รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡ Shamrock16 [2] 27/06/62 จบบริบูรณ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡ Shamrock16 [2] 27/06/62 จบบริบูรณ์  (อ่าน 15105 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡
«ตอบ #30 เมื่อ18-12-2018 22:43:54 »

ถ้าเพิ่มหมายเลขตอนกับวันที่ จะทำให้รู้ว่าอัพเดตตอนใหม่แล้วค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡
«ตอบ #31 เมื่อ19-12-2018 00:24:00 »

หนักหน่วง 5555555555555

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Re: รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡
«ตอบ #32 เมื่อ19-12-2018 10:57:01 »

ถ้าเพิ่มหมายเลขตอนกับวันที่ จะทำให้รู้ว่าอัพเดตตอนใหม่แล้วค่ะ  :pig4:

ขอบคุณนะคะที่แนะนำ :)

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Re: รักนี้ที่ดับลิน♡Dublin In Love♡ Shamrock12 [4]
«ตอบ #33 เมื่อ24-12-2018 21:17:18 »

Shamrock12 [4]

ชาร์ป Part

     หลังจากที่ผมกลับจากเกาะมา ผมก็ยังเทียวไปหาน้องตัวเล็กที่บ้านทุกวัน แต่ที่แปลกไปกว่าเดิมคือการที่ไอ้พวกเจ้าเด็กแสบนั้น ไม่หาเรื่องมาแกล้งผมอีกแล้ว จะมีก็แต่จะคอยช่วยให้ผมได้คุยกับน้องตัวเล็กแต่น้องก็ยังมีท่าทางเย็นชาใส่ผมอยู่ จนมาวันนี้ผมต้องคุยกับน้องตัวเล็กให้ได้ก่อนที่ผมจะต้องกลับอังกฤษในวันรุ่งขึ้น เพราะวิจัยที่ผมส่งไปนั้นเกิดมีปัญหาขึ้นมาผมจึงต้องรีบกลับไปจัดการก่อน

“ตัวเล็ก ให้โอกาสพี่ได้อธิบายให้น้องฟังนะครับ”

“ผมก็บอกคุณไปแล้วไงว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีก”

“พี่ขอให้ตัวเล็กฟังพี่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พี่จะกลับไปอังกฤษแล้วพี่จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับตัวเล็กอีกเลย” น้องตัวเล็กมีท่าทีตกใจหลังจากที่ผมบอกไปว่าผมจะไม่มาวุ่นวายกับน้องอีกแล้ว

“พี่อยากจะบอกกับน้องว่าพี่รักตัวเล็กมาตลอด พี่หลงรักน้องมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับเรา พี่มีความรู้สึกอยากจะปกป้องดูแลน้อง ไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้น้องเลยสักคน พอพี่โตขึ้นพี่ถึงรู้ว่าความรักที่พี่มีให้กับตัวเล็กมันไม่ใช่ที่พี่ชายมีต่อน้องชาย แต่มันคือความรู้สึกที่เรารักใครสักคนที่อยากให้อยู่เคียงข้างเราไปตลอด ความรู้สึกที่อยากจะครอบครองน้องตัวเล็กเพียงคนเดียว แต่แล้วพี่ก็มาคิดได้ว่า ถ้าพี่รักตัวเล็กอย่างคนรัก มันทำให้พี่รู้สึกผิด เหมือนพี่กำลังทรยศต่อตัวเล็ก ต่ออากุนและอาหลิน ที่ไว้ใจให้พี่คอยดูแลเรามาตลอด พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องตัวเล็กคิดแบบเดียวกับที่พี่คิดและรู้สึกแบบเดียวกัน นั่นคือเหตุผลที่พี่ตัดสินใจคบกับแอนนา เผื่อว่าพี่จะได้ตัดใจจากน้องตัวเล็กได้และกลับมามีความรู้สึกแบบที่พี่ชายรักน้องชาย แต่กลับกลายเป็นว่าพี่ยิ่งทรมานขึ้นไปอีกหลังจากที่พี่ไม่ได้คุยกับน้องตัวเล็กเลยตลอดกว่าสองปีที่ผ่านมา จนวันที่พี่ได้กลับมาเจอตัวเล็กอีกครั้งนึง และวันนั้นวันที่พี่ได้รับรู้ความจริงที่ว่าตัวเล็กรู้สึกยังไงกับพี่ ตอนนั้นพี่ทั้งดีใจและรู้สึกผิดไปพร้อมกันกับการที่ได้รู้ความจริง เพราะตอนนั้นพี่ยังไม่ได้เลิกกับแอนนา พี่ยอมรับว่าพี่ไม่กล้าที่จะบอกเลิกเธอได้ เธอไม่ผิดกับเรื่องนี้ มีแต่พี่ที่พาเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง พี่เล่นกับความรู้สึกของคนที่รักพี่ แต่สุดท้ายพี่ก็ไม่สามารถทนกับความรู้สึกนี้ได้ พี่จึงตัดสินใจบอกเลิกเธอไปและที่พี่ยังไม่รีบกลับมาอธิบายให้เราเข้าใจก็เพราะว่าพี่ต้องรีบเคลียร์งานวิจัยและที่บริษัทให้เรียบร้อยก่อนที่พี่จะกลับมาหาตัวเล็ก กลับมาเพื่ออธิบายให้น้องเข้าใจทุกอย่าง แต่มาจนถึงตอนนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเล็กที่มีให้กับพี่นั้นจะเปลี่ยนไปหรือยัง เพราะทุกอย่างมันเกิดจากความผิดของพี่เอง ผิดที่พี่เอาแต่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเราไม่มีทางจะมารักพี่อย่างที่พี่รักตัวเล็กได้ คนที่เลี้ยงตัวเล็กมาตั้งแต่เกิด พี่อยากจะขอโทษตัวเล็กและอยากให้ตัวเล็กให้อภัยพี่ตัวโตคนนี้อีกสักครั้งได้ไหมครับ”

     หลังจากที่ผมได้อธิบายทุกอย่างให้น้องตัวเล็กฟัง น้องก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรออกมาแต่ที่ตาของน้องนั้นมีน้ำใสๆก็ไหลลงมาไม่หยุดเพียงแต่ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยินเลย ผมไม่รู้ว่าน้องคิดอะไรตอนนี้สักนิดนึงเลย ผมคิดว่าที่น้องเงียบไปคงเป็นคำตอบของน้องแล้วล่ะ

“นี่ครับ พี่ตั้งใจทำให้เราเลยนะตัวเล็ก” ผมยื่นของไปให้น้องที่ผมตั้งใจทำมาเพื่อหวังว่าตัวเล็กจะใจอ่อนกับผมบ้าง

“แต่ถ้าตัวเล็กคิดว่ามันไม่มีค่าสำหรับตัวเล็กแล้วจะทิ้งไปก็ได้นะครับ พี่ขอโทษนะครับตัวเล็ก” หลังจากที่ผมพูดจบผมก็รีบเดินออกมาทันที

     ทางด้านเปอโยต์หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของชาร์ปแล้วก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนบรรดาเฮียและน้องสาวต่างก็เดินเข้ามากอดปลอบคนตัวเล็กเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ทั้งๆที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังร้องไห้หนักออกมาขนาดไหนเพียงใด

“มันจริงหรือวะเฮีย คูปป์ ที่พี่ชาร์ปพูดออกมาทั้งหมดนั้นมันคือความรู้สึกพี่เขาจริงๆ” เปอโยต์เอ่ยถามออกมาด้วยเสียงสะอื้น “เขาอยากรู้ว่าทำไมพี่ชาร์ปถึงคิดว่าเขาไม่รักล่ะ ฮึก ฮึก...แม้แต่ตอนนี้ที่เขาไปเขาก็ยังไม่ฟังคำจากปากเล่าเลยว่าเขาให้อภัยเขาแล้ว
หรือว่ามันจะสายไปแล้วล่ะเฮีย ฮือออออออ.....พี่เขาไปแล้ว...”

“มันจริงอย่างที่เฮียพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ เฮียมันรักมึงเข้าใจไหม” แอสตันพูดออกมาพลางลูบหัวของเปอโยต์ไปด้วย

“พี่เขาจะไม่กลับมาแล้วใช่ไหม เขาพูดมาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะมาพูด หรือว่าเขาทำเย็นชาใส่พี่ชาร์ปมากเกินไป”

“เฮียมันคิดว่ามึงเงียบไปคือคำตอบหรือเปล่าวะ เพราะมึงก็ไม่ยอมคุยกับเฮียมันเลยไง เฮียมันเลยคิดว่ามึงไม่รักเฮียมันแล้ว” เป็นจากัวร์ที่พูดขึ้นมาบ้าง

“จริงอย่างที่ไอ้จาร์คมันพูดนะโยต์ เฮียคงคิดแล้วว่าโยต์คงไม่ได้รักเฮียมันแล้ว เฮียมันถึงไม่ทนรอฟัง”

“แต่ถ้ามึงไม่รักเฮียมันแล้วก็ไม่ต้องไปเปิดของที่เฮียให้ไว้นะ ทิ้งมันไปเลย ไม่ต้องไปสนใจเฮียอะไรแล้ว ไหนๆมึงก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่เฮียรู้สึกอะโยต์”

“ไม่ต้องไปเปิดดูหรอก/ไม่ต้องไปเปิดดูหรอก/ไม่ต้องไปเปิดดูหรอก”

“ทิ้งไปเลย/ทิ้งไปเลย/ทิ้งไปเลย” ทั้งแอสตัน จากัวร์ คูเปอร์ต่างพูดขยี้ให้คนตัวเล็กรู้สึกออกมา

     ทั้งสามต่างมองหน้าอย่างรู้กันว่าที่เฮียแกรีบกลับไปไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่รอฟังคำตอบจากเปอโยต์ แต่ที่เฮียไม่รีบไปตอนนั้นเฮียแกจะตกเครื่องบินเอาได้ คนอย่างเฮียอะเหรอจะยอมปล่อยเปอโยต์ไว้อย่างนี้ ถ้าไม่มีธุระด่วนจริงๆ ตอนนี้ก็ได้เวลาขยี้ให้มันเลิกทิฐิต่อเฮีย ต้องให้มันแสดงความรู้สึกออกมาได้แล้ว นี่เป็นเพราะว่ารักคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดหรอกนะ ไม่งั้นเฮียแกคงไม่มีวันได้อธิบายความจริงหรอก พูดกดดันอีกนิดหน่อยก็คงใจอ่อนแล้ว หึหึ (ความคิดของทั้งสามคน)ในตอนนี้

“แต่โยต์ยัง...ยัง...ฮืออออออ”

"หยุดร้องไห้ก่อน แล้วขึ้นไปพักบนห้องก่อนไป ตาช้ำไปหมดแล้วเนี่ย ไหนว่าเฮียเปอร์เอาอยู่ไง เห็นมีแต่เฮียเปอร์ขี้แย ปากแข็ง เดี๋ยวเค้าให้ป้าสองทำข้าวผัดขึ้นไปให้ดีไหม จะได้มีแรงคิดว่าจะทำไงต่อ เพราะเรื่องนี้โยต์ต้องเป็นคนจัดการเอง พวกเค้าช่วยได้อยู่เท่านี้ เพราะเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนพวกเราเข้าไปช่วยไม่ได้เข้าใจที่เค้าพูดไหมโยต์”

“ฮึก..ฮึก...เข้าใจ”

เออ งั้นมึงรีบขึ้นไปพักเลยเดี๋ยวพวกกูตามขึ้นไป”

"อือ”

สามแสบ Part


แอสตัน : เดี๋ยวกูไปกดจองตั๋วรอบที่เร็วที่สุดก่อน

จากัวร์ : เออ มึงไปเลยกูขอไปนอนต่อก่อน

คูเปอร์ : เขาจะไปโทรบอกลุงเคลวินกับป้าคีย์เอง

ทั้งสามคน : เอองั้นแยกย้าย!!!

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ร้องใหญ่แล้วลูกกกก
จะได้เจอกันมั้ยนะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock12 [5]

ชาร์ป Part

“อ้าว แด๊ด มัม สวัสดีฮะ”

“ไหนว่าจะไปง้อหนูโยต์ไง แล้วทำไมถึงกลับมาอยุ่นี่ล่ะ”

“พอดีชาร์ปต้องกลับมาแก้งานวิจัยน่ะแด๊ด แล้วที่บริษัทไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมฮะ เพราะถึงมี ผมก็คงไม่กลับไปช่วยแก้ปัญหานะ เพราะนี่มันยังไม่หมดหยุดของผมเลย”

“อ่อเข้าใจละ เพราะอย่างอย่างนี้สินะ หึหึ (เสียงแด๊ดบ่น) ที่บริษัทก็ไม่มีไรหรอก แล้วนี่แกเคลียร์งานเสร็จแล้วใช่ไหมหรือว่ายัง”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะเข้าไปอีกทีนึงน่ะครับ”

“สงสัยคงจะไม่ได้ไป” (เสียงแด๊ดพึมพำ)

“แด๊ดว่าอะไรนะครับ”

“ไม่มีไรๆ”

“งั้นไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมาทานข้าวนะลูก”

“ครับ”

     ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้ทั้งแด๊ดและมัมกลับมาที่บ้าน ในเมื่อตอนเช้าผมโทรไปหาท่านยังอยู่ที่ดับลินคุยธุระกับลุงคีรันอยู่เลย แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว

     ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากภายในห้อง ผมจำได้ว่าเมื่อเช้าก่อนออกไปผมก็ปิดแอร์แล้วนะหรือว่าผมจะลืมปิดมันยิ่งเบลอๆอยู่ด้วย

แกร็ก

     ผมเปิดประตูเข้าไปหน้าของผมก็ปะทะกับไอเย็นที่อยู่ภายในห้องที่มืดสนิท ผมกดเปิดสวิตซ์ไฟก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ งั้นเมื่อเช้าผมคงจะลืมปิดแอร์นั่นแหละ

     กว่าผมจะพาตัวเองไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวและลงไปบอกมัมว่าจะไม่ทานข้าวเย็นแล้วก็ราวครึ่งชั่วโมงได้ ด้วยความที่ผมเดินทางมาถึงเมื่อคืนและต้องตื่นแต่เช้าไปมหาวิทยาลัย มันทำให้ผมอยากจะนอนเต็มแก่แล้วตอนนี้ ผมจัดการปิดไฟข้างนอกห้องก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอนที่ผมแยกโซนออกมาจากภายในห้องอีกที เตียงจ๋าป๊ะป๋ามาแล้วจ๊ะ

    ตุ้บ ผมกระโดดขึ้นเตียงอย่างเต็มแรงทันทีที่เดินถึงโดยไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรอยู่บนเตียงสักนิดเดียว

“โอ๊ยยย!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บนั้นคุ้นๆที่ดังออกมาจากกองใต้ผ้าห่มที่ทำให้ใจผมสั่นไหวนั้น ค่อยๆเปิดผ้าห่มออกมา ผมรีบเอื้อมตัวไปกดเปิดโคมไฟตรงข้างเตียงทันที

     ก่อนที่จะได้พบกับคนที่ผมพึ่งจะได้อธิบายความจริงให้เจ้าตัวได้รับรู้ก่อนที่ผมจะต้องรีบบินกลับมาที่อังกฤษ โดยที่ผมนั้นก็ยังไม่ได้ฟังคำจากคนตัวเล็กเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ผมนั้นได้พูดออกไป

“น้องโยต์” ผมเรียกน้องตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังสะลึมสะลืออยู่ภายใต้ผ้าห่มหน่าก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยออกมา

“ว่าไงฮะ”

“น้องมาได้ยังไงเนี่ย แล้วมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ชาร์ปก่อนล่ะครับ”

“เอาทีละคำถามได้ไหมอะ โยต์ฟังไม่ทัน”

“น้องมาได้ยังไงครับ” ช่างเป็นคำถามสิ้นคิดจริงๆ

“ก็นั่งเครื่องมาสิครับ เฮียแมสจองตั๋วให้”

“แล้วมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับตัวเล็ก”

"เมื่อบ่ายๆนี่เองฮะ”

"แล้วทำไมน้องไม่โทรบอกพี่ก่อนล่ะว่าจะมา”

“คิดไม่ทันฮะ”

“แล้วน้องมาทำไม ในเมื่อ...อั๊กกกก!!!” ผมยังไม่ทันที่จะพูดจบน้องก็ทุบลงมาที่ไหล่ของผมอย่างเต็มแรง

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ

“ก็มีไอ้พี่ตัวโตบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ จู่ๆก็มาพูดๆใส่แล้วก็ไม่รอฟังที่น้องโยต์จะพูดเลยสักคำ”

ตุ้บ

“แหะๆ โอเคจ๊ะ พี่ผิดเองที่รีบออกมาก่อนที่จะได้ฟังน้องตัวเล็กพูด แต่พี่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบกลับมาก่อน เพราะพี่ต้องรีบกลับมาแก้งานวิจัย นี่พี่ก็เคลียร์เสร็จแล้วก็กะว่าจะ”

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ


“โอ๊ยยย!!!”

“จะอะไรฮะ พูดดีๆนะฮะ” น้องยังคงทุบไหล่ผมอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะยกไหล่ขึ้นมาแล้วล่ะ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่แรงเยอะเป็นบ้าเลย

“ตัวเล็กก็หยุดทุบพี่ก่อนสิครับนะ” ผมร้องบอกคนตัวเล็ก ส่งสายตาปริบๆไปให้ว่าหยุดทุบได้แล้วเพราะมันเจ็บมาก

“พี่ก็กะว่าจะกลับไปหาเราพรุ่งนี้แหละ เพราะพี่ก็แก้งานเสร็จแล้ว แต่พรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปที่มหาลัยอีกรอบ”

“ไหนพี่ชาร์ปบอกว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับน้องโยต์แล้วไง”

“ตอนนั้นพี่พูดไปก็เพราะอยากให้เราฟังพี่อธิบาย และอีกอย่างพี่ก็กลัวตัวเล็กจะไม่ฟังพี่ไงครับ พี่เลยต้องพูดแบบนั้นออกไป”

“ฮึก...ฮืออออ ไอ้พี่ตัวโตบ้า....ฮือออออ”

“โอ๋ โอ๋...อย่าร้องไห้เลยนะคนดี” ผมพูดปลอบคนตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้ในตอนนี้ ผมดึงน้องเข้าใกล้ๆเพื่อที่จะกอดให้รู้ว่าผมไม่ได้จะทำอย่างที่พูดไป

“ไอ้อ้องเอย ฮือ...”

“โอ๋ โอ๋นะ ตัวเล็กดูที่พี่ให้ไปแล้วแล้วใช่ไหมครับ”

"ฮะ”

"งั้นพี่ขอคำตอบตอนนี้เลยได้ไหมครับ หืมม” ผมขอคำตอบจากคนตัวเล็กพร้อมกับใช้สองมือดันหน้าให้น้องเงยขึ้นมาจ้องกับตาของผมในเวลานี้ น้องตัวเล็กมีท่าทีเขินเล็กน้อยกับคำถามของผม

“...”

“ตัวเล็ก ตอบพี่ตัวโตมาสิครับ หืมมม”

     น้องยังคงมีท่าทีเขินอายอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจดีกับสิ่งที่ผมมอบให้น้องไป มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ ที่ผมให้น้องไปมันเป็นเพียงคลิปวิดีโอที่ผมทำขึ้นมาเพื่อง้อคนตัวเล็กโดยเฉพาะ ได้รับความร่วมมือจากอากุน อาหลิน แด๊ด มัม พี่ชายและน้องสาวของผมและที่ขาดไม่ได้เลยคือไอ้พวกสี่แสบที่ทำให้ผมเกือบล้มละลายได้เลย

“ว่าไงครับ ตอบพี่ตัวโตมากสักทีสิ”

“พี่ชาร์ปปป...น้องโยต์...ฮึกกก....น้องโยต์ตกลงฮะ ตกลงที่จะเปลี่ยนจากสถานะน้องชายตัวเล็กมาเป็นคนที่จะอยู่กับพี่ชาร์ปไปตลอดชีวิต แล้วพี่ชาร์ปก็ต้องเป็นคนที่อยู่กับน้องโยต์ไปตลอดชีวิตด้วยเหมือนกันนะฮะ”

“น้องพูดจริงใช่ไหม น้องยกโทษให้พี่ตัวโตคนนี้ด้วยแล้วใช่ไหม”

"ฮึก...ฮึก...ไอ้พี่ตัวโตบ้า ถ้าน้องโยต์ไม่ยกโทษให้แล้วน้องโยต์จะมานั่งให้พี่กอดอยู่อย่างนี้ไหมเล่า”

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ   


“ขอบคุณนะตัวเล็ก พี่รักเราที่สุดเลย” ผมกระชับอ้อมกอดของผมให้แน่นขึ้นไปอีก

"น้องโยต์ก็รักพี่ชาร์ปเหมือนกันนะฮะ ขอบคุณพี่ชาร์ปที่รักน้องโยต์นะ”

     วันนั้นอีกไม่กี่วันผมก็ต้องแยกจากน้องตัวเล็กอีกครั้งนึง เพราะน้องใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ส่วนผมนั้นพอได้เคลียร์กับน้องก็บอกกับที่บ้านเรื่องที่เราตกลงจะคบกัน ทั้งอากุน อาหลินต่างก็บอกว่า “อาลุ้นมากเลยว่าน้องตัวเล็กของเราจะใจอ่อนให้กับผมไหม” ส่วนผมในตอนนี้ก็กลับมาทำงานเป็นปกติและยังคงต้องไปเรียนอีกเทอมนึงกว่าจะจบ

     ผมบอกแด๊ดไปหลังเรียนจบผมจะกลับมาอยู่ที่บริษัทที่ไทย เหตุผลหลักก็มาจากตัวเล็กนี่แหละที่ไม่ยอมมาเรียนต่อที่อังกฤษ ผมก็ไม่อยากจะรอวันที่เราจะอยู่ด้วยกันแล้วเลยตัดสินใจมากลับมาอยู่ที่ไทยดีกว่า

     ผมกับน้องเราคบกันมาแบบเรื่อยๆ มีทะเลาะกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมาจากผมอีกนั่นแหละที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเล็กสักเท่าไหร่ ทีนี้ผมก็แก้ปัญหาโดยการหนีบน้องไปคุยธุระด้วยซะเลย

     ผมรู้ว่าบางครั้งน้องคงเบื่อที่จะมานั่งฟังคุยงานกับผมอย่างนี้ ผมก็ได้แต่ขอโทษตัวเล็กไป น้องก็เข้าใจว่าเป็นงานบวกกับที่น้องเริ่มโตขึ้นด้วยเลยไม่ค่อยงอแงสักเท่าไหร่

     ส่วนไอ้พวกสี่แสบก็มีบ้างที่จะได้เจอได้เข้ามากวนเหมือนเดิม ก็จะมีแต่น้องคูเปอร์ที่ตอนนี้หนีไปอยู่เกาหลี เห็นตัวเล็กมาเล่าให้ฟังเพราะทะเลาะกับไอ้เจ้าซีตรอง

     หลังจากวันนั้นที่เราตกลงคบกันก็ผ่านมาห้าปีแล้ว จนในที่สุดก็มาถึงวันที่น้องตัวเล็กสอบวิชาสุดท้ายของชั้นปีที่ 4 จบลงนั้น ผมตั้งใจไว้ว่าวันนี้ผมจะเซอร์ไพรส์ตัวเล็กโดยการขอน้องแต่งงาน โดยได้รับความร่วมมือจากเด็กแสบทั้งสี่เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะถึงเวลานัดกับพวกสี่แสบ ผมต้องไปเซ็นสัญญาเทคกิจการก่อน ผมซื้อที่เคยไปดูกับตัวเล็กเพื่อที่จะมอบให้กับตัวเล็กเป็นของขวัญ อันนี้ผมก็กะจะเซอร์ไพรส์น้องอีกเหมือนกัน เราเคยไปที่นั่นด้วยกันบ่อยๆ

     เราออกจากที่ผมไปเซ็นสัญญาช้ากันนิดหน่อย ส่วนตัวเล็กก็กังวลว่าจะกลัวไม่ทันที่นัดกับเฮียๆของเจ้าตัวเอาไว้ เพราะผมช้าแล้วตัวเล็กนี่ก็จะกลัวโดนน้องคูเปอร์บ่น บ่นนี่ไม่ได้บ่นธรรมดานะครับผมเคยนั่งฟังคูเปอร์บ่นพวกเฮียๆของน้องนั้น อยู่ราวสามชั่วโมงกว่าๆ ไอ้เจ้าพวกนั้นไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ

     ผมคิดว่าเจ้าเด็กพวกนั้นคงจะเตรียมงานไว้ให้เสร็จแล้วล่ะ ไม่งั้นคงจะไม่ปล่อยให้คูเปอร์โทรมากดดันตัวเล็กของผมอย่างนี้
ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่นึกถึงวันแรกจนถึงวันนี้ ผมไม่คิดว่าผมจะได้มีโอกาสมาคบกับน้องตัวเล็ก เราผ่านเรื่องราวต่างๆมาด้วยกันมากมาย นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเล็กกับผมนั้นต้องห่างกันไปกันนานถึงสองปี จนมาถึงวันที่น้องตัวเล็กตกลงคบกับผม ผมหันไปมองน้องตัวเล็กที่คุยโทรศัพท์กับคูเปอร์อย่างอารมณ์ดี

ตู้มมม.....   

ชาร์ป Part End

เปอโยต์ Part


     ภาพเรื่องราวต่างๆในอดีตย้อนกลับเข้ามาฉายให้เห็นชัด ตั้งแต่วันแรกที่พี่ชาร์ปได้เจอกับผม ภาพต่างๆยังคงไหลย้อนเข้ามาจนถึงภาพสุดท้ายที่พี่ชาร์ปได้เอาตัวเข้ามาบังผม ก่อนจะเอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินมันเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่ตัวโตรักน้องตัวเล็กนะครับ” ก่อนที่พี่ชาร์ปจะหมดสติไป

“ฮืออ ฮืออ ฮืออ พี่ชาร์ป!!!” พยายามตะโกนเรียกออกมาอย่างสุดเสียง เพื่อที่ว่าพี่เขาจะได้ยินเสียงของผมสักนิด

“ฮืออ ฮืออ พี่ชาร์ปกลับมาหาน้องโยต์ก่อน”

"พี่ชาร์ป พี่ชาร์ป พี่ชาร์ป”ยิ่งผมตะโกนเรียกเท่าไหร่ ก็ได้รับแต่ความเงียบกลับออกมาเป็นคำตอบ

     ผมโดนแรงดึงดูดให้ย้อนกลับมาตรงบ้านหลังนั้นอีกครั้งนึงก่อนที่ผมจะได้เจอกับพี่ชาร์ปอีกครั้ง

“ตัวเล็ก”

“พี่ชาร์ป!!! ฮืออ ฮืออ ทำไมน้องโยต์เรียกแล้วพี่ตัวโตไม่ตอบล่ะ”

“พี่บอกตัวเล็กไปแล้วไงครับ ว่าพี่ไม่สามารถจะอยู่ดูแลตัวเล็กได้อีกแล้ว น้องจำที่พี่บอกไว้ไม่ได้เหรอครับ หืมม”

“จำได้ฮะ แต่โยต์ก็ยังอยากจะให้พี่อยู่ดูแลน้องโยต์ก่อนไงฮะ”

“พี่ไม่สามารถยื้อเวลาได้อีกแล้วตัวเล็ก พี่ต้องไปแล้วจริงๆ พี่ไม่สามารถกลับมาเจอตัวเล็กได้อีกแล้ว”

“ฮึกก....ฮืออ ให้น้องโยต์ไปกับพี่ชาร์ปด้วยได้ไหมฮะ ฮึกก....พี่ชาร์ปอย่าทิ้งน้องโยต์ให้อยู่คนเดียวสิฮะ”ผมเข้าไปกอดพี่ชาร์ปอีกครั้งหนึ่ง

"มันยังไม่ถึงเวลาของตัวเล็กที่จะไป พี่พาน้องโยต์ไปด้วยไม่ได้หรอกครับ ถ้าพี่พาเราไปด้วยอากุน อาหลินล่ะ ตัวเล็กไม่คิดถึงท่านหรอครับ”

"ฮึกก ฮืออออ ฮืออออ”

“ตัวเล็ก ตัวเล็กต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะครับ ถึงแม้ว่าพี่ชาร์ปจะไม่ได้อยู่กับตัวเล็กแล้ว น้องโยต์จำที่พี่บอกไว้ให้ดีดีนะครับ”
ฮึก ฮึก ฮะ”

“หลังจากที่พี่ไม่อยู่ด้วยแล้ว พี่ขอให้น้องโยต์เปิดใจให้กับตัวเองนะครับ พี่รู้ว่ามันยากสำหรับตัวเล็กในตอนนี้ แต่พี่ขออย่าให้ตัวเล็กปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่งรอบตัวของตัวเล็กนะ แล้ววันหนึ่งตัวเล็กจะเจอคนที่รักตัวเล็กเหมือนกับที่พี่รักตัวเล็ก จะดูแลตัวเล็กอย่างที่พี่ดูแลและสุดท้ายนี้พี่ขอให้ตัวเล็กอย่าโทษตัวเองนะครับเข้าใจไหม”

"ฮะ น้องโยต์จะพยายามทำให้ได้ฮะ น้องโยต์จะเชื่อพี่ชาร์ปและจะไม่ทำให้พี่ชาร์ปผิดหวัง”

“พี่ชาร์ปรักน้องโยต์นะครับ รักทั้งหมดหัวใจของพี่ตัวโตที่มีต่อน้องตัวเล็กเลย”

“น้องโยต์ก็รักพี่ชาร์ปทั้งหมดหัวใจของน้องโยต์เหมือนกัน ฮึกก ฮึกก น้องโยต์จะไม่ลืมพี่ชาร์ป พี่ชาร์ปจะอยู่ในความทรงจำของน้องโยต์ตลอดไป ฮึกก ฮืออ ฮืออ”

“ใกล้จะหมดเวลาของพี่แล้ว ดูแลตัวเองดีๆและทำให้ตัวเองมีความสุขนะครับอย่าลืมนะครับ พี่ตัวโตรักน้องตัวเล็กนะครับ”

"น้องโยต์รักพี่ตัวโตนะฮะ”

     สุดท้ายนี้ผมใช้สองแขนที่ตอนนี้มันอ่อนแรงเข้าไปกอดพี่ชาร์ปและกระชับแขนให้แน่นขึ้นไปอีก เพื่อสัมผัสคนตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราทั้งสองคนจะจากกันไปตลอดกาล

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock13

โจเซฟ พาว Part


“พี่เป็นเพื่อนสนิทกับชาร์ป”

“พี่โจ!!!”ผมตกใจมากหลังจากที่พี่โจพาวพูดออกมา

“ตกใจล่ะสิเรา”

"ฮะ”

“พี่กับชาร์ปเราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ...เพราะพ่อพี่เป็นเพื่อนสนิทกับลุงเคลวินน่ะ”

“โห อะไรมันจะบังเอิญมากเลยนะฮะ เพราะอากู๋...เอ่อ ลุงชุนพี่ชายของปาป๊าเป็นเพื่อนสนิทกับลุงเคลวิน ส่วนป้าคีย์เป็นเพื่อนสนิทกับหม่าม้า โยต์ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยฮะว่าพี่โจจะรู้จักกับพี่ชาร์ป”

“พี่ก็พึ่งมารู้ตอนที่ชาร์ปมันกลับมาเรียนที่นี่แหละ อีกอย่างพี่อยู่ที่ดับลินตอนเรียนไฮสคูล”

“โยต์ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่โยต์จะไม่รู้เรื่องนี้ เพราะช่วงนั้นโยต์กับพวกเฮียจะมากันแค่ช่วงเรียนซัมเมอร์และแถมพี่ชาร์ปก็ยังต้องไปเรียนอีก เลยทำให้เราไม่ได้เจอกันช่วงนั้น”

“ไม่ใช่หรอก เพราะไอ้ชาร์ปมันไม่ยอมพาเรามาเจอพวกเพื่อนในกลุ่มเลยต่างหาก มันยอมไม่ไปเที่ยวกับพวกพี่เลยนะช่วงนั้น เลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านตลอด พวกพี่ก็สงสัยกันว่าทำไมมันไม่ยอมพาเรามาเจอ”

“ทำไมล่ะฮะ”

“ชาร์ปน่ะ มันหวงเรามาก ตอนแรกพี่ก็คิดว่าเป็นธรรมดาที่พี่ชายจะหวงน้องชาย แต่กับเมโลดี้นั้นทำไมไม่เห็นหวงอย่างเราเลย จนพี่มารู้ความจริงนั่นแหละว่ามันไม่ใช่หวงแบบพี่ชายน้องชาย อย่างที่บอกพวกเพื่อนไป”

“แล้วเราจำเพลงที่ชาร์ปร้องให้เราตอนที่มันต้องกลับไทยเพื่อมาปรับความเข้าใจกับเราได้ไหม”

“จำได้ฮะ”

“เพลงนั้นพี่เป็นคนแต่งเองและถ้าเราจำได้เพลงนี้มันอยู่ในอัลบั้มแรก”

“อ่า ใช่ๆโยต์จำได้ เพลงนั้นทำให้โยต์สงสัยมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ว่า ทำไมพี่ชาร์ปถึงเอามาร้องให้โยต์ก่อนที่ อัลบั้มชุดนั้นจะออกมาอีกที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง จะกลับไปถามพี่ชาร์ปก็ไม่ได้อีกแล้ว” น้องมีสีหน้าเศร้าลงหลังจากที่ทราบความจริงกับเรื่องเพลงนั้น

“เราเคยมารักษาตัวอยู่ที่อังกฤษใช่ไหมล่ะ”

“พี่โจ!!! พี่โจรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฮะ นอกจากที่บ้านโยต์และบ้านพี่ชาร์ปเรื่องนี้ไม่มีใครทราบเลย”

“เพราะช่วงนั้นพี่ก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกัน ทำให้พ่อกับแม่พี่ทราบว่าเรามารักษาตัวอยู่ที่นี่ด้วยเพราะท่านได้เจอกับลุงเคลวินและป้าคีย์”

“อ่อ”

“พี่มารู้ทีหลังจากนั้นอีกสองเดือนหลังจากที่พี่ฟื้นขึ้นมา ตอนแรกพี่คิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเป็นเพียงแค่ความฝันด้วยซ้ำ พี่ได้คุยกับชาร์ปตลอดช่วงเวลาที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา” น้องเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมา แต่ผมก็อยากจะอธิบายให้น้องเข้าใจถึงแม้ว่าจะทำให้น้อง นึกถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทผมก็ตาม

“เล่าให้โยต์ฟังได้ไหมฮะ”

“ได้สิครับ” ผมตอบน้องกลับไปหลังจากที่น้องอยากฟังขึ้นมา

“ในความรู้สึกพี่ตอนนั้น ชาร์ปมาหาพี่และบอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากจะให้พี่ช่วยทำให้มันหน่อย ถึงแม้ว่ามันจะยากไปสำหรับพี่ แต่มันถึงขั้นกับขอร้องพี่เลย ทั้งๆที่มันจะไม่ใช่คนขอร้องใครได้ง่ายๆ”

ชาร์ป : โจ กูอยากจะขอร้องอะไรมึงอย่างจะได้ไหม

โจเซฟ : เรื่องอะไรของมึงวะ ปกติมึงไม่ใช่คนที่จะขอร้องใครได้ง่ายๆนี่

ชาร์ป : กูอยากขอให้มึงช่วยดูแลเปอโยต์แทนกู ดูแลตัวเล็กอย่างที่กูดูแล เพราะกูคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

โจเซฟ : มึงจะบ้ารึไงวะ นั่นแฟนมึงนะ จะให้กูดูได้ยังไงกัน มึงควรที่จะดูแลน้องเอง

ชาร์ป : ไม่ได้ กูทำไม่ได้อีกแล้ว กูรู้ถึงมันจะยากสำหรับมึง แต่กูขอร้องล่ะโจเซฟมึงช่วยรับปากว่ามึงจะดูแลตัวเล็กของกูให้ดีที่สุด กูไม่อยากเห็นตัวเล็กร้องไห้หรือเสียใจอีกแล้ว แค่นี้มันก็มากเกินพอสำหรับน้องที่จะรับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ

โจเซฟ : มึงต้องบอกกูมาก่อนว่ามึงจะไปไหน

ชาร์ป : กูบอกได้แค่นี้ว่ากูไม่มีโอกาสอีกแล้ว

โจเซฟ : มึงบอกกูมาว่ามึงจะไปไหน ไม่งั้นกูไม่รับปากว่าจะช่วยมึง

ชาร์ป : กูบอกมึงได้แค่นี้จริงว่ากูไม่มีโอกาสอีกแล้วจริงๆ มึงช่วยทำอย่างที่กูขอเถอะ กูขอร้องจริงๆ

โจเซฟ : ได้กูรับปากมึง แต่มึงบอกว่ามึงจะไปไหน

ชาร์ป : มึงก็รีบตื่นขึ้นมาแล้วมึงจะรู้ทุกอย่าง และดูแลตัวเล็กของกูให้ดีที่สุดด้วยแค่นี้แหละ ขอบคุณที่มึงยอมมาเป็นเพื่อนสนิทกับคนอย่างกูนะไอ้โจ

โจเซฟ : เออ กูก็เหมือนกัน


“ฮึก ฮึก ฮืออออ”

“น้องโยต์ อย่าร้องไห้นะครับ”

“โยต์ไม่คิดเลยว่าจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของพี่ชาร์ปก็ยังคงเป็นห่วงโยต์มากขนาดนี้”

“ตอนแรกพี่ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมจะต้องให้พี่มาดูแลโยต์ด้วย ตอนนั้นปัญหาของพี่ก็มีมากพอแถมยังเคลียร์กันยังไม่ได้อีกจนพี่มาเห็นสภาพของโยต์ในตอนนั้นพี่ยอมรับเลยว่าพี่สงสารโยต์มาก จากน้องโยต์ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข กลายเป็นน้องโยต์ที่มีแต่สีหน้าอมทุกข์ น้ำหนักก็ลดลงจนเหลือแต่เนื้อที่หุ้มกระดูก แววตาน้องโยต์เหม่อลอย ใครคุยด้วยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลย น้องโยต์ที่พี่เคยเห็นนั้นมันไม่ใช่น้องโยต์ที่พี่เคยเห็นเลยในตอนนั้นที่อยู่โรงพยาบาล”

“ตอนนั้นโยต์ก็ไม่รู้ตัวเท่าไหร่หรอกครับ คิดตลอดว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมอีกในเมื่อไม่มีพี่ชาร์ปแล้ว คิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นทุกวันๆ ตอนนั้นมันแย่มากจริงๆ”

“พี่มาดูโยต์ทุกวันเลยนะ ขอให้หมอย้ายห้องมาอยู่ข้างๆห้องโยต์ด้วยซ้ำ แต่โยต์ก็ไม่เคยรับรู้เลยว่าพี่เข้ามาหา โยต์ยังคงนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกทุกวัน จนผ่านไปสี่เดือนกว่าเห็นจะได้ พี่ก็ออกจากโรงพยาบาลไป แต่พี่ก็ยังคงมาหาโยต์อยู่ทุกวันนะ จนป้าคีย์กับลุงเคลวินมาปรึกษากับพี่ว่าจะต้องทำยังไง ถึงจะช่วยให้โยต์หลุดออกมาจากตรงจุดนั้นได้”

“พี่โจ”

“แต่หลังจากที่พี่ออกจากโรงพยาบาลไปก็ต้องกลับมาทำอัลบั้มใหม่และกลับไปเคลียร์ปัญหาต่างๆด้วย เลยทำให้พี่ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลเราเท่าไหร่ พี่ก็โทรมาที่โรงพยาบาลบ้าง โทรคุยกับป้าคีย์และลุงเคลวินบ้าง ว่าเรามีอาการเป็นยังไงบ้างแล้ว อ่อ แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่พี่ยังเคยมาเยี่ยมเราที่โรงพยาบาลด้วยเลยนะ”

"โห ถึงว่าทำไมคุณแม่กับคุณพ่อถึงดูคุ้นเคยกับผม แต่โยต์ไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ”

“ใช่อย่างที่พี่บอก เหมือนเราไม่ยอมรับรู้เกี่ยวเรื่องราวภายนอกเลย จนพี่ลองเอาเพลงที่พี่แต่งในอัลบั้มใหม่นั้นมาเปิดให้เราฟังและกำชับให้พยาบาล ป้าคีย์และครอบครัวน้องโยต์เปิดให้ฟังตลอดเผื่อว่าน้องจะมีอาการดีขึ้นมาบ้าง แต่พี่ก็ไม่ได้เอาเพลงที่ชาร์ปเล่นมาเปิดให้เราฟัง เพราะกลัวเราจะแย่ไปอีก เลยเลือกเพลงอื่นๆและเพลงใหม่มาให้เราฟัง”

“โยต์ฟังทุกวันและเเข้าใจในเนื้อหาเพลงนะ ถึงแม้ว่าตอนนั้นฟังแค่ผ่านๆ แต่พยาบาลเปิดให้ฟังตลอด โยต์จึงเริ่มเข้าใจมากขึ้น โยต์ชอบทำนองมันเหมือนจะเศร้าแต่มันก็มีความสุขไปด้วยในเวลาเดียวกัน และมันทำให้โยต์นึกถึงคำพูดของพี่ชาร์ปขึ้นมาได้ มันทำให้โยต์เริ่มกลับมาคิดอีกครั้งกับการที่โยต์จะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะต้องเจอกับอะไรต่างๆ”

“ก็จนป้าคีย์โทรมาบอกว่ากับพี่ว่าน้องเริ่มตอบสนองต่อคนรอบข้างบ้างแล้วนั่นแหละพี่ก็โล่งใจขึ้นมา ถือว่าการเปิดเพลงให้น้องโยต์ในตอนนั้นฟังมาถูกทางแล้วที่จะทำให้อาการของน้องโยต์เริ่มที่จะดีขึ้น”

“หลังจากนั้นโยต์ก็ถามพี่พยาบาล ป้าคีย์ว่าคนที่ร้องเพลงนี้คือใคร เป็นวงที่มาจากไหน โยต์จะตามฟังเพลงของพวกเขาได้ยังไง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่โยต์ได้เริ่มตามวงของพี่โจเลย โยต์ส่งข้อความไปพี่ก็ไม่ตอบเลยจนผ่านไปสามเดือนพี่ถึงจะมาตอบ และเสียงของเดฟทำให้ภายในใจของโยต์นั้นมันรู้สึกเจ็บปวดก็จริง แต่ความเจ็บปวดนั้นเหมือนมีสิ่งเล็กๆที่คอยโอบอุ้มหัวใจของโยต์ไม่ทำให้โยต์มีความรู้สึกว่างเปล่าอีกต่อไป”

“ตอนนั้นพอเริ่มทำอัลบั้มใหม่พี่ได้รับอุบัติเหตุทำให้ต้องกลับมาพักรักษาตัวอีกเกือบสามเดือนนั่นแหละเลยทำให้พี่ไม่สามารถตอบเราได้ พี่ได้อ่านทุกข้อความที่น้องโยต์ส่งมานะครับ และพี่ก็ดีใจนะครับที่น้องโยต์ชอบ ถ้าตอนนั้นน้องโยต์ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย พี่คงต้องหาทางออกด้วยวิธีอื่นและในตอนนั้นพี่คงจะคิดไม่ออกแน่ๆ”

“โยต์เองก็คงจะไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อเลยหลังจากนั้น หรือตอนนี้โยต์อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้”

“แต่ตอนนี้น้องโยต์ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้นี่ไงครับ”

หมับบ.....

“พี่โจเซฟฟฟฟฟ”

“หื้มมม ว่าไงครับ” ผมคว้าน้องเข้ามากอดเพื่อให้น้องไม่รู้สึกแย่ๆอีก

“แล้วทำไมพี่โจถึงต้องมาคอยดูแลโยต์ด้วยล่ะฮะ”

“ส่วนหนึ่งนั้นมาจากชาร์ปเลย เพราะถึงยังไงพี่ก็รับปากไปแล้วว่าจะช่วยดูแลเราแทน และหลังจากที่เราเริ่มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ พี่ก็คิดมาตลอดว่าจะต้องทำให้เรามีแต่รอยยิ้มให้ได้ อย่างที่พี่บอกพี่ไม่อยากเห็นเราเป็นเหมือนกับตอนนั้นเลยมันรู้สึกแย่ รอบๆตัวมันดูมัวหมองไปหมด พี่รู้ว่าจริงๆแล้วเราไม่ใช่คนแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พี่ยังดูแลเรามาตลอดหลังจากที่เราออกจากโรงพยาบาลไป” น้องมีสีหน้าแปลกใจหลังจากที่ผมพูดจบไปแล้ว

“ดูแลยังไงล่ะฮะเราไม่ได้เจอกันตลอดสักหน่อย”

“น้องโยต์ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไมครอบครัวน้องโยต์ถึงยอมปล่อยให้น้องโยต์มานี่คนเดียวได้”

“นี่ พี่โจอย่าบอกนะฮะว่าทุกคนรู้เรื่องนี้มาตลอดกันหมดเลย รวมถึงที่บ้านของพี่โจด้วย”

“ตามอย่างที่น้องโยต์เข้าใจเลย แต่ว่าอย่าไปโกรธพวกเขากันเลยนะครับ เพราะพี่เป็นคนขอร้องไม่ให้พวกเขาบอกกับน้องโยต์เองล่ะครับ พี่อยากบอกกับน้องโยต์ด้วยตัวของพี่เองมากกว่า” ผมคิดว่าน้องจะต้องเสียความรู้สึกกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากแน่ๆ
“ทำไมจะต้องปิดบังกันด้วยล่ะฮะ”

“เพราะทุกคนนั้นเป็นห่วงความรู้สึกของน้องโยต์ยังไงล่ะ พวกเขาอยากเห็นน้องโยต์ที่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ ไม่มีใครอยากกลับไปเห็นสภาพแบบนั้นของน้องโยต์กันอีกแล้ว พวกเราต่างรู้ดีกันว่า กว่าน้องโยต์จะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลานั้นมันยากลำบากกันแค่ไหน และอีกเหตุผลนึงก็คือถ้าทุกคนพูดออกมาว่าพี่เป็นเพื่อนสนิทกับชาร์ปแล้วน้องโยต์จะเป็นยังไง ไม่มีใครจะล่วงรู้ได้เลยว่าน้องจะกลับมามีอาการแบบเดิมไหม จนทุกคนคิดว่าให้เวลาผ่านไปจนน้องดีขึ้นแล้วจริงๆถึงอยากจะให้น้องโยต์ทราบความจริงว่าเป็นยังไง”

“โยต์ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงก่อนเลยตอนนี้ มันทั้งโกรธ น้อยใจ ดีใจและรู้สึกตื้นตันที่ทุกคนเป็นห่วงโยต์กันขนาดนี้”

“พี่อยากให้น้องโยต์คิดซะว่าทุกคนนั้นรักและเป็นห่วงน้องโยต์กันมากขนาดไหน นี่ป้าคีย์ถึงกับโทรมาเช็คกับพี่ตลอดเลยว่าน้องโยต์เป็นยังไงบ้าง และห้ามพี่ไม่ให้ไปแกล้งลูกชายสุดที่รักของเขาด้วย”

“ฮะพี่โจพาว^^ ขอบคุณพี่โจมากๆเลยนะฮะที่ดูแลโยต์มาตลอด”

     ในที่สุดผมก็ได้บอกความลับที่ผมปิดบังน้องมานานเกี่ยวกับตัวผม ตัวน้องโยต์และชาร์ป เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่สามารถบอกน้องออกไปตอนนี้ได้นั้นก็คือ ความรู้สึกของผมที่มีต่อน้องโยต์ ผมก็ไม่รู้ว่ามันแปลเปลี่ยนจากที่ห่วงใยน้องตามคำขอของชาร์ป ที่ให้ผมช่วยดูแลน้องโยต์แทนมันนั้นเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกที่พิเศษกับน้องตั้งแต่ตอนไหนเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าผมไม่สามารถปล่อยให้น้องอยู่ห่างจากสายตาของผมได้เลย

“อ่อ มีอีกอย่างที่พี่ยังไม่ได้บอกกับน้องโยต์”น้องจะโกรธผมจนไม่คุยด้วยเลยไหมนะถ้าบอกกับน้องเรื่องนี้ไป

“อะไรเหรอฮะพี่โจ”

“เอ่อ คือว่าพี่ เอ่อออ....”

 “คืออะไรเหรอฮะ”

“คือว่า....คือว่าพี่เป็นคนเดียวกับคนที่ใช้แอคเค้าท์....@Smilejojo”

“พี่โจว่าอะไรนะฮะ...พี่โจจะบอกว่า...พี่คือโจโจอย่างงั้นเหรอฮะ”

“ชะ...ใช่แล้วล่ะน้องโยต์” ผมรู้สึกว่าการที่จะบอกความจริงแต่ละอย่างให้กับน้องโยต์นั้นมันดูจะยากเย็นเสียเหลือเกิน

“งั้นที่โยต์คุยกับโจโจนั้นก็คือคุยกับพี่มาตลอดเลยใช่ไหมฮะ”

“ก็ใช่อีกนั่นแหละครับน้องโยต์ แหะๆ”

“โยต์ว่าแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย พี่โจรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโยต์ แต่โยต์รู้แค่ในสิ่งที่พี่อยากให้รู้ในข่าว ตามบทสัมภาษณ์หรือในรายการที่พี่ไปออกเอง” ฟังจากน้ำเสียงของน้องแล้วคงจะทั้งโมโหทั้งโกรธอยู่แน่ๆ

“พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังน้องโยต์จริงๆ แต่เวลาที่เราคุยกันนั้นมันก็คือมาจากตัวพี่จริงๆ มันคือเรื่องจริงที่เราคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน ส่วนในข่าวพี่ก็ต้องให้เป็นไปตามที่บริษัทนั้นกำหนดให้ว่าควรที่จะพูดอะไรออกไปบ้างเพื่อที่จะไม่ให้กระทบกับชื่อเสียงของวง และอีกอย่างถ้าพี่บอกไปว่าเนี่ยคือพี่จริงๆน้องโยต์จะเชื่อพี่ไหมล่ะครับ น้องโยต์ก็คงจะต้องคิดว่าพี่เป็นแฟนคลับที่อยากทำตัวเหมือนโจเซฟ พาว”

“ครับ มันก็จริงอย่างที่พี่โจพูดมาทั้งหมด โยต์อาจจะไม่เชื่อพี่ที่พี่โจบอกและเราก็คงไม่ได้คุยกันมานานขนาดนี้ แต่พี่โจทำฝันของโยต์สลายเลยนะครับ โยต์คิดว่าโจโจคงจะเป็นฝรั่งที่ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจและคอยสืบเรื่องราวของศิลปินอยู่ตลอดเวลาและอยู่แต่หน้าจอคอมด้วยซ้ำและเป็นคนที่ดูอบอุ่นแต่ก็ชอบคุยเรื่องลับๆของศิลปินเสียอีก”

“แต่จะว่าไปพี่ก็ไม่เคยส่งรูปให้เราดูเลยนี่เนอะว่าโจโจเป็นยังไง”

“ก็ใช่น่ะสิฮะ โยต์ตื้อเท่าไหร่ก็ไม่ยอมให้ดู ขนาดตอนที่โยต์ตามอัลบั้มที่แล้วตามทุกคอนเสิร์ตก็ยังไม่ยอมมาเจอกัน”

“ถ้าพี่มาเจอน้องโยต์ก็รู้ความจริงหมดน่ะสิ ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษน้องโยต์ด้วยนะครับที่ปิดบัง แต่เรายังคงคุยกันได้เหมือนเดิมใช่ไหมครับ”

“จะเหมือนเดิมได้ยังไงกันล่ะฮะ แค่นี้โยต์ก็เขินจะแย่อยู่แล้ว คุยเกี่ยวกับเรื่องพี่ไปก็เยอะ >///<”

“คุยกันเหมือนเดิมสิครับเพียงแต่ตอนนี้น้องโยต์ได้เจอกับโจโจตัวจริงแล้วไง”ผมเอื้อมมือเข้าไปลูบผมน้องด้วยความเอ็นดูกับท่าทีที่เขินอายของน้อง อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ทำให้น้องยิ้มได้อีกครั้ง

“ครับ โยต์จะพยายามนะฮะ”

“พี่เข้าใจครับ”

“คืนนี้มีหลายเรื่องเลยที่โยต์ได้รับรู้ความจริง พี่โจว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าฮะ”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับสำหรับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา แต่บางเรื่องมันก็มาจากการที่พี่เป็นคนคอยควบคุมว่ามันควรจะเป็นยังไง จะต้องไปทางไหนแต่บางเรื่องมันก็อยู่เหนือการควบคุมของพี่ อย่างที่เราปุปปัปจากมาดับลินแบบนี้นี่ไง”

“มันก็จริงอย่างที่พี่โจพูดแหละบางเรื่องเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผลมันจะออกมาแบบไหน และยังทำให้โยต์ได้ทราบความจริงอีกต่าง....หาก”

“เริ่มง่วงแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นพี่ว่าเรากลับขึ้นห้องกันเถอะครับ ไปนอนพักกันพรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมเที่ยวอีกเยอะเลย”ผมสังเกตเห็นน้องเริ่มหาวหลายทีแล้วจึงชวนน้องกลับขึ้นมาพักจะดีกว่า

“โอเคฮะ”

     ผมกับน้องโยต์เดินกลับเข้ามาด้วยความเงียบต่างจากเมื่อตอนที่เราเดินออกไปกัน ผมรู้ว่าการที่ผมบอกน้องเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆไปคงทำให้น้องสับสนอยู่ไม่น้อย และในตอนนี้ผมก็เข้าใจน้องได้ดีว่าน้องคงอยากใช้เวลาทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่คนเดียวสักพักนึง แต่ผมกลัวเหลือเกินว่าน้องจะเข้าใจว่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะมาจากเพื่อนสนิทของผม และผมก็รู้ดีว่าน้องคงจะต้องคิดมากแน่ๆ

     ผมอยากจะบอกกับน้องให้เข้าใจจริงๆว่าตอนนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อชาร์ปแล้วแต่เป็นที่ตัวของผมเองที่อยากจะทำให้น้องนั้นมีความสุข อยากที่จะคอยดูแลน้อง ผมไม่อาจจะล่วงรู้ได้เลยว่าถ้าผมบอกความลับอีกอย่างไปนั้นน้องจะรู้สึกเช่นเดียวกับผมหรือเปล่า เหมือนอย่างตอนที่ชาร์ปมาถามผมว่าควรจะง้อน้องโยต์แบบไหนดีนั่นล่ะครับ ตอนนี้ผมก็คงได้แต่ภาวนาให้น้องนั้นมีความรู้สึกเดียวกันแบบที่ผมรู้สึก

โจเซฟ พาว Part End


ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
เปอโยต์ Part

     ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดที่พี่โจเซฟเล่ามานั้นจะเป็นความจริง ไหนจะเรื่องที่เป็นเพื่อนสนิทพี่ชาร์ป ทำไมพี่เขาถึงปิดบังผมกันมาได้นานขนาดนี้แต่ผมเข้าใจพวกเขาได้ดีว่ากว่าผมจะผ่านช่วงเวลานั้นมันทรมานขนาดไหน และไหนจะเรื่องที่พี่เขาเป็นโจโจนั่นอีก ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนและพยายามจะเข้าใจในเหตุผลที่พี่โจอธิบายมาทั้งหมด แต่ผมยังรู้สึกติดค้างอยู่ในใจว่าทำไมครอบครัวของผมและป้าคีย์ถึงได้ปิดบังกันมานานขนาดนี้

06.00 am.

“น้องโยต์”

“อื้อออ”

“ตื่นได้แล้วครับ วันนี้เราต้องย้อนกลับไปที่บาร์นี่ย์อีกนะครับ ออกสายแล้วเดี๋ยวจะอดไปเที่ยวหลายที่นะ”

“ฮะ พี่โจ”

     เช้านี้ผมตื่นมาด้วยอาการมึนๆเล็กน้อย หลังจากที่กว่าจะพาตัวเองหลับได้แล้วนั้นก็เกือบเช้าแล้ว เรื่องเมื่อคืนทำให้ผมนั้นคิดตลอดทั้งคืนเลย

“โยต์ เก็บของเสร็จแล้วฮะ เราไปกันเลยไหมฮะ”

“โอเค ไปกันครับ”

     หลังจากที่พวกเราทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว พี่โจจพาวก็เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเพื่อมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ผมบอกกับทุกคนไปแล้วว่าผมจะต้องมาสถานที่แห่งนี้ให้ได้ในการมาดับลินครั้งนี้นั้นก็คือ บาร์นี่ย์แคสเทิล (Blarney Castle)

     จากที่ผมดูจากที่มีคนรีวิวไว้ว่า บาร์นี่ย์แคสเทิลนั้นเป็นปราสาทที่เริ่มแรกนั้นเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยไม้แล้วหลังจากนั้นสองร้อยกว่าปีปราสาทก็ได้ถูกเปลี่ยนใหม่มาเป็นการสร้างด้วยหินและโดนทำลายไปอีกครั้ง

    แต่ก็ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก่อนหน้าที่จะได้รับการสร้างใหม่ปราสาทนี้กษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ได้มอบหินใต้บัลลังก์ครึ่งก้อนให้กับ แมคคาร์ธี เป็นการตอบแทนที่เขาได้ส่งทหารมาช่วยในการสงครามในยุคสมัยนั้น และหลังจากที่สร้างปราสาทนี้ขึ้นมาด้วยหินก้อนนั้น

      จึงทำให้มีตำนานเล่าขานกันมาว่า”หากผู้ใดนั้นได้จุมพิต Blarney Stone แล้วท่านผู้นั้นจะได้รับพรให้เป็นผู้ที่ไม่อับจนโวหาร” แต่ผมสนใจตรงที่ รอคโคลส (Rock Close) มากกว่าในบริเวณพื้นเดียวกันกับ บาร์นี่ย์สโตน (Blarney Stone)

“พี่โจฮะแล้ววันสิ้นปีเราจะซื้ออะไรเข้าไปที่บ้านกันดีฮะ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคุณแม่ท่านจะเตรียมไว้ให้เอง”

“อ่อ โยต์เกรงใจจังเลย”

“เลิกเกรงใจกันได้แล้ว ยังไงเราก็เหมือนคนรู้จักกันแล้วนะ”

“ครับ”

“แล้วลุงชุนเป็นยังไงบ้าง พี่ก็ไม่ได้เจอท่านมาสองสามปีแล้วเหมือนกัน”

“ลุงแกก็ยุ่งอยู่กับพี่โรล พี่น่าจะรู้จักนะครับ”

“โรลที่เป็นแฟนกับพี่แฟลตใช่ไหม พี่เคยเจออยู่ไม่กี่ครั้งเอง แต่พี่ก็ไม่คิดเลยนะครับว่าโรลจะเอาพี่แฟลตอยู่”

“นั่นแหละฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“โยต์คิดว่ามาไอร์แลนด์คราวนี้โชคดีมากจริงๆเลยนะฮะ ได้รู้อะไรหลายอย่างเลย”

“แล้วเราโอเคแล้วใช่ไหม”

“ฮะ แต่โยต์มีอย่างหนึ่งต้องจัดการด้วยตัวของโยต์เองก่อนถึงจะรู้สึกดีมากกว่านี้ฮะ”

“จัดการอะไรครับ บอกพี่ได้ไหมหืมม”

“โยต์ต้องไปจัดการเฮียๆและที่บ้านโยต์ไงครับ รวมถึงป้าคีย์ด้วยปิดบังกันมาได้ตั้งนาน โยต์เข้าใจเหตุผลของทุกคนนะครับแต่อดที่จะน้อยใจไม่ได้เลย”

“พี่หวังว่าคงจะไม่รุนแรงนะครับ”

“ฮะ ไม่รุนแรงสักนิดเลย” ผมรับปากพี่โจไปโดยที่ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางไขว่เอาไว้โดยที่พี่โจไม่ได้สักเกตเห็น หึหึ

     ผมคิดอยู่ในใจก่อนคนแรกที่จะโดนคือเฮียแมสเลย ยิ่งมีประเด็นอยู่ด้วยในช่วงนี้อย่าคิดว่าคนอย่างเฮียเปอร์จะปล่อยไปง่ายๆ ส่วนเฮียจาร์คคงต้องไม่รุนแรงมากเพราะสงสารใบยอเดี๋ยวจะเป็นแม่หม้ายลูกติดซะก่อน ส่วนคูปป์ง่ายๆเลยก็แค่จัดการไอ้ซีตรองไง หึหึ

“น้องโยต์ครับ”

“น้องโยต์”

“ถึงแล้วนะ”

“อะ!!! พี่โจว่าอะไรนะครับ”

“เราถึงกันแล้วนะครับ”

“ฮะ”

“มัวแต่คิดอะไรอยู่เหรอครับ พี่เห็นเดี๋ยวทำหน้ายิ้ม เดี่ยวทำหน้าดูซะสะใจเลย”

“เปล่าฮะ โยต์แค่คิดอะไรเล่นๆน่ะฮะ”

“ครับ อย่าลืมเอาเสื้อโค้ทกับหมวกลงไปด้วยนะครับ วันนี้อากาศดูแล้วน่าจะเย็นมากทีเดียว”

“ครับ” นี่ผมเผลอคิดที่จะจัดการเฮียๆออกทางสีหน้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วพี่โจจะคิดว่าเราเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไหมนะ แต่จะว่าไปพี่เขาต้องรู้แน่ๆเลย เพราะพี่โจเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชาร์ป และใช่พี่เขาต้องรู้เรื่องที่เคยกับพี่ชาร์ปตอนนั้นแน่ๆ ฮืออออทุกคนครับช่วยเปอโยต์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะครับ

     พวกเราต้องเดินกันเข้ามาจากทางเข้าอีกประมาณ 15 นาทีกว่าจะถึงบริเวณปราสาทกว่าผมกับโจจะเดินขึ้นถึงชั้นบนนั้นเล่นเอาเหงื่อออกกันทีเดียวเลยสำหรับอากาศเย็นๆอย่างนี้ ก็เพราะกว่าเราจะเดินขึ้นนั้นเราต้องเดินขึ้นทีละคนครับ ก็ขนาดของทางเดินขึ้นนั้นกว้างแค่ขนาดคนเดินแค่คนเดียวเองแถมบันไดนั้นยังเป็นบันไดวนอีก ถ้ารีบก้าวขึ้นก็กลัวว่าจะตกลงไปพี่โจจึงให้ผมเดินขึ้นมาก่อนและพี่เขาจะเดินตามหลังเอง

     พอเรามาถึงก็เจอเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ตรงบาร์นี่ย์สโตน เขาก็ถามว่าผมจะลองจุมพิตดูไหมแต่ผมก็ขอปฏิเสธไป ผมขอแค่เดินขึ้นมาดูรอบๆเพื่อให้มองเห็นบรรยากาศภายในบริเวณปราสาทนั้นก็มีความสุขมากอยู่แล้ว เราเดินถ่ายรูปกันไปสักพักก่อนที่ผมจึงชวนพี่โจไปตรงโซนของร็อคโคลส

     เมื่อเราเข้าโซนของร็อคโคลสแล้วบรรยากาศที่เห็นนั้นเหมือนเราเข้ามาอยู่ในป่าเลยล่ะครับ เจ้าหน้าที่ที่เดินตามมาด้วยก็อธิบายให้ฟังว่าต้นไม้หรือพืชพรรณบางต้นนั้นมีมาตั้งแต่ในยุคศตวรรษที่ 18 แล้วและยังมีน้ำตกขนาดย่อมๆอีก นี่ยังไม่รวมไปถึงก้อนหินรูปร่างแปลกๆที่ดูคล้ายจะเป็นเหมือนแม่มดและหัวกะโหลกอีกด้วย

     เหมือนตอนนี้เราหลุดเข้ามาอยู่ในโลกของหนังแม่มดแฟนตาซีเลยล่ะครับ และเราก็เดินกันมาถึงบริเวณที่ผมเคยบอกทุกคนไปว่าที่ผมอยากมามากที่สุดนั้นก็คือ วิชชิ่งสเต็ป (Wishing Step)แล้วครับ

“ต้องให้พี่จับมือพาเดินขึ้นไปไหมครับ”

“พี่โจ!!! โยต์เดินขึ้นเองได้ฮะ”

        ผมเดินหลับตาลงพร้อมกับจับราวเหล็กที่ทางปราสาทนั้นเขาได้จัดทำขึ้นมา เพื่อให้สะดวกต่อการเดินขึ้นและเดินลงโดยที่เราจะไม่ได้รับอุบัติเหตุจากการที่เราต้องหลับตา

    ในขณะที่ผมเริ่มเดินก้าวขาขึ้นบันไดไปได้สักพัก ผมก็พบว่ามีสัมผัสของมือที่อุ่นๆเข้ามาจับไว้พร้อมกับกระฉับมือผมให้แน่นขึ้นในตลอดระยะทางที่เดินขึ้นไป มีเสียงคอยบอกให้เดินระวังอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาทั้งตอนเดินขึ้นไปและตอนเดินลงมา

จนกระทั่ง...

“น้องโยต์”

“น้องโยต์ครับ”

“ปล่อยมือพี่ได้แล้วมั้งครับน้องโยต์”

 “สงสัยต้องขอหลายอย่างแน่ๆเลยใช่ไหมเราหรือว่าเรากลัวจะตกบันไดกันหืม”

“โห พี่โจไม่ขนาดนั้นหรอกฮะ”

 “เนี่ยขนาดลืมตาแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกสงสัยน้องโบต์คงจะกลัวตกบันไดจริงๆ”

“อุ้ย แหะๆ”ผมรีบปล่อยมือออกแล้วยกมือเกาแก้มพลางแก้เขินไปที่ไม่ยอกมปล่อยมืออกจากพี่โจพาว

     ผมกับพี่โจพาวเราเดินกันอยู่ภายในบริเวณร็อคโคลสกันอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่เราจะไปต่อกันที่จุดหมายต่อไปของเราในวันนี้นั้นก็คือเลดี้วิว (Ladies View) เป็นจุดชมวิวที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างต้องไปหยุดพักและถ่ายรูปกันที่นั่น

Rrrrr…..

“แสบนักนะมึงไอ้เปอร์ มึงนี่หาเรื่องมาให้กูจนได้”

“เรื่องอะไรของเฮียเนี่ย”เฮียโทรมาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะเนี่ย

“ก็รูปที่มึงส่งไปให้คูปป์ไง”

“รูปไรเหรอเฮีย”

“มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้ไอ้เปอร์!!!”

“โอ๊ยย เฮียทำไมต้องตะโกนใส่กันด้วยเนี่ย”

“มึงมันนี่จริงๆเลย”

“แล้วเฮียได้ไปทำอะไรปิดบังอะไรเค้าไว้ไหมล่ะ”

“ทำอะไรวะ วันวันกูก็นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องเนี่ย”

“นึกดีๆนะเฮีย”

“มีอะไรที่กูปิดบังมึงได้หรือไงฮะ มึงนี่คงอยู่ว่างเกินไปแล้วจริงๆ กูจะบอกให้ป๊าลากตัวมึงกลับมาทำงานที่บ้านให้ได้”

“เดี๋ยว เดี๋ยวเฮียมันไม่เกี่ยวกันเลยเว้ย เอาเป็นว่าเฮียไปนึกมาดีๆแล้วก็มาสารภาพด้วยถ้าไม่อยากให้คนคนนั้นรู้ว่าเฮียมันเอี้ยมากแค่ไหน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมกดตัดสายเฮียแมสไปทันที นี่มันแค่เริ่มต้นครับสำหรับสงครามประสาทของผมกับบรรดาพี่น้อง

“ขำอะไรขนาดนั้นครับน้องโยต์”

“จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะครับก็เฮียแมสน่ะสิ แค่โยต์ส่งภาพที่เป็นภาพตลกๆของเฮียไปให้คูปป์ดูแค่นั้นเอง” ผมคงไม่สามารถที่จะบอกพี่โจพาวออกไปได้ว่ามันเป็นภาพยังไง ขืนถ้าบอกออกไปสงครามของพวกผมต้องจบลงแน่ๆ

“งั้นเราเดินกลับกันเลยนะครับ”

“ฮะ”

“น้องโยต์ครับ”

“ครับพี่โจ”

“ขอมือหน่อยได้ไหมครับ”

“...” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างงงๆว่าพี่โจพาวจะแกล้งอะไรกันอีก

“ได้ไหมครับน้องโยต์”

“คะ คะครับ” ผมยื่นมือออกไปอย่างเขินๆ ในขณะที่นิ้วมือของพี่โจพาวนั้นค่อยๆมาประสานกับมือของผมเบาและพาเดินออกมาตามทางที่เราเดินเข้ามากันอย่างช้าๆ จนกระทั่งเดินกันมาถึงรถจึงได้ละมือออกไป

     กว่าเราจะมาถึงจุดชิมวิวเลดี้วิวนั้นใช้เวลากันไปกว่าชั่วโมงครึ่ง เพราะตลอดเส้นทางที่พี่โจขับออกมานั้นถนนค่อนข้างที่จะแคบ ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วมากได้ พอดีกับที่พี่โจบอกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการมาดูจุดชมวิวนี้คือช่วงก่อนเที่ยงและช่วงบ่ายๆ เพราะจะทำให้เรามองเห็นทะเลสาบคิลลาร์นีย์ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ประกอบไปด้วย 3 ทะเลสาปด้วยกันจึงทำให้บริเวณนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง

“เป็นยังไงบ้างน้องโยต์ครับ สนุกไหม”

“สนุกครับ แต่โยต์ว่าถ้ามากันหลายๆคนน่าจะสนุกกว่านี้”

“แล้วมากับพี่สองคนไม่สนุกเหรอครับ” พี่โจพาวเอ่ยออกมาด้วยเสียงเศร้าๆ

“ใครว่าไม่สนุกล่ะครับ พี่โจพาโยต์ไปตั้งหลายที่แถมยังเซอร์ไพรส์หลายๆอย่างอีก โยต์ต้องถามพี่โจนั่นแหละฮะว่าเบื่อรึเปล่าที่มาเที่ยวแบบนี้”

“แล้วใครว่าพี่เบื่อล่ะ ดีซะอีกที่ได้พาน้องโยต์มา ถ้าเราไม่มาตอนนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่จะได้พามาไหม”

“ขอบคุณพี่โจนะฮะ”

“ครับ แล้วหิวหรือยังเรา”

“นิดหน่อยฮะ”

“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเดี๋ยวเราแวะหาไรกินก่อนแล้วค่อยไปกันต่อเนอะ”ทำไมจะต้องมีเนอะมาต่อด้วยครับพี่โจ แล้วดูทำสีหน้ากรุ้มกริ่มอะไรนั่นอีก

“ฮะ แล้วพี่โจหิวหรือยัง”

“นิดหน่อยเหมือนกันครับ”

Rrrrr…..

“ไอ้เหี้ยยยยยเปออออออออออร์ มึงส่งอะไรไปให้คูปป์ดู”

“ส่งอะไรของมึง อย่ามากล่าวหากูแบบนี้นะสัด”

“มึงอย่ามาทำเนียนไม่รู้เรื่อง มึงบอกกูมาดีๆว่ามึงส่งรูปอะไรไป”

“ไม่เห็นจะรู้เรื่อง มึงมั่วป่ะเนี่ยยย”

“กูไม่ได้มั่ว ถ้ากูมั่วคูปป์คงไม่โทรมาด่ากูรัวๆแบบนี้ มึงบอกเร็วๆไอ้สัดเปอร์”

“กูไม่รู้ กูไม่ได้ทำ”

“มึงอย่ามาพี่ธอร์”

“พี่ธอร์ไรของมึงหะ”

“มึงอย่ามาตอแหลไอ้เปอร์ กูรู้ว่ามึงต้องเป็นคนส่งไป”

“กูไม่รู้จริงๆ อาจจะเป็นเด็กมึงก็ได้”

“สัด กูไม่มีมานานแล้วเหอะ”

“เหรอออออออ แน่ใจเหรอมึ๊งงงงงง” ผมทำน้ำเสียงกวนไอ้ตรองไปเพื่อยั่วให้มันโมโหมากยิ่งขึ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำไมผมดูเหมือนคนโรคจิตเลยอะทุกคน

“น่ะ แน่ใจดิวะ”

“แล้วงั้นมึงจะกังวลกับรูปไปทำไม มันก็แค่รูปอะมึง อะจะเป็นรูปตอนมึงกำลังชอวอก็ได้นะ”

“ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่รูปนั้นแน่ๆ ไม่งั้นคูปป์จะห้ามให้กูไปหาเหรอตอนนี้เนี่ย”

“งั้นเป็นรูปอะไรน๊า ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก”

“มึงอย่ามากวนตีนกูไอ้เปอร์ บอกกูมาเร็วๆ กูจะได้ไปง้อคูปป์ มึงอยากเห็นเพื่อนมึงเป็นหม้ายหรือไงหะ”

“มึงไปคิดมาดีๆว่ามึงทำอะไรไว้ ถ้าคิดได้ก็ค่อยมาบอกกับกูก็แล้วกัน”

ติ๊ดดดด

“มีอะไรรึเปล่าครับน้องโยต์”

“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ แค่หมาที่บ้านโดนน้ำร้อนลวกนิดหน่อยน่ะฮะ”

“แล้วเป็นอะไรมากไหมครับ”

“ไม่มากครับ สบายใจได้” ดีนะที่พี่โจฟังภาษาไทยไม่ออกไม่งั้นมีหวังเฮียเปอร์คนนี้อาจจะโดนดุแน่ๆว่าไปแกล้งไอ้ซีตรอง
ทุกคนคงจะเคยได้ยินสำนวนนี้กันใช่ไหมครับ “สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งรีบนับศพทหาร สงครามไม่สงบ อย่านับศพข้าศึก”

     บรรยากาศร้านที่พี่โจพาวมาทานข้าวกลางวันนั้นเป็นร้านที่ตั้งอยู่ร้านเดียวของเส้นทางที่เราจะผ่านไปทางดินเกิ้ลเบย์ มองออกไปทางหน้าร้านเราจะพบกับเวิ้งอ่าวมหาสมุทรดินเกิ้ล สถานที่แถบนี้มีภาพยนตร์มาถ่ายทำกันอยู่หลายเรื่องเลยฮะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มีหิมะตกลงมาอีกแล้ว เลยทำให้มองไม่เห็นวิวในมุมกว้างออกไปได้อีกและเราคงต้องนั่งรออยู่ที่นี่กันอีกสักเพื่อให้หิมะหยุดตกไปก่อน เพราะเส้นทางที่เราจะไปนั้นค่อนข้างที่จะแคบและบางช่วงมีถนนแค่เลนเดียวอีกด้วย

“น้องโยต์ทานอะไรดีครับ”

“เอาเป็นมอคค่าเย็นกับสปาเก็ตตี้ก็ได้ครับง่ายดี”

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้แล้วกัน”

“ฮะ”

     ผมมองไปรอบๆภายในร้านตอนนี้ไม่มีลูกค้าเลย อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้หยุดยาวกันและหิมะกับฝนก็ตกมาตลอด ผู้คนเลยไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหนกัน ก็คงจะมีแต่ผมนี่แหละที่อยากจจะออกมา บางที่ที่เราแวะไปก็ไม่สามารถเข้าได้เพราะเขาปิดให้บริการกันยาวเลยจนถึงหลังปีใหม่จึงจะกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้ง

“คิดอะไรอยู่ครับ”

“คิดว่าเรากำลังมาเที่ยวกันผิดช่วงรึเปล่าน่ะครับ สภาพอากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่เลย”

“เป็นธรรมดาของที่นี่นะ บางวันนี่เหมือนมีอยู่ 4 ฤดูในวันเดียวกัน”

“โห อย่างนี้จะทำอะไรไม่ลำบากเหรอฮะ”

“ส่วนใหญ่พี่ว่าเขาคงชินกันแล้วล่ะ”

“อ่อ”

“แล้วน้องโยต์อยากมาอยู่ที่นี่ไหมล่ะครับ”

“ก็อยากนะครับ แต่ขอมาอยู่แค่ช่วงที่ไม่มีฝนก็พอโยต์ไม่ค่อยชอบฝนเท่าไหร่มันรู้สึกอึดอัดน่ะฮะ”

“แต่ที่นี่ฝนก็ตกมาตลอดเหมือนกัน สงสัยน้องโยต์คงไม่อยากมาอยู่แล้วล่ะ”

“พี่โจก็พูดเกินไปฮะ ไม่ขนาดนั้นหรอก” “โยต์ถามอะไรหน่อยได้ไหมฮะ”

“จะถามว่าอะไรล่ะ”

“ทำไมพี่โจถึงชอบใส่เสื้อหนังตัวนี้ครับ”ผมถามสิ่งที่คาใจผมมาตลอดตั้งแต่รู้จักพี่โจมาไม่ว่าจะไปออกงาน ถ่ายรายการหรือแม้แต่จะออกไปไหนพี่โจมักจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำตัวนี้ตลอดเลยแล้วพี่เขาจะซักมันยังไงในเมื่อใส่ตลอด

“โถ่ พี่ก็นึกว่าจะถามอะไรซะอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า น้องโยต์ลองจับดูสิครับเนื้อผ้ามันไม่เหมือนกับแจ็คเก็ตหนังทั่วไปเห็นไหม และน้องโยต์ลองดูในรูปนี้นะ” ผมเอื้อมมือลองไปจับเนื้อผ้าดูอย่างที่พี่โจบอกมันต่างกับแจ็คเก็ตทั่วไปจริงๆและถ้าสังเกตดีๆมันจะแตกต่างตรงรอยเย็บด้ายอีกด้วยและในรูปมันก็ต่างออกไปอีก

“เป็นไงครับ”

“ดูมันนุ่มและงานประณีตมากเลยนะฮะ”

“และมันมีตัวเดียวในโลกนะ”

“อ้าวมันไม่ใช่ของแบรนด์นั้นเหรอฮะ”

“ใช่ แต่ที่พี่บอกว่ามันมีตัวเดียวในโลกก็เพราะว่าพี่ไปขอให้เจ้าของแบรนด์ตัดให้พี่โดยเฉพาะไงครับ และพี่ก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวนะ พี่มีอยู่แบบเดียวกันอยู่หกเจ็ดตัว เราคงจะคิดล่ะสิว่าพี่ใส่แล้วจะไม่ซักเลยใช่ไหม”

“แหะๆ ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่มองใกล้ๆก็คงจะไม่รู้ว่าแตกต่างกัน”

“แต่ละตัวก็ต่างกันออกไปอีก และดูเหมือนกันหมดเลย”

“อ่อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

     เรานั่งทานและนั่งคุยกันไปอยู่พักใหญ่ๆหิมะที่ตกลงมาก็หยุดไปแล้วด้วย พี่โจเลยตัดสินในที่จะออกมากันเลยดีกว่าก่อนที่หิมะจะตกลงมาอีกรอบ และผมต้องตัดสถานที่รอสแคสเทิลกับมัครอสเฮ้าส์และคลิฟออฟโมเฮอร์ที่จะไปต่อจากนี้ทิ้งไปเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ตอนนี้สี่โมงกว่าๆแล้วเราคงจะไปไม่ทันเข้าชมแน่ๆ เราเลยเดินทางกันไปที่เมืองกัลเวย์เลยใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรกว่าเราจะถึงที่นั่นกัน

     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ว่าคูปป์จะต้องโทรมาแน่ๆ ก็โทรมาจริงๆครับใส่มาเป็นชุดจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วเอาวางไว้ที่ใส่แก้วน้ำ

     จนพี่โจถามขึ้นมาว่าทำอย่างนี้จะดีเหรอ แล้วน้องจะโกรธไหมที่ผมเงียบไม่ตอบเขา ผมเลยจัดการเปิดลำโพงให้พี่โจฟังไปด้วยเลยว่าจริงๆแล้วคุณเธอกำลังบ่นอยู่ แล้วสบดคำด่าออกมาเยอะมากจนพี่โจถามอีกว่าน้องสาวผมนั้นไปโกรธใครมาทำไมถึงได้ด่าแบบไม่เว้นวรรคหายใจเลย ผมก็ไม่อยากตอบพี่โจไปเลยก็ว่าไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆพี่ตอนนี้ไงจะใครล่ะเสียจริงๆ


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แสบมากเปอร์โยต์ 5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock14 [1]

      จากตอนแรกที่ผมกับพี่โจพาวตั้งใจว่าจะกลับมาฉลองปีใหม่กับคุณแม่ของพี่โจเป็นอันต้องเลื่อนออกไปเพราะสภาพอากาศที่มีหิมะตกหนักมาสองวันติดนั้นทำให้เราไม่สามารถขับรถออกไปไหนได้ ผมกับพี่โจพาวก็ได้แต่อยู่กันที่พักกัน

     และตอนนี้หม่าม้าก็ได้คุยกับพี่โจพาวแล้วนะครับ หลังจากที่เราไม่ได้ออกไปไหนกันผมเลยตัดสินใจที่จะวิดีโอคอลกับที่บ้าน จากตอนแรกพี่โจไม่อยากคุยเพราะกลัวว่าผมจะโกรธเรื่องที่เขาปิดบังผมไว้ขึ้นมาอีก จนผมต้องบอกไปอีกว่าไม่ได้โกรธจริงๆ เพียงแต่น้อยใจนิดหน่อยเท่านั้นเองและผมก็ได้จัดการอะไรบางอย่างไปแล้วด้วย พี่โจพาวของทุกคนถึงจะยอมคุยกับหม่าม้า
ผมสังเกตจากที่พี่โจพาวคุยกับหม่าม้าแล้วพี่เขาคงจะเจอกับหม่าม้าของผมบ่อยจริงๆในช่วงที่ผมนั้นยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วเลยทำให้ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน

     ส่วนหม่าม้าท่านบอกกับผมว่าเป็นเพราะท่านเป็นห่วงผมมากเลยปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แต่ตอนนี้ท่านได้เห็นผมกลับมามีความสุขอีกครั้งนึงแล้วท่านก็ดีใจและก่อนจะวางสายไปนั้นท่านบอกให้ผมแวะไปหาป้าคีย์กับลุงเคลวินก่อนกลับด้วย แน่อยู่แล้วล่ะครับผมต้องแวะไปอยู่แล้วล่ะ

     ก่อนจะกลับกันในวันนี้เราก็ขับรถไปตามทางที่เราตั้งใจจะแวะเที่ยวกันตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ แต่ด้วยที่หิมะตกลงมานั้นมันเยอะมาก จนทำให้ทิวทัศน์นั้นมองไปทางไหนก็เจอแต่กองหิมะเราเลยไม่สามารถที่จะลงไปถ่ายรูปได้ พี่โจเลยจะพาขับรถเล่นรอบเมืองสลิโกแทนแล้วตรงกลับมายังดับลินเลย

“ไว้คราวหน้าพี่ขอแก้ตัวพาเที่ยวใหม่นะครับ”

“ฮะ ความจริงโยต์ก็ไม่ได้ตั้งใจมาช่วงนี้อยู่แล้วล่ะเพราะรู้ว่าจะต้องมาเจอกับสภาพอากาศแบบนี้”

“ใช่ครับ แล้วแต่บางวันด้วยว่าหิมะจะตกหนักไหม ไม่งั้นก็เที่ยวได้แบบสบายๆไปแล้ว”

“กลับไปแล้วพี่โจต้องเข้าบริษัทรึเปล่าฮะ”

“ยังครับ คงไว้ค่อยไปตอนที่จะไปลอนดอนทีเดียวเลย”

“ฮะ พี่โจโทรบอกคุณแม่แล้วใช่ไหมฮะว่าเราออกกันมาแล้ว เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วงเอาได้”

“เรียบร้อยแล้วครับ” ไม่ต้องหันมายิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ให้ก็ได้ครับพี่โจ ผมอยากถามพี่โจพาวเหลือเกินว่าทำไมต้องยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ไอ้รอยยิ้มแค่มุมปากกรุ้มกริ่มเนี่ยขอซื้อต่อได้ไหม

“พี่โจจจ ยิ้มแบบนี้อีกแล้วนะหมายความว่าไงฮะ”

“เอ้า!!! พี่ยิ้มแบบนี้ก็ผิดเหรอครับ” นั่นไงๆจะต้องมาทำตาปริบๆใส่อีก ถ้าเกิดแฟนคลับเห็นคงได้หัวใจวายตายไปกับท่าทางแบบนี้แน่ๆ แต่นี่ใคร นี่เฮียเปอร์ไงจะใครล่ะเริ่มมีภูมิคุ้มกันรอยยิ้มแบบนี้แล้วต่อให้ยิ้มมาแบบไหนก็ไม่หวั่น (เหรออออออ!!!!!!)

“อยากจะยิ้มแบบไหนก็ตามใจพี่โจเลยสิฮะ ไม่เกี่ยวกับโยต์สักหน่อย”

     กว่าเราจะมาถึงบ้านพี่โจพาวก็เย็นๆแล้วล่ะครับ เพราะจากเมืองกัลเวย์ไปสลิโกก็สองชั่วโมงกว่าๆได้แล้วและจากทางสลิโกมาดับลินอีกเกือบสามชั่วโมงได้ ก่อนจะเข้าบ้านไปพี่โจก็แวะห้างอีกซื้อของเข้าไปเพิ่มสำหรับเด็กๆที่จะมากันวันพรุ่งนี้ด้วยเลย
ทุกคนจำหนูน้อยโรแวนที่บอกว่าจะมาหากันหลังจากที่ผมกลับมาจากเที่ยวกันได้ใช่ไหมฮะ ความจริงพี่โจบอกว่าหนูน้อยร้องไห้งอแงอยากมาตั้งแต่วันที่เค้าท์ดาวน์แล้วล่ะ แต่คุณแม่ก็บอกไปว่าพวกเรายังไม่กลับมาเพราะติดพายุหิมะกันอยู่ที่กัลเวย์ ไว้วันที่ผมกับพี่โจพาวกลับมากันแล้วจะโทรไปบอกอีกที

     จนพี่โจมาถามว่าผมไปพ่นเสน่ห์อะไรใส่หลานเขาถึงได้ติดและอยากมาหาผมได้ขนาดนี้ พี่โจยังบอกอีกว่าโรแวนเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมากจากที่ฟังพ่อกับแม่น้องเล่ามา เป็นเด็กที่ติดคนยากกว่าจะคุยกับใครได้ก็ใช้เวลานานและไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ จนมาเจอผมนี่แหละที่ไม่เหมือนกับเจอใครๆ

“พี่โจฮะ ซื้อเยลลี่ไปด้วยนะฮะเผื่อเด็กๆชอบ แล้วขนมถุงๆนั้นไม่ต้องซื้อไปนะครับเด็กๆกินแล้วไม่ดี” ผมเห็นกองขนมถุงๆที่พี่โจหยิบใส่รถเข็นแล้วผมนี่ตกใจเลย จะซื้อไปให้หลานหรือว่าพี่จะซื้อไปขายกันแน่

“ครับ”

“พี่โจฮะ เอาเป็นขนมปัง คุกกี้ไปดีกว่าฮะ”

“ครับ ครับ”

“พี่โจฮะ”

“มีอะไรอีกครับหืม” พี่โจหยุดชะงักมือทันทีที่ผมเอ่ยเรียกเจ้าตัวอีกครั้ง”

“ไม่มีอะไรฮะ โยต์แค่จะบอกว่าอย่าลืมไปซื้อแป้งทำเค้กตามที่คุณแม่สั่งนะฮะแค่นี้แหละครับ”

“หึหึ”

“เดี๋ยวเราแวะไปร้านของเล่นด้วยแปปนึงนะฮะ”

“ครับ”

     ผมแวะเข้าไปซื้อของเล่นให้กับหนูน้อยโรแวน ตอนแรกผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่าโรแวนเขาชอบเล่นแนวไหน แต่จากเท่าที่ผมจำได้ที่เคยเห็นโรแวนถือมาเมื่อตอนคริสต์มาสนั้นเป็นฟิกเกอร์ตัวเล็กของการ์ตูนชื่อดังเรื่องหนึ่ง ผมจึงตัดสินใจซื้อที่คอลเลคชั่นใหม่ที่พึ่งออกมาพอดีไปให้หนูน้อยโรแวนและซื้อของเล่นอันอื่นๆไปให้กับหลานพี่โจพาวอีกหลายอย่าง

“จะเหมาร้านของเล่นเหรอครับน้องโยต์”

“อะ อะไรกันครับก็ซื้อของตามจำนวนหลานของพี่ไง โยต์ไม่ได้จะเหมาหมดร้านซะหน่อย”

“ครับ ครับไม่เหมาก็ไม่เหมาเนอะ”

“พี่โจจจ”หลังจากที่เจ้าตัวพูดจบและยื่นมือมายีหัวผมให้ยุ่งเข้าไปอีกก็เดินหนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

“ซื้ออะไรเพิ่มไหมครับ”

“ไม่แล้วฮะ แต่พี่โจช่วยดูหน่อยสิฮะว่าของครบตามจำนวนหลานของพี่ไหม”

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้นะ แต่ถ้าไม่ครบน้องโยต์จะไปเหมาร้านมาเลยใช่ไหมครับเนี่ย”

“พี่โจอะ โยต์บอกว่าไม่ได้เหมาไงฮะ”ผมทำหน้ายู่ใส่พี่โจพาวก่อนจะเดินหนีมาที่รถ ปล่อยพี่โจทิ้งไว้ที่นี่เลยดีไหมนะ ยังบ่นไม่ทันขาดคำพี่โจพาวก็เดินตามผมกลับมาที่รถ

“น้องโยต์หิวหรือยัง เราแวะทานข้าวก่อนเลยดีไหม”

“ไม่ครับโยต์จะกลับไปทานพร้อมคุณแม่ บอกท่านไปแล้วนี่ฮะ”

“ก็พี่กลัวน้องโยต์หิวไงครับ”

“โยต์รอได้ฮะ ว่าแต่โยต์พี่โจหิวหรือยังฮะ”

“หิวแล้วคะ..ครับ......(แต่หิวน้องโยต์มากกว่า)”

“เมื่อกี้พี่โจว่าอะไรนะครับเมื่อกี้ฟังไม่ทัน”

“พี่บอกว่าพี่รอได้ครับ แหะๆ”แน่ะ ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์อีกแล้วนะครับพี่โจ

“งั้นเราก็กลับกันเลยไหมฮะ”

“ครับ”

     เมื่อเรามาถึงบ้านพี่โจพาวกันแล้ว คุณแม่ท่านก็เตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยไปแล้วล่ะครับ วันนี้คุณพ่อท่านไม่อยู่บ้านเนื่องจากต้องไปดูงานที่โรงแรมเห็นคุณแม่บอกว่ามีปัญหานิดหน่อยให้เราทานมื้อเย็นกันไปก่อนได้เลย กว่าท่านจะกลับคงจะดึกแล้ว

“ตาโจได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้หนูเปอร์ฟังแล้วใช่ไหมจ๊ะ”

“ฮะคุณแม่”

“แม่ต้องขอโทษหนูเปอร์ด้วยนะ ที่ต้องปิดบังเรื่องราวความจริงเอาไว้ แม่ไม่คิดว่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างนี้”

“ผมเข้าใจฮะคุณแม่ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะฮะและผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณแม่มากๆเลยนะฮะที่ตอนนั้นก็คอยมาดูแลผม”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก” แล้วท่านก็เอื้อมมือมาลูบที่หัวผมอย่างเบาๆ

“เมื่อเช้าป้าคีย์ก็พึ่งจะโทรมาถามแม่เหมือนกันว่าหนูเปอร์เป็นยังไงบ้าง”

“อ่อ เดี๋ยวก่อนกลับไทยผมตั้งใจจะแวะไปหาท่านก่อนอยู่แล้วน่ะฮะ ป้าคีย์นะป้าคีย์ปิดบังกันได้มานานขนาดนี้กันได้ยังไง ทั้งลุงเคลวิน เฮียแฟลต และเจ๊เมล”

“พวกเขาก็เป็นห่วงหนูเปอร์กันนั่นแหละจ๊ะและแถมตอนนั้นตาโจก็สลบไปไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย กว่าจะมารู้เรื่องของตาชาร์ปก็ผ่านมาสองเดือนกว่าแล้วที่ฟื้นขึ้นมา ช่วงนั้นตาโจก็เจอปัญหาค่อนข้างหนักสำหรับตัวพี่เขาอยู่เหมือนกันลูก”

“ฮะ”

“และอีกอย่างก็จะเป็นคุณพ่อท่านที่จะสนิทกับคุณลุงของหนูเปอร์ซะมากกว่าและลุงเคลวินน่ะจ๊ะ”

“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” ในระหว่างที่ผมคุยกับคุณแม่ท่านไปท่านก็จับมือผมขึ้นมาลูบอย่างอบอุ่นไปด้วย ส่วนพี่โจพาวก็เป็นผู้ฟังที่ดีฮะ มีบ้างที่ส่งสายตาดุๆออกมาเมื่อคุณแม่พูดถึงเรื่องของพี่โจพาว

“แล้วตอนนี้หนูเปอร์ดีขึ้นมากหรือยังจ๊ะ”

“ผมดีขึ้นมากแล้วล่ะฮะ ได้ใช้เวลาว่างไปทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ตัวเองไม่คิดถึงเรื่องราวที่มันแย่ๆ และยิ่งตอนช่วงตามทัวร์ของพี่โจผมนี่สนุกมากเลยนะฮะได้ไปเที่ยวในหลายๆประเทศด้วย มีบางครั้งที่ยังมีอาการฝันร้ายอยู่แต่ไม่ได้บ่อยแล้วล่ะฮะ”

“ดีแล้วล่ะลูก แม่เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณนะฮะ”

“เพียงแต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถทำตามคำขอของพี่ชาร์ปได้เลยฮะ แต่ผมจะพยายามทำให้ได้อย่างที่พี่โจได้รับปากกับพี่ชาร์ปไว้ว่าจะดูแลผมแทนเขาซึ่งตอนนี้พี่เขาก็ได้ทำแล้วและทำมาตลอด ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย"ผมหันไปมองหน้าพี่โจพาวที่ตอนนี้นั้นเจ้าตัวได้มองผมมาอยู่ก่อนแล้ว

“แต่แม่เชื่อว่าอีกไม่นานหนูอาจจะทำได้นะลูกและสิ่งนั้นอาจจะอยู่รอบๆตัวของหนูเปอร์มาตลอดเพียงแค่หนูเปอร์เปิดใจและไม่ต้องกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

“ฮะคุณแม่”

     เราสามคนนั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาโดยคุณแม่ก็เล่าวีรกรรมตอนเด็กๆของพี่โจให้ฟังอย่างสนุกสนาน  จนกระทั่งคุณพ่อท่านกลับมาท่านก็เข้ามาคุยด้วย

     คุณพ่อท่านบอกว่าเวลานั้นจะช่วยให้ทุกอย่างที่เราเผชิญอยู่นั้นดีขึ้นและเพียงแต่คนรอบข้างของเรานั้นต้องใส่ใจความรู้สึกของกันและกันให้มากขึ้นกว่าเดิมแค่นั้นเอง และต้องคอยประคับประคองกันไปให้จดสุดทางจนกว่าตัวเรานั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“พรุ่งนี้หนูเปอร์ก็เตรียมรับมือกับเด็กๆได้เลยนะลูก ทั้งแสบ ทั้งซนกันทั้งนั้น”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮะคุณพ่อ”

“งั้นหนูเปอร์ก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะลูกไหนวันนี้จะเดินทางมาทั้งวันอีก ตาโจด้วยนะ”

“ครับ/ฮะคุณแม่”

“ราตรีสวัสดิ์นะฮะคุณแม่”

“ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ”

     หลังจากที่ได้คุยกับคุณพ่อและคุณแม่ท่านแล้ว ก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆแล้ว พี่โจพาวนั้นยุ่งขนาดไหนและไหนพี่โจจะต้องเข้าไปดูงานที่โรงแรมบ้างนั้นอีกและยังไม่รวมถึงเรื่องที่พี่โจพาวนั้นรับปากกับพี่ชาร์ปไว้อีก เขาเอาเวลาที่ไหนมาทำหลายๆสิ่งไปพร้อมกันนะ

     และผมไม่คิดว่าพี่โจพาวจะสนิทกับพี่ชาร์ปขนาดนี้ เพราะพี่ชาร์ปก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเพื่อนคนนี้ให้ฟังบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะมาถึงขั้นที่พี่โจพาวทำตามคำขอของพี่ชาร์ปได้นั้นผมคงคิดว่าพี่เขาคงจะสนิทกันมากๆจริง ทั้งที่ความจริงแล้วพี่โจพาวไม่จำเป็นเลยที่จะต้องคอยมาดูแลผมขนาดนี้ก็ได้ และอย่างที่พี่โจพาวบอกว่าพี่ชาร์ปนั้นหวงผมมากยิ่งเสียกว่าอะไรนั่นอีกเลยทำให้ผมไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนพี่ชาร์ปบ่อยเหมือนกัน

     แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของอีกอย่างนั้นก็คือเพราะอะไรตอนนั้นถึงทำให้พี่โจถึงขั้นกับต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึงครึ่งปีกันเลยทีเดียว ผมก็ไม่กล้าถามคุณแม่ท่านตอนที่เรานั่งคุยกันอยู่ ผมเลยได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ เพราะคิดว่าถ้าพี่โจพาวเขานั้นอยากจะพูดเขาก็คงจะพูดออกมาเอง

“น้องโยต์ครับ พรุ่งนี้รับมือไหวนะครับ”

“แน่นอนฮะ อย่างวันนั้นโยต์ยังช่วยพี่โจดูเด็กๆได้เลย”

“ครับ น้องโยต์ครับ”

“ฮะ”

“เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”

“ฮะ ฝันดีครับ”

     ระหว่างนั้นก่อนที่ผมจะเดินหันหลังแยกตัวออกมา ผมก็คิดว่าวันนี้ผมคงจะไม่เจออะไรแปลกๆจากพี่โจแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามัน...

จุ๊บ!!!

“ฝันดีเหมือนกันครับ” ผมนี่อยากจะตะโกนออกไปว่าพี่โจจจจทำแบบนี้อีกแล้วนะครับ มันหมายความว่ายังไง

     กว่าผมจะได้นอนก็ปาไปตีสี่กว่าแล้วล่ะครับ ที่นอนดึกคือไม่ใช่อะไรนะครับ คิดมากจนนอนไม่หลับจนต้องส่งข้อความไปชวนพวกเฮียมาเล่นเกมส์กันน่ะสิครับ ทีนี้ก็เลยลากกันยาวและมากันครบเลยทีเดียว ถ้าเฮียจาร์คมันไม่โดนใบยอมาบ่นซะก่อน เฮียแกก็คงยังไม่เลิกหรอกครับ เพราะเฮียแกกะเอาคืนหลังจากที่แพ้ไปหลายยกแล้ว

     และยิ่งเฮียแกมีประเด็นกับผมอยู่ด้วยเฮียแกเลยต้องยอมมาเล่นด้วย ส่วนเฮียแมส คูปป์และไอ้ตรองก็โดนผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วก็คงไม่กล้าขัดอะไรผมตอนนี้เพราะพวกนั้นรู้ตัวว่ามีความผิดกับผมอยู่

     ผมตัดสินใจเล่าเรื่องราวต่างๆที่ทราบมาให้กับเฮียๆฟังระหว่างที่เล่นเกมส์ไปด้วย ผมก็บ่นไปด้วยว่าไม่คิดจะบอกกันเลยใช่ไหมถึงได้ปิดบังกันมานานขนาดนี้ตั้งหลายปี แถมยังมีการมาสนับสนุนให้ผมมาเที่ยวที่นี่คนเดียวอีก รวมไปถึงผมก็สงสัยว่าทำไมคูปป์ถึงไม่บ่นอะไรมากที่ผมจะมาที่นี่และปล่อยให้ผมมาคนเดียวง่ายจัง เพราะปกติแล้วไม่เฮียแมส เฮียจาร์คกับใบยอ หรือไอ้ตรองจะต้องมาด้วยกับผมทุกครั้งเวลาไปเที่ยวที่ไหน ขนาดตอนไปดูคอนเสิร์ตของพี่โจพาวก็ยังไปด้วยกันเลย

     สุดท้ายผมก็ได้แต่บ่นๆพวกเฮียไปนั่นแหละครับ เพราะไอ้เรื่องที่เอาคืนนั้นผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่ตอนนั้นพวกนั้นโทรมาหากันไงครับ ผมรู้ว่าไอ้พวกเฮียนั้นมันห่วงผมขนาดไหนกันอย่างที่ผมเคยได้บอกไปแล้วว่าถ้าใครคนนึงรู้สึกแย่พวกเราที่เหลือจะมีความรู้สึกแย่ๆไปด้วย

ตึง ตึงง ตึงงงงงงง


“อาเปอโยยยยยยยยยยยยยยยต์”

ตุ๊บบบบ


“อื้อ”

“จุ๊บบบบ อาเปอร์”

“อื้อ”

“อาเปอร์ตื่นสิฮะ”

“อื้ออออ”

“อาเปอร์ โรแวนมาหาแล้วฮับ”

“อื้อออ”

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก โรแวนลุกออกมาจากตัวอาเปอร์ก่อนเร็ว เข้าห้องคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” โจเซฟดุหลานเบาๆที่หลานตัวแสบเปิดประตูเข้ามาในห้องของเปอโยต์ ในขณะที่ตัวเองก็หายจแทบจะไม่ทันหลังจากวิ่งตามหลานเข้ามาในห้อง

“แหะๆ โรแวนขอโทษฮับอาโจจ”

“จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ อาเปอร์”

“อื้ออ”

ทันใดนั้นเอง หมับ!!! ผ้าห่มก็ถูกตวัดขึ้นมาคลุมปิดไปทั้งตัวของเปอโยต์ทันที

“อุ้ยย อาเปอร์”

“อาโจฮะ ทำไมอาเปอร์ไม่ยอมตื่นล่ะฮับ”

“อาเปอร์ไม่สบายรึเปล่า ไหนมาให้อาดูก่อนซิ”

“ฮะ” เจ้าหนูน้อยโรแวนจึงได้ขยับตัวให้อาโจได้เข้ามานั่งตรงข้างๆที่เปอโยต์นอนคลุมโปรงอยู่ตอนนี้

“น้องโยต์ครับ ไม่สบายรึเปล่า” โจเซฟว่าพลางเอามือดึงผ้าที่ปิดหน้าเปอโยต์อยู่ตอนนี้ลงมาและเอามือทาบหน้าผากไปด้วย

“อาเปอร์ตัวร้อนไหมฮะ”

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“น้องโยต์ครับ โรแวนมาหาแล้วนะครับ”

“อื้ออ”

“อาเปอร์ ตื่นมาเล่นกับโรแวนสิฮะ เดี๋ยวพี่แฝดก็จะตามมาแล้วนะฮับ”

“อื้ออ”

“อาโจฮะ อาเปอร์นี่นอนหลับไม่รู้ตัวเหมือนออโรร่าเลย สงสัยอาเปอร์รอเจ้าชายมาจุ๊บๆแล้วถึงจะตื่นขึ้นมา”

“โรแวนนนน เราไปดูมาจากไหนเนี่ย”

“ก็ตอนที่เวาลาไปเล่นบ้านพี่แฝดไงฮะ พี่เขาชอบเปิดดูกันเรื่องนี้นี่ฮะ”

“ของแบบนี้มีแต่ในนิทานนะโรแวน เราไม่จุ๊บใครไปเรื่อยนะครับนอกจากเราจะจุ๊บกันในครอบครัวของเรา”

“อ่อ อย่างนี้อาโจก็จุ๊บอาเปอร์ได้สิฮะ เพราะมัมบอกว่าอาเปอร์ก็เป็นคนในครอบครัวของเราแล้ว จุ๊บๆเลยสิฮะอาโจ”

“โรแวนนนน”

“อื้อออ”

“จุ๊บๆ เลยสิฮะอาโจ เดี๋ยวโรแวนจุ๊บให้ดูก่อนเผื่ออาเปอร์จะตื่นเหมือนออโรร่า”

“จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ”

“อื้ออ”

“ทำไมไม่เห็นตื่นเลยล่ะฮะ อาโจลองจุ๊บสิฮะ”

“ก็ได้ๆลองก็ลอง จุ๊บ”

“อื้ออ”

“หรือว่าอาเปอร์จะไม่สบายกันฮะอาโจเดี๋ยวโรแวนไปตามคุณย่าเบตตี้มาดีกว่า”

“เดี๋ยวอาเปอร์ก็คงตื่นนั่นแหละ ไม่ต้องไปตามคุณย่าหรอก”

“ไม่ดีๆ เดี๋ยวอาโจเป็นอะไรขึ้นมา โรแวนไปบอกคุณย่าก่อน”

“ดะ เดี๋ยวก่อนโรแวน” โจเซฟพยายามเรียกหลานตัวแสบไว้ไม่ให้ไปตามแม่ของเขา เพราะเดี๋ยวจะพากันวุ่นวายกันไปใหญ่

“ไหน ไหนโรแวนก็ลงไปแล้วงั้นพี่ขอจุ๊บแบบที่โรแวนอีกก็แล้วกันนะครับ จุ๊บ”

     หลังจากที่โจเซฟลองจุ๊บไปแล้วเปอโยต์ก็ไม่ยอมตื่นสักที จนโจเซฟนั้นค่อยๆไล่สายตามองใบหน้าได้รูปนั้นที่กำลังนอนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่นั้น โจเซฟค่อยๆใช้นิ้มมือไล้ลงบนใบหน้าที่ไร้ริวรอยใดๆบนใบหน้าหน้านั้นอย่างเบาๆมือก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางรูปนั้นที่มีแต่รอยยิ้มชวนให้หลงไหล ที่เขาคอยเฝ้ามองมาตลอดระยะเวลาที่เขาได้รับปากกับเพื่อนสนิทไปว่าจะคอยดูแลน้องโยต์ให้ จนแปรเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกที่พิเศษต่อเปอโยต์ตั้งแต่ตอนไหนเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

“ชาร์ปมึง กูขอโทษนะที่ตอนนี้ความรู้สึกของกูที่มีต่อน้องมันมากเกินไปกว่าที่มึงให้กูดูแลน้องแล้วว่ะ ชาร์ปมึงจะโกรธกูไหมวะถ้ากูจะทำกับน้องแบบ.....นี้”

ปังงงง!!!


“นี่ไงฮะ คุณย่า คุณปู่ อาเปอร์ไม่ยอมตื่นเลย โรแวนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นซ้ากทีเลย”

“ตาโจ หนุเปอร์เป็นอะไรลูก เมื่อคืนก็ยังดีๆอยุ่เลย”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับแม่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”

“ไหนขอแม่ดูหน่อยสิลูก”

“ครับ”โจเซฟลุกออกมาจากที่นอนแล้วให้คุณแม่ท่านเข้ามาดูน้องแทน

“ตัวก็ไม่ร้อนนะลูก หนูเปอร์จ๊ะ หนูเปอร์เป็นอะไรรึเปล่าลูก”

“อื้ออ”

“หนูเปอร์ลูก”

“อื้ออ”

“หนูเปอร์เป็นอะไรรึเปล่าลูก” เปอโยต์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาหลังจากที่คุณแม่พยายามเรียกให้ตื่น จนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งที่เห็นทั้งคุณพ่อ คุณแม่และพี่โจอยู่ภายในห้อง

“คุณแม่!!! มีอะไรกันรึเปล่าฮะ ทำไมถึงได้ขึ้นมาอยู่ในห้องล่ะฮะ”

“ก็โรแวน น่ะสิลูกวิ่งลงไปจนซะแม่ตกใจหมดเลยและบอกว่าปลุกหนูเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ตาโจลองปลุกก็แล้วหนูก็ไม่ตื่น แม่ก็กลัวว่าหนูเปอร์จะเป็นอะไรไปน่ะจ๊ะ”

“อ่อ ผมต้องขอโทษด้วยนะฮะ ผมพึ่งจะนอนไปเมื่อตอนตีสี่กว่าๆนี่เองฮะคุณแม่ พอดีว่าเผลอเล่นเกมส์กับพี่ชายเพลินไปหน่อย ต้องขอโทษจริงๆนะครับ”

“จ๊ะหนูเปอร์ แม่ก็ตกใจไปหมด เจ้าโรแวนน่ะสิจะรีบขึ้นมาหาเราให้ได้พอรู้ว่านอนห้องไหนก็ขึ้นมาทันที จนตาโจวิ่งตามหลานขึ้นมา แม่ก็ว่าอยู่ว่าหายขึ้นมากันนานทั้งอาทั้งหลาน”

“ขอโทษนะครับคุณแม่กับคุณพ่อด้วยนะฮะที่ทำให้วุ่นวายกันไปหมดเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก งั้นหนูเปอร์ก็นอนพักต่อก่อนก็ได้นี่ก็พึ่งจะหกโมงกว่าเอง เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปข้างล่างก่อนแล้วกัน”

“ฮะคุณพ่อ”

“โรแวนเห็นไหมล่ะ อาบอกแล้วว่าไม่ต้องไปตามคุณย่า”

“ก็โรแวนลองจุ๊บแล้วอาเปอร์ไม่ตื่นขึ้นมานี่ฮะ อาโจก็ลองจุ๊บด้วยอาเปอร์ยังไม่ตื่นเลยใช่ไหมล่า โรแวนรู้ โรแวนเลยต้องไปตามคุณย่ามานี่ไงฮะ”

“โรแวนนนนน”โจเซฟกัดฟันเรียกชื่อหลานตัวแสบที่หาเรื่องมาให้เขาอีกแล้ว

“ตาโจ/ตาโจ”

“ครับ”

“เดี๋ยวเราคงต้องมีเรื่องคุยกันแล้วล่ะ”

“ครับ ครับ”

“งั้นเดี๋ยวแม่กับพ่อลงไปก่อนนะจ๊ะ”

“ฮะ”

“หนูเปอร์นอนพักไปเลยนะลูกไม่ต้องเกรงใจนะ สายๆค่อยลงไปก็ได้”

“ครับคุณพ่อ” แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ท่านก็เดินออกไปเหลือเพียงแต่พี่โจพาวกับโรแวนที่ยังไม่ยอมลงไปข้างล่างตามคุณพ่อกับคุณแม่ไป

“โรแวน งั้นเราก็ลงไปข้างกันให้อาเปอร์ได้นอนต่ออีกสักหน่อยก่อนดีไหมครับ”

“อื้อ ไม่เอาฮับ โรแวนจะอยู่เฝ้าอาเปอร์บนห้องนี้เอง โรแวนจะเป็นเด็กดี จะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ดื้อ ไม่ซนด้วย”

“โรแวนลงไปข้างล่างกับอาโจก่อนดีกว่าเดี๋ยวสายๆอาเปอร์ก็ตามลงมาแล้ว”

“ไม่เอาฮะ อาเปอร์ฮับ”

     จากนั้นโรแวนก็หันมาหาผมแล้วทำตาปริบๆน่าตาน่าสงสารใส่ผมทันทีที่พี่โจพาวจะให้โรแวนลงไปด้วย แล้วทุกคนก็รู้กันใช่ไหมล่ะครับว่าพวกผม ทั้งเฮียแมส เฮียจาร์ค ไอ้ตรองนั้นชอบสิ่งที่เรียกว่าอะไรน่ารักๆ เห็นแล้วต้องเป็นเข้าไปฟัดกันตลอด

     แล้วทุกคนดูสิครับเด็กน้อยตัวเล็กๆ ตาโตๆ ผมหยิกๆที่ออกสีส้มๆกำลังทำหน้าทำตาน่าสงสารป่นทั้งน่าหยิกใส่ผม เป็นใครจะไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว ฮืออ นี่ผมกำลังแพ้สายตานั้นของหนูน้อยโรแวนและพี่โจก็ยังคงเถียงกับโรแวนอยู่นั่นแหละครับ

“ไม่ได้โรแวน ให้อาเปอร์นอนก่อน”

“ไม่เอาฮับ โรแวนจะอยู่ดูอาเปอร์บนนี้”

“ระ โรแวน” “พี่โจฮะ” ผมขัดขึ้นมาก่อนที่พี่โจพาวจะเถียงหลานแล้วพาลให้โรแวนร้องไห้ไปด้วย ก็ดูสิครับตอนนี้เริ่มทำตาดุๆใส่โรแวนแล้ว เดี๋ยวโรแวนจะต้องร้องไห้แน่ๆ

“ครับน้องโยต์”

“ให้โรแวนอยู่บนนี้ก่อนก็ได้ฮะ”

“จะดีเหรอน้องโยต์ เดี๋ยวเรานอนไม่พอแล้วจะปวดหัวเอาได้นะ”

“ครับไม่เป็นไร โรแวนจะไม่ดื้อกับอาเปอร์ใช่ไหมครับ” ผมหันไปถามหนูน้อยโรแวนที่ตอนนี้ดวงตาเริ่มมีน้ำตามาคลอแล้วล่ะครับ
“ฮะ โรแวนจะไม่ดื้อ ไม่ซน แล้วก็จะไม่เฉียงดังกวนอาเปอร์ด้วยฮะ”

“โอเค แล้วเราก็อย่ากวนอาเปอร์มากรู้ไหม งั้นเดี๋ยวอาจะลงไปข้างล่างก่อน”

"ฮับ โรแวนสัญญา” แล้วโรแวนก็ทำมือตามแบบฉบับทหารชอบทำกันให้กับพี่โจพาวก่อนที่จะตัวจะกระโดดขึ้นมานั่งบนเตียงกับผม

     หลังจากที่โจเซฟลงไปข้างล่างแล้วเปอโยต์ก็ชวนโรแวนคุยว่าโรแวนนั้นอยากจะทำอะไรบ้าง แล้วทำไมมาที่บ้านคุณย่าเบตตี้ซะเช้าเลย

“ก็โรแวนอยากมาหาอาเปอร์นี่ฮะ คุณย่าบอกว่าอาเปอร์จะกลับบ้านอาเปอร์แล้ว”

“อาเปอร์ยังอยู่อีกตั้งสองสามวันนู่นเลยนะ”

“ก็โรแวนอยากอยู่กับอาเปอร์นานนานเลย”

“ครับ แล้วโรแวนอยากจะเล่นอะไรล่ะวันนี้หืมเจ้าตัวแสบของอาโจ”ผมถามโรแวนออกไปที่ตอนนี้เจ้าตัวล้มลงมานอนบนหมอนใบเดียวกับผมเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

“โรแวนไม่แฉบน๊าอาเปอร์ โรแวนไม่ดื้อ ไม่ซนจริง จริ๊ง”

“โอเคๆ ไม่แสบ ไม่ซน ไม่ดื้อ แล้วไหนใครแอบจุ๊บอาเปอร์กันน๊า”ทำไมผมต้องทำเสียงเล็กๆตามโรแวนไปด้วยนะ ฮ่าๆๆ

“อาโจไงฮะ แอบจุ๊บอาเปอร์ โรแวนรู้ โรแวนเห็น อาโจจุ๊บๆตั้งหลายที แต่โรแวนตั้งใจจะมอนิ่งคิสอาเปอร์เองอย่างที่ทำกับแด๊ดกับมัมทุกเช้า โรแวนไม่แอบ อาโจแอบ”อยากจะแหมให้พี่โจพาวยาวๆไปเลยนะครับ ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะฮะพี่โจพาวของทุกคนน่ะ

“อย่างนี้นี่เอง แล้วโรแวนมาบ้านคุณย่าแต่เช้าขนาดนี้โรแวนต้องตื่นแต่เช้าแน่ๆเลย งั้นตอนนี้อาเปอร์ว่าเรามานอนพักกันก่อนดีไหมครับ เพราะพอโรแวนตื่นขึ้นมาแล้วโรแวนจะได้มีแรงเล่นกับพวกพี่ๆเขาไง อย่างที่อาเปอร์บอกดีไหมครับ”

“ก็ได้ฮับ แล้ววันนี้เราจะไปเล่นที่ไหนกันดีฮะอาเปอร์”

“ไว้รอตอนเราตื่นมาแล้วค่อยถามอาโจกันดีไหมครับ”

“ฮับ”

     หลังจากที่เราตกลงกันได้ โรแวนก็เล่าเรื่องของเจ้าตัวให้ผมฟังอย่างสนุกสนาน มีบางครั้งที่เล่าจนเพลินแล้วเผลอทำท่าทำทางขึ้นมาให้ดู จนสุดท้ายผมก็ไม่ได้ยินเสียงเล็กๆนั้นแล้วก็เลยหันไปดูก็พบว่าหนูน้อยโรแวนพล๊อบหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองและผมก็หลับตามเจ้าหนูน้อยไปด้วยซะเลย



ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock14 [2]

แอ๊ดดดดด.....

โจเซพ พาว Part


“นี่หลับไปกันแล้วเหรอเนี่ย”

“โรแวนนะโรแวน ไอ้แสบของอาทำกันได้”

     ผมเดินเข้ามาภายในห้องของน้องโยต์ก็พบว่าทั้งคู่นั้นหลับไปแล้ว ส่วนเจ้าโรแวนเจ้าหลานตัวแสบก็นอนซุกตัวอยู่กับน้องโยต์ซะด้วย เจ้าเด็กนี่มันร้ายซะจริงๆ เล่นทำให้พ่อกับแม่ของผมบ่นขึ้นมาเล็กน้อย ที่ผมนั้นไปจุ๊บน้องโยต์ต่อหน้าหน้าหลาน เพราะโรแวนนั้นก็ยังเด็กอยู่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ไม่เหมาะ ด้วยความที่โรแวนกำลังอยู่ในช่วงจดจำสิ่งต่างๆและเลียนแบบของคนรอบตัวยิ่งไม่ควรทำให้โรแวนเห็นเลย ก็เหมือนกับที่เจ้าตัวบอกผมให้ทำตามแบบเจ้าหญิงออโรร่านั่นไงล่ะครับ

“หลับตาพริ้มกันทั้งคู่เลยทีเดียวนะครับน้องโยต์”ผมไปกดเพิ่มอุณหภูมิขึ้นจากฮีตเตอร์ขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพราะตอนนี้หิมะได้ตกลงมาหนักอีกแล้วในวันนี้

     ว่าแล้วผมก็ลงไปรอน้องโยต์กับหลานตัวแสบข้างล่างก่อนดีกว่าที่ผมจะคิดไปไกลมากกว่านี้และหักห้ามใจของตัวเองไม่ได้

โจเซฟ พาว Part End

ช่วงสายของวันนั้น


“อาเปอร์ จะลงไปข้างล่างกันยังฮับ”

“ครับ เดี๋ยวอาเปอร์จะพับผ้าห่มแปปนึงก่อนนะครับ”

“โรแวนช่วยนะฮะ”

“ครับ”

     กว่าที่จะพับผ้าห่มเสร็จก็พาโรแวนซะหอบเลยล่ะครับ ก็เจ้าตัวน่ะสิบอกให้ผมนั่งดูอยู่เฉยๆเจ้าตัวจะเป็นคนพับเอง แล้วด้วยความที่ผ้าห่มนั้นเป๋นนวมผืนหนาเลยทำให้มีหน้ำหนักมากกว่าผ้าห่มทั่วไป ก็เลยทำให้หนูน้อยโรแวนกว่าจะพับเสร็จนั้น ผมก็ต้องคอยช่วยจับมุมผ้าไว้ให้อีกด้านนึง

“อาเปอร์ไปกันเร็วฮะ พี่พี่เขาน่าจะมากันแล้ว”

“ครับ แต่โรแวนต้องไปทานอะไรรองท้องกับอาก่อนนะ อาเปอร์ถึงจะไปเล่นด้วยนะครับ”

“รับทราบฮับ” แล้วเจ้าตัวก็ทำท่าแบบเดียวกันกับที่เจ้าตัวทำให้พี่โจพาวไปเมื่อเช้ามืด

“อ้าว ลงมากันแล้วหรอครับ พี่ว่ากำลังจะขึ้นไปตามพอดีเลย” ผมเจอพี่โจพาวพอดีระหว่างที่ลงบันไดมากับโรแวน

“ฮะ แต่ผมว่าจะให้โรแวนไปทานอะไรรองท้องก่อนนะครับ ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าโรแวนทานอะไรมาหรือยัง”

“น่าจะยัง งั้นไปกันครับเดี๋ยวพี่ไปบอกเด็กๆให้รอกันก่อน โรแวนไปกันครับ”

“ฮะอาโจ อาเปอร์ฮับขอมือหน่อยสิฮับ” นี่จะเป็นเหมือนกันทั้งอาทั้งหลานเลยใช่ไหมครับที่จะต้องขอจับมือเดินไปกันเนี่ย

     ตอนที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่นั้น พี่โจบอกว่าทางลูกของพี่ชายคุณพ่อนั้นได้กลับไปลอนดอนกันก่อนแล้ว ส่วนคนที่อยู่สเปนที่ชวนผมไปที่ไร่กาแฟนนั้นกลับไปกันตั้งแต่วันที่ที่ผมกับพี่โจพาวไปเที่ยวกันแล้วล่ะฮะ ก็จะเหลือแต่ทางญาติของคุณแม่ที่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในดับลินกันมากกว่า ส่วนน้องสาวของพี่โจนั้นจะเข้ามาหลังจากที่พาตัวเล็กไปโรงพยาบาลก่อนแล้วถึงจะเข้ามาที่บ้านคุณแม่กันทีหลัง

     พี่สาวกับพี่ชายของพี่โจนั้นก็พาเด็กๆมาส่ง แล้วต่างก็พากลับกันไปแล้วด้วย เพราะต้องไปธุระกัน งานนี้เลยหนักมาที่พี่โจที่ช่วงนี้กำลังว่างจากทัวร์ เลยต้องมีภาระหน้าที่ดูแลพวกหลานๆที่ยังคงหยุดยาวปีใหม่กันอยู่

     และเห็นบอกว่าเด็กๆจะมานอนที่กันสักสองสามวันก่อนที่โรงเรียนจะเปิดกัน แล้วด้วยความที่รับปากไปแล้วและเจ้าตัวคิดว่าคงจะดูไม่ไหวแน่ๆก็เลยชวนให้ผมอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสามสี่วันจนกว่าเด็กๆจะกลับไป

“น้องโยต์ไม่ต้องห่วงนะครับ ไอ้ตัวแสบที่สุดน่ะกลับสเปนไปแล้ว นี่เด็กๆไม่ค่อยซนเท่าไหร่”

“เหรอฮะ แต่ที่ผมเห็นวันนั้นนี่ไม่ซนกันน้อยเลยนะฮะ”

“ฮ่าๆๆ”

“ไม่ต้องมาขำเลยครับ”

“แล้วนี่กินยังไงให้เลอะครับเนี่ย”ไม่พูดเปล่าพี่โจพาวก็เอื้อมมือมาเช็ดมุมปากของผมและแทนที่พอเช็ดออกแลวทำไมไม่ใช้ผ้าเช็ดมือล่ะครับ ทำไมต้องเอาเข้าปากตัวเองด้วยพี่โจจจจจจจจจ

“แหะๆ”

“ไม่เห็นอาโจเช็ดให้โรแวนมั่งเลยฮับ เนี่ยๆตรงนี้โรแวนก็เปื้อน” ส่วนเจ้าหนูน้อยโรแวนนี่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าอาของเจ้าตัวเลยเหมือนกัน

“ไหนครับ เดี๋ยวอาเปอร์เช็ดให้นะ”

“ตรงนี้ฮะ” แล้วโรแวนก็ชี้ไปที่มุมปากของตัวเองให้ผมไปเช็ดให้ประจวบกับที่สายตาผมเหลือบไปเห็นพี่โจพอดี ที่ตอนนี้จ้องหน้าโรแวนเขม็งเลยล่ะฮะ

“พี่โจเลิกมองหน้าหลานแบบนั้นได้แล้วฮะ”

“มองแบบไหนล่ะครับ พี่ก็ดูโรแวนเฉยๆเอง”

“สายตาดุนั่งไงฮะ”

“พี่เผลอตัวไปน่ะครับ”

“แล้ววันนี้เราจะทำอะไรกันบ้างฮะ ยิ่งหิมะตกหนักขนาดผมว่าคงออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้”

“ชวนเด็ไปดูหนังกันดีไหมครับ กว่าจะจบก็เที่ยงกว่าๆพอดีแล้วค่อยพาเด็กๆมาทานข้าวกลางวันกัน”

“เอาอย่างที่พี่โจบอกก็ได้ฮะ เหมือนโยต์กำลังจะฝึกเลี้ยงหลานไปในตัวเลย เดี๋ยวพอลูกของเฮียจาร์คคลอดออกมาคงจะวุ่นวายกันน่าดู ไม่รู้ว่าจะเป็นลูกคนเดียวหรือลูกแฝดเลยล่ะฮะ”

“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”

“โยต์ก็ขอให้เลี้ยงง่ายๆก็แล้วกันครับ โยต์ยังไม่อยากเห็นเฮียจาร์คกินหัวลูกๆไปเสียก่อนฮ่าๆๆๆ”

     ผมเดินมาในห้องนั่งเล่นกับพี่โจและโรแวน เด็กๆที่เล่นกันอยู่นั้นตอนนี้ได้ทำห้องให้เละขนาดนี้ไปแล้วไหนจะน้ำที่หกไปทั่วห้อง เศษขนมที่กระจัดกระจายหกอยู่บนพื้นพรมนั้นอีก ผมไม่อยากจะคิดถึงเลยถ้าคุณแม่มาเห็นท่านจะเป็นลมกันไหมเพราะท่านออกไปข้างนอกกับคุณตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว

“เด็กๆ ทำไมห้องเละขนาดนี้ล่ะเนี่ย”

“ก็โอดินกับอลันปาขนมใส่กันนี่คะอาโจ”

“ก็พี่โอดินมาแกล้งอลันก่อน”

“ก็อลันมากวนพี่ก่อนนะ”

“พี่โอดินนั่นแหละ”

“อลันนั่นแหละ”

“พี่โอดินนั่นแหละ”

“อลันนั่นแหละ”

“พี่โอดินนั่นแหละ”

“อลันนั่นแหละ”

     ผมยืนดูเด็กๆเถียงกันไปเถียงกันมาอยู่สักพักจนพี่โจตะโกนขึ้นมานั่นแหละครับเด็กๆถึงจะหยุดเถียงกัน

“หยุด!!! หยุดทั้งคู่นั่นแหละ เดี๋ยวเราช่วยกันเก็บห้องก่อนดีไหมเดี๋ยวคุณย่ากลับมาเห็นแล้วคุณย่าจะเป็นลมเอา”

“ก็ได้ครับ/ก็ได้ฮะ”

“โอลิเวียกับไวโอเล็ทคะหนูช่วยไปเอาผ้าเช็ดมาให้อาได้ไหมคะ” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเสียงทุ้มๆนุ่มหูที่พี่โจพาวพูดกับหลานอย่างอ่อนโยน

“ได้ค่ะอาโจ”

“น้องโยต์ช่วยไปเป็นเพื่อนหลานให้พี่หน่อยได้ไหมครับ แล้วก็เอาที่ดูฝุ่นมาด้วยนะครับ”

“ฮะ”

“แล้วโรแวนล่ะฮับ”

“โรแวนไปกับอาเปอร์ไหมครับ”

“โอเคฮับ”

     จนสุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้ไปดูหนังกันหรอกครับ เพราะว่ากว่าพวกเราจะเก็บเสร็จก็เกือบเที่ยงแล้วก็เจ้าหนูน้อยโรแวนน่ะสิครับเล่นไปด้วยเก็บไปด้วยกลายเป็นว่าเกิดสงครามปาขนมกันขึ้นมาอีก คราวนี้เด็กๆเจอพี่โจพาวดุกันเลยทีเดียวและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณแม่ท่านกลับกันเข้ามาพอดีทันทีที่พวกเราเก็บกันเสร็จ

“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ”

“กำลังเก็บของกันอยู่ค่ะคุณยายเบตตี้”

“ถ้าเก็บกันเสร็จแล้วใครอยากจะทานพิซซ่าชิ้นโตๆก็ตามยายมานะลูก”

“หนูค่า/ผมครับ/โรแวนด้วยฮะคุณย่า”

“ตาโจ หนูเปอร์เป็นไงกันบ้างลูก”

“วุ่นวายกันนิดหน่อยครับแม่”ผมหันไปมองหน้าพี่โจที่บอกคุณแม่ไปอย่างนั้น มาตอนนี้คุณแม่คงไม่เชื่อหรอกฮะว่าวุ่นวายกันนิดหน่อย เพราะสีหน้าของพี่โจคิ้วนี่ผูกกันเป็นโบว์ไปแล้วฮ่าๆๆ

“ป่ะงั้นเราก็ไปทานพร้อมเด็กกันเลยก็แล้วกัน”

“ครับ/ฮะ”

     เรานั่งทานพิซซ่ากันไปสักพักนึงก็มีเสียงร้องไห้ของโรแวนดังขึ้นคุณแม่ท่านจึงรีบหันไปดูทันทีที่ตอนนี้เริ่มร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้เลยสักนิด

“โรแวนเป็นอะไรไปลูก”

“ฮึกกก ฮือออออออ”

“โรแวนเป็นอะไรไปครับไหนบอกอาเปอร์หน่อยสิครับ”

“ฮือออ ก็พี่โอดินกับพี่อลันแย่งไก่ในจานของโรแวไปหมดเลยฮะ เนี่ยจานของโรแวนไม่มีอะไรเหลือเลย”

“โถ่ลูก”

“เดี๋ยวอาเปอร์เอาของอาให้นะครับ”หนูน้อยโรแวนยังคงทำหน้าเบะปากจะร้องไห้

“แล้วอาเปอร์จะทานอะไรล่ะฮะ”

“ก็ทานของอาโจนี่ไงครับเดี๋ยวอาโจเสียสละให้อาเปอร์เอง”

“งั้นโรแวนไม่ทานแล้วก็ได้ฮะ อาเปอร์ต้องทานเยอะๆจะได้ตัวโตๆ”แล้วโรแวนก็หันหน้าไปมองทางพี่โจช้าๆ

“แต่โอดินกับอลันต่อไปห้ามแย่งของน้องกันอีกรู้ไหมลูก ถ้าพวกหนูอยากทานเพิ่มเดี๋ยวย่าจะไปทอดให้ใหม่ที่บ้านมีต้องเยอะแยะ”

“ครับ/ฮะ คุณย่า”

     สุดท้ายคุณแม่ท่านก็ต้องไปทอดไก่มาเพิ่มให้เด็กๆได้ทานกันอยู่ดี เพราะมีเด็กที่ไม่เด็กนั้นกำลังเริ่มจะทำตัวเป็นเด็กน่ะสิฮะ ก็พี่โจพาวของทุกคนที่ตอนนี้กำลังไปแกล้งโรแวนอีกแล้วอุ้มหลานลงจากเก้าอี้ที่หลานนั่งแล้วเจ้าตัวก็มานั่งข้างผมแทนโรแวน ส่วนโรแวนก็ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบแต่พี่โจก้มลงไปกระซิบอะไรกับโรแวนก็ไม่รู้เจ้าตัวถึงไม่ร้องไห้ขึ้นมาและได้แต่ทำตาขวางๆใส่พี่โจก่อนจะเดินไปหาพี่สาวของคุณแม่

     พอเราทานกันเสร็จเรียบร้อยก็พากันย้ายเด็กๆมานั่งอยู่ห้องนั่งเล่นห้องเดิมที่เราพึ่งจะเก็บเสร็จไปนั้น ผมจึงบอกพี่โจว่าจะขึ้นไปเอาของเล่นที่ซื้อมาให้หลานๆเล่นกันเลยและพี่โจก็ได้เปิดการ์ตูนของดิสนี่ย์ให้เด็กๆได้ดูกัน ระหว่างดูไปที่จะไม่ค่อยรู้เรื่องนั้นพี่โจพาวต้องคอยห้ามทัพระหว่างโอดิน อลันและโรแวนที่จะคอยแหย่แกล้งกันตลอดระหว่างที่เรานั่งดู

     ผมมานั่งคิดๆดูแล้วโรแวนนี่ก็ไม่ยอมใครเลยเหมือนกันฮะ แอบดื้อนิดๆกับพี่โจแต่ผมก็แปลกใจที่โรแวนจะฟังผมตลอดเวลาที่ผมคอยบอกน้องว่าทำอย่างนู้นไม่ดีนะทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่กลับพี่โจนี่จะคอยแยกเขี้ยวใส่กันทั้งอาทั้งหลาน ผมอยากจะบอกพี่โจว่านั่นหลายนะฮะเว้นไว้บ้างก็ได้

“คุณย่าขาคืนนี้หนูขอนอนห้องเดียวกับอาเปอร์ได้ไหมคะ”

“ไวโอเล็ทด้วยนะคะคุณย่า”

“โอแอนออนอ่อน เอื่อเอ้าโอแอนไอ้ออนอ้องอาเออร์แอ้ว” โรแวนรีบพูดออกมาทั้งๆที่มีข้าวอยู่เต็มในปาก

“กลืนก่อนสิโรแวนแล้วค่อยพูดนะลูก”

“โรแวนบอกว่า เมื่อเช้าโรแวนได้นอนห้องอาเปอร์แล้วมีแต่กลิ่นหอมๆเต็มที่นอนเยย ใช่ไหมฮับอาเปอร์”พร้อมกับเอาหัวมาไถๆที่แขนผม

“ครับ”

“โอดินก็อยากนอนห้องอาเปอร์ อาเปอร์จะได้สอนชกมวยอีก”

“อ้าว แล้วอลันไม่อยากนอนห้องอาเปอร์แบบพี่เขาเหรอลูก”คุณแม่หันไปถามอลันที่ตอนนี้น้องยังคงเขินผมมากกว่าตอนที่โรแวนครั้งแรกนั่นอีกฮะ ทั้งที่ความจริงวันนี้เราเล่นด้วยกันหลายอย่างเลย

“อะ...อลันก็อยากนอนด้วยเหมือนกันครับ” อลันบอกอย่างอายๆที่เห็นได้ชัดจากแก้มทั้งสองข้างที่ขึ้นสีระเรื่อ

     ที่ตอนนี้เด็กๆจะดูติดผมคงไม่ใช่อะไรนอกจากอยากจะให้ผมสอนชกมวย เล่นเตะต่อยกันน่ะสิฮะ ยิ่งชกมวยแล้วเด็กนี่จะชอบใจกันใหญ่ ส่วนเป้านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่โจพาวไงล่ะครับ เด็กๆจึงสนุกสนานกันเป็นอย่างมาก

“อยากไปนอนห้องอาเขากันแล้วถามอาเปอร์กันแล้วเหรอลูกว่าเขาอนุญาตไหม”

“อาเปอร์ขาพวกหนูนอนด้วยได้ไหมคะ/ครับ/ฮะ” ยังไม่ทันที่คุณแม่จะถามจบดีเด็กก็รีบถามกันขึ้นมาทันที

“ได้สิครับเด็กๆ”

“ปู่ว่าห้องอาเปอร์คงไม่พอให้พวกเรานอนด้วยแน่ๆ งั้นเอาเป็นว่าตาโจไปขนที่นอนแล้วไปนอนกันตรงห้องรับแขกฝั่งนู้นกันดีไหมเด็กๆ”

“ดีค่า/ดีครับ/ดีฮะ คุณปู่”

“สงสัยมีคนจะน้อยใจหนูเปอร์หนึ่งคนนะแถวๆนี้”

“อะไรกันครับคุณพ่อ ผมไม่น้อยใจอะไรเลย”

“พ่อก็ยังไม่ได้พูดถึงแกเลยนะตาโจ ทำเป็นร้อนตัวไปได้”

“พ่ออะ”หลังจากที่เจ้าตัวเถียงคุณพ่อไม่ได้ พี่โจพาวก็ชวนผมไปช่วยกันขนที่นอนมาให้เด็กและรวมถึงตัวผมกับพี่โจด้วยที่คืนนี้จะต้องลงมานอนกันข้างล่าง

     มันทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆที่นานๆพวกผม คูปป์ เฮีย ไอ้ตรองและลูกคุณลุง คุณอาจะต้องมานอนรวมกันที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ตอนช่วงเทศกาลต่างๆกว่าเราจะได้นอนกันนี่ จะต้องโดนผู้ใหญ่ลงมาดุกันสักคนสองคนก่อนแล้วถึงจะได้นอน เพราะพวกเราเล่นกันเสียงดังมากคิดดูนะครับเด็ก 16 คนแล้วแต่ละคนนี่แสบกันใช่เล่นโดยเฉพาะเจ๊เซนที่จะโตที่สุดของบ้านจะชอบชวนน้องๆไปเล่นกับเฮียกัสที่เป็นฝาแฝดของเจ๊แกไปเล่นอะไรกันแผลงๆ

“หนูเปอร์ทำให้หลานๆติดกันเลยทีเดียวนะลูก พวกบรรดาแม่ๆเด็กๆ เขาค่อยเบาใจกันหน่อยที่ทิ้งเด็กไว้ให้ตาโจดู ตอนแรกพ่อก็คิดว่าตาโจกับหนูจะช่วยกันดูได้ไหมตอนที่พ่อกับแม่ยังไม่เข้ามากัน”

“ฮ่าๆๆ ก็ซนไปตามประสาเด็กๆนั่นแหละครับ พี่โจก็ดูหลานดีมากๆเลยแหละครับถึงจะมีดุๆไปบ้าง”

“ฝึกไว้ไปช่วยพี่ชายหนูเปอร์เลี้ยงลูกไงลูก ฮ่าๆๆ”

“ถ้าลูกเฮียจาร์คคลอดมาแล้วผมภาวนาขอให้เป็นเด็กนิ่งๆ ไม่ซนกันขนาดนี้นะครับฮ่าๆๆ”

“เดี๋ยวหนูอยู่ด้วยบ่อยๆหนูก็จะเข้าใจเด็กๆเองนั่นแหละลูกว่าที่แสดงออกอย่างนี้ต้องการอะไร ยกเว้นแต่เจ้าแฝดโอดิน โอลิเวียที่โตพอจะรู้เรื่อง จะมีก็แต่จะชอบไปแกล้งให้น้องร้องไห้กันใช่ไหมล่ะหนูเปอร์”

“โห ใช่เลยล่ะฮะคุณพ่อ”

“คุยอะไรกันอยู่ครับ เด็กให้มาตามอาเปอร์ของหนู อาเปอร์ของผม อาเปอร์ของโรแวนกันแล้ว” มีการเลียนแบบเสียงหลานๆด้วยนะครับคนเราเนี่ย

“คุยถึงเด็กๆกันน่ะฮะพี่โจ”

“งั้นเราก็ไปนอนพักเถอะลูกวันนี้เล่นกันมาทั้งวันแล้ว”

“ฮะ ฝันดีนะฮะคุณพ่อ คุณแม่”

“จ๊ะลูก” ผมกล่าวราตรีสวัสดิ์ท่านทั้งสองก่อนที่พี่โจพาวจะจับมือผมเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นอย่างช้าๆ

“ไหนว่าหลานให้มาตามแล้วไงฮะ ทำไมถึงไม่รีบเดินล่ะพี่โจ” พอผมเอ่ยถาม พี่โจก็โน้มตัวลงมาให้ใบหน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับผม

“ก็พี่จะบอกน้องโยต์ก่อนนอนว่า…”

“อาเปออออออออออออร์มานอนกันเร็วฮะ โรแวนเตรียมที่ไว้ให้อาเปอร์แล้ว” (เสียงในใจของโจเซฟ หน่อยยยไอ้เจ้าโรแวนไอ้หลานตัวแสบมาขัดจังหวะอีกแล้วนะ)

“ครับ” “แล้วเมื่อกี้พี่โจจะพูดอะไรกับผมนะครับ”

“พี่แค่จะบอกว่าเรารีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวเด็กๆรอนาน” พี่โจหันมายิ้มให้ผมก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่ตอนนี้เต็มไปด้วยที่นอน หมอนผ้าห่ม

“อาเปอร์นอนข้างโรแวนกับพี่ไวโอเล็ทนะฮะ ให้อาโจไปนอนริมนู้นข้างพี่โอดิน”

“อ้าวทำไมอาต้องมานอนริมด้วยล่ะ”

“ก็อาโจตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าอาเปอร์นี่คะ ต้องคอยดูพวกเราเผื่อมีใครเข้ามาอาโจจะได้จัดการให้พวกเราได้”

“อาก็อยากนอนข้างอาเปอร์มั่งไม่ได้เหรอครับหืม”ทีอย่างนี้ล่ะมาพูดเสียงนุ่มเลยนะครับ

“ไม่ได้ค่ะ/ไม่ได้ฮะ”

“ไม่สนอาจะนอนของอาเปอร์”

“ไม่ได้ฮะโรแวนจะนอน”

“ไม่ได้ค่ะพวกหนูจองก่อนแล้ว”

“ไม่ได้ๆ”

“ไม่ได้ๆ”

“หยุ๊ดดดดดกันทุกคน อาโจก็เงียบก่อนนะฮะ สรุปแล้วเดี๋ยวโอดินนอนข้างอาเปอร์เอง ไม่รู้จะเถียงกันทำไม”

     ผมนี่หัวเราะจนท้องแข็งเลยล่ะฮะ หลังจากที่นั่งดูพี่โจมาเถียงกับหลานๆอยู่กันพักนึงก่อนที่จะเริ่มสงครามหมอนนั้นน้องโอดินถึงกับขัดขึ้นมาก่อนเลยทีเดียว ถือว่านิ่งๆไว้ก่อนแล้วเราค่อยรุกเป็นอันว่าทั้งห้าคนที่กำลังเถียงกันอยู่นั้นเงียบเสียงลงทันทีที่โอดินพูดแล้วย้ายหมอนตัวเองมานอนลงข้างๆผม

“ไม่เอา โรแวนไม่ยอม โรแวนจะนอนข้างอาเปอร์” ส่วนหนูน้อยโรแวนก็ไม่ยอมเจ้าตัวเลยลุกขึ้นมานั่งตักผมทันที

“โอเคๆ อานอนริมก็ได้คืนนี้”

“งั้นนอนตามแบบเดิมนะคะ”

“ครับเด็กๆ ไปนอนกันได้แล้วเนอะ” หลังจากที่เราตกลงกันได้สรุปแล้วก็นอนแบบที่เด็กๆจัดไว้ให้นั่นแหละครับ

     วันที่สองเราเข้ากันไปในไร่กันนั่นแหละฮะ ไปเล่นกันอยู่ในเรือนกระจกกันสักพักก่อนที่จะย้ายไปเล่นกันตามช่องว่างของต้นส้มนั้นเพราะโอดินกับโลแวนพากันวิ่งไล่จับกันในเรือนกระจกของคุณพ่อแล้วพาลไปทำให้ต้นไม้ตกลงมาแตกกระจายอยู่หลายต้นกันเลยทีเดียวพี่โจจึงพาเด็กๆออกไปวิ่งเล่นข้างนอกกันจะดีกว่าและเด็กๆก็เล่นปาหิมะกันอย่างสนุกสนานและคนที่เป็นเป้าก็คนเดิมนั่นแหละฮะ

     และนั่นเลยทำให้ผมรู้เลยว่าป๊ากับหม่าม้าเลี้ยงพวกผมมานั้นไม่ง่ายเลย กว่าที่พวกเราจะโตกันได้ขนาดนี้นี่ขนาดผมเลี้ยงเด็กแค่สามวันเองนะฮะยังรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้แล้วพวกท่านต้องเลี้ยงพวกผมมาเกือบจะสามสิบปีนี่ท่านจะเหนื่อยขนาดไหนกันเชียว
ส่วนวันสุดท้ายก่อนที่เด็กๆจะกลับกันนั้นพี่โจก็พาไปสวนเซนแพทริคและนั่งรถบัสเขียวชมรอบเมืองกันก่อนที่เรากลับมาบ้านกันตอนเย็นในวันสุดท้ายก่อนที่เด็กและผมจะกลับกันนั้นคุณแม่ท่านเลยจัดปาร์ตี้เล็กๆให้ ถือว่าเป็นการฉลองเลี้ยงส่งที่ผมนั้นจะกลับไทยแล้วและผมก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสมาเจอเด็กๆอย่างนี้อีกครั้งไหม

     แล้วหลังจากที่คืนแรกผ่านไป คืนที่สองที่สามเด็กๆและพี่โจก็ยังคงทะเลาะกันเรื่องที่นอนแบบเดิมนั่นแหละฮะและสุดท้ายน้องอลันก็ยังคงเขินผมอยู่ดีจนพวกเด็กๆต่างกลับบ้านกันไป โรแวนมีร้องไห้โยเยนิดหน่อยครับ เพราะยังไม่อยากจะกลับแต่พอคุณแม่บอกว่าต้องไปโรงเรียนแล้ว และปิดเทอมค่อยมาเล่นใหม่ แต่ก่อนจะกลับไปก็ขอตามมาส่งผมที่สนามบินก่อน เพราะถ้าไม่ให้มาก็จะไม่ยอมกลับ จนคุณแม่ของโรแวนต้องพาขึ้นรถมาส่งด้วยนั่นแหละครับ

 “อาเปอร์ฮะ มาหาโรแวนอีกนะฮับ”

“ครับผม”

“สัญญาก่อนฮะ”

“โอเคครับ อาสัญญาว่าจะกลับมาหาโรแวนอีก”ผมย่อตัวลงไปกอดโรแวนอีกครั้ง

“เผื่ออาเปอร์ไม่มางั้นต้องจุ๊บสัญญาด้วยสิฮะ”

“ได้ครับ จุ๊บ”เด็กอะไรเจ้าเล่ห์เสียจริงๆเลย

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม ไม่เห็นจุ๊บอาโจบ้างเลยล่ะโรแวน”

“เดี๋ยวเราก็เจอกันแล้วนี่ฮะอาโจ”

“อะไรกัน เนี่ยเดี๋ยวอาก็ต้องกลับไปทำงานแล้วอีกนานเลยน๊ากว่าจะเจอกัน”

“จริงเหรอครับ”โรแวนถามพี่โจอย่างเสียงดังออกไป

“จริงครับ”

“งั้นมาสัญญากันก็ได้คนฮับว่าเจอกันคราวหน้าอาโจต้องอาเปอร์มาอีกนะฮะ”

“สัญญาครับ”แล้วพี่โจก็เกี่ยวก้อยสัญญากับโรแวนไปโดยไม่ถามผมสักคำเลย

“บ๊าย บายฮะอาเปอร์”

“เดินทางปลอดภัยนะน้องเปอร์”

“ขอบคุณครับ”

“โจไว้เจอกัน”

“ครับพี่”

“โรแวนบ๊าย บายนะครับ” ผมโบกมือลาพี่สาวของพี่โจและโรแวนก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินจากไป ผมคงจะคิดถึงเด็กน้อยหัวหยิกที่มีผมออกสีแดงส้มมากๆแน่ๆเลย

     สุดท้ายแล้วผมก็ยังไม่ได้ไปที่เกลนดัลลัชอยู่ดี สถานที่ที่ผมอยากไปชมบรรยากาศว่ามันสวยมากจริงๆตามที่ผมได้ไปดูรีวิวมา ไว้ถ้ามีโอกาสได้มาดับลินอีกผมจะต้องไปให้ได้แน่ๆ


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock15 [1]
ณ....ลอนดอน

“เป็นไงบ้างลูกไปเที่ยวมาสนุกไหม”

“สนุกมากเลยฮะ แต่เสียดายที่ยังเที่ยวไม่ครบเลยไปเจอแต่หิมะตกหนักตลอดเลยฮะ”

“ไว้มาลอนดอนคราวหน้าป้าจะพาหนูไปเที่ยวก็แล้วกันนะจ๊ะ”

“โห จะดีเหรอฮะป้าคีย์ชวนหม่าม้าด้วยสิ เดี๋ยวรายนั้นจะน้อยใจเอานะฮะ”

“ดีสิลูก ป้าจะได้ยึดตัวหนูไว้อยู่ที่เลยไง ฮ่าๆ คนอะไรลูกไม่อยู่บ้านกันก็พากันหนีไปเที่ยวกันสองคนตลอด”

“ฮ่าๆๆ ก็จริงครับเมื่อวันก่อนที่น้องโยต์โทรไปหม่าม้าก็ไปทิเบตกับป๊ะป๊าคงอีกหลายวันกว่าจะกลับกัน ตอนแรกน้องโยต์ก็คิดว่าป้าคีย์จะไปด้วยซะอีก”

“ทริปนี้ป้าขอผ่านจ๊ะ”

“แล้วตาโจ ก็ตามน้องมาด้วยเหรอเรา ไหนแม่เราบอกว่าช่วงนี้หยุดพักไงลูก”

“ครับ ช่วงนี้ก็ยังหยุดพักกันอยู่แต่พอดีว่ามีธุระที่นี่ด้วยเลยมาพร้อมน้องเลยครับ”

“อ่อจ๊ะ”

“ป้าคีย์ครับ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะครับวันนี้เนี่ยทั้งลุงเคลวิน เฮียแฟลตและก็เจ๊เมลด้วย ปิดบังน้องโยต์กันหมดเลย”ผมหันไปบอกและค้อนใส่ป้าคีย์ไป

“งั้นเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะลูก แล้วนี่ตาโจจะไปด้วยกันไหม”

“ฮะป้าคีย์/ไปครับ”

     ระหว่างกลับมาบ้านป้าคีย์นั้น เราก็คุยกันมาตลอดทางว่าผมไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างและรวมไปถึงเรื่องที่ผมไปแกล้งพวกเฮียเอาไว้ แล้วก็ได้เล่าว่าได้เจอกับหลานๆของพี่โจที่ทั้งแสบ ทั้งซนกันทั้งนั้นเลยจนพี่โจถึงกับต้องดุหลานๆ

“แต่ป้าว่าตอนพวกเราเด็กๆทั้งแสบ ทั้งซนมากกว่าหลานตาโจอีกนะนะลูก”

“อะไรกันฮะ น้องโยต์ออกจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่นะฮะ”

“เหรอลูก แน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดออกมาเนี่ย”

“แน่ใจ๊ แน่ใจสิฮะ”

“แต่พี่ว่าเหมือนที่อาคีย์พูดมานั่นแหละจริงไหมหืม”

“พี่โจจจจอะ แล้วเฮียกับเจ๊เมลอยู่บ้านไหมฮะ”

“เฮียแฟลตบินไปไทยกับหนูโรลตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสแล้วล่ะ ส่วนยัยเมลก็อยู่บ้านนั่นแหละจ๊ะ”

“นึกว่าเฮียจะอยู่ด้วยซะอีกน้องโยต์จะได้จัดการทั้งเฮียแฟลตทั้งเจ๊เมลทีเดียวเลย”

“ฮ่าๆๆ แม่ว่าเรื่องนี้น้องโยต์คงไม่ต้องจัดการเองแล้วล่ะ เพราะมีคนจัดการแทนน้องโยต์ไปแล้วล่ะ”

“อย่าบอกนะฮะว่าเป็นเฮียโรล”

“ตามนั้นเลยล่ะลูก”

     เรามาถึงบ้านป้าคีย์กันแล้วล่ะครับ เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของผมเลย เพราะผมมาที่อังกฤษทีไรผมก็จะมาพักอยู่ที่บ้านป้าคีย์ตลอด ผมมาพักที่นั่นตั้งแต่ย้ายมารักษาตัวในลอนดอนแล้วล่ะครับ ตอนแรกป๊ากับม๊าท่านจะให้ผมไปอยู่ที่บ้านของตัวเองแล้วจะจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลผมจะดีกว่า

     แต่เป็นที่ตัวผมเองนั่นแหละครับที่จะมาอยู่ที่นี่เอง ถึงแม้ว่าช่วงแรกที่ผมมาอยู่มันจะทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆและคิดถึงพี่ชาร์ปนั้น มันทำให้ผมคิดว่าถ้าผมอยู่ที่นี่จนผมก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้มาได้ ต่อไปผมก็จะสามารถที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตต่อไปได้ตามที่ได้ให้สัญญากับพี่ชาร์ปเอาไว้ได้

     เพราะผมคิดว่าถ้าเราอยู่ให้ชินกับความเจ็บปวดแบบนั้นทุกวันๆ มันจะช่วยให้ผมมีภูมิต้านทานในเรื่องของความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบบรยายออกมาเป็นคำพูดได้กับการที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารักไปตลอดกาล

     ผมมาอยู่จนอาการของผมดีขึ้นมากแล้ว และคิดว่าควรที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้านั้นผมจึงตัดสินใจที่จะกลับไทยไปเริ่มทำธุรกิจที่ผมอยากทำมาตลอดนั้นก็คือร้านกาแฟ ที่ต้องนี้กลายมาเป็นธุรกิจที่ขยายไปได้หลายสาขาแล้วโดยที่มีพวกเฮียเข้ามาหุ้นด้วยนั่นแหละครับ

     และทุกครั้งที่มาบ้านของป้าคีย์ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่หรือจมอยู่กับในอดีตแล้วนะครับ แต่กลับกลายเป็นทุกครั้งที่ผมมานั้นมันเพิ่มความอบอุ่น ความสุขให้กับครอบครัวของป้าคีย์ซะมากกว่าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดอีกแล้ว เพราะป้าคีย์และลุงเคลวินนั้นท่านก็เข้าและท่านก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าผมเหมือนกัน ป้าคีย์เคยบอกว่าพวกเราจะเก็บพี่ชาร์ปไว้ในความทรงจำตลอดไป แต่ตอนนี้เราต้องช่วยกันดูแลกันและกันลัรวมไปถึงตัวผมนั้นจะดีกว่า นั่นจึงเป็นที่มาที่ป้าคีย์นั้นจะไปขอผมมาเป็นลูกจากหม่าม้าไงล่ะครับ

“คุณลุงงง สวัสดีฮะไม่เจอกันนานหล่อขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย”ผมเข้าไปกอดคุณลุงเคลวินทันทีที่เจอหน้า

“น้องโยต์ก็ชมลุงเกินไป ลุงก็มีแต่จะแก่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน”

“น้องโยต์พูดจริงๆ”

“พูดจริงก็พูดจริง” “อ้าวตาโจมาด้วยเหรอเรา”

“ครับอา”

“แล้วเป็นไงบ้างล่ะเรา เมื่อไหร่จะมาช่วยพ่อเราบริหารสักที”

“อีกสักพักนั่นแหละฮะ อีกอย่างยังไม่หมดทัวร์ด้วย”

“พ่อเราก็มาบ่นๆให้อาฟังอยู่เหมือนกัน อยากจะให้เราขึ้นมาบริหารธุรกิจแทนแล้วจะได้วางมือกับเขาบ้าง”

“ผมก็คิดมาสักพักแล้วเหมือนกันครับ ยิ่งตอนนี้ปัญญาหาคลี่คลายไปแล้วด้วย ก็คงจะมีแต่คุยกับที่บริษัทและก็ในวงก่อนน่ะครับ”
“พ่อเราจะได้วางมือกับเขาสักที”

“ครับ”

“น้องโยต์ ลุงขอโทษนะลูกที่พวกเราปิดบังกันมาตลอดกับเรื่องนี้เอาไว้”

“คุณลุงไม่ต้องขอโทษหรอกฮะ น้องโยต์เข้าใจว่าที่ทุกคนต้องปิดบังนั้นเพราะทุกคนเป็นห่วง”

“ลุงอยากให้หนูมีความสุข ไม่จมอยู่กับอดีต เพราะลุงรู้ว่าเจ้าลูกชายลุงก็คงไม่อยากให้เราต้องเสียใจและโทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ลุงและป้าคีย์ต่างก็รักน้องโยต์เหมือนลูกคนนึงเหมือน ลุงก็อยากจะเห็นน้องโยต์กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม พวกเราต่างทนเห็นไม่ได้ที่น้องโยต์เป็นแบบนั้น ไม่อยากให้น้องโยต์เอาแต่โทษตัวเอง ไม่คุยกับใครเลยข้าวก็ไม่ยอมกินและอยากให้น้องโยต์ก้าวข้ามผ่านเรื่องร้ายๆมาให้ได้พวกเราจึงเลือกที่จะทำกันแบบนี้”

“ขอบคุณนะฮะคุณลุง คุณป้า พี่โจที่ทุกคนต่างช่วยโยต์กันขนาดนี้”

“พวกเรารักน้องโยต์มากๆเลยนะจ๊ะ”

“ใช่แล้วล่ะ อย่างที่มัมบอกนั่นแหละไอ้เด็กขี้แย”

“เจ้เมล ฮือออออ” ผมหันไปกอดเอวเจ้เมลที่เดินลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และได้มายืนตรงข้างที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้

“ฮืออ ฮืออ ฮืออ”

“หยุดร้องเลย โตแล้วเขาไม่ร้องไห้กันแล้วนะเว้ย แต่เจ้ล่ะสะใจมากจริงๆที่แกจัดการไอ้พวกสี่แสบซะอยู่หมัดฮ่าๆๆ”

“เจ้นั่นแหละที่จะโดนน้องโยต์จัดการคนต่อไป หึหึ”

“อะไร เจ้หวังดีกับแกนะเนี่ย จะใจร้ายทำเจ้ได้ลงคอจริงๆเหรอแกนึกถึงช็อคโกแลตที่ฉันคอยซื้อส่งไปให้สิ”

“ไม่รู้ล่ะ เจ้ต้องไปเอาช็อคโกแลตมาเปย์น้องซะดีๆ ไม่งั้นเจ้จะโดนอีกคน อย่าคิดว่าน้องโยต์ไม่รู้นะว่าเจ้ไปทำอะไรไว้ ถึงไม่ยอมไปเที่ยวช่วงหยุดยาวเนี่ย ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ” ผมบอกเจ้เมลอย่างงอนๆ

“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวเจ้สั่งให้ลูกน้องเอามาให้ก่อนกลับพรุ่งนี้แล้วกัน ส่วนที่เหลือเดี๋ยวเจ้ส่งไปให้แล้วกัน ช็อคโกแลตอะไรก็ไม่รู้เม็ดเท่าพริกไทย กินแค่กำมือเดียวก็หมดแล้วแถมยังมีขายแค่ที่ฝรั่งเศสอีก” เจ้เมลพูดไปบ่นไปมือทั้งสองข้างก็ดึงแก้มผมแล้วโยกไปโยกมาอีกต่างหากแล้วเจ้แกเบาซะที่ไหนแก้มผมช้ำทุกที ผมว่ามือคูปป์หนักแล้วนะครับเจอมือเจ้เมลไปนี่คูณร้อยไปเลยฮะ
ครั้งแรกที่ผมโดนนี่ผมอยากจะตีมือเจ้เมลซะเหลือเกิน แต่เจ้แกบอกว่าแก้มผมมันนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่มันน่ามันเขี้ยว เจ้แกบอกว่าบางทีฉันก็อยากกัดแก้มแกนะ แต่กลัวแก้มผมมันจะเป็นรอยไปซะก่อน แล้วผมถามว่าทำไมไม่ไปดึงแก้มพวกเฮียบ้าง เจ้แกก็บอกว่าแก้มไอ้เจ้าพวกนั้นมันไม่นุ่มนิ่มเหมือนแก้มผม พวกนั้นมันน่าโดนฟาดมากกว่าจะมาน่ามันเขี้ยว

“แค่กล่องละพันห้าเอ๊งเจ้ เนี่ยๆแล้วตอนนี้ก็มีช็อปที่ปุ่นแล้วเริ่มหาซื้อง่ายแล้วเห็นไหม” ช็อคโกแลตอะไรทำไมราคามันถึงแพงขนาดนี้แล้วแถมยังมีขายอยู่แค่ที่ฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นนั้นกก็คือช็อคโกแลตของ ฌองพอล เฮแวง (Jean Paul Hevin)ไงล่ะครับ
“ดีต่อไปจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินฉัน”

“ไหงงั้นอะเจ้ เจ้ต้องซื้อให้น้องโยต์สุดที่รักต่อไปแหละดีแล้ว เนอะๆๆ” ผมจับแขนของเจ้เมลแล้วใช้หัวไถไปที่แขนไปมาอย่างอ้อนๆ ผมรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเจ้เมลจะใจอ่อนทุกทีที่ผมทำ เพราะเจ้แกชอบให้ผมมาอ้อน

“ก็ได้ ก็ได้ นี่พี่โจฟังแล้วจำไว้เลยนะว่าช็อปมันอยู่ที่ไหนบ้างน่ะ ต่อไปจะได้ไม่ลำบากเมลแล้ว”

“ฮ่าๆๆ”คุณลุงกับป้าคีย์ท่านก็หัวเราะขึ้นมาหลังจากที่เจ้เมลพูดจบ

“อืม”

    หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้วพี่โจก็ได้ขอตัวกลับก่อน เพราะตอนแรกคุณลุงชวนให้ค้างที่บ้านด้วย แต่ว่าพี่โจต้องไปทำธุระต่อจึงไม่สะดวกที่จะค้างในคืนนี้ แต่พรุ่งนี้จะมารับผมไปส่งที่สนามบินให้

     คืนนั้นผมก็ขอมานอนห้องเจ้เมล เราคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาต่างๆเจ้แกบอกว่าจะหลุดบอกผมบอกผมอยู่ตั้งหลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่เจ้แกก็อยากให้ผมรู้ความจริงเรื่องของพี่ด้วยตัวผมเองมากกว่า เพราะทุกคนคิดว่าผมจะมาดับลินตอนช่วงมีนาหลังจากงานแต่งของคูปป์กับไอ้ตรองที่ผมได้บอกไปตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าจะมาช่วงมีนา

     แต่ก็เป็นเพราะผมเกิดเปลี่ยนในขึ้นมาที่จะมาช่วงคริสต์มาสกับเฮียจาร์คแทน เลยพลอยทำให้ทุกคนนั้นก็คอยลุ้นไปกับผมด้วยว่าจะเป็นยังไง เพราะจากตอนแรกที่ทุกคนคิดว่าแค่ลองให้ฟังเพลงของวงพี่โจและไม่คิดว่าผมจะเกิดชอบถึงขั้นตามจริงจังขนาดนี้ ทุกคนก็เลยปล่อยให้ผมทำตามใจตัวเองมาตลอด

     และทุกคนนั้นก็ยังมาลุ้นกันอีกว่าพี่โจเนี่ยจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงและจะบอกกับผมเมื่อไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันมีผลต่อความรู้สึกของผมโดยตรง

“เจ้เมล”

“ว่าไงแก”

“น้องโยต์รักเจ้เมลนะ ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด น้องโยต์จะบอกเจ้เมลว่าน้องโยต์มาคิดดูแล้วนะว่าจะไม่ปิดกั้นหัวใจตัวเองอีกแล้ว”

“ดีแล้วแก เฮียคงหมดห่วงแล้วแน่ๆถ้าแกยอมที่จะเปิดใจอีกครั้ง แต่เจ้ว่าแกคงมีใครคนนั้นอยู่ในใจแล้วใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นแกคงจะไม่ยอมพูดออกมาแบบนี้”

“ใครอะเจ้”

“แกก็รู้อยู่แก่ใจยังจะมาพูดว่าใครอีก เจ้จะบอกอะไรให้แกฟังนะ อย่าเอาใครมาเปรียบเทียบกันเพราะมันคือคนละคน เฮียเจ้ก็คือเฮียเจ้ เขาคนนั้นของแกมันก็คือเขาคนนั้นมันไม่เหมือนกันและถ้าแกจะเปิดใจให้กับเขาคนนั้นแกก็ไม่ต้องรู้สึกผิด พวกเราทุกคนเข้าใจแก เข้าใจไหม”

“ฮะ”

“เข้าใจที่เจ้หมายถึงมันไหมน้องโยต์”

“น้องโยต์เข้าใจ เพียงแต่น้องโยต์แค่กลัวความรู้สึกของเรามันไม่ตรงกัน กลัวว่าเขาคนนั้นไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับน้องโยต์ น้องโยต์กลัวว่าเขาแค่ทำตามคำสัญญาของพี่ตัวโตแค่นั้นและกลัวว่าทุกคนจะไม่โอเคที่น้องโยต์มีความรู้สึกให้กับเขาคนนั้น”

“โอ๊ย ไอ้เด็กบ้าเดี๋ยวแม่จะฟาดให้หายมึน เรื่องอื่นนี่ฉลาดจริงจริ๊ง มาแค่อีเรื่องนี้ทำมาเป็นเด๋อด๋า ฉันจะบอกให้นะถ้าเขาไม่คิดแบบเดียวกันกับแกเขาคงไม่คอยตามดูลแกตลอดแบบนี้หรอกถูกไหม และบ้านเขาก็รับรู้มาตลอดแล้วแกจะไปกลัวอะไรวะ เดี๋ยวฟาดจริงๆเลยนี่”

“เจ้ นี่น้องเองอย่าพึ่งโหด”

“เออ ตัดความคิดพวกนั้นของแกออกไปได้เลย ไม่มีใครเขาว่าแกหรอกจะมีแต่ช่วยสนันสนุนกันทั้งนั้นแหละ แต่สมน้ำหน้าเฮียที่เลี่ยงพาเรามาเจอตลอด สุดท้ายก็ไม่พ้นที่ทำให้พวกแกนั้นเจอกันอยู่ดีฮ่าๆๆ”

“เจ้ นั่นพี่ชายเจ้น่ะ แต่มันดีแล้วใช่ไหมที่น้องโยต์มีความรู้สึกแบบนี้”

“ก็อยากหวงเราเกินเหตุทำไมล่ะ ดีแล้วแกเริ่มต้นใหม่ได้แล้วเฮียเจ้ก็คงไม่อยากให้น้องโยต์เป็นอย่างนี้ ทุกคนก็คิดเหมือนกัน”

“ฮะ”

“นอนได้แล้วนะเรา”

“เจ้เมล”

“อะไรอีกล่ะไอ้ตัวแสบ”

“น้องโยต์จะบอกว่าเขาคนนั้นยังไม่พูดอะไรเลยกับน้องโยต์เลยนะ แต่บางทีการกระทำของเขาก็ทำให้น้องโยต์อดคิดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”

“โอ๊ย เดี๋ยวเขาคนนั้นก็บอกแหละเชื่อเจ้ เร็วๆนี้แหละว่าแต่แกก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย”

“โห ขนาดนั้นเลยเหรอเจ้”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เจ้ก็พูดไปงั้นแหละ”

“ซะงั้น กวนแล้วนะเจ้”

“เออๆ เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ ว่าแต่ตอนนี้นอนเหอะ”

“ฝันดีนะเจ้เมล”

“ฝันดีเหมือนกันน้องโยต์”

วันต่อมา.....

     พี่โจเข้ามาที่บ้านช่วงสายๆเพื่อมารับผมไปส่งตามที่เจ้าตัวบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ ส่วนเจ้เมลผมตื่นมาก็ไม่เจอแล้วล่ะรายนั้นไปทำงานแต่เช้าแล้ว ก็จะเหลือป้าคีย์กับลุงเคลวินที่อยู่บ้าน

“เดินทางปลอดภัยนะน้องโยต์”

“ฮะ แล้วเจอกันนะฮะ”

“จ๊ะลูก ป้าจะไปไทยอีกทีก็คงตอนใกล้ๆงานแต่งน้องคูปป์เลยนั่นแหละ”

“โอเคครับ น้องโยต์รักป้าคีย์กับลุงเคลวินนะฮะ”ผมเดินเข้าไปกอดท่านทั้งสองพร้อมกับกล่าวลาก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถของพี่โจพาวที่สตาร์ทรถรออยู่ก่อนแล้ว

     ระหว่างนั่งรถมากับพี่โจพาวนั้นผมไม่ได้พูดอะไรด้วยเลย เพราะความรู้สึกที่คุยกับเจ้เมลเมื่อคืนนั้นมันยังคงตีกันอยู่ในหัว ผมทำได้แต่เหลือบไปมองพี่โจที่ดูจะตั้งใจขับรถอยู่เราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ จนกระทั่งมาถึงสนามบินนั่นแหละครับ

“น้องโยต์ครับ”

“ว่าไงฮะ”

“รอพี่ทัวร์คอนเสิร์ตรอบนี้ให้จบก่อนแล้วพี่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกน้องโยต์ น้องโยต์รอพี่ได้ไหมครับ”

“ได้ครับ น้องโยต์จะรอนะฮะ” ผมรับปากพี่โจไปโดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่สำคัญที่พี่โจจะพูดกับผมนั้นมันคือเรื่องอะไร

“ไว้เจอกันนะครับ”

“ครับพี่โจ”

     ผมเดินเข้ามาในเกทแล้วหันหลังมองกลับไปตรงที่พี่โจพาวมายืนส่งผมนั้นตอนนี้เต็มไปด้วยบรรดาแฟนคลับที่เริ่มเข้ามารุมล้อมพี่โจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมสังเกตเห็นสายตาของพี่โจพาวที่ยังคงมองมาที่ผมอยู่นั้นไม่ได้ละสายตาไปมองที่แฟนคลับเลยสักนิด พร้อมกับรอยยิ้มแค่มุมปากที่เจ้าตัวนั้นชอบเป็นประจำ จนผมลองโบกมือไปมาให้ก่อนที่สายตานั้นจะละไปมองบรรดาแฟนคลับที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย

     และในตลอดช่วงที่ผมกลับไทยมาแล้วนั้น ผมก็ยังคงคุยกับพี่โจตลอดเหมือนเดิมและพี่โจก็เริ่มกลับเข้าไปซ้อมที่สตูดิโอทุกวันเหมือนกัน แต่เพิ่มเติ่มคือตอนนี้ผมไม่ได้เข้าไปเล่าเรื่องราวอะไรในแอคเคาท์หลักของวงพี่โจอีกแล้วล่ะครับ
จนถึงเวลาที่พี่โจเริ่มกลับมาทัวร์แล้วนั้นเลยทำให้เราไม่ได้คุยกันมากนักในแต่ละวัน แต่พี่โจพาวยังคงเสมอต้นเสมอปลายฮะที่ทุกวันจะต้องวีดีโอคอลมาคุยกับผมตั้งแต่วันที่ผมกลับไทยมา

     และในขณะที่ผมกำลังนั่งดูข่าวอยู่นั้นผมได้เข้าไปในแอพนกสีฟ้า ก็พบว่ามีบรรดาแฟนคลับของพี่โจพาวแท็กผมเข้ามาเต็มเลยล่ะครับผมจึงกดเข้าไปดูว่าเป็นอะไร ก็ได้พบเก็บเว็บข้าวเว็บนึงที่ลงข่าวของพี่โจพาว

"ข่าวด่วนเช้าวันนี้"

"ขณะนี้ได้มีภาพหลุดของมือกลองวงร็อคชื่อดังไปทั่วทั้งโซเชียล ที่มีคนสามารถบันทึกภาพระมือกลองชื่อดังกับหญิงสาวเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน ซึ่งตอนนี้บรรดาแฟนคลับต่างพากันสงสัยหญิงสาวปริศนาคนนั้นว่าเป็นใคร มาจากไหนกัน หลังจากที่มือกลองชื่อดังคนนี้ไม่ได้ออกเดทกับใครมานานถึง 8 ปี  แฟนๆเลยต่างมุ่งไปตรงประเด็นที่นี่อาจจะเป็นรักครั้งใหม่ของมือกลองชื่อดังก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามทางเราจะคอยรายงานความคืบหน้ากันต่อไปอีกครั้ง"

“นั่งดูอะไรอยู่วะเปอร์”

“มึงดูนี่ดิ”

“เอี้ยยยยย มึงคิดไงวะตอนนี้”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ผมตอบไอ้ตรองกลับไปหลังจากที่ให้มันดูข่าวของพี่โจพาว

“โห โซเชียลถึงขั้นกับเดือดเลยเหรอวะ”

“ก็เออสิวะ มึงคิดดูศิลปินผู้ที่ไม่เคยมีข่าวเดทกับสาวเลยหรือแม้แต่กระทั่งข่าวเสียๆหายๆก็ไม่มี แฟนคลับไม่เดือดกูก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้วเหมือนกัน”

“พี่โจของมึงนี่เขาดังจริงๆ”

“ดังไม่ดังกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่ายอดฟอลในโซเชียลเกินสิบล้าน”

“แหมไอ้คนขี้อวด”

“แล้วไงใครสนกันวะ”

“เออๆ แล้วพี่เขาว่าไงเรื่องนี้”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะข่าวกับรูปมันพึ่งมาเมื่อเช้า”

“ยังไงก็ดูไปก่อนแล้วกัน”

“เออ ว่าแต่มึงมาทำไมร้านกูเนี่ย”

“กูนัดกับคูปป์เอาไปเอาพวกของชำร่วยกับการ์ด”

“อ่อ จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะมึง”

“เออ ถ้าไม่เกิดเรื่องตอนนั้นกูคงได้แต่งไปนานแล้วล่ะไอ้สัตว์”

“มึงทำตัวเองนะไอ้ตรอง กูก็เคยเตือนมึงไปแล้ว”

“เออ กูน่าจะฟังมึง กูไม่คิดว่าคูปป์จะใจแข็งมานานขนาดนี้”

“แต่มึงน่าจะรู้จักคูปป์ดีนี่หว่า”

“เออ กูพลาดเองอะ”

“นั่นน่ะ ว่าที่เมียมึงแต่น้องสาวกูมานู่นละ รีบไสหัวไปได้ละ”

“เออ งั้นกูไปก่อนมีไรก็โทรมาละกันมึง”

“เออ”แล้วไอ้ตรองมันก็ไปครับ

     ผมจึงกลับมาสนใจที่ข่าวอีกครั้งและนั่งเลื่อนดูไปเรื่อยๆว่าความจริงรูปนี้นั้นมันมีที่มาจากไหนกันแน่ จนไปเจอว่าความจริงรูปนั้นถ่ายมาตั้งแต่วันที่พี่โจมาส่งผมที่บ้านของป้าคีย์แล้ว ทุกคนยังจำกันได้ใช่ไหมครับที่พี่โจบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ
ธุระที่ว่าก็คืออย่างนี้เองน่ะเหรอ มันเลยทำให้ผมมานั่งคิดในตอนนี้ว่าทุกวันนี้ที่เราคุยกันนั้นมันหมายความว่ายังไง ทุกครั้งที่พี่โจพาวจะบอกให้ผมรอนั้นมันคืออะไรกันแน่ และผมยังคงเจอรูปผู้หญิงคนนั้นกับพี่โจอีกหลายที่  มีที่ที่พี่โจพาวไปเล่นคอนเสิร์ตด้วยอีกและทำไมตลอดเวลาที่เราคุยกันถึงไม่บอกอะไรกับผมเลยสักคำ

จนกระทั่ง.....

“น้องโยต์เห็นข่าวแล้วใช่ไหมครับ”

“ครับ”

“มันไม่มีอะไรจริงๆ อย่างที่ในข่าวบอกเลย”

“เหรอฮะ”

“ครับ”

“...”

“น้องโยต์...เงียบทำไมครับ”

“เอ่อ คือโยต์ไม่รู้จะคุยอะไรน่ะฮะ”

“แล้วน้องโยต์ทำอะไรอยู่ครับ”

“วันนี้โยต์เข้ามาที่ร้านน่ะฮะ งั้นเดี๋ยวโยต์ขอไปทำงานก่อนแล้วกัน”

“โอเคครับ ตั้งใจทำงานนะครับ”

“ครับ”

     หลังจากวันนั้นผมก็พยายามเลี่ยงที่จะคุยกับพี่โจพาวมาตลอด เพราะคำพูดที่เขาบอกว่าไม่มีอะไรในข่าวมันสวนกับที่ตอนนี้ยังคงมีรูปคู่ของผู้หญิงคนนั้นกับพี่โจพาวออกมาตลอดระยะเวลาที่เขายังบอกอย่างนั้น จนในที่สุดผมก็ไม่เข้าโซเชียลหรือตามข่าวอะไรอีกเลย ผมไม่รู้จะเชื่ออะไรได้อีกแล้วและยิ่งตอนนี้พี่เขามีทัวร์ด้วย

     จนเวลาผ่านมาร่วมเดือนแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับพี่โจพาวอีกเลยและยิ่งตอนนี้พี่เขามีทัวร์ด้วย ผมรู้ว่าเขาพยายามที่จะติดต่อผมมาแต่ผมเลือกที่จะไม่รับหรือตอบข้อความเขาแม้แต่ข้อความเดียว มันอาจจะดูงี่เง่านะครับแต่ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมก็อยากปกป้องความรู้สึกของผมเหมือนกันและยิ่งช่วงนี้ใกล้วันแต่งงานของคูปป์กับไอ้ตรองด้วยแล้วเลยยิ่งทำให้ผมวุ่นวาย จนไม่มีเวลามาคิดเรื่องของพี่โจพาวสักเท่าไหร่

     จนวันงานแต่งงานของคูปป์มาถึงผมก็ได้รับการเซอร์ไพรส์อีกแล้วล่ะครับ ทำไมน่ะเหรอก็คนที่ขึ้นไปร้องเพลงเปิดงานก็คือพี่โจเซฟ พาวไงล่ะครับ จนทำให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานบางคนที่ติดตามผลงานของพี่เขาแตกตื่นกันขึ้นมาทันทีเหมือนกัน จนกระทั่งพี่โจพาวร้องเพลงจบแล้วเดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละครับ

“น้องโยต์”

“พี่โจมาทำอะไรที่นี่ครับ พรุ่งนี้พี่คอนเสิร์ตที่ฮ่องกงไม่ใช่เหรอฮะ”

“พี่อยากจะมาให้เด็กน้อยแถวนี้ให้เข้าใจก่อนน่ะสิ เกือบเดือนเลยนะครับน้องโยต์ที่เราไม่ได้คุยกันเลย พี่ไม่โอเคเลยนะครับแบบนี้และตอนนี้น้องโยต์ก็กำลังเข้าใจพี่ผิดอยู่ด้วย”

“ผมว่าเราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นกันไปหมดแล้ว”

“ได้ครับ” หลังจากที่งานดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนใกล้จะจบพิธีการแล้วนั้น ตอนนี้ก็เริ่มมีคนเข้ามาทักขอถ่ายรูปกับพี่โจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูท่าแล้วบางคนที่มาร่วมงานแต่งครั้งนี้ก็เป็นแฟนคลับพี่โจพาวเหมือนกัน

“ขอโทษนะคะ ใช่โจเซฟ พาวรึเปล่าคะ”

“ใช่ครับ”

“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”

“ไม่ได้ครับ พอดีผมไม่สะดวก” หืมมม ผมหันขวับไปมองพี่โจที่ตอนนี้ปฏิเสธผู้หญิงที่มาขอถ่ายรูปด้วย ทั้งที่ปกติแล้วพี่โจจะเทคแคร์คนที่มาขอถ่ายรูปดีมากเลยนะครับ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเป็นแฟนคลับคุณนะคะ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“ขอโทษค่ะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”

“ไม่ได้ครับ ผมไม่สะดวก”

“ไม่เป็นไรค่ะ” จนตอนนี้ผมเริ่มสังเกตสีหน้าของพี่โจที่เริ่มเปลี่ยนไปจากที่ตอนแรกนั้นมีรอยยิ้มอยู่เต็มแก้มจนมาตอนนี้เหลือเพียงแค่ยิ้มมุมปาก ถ้าไม่สังเกตดีๆจะรับรู้ได้เลยว่าตาของพี่โจตอนนี้นั้นมันไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิด

     ผมจึงลากพี่โจให้มานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับป๊า ม๊า ป้าคีย์และลุงเคลวินซะเลย เพื่อหลีกเลี่ยงบรรดาคนที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยหลังจากที่ทราบว่าพี่โจนั้นเป็นมือกลองของวงร็อคชื่อดังที่ดังไปทั่วโลกที่มาปรากฏตัวอยู่ในงานแต่งงาน

     และตอนนี้ผมคิดว่าข่าวของพี่โจพาว มางานแต่งของน้องสาวผมนั้นคงเริ่มกระจายไปทั่วโซเชียลแล้วล่ะครับ เพราะอะไรน่ะเหรอก็ในงานตอนนี้มีนักข่าวที่ป๊ากับหม่าม้าอนุญาตให้มาเข้าร่วมงานอยู่ด้วยน่ะสิครับ ข่าวไม่กระจายออกไปนี่จะไม่แปลกใจเลยสักนิด ยิ่งพรุ่งนี้พี่โจพาวมีคอนเสิร์ตที่ฮ่องกงนั่นอีกคราวนี้บรรดาแฟนคลับคงจะต้องเริ่มสงสัยกันแล้วแน่ๆว่าพี่โจมาทำอะไรที่นี่

“ไงตาโจ มาเซอร์ไพรส์น้องหรือไง”คุณลุงเคลวินเอ่ยทักพี่โจหลังจากที่ผมพาพี่โจเดินมาถึงที่โต๊ะ

“สวัสดีครับอาเคลวิน ป้าคีย์”

“นั่งลงก่อนจ๊ะตาโจ แล้วนี่เรามาถึงเมื่อไหร่ล่ะ”

“เมื่อเช้าเองครับ”

“อ่อจ๊ะ”

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโจเซฟ”ป๊าผมเอ่ยทักพี่โจอย่างคุ้นเคย นี่ถ้าผมไม่รู้เรื่องมาก่อนผมคงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ดูป๊าจะสนิทกับพี่โจ

“สวัสดีครับคุณอากุน สบายดีนะครับ”

“ก็เรื่อยๆตามประสาคนแก่นั่นแหละ ฮ่าๆๆ”

“ครับ สวัสดีครับอาหลิน อาชุน”

“จ๊ะลูก เห็นน้องโยต์พูดอยู่ว่าเรามีคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมานี่ได้ล่ะ”

“มีพรุ่งนี้ที่ฮ่องกงน่ะครับ แล้วอาทิตย์หน้าถึงมีมาที่ไทยด้วย”

“อ่อ ม๊าเห็นน้องโยต์ซื้อบัตรมาเรียบร้อยแล้วไว้เจอกันนะจ๊ะ ม๊าขอตัวไปดูยัยคูปป์ก่อน”

“แล้วนี่เราไม่ต้องมีการซ้อมก่อนหรือไงตาโจ” คราวนี้เป็นลุงชุนผู้ที่รู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้เอ่ยทักพี่โจขึ้นมาอย่างสนิทสนม

“โถ่!!! อาครับระดับนี้แล้ว”

“ไม่ต้องซ้อมน่ะหรือ”

“ยังต้องซ้อมอยู่สิครับแต่จะซาวด์เช็คก่อนขึ้นเวทีก่อนสามชั่วโมงครับ”

“อาก็นึกว่าฝีมือระดับนี้แล้วไปถึงก็ขึ้นเล่นได้เลย ฮ่าๆๆ” ส่วนผมตอนนี้ก็ได้แต่นั่งดูพี่โจพาวกับลุงชุนอยู่นั่นแหละครับ ในสมองของผมตอนนี้ก็คิดไปว่าพี่เขามาได้ยังไง มาทำไมกัน

“แล้วน้องโยต์รู้ใช่ไหมว่าพี่เขาจะมา ไม่เห็นบอกป้าคีย์เลย”

“น้องโยต์ก็พึ่งจะทราบก็ตอนที่พี่โจขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีเหมือนกันแหละฮะ”

“ป้าก็นึกว่าน้องโยต์รู้แล้วเก็บไงไว้เซอร์ไพรส์ซะอีก ยังนั่งคุยกับหม่าม้าอยู่เลยว่าน้องโยต์ไม่ชวนพี่โจมางานเหรอ”

“ป้าคีย์ต้องถามพี่โจเองแล้วล่ะฮะ เพราะน้องโยต์ไม่รู้”

“เอ๊ หรือว่าตอนนี้น้องโยต์จะงอนพี่โจเขาอยู่กันลูก”

“ไม่ได้งอนซะหน่อยฮะ น้องโยต์จะงอนพี่โจเรื่องไรกันล่ะ” หลังจากที่ตอบป้าคีย์ไปผมก็หันไปเบะปากใส่พี่โจที่ยังคงนั่งคุยกับลุงชุน ลุงเคลวินและป๊าผมอยู่แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปสบตากับพี่โจพาวพอดีน่ะสิฮะ แย่แล้วพี่โจต้องเห็นท่าเมื่อกี้ของผมแน่ๆ ไอ้โยต์นะไอ้โย๊

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ขอบคุณนคะ :impress2:

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
     
ต่อจ้า

     บรรดาแฟนคลับที่รู้ว่าพี่โจมาตอนนี้พนักงานของโรงแรมข้างล่างได้รายงานขึ้นมาว่าตอนนี้ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมเริ่มมีแฟนคลับเข้ามารอพี่โจอยู่ข้างล่างกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเชื่อเลยภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงทำไมแฟนคลับแต่ละคนถึงได้เดินทางมาถึงนี่กันรวดเร็วเช่นนี้

“พี่โจ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

“ครับ น้องคูปป์ พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”

“ไหนซีบอกว่าพี่โจมาไม่ได้ เพราะติดคอนเสิร์ตที่ฮ่องกงไงคะ”

“พี่โทรอาชุนก่อนมาน่ะครับ กะว่าจะมาเคลียร์กับเด็กแถวนี้ให้รู้เรื่องก่อน”

“อ่อ อย่างนี้นี่เอง”

“ยินดีด้วยนะซีตรอง”

“ขอบคุณนะครับพี่โจ รีบๆไปเคลียร์ให้เรียบร้อยนะครับ ทุกวันนี้มีบางคนทำหน้าจะกินหัวลูกค้าจนไม่มีใครจะกล้าเข้าร้านแล้วล่ะครับ ลูกน้องแต่ละคนก็แทบจะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้วเหมือนกัน”

“เคลียร์อะไร ใครจะเคลียร์ฮะ แล้วใครจะกินหัวลูกค้าเขากันฮะไอ้บ้าตรอง” ผมเถียงไอ้ตรองกลับไปทันที

“อะไรกูยังไม่ได้หมายถึงมึงเลย อย่าร้อนตัวไปสิวะ”

“มึงนี่มันกวนตีนกูจนถึงวันแต่งงานเลยจริงๆนะมึงเนี่ย”

“ซี เปอร์ พอได้แล้วเถียงกันเป็นเด็กไปได้อายเขาไหมน่ะคนที่ยืนอยู่ข้างๆอะ”

“ก็ได้ๆถือซะว่าวันนี้วันดีของมึงนะไอ้ตรอง น้องสาวกูเผลอเมื่อไหร่มึงเจอกูแน่”

“อย่าลืมแล้วกันมึง”

“เออ” ไม่วายที่เราสองคนจะกัดกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่พี่โจจะพูดขึ้นมาระหว่างที่ผมกับไอ้ตรองยังคงเถียงกันอยู่อีก

“ทุกคนครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับพอดีผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับน้องโยต์ก่อนน่ะครับ”

“โชคดีลูก” (เสียงหม่าม้า)

“โชคดีนะตาโจ!!!” (เสียงลุงชุน ลุงเคลวิน เสียงป๊า)

“โชคดีนะคะ/นะครับ พี่โจ” (เสียงคูปป์กับไอ้ตรอง)

“ให้ป้าเตรียมโทรเรียกรถพยาบาลเลยไหมลูก” ทุกคนคิดว่าผมจะลากพี่โจไปประทุษร้ายหรือไงครับ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับป้าคีย์ ใช่ไหมครับน้องโยต์”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ”

“น้องโยต์ตอบพี่โจมาสิครับ”

“ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับ”

“ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องให้เดี๋ยวเจ้คุยให้เอาไหมล่ะ ดีไหมคะพี่โจจ” คราวนี้เป็นเจ้เมลที่เดินเข้ามาในโต๊ะหลังจากที่เจ้แกคงไปนั่งเม้าท์กับบรรดาเจ้ๆของผมนั่นแหละครับ

“อย่าคิดว่าเมลไม่รู้เรื่องนะคะพี่โจ ว่ามานี่ด้วยเรื่องอะไร”

“ถ้าทำให้น้องชายเมลเข้าใจไม่ได้พี่โจจะเจอดีแน่ๆ”

“โอเคๆ พี่จะอธิบายให้น้องเราเข้าใจก็แล้วกัน”

“ไว้เจอกันตอนเย็นนะคะพี่โจ แต่ตอนนี้ขอคูปป์ถ่ายรูปด้วยก่อนนะคะ”

“ได้ครับ”

“ซี ถ่ายรูปให้เขาหน่อย รู้ใช่ไหมว่าต้องถ่ายแบบไหน”

“รู้สิจ๊ะที่รัก เดี๋ยวเฮียซีจะถ่ายออกมาให้อย่างดี”

     หลังจากที่ไอ้ตรองมันถ่ายเสร็จคูปป์กับเจ้เมลก็เข้าไปกระซิบอะไรกับพี่โจก็ไม่รู้ครับ แต่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันที่ไรคงไม่พ้นเรื่องสนุกๆที่จะทำกันแน่ๆ และยิ่งไปรวมกับบรรดาเจ้ๆของผมนี่เหมือนเห็นเรื่องสยองลอยมาอยู่ข้างหน้าเลย

“ไปกันยังครับน้องโยต์”

“ครับ” ก่อนที่ผมจะเดินออกมากับพี่โจผมเดินไปหาหม่าม้าก่อนเพื่อบอกกับท่านว่าผมจะกลับมาอีกทีตอนที่ทานข้าวเย็นเลยก็แล้วกัน

“แล้วพี่โจพักที่ไหนครับ”

“ก็พักที่นี่แหละครับ”

“อ่อฮะ”

     ตอนที่เรากำลังจะเดินออกมาจากห้องจัดงงานเลี้ยงนั้นก็มีหลายคนที่คอยยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพกันเอาไว้ แสงแฟลตวูบวาบจากกล้องของนักข่าวหรือช่างกล้องที่จ้างเข้ามาถ่ายบรรยากาศในงานนั้นตอนนี้ต่างพากันกดชัตเตอร์รัวๆ ตลอดทางเดินที่พี่โจเดินผ่านออกไป

     ตลอดทางเดินที่ออกมาจากห้องจัดงานแล้วผมเดินตามหลังพี่โจมาติดๆ แต่ในระหว่างนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้งระหว่างตัวผมและพี่โจพาว ผมยังคงเดินตามหลังมาเรื่อยๆจนเว้นระยะห่างให้สายตาของผมนั้นได้เห็นแผ่นหลังของพี่โจที่กำลังก้าวเท้าเดินไปตามจังหวะจนกระทั่งเราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟต์ตัวสุดท้าย

     ระหว่างที่เรากำลังรอลิฟต์อยู่นั้น มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือความตั้งใจกันแน่ที่จู่ๆเราสองคนนั้นต่างหันมาสบตาซึ่งกันและกันอยู่อย่างนั้นโดยที่ผมและพี่โจพาวต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของพี่โจพาวที่แสดงออกมาให้ผมเห็นในตอนนี้นั้นก็คือความรู้สึกผิด ความกังวลและความสับสนอยู่ในตอนนี้

     เมื่อลิฟต์มาถึงแล้วผมจึงกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวโรงแรม จนลิฟต์ได้มาหยุดอยู่ในชั้นที่ผมต้องการแล้วนั้น ผมได้เดินข้ามทางเชื่อมของสองตึกเพื่อที่จะมาอีกฝั่งนึง ซึ่งเป็นตึกที่จะเข้ามาพักได้เฉพาะลูกค้าวีไอพี หรือผู้บริหารระดับสูงของแต่ละประเทศที่เข้ามาประชุมในไทย รวมไปถึงนักร้องชื่อดังระดับโลกหลายๆคนที่เคยมาเปิดคอนเสิร์ตที่ไทยนั้นต่างก็มาพักกันที่โรงแรมของที่บ้านผม

“พาพี่มาที่นี่ทำไมครับกันน้องโยต์”

อ้าว พี่โจไม่ได้พักอยู่ตึกนี้เหรอครับ”

“พี่ให้ผู้จัดการจองที่พักให้น่ะครับ”

“อ่อ งั้นเราไม่ต้องลงไปแล้วครับ ไปห้องของผมก่อนก็ได้ครับ” ผมพาพี่โจพาวเข้ามาในห้องพักของผมก่อนที่เราจะเริ่มคุยคุยกัน

“น้องโยต์ กำลังโกรธหรือไม่พอใจพี่อยู่ใช่ไหมครับ”

“ทำไมพี่โจถึงคิดว่าผมโกรธหรือไม่พอใจพี่อยู่ล่ะฮะ”

“ก็เราไม่ได้คุยกันเลยนะครับ เกือบเดือนเลยที่ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากน้องโยต์ ทั้งที่ปกติเราคุยกันทุกวันตลอด”

“ก็ผมเห็นว่าพี่โจกำลังยุงๆเรื่องทัวร์คอนเสิร์ตด้วยและตัวผมเองก็ยุ่งกับการช่วยคูปป์จัดงานแต่งงานเลยไม่มีเวลา”

“น้องโยต์แน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าไม่โกรธหรือไม่พอใจพี่ พี่จะให้โอกาสน้องโยต์พูดอีกครั้งนะครับ”

“ครับ ผมแน่ใจ”

ปังงง

“น้องโยต์!!!” เสียงพี่โจตะคอกขึ้นมาหลังจากที่ผมตอบคำถามพี่โจไปอีกครั้ง ผมไม่เคยเห็นพี่โจพูดตะคอกใส่อย่างนี้มาก่อนเลย

“คะ ครับ”

“น้องโยต์ตอบมาอย่างนี้ จะยั่วให้พี่โมโหใช่ไหมครับ ได้แล้วน้องโยต์จะรู้ว่าคนไม่พูดความจริงนั้นจะเป็นยังไง” พี่โจไม่พูดเปล่าแต่กำลังใช้มือข้างหนึ่งกระชากแขนให้ตัวของผมขยับเข้ามาใกล้ตัวพี่โจมากขึ้นตามแรงที่พี่โจนั้นดึงเข้ามาใกล้ ซึ่งในตอนนี้ใบหน้าของพี่โจนั้นนิ่งมากจนผมรู้ว่าพี่โจนั้นคงกำลังจะโมโหผมอยู่ค่อนข้างที่จะมากเลยทีเดียว

“เปล่าครับ ผมพูดจริงๆ ผมแค่กำลังสับสนอยู่แค่นั้นและต้องการที่จะทบทวนความรู้สึกของตัวผมเองด้วย”

“ถ้างั้นก็มองหน้าพี่สิครับและพี่จะทบทวนความรู้สึกของน้องโยต์ให้เอง” หลังจากที่บอกเหตุผลกับพี่โจไปก็เริ่มมีสีหน้าและน้ำเสียงอ่อนลงทันที

     ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่โจพาวตามที่เจ้าตัวนั้นบอกกับผมมาพร้อมกับมือข้างที่จับแขนผมอยู่นั้นค่อยๆเลื่อนลงมารั้งเอวของผมให้ขยับเข้าไปใกล้พี่โจพาวอีกครั้งหลังจากที่ผมสะดุ้งกับเสียงของพี่โจพาวที่ตะคอกออกมา เพราะผมไม่เคยเจอพี่โจพาวของทุกคนในโหมดนี้ไงครับ

     และทันใดนั้นพี่โจพาวก็ค่อยๆก้มหน้าลงมาเรื่อยๆโดยที่สายตาของเรานั้นยังคงสบซึ่งกันและกัน สายตาของพี่โจพาวในตอนนี้มันทำให้ผมเริ่มมีอาการใจเต้นเร็วแรงขึ้นมา เมื่อพี่โจพาวนั้นขยับหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น จนผมได้สัมผัสถึงลมหายใจของพี่โจที่มีกลิ่นมิ้นท์ออกมาและในตอนนี้ใบหน้าของพี่โจเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนกระทั่งริมฝีปากของพี่โจนั้นได้สัมผัสลงมาที่ริมฝีปากของผมอย่างเบาๆ

     ก่อนที่พี่โจพาวนั้นจะเริ่มใช้ปลายลิ้นไล้ไปตามริมฝีปากเพื่อให้ผมได้เผยอปากขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่พี่โจพาวนั้นจะสอดปลายลิ้นเข้ามา จากสัมผัสที่อ่อนโยนของพี่โจที่ตอนนี้ค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนั้นมันทำให้ผมเคลิ้มไปกับรสจูบของพี่โจพาวที่กำลังมอบความรู้สึกต่างๆให้แก่ผมและก่อนที่เราจะเริ่มรู้สึกกันไปไกลมากกว่านี้ผมก็ได้ดันตัวของพี่โจพาวออกมา

“น้องโยต์”

“ผมว่าเราพอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับก่อนที่มันจะไปไกลกว่านี้”

“ครับ” แล้วพี่โจก็ใช้นิ้วมือเช็ดมุมปากให้หลังจากที่เราถอนจูบนั้นออกมา

“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ”

“น้องโยต์”

“ครับ”

“เลิกแทนตัวเองว่าผมได้แล้ว ฟังแล้วมันขัดหู”

“กะ...ก็ได้ครับ”

“ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าการไม่พูดความจริงกับพี่นั้นจะเป็นยังไง"

“คะ ครับ” ผมตอบพี่โจไปอย่างเสียงสั่นๆที่ดันไปนึกถึงเมื่อกี้นี้ที่พี่โจพาวนั้นจูบผมมา

“ครับนี่คืออะไรล่ะหืม”

“เข้าใจว่า”

“ว่าอะไร ถ้าไม่เข้าใจพี่จะทำให้น้องโยต์เข้าใจใหม่อีกครั้งนะครับ” ว่าแล้วพี่โจก็ล็อคหน้าให้ผมเงยหน้าขึ้นมารับสัมผัสอันอ่อนโยนอีกครั้ง ซึ่งมันต่างจากในตอนแรกมากๆ

“เข้าใจว่าความรู้สึกของเราสองคนนั้นเหมือนกันและพี่โจก็รู้สึกดีๆ”

“มันไม่ใช่แค่นั้นนะครับมันมากกว่านั้น เพราะพี่จะบอกน้องโยต์ว่าพี่...”

“แล้วเรื่องของผู้หญิงที่เป็นข่าวกับพี่โจอยู่ตอนนี้ล่ะฮะ” ผมเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่พี่โจพาวจะพูดมากไปกว่านี้ ถ้ามาบอกตอนนี้ผมคงจะรับไม่ไหวแน่ๆ เพราะแค่นี้มันก็มากเกินพอสำหรับผมแล้วในตอนนี้

“เธอเป็นภรรยาเก่าของพี่เองครับ เราเลิกกันมานานมากแล้ว”

“พี่โจกำลังจะกลับไปคบกับเธอเหรอฮะ” ผมถามในสิ่งที่มันยังคาใจผมอยู่ตลอดเวลาที่ได้เห็นภาพของพวกเขาที่อยู่ด้วยกัน

“ไม่ใช่ครับ ความจริงในภาพนั้นยังมีเดฟและแม็กซ์ยืนอยู่ด้วย นั่นมันเป็นเพียงแค่ภาพมุมเดียวที่น้องโยต์เห็น”

“จริงเหรอครับ” ผมไม่อยากจะเชื่อในคำพูดนั้นของพี่โจเลยถ้ามันไม่มีอะไรทำไมไม่อธิบายให้ผมเข้าใจล่ะ

“จริงสิครับ แล้วมีเรื่องที่พี่อยากจะเล่าให้น้องโยต์ฟังเกี่ยวกับอุบัติเหตุของพี่ในครั้ง น้องโยต์คงจะสงสัยใช่ไหมล่ะครับว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“พี่โจ ถ้ามันทำให้พี่รู้สึกไม่ดีก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ”

“พี่ต้องเล่าให้ฟังครับ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของพี่ที่ตัดสินใจมาดูแลน้องโยต์อย่างที่ชาร์ปได้มาขอร้องกับพี่เอาไว้”

“แล้วเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นครับ”

โจเซฟ พาว Part

“ตอนนั้นเป็นช่วงที่พี่กำลังจะเริ่มทำอัลบั้มที่สองกันพอดี และก่อนหน้านั้นพี่ก็มีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ที่พี่ยังเรียนอยู่”

“แล้วยังไงต่อฮะ เกิดอะไรขึ้น” แววตาของน้องเกิดความสงสัยขึ้นมามากมาย ผมจึงได้เริ่มเล่าให้น้องฟังทั้งหมด

“เราคบกันมาเรื่อยๆ จนเธอได้ตั้งท้อง เราจัดงานแต่งงานขึ้นมากันอย่างเงียบๆ เพราะในตอนนั้นพี่เริ่มมีงานเข้ามามากขึ้นทางบริษัทจึงไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อวง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตในหลายๆประเทศเลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเธอเท่าไหร่ จนกระทั่งเธอคลอดลูกออกมา ชีวิตตอนนั้นของพี่มีความสุขมากเหมือนพี่มีทุกอย่างในชีวิตครบหมดแล้ว ในตอนนั้นพี่ได้หยุดพักจากการทัวร์คอนเสิร์ตเลยทำให้มีเวลามาดูลูกกับภรรยามากขึ้น

     จนกระทั่งพี่ต้องกลับไปทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้ง ทีนี้ก็ทำให้พี่ไม่มีเวลาที่จะต้องดูแลลูกกับเธออีก จนทำให้เราทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง จนตัวเธอนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มออกนอกบ้านมากขึ้นทั้งๆที่ลูกยังเล็กอยู่ พ่อกับแม่พี่ท่านก็เลยเสนอพี่มาว่าช่วงที่พี่ต้องไปทำงานพวกท่านจะดูแลลูกให้เอง แต่เธอก็กลับไม่ยอมเธอบอกว่าเธอจะเลี้ยงของเธอเอง เราทะเลาะกันบ่อยในช่วงที่พี่ยังอยู่ต่างประเทศ

     จนพี่หมดจากการที่จะต้องทัวร์คอนเสิร์ตของอัลบั้มแรก พี่กลับมาถึงบ้านในคืนวันนั้น...คืนที่ทำให้โลกของพี่มันได้พังทลายลงมา”

“พี่โจ โอเคนะฮะ”

“ครับ คืนนั้นพี่กลับมาถึงบ้านราวๆห้าทุ่ม พี่เดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนเดินมาถึงห้องนอนของพี่ พี่ได้ยินเสียงของคนอื่นเหมือนกำลังทำอะไรอยู่สักอย่างพี่จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเธอกำลังนอนกับผู้ชายคนอื่นบนเตียงของเรา”

“พี่โจ” น้องบีบมือผมเบาๆพอรู้ความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในวันนั้น

“พวกเขาตกใจกันเป็นอย่างมากที่พี่เปิดประตูเข้ามา ผู้ชายคนนั้นก็รีบแต่งตัวแล้วออกจากห้องไป ส่วนเธอนั้นก็เอาแต่ร้องไห้ พูดขอโทษพี่อยู่อย่างนั้น จนพี่ถามเธอไปว่าแล้วลูกของเราอยู่ที่ไหน เธอก็บอกว่าให้พี่เลี้ยงพาเข้านอนไปแล้ว พี่ออกจากห้องนั้นมาเพื่อที่จะเข้าไปดูที่นอนอยู่อีกห้องนึง...”

“พี่โจ ฮึก ฮึก ไม่ต้องเล่าแล้วฮะ”

“พี่เข้าไปหาลูกที่กำลังนอนอยู่ในคอกกั้นนั้น พี่จับตัวเข้าไปที่ลูกสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ออกมาจากตัว ตอนนั้นพี่ตกใจมาก พอตั้งสติได้พี่ก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที พี่รอจนรถพยาบาลมาถึงพวกเขาก็ได้ทำการรักษาเบื้องต้น แต่เขาได้บอกกับพี่มาว่าลูกของพี่ได้เสียชีวิตไปแล้วราวๆเกือบสองชั่วโมง”

“พระเจ้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฮะ”

“ตอนนั้น หมอได้ทำการผ่าพิสูจน์ดูว่าเกิดอะไรขึ้น หมอพบว่าบริเวณภายในช่วงอกนั้นมีซี่โครงร้าวจากแรงกระแทก เลยทำให้มีเลือดออกภายในจึงทำให้เสียชีวิต ตอนนั้นลูกพี่พึ่งจะมีอายุได้แค่หกเดือน พอได้ยินดังนั้นมันเหมือนโลกของพี่ไม่เหลืออะไรแล้ว คิดไปต่างๆนาๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่อายุแค่หกเดือนเอง

   จนพี่มาเค้นเอาจากภรรยาว่าเกิดอะไรกันแน่ เธอบอกกับพี่มาว่าเธอโมโหลูกที่ร้องไห้ไม่หยุดสักทีจนเธอโยนลูกลงบนที่นอน จากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปแล้วให้พี่เลี้ยงเข้ามาดู ทางพี่เลี้ยงก็ไม่ได้เอ๊ะใจว่าทำไมลูกพี่ถึงได้เงียบ เธอคิดว่าน่าจะเพลียเพราะร้องไห้มานานมากแล้ว

   หลังจากที่พี่เคลียร์เรื่องลูกแล้ว พี่ก็มาจัดการเรื่องขอหย่ากับภรรยาพี่ ตอนนั้นเธอไม่ยอมหย่า เธอขอให้พี่ให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลูกของเราอย่างนั้น ตอนนั้นเธอเครียดมากจนพาลไปลงที่ลูก แล้วพี่ก็ถามเธอกลับไปว่า เธอเครียดถึงขั้นกับที่ต้องพาผู้ชายคนอื่นมานอนด้วยกันถึงห้องของเราเลยหรือ จนสุดท้ายพี่ก็บอกเธอไปว่าถ้าไม่เซ็นหย่าให้พี่จะแจ้งความกับตำรวจว่าเธอนั่นแหละที่ทำให้ลูกตาย เพราะพี่เห็นแก่ความรักที่เรามีให้กันมานาน พี่ไม่ได้บอกกับตำรวจไปว่าทำไมลูกพี่ถึงได้รับแรงกระแทกขนาดนั้น

   หลังจากนั้นมาพี่ก็ไม่เป็นผู้เป็นคนสักเท่าไหร่ กินเหล้าแทบจะตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำ ถ้าแม่ไม่ให้แม่บ้านคอยมาอยู่ด้วยก็คงจะยิ่งกว่านี้ จนที่พี่มาเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละครับเพียงเพราะพี่ต้องการออกไปดื่มข้างนอกและด้วยความที่พี่กินก่อนออกมาจากบ้านอยู่แล้วก็เลยทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ซึ่งก็เป็นวันเดียวกันกับที่น้องโยต์และชาร์ปเกิดอุบัติเหตุนั่นพอดี”

“อ่อ น้องโยต์นึกออกแล้ววันนั้นพี่ชาร์ปบอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบบินกลับไปที่ลอนดอนกะทันหันเพราะอย่างนี้นี่เอง”

“แต่ช่วงนั้นที่พี่เกิดอุบัติเหตุเธอกลับเข้ามาหาพี่อีกครั้งหลังจากที่พี่ฟื้นขึ้นมา เธอมาขอโทษสำหรับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาและเธออยากขอโอกาสพี่ใหม่อีกครั้ง คราวนี้เธอให้สัญญา ในตอนนั้นพี่ยอมรับเลยว่ายังมีความรู้สึกดีๆให้กับเธออยู่ ถือว่าเป็นรักครั้งแรกของพี่เลยก็ว่าได้ จนพี่คิดว่าจะให้โอกาสเธออีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่พี่ได้บอกกับเธอไปพี่ก็มารู้ข่าวของชาร์ปและน้องโยต์มารักษาตัวอยู่ที่นี่ ตอนนั้นพี่ก็คิดอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกูหนักหนาวะ พี่ทั้งสูญเสียความรักให้กับผู้หญิงคนนึง และสูญเสียลูกไปคนนึงแล้วนี่ยังต้องมาสูญเสียเพื่อนสนิทอย่างชาร์ปไปอีกเหรอ จนพี่คิดว่าพี่น่ารีบฟื้นขึ้นมาเลยแต่นั่นมันทำไม่ได้ เพราะไอ้ชาร์ปมันบอกให้พี่รีบตื่นขึ้นมาดูแลตัวเล็กของมันให้หน่อยไง พี่ถึงเข้ามาดูแลน้องโยต์ในตอนนั้นก็อย่างที่พี่บอกไปว่าพอพี่เห็นสภาพเราแล้วพี่รู้สึกว่าพี่ต้องดูแลเด็กคนนี้จริงๆ”

“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพี่โจมันหนักมาเลยนะฮะ”

“ครับแต่มันก็ผ่านมาแล้วนี่”

“ฮะ แล้วพี่ทำไงต่อกับภรรยาพี่ในตอนนั้นฮะ”

“ตอนนั้นพวกไอ้เดฟและแม็กซ์มันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะกลับมามันก็โกรธมาก มันยังบอกพี่ว่าไม่ควรให้โอกาสผู้หญิงคนนั้น เพราะสิ่งที่เธอทำลงไปมันเทียบอะไรไม่ได้กับการที่พี่ต้องสูญเสียลูกไปเพราะความขาดสติของเธอ จนมันไปตามสืบเรื่องของเธอว่าต้องการอะไรกันแน่ จนรู้มาว่าบ้านของเธอล้มละลายไปแล้วและเธอต้องการกลับมาหาพี่อีกเพื่อหวังเรื่องเงิน

     พอพี่รู้ความจริงอย่างนั้น พี่ก็คุยกับเธอไปเลยว่าพี่ไม่สามารถทำใจที่จะกลับมาคบกับเธอได้อีก แต่เธอก็ยังคงมาหาพี่ที่โรงพยาบาลทุก จนวันสุดท้ายที่พี่ได้อยู่ดรงพยาบาลก็บอกเธอไปตรงๆว่าตอนนี้พี่มีคนต้องคอยดูแลแล้ว พี่ไม่สามารถกลับมาคบกับเธอได้อีก หลังจากนั้นพี่ก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย”

“พี่โจ ขอบคุณนะฮะที่ตอนนั้นเข้ามาดูแล”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ต้องขอบคุณไอ้ชาร์ปมันมากกว่านะ ที่มันให้พี่ได้มาดูแลเราตามที่มันขอน้องโยต์ก็รู้นี่ครับว่าชาร์ปมันหวงเราขนาดไหน” ผมคิดว่าถ้าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็คงอีกนานแหละครับกว่าจะได้เจอน้องโยต์ ความจริงผมเห็นน้องมาตลอดตั้งแต่ยังเด็กๆแล้วล่ะครับแต่โดนกันไว้ไม่ให้ไปเจอน้องเพราะความขี้หวงของเพื่อนสนิทผม

“แหะๆ”

“จนกระทั่งวันที่พี่จะต้องมาส่งเราที่ลอนดอน ก่อหน้านั้นหนึ่งวันเธอส่งข้อความมาว่าอยากจะขอพบพี่อีกสักครั้ง พี่เลยตัดสินใจคุยกับไอ้เดฟและไอ้แม็กซ์ไปว่าเธอติดต่อกลับมาพี่เลยตัดสินใจที่จะไปพบกับเธอ แต่พี่พาไอ้เดฟมันไปด้วยนะ พี่ไม่ได้ไปคนเดียวอย่างในรูปสักหน่อย”

“แล้วทำไมไม่เห็นบอกกันบ้างครับ”

“ตอนนั้นพี่เพียงแต่คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ไปคุยให้มันจบๆไปแต่พี่ไม่คิดว่าเธอจะตามไปทุกทีและจ้างให้คนมาถ่ายรูปจนเกิดเป็นกระแสข่าวขึ้นมาไงล่ะครับ เพราะไอ้ความที่คิดว่าไม่มีอะไรของพี่แต่มันกลับทำร้ายความรู้สึกของน้องโยต์ พี่ขอโทษนะครับ”

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่วันนั้นที่ถามพี่โจแล้วล่ะครับ”

“ก็พี่ไม่อยากให้น้องโยต์คิดมากไงครับ แต่ไม่คิดว่ามันจะมีรูปออกมาเรื่อยๆอย่างนี้และทุกครั้งที่เจอฌะอไอ้เดฟไอ้แม็กซ์ก็อยู่ด้วยตลอด”

“พี่ทำให้ผมสับสนมากเลยรู้ไหมครับ”

“พี่ขอโทษจริงๆ”

“แล้วตอนนี้เธอยังตามพี่อยู่ไหมครับ ผมไม่ได้ตามอ่านข่าวเลย”

“ไม่แล้วครับ พี่ถึงมาอธิบายให้น้องโยต์เข้าใจนี่ไงครับ เพราะได้ยินมาว่าเด็กแถวนี้คิดไปไกลเป็นตุเป็นตะไปแล้ว”

“พี่โจ” น้องเอ่ยเสียงออกมาอย่างอายๆพร้อมกับแก้มที่แดงๆนั่นแหละครับ เด็กอะไรเขินก็แก้มแดง โมโหก็แก้มแดง โกรธนี่ยิ่งเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ

“ว่าไงครับ”

“ผมสงสัยว่าทำไมเธอถึงเลิกตามพี่ง่ายจังเลยล่ะฮะ” ผมกะไว้แล้วเชียวว่าน้องต้องสงสัยแน่ๆเกี่ยวกับเรื่องที่อดีตภรรยาของผมนั้นเลิกตามผมอย่างง่ายๆ

“เขาคงเบื่อที่จะตามแล้วมั้งครับ แล้วก็คงเกิดรับไม่ได้ขึ้นมากับความคิดเห็นของบรรดาแฟนคลับพี่น่ะครับ”

     ผมจะไม่มีทางบอกความจริงกับน้องหรอกครับว่าผมจัดการกับเธอยังไงและยิ่งถ้าน้องรู้ว่าเป็นเพราะฝีมือของบรรดาเฮียๆและเจ้ๆทั้งหลายแล้วน้องจะกลับไปคิดมากอีกและที่สำคัญผมรู้เลยล่ะครับว่าน้องจะถอยหลังกลับเข้าไปอยู่ในจุดที่ปิดกั้นตัวเองอีกครั้ง เพราะการที่ผมทำให้น้องรู้สึกตัวเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะครับ ผมไม่มีทางอย่างแน่นอน

“ครับ”

“น้องโยต์”

“ครับพี่โจ”

“เลิกแทนตัวเองว่าผม และครับๆได้แล้ว พี่ไม่อยากได้ยินแบบนี้เลย”

“ก็ได้คะ...ฮะ” ผมชอบที่จะให้น้องเรียกแทนว่าตัวเองว่าน้องโยต์ครับ มันรู้สึกเหมือนมีอะไรนุ่มนิ่มมาจั๊กจี้ที่หูดีและยิ่งน้ำเสียงนุ่มนั้นอีกใครได้ยินได้ฟังไม่หลงน้องก็บ้าแล้วล่ะครับ

“พรุ่งนี้ไปฮ่องกงกับพี่นะ”

“จะดีเหรอฮะ”

“ดีสิครับ เราไม่ได้คุยกันมาจะเกือบเดือนแล้วนะ หน้าพี่ก็ไม่ได้เห็นเลยนะครับ นะครับนะ ไปกับพี่นะ” คราวนี้ผมลองพูดอ้อนน้องอย่างที่โรแวนชอบดูบ้าง เผื่อว่าทำแล้วน้องอาจจะเปลี่ยนใจไปกับก็ได้

“พี่โจอย่าพูอย่างนี้สิฮะ”

“ทำไมพี่จะพูดอย่างนี้ไม่ได้ล่ะครับ” ว่าแล้วผมก็ทำตาปริปๆใส่น้องไปอีก ผมรู้แหละครับว่าตอนนี้น้องคงกำลังเขินผมอยู่ เพราะใบหน้าและหูที่แดงเทือกขนาดนั้นมันบ่งบอกได้ชัดเจน มาดูกันครับว่าน้องจะยอมใจอ่อนไปกับผมไหม

“น้องโยต์ว่าจะไม่ไปฮะ โทษบานที่พี่โจไม่ยอมมาคุยเรื่องนี้กันตั้งแต่ทีแรกที่น้องโยต์ถามแล้ว”

“น้องโยต์ อย่าใจร้ายกับพี่อย่างนี้สิครับ ไปนะครับ นะ นะ นะ” ผมลองอ้อนน้องอีกสักครั้งดู

“ไม่ก็คือไม่ฮะ”

“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไป แต่ว่าน้องโยต์ต้องสัญญากับพี่มาก่อนว่าคอนเสิร์ตสุดท้ายที่ดับลินน้องโยต์จะต้องไป”

“ฮะ น้องโยต์สัญญา”

   หลังจากที่ผมได้อธิบายให้น้องได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วนั้น ตอนนี้ผมเหมือนได้ยกเรื่องหนักออกไปจากชีวิตแล้วล่ะครับ การที่จะมานั่งอธิบายให้น้องฟังและน้องยอมที่จะฟังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ผมรู้ว่าน้องใจแข็งขนาดไหนและยอมที่จะตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้น้องรู้สึกเจ็บปวดน้องก็ทำ

โจเซฟ พาว Part End

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 o13
 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะมีเซอร์ไพรส์มั้ยนะคอนเสิร์ตที่สุดท้าย
 :katai2-1:

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
Shamrock16
     หลังจากวันนั้นที่ผมกับพี่โจเคลียร์กันเข้าใจแล้ว พี่โจก็กลับไปทัวร์คอนเสิร์ตต่ออีกครั้งและที่เพิ่มเติมคือผมต้องคอลวิดีโอไปหาเมื่อผมตื่นและพี่โจจะคอลมาหาผมทุกครั้งหลังจากที่เล่นคอนเสิร์ตจบทุกครั้ง

     ยิ่งไปกว่านั้นพี่โจพาวของทุกคนเล่นไลฟ์สดผ่านแอพมาให้ดูตลอดการทัวร์เลยแหละครับ จนบรรดาแฟนคลับดีใจกันใหญ่เพราะว่ามีการมาให้ติดตามอย่างใกล้ชิด เหมือนว่าพวกเขาได้ไปเล่นคอนเสิร์ตกับพี่โจด้วยทุกครั้ง

Rrrrr…

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“กำลังนั่งเคลียร์บัญชีร้านอยู่ฮะ”

“แล้วพี่โจล่ะฮะ”

“พี่พึ่งจะขึ้นมาข้างบนห้องพักแล้วครับ”

“อ่อ งั้นน้องโยต์ขอทำบัญชีให้เสร็จก่อนนะครับ พรุ่งนี้ตอนไปจะได้ไม่กังวลเพราะไปหลายวัน’

“พี่ยังไม่อยากจะวางเลยนี่ครับ”

“ไม่ได้ฮะ น้องโยต์ต้องรีบทำให้เสร็จ

“โอเคๆครับ พักผ่อนเยอะๆด้วยนะเราน่ะ”

“ฮะ พี่โจก็เหมือนกันนะฮะ”

“ครับ จุ๊บ”

“พี่โจ” ฮื้อคนอะไรยิ่งคุยกันมากขึ้นก็ยิ่งอ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันแตกต่างจากลุคแบดบอยที่ใครๆเห็นนั้นเป็นอย่างมาก

“น้องโยต์ พี่จะบอกว่าห้ามออกจากห้องจนกว่าหน้าจะหายแดงนะครับ พี่ไม่อยากให้ใครมาจากน้องตอนนี้เลย”

“ก็พี่โจมาทำให้มันแดงเองทำไมล่ะครับ แล้วทีนี้จะมาห้าม”

“ฮ่าๆๆๆ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ”

     ทำไมผมต้องนั่งเคลียร์บัญชีภายในร้านให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยน่ะเหรอครับ ก็พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปที่ดับลินไงฮะ เพราะอีกสามวันข้างหน้าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของพี่โจพาวแล้ว

4+1 Part

น้องโยต์ชื่อนี้พี่โจเรียก : เฮียจะไม่ไปจริงๆเหรอ

พ่อของสามเสือ : อืม พวกมึงไปกันเถอะ

คูปป์ : เออ เดี๋ยวกูดูหลานให้เอง มึงไม่ต้องห่วง ลูกมึงก็เหมือนลูกกูเข้าใจไหม

พ่อของสามเสือ : ขอบใจพวกมึงนะ ถ้าไม่มีพวกมึงกูไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไง


น้องโยต์ชื่อนี้พี่โจเรียก
: เฮียดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน

เฮียซีของคูปป์ : ช่วงนี้มึงก็หยุดทำงานไปก่อนเลย

คูปป์ : กลับไปอยู่ที่ฟาร์มดีไหมจาร์ค เผื่อบรรยากาศรอบๆจะช่วยให้มึงดีขึ้น

พ่อของสามเสือ : กูก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่รอแฝดกลับมาก่อนแล้วกูค่อยไป กูไม่อยากอยู่ในห้องเลยด้วยซ้ำ มันทำให้กูเห็นแต่ภาพเดิมๆของใบยอกับกู

อยากกินไข่ตุ๋นมีไรป่ะ : มึงไปพักเถอะกูอยู่ทางนี้มึงไม่ต้องห่วง

พ่อของสามเสือ : เออ ไว้กูคิดว่ากูดีแล้วกูจะกลับเข้าไปช่วยงานเหมือนเดิม

น้องโยต์ชื่อนี้พี่โจเรียก : เฮียแมสจัดของเสร็จแล้วใช่ไหม ไม่ลืมอะไรแล้วนะ

อยากกินไข่ตุ๋นมีไรป่ะ : เออ เรียบร้อยละพี่เขาเตรียมให้กูหมดแล้ว รวมของแฝดด้วย

เฮียซีของคูปป์ : ไปนอนกันได้ละพวกมึงน่ะ เมียกูจะนอนแล้วเสียงข้อความมันดังไม่หยุด

น้องโยต์ชื่อนี้พี่โจเรียก : ทำไมมึงไม่ปิดเสียงล่ะไอ้ฟายตรอง

เฮียซีของคูปป์ : เออเนอะ ทำไมกูคิดไม่ออก

น้องโยต์ชื่อนี้พี่โจเรียก : เฮียจาร์ค พรุ่งนี้เค้าจะบอกให้ป้าอิ่มเตรียมบ้านให้ก็แล้วกันโอเคนะ

พ่อของสามเสือ : เออ

4+1 Part End

     เวลามันช่างผ่านเร็วจริงๆเลย ผมเจอพี่โจล่าสุดตอนที่มีคอนเสิร์ตที่เลบานอนครับพี่โจตื้อจนผมต้องไปให้ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอฮะก็เจ้าตัวน่ะสิบอกถ้าครั้งนี้ผมไม่ไปก็จะไม่ขึ้นเวที เป็นไงล่ะฮะเจอฤทธิ์ความเอาแต่ใจนี้ จนเดฟและแม็กซ์มาบอกให้ผมไปเถอะ ไม่อยากเห็นคนหน้าเหวี่ยงๆขึ้นบนเวทีเดี๋ยวแฟนๆจะตกใจเอา

     รอบนี้ผมไปพร้อมกับป๊าและม๊าฮะ อ่อลืมบอกไปครับว่าตอนนี้ผมมีหน้าที่เลี้ยงเจ้าแฝดสามลูกของเฮียจาร์คไงครับถ้าทุกคนยังจำกันได้ ผมสลับกันกับเฮียแมส คูปป์ ช่วยกันดูแต่ว่ามาดับลินคราวนี้มีแค่เฮียแมสแล้วคนที่เฮียสนิทมาด้วยแค่นั้น

     เพราะคูปป์กับซีตรองนั้นจะแวะไปหาแด๊ดดี้ของไอ้ตรองกันก่อนแล้วถึงจะตามกันมาทีหลังพร้อมป้าคีย์และลุงเคลวินน่ะครับ
ตอนนี้เรามาถึงดับลินกันแล้วล่ะครับ พี่โจบอกว่าจะมารับไปพักที่โรงแรมของที่บ้าน เพราะป๊ากับม๊าจะได้เดินทางสะดวกหน่อยเวลาจะไปไหนมาไหน

“น้องโยต์ทางนี้ครับ” พี่โจตะโกนเรียกผมพอดี ในขณะที่ผมกำลังมองหาพี่โจว่าอยู่ตรงไหน

“สวัสดีฮะพี่โจ”

“สวัสดีครับอากุน อาหลิน”

“สวัสดีจ๊ะตาโจไม่เจอกันนานเลย”

“สวัสดีครับพี่โจ”

“หวัดดีแอสตัน สบายดีนะเรา”

“ครับ”

“เราไปกันเลยไหมครับ ตอนนี้พ่อกับแม่รออยู่ที่โรงแรมแล้ว”

“ไปกันเลยก็ได้ลูก”

“ม๊าเดี๋ยวแอสกับพี่ไข่ตุ๋นจะตามไปนะ”

“ได้ๆ”

“น้องโยต์”

“ว่าไงฮะ”

“คนนี้น่ะเหรอครับที่เล่าให้พี่ฟัง”

“ใช่ฮะ น่ารักอย่างที่น้องโยต์บอกใช่ไหมล่ะ

“ครับ แต่น้องโยต์น่ารักกว่า”

“ไม่ต้องมาชมกันเลยฮะ น้องโยต์รู้ตัวเองดีอะว่าน้องโยต์น่ารักแค่ไหน” แล้วผมก็หันไปแกล้งพี่โจโดยที่ทำตาปริปๆใส่ จากที่เราคุยกันมาได้สักพักแล้วนั้นมันทำให้รู้ว่าว่าพี่โจชอบให้ผมทำแบบไหนแล้วเจ้าตัวถึงจะไปต่อไม่ถูก

     กลายเป็นว่าตอนนี้ผม ป๊าและม๊าต่างมีเจ้าแฝดอยู่ในอ้อมแขนคนละคน เพราะเฮียแมสนั้นจะไปทำธุระก่อน

“หนักไหมครับ ให้พี่ช่วยอุ้มเอาไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเจ้าตัวไม่คุ้นจะร้องไห้เอาได้”

“อ่อ งั้นค่อยๆเดินนะครับ”

     เมื่อเรามาถึงโรงแรมของบ้านพี่โจ ผมก็ไปรับเจ้าแฝดมาจากป๊าและม๊าเพื่อให้ท่านได้ไปพักกันก่อนที่เย็นนี้ พวกท่านนัดทานข้าวกับลุงเคลวิน ป้าคีย์ พ่อแม่ของพี่โจและแด๊ดของไอ้ตรองกัน เหมือนร่วมตัวกันเลี้ยงรุ่นบรรดาพ่อแม่เลยครับ

“ตอนนี้จากัวร์เป็นไงบ้างครับ”

เฮียก็เหมือนเดิมฮะ ถ้าไม่เก็บตัวอยู่ในห้องก็ออกไปกินเหล้าฮะ”

“แล้วมาดูเด็กๆบ้างไหมครับ”

     มาทุกคืนแหละครับ พอเห็นหน้าแฝดทีไรก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครเลยทุกที น้องโยต์ก็คอยไปปลอบเฮียตลอด แต่ก็ต้องให้เวลากับเฮียแหละฮะ”

   ผมนั่งคุยกับพี่โจพาวกันอยู่พักใหญ่ๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฮียจาร์ค จนตอนนี้ผมต้องไปเตรียมนมให้แฝดแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังคุยไปด้วยมือก็เตรียมนมไปด้วย ส่วนพี่โจก็รับหน้าที่ดูเจ้าแฝดให้ก่อน เพราะใกล้ถึงเวลาที่เจ้าแฝดจะตื่นขึ้นมากินนมแล้วล่ะครับ

“น้องโยต์”

“ว่าไงฮะ” ผมขานรับพี่โจออกไปแต่มือก็ยังคงเตรียมขวดนมไปด้วย”

“น้องโยต์”

“ฮะ พี่โจมีอะไรก็พูดมาเลยน้องโยต์เตรียมนมให้หลานอยู่เนี่ยเห็นไหมฮะ”

   ทันทีที่ผมบอกพี่โจให้พูดมานั้น ผมก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าพี่โจพาวมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่ตอนไหนจนกระทั่ง หมับบบ พี่โจเข้ามาสวมกอดผมจากทางข้างหลัง

“หยุดทำแล้วหันมานี่ก่อนครับ”

“ว่าไงฮะ” ผมค่อยๆหันหลังกลับไปหาพี่โจที่ตอนนี้แขนทั้งสองข้างนั้นยังคงกอดผมอยู่

“คิดถึงนะครับ”

“คิดถึงพี่โจเหมือนกันฮะ”

“น้องโยต์ ทำไมเอวบางลงอย่างนี้ล่ะครับ พุงนุ่มนิ่มของพี่โจหายไปไหนแล้ว"

“พี่โจ!!! ตีปากตัวเองเลยนะฮะ มาพูดกันอย่างนี้ได้ไง”

“ก็คราวที่แล้วที่เจอกันยังมีพุงอยู่เลย”

“ช่วงนี้น้องโยต์เหนื่อยเลยไม่ค่อยอยากทานอะไรน่ะฮะ”

“ต่อไปต้องทานนะครับ ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทานเข้าใจไหม”

“เข้าใจฮะ”

“ดีมากครับ ไหนยื่นหน้ามานี่หน่อยสิครับ”

“มีอะไรฮะ”

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

“ทำโทษที่ไม่ยอมมาทัวร์กับพี่อีกเลย”

“พี่โจอะ”

“ขอจุ๊บอีกทีได้ไหม ไม่สิขอจูบเลยได้ไหมครับ” แต่ก่อนที่พี่โจจะได้จูบผมนั้นก็มีเสียงเล็กๆร้องขึ้นมาทันที

อุแว้ อุแว้ อุแว้

   ผมรีบมาดูเจ้าแฝดทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา เลยลืมพี่โจไปเลยล่ะครับว่าพี่โจพาวนั้นยังไม่ได้เดินมาที่ห้องที่พวกเจ้าแฝดนั้นนอนอยู่

“พี่โจฮะ น้องโยต์ฝากหยิบขวดนมมาด้วยนะ เมื่อกี้น้องโยต์ลืมหยิบขวดนมมา”

“ครับ ครับ”

“โอ๋ โอ๋ โอ๋ หยุดร้องกันก่อนะเจ้าแฝดเดี๋ยวนมก็มาแล้วนะครับ”

อุแว้ อุแว้ อุแว้

“โอ๋ โอ๋ พี่โจมารึยังฮะ เจ้าแฝดร้องไห้ใหญ่แล้วฮะ”

“มาแล้วนี่ครับ”

“ขอบคุณฮะ พี่โจช่วยถืออีกขวดได้ไหมฮะ”

“ได้ครับ ดูน้องโยต์จะชำนาญมากเลยนะครับ”

“นิดหน่อยฮะ ก็เลี้ยงมาต้องวันแรกที่คลอดนี่ครับผ่านมาเดือนกว่าๆแล้วถ้าไม่ชำนาญก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วฮะ”

“ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะเราเนี่ย ฮ่าๆๆ”

   

ออฟไลน์ นกม่อ

  • Nokmo อ่านว่า นกม่อ ไม่ใช่นกโม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • นกม่อในตำนาน
     หลังจากที่เจ้าแฝดนั้นกินนมอิ่มนอนหลับต่อไปแล้วนั้น พี่โจก็ขอตัวกลับไปที่บริษัทก่อนเพื่อที่จะเข้าไปดูสถานที่จัดคอนเสิร์ตนั้นว่าเสร็จไปถึงไหนแล้วกับเดฟและแม็กซ์

   ผมก็ไม่ได้เจอพี่โจเลยตั้งแต่วันที่พี่โจกลับไป เพราะพี่เขายุ่งๆอยุ่กับการเตรียมตัวที่จะขึ้นคอนเสิร์ตในครั้งนี้ พี่โจบอกว่าครั้งนี้มีผู้เข้าชมการแสดงถึงสองแสนกว่าคนเลย มากกว่าทุกทีที่จัดคอนเสิร์ตอีก ผมก็วุ่นอยู่กับเจ้าแฝดนั่นแหละฮะ ไม่ได้ออกไปไหนเลย อาจจะเพราะเปลี่ยนสถานทีด้วยเลยทำให้เจ้าแฝดรู้สึกไม่สบายตัว

“ออกมาหรือยังครับน้องโยต์”

“ออกมาได้สักพักแล้วฮะ แต่ก็ใกล้จะถึงแล้วรถติดนิดหน่อยเอง”

“เห็นไหมครับ พี่บอกแล้วว่าให้เราออกมาพร้อมพี่เลย”

“ก็เป็นห่วงเจ้าแฝดนี่ฮะ”

 “ครับ บอกคนขับให้ขับเร็วๆหน่อย จะได้ถึงที่นี่เร็วๆ”

“รถมันติดน่ะฮะ แต่ใกล้ถึงแล้วจริงๆ”

“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่ไปคุยงานรอบสุดท้ายก่อนแล้วกันนะครับ”

“โอเคฮะ”

   คนท่าจะเยอะอย่างที่พี่โจบอกจริงๆนั่นแหละฮะ เพราะตอนนี้รถติดกันยาวมากกว่าจะหลุดออกมาได้พี่โจโทรมาตามอยู่สามสี่รอบ แถมผมยังโดนบ่นอีกฮะเดี๋ยวนี้รู้สึกพี่ดจจะบ่นเก่งซะเหลือเกิน จากตอนแรกที่เฮียแมส พี่ไข่ตุ๋น คูปป์และไอ้ตรองจะมาดูด้วยก็เกิดเปลี่ยนขอดูทางไลฟ์อยู่ที่โรงแรมจะดีกว่า

   เมื่อมาถึงบริเวณที่จอดรถของสตาฟ ก็มีทีมงานพาผมเดินไปหาพี่โจที่ตอนนี้กำลังรอที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องต่างๆที่พากันมาทำข่าวคอนเสิร์ตในครั้งนี้

“กว่าจะมาถึงนะครับพี่รอตั้งนาน”

“ทำไมวันนี้พี่โจดูงอแงจังเลยฮะ"

 “ก็อยากลองงอแงใส่น้องโยต์ดูบ้างแค่นั้นเองครับ”

“พี่โจก็”

“@%$&*)_&$##......”

 “สวัสดีครับเดฟ แม็กซ์” ผมหันไปทักทายทั้งสองคนนั้นก่อนปล่อยให้พี่โจบ่นอยู่คนเดียวไปก่อน

“สวัสดีครับน้องเปอร์ มาก็ดีแล้วพี่เบื่อที่จะฟังคนแถวนี้บ่น เหวี่ยง วีนแตกแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ”

“หันไปดูหน้ามันตอนนี้สิ ฮ่าๆๆ” แม็กซ์ชี้ให้หันไปดูหน้าพี่โจตอนนี้ที่ทำหน้านิ่งๆคิ้วขมวดกันจนเป็นปมอีกแล้ว

“อ่อ น้องเปอร์คืนนี้มีเซอร์ไพรส์ด้วยนะเตรียมฟังได้เลย”

“โห เป็นเพราะว่าทัวร์ปิดท้ายอัลบั้มนี้กันด้วยหรือเปล่าฮะถึงมีเซอร์ไพรส์น่ะครับ เพราะปกติที่โยต์ดูก็ไม่เห็นมีเลย”

“ประมาณนั้นน้องเปอร์”

“เดฟ แม็กซ์ โจเซฟ ไปสแตนบายรอที่ให้สัมภาษณ์ตอนนี้เลยครับ”

“คร้าบๆ” เดฟตอบกลับทีมงานที่มาตามไปอย่างกวนๆ

“อะนี่ครับน้องโยต์”

“อะไรฮะ”

“บัตรสตาฟไงครับ ห้อยเอาไว้จะได้เดินไปไหนมาไหนได้โดยที่ไม่ต้องมีทีมงานพาไป”

“ฮะ”

“แล้วนี่ก็กล้องครับ ทำหน้าที่สตาฟที่ดีด้วยนะครับ”

“พี่โจพูดจริงพูดเล่นเนี่ยฮะ” ผมถามพี่โจกลับไปหลังจากที่เจ้าตัวยื่นกล้องมาให้กับผม

“พูดจริงๆครับ ตามมาเร็วเดี๋ยวสัมภาษณ์จะเริ่มแล้ว”

   ในช่วงระหว่างที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังให้สัมภาษณ์ ผมก็คอยเก็บภาพในภายนห้องไปเรื่อยๆ บรรยากาศการให้สัมภาษณ์เป็นไปอย่างสนุกสนานครับ เพราะเดฟจะชอบตอบคำถามแบบกวนๆขี้เล่น หาสาระของคำตอบไม่ค่อยได้ ก็จะมีแม็กซ์ที่จะดูตอบได้โอเคหน่อย ส่วนพี่โจเหรอครับ ทำหน้ายิ้มๆใส่แต่ไม่ตอบ ผมนี่อยากจะถามพวกเขาทั้งสามคนซะเหลือเกินว่ามีใครในวงที่เป็นปกติบ้างไหมฮะ

     จนกระทั่งพวกเขาให้สัมภาษณ์กันเสร็จก็ได้ไปเตรียมตัวรออยู่ที่ห้องพักกัน เพราะในอีกครึ่งชั่วโมงข้างนี้พวกเขาต้องขึ้นไปบนเวทีกันแล้ว

“น้องโยต์”

หมับ

   ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทันตั้งตัวดี พี่โจพาวก็เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็วทันที รสจูบของพี่โจนั้นมีทีท่าว่าจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพี่โจพาวก็ถอนจูบออกไป แล้วพี่โจก็ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอครับ หันมาขยิบตาพร้อมกับยิ้มมุมปากตามสไตล์เจ้าตัวแล้วก็เดินออกจากห้องพักไป

   ถึงเวลาที่คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นแล้วล่ะครับ ส่วนผมก็มานั่งตรงที่ทางทีมงานเขาจัดไว้ให้ครอบครัวของพี่แต่ละคน ผมเจอครอบครัวของเดฟและแม็กซ์ ส่วนพ่อกับแม่พี่โจพาวนั้นท่านบอกว่าจะรอดูอยู่ที่โรงแรมก็แล้ว ท่านมีเรื่องคุยกันเยอะน่ะครับ ไหนๆพวกเขาก็รวมตัวกันแล้วด้วยเลยคุยกันยาวครับงานนี้

   ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนจะมาเยอะกันมากขนาดนี้พอลองมองจากที่ตัวผมนั้นนั่งอยู่ทำให้เห็นว่าบนอัฒจันทร์นั้นเต็มไปด้วยผู้คน บางกลุ่มก็มากันเป็นครอบครัวฮะ ส่วนพื้นข้างล่างสนามนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนอีกมากมายเช่นกัน

     ทุกคนต่างสนุกไปกับเสียงเพลงที่พวกเขาทั้งสามนั้นแสดงออกมา เสียงร้องคลอไปกับเสียงเดฟนี่ดังมากจริงๆครับ ผมยังไม่เห็นเซอร์ไพรส์ของพวกเขาทั้งสามเลย ที่เล่นกันวันนี้นั้นมันก็เหมือนปกติตามเวลาที่พวกเขาไปทัวร์กัน

“มาถึงท่อนสุดท้ายของเพลงสุดท้ายแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันร้องดังๆด้วยนะครับ” แล้วทุกคนต่างก็พากันร้องท่อนสุดท้ายไปจนจบเพลงและก็มีสายรุ้งพุ่งกระจายออกมาเต็มไปหมด

“ขอบคุณทุกคนนะครับที่มาคอนเสิร์ตของพวกเราในครั้งนี้ ขอบคุณสำหรับการให้กำลังใจมากันตลอดระยะเวลาที่ผ่าน ขอบคุณจริงๆครับ” เป็นเดฟที่พูดกล่าวขอบคุณแฟนเพลงที่มากันในครั้งนี้และแสงไฟบนเวทีก็ปิดลง

     แล้วบรรดาแฟนเพลงที่อยู่ข้างล่างสนามหรือบนอัฒจันทร์นั้นต่างก็พากันทยอยออกจากที่สนามแห่งนี้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลุกออกไปกันดีนั้น แสงสว่างบนเวทีก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสามคนมายืนกันอยู่ตรงข้างหน้าเวที

“ทุกคนครับ” เสียงพี่โจพาวเอ่ยเรียกทุกคนออกมาผ่านไมค์และกล้องก็ได้แพลนเข้าไปหาพี่โจพาว โดยที่มีทั้งเดฟและแม็กซ์ยืนประกบข้างอยู่นั้น

“ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกทุกคนให้ทราบ หลังจากที่จบการแสดงในวันนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านสิบกว่าปีนี้ พวกเราได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตกันรอบโลก ได้มีแฟนเพลงที่น่ารักและคอยให้กำลังใจพวกเราและติดตามตลอดมา ผมอยากจะขอบคุณทุกคนจากใจจริงๆ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้พูดออกสื่อหรือให้สัมภาษณ์สักเท่าไหร่ แต่มาตอนนี้ขอให้ผมมีโอกาสพูดหน่อยก็แล้วกันนะครับ ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆ” บรรดาแฟนๆต่างพากันหัวเราะไปกับคำพูดนั้นของพี่โจ ก็จริงครับที่พี่โจจะไม่ค่อยให้สัมภาษณ์หรือพูดออกสื่อเยอะ แต่พี่โจจะเน้นการกระทำที่คอยดูแลแฟนคลับให้เห็นกันซะมากกว่า

“ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่า พวกเราจะยุติการเป็นศิลปินกันตั้งแต่หลังจบการแสดงคืนนี้เป็นต้นไป”

     เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีที่พี่โจพูดจบบางคนร้องไห้ไปแล้วครับ ทุกคนในที่นี้ต่างตกใจและช็อคไปกับคำพูดของพี่โจ ซึ่งมันก็รวมไปถึงตัวของผมในขณะนี้ด้วยเหมือนกัน

“พวกเราคุยกันมาตั้งแต่เริ่มทำวงกันแล้วว่าเราจะออกอัลบั้มกันแค่ 5 อัลบั้มเท่านั้นและหลังจากจบการแสดงรอบสุดท้ายของการทัวร์ในอัลบั้มที่ 5 พวกเราต่างจะแยกย้ายกันกลับไปสานต่อธุรกิจของที่บ้าน พวกเราต้องขอโทษแฟนเพลงทุกๆคนด้วยนะครับ เรื่องที่ผมจะพูดก็มีเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ” แล้วพวกเขาทั้งสามคนต่างก็พากันเดินกลับไปที่หลังเวที

     แต่ตอนนี้สิครับ ทุกคนจากที่จะเดินกันกลับต่างก็พากันพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ และตอนนี้ก็คงเป็นข่าวดังช็อคโลกไปแล้ว เพราะการแสดงในครั้งนี้พี่โจบอกว่าได้มีการทำไลฟ์สตรีมให้ทุกคนที่ไม่ได้มีโอกาสมาที่นี่ให้ได้ดูกัน ข้อความของผมสั่นขึ้นระรัวเลยล่ะครับตอนนี้

     ผมรีบเดินออกมาจากตรงที่นั่งเพื่อจะไปถามพี่โจพาวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่น่ะเหรอเซอร์ไพรส์ที่บอกกับผม ระหว่างทางที่เดินออกมาผมเห็นแฟนคลับบางคนพากันยืนกอดคอร้องไห้กับเรื่องที่เกิด ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดี ในฐานะที่ผมคนนึงก็เป็นแฟนคลับของวงพี่เขามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ทำให้พวกพี่เขาตัดสินใจกันแบบนี้

 “พวกพี่เล่นอะไรกันฮะ ทำไมถึงได้พูดกันออกไปอย่างนั้นกันฮะ” ผมถามพวกเขาทันทีที่เจอหน้า

“พวกเราไม่ได้เล่นกันจริงๆครับน้องเปอร์”

“พวกพี่ก็ไม่ได้อยากทำให้แฟนเพลงเสียใจนะ แต่พวกเราตกลงกันมาอย่างนี้ตั้งแต่เซ็นสัญญาแล้ว พวกพี่ต้องกลับไปทำธุรกิจของที่บ้าน เพราะเคยบอกพวกท่านไปแล้วว่าจะขอทำเพลงก่อนที่จะกลับมาช่วยดูแลน่ะน้องเปอร์” แม็กซ์อธิบายเหตุผลต่างๆมาให้ผมได้เข้าใจแต่ไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆผมในตอนนี้สิครับมันน่านักไหมล่ะ ไม่มีการบอกให้เตรียมใจก่อนเลยสักนิด

“ไม่ต้องมามองหน้าพี่อย่างนั้นเลยครับ ความจริงพี่จะบอกน้องโยต์ตั้งแต่ตอนงานแต่งคูเปอร์แล้ว แต่ไอ้สองตัวนี้น่ะสิมันห้ามไม่ให้พี่บอกเราน่ะ ไม่เชื่อก็ไปถามพวกมันได้เลย”

“จริงๆน้องเปอร์ พี่คิดว่าน้องเปอร์ก็เป็นแฟนคลับวงพวกพี่คนนึงใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นน้องก็น่าจะรู้ไปพร้อมๆกับแฟนคลับคนอื่นไปเลยจะดีกว่า พี่ได้แกล้งนะจริงๆ” เห็นสีหน้าของเดฟตอนบอกผมมานั้นไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะครับ

“อีกอย่างพี่ก็อยากมีเวลาอยู่กับน้องโยต์มากขึ้นด้วยแค่นั้นเอง”

“พวกพี่คิดกันง่ายมากเลยนะฮะ แล้วความรู้สึกของแฟนๆล่ะ”

“พี่ก็ไม่ได้กะจะทิ้งไปเลยซะทีเดียว ที่คิดกันเอาไว้ว่าจะออกเพลงละปี ประมาณนี้ หรืออยากจะออกตอนไหนก็ได้โตแล้ว ไม่ว่ากันเนอะ”

“พี่โจ!!!” ตุ้บ “พวกพี่มีใครปกติกันบ้างไหมครับ”

“ฮ่าๆๆ พึ่งเคยเห็นน้องเปอร์โมโหครั้งแรกเลยนะเนี่ย”

“ผมจะพูดในฐานะที่ผมเป็นแฟนคลับพวกพี่คนนึงนะครับ ผมช็อคมากกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พวกพี่ยังจะพูดเล่นกันอีก ผมเสียใจนะเพลงของพวกพี่ทำให้ผมกลับมาเป็นผมอย่างทุกวันนี้ได้ ถ้าผมไม่ได้ฟังตอนนั้นผมกูไม่รู้จะเป็นยังไงเลย เพลงของพี่เป็นแรงใจให้กับผมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเลยนะครับ แต่ผมก็เข้าใจเหตุผลพี่แล้วล่ะ เพราะงั้นกลับมาทำเพลงบ้างนะครับ” ผมได้บอกความรู้สึกที่มีนั้นออกไปกับพวกพี่เขา

“พวกพี่ขอโทษนะน้องเปอร์และก็ขอบคุณที่ติดตามพวกเรามาตลอด”

“แต่น้องโยต์ก็อยู่กับคนแต่งเพลงแล้วนี่ครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ฟัง แค่น้องโยต์เอ่ยมาก็คงจะรีบทำเพลงให้แล้วล่ะพี่ว่า ฮ่าๆๆ” ผมหันไปมองพี่โจพาวอย่างเขินๆหลังจากที่เดฟพูดจบ ผมทราบมาตลอดแหละครับว่าพี่โจพาวเป้นคนแต่งเพลงเองเป็นหลักของในแต่ละอัลบั้มน่ะ”

“งั้นเราแยกย้ายกันกลับได้ละ พรุ่งนี้พวกมึงก็เตรียมรับหน้ากับนักข่าวก็แล้วกัน”

“มึงจะทิ้งพวกกูเหรอโจ”

“เปล่าก็กูพูดไปให้แล้วไงบนเวทีแทนพวกมึงน่ะ เป็นนักร้องแทนที่จะพูดนะมึงน่ะ”

“เออๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง งั้นแยกๆไป”   

“เดฟ มึงไปส่งกูด้วย เพราะรถไอ้โจมันเต็มแล้ว”

“ไว้เจอกันนะน้องเปอร์”

“ไว้เจอกันฮะ”
   
“น้องโยต์”

     หมับ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรทั้งนั้นพี่โจก็เขามาจูบผมทันที่โดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกเราจะจูบกันบ่อยเกินไปแล้วนะครับช่วงนี้ตั้งแต่เจอกันอีกครั้งเนี่ย

“อี้โอ อออ่อนอ๊ะ” ผมได้แต่พูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอเพราะพี่โจนั้นไม่ยอมถอนจูบออกมาสักที

“อี้โอ ออไอ้แอ้ว”

“อี้โอ” ผมเริ่มรู้สึกเหมือนกับขาดอากาศหายใจ มือก็เริ่มทุบพี่โจขึ้นมาทันที

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ   

“โอ๊ยยย น้องโยต์ทุบพี่ทำไมเนี่ย”

“น้องโยต์หายใจไม่ออกแล้วฮะ”

“โอเคๆ ต่อไปพี่จะเว้นให้น้องโยต์ได้หายใจบ้างก็แล้วกันนะครับ”

“พี่โจ”

ตุ้บ

“เดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็ทุบนะเรา”

“แหะๆ ขอโทษฮะ พอดีลืมตัวไปหน่อยนึง”   

“ไม่นิดแล้วมั้งอย่างนี้ งั้นเราก็ไปกันครับ ไปฟังพ่อพี่บ่นกัน ฮ่าๆๆ”   

“ฮะ เพราะพี่โจนั่นแหละ ทำไรไม่บอกกันเลย”

“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ผมนี่อยากจะทุบพี่โจหนักๆสักทีจริงๆเลยครับ

“ฮะ”

“น้องโยต์ ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“ลืมอะไรฮะ ไม่น่าจะลืมไรนะพี่โจ”

“มือน่ะมือ ยื่นมาซะดีๆครับ”

“อะนี่ฮะ” ผมยื่นมือไปให้พี่โจจับมือก่อนที่เราจะเดินกันออกมาที่รถ โชคดีครับที่ตรงนี้เป็นที่จอดรถวีไอพี เลยทำให้ไม่มีแฟนคลับของพี่โจพาวยืนอยู่กัน ไม่งั้นคงได้เกิดเรื่องขึ้นอีกแน่ๆ

     และด้วยความต่างที่ไม่มีใครทราบเรื่องที่พวกพี่โจนั้นจะประกาศยุติการเป็นศิลปินมาก่อนนั้น เลยทำให้บรรดาพ่อและแม่พี่โจต่างก็รอพี่โจกลับมาเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกท่านรู้เรื่อง

“ไงเรา ไม่มีการบอกพ่อกับแม่ก่อนเลยนะตาโจ” พ่อพี่โจเอ่ยทักขึ้นมาเมื่อเรากลับมาถึงโรงแรมกันแล้ว

“เซอร์ไพรส์ไง่ล่ะพ่อ”

“แกนี่มันโจเซฟ พาวจริงๆเลย”

“พ่อน่าจะดีใจนะ ที่ต่อไปนี้จะมีเวลาว่างมากขึ้นแล้วนี่ไง”

“เออๆ แล้วจะต้องทำยังไงต่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นล่ะ”

“ก็รอวันแถลงข่าวทีเดียวเลยล่ะครับ แต่พรุ่งนี้มีไอ้เดฟกับไอ้แม็กซ์รับหน้านักข่าวไปก่อน”

“แล้วเราไม่ต้องไปด้วยหรือยังไง”

“ไม่ครับ พอดีมีนัดกับน้องโยต์” ใช่ครับพี่โจบอกกับผมมาตั้งแต่อยุ่ในรถแล้วว่าพรุ่งนี้พี่โจพาวจะพาผมไปยังสถานที่ที่นึงน่ะครับ

“อากุน อาหลินครับผมคงต้องขออนุญาตอาพาน้องเป้อไปนะครับ และฝากอาดูเด็กๆแทนก่อนด้วยนะครับ พี่ฝากดูเด็กๆด้วยนะ”

“ได้เลยพี่โจ”

“ได้จ๊ะตาโจ ว่าแต่เราจะพาน้องไปกันที่ไหน แล้วจะเจอนักข่าวกันไหมลูก”

“นั่นน่ะสิตาโจ พ่อว่าเลื่อนไปดีไหม”

“ไม่รู้ว่าจะเจอนักข่าวไหม รู้แต่ว่าพ่อช่วยรับหน้าแทนให้ด้วยก็แล้วกันนะครับ”
   
   พี่โจก็คอยตอบคำถามคุณพ่อกับคุณแม่ที่ท่านสงสัยว่าทำไมถึงได้ประกาศกันอย่างกะทันหันกันแบบนี้ ส่วนพี่โจก็อธิบายให้พวกท่านเข้าใจตามอย่างที่ผมได้ฟังมาแล้ว จนหม่าม้านั้นแซวผมเลยว่าต่อไปทีนี้น้องโยต์จะไปตามคอนเสิร์ตยังไงกันล่ะ

   ผมคิดว่าก็จะมีแต่เฮียแมส คูปป์ ไอ้ตรองและเฮียจาร์คนั่นแหละครับที่น่าจะดีใจกันเป็นพิเศษ เพราะต่อไปจะไม่โดนผมลากไปดูคอนเสิร์ตแล้วด้วยไงล่ะ

   หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปนอนครับ ผมรีบขึ้นมาดูเจ้าแฝดที่ตอนนี้พี่ไข่ตุ๋นรับหน้าที่ดูให้ก่อนกับเฮียแมส ส่วนคนต้นเรื่องของเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็งอแงครับ ย้ำว่างอแงจริงๆจะตามผมมานอนห้องเดียวกันกับที่เจ้าแฝดนอนอยู่ให้ได้ โดยการอ้างเหตุผลว่าอยากดูคนนอนขี้เซาอย่างผมนั้นตื่นขึ้นมาดูหลานกลางดึก หึหึ

เช้าวันต่อมา

   ก็เป็นไปตามที่เราคิดกันไว้แหละครับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นกำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลและหลากหลายช่องทางที่มีการนำเสนอข่าว ก็พูดถึงกันแต่เรื่องที่พี่โจพูดประกาศยุติการเป็นศิลปินแต่จะก้าวเข้ามาสู่ในโลกของนักธุรกิจกันแทน

   และการที่ประกาศออกไปอย่างนี้นั้นมันมีผลกระทบต่อบริษัทไหม พี่โจพาวบอกว่ามันก็มีแต่ว่ามันเป็นช่วงที่พี่หมดสัญญาแล้วด้วยพอดี จึงไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่แต่อาจจะมีหุ้นตกอยู่บ้างในช่วงแรกๆ

   ตอนนี้พี่โจพาวก็ได้ทำการล็อคเอ้าท์แอพนกสีฟ้าไปแล้วล่ะครับ เพราะบรรดาแฟนคลับที่กระหน่ำแท็กแอคเค้าท์หลักนั้นมีเข้ามารัวๆจนโทรศัพท์พี่โจพาวนั้นค้างไปหลายรอบเลย บรรดาแฟนคลับตอนนี้ต่างก็พากันตั้งข้อสงสัยกันมากขึ้น เริ่มจับนู่นนี่นั่นมาเชื่อมโยงกันแล้วล่ะครับ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จนบางคนถึงกับโพสว่าสาเหตุอาจจะมาจากการที่พวกพี่โจพาวทะเลาะกันก็เป็นไปได้

   ถ้าทุกคนได้มารับรู้ความจริงของเรื่องนี้แล้วทุกคนจะคิดอย่างผมตอนนี้ก็ได้ “เอาที่ทุกคนสบายใจเลยครับ” และถ้าไม่ใช่วงของพี่โจพาวก็ทำกันไม่ได้ด้วย คือพวกเขาไม่สนอะไรเลยจริงๆครับ เพราะถือว่าได้มีการคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังดีครับที่คิดจะจัดแถลงข่าวด้วยตัวของพวกเขาเอง ในตอนแรกพี่โจบอกว่าเดฟนั้นจะให้พี่โจแค่บนเวทีแค่นั้นด้วยซ้ำ ผมถึงบอกไงครับว่าวงนี้มันมีใครปกติกันบ้าง

“พี่โจฮะเราจะไปไหนกันฮะ ถึงให้น้องโยต์เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยเนี่ย” กว่าเราจะออกจากที่โรงแรมมาก็บ่ายสามแล้วครับ เพราะมีนักข่าวมาดักรอที่โรงแรมของพี่ดจกันเต็มเลยกว่าจะหาทางออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเลยทีเดียว

“ที่ที่น้องโยต์อยากไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วแต่ว่าพี่ติดธุระพอดีเลยต้องกลับกันก่อนไง”

“จริงเหรอฮะ” ในที่สุดผมก็ได้ไปที่นั่นสักทีทะเลสาบเกลนดาเลาช์หลังจากที่พลาดเมื่อครั้งที่แล้วผมถามพี่โจพาวอย่างดีใจ

“ครับ แล้วทำไมถึงอยากจะไปที่นั่นมากล่ะครับ”

“น้องโยต์เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของใครคนนึงน่ะฮะ ว่าเขามักจะชอบมาที่นี่นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือบางทีก็จะมาดูพระอาทิตย์ตกดิน น้องโยต์ก็เลยอยากไปดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าที่สถานที่นี้มันจะสวยขนาดไหนกัน ถึงทำให้คนที่ไม่ค่อยมีเวลาอย่างเขาถึงได้มาที่นี่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง”

“มันเป็นใครกันครับ ถึงได้ทำให้อยากไปดูขนาดนั้น” พี่โจหันควับมาถามผมทันทีด้วยน้ำเสียงขึงขัง

“ความลับฮะ”

“บอกพี่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ นอกจากพี่แล้วน้องโยต์ยังจะติดตามคนอื่นอีกหรือไงในดับลินเนี่ย”

“ก็ชอบอยู่นะครับ เพลงเขาเพราะอยู่หลายเพลงเลย อ่อหลายวงด้วย แต่น้องโยต์อ่านบทสัมภาษณ์นี้นานหลายปีแล้วนะครับ”

“จะบอกดีๆไหมครับว่าเป็นใคร” น้ำเสียงพี่โจยังขึงขังอยู่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเริ่มทำหน้าดุๆคิ้วขมวดกันเป็นโบว์อีกแล้ว

“อะ อะ น้องโยต์ใบให้ก็ได้ แต่ถ้าพูดไปนี่พี่โจรู้ทันทีเลยนะว่าใคร”

“สรุปแล้วใครกันล่ะ บอกพี่สักทีเถอะ”

“เป็นวงที่ประกาศยุติการเป็นศิลปินเมื่อคืนนี้เอง ทีนี้รู้ยังว่ามันเป็นใคร”

“น้องโยต์”

“ทีนี้มาเสียงอ่อนเลยนะ ไม่ขึงขังแล้วหรือไงฮะ แล้วจำบทสัมภษณ์ที่ตัวเองเคยไปสัมภาษณ์ไว้ไม่ได้หรือไงฮะ แต่อย่างว่าแหละเนอะ ก็พี่โจพาวของทุกคนนนั้นเริ่มแก่ขึ้นแล้วอะไรๆที่เคยพูดไว้ก็มีลืมบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ฮ่าๆๆ” ผมอดที่จะกัดพี่โจด้วยคำพูดไม่ได้ ทั้งๆที่เจ้าตัวก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมตามใครบ้าง

“แล้วอยากเจอคนแก่จัดการไหมล่ะครับ”

“ไม่ดีกว่าฮะ พี่โจตั้งใจขับรถไปสิฮะจะมามองหน้าน้องโยต์ทำไมล่ะเนี่ย”

“น้องโยต์”

“ฮะ”

“พี่คันตรงนี้มาช่วยดูให้พี่หน่อยได้ไหม เหมือนโดนอะไรกัด” พี่โจชี้ให้ผมดูตรงที่เจ้าตัวคัน

“ฮะ” ผมชะโงกหน้าเขาไปดูใกล้ๆแต่ก้ไม่เห็นมีรอยแดงหรือตุ่มขึ้นมาเลยสักนิด

“ไม่เห็นมีรอยแดงหรือตุ่มขึ้นเลยนี่ฮะ”

“น้องโยต์ก็ขยับเข้ามาดูใกล้ๆสิครับเนี่ยๆ” พี่โจก็ยังคงชี้ให้ดูที่เดิม ซึ่งผมว่าก็ดูดีแล้วนะครับว่ามันไม่มี

“ไม่เห็นมีเลยฮะ”

“นี่ไงครับ จุ๊บ”

“พี่โจจจ ฉวยโอกาสอีกแล้วนะฮะ เดี๋ยวก็เจอโดนทุบเอานะฮะแกล้งกันแบบนี้ และก็ตั้งใจขับรถดีๆเลยห้ามเล่นบนรถ เข้าใจไหมฮะที่น้องโยต์พูดเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ โหดนะเราเนี่ย”

“พี่โจจจจ”

“โอเคๆ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ”

     กว่าเราจะมาถึงที่ทะเลสาบกันก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วล่ะครับ แต่ช่วงนี้เป้นช่วงซัมเมอร์พอดี พระอาทิตย์ก็เลยจะตกดินช้ากว่าปกติ ผมกับพี่จาพาวก็พากันเดินเก็บภาพบรรยากาศไปรอบๆ

     จนกระทั่งเราเดินกันมาถึงบริเวณหน้าทะเลาสาบที่มีภูเขาล้อมรอบอยู่ทั้งสองข้างเอาไว พี่โจบอกว่าที่ดับลินจะมีอยู่เพจๆนึงที่เขามักจะมาถ่ายรูปที่ทะเลาสาบแห่งนี้ทุกวันและเวลาเดิมๆเหมือนทุกวัน

“น้องโยต์ครับ”

“ฮะ” จากที่ผมกำลังยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์เป็นอันทำให้ผมต้องหยุดชะงักไปนั้น

“จำที่พี่บอกให้น้องโยต์รอได้ไหมและตอนนั้นที่พี่มาเคลียร์ปัญหากับน้องโยต์ แต่พี่ยังพูดไม่จบเลยตอนนั้นที่พี่บอกไปว่าพี่ก็รู้สึกดีและรู้สึกเดียวกันกับน้องโยต์แต่ว่ามันมากกว่านั้น”

“จำได้ฮะ”

“พี่อยากจะบอกกับน้องโยต์ว่าพี่รักน้องโยต์นะครับ น้องโยต์คบกับพี่ได้ไหม”

“พี่โจ...” ผมเรียกพี่โจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นมากับสิ่งที่ได้ยินจากปากของพี่โจในตอนนี้

“พี่พูดความจริง พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ความรู้สึกที่อยากจะครอบครอง อยากดูแล และอยากให้น้องโยต์เป็นของพี่คนเดียวนั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน จากตอนแรกที่พี่ทำไปก็เพราะชาร์ปมาขอร้องในตอนนั้นและด้วยเพราะความสงสาร แล้วมันก็ได้แปรเปลี่ยนความรู้สึกของพี่ไปแล้วในตอนนี้พี่อยากจะดูแลเราด้วยความรู้สึกของพี่เองไม่ใช่ตามคำขอของชาร์ป น้องโยต์จะให้โอกาสอดีตมือกลองวงร็อคคนนี้ได้ไหมครับ”

“ขอบคุณนะฮะ ที่พูดมันออกมาสักที ฮืออ ฮืออ เพราะการกระทำของพี่โจที่ผ่านมานั่นแหละฮะที่ทำให้ผมมาบังเอิญตกหลุมรักมือกลองคนนี้เหมือนกัน ผมก็ไม่สามารถบอกพี่โจได้เหมือนกันว่าจากการที่ผมชื่นชอบในเพลงของพี่โจในตอนแรกนั้น เปลี่ยนมาทำให้ผมเริ่มรู้สึกรักมือกลองคนนี้ ทุกวันที่ผมเฝ้าติดตามมีคำถามเกิดขึ้นอยู่ในใจผมตลอดเวลา ผมจะมีโอกาสนั้นไหม โอกาสที่มือกลองชื่อดังอย่างโจเซฟ พาวจะมารักและอีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายด้วย คนที่ไม่เคยมีข่าวเสียๆหายๆเลยอย่างพี่จะชอบแบบที่ผมเป็นหรือเปล่า ผมกังวลอยู่ในใจตลอดเวลา ถึงแม้จะรู้ว่าความรักนั้นมันไม่ได้มีการแบ่งแยกเรื่องเพศ แต่ผมไม่รู้เลยว่าพี่รสนิยมแบบไหนไง และผมก็ไม่รู้เลยว่าพี่ก็มีความรู้สึกเดียวกันกับผมจนที่เราได้มาเจอหน้ากันอีกครั้ง”

“น้องโยต์พี่ขอโทษที่ปล่อยให้เวลามันผ่านมานานขนาดนี้นะครับ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งสิ้นแล้วเนอะ”

“ฮะ”

“เพราะมืองกลองคนนี้ก็บังเอิญตกหลุมรักแฟนคลับตัวน้อยคนนี้เหมือนกัน โดยที่หลุมนั้นพี่ก็เป็นคนขุดมันเองกับมือ”

“ขอบคุณพี่โจนะฮะที่เป็นคนคนนั้น เป็นคนที่พี่ชาร์ปเคยบอกว่าน้องโยต์จะได้เจอกับเขาคนนั้นอีกครั้งนึง”

“พี่อยากบอกว่าในตอนนี้พี่รักน้องโยต์ ไม่ต่างจากที่ชาร์ปรักน้องโยต์เลยสักนิด”

“น้องโยต์ก็รักพี่โจเหมือนกันฮะ”

“น้องโยต์เปลี่ยนจากแฟนคลับมาเป็นแฟนครับ นะครับ นะ”

“ตกลงฮะ”

     ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญ พรหมลิขิต หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล จนได้มาพบกับเขาคนนั้น คนที่เข้ามาเปิดหัวใจของผมอีกครั้งนึง คนที่มาเปลี่ยนสถานนะให้ผมจากแฟนคลับในวันนั้นที่ตามเขาคนนั้นไปทุกๆที่ที่มีการจัดคอนเสิร์ต คนที่สร้างเรื่องบังเอิญอย่างพี่โจพาวถึงแม้จะมีความบังเอิญจริงๆอยู่ในนั้นเปลี่ยนมาให้ผมได้มาเป็นแฟนครับในวันนี้
    ขอบคุณทุกความบังเอิญที่เข้ามาในชีวิตของผม
    ขอบคุณทุกความตั้งใจบังเอิญของพี่โจ
        ขอบคุณรักนี้ที่ดับลิน

จบบริบูรณ์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด