<<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]  (อ่าน 22294 ครั้ง)

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
น่ากลัว แงงง  :ling3:
น้องชลจิตใจดีจัง ถึงได้เป็นที่รักขนาดนี้อ่ะเนอะ นะโม
นอกจากความน่ากลัวของเหล่าผี ๆ แล้ว
ยังสอดแทรกคติสอนใจ ให้ทำดี ละเว้นความชั่วด้วย
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปน้า
เอาใจช่วยน้องชลกับนะโม
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ก่อนจะลงตอนต่อไป ขอแปะอิมเมจนายนะโมก่อนนะกั๊บป๋ม  :katai2-1:


ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สยองดีจริงๆ แต่ก็ต้องอ่านต่อเพราะสนุกมาก

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 6 หมาดำ



     “ว่าแต่วันนั้น แกไปหาฟางทำไมเหรอชล” ผมชะงักไปเมื่อจู่ๆเจสซี่ก็ถามคำถามนั้นขึ้นมากลางวงอาหารกลางวัน

     ช่วงสองถึงสามวันมานี่ผมเริ่มจะกลับมาร่าเริงได้จนเกือบจะเป็นปกติหลังจากเหตุการณ์น้องฟางที่ทำให้ผมซึมเศร้าเหมือนหมดอาลัยตายยากไปร่วมสองสัปดาห์ ช่วงนั้นเจสซี่คงเห็นผมอาหารไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ซักถามอะไร

     “ฉันถามอะไรพัตเตอร์มันก็ไม่ยอมบอกฉัน บอกแต่ไม่มีอะไร” เจสซี่เริ่มจี้เมื่อเห็นผมเริ่มนิ่งไปนาน

     ผมเผลอหลบสายตาเจสซี่ไม่ว่าเป็นพิรุธอะไรให้ยัยนั่นสงสัยหรือเปล่า เพราะตอนนี้กำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าหาคำตอบอะไรที่มันดูดีที่สุด เพราะหากบอกไปตามตรงว่าผมไปหาน้องฟางเพราะเห็นวิญญาณจะมาเอาชีวิตเธอ ยัยเจ็ดสีคงได้หาว่าผมเสียสติเป็นแน่

     “เอ่อ… คือว่า...” ยัยเจ็ดสีมองผมอย่างคาดคั้น โอย ทำไมทีเวลาอย่างนี้สมองผมมันดันตันตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่ายังไงถึงจะทำให้ยัยนั่นเลิกสงสัยได้

     “ก็ไม่มีอะไรก็แค่พี่ฟางเขาเผลอหยิบกระเป๋าเงินสลับกับของผมไป ผมก็เลยให้พี่ชลรีบพาไปเปลี่ยนคืน” โอ้ พัตเตอร์น้องรัก ขอบใจมากที่แกพูดแทรกขึ้นถูกจังหวะในตอนที่พี่กำลังมืดแปดด้านพอดี

     “ก็ถ้ามันเรื่องแค่นั้นทำไมแกถึงไม่ยอมบอกฉันตั้งแรก” ยัยเจ็ดสีจิกตามองน้องชายราวกับกำลังพยายามจับผิด ดูท่าทางแล้วยัยนั่นคงจะไม่ได้เชื่อคำพูดของพัตเตอร์สักเท่าไหร่ แต่จะว่าไปแล้วถ้าผมเป็นยัยเจ็ดสีก็คงไม่เชื่อคำตอบนั้นของเจ้าเด็กนั่นเหมือนกันนั่นแหละ

     “ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าถ้าผมไม่บอกเจ๊ แล้วปล่อยให้ต่อมเผือกเจ๊กำเหริบไปเรื่อยๆ มันจะตลกขนาดไหน” พัตเตอร์ยกยิ้มกวน และยักคิ้วให้พี่สาวอย่างผู้มีชัย เออ ไอ้พี่น้องคู่นี้หาเรื่องตีกันได้แทบจะทุกวันจริงๆ แต่ผมก็ขอยอมในความแถของเจ้าเด็กนั่นเลยจริงๆ

     “นี่แกหลอกด่าฉันเหรอไอ้เด็กบ้า!” เรื่องปกติของยัยเจ็ดสีเขาล่ะ เวลาเถียงสู้ผมกับพัตเตอร์ไม่ได้ทีไร มักจนลงด้วยการใช้กำลัง สงสัยยัยนั่นจะเป็นพวกเสพติดความรุนแรง

     “โอ๊ย เจ๊ผมเจ็บนะ” พัตเตอร์มองหน้าพี่สาวอย่างเคืองๆ พลางเอากุมหูข้างที่เพิ่งโดนพี่สาวหัวร้อนดึงเสียเกือบหัวทิ่ม

     “สมน้ำหน้า เออ ชล อีกสองอาทิตย์วันหยุดยาวฉันกับไอ้พัตเตอร์จะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่อยุธยา แกไปกับพวกฉันไหมถือว่าไปพักผ่อน บ้านคุณตาฉันบรรยากาศดีนะ” เจสซี่ค้อนให้น้องชาย ก่อนจะหันมาเปลี่ยนเรื่องคุยกับผม ต้องขอบคุณพัตเตอร์ที่ทำให้พี่สาวมันปล่อยผ่านเรื่องน้องฟางไปได้

     อีกสองสัปดาห์ข้างหน้ามีวันหยุดราชกาลติดกันหลายวันผมกับเจสซี่เลยตกลงกันว่าเราจะปิดร้านเพื่อให้พนักงานในร้านได้พักบ้าง

     “นี่ไปด้วยกันเถอะ ฉันเห็นช่วงนี้แกเครียดๆไปผ่อนคลายบ้าง แล้วอีกอย่างมีคนบางคนเขาอยากแกไปด้วยมากเลยนะ” เจสซี่ว่าพลางเหล่มองไปทางน้องชายที่ตอนนี้กำลังทำท่าทางเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร เห็นแล้วผมก็อดขำไม่ได้

     “อืม เอาสิ” ผมตอบตกลงไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเข้าใจว่าสองพี่น้องนั้นก็คงเป็นห่วงผมที่เห็นผมซึมไปหลายวัน ยัยเจ็ดสีเคยเล่าให้ผมฟังว่าบ้านคุณตาอยู่ริมแม่น้ำอากาศดีร่มรื่นมาก ช่วงนี้สมองผมมันก็เจอเรื่องหนักๆมามากให้มันได้พักบ้างก็คงดี

     เพียงแค่ผมตอบตกลงเจ้าพัตเตอร์ก็ยิ้มหน้าบานและอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด มันจะดีใจอะไรขนาดนั้น



     “นี่ได้ยินแว่วๆว่าวันหยุดจะไปไหนกันเหรอ ผมไปด้วยคนนะชล” ทันทีที่เจสซี่ลุกไปเข้าห้องน้ำ นายนะโมปรากฏตัวมานั่งแทนที่เจสซี่ทันที นายนั่นว่าพลางหยิบขนมจากห่อในมือใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ขนมนั่นผมเพิ่งใส่บาตรไปให้นายนั่นเมื่อเช้า เพราะมารบเร้าว่าอยากกิน ไม่อยากเชื่อว่ามันจะถึงนายนั่นทั้งห่อแบบนี้จริงๆ

     “ผมว่าพี่สาวผมชวนแค่พี่ชลนะ พี่ไม่เกี่ยว” พัตเตอร์ว่าพลางมองนายนะโมอย่างดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไอ้หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณคู่นี้นี่เจอกันทีไรเป็นอันต้องเขม่นกันทุกที

     “แต่ถ้าผมไม่ได้ไปด้วย ชลก็คงไปพักผ่อนอย่างไม่มีความสุขหรอกเนอะ” ผมละเบื่อสายเว้าวอนกับน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นจริงๆ

     “เอ่อ พัตเตอร์พี่อยากทิ้งนายนะโมไว้คนเดียว ให้นะโมไปด้วยนะ” ก็เพราะสายตาและน้ำเสียงแบบนั้นมันทำให้ผมใจอ่อนปฏิเสธนายนั่นไม่ได้ทุกทีไงเล่า ก็ในช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมานายนะโมอยู่กับผมแทบจะทั้งวันทั้งคืนจนมันเกือบจะกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่มีความห่วงนายนั่นก็คงไม่ใช่ แต่ที่แน่ๆก็คือไม่อยากทิ้งนายนั่นไว้คนเดียวจริงๆนั่นแหละ

     “เออๆ ไปก็ไป” ถึงจะอิดออดแต่เด็กนั่นยอมแต่โดยดี

     “ขอบใจนะ แกนี่เป็นน้องที่น่ารักที่สุด”

     “เมื่อกี้พี่บอกว่าผมน่ารักเหรอ” เอ่อ ไม่รู้พูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ แค่ผมชมไปนิดเดียวเมื่อครู่ เจ้าเด็กนั้นหันควับมามองหน้าผมอย่างไว

     “อะ อืม”

