Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆเมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าหลังจากซ้อมกีฬาเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว แต่ก็ถือว่าวันนี้ได้กลับเร็วกว่าทุกที
พอกินอาหารมื้อดึกกันเสร็จ ห้าหนุ่มก็แยกย้ายกลับเข้าไปห้องใครห้องมัน
ภูพิงค์นั่งลงบนเตียง ทำหน้าเครียดพลางจ้องเพื่อนร่วมห้องเขม็ง
“เดี๋ยวกูอาบน้ำ...” ซันชะงัก “อ้อๆ มึงรอไอ้นั่นใช่มะ” ก่อนจะเดินไปรื้อลิ้นชักโต๊ะหนังสือ
“ไอ้ซัน ทำไมมึงมีของแบบนี้ด้วยวะ”
“ก็คิดว่าจะได้ใช้ไง”
“โห! มีความพร้อม!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่นึกว่าเพื่อนรักที่ดูเงียบๆ จะมีความพร้อมยิ่งกว่าเขา
หรือกูไม่เอาไหนเองวะ
“เอ้า!” พอหยิบออกมาจากลิ้นชักได้ ซันก็โยนให้อีกฝ่าย
ภูพิงค์เอื้อมมือไปตะปบรับ ก่อนจะชะงัก “ทำไมมันมาเป็นกระปุก...”
“อันนี้แบบธรรมชาติมึง ไม่แข็งมาก กูว่าดี” พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไป
เด็กหนุ่มยกกระปุกเจลขึ้นอ่านข้อความด้านข้าง “เจลใช้สำหรับแต่งผม ไอ้เหี้ยซัน!” เขาอยากจะเอาเจลในกระปุกไปยีหัวมันนัก แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ ตัวเขาคงพูดไม่ชัดเจนเอง
ไม่นานซันก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นเพื่อนรักนั่งกุมขมับก็เดินเข้าไปถาม “ใช้ไม่ได้อ่อ”
ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น “สัส ไม่ได้เว้ย! กูไม่ได้จะเอาเจลแต่งผม!”
“แล้วมึงจะเอาเจลอะไร”
“เจลหล่อลื่นโว้ย!”
ใบหน้าของซันซับสีเลือด เขานั่งยองๆ ลงพร้อมกับเอาผ้าขนหนูพันหัวไว้ “เอาไปทำเรื่องอย่างว่าเหรอวะ”
“เออสิวะ! มึงคิดว่ากูจะเอาไปแปรงฟันรึไงล่ะ!”
“กับพี่หมอเหรอวะ”
“สัส กูมีคนอื่นมั้ยล่ะ!” ภูพิงค์หันมองไปทางประตู แล้วจุ๊ปาก “มึงอย่าเอ็ดไป อย่าบอกใครด้วย มาช่วยกูคิดหน่อย กูจะไปซื้อเจลที่ไหนยังไงดี”
“ร้านขายยาสิมึง”
“กูก็รู้เว้ย แต่ถ้าไปร้านขายยาแถวมหาลัย กูก็กลัวจะมีคนเห็นแล้วจำกูได้ เกิดถ่ายรูปไปลงเน็ตกันอีก มึงช่วยกูคิดหน่อย เอาไงดีวะ”
“งั้นไปไกลจากมหาลัยหน่อยดีมั้ยวะ”
“มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“ไม่เอาเว้ย! กูก็เขินเป็นมะ”
ภูพิงค์ถลึงตาใส่เพื่อน “ถ้ามึงไม่ช่วยกูนะ กูจะบอกให้พี่วินไม่ต้องมาช่วยงานคณะอีก!”
“ไอ้เหี้ย!” ซันส่งนิ้วกลางให้รัวเป็นปืนกล “เออ พรุ่งนี้พักเที่ยงไปหาซื้อกัน”
“ขอบใจเว้ย~”
“หาเรื่องให้กูฉิบหายเลยมึงเนี่ย”
“มึงไม่ค่อยหาเรื่องให้กูเลยนะ อีกอย่าง ในเมื่อมึงก็มีส่วนร่วมในการทำให้กูกับพี่วินรักกัน มึงก็ต้องช่วยกูรับผิดชอบด้วยเว้ย”
“เออๆ กูไม่อยากฟังมึงแล้ว” ซันถอยกลับไปนั่งบนที่นอนของตน เขาเอนหลังลงนอนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกูเกิลแมปหาร้านขายยาไปพลางๆ ระหว่างที่รอให้ง่วง “ปิดไฟด้วยสัส”
ในตอนเที่ยงของวันใหม่ ภูพิงค์ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของซันมุ่งหน้าออกจากมหาวิทยาลัย ไปร้านขายยาที่ห้างเซนทรัล เพราะพวกเขาคิดว่าร้านยาใหญ่ๆ ในห้างน่าจะคนเยอะ คงจะไม่มีใครสนใจพวกเขามากนัก
สองหนุ่มจ้ำอ้าวๆ เข้าไปในร้าน เดินตรงไปหยุดหน้าชั้นขายถุงยางอนามัยและเจลสารพัดสีกลิ่นรส
“โอ้โห... เอาอันไหนดี มึงมีถุงยางยังวะ” ซันถามพลางกวาดสายตามอง
“กูไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่าง กูควรจะเริ่มจากรสอะไรดี”
“อืมมม... มึงก็เอารสที่มึงชอบแดกสิ” พูดจบสองหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปจ้องอ่านทีละรส
“สตรอวว์เบอร์รี”
“กล้วย”
“ส้ม”
“เอาทุกรสเลยดีมั้ยวะ” ภูพิงค์หันไปปรึกษาเพื่อนรัก
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงใครบางคนเรียกชื่อพวกเขา “อ้าว ไอ้ซัน ไอ้พิงค์ มาเหมือนกันเรอะ”
น้ำเสียงคุ้นหูนั่นเรียกให้สองหนุ่มหันขวับ “พี่เล็ก! มาทำไรวะเนี่ย!”
“ก็มาซื้อของกับพวกสโมฯ ไง เตรียมขนมไว้ให้พี่หมอด้วย แล้วพวกมึงมาทำไร” นายกสโมฯ ตอบ พร้อมชะเง้อดูว่าสองหนุ่มกำลังมุงดูอะไรกัน
ภูพิงค์หันไปคว้าห่อที่อยู่ใกล้ๆ มือมา “มาซื้อของครับ!”
นายกสโมฯ ขมวดคิ้ว “พวกมึงจะซื้อผ้าอนามัยไปทำไมวะ”
“เย้ย!” ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ด ซันเพื่อนรักจึงรีบพูดขึ้น
“เพื่อนที่มหาลัยฝากซื้อน่ะพี่”
“เอ๊า ในมหาลัยไม่มีขายเหรอวะ ต้องฝากพวกมึงมาซื้อถึงนี่”
“รุ่นพิเศษน่ะพี่ หาย้าาก” สองหนุ่มพร้อมใจกันตอบแบบประสานเสียง
“อ่อๆ แล้วพวกมึงจะซื้อของกันอีกนานมั้ยล่ะนี่”
“ไม่นานครับ จะซื้ออย่างเดียวนี่แหละ”
“งั้นซื้อเสร็จไปกินไอติมกัน เผื่อจะได้คุยกันเรื่องวันเสาร์ด้วย ปะๆ พี่เลี้ยง”
เด็กหนุ่มทั้งสองคนยิ้มเจื่อนๆ พวกเขาหันมองหน้ากัน จำใจต้องเอาผ้าอนามัยในมือไปจ่ายเงินที่เคาทน์เตอร์ แล้วเดินตามรุ่นพี่ไปต้อยๆ
หลังพูดคุยกันเสร็จสองหนุ่มก็พากันขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากเซนทรัลไปหาร้านขายยาแห่งใหม่ เอาที่ใหญ่ๆ และไกลจากมหาวิทยาลัยออกไปอีกนิด
ไม่นานพวกเขาก็พบร้านใหม่ มองจากข้างนอกไม่เห็นมีคนในร้านก็ดีใจ หากพอเดินเข้าไป ก้าวแรกเท่านั้นก็มีเสียงทัก
“พี่พิงค์ พี่ซัน โดดเรียนเหรอคะ”
สองหนุ่มเบิกตากว้าง เพราะเจอรุ่นน้องในภาคเข้าอย่างจัง “น้องกุ๊ก! มาทำไรที่ร้านยาเนี่ย”
“นี่ร้านพ่อหนูค่ะ วันนี้โดดเรียนบ่ายมาเฝ้าร้านแทนพ่อ พี่จะซื้ออะไร มาๆ เดี๋ยวหนูหาให้”
อะไรพวกเขาจะซวยขนาดนี้วะ!
