****เนื้อหาบางส่วนจากในเล่ม****
ผมนัดรวมตัวกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่บ้าน ประกอบไปด้วยไอ้เคน ไอ้ชาย(ที่หักใจไม่ได้เอาลูกสาวมาด้วย) ไอ้เนม พี่ปา พี่เบลล์ และพี่เปาเพื่อนต่างรุ่นของไอ้ภูที่มันยอมให้มาด้วย ที่เหลือคือตามตัวไม่เจอ ไอ้ตินติดต่อไอ้ชัยไม่ได้มาสามเดือนแล้ว ผมกลัวมันจะคิดสั้นเรื่องพี่อันอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่ามันคงไม่บ้าขนาดนั้น ถึงจะเหม็นหน้ามันแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
จุดมุ่งหมายของพวกผมคือทะเลใต้ อำเภอขนอม นครศรีธรรมราช ความจริงก็เล็งไว้หลายที่แต่เนื่องจากเลือกกันไม่ได้จึงใช้วิธีจับฉลากเอาแทน หวยเลยมาออกที่นี่แหละ คนเสนอคือพี่ปา เจ้าตัวเคยมากับแฟนเมื่อหลายปีก่อน
“รถตู้ของใครวะ”ผมถามไอ้ภูเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นเห็นรถตู้สภาพพอใช้ได้จอดอยู่หน้าบ้าน ไอ้ตินกำลังจัดการล็อคประตูบ้าน
“เพื่อนไอ้เนม”ไอ้ภูตอบ รอยยิ้มที่มุมปากบ่งบอกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น ผมทำตาโต แต่มันยกนิ้วแตะปากผม
“ความลับ”ยิ่งมันพูดแบบนี้ ผมยิ่งอยากรู้ ไอ้ภูออกไปคุยกับไอ้เนม พี่ปาเป็นคนขับจำเป็นเพราะชำนาญทาง เหมือนว่าพี่ปาจะไปรับคนอื่นมาหมดแล้ว ผมหันมองไอ้ตินที่ขนกระเป๋าสองลูกออกมาให้
“เห็นว่าเพื่อนชื่อคิง”ไอ้ตินกระซิบบอกเบาๆอย่างมีเลศนัย
“อ๋อ…”เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นเพื่อนคนนี้ของไอ้เนม ผมเดินตัวปลิวเข้าไปในรถที่มีกลิ่นบุหรี่ ผมมองหน้าไอ้เคนเป็นคนแรก จากสายตาวันนี้เกือบทุกคนใส่เสื้อมัดยอมสีช้ำเลือดช้ำหนองที่ผมกับพวกไอ้เคนเคยทำขายเมื่อตอนปีสี่ คนที่ไม่ใส่คือไอ้ภูกับพี่เบลล์
“พี่เบลล์เป็นไงบ้างล่ะ”ผมเลือกนั่งข้างๆพี่เบลล์ พอแต่งงานแล้วรู้สึกหล่อขึ้นเยอะ แบบมีน้ำมีนวลแปลกๆ ที่สำคัญตัดผมใหม่แล้วด้วย ตอนที่ผมได้ยินว่าพี่เบลล์แต่งงานก็ตกใจอยู่บ้างเพราะตอนนั้นมันรวดเร็วจริงๆ ผมนึกถึงนิสัยของไอ้เจ้าคุณแล้ว ก็ไม่คิดว่าพี่เบลล์จะอยู่สบายเท่าไหร่
“ก็เรื่อยๆ ถึงจะรำคาญไอ้คุณบ้าง แต่รวมๆก็สงบดี ตอนแรกนึกว่าจะเจอเรื่องปวดหัวซะอีก”พี่เบลล์เล่าให้ฟังว่าย้ายออกมาจากฟาร์มเจ้าคุณแล้ว เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องภายในฟาร์ม เจ้าคุณไม่กินเส้นกับทางครอบครัวแฟนมัน แต่ที่ต้องแต่งด้วยก็เพราะเรื่องฟาร์มเนี่ยล่ะ ซับซ้อนจริงๆ
ไอ้เนมเปิดเพลงคลอระหว่างที่เริ่มออกเดินทาง บรรยากาศดิบๆในรถทำให้ผมนึกถึงสมัยเรียนขึ้นมา โดยเฉพาะเวลาเมาๆ พูดถึงเรื่องเมาก็ได้กลิ่นเหล้าลอยมาทันที ผมหันมองเบาะด้านหน้าเหมือนว่าไอ้เนมมันจะเอาเหล้าขาวออกมา
“อย่าเพิ่งเมากันนะพวกมึง เจอด่านขึ้นมาซวยแน่ๆ”พี่ปาเตือนอยู่ที่ฝั่งคนขับ แต่เหมือนจะไม่ทันเพราะไอ้ภูจัดการไปแล้วคนแรก สงสัยจะคิดถึงสมัยเรียนเหมือนกันล่ะมั้ง คนแรกที่มีวี่แววว่าจะโดนมอมคือพี่เปา
“เฮ้ย ไอ้เปาอย่าขัดคำสั่งกู”ไอ้ภูพยายามยัดเยียดให้พี่เปากระดกเหล้าขาวให้ได้ น่าสงสารจริงๆ ผมหันมองไอ้ตินที่นั่งอยู่เบาะถัดไป มันกำลังพยายามหลีกเลี่ยงเหล้าขาวจากไอ้ภู เพราะดูจะโดนเป็นรายต่อไป
“เอาไว้ก่อน ถึงรีสอร์ทค่อยกิน”
“ไม่ได้เว้ย แค่นิดเดียวเอง”ไอ้ภูยกมือบอกปริมาณ สุดท้ายไอ้ตินก็ต้านคำพูดไอ้ภูไม่ไหว ผมยกมือขอเมื่อไอ้ภูหันมามอง แต่มันจงใจข้ามผมหน้าตาเฉย
“แล้วกูล่ะ”ผมมองแก้วเหล้าเล็กๆผ่านหน้าไปหาพี่เบลล์ตาละห้อย
“มึงเอาไว้ทีหลัง”มันยิ้มเหี้ยม ผมจึงเลิกถาม ไอ้ภูส่งเหล้าไปให้ไอ้เคนกับไอ้ชายต่อ
“กูรู้สึกเหมือนกลับไปโสดอีกครั้งเลยว่ะ นึกถึงสมัยตอนปีหนึ่งที่พวกมึงไปจีบพี่ปีสอง เฟี้ยวกันจริงๆ”พี่ปาเริ่มเล่าวีรกรรม ผมหูผึ่งอย่างสนใจ
“ไอ้ภูก็จีบคนเป็นด้วยเหรอ”สิ้นคำพูดของผม พี่ปากับไอ้เนมก็หัวเราะเสียงดัง ผมเหลียวมองพี่เปาที่ยิ้มไปกับเขาด้วย หรือว่าไอ้ภูมันแอบไปจีบใคร
“พวกมึงอย่าหาเรื่องให้กูได้ไหม”ไอ้ภูทำเสียงหงุดหงิดมาจากเบาะหลังสุด
“กูแค่พูดเฉยๆว่าสมัยปีหนึ่งมึงเฟี้ยวแค่ไหน”พี่ปาเริ่มเล่า ผมคันหัวใจแปลกๆที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ ปกติไม่เคยเห็นไอ้ภูมันจะจีบใครก่อน เหอะ
“พอๆ ผมขี้เกียจฟังแล้ว”ผมโพล่งออกมา ไอ้เนมเหลียวมามองพร้อมหัวเราะชั่วร้าย
“อย่าเพิ่งหึง วีรกรรมไอ้ภูมีเยอะกว่านี้อีก”วันนี้เป็นวันที่ผมได้รู้ว่า ไอ้ภูเคยคบกับคนแก่กว่า แต่ก็ไปไม่รอดเพราะนิสัยเอาตัวเองเป็นใหญ่แบบมัน จากนั้นมันจึงหันไปบริโภคเด็กๆว่าง่ายแทน พี่เปาดันมาเล่าให้ผมฟังอีกว่าช่วงที่มันเล่นดนตรีก็มีนุ้งมีน้องมาติดมันเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือไอ้นนท์
แค่ได้ยินชื่อมันผมก็แทบปรี๊ด ไอ้เคนจึงจัดการเปลี่ยนหัวข้ออย่างรู้งานโดยเปลี่ยนประเด็นมาที่เรื่องของผมแทน…
“ผมจะเล่าเรื่องไอ้ฟิกสมัยหัวเกรียนให้ฟังบ้างดีกว่า พี่ๆคงรู้ใช่ไหมว่ารสนิยมของมันเป็นยังไง”ไอ้เคนภูมิใจนำเสนอเต็มที่ แต่มีพี่เปาดูไม่เข้าใจอยู่คนเดียว
“เออ กูล่ะอยากรู้ว่ามันทำแบบนี้มานานแล้วเหรอ”พี่เบลล์ถามอย่างสงสัย ผมเหลือบมองไอ้ตินที่นั่งเงียบมานาน มันยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า แต่ผมรู้ดีว่าเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวแค่ไหน
“เรื่องมันก็นานมาแล้ว จะไปพูดถึงอีกทำไม”
“กิ๊กคนแรกของมันชื่อไอ้เอม”ไอ้ชายแฉ ไอ้เอมเหรอ ผมแทบลืมชื่อนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ มันเป็นคนที่ทำให้ผมมีเรื่องทะเลาะกับไอ้เชนเพื่อนเก่า
“มึงจำได้ไงวะ กูลืมไปตั้งนานแล้ว”พวกมึงไม่รู้เหรอ ว่าคุยเรื่องนี้เสี่ยงต่อชีวิตผมมากๆ
“ลองไม่ลืมสิ”ไอ้ตินส่งเสียงเป็นครั้งแรกก็ทำเอาผมเสียวหลังวูบวาบ พี่เบลล์หัวเราะอยู่ข้างๆ ก่อนจะเริ่มมหกรรมแฉบ้าง
“กูก็มีเรื่องแฉไอ้ตินเหมือนกัน”ผมทำตาโตทันที ไอ้ตินกระแอมทันที ผมยิ้มอย่างผู้ชนะ สะกิดไหล่พี่เบลล์อย่างอยากรู้
“ว่ามาเลยพี่”
“ไอ้ตินเคย….”
“สัดเบลล์”ไอ้ตินนั่งไม่ติดแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรมันถึงได้มีอาการแบบนี้
“กูว่าชักน่าสนใจแล้วสิ”ไอ้ภูส่งเสียงมาบ้าง พี่เบลล์ดูลังเลว่าควรพูดดีไหม
“มึง…”ไอ้ตินชี้หน้าขู่เพื่อน
“พี่เบลล์พูดออกมาเลย ไม่ต้องกลัวมัน”หรือมันเคยซุกกิ๊ก? ผมมองหน้าไอ้ตินเห็นว่ามันดูมีอาการแปลกๆ หน้าแดงนิดๆ เอ๊ะ หรือว่าเป็นเพราะเหล้าขาว หรือ…
“บอกผมคนเดียวก็ได้”ผมกระซิบ แอบสังหรณ์ใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผมรึเปล่าวะ
“ไอ้เบลล์มึงพูดมาเลย”ไอ้ภูเริ่มข่มขู่ พี่เบลล์กระแอม เอนตัวมาหาผม ระหว่างนั้นผมก็ลอบมองสีหน้าของไอ้ตินไปด้วย มันทิ้งตัวนั่งตามเดิม แต่หันหน้าเข้าหาหน้าต่าง ซึ่งพี่เปานั่งอยู่ข้างๆมันทำหน้ากระอ่วนอยู่
“ก็…ไอ้ตินมันตามสตอร์คเกอร์มึงใช่ไหมล่ะ มีวันหนึ่งมันเมา…แล้วทีนี้ ไม่รู้มันนึกอะไรอยู่…”
“ไม่ต้องเล่าแล้ว”ผมพูดแทรกเพราะไม่อยากทำลายภาพลักษณ์อันดีงามของไอ้ตินในหัว ผมเคยเห็นเวลามันเมาแล้วเสื่อมมาแล้ว ก็ครั้งที่ผมกับพวกมันแยกกันครั้งแรก
วันนั้นมันเมาแล้วร้องเพลงอยู่ห้องข้างๆ ผมถึงได้รู้ว่าคนอย่างไอ้ตินก็เสื่อมเป็น พี่เบลล์ขยับตัวไปมาเหมือนเขินแทนเพื่อน เห็นไอ้ตินนั่งหูแดงอยู่ที่เบาะข้างๆแล้วก็ตลกเหลือเกิน ผมพยายามไม่นึกคำพูดต่อมาของพี่เบลล์ ไอ้ตินมันทำอะไร…ช่างเถอะ
มหกรรมแฉจึงจบลงด้วยบรรยากาศขัดเขิน ผมว่าพวกที่เหลือก็อาจจะเดาได้ ไอ้ตินพยายามนิ่ง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเพราะไอ้ภูพูดถึงเรื่องนี้ไปตลอดทาง ก็นะ นานๆทีไอ้ตินจะมีเรื่องให้ล้อ แต่ทำไมต้องมีเอี่ยวกับผมทุกที ไอ้เนมรีบเปิดเพลงจังหวะสนุกๆแทรกเพื่อไล่บรรยากาศแปลกๆในรถแต่ก็ไม่ทันแล้ว!เชื่อว่าไอ้ตินจะถูกถามเรื่องนี้ไปอีกนาน
**********************************************
ลืมกันหรือยังงง
ไม่มีอะไร แค่เรียกน้ำย่อย
รายละเอียดนิยายหากใกล้เปิดจองจะแวะมาบอกอีกทีนะคะ