     พี่ชายชมน้องชายว่ารักมันก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหม ทำไมเจ้าเด็กนั่นต้องทำท่าทางเหมือนเขินแล้วยิ้มหน้าบานราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่พิเศษมากอย่างไรอย่างนั้น เท่านั้นยังไม่พอเจ้าเด็กนั่นหันไปยักไหล่ให้นายนะโมเหมือนกับกำลังข่มนายนะโมเรื่องอะไรอย่างบาง แต่คิดว่าคงไม่น่าจะใช่เรื่องผมหรอกมั๊ง ส่วนทางฝั่งนายนะโมนายนั่นหันมาทำหน้ายู่ให้ผมก่อนจะหายตัวไป เฮ้อ ผมได้เพียงแต่ส่ายหัวระอา ปวดหัวจริงๆกับไอ้หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณคู่นี้



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     วันนี้ผมอยู่เคลียร์งานที่ร้านจนฟ้ามืดจนได้กลับบ้านเป็นคนสุดท้าย หลังจากปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างเรียบและล็อคประตูร้านอย่างแน่นหนาเตรียมตัวจะกลับบ้าน หันมาอีกทีก็เห็นนายนะโมยืนกอดอกเหรอผมอยู่หน้าร้านแล้ว

     “ป่ะ นะโมกลับบ้านกัน”

     เอ้า พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย นายนั่นยืนกอดกรอกตาไปมา ทำหน้าเหมือนไม่สนใจโลก ทำราวกับว่าไม่เห็นและไม่ได้ยินผมอย่างนั้นแหละ นี่นายนั่นโกรธอะไรผมหรือเปล่าเนี่ย

     “นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่า” นั่น ถามแล้วก็ยังนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจอะไร

     “อย่างนั้นก็ตามใจนะ ฉันกลับละ” ก็ในเมื่อถามแล้วก็ไม่พูดด้วย อย่างนั้นก็ยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปก็แล้วกัน ผมเดินจ้ำอ้าวแยกตัวออกมาปล่อยนายทิ้งไว้ตรงนั้นนั่นแหละ

     “เฮ้ย เดี๋ยวสิชล ง้อผมก่อนสิ” ผมก้าวขาออกมายังไม่ทันจะถึงสามก้าว นายนั่นก็วาปมาดักหน้าผมอย่างร้อนอกร้อนใจ ถือว่ามาไวกว่าที่ผมคิดเสียอีก ทำไมตอนนี้ดูมีอารมณ์บนสีหน้าไม่ทำหน้าเป็นนิ่งไร้อารมณ์แบบเมื่อครู่แล้วล่ะ อ่อนไปไอ้น้อง จะมาแกล้งงอนให้พี่ง้ออย่างนั้นเหรอ ไม่เคยมีใครบอกใช้ไหมว่าแอคติ้งห่วย

     “จะให้ฉันง้อนายเรื่องอะไร”

     “ก็เมื่อตอนกลางวันชลชมไอ้เด็กนั่นว่าน่ารักต่อหน้าผมนี่ ทีกับผมชลไม่เคยเห็นชมแบบนั้นบ้างเลย” ห๊ะ นายนั่นงอนผมเพราะเรื่องนี้เนี่ย นี่ผมลืมไปแล้วนะเนี่ย เห็นนายนั่นทำหน้าบึ้งตึงน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดจนผมอยากจะขำ ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย

     “ไร้สาระน่า พัตเตอร์นั่นน้องฉันนะ พี่จะชมน้องมันผิดตรงไหน”

     หลังจากที่นิ่งไปเพียงครู่สั้นๆ นายนะโมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์และมองผมอย่างกรุ้มกริ่มดูมีเลศนัย ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มและแววตาแบบนั้นเป็นบ้า เพราะเวลานายนั่นทำหน้าแบบนี้ทีไรมักจบด้วยการหยอดคำหวานชวนเลี่ยนและหลอกแต๊ะอั๋งผมอยู่ร่ำไป

     “ชลชมไอ้เด็กนั่นเพราะคิดว่ามันเป็นแค่น้องชาย อย่างนั้นก็แสดงว่าชลคิดกับผมมากกว่าพี่น้องใช่ไหม” หืม.. เมื่อครู่นี้ผมไม่ได้เผลอไปชี้นำอะไรใช่ไหม ถึงได้ทำให้นายนั่นคิดไปเองแบบผิดๆจนทำให้ผมหน้าชาอยู่ตอนนี้

     “ชลหน้าแดงอีกแล้วนะ เวลาเขินทีไรชอบทำตัวน่ารักทุกทีเลย”

     “ไม่คุยด้วยแล้วโว้ย” ผมรีบชิงตัดบทด้วยการเดินหนี บ้า ใครเขิน ผมไม่ได้เขินสักหน่อย ถ้าเป็นสาวๆมาเล่นมุขแบบนี้กับผมแล้วผมจะเขินค่อยว่าไปอย่าง แต่นี่มันวิญญาณผู้ชายตัวเท่าตึกผมจะไปเขินยังไงล่ะ

     “อ้าว ชลจะรีบไปไหน ผมยังไม่ได้หอมแก้มเลยนะ” โว้ย!! นายนั่นยังเล่นไม่เลิก ยิ่งได้ยินเสียงนายนั่นตามหลังมาผมยิ่งเร่งฝีเท้าจ้ำอ้าวเร็วขึ้น ใครจะไปอยู่ให้หอมง่ายๆเล่า ต้องให้ย้ำอีกกี่รอบว่าผมเป็นผู้ชาย แล้วพ่อแม่ผมก็หวงด้วย แก้มผมไม่ได้มีไว้ให้นายนั่นหอมเล่นตามอำเภอใจนะเว้ย



     “หยุดเดินแบบนี้จะยอมให้ผมหอมแล้วใช่ไหม” นายนะโมกล่าวขึ้นคงเพราะเห็นผมที่เดินจ้ำอ้าวรัวๆอยู่เมื่อครู่ จู่ๆก็หยุดกึกเอาเสียดื้อๆ

     ก็จะไม่ให้หยุดได้อย่างไรล่ะ ก็สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้มัน....

     “นะโมดูนั่น....”

     เจ้าหมาสีดำตัวขนาดมหึมา ตัวมันใหญ่มาก ใหญ่กว่ามาสตีฟตัวโตๆที่ผมเคยเห็นมาประมาณหนึ่งเท่าตัวได้ ขนปุยของมันดูกระเซอะกระเซิงราวกับเพิ่งไปฟัดสูงหมาที่ตัวพอๆกันฝูงใหญ่ๆมา ดวงตาของมันเป็นสีแดงสดเต็มดวงทั้งสองข้าง สิ่งนั้นทำให้ผมพอจะเดาออกว่าเจ้านั่นคงไม่ใช่หมาธรรมดาเป็นแน่ น้ำลายเหนียวข้นของมันไหลยืดหยดลงพื้นไม่ขาดสาย เจ้าตัวนี้ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยนะ มันคงจะแค่ผ่านมา แต่ดูท่าทางแล้วตอนนี้มันคงจะยังไม่อยากผ่านไปง่ายๆ


     เสียงหมาหอนทั่วๆไปก็ว่าหลอนเอาการอยู่แล้ว แต่กับเจ้าหมายักษ์สีดำตัวนี้ เมื่อมันหันมาเห็นผมกับนายนะโม  มันแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วเปล่งเสียงหอนออกมาลากเสียงยาว ในน้ำเสียงของมันตั้งแต่ต้นจนจบแฝงไปด้วยความโหยหวนและหดหู่ที่ชวนให้ขนลุกขนพอง จนผมต้องกลืนก้อนสะอึกอย่างหวาดหวั่น

     หลังจากสิ้นเสียงหอนเสียงน่าสยองของมัน มันมองตรงมาทางผมกับนายนะโมด้วยดวงตาสีแดงสดที่เต็มไปด้วยความดุดัน มันแยกเขี้ยวอวดคมเขี้ยวที่ทั้งใหญ่และคมอย่างเต็มภาคภูมิ ก่อนจะเปล่งเสียงขู่คำรามที่ฟังดูน่ากลัวพอๆกับเสือโคร่งตัวโตๆ ดูท่าไม่ค่อยดีแล้วสิ

     เจ้าหมาดำตัวนั้นมันพุ่งกระโจนตรงมาทางผมกับนายนะโมราวกับว่ากำลังต้องอาหารมื้อค่ำ ความไวของมันคงพอๆกับเสือชีตาห์ ผมกับนายนะโมไม่มีโอกาสที่จะวิ่งหนีด้วยซ้ำ เพราะเพียงไม่ถึงชั่วพริบตามันก็เข้าประชิดตัวพวกเราได้แล้ว แต่ไม่สิมันไม่ได้กระโจนเข้าใส่มันไม่ได้กระโจนเข้าใส่พวกเรา แต่มันพุ่งตรงไปหานายนะโมคนเดียวต่างหาก มันกระโจนเข้าใส่นายนะโมราวกับเสือตะครุบเหยื่อ


     นายนะโมถูกเจ้าหมาดำตัวนั้นเล่นงานจนหงายหลังล้มลง ก่อนที่มันจะขึ้นเหยียบทับบนตัวของนายนะโมอย่างภาคภูมิใจ น้ำลายของมันหยดไหลลงเต็มหน้านายนะโมแววตาของมันที่มองนายนะโมเหมือนกับว่านี่คืออาหารอันโอชะของมัน มันคำรามขึ้นฟ้าสองครั้ง ก่อนจะแยกเขี้ยวแล้วอ้าปากกว้างจนสุดขากรรไกร ก่อนจัดส่งคมเขี้ยวพุ่งตรงไปที่ลำคอของนายนะโม

