รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)  (อ่าน 47229 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ้ยยย สนุกมากค่ะ
เมื่อไรความรักของ 4 คนนี้จะสว่างไสวซักทีคะ
กำลังจะไปด้วยดี อ้าวมีเรื่องอีกแล้ว
แล้วมาต่อตอนไปเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
       
 
ตอนที่ 50 be mine (1)
[/b]

    ศูนย์อาหารกลางของมหาวิทยาลัยเป็นอาคารขนาดใหญ่สามชั้น ด้านหน้าที่ติดกับถนนเส้นหลักของมหาวิทยาลัยมีบันไดยาวตลอดแนวด้านหน้าสลับกับบล็อกที่ด้านบนเป็นลานให้นั่งพักผ่อน แสงไฟที่ติดอยู่โดยรอบนั้นสว่างมากพอที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยแม้ไม่ใช่คืนที่มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย 


    ร่างสูงโปร่งหยุดลงที่ลานกว่างที่บันไดชั้นกลางก่อนขึ้นสู่ศูนย์อาหาร มองขึ้นไปเห็นไฟส่องสว่างได้ยินเสียงประตูของร้านสะดวกดังแว่วๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดจะเดินเข้าไปด้านในทั้งๆที่ร้านสะดวกซื้อนั้นเขาใช้มันเป็นข้ออ้างในการเดินมาถึงที่นี่


    เด็กหนุ่มก้าวเท้าอาดๆ เดินไปจนปลายสุดของลานที่ทอดยาวออกไป อีกฝั่งหนึ่งของศูนย์อาหารกลางที่ติดกับสนามรักบี้ไม่มีร้านรวงอะไรที่เปิดทำการจนกลางค่ำกลางคืน จึงเป็นที่เหมาะนักที่จะนั่งลงเงียบๆ บนขั้นหนึ่งของบันไดท่ามกลางแสงสลัวที่หากไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็นว่ามีใครมานั่งอยู่ในมุมมืดๆแบบนี้


    “เฮ้อ................”   เสียงเด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ดวงตารีเรียวเหม่อขึ้นมองด้านบน


    ท้องฟ้ายาวค่ำคืนดูสว่างกว่าที่คิดเพราะไฟถนน แต่ความเงียบที่มุมนี้ของศูนย์อาหารกลางนั้นถือว่าในตอนนี้มีค่าจนเงินคงซื้อไม่ได้ สองมือยกขึ้นหมายจะขยี้ผมของตัวเองแรงๆแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเสียเวลาขนาดไหนกับการเซ็ทผมให้อยู่ทรงก็ล้มเลิกความคิด ได้แต่กระแทกมือลงกับราวจับตรงนั้นอย่างเสียอารมณ์

    “โธ่เอ้ย.........” เจ้าของผมสีทองรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยจนต้องเดินออกมาจากชมรม หงุดหงิดท่าทีของคนร่างสูงที่ยอมให้แฟนเก่าคล้องแขนแต่โดยดี หงุดหงิดท่าทีของนิดที่ยิ้มไปหัวเราะไป หงุดหงิดเสียงสูงๆของพรรคพวกของเธอที่พากันเฮฮาไปกับมุกที่ดูไม่เข้าท่า

    แต่จริงๆแล้วทั้งหมดที่คิดคงเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพราะคนที่เขาน่าจะหงุดหงิดที่สุดคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตนเอง หงุดหงิดตัวเองที่ทำได้แค่เดินหนีออกมาจากความรู้สึกรุ่มร้อนอัดอั้นในอกที่เขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นคนขอให้เคนยังปิดบังทุกคนกับสถานะของพวกเขาที่เป็นอยู่ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็อดที่จะรู้สึกแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี

      ลมเย็นพัดผ่านทำให้ต้องถูมือเข้าด้วยกัน และก็ได้แต่หวังให้ความร้อนรุ่มในใจนั้นถูกพัดพาไป จนได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้า
มาใกล้ ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้นไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร

    
         “อะไรกัน พี่ยุทธ์เองเหรอ”  เด็กหนุ่มเอ่ยพลางหันหน้าไปมอง ไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด
    
          “จะตกใจสักหน่อยก็ไม่ได้รึไง” เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินลงบันไดไปนั่งข้างๆ “เกิดไม่ใช่พี่ เป็นโจรมาดักตีหัวจะทำยังไง” มือเรียวยกขึ้นแตะเส้นผมสีอ่อนของเด็กหนุ่มเบาๆ ดวงตากลมของพระเอกประจำชมรมจับจ้องอีกฝ่ายอย่างห่วงใย
    
          “ผมผู้ชาย...ดูแลตัวเองได้หรอก พี่นั่นล่ะตัวนิดเดียวเขาตีทีเดียวก็น็อคละ” จูนหัวเราะออกมาเบาๆ
    
          “ก็รู้...ว่าดูแลตัวเองได้ แต่ความรู้สึกตัวเองน่ะ ก็ต้องดูแลด้วยนะ” รุ่นพี่ร่างเล็กเอ่ยเสียงเบา ดวงตาคู่นั้นทำทีเป็นเหม่อมองออกไปไกล
    
          “หึๆ ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูกดังขึ้นเบาๆ “พี่นี่ก็รู้ดีไปหมดเลยเนอะ”
    
         “ช่วยไม่ได้ มันอดสังเกตไม่ได้นี่นะ” ยุทธ์ตอบไปตามตรง มือเรียวยกขึ้นสัมผัสเส้นผมสีอ่อนของจูน “ทุกครั้งที่มองก็จะคิดแบบเดิมๆ ว่าไม่อยากให้แกต้องเจ็บ”
    
          “.............” จูนไม่ได้ตอบอะไร เขารู้และเห็นได้ในสายตาของอีกฝ่าย จากเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนมันไม่มีอะไรให้ต้องอธิบายเพิ่มว่าความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อเขามันเป็นอย่างไร
    
          “ผม...ดูเหมือนคนที่กำลังเจ็บอย่างนั้นเหรอเนี่ย” รุ่นน้องผมสีอ่อนเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ช่วงขายาวยกขึ้นมานั่งชันเข่าช่วงแขนยาวนั่นกอดเข่าเอาไว้หลวมๆ


    “ให้อยู่ด้วยได้ไหม....สักพัก”


             คำตอบที่จูนมีให้คือการพยักหน้าลงน้อยๆ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆหยิบไฟแช็ค ขึ้นมาจุดบุหรี่สูบ สักพักก็ได้กลิ่นควันที่คุ้นเคย


    “พี่เคนล่ะ....”

    “ตอนพี่ออกมามันก็ยังง่วนอยู่นะ กับเรื่องของมันน่ะ” ท้ายเสียงนั้นคล้ายเยาะหยันชายร่างสูงใหญ่คนนั้น เพราะก่อนที่เขาจะเดินออกมายังเห็นโดนแฟนสาวยื้อยุดอยู่ไม่ห่างอยู่เลย


   ....บางทีก็ขอบใจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นเสียแบบนั้น.....
    ....และก็คงต้องขอบใจ เชี่ยโชติมันเหมือนกัน........
 

   
    “เรื่องของเขา...นั่นสินะ” เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เวลาที่ไม่พอใจทีไรน่าแปลกที่ถ้อยคำประชดประชันนั้นช่างพร่างพรูออกมาได้อย่างง่ายดาย อาจจะเพราะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ถึงได้รีบเดินหนีออกมา

    “......ไม่เป็นไรนะ.....” คำพูดนั้นเป็นทั้งคำถามและคำปลอบใจไปในตัว ยุทธ์เอื้อมมือไปโอบไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้

    “อย่างน้อยก็ตอนนี้น่ะนะ” จูนถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ขยับหนีจากการโอบกอดของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ใบหน้าได้รูปก้มลงซุกหน้ากับแขนของตัวเอง

    “ผมรู้ตัวผมดี ผมมาทีหลัง ผมเป็นผู้ชาย พี่เคนเองก็เหมือนกัน พวกเราไม่เคยรับมือกับเรื่องนี้หรอก”  เพราะหน้าที่ยังซุกอยู่กับท่อนแขนประโยคที่ได้ยินนั้นดังอู้อี้ และยุทธ์เองก็มองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแต่ไม่ต้องเห็นก็เดาได้ว่ารุ่นน้องที่เขาหลงรักคนนี้ต้องกำลังสับสน

    “อืม...พอไม่รู้แล้วบางทีมันก็ทำให้กลัวสินะ”

    “........ ” ไม่มีเสียงตอบมีแค่แรงสั่นไหวที่ศีรษะได้รูปของรุ่นน้อง


     แม้ไร้เสียงแต่คำตอบที่ได้นั้นกลับยิ่งทำหัวใจสั่นไหว ท่อนแขนที่โอบไหล่ของอีกฝ่ายไว้เพียงหลวมๆ ตอนนี้กลับโอบร่างของคนตัวสูงกว่าเข้ามาแนบกาย


   ......ตัวก็สูงกว่า แต่เวลาแกเป็นอย่างนี้....
    ......ทำไมนะ ถึงกอดเอาไว้ได้ด้วยสองแขน.....



    หัวใจเจ็บแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดอีกคนเอาไว้ เป็นหลักพิงให้และได้แต่นิ่งเงียบให้อีกฝ่ายปล่อยความคิดให้ล่องลอยให้อ้อมแขนของเขา ไม่ว่าจะคิดถึงใครอีกคนหรือไม่ อย่างน้อยในตอนนี้จูนก็ยังอยู่ตรงนี้ไม่หนีไปเหมือนคราวก่อนก็พอ


    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ก่อนที่รุ่นน้องผมสีอ่อนจะขยับถอยออกจากอ้อมแขนของยุทธ์ บนใบหน้าที่ต้องแสงไฟจากถนนมีรอยยิ้มที่ดูประหม่า

    “ขอโทษครับ ผมไม่น่าเป็นแบบนี้เลย” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด อันที่จริงจูนรู้ดีเขาไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะยืมเวลาและไหล่ของอีกฝ่ายให้ปลอบประโลมเขาเช่นนี้อีก แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นยุทธ์ที่หาทางพาตัวเองเข้ามาได้ถูกเวลาอยู่เสมอ

    “ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ” ชายหนุ่มร่างเล็กตอบพลางยิ้ม ปลายนิ้วไล้เบาๆกับเส้นผมสีอ่อนของเด็กหนุ่ม


   “ขอบคุณครับพี่ยุทธ์”


    คนตรงหน้าเอ่ยคำขอบคุณ ดวงตากลมพิจารณาใบหน้าของจูน ดวงตาที่วันนี้แต่งแต้มมาอย่างดีเลอะเล็กน้อย แต่ก็ยังชวนมอง ปลายจมูกโด่งนั่นทำแสงเงาจากไฟถนนที่สาดกระทบใบหน้า ผิวแก้มนั้นอุ่นและคงมีสีเลือดฝาดให้ได้เห็นแน่หากไม่ใช่ท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืนแบบนี้ ดวงใจพาลพามือทั้งสองข้างเผลอไผลจับใบหน้ามนขยับเข้าใกล้ บรรจงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากสวยคู่นั้นด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกของตัวเอง 


   “เป็นพี่ไม่ได้เหรอ”

    
          นึกสมเพชตัวเองนัก หากใครมารู้เข้าจะทำอย่างไร ยุทธ์ หนุ่มหล่อมาดกวนที่ใครๆก็รู้จักจากคณะสถาปัตย์ ผู้หญิงมากหน้าหลายตาอยากจะเข้ามาหาโดยไม่ต้องขอ แม้แต่ผู้ชายหรือเพื่อนสนิทอย่างโชติก็ยอมที่จะเป็นของเขา คนที่ใครๆก็บอกว่าด้วยหน้าตาและสถานะทางบ้านก็ไม่ได้เป็นรองใครอย่างเขานั้นในตอนนี้กลับวอนขอให้คนๆหนึ่งเลือกอย่างหมดหนทาง 
    

          เป็นอีกครั้งที่จูนไม่ได้หลบ ดวงตารีที่มองกลับมานั้นไม่อาจคาดเดาได้ถึงความรู้สึกหรือความหมายใดๆ
 

   “ผมรู้ว่าพี่คิดยังไง แต่ตอนนี้ผมมีเขาแล้ว ถึงตอนนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นและมันอาจจะน่ากลัวเพราะผมก็ไม่รู้ว่าอะไรรอผมอยู่ แต่ผมอยากจะจริงจังกับความรู้สึกนี้ ผมอาจจะเสียใจ หรือเศร้า แต่ผมว่ามันอาจจะช่วยไม่ได้...”  เด็กหนุ่มว่าพลางลุกขึ้นยืน สองขายาวก้าวไปบนขั้นบันไดพยายามทรงตัวบนขอบของขั้นบันไดนั้นโดยกางแขนออกเล็กน้อย  ก่อนที่จะหันมามองหน้าของยุทธ์อีกครั้ง

    “ เรื่องของความรู้สึกบางทีมันก็แปลกนะครับ เพราะคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ บางทีก็ไม่ใช่คนที่ใจเราอยากจะอยู่ด้วยเสมอไป ถึงบางทีเราเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าคนๆนั้นเขาจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า”


    “....พี่ว่าพี่เข้าใจดีนะ” ยุทธ์ได้แต่ฝืนยิ้ม มันขมเมื่อพยายามกลืนน้ำลายลงไป


    “ผม...ไม่ได้อยากให้พี่ทำหน้าแบบนั้นนะ”

    “ขอโทษทีนะ พี่ว่าพี่คงยังพยายามได้ไม่ดีพอ” ยุทธ์ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนบ้าง ชายหนุ่มร่างเล็กหันมองไปทางร้านสะดวกซื้อ “ว่าจะไปซื้อบุหรี่ จะเอาอะไรเพิ่มไหม”

    “ไม่ล่ะครับ ความจริงก็แค่ข้ออ้างน่ะ”เด็กหนุ่มส่งยิ้มกลับมา .”เดี๋ยวอาจจะอยู่แถวนี้อีกสักหน่อย”


    ยุทธ์ได้แต่พยักหน้ารับรู้ พระเอกร่างเล็กของชมรมการแสดงถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรของวัน แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าเดิน เขาก็ยกมือขึ้นเรียกรุ่นน้องเอาไว้


    “จูน”

    “ครับ?” ใบหน้าที่หันกลับมามองนั้นดูใสซื่อเหมือนทุกครั้งที่เห็น ทำเอารุ่นพี่เผลอยิ้มออกมาน้อยๆ อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขาจะดึงตัวเองออกมาจากวังวนของความรู้สึกดีๆที่มีต่ออีกฝ่ายได้อย่างไร


   ....ไม่ว่ายังไง....


    “ถ้ามีอะไรก็บอกกันได้นะ” ปากยังแสร้งพูดออกไปเหมือนหวังดี
    

   ...ก็คงต้องเอามาให้ได้....


    “ครับ”


   ...ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม....




To be con....

..................................................

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
สำหรับคนที่เข้ามาอ่านแล้วรอตอนใหม่อยู่นะคะ

พีจัง ...ช่วงนี้งานหนักมากเลยค่ะ ขอติดไว้สักพักนะคะ แล้วจะมาอัพให้อ่านแน่นอนค่ะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@talk@@@
กลับมาแล้วค่ะ ไม่คิดว่าจะต้องห่างหายไปนานขนาดนี้
งานเยอะจริงๆ เป็นงานที่ก็ต้องเขียนเหมือนกันค่ะ แต่...มันทำให้เขียนนิยายไม่ได้เต็มที่เลยต้องขอพักนิยายไป
ดูจากวันที่อัพเดทครั้งล่าสุดแล้ว...สงสารคนอ่านเหลือเกิน สงสารตัวเองด้วย

เอาล่ะ ไปอ่านกันต่อเถอะค่ะ


Chapter 51 Be Mine (2)




    เพราะเสียเวลาอยู่กับนิดอยู่ไม่น้อย ทำให้กว่าจะเดินออกจากห้องชมรมมาได้ “แฟน” ของเขาก็เดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เคนเดินหาใกล้ๆบริเวณตึกชมรม เดินไปยังอาคารเอนกประสงค์ที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่เห็นวี่แวว ชายร่างสูงถอนหายใจเขาไม่อยากให้จูนเดินหายไปแบบนี้เลย แสงไฟจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านถนนภายในมหาวิทยาลัยทำให้มองเห็นฝ่ามือของตนเอง


   ...ทั้งๆที่อยากจะจับเอาไว้ให้มั่นแล้วแท้ๆ...
    ...แต่กลับถูกสะบัดออกอย่างง่ายดาย...



    เสียใจแทนเด็กหนุ่มผมทองคนนั้น ดวงตาสีน้ำเงินเพราะคอนแทคเลนส์นั้นจะมองเขาอย่างไร เคนเดินกลับมาที่ตึกชมรมในหัวยังคิดว่าควรจะเดินไปตามหาจูนที่ไหน พลันหูได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาบนใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ ทีแรกนึกดีใจจะวิ่งเข้าไปหาแต่พอเพ่งสายตาเห็นว่าเป็นใครฝีเท้าก็ต้องหยุด ปลายจมูกโด่งเชิดขึ้นเล็กน้อย
 

    “มึงไปไหนมา เชี่ยยุทธ์”

    “เรื่องของกูป่ะ” ยุทธ์เหลือบมองมาท่าทางยียวนอยู่เหมือนทุกครั้ง คำตอบนั้นทำให้เคนกัดฟันกรอด

    “หาจูนอยู่รึไง”

    เคนกรอกตามองบนด้วยความระอา มันไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการต้องมาถามหาคนรักจากคนที่ถึงจะไม่เคยพูดกันตรงๆเคนก็รู้ดีว่ายุทธ์คิดอะไร


    “ถ้าเรื่องแค่นี้มึงยังไม่รู้ มึงก็ควรจะพิจารณาตัวเองนะ เรื่องแค่นี้ยังไม่ใส่ใจ กูว่ามึงก็แค่อยากจะเก็บมันไว้เอ็นดูเล่น แก้เซ็งจากผู้หญิงน่าเบื่ออย่างนิดก็เท่านั้น”

     “ไอ้เชี่ยยุทธ์” เคนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะแหย่ด้วยนัก มือแกร่งกระชากคอเสื้อของยุทธ์อย่างแรง “มึงจะเอาไง จะตอบมาดีๆหรือมึงจะให้กูกระทืบมึงให้สมกับที่มึงวอน หะ”

    “คนที่สมควรโดนกระทืบคือมึง เชี่ยเคน มึงคิดว่าตัวมึงทำมันร้องไห้มาแล้วกี่ครั้ง” ร่างเล็กกว่าก็ดึงคอเสื้อของเคนอย่างแรงไม่มีท่าทีกลัวเกรงแต่อย่างใด ดวงตากลมโตสีอ่อนนั้นฉายแววกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหน     

    “...............” คำพูดของยุทธ์ที่สวนกลับมาทำให้ร่างใหญ่ต้องชะงัก

     “มึงคิดว่าแค่มันเลือกมึงแล้วมึงจะดีกว่ากูรึไง” ยุทธ์จ้องหน้าของเคนตะคอกใส่อย่างกราดเกรี้ยว

    “...................”เคนนิ่งโต้ตอบอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง
    


   ....ความจริงเขาไม่ได้มีดีอะไรจะครองใจเด็กหนุ่มคนนั้นได้เลย...



    “มึงไม่เคยสนใจความรู้สึกมัน มันเลยวิ่งมาหากูทุกครั้งที่มันเจ็บ” เสียงยุทธ์แหบพร่าก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะแสยะเป็นรอยยิ้ม ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเคน

    
    “มันให้กูจูบปลอบมันไปกี่ครั้งมึงรู้รึเปล่า”


   “??!!”



    ................



    เคนรีบวิ่งไปที่โรงอาหารกลางเพราะจำได้เลาๆว่าคราวก่อนที่ใครบางคนเดินหนีเขา ก็เดินหนีมาทางนี้เหมือนกัน ไม่นานก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่เงียบๆในมุมมืดตรงบันไดฝั่งที่ไกลที่สุด เห็นแบบนั้นนักกีฬาร่างใหญ่จึงหยุดฝีเท่าที่เร่งมาตลอดทางพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ



   ...ทำไมชอบเอาตัวเองมาอยู่ในที่มืดๆจัง....



    ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนอายุน้อยกว่าจากทางด้านหลัง เขาถอดเสื้อเชิ้ตที่ใส่คลุมเอาไว้ออกวางลงเบาๆบนไหล่ที่ดูห่อเหี่ยวเสียเหลือเกินของเด็กหนุ่มผมทอง


    “เดี๋ยวก็เป็นหวัดพอดี” เคนเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆกับอีกฝ่าย สองขาเหยียดไปกับขั้นบันได สองมือวางลงเท้าร่างของตัวเองไว้ ดวงตาคมหันซ้ายแลขวาราวกับจะสังเกตทิวทัศน์จากมุมมองเดียวกันกับที่คนรักของเขาเหม่อมองอยู่
 

    “ถ้าผมเป็นหวัดก็คงเพราะพี่นั่นล่ะ” เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ

    “ขอโทษ ที่มาช้า” เคนเอ่ยตามตรงเขาไม่ได้อยากจะแก้ตัวอะไร

    “พี่รู้รึเปล่า ว่าเมื่อกี้พี่ยุทธ์เดินมาอยู่เป็นเพื่อนผม”


    เคนพยักหน้าลงช้าๆ คำพูดนั้นเหมือนตอกย้ำว่าเขาอาจจะมา “ช้า” เกินไป เคนไม่อยากจะยอมรับความจริงนี้สักเท่าไร ถ้าเขาได้ล่วงรู้สักนิดเขาคงภาวนาให้เป็นตัวเองที่ได้ปลอบประโลมอีกฝ่ายแต่ก็ดูเหมือนโชคชะตามันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเสมอไป เป็นอย่างที่ยุทธ์ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอาจจะใส่ใจคนๆนี้น้อยเกินไป



    “ผม...จูบกับพี่เขาด้วย”

    “อืม...รู้แล้ว”

    “พี่รู้ได้ไง”

    “ให้เหี้ยนั่นมันบอก...ต่อยแม่งหน้าแหกไปละ”

    “.....”

    “ยังไม่ตายหรอก แค่เบาะๆ เดี๋ยวก็หาย” เคนตอบพร้อมถอนหายใจแรง จริงๆเขาควรจะได้ต่อยยุทธ์หลายๆหมัดเสียด้วยซ้ำ

    “โกรธผมเหรอ”

    “เปล่า จะโกรธแกทำไม คนที่ทำให้แกรู้สึกไม่ดีคือพี่นะ”

    “ผม...เองก็ขอโทษเหมือนกันที่เดินหนีมาแบบนี้” เด็กหนุ่มไม่ได้มองหน้าของเขา เคนเหลือบมองเห็นใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย ที่ดวงตานั้นมองดูคล้ายจะร้องไห้แต่ก็ไม่ได้มีน้ำตาไหลออกมา เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น

   “พี่กับนิดเลิกกันแล้ว อยากให้แกเชื่อพี่เท่านี้ล่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างหนักแน่น เช่นเดียวกับดวงตาคมที่จับจ้องใบหน้าของคนรัก เคนไม่ได้มาพร้อมคำแก้ตัว เขามีเพียงความจริงที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับแฟนเก่าดาวคณะวิทยาการจัดการคนนั้น นั่นคือความจริงที่ว่าความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเขากับเธอได้จบลงแล้ว


    “พี่รู้อะไรไหม” เด็กหนุ่มหันมายิ้ม     “ผมน่ะ เป็นลูกเมียน้อยนะ”


    “หะ?”

 ประโยคที่อยู่ๆก็ดังขึ้นจากปากของจูนทำให้เคนต้องเลิกคิ้วสูง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหันมาพูดกับเขาด้วยประโยคนี้


    “แม่ผมเป็นเมียน้อยของพ่อ มันก็ยังดีที่แม่ใหญ่...เอ่อ...ภรรยาของพ่อเขายินดีจะให้ผมใช้นามสกุลเป็นลูกของเขาเพราะเขาไม่มีลูก” จูนสูดลมหายใจเข้าลึกพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน


    “แต่....ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะสงบสุขหรอกนะถึงแม่ใหญ่จะไม่ได้พูดอะไร แต่กับคนอื่นผมต้องทนเห็นแม่ถูกว่าถูกดูถูกต่างๆนานา บอกว่าเป็นเมียน้อย บอกว่าแย่งสามีชาวบ้าน ถูกหาว่าไม่มีปัญญาหาผัวบ้าง ส่วนผมก็กลายเป็นตัวอะไรสักอย่างให้ญาติๆเขามองอย่างดูถูกดูแคลนตลอด ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเพียงแค่แม่ผมมาทีหลังนี่มันทำให้สิ่งดีๆที่แม่ทำเลยกลายเป็นไม่มีค่าหรือไง แม่ใหญ่เองก็คงเจ็บปวดจากคำนินทาเหมือนกันแต่แม่ใหญ่เขาก็เงียบมาตลอด และเพียงแค่พ่อผมเลือกที่จะมีคนรักสองคนมันทำให้ความรักความเคารพที่พวกเขามีให้กันมันดูจอมปลอมไร้ค่านักหรือยังไง ....ผมกลัวนะ กลัวที่วันหนึ่งอาจจะต้องเป็นแบบแม่ เป็นคนที่มาทีหลัง” จูนหันมามองหน้าของเคน คอนแทคเลนส์สีน้ำเงินนั้นเป็นประกายต้องแสงไฟ


    “ทั้งๆที่ความจริงไม่ว่าจะเป็นที่หนึ่งหรือที่สอง เป็นใครคนไหนก็รัก ก็เจ็บด้วยกันทั้งนั้น”เด็กหนุ่มยิ้ม “ผมน่ะ...ไม่ได้อยากจะทำให้ใครเจ็บนะพี่เคน”


    รอยยิ้มกับคำพูดนั้นของจูนทำให้เคนรู้สึกเจ็บที่หน้าอก เรื่องส่วนตัวมากขนาดนี้อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะเล่าให้เขาฟัง เรื่องราวในอดีตมันอธิบายได้ถึงท่าทีที่อีกฝ่ายเป็นมาโดยตลอด ความไม่มั่นคงที่คนตรงหน้าคงรู้สึก ส่วนหนึ่งเป็นเขาเองที่ทำให้อีกฝ่ายคิดแบบนั้นแต่กระนั้นเขาก็ยังได้รับเกียรตินี้ ที่ได้อยู่ตรงนี้ข้างๆคนๆนี้ มือแกร่งยื่นไปจับมือของจูนเอาไว้ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าที่มีเชื้อจีนของคนรัก ผิวแก้มนั้นจะแดงระเรื่อไหมนึกสงสัยจนอยากขยับเข้าไปใกล้ก่อนยกมือของจูนขึ้นมาเพื่อจูบที่หลังมือนั่น


    “เราไม่ใช่โดราเอมอนที่จะมีไทม์แมชชีนเหมือนในการ์ตูน พี่ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ถึงจะช้าไปสักหน่อยแต่ตอนนี้พี่เลือกแกแล้วจูน สำหรับพี่แกไม่ใช่ที่สอง เป็นพี่เองต่างหากที่อยากจะเป็นคนเดียวของแก อยากให้แกเห็นพี่เป็นที่หนึ่ง อยากรักให้มากกว่านี้ พี่ขอโทษที่ทำให้แกหวั่นไหว ขอโทษที่ยังชัดเจนไม่พอ แต่พี่จะไม่ให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีกพี่สัญญา”


    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มผมสีอ่อนนิ่งอยู่นาน ริมฝีปากนั้นจะขยับเป็นรอยยิ้มและก่อนที่เคนจะทันได้ตั้งตัวริมฝีปากได้รูปของคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาแตะที่ริมฝีปากของเขา จูบนั้นแผ่วเบา เก้อเขิน ไร้เดียงสา และเมื่อจูนขยับถอยห่างก็เห็นรอยยิ้มจางๆอย่างเขินอายบนใบหน้านั้น

    เคนฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำขอบคุณนั้น ช่วงแขนยาวตวัดโอบตัวของอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมแขนกอดเอาไว้แน่นจนได้กลิ่นหอมจากน้ำหอม สบู่ หรือสเปรย์อะไรก็ตามที่อยู่บนตัวของอีกฝ่าย มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานจนรู้สึกเอียนเหมือนของอดีตแฟนสาว แต่เป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่นจนอยากจะสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด


    “พี่เคน...ผมอึดอัด ปล่อยเหอะ” เสียงอู้อี้ดังมาจากคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขน

    “ถ้ายอมพี่ดีๆแล้วจะปล่อย” เคนยื่นข้อเสนอ

    “ยอม? ...ยอมอะไร ปล่อยก่อน” จูนยังพยายามจะง้างแขนที่มีแต่กล้ามของเคนออก

    “ขออีกครั้งได้ไหม อยากจำเอาไว้” เคนกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่มด้วยเสียงแผ่ว


 
   คำตอบที่ได้รับกลับมาหลังจากเขาคลายอ้อมแขนออก คือจูนนั่งยืดตัวตรง หลับตาลงราวกับรอให้เขาเข้าไปหา ไม่มีบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด ความรู้สึกท้วมท้นขึ้นมาในใจ เคนขยับกายเข้าหามือทั้งสองข้างประคองใบหน้าได้รูปของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งที่เขาชอบนั้นชวนให้หยอกเอินเบาๆด้วยปลายจมูกของตัวเองแล้วเลื่อนขึ้นไปจูบเบาๆที่หน้าผากแต่ก่อนที่จูนจะได้ทักท้วงอะไรก็จูบเบาๆที่ปลายจมูกนั้นอีกครั้ง
      ริมฝีปากของรุ่นพี่ร่างใหญ่ค่อยเลื่อนลงมาประทับจูบที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม ขบเม้มเบาๆที่ริมฝีปากได้รูปเบาๆ รู้สึกได้ถึงริมฝีปากของเด็กหนุ่มที่ขยับตามราวกับจะเลียนแบบอย่างไร้ประสบการณ์ จนทำให้ความหวามไหวในอารมณ์นั้นซึมซาบลงไปในหัวใจเคนรู้ดีว่าหากไม่รีบปล่อยมือจากอีกฝ่าย ณ วินาทีนี้คงหักห้ามใจตัวเองต่อไปไม่ได้เป็นแน่ ชายหนุ่มละริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง


    “พอ...แล้วเหรอ” เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยถามทั้งที่ยังพยายามจะทำให้ลมหายใจของตัวเองเป็นปรกติเขาเห็นจูนกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ ใบหน้ายังแดงก่ำดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมองกลับมาคล้ายยังเคลิบเคลิ้ม ทำเอาคนมากประสบการณ์กว่าต้องยกมือขึ้นขยี้หัวของตัวเองแรงๆ
    

        “โอย.....จูนเอ้ย....” เสียงคำรามดังในลำคอของเคนเบาๆก่อนอ้อมแขนแกร่งจะดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้
    
         “โคตรอยากได้แกเลยว่ะ” เคนพูดออกไปไม่ได้ปิดบังความต้องการเบื้องลึกเลยแม้แต่น้อย ถึงเขาจะไม่เคยชอบผู้ชายหรือมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อนแต่น่าแปลกที่ในตอนนี้ใจในอกมันเต้นเร่าอยากจะสัมผัสอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน
    
        “เชี่ยพี่เคน ทำไมหื่นล่ะ”
    
        “ช่วยไม่ได้เสือกน่ารักเอง” เคนละออกมาพลางยิ้มอย่างยียวนให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “รีบกลับกันดีกว่า ไปเก็บของแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
    
       “หะ” ท่าทางที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วคงทำอีกฝ่ายประหลาดใจ
    
       “ก็ถ้าไม่รีบกลับพ่อปล้ำแม่งตรงนี้ล่ะ เอาไหม” ว่าพลางยักคิ้วให้เสียหนึ่งที
    
        “ไม่เอาเว้ย...” จูนโวยวายทำท่าจะลุกขึ้นยืนบ้าง “กลับดีกว่า กลับๆ” แต่เคนก็รีบเบรกเอาไว้
    
      “เดี๋ยว....จะรีบไปไหน เชือกรองเท้าหลุดนี่ เห็นไหม” เคนจับให้อีกฝ่ายนั่งลงดีๆก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เหมือนอย่างที่เคยทำ “เดินมาอีท่าไหนเนี่ย มืดๆ แบบนี้สะดุดเชือกรองเท้าล้มหน้าคว่ำได้หมดหล่อพอดี แล้วเชือกรองเท้านี่เขามัดกันแบบนี้มันจะได้แน่นๆเข้าใจ.........อะไร”

บ่นจูนไปเสียยาวเหยียดก่อนจะต้องเงียบเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มมองตรงมาดวงตาสีน้ำเงินนั่นมองมาเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง
    

    “ผมจะไม่จูบกับพี่ยุทธ์อีก ผมสัญญา”


  เคนยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือให้กับอีกฝ่ายเป็นหลักยึด มือเรียวนั้นยึดมือของอีกฝ่ายไว้ราวกับจะตกลงในข้อสัญญานั้น


        “กลับกันเถอะ ไม่รู้ไอ้โชติรีบกระเตงให้ยุทธ์ไปโรงพยาบาลหรือยัง ของเก็บเรียบร้อยหรือเปล่าก็ไม่รู้” เคนกล่าวติดตลกในขณะที่ออกเดินมือยังกุมมือของจูนเอาไว้


       ทั้งคู่เดินกลับไปที่ห้องชมรม ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาของคนๆหนึ่งกำลังจับจ้องแผ่นหลังของทั้งสองคนค่อยเดินเคียงกันไปเรื่อยจนลับสายตา



       สายตาที่ไม่ใคร่ประสงค์ดี


to be con....

ออฟไลน์ asarigb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
พี่เคนตามมาง้อแล้วววว  :z2:
รีบๆดูแลน้องมันหน่อยนะคะ ระวังถูกพี่ยุทธ์ลากไปกิน :hao3:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
Chapter 52
รั้ง


    “สรุปมึงกับพี่เคนนี่ได้กันหรือยัง”



    คำถามที่ดังเอากลางวงกินข้าวใต้อาคารเรียนของกลุ่มนักศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่น ทำเอาคนถูกถามถึงกับสำลักน้ำแดงที่กำลังยกซดอยู่


    “แค่กๆๆ” จูนหันไปถลึงตาใส่ปิ๊กด้วยไม่อยากจะเชื่อหู “ปิ๊ก?! อะไรของแกวะ”

    “ก็ถามไง ก็ถาม”ปิ๊กพูดเสียงสูงยิ่งทำเอาเพื่อนทั้งโต๊ะหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “นั่นสิ จูน อะไรไปถึงไหน เมื่อเช้าก็เห็นพี่เคนเดินมาส่งแทบจะถึงหน้าห้อง กระหนุงกระหนิง”


    จูนแทบจะเบือนหน้าหนีในทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนใช้คำว่า “กระหนุงกระหนิง” พาลคิดถึงพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกกล่าวถึง ผู้ชายร่างใหญ่อย่างเคนเดินกุมมือของเขามาส่งจนถึงหน้าห้องถึงจะเขินมากจนอยากจะปล่อยมือแต่เคนก็ดูจะยืนยันที่จะจับเอาไว้อย่างนั้น



    ‘ไม่อยากปล่อย’



 คือคำตอบสั้นๆที่เคนมอบให้ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าคม



    “นั่น...ไม่ตอบไม่ตอบแสดงว่า...” ปิ๊กกระเซ้าแหย่ไม่พอยังขยับไหล่กับหน้าอกอวบๆมาเบียดไหล่ของจูนอีกต่างหาก จนเด็กหนุ่มต้องส่ายหน้าด้วยความระอา



    “ก็....เป็นแฟนกัน แค่นั้นยังไม่มีอะไร จบยัง” เด็กหนุ่มตอบพยายามสนใจกับกับข้าวตรงหน้ามือตักข้าวคำโตเข้าปากเคี้ยวกร้วม


    “ว้าย...แฟน...อุ้ย หวาน เลิฟอ่ะจูน” แพรยิ่งแหย่หนักเข้าไปใหญ่ “นี่ฉันถึงกับเซิร์ชพันทิปหาเรื่อง “ล้างตู้” ให้เพื่อนเลยนะ” ไม่วายหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปให้จูนที่นั่งอยู่ตรงข้ามดู


    “แค่กๆ” คราวนี้จูนถึงกับสำลักหนักกว่าเดิม จนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด “ไอ้แพร! ไอ้....ไอ้....ไอ้ผู้หญิงเสื่อม มาพูดอะไรตรงนี้วะ กินข้าวอยู่ กินข้าว!” จูนโวยวายหนักกว่าเก่าเมื่อเจอเพื่อนพูดแบบนั้นล้อเล่นแบบนั้น ใบหน้าแดงไปจนถึงหูเพราะในใจก็รู้ดีว่านั่นเป็นอะไรบางอย่างที่คงจะต้องเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเคน



    
‘และไอ้หมีนั่น...ยิ่งเร่าๆว่าอยากได้อยู่ด้วย’
[/i]




    “แล้วกับพี่นิดน่ะ ฝ่ายนั้นเขาเคลียร์แล้วเหรอ”
 

    อยู่ๆปิ๊กก็กระซิบถามระหว่างที่ทุกคนลุกเพื่อเอาจานข้าวไปเก็บ เตรียมตัวไปเรียนคาบถัดไป จูนหันไปมองหน้าเพื่อน ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มน้อยๆ


    “ก็...ไม่รู้สินะ”


    “ได้ไงวะ ไม่รู้ แล้วพวกมึงเมื่อไรจะได้อยู่กันดีๆ”


    “พี่เขาก็ว่าเขาเลิกนะ”


    “แล้วมันจริงดั่งว่าไหมล่ะ เมื่อคืนกูยังเห็นนางโพสต์อยู่เลยว่านางไปดูงานที่ชมรมมึงมา”


    “ก็จริง แต่พี่เคนไม่ได้เป็นคนชวนนะ” จูนว่าพลางโคลงศีรษะเล็กๆ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอาตั๋วมาจากไหน”


    “แล้วมึงเชื่อพี่เคนเขาจริงๆใช่ไหม”


    “เชื่อ...เขาก็บอกกับกูนะว่าจะไม่อะไรกับพี่นิดอีก” จูนพึมพำเบาๆ ก่อนจะต้องหยุดเดินเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาหา


    “กูเผ่นนะมึง....เจอกันที่ห้องเรียน” ปิ๊กชิงออกตัวก่อนเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือคนที่เพิ่งจะพูดถึงไปเมื่อสักครู่



    “พี่นิด... สวัสดีครับ” จูนรีบวางจานข้าวลงกับที่วางจานแล้วยกมือสวัสดีเชียร์ลีดเดอร์คนสวยประจำคณะวิทยาการจัดการ เพียงแค่มองหน้าของนิดในตอนนี้หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำแล้ว



    
...สวยจริงๆ...
[/i]


    “สวัสดีจ้ะ จูน เมื่อคืนเลยไม่ค่อยได้คุยกันเลย พอจะมีเวลาหน่อยไหมคะพี่ขอคุยด้วยสักนิด”


    “เอ่อ...พอดีเดี๋ยวผมมีเรียน” เด็กหนุ่มพยายามจะบ่ายเบี่ยงแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือเรียวเล็กของคนตรงหน้ายื่นมาแตะแขนของเขาเบาๆ


    “นะจ๊ะ พี่ขอคุยด้วยแป๊บเดียว ไม่สายหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกัน” คนตรงหน้าส่งสายตาออดอ้อนในแบบที่จูนเห็นมาหลายครั้งทั้งต่อตาตัวเองและเห็นอีกฝ่ายทำเพื่ออ้อนใครบางคน



    
...และคงต้องยอมรับว่ามันได้ผลทุกครั้งไป....
[/i]


    “พี่นิด มีอะไรหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มหันมองซ้ายขวาเมื่อพาอีกฝ่ายเดินมาตรงทางลานจอดรถของคณะด้านหน้าตึกสำนักงานซึ่งเป็นบริเวณที่ปกตินักศึกษาจะไม่ค่อยเดินผ่านซักเท่าไรนัก


    “จูนคงพอจะรู้...ว่าหลังๆมานี่พี่กับพี่เคนอาจจะ...ห่าง...กันบ้าง”


    คำที่อีกฝ่ายเลือกใช้ทำให้จูนขมวดคิ้วเล็กๆ แต่ก็พยายามจะเก็บอารมณ์เอาไว้ อันที่จริงเขารู้สึกปั่นป่วนในท้องจนไม่แน่ใจว่าควรจะแสดงออกไปอย่างไร


    “พอดี ช่วงนี้พี่ก็เห็นว่าจูนกับพี่เคนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จูนคงพอรู้ว่าถ้าพี่เคนเขามีคนอื่นหรืออะไร...” หญิงสาว
ตรงหน้าเอ่ย ดวงตากลมโตนั่นมองตรงมายิ่งทำให้จูนรู้สึกกระอักกระอ่วน


    “ผม...ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ ผมไม่ใช่คนที่จะบอกพี่นิดหรอกครับ” เด็กหนุ่มตอบไปตามตรง ระมัดระวังเหลือเกินในการใช้คำพูดของตัวเอง “ผมรู้แค่ว่า พี่เคนเป็นคนสรรหาคำมาพูดไม่เก่ง เขาคิดอะไรจะทำอะไร การกระทำของเขาจะมาก่อนเสมอ ถ้าเขาคิดว่ามันยังไม่ชัดมากพอ เดี๋ยวเขาจะโชว์ให้เห็นเอง”


    เด็กหนุ่มตอบคนตรงหน้าไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในหัวยังนึกถึงคำพูดของเคนย้อนไปตั้งแต่ช่วงที่เคนเริ่ม “สนใจ”เขาตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อน ริมฝีปากนั้นเผลอเหยียดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ



    
....ถึงจะลังเล งี่เง่า ช้าเป็นเต่าคลานในเรื่องการตัดสินใจไปบ้าง...
    ...แต่มันเป็นเรื่องของความรักนะ...
    ...มันจะมาเล่นๆได้ยังไง...
[/i]



    “เพราะงั้น...พี่นิดไปคุยกับพี่เคนเถอะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งว่าพลางยิ้มให้คนเชียร์ลีดเดอร์คนสวย


    “แต่พี่...” เสียงเล็กๆดังขึ้นพร้อมมือเรียวที่เอื้อมมาจับที่แขนของเด็กหนุ่ม “พี่มีเรื่องที่อยากรู้มากกว่านั้นนี่นา”


    “ครับ?” เด็กหนุ่มต้องแปลกใจกับดวงตากลมสวยที่จับจ้องมา ในดวงตานั้นมีความสงสัยใคร่อยากจะถามความบางอย่าง


    “จูนไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆใช่ไหม อย่างเรื่องของคนที่พี่เคนเขาอาจจะแอบไปคุยด้วย...”


    “ผม...” ใจในอกของเจ้าของชื่อเต้นแรง เขาควรจะหาคำมาโกหกคนตรงหน้าไป หรือ พูดออกไปตามความจริง เพราะในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเขาต่างหากที่มีสิทธิ์ในใจของ “พี่เคน” ที่ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงเขาควรจะบอกออกไปได้สิว่า คนๆนั้นได้เลือกเขาแล้ว



    “ผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจถ้าต้องได้ยินจากปากผม...ผมพูดไม่ได้ครับ พี่นิดไปฟังจากพี่เคนจะดีกว่า”



…………………………



    คำพูดกับท่าทีของจูน เด็กหนุ่มผมทองกับดวงตาสีฟ้าเพราะคอนแทคเลนส์คู่นั้นดูเหมือนจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเป็นปริศนาไปหมดสำหรับนิด แน่นอนว่าเธอหงุดหงิด เธอคิดว่าเด็กผู้ชายที่ท่าทางอ่อนแอแบบนั้นคงจะยอมเปิดปากพูดทุกเรื่องออกมาได้แน่หากได้ยินคำร้องขอจากปากของเธอ แต่ตรงกันข้าม เด็กหนุ่มผมทองคนนั้นกลับตอบกลับมาราวกับการรักษาคำความลับกับรุ่นพี่นั้นเป็นเรื่องใหญ่โต คาบเรียนภาษาอังกฤษยามบ่ายของนิดดำเนินไปด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง แล้วคำตอบแบบไหนกันที่เธอควรจะต้องฟังจากปากของเคนด้วยตัวเองยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวจนเรียนแทบไม่รู้เรื่อง


   ...หรือจริงๆแล้วมันไม่มีคำตอบอะไร...
    ....หรือจริงๆแล้วพี่เคนก็แค่โกหกว่ามีคนอื่นเพื่อที่จะไล่เธอไป...
[/i]


    ถึงแม้ความเป็นไปได้จะดูเลือนรางแต่ก็ยังอยากจะเข้าข้างตัวเองต่อไป เด็กสาวกลับไปยังหอพักในตอนเกือบสี่โมงหลังจากเลิกเรียน รถยนต์คันเล็กสีแดงของเธอเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณหอพัก และประหลาดใจเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่ที่คุ้นตาจอดอยู่ตรงที่จอดรถหน้าหอพัก ไม่มีหมวกกันน็อคสีชมพูดของเธอแขวนอยู่อีกแล้ว
 


    “พี่เคน...” นิดเอ่ย ในใจของเธอยังเจ็บปวดจากคำพูดเมื่อคืนก่อนของชายหนุ่มร่างสูง ดวงตากลมโตจ้องใบหน้าคมของอีกฝ่าย ใบหน้าที่ในตอนนี้แทบไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์แปลกใจที่เธอเดินเข้ามาทักเลย
    

         “ขอโทษที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน” ร่างสูงเอ่ย พลางลุกขึ้นยืนหลังจากที่นั่งอยู่กับม้านั่งหินมาพักใหญ่ เคนอยู่ในชุดนักศึกษาดูเรียบร้อยกว่าทุกครั้งเพราะเอาเสื้อเข้าในกางเกงสวมรองเท้าหนังดูแปลกตาใช่ย่อย


    “วันนี้มีสอบเหรอคะ”


    “อืม...สอบเสร็จไปตอนบ่ายสอง เลยพอมีเวลาน่ะ..” มือแกร่งเอื้อมไปหยิบกล่องพลาสติกใบหนึ่งมาถือเอาไว้ “เลยไปเอานี่มาให้  เดี๋ยวจะถือขึ้นไปให้บนห้องก็แล้วกันนะ หนักเหมือนกัน”


    “ของขวัญให้นิดใช่ไหมคะ” อาจเป็นเพราะบรรยากาศที่ต่างออกไปของคนตรงหน้าทำให้นิดเลือกจะแหย่เมื่อเดินตามร่างสูงขึ้นไปที่ห้อง


    “อืม...ของนิดนั่นล่ะ” เคนตอบรับเบาๆ  แล้วหยุดที่หน้าห้องของหญิงสาว รอให้อีกฝ่ายเปิดประตูให้ หญิงสาวกุลีกุจอเปิดประตูห้องให้กับอีกฝ่ายซึ่งชายหนุ่มก็ถอดรองเท้าเดินเอาของเข้าไปวางไว้ด้านในดูท่าทางคล้ายรีบร้อนอยู่ในที

 
    “พี่เคนรีบเหรอคะ”  เด็กสาวถามรู้สึกปวดหัวและมวนท้องอย่างประหลาด


    “อืม...ต้องรีบไปน่ะ พี่แค่เอาของของนิดที่นิดเคยให้พี่มาคืน” เคนว่าพลางหันไปมองกล่องที่เขาเอาเข้าไปวาง ท่าทางเหมือนมองสำรวจข้าวของของนิดไปด้วยในที “ถ้านิดไม่ทิ้งก็...คงเอาไว้แต่งห้องได้”


     “นี่มันอะไรกัน!? พี่เคน! นี่พี่เคนคิดจะเลิกกับนิดจริงๆใช่ไหม พี่เคนเห็นนิดเป็นอะไร อยู่ๆจะเอาของมาคืนแล้วทิ้งกันไป
ง่ายๆเหมือนขยะพวกนี้น่ะเหรอ!”


         เด็กสาวตรงเข้าไปหยิบลังพลาสติกนั้นขึ้นมาเท ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น ทั้งตุ๊กตา พวงกุญแจ ภาพถ่าย แม้แต่หมวกกันน็อคสีชมพู เป็นตัวแทนความทรงจำตลอดช่วงเวลาที่คบหากัน ทุกอย่างกระจัดกระจายลงบนพื้นเช่นเดียวกันกับหัวใจดวงน้อยของหญิงสาว
    

         “พี่บอกนิดไปแล้ว พี่ไม่อยากให้ทุกอย่างมันยืดเยื้อไปมากกว่านี้” เคนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างอึดอัดก่อนจะหันมองหน้าของนิด “พี่บอกแล้ว ว่าพี่มีคนใหม่แล้ว พี่ไม่อยากให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้”



    
เผี้ยะ



    เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับใบหน้าของร่างสูงดังลั่นห้อง ใบหน้าคมหันตามแรง



    “แล้วนิดไม่เสียใจรึไง! ไม่ ได้ยินไหมว่า ไม่ นิดไม่เลิก!” เชียร์ลีดเดอร์สาวคนสวยตอนนี้กลับกรีดร้องด้วยใบหน้าเหยเก ดวงตาของเธอจ้องมองมาอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างเล็กหายใจแรงจนตัวแทบโยนด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้อีก สองมือทุบลงบนอกหนาของชายหนุ่ม ริมฝีปากที่แต้มสีพึมพำเป็นคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์



    “นิดผิดตรงไหน......นิด.....นิด....” นิดยังคงสะอื้นหนัก


    “พี่ขอโทษ” เคนได้แต่ถอนหายใจ ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะแตะต้องสองไหล่ที่สั่นระริกนั่น



    
....ไม่มีความรักไหนที่ไม่เจ็บปวด...
    ....ไม่ว่าจะตอนเริ่ม หรือ ตอนจบ...



    “พี่ไปนะ” ร่างสูงเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะทำท่าจะเดินออกไปจากห้องของนิด


    “ไม่...ไม่ ...ไม่ให้ไป” เจ้าของห้องกระโจนเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้จากด้านหลัง นิดร้องออกมาเสียงดังในแบบที่เคนเองไม่เคยได้เห็น เหมือนสติของเธอไม่ได้คงอยู่ตรงนั้นแล้ว “บอกนะว่าคนนั้นเป็นใคร! นิดจะไปบอกให้มันเลิกกับพี่ ไปบอกมันว่าพี่มีนิดแล้ว...นิด ..นิด...”  ลมหายใจของนิดเริ่มติดขัด สองขาพยุงตัวเอาไว้ไม่อยู่ มือที่จับเสื้อของเคนเอาไว้ขยุ้มเกร็ง ร่างบอบบางสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะล้มลงกับพื้นตรงเท้าของเคน''



    “เฮ้ย?! นิด!? นิดเป็นอะไร นิด!!”



           แขนบางเหยียดเกร็งแน่นปลายนิ้วงอหงิก ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มดวงตากรอกขึ้นด้านบน เคนรีบคว้าร่างเด็กสาวนอนตะแคงทันทีเพราะกลัวว่าจะสำลักน้ำลาย ลองเปิดปากดูแล้วไม่มีอะไรจะเป็นอันตรายก็โล่งใจไปได้หน่อย ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวน้อยของเธอออกหวังอยากให้หายใจได้สะดวก แล้วรีบหาหมอนมารองศีรษะ แต่เพียงแค่ชั่วครู่ก็นิ่งและหมดสติไป เขาเฝ้าดูอาการอีกระยะ ลองหายาดมมาให้ดมแต่นิดก็ยังไม่ได้สติ



    “....นี่มันเกิน 10 นาทีแล้ว...” เคนพึมพำ เขาเคยเห็นรุ่นน้องเป็นลมมาก็เยอะในช่วงรับน้องเคยพยายาลเบื้องต้นมาหลายคนแต่ปกติน้องจะรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว


    สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจเรียกรถพยาบาล และโทรศัพท์บอกพ่อกับแม่ของนิด...และโทรบอกคนรักของเขาด้วย



....................................
 
    

          เสียงฝีเท้าดังก้องมาตามทางเดินของโรงพยาบาลในเขตมหาวิทยาลัย คนที่นั่งอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยเหลือบมองก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นว่าใครเดินกำลังเดินมาด้วยท่าทีร้อนรน


    “พี่เคน?! เป็นอะไรรึเปล่า?”
    

      เคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับท่าทีนั้นของเด็กหนุ่มผมทอง มือแกร่งยื่นออกไปราวกับจะบอกให้จูนเข้ามาหาใกล้ๆ ก่อนจะรั้งร่างสูงโปร่งนั้นให้โน้มลงมากอดคอเอาไว้หลวมๆ มือแกร่งนั้นสั่นระริก


    “พี่ไม่เป็นไร...” แต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นกลับแหบพร่า
    

            “ไม่เป็นไรได้ยังไง แล้วนี่หน้าพี่ไปโดนอะไรมา” จูนถามและยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าบนหน้าของเคนนั้นแทบจะเรียกได้ว่าบวมไปข้างหนึ่ง ที่มุมปากยังมีรอยเลือดและมีรอยข่วนจนเลือดซิบอยู่ที่ปลายคาง

 
   “อ่อ...ตอนนพาขึ้นรถพยาบาลอยู่ๆนิดก็ลุกขึ้นมางอแงน่ะ เลยโดนลูกหลงไปหน่อย แต่...เขาก็สลบไปอีก” ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ


    “พี่นิด? แล้วพี่เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า” แค่เพียงได้ยินชื่อก็นึกถึงคำพูดของตัวเองที่พูดกับนิดไปเมื่อตอนเที่ยง


    “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เห็นว่านอนพักอยู่ พ่อแม่เขาก็มาแล้ว”


    “พ่อแม่?”


    “ใช่...พี่โทรตามน่ะ นิดอยู่หอก็จริงแต่พ่อแม่บ้านก็อยู่ในตัวเมืองนี่ล่ะเลยรีบมาได้พอดี อีกอย่าง...พี่ก็บอกท่านไปแล้วด้วยว่า นิดคงจะเครียดเพราะพี่เพิ่งบอกเลิกเขาไป” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาดวงตาคมเหลือบมองไปทางด้านประตูห้องพัก “เลยโดนพ่อเขาต่อยมาหมัดนึง”


    “ต่อย? อะไรเนี่ย ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ล่ะ”


    “เชื่อเถอะ พี่สมควรโดนแล้วล่ะ...ไปกันเถอะ พี่ต้องกลับไปเอามอเตอร์ไซค์ที่หอนิดอีก”
    


.....................
    


    “โอย...เจ็บว่ะ” เสียงเคนร้องเมื่อขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งจูนที่หอและขอเจ้าของห้องขึ้นมานั่งพักที่ด้านบน จากตอนแรกที่กะว่าจะเพียงแค่ไปคืนของแล้วมารอรับจูนตอนเย็นที่คณะกลายเป็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนหัวค่ำกว่าจะได้มาถึง เคนปลดกระดุมเสื้อลงด้วยความอึดอัด รองเท้าหนังถูกถอดทิ้งไว้ตั้งที่หน้าประตู ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาที่เคยมาอาศัยนอน


    “ไหน...ขอดูหน่อยได้ไหม” เสียงเด็กหนุ่มว่าก่อนพาร่างโปร่งมานั่งข้างๆบนโซฟา สองมือจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันมา ดวงตารีเรียวที่ยังใส่คอนแทคเลนส์สีสวยอยู่นั้นพิจารณาความเสียหายบนใบหน้าของอีกฝ่าย “พี่เนี่ยล่ะน้า ทำไมหาเรื่องใส่ตัวเองได้ตลอด ทำแผลแล้วคืนนี้ก็นอนนี่ละนะ ไม่ต้องขี่รถกลับหรอก”


    “อืม.....” เคนไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่ซบหน้าที่บอบช้ำลงกับไหล่ได้รูปของเด็กหนุ่มเจ้าของห้อง “พักสักหน่อยก็ดี”
    


.............................................
    


          ฝ้าเพดานมีเพียงแสงไฟสะท้อนเข้ามาจากด้านนอก เคนยังนอนไม่หลับจ้องมองฝ้าไปพลางก่ายหน้าผากไปพลางอยู่แบบนั้น



      “นอนไม่หลับ?”  เสียงนุ่มดังขึ้นในความมืด
    

          “อืม”
    
         
          “เรื่องวันนี้ความจริงพี่ไม่ต้องไปเองก็ได้ พี่ก็รู้” จูนเอ่ยขึ้นเบาๆ


    “อืม ก็แค่ไม่อยากให้เขาคิดไปเองอีก อยากให้ทุกอย่างมันชัดเจน”


    “แต่...จริงๆมันก็ไม่ได้ทำให้สบายใจเหมือนที่คิดใช่ไหมล่ะ” จูนพูดขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังให้ทุกสิ่งมันจบไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว


    “พี่แค่...แปลกใจตัวเองที่ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นวันนี้ เพียงแค่ภาพที่พี่เห็นมันยังติดตา” เคนเอ่ยขึ้น ภาพของนิด เชียร์ลีดเดอร์สาวคนสวย “แฟนเก่า” ของเขา ท่าทีที่เปลี่ยนไป น้ำเสียง การกระทำทุกอย่างเมื่อตอนเย็นกับสภาพที่เธอนอนหมดสติอยู่บนเตียงคนไข้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายของความรักจะทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปได้แบบนั้น


     “หืม?” เคนทำเสียงในลำคอเมื่อรู้สึกถึงมือเรียวที่ยื่นเข้ามาดึงแขนของเขาออกจากการก่ายหน้าผาก เมื่อเอนศีรษะไปมองก็เห็นจูนกำลังนอนตะแคงมองมาที่เขาในความมืดสลัวนั้นเขามองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายสักเท่าไร รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วของเด็กหนุ่มที่แทรกเข้ามาไล้เล่นที่เส้นผมของเขาเบาๆ


    “หลับตาสิ” เคนทำตามอย่างว่าง่าย สัมผัสแผ่วเบานั้นราวกับปลอบประโลมตัวเขาอยู่โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของคนที่อยู่ข้างๆ น่าแปลกทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายแท้ๆแต่กลับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมอบสัมผัสแบบนี้ให้เขาเลย



      “ผมอยู่ตรงนี้ล่ะ จนกว่าพี่จะหลับ นอนเถอะครับแล้วพรุ่งนี้เช้าเราไปหาอะไรทานที่คณะกัน”



...................................................................



    โรงอาหารคณะมนุษฯในตอนเช้า เพียงแค่เดินผ่านก็เรียกน้ำลายสอ กลิ่นอาหารในตอนเช้ายั่วนวนใจเมื่อสองหนุ่มมาถึงตอนใกล้จะแปดโมง จูนอาหารเดินไปซื้อน้ำ ในขณะที่เคนเป็นคนไปซื้อข้าวราดแกงสำหรับสองคน ข้าวสองจานร้อนๆวางตรงหน้า ทั้งสองคนลงมือทานพร้อมรอยยิ้ม เมื่อคืนเพียงแค่ต่างหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน แต่ตื่นขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันเป็นครั้งแรกก็อดจะยิ้มเขินๆให้กันไม่ได้ สุดท้ายก็แต่งตัวออกมาจากห้องพร้อมกัน



    “เสื้อใส่ได้แน่นะ” จูนอดจะขำไม่ได้เมื่อเขาบังคับให้เคนใส่เสื้อนักศึกษาของเขา ตรงต้นแขนกับอกแน่นเสียจนติดกระดุมไม่ได้ เคนต้องปล่อยชายเสื้อเปิดออกไว้อย่างนั้นดีที่มีเสื้อยืดใส่ไว้ด้านใน


    “แน่นมาก...ก็บอกแล้วว่าเสื้อตัวเมื่อวานก็ได้ จะระเบียบอะไรกับพี่เนี่ย”


    “ก็มันเหม็นแล้วนีนา พี่เคนไม่เข้าใจคนซ้อนท้ายหรอก”


    “โอเคๆ ครับๆ ยอมรับพี่ไม่ได้หอมเหมือนเรานี่นา” ว่าพลางก็ทำท่าจะเข้ามาสูดใกล้ๆ จนจูนต้องขยับหนี


    “ที่นี่คณะผม....เกรงใจหน่อย”


    “เหอะ คอยดูกลับไปตอนเย็นพ่อจะจับหอมให้ทั่วตัวเลย” เคนคาดโทษที่อีกฝ่ายทำท่ารังเกียจแบบนั้น แต่ปากก็ยังคลี่ยิ้มให้ เขาตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ตอนเช้ากะจะเข้าไปนั่งเรียนคาบแรกเสียก่อนจะรีบกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อเพราะคงทนความแน่นฟิตนี่ไม่ไหว แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองก็ต้องหยุดช้อน เพราะรู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนยืนอยู่ไกลๆ



    “มองอะไรอ่ะพี่เคน” จูนว่าพลางหันไปมองตาม



    “นิด?”




to be continued….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2017 03:32:24 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
:pig4: :pig4: :pig4: :L2:
ขอบคุณนะคะ ตามอ่านประจำเลย
เราจะพยายามต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
Chapter 53 : สตอล์กเกอร์


   เห็นได้ว่ามีใครบางคนมาที่คณะของคนอื่นแต่เช้า จูนเหลือบมองตามเขาเห็นนิดยืนอยู่ที่นั่น รุ่นพี่คนสวยต่างคณะคนนั้นใส่ชุดนักศึกษาที่ดูแปลกตาไปจากทุกที กระโปรงพลีสยาวเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะแต่งองค์ทรงเครื่องนัก แต่กระนั้นก็ยังดูสวยโดดเด่นแม้มองจากที่ไกลๆ


    โทรศัพท์มือถือของเคนดังขึ้น เป็นเพลงที่จูนเคยได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง เด็กหนุ่มมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
    

   “พี่ไม่รับโทรศัพท์เหรอ”

    “...” เคนส่ายหน้า เขารู้ว่านิดยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังมองมาที่เขาอยู่แน่ๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือของจูนวางอยู่บนโต้ะอาหาร “แฟนพี่อยู่ตรงนี้” เคนยิ้มกว้างกับคำพูดของตัวเอง แม้จูนจะตกใจแต่ก็อดดีใจไม่ได้

    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงทานข้าวเช้าต่อ พยายามที่จะไม่สนใจสายตาของใครบางคนที่อาจจะจ้องมองมา



    ไม่นานเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องมาตลอดนั้นก็เงียบเสียงไป นิดไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว


............................


     “แล้วพี่นิดก็ไป?” ปิ๊กถามพลางเลิกคิ้วสูง


    “อืม...หันกลับมาอีกทีก็หายไปละ คงเลิกจริงแล้วล่ะมั้ง”

    “อ่ะจริงดิ่ ทำไมดูไม่ค่อยน่าเชื่อเลยวะ” ปิ๊กทำท่าเหนื่อยหน่าย ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงห้าวๆแต่ก็พอจะเดาท่าทีของผู้หญิงอย่างนิดออก

    “ไม่น่าเชื่อ?...ยังไง” จูนหันไปถามเริ่มไม่มีสมาธิกับการหาคำศัพท์ตรงหน้า ตาเหลือบมองดูท่าทีของอาจารย์ตรงหน้าชั้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาปิ๊ก

    “คนที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งทุกอย่างแบบนั้นน่ะ เขาไม่ยอมอะไรง่ายๆหรอกนะ จูน”

    “แล้วจะให้ทำไงได้...กู...ไม่อยากทำให้ใครรู้สึกแย่นะ” จูนกระซิบกลับไป

    “โถ...คุณเพื่อน คุณนางเอก ...”ปิ๊กโน้มตัวมากอดพลางลูบหัวจูนป้อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ไม่สิ อย่างแกต้องเรียกว่า นายเอก”

    “ไอ้ปิ๊ก....” จูนไม่รู้จะขำหรืออะไรดี แต่สุดท้ายก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่าอาจารย์มองมาจึงได้ดันหน้าของปิ๊กออกไปให้ห่าง แต่ในใจยังครุ่นคิดเขาควรจะทำอย่างไรหากว่านิดยังไม่หยุด เขาไม่อยากเห็นเคนต้องทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์แบบเมื่อคืนอีก


    
...พี่เคนที่ทำหน้าแบบนั้น ไม่เข้ากันเลยจริงๆ...


...............................................................


   ทางด้านเคนเองก็ดูเหมือนจะกลับมาเรียนอย่างไม่เป็นสุขนัก พอกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้อง ก็มีข้อความส่งเข้ามาทางโทรศัพท์ ข้อความที่ชวนให้รู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย


                         
+Nid+
              ....เมื่อคืนพี่เคนไม่ได้กลับมาที่ห้อง...
             .....ไปนอนห้องเพื่อนมาเหรอคะ....
[/color]


     “.....................................” หนุ่มนักกีฬาทอดถอนหายใจแรงด้วยความหนักใจ มือแกร่งยกขึ้นขยี้ผมที่เซ็ทมาอย่างดีของตัวเองอย่างแรงจนเพื่อนที่นั่งเรียนข้างๆต้องหันมามอง

    “มึงเป็นห่าอะไรไอ้เคน”

    “โทษที....ไม่มีอะไร”


    ทั้งที่ตอบกลับไปแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก


.......................................



    เวลาใกล้จะสี่โมงเย็น แสงแดดยังรุนแรงแผดเผาลานจอนรถหน้าคณะร้อนระอุจนเคนต้องยกมือขึ้นบังแดดเล็กน้อย จูนก็คงใกล้จะเลิกเรียนแล้วเหมือนกัน คิดได้แบบนั้นก็รีบสาวเท้าไปยังที่จอดรถ มอเตอร์ไซค์คันสวยของเขาคงจะร้อนแย่ถึงแม้จะพยายามหลบแดดแล้วแต่อากาศขนาดนี้ไม่อยากจะจินตนาการตอนขึ้นคร่อมขี่ออกไปเลยจริงๆ


    “พี่เคน....” เสียงดังขึ้นเบาๆจากด้านหลังทำเอาช่วงขายาวขะงักงัน เขาจำได้ดีว่านั่นเป็นเสียงของใคร

    “นิดกลับด้วยได้ไหม” เคนไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำ แต่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหนอยู่

    “ไม่ได้นิด...เลิกตามพี่เถอะ กลับไปพักผ่อนซะ”

    “ห่วงนิดใช่ไหม”

    “.....................”


เคนไม่ได้ตอบรู้ดีว่าไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรนิดก็คงหาหนทางพลิกกลับเข้าเรื่องตัวเองได้อีกเป็นแน่  “ขอโทษ แต่วันนี้พี่มีนัดแล้ว” เคนตอบอย่างเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ นิดควรจะต้องตัดใจให้ได้ เขารู้ว่าเขาผิดแต่เมื่อรู้ว่าผิดในตอนนี้ก็ควรจะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด


   ... มันควรจะเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว....


   .................................................................

 
   “จูน”

 เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่เท้าคางมองหน้าของคนที่กำลังตักก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อยเข้าปาก หลังๆมานี่เขาไม่กล้าแม้แต่จะพาจูนไปกินข้าวแถวหลังมหาวิทยาลัยทั้งๆที่เป็นถิ่นประจำ เหตุก็เพราะกลัวว่าจะต้องพบเจอกับนิดอีกและก็ดูเหมือนว่าเธอจะยังจำร้านที่เขาชอบเกือบทุกร้านที่หลังมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี

    “ครับ มีอะไรเหรอ” เด็กหนุ่มวางตะเกียบกับช้อนพลางมองหน้า สายตามาแววสงสัย

    “พรุ่งนี้มีสอบตอนเช้าหรือเปล่า”

    “ไม่มีครับ พรุ่งนี้เรียนคาบแรกตอนบ่าย พี่ถามทำไมอ่ะ”

    “งั้น คืนนี้ขอไปนอนที่ห้องได้ไหม”

    “หือ?” จูนเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหรี่ตาลง “มามุกไหนอีกเนี่ย”

    “คือก็...เอ่อ” เคนอึกอักในใจมีไม่กี่เหตุนักที่อยากจะไปใช้เวลากลางค่ำกลางคืนกับอีกฝ่าย

    “คิดอะไรอยู่ครับ” จูนได้ทีก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากได้รูปนั้นหยักยิ้มมุมปาก

    “จะให้ตอบจริง? จะโดนทุบไหม”

เคนเหลือบมองอย่างไม่วางใจ ตั้งแต่ก่อนคบกันมาก็เจอทุบเพราะข้อหาทะลึ่งตึงตังไปหลายรอบ ยังไม่รวมอีกสามสี่หมัดที่อีกฝ่ายต่อยเขาอย่างจริงจัง ถึงจะเป็นนักมวยที่รับหมัดมาก็เยอะ แต่หมัดจากคนที่ชอบนั้นเจ็บกว่าหมัดจากคนอื่นอยู่แล้ว

    “ก็ต้องขึ้นกับคำตอบครับ”

    “หนึ่งคือ อยากนอนกอด สองคือ พี่พาแกกลับไปนอนที่หอพี่ก็ไม่ได้”

    “อะหือ พูดซะตรง” ดูเหมือนคำตอบจะทำเอาคนฟังต้องนั่งหน้าแดงเด็กหนุ่มตรงหน้าเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากจะสบตา ท่าทีขี้เล่นเหมือนถือไพ่เหนือกว่าเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว

    “ก็ไม่อยากโกหกแกอ่ะ” จูนเห็นท่าทางแบบนั้นของเคนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

    “ผมรู้ว่าพี่มีเหตุผลที่สามด้วย”

    “อืม” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าหนักใจ พลางยกมือถือขึ้นมามองนาฬิกา “ไว้เดี๋ยวพาไปดู”


......................................


    มอเตอร์ไซค์คันใหญ่พาพวกเขาทั้งคู่กลับมาที่หลังมหาวิทยาลัย ตรงมาที่หอพักของเคนแต่ก็ไม่ได้เข้าไปจอดตรงที่จอดรถหน้าหอเลยเหมือนทุกที

    “หยุดไมอ่ะพี่เคน นี่จะมาเอาของไม่ใช่เหรอ ไม่ไปจอดข้างในอ่ะ” จูนว่าพลางถอดหมวกกันน็อคออกแล้วค่อยก้าวลงจากรถ

    “ก็จะให้ดูเหตุผลที่สามไง...” เคนว่าพลางพยักเพยิดไปทางหน้าหอพัก

    “อะไร?” จูนหันมองตามก็เห็นรถยนต์คันเล็กสีแดงสดของใครบางคนจอดอยู่ เขารู้ได้ในทันทีก็หันไปมองหน้าของเคนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตานัก

    “นิดทำแบบนี้มาสัก....อาทิตย์แล้ว”

    “อาทิตย์นึง? นี่มันสตอล์กเกอร์ชัดๆ” จูนหลุดอุทานออกมาเสียงดัง

    “ชู่ว...อย่าเสียงดังสิ” เคนดึงอีกฝ่ายมาปิดปากเอาไว้เคนเหลียวซ้ายแลขวาดูจะสอดส่องด้านหลังท่าทางเหมือนระแวงระวังอะไรบางอย่าง “เพราะแบบนี้ล่ะถึงอยากจะขอไปนอนที่ห้อง”

    “อื้อ...ปล่อยเลย” จูนดึงมือของคนรักออก ก่อนจะชะโงกหน้ามองข้ามรั้วไปด้านใน “ถ้ากลัวพี่เขาเห็นล่ะก็ให้ผมไปเอาให้ไหมล่ะ ของน่ะ”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เข้าไปเอาเอง รอนี่ล่ะ จะรีบไปรีบมา” เคนตอบไม่พอฉวยหอมแก้มจูนอีกหนึ่งฟอดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านในหอพัก โดยที่มีจูนแอบชะโงกมองผ่านรั้วหอพักอยู่ที่ด้านนอก


    เคนพยายามเดินเลี่ยงโดยเลาะริมรั้วของหอพักหลบสายตาของคนที่อาจจะอยู่ในรถขึ้นไปบนห้อง เขาคว้าทุกอย่างที่จำเป็นพร้อมกับหนังสือเรียนสำหรับวันพรุ่งนี้ใส่กระเป๋าแล้ววิ่งลงมา แต่สำหรับคนตัวใหญ่อย่างเคนต่อให้หลบให้แอบแค่ไหนแต่เดินลงจากหอมาแบบนั้นยังไงก็ต้องเห็น โดยเฉพาะคนที่มานั่งเฝ้าอยู่แล้วอย่างนิด บานประตูรถยนต์คันเล็กนั้นเปิดออกแทบจะในทันที


    “พี่เคน กลับมาแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กแทบจะถลาเข้ามาหาทำเอาชายร่างใหญ่ต้องผงะถอย

    “อ่ะ...เอ่อ...อืม พี่แค่มาเอาของน่ะ”

    “เอาของ? มีงานที่คณะเหรอคะ? ช่วงนี้ไม่เห็นพี่เคนกลับดึกตลอดเลย นิดมารอช่วงหัวค่ำตลอดก็ไม่เห็นพี่เคนมาสักที นี่ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกันน่ะค่ะ” หญิงสาวที่ในวันนี้ใส่ชุดนักศึกษาดูสดใสเหมือนที่เคยจำได้ ใบหน้าแม้ดูอิดโรยไปสักหน่อยแต่ก็ยังมีรอยยิ้มเหมือนเดิม

    “พี่แค่มาเอาของ แล้วก็มีนัดแล้ว”

    “นัด...กับใครคะ?” นิดถามแต่ในแววตานั้นกลับไม่ได้ยิ้มไปตามเสียงสดใสนั่นเลย

    “กับผมเองครับ” เสียงนุ่มของจูนดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้นิดต้องหันกลับไปมอง เด็กหนุ่มผมทองที่วันนี้ใส่แว่นดูสบายๆ แปลกตาไปจากทุกทีที่เคยเห็น 

    “อ้าว น้องจูนวันนี้ก็มากับพี่เคนด้วยเหรอคะ”

    “ครับ พอดี มีงานที่ชมรมกันเลยต้องรีบไปทำเนอะพี่เคน”จูนพยักเพยิดให้เคนรีบเดินมาทางเขา พลางโยนหมวกกันน็อคสีดำของเคนให้หนุ่มนักกีฬารับเอาไว้ “รีบไปเหอะ ไม่รีบพี่โชติพี่ยุทธ์ด่าไม่รู้ด้วยนะ” เด็กหนุ่มโกหกไปคำโต ตั้งแต่วันงานฉายหนังวันนั้นยังไม่ได้เจอหน้าของยุทธ์เลยด้วยซ้ำไป

    “อ่า ใช่ เดี๋ยวพวกพี่คงต้องรีบไปแล้วล่ะ”เคนว่าพลางยกหมวกกันน็อคขึ้นใส่

    “เดี๋ยวนี้คู่นี้ไปด้วยกันบ่อยจังเลยนะคะ พี่เพิ่งรู้ว่าจูนชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์” อยู่ๆนิดก็ทักขึ้นมาทำเอาจูนชะงักไม่กล้าเดินต่อ ในมือของเขาเผลอกำหมวกกันน็อคสีดำเหลืองของตัวเองเสียแน่น ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าของนิด เด็กหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย

    “ครับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบ แต่เดี๋ยวนี้ก็ชอบขึ้นมาแล้วครับ เดี๋ยวสักพักคงให้พี่เคนช่วยหาให้สักคัน”

    “อุ๊ย ดูท่าคงจะชอบมาก มือหนึ่งแบบของพี่เคนก็คงแพงเหมือนกันนะ” นิดว่าพลางเหลือบไปมองทางเคนเล็กน้อย

    “ผมไม่ถือหรอกครับ จะมือหนึ่งหรือมือสองก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางหันไปมองหน้าของเคน

    “เหรอคะ แต่พี่ว่านั่งรถมันสบายกว่านะ ไม่ลองไปหัดขับล่ะ ขับรถเองจะได้ไม่ต้องติดสอยห้อยตามพี่เคนเขาไปไหนมาไหน เผื่อจูนจะได้พาสาวๆไปเที่ยวไงล่ะ” หญิงสาวตอบกลับดวงตาของเธอยังจับจ้องที่เคน

    “สำหรับผม...” เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าของเคนเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหน้าของนิด “คงไม่มีสาวๆที่ไหนหรอกครับ แค่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ กับ...พี่เคนนี่ล่ะครับ แค่นี้ก็ดีแล้ว”


    ใต้หมวกกันน็อคใบโต เคนยังได้ยินบทสนทนาที่ทั้งสองคนคุยกัน เขาอดที่จะยิ้มออกมากับคำพูดของเด็กหนุ่มไม่ได้ ร่างสูงเดินเข้าไปดันไหล่สมส่วนของจูนเบาๆ


   “ไปกันจูน เดี๋ยวไอ้สองเตี้ยนั่นจะรอ” และก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินผ่านนิดไป เคนหันกลับมาเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้นเพื่อมองหน้าของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็น แฟนเก่า


    “ขอโทษนะนิด แต่อย่ามาที่หอพี่ตอนค่ำๆแบบนี้อีกเลย เพื่อนๆนิดรู้เข้าคงดูไม่ดีเท่าไร”


    เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วในรอบสัปดาห์ที่ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นหันหลังให้กับเธอคนนี้ เคนปฏิเสธเธอได้อย่างไร แถมปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยต่อหน้ารุ่นน้องคนนั้น ความร้อนแล่นพุ่งพล่านไปทั่วร่างแต่ไม่มีแม้แต่เสียงใดจะเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสวยคู่นั้น


    นิดกัดริมฝีปากแน่นจนเธอได้รสเลือดจางๆ
    


..................................to be continued



ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นิดนี่มีอาการจิตอ่อนๆแล้วแน่ๆ ไม่งั้นนิดคงไม่เป็นแบบนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@writer's talk @@@

คำสารภาพจากคนเขียน
เรารู้ว่าคงมีคนตามอ่านนิยายเรื่องนี้ของเรา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอยู่เสมอ
และคงสังเกตได้ว่า จากคราวที่แล้วที่เราอัพเดทเรื่องนี้มันก็ใกล้จะหนึ่งปีเข้าไปแล้ว
เราหายตัวไปไหน

ให้ตอบตามตรง คืองานมันประดังประเดเข้ามาเยอะมาก จนเราใจของเราป่วย
เราไม่มีบันดาลใจ แม้แต่จะทำงานหลัก เราเศร้า เราโกรธ เราโทษตัวเอง และมันล้ามากเหลือเกิน

เราไม่อยากให้อารมณ์ด้านลบมาอยู่ในนิยายที่เรารักมากเรื่องนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่เราหายไป

แต่วันนี้เชื่อไหม ว่าเราได้เริ่มเขียนอีกครั้ง

เราจะพยายามเขียนตอนต่อไปออกมาให้ได้

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามกันโดยตลอด ทั้งผู้ที่คอมเม้นต์ และไม่ได้คอมเม้นต์

เรารักคุณนะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณเป็นกำลังใจของเรา

love

p.k.a

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
@@@writer's talk @@@

คำสารภาพจากคนเขียน
เรารู้ว่าคงมีคนตามอ่านนิยายเรื่องนี้ของเรา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอยู่เสมอ
และคงสังเกตได้ว่า จากคราวที่แล้วที่เราอัพเดทเรื่องนี้มันก็ใกล้จะหนึ่งปีเข้าไปแล้ว
เราหายตัวไปไหน

ให้ตอบตามตรง คืองานมันประดังประเดเข้ามาเยอะมาก จนเราใจของเราป่วย
เราไม่มีบันดาลใจ แม้แต่จะทำงานหลัก เราเศร้า เราโกรธ เราโทษตัวเอง และมันล้ามากเหลือเกิน

เราไม่อยากให้อารมณ์ด้านลบมาอยู่ในนิยายที่เรารักมากเรื่องนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่เราหายไป

แต่วันนี้เชื่อไหม ว่าเราได้เริ่มเขียนอีกครั้ง

เราจะพยายามเขียนตอนต่อไปออกมาให้ได้

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามกันโดยตลอด ทั้งผู้ที่คอมเม้นต์ และไม่ได้คอมเม้นต์

เรารักคุณนะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณเป็นกำลังใจของเรา

love

p.k.a

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :กอด1:  :mew3:

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เป็นกำลังใจให้นะคะ
สู้ๆจ้า  :mew1:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
Chapter 54 ผ้าปูที่นอน
(คำเตือน มีฉาก18+ เบาๆ ใครอายุยังไม่ถึงก็ข้ามไปได้นะคะ ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องค่ะ)


        “พี่เคน พี่เคนโว้ย...เดินช้าๆหน่อย ดึงทำไมแขนจะหลุดแล้ว”

        จูนโวยวายหลังจากที่เคนรีบบึ่งรถมาที่หอของเขาตามแผนการณ์เดิมที่คิดกันเอาไว้ แต่พราะเหตุใดก็ไม่ทราบที่ เคนต้องลากเขาเดินฉับๆขึ้นมาที่ห้อง ห้องก็ห้องของเขาแท้ๆ
    

        “เปิดประตูเลย เร็วๆ” ยิ่งเคนเร่งจูนยิ่งต้องตะลีตะลานเอากุญแจมาเปิดห้อง กว่าจะรู้ตัวก็ถูกร่างสูงกว่าเบียดเข้ามาด้านในแล้ว

    
          “เฮ้ยๆ พี่ หมวกๆ วางก่อนๆ” เพราะรู้ว่าหมวกกันน็อคแพงขนาดไหนถึงบอกให้อีกฝ่ายรีบวางลงกับโต๊ะ แต่ชุดโซฟาไม่ใช่ที่ที่เคนมุ่งหวังเอาเสียเลย ร่างสูงโปร่งถูกดึงเข้าไปในห้องนอนของตัวเองประตูบานเลื่อนที่ทำกั้นเอาไว้ถูกล็อกแทบจะในทันที

    
          “อะไรของพี่เนี่ย”
    
         “เมื่อกี้ หึงใช่หรือเปล่า” ฝ่ามือกางกั้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำท่าจะไปเปิดประตู
    
         “หะ? “
    
        “ที่คุยกับนิดเมื่อกี้ เพราะหึง แล้วก็บอกว่า จะมีแค่พี่ก็พอแล้ว ใช่รึเปล่า” เคนถามท่าทีดูจริงจังใบหน้าคมนั้นแดงก่ำอาจเป็นเพราะรีบผลักจูนเข้ามาด้านใน
    
        “........อย่าทำเป็นรู้ดีเลย....มีโทรจิตรึไง” จูนเบี่ยงประเด็นที่มุมปากหยักยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยายามเบี่ยงตัว แต่คราวนี้กลับถูกสองแขนแกร่งโอบรัดร่างของเขาเอาไว้
    
       “พูดอีกทีนะ...พูดตรงๆได้ไหม”  เสียงทุ้มดังข้างหูใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมอุ่นๆ
    
       “ก็...ก็พี่เป็นแฟนผมแล้วนี่ ก็แค่พยายามหึงไม่ให้ออกนอกหน้า”
    

        เด็กหนุ่มผมสีทองตอบเบาๆ ใบหน้านั้นแดงก่ำ ใช่ ในตอนนั้นเขาหึงอีกฝ่ายจริงๆ แปลกใจนักเรื่องของนิดที่ดูจะตามไม่เลิก แต่เขาสัมผัสได้ถึงถ้อยคำบางอย่างที่กระทบเขาอย่างจัง จึงต้องพูดแบบนั้นออกไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจอย่างไร แต่เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว ขอแค่คนตรงหน้านี้เข้าใจเขาก็พอ

    
       ...บางที เราก็คงต้องการแค่นี้...



    “อื้อ!!”


         แต่ก็ต้องอุทานแต่หาได้มีเสียงเล็ดลอดไม่ เพราะอยู่ๆริมฝีปากอุ่นร้อนก็สัมผัสลงมาที่ริมฝีปากของเขาบดเบียดลงมาคลับคล้ายกับที่เคยสัมผัสแต่กลับเร่าร้อนกว่าเมื่อปลายลิ้นของร่างสูงกำลังหยอกเอินกับริมฝีปากล่างของเขา สัมผัสรุกล้ำยิ่งทำให้ใจในอกเต้นระรัวมากไปกว่านั้นคือฝ่ามือใหญ่ที่กระชับอยู่ที่หลังต้นคอราวกับไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปไหน จูนรู้สึกได้ถึงมือแกร่งอีกข้างที่สัมผัสแผ่นหลังของเขาผ่านเนื้อผ้าบางของเสื้อนักศึกษา ความร้อนชื้นที่สัมผัสได้จากฝ่ามือและจังหวะที่อีกฝ่ายลากไล้ปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังทำเอาจูนขนลุกเกรียว
    

       “เดี๋ยว....พี่เคนพอก่อน” แม้จะลำบากที่จะละริมฝีปากออกจากสัมผัสยั่วเย้าแต่เคนที่อยู่ๆก็เข้ามาทั้งกอด จูบ ลูบ คลำขนาดนี้ เขาทำใจตั้งรับไม่ทันจริงๆ
     

       “พอ....เหรอ” แฟนหนุ่มยิ้มยั่ว ชนหน้าผากเข้าที่หน้าผากของจูนเบาๆ “พี่ทนแทบตายที่จะไม่จูบแกตั้งแต่ที่หน้าหอ นี่ถึงขนาดรีบบึ่งมานี่ จะได้พ้นสายตาคน กลัวทำโจ่งแจ้งแกก็จะว่าพี่อีก...ทนมาตั้งใกล้ จะให้พอแค่นี้เหรอ”
    
        จูนหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินความในใจของอีกฝ่าย แถมสายตาที่มองมาอย่างเว้าวอนเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น หมีอ้อน ก็คงจะเป็นวันนี้    
    
        “ละ...แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มถาม ดูเหมือนเขาจะจนมุมเข้าให้...แน่ล่ะ เขาโดนขังอยู่ในห้องกับแฟนหนุ่มร่างใหญ่ที่เพิ่งจะจูบเขาจนปากแทบจะหายใจไม่ออกแถมยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะพอเสียด้วยนี่นา!
    
        “ให้พูดได้จริงอ่ะ” เคนดูจะเกรงใจ
    
        “พูดมาเหอะน่า” จูนชักหงุดหงิดเล็กๆกับท่าทีเกรงใจตรงกันข้ามกับการกระทำของอีกฝ่าย
 
   “อยากได้แกอ่ะ....อยากจับทำเมีย”


             ไม่พูดเปล่าร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ ทำเอาเจ้าของห้องต้องก้าวถอยแล้วถอยอีก ดวงตาคมที่จ้องมองมานั้นจริงจังพอๆกับน้ำเสียง สองเท้ายิ่งก้าวเข้าใกล้ อีกสองเท้าของจูนก็ยิ่งก้าวถอยจนเด็กหนุ่มเซลงไปนั่งที่ปลายเตียง ร่างสูงฉวยโอกาสนั่งลงตรงระหว่างสองขาของจูน มือหนึ่งเอื้อมมาจับมือข้างที่จูนเท้าตัวเองเอาไว้มาแตะที่ริมฝีปากร้อน
    

        “ขอได้ไหม...”.
    

        “อ่ะ....แต่... แต่.... มันใช่เรื่องขอกันง่ายๆที่ไหน พี่...พี่เคนก็น่าจะรู้” ใบหน้าเชื้อจีนร้อนผะผ่าวเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร อยู่ๆไอ้คำว่า “ล้างตู้” ของยัยเพื่อนสาวตัวดีที่คณะก็ดังก้องหัว
    
        “ก็...เอาเท่าที่....แกพร้อม...ตอนนี้” ไม่พูดเปล่า มือแกร่งอีกข้างลูบขึ้นมาทางต้นขาด้านในผ่านกางเกงผ้าหนาของกางเกงนักศึกษาทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก มือบางคว้ามือซุกซนของเอาไว้ทันที
    
       “เฮ้ย....อย่าเล่นงี้ดิ่ เสียวนะเว้ย” จูนชักขาออกจะถีบอีกฝ่าย แต่ก็ดูจะไหวทันคว้าขาของเขาเอาไว้ได้ พร้อมออกแรงช้อนทั้งตัวเด็กหนุ่มให้ขึ้นไปอยู่บนเตียง
    
       “ไม่เสียว จะได้ไหมล่ะ ที่ขอน่ะ”
    
       ดวงตาคมจ้องร่างที่อยู่เบื้องล่าง ไล้มองอย่างพิจารณา ใบหูบางของเด็กหนุ่มเดงก่ำเพราะหน้าที่เบือนไปอีกทาง เคนก้มลงปลายจมูกแทบชิดกับแก้มของจูน
    
       “พี่จะไม่ทำอะไรมากไปกว่าที่แก....อยากจะให้พี่ทำหรอกนะ” ชายหนุ่มกดสะโพกลงอีกนิดให้ร่างกายของพวกเขาสัมผัสกันยั่วเย้าเป็นจังหวะเนิบช้า
    
       “อึก...” เสียงคนเบื้องล่างกัดฟันแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงสูดลมหายใจเบาๆอย่างสุดกลั้น
    
       “ถอดได้ไหม...เข็มขัดเนี่ย” ปลายนิ้วเกี่ยวหัวเข็มขัดของอีกฝ่ายเบาๆ
    
        “มะ.....”