“เอา... ยาธาตุน้ำขาว...ครับ”
สุดท้ายก็เดินออกจากร้านกันมาพร้อมกับยาธาตุน้ำขาวและผ้าอนามัยในกระเป๋าเป้
“ไอ้ซัน กูว่าลดขนาดร้านขายยาลงหน่อยอาจจะดี”
“แต่ของมันจะมีให้เลือกน้อยไปด้วยนะมึง”
“ลองดูก่อนละกันเว้ย”
ซันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “ไปได้อีกร้านนึง งั้นเอาใกล้ๆ ละกันมึง เดี๋ยวกลับไปเรียนไม่ทัน”
สองหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปทางมหาวิทยาลัย ระหว่างทางก็หันมองซ้ายขวาหาร้านยา ไม่นานก็เจออีกร้าน พวกเขาจอดมอเตอร์ไซค์ที่ข้างหน้าร้านขายยา ยังไม่ทันจะก้าวเข้าร้านก็มีเสียงทักมาขัดจังหวะได้อีก
“อ้าว ไหนพวกมึงว่าจะรีบกลับมหาลัยไงวะ”
“พี่เล็ก! มาทำเหี้ยอะไรแถวนี้อีกวะ!”
“ไอ้ต่ายมันปวดท้อง เลยแวะซื้อยา แล้วพวกมึงล่ะ”
“พวกผม... เอ่อ...” สองหนุ่มหันมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปที่ร้านข้างๆ ร้านขายยาอีกที “แวะซื้อข้าวหมูแดงน่ะพี่”
“โอเคๆ ไว้เจอกันเว้ย” เล็กพยักหน้า แล้วเดินเข้าร้านขายยาไป
ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “กูว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีแล้ว อ้าว ไอ้ซัน มึงจะไปไหน”
“ซื้อข้าวหมูแดง ไหนๆ ก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว”
“แล้วเจลกูล่ะ~”
“มึงก็รอพี่เขากลับกันก่อนค่อยเข้าไปซื้อสิวะ”
แต่สุดท้ายสองหนุ่มก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมหาวิทยาลัยพร้อมกับผ้าอนามัย ยาธาตุน้ำขาวและข้าวหมูแดงห้ากล่อง เพราะรอให้พวกรุ่นพี่เดินออกมาจากร้านขายยาไม่ไหว แถมต้องเอาข้าวไปเก็บที่บ้านแล้วกลับมาเรียนให้ทันอีก
ฝ่ายทันตแพทย์หนุ่มหล่อสองหน่อ เย็นวันนี้รวินท์หมดแรงจะทำผัดกะเพราแล้ว เขาให้เตชิตเป็นคนแสดงฝีมือบ้าง ขณะที่อีกฝ่ายทำกับข้าว เขาก็นอนเล่นอยู่บนพื้นห้อง เปิดโทรทัศน์ดูไปพลาง
“กูนึกออกแล้วว่าห้องกูขาดอะไร กูว่ากูซื้อโทรทัศน์บ้างดีกว่า เฮ้ย ไอ้เต้ โทรทัศน์นี่ซื้อแล้วเขาเอามาส่งให้มั้ยวะ”
“ส่งให้ก็คงมี แต่ถ้ามึงจะซื้อ เดี๋ยวกูเอารถกูไปช่วยหอบมาติดตั้งกันเองก็ได้”
“มึงติดตั้งเป็นด้วยเหรอวะ”
เตชิตอ้ำอึ้ง ที่จริงก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะของเขาน่ะมารดาจัดการให้ช่างมาติดตั้งให้ เขาเดินถือจานข้าวสองใบมานั่งลงที่โต๊ะกับเพื่อนรัก “มึงก็เรียกช่างส่วนตัวของมึงมาติดให้สิวะ จะได้เรียกมันมาที่ห้องไง เผื่อใช้งานอย่างอื่นด้วย”
รวินท์หันไปประสานสายตากับอีกฝ่าย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มค่อยๆ ปรากฎขึ้นที่ตรงมุมปาก “เออ เป็นความคิดที่ดี”
“กูหมายถึงใช้งานอย่างอื่น มึงคิดไปถึงไหนวะไอ้เหี้ย”
“ก็ใช้งานไงวะ”
เตชิตหรี่ตามอง “กูชักสงสารไอ้พิงค์นิดหน่อยแล้ว”
“สงสารกูนี่”
“สงสารมึงทำไม มีอะไรให้สงสารวะ”
รวินท์ทอดถอนใจเบาๆ “มึงก็รู้นิสัยพิงค์กับนิสัยกู แม่งคนละขั้ว”
“ก็... จะว่าไปก็ใช่”
“มึงเข้าใจความลำบากของกูยัง”
“ยัง ลำบากยังไงวะ ระบุให้ชัดๆ หน่อย”
รวินท์ส่งสายตาขุ่นๆ ใส่ ใจนึกอยากจะถีบเพื่อนรักนัก เห็นมันรู้ดีทุกเรื่อง ทีแบบนี้ทำไมเสือกไม่เก็ตวะ
“ลำบากไงอะ ถามแค่นี้ต้องทำหน้าดุใส่ด้วย กูจะไปรู้นิสัยไอ้เด็กพิงค์เหมือนมึงมะ นอกจากว่ามันโคตรซื่อบื้อแล้ว กูก็...” เตชิตชะงัก ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปถาม “มันบื้อทุกเรื่องเลยเหรอวะ”
“เออ”
“บื้อแบบ... บื้อทุกเรื่อง?”
“เออโว้ย ทุกเรื่อง!”
เตชิตหัวเราะลั่น เสียงดังจนหัวสั่นหัวคลอน แบบไม่เกรงใจเพื่อนรักที่ทำหน้าดุพร้อมส่งนิ้วกลางให้เลย “ก็เหมาะกับคนอย่างมึงแล้วไง เหมือนแม่เหล็กคนละขั้ว จะได้ดูดติดกันแน่นๆ”
“สัส”
“มึงก็เริ่มก่อนสิวะ สอนเด็กมันหน่อย”
“กูก็พยายามอยู่ คือเรื่องปกติแม่งบื้อแล้ว เรื่องอย่างว่านี่แม่งยิ่งโคตรบื้อ คือกูต้องเริ่มจากศูนย์เลยอะ ต้องสอนเหมือนก.เอ๋ยก.ไก่ มึงเข้าใจมั้ย”
“โธ่ มึงก็ปล้ำแม่งไปเลยสิวะ ทีสองทีมันก็เป็นเอง”
“บางทีกูก็อยากถูกปล้ำมะ”
เตชิตหัวเราะหนักกว่าเดิม หัวเราะจนตัวงอต้องยกมือกุมท้อง “เหี้ย ฉี่กูจะเล็ดแล้ว หยุดเถอะ กูขอร้อง”
ใบหน้าของรวินท์เปลี่ยนเป็นสีแดง เขายกขาถีบอีกฝ่ายรัวๆ “จมกองฉี่ตายไปเลยสัส”
สองหนุ่มพักรบแล้วเปลี่ยนมาดูรายการโทรทัศน์ด้วยกันแทน ซึ่งในรายการมีการพูดถึงวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง
ขณะที่เตชิตนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น เขาหันหน้ามามองเพื่อนรักแล้วเอื้อมมือไปสะกิด “วิน มีแผนวันวาเลนไทน์รึยังวะ”
เจ้าของชื่อหันขวับ “เอ่อ พิงค์เป็นคนจัดการ”
“ไม่ทิ้งกูไว้คนเดียวได้มั้ย”
รวินท์ยิ้มแห้ง เขาเบือนหน้าหลบ พลางขมวดคิ้ว ที่จริงก็สงสารเพื่อน เวลาที่เขาไม่มีใครก็มีมันอยู่ข้างๆ ตลอด แล้วเขาจะทิ้งมันไปมีความสุขกับคนรักได้ยังไงวะ แต่เขาก็รอที่จะไปค้างคืนวันวาเลนไทน์กับพิงค์มาตั้งนานแล้วนะ
“ขอกูคุยกับพิงค์ก่อนนะ”
เตชิตไม่ตอบ มีเพียงแค่รอยยิ้มเศร้าๆ ให้เพื่อนรักเท่านั้น
ในตอนเย็นของวันพฤหัส เด็กหนุ่มสองหน่อสวมเสื้อแจ็กเกตแบบมีฮู้ด ใส่หมวกทับ ใส่ผ้าปิดจมูกและสวมแว่นดำเดินเข้าไปในร้านขายยาร้านใหญ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก
“ไอ้ซัน กูว่าแต่งแบบนี้ยิ่งทำให้คนมองป่ะวะ”
“มองไปอย่างน้อยก็ไม่รู้ว่าเป็นกูกับมึงไง ไปๆ รีบไปซื้อ จะได้รีบไปให้พ้นๆ จากที่นี่”
สองหนุ่มเดินเบียดกันไปยืนหน้าชั้นวางถุงยางและเจล ซึ่งมีละลานตา หลากสีหลายยี่ห้อไปหมด
ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูรูปที่แคปไว้ เมื่อคืนเขากับไอ้ซันนั่งหาข้อมูลกันอยู่นานสองนาน “อยู่ไหนวะ หรือที่นี่ไม่มี”
“ใจเย็นๆ มึงอย่ามือสั่นดิ กูดูไม่ถนัด” ซันจับข้อมือเพื่อนไว้ขณะก้มลงดูภาพ “ถุงยางเอาแบบ...”
“สัส มึงอย่าพูดดัง” ใบหน้าของเด็กหนุ่มภายใต้แว่นดำและผ้าปิดจมูกซับสีเลือด เขาหันมองไปรอบๆ ร้านอย่างระแวง ก่อนสายตาจะไปพบกับใครคนหนึ่งที่เขารู้จักดีเข้า เขาสะกิดคนข้างๆ ยิกๆ แล้วจึงรีบก้มหน้าหลบ “แย่แล้วมึ้ง~”
“ไอ้พิงค์! ไอ้ซัน!”
สองหนุ่มรีบหันหน้าชนกัน ทำเป็นเมินคนเรียก หากนั่นทำให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วสะกิด
“บ่าฮ่า กูเรียกทำไมไม่หัน”
“ทักผิดคนแล้ว”
“บ่าจ๊าดง่าวนี่ กูเพื่อนมึงนะ ใครจะจำผิดวะ” แซนดี้ขึ้นเสียงสูง
“ชู่วๆ อีสัส เงียบๆ”
“พวกมึงมาทำอะไรกันวะ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ จะมาปล้นร้านยาเรอะ!”
สิ้นคำพูดของแซนดี้ สายตาของคนทั้งร้านก็พุ่งตรงมาที่เด็กหนุ่มสองคนกันเป็นตาเดียว
“ฮื้ยยย!” ภูพิงค์ก้มลงเอามือป้องใบหน้า “เงียบๆ หน่อยสิวะอีห่า แล้วมึงล่ะ มาทำไรที่นี่วะ! มาหายาเบื่อตัวเองเรอะ!”
“กูมาร้านขายยา มาซื้อข้าวเหนียวมะม่วงมั้งมึง” แซนดี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองของบนชั้นตรงหน้าสองหนุ่ม “อ้อ... ให้กูแนะนำให้มั้ยวะ”
สองหนุ่มกระโดดเกาะหลังคนถามทันที “เอา!”
ซันรีบชี้ไปทางเจ้าทุกข์ “จัดให้แม่งหน่อย ขอชุดใหญ่ พร้อมรบได้หนึ่งอาทิตย์”
“ขอแบบในรูปด้วย” ภูพิงค์ส่งโทรศัพท์มือถือให้
“สัส มึงไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย” แต่ถึงแม้ปากจะด่า แซนดี้ก็จัดการเลือกของที่อีกฝ่ายต้องการให้ พร้อมกับบรรยายสรรพคุณให้เสร็จ “ไอ้ที่มึงแคปรูปมา กูว่าไม่ค่อยเวิร์ค อันนี้ดีกว่า กูให้อันดับหนึ่ง...”
ซันเลิกคิ้วขึ้นพลางตบไหล่ภูพิงค์รัวๆ “โอ้โห! มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ๆ ทำไมมึงไม่ฉุกใจวะ”
“รู้งี้กูปรึกษามันแต่แรกแล้ว ไม่รอมึงให้เสียเวลา”
“อ้าว ไอ้สัส”
แต่จู่ๆ แซนดี้ก็เงียบไป สองหนุ่มจึงหันไปมอง แล้วพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเป้ากางเกงของภูพิงค์เขม็ง
“มองอะไรของมึ้ง~” เจ้าของเป้ารีบเอามือบัง ปิดทั้งใบหน้าปิดทั้งเป้าสลับไปสลับมาเป็นพัลวัน
“อยู่นิ่งๆ สิวะ กูกำลังกะขนาดเว้ย”
“ไม่ต้องกะ กูบอกให้ อันเท่านี้เว้ย” ภูพิงค์ยกมือขึ้นบอกขนาด
แซนดี้คิ้วกระตุก “อย่ามาตอแหล!”
“เล็กกว่านิดนึงก็ได้”
“ไหนกะเส้นรอบวงมาดิ๊”
“มึงจะเอาเส้นผ่านศูนย์กลางกับรัศมีด้วยมั้ยอีห่า จะเอาไปคำนวณหาปริมาตรเรอะ!”
ซันหันมองไปทางภูพิงค์ที แซนดี้อีกที “พวกมึงเบาๆ กันหน่อยเว้ย คนในร้านเขาจะรู้ไซซ์ไอ้พิงค์กันทั้งร้านแล้ว”
“แล้วมึงจะพูดชื่อกูทำม้ายยย~” ภูพิงค์หันไปร้องเสียงหลง
กว่าจะได้ของครบก็เล่นเอาสามหนุ่มเหงื่อตกกีบไปตามๆ กัน แซนดี้จัดการเอาของที่เลือกให้เพื่อนรักไปจ่ายเงิน แล้วเดินถือถุงใส่ของที่เพิ่งซื้อเสร็จมาส่งให้ “เอ้า ได้แล้วมึง”
“เย้ย~” ใบหน้าของภูพิงค์ร้อนผ่าว ควันใกล้จะพุ่งออกหูแล้วตอนนี้
“โห หูแดงเหมือนมีกิ้งกือเกาะเลยสัส”
“มึงเอากลับบ้านไปด้วย เดี๋ยวกูต้องไปช่วยงานสโมฯ นะๆ”
“เออ เห็นแก่ข้าวหมูแดงเมื่อวานหรอกนะ เดี๋ยวกลับมาก็มาเอาที่ห้องแล้วกัน”
ภูพิงค์ยกมือไหวปลกๆ “กูรักมึงว่ะ สาธุ”
พอตกดึกคืนนั้น ภูพิงค์กับซันก็ย่องไปเคาะประตูห้องแซนดี้หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนเสร็จ
“อีแซนดี้... อีแซนดี้โว้ย”
“มันน่าจะขี้อยู่ เห็นบ่นว่าปวดขี้เมื่อกี้” ดิวชะโงกหน้าออกมาจากในครัว ในมือถือกล่องไวตามิลค์ที่เขาดูดค้างไว้ “ทำไมพวกมึงต้องทำท่าลับๆ ล่อๆ ด้วยวะ”
“ทำไมมึงยังไม่นอนวะ!”
ขิงโผล่หน้าออกมาจากในครัวอีกคน “ก็หิวไง อีแซนดี้ก็ยืนเม้าท์อยู่ด้วยกันเมื่อกี้ จู่ๆ แม่งก็ปวดขี้ เลยวิ่งเข้าห้องไปอย่างเร็ว”
คราวนี้ประตูห้องแซนดี้เปิดออกผาง “เฮ้อ โล่ง~” พอพบหน้าภูพิงค์กับซันก็ถอยกลับเข้าห้องไป “อ้อ พวกมึงมาเอาของใช่มะ”
“อีแซนดี้~” ภูพิงค์ร้องเสียงหลง
“ของอะไรกันวะ” อีกสองหนุ่มเดินเข้ามาสมทบ
สุดท้ายทุกคนก็ได้เห็นถุงยางและเจลสารพัดในถุงใส ซึ่งภูพิงค์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมร้านขายยาไม่ใช้ถุงที่มันขุ่นๆ ปกปิดหน่อยวะ!
“โอ้โห ไอ้พิงค์”
“ทำไมพวกมึงรู้ว่าของกู! อาจจะของไอ้ซันก็ได้มะ!”
“แหม สัส ก็มีมึงคนเดียวที่มีแฟนป่ะวะ”
ภูพิงค์ก้มหน้าหลบสายตาทิ่มแทงจากทุกคน พลางเอื้อมมือไปรับถุงจากแซนดี้มา ทว่าพอรับมาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่ปล่อยมือจากถุง “ปล่อยสิวะ มึงจะยื้อไว้ทำไมเนี่ย”
“ไอ้พิงค์ กูถามจริง มึงทำเป็นรึเปล่า”
ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือด รู้สึกเหมือนถุงยางในถุงตรงหน้าเข้ามาจุกอยู่ในลำคอ “....”
“บอกมาตรงๆ ถ้าไม่เป็นกูจะได้สอน ถ้าเกิดมึงทำพี่หมอเจ็บ ระวังมึงจะไม่ได้ทำอีก นี่กูไม่ได้ขู่นะ”
เด็กหนุ่มสบสายตาเพื่อนรักนิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงกอดเข่า “ท่านอาจารย์ โปรดรับข้าน้อยเป็นศิษย์ด้วย”
“เรียกกูอาจารย์แล้วค่อยขอให้กูรับเป็นศิษย์เนี่ยนะ” แซนดี้เบ้ปากใส่ “เห็นแก่พี่หมอหรอกนะ มาๆ กูจะสอนทฤษฏีให้ ส่วนปฏิบัติมึงค่อยไปฝึกเอาหน้างาน”
จากห้าทุ่มยาวไปจนถึงตีหนึ่ง ภูพิงค์ยังคงนั่งคุกเข่าฟังแซนดี้บรรยายอยู่ภายในห้องนั่งเล่น เพื่อนอีกสามชีวิตจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เนื่องจากภูพิงค์ดึงซันไว้ ดังนั้นซันจึงดึงขิงและดิวต่อเป็นทอดๆ
“ไอ้สัสพิงค์ ทำไมพวกกูต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งฟังไปกับมึงด้วยวะ แฟนก็ไม่ได้มีกับเขา”
“สักวันพวกมึงก็ต้องมีป่ะวะ เก็บไว้ใช้ไง”
“ชาตินี้จะหาได้รึเปล่ายังไม่รู้เลยสัส”
“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมั้ย เพื่อนก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกันสิวะ!” ภูพิงค์งัดไม้ตายดราม่าขึ้นมาใช้ เป็นผลให้เพื่อนพ้องยอมนั่งอยู่ด้วยกันต่อไปจนถึงตีสองได้
หลังจากนั่งฟังบรรยายต่อไปอีกสักพัก แซนดี้ก็สรุป “อะ ทฤษฏีคร่าวๆ ก็มีแค่นี้ ไหวมั้ยไอ้สัสพิงค์”
เจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกๆ มือถือกระดาษทิชชูซับเลือดกำเดาที่หยดลงมาเป็นระยะ เขาไม่น่าจินตนาการภาพพี่วินไปด้วยระหว่างฟังเลยแม่ง แรงหื่นพุ่งออกหูแล้ว
“มึงจะเลือดหมดตัวตายก่อนมั้ยไอ้พิงค์” ดิวหันไปถามอย่างห่วงๆ
“แต่กูง่วง” ขิงอ้าปากหาวกว้าง
“อะ ถ้าง่วง มาออกกำลังกันบ้าง นี่เป็นสิ่งสำคัญที่พวกมึงทุกคนควรรู้ไว้ แบบฝึกหัดบทแรกจากกู ขมิบสามสิบครั้ง สามเซต ปฏิบัติ!”
สี่หนุ่มทำหน้างง “ขมิบอะไรวะ”
“ตูดไงมึง”
“เย้ย! จะให้พวกกูขมิบไปทำพ่องส์!”
“เอ้า พวกมึงไม่รู้จักผลประโยชน์จากแรงขมิบซะแล้ว มันมีผลดีกับไอ้นั่นของพวกมึง ช่วยให้แรงดีเหมือนกินม้ากระทืบโลง ไม่ล่มปากอ่าวด้วยเว้ย”
สี่หนุ่มอ้าปากค้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยวะ!
“เอ้า พร้อมยัง ขมิบตามกู หนึ่ง สอง...”
“เอาก็เอาวะ” พวกเขายกมือขึ้นเกาศีรษะ แต่ก็ยอมทำตามไปอย่างงงๆ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร อาจจะทำให้หายง่วง
หลังขมิบกันไปจนครบสามเซต แซนดี้จึงถามขึ้น “ไม่ยากใช่ไหมพวกมึง ต่อไปนี้ทำทุกวัน เพื่อแฟนในอนาคตของพวกมึง โอเค้”
“โอย เหน็บกินตูดแล้ว”
สี่หนุ่มเอนหลังนอนลงไปบนพื้นห้อง เพราะขมิบกันจนเมื่อยตูด นอนบ่นกันไปสักพักภูพิงค์ก็ผงกศีรษะขึ้น
“เออ วันวาเลนไทน์นี้ตรงกับวันเสาร์ กูจะพาพี่วินไปค้างม่อนแจ่มสักคืน พวกมึงว่าดีมะ”
สายตาทุกคนพุ่งตรงเข้ามาทิ่มแทงภูพิงค์ทันควัน “แหม ไปม่อนแจ่มกับพี่หมอ แล้วพวกกูล่ะ มึงเคยคิดมั้ยว่าพวกกูต้องหลบอยู่ที่บ้านเช่านี่ เพราะออกไปไหนก็เจอแต่คนเขาจีบกัน มันเจ็บรู้มั้ยมึง”
“เอ้า พวกมึงก็หาอะไรทำสิวะ ดูดีวีดีก็ได้”
“พูดง่ายๆ ก็คือมึงจะทิ้งพวกกูไว้ให้นอนเน่าที่บ้าน แล้วมึงก็จะไปสวีตกับพี่หมอใช่มะ” แซนดี้ขึ้นเสียงสูงปรี้ด
“เดี๋ยวสิวะ วันวาเลนไทน์ใครเขาพาเพื่อนไปเที่ยวกับแฟนวะ”
“ใช่ซี้ มึงมันมีแฟนแล้ว” ดิวขึ้นเสียงตาม
“ถ้าไปกับกูกับพี่วิน พวกมึงก็ต้องทนดูพวกกูสวีตกันป่ะวะ”
“อ้อ มึงจะทนไม่สวีตกันต่อหน้าพวกกูไม่ได้เลยใช่มะ สรุปก็คือมึงจะทิ้งพวกกูเฝ้าบ้านนั่นล่ะ”
ซันผงกศีรษะหงึกๆ “น่าสงสารพี่เต้เหมือนกันเนอะ คงจะเจอชะตากรรมเดียวกัน”
“พวกเรามันคนที่โดนทิ้ง พอหมดประโยชน์ก็โดนทิ้ง เหมือนผ้าอนามัยใช้แล้ว” ขิงยกชายเสื้อขึ้นซับหางตา
ภูพิงค์อ้ำอึ้ง เขาร่อนเร่ไปกับพี่วินมาเป็นสิบครั้ง พวกมันไม่เคยดราม่า ทำไมเกิดจะมาดราม่ากันครั้งนี้วะ
“ไอ้พิงค์ ไอ้เพื่อนเห็นแก่ตัว ไอ้เพื่อนเลว” สี่หนุ่มหันหน้าเข้าร่วมวงดราม่าด้วยกัน
“สัส!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ
แม่ง... ถ้าจะไปกันยกกลุ่มแบบนี้ พี่วินจะไม่งอนเขาเหรอวะ เขาสัญญาไว้แล้วด้วยว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องวันวาเลนไทน์เอง “กูขอคุยกับพี่วินก่อนก็แล้วกัน”
ไม่มีคำพูดใดๆ จากเพื่อนทั้งสี่คนอีก เขาถูกงอนไปแล้วเสร็จสรรพ
“พวกมึงนี่...” ภูพิงค์อยากจะลุกขึ้นเตะรายตัว งานนี้ถ้าพี่วินงอนเขาด้วย เขาจะจับพวกมันนั่งขมิบจนตะคริวกินตูดเลยแม่ง
ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ เตชิตขับรถจากลำพูนไปยังเชียงใหม่พร้อมเพื่อนรักและพี่สิงหา เมื่อมาถึงแล้วก็ไปกินมื้อเย็นกัน ก่อนจะกลับมาที่คลินิก
พอจะพากันเดินเข้าไปในตึก รวินท์ก็จับชายเสื้อเตชิตไว้ พลางพูดเสียงอ่อย “ไอ้เต้ กูจะไปหาพิงค์ ไปส่งหน่อยดิ”
เตชิตยิ้ม ส่ายหน้าแล้วโยนกุญแจรถให้ “ไม่อะ มึงขับไปเองละกัน เอ้า”
“เอ้อ... แล้วมึงไม่ออกไปไหนแล้วเหรอวะ”
“ไม่อะ เดี๋ยวจะนั่งดูซีรีส์กับพี่สิงหาว่ะ ไปเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักนะเว้ย”
“ขอบใจ” รวินท์รู้สึกเกรงใจเพื่อนรักอยู่เหมือนกัน เขาพยายามระวังไม่พูดหรือทำอะไรให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจเหมือนอย่างในอดีตอีก “มึง...ไม่เป็นไรนะ จะเหงามั้ย”
“ไม่เหงาหรอก พี่สิงหาก็อยู่ มึงไปเหอะ แต่ขากลับแวะซื้อบัวลอยมาฝากด้วยก็ดี”
“โอเค” รวินท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังรถที่จอดไว้ พอขึ้นไปนั่ง หันไปที่ประตูทางเข้าตึกก็เห็นเพื่อนรักยืนโบกมือบ๊ายบาย เขาโบกมือตอบแล้วขับรถออกไป
รอยยิ้มของเตชิตจางหายไปทีละน้อย มองเพื่อนรักขับรถห่างออกไปตาละห้อย พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ
“ดีแล้วมึง เพื่อนกันไม่ต้องตัวติดกันตลอดหรอก ไปๆ ดูซีรีส์กัน” สิงหาโอบไหล่รุ่นน้องแล้วเขย่าเบาๆ
“ผมอยากดู Game of thrones อะ ยังไม่เคยดูเลยพี่ ตอนนอนโรงบาลเห็นพยาบาลคุยกันบ่อยๆ”
“เอาดิ มีตั้งหลายซีซัน มึงดูได้ยันเช้าเลย”
เตชิตขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานทำการรึไงวะพี่”
“พี่หมายถึงมันมีเยอะ ดูยาวได้ยันเช้า แต่ไม่ได้ให้มึงดูยันเช้าจริงๆ เว้ย” ทันตแพทย์รุ่นพี่เขกศีรษะรุ่นน้อง จากนั้นก็กอดคอพากันเดินเข้าไปข้างใน
*TBC*น้องพิงค์ต้องสู้นะ ใครจะกากเท่าหนูมะมีอีกแร้วรู้กกกก /ซับนั้มตา
แต่น้องพิงค์ก็ได้ครูดีแล้วน้า ติดอยู่ที่ว่าจะเอาทฤษฎีไปปฏิบัติได้ขนาดไหนนี่แหละค่ะ 555555
ความวุ่นวายยังดำเนินต่อไป อดทนรอวันเผด็จศึกไปกับสองหนุ่มนะคะ
คืนนี้นอนหลับฝันดี ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