ใบหน้าน่ารักหันข้างมองไปยังทิวทัศน์ข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ มือเล็กเกาะขอบหน้าต่างแน่นเหมือนกลัวแต่ก็ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้า
“แก้วตาเมาหัวหรือเปล่า?” เพราะว่าอีกฝ่ายเพิ่งเคยนั่งรถไฟครั้งแรก คุณพระนายเลยอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมารถไฟจนหมดสนุก
“ไม่ขอรับ” เด็กหนุ่มหันมาตอบก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คนตัวเล็กที่วันนี้แต่งตัวคล้ายคลึงกับชายหนุ่มด้านข้างดูแปลกตาไปจากเดิมด้วยเสื้อมีปกสีอ่อนกับกางเกงเนื้อนิ่มสีเข้มและรองเท้าสาน มือเล็กมีหมวกสวมตามนิยมอีกหนึ่งใบที่คุณพระนายเลือกซื้อให้ก่อนขึ้นรถไฟ
“อะแฮ่ม!” คนฝั่งตรงข้ามส่งเสียงกระแอมไอแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครรับรู้เขาเลยได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้า ถอนหายใจแล้วก็นั่งอยู่ในมุมเงียบๆของตัวเองต่อไป
แสนมองหน้าคุณพระนายสลับกับคนตัวเล็กแล้วก็ให้อดน้อยใจคนเป็นนายไม่ได้ว่าจะชวนเขามาด้วยทำไมถ้าคิดจะมากับคุณแก้วแค่สองต่อสอง ดูเอาเถอะ ดูสายตาของคุณใหญ่ของเขาซิ นี่ถ้ากลืนคุณแก้วเข้าไปทั้งตัวได้คงกลืนเข้าไปแล้วกระมัง
“ประเดี๋ยวก่อนแก้วตา ไปไหว้พระก่อน” แขนเรียวถูกคนด้านหลังรั้งเอาไว้ก่อนจะทันได้วิ่ง หลังจากลงรถไฟแล้ว คุณพระนายก็พานั่งเรือต่อ พอขึ้นท่าได้เท่านั้นแหละคนที่บอกว่าไม่อยากมาก็ออกวิ่งจะเที่ยวคนแรกให้คนพามาต้องส่ายหัวเอ็นดู
“อ๊ะ กระผมลืมเลยขอรับ” เด็กหนุ่มเอียงคอแลบลิ้นเมื่อโดนเตือนให้คุณพระนายหัวเราะ
“ไหนตอนแรกคุณแก้วว่าไม่อยากมาไงล่ะขอรับ ออกวิ่งคนแรกเลยนะ”
“นายแสน!” คนตัวเล็กที่โดนจี้จุดถึงกับเท้าสะเอวตาเขียว ไม่หาเรื่องแกล้งเขาสักวันจะตายหรืออย่างไร!
“โธ่เอ้ยๆ ไม่พูดกับเด็กอย่างคุณแก้วแล้ว ไปไหว้พระดีกว่า” แสนแกล้งก้มลงมองคนตัวเตี้ยกว่าแล้วแสยะยิ้ม
“นายแสน!” อยากจะวิ่งไปเตะคนปากดีสักทีให้หายโมโหนัก คุณพระนายรั้งแขนเล็กไว้ไม่ปล่อยด้วยรู้ว่าหากเขาปล่อยมือเมื่อใดเห็นทีเจ้าแสนคงได้เจ็บตัวเป็นแน่ ชายหนุ่มจับข้อมือเล็กแล้วลากไปไหว้พระด้วยกัน ทำบุญเสียก่อนจะได้บาปดีกว่า
“แก้วตาร้อนมากรึไม่ พี่จะหาร่มให้” คุณพระนายมองแก้มที่แดงเพราะแดดร้อนก็ให้สงสาร
“ไม่เป็นไรขอรับ แก้วทนได้”