         ยังไม่ทันจะได้อ้าปากอะไรเสียงก็ต้องหายไปอีกครั้ง เมื่อเคนกดสะโพกลงมาอีกจนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เริ่มแสดงออกมาให้เห็นไม่เพียงแค่จากเคนแต่จากหนุ่มรุ่นน้องด้วย  ดวงตาคมของรุ่นพี่ร่างสูงสบตาของคนรักอย่างเจ้าเล่ห์ แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างได้ทีก่อนจะขยับตัวเข้ามาช่วงชิงจูบไปจากเด็กหนุ่มอีกครั้ง
    

        “ไม่มีความเห็นแบบนี้ ก็คงต้องถอดให้หมดแล้วล่ะ” ปลายนิ้วของนักมวยหนุ่มเกี่ยวดึงหัวเข็มขัดของอีกฝ่ายออกอย่างชำนาญ

    
          เสียงซิปกางเกงถูกรูดลงพร้อมกับอากาศภายในห้องที่เข้ามาสัมผัสผิวเนื้อทำเอาจูนขนลุกเกรียว ยิ่งเมื่อจูบของเคนยิ่งเร่งเร้า ปลายนิ้วที่สอดล่วงล้ำเข้ามาในกางเกงบ็อกเซอร์เข้ามาทำเอาเด็กหนุ่มต้องถลึงตามอง สองมือทุบอกของอีกฝ่ายอย่างจะให้ปล่อยแต่ก็เหมือนจะไร้เรี่ยวแรง มีแต่อีกฝ่ายเสียอีกที่จะเป็นคนคะยั้นคะยอราวกับอยากจะรีบพาเขาไปให้ถึงที่จุดหมายปลายทางเร็วๆ

    
        “พี่เคน...โอย....พอก่อน...เดี๋ยว”

    
        “เดี๋ยวทำไม....” เสียงเคนแหบพร่าดังที่ข้างหู

    
        “มันจะเปื้อน....ที่กางเกง แล้วก็...ที่นอนด้วย...” เด็กหนุ่มอิงศีรษะเข้ามาหา น้ำเสียงคล้ายคนกำลังละเมอ มือที่แตะอยู่ที่อกเสื้อนั้นสั่นระริก

    
        “งั้นก็ถอดสิ...ถอดให้พี่ด้วย ส่วนผ้าปู...ถ้าเปื้อนเดี๋ยวพี่ซักให้เอง” ยิ่งเห็นจูนอายยิ่งกระเซ้าแหย่ มือแกร่งเลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของเด็กหนุ่มออกทีละเม็ด
    
        “ถอดได้ไหม”
   
        “ก็ถอดอยู่ยังถามอีก...”จูนตอบปลายนิ้วของตัวเองก็ค่อยๆเลียนแบบการกระทำของอีกฝ่ายไปด้วย เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็แทบจะเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยที่เคนโอบกอดร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้
    
        “ขยับเข้ามาอีกสิ” เคนบดเบียดร่างกายของตัวเองเข้าหาเด็กหนุ่ม ได้ยินเสียงครวญเบาๆจากร่างบาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแต่เขาไม่อยากเป็นคนนำเพียงฝ่ายเดียว อยากให้อีกฝ่ายยอมรับการกระทำทั้งหมดนี้ด้วยกัน มือแกร่งจับมือของเด็กหนุ่มให้สัมผัสกับร่างกายของเขา
    
    
        “ช่วยกันนะครับ แล้วพี่สัญญา...ว่าจะไม่ซนไปอีกหลายวัน”

    
         ได้ยินถ้อยคำลามกแบบนั้นแล้วจูนนึกอยากจะตีปากอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเหลือบมองลงไปเห็นความเร่าร้อนของอีกฝ่าย มันยิ่งทำให้ใจของเขาเต้นรัวทั้งความตื่นเต้นทั้งความประหลาดใจมันตีกับสับสนไปหมด เพราะครั้งสุดท้ายที่พวกเราอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับตอนนี้ เขาจำได้ว่าเขาทั้งร้องและขัดขืนฝืนตัวเองออกไปให้พ้น ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้นั้นกลับกัน ใบหน้าของเคน นักมวยร่างใหญ่ที่ใครต่อใครเห็นว่าน่ากลัว กลับดูเร่าร้อนด้วยเลือดที่ฉีดพล่าน เหงื่อพราวที่เกาะบนหน้าผาก กับเสียงสูดลมหายใจแรงเมื่อเขาลองขยับมือของตัวเองเบาๆ คงมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้เห็นภาพนี้

    
         “สัญญาแล้วนะ”


          จูนยิ้มน้อยๆก่อนจะเป็นฝ่ายจูบอีกฝ่ายก่อน ปลายลิ้นเล็มเลียยั่วเย้าลอกเลียนแบบการกระทำของร่างสูง มือบางขยับเร้าอีกฝ่ายเช่นเดียวกับที่เคนก็กระทำให้กับตัวของเขาเอง ในตอนนี้ร่างของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดรัดเข้าหากันราวกับจะหลอมละลายไปกับอารมณ์ร้อนที่ถูกจุดขึ้น

    
      “อา....จูน....จูน.....”


       เสียงเคนดังลอดฟันกรามที่ขบแน่น สองมือซ้อนทับมือบางให้ขยับตามความต้องการของเขาในขณะที่สะโพกแกร่งก็ขยับเข้าหาอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มร้องครางออกมาเป็นชื่อของตัวเองก่อนร่างบางจะเกร็งแน่นก่อนจะอิงศีรษะเข้ามาซบ เคนรู้สึกเจ็บปลาบเมื่อเด็กหนุ่มใช้ฟันคมขบลงบนหัวไหล่ของเขาเพื่อกลั้นเสียง ความต้องการอบอุ่นโอบรอบแก่นกายของทั้งคู่เอาไว้ หากแต่เคนยังต้องการอีกมันยังไม่เพียงพอ

    
      “ขอโทษนะคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆก่อนจะช้อนขาทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มขึ้นโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว จูนดูตกใจแต่ร่างบางก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะตอบโต้ เคนพาดสองขาของเด็กหนุ่มไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง

    
       “พี่เคน.....ท...ทำอะไร” เสียงแหบพร่าดังขึ้นจากร่างบาง

    
      “ขอโทษ แต่ช่วยหนีบขาไว้ให้แน่นสักหน่อยจะได้ไหม”


      เคนกล่าวขอโทษเป็นครั้งที่สองก่อนจะแทรกกายของตัวเองผ่านหน้าขาร้อนอุ่นของเด็กหนุ่ม ร่างแกร่งขยับสะโพกเร็วแรงตามอารมณ์ที่เหมือนพายุกระหน่ำ จนร่างของจูนสั่นคลอนจนสองแขนของเด็กหนุ่มต้องจิกผ้าปู่ที่นอนเอาไว้ให้มั่น การกระทำนั้นยิ่งปลุกเร้าเขาอีกครั้ง สมองของเขาเบลอไปหมดจนไม่อาจรู้ได้ว่าคำที่เอ่ยออกไปนั้นกำลังจะบอกให้อีกฝ่ายหยุดหรือยิ่งเร้าให้อีกฝ่ายพาเขาไปให้ถึงฝั่งโดยเร็วกันแน่


    “อา....พี่เคน...อึ่ก...พี่เคน.....”

   
        จูนได้แต่เรียกชื่อของอีกฝ่ายในขณะที่เคนนั้นยิ่งโรมรันเข้าหา อีกครั้งและอีกครั้งก่อนที่ร่างแกร่งจะปลอดปล่อยความรู้สึกออกมา ที่หน้าท้องขาวของเด็กหนุ่มร้อนผะผ่าวและยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อเคนเอนร่างลงมานอนทับ ริมฝีปากบดเบียดเข้ามาเหมือนโหยหาสัมผัสของความรัก ไม่มีแล้วท่าทีปฏิเสธ จูนรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ

    “ขอบคุณนะครับคนดี”

       
         ถ้อยคำหวานดังขึ้นพร้อมจูบเบาๆบนหน้าผากที่ชื้นเหงื่อ จูนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าลงพร้อมกับรอยยิ้มจากริมฝีปากที่แดงจัด ปลายนิ้วไล้เล่นที่จากปลายคางได้รูปของอีกฝ่ายไปจนถึงไหล่แกร่งที่เขาได้ฝากรอยฟันเอาไว้เมื่อครู่

    “เจ็บไหม”
    
        “แค่นี้ยังน้อย...” เคนหัวเราะ
    
        “จะมีคนว่าอะไรไหมเนี่ย” จูนชักเป็นห่วงเมื่อสังเกตได้ว่าเขาฝังรอยลงไปลึกพอสมควร อีกฝ่ายเรียนวิชาพละ อย่างไรเสียก็คงต้องมีคนเห็นอยู่แล้ว
    
       “ไม่เป็นไร.... “ เคนจับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ “ถ้าใครถามก็จะบอกว่า เมีย ทำ”
    
       “ปากดี ใครจะยอมเป็นเมียของหมีควายกัน” จูนตีเข้าที่ปากของอีกฝ่ายเบาๆ
    
      “ก็ใครที่ยอมให้ทำเปื้อนเต็มตัวนี่ไง” ไม่พูดเปล่า มือแกร่งปาดเอาหยดความต้องการสีขาวขุ่นขึ้นมาจากหน้าท้องของอีกฝ่ายโชว์หลาให้ดูเป็นหลักฐาน ทำเอาจูนทั้งอายทั้งโกรธควันแทบออกหู
    
       “เฮ้ย ไอ้หมีบ้า ไอ้พี่ลามก อย่าเอามาเล่น สกปรกไปล้างเลยเร็วๆ” จูนรีบขยับลุกคว้าทิชชู่แถวหัวเตียงมาเช็ดมือของอีกเคนแทบจะในทันที
    
       “ไป งั้นก็ไปล้างกันทั้งสองคนนี่ล่ะ” เคนหัวเราะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งใจเช็ดมือของเขาทั้งใบหน้ายังแดงก่ำแบบนั้น ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะดึงผ้าปูเตียงออกจากเตียงตลบคลุมร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของห้องเอาไว้
    
        “เฮ้ย เล่นอะไรเนี่ย!!! “ จูนโวยวาย
    
        “ก็บอกว่าสกปรก จะพาไปล้างตัวในห้องน้ำ แล้วจะได้เอาผ้าปูไปซักด้วยเลยไง” เคนหัวเราะก่อนจะตลบผ้าปูทีนอนอีกด้านใส่ร่างของเจ้าของห้อง แต่คราวนี้แขนแกร่งก็ดึงทั้งคนทั้งผ้านเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
    
        “ทะลึ่ง!” จูนที่สุดท้ายหาทางโผล่หน้าออกมาจากผ้าปูที่นอนได้ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าอีกฝ่ายดี นี่เขาอายจนไม่รู้จะซุกกลับลงไปในผ้าอีกรอบดีหรือไม่
    
       “ทะลึ่ง บ้ากาม หมี เอ้า อยากด่าอะไรอีกก็เชิญ แต่วันนี้อาบน้ำกันเสร็จแล้วพี่จะพาแกไปกินข้าว หิวแล้ว” เคนหัวเราะก่อนจะกึ่งลากกึ่งอุ้มอีกฝ่ายเดินออกจากห้องไปที่ห้องน้ำ



    เป็นนานกว่าที่ทั้งสองจะได้กลับออกมาอีกครั้ง...



to be continued....



@@@ Writer's talk@@@
ก่อนอื่น....ขอบอกว่า ไม่ได้ป่วยจนเก็บกดเขียนฉาก NC มาลงนะ :hao5:
แต่คิดว่าถึงเวลาของสองคนนี้แล้ว เขียนมาจนจะหกร้อยหน้าแล้ว ให้เขารักกันดีๆบ้างเถอะ

แต่....ไม่ต้องห่วงนะ ........เมื่อถึงเวลา เดี๋ยวก็มาอีก  :hao6:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ดูสิ เขียนเอาๆ ขอบคุณนะคะ  :กอด1: :3123: :pig4:
 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นิดคงไม่ยอมเลิกตามเคนง่ายๆ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
อยากบอกคนอ่านว่า คิดถึง ตอนนี้มีเพจเป็นของตัวเองแล้วนะ ไปตามได้ P.k.a's story

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด