บทนำ ผมถูกแฟนคลับจับกด
ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆภายในร้านอาหารเล็กๆ ผมกำลังส่งเสียงร้องเพลงขับกล่อมลูกค้าในร้านที่ทานอาหารอย่างเพลิดเพลินใจ น่าแปลก ถึงผมไม่ค่อยชอบร้องเพลงเศร้าเท่าไรนักแต่ถ้าร้องเพลงที่มีความหมายเศร้าๆ มักจะได้ติ๊บหนักกว่าปกติเสมอ ดังนั้นในบางครั้งถ้าบ่อจี๊ขึ้นมาทีไรผมก็มักจะเลือกร้องเพลงเศร้าๆ อย่างเช่นในวันนี้ที่เลือกร้องเพลง “สุดที่รัก”
เพียงเวลาแค่ไม่นาน ทำให้เราได้คุ้นเคย
สุขและทุกข์ที่ล่วงเลย มันทำให้เรายิ่งผูกพัน
แต่เวลาคือสิ่งเลวร้ายเช่นกัน เวลาช่างแสนสั้น
ทำให้เราต้องจากกัน
สุดเส้นทางปรายขอบฟ้า ชะตาได้กำหนด
ไม่อาจจะพบกัน แต่ตัวฉันไม่เคยจะลืมเธอ
ภาพเก่าคืนย้อนมา
จุดจบคือน้ำตา และรักที่ยังไม่เคยจางหาย
ระหว่างที่ผมกำลังร้องเพลงอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้โต๊ะหน้าสุดแล้วเดินเลี่ยงออกไป ผมพยายามจะไม่สนใจเขา แม้ว่าหน้าตาและรูปร่างจะทำให้ดูเด่นก็เถอะ แต่ก็ไม่ผู้ชายในแบบที่ผมชอบอยู่ดี
อืม... อ่านกันไม่ผิดหรอก “ผู้ชายในแบบที่ผมชอบ” น่ะถูกแล้ว เพราะผมชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจริงๆ แต่ด้วยความที่เป็นนักร้องแล้วต้องเอาใจแขก บางครั้งผมก็ไปต่อด้วยได้หมดโดยไม่เลือกเพศ แต่ดูที่ความพอใจมากกว่า
ถ้าอย่างนั้น ทำไมผมถึงสนใจ “มัน” ในเมื่อมันไม่ใช่เสป็กผมน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่า มันคือ “ตุลย์” ไง
ผมชอบหลายอย่างที่เป็นมันนะ เพราะมันคือตุลย์ ผู้ชายที่เหมือนจะเพียบพร้อม ผู้ชายแมนๆ ที่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย ผิวสีแทน ร่างใหญ่ สูงเกือบ 190 ซ.ม. กล้ามเป็นมัดๆ ซิกแพ็กเป็นลูกๆ รวย และอื่นๆ สรุปคืออะไรที่เป็นมันดีหมด ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมมันไม่ได้เป็นเดือนคณะ
ส่วนผม ก็แค่ผู้ชายร่างสูงโปร่งสูง 182 ซ.ม. หน้าจืด ตาตี่ๆ ฐานะทางบ้านก็แค่พอมีจะกิน แต่ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องทำงานเก็บเงินเองซะส่วนใหญ่ แถมตอนนี้ที่บ้านผมมีปัญหาการเงิน เพราะต้องหาเงินก้อนใหญ่ไปใช้หนี้สหกรณ์เอาเครดิต การเงินทางบ้านช่วงนี้เลยฝืดเคืองมาก ทำให้เงินทำงานพิเศษของผมที่เก็บหอมมาก็เลยหมดไปกับค่าเทอม แต่มันก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เรื่องกินเรื่องค่าหอ บานเบิก ผมก็เลยไปยืมเงินพี่ต้องที่เป็นเจ้าของร้านอาหารนั่นแหละครับ แต่เมียพี่เขานี่สิดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากให้ยืมเลย
ตุลย์กับผมเกี่ยวพันกันก็แค่เราดันเรียนวิศวะกรรมศาสตร์ปีสองที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ต่างสังคมโดยสิ้นเชิง และผมก็เป็นแค่นักร้องต๊อกต๋อยในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ตุลย์มันเป็นแขกวีไอพีก็เท่านั้น
ดังนั้นคนทั่วไปรวมทั้งผมจะอิจฉาความเป็นตุลย์ก็ไม่เห็นแปลก ถึงผมจะมีรสนิยมชอบผู้ชาย แต่กับตุลย์ ผมชอบแบบอยากเป็นไม่ใช่อยากได้ ก็ผมชอบรุกคนอื่นมากกว่าถูกรุกนี่นา
เราอาจจะเคยเดินสวนกันในคณะ มีเหตุการณ์ให้ต้องเกี่ยวพันกันบ้าง แต่มันก็จบไปแล้ว
ผมเคยคิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนดวงชะตาจะเล่นตลกกับผมมากเกินไป
แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล
แต่ความทรงจำดีๆนั้นไม่เคยจางหาย
ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ
หลับให้สบายสักวันคงพบกัน
แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล
แต่ความทรงจำดีๆนั้นไม่เคยจางหาย
ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ
หลับให้สบายสักวันคงพบกัน สุดที่รัก สุดที่รัก สุดที่รัก
เมื่อเพลงจบลงมีเสียงปรบมือดังเปาะแปะ ผู้หญิงคนหนึ่งที่โต๊ะหน้า (โต๊ะเดียวกับตุลย์) เดินมาส่งติ๊บให้ด้วยธนบัตรใบละพันบาทถึงสองใบ....
Lucky!!
ดูเหมือนว่า...โชคจะเข้าข้างคนหล่อได้ไม่นาน เพราะเมื่อผมร้องเพลงจบลงแล้วเตรียมตัวจะกลับบ้าน ผมก็เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ฮ่างของตัวเองที่จอดติดกับเคเอสอาร์และฟีโน่ที่จอดขนาบจนรถผมที่อยู่ตรงกลางมันขยับไม่ได้ ผมก็สอดตัวบางๆ เข้าไป แล้วก็พยายามไสรถออกมา แล้วทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ รถมันไปโดนเคเอชอาร์คันสวยเป็นรอยสีถลอก ผมก้มๆ เงยๆ ดูความเสียหายหน้าซีดเผือด คงแพงน่าดู
“เฮ้ย! มึงทำอะไรรถกูวะ”
ตายห่า! ทำไงดีวะ เสียงเจ้าของรถแม่งก็โหดฉิบหาย ชนแล้วหนีหรือว่าจะอยู่รับผิด ข้อแรกมันดีกว่าเยอะ แต่ไม่ทันแล้วครับ เจ้าของรถกระชากร่างผมให้หันไป แล้วเงื้อหมัด ผมหลับตาปี๋
“อ้าว ไอ้นักร้อง” เสียงนั้นแสดงความแปลกใจแต่น้ำเสียงดีขึ้นเยอะ ผมจึงกล้าลืมตาขึ้นดู
โจทก์กูนี่มันไอ้ตุลย์เหรอวะ!!
ตายละวา... ตายแน่แล้วงานนี้!!
ผมตกใจหน้าซีดเผือด พยายามกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เลยมีแต่เหงื่อที่แตกพลั่กแย่งกันไหลแล้วไหลอีก รีบพนมมือไหว้ขอโทษมันอย่างด่วน
“ขอโทษจริงๆ นะ ผมไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ”
มันทำหน้านิ่งเหมือนกำลังเซ็งกับอะไรบางอย่าง นั่นทำให้ผมยิ่งกลัวหนักเข้าไปใหญ่
อย่าหาว่ามากเกินไปเลย ผมไม่ประมาทความโมโหร้ายของคนอย่างมันหรอก เพราะเคยได้ยินข่าวลือมาหนาหูเรื่องนิสัยบ้าเลือดของมัน เคยต่อยรุ่นพี่ที่มาลงน้องซะหมอบ เคยกระทืบกะเทยซะอ่วม แล้วก็เคยมีเรื่องในร้านจนร้านพังพินาศไปครั้งหนึ่ง ผมเคยเห็นวีรกรรมแบบจะจะคาตาด้วยตัวเองมาแล้วเล่นเอากลัวขึ้นสมองไปเลย
“เออ.... มึงยอมรับดีๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้างั้นจ่ายค่าซ่อมมาแล้วกัน”
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะพูดง่ายหว่าที่คิด ทำให้สบายใจขึ้นเยอะที่ไม่ต้องโดนตีนโดยใช่เหตุแล้ว
แต่เอ๊ะ! ค่าซ่อม?
ตายหอง!! แล้วผมจะมีตังค์จ่ายให้มันไหมเนี่ย?
“เอ่อ... คือ ตอนนี้ผมกำลังกรอบเลยล่ะ ที่บ้านก็ขัดข้องนิดหน่อย อาจจะยังจ่ายค่าซ่อมให้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ผมไม่คิดจะโกงหรอกนะ จะค่อยๆ ทยอยผ่อนใช้ได้ไหม?”
หน้านิ่งๆ ไม่มีการตอบรับใดเอาแต่จ้องหน้าผมเหมือนเดิม
“อ่ะนี่ บัตรนิสิต จะเก็บไว้เป็นตัวประกันก่อนก็ได้นะ” มันรับเอาไปอ่านรายละเอียดของทั้งสองใบแล้วคืนให้ ยกมือถือขึ้น
“เอาเบอร์มึงมา” มันบอกง่ายๆ แล้วผมก็บอกเบอร์มันไปเสียงอ่อยๆ
“รอกูเอารถไปซ่อมก่อนแล้วจะบอกราคาแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที” ง่ายกว่าที่คิดแฮะ
สองสามวันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุด ผมก็เห็นว่า พอตุลย์ไม่ได้ขับเคเอชอาร์ก็ขับบีเอ็มมาแทน รวยไปไหนวะเนี่ย
มันพาผมไปที่ร้านซ่อมเพื่อรับรู้ค่าทำสีที่โคตรแพง พอเดินออกมาจากร้านซ่อมรถ ทั้งความเครียดทั้งไม่ได้กินข้าวแล้วมาเจอแดดร้อนๆ ทำให้ผมลมจับ ไอ้ตุลย์เข้ามาประคองแทบไม่ทัน
มันพาผมไปนั่งในรถเปิดแอร์เย็น เสียงเพลงเบาๆ คลอ แล้วขับไปจอดรถหน้าเซเว่น ซื้อยาดมมาให้
“เฮ้ย! ค่าซ่อมแพงจนเป็นลมเลยเรอะ!” ตุลย์แซว มันทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นมา ก็เพราะรู้ว่าค่อซ่อมมันต้องแพง เงินที่ได้มาวันก่อนก็เลยใช้จ่ายเต็มๆไมได้ต้องเก็บไว้คืนมันอีก ก็เลยต้องอดๆ อยากๆ อีกตามเคย...
