บทที่ 7 ภาระ จากวันที่พี่จิณณ์ไม่สบายวันนั้นจนบัดนี้ก็เป็นสัปดาห์แล้วที่อิสระนอนคนเดียว เนื่องจากพี่จิณณ์อ้างว่าติดงาน
ความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เขารู้สึกเหงาจับใจ มองไปทางไหนก็ดูจะว่างเปล่า
เด็กหนุ่มนั่งมองกระปุกเงินที่วางอยู่ข้างทีวี ใกล้กันมีคีย์การ์ดและกุญแจห้อง เขาถอนหายใจเพราะยามนี้ ของในตู้เย็นหมดไม่มีเหลือ แม้แต่ของแห้งเองก็ตาม
เวลาล่วงเลยไปจนหนึ่งทุ่ม ที่อิสระยังไม่ได้กินข้าว มีเพียงน้ำเปล่าที่ตกถึงท้อง เรื่องของเรื่อง คือ อิสระไม่กล้าลงไปซื้อของคนเดียว
ตั้งแต่ออกมาจากการคุมขัง อิสระออกไปเผชิญโลกกว้างแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรก คือ ตอนที่พี่จิณณ์พาไปห้างสรรพสินค้า ครั้งที่สอง คือ พาไปทำบุญที่วัด
อิสระนั่งชันเข่าด้วยความคิดว่าจะเอาไงต่อดี ในเมื่ออิสระลองโทรหาพี่จิณณ์ตั้งแต่เมื่อวานก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้ พี่จิณณ์ก็ไม่มีวี่แววคิดจะติดต่อกลับมาด้วย
ถึงเวลาที่ต้องพึ่งตัวเองแล้วสินะ อิสระต้องดิ้นรนหาทางแก้จะมารอพี่จิณณ์อย่างเดียวก็คงไม่ได้กินข้าวพอดี
จำใจคว้าเงิน คียการ์ด กุญแจ เพื่อลงไปด้านล่าง
ตึ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง เด็กหนุ่มสอบถามพนักงานรปภ. ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้คำตอบอิสระก็เดินไปตามทางที่เขาแนะนำ
ออกสู่ถนนใหญ่ เลี้ยวขวาเดินบนฟุตปาธประมาณแปดร้อยเมตร อิสระเหลือบเห็นร้านสะดวกซื้อติดกับร้านอาหารตามสั่งที่ดูร้านใหญ่โต สะอาดสะอ้านน่ากิน ก็รู้สึกโหยขึ้นมา จึงโฉบแวะกินข้าวก่อนซื้อของ
ไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวผัดกระเพราะไข่เจียวหายวับไปกับตา เขาฟาดเรียบไม่มีเหลือ พออิ่มท้อง ก็เติมพลังให้อิสระมีแรงขึ้น
จ่ายเงินเสร็จ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบตะกร้าเตรียมซื้อของ
อิสระยิ้มดีใจที่เขากล้าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว
เด็กหนุ่มอ้อยอิ่ง ดูของอย่างเพลิดเพลินเพราะร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โต มีทั้งมุม เครื่องดื่ม เบเกอรี่ พร้อมที่นั่งติดกระจกใสเป็นแนวยาวไว้อำนวยความสะดวกสบาย ทำให้อิสระค่อนข้างตื่นตา
ขณะที่เด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่ง หยิบขนมใส่ตระกร้าอยู่หลายถุง เขาได้ยินเสียงคนพูดเข้าหู
"แกๆ อย่าไปใกล้ เค้าเป็นโรคอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูสิ..แก..." เงี่ยหูฟังจนจบก็หันไปมอง สองสาวผิวขาวเนียนละเอียดยืนพูดด้วยท่าทีรังเกียจ อิสระอายจนต้องก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นยืน
ขณะที่เดินหนีไปโซนอื่น ยังไม่วายได้ยินเสียงพูดไล่ตามหลัง
"กล้าออกมาได้ยังไง จะแพร่เชื้อโรครึเปล่าก็ไม่รู้"
จากอารมณ์ดีในตอนแรกเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดใจ อิสระรีบยัดของใส่ตระกร้าอย่างเร็วไว ครบทุกอย่างตามใจก็เดินไปวางของลงบนเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมจ่ายเงิน
เหลือบมองพนักงานที่มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก็เริ่มน้ำตาคลอ ก่อนจะก้มมองแขนตัวเองที่มีรอยแผลเป็นจากหยดน้ำตาเทียน ทั้งๆที่สองแขนมีรอยไม่มากเท่าไหร่ ผู้คนที่พบเห็นยังแสดงท่าทีรังเกียจ และถ้าได้เห็นในร่มผ้าของอิสระ จะไม่ยิ่งกว่านี้เลยหรือ?
คิดเรื่องนี้ ก็หวนไปนึกถึงใบหน้าคนคนหนึ่ง จนน้ำตาเอ่อดวงตาขึ้นมา
...พี่จิณณ์...ไม่เคยรังเกียจอิสระ มิหนำซ้ำยังโดนตัวเป็นเรื่องปกติแถมจูบกันมาแล้ว
"คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าคะ ทั้งหมดหกร้อยสี่สิบสามบาทค่ะ"
"ขอโทษครับ"
ชั่วแวบหนึ่งที่สายตาเหลือบเห็นพนักงานหลุดหัวเราะตอนร้องเรียก ยิ่งทำให้อิสระคิดมากกับการแสดงออกแบบนั้น
อิสระรีบยื่นแบงค์พันให้พนักงานพลางนึกถึงพี่จิณณ์อยากให้กลับมาหากันไวๆ
จ่ายเงินเสร็จ รับเงินทอนเรียบร้อย อิสระแบกสองถุงใหญ่เดินกลับไปยังคอนโด
ทำไมการออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกครั้ง ถึงได้ยากอย่างนี้ ทั้งๆที่เขาก็เคยผ่านมาก่อน
สี่ปีที่อยู่แต่ในห้อง ไร้อิสรภาพ มันกลับบีดรัดให้อิสระรู้สึกกลัวสังคมไปแล้ว ทุกครั้งที่สายตาคนมองมา อิสระจะคิดว่าทุกคนคงรังเกียจ
ปรี้น ปรี้น!
"โอ้ย! เดินขวางทาง ไม่เห็นรถรึไงวะ"
อิสระมองวัยรุ่นที่โวยวายใส่อย่างไม่พอใจ เขาเดินบนฟุตปาธตามปกติ คนที่ผิดต้องเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาบนทางเท้าไม่ใช่หรือ?
อิสระมองคนหยุดรถ ชูนิ้วกลางใส่ ก่อนจะบิดเร่งมอเตอร์ไซค์หนีหายไป
เขามองถุงพลาสติกที่บรรจุของด้วยความเสียดาย เพราะเมื่อกี้มอเตอร์ไซค์ตั้งใจเฉี่ยวให้อิสระหลบแล้วล้มลงกับพื้น
อิสระปัดแขน ปัดเสื้อผ้าที่เลอะ และตามไปหยิบของที่กระจายออกมาจากถุงตอนล้ม เขาต้องจัดเรียงของใหม่ เพราะมีขวดซอสแตกจนหกเลอะเทอะ อิสระต้องนั่งแยกของไปรวมไว้ในถุงเดียวกันและหอบหิ้วถุงแนบอกเดินช้าๆ ขึ้นห้อง
ก้าวขายาวๆพาตัวเองขึ้นห้องด้วยน้ำตานองหน้า
เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับสินะ ว่าโลกมันก็โหดร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับและเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือเปล่า?
กว่าจะถึงห้อง ก็ทุลัก ทุเลพอสมควร อิสระวางของลงที่พื้นใกล้โซฟา ถึงเพิ่งเห็นว่าตรงหัวเข่ามีเลือดซึมออกมาด้วย ในตอนแรกอิสระนึกว่าแค่ถลอกเพราะตอนที่เดินก็รู้สึกแสบๆ ตึงๆอยู่เหมือนกัน
อิสระรีบไปที่อ่างล้างมือวักน้ำเปล่าล้างแผลไปก่อน
ไม่นานนักที่อิสระได้ยินเสียงดังจากด้านนอก
เพล้ง!
อิสระรีบวิ่งออกไปดู เพราะไม่ได้ยินเสียงประตูเลยไม่รู้ว่าพี่จิณณ์กลับมาแล้ว
อิสระเห็นพี่จิณณ์ยกถุงขึ้นมาในสภาพข้างถุงพลาสติกฉีกขาดเป็นทางยาว
มองน้ำอัดลมหกเต็มพื้น พลันเหลือบมองคนหน้าแดงก่ำในสภาพที่กลิ่นเหล้าหึ่ง
นี่เพิ่งแค่สามทุ่ม ทำไมพี่จิณณ์เมามาแล้ว
"พี่จิณณ์"
"ทำไมอิสมาวางตรงนี้" ตวัดสายตาไปมองถุงที่ถืออย่างไม่พอใจ
"ผมไปซื้อของเข้าห้องและเพิ่งขึ้นมาครับ เลยวางไว้ตรงนั้นก่อน เพราะผมมาล้าง...แผ...ล" ยังไม่ทันได้บอกเหตุผลก็โดนขัดขึ้น
"มันเกะกะ ทำไมไม่วางที่อื่น"
อิสสระเงียบ
...ดูเหมือนจะเป็นวันซวยของอิสระ ที่ทำอะไรก็ดูขัดหู ขัดตาไปซะหมด
"ขอโทษครับ"
"ไปหยิบผ้ามาให้พี่หน่อยซิ เลอะหมดเลย ทีหลังอย่ามาวางตรงนี้นะ ดูซิเสียเวลาทำงาน ทำการ"
"พี่จิณณ์ไม่ต้องทำก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเช็ดเอง"
"ไม่ต้อง! ก็บอกให้ไปเอาผ้ามาไง เร็วๆสิ" อิสระสะดุ้งตอนพี่จิณณ์ตะคอกใส่ เขารีบหาผ้าผืนเล็กชุบน้ำมาให้
ในระหว่างที่เช็ดพื้น พี่จิณณ์ก็บ่นไม่หยุด
"มาอยู่บ้านคนอื่นแล้ว อย่าทำตัวให้เป็นภาระเข้าใจหรือเปล่า? พี่เหนื่อยนะอิส เจองานก็เครียดมากพอแล้ว ยังมาเจอเรื่องนี้อีก" อิสระชะงัก ยืนตัวสั่น ปากสั่น ใจเสีย มองคนที่นั่งทำความสะอาดอยู่ที่พื้น และเผลอร้องไห้จนหลุดสะอื้น
เงยหน้ามองคนที่เพิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น
"นี่พี่จะว่าอะไรไม่ได้เลยรึไง เอะอะก็ร้องไห้ๆน่ะ ห้ะ..."
"ผมขอโทษครับ ถ้าผมทำให้พี่ลำบากมากขนาดนั้น ผมไม่อยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ" ก้มหน้า พูดเสียงเบาหวิวอย่างน้อยใจ
"หึๆ ไม่อยู่ที่นี่จะไปอยู่ไหนได้ พี่เห็นเวลาอิสจะไปไหนคนเดียวยังไม่กล้าเลย อิสโตแล้วนะครับ ไม่ใช่เด็กๆ ควรทำอะไรให้เป็นมากกว่านี้" จิณณ์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลุกขึ้นไปซักผ้าให้สะอาดและกลับมาเช็ดต่อ
โดนตอกหน้าจนอิสระยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายแล้วเขาคงเป็นภาระอย่างที่พี่จิณณ์ว่าจริงๆ คงไม่มีใครอยากดูแลคนที่เอาแต่กลัวไปเสียทุกอย่างจะทำอะไรแต่ละทีต้องพึ่งคนอื่นเสมอ
ยืนอยู่ในความคิด จนต้องสะดุ้งเมื่อพี่จิณณ์เดินมากระแทกไหล่
"ถ้าไม่ทำอะไรก็ไปอาบน้ำเถอะอิส อย่ามายืนขวาง"
"ค...ครับ..." อิสระเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
สายน้ำไหลเอื่อยชะโลมร่างอันเปลือยเปล่า อิสระได้แต่นึกท้อใจ หนีออกมาได้ก็ยังไม่มีใครเอาอยู่ดี หรือเขาควรกลับไปหาคุณอิทธิพลนั่นแหละถูกต้องแล้ว
ร้องไห้ดั่งคนพ่ายแพ้ให้กับโชคชะตา
ใช่...อิสระยังไม่เข็มแข็งพอที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง
ดังนั้น เขาควรกลับไปตายรังที่เดิมก่อนคงดีกว่าและหาทางใหม่
"เราไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่จิณณ์ แค่เขาพาออกมา จ่ายค่ากิน ค่าที่อยู่อาศัยได้มาเกือบเดือนมันก็ทำให้รู้ว่าพี่เขาช่วยมากพอแล้ว พอเถอะ... โลกของความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนี้" .................
ยามสายของวันถัดมา แสงแดดแยงตาจากการลืมปิดม่านมูลี่เมื่อคืน
จิณณ์ตื่นลืมตาและรีบเด้งตัวขึ้นมา เหลือบมองนาฬิกาตรงผนัง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขานัดฮูมไว้
ขายาวพาตัวเองมาถึงห้องน้ำเพื่อรีบไปจัดการธุระ สายตากวาดมองรอบห้อง ก็ไม่เห็นอิสระนอนที่โซฟา ด้วยความคิดว่าอิสระคงลงไปซื้อของจึงไม่เอะใจแล้วรีบอาบน้ำ
แต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนอนก็ยังไม่เห็นอิสระขึ้นมาสักที จึงลองโทรหา ปรากฎว่าเสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสาร กลับแผดเสียงร้องดังอยู่ในห้อง
"ไปไหนนะ" ใจไม่ดี...เพราะเมื่อคืนก็จำได้บ้างว่าทะเลาะกับอิสระ
ช่วงนี้ จิณณ์มีเรื่องเครียดหลายอย่าง ทั้งเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องของอิสระเองที่จิณณ์เพิ่งคุยกับป้าแก้วไม่กี่วันมานี้ ได้ความคืบหน้ามาว่าตอนนี้ คุณอิทธิพลส่งสายสืบตามหาอิสระแล้ว
และแน่นอนว่า เมื่อได้ยินคำตอบ จิณณ์เครียดหนักกว่าเดิม
เขาไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาว...
เขาไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์...
เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่แค่อยากเป็นคนดี อยากช่วยเหลือผู้อื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อสิ่งที่เขาช่วยเหลือมันเริ่มทำให้ตัวเองลำบาก จิณณ์ก็ควรถึงเวลาปล่อยไป
ยอมรับว่ากลัวตัวเองจะเป็นอันตรายและพลอยติดร่างแห จึงหนีไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านฮูม เพียงเพราะยังหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
รู้สึกผิดนิดหน่อย แต่จะว่าไปก็ช่างมันเถอะ...ในเมื่อจิณณ์ช่วยเหลือสุดความสามารถแล้วจริงๆ
เขามองรอบห้องอีกครั้ง ก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่แคร์ เมื่อไม่เห็นอิสระอยู่ในห้อง
"ก็ดีเหมือนกัน" ถ้าอิสระไปจริงๆได้ก็ดี เขาจะได้โล่งใจ...อีกอย่าง จิณณ์จะได้คืนห้องให้เพื่อนแล้วกลับไปอยู่ห้องของตัวเองสักที
หลังจากจิณณ์นัดคุยงานกับเพื่อน เรื่องการรวมหุ้นเปิดร้านอาหารไทยซึ่งตั้งอยู่บนคอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งสองคุยส่วนของงานต่างๆทั้ง การว่าจ้างพนักงาน ระบบสั่งอาหารในร้าน และจิปาถะ
จัดการธุระเสร็จก็ทุ่มกว่าๆ ถึงห้อง ร่างสูงเปิดประตูออกกว้าง ควานกดเปิดสวิตช์ไฟจนสว่างโร่ ทว่า กลับไม่มีร่างใครนั่งรอเขาเหมือนทุกที...
เงียบ...จนใจหาย...
ทำไม พอรู้ว่าอิสระยังไม่ถึงห้องกลับนึกร้อนใจด้วยความเป็นห่วง อิสระไม่เคยออกไปไหนข้างนอกคนเดียว แล้วตอนนี้ อิสระจะอยู่ที่ไหน จะเป็นอย่างไร?
ยังไม่ยอมเข้าห้องนอน แต่นั่งรออิสระอยู่ที่โซฟา โดยมองในแง่ดีว่าอิสระคงเดินเล่นอยู่แถวนี้ คงไม่หนีไปจริงๆหรอกมั้ง?
ทว่า เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ จิณณ์กลับนั่งไม่ติด อยู่ไม่สุข เมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือมันก็ดึกเกินไป
มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เขาควรรู้สึกดีไม่ใช่หรือ? หากน้องจะไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาจะได้ไม่มีภาระเพิ่มขึ้นด้วย
หรือควรจะช่างมัน...
ยกอีกความคิดมากลบเกลื่อนความเป็นห่วง เพื่อให้ตัวเองเลิกสนใจ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำเตรียมนอน เนื่องจากวันนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...
****1.1****
ก็อย่างว่า ญาติสนิท มิตรสหายก็ไม่ใช่ จิณณ์ก็คงเหนื่อยที่จะต้องตามประกบดูแลทุกอย่าง
.
แต่พี่จิณณ์ก็คงจะลืมอะไรไปบางอย่างอะเนอะ
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา