ตอนที่ 28
“ถึงมึงจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ใช่ว่าจะจบนะ...สนิทกันแค่ไหนถึงได้จำชื่อจริงได้ เด็กคนนั้นพูดถึงเรื่องหนูที่เข้ามาในห้องมึงด้วย”
กลับมาถึงคอนโด ประตูห้องยังไม่ทันปิดลงสนิทร่างเล็กก็หมุนตัวมาหาพร้อมทั้งเอ่ยพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงคาดคั้น คล้ายกับเห็นแมวตัวสวยกลายร่างมายืนขู่ฟ่อๆ อยู่ตรงหน้า
คนป่วยรู้สึกระคายเคืองคอจนไอออกมาเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ
“ก็เขาชอบเข้ามาถามเรื่องเรียน ส่วนเรื่องหนูคือห้องกูมีรูตามซอกต่างๆ แล้วมันชอบเข้ามาขี้ วันนั้นนักศึกษากลุ่มของไอรดาเข้ามาส่งงานแล้วเห็น กูเลยให้ช่วยเอาแลคซีนปิดตามรู ช่วยกันหลายคน ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง”
กว่าจะอธิบายจนจบหินทั้งไอและเค้นเสียงจนเหนื่อยหอบ แม้แฟนจะอยากรู้มากกว่านี้แต่เพราะท่าทีของอีกคนไม่ดีนักจึงต้องพับเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
“รอมึงหายป่วยแล้วกูจะถามอีกที ตอนนี้ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
คนมองแทบหลุดหัวเราะให้กับใบหน้าสวยที่พยายามปรับอารมณ์ ใจจริงก็อยากอธิบายมากกว่านั้นแต่สภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวยจึงได้แต่เดินตรงไปทางห้องนอน ล้มตัวลงบนเตียงให้แฟนเข้ามาดูแลอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เดี๋ยวสักทุ่มกว่ากูจะมาปลุกกินข้าวกินยานะ”
มือบางเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้สองเม็ดเพื่อให้คนป่วยได้นอนสบายมากขึ้น
“อืม”
ดวงตาสองคู่ประสานกันด้วยความรู้สึกแตกต่าง คนหนึ่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วง อีกคนเต็มไปด้วยความเป็นสุข แม้จะเป็นความสุขใจที่เจือด้วยความเหนื่อยจากพิษไข้ก็ตาม
“ยิ้มอะไร” แฟนถามขึ้น
“แค่ยิ้มก็ไม่ได้?”
“ไม่ต้องมายิ้ม นอนได้แล้ว”
เร่งเร้าให้คนไม่ยอมนอนหลับตาลงด้วยการกระชับผ้าห่มให้อีกครั้ง ทั้งยังอังมือแนบกับหน้าผากของหินเพื่อเช็กอุณหภูมิร่างกาย
“ระหว่างกูนอนมึงจะทำอะไร” อีกคนยังหาเรื่องคุย
“เดี๋ยวจะโทรสั่งอาหารให้มึง แล้วก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ” คนฟังพยักหน้ารับ “กูว่าจะสั่งโจ๊กไก่ฉีกมาให้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
คนถูกถามส่ายหน้าตอบ
“กำลังอยากกินโจ๊กอยู่พอดี”
“อยากกินก็รีบนอน เลิกชวนกูคุยได้แล้ว”
คราวนี้มือเล็กวางลงปิดตาคนป่วยที่ไม่ยอมนอนเป็นการบังคับ ก่อนหินจะรั้งมือของแฟนออกแล้วหลับตาอย่างจำยอม
“นอนแล้วน่า”
--
“ยังไม่หายป่วยดีก็กินเยอะๆ นะจ๊ะ”
แม่ของแฟนเอ่ยบอกพร้อมทั้งตักอาหารให้จนหินต้องรีบยิ้มรับอย่างขอบคุณ บนโต๊ะอาหารกว้างเต็มไปด้วยอาหารมากมายราวกับมีงานเลี้ยง บรรยากาศภายในบ้านหลังใหญ่ยามเที่ยงของวันเสาร์ดูครึกครื้นกว่าเคย เหมือนทุกครั้งที่หินมา
“แม่ไม่เห็นบอกแฟนให้กินเยอะบ้างเลย” คนเป็นลูกแกล้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ก็เราแข็งแรงสบายดี พี่เขายังไม่หายป่วยก็ต้องกินเยอะๆ จะได้มีแรงดูแลเด็กดื้อไงล่ะ”
คนถูกว่าเป็นเด็กดื้อยู่ปากใส่คนเป็นแม่น้อยๆ ยามเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นจากน้องทั้งสอง ขณะที่บิดานั่งมองด้วยรอยยิ้มขัน
“ครับ...ดีขึ้นมากแล้วครับ...แฟนพามาบ้านด้วย...ได้ครับ...สวัสดีครับคุณแม่”
“เดี๋ยวนี้มีอะไรแม่ไม่โทรหากูแล้ว ต่อสายหามึงอย่างเดียว” หินเอ่ยขึ้นหลังจากที่อีกคนวางสายจากแม่ของเขาเอง
เดี๋ยวนี้แม่โทรหาแฟนบ่อยยิ่งกว่าลูกตัวเองเสียอีก
“เพราะกูน่ารัก”
ร่างเล็กเดินกลับมานั่งลงบนเตียง ลอยหน้าลอยตาพูดด้วยท่าทางดูน่าหมั่นไส้ จนคนมองอดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าหา
แฟนอุทานขึ้นด้วยความตกใจยามร่างกายเสียหลักนอนลง โดยมีคนจู่โจมคร่อมอยู่ด้านบน
“จะทำอะไร” ใบหน้าคร้ามคมทอความกรุ้มกริ่มอย่างไม่น่าไว้ใจ
“กลัวกูทำอะไรล่ะ” มุมปากของคนพูดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ได้กลัว” แฟนเชิดหน้าขึ้นตอบ
“หึ กูมีเรื่องจะบอก” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนเสียงที่ยังคงแหบแห้งจากการป่วยจะเอ่ยไปอีกเรื่อง
“เรื่องอะไร” คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ปลายเดือนหน้านี้กูต้องบินไปคุยรายละเอียดงานที่ออสเตรเลีย น่าจะทำงานที่นั่นประมาณสองอาทิตย์ จากนั้นจะแวะไปหาเพื่อนที่ออสเตรียอีกอาทิตย์นึง”
ประโยคบอกเล่าของหินทำให้คนฟังหน้างอ สมองประมวลผลเรื่องระยะเวลาอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงขุ่นๆ ติดเง้างอนจะดังขึ้น
“จะกลับมาทันวันเกิดกูหรือเปล่า”
หินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ท่าทางไม่มั่นใจนั้นส่งผลให้แฟนผลักคนด้านบนออกแล้วหมุนตัวกลับไปคุย
“จะกลับมาทันหรือเปล่า” แฟนเน้นเสียงในแต่ละคำ
“ตอบตามตรงว่ากูไม่มั่นใจ”
วันเกิดแฟนคือวันที่ 19 สิงหาคม
ตามกำหนดการแล้วอาจจะกลับมาทันแบบหวุดหวิด ทว่าเรื่องของการทำงานแล้วทุกอย่างล้วนมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ หากมีความผิดพลาดอาจต้องใช้เวลาแก้ปัญหา...และคงกลับมาไม่ทัน
คำตอบนั้นทำให้แฟนกัดปาก บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไร
“กูงอนมึงได้ไหม แบบนี้กูงอนจะผิดหรือเปล่า”
หินลอบถอนหายใจ ก่อนจะรั้งคนตรงหน้าเข้ามากอดพลางลูบแผ่นหลังเล็กไปมาปลอบประโลม
“กูจะพยายามทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด”
“ถ้าไม่ทันล่ะ”
“สัญญาว่าจะฉลองย้อนหลังให้มึงแบบเต็มที่”
เหมือนจะเป็นคำตอบที่น่าพอใจหากแต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์เพราะช่วงเวลาสำคัญที่อยากให้หินอยู่ด้วยมันจะไม่มี
“ไม่อยากได้การฉลองย้อนหลัง อยากให้มึงอยู่ด้วยในวันนั้น”
“กูก็อยากอยู่ในวันสำคัญของมึง แต่ถ้ากลับมาไม่ทันจริงๆ จะง้อและยอมตามใจทุกอย่าง”
คนพูดมัดจำการง้อด้วยการกดจูบลงบนไหล่เล็ก สัมผัสบางเบาคลอเคลียกับลมหายใจร้อนผ่าว และเมื่ออีกคนไม่เอ่ยห้ามริมฝีปากได้รูปจึงขยับเข้ามายังซอกคอบาง
จุ๊บ จุ๊บ
เสียงสัมผัสดังขึ้นแผ่วตามจังหวะของการกดจูบ
“ไม่ต้องมาทำให้กูเขว”
มือบางรั้งใบหน้าของหินออกจากซอกคอตัวเอง ความวูบวาบยังคงลามไล้อยู่บนผิวเนื้อแต่เรื่องที่กำลังคุยนั้นสำคัญกว่า
“จะไม่ได้เจอกันตั้งเกือบเดือน เกือบเดือนเลยนะ”
ถึงเวลาจะไม่ใช่อีกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ที่หินต้องไป แต่การห่างกันนานขนาดนั้นก็ส่งผลให้แฟนคิดไม่ตก ความวูบโหวงเกิดขึ้นราวกับพรุ่งนี้เป็นวันเดินทาง
คนฟังจับความสั่นไหวซึ่งเจืออยู่ในน้ำเสียงได้ ร่างสูงจึงผละออกขยับนั่งตัวตรง มือหนาเอื้อมไปจับมือของแฟน
“หน้าที่เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ กูเองก็คิดถึงมึงมาก ยังไงก็จะวิดีโอคอลหรือไม่ก็โทรหาทุกวัน โอเคไหม”
แฟนถอนหายใจ ปลดปล่อยความหนักอึ้งข้างในให้บรรเทา แม้ความรู้สึกจะไม่โอเคแต่ต้องยอมรับคำ
ต่อให้จะลุกขึ้นโวยวาย สุดท้ายหินก็ต้องไปด้วยคำว่าหน้าที่ โดยเฉพาะหน้าที่ซึ่งสำคัญกับอีกฝ่าย หน้าที่ซึ่งแสดงออกถึงความก้าวหน้า
“อืม”
“อย่าหงอยน่า อีกตั้งเกือบเดือนกูถึงจะไป” หินพยายามสร้างบรรยากาศด้วยการเย้าหยอก
“เดือนนึงมันไวแป๊บเดียว แต่เดือนนึงที่มึงไม่อยู่สิมันจะนาน”
คนฟังยกยิ้มให้กับประโยคเปรียบเปรย ราวกับเห็นแฟนในร่างเด็กซึ่งกำลังงอแงตอนพ่อแม่จะไม่อยู่
“ติดกูขนาดนั้นเลย?”
“หรือมึงไม่ติดกู” ปลายหางเสียงเอ่ยสะบัด ดวงตาขุ่นหมอง
“เพราะงั้นกูเองก็ทรมานไม่ต่างกัน แต่ต้องอดทน...กูทำทุกอย่างเพื่อเรา”
หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่สนใจจะทำงานนี้ ไม่แม้แต่จะมีการพูดคุยเพราะไม่คิดทำ แต่เมื่อมีแฟนเข้ามาจึงต้องนึกถึงอีกฝ่ายให้มากกว่าตัวเอง นึกถึงครอบครัวของแฟนให้มาก
“กูรู้หรอก ไม่อย่างนั้นก็งอแงใส่มึงไปแล้ว”
ได้ยินคำว่าทำเพื่อเราใจก็อ่อนลงยวบยาบ ความคุกรุ่นในอกบรรเทาลงกว่าครึ่ง เกิดความอุ่นซ่านเข้ามาแทนที่ความวูบโหวง
“นี่เรียกยังไม่งอแง” หินเอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้มบาง
“ยัง!”
คนฟังหลุดหัวเราะให้กับน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้นตอบ จบเรื่องนี้แล้วจากนั้นจึงเป็นเวลาของการพักผ่อน ผ่านมาสามวันอาการของคนป่วยดีขึ้นแต่ยังไม่หายสนิท และเพราะวันเสาร์นี้แฟนต้องกลับบ้านจึงลากอีกฝ่ายมาด้วย ทั้งยังบังคับให้ค้างคืนที่นี่แม้ว่าหินจะพยายามบ่ายเบี่ยง
--
เวลาหนึ่งเดือนอาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่สั้นนัก แต่สำหรับแฟนแล้วมันสั้นเหลือเกินเมื่อวันเดินทางของหินมาถึง
ตลอดทั้งเดือนหินเร่งตรวจข้อสอบและจัดการงานทุกอย่างทางมหาลัยให้เสร็จเรียบร้อย
ร่างเล็กที่เซื่องซึมตลอดทั้งวันนั่งอยู่เคียงข้างคนกำลังจะเดินทาง ขณะที่มุมหนึ่งเต็มไปด้วยเพื่อนของหินซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยกันและเพื่อนคนอื่นที่มาส่ง
“เป็นอะไร ไม่พูดไม่จาเลยทั้งวัน” หินหันมาถามคนข้างตัว
“...”
“ไม่เอาน่า เห็นแบบนี้กูไม่สบายใจ”
ดวงตาซึ่งจับจ้องมองมือที่จับกันอยู่บนตักเหลือบขึ้นมอง ความหงอยเหงาอาลัยเจืออยู่ในตาคู่สวยอย่างไม่อาจปกปิด
“สามอาทิตย์เอง” หินปลอบประโลมพลางวางมือทับลงบนมือของแฟนอีกชั้นแล้วลูบเบาๆ
“ตั้งสามอาทิตย์”
ครั้งไปซานโตรินีว่านานแล้ว ครั้งนี้นานกว่ามาก...
“กูสัญญาแล้วไงว่าจะคอลหาทุกวัน”
แฟนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน รู้ดีว่าท่าทางของตัวเองส่งผลให้อีกคนไม่สบายใจ หากแต่ไม่อาจควบคุมท่าทีของตัวเองเอาไว้ได้
ยังไม่ทันไปก็คิดถึงแล้ว
“คอลมันก็ไม่เหมือนคุยกันต่อหน้า”
“แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้คุย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นคล้ายจะถามว่าใช่ไหม
แฟนถอนหายใจเป็นรอบที่ยี่สิบของวัน ก่อนจะพิงหัวลงกับต้นแขนแกร่งพลางกระชับมือที่จับกันให้แน่นขึ้น
ท่าทางนั้นทำให้หินใจกระตุกจนต้องกดจูบลงบนหัวเล็กเบาๆ
“กูจะอยู่ที่ออสเตรียแค่ห้าวัน จะได้กลับมาทันวันเกิดมึงดีไหม”
แฟนผละตัวออกห่างจากการอิงแอบ ดวงตาเศร้าสร้อยเป็นประกายขึ้นมา ทว่าเมื่อคิดได้ก็กลับมาหม่นหมองเช่นเดิม
“มึงมีเพื่อนอยู่ที่นั่นก็ต้องอยากกลับไปหา อีกอย่างมึงก็ไปคุยเรื่องงานด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร กูจะคุยแค่เรื่องงานจะได้เสร็จเร็วขึ้น ส่วนเรื่องเที่ยวค่อยไปอีกรอบพร้อมมึง จะได้ไปเจอเพื่อนกูด้วยกันดีรึเปล่า”
“ดี!”
เสียงโพล่งตอบนั้นดังจนเพื่อนของหินหันมามองแต่แฟนไม่คิดสนใจ ท่าทางคล้ายผักเปื่อยก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นเริ่มมีชีวิตชีวา ถึงเวลาจะร่นขึ้นเพียงสองวันแต่แค่หินมีโอกาสกลับมาทันวันเกิดมากขึ้นก็เพียงพอ
หินมองคนตรงหน้าแล้วยกยิ้ม หากอยู่ด้วยกันเพียงสองคนคงไม่พ้นดึงอีกคนเข้ามาจูบหนักๆ
ถึงจะต้องแลกกับการโดนเพื่อนบ่นเนื่องจากเปลี่ยนแพลนกะทันหันก็คงไม่เป็นไร
“ทีนี้ร่าเริงใหญ่”
“ร่าเริงนิดเดียว ถึงยังไงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานอยู่ดี”
ร่างเล็กกลับมาทิ้งหัวพิงหินในท่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ระหว่างนี้ก็อย่าลืมที่บอก ดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำให้กูต้องห่วงข้ามประเทศ”
“จะทำให้ห่วงเยอะๆ มึงจะได้รีบกลับ”
“ใครบอก ถ้ามึงทำตัวไม่ดีกูจะอยู่นานขึ้น”
แฟนเด้งตัวออกห่าง ใบหน้าสวยงอหงิก ใจวูบไหวกับคำว่าจะอยู่นานขึ้นทันใด
“นิสัยไม่ดี”
“หึ ใครกันแน่นิสัยไม่ดี ถ้าทำตัวดีกูก็กลับเร็ว แค่นั้น”
คนฟังเบ้ปาก พึมพำบ่นถึงความใจร้ายของคนข้างตัวจนหินหลุดหัวเราะ บรรยากาศหม่นๆ ก่อนหน้าเริ่มสดใสขึ้น
ทว่าแม้จะดีขึ้นยังไงเมื่อเวลาแห่งการจากลามาถึง ความหม่นหมองเศร้าซึมก็กลับมาอีกครั้ง
“ถ้าถึงแล้วหาสัญญาณได้ กูจะรีบโทรหา” บอกลาเพื่อนคนอื่นที่มาส่งแล้วก็ถึงคิวคนสำคัญคนสุดท้าย
แฟนรู้สึกเหมือนปลายจมูกร้อนผ่าว กว่าเจ็ดเดือนที่อยู่ด้วยกัน เมื่อต้องห่างถึงสามอาทิตย์จึงอดใจหายไม่ได้
“อือ”
“ขับรถกลับบ้านดีๆ”
“อือ” หินยกยิ้มกับท่าทางของคนตรงหน้า เกิดความรู้สึกโหยหาอาลัยไม่ต่างกัน ทว่าเข้าใจและควบคุมความรู้สึกนั้นได้ดีกว่า
มือหนาวางลงบนหัวของแฟน ลูบไล้พลางโยกไปมาสองสามครั้งด้วยรอยยิ้ม ขณะเสียงประกาศดังเร่งเร้าขึ้นอีกครั้ง
“เป็นเด็กดีล่ะ”
“กูโตแล้ว” แฟนเถียงทันควันทั้งที่ดวงตาเริ่มแดงเรื่อ
“โตแล้วก็ห้ามร้องไห้”
หินเอ่ยกระเซ้า พยายามสร้างบรรยากาศเพราะหากน้ำตาของแฟนหยดลงคงได้ยกเลิกงานทุกอย่างเป็นแน่
“ใครร้อง” ริมฝีปากบางถูกขบกัด เสียงสูดหายใจดังขึ้น
หินอยากคุยและอยากปลอบอีกคนนานกว่านี้ทว่าเวลาได้หมดลงแล้วจริงๆ
“กูต้องไปแล้ว” ร่างเล็กถูกดึงเข้ามาในอ้อมกอดก่อนหินจะกระซิบบอก “แล้วพี่จะรีบกลับ”
แฟนพยักหน้ารับคำยามหินผละออกห่าง พร้อมทั้งพยายามส่งยิ้มให้อย่างฝืดเฝื่อน
ร่างสูงแทคมือกับเพื่อนๆ เป็นการบอกลา ก่อนจะเหลือบมามองแฟนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหมุนตัวเดินตามเพื่อนคนอื่นเข้าข้างในไป
แค่สามอาทิตย์ สามอาทิตย์...
แฟนได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น
--
สามวันผ่านไป“นี่ผัวไปทำงานสามอาทิตย์หรือติดทหารคะ สภาพเพื่อนกูหนักอะไรขนาดนั้น”
บีปรายสายตามองคนเป็นเพื่อนที่นั่งกอดหมอนดูโทรทัศน์อยู่ข้างตัวด้วยท่าทีเซื่องซึม
หลังจากที่หินขึ้นเครื่องแฟนก็กลับบ้านเพราะเป็นวันเสาร์ เมื่อวันจันทร์ซึ่งเป็นวันของการทำงานมาถึง เลิกงานแล้วจึงหอบเสื้อผ้ามานอนกับเพื่อนเนื่องจากทนความเหงาไม่ไหว
“งี้แหละ ตัวติดกันนักพอต้องห่างเลยเป็นแบบนี้”
“แต่มีผัวแบบพี่หินเป็นกูก็ติดค่ะ”
“มีทู”
บทสนทนาของเพื่อนทั้งสองดังเข้าหูแล้วก็ผ่านเลยไปเหมือนเป็นเพียงอากาศเมื่อในหัวของแฟนมีเพียงเรื่องของใครอีกคน
หินโทรมาหาทุกวัน แม้จะมีเวลาไม่มากนักแต่ก็ยังได้คุย หากแต่มันยังไม่มากพอสำหรับความคิดถึงและความโหยหา
เหมือนแต่ละวันมีชีวิตเพียงเพื่อรอสายจากบางคน
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มไทย และเป็นเวลาห้าทุ่มของที่นั่น
ร่างเล็กรอคอยสายของหินเช่นสองวันที่ผ่านมา กระทั่งการรอคอยนั้นสิ้นสุดลงเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นให้แฟนรีบถลาไปคว้ามัน
“ทีงี้นี่มีสติเร็วเชียว” นัทเอ่ยขึ้นพลางส่ายหัวน้อยๆ ยามมองตามแฟนที่เดินเข้าห้องไปคุยโทรศัพท์
ทางด้านคนที่เข้ามาในห้องแล้วก็รีบสไลด์หน้าจอกดรับ สีหน้าซึ่งเมื่อครู่ยังเหี่ยวเฉาดูดีขึ้น ยิ่งยามเห็นใบหน้าของคนที่คิดถึงยิ่งราวกับต้นไม้แห้งแร้งที่ได้น้ำมารินรด
(ทำอะไรอยู่) หินถามขึ้นขณะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงในห้องพัก
เพิ่งกลับจากคุยงานก็โทรหาแฟนทันที
“ไม่ได้ทำอะไร คืนนี้กูมานอนห้องบี”
(เหงา?)
“อือ” ยอมรับโดยง่ายอย่างไม่มีการรักษาท่าที
(ดีแล้ว อยู่กับเพื่อนหรือไม่ก็กลับบ้าน มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ มึงจะได้ไม่เหงา)
“ไม่มีมึง ยังไงก็เหงาอยู่ดี”
คนฟังยกยิ้มให้กับคำพูดแสนน่ารัก ยิ่งท่าทางของคนพูดหงอยเหงาไม่มีความมั่นอกมั่นใจอย่างเคยยิ่งทำให้แฟนดูน่าเอ็นดู
เหมือนเด็กกำลังงอแง
(อีกแค่สิบแปดวัน)
“แค่อะไร ตั้งสิบแปดวัน”
ยิ่งนับแล้วยิ่งท้อใจ เพียงสามวันก็ยาวนานเหมือนสามเดือน และนี่เหลืออีกตั้งสิบแปดวัน
(ถ้าเราคิดว่าเร็วมันก็เร็ว) หินพยายามปลอบ
“ไม่จริง” แฟนเถียงกลับจนอีกคนหลุดหัวเราะ
(มึงอาบน้ำกินข้าวรึยัง) ประเด็นเรื่องวันเวลาถูกเปลี่ยนไปเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้แฟนจดจ่ออยู่กับมันนัก
“กินข้าวแล้วแต่ยังไม่ได้อาบน้ำ มึงล่ะวันนี้ทำอะไรบ้าง เพิ่งกลับถึงห้องเหรอ”
(อืม เดี๋ยวจะอาบน้ำแล้วทำงานต่อ)
“ยังต้องทำอีก?” คนปลายสายพยักหน้ารับ
(ไปอาบน้ำกับกูไหม)
ดวงตาคมทอประกายวิบวับ แม้จะมีแววของความเหนื่อยล้าทว่าความหื่นที่ยังคงเส้นคงวาก็ยังปรากฏให้เห็นมากกว่า
“อยู่ไกลขนาดนั้นยังจะหื่น” แฟนเอ่ยพูดพร้อมส่ายหัวอ่อนใจ
(หื่นกว่านี้ก็เคยมาแล้ว มึงลืมเหรอ)
เพียงแค่อีกฝ่ายพูดขึ้น ภาพในหัวก็ฉายวาบขึ้นมาเป็นฉากๆ ทั้งเสียงและการกระทำอันน่าอายติดตรึงในความทรงจำจนใบหน้าร้อนผ่าว ยิ่งยามหินกำลังมองกันด้วยสายตาแบบนี้ยิ่งรู้สึกอายหนัก
“พอเลย!”
หินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางนั้นของแฟน แม้จะเห็นผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ก็ยังรู้ว่าแก้มเนียนขึ้นสีแดงเรื่อ
การพูดคุยหยอกเย้าเป็นไปอยู่หลายนาที กระทั่งประตูห้องของคนต้องทำงานถูกเคาะเป็นสัญญาณ หินจึงจำต้องวางสาย ขณะที่คนยังอยากคุยต่อก็กลับมาเซื่องซึมอีกครั้ง
(วันต่อไปอาจจะยุ่งหน่อย แต่ยังไงกูก็จะพยายามโทรหา)
“อืม มึงก็พักผ่อนบ้าง”
(แล้วคุยกันพรุ่งนี้...พี่คิดถึงนะ)
“น้องก็คิดถึง”
ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ยกยิ้ม หินบอกลาแฟนอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายให้ภาพบนหน้าจอถูกตัดไป
แฟนถอนหายใจออกมายามสายตายังคงมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง
อีกแค่สิบแปดวันเอง...เอง
--
18 สิงหาคม“เป็นอะไรฮึเรา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวัน” คนเป็นแม่ถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในร้านอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
วันเสาร์ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิดแฟนหนึ่งวันทั้งครอบครัวจัดทริปทำบุญเก้าวัดเนื่องจากไม่ได้ทำบุญกันมาสักระยะ โดยเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้ากระทั่งเพิ่งครบวัดที่เก้าเมื่อตอนหกโมงเย็น
“ก็...”
“พี่หินจะกลับมาคืนนี้ไง พี่แฟนเลยหน้าบานทั้งวัน” คนเป็นน้องซึ่งแอบชะโงกอ่านไลน์พี่เมื่อตอนเช้าเอ่ยตอบแทนเจ้าตัว
คำตอบนั้นทำให้ทุกคนหลุดยิ้ม ขณะที่แฟนโวยวายใส่น้องของตัวเองเล็กน้อย
“ยุ่ง”
“ก็เห็นแล้วมันอดไม่ได้ สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ซึมเหมือนแมวป่วย พอพี่หินจะกลับกลายเป็นอีกแบบเลย”
“คนไม่มีแฟนไม่เข้าใจหรอก” แฟนกระแทกเสียงตอบ
กว่าจะผ่านมาได้จนถึงวันนี้แฟนคิดว่าตัวเองมีความอดทนเป็นเลิศ เมื่อรู้ว่าหินจะกลับมาทันวันพรุ่งนี้ความทรมานของหลาบสิบวันที่ผ่านมาก็เหมือนจะมลายหายไปกว่าครึ่ง
คิดถึงจะแย่แล้ว
“แล้วพี่หินของเราจะกลับมาถึงตอนไหนล่ะ ใครไปรับ” คนเป็นพ่อเอ่ยถาม
“เพื่อนพี่หินจะไปรับ พอดีว่ากลับมาด้วยกันหลายคน...แล้วพรุ่งนี้ก็จะมาหาแฟนแต่เช้า”
ประโยคสุดท้ายพูดออกไปพร้อมรอยยิ้ม แฟนแทบอยากรีบกลับไปนอนให้วันพรุ่งนี้มาถึงโดยเร็ว ตามคำที่ผู้ใหญ่มักบอกว่ารีบนอนจะได้รีบตื่นไปเล่น
“จะนอนหลับไหมล่ะเราคืนนี้”
“ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อยแม่” คนเป็นลูกตอบกลับเสียงอุบอิบ
“เอาล่ะ เรื่องพี่หินน่ะเอาไว้ก่อน ตอนนี้ได้เวลาทานข้าวแล้ว เดี๋ยวเราต้องแวะไปบ้านป้าศรีอีก”
เมื่อแม่เอ่ยเตือนสามพี่น้องจึงรีบรับคำ จากนั้นไม่นานนักอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ มื้อเย็นนี้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มอีกทั้งจิตใจยังแจ่มใสจากการทำบุญ
ไม่มีอะไรดีไปกว่าช่วงเวลาของวันเกิดแล้วได้อยู่กับครอบครัวอีกแล้ว
23.53 น.“ป้าศรีก็ชวนแม่คุยเพลิน ดูซิเนี้ย จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรกันแต่เช้าอีก”
คนพูดส่ายหัวน้อยๆ อย่างเหนื่อยอ่อนยามหมุนนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบว่าอีกไม่กี่นาทีจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่
“สามฟอขึ้นไปนอนกันได้แล้วไป พรุ่งนี้หกโมงเช้านะ ใครตื่นสายแม่จะหักค่าขนม”
ทันทีที่พูดจบเสียงโอดครวญของลูกทั้งสามก็ดังขึ้น บ่นกันคนละนิดละหน่อยก่อนจะเข้ามากอดพ่อกับแม่พร้อมทั้งบอกฝันดี
“ฝันดีครับ”
“จะเข้าสู่วันเกิดแฟนแล้ว...สุขสันต์วันเกิดนะลูก พ่อกับแม่ขอให้แฟนมีความสุขมากๆ เป็นคนดีแบบนี้ตลอดไป”
แฟนยิ้มรับพลางหลับตาลงรับคำอวยพรในอ้อมกอดของคนทั้งสอง เมื่อผละออกพ่อและแม่ก็เข้ามาหอมแก้มเบาๆ ด้วยความรัก
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แฟนรักพ่อกับแม่นะ”
“พ่อกับแม่ก็รักลูก แต่ว่าคืนนี้หมดเวลาแห่งความรักแล้ว ไปนอนกันดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาใส่บาตรแบบสดใส”
คนเป็นลูกพยักหน้ารับพลางบอกลากันอีกเล็กน้อยจากนั้นจึงแยกกันกลับห้องใครมัน
ร่างเล็กเดินตามทางไปยังห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ ถึงกายจะเหนื่อยล้าแต่ใจกลับเป็นสุข อีกทั้งพรุ่งนี้ยังจะได้เจอหิน ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นในความเงียบ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเรียบร้อยจึงควานมือไปยังสวิตซ์ไฟ ก่อนวินาทีต่อมาห้องที่มืดมิดจะสว่างขึ้น
“สุขสันต์วันเกิด” ท่อนแขนของใครบางคนสอดมารัดรอบเอวพร้อมทั้งกระซิบคำอวยพร
กลิ่นกายและความรู้สึกแสนคุ้นเคยโอบล้อมรอบตัว
แฟนยืนนิ่งงันด้วยเพราะไม่คาดคิดถึงการมาของหิน ทั้งยังไม่คาดคิดกับทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า...
TBC.
มาเร็วเคลมเร็วอีกแล้ว~ งานวันเกิดพี่แล้ว ถึงคราววันเกิดน้องบ้างเนอะ
ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ มีแต่ความงอแงของน้องแฟน><
ตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าพี่หินจะทำอะไรให้น้อง
อีกสองตอน(หรืออาจสาม)จะจบแล้วน้า บอกเลยว่าจะมีตอนที่พี่หินหึงน้อง(มากๆ)
แล้วก็ตอนไปแฟชั่นโชว์ที่ทุกคนรอคอยด้วยค่ะ^^
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