“?” คุณพระนายหนุ่มเลิกคิ้วมองคนตัวเล็ก ใบหน้าน่ารักเหลียวมองดูสิ่งรอบกายอย่างสนใจใคร่รู้ เหมือนไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมา “แก้วตาว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มถามซ้ำ เขากำลังคิดว่าตัวเองหูฝาด
“ไม่เป็นไร กระผมทนได้ขอรับ” เด็กหนุ่มหันมามองร่างสูงที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตาคมคู่นั้นระริกไหวมองเขาอย่างคาดหวังบางอย่าง แล้วคนตัวเล็กจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนตอนอยู่กับมารดากับอีกฝ่ายออกไปก็ให้รู้สึกอายนัก
“ไม่เอาซิ แก้วตาพูดให้เหมือนกับประโยคก่อนหน้านั้นซิ”
“ประโยคไหนขอรับ?” เด็กหนุ่มแสร้งเลิกคิ้วไม่เข้าใจ
“ก็ประโยคที่แก้วตาแทนตัวเองด้วยชื่อน่ะ” เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบคำ หากเปลี่ยนเป็นหันหลังเดินเที่ยวต่อให้คุณพระนายห่อไหล่ลงด้วยความผิดหวัง
หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวันคุณพระนายหนุ่มก็พาแก้วตามายังเรือนพักริมน้ำซึ่งมีทุกอย่างพร้อมสรรพ เพราะเมื่อตอนกลางวันแสนมาเตรียมไว้รอท่าอยู่ก่อนแล้ว
“เรือนของใครหรือขอรับน่าอยู่จริงเชียว” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อนั่งลงตรงศาลาริมน้ำ มีแสนคอยยกข้าวปลาอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จขึ้นวาง
“ญาติของเจ้าแสนน่ะ” แสนยืดอกทำหน้าภูมิใจให้คนเอ่ยปากชมเมื่อครู่แกล้งเบะปากใส่ “จริงซิ ทานข้าวเสร็จแล้วแก้วตารีบอาบน้ำเสียพี่จะพาไปที่แห่งหนึ่ง” ชายหนุ่มเอ่ยขณะตักแกงมัสมั่นใส่จานข้าวคนตรงหน้า
“ที่ไหนขอรับ มืดค่ำแล้วยังมีที่ให้เที่ยวได้อีกหรือขอรับ?” เด็กหนุ่มมีน้ำเสียงตื่นเต้น
“มีซิ สวยมากเสียด้วย”
“ที่ไหนหรือขอรับ”
“ความลับ” คุณพระนายหนุ่มยกยิ้มกว้างเพราะเมื่อคนตรงหน้าได้ยินคำตอบของเขาก็ทำท่าไม่พอใจใส่ แก้มแดงๆพองลมจนน่าจะแกล้งไปหยิกให้ช้ำมือนัก ริมฝีปากแดงๆจิ้มลิ้มนั่นก็น่าแกล้งเสียยิ่งกว่า
แก้วตารีบอาบน้ำประแป้งตั้งแต่กินข้าวเสร็จเพราะเขาอยากจะไปที่ที่คุณพระนายบอกว่าสวยนักหนานั่น ร่างสูงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จทีหลังถึงกับชะงักเท้าที่ก้าวออกจากห้องก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นท่าทางของคนน่ารักซึ่งยืนชะเง้อคอรอเขาออกมา
“คุณพระนายเชื่องช้านัก!”
