

พีชย้ำ เทน้ำและแกะยาให้กล้า อีกทั้งส่งวายตาวิบวับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนกล้าอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ลูกพีชลูกนี้เปรี้ยวได้ใจจริงๆ


VV

บางครั้ง...ลูกพีชผลนี้ก็จะมีรสชาติเปรี้ยวนิดหน่อยนะคะ จี๊ดจ๊าดพอให้ชุ่มชื่นหัวใจ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 21 โดนดุ


‘ก็น่ารักดีครับ แปลกตาดี’

พลับอ่านข้อความเดิมซ้ำไปมา มือก็ยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างไม่มั่นใจ ไม้ส่งข้อความนั้นมาแล้วก็หายไป เขาส่งข้อความไปหาใหม่แต่อีกฝ่ายก็แค่อ่านแต่ยังไม่ตอบอะไรกลับมาเลย บางทีไม้อาจไม่ชอบผมทรงใหม่ของพลับก็ได้

พลับวางโทรศัพท์ลงแล้วลุกขึ้นไปส่องกระจกดูอีกครั้ง เงาที่สะท้อนมาเป็นคนตัวพลับเองแต่ดูไม่คุ้นตา ผมสั้นย้อมสีเทาหม่น พลับคิดว่ามันไม่ได้ดูแย่อะไร เขาเองก็ถูกใจกับผมทรงนี้ แต่กลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

‘พี่ไม้ครับ ประชุมใกล้เสร็จรึยัง’

ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังไม่มีข้อความจากไม้ พลับเลยส่งข้อความไปอีก ช่วงนี้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยประชุมกันบ่อยเพราะอยู่ในช่วงเตรียมจัดงานวิชาการ ไม้เองก็ต้องเข้าร่วมประชุมด้วย

‘มันมืดแล้ว และฝนก็ทำท่าจะตกด้วย พี่ไม้ต้องมาผมก็ได้ รีบกลับคอนโดไม่พักผ่อนดีกว่าครับ’

พลับพิมพ์และถ่ายรูปตัวเองส่งยิ้มแก้มป่องไปอีกรูป ผ่านไปสักพักข้อความก็ยังไม่ถูกเปิดอ่าน เขาเข้าใจว่าคงไม้สะดวกตอบเพราะคงติดประชุมอยู่ แต่พลับก็ไม่ได้น้อยใจอะไรในเรื่องนี้เพราะเข้าใจว่าช่วงนี้ไม้ยุ่งจริงๆ

พลับนั่งทำการบ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีสายเข้าจากไม้บอกว่า รออยู่ด้านหน้าหอ คนที่บอกว่าไม่ต้องมารับก็เลยต้องวิ่งลงไปหา พอเห็นว่าคนที่ยืนพิงรถอยู่มีท่าทางเหนื่อยล้ากว่าปกติ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จนเผลอพูดเสียงดุออกไป

“พี่จะมาหาผมทำไม ไม่เห็นข้อความที่ผมส่งไปเหรอครับ”

“...เห็นครับแต่อยากมาหา พลับไม่อยากให้พี่มาเหรอ หรืองอนที่พี่ไม่ได้ตอบข้อความกลับ” เขาไม่เคยเห็นพลับพูดจาเสียงแข็งแบบนี้ใส่ตัวเองก็เลิกคิ้วขึ้น คิดว่าตนเองคงเผลอไปทำให้เด็กงอนเข้าให้แล้ว คนที่โดนเข้าใจผิดก็เลยรีบส่ายหน้าและอธิบายอีกทั้งยังลงความแข็งของเสียงลงด้วย

“ไม่ใช่ครับ ผมแค่เห็นว่าพี่ประชุมเลิกช้า เลยอยากให้กลับไปพักผ่อนเลย จะได้ไม่เหนื่อยมาก”

“ได้อยู่กับพลับก็เหมือนพี่ได้พักผ่อนแล้วครับ”

ไม้พูดแล้วยิ้ม มองเด็กตรงหน้าที่หลุบตาลงและแก้มกลมที่อมชมพูขึ้นมา เบาใจที่ไม่ได้ให้พลับโกรธ เขามองผทรงผมใหม่ของเด็กตรงหน้า ยกมือขึ้นลูบปลายคางแล้วมองอย่างพิจารณา

ครั้งแรกที่พลับส่งรูปมาให้ดู ไม้ตกใจและประหลาดใจมาก แต่เพราะวง่าอยู่ในช่วงการทำงานที่เคร่งเครียดเขาเลยพิมพ์ตอบกลับอะไรไม่ได้มาก แต่ตอนนี้เขาได้มาเห็นต่อหน้าแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ พลับดูเป็นเด็กซุกซนขึ้นมาก ผมสั้นสีอ่อนทรงไม่คุ้นตานี้ช่วยทำให้เด็กของเขากลายเป็น เจ้าเด็กแสบที่เหมือนจะป่วนทุกคนไปทั่ว

“พี่ไม้มองอะไรหนักหนาครับ ไม่ชอบผมทรงนี้มากๆ เลยเหรอ ผมจะรีบเลี้ยงให้ผมมันยาวขึ้นนะครับ” พลับยกมือขึ้นลูบท้ายทอยที่โล่งเตียนของตัวเอง สบตากับไม้อย่างไม่มั่นใจ คิดไปเองว่าบางทีไม้อาจไม่ชอบที่เขาตัดผมสั้นขนาดนี้เพราะดูเหมือนเด็กผู้ชายมากเกินไป

“แล้วพลับชอบผมทรงนี้รึเปล่าล่ะ” ไม้ถามกลับ มองเด็กตรงหน้าอย่างขบขับเพราะรู้ทันว่าคิดอะไรอะไรอยู่ เขาไม่ได้ไม่ชอบ เพียงแค่ไม่คุ้นตาเท่านนั้น แต่พอได้ลองมองนานๆ เข้าก็เห็นว่าหล่อน่ารักไปอีกแบบ ดูเหมือนลูกพลับที่มีสีสันน่ากินกว่าเดิม

“...ก็ชอบครับ”

“หากชอบก็ทำไปเถอะครับ ทำสิ่งที่ตัวพลับเองชอบจะได้มีความสุขไง เข้าใจมั้ย? ”

“เข้าใจครับ”

ไม้อธิบายด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวลูกพลับไปด้วย สิ่งไหนดี สิ่งไหนที่พลับทำแล้วชอบไม่เดือดร้อนใตรก็อยากให้ทำต่อไป เขาไม่ต้องการให้เด็กตรงหน้าตามใจเขาจนสูญเสียความเป็นตัวเอง อีกอย่างที่เขาอยากบอกก็คือ...

“พลับจะทำผมทรงไหน สีอะไร พี่ก็รักครับ” พูดแล้วขยิบตาและแตะปลายคางเด็กตรงหน้า จนได้เห็นแก้มกลมแดงระเรื่อน่าบีบขึ้นกว่าเก่า จนไม้อยากจะจับบีบจับฟัดให้หมายมันเขี้ยว

“แล้วพี่ไม้กินข้าวเย็นรึยังครับ ผมกินกับพีชไปแล้วแต่เดี๋ยวผมไปนั่งเป็นเพื่อนได้ พี่อยากกินอะไรครับ”

“อยากกินลูกพลับครับ”

“อะ...ไรนะครับ” พลับตกใจและชะงักกับคำพูดอีกฝ่าย รู้สึกได้เลยว่าแก้มร้อนจนแทบไหม้ เพราะปกติไม้ไม่ใช่คนที่พูดอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ

“ร้านผลไม้แถวนี้มีลูกพลับขายบ้างมั้ยครับ? ”

“อ๋อ ลูกพลับที่เป็นผลไม้! แหะหะ ผมคิดว่าคงไม่มีหรอกครับ” พลับเกาแก้มอย่างเก้อๆ รู้สึกขำตัวเองในใจที่คิดลึกไปเอง ส่วนคนที่ตั้งใจพูดให้เข้าใจผิดก็ยืนยิ้ม มองคงตัวเล็กส่ายหัวกับตัวเองก่อนจะแกล้งทำเป็นโอบเอวแล้วก้มหน้าลงกระซิบใกล้ใบหู

“งั้นกินลูกพลับลูกนี้แทนก่อนได้มั้ยครับ...”

พลับชะงักอีกครั้ง ยืนนิ่งเพื่อเรียบเรียงคำที่ไม้พูดเข้าสมอง ลูกพลับลูกนี้ ที่ไม้พูดน่ะหมายถึงเขาใช่มั้ย ถ้าหากใช้พลับจะได้เขิน

ลูกพลับเม้มปากแล้วช้อนตามองเพื่อความแน่ใจ เห็นแววตาวาววับของไม้ก็มั่นใจว่าคราวนี้หมายถึงตัวเองจริงๆ พลับเม้มปากสบตากับไม้แล้วพยักหน้าน้อยๆ ทำให้ไม้อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมา คนตัวเล็กถึงได้รู้ว่าโดนอีกฝ่ายแกล้งเข้าให้แล้ว

“พี่แกล้งผมเหรอ? ”

“ก็เห็นเราเขินจนม้วน มันน่าแกล้ง” ไม้อมยิ้ม แกล้งบีบแก้มอีกฝ่ายไปด้วย

“พอเลยครับ ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้นะครับ”

พลับดันไม้ให้เดินไปด้านหน้าพาไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับหอ ระหว่างที่รออาหารเขาทั้งคู่ก็คุยเล่นกันไปเรื่อย ไม้นั้นยิ้มแย้มดีแต่พลับก็จับสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีอาการเครียด ดูได้จากอาการที่ถอนหายใจและนวดขมับบ่อยๆ

“พี่เครียดเรื่องงานครับ เห็นถอนหายใจบ่อยมากเลย”

ไม้นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วทานข้าวต่อ แต่ไม่นานก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง คราวนี้ไม้หยุดทาน วางช้อนลงและมองเด็กตรงหน้า ไม้มีเรื่องเครียดและอึดอัดใจ เรื่องงานส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนที่ทำให้อึดอัดใจคือเรื่องอื่น

“ความจริงแล้วพี่เครียดเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องงานครับ”

“...”

“แก้ม...เขาส่งข้อความมาหาพี่เมื่อคืนครับ”

พลับนิ่งมองโทรศัพท์ที่ไม้ส่งมาให้ อ่านข้อความที่แฟนเก่าขจองไม้ส่งมา เป็นสามสี่ประโยคที่ทำให้พลับต้องเม้มปากและเข้าใจว่าทำไมไม้ถึงมีท่าทีอึดอัดใจแบบนั้น

‘ไม้’

‘เรื่องครั้งนั้น แก้มขอโทษนะ แก้มไม่ได้ตั้งใจและตอนนี้แก้มรู้แล้วว่ารักไม้มากแค่ไหน’

‘หากไม้ยังรักแก้มอยู่ ให้โอกาสกันอีกครั้งได้มั้ย’

‘แก้มคิดถึงไม้นะ’

พลับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงสีหน้าแบบไหนหรือควรมีความรู้สึกยังไงดี จะเรียกว่าหึงก็ไม่เชิง เขามองข้อความเดิมอยู่พักใหญ่จนไม้ดึงโทรศัพท์กลับไป พลับถึงได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน

“พลับไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลยครับ พี่จะไม่กลับไปหาเขาแน่นอน พี่แค่บอกพลับให้รู้เอาไว้เฉยๆ หากวันหลังพลับมาเจอข้อความนี้เอง เราจะได้ไม่ผิดใจกัน”

ไม้มองสีหน้าของพลับที่ไม่สู้ดีนัก นี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม้เครียด เขารู้ดีว่าพลับคงไม่สบายใจแน่ๆ หากเขาเอาข้อความนี้ให้ดู แต่ไม้ก็คิดว่าหากอีกฝ่ายมาเจอข้อความนี้เองในภายหลัง นั่นอาจทำให้พลับไม่สบายใจมากกว่า

“พี่ไม้ยังชอบพี่แก้มอยู่รึเปล่าครับ...เอ่อ ขอโทษครับ ผม...ผม” พลับแทบจะตะครุบปากตัวเองไม่ทัน คิดว่าไม่น่าถามไปแบบนั้นเลย แต่มันเป็นความกลัวลึกๆ ในใจ

“พลับไม่ต้องขอโทษหรอก หากไม่มั่นใจหรือสงสัยอะไรในเรื่องนี้ก็พูดออกมา ถามพี่มาได้เลยครับ พี่ไม่อยากให้พลับเก็บเอาไปคิดมากคนเดียว เข้าใจมั้ยครับ? ”

“ครับ ถ้างั้น…”

“ก่อนอื่นต้องยอมรับว่ามันยังมีความรู้สึกผูกพันกันอยู่บ้างแต่ฐานะของคนที่รู้จักกันมานาน ไม่มีได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นเลย”

“...”

“พี่อยากให้พลับมั่นใจเลยว่าพี่ไม่ได้ชอบแก้มในเชิงนั้นแล้วครับ ไม่อยากกลับไปคบกับเขาเลยซักนิด” ไม้อธิบายอย่างใจเย็น ลูบปลายนิ้วก้อยของพลับไปพลางๆ

“...” พลับนั่งฟังเงียบๆ และพออีกฝ่ายพูดจบก็พยักหน้าเข้าใจ สบตากับไม้และยิ้มจางๆ ออกมา

“และพลับฟังดีๆ นะครับ”

“ครับ? ”

“ตอนนี้พี่มีแฟนใหม่แล้ว และพี่แคร์แฟนคนนี้มากด้วย รู้ใช่มั้ยครับ? ”

ไม้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและส่งยิ้มให้คนรัก พลับมองแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้น

ไม้พูดแบบนั้นทำให้พลับสบายใจขึ้นก็จริง แต่ความอึดอัดใจก็ยังอยู่ ไม่ใช่ว่าพลับไม่เชื่อใจไม้ พลับเชื่อว่าตอนนี้ไม้รักตัวเอง แต่ลึกๆ ในสมองก็เอาเฝ้าบอกตัวเองตลอดว่าใจคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง และการที่คิดแบบนั้นทำให้พลับอึดอัดใจไม่เลิก พลับไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ

และพลับยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อสองวันต่อมาพลับเจอไม้และแก้มเดินด้วยกัน แก้มมาหาไม้ถึงที่ทำงาน ทั้งคู่เดินหน้าเครียดไปที่รถของไม้ พลับเห็นแต่ไม่กล้าทักไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น จิตใจมันว้าวุ่น กลัวไปหมด

“นั่นพี่แก้มนี่หว่า” กล้าพึมพำเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองเดินเคียงคู่ไปกับผู้หญิงรูปร่างคุ้นตา เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรีบหันกลับมาหาพลับ

“...”

“พลับ...ไม่ต้องคิดมากนะ แค่บังเอิญเจอกันมั้ง ไม่มีอะไรหรอก”

พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพลับ กล้าพยายามอธิบายให้พลับสบายใจขึ้น กล้ารู้นิสัยของพี่ชายตัวเองดี ไม้ไม่ได้เป็นผู้ชายประเภทใจโลเลจับปลาสองมือ สิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ

แต่พลับก็แค่พยักหน้าและยิ้มจางๆ กลับไป ทั้งพีชและกล้าต่างรู้ถึงความผิดปกตินี้ พีชเดินเข้าไปบีบไหล่น้องชายตัวเอง ช่วยกล้าพูดว่าอย่าเพิ่งคิดไปเอง หากสงสัยอะไรให้ถามพี่ไม้เองดีกว่า สิ่งสำคัญสำหรับคู่รักคือการคุยกันให้เข้าใจ





ตอนเย็นไม้ก็มารับพลับตามปกติ ไม้จับสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายดูมีเรื่องไม่สบายใจ ไม้ไม่มั่นใจเลยว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ เพราะเมื่อวานหลังจากที่อธิบายเรื่องของแก้มไปแล้ว พลับก็ดูยิ้มแย้มขึ้น จะมีก็แต่วันนี้นี่แหละที่ดูเงียบลง

“พลับอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ มีร้านอาการเปิดใหม่ใกล้คอนโดพี่นะ ไปลองกินมั้ย? ”

“ครับ”

ไม้ขมวดคิ้วกับน้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่าย พลับนั่งก้มหน้ามาตลอดทาง สองมือก็กุมเข้าหากันดูไม่ร่าเริงเลยซักนิด

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมดูซึมๆ ไม่สบายเหรอ? ”

“ผมสบายดี...พี่ไม้ครับ เรื่องพี่แก้ม ตอนนี้เขายังติดต่อพี่อยู่รึเปล่าครับ”

ไม้ถอนหายใจออกอย่างช้าๆ เมื่อได้รู้ว่าเรื่องของแก้มยังคงทำให้พลับรู้สึกไม่สบายใจ ไม้เงียบไปครู่ใหญ่เพื่อคิดก่อนจะตัดสินใจส่ายหน้าและปฎิเสธออกไป เพราะคิดว่าหากบอกไปว่าวันนี้แก้มมาหาถึงมหา’ลัย พลับคงรู้สึกแย่กว่าเก่าแน่ๆ ไม้คิดว่าพลับเครียดเกินไปแล้ว เลยเลือกที่จะกลับคำปิดบังเอาไว้

“ไม่แล้วครับ”

“...” พลับเม้มปาก บีบมือเข้าหากัน มีความรู้สึกแน่นในอก

ตอนนี้พลับไม่ได้สนใจอยากรู้เลยว่าพี่แก้มมาทำไม พลับอยากรู้อย่างเดียวคือ...ทำไมถึงโกหก ทำไมถึงไม่ยอมบอก พลับนั่งนิ่งๆ ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรออกไป

บรรยากาศในรถนั้นเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม้มองตรงไปด้านหน้า ส่วนพลับก็ก้มหน้ามองมือตัวเอง มันเป็นบรรยากาศที่อึดอัด ไม้ขบฟันอย่างใช้ความคิด เขารู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งจะโกหกพลับไป นั่นเพราะไม่อยากให้พลับคิดมาก แต่การโกหกแบบนี้ก็ทำให้ไม้รู้สึกแย่ และคิดว่าหากพลับมารู้เองทีหลังมันจะแย่กว่านี้รึเปล่า

สุดท้ายไม้เลยหาที่เหมาะๆ จอดรถที่ข้างทางและหันมาหาเด็ก ดึงฝ่ามือชื้นเหงื่อของพลับมากุมเอาไว้และบอกความจริงออกไป

“พลับครับพี่ขอโทษ พี่โกหก”

“...”

“...วันนี้แก้มมาหาพี่ที่มหา’ลัย”

“…” พลับเงยหน้ามองอีกฝ่าย เพียงแค่ไม้ยอมรับว่าโกหกพร้อมบอกความจริง สิ่งที่เคยตีบตันในอกก็หายไปเกือบหมด พลับยิ้มมุมปากเล็กๆ พยักหน้าและรับฟังเหตุผลของไม้อย่างใจเย็น

“แก้มมาหาเพราะขอโทษเรื่องเก่าๆ เท่านั้นครับ ไม่ได้มีอะไรที่พลับต้องกังวลเลย พี่ยังคงยืนยันคำเดิมว่าระหว่างพี่กับเขานั้นมันจบไปแล้วจริงๆ ครับ”

“...”

“พี่บอกเขาไปแล้วด้วยว่ามีคนรักใหม่แล้ว เขาเองก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับฟังและยอมรับโดยดี”

“...แล้วทำไมพี่ถึงโกหกครับ” ถึงแม้จะรู้สึกดีที่ไม้บอกแก้มไปว่ามีคนรักใหม่แล้ว แต่นี่ตังหากคือสิ่งที่พลับอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้

“พี่เห็นว่าพลับดูเครียดเกินไปแล้ว และแก้มก็คงไม่มาอีกพี่เลยติดสินใจโกหกไป...อย่าเครียดเลยนะ พี่เห็นเราซึมแล้วใจไม่ดีเลย” ไม้ลูบแก้มนุ่มแล้วส่งยิ้มให้ พลับพยักหน้าแล้วขยับตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้ ซุกหน้าเข้าที่ลาดไหล่หนาก่อนจะผละออกและส่งยิ้มกว้าง คิดว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่ไม้ก็โกหกเพราะอยากให้พลับสบายใจ

“ทีหลังพี่อย่าโกหกผมเลยครับ สิ่งที่พี่จะบอกอาจทำให้ผมไม่สบายใจ แต่ผมจะเสียใจมากกว่าหากรู้ว่าพี่กำลังโกหกอยู่...และครั้งนี้ผมดีใจมากๆ เลยครับที่พี่บอกความจริง ขอบคุณนะครับ”

พลับไม่อยากให้ไม้โกหก เพราะมันจำทำให้รู้สึกระแวงไม่ไว้ใจ ระแวงว่าคำที่อีกฝ่ายพูดนั้นจะโกหกอีกรึเปล่า แต่การที่ไม้ขอโทษและยอมบอกความจริงแบบนี้ทำให้พลับรู้สึกดีที่ไม้ยอมรับ

ไม้ดึงพลับเข้ามากอดอีกครั้ง ลูบไหล่ลูบแผ่นหลังบางเพื่อขอโทษ ต่อจากนี้ไม่คงไม่คิดที่จะโกหกพลับอีกแล้วเมื่อได้รู้การซื่อตรงและการพูดความจริงต่อกันมันเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเขา

“ขอบคุณที่ไม่โกรธพี่นะครับ” พลับมองเด็กตรงหน้าอย่างขอบคุณ รู้สึกหลงรักมากขึ้นไปอีก พลับเป็นเด็กที่มีเหตุผลมาก เป็นสิ่งที่ทำให้ไม้หลงรักได้ตลอด

เมื่อปรับความเข้าใจกันได้พลับก็ดูร่าเริงขึ้นมาทันที ยิ้มและหัวเราะชวนให้เขารู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย

หลังจากพาพลับไปทานข้าวเย็นเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาใจเด็กด้วยการพาไปขับรถเล่น ดูไฟตามท้องถนนและพามานั่งรับลมและดูวิวแม่น้ำที่สะพานแขวน พร้อมกับไอติมหนึ่งถ้วย

“อร่อยมากเลยเหรอ กินไปยิ้มไป” ไม้แซว เห็นเด็กตักไอติมเข้าปากคำนึงแล้วก็หลับตาพริ้ม อมยิ้มไม่หยุด

“พี่ไม้อยากลองชิมมั้ย? ”

พลับยื่นถ้วยไอติมไปให้ไม้ แต่อีกฝ่ายไม่รับไปก็เลยใช้ช้อนตักแล้วป้อนให้ ไม้ก็ส่ายหน้าแล้วอมยิ้ม ไม่ทันให้เด็กไหวตัวทันก็จับข้อมือของพลับเอาไว้แล้วโน้มตัวลงมาหา ประกบริมฝีปากดูดดึงกลีบปากอวบอิ่มและสอดลิ้นเข้าไปชิมรสไอติมด้านในโพรงปากของลูกพลับ ลิ้มรสความหวานจนพอใจก็ผละออก

“อร่อยมากครับ”

ไม้แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ มองเจ้าเด็กพลับที่เม้มปากแน่นแก้มกลมแดงก่ำน่าดู ตั้งหน้าตั้งตาตักไอติมเข้าปากจนเกือบจะสำลัก

“แถวนี้คนเยอะนะครับ รถขับผ่านไปมาก็มี” ลูกพลับพึมพำพูดเสียงเบา มองอีกฝ่ายที่หัวเราะหน้าระรื่นไม่เลิก พลับไม่ชินเลยเวลาที่ไม้ทำอะไรทำนองนี้ในที่สาธารณะ ไม่คิดด้วยว่าไม้จะกล้าทำ

“ไม่มีใครสนใจเราหรอกครับ ต่อให้พี่ทำอีกทีก็ไม่มีสนใจมองเราหรอกครับ”

พูดไม่พอ ยังโอบไหล่พลับทำท่าจะจูบอีกครั้งจริงๆ พลับรีบร้องห้ามดันไหล่ของไม้เอาไว้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจูบแต่ในที่แบบนี้พลับเขิน

“ค ค่อยกลับไปทำที่ห้องดีกว่าครับ” แต่ถ้าหากอยู่ในห้องกันแค่สองคน ต่อให้เขินขนาดไหน พลับก็ทำได้…





พอถึงคอนโดของไม้ สิ่งแรกที่พลับทำเสมอคือการเดินเข้าไปทักทายเจ้านุ่ม กระต่ายตัวอ้วนที่โตวันโตคืน จนตัวใหญ่คับกรงไปหมดแล้ว

“เจ้านิ่ม กินไม่หยุดเลย หญ้าจะหมดอีกแล้วนะ”

“พลับอาบน้ำก่อนมั้ยครับ? ”

“พี่ไม้อาบก่อนเลยครับ ขอผมเล่นกับเจ้านิ่มนี่ก่อน”

ไม้มองดูพลับที่อุ้มกระต่ายขึ้นมาวางบนตกแล้วป้อนขนม เดินเข้าไปหอมแก้มนิ่มสองฟอดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พอเสร็จเรียบร้อยก็เดินนุ่งผ้าขนหนูออกมาเพื่อที่จะไปแต่งตัวในห้องนอน ระหว่างนั้นก็บอกให้คนรักรีบไปอาบน้ำได้แล้ว จนไม้แต่งตัวเสร็จเจ้าเด็กพลับก็ยังคงนั่งเล่นซุกพุงกระต่ายอยู่ที่เดิม

“พลับครับ พี่บอกให้ไปอาบน้ำกี่รอบแล้ว”

“อ่า รอบเดียว? ”

“สองรอบแล้วครับ”

ไม้พูดนิ่งๆ แถมยังส่งยิ้มเย็น พลับที่เห็นท่าไม่ดีรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาและน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็รีบขยับตัวออกห่าง รีบหนีไปอาบน้ำก่อนที่จะโดนไม้ดุเข้าจริงๆ

“งั้นผมจะรีบไปอาบ...หวา! ”

คนที่กลัวโดนดุร้องเสียงหลง เมื่อลุกขึ้นเรียมจะไปอาบน้ำก็โดนอีกคนดึงมือให้ลงไปนั่งตัก อีกตั้งยังกอดรัดเอาไว้จนพลับขยับหนีไปไหนไม่ได้

“หมดเวลาอาบน้ำแล้วครับ”

ไม้ยิ้มอย่างมีเลศนัย โน้มตัวลงไปหอมแก้มและจุ๊บกลีบปากนุ่ม ฝ่ามือก็ลูบไล้ไปมาตรงสีข้างและสอดเข้าชายเสื้อ เห็นเด็กในอ้อมกอดตัวแข็งขึ้นมาก็สบสายตา

“ขอพลับอาบน้ำก่อนแล้วค่อยทำได้มั้ยครับ ตัวผมเหม็นเหงื่อ”

ไม้ส่ายหน้าไม่ยอมปล่อยเด็กให้ลงจากตัก กลับกระชับอ้อมแขนพลางไล้ปลายจมูกไปตามซอกคอเนียนนุ่ม แลบลิ้นออกมาเลียเบาๆ ให้คนในอ้อมกอดขนลุก

“ไม่เหม็นเลยครับ มีแต่กลิ่นหอม...หวานอีกตังหาก”

พูดแล้วก็แตะแต้มริมฝีปากไปทั่วใบหน้าและลำคอ พลับเอียงคอหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี้ มองแววตาตาวิบวับของไม้แล้วดันอกเอาไว้

“ผมนึกว่าจะโดนพี่ดุที่ไม่ยอมไปอาบน้ำเสียที”

“...ก็นี่ไงครับ พี่กำลังจะดุ”

ไม้จับแขนของพลับให้โอบรอบคอตัวเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโดยอุ้มเด็กเอาไว้ในอ้อมกอดรีบเดินเข้าห้องนอน วางเด็กลงบนเตียงโดยที่ไม่ได้นุ่มนวลนัก พลับหวีดร้องเมื่อโดนประกบจูบอย่างกะทันหัน ทั้งเกร็งทั้งตื่นเต้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะโดนพี่ไม้ดุใส่

“อือ พี่ไม้…อะ” ลูกพลับแอ่นอกขึ้นรับกับลิ้นอุ่นชื้นที่ปาดเลียไปมาตามแผ่นอก จี้เน้นตรงส่วนยอดที่แข็งคัดชูชันดันเสื้อเชิตออกมาเป็นเม็ด

ข้างหนึ่งถูกหยอกเย้าด้วยปลายลิ้น อีกข้างก็ถูกรังแกด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช่แค่ถูไถปัดผ่านเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เป็นการบีบสะกิดชวนให้ทั้งเสียวทั้งเจ็บไปพร้อมๆ กัน

“แข็งคับกางเกงเชียวครับ ชอบที่พี่บีบแรงๆ เหรอ”

“ฮื่อ อะ อือ...” คราวนี้เปลี่ยนเป็นแอ่นสะโพกขึ้นเพราะโดนฝ่ามือใหญ่เคล้นคลึงส่วนอ่อนไหวผ่านกางเกงสแล็คสีดำ พลับหยัดสะโพกขึ้นสู้มือ ส่ายพริ้วไปมาตามจังหวะการลูบของอีกฝ่าย

ไม้มองใบหน้าแดงระเรื่อ หอมแก้มนุ่มทั้งสองข้าง อีกทั้งวนเวียนจูบริมฝีปากอิ่มไม่รู้เบื่อ ขบกัดดูดดึงริมฝีปากล่างจนบวมเจ่อ ลิ้มรสหวานภายในโพรงปากและหยอกล้อกับเรียวลิ้นเล็กอย่างพึงพอใจ มือก็สาละวนอยู่กับการปลดเข็มขัดและดึงกางเกงและชั้นออกจากเรียวขาขาว ลูบไล้ไปตามขาเนียนตั้งแต่ปลายขาจนมาถึงต้นขาด้านใน

“อ๊ะ พี่ครับ อา แบบนี้มัน...” พลับกัดริมฝีปากตัวเอง มองคนด้านบนที่ส่งยิ้มมองมาไม่วางตา พลับกำลังอาย เพราะไม้นั้นแยกขาเขาออกกว้างอีกทั้งยังช้อนสะโพกลูกพลับขึ้นวางบนตัก อะไรๆ ก็เปิดเผยให้อีกฝ่ายเห็นอย่างชัดเจน

“น่ารักมากเลย อ้าขากว้างกว้านี้หน่อยได้มั้ยครับ” ไม้ชมและขอความร่วมมือ มองสะโพกและก้นนุ่มสีระเรื่อตรงหน้า ลูบไล้พลางบีบเคล้นอย่างมันเขี้ยว

พลับเม้มปาก ถึงแม้ว่าจะอายแต่หากไม้ชอบ เขาก็พร้อมที่จะเปิดเผยให้อีกฝ่ายมอง พลับแยกขากว้างกว่าเดิม มองดูอีกฝ่ายที่เทเจลสีใสลงตรงส่วนนั้นพร้อมกับนิ้วมือเรียวยาวที่สอดลึกเข้ามาภายในช่องทางอย่างช้าๆ

ไม้มองลูกพลับที่ครางอื้ออึงหลับตาและกัดปากตัวเอง มืออีกข้างก็ละออกจากยอดอกเปลี่ยนมากอบกุมแก่นกายสีอ่อนแล้วรูดรั้ง และเริ่มต้นขยับนิ้วอยู่อยู่ด้านในจงใจถูไถท้องนิ้วไปกับจุดกระตุ้นอารมณ์ด้านใน ดึงเข้าและออกจนช่องทางนี้นุ่มขึ้น

พลีบหวีดครางเสียงสูงเพราะไม้นั้นเพิ่มนิ้วเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งขยับขยับมือเร็วกว่าเดิม ทั้งด้านหน้าและด้านหลังโดนอีกฝ่ายหยอกเย้าจนลูกพลับทนไม่ไหว ปลดปล่อยออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้อง

แต่ถึงกระนั้นไม้ก็ยังไม่ดึงนิ้วออก ยังคงขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ กดเน้นตรงจุดนั้น ทำให้ลูกพลับน้อยแช็งชันขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ผละออกเพื่อถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ออก

“จูบพี่หน่อยได้มั้ยครับ? ”

พูดยังไม่ทันจบ พลับก็ชันศอกหนึ่งข้างเพื่อพยุงตัวขึ้นโอบลำคอของไม้เอาไว้แล้วประกบจูบตามที่ไม้ต้องการ ลิ้นเล็กสอดเข้าหาเกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นของไม้ ทำแบบที่อีกฝ่ายชอบอย่างเอาอกเอาใจ

“พี่ไม้ครับ”

ลูกพลับทิ้งตัวลงนอนแผ่กับที่นอน แต่แอ่นสะโพกขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงแท่งร้อนที่ปัดป่ายอยู่ตรงก้นนุ่ม สองมือจับหัวไหล่ของไม้ไว้แน่น พยายามแยกขาออกให้กว้างเท่าที่จะทำได้ หอบหายใจถี่ๆ ตามแรงอารมณ์ หลุบตามองดูท่อนลำของอีกฝ่ายที่ถูไถอยู่ตรงช่องทาง ไม่ยอมเข้ามาเสียที

ไม้มองเด็กตรงหน้าที่พยายามหยัดสะโพกขึ้น สองขาเกี่ยวเอวเขาเอาไว้ พยายามเบียดสะโพกเข้าหาต้องการให้เขาดันตัวเข้าไป ไม้ยิ้มก้มตัวลงขบเม้มริมฝีปากและยอดอกสีระเรื่อในขณะที่ค่อยดันตัวเข้าไปช้าๆ

พลับครางอย่างพอใจ แต่ไม่ทันไรไม้ก็ดึงออก แล้วดันเข้ามาใหม่ ทำแบบนั้นสลับไปมาเรื่องจนพลับใจจะขาด มันเสียวแต่มันไม่เต็มอิ่มยังไงไม่รู้ พลับต้องการให้ไม้…

“...เข้ามาลึกๆ อื้อ! พี่ครับ”

ลูกพลับกำมือแน่น สบตากับอีกฝ่ายที่ดันเข้ามาลึกๆ ตามที่ตัวเองต้องการ แต่ก็กะทันหันเกินไปจนพลับไม่ทันตั้งตัว จุกแน่นไปทั่วหน้าท้องแต่ก็เจือไปด้วยความรู้สึกกระสันสมใจ พลับคราง เนื้อตัวสั่นคลอนตามจังหวะการขยับของอีกฝ่าย ช้าบ้างเร็วบ้าง เป็นจังหวะและลีลาที่ทำให้ลูกพลับครางจนเสียงแหบ

“เหนื่อยหรือยังครับ? ”

“เหนื่อยแล้ว อ๊ะ อือ” พลับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเมื่ออีกฝ่ายถอนตัวออกไป แต่ไม่นานก็กลับดันเข้ามาอีกครั้ง ลูกพลับได้แต่สงสัยกับตัวเองว่าไม้จะถามว่าเหนื่อยไปทำไม ในเมื่อถามแต่ก็ทำต่ออยู่ดี

รอบสามผ่านไป รอบที่สี่กำลังจะเริ่มขึ้น พลับรู้สึกหมดแรงมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ไม้ทั้งขยับสะโพกทั้งสอนท่าทางที่พลับเพิ่งได้รู้จัก...ท่าทางน่าอายและน่าตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน

“อะ พี่ไม้...พอแล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาด ฮื่อ อือ! ” พลับส่ายหน้าครางฮือ และพูดขอร้อง ตอนนี้เขาถูกจับให้นอนหงายอยู่ด้านบน สองขาตั้งชันและแยกออกกว้างอยู่บนขาของไม้อีกที เป็นท่าทางที่น่าอายที่สุดเท่าที่ลูกพลับรู้จัก

“พี่ไม่หยุดให้หรอกนะ พี่กำลังดุพลับอยู่ไงครับ”



พี่ไม้เขาเป็นคนดุนะคะ แต่เชื่อเราเถอะ ลูกพลับไม่กลัวหร๊อกก

Twitter : @loammyloammie

facebook : loammyloammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 22 ตอบแทนกันและกัน



“เป็นอะไร หน้าบึ้งเชียว”

“ฮื่อ...”

ลูกพีชเงยหน้ามองมือกล้า พอจับใจความได้ก็ส่งเสียงแสดงออกถึงความไม่พอใจ ก้มหน้าลงและขมวดคิ้ว เดินลิ่วๆ ไม่สนใจอีกคนที่เกือบคว้าแขนของพีชไว้แทบไม่ทัน

“เดินช้าๆ หน่อยสิ เดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก”

พีชยู่ปากแต่ก็ยอมเดินให้ช้าลง ชำเลืองคนข้างกายที่ตอนนี้ใส่กางเกงวอร์มขายาวและเสื้อกล้าม เป็นชุดออกกำลังกายทั่วไป แต่เพราะไหล่กว้างและกล้ามเนื้อสวยงามตึงแน่นที่ต้นแขนช่วยทำให้อีกฝ่ายดูดีมาก และนั่นทำให้กล้าได้รับความสนใจจากสาวๆ รวมไปทั้งหนุ่มน้อยที่เดินผ่านไปมาให้ชำเลืองมองจนตาวาวกันเป็นแถว

ช่วงนี้กล้าฮอตเป็นพิเศษ เพราะมีเพจหนุ่มหล่อของมหา’ ลัยเอารูปกล้าไปโพส คนตัวสูง หุ่นดี กล้ามสวยอย่างกล้าก็เลยมีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ขึ้นมาเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ซึ่งนั่นทำให้ลูกพีชไม่ชอบใจเลย

ตอนไปฟิตเนส เวลาที่กล้าจะเล่นอะไร จะเดินไปทางไหน คนอื่นๆ ก็หันมามอง มายืนดู และหากดูแต่ตาพีชคงไม่ว่าอะไร แต่บางคนกลับขอเข้ามาลูบ มาจับกล้าม มาจับหน้าท้องของกล้า แถมพ่อคนฮอตก็ดันใจดียื่นแขนเปิดเสื้อให้เขาลูบเสียอย่างนั้น

พีชหวง!

“ถึงห้องแล้ว หยุดทำหน้าบึ้งได้แล้ว ยิ้มหน่อยเร็ว พีชยิ้ม~” กล้าเย้า ใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มนุ่มทั้งสองข้างแล้วก็ไปด้วย แต่ลูกพีชก็ยู่ปากแล้วสะบัดหน้าหนี เป็นท่าทางที่ทำเอากล้าหลุดหัวเราะออกมา เพราะมันทั้งน่าขำและน่าเอ็นดู

“ฮึ!”

“อะไรกัน พีชงอนเราเหรอ”

พีชนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า ตอนแรกพีชก็ไม่ได้ตั้งใจจะงอนหรอก แต่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนั้นก็ดี เพราะพีชจะได้แกล้งงอนให้อีกฝ่ายเข็ด เอาให้ไม่กล้าไปเปิดเสื้อให้คนอื่นลูบท้องแบบนั้นอีกเลย

‘งอนมากด้วย’ พีชย้ำแล้วกอดอก ทำเป็นขมวดคิ้วสะบัดหน้าหนีอีก

ท่าทางคนงอนตอนนี้ทำเอากล้าหุบยิ้มไม่ได้เลย มันจะน่ารักไปไหน ส่ายหัวไปมา ทำหน้าทำตาปากยื่นปากยาวน่ามันเขี้ยว น่าแกล้งนัก

“โธ่ งอนเรามากเลยเหรอ งั้น...คืนนี้พีชก็คงไม่อยากนอนห้องเราแล้วล่ะสิ”

“...” คนแกล้งงอนเริ่มลังเล แต่ก็ยังนิ่งเพราะรู้ว่าถึงจะโกรธกันก็นอนด้วยกันได้ เรื่องนี้กล้าแกล้งพีชไม่ได้หรอก

“แล้วก็...ไม่อยากอาบน้ำกับเราแล้วด้วย ใช่มั้ย?”

“อา…”

คราวนี้พีชส่งเสียงท้วงเบาๆ เพราะปกติกล้าไม่ชอบให้อาบน้ำพร้อมกัน เนื่องจากห้องน้ำที่หอนั้นค่อนข้างแคบ ผู้ชายสองคนเข้าไปยืนด้วยกัน จะทำอะไรก็ไม่สะดวกเท่าไร เพราะฉะนั้นการที่กล้าชวนก่อนแบบนี้ถือเป็นโอกาสที่หายากสำหรับพีช

“ช่วยไม่ได้เนอะ เราอาบคนเดียวก็ได้...เสียใจจัง” ทำภาษามือไปทำหน้าเสียอกเสียดายไป หันหลังเตรียมเดินไปหยิบผ้าขนหนู แต่ก็โดนใครบางคนจับแขนเอาไว้

‘เราไม่ได้งอนกล้า เมื่อกี้เราล้อเล่น’

“อ้าวเหรอ ไม่ได้งอนเราจริงๆ เหรอ”

พีชช้อนตามอง แล้วก็ยิ้มแหยๆ แล้วพยักหน้าด้วยท่าทางดูเจี๋ยมเจี้ยมจนกล้าหัวเราะเสียงดัง ถอดเสื้อออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ลูกพีชก็ตาวาวรีบถอดเสื้อผ้าตามเข้าไป

“รู้งี้หาหอที่มีห้องน้ำกว้างกว่านี้หน่อยก็ดีหรอก” กล้าบ่นพีชที่คอยอ่านปากอยู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย ห้องน้ำที่นี่แคบจริงๆ เพราะออกแบบมาให้ใช้งานได้คนเดียว

‘หาห้องที่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ’ ทำภาษามือแล้วก็เม้มปาก ดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมา กล้ามองแล้วก็เอะใจจนอดที่จะแซวไม่ได้

“แหน่ะ รู้นะว่าคิดอะไร”

“แอะ” คนที่คิดอะไรๆ อยู่ยิ้มเขินที่โดนจับได้ ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองแล้วทำท่าหัวเราะ

“พีชทะลึ่ง”

กล้าเกลี่ยแก้มของลูกพีชแล้วหัวเราะตาม ราดน้ำลงบนตัวของลูกพีชและตัวเอง ตามด้วยครีมอาบน้ำ

‘ครีมอาบน้ำกลิ่นใหม่’ พีชบอก ยกแขนตัวเองที่เพิ่งล้างครีมอาบน้ำออกขึ้นมาดม จากนั้นก็ยื่นไปให้กล้าดมบ้าง

“หอม...แต่ตรงนี้หอมที่สุด” พูดแล้วก็โอบเอวเล็กดึงเข้าหาตัว ก้มลงไปหอมแก้มของลูกพีชทั้งซ้ายทั้งขวาให้ชื่นใจ





หลังจากที่อาบน้ำด้วยกันพีชก็ดูอารมณ์ดีขึ้นแต่พอมานอนเล่นโทรศัพท์ไปได้แค่ครู่เดียว คนตัวเล็กก็ลุกขึ้นนั่งขมวดคิ้ว ส่งเสียงในลำคอทำปากขมุบขมิบเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง กล้าที่นั่งเล่นเกมอยู่ใกล้ๆ กันก็เลยถือวิสาสะ เอียงตัวดูหน้าจอโทรศัพท์ของพีช พอเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมพีชถึงดูหงุดหงิด

เพจหนุ่มหล่ออะไรนั่น เอารูปกล้าตอนเล่นฟิตเนสเมื่อเย็นนี้ไปลงอีกครั้ง เป็นภาพที่กล้านอนหงายกำลังยกเวท ทำให้กางเกงวอร์มนั้นลู่ไปกับสะโพก อะไรๆ กลางตัวของกล้าก็เลยนูนขึ้นมาตามธรรมชาติของผู้ชาย ซึ่งพอกดอ่านคอมเมนต์ก็มีแต่คนเข้ามาชื่นชมปนลวนลาม

พีชก็รู้ว่าพวกเขาแค่พิมพ์เอาสนุก แต่พีชหึง ยิ่งอ่าน ลูกพีชก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่ากล้ากำลังโดนคนอื่นลวนลามด้วยตัวหนังสือ

“พีชอย่าไปอ่านคอมเมนต์สิ”

“อือ”

“ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปอ่าน ไม่สบายใจเปล่าๆ”

‘เราหวง หึงด้วย พวกเขาคอมเมนต์ทะลึ่งกันมาก ทั้งอม ขย่ม และ...’ พีชลดมือลงแล้วเบ้หน้าแทน เพราะไม่รู้จะทำมือกับคำว่า นั่งเทียน ที่คนอื่นคอมเมนต์ไว้ยังไงดี กล้ายิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าเข้าใจ

หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาแอดมินของเพจนั้น คุยกันอยู่สักพักจนเรียบร้อยก็ยื่นไปให้พีชอ่าน

“เราขอแอดมินไปแล้วว่าอย่าเอารูปเราไปลงอีก”

‘เรางี่เง่าไปรึเปล่า...หึงเกินไปรึเปล่า?’

“ไม่หรอก เราเองก็ไม่ค่อยชอบที่โดนคนไม่รู้จักพูดถึงในแง่นั้น”

กล้าตัดสินใจแล้ว แรกๆ เขาก็ดีใจแหละโดนลงเพจหนุ่มหล่อแบบนั้น แต่ระยะหลังมานี้เขาไม่สะดวกใจเอาเสียเลย บางคนก็ทักทายกันดี แต่บางคนก็เข้ามาแบบถึงเนื้อถึงตัวเกินไป กล้าตั้งตัวไม่ทันและไม่ชินจริงๆ

และเรื่องคอมเมนต์ในเพจนี่ด้วย บางคอมเม้นนั้นก็อยากขอบคุณที่ชื่นชม บางประโยคก็พอรับได้ แต่บางคอมเม้นก็แรงจนกล้ารู้สึกกระดากเขินขึ้นมา เพราะการแสดงความคิดเห็นที่ดูจาบจ้วงและลวนลามกัน พวกเขาคอมเมนต์กันสนุกๆ แต่ตัวกล้าก็ไม่ชอบเท่าไรนัก จึงตัดปัญหาโดยการไม่อ่านไปเลย ซึ่งเขาก็อยากให้พีชไม่ต้องไปสนใจเช่นกัน

ไม่นานหลังจากแจ้งแอดมินไป ทางนั้นก็ปิดการแสดงความคิดเห็นในรูปภาพของกล้า และได้ชี้แจงถึงเหตุผลรวมไปถึงแจ้งว่าจะไม่นำรูปของกล้ามาลงอีกหากไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัวก่อน

“ทางแอดมินก็หวงยอดไลค์ เขาเลยขอไม่ลบรูปที่ลงไปแล้วแต่ก็ไม่ลงรูปแบบนี้อีก แค่นี้ก็โอเคแล้วเนอะ” กล้าเข้าใจทางแอดมินเพจ จึงไม่ว่าอะไรหากจะไม่ลบภาพเพราะแค่ปิดคอมเมนต์พวกเขาก็โอเคแล้ว

‘ถึงแม้ว่ากล้าจะไม่ได้ลงเพจหนุ่มหล่อแล้ว แต่กล้าก็หล่อมากสำหรับเราเสมอนะ’

ไม่ใช่แค่การบอกลอยๆ เพื่อเอาใจเพียงอย่างเดียว แต่พีชก็คิดแบบนั้นจริงๆ กล้าหล่อเหลาเสมอสำหรับพีช

“ปากหวานนักนะเราอ่ะ ไหนมาชิมหน่อยซิ”

พูดยังไม่ทันจบกล้าก็โดนลูกพีชโถมตัวเข้าใส่ ส่งยิ้มซุกซนแล้วเข้ามาจุ๊บให้เขาได้ชิมว่าตัวเองนั้นปากหวานเหมือนที่กล้าชมแค่ไหน

‘ปากกล้าก็หวาน เราชอบ อยากจูบอีกเยอะๆ’

กล้าหัวเราะ ลุกขึ้นดึงพีชให้นั่งบนตักแล้วประคองใบหน้าของลูกพีชแล้วบรรจงประกบปากจูบไปอย่างอ่อนโยน ละเลียดชิมความหวานจนพึงพอใจก็ถอนจูบออก ลากริมฝีปากไปตามแก้มขาวนวล แล้วค่อยๆ ใช้มือถอดเครื่องช่วยฟังของพีชออก เพราะอารมร์หวานๆ เมื่อครู่นี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์หวาม

“อ๊ะ อา…” พีชส่งเสียงครางพลางเอียงใบหน้าหนี เมื่อเครื่องช่วยฟังหลุดออกไปก็ตามมาด้วยสัมผัสชวนจั๊กจี้ เรียวลิ้นอุ่นชื้นของกล้าทำให้พีชขนลุกไปหมด

“แข็งแล้วนี่นา พีชทะลึ่ง” กล้าแกล้งพูดทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ยิน และพีชไม่มีกะจิตกะใจมานั่งมองปาก กล้าเพียงแค่จูบและขบเม้มติ่งหูเพียงเท่านั้น เจ้าลูกพีชก็เกิดอารมณ์ได้อย่างง่ายดายจนอะไร ๆ มาจิ้มหน้าท้องของเขาอยู่แบบนี้

“อือ อ๊า” พีชหุบขาเข้าหากันอย่างตกใจ เพราะจู่ๆ กล้าก็ละมือลงไปเคล้นคลึงตรงแก่นกายโดยที่พีชไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ไม่นานก็แยกขาออกให้อีกฝ่ายรูดรั้งได้อย่างถนัดมือ

ลูกพีชหลับตาพริ้ม นั่งพิงแผ่นอกกว้างแยกขาออกให้อีกฝ่ายปรนเปรอความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ก็ลืมตาแล้วหันไปมองกล้าเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาบริเวณต้นคอ

“ขอโทษ มันเขี้ยวไปหน่อย” กล้าหอมแก้มและวนปลายนิ้วไปมาตรงบรเวณที่เผลอขบไปเมื่อครู่นี้ ผิวของพีชทั้งนุ่มทั้งหอม จูบไปจูบมาก็เผลอลงเขี้ยวจนผิวขาวเกิดรอบแดงอย่างชัดเจน

‘เมื่อกี้กล้าทำอะไร’

กล้าทำให้พีชดูอีกครั้ง โดยการยกแขนขึ้นมาดูดดุนแล้วลงเขี้ยวไป พีชสะดุ้งอีกครั้งเพราะมันเจ็บ แล้วก็ดูรอยแดงเล็กๆ ที่เกิดบนแขนตัวเอง

พีชมองรอยจูบนั้นแล้วอมยิ้ม ขยับตัวนั่งคร่อมตักของกล้าเอาไว้ แล้วก้มลงไปประกบริมฝีปากลงบนต้นคอ ขบกัดและดูดดุนจนเกิดรอยสีแดงจางๆ บนลำคอกล้าเช่นกัน แต่รอบเดียวมันไม่หนำใจ พีชก็เลยแถมให้อีกสองสามรอย

“เราทำแค่พีชรอยเดียวเองนะ”

“อา…” พีชเอียงคอให้กล้าทำอีก แต่อีกฝ่ายก็แค่ดึงไปจูบเบาๆ ไม่ได้ทำรอยเพิ่ม

กล้าเคล้าเคลียปลายจมูกไปทั่วลำคอหอมกลุ่นและแผ่นอก พีชเองก็ยกมือถอดเสื้อของตัวเองออกรู้งาน จงใจดันยอดอกของตัวเองขึ้นให้กล้าขบเม้ม

“นี่ก็เร่งจัง ใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ยพีช ฮืม” กล้าปราม พยายามกดสะโพกของพีชไว้กับเตียงนิ่งๆ เพราะเจ้าพีชเอาแต่แอ่นอกกระดกสะโพกขึ้นหา แต่ก็ต้องครางในลำคอเพราะคนตัวเล็กจงใจแอ่นกายขึ้นแล้วขยับให้ตรงส่วนนั้นถูไถกันผ่านเสื้อผ้า

พีชกัดริมฝีปากแล้วยิ้ม รีบยกแขนขึ้นโอบรอบคอของกล้า ตวัดขาโอบสะโพกสอบจงใจขยับเนื้อตัวเสียดสีกับลำตัวแกร่งของคนรัก รับรู้ได้ถึงแก่นกายใหญ่ที่เสียดสีกัน ยิ่งส่ายสะโพกก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความร้อนและแข็งขืนใต้ร่มผ้านั้น

“พ..พีช เดี๋ยว ใจเย็นๆ” กล้าปรามอีกครั้ง เมื่อคราวนี้เจ้าลูกพีชดูใจกล้าเกินไป ฮึกเหิมเป็นฝ่ายดันคนตัวใหญ่ให้นอนราบกับฟูก ส่วนตัวเองก็นั่งคร่อมด้านบนโดยที่สะโพกก็ยังบดเบียดกับแก่นกายใหญ่ไม่มีหยุด แล้วเป็นฝ่ายถอดกางเกงออกด้วยตัวเอง

“ยั่งเก่งนักนะ”

พีชอ่านปากแล้วขยิบตาให้ จากนั้นก็บดเบียดสะโพกอวบอย่างยั่วเย้าไปกับแก่นกายร้อนผ่าวของกล้า โยกตัวไปด้านหน้าและหลัง บ้างก็วนสะโพกไปมาเหมือนที่กล้าเคยทำ น้ำอยากสีใสที่ไหลออกมาจากส่วนปลายของกล้าทำให้ซอกขาของลูกพีชลื่นและเหนียวไปหมด

กล้าครางในลำคอ เบ้หน้ากัดฟันกับความนุ่มลื่นจากพีช แต่พอเห็นอีกฝ่ายอมยิ้มได้ใจแบบนั้นก็อยากแกล้ง เลยดันสะโพกขึ้นจนส่วนปลายผลุบเข้าไปในช่วงทางอุ่นอย่างง่ายดายเพราะความลื่น และถึงแม้ว่าจะเข้าไปได้ไม่ลึกมากนักแต่พีชก็สะดุ้งเบ้หน้า จิกเล็บลงหน้าท้องแกร่ง

“อะ อ๊ะ อื้อ!”

“โอ๋ๆ ขอโทษนะ ไม่แกล้งแล้ว”

เห็นอีกฝ่ายเกร็งตัวแล้วนิ่งไปกล้าก็รีบกอดปลอบ หอมแก้มและลูบแผ่นหลังบางพลางลูบไหล่อีกฝ่าย กล้าคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องเจ็บแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวให้พีชก่อน เพราะรู้สึกผิดและกลัวว่าลูกพีชจะไม่พอใจเลยพร่ำจูบขมับ พูดขอโทษใกล้ๆ ใบหูทั้งที่รู้ว่าพีชคงไม่ได้ยิน

“อะ อื้อ อา”

“ลุกออกไปก่อนเถอะพีช เดี๋ยวเจ็บนะ” กล้าประคองใบหน้าพีชให้เงยขึ้นอ่านปากตนเอง แต่ลูกพีชก็ส่ายหน้าเพราะไม่ได้รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว มันเสียดและจุกมากกว่า พอได้พักสักครู่มันก็ดีขึ้น อีกทั้งยังรู้สึกวาบหวามจนอยากจะให้อีกฝ่ายดันเข้ามาลึกๆ

“อือ อืม~” พีชกดจูบที่แก้มทั้งสองข้างของกล้า ส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร แล้วยันตัวขึ้นรอจนร่างกายตัวเองพร้อมดีแล้วเป็นฝ่ายกดตัวเองลงอย่างช้าๆ รับเอาส่วนร้อนผ่าวเข้ามาจนแน่นท้องไปหมด หยุดพักครู่เดียวก็เริ่มโยกเอวไปมาช้าๆ โดยที่มีกล้าคอยประคองสะโพกเอาไว้

“ค่อยๆ ใจเย็นๆ ก่อนพีช”

กล้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าบอกพีชหรือบอกตัวเองกันแน่ สายตาคมจ้องมองไปตรงส่วนที่เชื่อมต่อกัน อีกทั้งความรู้สุกอุ่นกระชับนี่อีก กล้าอยากจะเด้งสะโพกสวนขึ้นให้หนำใจ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะทำคนตัวเล็กเจ็บ ต่างจากคนตัวเล็กที่โยกเอวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนก้นกลมกระทบกับหน้าขาของกล้าเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้อง

พีชครวญครางแหงนหน้าขึ้น สองมือน้อยๆ กุมมือของกล้าเอาไว้ บีบแน่นเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองใกล้จะถึงฝั่งฝัน เสียงเล็กๆ หวีดครางดังขึ้นและดังขึ้น จนกล้าต้องดึงลำคอเล็กลงมาประกบจูบและเด้งสะโพกช่วย มือข้างหนึ่งละไปโอบเอวดึงเข้าหาตัว ส่วนอีกข้างก็กอบกุมแท่งเนื้อสีอ่อนช่วยรูดรั้งให้พีชสุขสมมากยิ่งขึ้น

“อือ อึก อื้อ!”

“อุ พีช...ลูกพีช” กล้าตั้งตัวแทบไม่ทัน เพราะทันที่อีกฝ่ายปลดปล่อย ภายในตัวของพีชก็รัดแน่นขึ้น บีบกระชับแก่นกายของเขาเป็นจังหวะหนักๆ กล้าลุกขึ้นนั่งซบหน้าลงกับหัวไหล่ขาวเนียนบ้างก็ซุกไซร้อยู่กับซอกคอหอม สองมือเปลี่ยนมาบีบแก้มก้นนุ่ม บังคับและนำทางให้ลูกพีชขยับต่อ

พีชมองหน้ากล้า เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วแล้วขยับปากพึมพำ อ่านปากก็จับใจความได้ว่ากล้าครางเป็นชื่อเขา พีชรู้สึกดี และมีความรู้สึกว่าอยากได้เสียงของกล้า อยากรู้ว่าเสียงที่กล้าใช้เรียกชื่อตัวเองนั้นจะเป็นอย่างไร สองมือที่โอบไหล่ก็ขยับเข้ามาอังที่ลำคอ

การกระทำแบบนั้นทำให้กล้างง แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนนักเพราะตอนนี้กล้าไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมาสนใจว่าพีชจะจับลูกกระเดือกของเขาทำไม

“หวา อะ อ๊ะ!” พีชครางทั้งเสียงทั้งตกใจรีบโอบไหล่หนาไว้เพราะกลัวตัวเองจะหงายหลัง เนื่องจากกล้าที่อดทนต่อไปไม่ไหวจนท้ายที่ก็ตัดสินใจยกเรียวขาลูกพีชพาดบ่าแล้วยกสะโพกอวบขึ้นจนตรงส่วนนั้นเกือบจะหลุดออกแล้วปล่อยลงไปให้ช่องทางชื้นแฉะรับตัวตนของตัวเองเข้าจนสุด

กล้าเอียงใบหน้าประกบจูบริมฝีปากฉ่ำดูดดุบสลับขบเม้มจนบวมเจ่อน่าดู ตั้งใจว่าจะผละออกเพื่อให้อีกฝ่ายหายใจ แต่ลูกพีชก็รั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายประกบจูบ ดูดดึงริมฝีปากล่างของกล้าให้บวมเจ่อเหมือนกับของตัวเอง

“ร้ายไม่เบา” กล้ายิ้ม เอียงหน้ารับจูบจากลูกพีชอีกครั้ง สองมือก็บีบเคล้นสะโพกอวบพร้อมดันเข้าหาตัวเป็นจังหวะร้อนแรงจนลูกพีชปลดปล่อยออกมา กล้าผ่อนแรงลงแล้วรีบดันตัวลูกพีชให้นอนลงบนเตียง รัวสะโพกเข้าหาไม่นานก็ผ่อนจังหวะลง กระแทกกายเข้าหาอย่างหนักหน่วงอยู่เพียงไม่กี่ทีก็แช่ค้างเอาไว้ แล้วปลดปล่อยออกมา

“อื้อ อือ อึก…”

“ลูกพีช ฮืม...”

กล้าขบฟันแน่น ครางในลำคอ ดันสะโพกแนบแน่นให้แก่นกายกระตุกปล่อยหยาดน้ำล้นช่องทางอุ่น พีชสะท้านจนเนื้อตัวสั่นเมื่อกล้าดึงกายออก น้ำสีขุ่นเหล่านั้นก็พากันไหลตามออกมา เปรอะเปื้อนไปตามซอกขาเนียน ผิวตรงโคนขาที่เคยขาวตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีชมพูจากแรงกระแทกก่อนหน้านี้

พีชปรือตาหวานฉ่ำมองคนรัก ประคองใบหน้าของกล้าแล้วอ้าปากรับรสจูบ หวานละมุนแต่ก็ร้อนแรงชวนให้วาบหวามใจ ลูกพีชเลียริมฝีปากตัวเอง กอดแผ่นหลังของกล้าเอาไว้แล้วตวัดขาโอบเอวกล้าอีกครั้ง

“...อีกเหรอ? แน่ใจนะ พีชเสร็จไปสองครั้งแล้วนะ”

กล้าถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เขาดูออกว่าเจ้าลูกพีชเหนื่อย แต่ท่าทางยั่วยวนนี่คืออะไร อมยิ้มแล้วกัดนิ้วตัวเอง พร้อมส่งสายตาหวานฉ่ำแบบนี้อีก ยั่วเก่ง...

‘มีสองก็ต้องมีสาม มีสามก็ต้องมีสี่’ พีชทำภาษามือบอก ขยับสะโพกเสียดสีให้ตรงนั้นของกล้าคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

“หื้ม...มีสี่ด้วย?”

‘กล้าทำไม่ไหวเหรอ? หมดแรงแล้วเหรอ?’ พีชเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าดูผิดหวัง กล้าเห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกเหมือนโดนสบประมาทยังไงไม่รู้

“เดี๋ยวเถอะนะ ใครจะไม่ไหวกันแน่ จะทำให้ลุกไม่ขึ้นเลย”

ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในหัวนึกออกแต่ว่า ตาย ตาย ตาย ลูกพีชนั้นบอบบางตัวเล็ก แต่กลับอึดกว่าที่คิด แบบนี้เขาจะทำอะไรได้ เห็นทีหลังจากนี้ต้องออกกำลังกาย กินโปรตีน เผลอๆ อาจต้องโด๊บอาหารเสริมกันบ้าง จะได้ไม่สลบ หมดแรงคาอกให้ขายขี้หน้าเจ้าลูกพีชนี่





พีชรู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วงเที่ยงของวันต่อมา อยากจะนอนต่อแต่ท้องก็พากันร้องเพราะความหิว เขาขยับตัวเล็กน้อยมองหน้าของกล้าที่ยังคงหลับลึกอยู่

“อา อึนๆ”

คนที่ยังคงเพลียจากกิจกรรมเมื่อคืนขยับตัวกอดเอวคนตัวเล็กเอาไว้แต่ก็ไม่ยอมลืมตาขึ้น พอโดนก่อกวนมากเข้าก็เลยพลิกตัวหนีไปอีกฝั่ง ทำให้ลูกพีชเห็นรอยจ้ำที่ตัวเองทำไว้บนตัวกล้าเมื่อคืน

พีชอมยิ้มมองรอยนั้น มีความรู้สึกกว่ารอยจ้ำสองสามจุดนี้ มันคือเครื่องหมายที่บ่งบอกว่า ตอนนี้กล้าเป็นของลูกพีช เป็นของกันและกัน คนอื่นจะเข้ามายุ่งกับกล้าไม่ได้แล้ว

“อืม...พีชทำอะไร เจ็บ”

กล้าบ่น คนที่ไม่อยากตื่นก็จำเป็นต้องตื่นเพราะโดนริมฝีปากเล็กและฟันคมขบสลับดูดดุนอยู่ที่ลำคอซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ

ลูกพีชส่งยิ้มจนตาหยี ก้มลงจูบแก้มของกล้าแล้วก็ผละออกมามองรอยจูบที่สีเข้มกว่าเดิมอย่างพึงพอใจ แถมยังเปิดเสื้อเอียงคอให้กล้าย้ำรอยบนลำคอของตัวเองให้มีสีเข้มขึ้นด้วยเหมือนกัน

‘เจ็บเอวเหรอ ขอโทษนะ’ กล้าใช้ภาษามือถามระหว่างที่ยืนแปรงฟันอยู่ เขาเห็นว่าลูกพีชแปรงฟันไปก็ยืนนวดเอวตัวเองไปด้วย

‘เจ็บนิดหน่อย’

ลูกพีชพยักหน้าแล้วบิดเอว กล้ารีบล้างหน้าล้างปากแล้วเข้าไปยืนซ้อนหลังช่วยบีบนวดเอวเล็ก หวังคลายอาการเจ็บนี้ให้

“ขอโทษนะ ครั้งหน้าจะทำให้เบากว่านี้”

พีชอมยิ้ม พอเงยหน้าหน้ามองอีกฝ่ายผ่านกระจกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบทรักเมื่อคืน ทำให้แก้มนวลนั้นแดงซ่านขึ้นมา จะโทษกล้าฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะเขาเองก็เป้นคนเร่งเร้าและเรียกร้องให้กล้าทำแรงๆ

‘ไม่เป็นไร เมื่อคืนดีแล้ว เราชอบ’ มุบมิบเม้มริมฝีปากเหมือนคนกำลังเขินอาย แต่ก็เขย่งเท้าหอมแก้มของคนรักไปหนึ่งฟอด ก่อนจะตกใจเพราะจู่ๆ ก็โดนกล้าอุ้มขึ้นให้นั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วโดนคนตัวสูงหอมแก้มรัวจนแก้มแทบช้ำ

“เนี่ย เพราะพูดแบบนี้ไงถึงได้เจ็บเอวแบบนี้” กล้าหัวเราะอย่างอ่อนใจ มองเจ้าลูกพีชที่ทำตาแป๋วมองมา ไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำนี้ทำไปตามธรรมชาติหรือว่าตั้งใจยั่วเขากันแน่ แต่มันทำให้กล้าหลงจนหัวปักหัวปำได้เลยทีเดียว





หลังจากล้างหน้าแปรงฟันและทานข้าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็มานั่งทำการบ้านด้วยกันระหว่างที่อยู่นั้นพีชก็เห็นว่ากล้าโยกหัวเป็นจังหวะอีกทั้งยังขยับปากเหมือนว่ากำลังร้องเพลงอยู่

พีชนั่งมอง พยายามอ่านปากเพื่อจับใจความของเพลง มองลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลง และเดาว่าเสียงของกล้านั้นจะไพเราะแค่ไหน

‘เมื่อกี้นี้กล้าร้องเพลงเหรอ’

“ใช่...” กล้าพยักหน้า มองแววตาอยากรู้อยากเห็นของพีชอย่างไม่เข้าใจ เวลาที่ทำการบ้านแบบนี้กล้าจะเปิดเพลงคลอประจำแหละ อาจมีบ้างที่เผลอฮัมเพลงออกมา แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เห็นว่าลูกพีชดูให้ความสนใจเท่าครั้งนี้

‘กล้าร้องเพลงเพราะมั้ย? เราอยากรู้เสียงของกล้าเป็นยังไง’

“ก็...เพราะมั้ง” กล้าหัสเราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จะตอบแบบมั่นใจว่าเพระมากก็ดูจะหลงตัวเองเกินไปหน่อย

‘เราอยากฟังกล้าร้องเพลง ได้มั้ย?’

กล้านิ่งไป มองหน้าลูกพีชที่นั่งตากลมรอคอยคำตอบ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่พีชไม่ได้ยินแล้วเขาจะร้องให้อีกฝ่ายฟังได้ยังไง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเพราะคิดว่าพีชอาจจะมีวิธีฟังของพีช ซึ่งความจริงพีชก็มีแต่จะให้เรียกว่าฟังก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรียกว่าใช้สัมผัสและความรู้สึกเสียมากกว่า

พีชดันโต๊ะที่ใช้ทำการบ้านออก แล้วขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตักของกล้า เอนตัวลงซบใบหูลงกับอกกว้างแล้วอังฝ่ามือไว้ที่ลำคอใกล้กับกล่องเสียงของกล้าให้มากที่สุด

“ฟัง...แบบนี้เหรอ”

พีชพยักหน้า แล้วหลับตาลงรอสัมผัสเสียงของอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น กล้านิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเริ่มเปล่งเสียงร้องเพลงพลางมองใบหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย

คนหูหนวกคนอื่นจะฟังเพลงด้วยวิธีไหนไม่รู้ แต่ลูกพีชฟังแบบนี้ ทำมาตั้งแต่เด็ก พ่อจะอุ้มเขาเอาไว้แนบอกแล้วร้องเพลง ใบหูและฝ่ามือของลูกพีชที่แนบอยู่ตรงลำคอของพ่อ ทำให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ตามจังหวะการสั่นของกล่องเสียง พีชไม่รู้จักเสียงสูงเสียงต่ำที่คนหูดีเขารู้จักกัน พีชรู้แค่ว่าหากสัมผัสแล้วรูู้สึกดี นั่นก็หมายความว่า...บทเพลงนี้ไพเราะ

และพีชคิดว่าเสียงของกล้าเพราะมาก…

ลูกพีชอมยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก็สบตากับอีกฝ่าย กล้าส่งยิ้มให้แล้วโยกตัวตามจังหวะเพลง อ้อมแขนก็ประคองเจ้าลูกพีชไว้ให้อีกฝ่ายนอนสบายที่สุด

ลูกพีชพยายามจะอ่านปากเพราะอยากรู้ว่าอีกเนื้อหาของเพลงที่กล้าร้องนั้นเป็นอย่างไร ใช่เพลงรักหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไรนักเพราะลมเย็นของช่วงบ่ายพัดเข้ามาทางระเบียงที่เปิดทิ้งเอาไว้ อีกทั้งการโยกตัวไปมาชวนให้ลูกพีชสบายกาย สบายใจ จนเกือบเผลอหลับ

“ง่วงรึเปล่า ขึ้นไปนอนบนฟูกมั้ย”

กล้าเขย่าตัวลูกพีชเบาๆ แล้วถาม เพราะว่าคนในอ้อมแขนหลับตานิ่งๆ มาสักพักหนึ่งแล้ว ลูกพีชส่ายหน้าแต่ตาก็ยังคงปรือปรอบจากความง่วงอยู่ดี

พีชง่วง แต่พีชอยากนอนตรงนี้ รู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะเมื่อย แต่อยากอยู่ตรงนี้อีกสักพักหนึ่ง และมีสิ่งสำคัญที่อยากลองทำ

‘กล้า เรียกชื่อเราหน่อยหน่อยได้มั้ย’ บอกแล้วก็กดฝ่ามือแนบลำคอและแนบใบหูกับแผ่นอกแน่นกว่าเดิม กล้าไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ

“...พีช” เจ้าของชื่อนิ่งไปครู่หนึ่งและอมยิ้มกว้างขึ้น กล้าเห็นแล้วก็มีความสุขเลยเรียกชื่อของคนรักอีกครั้ง “พีช...ลูกพีช…”

ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเรียก ลูกพีชก็ยิ้มกว้าง มองปากอีกฝ่ายที่ขยับเรียกชื่อของตัวเองออกมากก็รู้สึกมีความสุข

“พีชครับ...รักพีชนะครับ”

กล้าพูดคำที่ไพเราะที่สุดสำหรับพีช...และเขาก็ได้จูบที่หวานที่สุดเท่าที่พีชลูกนี้จะมอบให้ได้เป็นการตอบแทน




ดีจ้า อยากจะบอกว่าใกล้จบแล้วนาา ทำไมเรารู้สึกว่าเรื่องนี้สั้นจนอยากเติมพล็อตให้ แต่ก็กลัวว่าจะยืดเยื้อเกินไป

ตามพล็อตเหลืออีกแค่ 2 ตอนเองค่ะ 55555

loammyloammie



talk นี้ยาวนะคะ : เพิ่มเติมเรื่องของการฟังเพลงนิดหน่อย แหะแหะ

ตอนนี้มีเรื่องการรับรู้เสียงเพลงของผู้บกพร่องทางการได้ยินมาเกี่ยวข้องด้วย เราค่อนข้างกังวลเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกแบบที่พีชรู้สึกนะคะ

เรื่องการฟังเพลงนี่เราสอบถามคนรู้จักของเรา ซึ่งเขาเคยเป็นคนหูดีแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เขาสามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะเขาก็เป็นคนที่เคยได้ยินเสียงมาก่อน รู้จักเสียงสูงเสีย'ต่ำ รู้ว่าเสียงทุ้มเสียงแหลมเป็นยังไง ไม่เหมือนพีชซะทีเดียว ทำให้บางอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าว่าคนที่บกพร่องมาตั้งแต่เกิดนั้นจิตนาการถึงเสียงยังไง แต่สำหรับการฟังเพลงในปัจจุบันนี้ เขาก็สรุปง่ายๆ แค่ว่า หากใช้มือสัมผัสแล้วเขารู้สึกชอบก็แปลว่าเพลงนี้เพราะสำหรับเขา เราจับเอาส่วนนี้มาใช้

และหากเราผิดพลาด ให้ข้อมูลที่ผิด เราขอโทษนะคะ ใครข้อมูลที่อยากแนะนำก็สามารถบอกเราได้เลยค่ะ เราจะนำมาปรับปรุง


ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 23 ใส่ใจกันและกัน



“พลับครับ พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าไปทำงาน พลับอยู่คนเดียวได้มั้ยครับ แล้วก็เรื่อง...”

ไม้เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เอกสารสรุปคะแนนของนักศึกษามีปัญหาเล็กน้อย ทำให้เขาต้องเข้าไปจัดการในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ ไม้นั้นไม่สบายใจเพราะสัญญากับเด็กเอาไว้จะพาไปนั่งเล่นและปิคนิคที่สวน

“ไม่เป็นครับพี่ไม้ ไว้เราไปกันวันอื่นก็ได้” พลับส่งยิ้มให้ และไม่มีได้มีอาหารไม่พอใจอะไรเลย เขาเข้าใจว่าเรื่องคะแนนนักศึกษามันเป็นเรื่องใหญ่ หากผิดไปแค่คะแนนเดียวก็เป็นเรื่องได้เลย

“เด็กดี อยากกินอะไรเพิ่มมั้ยครับ สั่งได้เลยนะ”

“...ไม่แล้วครับ”

ไม้เลิกคิ้วขึ้นมองเด็กตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานตัวเอง แต่สายตาก็ยังคงเอาแต่มองไปที่อาหารบางอย่าง มันราคาค่อนข้างแพง เจ้าเด็กนี่อยากกินแต่ก็คงเกรงใจเขา ไม้อมยิ้มแล้วเรียกพนักงาน จัดการสั่งจานนั้นมาให้

“พี่บอกว่าอยากกินอะไรก็สั่งไปเลย เกรงใจอะไรหนักหนา แฟนตัวนิดเดียวพี่เลี้ยงไหว”

“ได้! เดี๋ยวผมจะกินให้พี่ล้มละลาย เอาให้กระเป๋าแฟบเลย” พลับย่นจมูก หยิบเมนูมาดูแล้วจิ้มนู้นจิ้มนี่ ตั้งใจกวนอีกฝ่าย

“เอาเลยครับ สั่งมาแล้วกินหมดพี่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าไม่หมดเนี่ย...ต้องโดนดุนะ” ไม้หัวเราะ มองเด็กตรงหน้าด้วยสายตาขบขันแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่สายตาเจ้าเล่ห์เจ้ากลมองดูเจ้านุ่มที่นั่งเม้มปากจ้องหน้าเขา แก้มกลมเริ่มขึ้นสีระเรื่อ ดูก็รู้ว่าเจ้านุ่มนี่กำลังนึกถึงตอนที่ตัวเองโดนไม้ดุครั้งนั้น แต่แทนที่จะวางเมนูอาหารลงเจ้าลูกพลับกลับทำท่าจะเรียกพนักงานเข้ามาจริงๆ ทำให้ไม้มองเด็กด้วยความแปลกใจ

“ผมอยากโดนพี่ดุครับ”





หลังจากทานข้าวเสร็จไม้ก็พากันพีชกลับคอนโด แต่มีปัญหาเล็กน้อยเพราะที่จอดรถประจำห้องของไม้นั้นโดนคนอื่นจอดทับอยู่ ไม้ก็เลยต้องวนหาที่จอดรถใหม่และไปแจ้งกับทางนิติของคอนโด แต่พลับนั้นอยากเข้าห้องน้ำ ไม้ก็เลยเอากุญแจให้พลับขึ้นห้องมาก่อน

“เอ๊ะ! ฝาแฝดนี่ คนนี้พลับหรือพีชอ่ะ”

พลับชะงัก เงยหน้ามองผู้ชายคุ้นหน้าคุ้นตาที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ ผ่านไปอึกใจเดียวก็นึกขึ้นได้ว่าคนนี้คือเพื่อนที่เคยเรียนคณะเดียวกัน ช่วงเทอมแรกของปีหนึ่งก็เกือบได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่ยังไม่สนิทอะไรกันมากนัทก็ซิ่วออกไปเรียนมหา’ลัยอื่นเสียก่อน

“เราพลับ พีชคืออีกคนนึง” บอกชื่อตัวเองแล้วก็มองหน้าอีกฝ่าย พลับจำได้แค่ว่าเคยเรียนด้วยกันแต่จำชื่ออีกฝ่ายไม่ได้ มันติดอยู่ตรงริมฝีปาก

“เราชื่อนัท จำได้ป่ะ? ” นัทแนะนำตัวเองเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีลังเลเหมือนนึกชื่อเขาไม่ออก

“จำได้ๆ เมื่อกี้แค่นึกชื่อไม่ออก ขอโทษนะ” พีชยิ้มและผงกหัวเป็นการขอโทษ ซึ่งนัทก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วเลยยื่นไปตบไหล่เล็กแล้วยิ้มตาม เขารู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ไม่เปลี่ยนไปเลย แฝดคู่นี้น่ารักมาตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจพวกรุ่นพี่ผู้หญิงเลยทีเดียว

นัทอยากจะสนิทด้วยมากกว่านี้ แต่เพราะเขาซิ่วออกมาก่อนและไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จะเห็นหน้ากันบ้างก็แค่ในรูปตามโซเชียลที่แอดเฟรนด์กันเอาไว้

“ไม่เป็นไร ตอนนั้นเราเรียนด้วยกันแค่สองสามคลาสเองนี่ แล้วนี่พลับย้ายมาอยู่คอนโดนานยัง ไม่ได้อยู่หอแล้วเหรอ พีชอยู่นี่ด้วยรึเปล่า”

“เปล่าๆ เราอยู่หอเหมือนเดิมแหละ”

“อืม เห้ย! เราต้องไปแล้วอ่ะ เดี๋ยวว่างๆ จะทักไปคุยเล่น” นัทยิ้มกว้างพลางโบกมือลาลูกพลับหลังจากยกโทรศัพท์ขึ้นดู ลูกพลับเองก็ยิ้มกว้างโบกมือแล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็โดนเพื่อนเข้ามากอดและขยี้หัว พลับไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะเป็นผู้ชายน่าตาน่ารักแถมตัวเตี้ย ช่วงรับน้องเขากับพีชมักโดนเพื่อนและรุ่นพี่คนอื่นโดยเฉพาะพวกผู้หญิงจะมาแกล้งมาทำแบบนี้บ่อยๆ

หลังจากที่นัทไป คนตัวเล็กก็ถอนหายใจเพราะอีกฝ่ายเป็นคนคุยสนุก ทำเอาเขาหัวเราะจนเหนื่อย หันกลับมาเตรียมจะกดลิฟต์แต่ก็ตกใจจนร้องเสียงหลงเพราะไม้ที่มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ยืนกอดอดมองมาอยู่

“พี่ไม้...มาตั้งแต่เมื่อไรครับ”

“คนนั้นใครครับ สนิทกันมากจนถึงขั้นกอดกันได้เลยเหรอ”

“หะ! ไม่ใช่นะครับ เขาเป็นเพื่อนเก่าชื่อนัทครับ ไม่ได้เจอกันนานก็เลยยืนคุยกันแต่เรื่องกอดอันนั้น ผม...ผม เอ่อ เราไม่ได้คิดอะไรกันนะครับ...”

“พลับครับ พี่แค่หยอกเราเล่น พี่ดูออกครับว่าแค่เล่นกัน หน้าเครียดเชียว ฮ่าฮ่าฮ่า”

พลับที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องแบบนี้ก็อธิบายหน้าตั้ง พูดรัวจนไม่ได้พักหายใจ ไม้เลยต้องรีบห้ามและอธิบายว่าเขาแค่แกล้งเล่น ไม้ดูออกว่าอันไหนกอดเล่น อันไหนกอดจริงๆ เขาไม่ใช่พวกขี้หึงจนหน้ามืดตามัว อะไรที่มันไม่ได้มากมายเกินไปจนดูไม่ดีนัก เขาก็ปล่อยผ่านได้

“ผมกลัวพี่เข้าใจผิดนี่”

“ไม่หรอกครับ เรื่องแบบนี้พี่แยกแยะได้แค่อย่าให้มันเกินไปก็พอครับ พี่หวง” ไม้ยิ้มดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไหล่เอาไว้หลังจากที่เข้ามายืนในลิฟต์แล้ว





“พี่ไปก่อนนะครับ” ไม้ก้มลงจูบแก้มเจ้านุ่มที่นั่งจ๋องอยู่บนโซฟา พอจะผละออกก้ดนมือเล็กดึงเนคไทเอาไว้

“พี่ไม้จะกลับมากี่โมงเหรอ”

“ช่วงบ่ายๆ แหละครับ อยากกลับไปอยู่กับพีชรึเปล่าล่ะจะได้ไม่เหงา” ไม้เสนอทางเลือก ให้กลับไปอยู่กับกล้าและพีชจะได้มีเพื่อนเล่นเกมส์ด้วย

“ไม่ดีกว่าครับ ผมรอพี่อยู่ที่นี่ดีกว่า” พลับส่ายหน้า คิดว่าหากกลับไปหาพีชเขาคงเหงากว่าเดิมแน่ๆ เพราะเจ้าพี่ชายตัวดีนั่นก็คงเอาแต่ติดหนึบอยู่กับกล้า เผลอๆ อาจจะโดนบ่นอีกหากเขากลับไปเป็น ก. ข. ค. อีก

“งั้นพี่ไปก่อน”

พลับทำปากจู๋อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยเนคไทเขาเสียที ไม้ก็เลยก้มลงจูบที่ริมฝีปากเล็กนั่นแล้วลูบแก้มนุ่มอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว แล้วเดินไปใส่ใส่ร้องเท้าที่หน้าประตู

“รีบๆ กลับมานะ” เจ้าลูกพลับที่เดิมตามมาก็เรียกเอาไว้แล้วดึงคอเขาลงไปมอบจูบหวานๆ อีกครั้งเป็นการให้กำลังใจก่อนออกจากห้องมา ไม้ไปทำงานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตั้งใจแก้ไขคะแนนให้เสร็จไวๆ ขะได้กลับไปหาคนรักเร็วๆ

‘พี่ไม้ครับ ผมลงไปว่ายน้ำกับเพื่อนคนเมื่อวานนะ หากพี่ไม้ถึงห้องแล้วโทรตามผมได้เลยนะครับ’

ช่วงก่อนเที่ยง ไม้ก็ได้รับข้อความจากเจ้าเด็กพลับ เขาไม่ว่าอะไรเพราะพลับอยู่ห้องคงจะเบื่อ แต่ตอนนี้งานคืบหน้าไปมาก ปัญหาคะแนนที่น่าปวดหัวเขาก็แก้ไข่เรียบร้อย อาจจะได้กลับคอนโดเร็วกว่าที่บอกพลับเอาไว้ ไม้รีบทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมกลับคอนโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกเด็กว่าเขากำลังจะกลับแล้ว

ข้อความที่ส่งไปยังไม่ถูกเปิดอ่าน ไม้ที่กลับมาถึงแล้วเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องก็โทรหาเจ้าเด็กพลับ แต่ทางฝั่งนั้นก็ไม่ยอมรับสาย เขาไม่ได้เซ้าซี้โทรตาม เพราะอยากให้พลับสนุกๆ อยู่กับเพื่อนต่ออีกหน่อย แต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงเจ้านิ่มของเขาก็ยังไมมีวี่แววว่าจะขึ้นเสียที ไม้คิดว่าพลับนั้นเล่นน้ำนานเกินไปแล้วแล้วเลยว่าจะลงไปดูที่สระว่ายน้ำเสียหน่อย

“หวา! นัทยืนนิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็แพ้หรอก”

“พลับนั้นแหละ อย่ารัดคอเราเซ่! หายใจไม่ออกโว้ย”

แต่เดินมายังไม่ถึงตัวสระว่ายน้ำดี ไม้ก็ได้ยินดังโหวกเหวกของลูกพลับและเสียงผู้ชายคนอื่นๆ อีกสามสี่คนตะโกนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เขาหยุดยืนดูตรงมุมตึกก็นิ่งค้างไปเมื่อเห็นว่าเด็กของตัวเองกำลังขี่คอเด็กผู้ชายหน้าทะเล้นคนเมื่อวาน และมีเพื่อนๆ ของนัทอีกสองคนที่ไม้ไม่เคยเห็นหน้า

ไม้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาพลับ โทรศัพท์ของพลับวางอยู่ที่ม้านนั่งข้างๆ สระว่ายน้ำ แต่เจ้าเด็กนั้นดันเปิดสั่นเอาไว้ ก็เลยไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าโทรศัพท์ตัวเองนั้นมีสายเข้า คนตัวสูงยืนดูอยู่แบบนั้นเงียบๆ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่ามันถึงเนื้อถึงตัวเกินไป

เพื่อนๆ กอดกันเขาไม่คิดมาก ขี่คอเหรอก็ถือว่าทำใจได้ยากแต่ยังพอทนได้ แต่การที่ไอ้เด็กหน้าทะเล้นกำลังบีบแก้มนิ่มแล้วเนียนจับขาอ่อนลูกพลับของเขาแบบนั้นไม้ทนดูไม่ไหว

“ขึ้นห้องมาล่ะน่าดูเจ้านุ่ม”

ไม้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยืนดูอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วก็กลับขึ้นไปรอบนห้อง เขารู้และเข้าใจว่าเด็กแค่เล่นกัน อาจจะไม่คิดอะไร และถึงแม้จะไม่พอใจแต่จะเขาให้เดินดุ่มๆ เข้าไปโวยวายก็ดูไม่ดี เสียเชิงผู้ใหญ่หมด เขาเลยคิดว่าขึ้นมารอแล้วค่อยอบรมเด็กของตัวเองว่าไม่ควรให้คนอื่นถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นดีกว่า

แต่นั่งรอจนเวลาล่วงเลยไปสองชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กจะกลับมาเลยแม้แต่น้อย พอลงไปดูที่สระว่ายน้ำอีกครั้งก็ไม่พบใครแล้ว ไม้รีบโทรหาพลับแต่ทางฝั่งนั้นก็ปิดโทรศัพท์ไปเสียแล้ว

“พี่ไม้ไปไหนมาเหรอครับ” เดินกลับมาที่ห้องก็พบว่าพลับที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมยืนอยู่ในห้องแล้ว เนื้อตัวของพลับไม่ได้เปียก ไม่เหมือนคนที่เพิ่งขึ้นจากสระเลยแม้แต่น้อย

“พลับนั่นแหละไปไหนมา พี่เดินลงไปตามที่สระว่ายน้ำ”

“อ๋อ พวกนัทเขาชวนไปเล่นเกมที่ห้อง ผมเห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะกลับก็เลยตามเขาไป...ว่าแต่ทำไมพี่ไม้กลับมาเร็วล่ะครับ”

“ก็พลับบอกให้พี่กลับมาเร็วๆ เองไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมถึงปิดเครื่อง พี่โทรไปหลายรอบเลยนะ”

“ขอโทษครับ มันแบตหมดผมเลยไม่ทันดูว่าพี่โทรมาตอนไหน...พี่ไม้โกรธผมหรือเปล่าครับ อย่าโกรธผมนะ~” คนที่รู้ตัวว่าทำผิดรีบเข้าไปกอด ซบแก้มลงกับแผ่นอกกว้างแล้วเงยหน้าส่งยิ้มมองอย่างออดอ้อน ไม้สบตากลมโตที่กระพริบปริบๆ พยายามที่จะกลั้นยิ้มไปกับท่าทางน่ารักนี้แล้วถอนหายใจออกมา

“พี่ไม่ได้โกรธหรอกครับ แค่ไม่พอใจ เป็นห่วงเรานั่นแหละ...เดี๋ยวนะ นี่พลับไปเล่นเกมห้องเพื่อนทั้งที่ใส่แค่ชุดนี้เหรอ” ไม้พูดอย่างอ่อนใจก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นแผ่นอกขาวเปลือยเปล่าที่อยู่ใต้ชุดคลุม พอดันตัวเด็กออกเพื่อดูพบว่าตอนนี้พลับใส่แต่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นคลุมทับด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงเท่านั้น

“อ่า...ก็ผมขี้เกียจขึ้นมาเปลี่ยน”

“เจ้านุ่ม! มันจะเกินไปแล้วนะ ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำเข้าห้องคนอื่นได้ยังไง”

“พี่อย่าเสียงดังสิครับผมตกใจ แล้วก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเช็ดตัวแล้วไม่เป็นหวัดแน่นอนครับ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นเลย พี่หมายถึงพลับจะใส่ชุดว่ายน้ำตัวเดียวแบบนี้เข้าห้องผู้ชายคนอื่นไม่ได้นะครับ ยังไม่รวมที่ไปขี่คอคนอื่นด้วยนะ”

“เอ๊ะ! ก็...เมื่อวานพี่ไม้บอกว่า ดูออกว่าเล่นกัน” พลับประหลาดใจที่ไม้รู้เรื่องที่เขาขี่คอเพื่อนนั่นและพูดออกไปเสียงอ่อย มองผู้ใหญ่ตรงหน้าที่ขมวดคิ้วทำหน้าดุเสียจนรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ เมื่อวานไม้บอกเองว่าเข้าใจ พลับก็เลยคิดว่าไม้คงไม่ว่าอะไรหากเขาจะเล่นอะไรแบบนั้นกับเพื่อน แต่ไหงวันนี้เขากลับโดนคนตัวสูงดุแบบนี้ล่ะ

“แต่พี่ก็บอกว่าอย่าให้มันมากเกินไปไงครับ และนี่แหละมากเกินไป” ไม้ชี้กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วให้พลับดูเป็นตัวอย่างว่ามันมากเกินไปจริงๆ

“ผมขอโทษครับ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้” พลับพูดเสียงอ่อนแล้วส่งยิ้มให้ กอดไม้อีกครั้งจนคนตัวสูงรู้สึกใจเย็นลง

“ความจริงพี่ก็อาจจะหึงมากไปหน่อย แต่หลังจากนี้จะไปเล่นเกมห้องเพื่อนคนนั้นพี่ไม่ว่าหรอก แต่ก็พลับก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะครับ พลับน่ารักพี่หวง”

“ตะ...แต่มันไม่มีเลยจริงๆ นะครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิงที่ใส่บิกินี่ก็ว่าไปอย่าง แต่ผมเป็นผู้ชายแถมนี่มันก็แค่ชุดว่ายน้ำทั่วไป เพื่อนผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันด้วยไม่มีใครคิดอะไรไม่ดีหรอกครับ ผมว่าพี่ไม้คิดมากไป”

ไม้เกือบจะปล่อยผ่านแล้ว ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหูขึ้นมาอีก ชุดว่ายน้ำทั่วไปเหรอ? ไม้เลิกคิ้วขึ้นมองเด็กตรงหน้าที่พูดจาเจื้อยแจ้วอธิบายว่าเขาคิดมากไปยังไง แต่พลับตังหากที่คิดน้อยไป แถมลืมคิดอะไรไปบางอย่างด้วย...

“พลับครับ พี่รู้ว่าพลับเป็นผู้ชาย”

พลับหยุดพูดเมื่อไม้พูดเสียงเย็น สบตานิ่งๆ ของอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไม่จู่ๆ ก็รู้สึกเสียบวาบตรงต้นคอ พอไม้ขยับเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ พลับก็หวาดหวั่นจนต้องเดินถอยหลังหนีไปเรื่อย จนสะโพกชนกับโต๊ะทำงานและนั่นหมายความว่า พลับไม่มีที่ให้ถอยหนีได้อีกแล้ว เห็นสีหน้าของพลับไม้ก็มีความรู้สึกอยากจะลองแกล้งหนักๆ ดูซักครั้ง

“เอ่อ…พี่ไม้ คือ...”

“แต่พี่เองก็ผู้ชาย กับพลับก็ยังคิดอะไรไม่ดีได้ตั้งแยะแยะ ทั้งทำแบบนี้...”

ไม้จะทำให้พลับได้รู้ว่าผู้ชายด้วยกันก็คิดอะไรได้เยอะแยะ มือใหญ่วางลงบนเอว บีบเบาๆ แล้วลากลงมาที่สะโพก ลูบไล้ผ้านกางเกงว่ายน้ำตัวบาง พลับขนลุกซุ่ อาจเพราะสายตานิ่งที่ไม้มองมา แล้วก็ความร้อนจากฝ่ามือที่ซึมซับลงบนผิว ทั้งที่มีกางเกงวายน้ำนี่กั้นอยู่ แต่พลับรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังสัมผัสลงผิวเนื้อเขาด้วยตรงอย่างไรอย่างงั้นเลย

“พี่ไม้…หวา! ” พลับเรียกอีกฝ่ายแล้วดันฝ่ามือใหญ่นั้นออก ไม้ตวัดตามองเด็กตรงหน้าแล้วช้อนสะโพกเล็กให้นั่งบนโต๊ะทำงานตัวเอง แล้วเข้ายืนตรงกลางหว่างขา แขนหนึ่งรัดเอวเล็กเอาไว้ ส่วนอีกมือนั้นลากเข้ามาที่กลางกาย ไม้ไม่ได้บีบเคล้นอะไรเลย แค่ใช้ปลายนิ้วลากจากขอบกางเกงไปจนถึงช่องท่างด้านหลัง แค่กดเบาๆ ก็ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งได้แล้ว

“จะทำแบบนี้ก็ได้…”

พลับกัดริมฝีปาก เอียงคอเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเข้ามากระซิบที่ข้างหู แล้วปลายนิ้วก็ค่อยๆ สอดเข้ามาตามชายกางเกง ลูบสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงก้นนุ่ม ไม้ยกสะโพกอวบนั้นขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ออกแรงบีบเคล้นเต็มแรงจนพลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา

“พี่ไม้ ผมเจ็บ เบาหน่อย...อื้อ อือ”

ใบหน้าคมที่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ประกบเข้าที่ริมฝีปากเล็กก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค ลิ้นหนาสอดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่ม ขบเม้มกลีบปากอย่างดุเดือดจนคนตัวเล็กหายใจหายคอแทบไม่ทัน

ไม้ถอนจูบออก หนังสือที่วางกองไว้ข้างๆ ก็พากันหล่นเมื่อคนตัวสูงถอดเสื้อคลุมบนกายเล็กออกแล้วพลักให้พลับนอนลงบนโต๊ะทำงาน ไม้แยกเรียวขาขาวเนียนออกกว้างแล้วกดลงกับหน้าอก บอกให้เด็กกอดขาตัวเองเอาไว้ ทำให้สะโพกกลมแน่นที่ลอยเด่นขึ้น ไม้บีบขยำแล้วก้มลงไปกัดอย่างมันเขี้ยว

“พี่ไม้ ผมเจ็บ”

พูดไปก็เท่านั้น พลับเห็นว่าไม้เหลือบตามองหน้าเขาแต่ก็ก้มลงไปกัดอีกข้างหนึ่งอยู่ดี ลูกพลับกัดฟัน และปล่อยเสียงครางออกมาแผ่วเบาเมื่อโดนริมฝีปากหนาและลมหายใจอุ่นของไม้เคล้าเคลียอยู่ตรงส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งตัวเต็มที่

“กางเกงว่ายน้ำทำแบบนี้ได้ด้วยนะครับ” ไม้พูดแล้วส่งยิ้ม มือก็รั้งเป้ากางเกงขึ้นสูงจนเห็นแก่นกายเล็กอย่างชัดเจนผ่านผ้าเนื้อบาง ฝ่ามือลูบไปมาตารูปทรงไล้ลงมาที่ช่องทางด้านหลังและกดนิ้วลงไปผ่านเนื้อผ้า

“อื้อ มัน...มันรั้ง อือ ม...ไม่เอาครับ” พลับเกร็งพยายามส่ายสะโพกหนีอย่างอึดอัด รับรู้ได้ว่าเนื้อผ้ายืดนั้นมันเข้ามาในช่องทางตามที่นิ้วใหญ่สอดเข้ามา ถึงจะไม่ได้เข้าลึกเลยแต่ชวนให้ใจหวิวแปลกๆ คนตัวเล็กส่ายหน้าและดิ้นไปมา ถึงแม้จะตัวเองจะตื่นตัวขึ้นมาจากการลูบไล้ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ความอึดอัดประหลาดๆ มันดันมีมากกว่าจนพลับอยากให้ไม้หยุดทำแบบนี้เสียที

“ไม่ชอบแบบนี้? งั้นลองแบบนี้นะครับ”

แคว่ก...แคว่ก!

ชุดว่ายน้ำมันเป็นผ้ายืดอาจฉีกได้ยาก แต่หากคนมันหน้ามืด คิดจะฉีกจริงๆ ออกแรงเพิ่มเล็กน้อย ผ้านี่มันก็ขาดติดมือมาได้ง่ายๆ เลย

พลับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงฉีกขาดของกางเกง ตอนนี้กางเกงว่ายน้ำของพลับถูกฉีกจนเป็นรูขนาดหนึ่งฝ่ามือ เผยให้เห็นช่องทางสีอ่อนตัดกับชิ้นผ้าสีน้ำเงินเข้ม

“พี่ไม้ อื้อ กางเกงผม” พลับโวยวาย พยายามที่จะหุบขาเข้าหากันและใช้มือปิดก้นตัวเองตรงที่กางเกงขาดเอาไว้ แต่ก็ทำได้ยากเพราะไม้นั้นพยายามกดเด็กตรงหน้าให้นอนนิ่งๆ อีกทั้งสายตาก็มองไปตรงส่วนนั้นตาไม่กระพริบ

“กางเกงว่ายน้ำนี่...อันตรายมากๆ เลยนะครับ” ไม้พูดเสียงแหบพร่า ดวงตาจ้องมองเหมือนคนสติหลุด ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะแค่แกล้งให้อีกฝ่ายกลัวเล่นๆ แต่ตอนนี้เขากลับฉุดตัวเองเองไม่อยู่เสียแล้ว

“พี่นั่นแหละอันตราย อื้อ อ๊า! ฮือ...ไม่ครับ อย่า”

พลับน้ำตาคลอเบ้า มองผู้ใหญ่ตรงหน้าที่แววตาเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย ตามความจริงแล้วพลับคิดว่า เขาจะไม่ว่าเลยหากมันเป็นรสยมของไม้ ขอแคาบอกกล่าวกันก่อน และปกติแล้วทุกทีต่อให้ไม้ทำรุนแรงขนาดไหนก็จะฟังเขาบ้าง หากบอกว่าไม่ชอบหรืออยากให้หยุด คนตัวสูงก็จะยอมหยุดหรือผ่อนแรงให้ แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่ฟังเขาเลยแม้แต่น้อย แถมทำอะไรน่าอายแบบที่พลับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ สิ่งเหล่านี้ทำให้พลับเริ่มกลัว

แคว่ก!

ไม้ฉีกกางเกงออก เนื้อผ้าบาดผิวขาวจนเป็นรอยแดง เขามองไปที่ช่องทางที่ขมิบเข้าออกอย่างเย้ายวน ไล้นิ้วมือไปรอบๆ ก้มลงไปและใช้ปลายลิ้นสัมผัสจนพลับสะดุ้งร้องเสียงหลง สติแตกและร้องไห้อย่างห้ามไม่ได้เมื่อรับรู้ได้ว่าลิ้นของอีกฝ่ายนั้นไล้เลียและสอดลึกเข้าไปตรงส่วนไหนบ้าง

“พี่ไม้ ผมกลัว อือ อย่าฉีกสิ ฮือ~” น้ำตาไหลหนักกว่าเก่า นิ้วยาวขยับอยู่ในตัวกดย้ำไปตรงจุดนั้น จากสองเปลี่ยนเป็นสามและนิ้วที่สี่ก็ทำท่าจะแทรกเข้ามาจนพลับร้องดังลั่น พลับกลัวที่เห็นว่าไม้ขบกรามแน่น ใบหน้าแดงก่ำ พลับรู้สึกกลัวไม้ในตอนนี้ แล้วก็ไม่ชอบที่ไม้ฉีกเสื้อผ้า แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ไม้ไม่ยอมฟัง ไม่หยุด เหมือนคนที่หูดับไปแล้ว คืนแรกที่อีกฝ่ายเมาไม่ได้สติ พลับยังไม่รู้สึกกลัวเท่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ลูกพลับดิ้นไปมาแต่ก็โดนกดเอาไว้ไม่ให้หนี ร้องจนอ่อนแรงเลยปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เพราะห้ามอีกฝ่ายไม่ไหว จนไม้ขยับตัวขึ้นมาจูบปาก อีกฝ่ายถึงได้นิ่งไปแล้วมองมาที่พลับอย่างตกใจ

“พลับ...ขอโทษครับ ไม้ร้องนะ โอ๋ๆ พี่จะหยุดแล้ว”

ไม้ได้สติตอนที่ผละขึ้นไปจูบปากแล้วได้รสเค็มปร่าของน้ำตา เสียงครางถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ใบหน้าของพลับไม่ได้ดูมีความสุขอะไรเลย น้ำตาอีกฝ่ายไหลไม่หยุดจนไม้รู้สึกผิด เขาไม่ได้อยากทำให้พลับร้องไห้แบบนี้เลยคิดว่าเขาควรจะหยุดดีกว่า

หากจะมีเซ็กกัน เขาชอบเห็นคนตรงหน้าร้องไห้เพราะความสุข มากกว่าร้องไห้เพราะความกลัวแบบนี้

“ฮึก...พี่ไม้” พลับร้องเรียก พอเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มอ่อนโยนให้ก็โอบรอบคอแล้วกอดเอาไว้แน่น

“พี่ขอโทษ พี่จะไม่ทำแบบนี้แล้วครับ ยกโทษให้พี่นะ”

พลับพยักหน้า เขาไม่ได้โกรธอะไรมากมาย เพียงแค่ตกใจกลัวเฉยๆ แต่พออีกฝ่ายยอมหยุดแบบนี้พลับก็รู้สึกดีขึ้นมาก ไม้ตะกองกอดพลับเอาไว้ ลูบหลังเล็กไปมาเป็นการปลอบใจ

พลับเองก็ซุกหน้าลงกับแผ่นอกหนา ความกลัว หวาดหวั่นและอึดอัดใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี่สลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไม้กลับมาเป็ฯ พี่ไม้ปกติ สายตาของพลับจับจ้องไปที่แก่นกายใหญ่ที่ถูไถอยู่ตรงหน้าท้อง ลูกพลับเม้มปาก แก้มเปื้อนน้ำตาเริ่มกลับมาแดงระเรื่ออีกครั้ง และค่อยๆ เงยหน้าสบตากับไม้ที่กำลังผ่อนลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ เพื่อพยายามกลั้นอารมณ์ที่ยังคงไม่สงบลงของตัวเอง

“อ พะ...พี่ไม้ หะ...ให้ผมช่วยมั้ย? ทำต่อก็ได้...” พลับพูดตะกุกตะกัก พลางขยับมือลงไปสัมผัสก็ท่อนเนื้อร้อนผ่าว ไม้กัดกรามก้มลงห้องแก้มคนรักซบลงกับไหล่เล็กแล้วกระซิบถามเสียงพร่า

“แน่ใจนะ? พี่ไม่อยากทำเราร้องไห้อีก” ไม้ถามคนรัก เขาก็อยากหยุดตามที่พูดเอาไว้แต่เขาเองก็ปวดร้าวอยากจะเข้าไปในกายอุ่นกระชับของลูกพลับเต็มทน

“...แต่พี่ไม้อย่าทำแบบเมื่อกี้นะ พี่ดูน่ากลัวมาก ผมพูดอะไรก็ไม่ยอมฟังเลย หวา~” พลับร้องรีบกอดคอของไม้เอาไว้ เพราะจู่ๆ ผู้ใหญ่ตรงหน้าก็ลงไปนั่งที่เก้าอี้แล้วดึงเอวลูกพลับให้ลงไปนั่งบนตักโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวอะไรก่อน

“งั้นพลับทำเองเลยครับ ขยับแบบที่พลับชอบได้เลย”

ไม้ตามใจ ให้โอกาสคนตัวเล็กทำแบบที่ชอบ พลับอมยิ้มค่อยกดตัวลงช้าๆ รอจนตัวเองพร้อมดีแล้วก็ขยับเอวโดยที่มีอ้อมแขนของคนรักกอดเอาไว้ไม่ให้หงายหลัง พลับมองตาของไม้แล้วประคองใบหน้ากดจูบลงไปอย่างแผ่วเบา เรียวลิ้นเล็กปาดเลียไปตามกลีบปากล่างของไม้ ในขณะที่สะโพกหมุนวนสลับกับโยกขึ้นลง

ถึงแม้ว่าไม้จะบอกว่าให้ขยับได้ตามใจ แต่สิ่งที่ลูกพลับทำก็เป็นจังหวะที่ไม้ชอบและเคยสอนเอาไว้ ไม้สบตาก็ดวงตาสีน้ำตาลของลูกพลับ ส่งยิ้มและพร่ำบอกรักระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังทำให้ไม้ทีความสุข หอมแก้มนวลและจูบปากจนหนำใจ

“อือ พลับ...ดีมากเลยครับ พี่รักพลับนะ”

“ผมก็รักพี่ อ๊ะ อือ อือ”

“ที่รัก ขยับเร็วกว่านี้หน่อยครับ พี่จะ..อืม ดี ดีมาก”

เซ็กที่ผ่านมาจะเป็นพลับที่ปลดปล่อยออกมาก่อน แต่ในครั้งนี้ไม้นั้นมีอารมณ์คั่งค้างจากก่อนหน้านี้ อีกทั้งลีลาการขยับสะโพกและจังหวะหารบีบรัดภายในของลูกพลับที่ดูก็รู้ว่าเก่งขึ้นมากโขทำเอาไม้ทนต่อไปไม่ไหว

เขาจับสะโพกอวบดึงเข้าหาตัวอย่างหนักหน่วงเพียงแค่ไม่กี่ทีก็ปลดปล่อยออกมา พลับครางอยู่กับไหล่กว้างเมื่อสะโพกถูกกดค้างให้รับความร้อนที่ไหลทะลักเข้ามา พอฝ่ามือใหญ่ขยับเข้ามาช่วยชักรูดให้ไม่ถึงสองครั้ง ร่างกายเล็กก็สั่นระริก หลั่งน้ำสีขุ่นออกมาเประเปื้อนไปทั้งหน้าท้องของไม้และตนเอง

“เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำนะครับ”

หลังจากนั่งพักเหนื่อยกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม้ก็ยกสะโพกเล็กขึ้นถอนตัวออกมาอย่างอ่อนโยน อุ้มร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็แต่งตัวแล้วพาพลับเดินมานั่งพักที่โซฟาส่วนตัวเองก็ต้องไปทำความสะอาดโต๊ะทำงานที่ทำเลอะเอาไว้

“พี่ทำผมหมดแรงอีกแล้ว” พลับพูดเสียงอ่อน วันนี้เขาไปตีขาว่ายน้ำมาเกือบสองชั่วโมง กลับก็โดนทำอะไรรี่อีกขาสั่นไปหมดแล้ว พลับๆ ค่อยไถลตัวลงนอน ยกขาพาดพนักวางแขนตาก็มองไปที่ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี ไม้วางผ้าเช็ดโต๊ะแล้วเดินมาลูบหัวพลับ หอมแก้มนุ่มแล้วขอโทษอีกครั้ง

“พี่ขอโทษนะครับที่ทำตัวน่ากลัว แบบนี้พี่คงเป็นตัวอันตรายสำหรับพลับไปแล้วเหมือนกัน”

“ไม่หรอกครับ ผมรู้สึกว่ารักพี่เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ”

“ใช่เหรอ? พี่ทำให้พลับกลัวนะ ร้องไห้เลยนี่” ไม้เลิกคิ้วขึ้น การที่เขาทำให้อีกฝ่ายร้องไห้แบบนั้น ไม่เห็นจะมีอะไรให้อีกฝ่ายรักเขาเพิ่มได้เลยซักนิด

“ก็พี่ยอมหยุดทั้งที่ตัวพี่เองก็เกือบแย่ พี่จะฝืนแล้วบังคับให้ผมทำต่อก็ได้เพราะยังไงผมก็ไม่โกรธพี่อยู่แล้ว แต่ผมชอบที่พี่ยอมหยุดให้กับเรื่องแบบนี้แล้วก็กอดผมเอาไว้ ผมชอบที่พี่ใส่ใจความรู้สึกผม”

“...” ไม้มองเด็กตาใสตรงหน้า ที่อีกฝ่ายพูดมาเขาก็เข้าใจ แต่ก่อนหน้านี้หากเขาไม่ได้สติเพราะน้ำตาอีกฝ่าย มันคงเป็นเรื่องแย่สำหรับเขาน่าดู

“พี่ครับ เอ่อ...แบบฉีกเสื้อผ้าอะไรแบบนี้ ถ้าพี่ชอบหรืออยากทำอีก ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่พี่ต้องบอกให้ผมตั้งตัวและเตรียมใจก่อนนิดนึงนะ ผมยังไม่ชิน”

“พี่ไม่ได้ชอบหรอกครับ...แต่ถ้าเกิดอยากทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมาจะขอก่อนแล้วกัน” ไม้พูดทีเล่นทีจริงแล้วก้มลงฟัดแก้มนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กได้ดี ไม้จะลุกขึ้นทำความสะอาดโต๊ะต่อจากนั้นก็เอาแลปท็อบมานั่งทำงานใกล้ๆ กับพลับ

“นั่นข้อสอบปลายภาคนี่ครับ เตรียมข้อสอบกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ เหลืออีกตั้งสองเดือน”

“ก็เตรียมเอาไว้ครับ เผื่อมีปัญหาอะไร จะได้แก้ได้ทัน”

พลับนอนมองไม้ที่คิดข้อสอบของตัวเอง แล้วก็คิดไปถึงช่วงปิดเทอมหลังสอบปลายภาคเสร็จ ปิดเทอมคราวนี้จะปิดนานเกือบสามอาทิตย์ ปกติแล้วพลับและพีชจะพากันกลับบ้านไปหาพ่อแม่ แต่ก็มีเวลาเที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่ประมาณสามสี่วัน และครั้งนี้พลับอยากไปเที่ยวกับไม้บ้าง

“ปกติแล้วปิดเทอมหลังสอบนี้ พี่ไม้จะทำอะไรบ้างครับ ต้องไปทำงานทุกวันรึเปล่า”

“อืม ถึงไม่ต้องสอนแต่ก็ต้องเข้าไปจัดการพวกเอกสารและประชุมแผนการเรียนการสอน จะได้หยุดจริงๆ ก็ประมาณอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์แค่นั้นแหละครับ”

“แล้ววันหยุดแบบนั้นพี่ไม้ทำอะไรครับ”

“ปกติก็จะลงไปดูโรงแรมนั่นแหละ ไปให้เพื่อนเห็นหน้าบ้าง เดี๋ยวมันแอบถอนชื่อพี่จากกองหุ้นส่วนเสียฉิบ” ไม้พูดแล้วก็หัวเราะ ก้มหน้าพิมพ์งานต่อ ส่วนพลับก็เงียบไปครู่หนึ่ง นึกถึงโรงแรมที่ไม้เคยพาไปเมื่อครั้งก่อน

“แล้วพี่ไม้จะไปกับใครเหรอครับ”

พลับทำทีเป็นถามแล้วเอาคางมาเกยไหล่เอาไว้ ซึ่งไม้ก็ยิ้มออกมา ปกติเขาจะชวนแฟนไปด้วย และครั้งนี้แฟนเขาก็เจ้าเด็กที่ซบไหล่เขาอยู่นี่ และที่เด็กถามๆ แบบนี้เขาเดาได้ทันทีเลยว่าคงอยากจะไปด้วยแน่ๆ ที่เอาคางมาเกยไหล่แบบนี้แสดงว่ารอไม้ถามอยู่อย่างแน่นอน

“หึหึ พี่ก็อยากชวนพลับไปด้วยนะ แต่ปิดเทอมแบบนี้พลับต้องกลับบ้านไม่ใช่เหรอครับ”

“ไปกับพี่ก่อนแล้วแล้วผมค่อยกลับบ้านก็ได้ครับ”

“เจ้านิ่ม อยากไปกับพี่เหรอครับ? ” ไม้หันไปบีบแก้มอย่างเอ็นดู ซึ่งพลับก็ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าทันที “งั้นปิดเทอมแล้วเราไปทะเลกันนะ”

“ไปครับ! ”



เรื่องนี้ติดแท็ก #รักของฝาแฝด ในทวิตเตอร์นะคะ

Twitter : @loammyloammie

facebook : loammyloammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 24 หัวใจ [END]


“โชนแก้ว! แฝดโชนแก้วกาน~”

“อา! ” พีชร้องเพราะโดนแบงก์ดึงคอเข้าไปกรอกเบียร์ กล้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยดันตัวคนเมาเรื้อนออกจากแฟนตัวเองและตบหัวเรียกสติไปทีหนึ่ง

“แบงก์ มึงเลิกกินถอะ เมาเหมือนหมาแล้วมึงเนี่ย” แบงก์โวยวายไม่ยอมเมื่อโดนกล้าดึงแก้วแอลกอฮอล์ในมือออก แถมยกขึ้นสูงจนเขาหยิบไม่ถึง ก็เลยเอื้อมไปยกขวดขึ้นกระดกแทนจนคนในโต๊ะห้ามกันแทบไม่ทัน

“เออ กูแม่งเป็นหมา เขากลับไปคุยกับแฟนเก่าแล้วทิ้งกู แม่งเอ้ย! ” แบงก์นั่งตาปรือกอดขวดเปล่าเล่าความช้ำใจให้เพื่อนๆ ฟังพลางทำปากเบะเหมือนคนจะร้องไห้ แต่น้ำตามันไม่ไหลออกมาจนต้องยกมือขึ้นป้ายน้ำลายเอาไปทำเป็นน้ำตาแทน สร้างความระอาให้กับเพื่อนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะเป็นอย่างมาก

“แบงก์ มึงไปนอนเถอะ”

“ไม่! ฮือ เอาเบียร์มา! กูเสียใจ กูเป็นหมาที่โดนสวมเขา”

แบงก์ครวญครางและลุกขึ้นยืน แย่งขวดเบียร์จากมือกล้าขึ้นกระดกจนหมดขวดแล้วก็โวยวายอยู่อย่างนั้น ไม้มองแล้วก็ยกมือขึ้นบีบขมับตัวเอง ดีที่เขาพามาตั้งโต๊ะสังสรรค์กันที่ริมชายหาด ไม่งั้นคงโดนแขกคนอื่นเขวี้ยงรองเท้าใส่แน่ๆ

“ขอโทษนะครับพี่ไม้ เพื่อนผมตามมากันทั้งกลุ่มเลย”

พลับจับมือของไม้ใต้โต๊ะและพูดอย่างรู้สึกผิด แผนการไปเที่ยวทะเลสองคนกับไม้ของพลับล่มลงไม่เป็นท่า เพราะเมื่อพลับนำไปบอกพี่ชายฝาแฝดตัวเอง พีชก็ขอไปด้วย และเมื่อลูกพีชไปแน่นอนว่ากล้าเองก็ต้องตามไปด้วย และแบงก์ที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เกาะติดมาด้วยอีกคนเพราะต้องการที่พึ่งทางใจเป็นอย่างมากในช่วงนี้ สุดท้ายทริปสวีทช่วงปิดเทอมของพลับจึงกลายเป็นการรวมตัวเที่ยวกับเพื่อนๆ ไปเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังเราค่อยแอบมากันสองคนเนอะ”

ไม้ก้มลงมากระซิบ พลับก็หัวเราะเบาๆ แล้วเอนตัวพิงไหล่กว้างของอีกคน ถอนหายใจให้กับตัววุ่นวายที่เมาโหวกเหวกอยู่ตรงหน้าแล้วก็หลับตาลง ตอนนี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว และพลับก็รู้สึกง่วง วันนี้พวกเขาออกจากรุงเทพกันมาตั้งแต่เช้า แต่เพราะแวะเที่ยวกันมาตลอดทาง กว่าจะมาถึงทะเลก็เป็นช่วงหัวค่ำเสียแล้ว

ตอนแรกก็แค่ตั้งโต๊ะกินข้าวกันธรรมดา แต่แบงก์ที่ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์เป็นอย่างมากก็จัดการเดินไปซื้อมาด้วยตัวเอง จากนั้นก็เลยเถิดจนเมาโวยวายมาจนถึงตอนนี้ แบงก์เสียงดังอยู่อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สงบลง แต่พอหมดฤทธ์ปุ๊บก็ฟุบลงกับโต๊ะแล้วหลับไปทันที เดือดร้อนให้กล้าพยุงกลับห้องไปนอนดีๆ

“เจอกันพรุ่งนี้นะครับ พี่ไปแล้วนะ”

“ฝันดีนะครับพี่ไม้” พลับส่งยิ้มและโบกมือลาคนรัก

“ฝันดีนะเจ้านุ่ม” ไม้อมยิ้มอาศัยช่วงจังหวะที่ที่คนอื่นกำลังวุ่นวายอยู่กับแบงก์ก้มลงหอมแก้มพลับ แล้วเดินยิ้มออกจากห้องไป

พีชที่หันกลับเห็นพอดีก็เม้มปากก่อนจะเดินเข้าไปแซวน้องชายที่ยืนยิ้มลูบแก้มตัวเองอยู่

“แอ๊~”

“อะไรพีช ไม่ต้องมาทำเป็นแซวเลย เดี๋ยวจะโดน” พลับดันไหล่พี่ชายที่ยืนยิ้มทะเล้นออกให้พ้นทางแล้วเดินเขาห้องไป พีชที่เห็นว่าน้องชายตัวเองยิ้มไม่หุบก็ตามไปแกล้งแซวจนโตนต่อยเข้าที่หัวไหล่มาทีหนึ่ง

‘ทำไมพลับไม่ไปนอนกับพี่ไม้ล่ะ’

“แล้วพีชจะนอนคนเดียวเหรอ” พลับพูดและทำภาษามือควบคู่กันไป พีชทำท่าหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้าอมยิ้มเขินไปให้น้องชายตัวเอง

‘เราจะให้กล้ามานอนด้วย’

“แหนะ! จะทำอะไรกันอ่ะ” พลับหรี่ตาแซวพี่ชาย แล้วก็โดนอีกฝ่ายดันไหล่กลับมาจนเซ แก้มขาวของลูกพีชขึ้นสีระเรื่อให้พลับเดาได้ไม่ยากเลยว่า พีชตั้งใจจะทำอะไรกับกล้าในคืนนี้

“อา! ” พีชกำชายเสื้อตัวเองแล้วบิดตัวไปมา ส่งเสียงท้วงเมื่อโดนน้องชายแซวคืนแล้วรีบแก้ตัวกลับไป ‘แค่นอนกอดกันเฉยๆ น่า ไม่มีอะไรหรอก มาทะเลทั้งทีแบบนี้ก็ควรนอนกับแฟนสิ จริงมั้ย? ’

“เค๊! ไปนอนกับพี่ไม้ก็ได้ ทำเพื่อพีชเลยนะเนี่ย”

พลับพูดเสียงสูงยังคงทำหน้าทำตาแซวพี่ชายตัวเองไม่เลิก จนพลับต้องโยนหมอนใส่ ตัวเองอยากไปนอนกับพี่ไม้จะแย่ยังจะมาวางท่าล้อคนอื่นอีก พีชคิดว่าน้องชายเขาเป็นคนที่น่าหมันไส้ที่สุดในโลกเลย

พลับหัวเราะเดินเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าพอออกมาก็เจอน้องชายกำลังเล่นโทรศัพท์ไปยิ้มไป พอแอบส่องดูก็เห็นว่ากำลังชวนแฟนมานอนด้วยอยู่

“เจอกันพรุ่งนี้นะพีช”

“อา” พีชทำมือโอเคและบอกฝันดีจากนั้นก็ขยับตัวจัดที่นอนอย่างกะตือรือร้น พลับหัวเราะกับท่าทางตื่นเต้นของพี่ชาย และดูท่าแล้วเพื่อนตัวสูงของเขาก็คงจะตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะเมื่อพลับเดินออกมาก็เจอกล้าที่มายืนรออยู่ที่หน้าห้องแล้ว

“มาเร็วเชียว...ให้แค่นอนกอดกันเฉยๆ นะ! ”

“หึหึ ไปบอกพีชดีกว่านะ”

กล้าหัวเราะยกมือขึ้นลูบคอตัวเองท่าทางดูเขินอายจนพลับต้องเลิกคิ้วขึ้น เพราะกล้าพูดเหมือนว่าพี่ชายเขาจะเป็นฝ่ายชวนทำอะไรๆ ก่อน พลับรู้ว่าจริงๆ แล้วพีชน่ะแก่นแก้วซุกซนแต่ก็มั่นใจว่าพีชน่ะขี้อายไม่ได้กล้าขนาดที่เชิญชวนก่อนแน่นอน พอคิดจะหันกลับไปถามอีกฝ่ายก็เดินเข้าห้องไปเสียแล้ว พลับส่ายหน้าเพราะได้ยินพีชส่งเสียงเรียกกล้าเหมือนดีอกดีใจมาก ทำเหมือนว่าไม่ค่อยได้เจอกัน ทั้งๆ ที่เจอกันทุกวันและพลับก็ปล่อยให้นอนด้วยกันเกือบทุกอาทิตย์ด้วย พี่ชายเขานี่น่าหมันไส้จริงๆ

ก่อนออกจากห้องมาพลับได้ส่งข้อความบอกไม้ไว้ก่อนแล้วว่าจะไปนอนด้วย แต่เพราะว่าตอนนี้มันดึกมากแล้วไม้ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะเดินออกมารับเอง

“พลับครับ รอพี่นานมั้ย ทำไมจู่ๆ ถึงมานอนกับพี่ล่ะครับ”

“พีชอยากสวีทกับกล้าครับ ผมก็เลยออกมา...ผมรบกวนพี่ไม้รึเปล่า”

“ไม่เลยครับ หากพลับไม่มานอนด้วย พี่ก็มีความคิดว่าจะย่องไปฉุดพลับมาเหมือนกัน”

พลับหัวเราะให้กับมุกตลกของอีกฝ่าย ไม้เดินนำคนรักไปทางห้องพักของตัวเอง แต่ระหว่างทางทั่งคู่ก็เห็นใครบางคนที่มีรูปร่างคล้ายกับแบงก์เดินเซออกไปทางหน้าหาด

“พลับ นั่นใช่แบงก์รึเปล่า”

“ แบงก์เมาจนหลับไปแล้วแต่นั่นก็... ผมไม่แน่ใจครับ”

เพราะคิดว่าแบงก์อาจตื่นแล้วเดินลงมา ทั่งพลับและไม้ก็เลยเดินไปหน้าหาดแต่ก็ไม่เจอ มองไปรอบๆ ก็ไม่พบใคร มีเพียงหาดที่ว่างเปล่าที่ประดับไฟไว้ตามต้นมะพร้าวและลมเย็นสบายที่พัดไปมา

“เราอาจจำคนผิด เพื่อนเราเมาขนาดนั้น ไม่น่าจะตื่นมาเดินไหว”

พลับพยักหน้าเห็นด้วยพลางมองไปรอบๆ อีกครั้งพอไม่เห็นใครก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอน แต่เสียงครื่นและสายลมชวนให้ทั้งสองคนยืนดูทะเลยามค่ำคืนอยู่แบบนั้น

“พี่ไม้...เราไปเดินเล่นกันตอนนี้ได้มั้ยครับ”

พลับพูดชวนและส่งยิ้มให้ ไม้เองก็ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว เขาหาเวลาอยู่ด้วยกันสองคนกับพลับมาทั้งวันแต่ก็ไม่มีจังหวะดีๆ เลยเพราะมีตัวป่วนคอยวุ่นอยู่ตั้งสามคน และตอนนี้ตัวป่วนที่ว่าก็หลับหมดแล้วเวลานี้จึงเป็นเวลาดีที่สุด

เขาจับมือเล็กๆ มากุมเอาไว้แล้วเดินไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาบ่อยแต่ไม้ก็จำแบบแปลนโรงแรมและสวนหน้าหาดได้ดี เขาเป็นคนคุยกับสถาปนิกเอง เพราะฉะนั้นอะไรอยู่ตรงไหนเขาจึงรู้หมด และตอนนี้เขาตั้งใจจะพาพลับไปที่ๆ หนึ่ง ถือเป็นจุดที่สวยที่สุดของโรงแรมเลยก็ว่าได้

“โห ที่นี่พอเปิดไฟแล้วสวยจังครับ”

พลับพูดอย่างตื่นเต้น ออกตัวเดินนำไปยังชิงช้าขนาดสองคนนั่งที่ถูกผูกไว้กับต้นมะพร้าว ไฟสีอุ่นประดับตามตัวต้นและไล่ลงมาตามเชือกเส้นหนาอย่างสวยงาม เขาเคยมาที่นี่กับเพื่อนๆ ตอนกลางวัน แต่ไม่คิดเลยว่าตอนกลางคืนจะสวยขนาดนี้

“นั่งสิ เดี๋ยวพี่ไกวให้” ไม้จับชิงช้าให้อยู่นิ่งแล้วดันตัวเด็กให้ขึ้นไปนั่งบนไม้กระดาน จากนั้นก็ออกแรงดันหลังให้ชิงช้าแกว่งไปด้านหน้าช้าๆ

“แรงๆ เลยนะครับ” พลับที่เริ่มสนุกจนลืมง่วงก็ยกขาขึ้น ให้พ้นพื้นทรายและเรียกร้องให้ไม้แกว่งแรงขึ้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมทำตาม เพราะเห็นว่าที่ตัวเองแกว่งอยู่นี่ก็แรงมากพออยู่แล้ว

“เดี๋ยวก็ตกหรอก”

“ไม่ตกหรอกครับ ผมจะจับแน่นๆ อ๋า~ หยุดทำไมล่ะครับ” พลับร้องอย่างเสียดายเมื่อไม้ดึงชิงช้าให้แกว่งช้าลงจนหยุดในที่สุด คนตัวสูงไม่พูดอะไรแต่ก้มลงจูบหน้าผากมนแล้วก็ขยับตัวลงนั่งข้างๆ กันบนชิงช้าแล้วโยกตัวให้ชิงช้าไกวไปมาเบาๆ ผ่านไปพักใหญ่คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ก็ตัวเอนไปมา เปลือกตาสีอ่อนก็ปรือปรอยจนแทบหลับลง

“พลับครับ…”

“ครับ? ” พลับขานรับอีกคนเสียงแผ่ว เพราะความง่วงเริ่มจู่โจม ไม้ก้มหน้ามองอีกฝ่ายและหัวเราะประคองร่างเล็กให้เอนตัวพิงกับตัวเองเอาไว้แล้วโอบสะโพกป้องกันไม่ให้พลับหล่น

เขาเรียกพลับเพราะอยากขอบคุณที่อีกฝ่ายที่เข้ามาเป็นความสบายใจในชีวิตของเขา มาเป็นความรักที่พอดีของไม้ ในเรื่องของความรักไม้ไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อน เขาชอบความสบายใจที่เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับลูกพลับ เป็ฯ ความสบายใจง่ายที่เขาไม่ค่อยได้สัมผัวตอนอยู่กัยแก้มเท่าไรนัก…

ไม้ได้ตั้งใจเปรียบเทียบว่าแฟนเก่าหรือแฟนใหม่ใครดีกว่ากัน พลับเป็นเด็กดี และแก้มเองก็เป็นคนดี ทั้งสองคนดีเหมือนกัน และทำให้เขามีความสุขได้...แต่ไม่เท่ากัน

สิ่งที่ไม้ต้องการบอกคือ แก้มเป็นแฟนที่ดีแต่ไม่ได้พอดีสำหรับเขา แก้มอาจจะพอดีกับคนอื่นและคนนั้นจะทำให้แก้มมีความสุขมากๆ และแน่นอนว่ามากกว่าที่เขาเคยทำให้ ทุกคนมีดีในตัวเองเพียงแค่ต้องหาคนที่เข้ากันได้

เหมือนกับพลับที่พอดีกับเขา เป็นเด็กแต่มีเหตุผล อ้อนเก่ง เอาใจก็เก่ง ไม้รู้ตัวว่ากำลังหลงเด็กนี่จนโงหัวไม่ขึ้น และเขามั่นใจว่าคงจะหลงพลับลูกนี้ไปอีกนาน ทุกวันนี้เขาได้แต่ภาวนาในใจขอให้เด็กคนนี้รักเขาไปเรื่อยๆ เช่นกัน

“ขอบคุณที่รักพี่นะครับ เจ้านุ่ม” ไม้ก้มลงจูบหัวพลับ เมื่ออีกฝ่ายปรือตาก็ก้มลงฟังปลายจมูกลงที่แก้มนุ่มแล้วฟัดไปมาอยู่ครู่หนึ่ง

“พี่ไม้~...ผมง่วงแล้ว”

“ครับๆ กลับไปนอนที่ห้องกันดีกว่าเนอะ”

“อือ~ขอขี่หลังพี่ไม้ได้มั้ยครับ” พลับปรือตาและทำปากยื่นพร้อมทั้งชูมือขึ้น เจ้าเด็กนี่กำลังอ้อนเขาอีกแล้ว ไม้มองท่าทางน่ารักแบบนั้นแล้วก็บีบแก้มอย่ามันเขี้ยวก่อนจะย่อตัวลงให้พลับขึ้นขี่หลังเขาได้สะดวก

“กอดแน่นๆ นะครับ”

“อื้อ! ”

พลับกระชับแขนกอดไหล่อีกฝ่ายไว้แล้วซุกหน้าลงที่บ่ากว้างของไม้ ไม่ใช่แค่ไม่ที่อยากขอบคุณพลับ พลับเองก็มีความรู้สึกอยากขอบคุณคนตัวสูงเช่นกัน...

ขอบคุณที่ไม้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากๆ เลยทำให้พวกเขามาเป็นคนรักกันแบบนี้ ถึงแม้จุดเริ่มต้นอาจจะแปลกๆ แต่พลับก็อยากขอบคุณที่ไม้ให้โอกาสเขา ขอบคุณที่ดูแลและใส่ใจเด็กคนนี้ ดูแลทั้งร่างกาย ดูแลทั้งจิตใจเป็นอย่างดีเลย

“พี่ไม้...ขอบคุณที่รักผมเหมือนกันนะครับ”





สายลมเอื่อยพัดผ้าม่านสีขาวให้ปลิว ถึงแม้ว่าลมทะเลยามเช้าไม่ได้พัดแรงมากนักแต่ก็หอบอากาศเย็นจากทะเลขึ้นชายฝั่งทำให้ลูกพีชที่นอนเปลือยกายซุกตัวเข้ากับแผ่นอกกว้างที่อบอุ่นของกล้า อีกทั้งยังม้วนตัวยึดผ้าห่มไปไว้คนเดียวอีกตังหาก

“พีช...ขอผ้าห่มบ้าง”

กล้าพูดเสียงเครือ ปรือตามองก้อนผ้าห่มที่ขยับยุกยิกไปมาอยู่ตรงหน้าอกตัวเอง พอจะแย่งผ้าห่มคืนมาบ้าง คนด้านในก็ร้องท้วงอย่างขัดใจ กล้าเลยยอมแพ้ลุกขึ้นนั่งใส่กางเกงแล้วเดินไปปิดระเบียงที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา

“อา~”

พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเจ้าลูกพีชนั้นตื่นแล้ว คนตัวเล็กนั่งอยู่ในกองผ้าห่มส่งยิ้มหวานจากนั้นก็ทำปากจู๋ ออดอ้อนให้กล้าต้องโน้มตัวลงไปจูบแก้มนิ่ม แต่พีชไม่ได้ต้องการเพียงแค่นั้นเลยยกมือโอบลำคอแกร่งและออกแรงดึงจนกล้าเสียหลักเซล้มลงบนเตียง เปิดทางให้ลูกพีชจอมแก่นขยับตัวขึ้นนั่งบนตักแล้วเป็นฝ่ายจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากหนาอยู่หลายครั้ง แถมยังละปากไปที่ลำคอและดูดดุนเพิ่มรอยรักที่ทำไว้เมื่อคืนให้มีสีเข้มขึนไปอีก

“พอแล้วพีช ไปล้างหน้าได้แล้ว”

“อา” ก่อนจะลุกไปลูกพีชก็ยังไม่วายหอมแก้มกล้าไปอีกฟอดหนึ่ง คนตัวสูงหัวเราะบีบสะโพกกลมอย่างมันเขี้ยวก่อนจะปล่อยให้ลูกพีชเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนตัวเองก็กลับไปอีกห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมลงไปทานอาหารเช้า

“แบงก์อ่ะ” พลับทัก เมื่อเห็นว่าเพื่อนและพี่ชายฝาแฝดเดินลงกันแค่สองคน ไม่เห็นเงาคนขี้เมาเมื่อคืนเดินมาด้วย กล้าขมวดคิ้วก่อนจะตอบกลับไป

“นึกว่ามันลงมาแล้ว ไม่เห็นมันอยู่ในห้องแถมโทรศัพท์และกระเป๋าเงินมันก็ไม่อยู่”

“ไม่นะ พี่กับพลับนั่งอยู่ที่นี่สักพักแล้วก็ไม่เห็นว่าแบงก์เดินลงมาเลย”

ไม้ตอบเขาลงมานั่งที่ล็อบบี้ตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่เห็นว่าเพื่อนของน้องชายจะเดิรลงมาเลย จะมีก็แต่แขกคนอื่นๆ เท่านั้น ซึ่งนั่นกล้าขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนเมาที่หายไป เสียงรอสายดังอยู่นานก็ไม่ใครมารับสาย

“มันไม่รับอ่ะ มันแอบออกจากไปตอนไหนวะ” กล้าบ่น เพราะปกติแบงก์ไม่ใช่คนเมาที่เดินเพ่นพ่านไปมา ง่าวงก็นอนหลับอยู่ที่เดิมตลอด ไม่เคยจะหายไปแบบนี้เลยซักครั้ง

“เมื่อคืนตอนที่พี่มารับพลับก็เห็นคนรูปร่างเหมือนแบงก์เดินลงไปที่หน้าหาด แต่พอตามออกไปกลับไปเจอใคร”

ไม้เริ่มไม่สบายใจเพราะคิดว่าคนที่เขาเจอเมื่อวานอาจจะเป็นแบงก์ แล้วเดินไปทางหน้าหาดอีกตังหาก คนอกหักที่กำลังเมาและอยู่ใกล้ทะเลแบบนี้ จะมีอารมณ์ชั่ววูบคิดสั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย

“เมื่อคืนตอนกล้าออกมาหาพีช มันยังหลับอยู่ที่เตียงอยู่เลย”

“งั้นกล้าลองโทรหาแบงก์อีกทีนะ เดี๋ยวพี่จะไปดูกล้องว่ามันเดินไปที่ไหน”

ไม้พูดอย่างเคร่งเครียด เขาพาเด็กๆ มาเที่ยวหากใครเป็นอะไรไปมันก็อยู่ในความรับผิดชอบของเขา กล้าทำตามที่พี่ชายสั่ง คราวนี้รอสายไม่นานแต่ก็โดนตัดไป

“มันตัดสายกล้าอ่ะ” กล้าบอกไม้ ซึ่งนั้นทำให้พวกเขาเบาใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็คงปลอดภัยพอที่จะตัดสายพวกเขาได้ ไม่ใช่ไปนอนลอยในทะเลอย่างที่พวกเขากลัวกัน แต่ระหว่างที่กำลังเดินไปดูกล้องทางฝั่งนนั้นก็ส่งข้อความกลับมาสั้นๆ

‘นอนอยู่ เดี๋ยวเย็นๆ กลับไป’

ไม้อ่านแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เย็นนี้หากเพื่อนของน้องกลับมาคงต้องโดนเขาดุเสียหน่อยแล้ว ส่วนคนอื่นก็ถอนหายใจต่างคิดกันว่าหากตัววุ่นวายกลับมาต้องตบกะโหลกเสียหน่อย

‘แล้งแบงก์ไปนอนที่ไหนอ่ะ’ พีชถามอย่างสงสัย นอกจากพี่ไม้แล้วพวกเขาก้ไม่รู้จักใครที่นี่เลย แล้วแบงก์จะไปนอนที่ไหนได้อีก หรือจะไปเมาหลับอยู่แถวหาดทรายเหรอ?

“ไม่รู้แม่งมัน น่าหมั่นไส้ กลับมาจะตบให้หัวพุ่งเลย” กล้าพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำเอาพวกเขาเป็นห่วงกันไปหมด

หลังจากเรื่องไม่สบายใจผ่านไป ไม้ก็พาทุกคนไปทานอาหารเช้า และคุยกันว่าสายๆ จะลงไปเล่นน้ำ ไม้สั่งให้ดูแลกันดีๆ เพราะวันนี้คลื่นค่อนข้างลูกใหญ่ ส่วนตัวเขาจะตามไปเล่นด้วยช่วงบ่าย เพราะก่อนหน้านั้นคงต้องขอตัวเพราะจะเข้าไปคุยงานและทักทายหุ้นส่วน

“พลับไม่เล่นเหรอ” กล้าถาม เพราะเมื่ออกจากห้องมาก็มีแต่พีชคนเดียวที่เปลี่ยนชุดเตรียมลงทะเล

“ไม่อ่ะ รอเล่นพร้อมพี่ไม้...ฝากดูพีชด้วยนะ พีชว่ายน้ำไม่แข็ง” พลับกำชับเพื่อนตัวโตพลางบีบครีมกันแดดลงฝ่ามือตัวเองแล้วก็ลูบไปตามแขนขาของพี่ชายพอเรียบร้อยก็คว้าหมวกฟางมาคลุมหัวให้ลูกพีชอีกทีหนึ่ง น้ำเย็นแต่แดดออกเสี่ยงต่อการไม่สบายมากๆ พลับเลยต้องป้องกันไว้ก่อน

กล้าพาพีชลงไปด้านล่าง วางผ้าขนหนูไว้ที่เก้าอี้ชายหาดก่อนจะวิ่งไปเช่าห่วงยางขนาดกลางแล้ววิ่งกลับมาหาลูกพีช

“พร้อมลงทะเลยัง? ”

“อา! ” พีชส่งเสียงอย่างตื่นเต้น ชูมือขึ้นพลางซอยเท้ายิกเตรียมวิ่งลงทะเลเต็มที่ กล้าหัวเราะผูกหมวกฟางให้กระชับกับใบหน้าของลูกพีชจากนนั้นก้พาวิ่งไปที่ทะเล พีชทำไหล่สั่นเหมือนหัวเราะถูกใจเมื่อปลายเท้าสัมผัสน้ำทะเลที่สาดซัดเข้ามา

กล้าพาพีชเดินลงในน้ำจนถึงระดับหน้าอก น้ำเย็นทำให้พีชสบายตัวและสดชื่น ตากลมโตก็มองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ด้วยฝ่ามืออบอุ่นของคนรัก ความรู้สึกดีใจ สบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้กล้ายังไม่เคยจางไป คนตัวเล็กยิ้มกว้างอย่างมีความสุขใช้ฝ่ามือตีน้ำไปมาอย่างสบายใจ สองเท้าปัดไปมาเพื่อไล้ทรายที่ยังคงนุ่มอยู่ใต้น้ำ เงยหน้ารับแสงแดดอุ่นและยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ

“ชอบมั้ย? ”

“อื้อ~”

กล้ามองแล้วก็ยิ้มตาม หัวใจเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น มองแก้มขาวนวลที่เขารู้ดีว่ามันนุ่มนิ่มและชวนรู้สึกดีแค่ไหนหากเขากดจมูกลงไป เขารักพีช และรู้ตัวดีว่าชอบมากขนาดไหน เขามีความสุขเกินจะบรรยายที่ได้อยู่ใกล้ ได้ครองหัวใจของอีกฝ่ายแบบนี้

“แอะ แอะ แอะ อ๋า! ”

พีชหัวเราะเสียงดังยามที่กระโดดดึ๋ง ๆ เข้าหาคลื่นที่โถมเข้าใส่เป็นลูกๆ แต่เจ้าตัวกระโดดผิดจังหวะไปหน่อย ทำให้คลื่นนั้นซัดเข้าหน้าจนกลืนน้ำทะเลลงคอไปอึกใหญ่ไปเต็ม ๆ เลย กล้าหัวเราะ ดึงมือคนตรงหน้าให้เกาะบ่าตัวเองไว้จากนั้นก็เลื่อนลงไปประคองเอวเตรียมจะยกอีกฝ่ายขึ้นนั่งบนห่วงยางนี้

“เดี๋ยวเราอุ้มให้นั่งบนห่วงยางนะ”

พีชยิ้มแล้วเอียงคอไปมา ฝ่ามือที่เกาะบ่านั้นก็ขยับโอบรอบคอแกร่ง กล้าเลิกคิ้วมองใบหน้าน่ารักภายใต้หมวกฟาง เห็นรอยยิ้มหวานแอคแทร็คหัวใจแบบนั้นก็เปลี่ยนใจกอดเอวเล็กนั้นไว้กับตัว ปล่อยให้คลื่นซัดห่วงยางปลิวออกไปไกล

“อะไร ไม่อยากนั่งบนห่วงยางเหรอ”

พีชอ่านปากแล้วส่ายหน้าไปมา เขาไม่อยากนั่งบนห่วงยางแต่อยากกอดกล้าอยู่แบบนี้มากกว่า พีชมองใบหน้าของกล้า สบตาคมของอีกฝ่ายมองความรักที่อีกฝ่ายถ่ายทอดผ่านดวงตา พีชไม่คิดเลยว่ากล้าจะมองตัวเองแบบนี้ เจ็ดเดือนที่แล้วสายตาของกล้ายังคงมีแต่พลับอยู่เลย แต่มาวันนี้คนที่อยู่ในใจของกล้ากลับกลายเป็นเขา...ลูกพีชคนนี้

พีชกระชับอ้อมแขนยกปีกหมวกขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ถูไถปลายจมูกมนรั้นไปกับปลายจมูกโด่งของกล้าอย่างรักใคร่

“น่ารักเกินไปแล้วนะเราอ่ะ”

กล้าหัวเราะมองลูกพีชที่ยังคงอมยิ้มน่ารัก ดวงตากลมโตสะท้อนเงาของเขา พีชมองเขาเสมอ ไม่ว่าเมื่อไรก็ยังคงมองมาตลอด ใจของพีชมีแต่กล้า จะทำอะไรพีชก็นึกถึงกล้าอยู่เสมอ หากเขาไม่เปิดใจก็คงไม่รู้ว่าตัวเองได้รับความรักจากอีกฝ่ายมากมายขนาดไหน

“รักพีช…รักมาก”

“อา~” พีชส่งเสียงหวานเขาเห็นว่าปากกล้าขยับ แต่ยังไม่ทันได้อ่านว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา เพราะกล้าขยับใบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มนุ่มแดงระเรื่อ ไล้มาถึงกลีบปากฉ่ำและประกบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา พีชหลับตาลงแล้วซึมซับความอุ่นตรงริมฝีปากที่กำลังแผ่ซ่านลงไปที่หัวใจ

ทางด้านของกล้าก็หลับตาลงแล้วเริ่มขบเม้มริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือกอดกระชับเอวและสะโพกของพีชไว้อย่างหวงแหน ผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งสองก็ขยับออกจากกันช้า ๆ และมีระยะห่างไปให้พีชอ่านปากเขาได้อย่างชัดเจน

“เรารักพีชนะ...มากๆ เลยด้วย”

พีชยิ้มกว้าง รอยยิ้มและสายตาหวานจ๋อยส่งมา ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ใจเขาแทบจะละลาย พีชสบตากับกล้าอีกครั้ง จรดริมฝีปากลงสามจุด

เปลือกตา เป็นการบอกว่าพีชนั้นหลงไหลอีกฝ่ายตั้งแต่สบตากันครั้งแรก

ปลายจมูก เป็นการว่ากล้านั้นเป็นคนสำคัญต่อหัวใจของพีชมากๆ

และริมฝีปาก เป็นจุดที่พีชจูบนานที่สุด เพื่อบอกว่าเขารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน

‘รักกล้าเหมือนกัน...มากๆ เลยด้วย’

END.




ตอนหลักจบแล้วนะจ๊ะ เย้ๆ

เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เขียนยากเพราะเราไม่เคยบรรยายแบบมุมมองพระเจ้าแบบนี้เลย และเรื่องนี้เราเกเรที่สุด ทั้งทิ้งช่วงอัพ ไม่ได้อัพแบบสม่ำเสมอเลยเพราะว่าเขียนไม่ถูกใจซักที บางครั้งเขียนใกล้จะจบตอนอยู่แล้วพอมาอ่านทวนดันไม่ถูกใจก็ลบเขียนใหม่ 55555 แต่เรารักตัวละคนเรื่องนี้นะ รักเจ้าลูกพีชและลูกพลับ รักกล้าและไม้ เพราะใช้เวลากับพวกเขาเยอะ วันละเกือบ 3-4 ชั่วโมงเลยนะ

และขอบคุณนักอ่านมากๆ เลย ทั้งที่เข้ามาอ่านและกดให้กำลังใจเราด้วย โดยเฉพาะคอมเม้นต่างๆ ถึงแม้จะไม่เยอะ แต่โคตรเป็นขุมกำลังใจของเราเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าเรารู้สึกว่าเรื่องนี้เขียนยาก เราท้อบ่อยอ่ะ แต่ก็ไม่อยากจะทิ้งนิยายที่สร้างขึ้นมาให้พวกเขาเคว้งคว้าง ขอบคุณกำลังจากพวกคุณมากๆ เลยค่ะ

แอบทิ้งต้นเรื่องของแบงก์ไว้เล็กน้อย แต่คงยังไม่แต่งเร็วนี้นะคะ (ฮา) ให้ลองเดาดูว่าในเรื่องของเจ้าตัวน่ะ เจ้าแบงก์ตัววุ่นวายนี่จะได้เป็นนายเอกหรือพระเอก

♥♥ เอาล่ะมาถึงตรงนี้ก็ฝากติดตามผลงานเรื่องอื่นของเราด้วยนะคะ รับประกันเลยว่าน่ารักทุกเรื่อง สายสุขนิยมไม่ควรพลาดน๊า ♥♥


#รักของฝาแฝด

Twitter : @loammyloammie

Facebook : loammyloammie

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เจ้าลูกพีชชชชช ทำไมขี้ยั่วแบบนี้ หัวใจจะวายทุก10นาที

แต่สงสารแบงก์มาก

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักดี  :impress2: ไม่มาม่ามาก..อิ่มกำลังดี ชอบนะ  o13

แล้วแบงก์ไปไหน..ตามต่อจ้า  :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
จบแบบซึ้งๆหวานๆ สนุกกกกดี อ่านเพลินๆ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาลงในนี้ให้ได้อ่านกัน  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
แอบมาเม้นก่อน กลัวจบเศร้า 5555

เดี๋ยวเริ่มอ่านเลยค่า~

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด