ตอนที่11
“ไงมึง”เสียงคุ้นเคยของเพื่อนตัวดีที่ทำให้ผมถูกลดเงินเดือนดังขึ้นทัก ผมเดินเข้าไปหาไอ้กรซึ่งโบกมือทักทายอยู่บนโต๊ะประจำซึ่งชาวแก๊งค์ไม่ค่อยได้มานั่งเท่าไหร่เพราะมาสายแทบทุกวัน
ผมวางกระเป๋าสะพายบนโต๊ะแล้วก็กอดอกมองด้วยสายตาเอาเรื่อง หลังเที่ยวกับกันย์เสร็จผมถึงเห็นข้อความที่มันส่งมาเรื่องงานที่ร้าน
“มองหน้าผู้มีพระคุณอย่างนั้นได้ยังไงวะเพื่อน”มันยักคิ้วข้างเดียวแล้วก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมลุกขึ้นยืนในจังหวะเดียวกับผมที่นั่งลง มังกรคว้าแฟ้มเน่าๆของมันขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป
“กูเพิ่งนั่ง มึงจะไปไหน กวนตีนไหมละมึง”ผมรีบห้ามมันไว้ได้ทันแต่มันกลับเพยิดหน้าไปด้านหลังของผม
“เมียมึงมา”มันว่างั้นแล้วก็เดินจากไป ผมเลิกให้ความสนใจมันแล้วก็หันขวับไปยังทิศทางที่มันก่อนจะพบกับร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าดึงดูดสายตาผู้คนเดินมาหาด้วยรอยยิ้ม
กันย์ของผมกระโดดเข้ามาเกาะไหล่แล้วก็เอาหัวไถไปไถมา ผมก็เลยลูบผมนิ่มๆนั่นอย่างมันเขี้ยว
“อ้อนแต่เช้าเลย อยากได้อะไร หืม?”
เขาส่ายหัวแทนคำตอบ กันย์ทิ้งตัวลงนั่งข้างตัวผม ฉากหลังที่เห็นทำให้ผมผงะไปนิดหน่อยเพราะว่ากันย์กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินอ่อนในสวนหน้าคณะ ถึงจะคนละคณะกับตอนที่ผมเห็นเขาไปนั่งทำงานตอนเย็นบ่อยๆก็ตามแต่ก็ทำให้อดคิดถึงช่วงเวลาที่แอบมองเขาไม่ได้
“นายจะทำงานทุกวันแบบเดิมก็ได้นะ ที่เราถามวันนั้นก็เพราะว่าอยากรู้เฉยๆไม่ได้เจตนาให้ลดเวลางาน”กันย์ว่าเสียงอ่อย เขาก้มหน้ามองเท้าตัวเองซึ่งแกว่งไปมาอยู่ใต้โต๊ะ
สงสัยว่ากันย์ของผมจะเข้าใจผิดว่าเขาเซ้าซี้ถามเรื่องให้จ้างพนักงานคนอื่นจนผมเกรงใจและเอาไปบอกเจ้าของร้าน
“ไม่เลย ไอ้กรมันอยากจีบเจ้าของร้านมันเลยตามไปสมัครงานแล้วเงินเดือนก็ลดลงไม่เท่าไหร่ด้วย”ผมว่าพลางก้มตัวลงมาเพื่อมองหน้าเขาชัดๆ กันย์ถึงกับสะดุ้งเมื่อผมเข้าใกล้มากเกินไปจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเลย หึหึ น่ารักจริงๆ
“เหรอ...งั้นก็ดีนะ เราจะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น”คนข้างตัวของผมเขาพูดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะคิกคักมีความสุข
ผมหัวเราะตามอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของกันย์ภายใต้แสงตะวันมันสว่างเกินไปนี่นะ
“ทั้งอาทิตย์นี้แล้วก็อาทิตย์หน้ากรมันจะคุมร้านเอง เราไปไหนกันดีไหม เสาร์นี้หนังที่กันย์อยากดูเข้าโรงพอดีเลยนี่”
เอาจริงๆผมค่อนข้างแฮปปี้กับตารางงานใหม่นะ เงินเดือนลดลงก็จริงแต่เวลางานก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง ด้วยเงินเท่านี้ผมอยู่ได้สบายๆ ค่าหอห้าพัน เหลือใช้เป็นค่ากินค่าเที่ยวอีกห้าพัน แต่เอ๊ะ ต้องเพิ่มค่าเลี้ยงแฟนด้วยนี่หว่า กันย์ไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องกินก็จริงแต่ผมก็อยากพาเขาเข้าร้านดีๆ พ่อแม่เขาทะนุถนอมมายี่สิบปีพอมาคบกับผมจะให้กัดก้อนเกลือกินไม่ได้เด็ดขาด
เขาเบิกตาแบบตกใจ”รู้ได้ยังไงว่าเราอยากดูเรื่องไหน”แล้วก็ถามคำถามชวนอึ้ง
“เอิ่ม...ก็...เห็นโพสต์บ่นว่าอยากดูเรื่องนี้...”ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไป อายที่โดนจับได้ว่าแอบส่งไทม์ไลน์ของเขา แต่กันย์กลับยิ้มกว้างกว่าเดิมเสียอีก ผมกระพริบตาแบบงงๆเมื่อเขาเอื้อมมือมาเกาะแขนของผม
“นายน่ารักจัง”
อะฮื้มมม เขาชมผมด้วยแหละครับ!!
“เอ้อ งั้นเย็นนี้นายก็ว่างสิ”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ”ทำไมเหรอ”
“คืนนี้มีปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน มันเป็นลูกเจ้าของผับ euphonium ที่เราเคยไปกันอ่ะ เลยปิดร้านเลี้ยงเลย กินไรก็ได้เต็มที่ มันบอกให้ชวนเพื่อนไปเยอะๆเสียค่าช่วยงานแค่คนละร้อย ไปนะๆๆๆ”
คุณกันย์ครับคุณเล่นกอดแขนกระผมเสียแน่นแล้วก็ช้อนมองตาหวานกับเสียง นะๆๆ ออดอ้อนนั่น ยังคิดจะถามอีกหรือว่าจะไปไหม
“ได้สิ”
“เย่! เอาของรางวัลจากกันย์ไปเลย”เขาว่าเสียงใสขณะยกกล่องข้าวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ”กินข้าวเช้ายัง”
“ยัง”ผมยิ้มแก้มแทบปริก่อนเปิดกล่องข้าวที่ผมเคยขอให้เขาทำเมื่อวันก่อนแล้วเขาก็ทำมาให้จริงๆ ฮึ่มมม ดูแลเอาใจใส่กันขนาดนี้แต่งเลยดีไหม ฮ่าๆๆ
“กันย์ล่ะ กินมายัง”
“ยังอ่ะ”
“แล้วได้เอาของตัวเองมาไหมเนี่ย”
คำตอบคือการส่ายหน้าหงอยๆ
“เมื่อเช้าตอนทำของนายเสร็จก็ดีใจแล้วก็อยากเจอเร็วๆเลยรีบออกมาจนลืมของตัวเองไว้บนโต๊ะ...”
โอ๊ยยย ให้ตายเถอะโรบิ้น ท่าทางก้มหน้าจ๋อยๆนั่นน่ารักน่าลากมาจุ๊บสักทีจริงๆ แต่ผมก็ต้องอดใจไว้เพราะสายตาของผู้คนเริ่มรวมอยู่ที่เราสองคนเป็นตาเดียวแล้ว
จะโดนมองด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ก็คงไม่แปลกเพราะผมเล่นเปลี่ยนชื่อเฟสซะเด่นขนาดนั้น คนส่วนใหญ่เลยสงสัยที่มาที่ไปแล้วพอเห็นผมไปไหนมาไหนกับกันย์ตลอดอาทิตย์เชื่อว่าหลายๆคนคงได้ข้อสรุปไม่ยาก
ผมตัดสินใจชวนเขาไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร
“กินอะไรดี เดี๋ยวเลี้ยงเลยมื้อนี้”
“อื้อหือออ ใจปล้ำจริงๆ”กันย์หยอกแกมประชดกลับมาเมื่อผมยืนล้วงกระเป๋าแบบป๋าเตรียมเลี้ยงข้าวราดแกงยี่สิบบาทอิหนู
“ข้าวขาหมูไม่เอาหนังใส่ไข่ฟองนึงครับ”กันย์หัวเราะแล้วก็เดินไปสั่งอาหารเช้าของตัวเอง ด้านผมก็เดินตามไปจ่ายตังค์ตามที่บอกเล่นเอาเจ้าตัวตีหน้าแปลกใจไม่คิดว่าผมจะเลี้ยงมื้อกระจุกกระจิกแบบนี้จริงๆ
เขายิ้มหน้าแป้นถือจานเดินตามผมกลับโต๊ะต้อยๆ พอนั่งลงแล้วกันย์ก็รอให้ผมเปิดกล่องข้าวก่อนด้วยสีหน้าแอบลุ้น
ผมคลี่ยิ้มเอ็นดูการกระทำแบบเด็กๆนั้นแล้วก็เปิดฝากล่องออกเผยให้เห็น
“เครื่องในผัดขิง!!!”
ตะโกนดังมากครับ ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยอีก ก็ไอ้เมนูนี้เนี่ยตอนอยู่บ้านแม่ชอบทำให้กินบ่อยๆ ผมชอบมากๆๆๆเลย แต่ในกรุงเทพตามร้านข้าวแกงไม่มีใครเขาขายกันอย่างมากก็เป็นไก่ผัดขิงผสมตับนิดหน่อยผมเลยได้แต่รอปิดเทอมเพราะจะทำเองที่หอเขาก็ห้ามทำอาหารอีก
“ชอบป่าว”กันย์ถามด้วยรอยยิ้มปรี่
“ชอบๆ”ผมว่าพลางตักเข้าปากคำโต อื้ม อร่อยมาก
“อร่อยไหม”
“อร่อย”
“จริงอ่ะ”
“จริง”
“ไม่ได้ยอใช่ไหม”
“อื้ม อร่อยมาก อาหารก็อร่อยคนทำก็อร่อย ฮ่าๆๆ”
“ทะลึ่ง!!”
แหม่ๆ ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆ บรรยากาศรอบตัวพวกเราเป็นสีชมพูฟรุ้งฟริ้งไปหมด แต่ทว่าความสงบก็อยู่กับผมได้ไม่นาน
“หมั่นไส้เหมือนกูไหม B1”
“หมั่นไส้สิ B2”
เสียงแห่งความฉิบหายดังลอยมาจากเบื้องหลัง ผมตวัดสายตาไม่พอใจมองไอ้สองหน่อที่มักตื่นสายเป็นประจำแต่วันนี้พวกมันดันขยันตื่นเช้ามาสอดเสือกเรื่องชาวบ้านได้อย่างเหมาะเจาะ
มารสองตัวไม่สนสายตาขุ่นเคืองของผมแม้แต่น้อย พวกมันสองคนบังอาจหาญกล้าวางจากข้าวของตัวเองพร้อมนั่งลงประกอบสองข้างของกันย์ที่มองหน้าผมแล้วก็ส่งยิ้มแหยๆมาให้
“มีธุระอะไร”
“เพื่อนกันนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันไม่ได้รึไงครับคุณเจ้านาย”
“อร่อยไหมจ๊ะพอส”
“อร่อยมากเลยจ่ะเบส”
“จริงอ่ะ ไม่ได้ยอกันใช่ไหม”
“จริงสิจ๊ะ ที่รักทำอะไรก็อร่อยไปหมด อร่อยยันคนทำเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“พวกมึงนี่มัน...”ผมส่งเสียงรอดไรฟันออกไปอย่างเหลืออด อยากจะถีบให้หน้าหงายตายไปซะทั้งคู่ให้รู้แล้วรู้รอด พวกมึงจะล้อกูก็ล้อตอนกูอยู่คนเดียวสิวะ มึงเห็นกันย์ไหมหน้าแดงจวนเจียนจะระเบิดอยู่แล้วนั่น!!
“งือออ...”ท่ามกลางเสียงหัวเราะสุขสันต์ของสองคู่หูเบสพอสผมแอบได้ยินกันย์ครางหงิงแบบเขินๆด้วย
อา...น่ารักจริงๆ...