“ไม่ใช่ว่าเพราะน้องเอาน้ำขันเดียวราดตัวก็เสร็จแล้วดอกรึแก้วตา ถึงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้” ชายหนุ่มเอ่ยกระเซ้าให้คนรอหน้าเง้า
“ถ้าอย่างนั้นกระผมจะไปอาบอีกรอบก็แล้วกัน คราวนี้จะอาบให้นานถึงยามสองแล้วค่อยไป!” เด็กหนุ่มกระแทกเท้าเตรียมจะไปอาบน้ำอีกรอบจริงๆอย่างปากว่าให้ร่างสูงต้องรีบคว้าแขนเล็กเอาไว้ก่อนอีกฝ่ายจะได้ทำแบบนั้นจริงๆ
“โธ่ พี่เย้าแก้วตาเล่นเท่านั้นดอก”
“เชอะ!” เด็กหนุ่มกอดอกหันหน้าหนี
“ปะ ไปกันเถอะ เจ้าแสนเตรียมเรือไว้รอท่าแล้ว” คุณพระนายลากคนตัวเล็กที่แสร้งทำท่างอนไม่เลิกให้ไปยังท่าเรือ จัดแจงที่นั่งให้อีกฝ่ายดูปลอดภัยแล้วจึงคว้าไม้พาย
“คุณพระนายจะพายเองหรือขอรับ แล้วแสนเล่าไม่ไปด้วยหรอกรึ?” เด็กหนุ่มหันมาถาม
“แสนไม่ไปหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเอาพายมาขอรับ เดี๋ยวกระผมจะพายเอง” แก้วตาเอ่ย เขากลัวขี้กลากจะขึ้นหัวนักที่ให้ชายหนุ่มผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณพระนายมาพายเรือให้เขานั่งแบบนี้
“พี่พายได้ แก้วตานั่งดีๆเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มบางเบา เขารู้ถึงความคิดในใจของคนตรงหน้ากระนั้นก็ไม่ยอมส่งไม้พาย
“ส่งมาเถอะขอรับ ถ้าเกิดท่านลุง เอ่อ คุณหลวงรู้ว่ากระผมให้คุณพระนายมาพายเรือให้นั่งอย่างนี้กลับไปมีหวังกระผมต้องโดนตีก้นลายแน่” คนตัวเล็กพยายามยกเหตุผลมาอ้างหากชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังส่ายหัวให้
“แขนแก้วตาเล็กอย่างนั้นมีหวังก่อนจะถึงแขนคงหักก่อนพอดี”
“แต่...”
“มือของเจ้าก็เล็กเท่านี้ มันมีไว้เพื่อร่ายรำต่อหน้าพระพักตร์ไม่ใช่เอาไว้จับพายหรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม เขาเหลือบตามองแขนขาวและมือเล็กนุ่มนิ่มด้วยสายตาห่วงหวง “ให้พี่ได้ดูแลแก้วตาเถอะ” สิ้นคำพูดนั้นของร่างสูงแก้มนวลจึงขึ้นสีแดงปลั่ง แม้อากาศยามค่ำจะเย็นเพียงใดแก้วตาก็รู้สึกแค่เพียงไอร้อนบนหน้าตัวเองเท่านั้น หนำซ้ำหัวใจยังเต้นแรงด้วยความรู้สึกเป็นสุขจนอดจะยิ้มกับตัวเองไม่ได้
คุณพระนายจ้ำพายออกห่างจากเรือนไปเรื่อยๆ รอบข้างมืดสนิทมีเพียงแสงจากตะเกียงพายุซึ่งแก้วตาถือเอาไว้เท่านั้นที่ให้ความสว่าง จนมาหยุดริมตลิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่จึงเทียบเรือแล้วก้าวขึ้นฝั่ง
“แก้วตามาซิ” ชายหนุ่มยื่นมือให้คนตัวเล็กจับ เด็กหนุ่มมองฝ่ามือใหญ่แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมวางมือลงบนฝ่ามืออุ่นนั้นแต่โดยดี ร่างสูงกระชับฝ่ามือ รั้งร่างเล็กให้ขึ้นมาบนฝั่งด้วยกัน
“ที่นี่ที่ไหนขอรับ”
“ชู่ว อย่าเสียงดัง แล้วก็ดับตะเกียงเสีย” คุณพระนายหันมาบอกเสียงเบา ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้ทำแบบนั้นทำไมแต่แก้วตาก็ยอมปิดปากเงียบแล้วดับตะเกียงพายุลงจนเหลือแต่เพียงความมืดมิด หากกระนั้นมือเล็กก็ยังคงอยู่ในการเกาะกุมของอีกฝ่ายให้ใจชื้นท่ามกลางความเงียบสงัด
เวลาผ่านไปนานจนเด็กหนุ่มเริ่มจะคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะแกล้งเขาหรือเปล่า กำลังจะอ้าปากโวยวายก็ต้องหุบฉับเมื่อมีบางอย่างลอยมาตรงหน้าของเขา
“!” แสงน้อยๆกระพริบวิบวับ ดับสว่างบินวนอยู่รอบกาย จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง จากสองเพิ่มเป็นสิบและนับสิบขึ้นไป เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ด้านหน้าด้านหลังแล้วก็แทบอุทาน หิ่งห้อย!
“สวยไหม?” เสียงทุ้มกระซิบถามริมหู แก้วตาพยักหน้ารับรัวเร็วมือเล็กเผลอกระชับมืออีกฝ่ายแน่นด้วยความตื่นเต้น เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขาเหลียวมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ บนต้นไม้ยิ่งมากกว่าที่บินอยู่เสียอีก!
“สวยจังเลยขอรับ!” เด็กหนุ่มกระซิบบอก เขาหันมามองใบหน้าคมคายซึ่งบัดนี้มีความมืดบดบังอยู่หากแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าร่างสูงตรงหน้านั้นมองแต่เขาหาใช่เจ้าหิ่งห้อยนับร้อยไม่
“ใช่ สวยมากและพี่ก็อยากจะให้แก้วตาได้มาเห็น”
“...ขอบคุณขอรับ” หิ่งห้อยตัวน้อยบางตัวบินเกาะบนไหล่เล็กส่งแสงสว่างวาบให้ใบหน้าเนียนกระจ่างเพียงครู่แล้วดับลง หลายตัวบินวนผ่านไปมา คุณพระนายปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าจนหนำใจก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“แก้วตาชอบไหม?”
“ชอบขอรับ ชอบมากๆเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอรางวัลจากเจ้าสักอย่างจะได้หรือไม่?”
“รางวัล? กระผมไม่มีสิ่งใด...”
“พี่ขอแค่เจ้าแทนตัวเอง ว่าแก้วตากับพี่ แล้วก็เรียกพี่ว่าพี่ใหญ่ได้หรือไม่?” เขาก้มลงถามคนที่ก้มหน้าเงียบ “ช่างเถอะ พี่ไม่ได้จะบังคับ...”
“แก้วขอบคุณคุณใหญ่นะขอรับที่พาแก้วมาที่นี่ มันสวยมากๆเลย”
“!” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง แล้วใบหน้าหล่อเหลาจึงประดับรอยยิ้มงาม เขาคว้ามือเล็กที่ว่างอีกข้างมากุมไว้ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้าหา
“คุณใหญ่?”
“พี่ดีใจนักแก้วตา พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ที่ได้ยืนอยู่ข้างๆน้องแบบนี้”
“อืม”
“พี่รักเจ้า แก้วตาพี่”
ถ้อยคำบอกรักแสนหวานพาให้หัวใจหวั่นสั่นไหว ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นสบดวงตาหวานซึ้งก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่อใบหน้าคมสันโน้มลงมา ปลายจมูกโด่งแตะหน้าผากเกลี้ยงเกลา กดจูบฝากรอยด้วยความรัก เลื่อนไล้ลงตามสันจมูกมนแผ่วเบา มือแกร่งละปล่อยมือเล็กยกขึ้นเชยคางมนให้เงยขึ้นรับจูบ
ริมฝีปากค่อยแตะละเล็มแผ่วเบา อ่อนโยนดุจสายลมอ่อน ริมฝีปากอิ่มกดย้ำคล้ายขออนุญาตให้คนโดนขอใจสั่นยินยอมให้เรียวลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามากระหวัดเกี่ยว คราแรกเมื่อสัมผัสเด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจอยากผละหนีหากมือแกร่งที่เชยคางเอาไว้ไม่ยอมให้หันห่าง คุณพระนายกระตุ้นจูบอ่อนโยนอีกครั้ง รั้งเรียวลิ้นเล็กให้จูบตอบเขาอย่างไม่ประสี ครั้นเมื่อยามเด็กหนุ่มพยายามตอบโต้อย่างที่ร่างสูงต้องการยิ่งทำให้ชายหนุ่มหัวใจพองโต ร่างสูงกดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระหวัดเกี่ยวรั้งนำพาให้แทบเข่าอ่อน
คุณพระนายปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระเปลี่ยนมากอดรั้งเอวบางรั้งให้กายแนบชิด พยุงคนอ่อนแรงเอาไว้ในอ้อมแขน ค่อยละริมฝีปากออกก่อนที่คนตัวเล็กจะหายใจไม่ทัน มือขาวเกาะดึงชายเสื้อเขาเอาไว้แน่น ริมฝีปากสีชาดบวมเจ่อ ดวงตาคู่สวยหรุบต่ำไม่พ้นอกเสื้อของร่างสูง ลมหายใจหอบกระชั้นพาให้คุณพระนายหนุ่มนึกสงสารหากแต่ความเย้ายวนของริมฝีปากคู่นั้นยังดึงดูดใจอยู่ไม่คลายจนต้องเชยคางของร่างเล็กในอ้อมแขนขึ้นอีกครั้ง
“คุณใหญ่ อื้อ!”
เพราะไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กซึ่งหายใจแทบไม่ทันอยู่ก่อนแล้วอยากจะทุบคนขี้แกล้งให้กระอักนักหากแต่เพราะจูบอ่อนโยนนั้นแสนจะเรียกร้องก็ทำให้สติแทบหยุดลง ยินยอมให้ร่างสูงตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากของเขาอย่างไม่รู้หน่าย
แก้วตาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ถูกอีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้แน่น คุณพระนายพายเรือกลับมาที่เรือนด้วยความรู้สึกแบบใดแก้วตาไม่อาจรู้แต่ในอกของเขานั้นมันแทบระเบิดด้วยความสุข ริมฝีปากยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเพราะจูบที่คุณพระนายมอบให้ หากเขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใดที่ชายหนุ่มทำแบบนั้น และตลอดทางเด็กหนุ่มก็อายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายจนเมื่อถึงเรือนนั่นแหละเขาถึงได้กล้าเหลือบมองร่างสูง
ชายหนุ่มจูงมือร่างเล็กให้เดินเข้าห้อง แก้วตาซึ่งเห็นว่าเป็นที่ใดจึงขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมก้าว ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางนั้นก่อนจะก้มลงกระซิบถามเสียงเบา
“น้องกลัวพี่รึ?”
“ไม่ได้กลัว!” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นขู่ฟ่อเรียกเสียงหัวเราะจากคุณพระนายหนุ่มอีกครั้ง
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็เข้าห้องเถอะ พี่สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรไม่ดีไม่งามเด็ดขาด”
“แล้วทีเมื่อหัวค่ำเล่า?” เด็กหนุ่มก้มหน้าเถียงเสียงเบา
“เมื่อหัวค่ำพี่ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ไม่ดีนี่นา ใช่ไหม?” ชายหนุ่มถาม ยิ้มในตาอย่างยั่วเย้าให้นวลแก้มขึ้นสีระเรื่อชวนมอง
“แก้วไม่คุยกับคุณใหญ่แล้ว!” คุณพระนายหัวเราะร่วนก้าวเท้าตามคนตัวเล็กเข้าห้อง ก่อนจะปิดประตูมือแกร่งชะงักนิ่งหันมามองทางเสาเรือนซึ่งมีร่างสูงใหญ่ตะคุ่มแอบอยู่จึงกระแอมไอส่งเสียง
“ขืนมาแอบอยู่หน้าห้องฉันจะเตะแกให้ตกเรือน!”
แสนสะดุ้งโหยงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะรีบคลานออกไปอย่างรวดเร็ว พอคิดขึ้นได้ว่าทำไมเขาต้องรีบหนีด้วยเพราะถึงอย่างไรเสียคุณใหญ่ก็ไม่มีทางออกจากห้องมาเตะเขาลงเรือนไปได้หรอกในเมื่อตอนนี้มีคุณแก้วอยู่ในห้อง
“คิก...” แสนหัวเราะคิกคักชอบใจกับตัวเอง คุณแก้วแทนตัวเองด้วยชื่อ หนำซ้ำยังเรียกคุณใหญ่ของเขาแทนคำว่าคุณพระนายอีก สงสัยจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำเป็นแน่ เหลือบมองห้องที่ปิดประตูเงียบแล้วจึงแอบย่องเข้าไปใกล้ ก่อนจะค่อยๆแนบหูเข้ากับบานประตูเงี่ยหูฟัง...