“กูหิว” ผมบอกมันไปค่อนข้างดังด้วยความลืมตัว พอมันทำหน้านิ่งก็ทำผมให้ผมนึกขึ้นได้ว่า เผลอเสียงดังใส่มันเข้าให้แล้วแถมยังขึ้นมึงกูอีกต่างหาก ไม่รู้มันจะโมโหหรือเปล่า แต่มันกลับไม่ได้ว่าอะไร
"เอ่อ... ผมหิว" ผมตอบเสียงอ่อยๆ
"ไม่เป็นไร พูดตามปกติเหอะ" มันบอกแล้วยิ้มเชิงเยาะ ที่ผมพยายามทำตัวสุภาพทั้งทีี่มไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของผมเลย
มันขยับตัวที่โน้มมายื่นยาดมไปนั่งที่คนขับตามเดิม จากนั้นมันก็พาผมไปกินข้าว
“มึงผอม.. สูงมากก็ผอมมากกินเยอะๆ สิวะ” มันบอกแต่ไม่ต้องก็ได้ เพราะแค่เห็นอาหารก็ราวกับเห็นสวรรค์ ช่วงนี้จนมากจนยัดมาม่ามาหลายวันแล้วเห็นกับข้าวแล้วชื่นใจ กินจนติดคอ ไอ้ตุลย์ก็ซัดหลังผมตุ้บๆ
“เจ็บ มึงเอาน้ำมาสิวะ” ผมบอกมันโดยไม่ได้ใช้ถ้อยคำและท่าทางนอบน้อมอย่างแรกๆอีก
“เออ กูลืม” มันบอกด้วยหน้าตาที่ไม่สำนึกผิด แล้วยื่นแก้วน้ำให้
น่าแปลก..... ตุลย์ที่ผมเคยรู้จักจากปากคนอื่น.... ไม่น่าจะใจดีและเป็นกันเองขนาดนี้เลยไม่ใช่เหรอ?
หลังจากนั้น...พอผมไปร้องเพลง พี่ต้องเจ้าของร้านก็เอาเงินมาให้ บอกว่าให้ยืมใช้ไปก่อน ผมเลยรอดตัวไปเรื่องอาหารการกิน
คืนนั้นก็ร้องเพลงจนดึก ตามประสานักร้องเสียงดีก็มีบ้างที่จะมีแฟนเพลง และหลายครั้งเลยที่ผมมักจะตามใจแฟนเพลงมากไปหน่อย ทั้ง หญิง เกย์ กะเทยก็ไปต่อกันมาหมดแล้วแหละครับ คืนนี้ก็เช่นกัน พอร้านจะปิดผมก็เดินออกไปขึ้นรถเกย์ควีนหน้าตาน่ารักคนนึงแล้วก็ไปต่อกันจนเช้า ก็เท่านั้น รักสนุกไม่ผูกพัน ป้องกันตัวอย่างดีไม่มีโรคตามมาให้มีปัญหา
อีกวันผมก็มาร้องเพลงต่อ จบคิวก็เดินไปห้องน้ำ ตอนนั้นตุลย์เดินตามมาเข้าห้องน้ำแล้วมายืนข้างๆ ไม่ได้มาฉี่นะแต่มายืนมองผมเฉยๆ
หึหึ! อยากเห็นของผมเหรอ มาช้าไป เสร็จพอดี
“ถ้ามาถามเรื่อง เงิน...” ยังไม่ทันจะพูดจบอีกฝ่ายก็สวนกลับมา
“เปล่า ถามเรื่องอื่น”
“ว่ามาสิ”
“มึงเป็นเกย์ใช่ไหม?” เฮ้ย!! ถามอะไรเป็นความลับ คิดเหรอว่ากูจะบอกว่า...
“ใช่ กูเป็นเกย์ ทำไมเหรอ”
“คิงหรือควีนวะ” อะนั่น อยากรู้มากกว่าเดิม
“ก็พ่อแม่ให้ความเป็นชายมาเพื่อพิชิตโลกนะโว้ย เรื่องอะไรจะยอมถูกพิชิตวะ คิงดิ” มันพยักหน้ารับรู้แล้วเงียบไป
“เฮ่ยๆ มึงถามทำไมวะ” ผมถามแต่มันไม่ตอบ กลับเปลี่ยนเรื่อง
“คืนนี้ไม่ร้องเพลงแล้วใช่ไหม มากินเหล้ากับกูดีกว่า กับข้าวเต็มเลย กูรู้มึงจน ไม่มีตังค์กินข้าว” อะแหม หวังดีจริงว่ะ เรื่องอะไรที่กูจะ ... ไม่กิน!!
…………
อ่านต่อรีล่าง