     “ชลหนีไป!” นายนะโมหันมาตะโกนสั่งผม ปัดโธ่เว้ย มันใช่เวลามาทำตัวเป็นพระเอกไหมนั่น แล้วจะให้ทิ้งไปได้ยังไงล่ะ แต่จะช่วยนายนั่นยังไงนี่ต่างหากที่ประเด็นสำคัญ ผมลนลานอย่างคิดไม่ตก โธ่เว้ย ทำไมเวลาคับขันที่ไรสมองผมตันทุกทีเลยวะ อย่างนั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หนทางเดียวที่พอจะปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของผมตอนนี้


     “สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น”


     เหมือนจะได้ผล... คมเขี้ยวที่อยู่ห่างจากลำคอของนายนะโมไม่น่าจะถึงหนึ่งเซนติเมตรด้วยซ้ำในตอนนั้น มันหยุดชะงักได้ทันเวลา นายนะโมหันมาพยักหน้าให้ผมเชิงบอกว่าให้ทำต่อไป


     “อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย”


     เจ้าหมาดำตัวนั้นละคมเขี้ยวและถอยห่างออกจากนายนะโม


     “อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย”


     มันละความสนใจจากนายนะโม แต่หันเหความสนใจมองตรงมาทางผมแทน เอ่อ ไม่ดีมั๊ง ดวงตาสีแดงสดที่จ้องมองมาทำตัวเอาผมขนลุกไปทั้งตัว


     “อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย”


     ผมยังคงกั้นใจท่องบทแผ่เมตตาต่อไป แม้ว่าตอนนี้เจ้าหมายักษ์สีดำมันกำลังย่างกายตรงเข้ามาหาผมอย่างช้าๆแล้วก็ตาม


     “สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด”


     บทสวดจบลงพอดีกับที่เจ้าหมาดำตัวนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เอ่อ หวังว่ามันคงไม่ได้คิดจะจับผมกินเป็นอาหารแทนนายนะโมหรอกนะ


     “อย่าทำอะไรชลนะ” นายนะโมประครองตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เขาก็คงจะเจ็บไม่น้อยจากการโดนโจมตีเมื่อครู่

     แต่เจ้าหมายักษ์สีดำมันก็ไม่ได้ดูมีทีท่าว่าจะทำร้ายผม จะมีก็แค่เดินวนรอบตัวผมแล้วเอาจมูกจ่อดมกลิ่นกายผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ว่ามันคงไม่ได้กำลังตรวจเช็คสภาพอาหารอยู่หรอกนะ เจ้าหมาดำตัวนั้นมันหยุดลงตรงหน้าผม มันเงยมองตรงมาที่ผม ดวงตาสีแดงของมันในตอนนี้ราวกับมีบางอย่างดึงดูดให้ผมมองลึกเข้าไปข้างในแววตาของมัน

     เมื่อผมมองลึกเข้าไปในตาของมัน ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างดูกลืนผมเข้าไปเพื่อให้ได้พบได้เห็นกับบางสิ่ง ภาพที่สะท้อนเข้ามาในหัวของผม เจ้าหมาดำตัวนั้นในขนาดตัวที่ดูไม่ได้ผิดแผกจากหมาทั่วๆไป ไม่ได้ตัวโตมหึมาดั่งเช่นที่ผมได้เห็นในปัจจุบัน เจ้าหมาจรจัดที่น่าสงสาร มันตกเป็นแพะในข้อหากัดเด็กน้อยวัยอนุบาล ทั้งที่มันไม่ได้ทำ คงจะเป็นคราวซวยของมัน ที่มันดันผ่านมาทางนั้นพอดีที่พ่อของเด็กออกเห็น รอยคมเขี้ยวประทับอยู่บนแขนและขาของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังร้องไห้โฮ ส่วนหมาตัวที่ก่อเหตุจริงๆมันหนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เจ้าหมาดำผู้น่าสงสารเลยตกเป็นจำเลยในคดีนั้นไปโดยปริยายแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นผู้ก่อ


     โทสะของพ่อเด็กพิพากษาให้มันต้องรับโทษประหารชีวิต ชายคนนั้นคว้าเอาไม้ท่อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวมาฟาดลงตรงกลางหลังเจ้าหมาดำผู้น่าสงสาร ตัวของมันล้มพับลงกับพื้นซีเมนต์ดิ้นทุรนทุรายและส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวดและทรมาน ชายคนนั้นไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขาใช้ไม้ท่อนฟาดลงมาบนตัวมันนับครั้งไม่ถ้วนอย่างไม่ยั้งมือจนสาแก่ใจ เลือดของมันสาดกระเด็นเลอะเต็มตัวของเขา และกระจัดกระจายบนพื้นเป็นวงกว้างตามทิศทางที่มันพยายามจะดิ้นหนีตะเกียกตะกายเพื่อหนีตาย แต่ความตายก็ไม่ปราณีมันร่างกายที่ดิ้นทุรนทุรายค่อยๆสงบนิ่งลงไปพร้อมๆกับเสียงร้องโหยหวนและเสียงลมหายใจที่แผ่วลงอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะขาดใจไปช้าตายอย่างน่าเวทนาและอเนจอนาจใจ มันถูกตัดสินโทษประหารโดยที่มันไม่ได้ทำความผิด
ผมไม่อาจจะกั้นน้ำตาไว้ได้กับชะตากรรมอันน่าสังเวชของเจ้าหมาดำตัวนั้น ภาพตัดกลับมาที่เจ้าหมายักษ์สีดำน้ำใสๆก็หล่นร่วงออกมาจากดวงตาสีแดงที่ดูน่ากลัวแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าเช่นกัน


     “ไม่ต้องกลัวนะมนุษย์ไม่ได้ใจร้ายทุกคนหรอก แกคงหิวและทรมานมากใช่ไหม หลังจากนี้ฉันจะทำบุญให้แกเรื่อยๆนะ แกอย่าไปทำร้ายคนอื่นอีกเลยมันบาป” ผมพูดไปก็พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เสียงสั่นเครือ เพราะสงสารมันจับใจ

     ดวงตาของมันเปลี่ยนจากสีแดงสดกลับกลายเป็นสีปกติของดวงตาสุนัขทั่วๆไป และไม่ได้แสดงอาการดุร้ายออกมาเหมือนเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะเดินแยกจากผมไปอย่างช้าๆและกลืนหายเข้าไปกับความมืด ผมมองตามมันอย่างเวทนาและยังสะเทือนใจกับภาพเหตุการณ์อันโหดร้ายที่มันเพิ่งทำให้ผมได้เห็น แต่เชื่อไหมมีความรู้สึกหนึ่งบอกกับผมว่าผมกับมันต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ


     “เป็นแม่ทูนหัวของผม แล้วยังเป็นแม่พระของสัตว์โลกอีกนะเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ผมหลงได้ยังไง เนอะ” ผมหันไปมองแรงใส่ไปตัวที่เพิ่งพูดไม่เข้าหูเมื่อครู่ที่มันโผล่ยืนอยู่ข้างตัวผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ นายนั่นยังยิ้มระรื่นได้อย่างดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร รู้อย่างนี้น่าจะปล่อยให้ตกเป็นอาหารค่ำของเจ้าหมาดำนั่นเสียก็ดี หึ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ♫“ใครหนอดีดซึงให้ข้าเจ้าซึ้งซ่านทรวงเอ๋ย”♫ เสียงร้องเพลงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เสียงร้องเพลงที่ฟังแล้วช่างปลุกเร้าอารมณ์ ปลุกเร้าอารมณ์โมโหอะนะ


     ♫“ก่อนอ้ายพี่เคยดีดซึงสอนข้า เจ้าฮัก”♫ แม่ผีสาวสไบเขียวเจ้าของต้นกล้วยปริศนาที่พ่อผมเอามาลงไว้ในสวนที่บ้าน แฟนพันธุ์แท้ตัวแม่ของคุณอรวี สัจจานนท์ร้องได้ทุกเพลงทุกอัลบั้ม และดูเธอช่างดูมีอารมณ์สุนทรีไปการร้องเพลงเสียจริง แต่ขอโทษเคยถามคนที่ต้องทนฟังบ้างไหมว่าสุนทรีกับเสียงร้องของเธอด้วยหรือไม่


     ♫“ต่างฮู้ ใจกันทุกวันประจักษ์พะเยาป่าสักสลักเสียงซึงยังตรึงอุรา”♫ นอกจากจะดูมีความสุขกับการร้องเพลงที่สร้างความปวดประสาทให้กับผู้ที่ผ่านมาได้ยินแล้ว ดูยัยพี่นีจะมีความสุขมากกว่ากับเกาะแขนและซบอิงแนบชิดกับไหล่หนาๆที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงของนายนะโม

     นายนั่นก็ดูยิ้มอารมณ์ดีเสียจริงนะ คงไม่ได้มีความสุขไปกับการฟังเพลงแน่นอน (ใครมีความสุขไปกับการฟังเสียงร้องของยัยพี่นีก็คงสติไม่ดีแล้วล่ะ) แต่คงจะมีความสุขไปกับการมีสาวสวยสไบเขียวมาออเซาะอย่างนี้มากกว่า ฮึ่ย เห็นแล้วหมั่นไส้ เอ่อ ผมหมายถึงหมั่นไส้ยัยพี่นีที่ชอบร้องเพลงรบกวนหรอกนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนะโมเลย ไหล่ของเขาเขาจะไปให้สาวที่ซบมันก็เรื่องของเขาสิ ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปหมั่นไส้ แต่เห็นแล้วมันยิ่งหงุดหงิดเว้ย