“โอ๊ะ! แสนหน้าคะมำทิ่มพื้นเมื่อประตูห้องถูกเปิดอย่างรุนแรง
“ไอ้แสน!” คุณพระนายหนุ่มยืนค้ำหัวมองคนสนิทที่ฝ่าฝืนคำสั่งพลางยิ้มเย็น ก่อนจะ...เตะ!
คุณพระนายปิดประตูลั่นดาลถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะก้าวไปยังเตียงนอนเพราะแสนมาปูเตรียมไว้ให้ตั้งแต่หัวค่ำ มองคนตัวเล็กที่เอาผ้าแพรเผลาะมาห่อตัวแล้วกลิ้งออกไปจนแทบตกเตียงก็ต้องตกใจ ดีที่ชายหนุ่มหันมาเห็นเสียก่อนจึงคว้าร่างที่ถูกห่อนั้นเอาไว้ได้ทัน
“ทำอะไรของเจ้าน่ะ แก้วตา!” ชายหนุ่มดุคนในอ้อมแขนเสียงเข้ม
“ก็...” เด็กหนุ่มหรุบตาลงต่ำไม่กล้ามอง
“น้องไม่ไว้ใจพี่รึ?” สีหน้าผิดหวังของชายหนุ่มทำเอาเด็กหนุ่มใจแป้ว รีบคว้าแขนแกร่งเมื่อเจ้าของเตรียมผละหนีเอาไว้อย่างร้อนรน
“เปล่าขอรับ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจแต่แก้วแค่กลัว”
“น้องกลัวสิ่งใด?” คุณพระนายหันกลับมาถาม
“หากนี่เป็นความฝัน มันคงน่ากลัวนักยามที่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา”
“แก้วตา”
“หากย้อนเวลากลับไปได้กระผมไม่แน่ใจว่าจะยังอยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ไหม” แววตาใสสั่นระริกยามเอื้อนเอ่ยให้คนมองยิ้มแผ่วก่อนจะก้มลงแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่าย
“หากย้อนเวลากลับไปพี่ก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะยังคงรักน้องอยู่ดี ไม่ว่าจะเมื่อใดพี่ก็จะรักเจ้าเพราะฉะนั้นอย่ากลัวสิ่งใดเลยนะแก้วตา พี่จะรักแค่เพียงน้องเท่านั้น”
“อืม” เด็กหนุ่มรับคำ คุณพระนายผละห่างเพียงนิดก่อนจะก้มลงกดจูบหน้าผากเนียน
“นอนเสียคนดี คืนนี้พี่อยากให้แก้วตาฝันดี”
“แก้วก็ขอให้คุณใหญ่ฝันดีขอรับ”
**********
“แก้ว! แก้ว!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกผละออกห่างจากร่างตรงหน้าแล้วเหลียวมองรอบกาย เมื่อครู่เขาเห็นภาพในอดีตทั้งๆที่ไม่ได้หลับอย่างนั้นหรือนี่ แก้วตามองร่างโปร่งข้างกายฝ่ายนั้นจึงพยักหน้ารับ
“แก้ว! เธออยู่ที่นี่หรือเปล่า?” เสียงร้องเรียกของฤดีทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเพื่อนตามมาที่นี่ทำไมในเมื่อเขาบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่ที่เรือนขาวนี่
“เพื่อนของน้องคงเป็นห่วงจึงตามมา รีบไปเถอะ” เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกออกไปหาเพื่อน
“เราอยู่นี่ฤดี”
“แก้ว! เธอทำให้เราเป็นห่วงแทบแย่” ฤดีคว้าแขนเพื่อนมาจับเขย่าแรง “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?”
“เรา...เธอพาเขามาหรือฤดี!” แก้วตากำลังจะอธิบายหากสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาจึงเปลี่ยนเป็นคำถาม ซึ่งแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจจนฤดีต้องกลายเป็นฝ่ายร้อนรนอธิบายเสียเอง
“ก็ เราเป็นห่วงเธอมาก กลัวว่าจะไม่สบายหนักเลยขออนุญาตกลับมาก่อนแล้วอาจารย์เขาจะไปที่แกลลอรี่ของพี่ชายพอดีพอเราบอกว่ารู้จักเขาเลยอาสาพาเรามาส่งก่อนน่ะ”
“สวัสดีครับ เราเจอกันอีกแล้ว” อีกฝ่ายส่งเสียงทักทายหากเด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ “เรือนนี้เป็นของใครหรือครับดูเก่าเชียว” เขาไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยทักทายตอบแต่หมุนกายมองเรือนขาวแล้วถาม
“ของผมเอง”
“ของคุณหรือครับ น่าแปลกเพราะดูเหมือนไม่มีคนอาศัยอยู่เลย”
“แล้วคุณจะทำไม อาจารย์เปรม!” แก้วตาเสียงดัง จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้แล้วเหลียวมองรอบกาย ในใจร้อนรนนึกเป็นห่วงว่าเจ้าของเรือนขาวอีกคนจะรู้สึกอย่างไรที่มีคนหน้าตาเหมือนกันมาเหยียบถึงเขตเรือน
“ไม่ทำไมหรอกครับ แล้วคุณมองหาใครหรือ?”
“เปล่า” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงเบา ความรู้สึกเศร้าโศกก่อตัวในอกเมื่อหันไปไม่เห็นใครที่เขานึกห่วง
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะ เธอยังไม่ได้รับอนุญาตจากน้าเพ็ญให้มาเรือนขาวคนเดียวนะ”
“อืม” แก้วตารับคำเสียงเศร้า เขายอมขึ้นรถของอาจารย์คนใหม่กลับมาบ้านของฤดีตามที่อีกฝ่ายคะยั้นคะยออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะดูเหมือนเพื่อนสาวของเขาต้องพาฝ่ายนั้นไปที่แกลลอรี่ของพี่ชายอีกต่อหนึ่ง
ชายตะลึงอึ้งเมื่อเห็นหน้าคนที่น้องสาวพามา เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นคุ้นตาและเขาจำได้ไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตาสีอ่อน ริมฝีปากอิ่มมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ เหมือนคุณพระนายรูปงามคนนั้นไม่ผิดเลย! ถ้าหากเขาไม่ได้ยินจากปากของแก้วตาว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คุณพระนายแล้วล่ะก็เขาคงปักใจเชื่อไปแล้วว่าคุณพระนายคนนั้นกลายเป็นคนมีตัวตนจริงๆ
จากห่วงเพียงหนึ่งกลับเพิ่มเป็นสองเพราะมีคนหน้าเหมือนคนที่แก้วตารักโผล่ออกมา หนำซ้ำยังมีชีวิตมีตัวตน ใจเขาจึงร้อนรุ่มหนักขึ้นกว่าเดิม แต่จะให้แสดงท่าทีไม่ดีออกไปก็ไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่ของมหาวิทยาลัยที่น้องสาวของเขาและแก้วตาเรียนอยู่
“ผมชอบเรือนหลังสีขาวนั่นมากเลย”
“หลังไหนหรือครับ?” ชายยกกาแฟขึ้นดื่มเอ่ยถามแขกผู้มาเยือนแกลลอรี่ของเขาแทบทุกวันตั้งแต่วันที่มาส่งฤดีที่บ้าน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ชายไม่พอใจหนักขึ้นเพราะว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะได้เจอแก้วตาทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์
“เรือนสีขาว ที่คุณแก้วไปเมื่อคราวนั้นน่ะครับ”
“?” คำบอกเล่าของคนตรงหน้าทำเอาชายขมวดคิ้ว แก้วตาแอบไปเรือนหลังนั้นคนเดียวหรือนี่
“ผมอยากจะวาดรูปเรือนหลังนั้น”
“วาดรูปหรือครับ?”
“ใช่ แต่ดูเหมือนคุณแก้วจะไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ คุณพอจะช่วยพูดให้คุณแก้วยอมให้ผมวาดรูปเรือนหลังนั้นได้ไหมครับ?”
“คุณไปพูดกับแก้วเองเถอะครับ” ชายปฏิเสธ
“อย่างนั้นก็ได้ครับ” จากนั้นดูเหมือนว่าอาจารย์คนใหม่จะตามแก้วตาไปเสียทุกหนทุกแห่งในมหาวิทยาลัยเพื่อให้อีกฝ่ายยอมให้เขาวาดรูปเรือนขาว
“ไม่ครับ!” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเป็นครั้งที่ร้อยอย่างเหนื่อยหน่าย
“โอเค ไม่ก็ไม่”
“ขอบคุณที่ยอมเข้าใจเสียทีนะครับ”
“แต่ผมมีข้อแม้แลกเปลี่ยน” ประโยคนั้นทำให้เด็กหนุ่มแทบเต้นผางกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
“อะไร?”
“ให้ผมได้มาคุยกับคุณและพาคุณไปทานข้าวบ้างนะครับ”
“ไม่!”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะแอบไปวาดรูปเรือนขาวที่คุณแสนหวงนั่น”
“คุณ!”
“วันนี้ไปแถววังบูรพากับผมนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องสัญญากับผมว่าจะไม่พยายามวาดรูปเรือนขาวถ้าผมไม่อนุญาต”
“โอเค ผมสัญญา” ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ ถึงจะไม่ได้วาดรูปเรือนขาวอย่างที่ต้องการแต่ได้สานสัมพันธ์กับคนที่เขาต้องตาต้องใจตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้าแทนก็ดูจะคุ้มอยู่ไม่น้อย
อาจารย์คนใหม่พาแก้วตาไปทั้งซื้อของและดูภาพยนตร์ซึ่งกำลังเข้าฉาย หากแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถดึงความสนใจของเด็กหนุ่มให้มาทางเขาได้เลย
“แก้ว เธอไม่ชอบหรือ?”
“ผม...”
“อ้าว แก้ว?” เสียงทักทายหวานละมุนให้คนทั้งสองต้องหันไปมอง ร่างระหงเดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“น้าโสภี? สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ เธอมาเที่ยวหรือ ฤดีล่ะทำไมไม่มาด้วยกัน แล้วนี่...” หญิงสาวปรายสายตามองคนที่ยืนข้างเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสัย
“อาจารย์เปรมครับ เป็นอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่” แก้วตาแนะนำ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นน้าของฤดีเพื่อนของแก้ว”
“สวัสดีครับ”
“คุณดูคุ้นหน้าจังเลยนะคะ”
“อย่างนั้นหรือครับ?”
“ฉัน...” แก้วตาไม่รู้ว่าโสภีชวนอาจารย์คนใหม่พูดคุยเรื่องอะไรบ้าง เพราะทันทีที่ชายหนุ่มข้างๆหันไปคุยกับหญิงสาวเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินออกทันที
“เฮ้อ~” ร่างเล็กถอนหายใจ กว่าจะสลัดผู้ชายน่ารำคาญคนนั้นได้ช่างยากเย็นนัก เด็กหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะตัดสินใจว่าเวลาที่เหลือเขาควรจะไปที่เรือนขาวเสียหน่อยดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้เจอใครที่เขาอยากเจอ
โสภีเหลือบมองแผ่นหลังของคนที่เดินห่างออกไปพร้อมรอยยิ้มสมใจ ก่อนจะพยายามพูดคุยดึงความสนใจจากคนตรงหน้าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเด็กแก้วตาหายไป โสภีแทบรอที่จะเข้ามาพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าไม่ไหว เมื่อหลายวันก่อนตอนเธอแอบตามเจ้าเด็กอวดดีนั่นไปเรือนขาวแล้วเธอจึงได้เห็นเขา ผู้ชายที่อยู่ในฝันของเธอมานานในที่สุดก็ได้เจอเสียที และเธอจะไม่ลังเลเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายเป็นของเธอ !