-๑๔-
พักรบ พบรัก
หลังจากตระเวนเที่ยวอยู่ในเมืองพัทยาได้สองวันจนหนำใจแล้ว วันนี้นักบินก็พาปลาวาฬนั่งเรือข้ามฟากมาที่เกาะล้าน เจ้าตัวรู้สึกพอใจที่การพาอีกฝ่ายมาเที่ยวในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จดังที่ได้ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรก นั่นคือทำให้ปลาวาฬคลายเครียดและมีความสุขขึ้น ในแต่ละวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดทาง อาจจะมีการงอนกันบ้างนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นสีสันทำให้ทริปนี้ดูมีรสชาติมากขึ้น
หลังจากเข้าไปเช็กอินและเก็บสัมภาระไว้ในรีสอร์ตแล้ว ทั้งสองก็ลงมาเดินเล่นที่ริมหาดก่อนเป็นอันดับแรก น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดกว่าริมหาดพัทยามากทำให้ปลาวาฬยิ้มกว้างทันทีที่เห็น ก่อนจะเดินไปเหยียบย่ำบนพื้นทรายที่อยู่ตรงหน้า ปลาวาฬก็ถอดรองเท้าแตะแล้วก้มลงไปหยิบมาถือไว้ เขารู้สึกว่าการเดินเท้าเปล่าบนหาดทรายขาวเช่นนี้ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลืมเรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจได้ดีเลยทีเดียว
“นี่คุณ...ถอดรองเท้าสิ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งปลาวาฬก็รีบหันไปแนะนำให้ทำตามทันที
“ไม่เอาอ่ะขี้เกียจถือ” นักบินปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเดินนำหน้าไป ปลาวาฬแยกเขี้ยวใส่เมื่อโดนขัดใจแล้วก็รีบเดินตามหลังไปติดๆ
“คุณดูสิน้ำทะเลที่นี่ใสกว่าหาดจอมเทียนมากเลยเนาะว่าไหม” จากที่เคยลงไปเล่นน้ำทะเลที่หาดจอมเทียนมาเมื่อวาน เจ้าตัวก็เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้หลงรักทะเลมากเหลือเกิน หากมีโอกาสก็อยากไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนเกาะที่ห่างไกลผู้คนสักครั้งในชีวิต คงจะมีความสุขกายและสบายใจมากเหลือเกิน
“ถึงพามาที่นี่ไงล่ะ” นักบินหันหน้ามาตอบ
“ขอบคุณนะ” ปลาวาฬเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ยิน จึงถามย้ำอีกครั้ง
“ว่าไงนะ”
“ของดีมีครั้งเดียว” ด้วยความเขินอายทำให้ปลาวาฬรีบสาวเท้าเดินบนหาดทรายขาวนำหน้าไปก่อน
“นี่นายเดี๋ยวสิ” นักบินยิมน้อยๆออกมาแล้วตะโกนตามหลังไป “จะรีบไปไหนเนี่ย”
“ก็รีบตามมาให้ทันสิ” ร่างเล็กหันกลับไปเอ่ยกับอีกฝ่าย
“เราจะนั่งที่เก้าอี้หรือเดินไปเรื่อยๆกันดีล่ะ” นักบินถามความคิดเห็นเพราะตรงหน้ามีเก้าอี้ชายหาดให้เช่า เผื่อว่าอีกฝ่ายต้องการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เพราะตอนนี้แดดเริ่มจะร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“เดินไปเรื่อยๆดีกว่าหรือถ้าคุณอยากนั่ง ก็นั่งรอที่นี่ก่อนนะผมไปคนเดียวได้” ปลาวาฬเอ่ย
“ถ้าไปก็ไปด้วยกันดิ เผื่อนายไปก่อเรื่องฉันขี้เกียจตามไปเคลียร์ให้” นักบินไม่วายที่จะล้ออีกฝ่ายเล่นเหมือนเดิม
“พูดอย่างนี้ก็อย่ามาด้วยกันเลยดีกว่า” ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปสนใจวิวสวยๆของท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาแทน
“ฉันล้อเล่นหรอกน่า” พูดจบก็ยื่นมือหนาไปคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปลาวาฬหันขวับมามองทันทีแต่นักบินกลับทำหน้าตาเฉย ทำเป็นมองไปเรื่อยเปื่อย
“คุณ” เรียกครั้งแรกแต่นักบินกลับนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะหันมามอง “นี่คุณ” ปลาวาฬจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาเล็กน้อย
“อะไร!” เจ้าตัวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“มือคุณน่ะ” ว่าแล้วปลาวาฬก็ปรายตาลงมามองที่มือของตัวเอง ที่กำลังโดนเกาะกุมด้วยมือหนาอย่างแนบแน่น
“ใช่! มือฉันแล้วไงอ่ะ?”
“แล้วจะมาจับมือผมทำไม” ปลาวาฬเอ่ยขึ้นเสียงสูง
“ก็อยากจับอ่ะแล้วจะทำไม” พูดจบก็ยื่นใบหน้าคมเข้าไปใกล้ๆจนปลาวาฬต้องเบนหน้าหนีทันที
“แต่ผมไม่อยากให้จับไง...นี่มันมือผม” เดินไปด้วยกันอย่างนี้มีหวังคนได้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกันแน่นอน
“ฉันกลัวว่านายจะหกล้มไง จับมือไว้อย่างนี้จะได้มั่นใจว่านายกับลูกในท้องจะปลอดภัย นายไม่เชื่อใจฉันเหรอ” นักบินจ้องตาอีกฝ่ายอย่างหวานซึ้ง ทำให้ดวงตาคู่สวยเหมือนกำลังต้องมนตร์ ยอมเชื่อฟังอย่างง่ายดาย
“เชื่อ” ปลาวาฬตอบกลับเสียงเบา
“ถ้าเชื่อก็เดินจับมือไปพร้อมกัน...ป่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มพร้อมกับยักคิ้วเข้มให้ ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าแล้วก้าวขาเดินไปพร้อมๆกัน ปลาวาฬได้แต่นิ่งเงียบเดินไปด้วยความรู้สึกดี
“คุณ..ถามอะไรหน่อยดิ” เดินมาได้สักพักปลาวาฬก็หันไปเอ่ยถามอีกฝ่าย
“ว่ามาดิ” นักบินหันมายิ้มให้
“คุณรู้สึกเสียใจมากไหมที่มีอะไรกับผู้หญิงไม่ได้”
“ทำไมนายถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ” นักบินขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
“ถ้าคุณไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะ”
“ทำไมฉันจะตอบไม่ได้ล่ะ” เจ้าตัวยิ้มให้
“ผมอยากรู้ความรู้สึกลึกๆในใจคุณว่ามันหนักหนามากแค่ไหน ถึงขนาดต้องยอมมีอะไรกับผู้ชาย”
“ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองแพ้อย่างหนักเวลาจับตัวผู้หญิง ฉันรู้สึกแย่มากคิดว่าตัวเองไม่มีน้ำยาเอาซะเลย เกิดมามีดีทั้งหล่อทั้งรวยและจู๋ใหญ่(ปลาวาฬหันขวับมามองหน้าทันที) แต่ก็ไม่สามารถอึ๊บกับผู้หญิงได้ มันรู้สึกหงุดหงิดมากจนฉันเครียดไปพักใหญ่ แฟนก็ต้องทิ้งเพราะไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้ ตอนนั้นฉันเฮิร์ทสุดๆเลยล่ะ แถมคุณแม่ยังอยากได้หลานขึ้นมาอีก ตอนแรกคุณแม่ก็ว่าจะให้ทำเด็กหลอดแก้ว แต่ฉันไม่เห็นด้วย” มาถึงตอนนี้ปลาวาฬก็เริ่มสงสัยเข้าไปใหญ่ จริงๆมันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ
“อ้าว! ทำไมล่ะ” เจ้าตัวทำหน้าสงสัย
“เพราะฉันรู้ว่ายังมีพวกผู้ชายท้องได้อย่างพวกนาย เลยตั้งใจจะให้มาอุ้มท้องให้โดยวิธีทางธรรมชาติไม่ต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ ฉันจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำยาไงล่ะ และที่สำคัญฉันไม่เคยอึ๊บใครมาก่อนหากไม่ทำอย่างนี้มีหวังได้ชักว่าวไปตลอดชีวิตแน่” นักบินเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่ยังมีบางเรื่องที่เขาไม่ได้พูดออกมาเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่
“ที่แท้ก็กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้อึ๊บนั่นเอง” ปลาวาฬเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้ว...คุณรู้สึกยังไงเวลามีอะไรกับผู้ชาย”
“ก็เสียวอ่ะดิถามได้” นักบินยิ้มกริ่มออกมาทันที
“ในหัวคุณคิดแต่เรื่องพรรค์นี้สินะ...ผมหมายถึงรู้สึกรังเกียจหรือสะอิดสะเอียนอะไรแบบนั้นน่ะ เคยรู้สึกบ้างหรือเปล่า” ที่ถามอย่างนั้นออกไปเพราะอยากรู้ว่าเวลามีอะไรกัน นักบินตั้งใจหรือแค่ฝืนเล่นละครให้ดูสมจริงเท่านั้น หากเป็นอย่างหลังคงจะได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมเป็นแน่
“ตอนแรกกลัวๆเพราะฉันชอบผู้หญิงมาตลอด อยู่ๆจะให้ไปมีอะไรกับผู้ชายมันก็ไม่ใช่ป่ะ แต่พอรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นนายความกลัวก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ” ใบหน้าหล่อยิ้มที่มุมปากแล้วยักคิ้วให้
“อย่าบอกนะว่าคุณแอบชอบผมตั้งแต่แรกเจอ ผมนี่ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี่ย” ปลาวาฬยิ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาอย่างนั้น ทำเอานักบินถึงกับทำหน้าเหวอแล้วปรายตามองไปทางอื่นทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่เห็นว่านายปากดีฉันเลยอยากแกล้งนายมากกว่า อย่างนายไม่ใช่สเปคฉันหรอก” นักบินไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาแก้ตัวแล้ว
“คุณเองก็ไม่ใช่สเปคผมเหมือนกันนั่นล่ะ คนอะไรจะชอบแกล้ง ขี้หื่น ขี้บ่น ขี้เก๊ก” ว่าแล้วปลาวาฬก็แลบลิ้นออกมาด้วยความหมั่นไส้ แสดงว่าช่วงที่ผ่านมาที่เขารู้สึกดีด้วยมันก็แค่เป็นการคิดไปเองฝ่ายเดียว ได้ยินอย่างนี้แล้วเขาไม่มีทางจะเผลอใจให้กับนายนั่นอีกเป็นอันขาด...ถ้าทำได้
“ขี้อะไรอีกพูดมาให้หมดฉันจะได้พูดบ้าง” นักบินหยุดเดินทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดตามไปด้วยเพราะทั้งสองกำลังจับมือกันอยู่
“คิดไม่ออกพอแค่นี้ก่อน แล้วจะหยุดเดินทำไมเนี่ยไปต่อสิ”
“ก็ฉันจะบอกนายไง...ว่ายังเหลือขี้อะไรอีกบ้าง” นักบินยิ้มมุมปากพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ สถานการณ์อย่างนี้ทำให้ปลาวาฬรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไร
“ผมไม่อยากรู้แล้วเดินต่อกันเถอะ”
“แต่ฉันอยากบอกว่าฉันก็เป็นคนขี้เล่นเหมือนกันนะ” พูดจบก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินลงไปในน้ำทะเล
“ทำบ้าอะไรเนี่ยปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลย” มือเรียวทั้งสองข้างทุบไปที่อกของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตูมมม!!!
นักบินไม่สนใจกลับโยนร่างเล็กลงไปในน้ำทะเลทันที หลังจากนั้นก็ว่ายตามลงไป แล้วกอดเอาไว้จากด้านหลัง
“ขี้เล่นป่ะ” เสียงเข้มเอ่ยข้างใบหู ส่วนมือหนายังคงกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“ไม่! ขี้แกล้งมากกว่า” พูดแล้วปลาวาฬก็หยิกไปที่แขนของนักบินเต็มแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย” นักบินยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแล้วยกแขนขึ้นมาดูว่าเป็นแผลหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายหยิกซะเจ็บไปถึงกระดูกเลยทีเดียว
“สมน้ำหน้า” พูดแล้วเจ้าตัวก็รีบเดินขึ้นฝั่งทันที
เมื่อนักบินได้สติก็รีบเดินตามไปติดๆ ก่อนจะถึงฝั่งนักบินก็ดึงขาเรียวเอาไว้เสียก่อน แล้วลากลงมาในน้ำอีกครั้ง ครั้งนี้เขากอดร่างเล็กจากด้านหน้าทำให้ทั้งสองสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ทำไมชอบแกล้งผม” ปลาวาฬเอ่ยถามขณะจ้องตากับอีกฝ่าย
“ก็ชอบดื้ออ่ะ” นักบินตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ปลาวาฬหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
“แล้วมองหน้าทำไม...ปล่อยดิ”
“ก็อยากมองจะทำไม” ว่าแล้วก็ทำหน้ายียวนใส่
“เหรอ” ครั้งนี้เป็นฝ่ายที่ปลาวาฬต้องยิ้มที่มุมปากบ้าง เพราะมือเรียวกำลังล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วคว้าหมับเข้าที่พวงสวรรค์เต็มกำมือ ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของนักบินกลับกลายเป็นตรงกันข้ามทันที
“ปะ...ปล่อยให้ไข่ฉันเป็นอิสระเถอะอย่าทำอะไรมันเลย มันไม่เกี่ยวด้วยเลยนะ” นักบินพยายามพูดอย่างใจเย็น โน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมปล่อยมือ
“ไอ้ไข่นี่ล่ะตัวดีที่สุดเลย บีบให้แตกเลยดีไหมเนี่ย” พูดแล้วก็ลงน้ำหนักมือบีบแรงขึ้น จนทำให้นักบินถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความอึดอัดปนเสียวเต็มทน
“โอะ..โอ๊ย ปะ...ปล่อยเถอะนะครับบ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาจริง นักบินก็เริ่มอ้อนวอนขอร้องทันที
“ฮ่าๆๆ เวลาคุณทำหน้าอย่างนี้โคตรตลกเลยอ่ะ เอาอีกๆอ้อนวอนขอร้องผมสิ” ปลาวาฬหัวเราะลั่นเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของอีกฝ่าย
“พอใจรึยัง!”
“พอใจแล้วไปก่อนล่ะ” ปลาวาฬปล่อยมือจากพวงสวรรค์ของอีกฝ่ายแล้วรีบว่ายน้ำขึ้นไปบนฝั่ง มีหรือที่นักบินจะปล่อยให้อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาไปได้ง่ายๆ เจ้าตัวรีบว่ายน้ำตามไปคว้าหมับที่ข้อเท้าอีกฝ่ายจนปลาวาฬนอนราบลงกันพื้นทราย แล้วนักบินก็รีบคร่อมตัวร่างเล็กพร้อมกับตรึงข้อมือเอาไว้
“ยังไม่เข็ดอีกรึไง” ปลาวาฬเอ่ยสีหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย ออกจะยั่วยวนอีกฝ่ายหน่อยๆด้วยซ้ำ
“ไม่..เพราะตอนนี้ฉันเป็นต่อแล้ว” ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“จะทำอะไรก็รีบทำผมขี้เกียจเล่นกับคุณแล้ว” ปลาวาฬจ้องเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้นพร้อมกับเอ่ยท้าทาย
“คราวนี้ฉันเอาจริงนะ” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่หน้าผากนุ่ม “นี่สำหรับที่นายอวดดีกับฉัน” หลังจากนั้นก็จุมพิตที่แก้มทั้งสองข้างสลับกัน “นี่สำหรับที่นายหยิกมือฉัน”
“มีปัญญาเอาคืนแค่นี้เองเหรอ” ร่างเล็กยังคงเอ่ยท้าทายไม่ยอมหยุด
“นายได้เจอฉันแน่...และนี่สำหรับที่นายบีบไข่ฉัน” เจ้าของเสียงยกยิ้มที่มุมปากแล้วก้มลงไปประกบจูบริมฝีปากบางทันที แม้จะอยู่ริมชายหาดที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านแต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้จัดการกับไอ้เด็กดื้อที่เกือบทำให้เขาเป็นหมันไปซะแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเหมือนจะเต็มใจยั่วยวนให้เขาต้องทำอย่างนี้ ราวกับว่ามีความต้องการไม่ต่างกันแม้แต่น้อย
“พอใจรึยังผมอยากไปล้างตัวแล้ว” หลังจากนักบินผละริมฝีปากออกไปแล้ว เจ้าตัวก็รีบเอ่ยขึ้นก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ตอนนี้เริ่มเหนียวตัวจากการเล่นน้ำทะเลมาเสียนาน แถมยังต้องทนต่อสายตาของใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาอีกด้วย
“โอเค๊..ค่อยไปว่ากันต่อบนห้อง” ว่าแล้วนักบินก็ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือหนาให้อีกฝ่ายจับเพื่อพยุงตัวขึ้น
“ฝันไปเหอะ” ปลาวาฬเอ่ยก่อนจะเดินนำหน้าตรงไปยังรีสอร์ตซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
ขณะเดินกลับไปอยู่ๆนักบินก็เอ่ยขึ้นมา ทำเอาคนที่กำลังเดินนำหน้าอยู่นั้นถึงกับชะงักงันแล้วหยุดเดินทันที
“วันนี้สนุกจังเลยเนาะว่าไหม” นักบินยังคงยิ้มให้
“สนุกที่ได้แกล้งผมหรือเปล่า” จากวันแรกที่ได้เจอกันจนมาถึงตอนนี้ หลายสิ่งหลายอย่างในตัวนักบินเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ได้มาอยู่มาเที่ยวด้วยกันเพียงสองคน ทำให้ปลาวาฬได้เห็นในอีกหลายๆมุมของนักบินอย่างชัดเจนขึ้น และเปิดใจยอมรับว่าอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายที่น่าคบหาคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เปล่าสนุกที่ได้มากับนายสองต่อสองไง...หรือนายไม่สนุก” นักบินจ้องหน้ารอคำตอบที่หวังในใจ
“ก็...สนุกดีนั่นแหละ” ปลาวาฬตอบแบบส่งๆไปเพราะรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าอย่างนั้นเรามาทำข้อตกลงกันดีไหม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นปลาวาฬก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่วางใจทันที
“ข้อตกลงอะไร!”
“อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ ข้อตกลงที่ฉันจะบอกก็คือ ต่อไปนี้เรามาสงบศึกกันดีไหม” นักบินพยักหน้าหงึกๆหวังให้อีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย
“ผมเองไม่มีปัญหาอยู่แล้วว่าแต่คุณเถอะจะทำได้หรือเปล่า”
“ฉันต่างหากที่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นายนั่นล่ะจะทำได้หรือเปล่า ไหนจะตัดขนฉัน ไหนจะบีบไข่ฉัน มีแต่วีรกรรมแสบๆทั้งนั้นเลย” พูดแล้วนักบินก็รู้สึกเสียววาบที่หว่างขาทันที
“ก็คุณเป็นคนเริ่มก่อนนี่นา ผมเลยต้องป้องกันตัว” ปลาวาฬยังคงไม่ยอมแพ้ เพราะทุกอย่างที่เขาทำไปเพราะโดนรังแกก่อนตลอด
“โอเคๆ ถ้าจะหาคนผิดตอนนี้คงไม่จบแน่นอน เอาเป็นว่าจากนี้ไปเราจะญาติดีกันไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง” นักบินยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อขอยอมแพ้ยุติสงคราม
“ไม่มีปัญหา...ดีจะตายผมจะได้ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอีก” ปลาวาฬยิ้มหน้าระรื่นแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในรีสอร์ต
ส่วนนักบินก็เดินตามหลังไปติดๆแล้วก็เอ่ยออกมาเบาๆ
“ใครบอกนาย”
“คุณว่าอะไรนะ?” ปลาวาฬได้ยินเสียงแว่วเข้าหูก็หันกลับมาถามทันที
“ปะ...เปล่าฉันแค่พูดว่าดีจะตาย เยี่ยม กู๊ด” นักบินยิ้มแหยๆแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจ
“ก็แล้วไป” ปลาวาฬจ้องหน้าจับผิดแล้วสะบัดหน้าหนีเดินต่อไปทันที
นักบินได้แต่พรูลมออกจากปากอย่างโล่งใจ แล้วรีบเดินตามหลังไปอย่างอารมณ์ดี