     “พี่นีครับเวลาที่พี่นีจะเข้าไปอยู่ในต้นกล้วยพี่นีทำยังไงเหรอ” ผมทำทีเข้าไปชวนคุยหมายจะให้ยัยพี่นีหยุดร้องเพลงสักที

     “ก็ไม่เห็นยากนี่คะน้องชล ก็แค่เดินเข้าไปง่ายๆ” ขนาดคุยกับผมยังไม่หยุดออดอ้อนออเซาะนายนะโม นายนั่นก็ยืนนิ่งปล่อยให้เขาซบอยู่ได้ หมั่นไส้โว้ย! หมายถึงหมั่นไส้เรื่องร้องเพลงนะขอย้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนะโมเลย

     “ถ้าอย่างนั้นพี่นีทำให้ผมดูหน่อยผมอยากเห็น”

     “จริงๆแล้วน้องชลก็ถือว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งนะคะ สำหรับผู้ชายหน้าตาดีพี่นีทำตามคำขอให้ได้เสมอค่ะ รอพี่นีสักครู่นะคะน้องนะโม เดี๋ยวพี่นีโชว์เข้าต้นกล้วยให้น้องชลดูแล้วพี่นีจะรีบกลับออกมาหา” ยัยพี่นีทำท่าทางอาลัยอาวรณ์นายนะโมเสียเหลือเกิน จับแก้มนายนะโมมาแนบที่แก้มตัวเอง ทำราวกับว่าต้องจากกันนานแสนนาน รีบๆเข้าต้นกล้วยไปสักทีเถอะ แล้วจะได้จากกันนานแสนนานสมใจแน่ หึหึ

     ยัยพี่นีเดินผ่านทะลุเข้าไปในต้นกล้วยได้อย่างง่ายดาย อย่างกับว่าเดินเข้าประตูบ้าน เพียงชั่วพริบตาร่างของยัยพี่นีก็หายเข้าไปอยู่ในต้นกล้วยแล้ว หึหึ เสร็จไอ้ชล

     “พี่นีออกไปได้หรือยังคะน้องชล”

     “อีกเดี๋ยวหนึ่งนะครับพี่นี อยู่ในนั้นไปก่อน” ผมแสยะยิ้มอย่างตัวร้ายในละครไทย ก่อนจะล้วงหยิบเอาบางสิ่งในกระเป๋ากางเกง ผ้ายันต์กันภูตผีจากอาจารย์ชื่อดังที่คุณนายนกยูงเคยไปขอมา ผมจัดการติดมันลงไปบนต้นกล้วยพี่ทันที หึหึ


     “ว้าย! น้องชลทำอะไรพี่นี ทำไมพี่นีออกไปไม่ได้ ปล่อยพี่นีออกไปเดี๋ยวนี้!” ยัยพี่นีคงจะรู้ตัวแล้วเลยเริ่มส่งเสียงประท้วงออกมาจากด้านในต้นกล้วย

     “ถ้าปล่อยออกมาแล้วรับปากไหมล่ะว่าจะไม่ร้องเพลงแล้ว”

     “ว้าย ได้ยังไงคะ พี่นีเป็นนางไม้สาวแสนสวยผู้หลงรักเสียงเพลง จะให้พี่นีหยุดร้องเพลง เป็นไม่ได้ อิมพอสซิเบิ้ล” อิมพอสซิเบิ้ลอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ในต้นกล้วยต่อไปก็แล้ว บาย


     “นี่ชล ที่ทำแบบนี้นี่เพราะรำคาญเสียงพี่นี หรือเพราะหึงผมกันแน่ หึงโหดนะเรา” นายนะโมไม่ว่าเปล่า เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตานายนั่นอีกแล้ว พยายามจะจ้องกลับแล้วแต่มันทำไม่ได้จริงๆ นายนั่นมองผมเหมือนรู้ทัน แต่รู้ทันอะไร ผมไม่มีอะไรให้รู้ทันสักหน่อย ก็ผมหมั่นไส้ยัยพี่นีเพราะร้องเพลงน่ารำคาญแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้มีเรื่องอื่นสักหน่อย

     “หึงบ้าอะไร ใครหึง ฉันจะไปหึงนายทำไม นายจะให้ใครซบก็เรื่องของนายดิ” เฮ้ย แค่ไม่ได้หึงก็บอกไปตรงๆก็พอแล้วไหมวะ ผมจะลนลานจะหัวร้อนแถมเหวี่ยงนายนั่นไปด้วยทำไมวะเนี่ย

     “ไม่เคยมีใครบอกชลว่าเก็บอาการไม่เก่ง เวลาเขินทีไรแก้มแดงเป็นแอปเปิ้ลทุกที เข้าใจหรือยังเวลาชลยอมให้ไอ้เด็กพัตเตอร์เข้าถึงเนื้อถึงตัวผมรู้ยังไง” ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดแก้มทั้งสองข้างหลังจากสิ้นคำนายนะโม แก้มผมแดงอยู่เหรอ ว่าแต่มันแดงเพราะอะไร ไม่รู้เว้ย แต่คงไม่ใช่เพราะเขินตามที่นายนั่นกล่าวหาแน่นอน(มั๊งนะ)

     “นี่น้องชลขา พี่นีก็เข้าใจนะว่าหวงแฟน แต่น้องชลจะมาลงกับพี่นีนางไม้แสนสวยและบอบบางอย่างนี้ไม่ได้” นั่น มาพูดไม่เข้าหูอีกคนแล้ว จับถ่วงน้ำไปทั้งต้นเลยเสียดีไหม ตอนแรกคิดว่าจะแกล้งแค่ครู่เดียว แต่ตอนนี้อยู่ในนั้นต่อไปเถอะ


     “นี่นายนะโมนายนั่งเฝ้าต้นกล้วยยัยพี่นีนั่นไปเลยนะ ไม่ต้องเดินตามฉันมา”



     ผมเดินไปเปิดสายยางมารดน้ำต้นไม้ในสวนฆ่าเวลาไปอย่างไม่รู้จะทำอะไรในตอนสายของวันที่ร้านปิด  หันมองไปทางนายนะโมทีไรก็เห็นนายมองผมตาละห้อยอยู่ตลอด นายนั่นก็พาลซื่อนะบอกให้นั่ง นายนั่นก็นั่งขัดสมาธิตรงข้างต้นกล้วยยัยพี่นีจริงๆ
แต่จะว่าไปแล้วนี่ก็หนึ่งเดือนเต็มๆแล้วนะที่นายมาอยู่กับผม ไม่รู้ว่านายนั่นคิดถูกหรือเปล่าที่มาฝากชีวิตไว้กับผม จนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าผมจะมาพาเขากลับเข้าร่างได้ยังไง อย่าว่าแต่จะพากลับเข้าร่างเลยแค่จะไปเริ่มตามหาร่างเขาที่ไหนผมเองก็ยังคิดไม่ตก


     “ไม่ต้องเครียดไปหรอกเจ้าหนู เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คำสัญญาที่เจ้าทั้งสองเคยให้กันไว้ตั้งแต่อดีตชาติจะเป็นสิ่งที่นำพาให้เจ้านั่นกลับเข้าร่างได้เอง”

     “คุณลุง คุณลุงหมายความยังไงครับ” ผมยกมือไหว้คุณลุงผู้ปกปักรักษาบ้านผมที่ตอนนี้ท่านมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับกล่าวบางสิ่งที่ชวนให้ผมฉงน คำสัญญา สัญญาอะไร

     “ลุงบอกเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้ มันผิดกฎของสวรรค์ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
คุณลุงมาปรากฏกายเพียงเท่านั้น ชั่วครู่ท่านก็หายไปพร้อมกับแสงสีขาวนวล แต่อย่างน้อยคุณลุงท่านก็บอกว่านายนะโมจะได้กลับเข้าร่างผมก็สบายใจ แต่คำสัญญาคืออะไร... แล้วผมกับนายนะโมเคยเกี่ยวข้องกันยังไงในอดีตชาตินั่นคงเป็นปริศนาที่ผมจะต้องหาคำตอบสินะ...









     “น้องชลขาปล่อยพี่นีไปเถอะ พี่นีไม่ร้องเพลงแล้วก็ได้”


     เอ เสียงผู้หญิงไหนมาเอะอะโวยวายแถวนี้ แต่ช่างเถอะผมคงหูแว่วไปเอง






TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 10:40:35 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
อิมเมจตัวละคร

สายชล



นะโม


พัตเตอร์

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม สายชลตัวร้าย ฮา

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
หมาดำ น่าสงสารมาก ฮือออ  :monkeysad: ไม่มีใครโหดร้ายเท่ามนุษย์อีกแล้วล่ะ
ถ้าหมาดำไม่ต้องไปเกิด ก็อยากให้มาอยู่กับชลจัง คอยดูแลปกป้อง
ชลคิดว่าต้องได้เจอหมาดำอีก เราก็อยากให้เจออีก สงสารน้องหมา
นี่ชอบพี่นีมากเลย เป็นตานีที่ตลก ไม่เครียดเลยวัน ๆ 555
ขอบคุณมากค่า รอตอนต่อไปน้า  :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เนื้อเรื่องสนุกมากชอบๆๆ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13  สนุกมากเลยจ้า รอการผจญภัยกับเหล่าวิญญาณดวงต่อไป  :katai2-1:
 :L2:   :pig4:   :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
นี่ๆ เรามีแฟนเพจด้วยนะ  :hao7: แวะไปส่องหรือกดไลค์หรือติชมกันได้นะจ๊ะ  :hao5:

https://www.facebook.com/ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด-Writer-1424253884292576/ (ค้นหาว่า ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด - Writer)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2017 21:25:51 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ถ้าอิมเมจพัตเตอร์จะหล่อขนาดนี้ ย้ายทีมจะทันไหม >//<
สงสารน้องหมาดำแฮะ ว่าแต่พี่นีจะได้ออกจากต้นกล้วยตอนไหนนนน ฮา~~~~~

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พัตเตอร์ มาอยู่กับป้าก็ได้ลูกกกกกก ยกพี่ชลให้นายนะโมไปเนอะลูกเนอะ

ฮาาาาา

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารหมาดำค่ะ ฮือออ
อยากให้หมาดำมาอยู่กับชลจังเลยค่ะ หรือถ้าไปเกิดใหม่ก็อยากให้เกิดในที่ดีๆ
เราชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ คนเขียนอย่าทิ้งเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ก่อนจะลงตอนใหม่ แปะเพลงสำคัญในตอนหน้าไว้ก่อน อิอิ

http://www.youtube.com/v/pwYkQQ7iKAM 

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชอบมาก กกกก เรา เคยแต่งนิยายแนวนี้ด้วย แบบ นายเอกเห็นผี เนื้อเรื่องก็สอดแทรก บาปบุญคุณโทษ แต่ ไม่มีปัญญาแต่งต่อละ 55555555  เราเป็นกำลังใจ ให้นะ สู้ๆๆ ค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 7  ภาษาใจ



     ♫“ยามเมื่อเราเจอกัน เธอสบตาฉันเหมือนหนึ่งทักทาย”♫ ที่ผมอยู่ที่ไหนกัน แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง บรรยากาศรอบๆตัวผมมันมืดไปหมด มืดจนมองไม่เห็นอะไร จะมีก็แต่เสียงเพลงที่แสนไพเราะนั้นที่ลอยมาในความมืด

     ♫“ทำให้ใจฉันหาย รู้สึกคล้ายๆ ฉันมีปมด้อย”♫  เสียงนั้นช่างเพราะจับใจเหลือเกิน ผมตั้งใจฟังเพื่อหาตำแหน่งหรือทิศทางที่มาของเสียงนั้น และผมก็ตัดสินใจที่จะเดินไปเสียงนั้นไป หมายที่จะพบหน้าเจ้าของเสียงที่แสนไพเราะนั้น

     ♫ “เราต้องจากกันไกล เราต่างเศร้าใจ เราต่างหลงคอย”♫  ใครกันนะเจ้าของเสียงหวานๆนั้น ผมคิดว่าผมเข้าใกล้ตัวเธอมาเรื่อยๆแล้ว เพราะผมได้ยินเสียงของเธอชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มมองเห็นแสงสว่างสีนวลอยู่ไม่ไกล ผมคิดว่าเธอผู้เป็นเจ้าของเสียงร้องต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ

     ♫“เป็นด้วยบุญฉันน้อย จึงปล่อยเธอคอยจนสายเกินไป”♫ ใช่เธอจริงๆด้วย หญิงสาวที่กำลังดูมีความสุขกับการร้องเพลงอยู่ท่ามกลางแสงสีขาวนวลที่สาดส่องมาที่ตัวเธอ ใบหน้าของเธอช่างสวยหวานละมุนเข้ากับเสียงหวานใสราวกับเสียงนางฟ้า แฟชั่นการแต่งตัวของเธอราวกับหลุดออกมาจากละครพีเรียดยุคหกศูนย์ ชุดเดรสสั้นสีชมพูแสนหวานช่างเหมาะกับเธอเหลือเกิน ผมทรงหน้าม้าด้านหลังเกล้ามวยสูงมันช่างส่งให้ใบหน้าของเธอดูสง่างามยิ่งขึ้น

     ♫“เจอกันครั้งนี้ ฉันมีความเศร้าฤทัยกรุ่นอยู่ภายใน หมดทางเผยใจให้เธอได้เห็น”♫ ก่อนจะจบท่อนร้อง เธอหันมามอบรอยยิ้มที่สุดแสนพิมพ์ให้กับผม หัวใจผมแทบจะละลายลงตรงนั้น เธอคนนี้คือใครกันนะทำไมช่างเป็นผู้หญิงสุดแสนจะสมบูรณ์แบบ มีทั้งรูปร่างหน้าตาที่สะสวยและยังมีเสียงที่สุดแสนจะไพเราะ  ถ้าจะขาดก็คงจะมีแค่คนรักที่เป็นหนุ่มหล่อปานเทพบุตรอย่างผมคนนี้นี่แหละ...



     “เฮ้ย!” ผมสะดุ้งเฮือก ใจหายใจคว่ำ เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าใบหน้าของนายนะโมที่ผมแสนจะคุ้นเคยอยู่ตรงหน้าผมอย่างจัง ปลายจมูกของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งมิลลิเมตรด้วยซ้ำมันแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว แล้วสาวสวยเสียงใสคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว ผมทนมองหน้านายนั่นได้ไม่ถึงชั่วอึดใจก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีเพื่อเลี่ยงการถูกสบตาด้วยแววตากรุ้มกริ้มคู่นั้น

     นี่มันห้องนอนผมนี่... ผมยังใส่ชุดนอนตัวเก่ง และนอนอยู่บนเตียงนอนแสนรักตัวเดิม สรุปแล้วสาวสวยคนนั้นผมฝันไปหรอกหรือนี่ โธ่ น่าเสียดาย แต่เดี๋ยวนะ ตอนนี้นะโมกำลังใช้สองแขนยันกับที่นอนคร่อมตัวผมอยู่ เฮ้ย! นี่เดี๋ยวนี้นายนั่นถึงขั้นกล้ามาทำชีกอกับผมถึงบนเตียงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ผมหันไปมองเขาตาดุซึ่งนายนั่นดูไม่ได้สลดเลยแม้แต่น้อย จนผมเองที่เป็นฝ่ายกลั้นใจมองหน้านายนั่นได้ไม่นานก็เบนสายตาหลบไปอีกตามเคย นี่ผมเป็นบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย

     “นอนไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป ฝันถึงผมอยู่ล่ะสิ” นายนะโมกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูผม เสียงของนายนั่นตอนนั้นมันฟังดูแหบพร่าและกระเส่าเสียจนทำเอาภาพฉากเลิฟซีนในหนังอีโรติกรอบมาแต่ไกล แล้วยิ่งตอนนี้นายนั่นคร่อมตัวผมมันอยู่ ทั้งภาพและเสียงมันคงจะส่อไปทางนั้นน่าดู 

     ความมโนนั้นทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างไว ถึงจะต้องผ่านทะลุร่างนายนั่นไปก็ไม่สนแล้ว ขืนยังอยู่ในสภาพนั้นต่อไปนายนั่นคงได้หามุขหยอดคำหวานมาแกล้งผมหรือไม่ก็จบด้วยการเอาจมูกมาชนแก้มผมแล้วหาว่าผมเขินอีกเป็นแน่ การแกล้งผมแบบนั้นนายนั่นอาจจะสนุกนะ แต่สำหรับผม ผมโคตรจะไม่ชอบเอาเสียเลยเพราะทุกครั้งที่นายนั้นทำแบบนั้นมันจะต้องเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นกับผม ความรู้สึกนั้นผมเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน ผมได้เพียงภาวนาว่าไอ้ความรู้สึกนั้นมันคงไม่ใช่สิ่งที่ใครหลายๆคนเรียกมันว่า ความหวั่นไหว หรอกนะ



     ผมคว้าผ้าเช็ดตัวตรงดิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไวโดยพยายามไม่ให้ความสนใจกับเสียงหัวเราะชอบใจของนายนะโมที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่เตียงของผม เออ มีความสุขเหลือเกินนะกับการแกล้งผม ผมยกมือขึ้นกุมที่อกด้านซ้ายเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย หัวใจผมเต้นแรงมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้เห็นตัวเองในกระจกหลังจากถูกนายนะโมแกล้ง นี่แก้มของผมทั้งสองข้างมันขึ้นเป็นสีแดงอ่อนคล้ายสีเลือดฝาดอย่างที่นายนั่นชอบล้อผมจริงๆเหรอเนี่ย อย่างนั้นก็แสดงว่า.... เฮ้ย ไม่ใช่แล้วโว้ย


     จะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เนื้อคู่ของเอ็ง...เป็นผู้ชาย


     เอ่อ ใครก็ได้ช่วยมาปิดเทปรีรันคลิปเสียงตาลุงพ่อหมอคนนั้นในหัวผมที!!!!


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     วันนี้ผมจะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของเจสซี่และพัตเตอร์ที่อยุธยาตามคำชักชวนของสองคนนั้น นี่ก็ใกล้เวลาที่สองคนนั้นจะมารับผมตามที่นัดหมายเอาไว้แล้ว แต่ผมยังตะหงิดๆว่าผมน่าจะลืมอะไรไปบางอย่างที่ผมเองก็ยังนึกไม่ออก ผมว่าผมก็สำรวจตรวจตราทุกอย่างครบแล้วนะ เสื้อผ้าก็เตรียมแล้ว โทรศัพท์มือถือพร้อมที่ชาร์จแบตก็เตรียมแล้ว  ของใช้ที่จำเป็นทุกอย่างก็เตรียมครบเรียบร้อยหมดแล้ว แล้วผมลืมอะไรกันนึกเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออก หรือว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ผมลืมมันไม่ใช่สิ่งของ.... เมื่อลองนึกดูดีๆแล้ว.... ตายล่ะ!  ผมลืมปล่อยพี่นี



     “น้องชลใจร้าย กักขังนางไม้สาวแสนสวยที่บอบบางได้ลงคอ กระซิก กระซิก” พี่นีนั่งพับเพียบตีหน้าเศร้าราวกับนางเอกลิเกในฉากดราม่า พร้อมด้วยท่าทางสะอึก สะอื้น ที่มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าแอคติ้ง แถมเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปมากโข ถ้าผมจำไม่ผิดยัยพี่นีเคยบอกผมเองว่าข้างในต้นกล้วยเหมือนบ้านของเธอ อยู่ข้างในก็สุขสบายดี แค่ไม่ได้ออกมาข้างนอกคืนเดียวคงไม่รันทดขนาดนั้นหรอกมั้ง 

     “พี่นี่ผมขอโทษ” ถึงจะดูออกว่ายัยพี่นีแอคติ้งล้วนๆ แต่เรื่องนี้ผมก็ผิดเต็มประตูจริงๆ เลยได้แค่เพียงทำตาแป๋วออดอ้อนง้องอนยัยพี่นีนั่นต่อไป

     ♫“กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัวอย่าขังหัวใจดีกว่า”♫ เอาแล้วไงหายนะทางการได้ยินเสียงมาเยือนเข้าให้แล้ว เมื่อยัยพี่นีเริ่มโศกาเป็นเพลงจำเลยรักเวอร์ชั่นไม่สนคีย์ไม่แคร์ทำนอง

     ♫“อย่าขังหัวใจให้ทรมาน ให้ฉันเศร้าโศกา เหมือนว่าฉันเป็นเช่นดังจำเลย”


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     โอย กว่าจะทนฟังยัยพี่นีร้องเพลงจบแต่ละเพลงนี่เล่นผมถึงกับหูชา ก็คุณเธอดันขู่ไว้ว่าถ้าไม่รับชมมินิคอนเสิร์ตของเธอจนจบเธอจะไม่หายโกรธ ทั้งๆที่เพลงในมินิคอนเสิร์จของยัยพี่นีส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงสนุกทั้งนั้นนะ แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อฟังจนจบแล้วผมกลับรู้ว่าชีวิตมันช่างน่าหดหู่เสียเหลือเกิน เอาเป็นว่าใครรู้จักคุณหมอรักษาโรคเกี่ยวกับหูเก่งๆ ก็บอกผมด้วยก็แล้วกัน

     “อ้าว เจสซี่ล่ะพัตเตอร์” ผมถามขึ้นหลังจากนำพาตัวเองเข้าไปนั่งในรถตรงเบาะข้างคนขับเพราะปกติยัยเจ็ดสีจะชอบนั่งเบาะหลัง แต่แล้วก็พบว่าทั้งรถนี้มีแค่ผมกับพัตเตอร์อยู่แค่สองคน ไม่มีแม้แต่เงาของยัยเจ็ดสีที่บอกว่าจะไปด้วยกัน ตอนที่เจ้าเด็กนั่นลงไปช่วยผมยกกระเป๋าใส่ท้ายรถผมก็ไม่ทันได้สังเกตเสียด้วยสิ

     “พอดีที่เจสมีธุระด่วนน่ะพี่ชลเลยไปกับพวกเราไม่ได้แล้ว ผมก็รับปากคุณตาคุณยายเอาไว้แล้วถ้าจะไม่ไปก็กลัวท่านจะเสียใจ เราคงต้องไปกันสองคนแล้วล่ะ” พัตเตอร์เหยียบคันเร่งออกมาทันทีโดยไม่ให้โอกาสผมได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ยัยเจ็ดสีจะไม่ไปก็ไม่โทรบอกกันก่อน ถึงจะงงๆ แต่ก็เอาเถอะไปกับเจ้าเด็กนั่นสองคนก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะผมกับเจ้านั่นก็สนิทกันไม่ได้น้อยไปกว่าที่ผมสนิทกับยัยเจ็ดสีสักเท่าไหร่ แล้วก็ถือว่าไปพักผ่อนด้วย

     “ไม่ใช่ว่านายวางแผนหลอกพาชลไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะ” นายนะโมที่ปรากฏตัวมานั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังมองพัตเตอร์อย่างจับผิด เอ่อ พูดดีๆหน่อยเว้ย เขาอุตส่าห์อนุญาตให้แกไปด้วยนะ

     “หึ ถ้าผมจะปล้ำพี่ชลจริงๆ คิดว่าพี่ชลจะรอดมาถึงทุกวันนี้เหรอ” พัตเตอร์แสยะยิ้มตอบกลับนายนะโมอย่างไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ก่อนจะหันมาทำสายตากระเซ้ามองผม เอิ่ม พวกเอ็งจะคุยอะไรกันนี่ลืมไปแล้วหรือว่าบนรถคันนี้มีข้านั่งอยู่ด้วย


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “คิดถึงคุณยายที่สุดเลย” พัตเตอร์โผเข้าไปทั้งกอดทั้งหอมหญิงสูงวัยชาวต่างชาติร่างท้วมแต่ดูภูมิฐานที่ยืนรอพวกเราอยู่ที่หน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว หญิงสูงวัยท่านนี้น่าจะเป็นคุณยายของเจสซี่และพัตเตอร์ คุณยายท่านคงจะตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่หลานชายสุดที่รักจะมาหา เมื่อสักสิบห้าที่แล้วพัตเตอร์เพิ่งจะโทรมาบอกคุณยายว่าใกล้จะถึงแล้ว คุณยายท่านคงจะอดใจไม่ไหวอยากหน้าหลานไวๆเลยมายืนรออยู่ที่หน้าบ้านเช่นนี้

     เห็นเจ้าเด็กนั้นออดอ้อนคุณยายแล้วก็ดูน่าเอ็นดูไม่น้อย แม้คุณยายจะอายุมากแล้วแต่หน้าตาผิวพรรณยังดูดีในแบบที่สมวัย คาดว่าตอนสาวๆคุณยายจะต้องสวยมากแน่ๆ และคุณยายยังเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาไทยได้ชัดมากทั้งอักขระและสำเนียงไม่ได้ผิดแผกไปจากเจ้าของภาษาอย่างเราๆเลยแม้แต่น้อย

     “พ่อหนุ่มคนนั้น สายชลใช่ไหมจ๊ะ ตัวจริงน่ารักเหมือนที่พัตเตอร์เล่าให้ยายฟังเลยนะ” คุณยายหันมายิ้มทักทายผม นี่เจ้าเด็กนั่นนินทาอะไรให้คุณยายฟังบ้างหรือเปล่า รอยยิ้มและแววของท่านดูอ่อนโยนดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เด็กๆคงจะอยากเข้าหา ผมฉีกยิ้มกว้างและยกมือไหว้คุณยายอย่างนอบน้อม

     บ้านคุณตาคุณยายของพัตเตอร์เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ หลังไม่ใหญ่มากแต่ดูน่าจะอยู่สบายพอตัวมีเนื้อที่กว้างขวาง บรรยากาศดูร่มรื่นน่าอยู่ เพราะรอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวสดสบายตาที่คุณตาคุณยายปลูกไว้ น่าจะจริงอย่างที่พัตเตอร์โวให้ผมฟังตั้งแต่อยู่บนรถว่าที่นี่อากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศ และทีนี่ทำให้ผมสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด คุณยายเดินนำผมกับพัตเตอร์เข้าไปด้านในบ้าน ท่านถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไปเรื่อยเปื่อยตามประสาผู้ใหญ่




     “หลานมาถึงแล้วจ้ะตา” คำบอกกล่าวของคุณยาย ทำเอาชายสูงวัยที่กำลังใจจดใจจ่อกับการติดตามข่าวสารบ้านเมืองต้องละความสนใจจากหนังสือพิมพ์และวางมันไว้บนเก้าอี้ไม้สักกลางห้องโถง ก่อนที่เขาจะเดินยิ้มหน้าบานตรงมาหาหลานชายหัวแก้วหัวแหวน ท่านคงจะมีความสุขไม่น้อยตามประสาผู้ใหญ่ที่ได้เห็นลูกหลานแวะมาเยี่ยมเยือน

     “มากันแล้วเหรอ เออ ไม่เจอแป๊บเดียวเจ้าพัตเตอร์ดูโตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลยนะ” คุณตาโอบไหล่พัตเตอร์อย่างสนิทสนม ถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่คุณตาท่านยังดูสมาร์ทและดูแข็งแรงมากอยู่เลย

     “ตาครับ คนนี้พี่ชลรุ่นพี่ผมเอง” พัตเตอร์ว่าพลางผายมือมาทางผม

     “สวัสดีครับคุณตา” คุณตาเบนความสนใจมองตรงมาทางผม ผมยิ้มพนมมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม

     คุณตาท่านมองจ้องมาที่ผมได้เพียงครู่เดียว ท่านก็มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่ท่านกำลังยิ้มแย้มแต่เมื่อเห็นหน้าผมสีหน้าของท่านกลับแปรแปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ผมไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ท่านชะงักและนิ่งไปแววตาของท่านมามองมายังผมมันดูมีทั้งความประหลาดใจ ความตกตะลึง และอีกหลายความรู้สึกปะปนกันเต็มไปหมด แต่จากที่ยิ้มหน้าบานอยู่ตอนแรกผมเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเพราะทำตัวไม่ถูก นี่ไม่รู้ว่าผมเผลอไปทำอะไรให้คุณตาท่านไม่พอใจหรือเปล่า

     “คุณตาครับ” ผมเรียกคุณตาอย่างกล้าๆกลัวๆ

     “นวลจันทร์” ...... เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณตากล่าวมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สองตายังคงมองตรงมาทางผม นวลจันทร์? คุณตาหมายความว่ายังไง นวลจันทร์คืออะไร ผมงงไปหมดแล้ว

     “ตาจ๊ะ นั่นหนูชลเพื่อนรุ่นพี่ของพัตเตอร์เขา” คุณยายพูดกับคุณตาด้วยน้ำเสียงเอ็ดเล็กน้อย ดูคุณยายท่านก็มีอาการตกใจเล็กเช่นกันได้ยินคุณตาเรียกชื่อนั้นขึ้นมา

     คุณตาดูจะตั้งสติได้และดูท่านพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติโดยการวาดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้ง

     “อย่าถือสาตาเลยนะ คนแก่ก็หลงๆลืมๆทักผิดทุกถูกไปตามประสา แต่หลานทำให้ตานึกถึงเพื่อนเก่าของตาคนหนึ่ง ที่ตาไม่ได้พบเขามานานแสนนาน” น้ำเสียงของคุณตาฟังดูสุขุม แววตาที่คุณตามองมาที่ผมตอนนี้มันช่างดูอ่อนโยน ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองแววตาที่คุณมองมาที่ผมตอนนี้มันดูอ่อนโยนกว่าที่น้องหลานชายอย่างพัตเตอร์เสียอีก

     ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่อยากจะไปซักไซ้ไล่เลียงอะไรมากมาย มันจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้ใหญ่จะเป็นการเสียมารยาทเปล่าๆ ผมเลยปล่อยผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆแล้วผมก็แค่อาจจะบังเอิญหน้าคล้ายเพื่อนของคุณตาคนนั้น จะเกิดการทักผิดบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมนั่งผ่อนคลายอยู่ที่ศาลาริมน้ำตามลำพัง เจ้าพัตเตอร์เห็นว่าแวะไปหาเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนนายนะโมไปเล่นกับกุมารทองบ้านข้างๆ อืมนะ นายวิญญาณตัวเท่าตึกแต่สมองเด็กห้าขวบ พอเจอเพื่อนที่อายุใกล้เคียงกับอายุสมองนายนั่นก็เริงร่า  แต่ก็ดีเหมือนกันผมจะได้พักผ่อนแบบเงียบสงบบ้าง

     บรรยากาศริมน้ำยามเย็นแบบนี้ มันช่างเงียบสงบเหมาะสำหรับการผ่อนคลายในแบบของผม อากาศก็ร่มรื่นเย็นสบาย  ผมหลับตาพริ้มและสูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์อันหอมหวนที่พบเจอได้ไม่บ่อยนักในกรุงเทพฯเข้าไปอย่างเต็มปอด


     ♫“ยามเมื่อเราเจอกัน เธอสบตาฉันเหมือนหนึ่งทักทาย”♫ เสียงนั้น...

     ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นไอธรรมชาติจนเกือบจะเข้าสู่ห้วงลึก เสียงของเธอคนนั้นลอยเข้ามาในภวังค์ของผม ผมจำเสียงของได้ดี นางในฝันของผม

     ♫“ทำให้ใจฉันหาย รู้สึกคล้ายๆ ฉันมีปมด้อย”♫  ถึงแม้เนื้อหาของเพลงนั้นมันจะดูเศร้า แต่เสียงอันแสนไพเราะของเธอกลับทำให้ผมมีความสุขจนเผลออมยิ้มออกตั้งแต่เมื่อไหร่ผมเองก็ไม่รู้ตัว ผมรู้แค่เพียงว่าผมตกหลุมรักเสียงของเธอเข้าเต็มเปาเสียแล้วสิ



     “ชล!” ผมสะดุ้งออกจากภวังค์เพราะเสียงเรียกนั้น นี่ผมเผลอหลับไปเหรอเนี่ย ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เห็นนายนะโมมานั่งยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่ข้างตัวผมแล้ว นายนั่นไม่น่ารีบมาปลุกผมเลย ผมกำลังมีความสุขกับการดื่มด่ำเสียงเพลงอันหวานซึ้งนั้นอยู่เลย

     “หลับตาไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกแล้วนะ คิดถึงผมอีกแล้วเหรอ” ผมเผลอกรอกตาขึ้นมองด้านบนเพราะหมั่นไส้ในความหลงตัวเองของนายนั่น ผมกำลังมีความสุขกับนางในฝันของผมต่างหากล่ะ

     “แล้วนายล่ะ ไปเล่นบ้านข้างๆไม่โดนเจ้าที่เข้าถีบหัวออกมาเหรอ”

     “ผมก็แค่เล่นกับน้องหนูแดงอยู่หน้าบ้านไม่ได้เข้าไปสักหน่อย” เอ่อ น้องหนูแดง นั่นชื่อของน้องกุมารเหรอ เอ่อ ไม่ต้องพามาแนะนำให้รู้จักนะ ไม่กล้า เอ๊ย! ไม่อยากเจอ



     “อ้าว ชล มาอยู่ตรงนี้นี่เอง” ผมหันมองไปตามเสียงนุ่มสุขุมที่กล่าวทักทาย คุณตาในใบหน้ายิ้มแย้มกำลังเดินตรงมาทางผม

     “ที่นี่อาจจะไม่ค่อยสนุกนะ ไม่มีแสงสีหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนที่กรุงเทพฯ” คุณตาว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างผม

     “ไม่เลยครับ ผมชอบที่นี่มากเลย เงียบสงบ แถมอากาศดีมากด้วย”

     “เอ่อ คุณตาครับ คือผมหน้าคล้ายเพื่อนคุณตาที่ชื่อนวลจันทร์เหรอครับ ทำไมเมื่อตอนบ่ายคุณตาถึงได้....” ถึงจะกล้าๆกลัวๆ แต่เพราะทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวเลยหลุดปากถามออกไปจนได้ แต่เตือนสติตัวเองได้เสียก่อนมันอาจจะเป็นการเสียมารยาทเลยไม่กล้าพูดจนจบประโยค ผมแหยๆก้มมองพื้นเหมือนคนทำความผิดมา

     คุณตายิ้มอ่อนหันมามองผม ดูท่านไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธ หรือไม่พอใจกับการที่ผมเพิ่งเสียมารยาทไป แววตาที่ท่านมองผมยังเป็นแววตาที่อ่อนโยนเช่นเดิม ผมทำตัวไม่ถูกได้เพียงยิ้มแห้งๆให้คุณตา

     “ไม่เลย ชลกับนวลจันทร์หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่ตาเห็นชลครั้งแรกตากลับเห็นภาพของนวลจันทร์ซ้อนขึ้นมาบนหน้าของชล” คุณตากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุขุม ไม่รู้ทำไม น้ำเสียงของคุณตามันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่คุณตาเห็นผมเป็นคุณนวลจันทร์ทั้งที่หน้าตาผมกับเขาไม่มีความคล้ายสักนิดอย่างนั้นเหรอ ครั้นจะหันไปปรึกษากับนายนะโมก็เกรงว่าคุณจะตกใจที่เห็นผมพูดคนเดียว

     “นวลจันทร์เธอเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นรักแรกของตา ไม่สิ ตาต่างหากที่เป็นฝ่ายรักเธอข้างเดียว แต่จะทำยังไงเธอก็ไม่เคยมีใจให้ตาเกินกว่าเพื่อนเลย แต่ตาก็มีความสุขนะที่ได้อยู่ข้างๆเธอ  แม้เธอจะจากตาไปนานแสนนาน แต่เวลาจะผ่านไปกี่สิบปีตาก็ยังไม่เคยลืมใบหน้าที่งดงามและเสียงอันไพเราะของเธอ” คุณตายังเล่าเรื่องของเพื่อนคุณตาคนนั้นให้ผมฟังต่อ ผมตั้งใจฟังอย่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ ฟังจากที่คุณตาเล่าผมพอจะจับใจความได้ว่าคุณนวลจันทร์เธอคงจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แววตาของคุณตาดูเป็นประกายท่านดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึงเรื่องของคุณนวลอดีตรักครั้งแรก จนผมเผลอยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว

     “เพลงโปรดของเธอ ที่เธอชอบร้องยังดังก้องอยู่หัวตาอยู่เลย”


     ♫“เจอกันครั้งนี้ ฉันมีความเศร้าฤทัย”♫ อ๊ะ! เพลงนั้น.... เนื้อเพลงท่อนนั้นคุณตาฮึมฮัมมันขึ้นมาเบาๆ แต่สะดุดหูผมเข้าอย่างจัง ผมชะงักไปทันที อย่าบอกนะว่าท่อนต่อไปมันจะร้องว่า....

     ♫“กรุ่นอยู่ภายใน หมดทางเผยใจให้เธอได้เห็น”♫
     ♫“กรุ่นอยู่ภายใน หมดทางเผยใจให้เธอได้เห็น”♫ ผมเผลอร้องเพลงท่อนนั้นออกมาพร้อมคุณ ใช่จริงๆด้วยนี่มันเพลงของนางในฝันของผมนี่ ทำไมมันถึงช่างบังเอิญได้ขนาดนี้ เพลงที่นางในฝันของผมร้องกับเพลงที่คุณนวลจันทร์อดีตรักครั้งแรกของคุณตาชอบร้องคือเพลงเดียวกัน คุณตาหันมามองผมอย่างประหลาดใจ

     “ไม่คิดว่าเด็กสมัยนี้จะรู้จักเพลงนี้”

     “พอดีผมเคยได้ยินผ่านๆมาน่ะครับ” ผมทำหัวเราะกลบเกลื่อน จริงๆแล้วตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย แต่ครั้นจะให้บอกคุณตาไปตามตรงว่าได้ยินเพลงนี้จากนางในฝันคงจะกลายเรื่องตลกสำหรับคุณตาเป็นแน่

     “ตานี่แย่จังมาเล่าเรื่องอะไรให้ชลฟังก็ไม่รู้ อย่าถือสาคนแก่เลยนะ”



     “ตากับหนูชลมาอยู่นี่เอง ทานข้าวกันได้แล้วจ้ะ อาหารเย็นเสร็จแล้ว” บทสนทนาระหว่างผมกับผมกับคุณตาเป็นอันต้องชะงักลงจากเสียงเรียกของคุณยาย คุณตาท่านไม่ได้กล่าวอะไรกับผมอีกเลยนอกจากชวนผมทานข้าวแล้วก็เดินคุณยายเข้าบ้านไป
นี่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆอย่างนั้นเหรอ ที่เพลงที่นางในฝันของร้องกับเพลงโปรดของคุณนวลจันทร์อดีตรักครั้งแรกของคุณตามันจะเป็นเพลงเดียวกัน นั่นคือคำถามที่ผมยังคิดไม่ตก


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ชล คืนนี้ชลต้องนอนห้องเดียวกับไอ้เด็กนั่นจริงๆเหรอ” หลังจากชำระร่างกายและเปลี่ยนชุดเป็นนอนเสร็จเรียบร้อย สิ่งแรกที่ผมพบเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกคือ นายนะโมยืนดักรอผมอยู่ก่อนแล้ว นายนั่นทำหน้าอย่างกับเพิ่งไปกินรังแตนที่ไหนมา ไม่รู้ว่าไปโกรธใครมาอย่าบอกว่าทะเลาะกับน้องหนูแดงข้างบ้าน

     “ใช่ มีอะไรเหรอ” ถ้าจะให้คุณยายจัดห้องให้ผมใหม่ผมก็เกรงใจ แล้วผมกับเจ้าพัตเตอร์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแถมเป็นน้องชายที่ผมสนิทมาก นอนห้องเดียวกันก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายสักหน่อย

     “ชลไปนอนที่อื่นไม่ได้เหรอผมไม่ไว้ใจมัน”

     “นี่อย่าเวอร์น่า ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะ แล้วถ้าพัตเตอร์คิดจะทำอะไรฉันจริงมันคงไม่ยอมให้นายเข้าในบ้านหรอกน่า”

     “ถ้าอย่างนั้น ไปเปลี่ยนกางเกง” นายนะโมว่าพลางมองเพ่งตรงมาที่ต้นขาผมกับเกงเกงบ็อกเซอร์ตัวเก่งที่ผมใส่นอนเป็นประจำ

     “นี่อย่าทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงได้ไหม ฉันเป็นผู้ชายใครจะมาทำอะไรฉันได้ หลีกไปได้แล้วดึกแล้วฉันอยากพักผ่อน”

     “ผมจะจับตาดูชลกับมันไม่ให้คาดสายตา” พูดจบนายนะโมจู่โจมผมแบบกะทันหันชนิดที่ไม่ปล่อยโอกาสให้ผมตั้งตัว นายนั่นเอาปากของเขาพุ่งมาชนกับปากของผมอย่างจัง.... ก่อนที่เขาจะหายตัวไป


     ถึงจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นแต่ผมก็ยังสัมผัสว่านายนะโมกำลังจ้องมองผมอยู่อย่างที่เขาพูดจริงๆ ทุกคนคงจะรู้ว่าจะมีบางเวลาที่ผมกับนายนั่นจะสามารถสัมผัสตัวกันได้... มันคงจะดีถ้าบางเวลานั้นมันไม่ใช่เมื่อสักครู่นี้.... ในทุกครั้งที่นายนะโมแกล้งหอมแก้มผม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะเป็นความรู้สึกคล้ายกับลมอุ่นๆที่พัดผ่านแก้ม แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากของอีกคนที่สัมผัสเข้ากับริมฝีปากของผม... ผมเอานิ้วแตะตรงร่อยรอยที่ถูกกระทำ หน้าผมร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัวเสียยิ่งกว่ากลองทอม แขนขาแทบจะชาไปหมด อย่าบอกผมเสียจูบให้กับนายผีบ้านั่นไปแล้ว...  ไม่!!!!!


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบว่าเจ้าพัตเตอร์นอนหลับไปก่อนแล้ว ท่ามกลางความมืดมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่ยังพอให้แสงสว่างอยู่บ้าง ผมดินไปปิดมันแล้วแทรกตัวลงนอนใต้ผ้าห่มนวมผืนหนาข้างๆเจ้าเด็กนั่นอย่างช้าๆ พยายามให้เกิดเสียงให้น้อยที่สุดเกรงว่าเดี๋ยวจะทำให้เจ้าเด็กนั่นตื่นเอาได้ เอาเป็นว่าคืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าเด็กน้อย


     “พี่ชล วันนี้คุณตาได้เล่าเรื่องคุณยายนวลจันทร์ให้พี่ชลฟังหรือเปล่า” ประโยคคำถามดังมาจากร่างสูงที่นอนอยู่ข้างผม อ้าว ยังไม่หลับหรอกเหรอ

     “อืม”

     “คุณตาก็เคยเล่าเรื่องคุณยายนวลจันทร์ให้ผมฟัง ผมกับคุณตานี่เหมือนกันเลยเนอะ รักเขาอยู่ข้างเดียวจะทำดีให้ตายยังไง เขาก็ไม่รักตอบสักที”



     พัตเตอร์.......






     ♫ได้แต่มองตากันเธอสบตาฉันฉันก็คิดเป็น ตาไม่อาจซ่อนเร้นทุกสิ่งที่เห็น นั่นแหละหัวใจ





TBC

เพลง ภาษาใจ
ศิลปิน สวลี ผกาพันธุ์
http://www.youtube.com/v/hoGwZk6hCUI 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2017 13:11:21 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แล้วคุณนวลจันทร์กับชลเกี่ยวข้องกันยังไง

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชล คือ คุณนวลจันทร์ กลับชาติ มาเกิดหรือเปล่า ??

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ
ติดตามต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
สายชลเกี่ยวข้องกับคุณนวลจันทร์ยังไงน้อ
แล้วเกี่ยวกับเรื่องการช่วยคืนร่างของนะโมหรือเปล่า
นะโม ขี้หึงจริงจัง 555 มีการเอาปากชนปาก ตีตราจองเหรอ
แต่แค่ปากชนปาก เราก็ถือว่าเป็นจุ๊บนะสายชล  :-[
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
สนุกดี อิพระเอกเป็นผีนักฉวยโอกาส

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
เอาใจช่วยให้นะโมได้เข้าร่างเร็วๆ  :L2:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
กว่าจะได้รักกันคุณชลเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้นายนะโมได้กำไรคนเดียว อย่ายอมเสียเปรียบนะคุณชลเอาคืนเขาบ้าง อิอิ

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หรือนะโมจะเป็นนวลจันทร์ งึมๆๆ
ขออย่างเดียวค่ะ ถ้านะโมเข้าร่างได้ อย่าลืมชลนะ
แบบเรื่องเซนนั่นก็ไม่ไหวน่อ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ชลเกี่ยวข้องกับคุณนวลจันทร์ยังไงเนี่ย?


ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกค่าาา รอตอนต่อไป ชลน่ารักก  :katai2-1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
คนอ่านอย่าเพิ่งทิ้งกันไปเด้อ ช่วงนี้ติดงานนิดหน่อย ภายในวันสองวันนี้ตอนใหม่มาแน่นอนค๊าบบ

http://www.youtube.com/v/vvyqoXi3MVw 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด